The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ฐานะของพวกเรา หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ทีมงานกรุธรรม, 2022-07-10 00:39:56

ฐานะของพวกเรา หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

ฐานะของพวกเรา หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

Keywords: ฐานะของพวกเรา หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

กรรมฐานเสอื่ ม มนั เสอ่ื มออกจากตรงไหน
มนั กเ็ สอื่ มจากการไมเ่ ดนิ จงกรม ไมภ่ าวนา
น่ันละ มันไม่ใช่เสื่อมมาแต่ฟ้าแต่แถนเด้
มนั เสอื่ มออกจากหวั ใจนน่ั มแี ตแ่ ลน่ ตามแต่
ของภายนอก จนลมื การเดนิ จงกรมภาวนา



ฐานะของพวกเรา

พระธรรมเทศนาโดย หลวงปู่หลา้ เขมปัตโต
เทศน์อบรมพระ ณ วัดบรรพตครี ี (ภจู อ้ ก้อ)

เมอ่ื วนั ที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๗

จากน้นั มานีก้ ็ ๓๐ ปแี ลว้
พระกรรมฐานทุกวันนี้
มนั ตา่ งจากเก่าปานใด
เรอื่ งพุ ทธาภเิ ษกก็ไม่ไดม้ ใี นสมัยหลวงป่มู ่ัน

ไม่มีใครท�ำ
แกะหแู กะตาพระพุ ทธรูปก็ไมไ่ ด้มี
เรือ่ งจะส่ังญาติส่ังโยมมาประชุมกนั ในวดั

เพื่ อจะจกกระเป๋าเขา
กไ็ ม่ได้มใี นปฏิปทาของหลวงป่มู ่ัน

เพ่ิ นไม่พาท�ำ

4 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

สำ� หรบั หน้าท่ีของพวกเรา
ใหร้ จู้ ักประมาณเจา้ ของ

พวกเราในเรื่องลาภเรื่องยศนี้ เราจะไปเอาหลวงปู่ขาวมา
เทียบมันก็ไม่ถูก เราจะไปเอาหลวงปู่มหามาเทียบมันก็ไม่ถูก
ทา่ นเปน็ ยงั ไงเรากจ็ ะเปน็ อยา่ งนน้ั มนั กไ็ มถ่ กู ฐานะของพวกเรานนั้
มีคนมาท�ำด้วยขนาดนี้มันก็เป็นบุญล้นเกล้าล้นกระหม่อมแล้ว
สมฐานะของพวกเราแลว้

เราจะไปทำ� ตัวเหมอื นหลวงปมู่ หา เหมือนหลวงปอู่ ่อน
หลวงปู่ฝนั้ หลวงปแู่ หวน หลวงปู่ขาว
มนั ก็ไมถ่ กู
นั่นเรยี กว่าไม่ร้จู ักประมาณตวั ว่าอย่างนี้โลด

สำ� หรบั พวกเรานมี้ คี นมากินมาทานดว้ ยเลก็ ๆ นอ้ ยๆ เทา่ น้ี
กส็ มฐานะของพวกเราแลว้ ให้พากนั ตัง้ ใจปฏิบตั เิ พื่อพน้ ทุกขน์ ัน่
อย่าได้ไปวุ่นกับมัน ว่าเราอด พวกเราก็ไม่เห็นว่ามีใครได้ตาบ
ผ้าห่มไปบิณฑบาตสักคน ก็มีแต่ผ้าใหม่เอี่ยมๆ ท้ังนั้นใครก็ดี
วา่ ขาดแคลนนำ้� พวกเรากไ็ มเ่ หน็ วา่ มใี ครไดเ้ ยย่ี วกนิ อยา่ งกบสกั คน
กย็ งั พอมนี ำ�้ ใหก้ นิ อยู่ วา่ อดกฏุ วิ หิ าร กไ็ มเ่ หน็ วา่ มใี ครไดอ้ ยตู่ ากฝน
สกั คน กพ็ อจะมที อี่ ยอู่ ยู่ สว่ นทม่ี นั ไมส่ มประสงคน์ นั้ กเ็ ปน็ เพราะ
ความมักใหญใ่ ฝส่ ูงของพวกเราเองเฉยๆ ว่าอยา่ งน้โี ลด

ห ล ว ง ปู่ ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 5

“ไปบิณฑบาตได้แต่ข้าวเปล่า
กเ็ รียกวา่ ลาภเหลอื เฟือ
พอจะปฏบิ ตั เิ พือ่ พน้ ทุกขไ์ ด้อยู่ดอก”

วา่ อยา่ งนน้ั ทท่ี า่ นวา่ ไวใ้ นอนศุ าสนน์ ะ่ ไดผ้ า้ เปลอื กไม้ (โขมะ)
ก็ดี กปั ปาสิกะ (ผ้าฝา้ ย) โกเสยยะ ผา้ ไหมผา้ แพรก็ดี กัมพละ
ผา้ ทท่ี ำ� ดว้ ยขนสตั วก์ ด็ ี สาณะ ผา้ ปา่ นกด็ ี ภงั คะ ผา้ ทง้ั ๕ อยา่ งมา
ทอเจอื กันอย่างละเล็กละนอ้ ยกด็ ี ก็เรียกวา่ อติเรกลาโภ มีลาภ
สมควรแล้วพอจะปฏิบตั ิเพ่อื พ้นทุกข์ได้อยหู่ รอก ในอนุศาสนน์ ะ่
ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ ทรงอนุญาตให้ไปบิณฑบาตได้ แต่ไม่รู้ว่า
เขาจะให้หรือไม่ให้ ก็เรียกว่าลาภเหลือเฟือแล้วพอจะปฏิบัติเพ่ือ
พ้นทุกข์ไดอ้ ยดู่ อก

สว่ นพวกเรานี้ หากวา่ ไม่มคี นขบั รถจิ๊ป ปดื้ ๆ มา ไม่มีโยม
ใสร่ องเท้าส้นสูงหว้ิ หมอ้ เขียวพรอ้ มพดู “เจ้าค่ะๆ” มาอย่างนี้กจ็ ะ
ปฏิบัตไิ มพ่ อจะพน้ ทุกขเ์ สยี แล้ว มนั เปน็ อยา่ งนน้ี ะทกุ วันน้ี ถอื ว่า
อากาศไม่ค่อยดีแล้ว “อากาศไม่ดีเท่าไหร่เว้ย ย้ายไปหาท่ีใหม่
กอ่ นหรอก” มกั หาข้อมาอ้างเดยี๋ วนี่

กรรมฐานเสือ่ ม มนั เสอ่ื มออกจากตรงไหน
มันกเ็ สื่อมจากการไม่เดนิ จงกรม ไมภ่ าวนาน่นั ละ
มนั ไมใ่ ช่เสื่อมมาแต่ฟ้าแต่แถนเด้
มันเสือ่ มออกจากหวั ใจนนั่

6 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

มีแตแ่ ลน่ ตามแต่ของภายนอก
จนลมื การเดนิ จงกรมภาวนา

อย่างการนอนนี่ก็ผองเอาๆ ตื่นมื้อเช้าจึงค่อยสีหูสีตาไป
บิณฑบาตเลย จะลุกไหว้พระเท่ียงคืนก็ไม่ลุก จะลุกเดินจงกรม
เทยี่ งคนื ก็ไม่ลุก นอนผองเอาๆ จนถึงเชา้ เลย

ฮ่วย ไม่เป็นไป จิตใจน่ะ เด๋ียวหนอ่ ยหนง่ึ กไ็ ปตวู่ ่ามรรคผล
นพิ พานไม่มีแล้วเทา่ น้ันละ

ตอนกลางวันก็นอนหนึ่งนอนสองเหมือนตัวหม่อนน่ี
นอนหนง่ึ ยงั ไง นอนหน่ึงก็นี่แหละ นอนหลังฉันจงั หันแลว้ น่ี แลว้
นอนสองยงั ไง นอนสองกร็ สู้ กึ ตวั แลว้ กน็ อนซำ้� อกี บา่ ย ๓ มาแลว้
กส็ หี สู ตี าแลว้ กถ็ ามหา “มะขามปอ้ มอยไู่ หนฮึ สมออยไู่ หนฮ”ึ เทา่ นน้ั
สีหูสตี าแล้วออกมา ไปไมร่ อดอยา่ งน้ัน ไมเ่ ปน็ ไป จิตใจเป็นหมนั
อยา่ งนนั้ ไมร่ กั ทางจงกรมภาวนา จติ ใจปรงุ แตง่ แตข่ องภายนอกนนู้
มากกวา่ มนั ก็ไมไ่ ด้

“วันน้ีกูขาดทุนตอนกลางวัน ตอนกลางคืนกูก็จะเบิกคืน
ถอยหลัง” ก็ให้คิดบ้างอย่างนี้ “ถ้าหากว่ากูอยู่ทางโลก กูเพียร
เทา่ กบั กเู ปน็ พระตอนน้ี กกู ม็ ไี มพ่ อกนิ เหมอื นกนั นนั่ แหละ กอู ยา่
วา่ กหู นักเลย” ให้คดิ อย่างน้ี “มีไม่พอกนิ พอใช้เหมือนกันนน่ั ละ่
กูต้องขยนั กวา่ น้ี”

ห ล ว ง ป ู่ ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 7

นอี่ ะไรยงั ไมถ่ งึ ๔ ทมุ่ กเ็ รยี กหาพอ่ แลว้ (เสยี งกรน) เทยี่ งคนื
ก็ยังไม่ลุกนะถ้าเป็นอย่างน้ีแล้ว ถ้าวันไหนหลับแต่หัวค�่ำถึงเวลา
เทยี่ งคนื หรอื คอ่ นคนื กใ็ หล้ กุ ขน้ึ แหน่ ลกุ ลา้ งหนา้ ลา้ งตาเดนิ จงกรม
ภาวนาพิจารณาธรรมะธัมโมของตัวเองแหน่ ตื่นตอนเช้าแล้ว
ค่อยท�ำท่าเป็นพระอรหันต์ไปบิณฑบาตเอาเลย มันก็เต็มทีเกิน
อยา่ งนั้น

อยกู่ ับหลวงปู่มัน่ กบั หลวงปมู่ หา
เพิน่ ไมพ่ าสวดมนต์อวดเสียงให้ญาตใิ หโ้ ยมได้ยนิ หรอก
ปฏิปทาของเพ่ินน่ะ

ตรี ะฆงั ประกาศลงสวดมนตอ์ วดเสยี งหลอกกนิ ขา้ วตม้ ขนม
เขาอย่างน้ีไม่มีในปฏิปทาของหลวงปู่ม่ันของหลวงปู่มหาหรอก
ตน่ื ขน้ึ มาตอนตี ๓ หรอื ตี ๔ แลว้ ตรี ะฆงั ไปสวดมนตเ์ พอ่ื จะใหค้ น
ได้ยินแหน่ เพ่ือจะได้กินแจ่วเขาอย่างนี้ ไม่ได้มีในปฏิปทาของ
หลวงปู่ม่ัน หลวงปมู่ หาหรอก

“มนั เป็นเรอ่ื งของพระนักเรยี น
ถ้าเขาไม่ทำ� อย่างน้นั เขาก็ไม่มีเร่อื งปฏบิ ตั ิ
ส่วนพระกรรมฐานเราไมใ่ ชห่ นา้ ที่ที่จะไปทำ� อยา่ งนัน้
เพราะเวลานอ้ ย
ใครชอบสวดมากก็สวดเงียบๆ เอาของใครของมนั
ใครได้แต่นะโม ก็สวดแตน่ ะโมน่ัน

8 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

ใครไดอ้ ิติปิโส กส็ วดแต่อติ ปิ ิโสน่นั
ใครว่าไดแ้ คพ่ ุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ตาม กเ็ อาเทา่ น้นั
แต่ใหห้ นักในการภาวนา” หลวงป่มู ัน่ หลวงปูม่ หา เพิ่นวา่
อย่างนี้
วนั ทเ่ี พนิ่ จะพาสวดรวมกนั นนั้ กว็ นั ลงอโุ บสถ วนั เขา้ พรรษา
เพราะจะไดอ้ ธษิ ฐานเขา้ พรรษาซง่ึ หนา้ กนั กบั วนั มาฆะฯ วนั วสิ าขะฯ
เทา่ นนั้ เหลอื นอกนนั้ กส็ วดใครสวดมนั ละ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งจะไปสวดมนต์
อวดเสยี งหรอก
อยกู่ บั หลวงปมู่ น่ั นะ่ ฉนิ ทฺ โสตํ ปรกกฺ มมฺ หลงั ปาฏโิ มกขน์ ะ่
เพน่ิ กไ็ มพ่ าสวด ในยคุ บา้ นหนองผอื นะ่ ยคุ อน่ื ไมร่ บั รอง พาสวดแต่
บทโอวาทปาฏิโมกข:์
อุททฺ ิฏฺ ํ โข เตน ภควตา ชานตา ปสสฺ ตา อรหตา สมฺมา-
สมฺพุทเธน, โอวาทปาฏโิ มกฺขํ ตหี ิ คาถาหิ,

ขนตฺ ี ปรมํ ตโป ตีตกิ ขฺ า,
นพิ พฺ านํ ปรมํ วทนฺติ พทุ ฺธา,

ฯลฯ
มตฺตญญฺ ตุ า จ ภตฺตสมฺ ึ ปนฺตญจฺ สยนาสน,ํ
อธจิ ิตเฺ ต จ อาโยโค เอตํ พทุ ธฺ าน สาสนนฺต.ิ
แล้วกห็ ยุด ฉินทฺ โสตํฯ ก็ไม่ไดพ้ าสวด ภาสิตมทิ ฯํ กไ็ มไ่ ด้
พาสวด

ห ล ว ง ป ู่ ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 9

แต่หลวงปู่มหาพาสวดยุคบ้านห้วยทราย หลวงปู่มหาเพิ่น
พาลงอุโบสถแต่เช้า เพราะมันไม่มีวัดอื่นมาร่วมด้วย วัดของ
หลวงปกู่ งแกว้ เพน่ิ กล็ งเฉพาะวดั เพนิ่ ไดอ้ รณุ แลว้ เพนิ่ กใ็ หส้ วดเลย
พอสวดปาฏิโมกข์จบก็ได้เวลาไปบิณฑบาตพอดี เปล่ียนวาระ
กนั สวด อาจารยส์ มเปน็ คนแรก แลว้ มาอาจารยส์ ิงหท์ อง แล้วมา
หาเรา แล้วก็ปลัดเพ็ง วนไปวนมาอยู่อย่างน้ี ท่านเพียรยังสวด
ไม่ทันได้

เราไปไดป้ าฏโิ มกขอ์ ยนู่ นู้ อยภู่ เู กต็ พงั งา นนู้ หลวงปเู่ ทสก์
ไล่ให้เราหดั ท่อง คนแรกคอื อาจารยโ์ สม บ้านนาสีดา คนทีส่ อง
คือเรา คนท่ีสามคือท่านอรณุ วนไปวนมา มหา...สวดไมไ่ ดห้ รอก
ปาฏโิ มกขน์ ะ่ เปน็ มหาตายเฉยๆ แลว้ มาอยทู่ นี่ เี่ ราไปสวดเปน็ หลกั
อยู่ ๔ ปีที่วัดบ้านเหล่า หลวงปู่มหาบุญมีกับท่านอาจารย์ค�ำไล่
ใหเ้ ราสวด ทา่ นอาจารย์ค�ำมาอยู่ที่ภคู ้อปีหนง่ึ

กม็ แี ตพ่ วกเราเทา่ นแ้ี หละพ่ีนอ้ งเอ๋ย
นำ้� พ่ึงเรอื เสอื พงึ่ ปา่ ไม่รูจ้ ะวา่ อยา่ งไรละ
อยใู่ กลก้ ัน หนักก็เอาเบากส็ ู้
ตามก�ำลงั สติปัญญาของใครของมนั
พวกเรากพ็ อจะเป็นไปอยดู่ อกในเรอื่ งปจั จัย ๔
ใครอยู่ตรงไหนกพ็ อจะมีใหไ้ ด้ใชส้ อยอยู่
ไม่ใชอ่ ย่ใู นข้นั อดอยาก

10 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

ก็เหลือแค่ให้พากันต้ังใจปฏิบัติตามก�ำลังของใครของมัน
เท่าที่จะเป็นไปได้เท่าน้ันละ อย่างอื่นมันไม่มีเรื่องอะไรที่พอจะ
ทำ� ใหข้ ดั ขอ้ งเทา่ ไหรน่ ะเดยี๋ วน้ี นอกเสยี จากวา่ เราจะมกั ใหญใ่ ฝส่ งู
เองเท่านั้น หากพวกเรามกั ใหญ่ใฝ่สงู อย่างนทิ านอง่ึ อา่ งน่ะ ก็ไมร่ ู้
จะวา่ อย่างไรแล้ว เบ่งท้องมากเกิน ท้องก็แตกตายเท่านนั้ แลว้

ฐานะของพวกเรามนั กพ็ อจะปฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปไดอ้ ยู่ กฏุ วิ หิ าร
ก็มีพอได้อยู่ทุกท่านทุกคน น้�ำก็มีพอได้ใช้ทุกท่านทุกคน แล้ว
พวกเราก็ไม่ได้จัดการจัดงานข้ึนในวัดในวาเพื่อจะหาเงินสิบเงิน
ห้าอะไร มันก็พอจะเปน็ ไปอยู่ดอก สงิ่ ที่จะเอาไปด้วยได้กค็ อื การ
ภาวนานล้ี ะ สว่ นอย่างอ่ืนทีเ่ ราท�ำ มันก็พอจะเอาด้วยได้อยใู่ นสง่ิ
ทไ่ี ม่นอกเหนือจากธรรมวนิ ยั

สำ� หรบั ฐานะของพวกเรานน้ั
มญี าติโยมมาเกย่ี วขอ้ งดว้ ยขนาดน้กี เ็ อาละ
เพราะสมฐานะกบั พวกเราแลว้
ถ้าเขาปฏบิ ัตกิ ับพวกเราดีกว่านไ้ี ปอกี
มนั กไ็ มส่ มกบั ฐานะพวกเราเหมือนกันนนั่ แหละ
และเขากไ็ ม่ยอมทำ� เหมือนกันนน่ั แหละ
ว่าอยา่ งนโี้ ลด

พอไดก้ นิ พอไดข้ ใ้ี สถ่ านกเ็ อาละพนี่ อ้ งเอย๋ ใครเคยภาวนาอะไร
ก็ให้ภาวนาอันนั้นละ หากว่าเราเป็นผู้หนักในด้านธรรมะแล้ว

ห ล ว ง ปู ่ ห ล้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 11

ปจั จยั ๔ มนั คอ่ ยเปน็ มาเองดอก ถา้ เราหามนั เกนิ ไป มนั กไ็ มค่ อ่ ย
จะมมี านะทนี ี้ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งทจ่ี ะไปหา ไมใ่ ชเ่ รอื่ งทจี่ ะแสวงนะสงิ่ เหลา่ น้ี
หากแสวงหาเกินไป มนั ก็ไม่ค่อยมมี าซ�ำ้ เดย๋ี วนี้

ถา้ เราปฏบิ ัติเพ่ือพ้นทุกขใ์ นวัฏสงสาร
แล้วมนั ค่อยเป็นมาเองดอก
เพยี งพอทเี่ ราจะกินจะใช้
พอได้อย่สู บื วันไปอยู่ดอก

เห็นวา่ ท่านมรี ถ เราก็อยากมี เห็นทา่ นมีเรอื เราก็อยากมี
เห็นท่านสร้างโรงพยาบาล เราก็อยากสร้างอย่างท่าน อย่างนั้น
ขาหวิดดนิ ตาย (ล้มไมเ่ ปน็ ท่า) เท่านน้ั แหละ

อนั นน้ั มนั เปน็ เรอื่ งของทา่ น ทที่ า่ นทำ� กท็ ำ� สมฐานะของทา่ น
หากทา่ นไมท่ ำ� มนั กไ็ มถ่ กู เพราะมนั ไดม้ าโดยเปน็ ธรรม ทา่ นทำ� สม
กับฐานะของท่าน พวกเราถา้ อยากเป็นอย่างนน้ั ก็ขาหวดิ ดินตาย
เท่านน้ั

เห็นหลวงปู่แหวนสร้างโรงพยาบาลเท่านั้นช้ันเท่าน้ันตึก
เหน็ หลวงปมู่ หาสรา้ ง เรากอ็ ยากจะสรา้ ง “กผู หู้ นง่ึ พอ่ อศี รผี หู้ นง่ึ
คือกนั ละ” อยา่ งนั้นกต็ ายโลด ขาหวิดดินตายโลดอย่างน้ัน

กรรมฐานทงั้ หลายมนั รวมกนั อยหู่ มดแลว้ ทมี่ นั ไมย่ อมรวม
กแ็ ตจ่ ติ ของเรานแ่ี หละ ความตายมนั กร็ วมลงเปน็ หนงึ่ แลว้ จะตาย

12 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

ต้ังหมื่นต้ังแสนต้ังล้านต้ังโกฎิติ่วสลิวต๋ิวเป็นนิ้วช้างสามปีเย่ียว
ไมอ่ อกกต็ าม มนั กร็ วมลงเปน็ ตายอนั เดยี วเทา่ นน้ั เสมอกนั อยา่ ง
หน้ากลองชัย ความแกก่ เ็ หมือนกัน สัพพะแก่ ก็รวมลงมาเป็น
หนึ่งแกใ่ นปัจจบุ นั เทา่ นั้นละ

คณุ พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ทกุ ๆ พระองคท์ ลี่ ว่ งไปแลว้
ก็ดี ทจ่ี ะมาในอนาคตข้างหน้าก็ดี กร็ วมมาเปน็ เอกคุณในปจั จุบัน
น้ีละ จะมากมายเท่าใดกม็ ารวมลงเป็นหน่ึงเทา่ น้ัน ความไม่มัน่
ไม่เที่ยงทว่ั ไตรโลกธาตุท้งั อดตี ทั้งอนาคตทง้ั ปจั จุบัน มันก็มารวม
ลงเปน็ หนง่ึ ในปจั จบุ นั เทา่ นน้ั ละ ความเปอ่ื ยความเนา่ กเ็ หมอื นกนั
รา่ งกระดกู กเ็ หมอื นกนั มนั จะมตี ง้ั หมนื่ รา่ งลา้ นรา่ งโกฏริ า่ งกต็ าม
มนั กร็ วมมาเปน็ หนง่ึ กระดกู ตามสมมตุ นิ น่ั ละ่ ธาตดุ นิ กเ็ หมอื นกนั
มนั จะมเี ทา่ ไรกต็ าม มนั กม็ ารวมเปน็ หนง่ึ ในปจั จบุ นั คอื เอกปฐวธี าตุ
เท่านน้ั ว่าอย่างน้ีโลด

สงั ขารทงั้ หลายมันจะมเี ท่าใดก็ตาม
มันกม็ ารวมในปัจจบุ นั เปน็ เอกสงั ขารเท่านนั้ ละ
เกิดขน้ึ แปรปรวนแลว้ แตกสลายไป

มันจะเกิดข้ึนแปรปรวนแล้วแตกสลายไปตั้งหม่ืนต้ังแสน
ต้ังล้านต้ังโกฎิต่ิวสลิวต๋ิวเป็นน้ิวช้างสามปีเย่ียวไม่ออกอย่างท่ีว่า
มาแล้วก็ตาม มันก็มารวมอยู่ในปัจจุบันท้ังหมดนั่นล่ะ ถ้าเรา
ไมพ่ จิ ารณาอยา่ งนี้ เรากจ็ ะเกดิ ความสงสยั ขนึ้ อนจิ จงั ทกุ ขงั อนตั ตา

ห ล ว ง ป่ ู ห ล้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 13

ก็เหมือนกัน มรรคผลนพิ พานกเ็ หมือนกนั ต่างก็มารวมเป็นหนง่ึ
เทา่ นัน้ ละ ศลี สมาธิ ปญั ญา กร็ วมเปน็ หนง่ึ ในปจั จุบนั เทา่ นนั้ ละ

จะเปน็ ศีลชัน้ ไหนกต็ าม เปน็ ศลี ของพระโสดาบัน
สมาธิของพระโสดาบนั ปญั ญาของพระโสดาบัน
กม็ ารวมเป็นหนึง่ ในปัจจบุ ันเหมอื นกัน
ชั้นพระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์
กเ็ หมอื นกัน ถา้ ไมร่ วมลงเปน็ หน่ึงแล้วไม่ได้ ไมใ่ ช่
อยา่ งนั้นภาวนาเรียงแบบ (ยดึ ต�ำรา)
ไม่สนิ้ ความสงสัย

ข้อวัตรภายนอกอย่างใดที่มันเกิดมีมา อย่าได้ไปเก่ียงกัน
ใครจะปรุงจะแต่งขึ้นก็ตาม ถ้ามันเป็นประโยชน์ต่อพระพุทธ-
ศาสนาน่ะ ที่มันไม่เป็นเสี้ยนเป็นหนามน่ะ ให้พากันท�ำช่วยกัน
อยา่ กลวั วา่ จะเสยี เปรยี บกนั นเ้ี รอ่ื งหนง่ึ นบ่ี างคนเหน็ วา่ ผนู้ อ้ ยเปน็
คนแตง่ ขน้ึ เหน็ ผนู้ อ้ ยรเิ รมิ่ ขน้ึ แตเ่ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สว่ นรวม เราเปน็
ผู้ใหญ่เลยไม่อยากยอมท�ำตามเขา อย่างน้ีมันก็ไม่ถูก ถ้ามัน
เปน็ ประโยชน์ เราก็ช่วยเขาท�ำดว้ ยโลด อยา่ งหน่ึงผูใ้ หญเ่ ปน็ คน
รเิ รม่ิ ขน้ึ เราเหน็ วา่ มนั เปน็ ประโยชน์ ไมไ่ ดก้ ระทบกระเทอื นอะไร
ก็ใหเ้ รารีบชว่ ยท�ำเลย เปน็ การเอาหูเอาตาเปน็ พระวนิ ยั

กงิ กฺ รณเี ยสุ ทกขฺ ตา ความขยนั เอาใจใสใ่ นกจิ ธรุ ะของเพอื่ น
ภกิ ษุสามเณร

14 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

ธมมฺ กามตา เป็นผใู้ ครใ่ นธรรมท่ชี อบ
วริ ิย เพยี รเพอ่ื จะละความชั่ว ประพฤตคิ วามดี
สนฺตุฏฺี มีความสันโดษยินดีในผ้านุ่งผ้าห่ม ท่ีน่ังที่นอน
และยารักษาโรคทมี่ มี าตามมีตามได้
สติ ระลกึ จำ� การทท่ี ำ� และคำ� ท่พี ดู แมล้ ่วงไปนานแลว้ ได้
ปญฺ า รอบรูใ้ นกองสงั ขารตามความเปน็ จริงอย่างไร

กถาวัตถุ คอื ถอ้ ยค�ำท่คี วรพูด ๑๐ อยา่ ง
อปฺปจิ ฺฉกถา คอื ถอ้ ยค�ำท่ีชกั นำ� ให้มีความปรารถนานอ้ ย
สนตฺ ฏุ ฺ กิ ถา ถอ้ ยคำ� ทชี่ กั นำ� ใหย้ นิ ดใี นสนั โดษในปจั จยั ตาม
มีตามได้
ปวิเวกกฺ ถา ถอ้ ยค�ำที่ชักนำ� ให้ยินดใี นความสงัดกายสงดั ใจ
อสงฺสคฺคกถา ถ้อยค�ำท่ีชักน�ำให้ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ
หมายความว่าใหร้ ู้จักหลบไปเดนิ จงกรมรูจ้ ักภาวนา ไมใ่ ช่รู้จกั แต่
คยุ กนั สงุ สงิ ๆ กอกยาเกย้ี วงอ่ น รจู้ กั หลบรจู้ กั หลกี รจู้ กั เดนิ จงกรม
รจู้ กั ภาวนา รจู้ กั การรจู้ กั งาน รจู้ กั เวลา เดย๋ี วนน้ี ำ�้ สะดวกแลว้ จะอาบ
อยกู่ ุฏิของใครของมันกไ็ ด้ ไม่จ�ำเปน็ จะสงุ สิงกนั อยู่แหง่ เดยี ว

การงานทมี่ นั เกดิ ขน้ึ จะเปน็ งานหนกั กต็ อ้ งชว่ ยกนั อยา่ พากนั
มองดเู ฉยๆ มนั กเ็ ปน็ ประโยชนแ์ กส่ งั คมของพวกเรานน่ั ละ รบี ทำ�
ใหม้ ันเสรจ็ ชว่ ยเหลอื อะไรได้ เราก็ช่วยในส่งิ ท่ีไม่นอกเหนือจาก
ธรรมวนิ ยั จะเปน็ ไรไป ถงึ จะเปน็ งานของใครกด็ ี ชว่ ยกนั คนละไม้

ห ล ว ง ป่ ู ห ล้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 15

คนละมอื งานมนั กเ็ สรจ็ หรอก ใหม้ นั เปน็ ทเี่ บาใจของครบู าอาจารย์
อย่างน้ันสิ มนั จึงจะถูก

เรอื่ งบางเรอื่ งทส่ี งฆไ์ มเ่ หน็ พรอ้ มดว้ ย แตเ่ ปน็ ความประสงค์
ของครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ผู้เป็นเถระในหมู่น้ันไมใ่ ชว่ ่าทา่ น
จะตอ้ งฟงั สงฆใ์ นทกุ ๆ เรอ่ื งนะ เชน่ วา่ หากตอนไหนหมสู่ งฆไ์ มเ่ ปน็
ธรรมล่ะ ทา่ นกไ็ มเ่ อาด้วยเหมือนกันนน่ั ล่ะ จะวา่ อย่างไรละ

สงฆใ์ นสังคมนัน้ ๆ รบั รองตวั เองไดห้ มดแลว้ หรือยังวา่ เป็น
ธรรมทกุ อยา่ งเหนอื ครบู าอาจารย์ สงฆร์ บั รองไดแ้ ลว้ หรอื ยงั ถา้ สงฆ์
รบั รองไดแ้ ลว้ ครบู าอาจารยท์ า่ นกย็ นิ ดที ำ� ตามทกุ ๆ อยา่ ง วา่ อยา่ งน้ี
โลด ทนี เ้ี รอื่ งไหนทที่ า่ นเหน็ ควร แตส่ งฆท์ งั้ หลายไมเ่ หน็ ดว้ ย แตเ่ รอื่ ง
ทที่ า่ นเหน็ ควรนน้ั มนั ไมไ่ ดน้ อกเหนอื จากธรรมวนิ ยั สงฆก์ จ็ ำ� ตอ้ ง
ปฏิบัตติ ามความเห็นของครบู าอาจารยน์ ้นั ก็เถระประสงค์น่ันไง
มอี ยู่ จะวา่ อยา่ งไรอีก

“ภิกษุใดเปน็ ผูใ้ หญ่เปน็ ประธานในสงฆ์
เคารพภกิ ษนุ ั้น เชอื่ ฟังถอ้ ยคำ� ของทา่ น”

ในอปรหิ านยิ ธรรม กม็ อี ยนู่ น่ั ไง เชน่ เรอื่ งนส้ี งฆพ์ รอ้ มเพรยี ง
ไม่เห็นดว้ ย แต่พระเถระท่านเห็นว่าควรท�ำ ถ้าเรอื่ งไหนที่ท�ำตาม
พระเถระแลว้ เปน็ เรอ่ื งทผี่ ดิ ธรรมผดิ วนิ ยั เรอ่ื งนน้ั กไ็ มค่ วรทำ� ตาม
เรื่องไหนท่ีไม่ผิดธรรมผิดวินัย แต่เป็นเพราะทิฏฐิมานะของ

16 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

พวกเราเองน้ัน เรื่องน้ันมันก็ต้องท�ำตามความประสงค์ของ
พระเถระน้นั กเ็ ถระประสงค์น่นั ไงมันมีอยู่

เรือ่ งเหล่านเ้ี ป็นหน้าทีข่ องหมูจ่ ะรู้จักนะ
ไม่ใช่ว่าทกุ ๆ เร่ือง
สงฆต์ อ้ งเหน็ พร้อมหมดเสียก่อน
แลว้ พระเถระจึงตอ้ งปฏิบตั ิตามน้นั
เพราะทา่ นก็มีสิทธิพ์ จิ ารณาในทกุ ๆ เรื่องอยู่เหมอื นกนั
สิง่ ท่ีไมน่ อกเหนอื จากธรรมวนิ ัยทุกอยา่ ง
ทา่ นสามารถบอกกลา่ วได้อยู่
พวกทข่ี อนสิ ัยกับท่าน
ถ้ามีใครฝนื กเ็ ป็นอาบตั ทิ กุ กฎ

อยา่ งเราบอกใหข้ ยายศาลาออกอีกอย่างนี้ หมู่ก็ไม่ค่อยจะ
เห็นดีด้วย แต่พอท�ำเสร็จแล้วก็ไม่อดแต่ของท่ีเอามาเก็บเด้ น่ัน
มันผิดธรรมวินัยตรงไหน เราบอกให้ต่อตรงนี้ออกไปอีกแหละ
หมู่ก็ไม่อยากจะเห็นดีด้วยเท่าไหร่นัก ถึงไม่เห็นดีด้วยก็จ�ำเป็น
ตอ้ งไดท้ ำ� ตามเพราะความประสงคข์ องผมมี พอทำ� เสร็จแลว้ ก็ใช้
เกบ็ ของสงฆเ์ ด้ล่ะ

ยกตัวอย่างดอกที่ว่า ก็เพราะท่านมองเห็นว่ามันเป็น
ประโยชน์ ทา่ นถงึ ได้ให้ทำ� น่ะ เรากไ็ ม่ใช่ผีบา้ ว่ะ อย่างตอนอยู่กบั
หลวงปมู่ ่นั นะ่ พวกผมทำ� ถานถวายท่านถึง ๔ ถานนู้น

ห ล ว ง ปู่ ห ล ้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 17

การบวชไม่ใชเ่ รื่องง่ายๆ
“บักนี้เป็นคนขค้ี รา้ น เอามันไปบวชซะ”
โอ้ย หยุดๆ อย่ามาพดู อย่างน้ี
ใครวา่ คนขค้ี ร้านจะมาบวชได้
ต้องตื่นดึกลกุ เชา้ ไหว้พระเจ้าสวดมนต์

พวกสิ่งของที่น�ำเอามาใช้แล้วก็ตาม อันไหนท่ีมันน่าจะ
เสียหาย อยา่ งถา้ เห็นพวกแก้วน�้ำหรอื อะไรๆ ทว่ี างไวต้ รงท่ีน่าจะ
ตกแตกอยา่ งนี้ มันกต็ อ้ งเก็บใหด้ หี น่อย ในพระวนิ ัยก็บอกไว้อยู่
พระวินยั สอนไวห้ มดแหละพวกเหลา่ นี้

อ้ังโล่ก็ตาม ถ้าวันไหนฝนท�ำท่าว่าจะตกแล้วก็ต้องช่วยกัน
จดั เกบ็ พวกจอบพวกเสยี มกเ็ หมอื นกนั ใชเ้ สรจ็ แลว้ ตอ้ งลา้ งกอ่ น
จงึ คอ่ ยเอามาเก็บ อยู่กับหลวงปมู่ นั่ หลวงปมู่ หา ตอ้ งลา้ งกอ่ นนะ
ของพวกนไี้ มล่ ้างไม่ได้ เสยี มกเ็ หมือนกนั ต้องล้าง ยังมดี ินตดิ อยู่
อยา่ งน้ีไมไ่ ด้ เพ่นิ ถามวา่ “ใครทำ� ๆ” เลยละ แล้วต้องเก็บให้เป็นท่ี
เวลาจะใชต้ อ้ งใหร้ วู้ า่ สงิ่ นอี้ ยทู่ นี่ นั่ ทน่ี ี่ ถงั ตกั นำ้� กเ็ หมอื นกนั ถงั ทเ่ี ปน็
สงั กะสไี มใ่ ชเ่ ปน็ สงิ่ ทจี่ ะเอาไปตกั นำ้� แชไ่ วค้ นื หนง่ึ สองคนื หลวงปมู่ น่ั
หลวงปมู่ หา ดใุ หเ้ ลย ตง้ั ถงั ตกั นำ้� ทงิ้ ไวบ้ นพน้ื ดนิ กไ็ มไ่ ด้ ตอ้ งหาไม้
หาอะไรมารองไว้

“ใชไ้ มเ่ ปน็ ก็อยา่ ใช้
ของสงฆย์ ง่ิ ตอ้ งเคารพมากกวา่ ของตวั เอง” เพนิ่ วา่ อยา่ งน้ี

18 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

เรอ่ื งเหลา่ นแ้ี หละสำ� คญั เชอื กกเ็ หมอื นกนั ถา้ วนั ไหนซกั ผา้
ซกั แพรแลว้ ตากแหง้ แลว้ กท็ ง้ิ ไวอ้ ยา่ งนนั้ แลว้ หาคนจะกเู้ กบ็ กไ็ มม่ ี
มนั กไ็ ม่ถกู อยา่ งน้ี เพราะไมเ่ คยศึกษามา ถา้ ตากเสรจ็ แล้วทกุ ผู้
ทกุ คนแลว้ เชอื กตอ้ งกเู้ กบ็ ใหเ้ รยี บรอ้ ย เชอื กตากผา้ ทไี่ มต่ อ้ งกเู้ กบ็
นัน้ คอื เชอื กลวดทีไ่ มเ่ ป็นสนิม

เรื่องเหลา่ นไ้ี ดศ้ ึกษาหมดนะ
อยู่กับหลวงปู่มั่น หลวงปู่มหานะ่

อยา่ งตากผา้ เอาไวอ้ ยา่ งน้ี พอถงึ เวลาจะเกบ็ ผา้ เราจะมาดงึ
รวบมาเลยอยา่ งนไี้ มไ่ ด้ เวลาจะพลกิ ผา้ กต็ อ้ งจบั เขยา่ ๆ คอ่ ยๆ ดงึ
มาอย่างนจ้ี งึ คอ่ ยพลกิ เราจะไปดงึ รวบมาเลยทเี ดยี วไมไ่ ด้ มนั ถูก
อย่างท่ีท่านสอนหมด เพราะท่านเอาตามพระวินัยมาบอกสอน
บางคนนดี้ งึ ลากมาเลย ผา้ มนั กข็ าดนะสิ การดงึ ผา้ กระชากมาเลย
ทีเดยี วอยา่ งน้ี ทา่ นปรบั เป็นอาบัตทิ กุ กฎ ท่านใหเ้ อามือจบั สลดั
ค่อยๆ แล้วค่อยดึงมาอย่างนี้ (หลวงปู่ท�ำให้ดู) เวลาพลิกผ้าก็
เหมอื นกนั ไม่ใชว่ ่าจะดงึ กระชากมาเลย ไดเ้ รยี นใหม่หมดแหละ
เรอ่ื งเหล่าน้ี

ถงั เกบ็ นำ�้ ปลอ่ ยใหย้ งุ เขา้ ไปไขใ่ สก่ ไ็ มไ่ ด้ ทา่ นกด็ ใุ ห้ ฝาปดิ ถงั
ถา้ ไมม่ กี ใ็ หจ้ ดั ทำ� อยา่ ปลอ่ ยใหย้ งุ เขา้ ไปไขใ่ ส่ ถา้ ยงุ ไขใ่ สแ่ ลว้ หาท่ี
จะเทนำ�้ กไ็ มม่ ี ถา้ ฝนไมต่ กกห็ าทเ่ี ทนำ้� กไ็ มม่ ี นำ�้ มตี วั สตั ว์ หา้ มเอา
ไปรดหญา้ และดนิ น่นั ไงเปน็ อาบัติปาจิตตยี ์ นำ�้ มีตัวสัตว์ บริโภค

ห ล ว ง ป ู่ ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 19

น้�ำนั้นเป็นอาบัติปาจิตตีย์ ถังน�้ำต้องปิดฝาให้ดี ถังน�้ำล้างเท้า
กเ็ หมอื นกนั ถงั นำ้� ทใี่ ชต้ ามกฏุ กิ เ็ หมอื นกนั ตอ้ งมฝี าปดิ ใหเ้ รยี บรอ้ ย
อย่าให้ยุงเข้าไปไข่ใส่ได้ ถ้ายุงมันไข่ใส่แล้ว ต้องเอาไปเทตรงท่ี
ทม่ี นี ำ�้ ขงั อยู่ อยา่ เทใสด่ นิ หรอื หญา้ นำ้� มตี วั สตั วเ์ อาเทลงใสด่ นิ หรอื
หญ้าเป็นอาบตั ปิ าจติ ตยี ์ มันมอี ยูใ่ นพระวินยั

ขอนยุงขอนยางมนั กไ็ มเ่ ขา้ ตาแล้ว
เรือ่ งเล็กๆ น้อยๆ เหล่าน้แี หละ
ที่มันเข้าหเู ขา้ ตาเราแลว้ ท�ำให้มองไมเ่ หน็ ทาง
ขอนยุงขอนยางคืออะไร กป็ าราชิกกับสงั ฆาทิเสส

สมมตุ วิ า่ เรามลี าภมยี ศ ไปทางไหนกเ็ หยยี บแตก่ องเงนิ กองคำ�
ตน่ื ขน้ึ มากม็ แี ตค่ นมาแหแ่ หน เอาเสลยี่ งคำ� นนู่ มาแหแ่ หน ไปทางไหน
กม็ ีคนพนมมอื นบไหวจ้ นมอื เป็นหงอน แตก่ เิ ลสของเรานะ่ ไมย่ ุบ
ลงเสียเลย แล้วเราจะได้อะไร ให้คิดอย่างนี้สิ ถ้ากิเลสของเรา
ไมย่ อมถอยออก ถา้ เรายงั เพลดิ เพลนิ อยใู่ นวฏั สงสารอยู่ ไปทางไหน
กเ็ หยยี บแตก่ องเงนิ กองคำ� รถเขากเ็ อามาให้ ๑๐ คนั ๒๐ คนั ๑๐๐ คนั
ไม่อดไม่อยาก แต่กิเลสของเรายังไม่ลดยังไม่ถอยยังไม่อิดหนา
ระอาใจในวัฏสงสาร มีแต่ติดกับติด มีแต่เพลินกับเพลิน มีแต่
สนั กระโดดเขา้ ใส่ แลว้ เราจะไดอ้ หิ ยงั กไ็ ดแ้ ตเ่ ปรตนน่ั แลว้ ตายแลว้
กเ็ ปน็ เปรตอยแู่ ถวนน้ั แหละ วา่ มนั อยา่ งนโ้ี ลด ไมใ่ ชส่ นั โดษ แตเ่ ปน็
สันกระโดดเข้าใส่ ปากกดั มือคาบ แล้วเราจะได้อหิ ยงั ล่ะ

20 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

มีคนมานับหน้าถอื ตา
มื้อหนึ่งๆ สหิ วั มาเฝา้ เก้าหวั มาโฮม
กองเงนิ กองค�ำเต็มแผน่ ดินแผน่ ฟ้า
แตค่ วามเห็นภยั ในวัฏสงสารของเราไม่มี
มแี ตเ่ พลินใส่อยูแ่ ล้วเราจะไดอ้ ิหยงั
กไ็ ดแ้ ตก่ เิ ลสนน่ั แลว้ มแี ตก่ เิ ลสกบั กเิ ลสนน่ั แหละบวกกนั
มแี ตเ่ ปรตกับเปรตบวกกัน
วชิ าเปรตบวกกัน วชิ าท่องเทีย่ วในวัฏสงสาร
มันกผ็ กู บวกเข้าอีก ว่ามันอยา่ งนโ้ี ลด

พวกเราก็รู้กนั ดอี ยูแ่ ล้วว่า ปจั จัย ๔ น่ะ มไี ว้ส�ำหรบั เพื่อ
ประพฤติพรหมจรรยเ์ พ่อื พ้นทกุ ข์เฉยๆ เทา่ น้ันนะ

ปัจจัย ๔ เมอื่ มคี รบบรบิ ูรณแ์ ลว้ แตก่ ็ยังจะไดป้ ระพฤติ
ปฏิบัติอีกอักโขอยู่ ไม่ใช่ว่ามันจะพ้นทุกข์จากกิเลสเลยทันที
ทไ่ี หน มปี จั จยั ๔ ครบบรบิ ูรณ์แลว้ จะพ้นจากกิเลสทนั ทเี ลย
อย่างนม้ี นั ไม่ใช่เด้

จวี รกบ็ รบิ รู ณแ์ ลว้ เสนาสนะกบ็ รบิ รู ณแ์ ลว้ เภสชั กบ็ รบิ รู ณแ์ ลว้
บิณฑบาตก็บริบูรณ์แล้วอย่างนี้ ก็ใช่ว่ามันจะพ้นจากกิเลสเลย
ถ้าเราไมภ่ าวนา ถา้ เรายังไม่เห็นภยั ในวัฏสงสารแลว้ มันไม่พน้ นะ
ถา้ อยา่ งนน้ั เศรษฐเี ขากเ็ ปน็ พระอรหนั ตก์ นั หมดแลว้ เขายงิ่ มเี ยอะ
กว่าพวกเราอีก

ห ล ว ง ป ู่ ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 21

ใหร้ ักเวลาเสียดายเวลา
ให้ถอื วา่ พญาเพชฌฆาตนะ่
พญามัจจรุ าชนุ่งผา้ แดงถอื ดาบเลอื่ มพาบๆ
เลง็ ดาบลงที่คอเราแลว้
ไม่รูว้ ่าเขาจะบน่ั คอเราตอนไหน
ให้คิดอย่างนี้

การพิจารณาความตายก็ได้ก�ำลังอยู่ พิจารณาพร้อมกับ
ลมหายใจเขา้ ออกกด็ ี พรอ้ มกบั กา้ วบาทเดนิ กด็ ี พรอ้ มกบั กวาดตาด
ก็ดี กไ็ ด้ก�ำลังจติ ก�ำลังใจ ทำ� ใหไ้ มน่ อนใจในวัฏสงสาร ถ้าเราเห็น
ความตายพร้อมกับลมหายใจเข้าออกแล้ว ท�ำไมมันถึงยังจะ
นอนใจอยู่ได้มนุษย์นี่ มันไม่นอนแล้ว ก็เพราะมันไม่เห็นน่ันซิ
มันถึงได้นอนใจ มนั จึงไดล้ ืมตนลืมใจลืมธรรม มนั จงึ ท�ำใหจ้ ิตใจ
เป็นหมัน ก็เพราะมันไม่เห็นน่ะสิ ถ้ามันเห็นอย่างไม่มีกลางวัน
กลางคืนแล้ว มนั จะนอนใจไดห้ รือ

จะกรรมฐานใดๆ กต็ าม จะเปน็ กองทกุ ขงั กเ็ หมอื นกนั จะเปน็
กองอนจิ จงั กเ็ หมอื นกนั จะเปน็ กองเปอ่ื ยเนา่ กเ็ หมอื นกนั เชน่ เหน็ วา่
เปื่อยเน่าไม่มีกลางวันกลางคืนอย่างนี้แล้ว มันจะไว้ใจอะไรใน
วฏั สงสารอนั นี้ มนั กจ็ ะตดิ อะไรพอทีจ่ ะแกะไม่ออก ถา้ มันเห็นว่า
โลกนเี้ ตม็ ไปดว้ ยรา่ งกระดกู ไปทไ่ี หนกเ็ หยยี บแตร่ า่ งกระดกู ทงั้ เกา่
ท้ังใหม่ ถ้ามันเห็นอย่างน้ีไม่มีกลางวันกลางคืนอย่างน้ีมันเห็น

22 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

ติดหูติดตาติดใจเห็นตดิ สญั ญาอยู่ อสุภสญั ญาน่ะ กเิ ลสมันกจ็ ะ
รวมพลมาจากไหนอกี นกั หนาแท้ มนั กไ็ มม่ าแลว้ เหน็ คณุ พระพทุ ธ
พระธรรม พระสงฆ์ ที่ได้สั่งสอนไม่ให้มาท่องเท่ียวในวัฏสงสาร
เพราะมนั เปน็ ทกุ ขอ์ ยา่ งนอ้ี ยา่ งไมม่ กี ลางวนั กลางคนื อยา่ งน้ี มนั ก็
จะติดอะไรพอที่แกะไม่ออก มันก็ยังมีน้�ำพอที่จะล้างออกได้อยู่
นน่ั ละ่ ไมใ่ ชว่ า่ มนั จะตดิ จนแกะไมอ่ อก ไมใ่ ชว่ า่ มนั จะถอนไมอ่ อกเลย
เพราะตะปยู งั มีสภาพดอี ยู่ ยงั ไมท่ นั ขนึ้ สนมิ มันถอนไดอ้ ยู่ จะมี
อายยุ นื เปน็ หม่นื ปีก็ตาม แตก่ ็ตอ้ งตายด้วยกนั ชาติละคร้งั เท่านนั้
แตจ่ ติ ใจไมใ่ หย้ อมตายออกจากศลี จากธรรมจากมรรคผลนพิ พาน
ให้สมัครเขา้ ควิ นี้

ควิ มาเกดิ ในวฏั สงสารน่ีมนั เขา้ มามากตอ่ มากแล้ว
จะมาเขา้ ตอนไหนมันกเ็ ขา้ ได้
ให้สมัครเข้าคิวในการพ้นทุกข์ในวัฏสงสารโดยด่วนใน
ปจั จบุ ันชาตินนู้
ถ้าวา่ “ในอนาคตขา้ งหนา้ โนน้ เทอญๆ” อย่างนี้
ก็ให้ทราบเสยี ว่าบารมขี องเรานนั้ ยังออ่ นอยู่มาก
ยังใช้ไม่ได้
ถ้าเรายังไม่เล่ือมใสในทางพ้นทุกข์ในวัฏสงสารในชาติ
ปัจจุบนั เสยี แลว้
กใ็ หท้ ราบเถดิ ว่า เราน่ยี ังหนาอยู่ ยงั หยาบอยู่
อยา่ ไปปล่อยให้มนั หยาบ

ห ล ว ง ปู่ ห ล ้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 23

ใหพ้ ากนั เรง่ เขา้ เครอื่ งทดสอบมนั มอี ยอู่ ยา่ งนี้ จะทำ� อะไรก็
ลว้ นแตม่ เี ครอ่ื งทดสอบหมดนนั่ แหละ เขาปรงุ แกงเขากย็ งั ตอ้ งชมิ
ดวู า่ จางหรอื เคม็ การปฏบิ ตั ขิ องเรากใ็ หช้ มิ ดู ไมอ่ ยากมาเปน็ พอ่ คา้
รา่ งกระดกู อกี ไมอ่ ยากมาเปน็ พอ่ คา้ ทกุ ขอ์ กี ไมอ่ ยากมาเปน็ พอ่ คา้
หนงั อกี หนงั ทห่ี มุ้ อยโู่ ดยรอบนไ้ี มอ่ ยากมาหลงหนงั อกี ไมอ่ ยากมา
หลงรา่ งกระดกู อกี ไมอ่ ยากมาหลงตบั ไตไสพ้ งุ อกี ไมอ่ ยากมาหลง
กินหลงข้ี ไม่อยากมาหลงเกิด ไม่อยากมาหลงแก่ ไม่อยากมา
หลงเจบ็ ไมอ่ ยากมาหลงตายอกี เพราะแพใ้ หค้ วามหลงมาหลายภพ
หลายชาตแิ ล้ว

จะต่อสู้กบั ความหลง ด้วยพระมหาสติ พระมหาปัญญา
ด้วยข้อวัตรปฏบิ ัติ

จะไม่ยอมหมอบอยู่หน้าเดียว ไมย่ อมหลงอยู่หน้าเดยี ว
ไม่ยอมนอนใจอย่หู น้าเดยี ว เพราะไดเ้ หน็ แล้ว
เห็นกองทุกข์ในวฏั สงสารเตม็ อกแลว้
ไมใ่ หใ้ ครมาโกหกได้อกี

ไมอ่ ยากยอม ไม่ยอม สมัครต่อสกู้ บั สงครามกับความหลง
สงครามโลภ สงครามโกรธ สงครามหลง มอี ยู่เทา่ ใดจะต่อส้มู ัน
อยใู่ นเมอื งจติ เมอื งใจน้ี มเี ทา่ ไรกจ็ ะสู้ จะเอาทหารสติ ทหารปญั ญา
ทหารศลี ทหารสมาธิ ทหารปญั ญา เขา้ บุกรบกนั อยู่ในใจน้แี หละ
ชนะก็ชนะกันอยู่ในนี้แหละ แพ้ก็แพ้กันอยู่ในเมืองใจน้ีแหละ

24 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

แว่นส่องทางก็ส่องอยู่ในเมืองใจน้ีแหละ ธรรมเป็นคู่แข่งขันก็
แข่งขนั กันอยู่ในเมอื งใจนี้แหละ เมืองโลภเมอื งโกรธเมอื งหลงมา
ตงั้ อยใู่ นใจนี้ เรากจ็ ะเอาเมอื งศลี เมอื งสมาธิ เมอื งปญั ญา มาตงั้ ลง
ในใจนเ้ี หมือนกนั มันจอง เราก็จะจองเหมอื นกนั จะจองเป็นแต่
มนั หรอื

สมรภูมิก็คือจติ ใจนแ่ี หละ
สมรภูมิภายนอกก็คือเสนาสนะป่าท่ีเงียบสงัดตามที่จะ
แสวงหาได้ตามกำ� ลงั
สมรภูมิภายในก็คือจิตใจน่แี หละ
ต่อสู้กนั อยใู่ นที่นแ้ี หละ รบกนั กับความหลงอยนู่ ีแ่ หละ
ทะเลหลงก็อยนู่ ่แี หละ ข้ามกข็ า้ มทีน่ ่แี หละ
ทะเลโลภทะเลโกรธทะเลหลงอยตู่ รงนแ้ี หละ จะขา้ มกข็ า้ ม
กันในนี้แหละ

เรอื กเ็ อาอยใู่ นนแี้ หละ แพกเ็ อาทนี่ ่ี ยาโอสถกเ็ อาทน่ี ี่ ไฟโลภ
ไฟโกรธไฟหลงไหมเ้ มอื งใจ กจ็ ะเอานำ้� ทเ่ี มอื งใจนแ่ี หละมาดบั ไมไ่ ด้
ไปดบั ทอี่ น่ื นะเดย๋ี วน้ี พระเจา้ แผน่ ดนิ เรากไ็ ดเ้ ปน็ แลว้ กม็ แี ตด่ นิ อยู่
ในรา่ งกายนธี้ าตดุ นิ เจา้ แผน่ นำ้� กม็ แี ตน่ ำ�้ เลอื ดนำ้� หนองอยขู่ า้ งในนี้
เจ้าแผ่นไฟก็มีแต่ธาตุไฟอยู่ในนี้ เจ้าแผ่นลมก็มีแต่ลมอยู่ในนี้
ไดเ้ ป็นมาหมดแล้ว ไมไ่ ด้กลวั วา่ คนอ่ืนจะไดเ้ ปน็ ยิ่งกวา่ ตน ไมว่ า่
เจา้ แผน่ ดนิ เจา้ แผน่ ฟา้ เจา้ แผน่ ลม หายใจเขา้ ออกกเ็ ปน็ เจา้ แผน่ ลม

ห ล ว ง ป่ ู ห ล ้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 25

เหมอื นกนั ตดออกดากก็เปน็ เจ้าแผน่ ลมเหมือนกัน เจา้ แผ่นฟ้า
ก็แหงนมองดูท้องฟ้าทุกวันอยู่น่ันเด้ เจ้าแผ่นดินก็เหยียบดินอยู่
ทุกวนั น่ันเด้ นน่ั เป็นดนิ ภายนอก ฟา้ ภายนอก ดนิ ภายในมนั ก็มี
อยู่แล้ว ธาตุดนิ น�ำ้ ไฟ ลม ประชมุ กันเรยี กว่ารปู รปู ขันธ์ กข็ นั
ไปหาแก่ ขันไปหาเจบ็ ขันไปหาตาย ไมม่ ีกลางวนั กลางคนื ไมม่ ี
ยามหยุดยามหยอ่ นยามผนั อะไรเลย

วินาทไี หนทีม่ นั หยุดไม่แก่ มไี หม
หยดุ ไม่เจ็บ หยุดไมใ่ กล้เข้าส่คู วามตาย
มีวินาทไี หนทีม่ ันหยดุ ให้
มีแต่มนั ขยับเขา้ ๆ หมดท้ังหมดนนั่ แหละ

พญาจติ ราชขบั รถคนั นมี้ าทอ่ งเทยี่ วในวฏั สงสารมานานแลว้
ทีน้ีจะหยุดแล้วจะเข็ดจะหลาบแล้ว ไม่อยากมาเทียวสงสารอีก
ไมอ่ ยากมาขบั รถคนั นอี้ กี ขบั รถรา่ งกระดกู ขบั รถขนขี้ กเ็ ปน็ พญา
จิตราชน้ีแหละเป็นผู้ขับ ขับเกวียนขนขี้น่ะ ขับไปขับมาร่างกาย
ก็แตก

พญาจติ ราชถา้ ยงั ไมท่ นั เขด็ หลาบ ไมท่ นั เบ่ือหน่าย กไ็ ปหา
สร้างเอาใหม่ เพ่ือมาขับรถร่างกระดูกแข่งกันอยู่ในวัฏสงสารนี้
ขบั รถขนขแ้ี ขง่ กนั อยใู่ นน้ี จะพดู วา่ โลกทง้ั หมดนพ้ี ากนั หลงขกี้ ถ็ กู
ถ้าไม่หลงข้ีมันก็ไม่หลงกิน ถ้าไม่หลงกินก็ไม่หลงข้ีเหมือนกัน
นั่นละ ถ้าไม่หลงเกิดก็ไม่หลงตาย ถ้าไม่หลงตายก็ไม่หลงเกิด

26 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

ความหมายเดยี วกนั นนั่ ละ ถา้ ไมห่ ลงไดก้ ไ็ มห่ ลงเสยี ถา้ ไมห่ ลงคณุ
ก็ไม่หลงโทษ

ประพฤติตามคุณของพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์
มันเปน็ สขุ กา้ วหน้าเด้
คณุ ของพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ นน้ั จะนบั แตช่ น้ั ไหน
ขึ้นไป นับแต่พระโสดาบันขึ้นไป สุขในพระโสดาบัน สุขใน
พระสกทาคามี สขุ ในพระอนาคามี มนั เปน็ สขุ กา้ วหนา้ เด้ สขุ เพอ่ื
จะขา้ มจากทุกขท์ ้ังปวงเด้
สขุ ทตี่ ำ่� กวา่ น้นั ลงมา กำ� หนดไม่ได้นะ
เพราะหลายบางท ี
เปน็ สุขวนสขุ เวียน สขุ วนเวยี นไตข่ อบดง้
กค็ อื ทกุ ข์วนเวียนไตข่ อบด้งน่ันล่ะ
สขุ ในธรรมของพระพุทธเจา้
ทีเ่ ป็น อริยธมฺเม ิโต นโร น้นั
ผ่าศูนยก์ ลางออกไปเลย
ไมใ่ ชส่ ุขวนสุขเวียน ไมใ่ ช่ทกุ ข์วนทกุ ขเ์ วยี น
ถา้ เป็นทุกข์กเ็ ป็นทุกข์เพื่อจะออกไปจากทุกข์
ถ้าเป็นสขุ ก็สุขเพ่ือจะออกจากทกุ ข์
ไม่ใชท่ กุ ขว์ นทุกขเ์ วยี น ไมใ่ ช่สขุ วนสุขเวยี น

ห ล ว ง ปู ่ ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 27

การปฏิบตั กิ ็มีทกุ ข์อยู่บา้ ง เพราะหิวขา้ วกระหายนำ้� ได้ใช้
ความอตุ สา่ หพ์ ยายาม ไดใ้ ชค้ วามเพยี รเหลา่ น้ี เปน็ ทกุ ขเ์ พอื่ จะออก
จากทกุ ขเ์ ด้ ไมใ่ ชท่ กุ ขว์ นทกุ ขเ์ วยี นเด้ ทกุ ขใ์ นวฏั สงสารทต่ี ำ�่ กวา่ นน้ั
ลงมาทไ่ี มย่ ินดีในพระนพิ พาน เรียกว่าทุกขว์ นทุกข์เวียน

การไมย่ นิ ดีในการออกจากวฏั สงสาร
เรียกวา่ ทกุ ข์วนทุกขเ์ วียน
เรยี กวา่ สุขวนสุขเวยี น
แตค่ วามจรงิ แทแ้ ล้วมนั ไม่มสี ขุ เสยี เลย หากแต่บญั ญัตเิ อา
เฉยๆ ความเป็นจรงิ แล้วไม่มสี ขุ หรอก
ในโลกนี้มันจะมีสุขอย่ทู ่ีไหนเทา่ เม็ดงาขาร้นิ
มันไมม่ หี รอก
ถ้ามนั มสี ขุ เทา่ เม็ดงาขาร้ินแลว้
พระอรยิ เจ้าก็ไปไหนไม่ได้
เพราะวญิ ญาณปฏิสนธิก็ไปจบั อยูต่ รงนนั้
ทา่ นเหน็ วา่ ในโลกนี้
มนั เปน็ ทุกขเ์ สมอหน้ากลองชัยทงั้ หมด
วญิ ญาณปฏสิ นธขิ องทา่ นจงึ ไมม่ ี วญิ ฺ าณํ วญิ ฺ าณปจจฺ ยา
นามรูปํ นามรูปปจฺจยา ของท่านจึงไม่เป็นปัจจัย ฉฬายตนํ
ฉฬายตนปจจฺ ยา ผสั สะของทา่ นกไ็ มเ่ ปน็ ปจั จยั เพราะเหน็ กองทกุ ข์

28 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

แน่ชัดแล้ว ท่านหลุดไปแล้ว พระอริยเจ้าท่านแข่งดีกับโลกเพ่ือ
จะออกจากโลก ไมใ่ ชท่ า่ นแข่งดเี พ่ือจะอยู่ในโลกเพือ่ แยง่ ทเ่ี ขาอยู่
ทา่ นแขง่ ดกี บั ความโลภความโกรธความหลงของทา่ น เรยี กวา่ แขง่
ดกี บั โลก แขง่ เพือ่ จะออกหนี ไม่ส้ไู มเ่ ล่นดว้ ย อเสวนา จ พาลานํ
ไม่คบกับขณะจิตที่มันเป็นพาลเป็นหลง จิตใจที่มันเล่ือมใสใน
วัฏสงสารอยู่นั่น เรียกว่าจิตพาลจิตหลง ไม่ใช่จิตของบัณฑิต
จติ ทเี่ หน็ ภยั ในวฏั สงสารจงึ เปน็ จติ ของบณั ฑติ ปณฑฺ ติ านญจฺ เสวนา
เปน็ จติ ทค่ี วรบชู าควรอนโุ มทนา ปชู า จ ปชู นยี านํ เอตมมฺ งคฺ ลมตุ ตฺ มํ
จงึ เป็นมงคลอนั อดุ มดี

ได้มาแบกกลดสะพายบาตรแลว้ โกนผมแล้วดว้ ย
ไดเ้ ดินจงกรมปรอ๋ ฉันในบาตรปร๋อ
แลว้ อย่าได้พากันถอยหลังอกี ไม่ตอ้ งถอยหลัง
ถอยหลงั กถ็ อยไปหาตายนน่ั ละ่

อนตุ ตฺ รสงคฺ าโม คอื สงครามแก่ สงครามเจบ็ สงครามตาย
ถ้าถอยหลังก็ถอยมาหาตายคือเก่าน่ันแหละ อนุตฺตรสงฺคาโม
สงครามอนั ยง่ิ สงครามโลภ สงครามโกรธ สงครามหลง กใ็ ช่ สงคราม
แก่ สงครามเจบ็ สงครามตาย กใ็ ช่ สวนสทุกข์แก่ สวนสทกุ ขเ์ จ็บ
สวนสทกุ ขต์ าย กใ็ ช่ สวนสทกุ ขโ์ ลภ สวนสทกุ ขโ์ กรธ สวนสทกุ ขห์ ลง
กใ็ ช่ วฏั สงสารแก่ วัฏสงสารเจบ็ วัฏสงสารตาย กใ็ ช่ เพราะโลภ
โกรธหลงมนั เป็นตวั พชื มันเป็นขา้ วปลูก ใหท้ ำ� ลายขา้ วปลกู มัน

ห ล ว ง ปู่ ห ล้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 29

การไม่ยนิ ดีในโลกในวฏั สงสาร
เรยี กวา่ ทำ� ลายข้าวปลกู
การเหน็ ภยั ในโลกในวฏั สงสาร
เรยี กว่าท�ำลายข้าวปลกู
ถา้ ยังเพลนิ อยนู่ ้ันไม่เรยี กวา่ ทำ� ลายขา้ วปลูก
เรยี กวา่ ยงั เก็บเช้ือท่ีจะพาไปเกดิ ไวอ้ ยู่ วา่ อย่างนี้โลดวะ่

หลวงปมู่ หาเพนิ่ เปน็ เหมอื นเพญ็ เตม็ ดวงแลว้ หลวงปแู่ หวน
กเ็ หมอื นกนั เปน็ ดง่ั พระจนั ทรเ์ ตม็ ดวง เตม็ ทง้ั อามสิ เตม็ ทง้ั ธรรมะ
พวกท่านเต็มหมดแล้ว น่ันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของใครของมัน
คิดดูพระอัญญาโกณฑัญญะน่ะ ท่านไปอยู่ในป่าโน้น ท่านเป็น
ผไู้ มม่ ลี าภเดพ้ ระโกณฑญั ญะนะ่ หนิ ยอ้ มผา้ นพ่ี ระโกณฑญั ญะเด้
เปน็ ผพู้ ายอ้ ม ดนิ แดงยอ้ มผา้ นะ่ หลวงปมู่ นั่ เคยเอามาเทศนบ์ อ่ ยๆ
พระโกณฑญั ญะละ่ ทพี่ ายอ้ ม ยอ้ มใสก่ ระบอกหนิ เรากเ็ คยไดย้ อ้ ม
คราวอยทู่ ถ่ี ำ้� ผาแดน่ นะ่ ฝนหนิ ใสก่ ระบอกหนิ แลว้ กย็ อ้ มผา้ ซกั กใ็ ช้
กระบอกหิน ถ�้ำผาแด่นแต่ก่อนไม่ใช่ธรรมดาเด้ มีเสือมีสางมี
สารพัดเด้ ไมเ่ หมอื นถ้ำ� ผาแด่นในทุกวันนหี้ รอก

หากจติ ใจมนั ตอ้ งการพน้ ทกุ ขใ์ นวฏั สงสารนะ่ ปญั หาอะไรๆ
มนั มไี มม่ ากดอกเวย้ มนั แกข้ องมนั เอง พรบั๊ ๆ เลย แตห่ ากวา่ จติ ใจ
ยงั อยากแขง่ ดอี ยใู่ นโลกนแี้ ลว้ ปญั หาหลาย หากจติ ใจของเราหวงั
พ้นทุกข์ในวัฏสงสาร ปัญหามีไม่มากหรอก อะไรเกิดขึ้นมาก็

30 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

กลายเปน็ เรอ่ื งเบาหมด เพราะเราขา้ มมนั ไปหมดแลว้ เด้ แมจ้ ะได้
เงนิ มาเตม็ แผน่ ฟา้ แผน่ ดนิ มนั กเ็ ปน็ เรอื่ งเบา แมจ้ ะอดอยากจนไมม่ ี
ใครใส่บาตรให้ มันก็เป็นเรื่องเบา ว่าอยา่ งน้โี ลด ข้อนส้ี �ำคัญที่สดุ

ผูเ้ ห็นภยั ในวฏั สงสารอยา่ งเตม็ ท่ี
ก็คอื ผู้ดับเพลินในวฏั สงสารอย่างเต็มทนี่ นั่ แล้ว
ความยนิ ดใี นธรรมชนะความยนิ ดที ง้ั ปวง เราพจิ ารณาทกุ ข์
เปน็ อารมณอ์ ยอู่ ยา่ งน้ี สมทุ ยั มนั ละไปเองมนั มรรคมนั กเ็ จรญิ ไป
เองในตวั นิโรธกก็ ระทำ� ใหแ้ จ้งไปในตวั
ไม่ใช่ว่าจะมาเจริญทุกข์ก่อนแล้วจึงค่อยมาเจริญสมุทัย
จงึ คอ่ ยมาเจรญิ มรรค จงึ คอ่ ยมาเจรญิ นโิ รธ มนั ไมใ่ ชป่ ฏบิ ตั อิ ยา่ งนน้ั
พิจารณาทุกข์อันเดียว สมุทัย ความทะเยอทะยานในวัฏสงสาร
มนั ก็ยุบตัวลง มนั กเ็ ป็นมรรคคือข้อปฏบิ ตั ไิ ปในตัว มนั กก็ ระทำ�
ให้แจ้งในขันธสันดานไปในตัว จะให้ว่ายังไงอีก ที่มันไม่แจ้งใน
ขันธสันดาน ก็เพราะมันยงั เพลนิ อยู่ในโลก จะวา่ ยงั ไง
ถา้ มันเหน็ ภัยในวฏั สงสาร
เปน็ เหมือนกบั หลุมถา่ นเพลิง
ทงั้ ในอดีตท้งั ในอนาคตทัง้ ในปัจจบุ นั น้แี ล้ว
ใครจะมาโกหกมันไดอ้ ีกในโลกอนั นี้
นอกเสียจากจิตใจมนั จะโกหกมันเองเทา่ นั้นละ

ห ล ว ง ปู่ ห ล ้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 31

หลวงปู่ม่ันเล่าให้ฟังคราวอยู่ที่บ้านหนองผือว่า มีผู้มาถาม
ปญั หาเพน่ิ ในคราวผกู ลกู นมิ ติ วดั โพธสิ มภรณค์ รง้ั แรก ตอนนนั้ เรา
ไดเ้ ลอื่ ยไมอ้ ยเู่ ด้ เราเปน็ เณรมหานกิ ายอยู่ อายุ ๑๘ ปี เราไดเ้ ลอื่ ย
ไมข้ ื่อ ท่านแบ่งมาใหแ้ ต่ละวดั วัดละ ๔๐ ท่อน ไม้ยาว ๖ เมตร
พระอุปัชฌาย์เราพาไปเลื่อย เราอายุ ๑๘ ปี

พอถงึ เวลาฝงั ลกู นมิ ติ หลวงปมู่ น่ั มาในงานดว้ ย เพนิ่ นน่ั แหละ
เล่าให้ฟัง สมัยนนั้ เรายงั ไม่รเู้ รื่องรรู้ าวอะไรแหละ เจ้าคณุ ปญั ญา-
พศิ าลเถรกบั สมเด็จพระมหาวรี วงศน์ ่ะเปน็ คนถาม

เจา้ คณุ : ทา่ นมนั่ ทา่ นอยผู่ เู้ ดยี ว ทา่ นไปฟงั เทศนก์ บั ทา่ นผใู้ ด
มีใครเทศนใ์ ห้ทา่ นฟัง

หลวงปมู่ ั่น : ขอโอกาสพระเดชพระคณุ ขา้ น้อยนี้ไมช่ นะ
จะฟงั เทศนด์ อก จะฟงั กณั ฑล์ มหายใจเขา้ ออกกไ็ มอ่ ด จะฟงั กณั ฑ์
รา่ งกระดกู กไ็ มอ่ ดทจ่ี ะฟงั จะฟงั กณั ฑห์ นงั หมุ้ อยโู่ ดยรอบนก่ี ไ็ มอ่ ด
ทจี่ ะฟัง

เจ้าคุณ : อย่าว่าไปมากความหลายแหม๊พวกเราน่ะ
มนั ขาดทนุ เด้ (ขายหนา้ ) เรานะ่ อยา่ ไปซกั ไซรเ้ ธอมาก เรามนั จะ
ขาดทุน

สมเด็จ : โอ้ เธอรจู้ ักฟัง เธอฟังเป็น

32 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

หลวงปมู่ ัน่ : นง่ั ฟงั ทัง้ คนื ก็ยังได้ข้านอ้ ย ยืนฟงั ก็ได้ เดนิ ฟงั
ก็ไดข้ า้ นอ้ ย ฟงั เทศน์นะ่

เจา้ คุณ : ทีนเี้ รอ่ื งกสิณนอกกสิณในน้ี มนั เปน็ อยา่ งไร
เรื่องนี้หลวงปู่มหาเพิ่นไม่ได้เขียนลงในชีวประวัติหลวงปู่
ม่นั ดอก เราไปอ่านแล้วไมเ่ หน็
หลวงปมู่ นั่ : เรอ่ื งกสณิ นอกกสณิ ในนี้ พหทิ ธากสณิ นนั้ ขอยก
ไว้ก่อนเนาะข้าน้อย ข้าน้อยขอพูดไปตามท่ีข้าน้อยได้ปฏิบัติมา
จกั ถกู จักผิดกไ็ ม่รู้
โอทาตกสณิ ข้าน้อยก็เพ่งกระดกู ทเี่ ป็นสีขาวๆ นั่น
โลหิตกสิณ ขา้ น้อยก็เพ่งเลือด
นลี กสณิ สเี ขยี ว ขา้ นอ้ ยกเ็ พง่ นำ้� ดที มี่ อี ยใู่ ตต้ บั เราน่ี ทไ่ี มอ่ ยู่
ใต้ตับก็ซมึ ซาบอยู่ทว่ั รา่ งกาย เวน้ ผม ขน เลบ็ ฟัน กระดูก ที่มัน
เปน็ ของแข็งเสีย
ขา้ นอ้ ยเพ่งกสิณอยภู่ ายในนี้ ขา้ น้อยไมไ่ ดเ้ พง่ ออกนอก
เจา้ คณุ : พวกเรานม่ี แี ตจ่ ะขาดทนุ เด้ พอๆ อยา่ ไดซ้ กั ไซเ้ ธอ
มากไปเด้ พวกเราน้ีมีแต่เอาต�ำรามาอ้างกัน ซึ่งมันเป็นหนังสือ
ภายนอก สว่ นเธอนะ่ พดู หนงั สอื ภายใน เอา้ กด็ เี หมอื นกนั พวกเรา
ก็จะไดม้ คี วามรดู้ ว้ ย

ห ล ว ง ปู่ ห ล ้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 33

หลวงปูม่ ่นั : ข้านอ้ ยสนุกฟังเทศน์

ธมั มจักฯ กอ็ ย่ใู นน้ี มหาสมยั สูตรก็อยภู่ ายในนี้
อาทิตตปรยิ ายสตู รก็อยู่ในนี้ อนตั ตลักขณสตู รกอ็ ยู่ในน้ี
ในสูตรกายสูตรวาจาสูตรใจนมี้ คี รบหมด
ข้านอ้ ยไมไ่ ด้สงสยั ว่าตนไม่มอี าจารย์เด้เดยี๋ วน้ี
ความแก่ ความเจ็บ ความตาย แต่ละอย่างๆ
ตา่ งกเ็ ป็นอาจารย์หมดท้งั น้นั
สอนให้เราได้เหน็ อยตู่ ลอดเวลา

ปวดอจุ จาระปสั สาวะเหลา่ นก้ี เ็ หมอื นกนั มแี ตอ่ าจารยส์ อน
ให้เราเข็ดหลาบในวัฏสงสารทั้งนั้นข้าน้อย น่ังอยู่ก็ปวดเกล้า
เวยี นหวั เหลา่ นี้ นง่ั หายใจเขา้ ออกอยเู่ หลา่ นี้ ตา่ งกเ็ ปน็ อาจารยส์ อน
ใหเ้ ราเหน็ ทกุ ขท์ ง้ั นน้ั ขา้ นอ้ ยไมไ่ ดค้ ดิ วา่ เราอยหู่ า่ งจากอาจารยเ์ ด้
ขา้ นอ้ ยมีความคิดอยา่ งนี้

สมมตุ วิ า่ มผี ทู้ เี่ ขารกั ษาศลี ๕ อยขู่ อบฟา้ นนู้ แตเ่ รากไ็ มเ่ คย
เหน็ หน้ากนั สักครั้ง อกี คนหน่ึงก็รักษาศีล ๕ อย่ใู นประเทศไทย
อกี ผหู้ นง่ึ กร็ กั ษาศลี ๕ อยใู่ นพรหมโลก ในเทวโลกกม็ ี หรอื ทขี่ อบฟา้
แดนดินใดก็มี ข้าน้อยก็ถือว่าคนเหล่านั้นต่างก็เป็นหมู่เพื่อน
เดียวกันอยู่นะ ไม่จ�ำเป็นว่าจะต้องมาเห็นหน้าเห็นตากันดอก
เรยี กวา่ เปน็ มติ รกนั เปน็ ญาตธิ รรมกนั อยเู่ ด้ ทนี พ้ี วกโจรพวกผรู้ า้ ย
ท่ีเขาลักขโมยอยู่ขอบฟ้าแดนดินนู้นกับอีกผู้หน่ึงลักขโมยอยู่ใน

34 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

เมอื งไทยนี้ โดยไมเ่ คยเหน็ หนา้ ตากนั สกั ครง้ั แตพ่ วกเขากไ็ ดช้ อื่ วา่
อยู่ใกล้ชิดกันโดยอกุศลกรรมเด้ นั่นเรียกว่าเป็นหมู่เป็นเพื่อน
ของเขาเหมอื นกนั ขา้ นอ้ ยคดิ อยา่ งน้ี คำ� วา่ หมคู่ ำ� วา่ เพอ่ื นน้ี ขา้ นอ้ ย
คดิ วา่ ไมจ่ ำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งมาอยใู่ กลๆ้ กนั ออเซาะออมซอมกนั ดอก
ใครประพฤตติ วั ดอี ยทู่ ไี่ หนกต็ าม กเ็ รยี กวา่ เปน็ หมเู่ ปน็ เพอ่ื นกนั อยู่
โดยธรรมเด้ ขา้ น้อย

เจ้าคุณ : โอย้ วา่ ไปหลาย พวกเรากย็ ่ิงขาดทนุ หลาย

พวกเราก็เหมือนกันนั่นล่ะ ผู้ท่ีปฏิบัติเพ่ือพ้นทุกข์ใน
วฏั สงสารมอี ยปู่ ระเทศอเมรกิ านนู้ แมจ้ ะไมเ่ คยเหน็ หนา้ เหน็ ตากนั
สกั ครงั้ กต็ าม กเ็ รยี กวา่ หมเู่ ดยี วกนั เรยี กวา่ ญาตมิ ติ รญาตธิ รรมกนั
เหมอื นกนั หรอื ใครท่ีมาคอยล้างกระโถนใหเ้ ทา่ น้นั จึงจะเรียกว่า
หมเู่ ดียวกนั อยา่ งนน้ั หรอื เราพดู ไปอย่างนีเ้ ดเ้ รา

คำ� ว่าสายน้ันสายนี้กด็ ใี นพระกรรมฐานนะ่
เราก็เพ่งิ จะไดย้ ินไม่นานมานีล้ ะ
สมยั อยู่กบั หลวงปู่มัน่ นนั้ ไม่ได้ยนิ วา่ สายน้ันสายน้ีดอก

สายอาจารย์นั้นสายอาจารย์น้ี อย่างนั้นอย่างน้ีเรียกกัน
แต่ก่อนก็ได้ยินเพียงว่าสายมหานิกายก็สายอาจารย์ทองรัตน์กับ
สายหลวงป่มู ัน่ เทา่ นัน้ ละ ส่วนทุกวนั น้ี พันอาจารย์กม็ ีพันสายนะ
เดยี๋ วนี้ เราละหนกั ใจอยขู่ อ้ นี้ สายไหนกต็ ามเถอะ เรานะ่ ไมอ่ ยาก

ห ล ว ง ปู ่ ห ล ้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 35

เรียกว่าสายน้ันสายนี้ “คนนั้นก็ลูกศิษย์ข้า คนนี้ก็ลูกศิษย์ข้าๆ
โยมคนนนั้ โยมคนนก้ี ล็ กู ศษิ ยข์ า้ ” เรานไ่ี มก่ ลา้ พดู พดู ไมไ่ ด้ ใหต้ วั
ของเขาเองโนน้ เปน็ คนพดู แลว้ กไ็ มร่ วู้ า่ เขาจะวา่ ยงั ไงกไ็ มร่ ู้ ทกุ วนั นี้
เขาไม่ได้มาอยู่กับเราขอนิสัยจากเราแล้ว ไม่รู้ว่าเขายังจะเป็น
ลูกศิษย์ของเราหรือเปล่าไม่รู้ ให้เขาเป็นคนพูดเอง เราน้ีไม่พูด
ใหเ้ จา้ ตัวเขาพดู เอง

กบั อกี เรอื่ งหนง่ึ ปจั จยั ๔ จวี ร บณิ ฑบาต เสนาสนะ และเภสชั
ทไ่ี ดม้ มี านน้ั พดู ลกึ ลงไปอกี ไดน้ อ้ ยกเ็ ปน็ ของพระองคเ์ จา้ ไดม้ าก
ก็เป็นของพระองค์เจ้า เขาเอามาให้มากก็เป็นของพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ เขาเอามาใหน้ อ้ ยกเ็ ปน็ ของพระพทุ ธ พระธรรม
พระสงฆ์ ของเราไมม่ ี นข้ี อ้ หนง่ึ ไม่ได้ยนิ ใครพดู หรอก แตเ่ รา
พูดเองขอ้ น้ี ไมร่ ู้ว่าผิดหรอื ถกู แตเ่ ราหากถืออย่างนนั้

เขาเห็นแกห่ นา้ ของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โนน้
เขาจงึ เอามาให้
ได้นอ้ ยกเ็ ปน็ ของท่าน ไดม้ ากกเ็ ปน็ ของทา่ น

ถึงแม้เวลาเราเกิดหลง มันก็ต้องพลิกมาหาข้อนี้แล้วจะ
แจง้ จา่ งปา่ งโลด (เบาลง) เวลามนั ไมม่ สี ตนิ ะ่ พอพลกิ กลบั มาขอ้ นี้
แจง้ จา่ งปา่ งโลด ถา้ ถอื วา่ ลาภกขู องกอู ยา่ งน้ี เวลามนั ไดม้ าก เราก็
จะติดอยู่ พอเวลามันไม่ได้ เราก็จะเสียใจหากถือว่าเป็นของเรา
ใหย้ กเปน็ ของพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ โนน้ ทรพั ยส์ นิ ทงั้ หมด

36 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

ในไตรโลกธาตุน้ีเป็นของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หมด
เป็นเมืองขน้ึ ของพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ หมด

พุทธในท่ีนี้ หมายถงึ อรหัตพุทธ
ธรรมในทน่ี ้ี หมายถงึ อรหตั ธรรม
สงฆใ์ นที่นี้ หมายถงึ อรหัตสงฆ์
ท่านเหลา่ นนั้ ทา่ นไดท้ ้ิงหมดแลว้ เดส้ ิ่งเหล่าน้ี
เปน็ ของเก่าท่านหมดเลย

เหมอื นนำ�้ ลายของเราน่ีแหละ ถม่ ทงิ้ แลว้ เราก็ไมเ่ สียดาย
อยากจะเอามากลนื กนิ หรอก แตก่ เ็ ปน็ นำ�้ ลายของเรา นำ�้ ลายคนนน้ั
นำ้� ลายคนนกี้ ย็ งั วา่ อนั นก้ี เ็ หมอื นกนั ทรพั ยท์ งั้ หลายในไตรโลกธาตุ
นเ้ี ปน็ ของพระอรยิ เจา้ ทง้ั หมด ทา่ นวางแลว้ ทา่ นปลอ่ ยแลว้ ทา่ นเหน็
วา่ มนั ไมม่ น่ั ไมเ่ ทยี่ ง พวกเราอปุ มาเหมอื นหมหู่ นอนทม่ี าแยง่ กนั กนิ อยู่
แยง่ กนั กนิ นำ�้ มกู นำ้� ลายของพระองคเ์ จา้ พระธรรม พระอรยิ สงฆ์

เมอื่ เปน็ เชน่ นนั้ เวลาไดม้ านอ้ ยเรากไ็ มต่ ดิ อยู่ เรากไ็ มเ่ สยี ใจ
เพราะมีข้อแก้อยู่ เม่ือเวลามันได้มากเราก็ไม่ดีใจ ไม่ติดอยู่
เหมอื นกนั นน่ั คำ� วา่ มาก ของเรานน้ั มนั เปน็ ของนดิ เดยี วสำ� หรบั ทา่ น
เงินหมื่นของเรามันมีค่าเท่ากับ ๓ สตางค์ส�ำหรับหลวงปู่มหา
เรียกมากส�ำหรับเราเงินหมื่นน่ะ แต่มันเป็น ๓ สตางค์ส�ำหรับ
หลวงปู่มหา พูดตามสมมตุ ิ

ห ล ว ง ปู่ ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 37

เมอ่ื พจิ ารณาลงอยา่ งนแ้ี ลว้ เมอ่ื ไดม้ านอ้ ยเรากไ็ มร่ อ้ นเพราะ
มีข้อแก้ เพราะเคยได้พิจารณาไว้แล้ว เวลามันได้มากก็ไม่ติด
เพราะมขี อ้ แกอ้ ยู่ มขี ้อท้งิ อยู่ มีข้อมอบให้ทา่ นอยู่ หลวงปู่ม่นั เคย
พูดเร่อื ยอยู่

“อยกู่ ุฏิวิหารของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆแ์ ลว้
เวลามดปลวกขึน้ กไ็ ล่มันลงแหน่ตี้ ไม่ใช่ของเรา
ของพวกเรามแี ตก่ เิ ลสเท่านน้ั เอง ไล่ลงแหนต่ ้ี
อาศยั ของทา่ นอยู่แลว้ กินของทา่ นแล้ว ใชข้ องท่านแล้ว
ไมข้ ดี ไฟก้านหนึ่งก็เปน็ ของทา่ น
เพราะเขาเหน็ แกห่ นา้ คา่ ตาของทา่ น เขาจงึ คอ่ ยเอามาให”้
“เปน็ เพราะกศุ ลของศลี ทานเกา่ ของเราทไ่ี ดท้ ำ� เอาไว้ เขาจงึ
ไดเ้ อามาให้”
“ขอ้ นกี้ จ็ รงิ อยู่ แตว่ า่ ถา้ พจิ ารณามาถงึ เพยี งน้ี กเิ ลสของเรา
มันกม็ ีทางเพิม่ มากขึน้ อกี เหมือนกัน”
หลวงปมู่ นั่ เพนิ่ วา่ อยา่ งนี้ เหมอื นพระมหากจั จายนะนนั่ แลว้
ตอนไปอยู่กรงุ อชุ เชนี มคี นมาถึงท่านว่าเปน็ สรณะ
“ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระมหากัจจายนะว่าเป็นที่พ่ึงว่าเป็น
สรณาคมนอ์ ันประเสริฐ”

38 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

“เออ อยา่ มาถงึ เราเปน็ สรณะเลย ใหถ้ งึ พระพทุ ธ พระธรรม
พระสงฆ์นูน้ มันจึงจะไดบ้ ญุ มาก”

ท่านเปน็ ถึงพระอรหนั ต์แล้วเด้ ท่านยังพดู อย่างน้นั หากว่า
เป็นพวกเรา มคี นมาถงึ ตนว่าเป็นสรณาคมนอ์ ยา่ งน้ี จะไมว่ า่

“แม่นกูบฮ่ สึ ู”
จะไม่วา่ อย่างนีห้ รือ จมกู ปึง่ แงบๆ พวกเราทมี่ กี ิเลสอยนู่ ี่
“โอ้ กนู เี่ กง่ ปานนเ้ี ด้ มผี มู้ าถงึ กวู า่ เปน็ ไตรสรณคมน์ แมน่ กู
บ่ฮสึ ู”
นั่น พระกัจจายนะไม่เป็นอย่างที่ว่านี่เด้ น่ันภูมิของ
พระอรหันต์เห็นไหม ท่านก็ยังมอบใส่คุณพระพุทธ พระธรรม
พระสงฆอ์ ยู่
อย่างชูพงษ์นั่นแหละ มันว่ามันจะมาถามเอาความผิดเรา
“ทเี่ ขาท�ำใหด้ ๆี อย่างน้ี เปน็ บญุ วาสนาของใคร”
เราเลยตอบ
“เป็นบญุ วาสนาของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
วาสนาของญาตขิ องโยม ของครบู าอาจารยแ์ ละหมู่เพอ่ื น
สำ� หรับตวั ของอาตมาไมม่ ีอะไรหรอก มแี ตก่ เิ ลส”

ห ล ว ง ป่ ู ห ล้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 39

หงายหมาไปเลยเขาก็ดี จะมาถามเอาความผิดเราเด้
เรารจู้ กั เลย พอแง้มมาเราร้จู ักโลด “เปน็ บญุ วาสนาของพระพทุ ธ
พระธรรม พระสงฆ์ ของครูบาอาจารย์ หมู่เพ่ือน และญาตโิ ยม
สำ� หรบั ตัวของอาตมาไมม่ ีอะไรหรอก มแี ตก่ ิเลสเท่านั้น”

“ไม่ไหวๆ” เด้ แกว่า

คดิ ดู พระอสั สชนิ ะ่ เปน็ พระอรหนั ตแ์ ลว้ “ขา้ พเจา้ เปน็ ภกิ ษใุ หม่
ไมส่ ามารถแสดงธรรมให้พสิ ดารได”้

แตค่ วามเปน็ จรงิ ทา่ นเปน็ พระอรหนั ตแ์ ลว้ ตอนพระสารบี ตุ ร
ถามน่ะ พระสารีบุตรไปบวชอยู่กับสัญชัยปริพาชกเด้ สัญชัยมี
บริวาร ๕๐๐ คน เหตใุ ดพระอัสสชิถึงว่าอย่างนั้น กพ็ ระอัสสชิ
ทา่ นเปน็ มหาปญั ญา มคี นรำ�่ ลอื กนั อยแู่ ลว้ วา่ อปุ ตสิ สะทบี่ วชอยกู่ บั
สญั ชยั ปรพิ าชกนะ่ เปน็ ผมู้ ปี ญั ญา เหตนุ น้ั พระอสั สชจิ งึ พดู ถอ่ มตน
เพราะทา่ นรทู้ นั พระสารบี ุตร

“โอ้ ไมต่ อ้ งมากหรอก แสดงส้ันๆ กเ็ อาดอก”

“ธรรมอนั ใดเกิดแต่เหตุ ธรรมอันนน้ั ดับแต่เหต”ุ

“โอ้ เอาละๆ พอแล้ว”

บาปจะเกิดขึ้นก็เป็นเพราะเราสร้างเหตุของบาปเอาไว้เด้
จะดับบาปได้ก็เพราะดับเหตุของบาปน้นั เด้ วา่ อยา่ งนี้เอาโลด

40 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

พระสารีบุตรท่านก็เข้าใจ แล้วก็ไปหาพระโมคคัลลาน์ทีนี้
เพราะไดส้ ญั ญากันไว้แล้วเด้

“โอ้ เพ่ือนเอ้ย มาแต่ไหนวันน้ี ท�ำไมหน้าตาช่ืนบานแท้
ไม่ใช่ได้ธรรมะธมั โมอะไรมาแลว้ หรอื มาพูดใหก้ ันฟังแหน่”

“ก็ได้มาน่นั แล้ว” ก็เลยเล่าให้พระโมคคลั ลานฟ์ ัง พระโมค-
คัลลาน์ก็เลยสำ� เร็จเป็นพระโสดาบันเหมอื นกัน

ในธมั มจักกปั วตั ตนสูตร ก็แสดงถงึ อนจิ จังชัดๆ นั่นละ่
ยงกฺ ิญจฺ ิ สมทุ ยธมฺมํ สพพฺ นตฺ ํ นิโรธธมมฺ นตฺ ิ.
กท็ ่ีท่านแสดงธัมมจักฯ เปน็ ธรรมเทศนาเบอื้ งต้นนะ่ ว่า
ชาตปิ ิ ทกุ ขฺ า ชราปิ ทกุ ขฺ า มรณมปฺ ิ ทกุ ขฺ ,ํ โสกปรเิ ทวทกุ ขฺ -
โทมนสฺสปุ ายาสาปิ ทกุ ฺขา, อปปฺ ิเยหิ สมปฺ โยโค ทุกฺโข ปิเยหิ
วปิ ปฺ โยโค ทกุ โฺ ข ยมปฺ จิ ฉฺ ํ น ลภติ ตมปฺ ิ ทกุ ขฺ ,ํ สงขฺ ติ เฺ ตน ปญจฺ -ุ
ปาทานกฺขนฺธา ทกุ ฺขา.
ไดย้ นิ ถงึ พรหมโลกเบอื้ งบน อกี ฝง่ั กถ็ งึ มหาอเวจนี รก ไดย้ นิ
กันหมด หน้าต่างท่ีปิดอยู่ก็เปิดออก คนหลังค่อมก็กลายเป็น
คนหลังตรง คนตาบอดอาจแลเห็น คนหูหนวกอาจได้ยินเสียง
ทา่ นเปรียบเป็นบุคลาธิษฐาน

ห ล ว ง ป ู่ ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 41

ค�ำว่า ชาตปิ ิ ทุกฺขา ค�ำเดยี วนน้ั มนั กม็ ีใจความกนิ ไปถึง
พรหมโลกโน้น ครอบไว้หมดแล้ว ถึงพวกนั้นจะฟังหรือไม่ฟังก็
ตามแต่ หมดทงั้ ไตรโลกธาตโุ นน้ ถกู หมด วา่ ชาตคิ วามเกดิ มนั เปน็
ทกุ ข์ นน่ั ความแก่ ความเจบ็ ความตาย กเ็ หมอื นกนั ความโศกเศรา้
โศกากเ็ หมือนกนั ใจความถูกไปหมดถงึ พรหมโลกโนน้ พวกน้นั
จะฟงั หรือไม่ฟังก็ตาม จะว่ายงั ไงละ ยิงศรลูกเดยี วถกู ทั้งหมดท้ัง
ไตรโลกธาตุ โดนท้งั หมด

“คนตาบอดอาจแลเหน็ คนหูหนวกอาจไดย้ ินเสยี ง”

ค น ต า บ อ ด มั น ก็ มี แ ก ่ เ จ็ บ ต า ย เ ห มื อ น กั น จ ะ ว ่ า ยั ง ไ ง
คนหูหนวกมันก็มีแก่เจ็บตายเหมือนกัน แล้วท�ำไมจะไม่ถูกละ
คนหลงั คอ่ มเหลา่ นนั้ ทงั้ หมดกเ็ หมือนกัน ว่ามนั อยา่ งนโี้ ลด

เทวานํ สททฺ ํ สุตวฺ า : เทวานํ อนั ว่าเทวดาท้งั หลาย
สททฺ ํ เสยี ง สตุ ฺวา กส็ ่งถงึ กนั หมด วา่ อยา่ งน้นั
ถงึ ชนั้ อวิหา อตปฺปา สุทสฺสา สุทสฺสี อกนิฏฺกา ก็ถึงดว้ ย

ธมั มจกั กปั ปวตั ตนสตู ร สมยั โบราณนน้ั พสิ ดารกวา่ น้ี ปจั จบุ นั
ตัดลงถงึ แค่ พรฺ หมฺ กายกิ า เท่าน้ัน หมายถึงพรหมทมี่ รี ูป มันก็
ถูกอยู่ แต่เขาย่อลง

แต่กอ่ นธมั มจักกปั ปวัตตนสูตรน่ะมันกว้างแทเ้ ด้

42 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

อกนิฏฺกา เทวา สททฺ มนุสฺสาเวส.ุํ แล้วค่อยต่อด้วย
เอตมภฺ ควตาพาราณสยิ ํอสิ ปิ ตเนมคิ ทาเยอนตุ ตฺ รํธมมฺ จกกฺ ํ
ปวตตฺ ติ ,ํ อปปฺ ฏวิ ตตฺ ยิ ํ สมเณน วา พรฺ าหมฺ เณน วา เทเวน วา มาเรน
วา พฺรหมฺ นุ า วา เกนจิ วา โลกสฺมินตฺ ิ. อติ ิห เตน ขเณน เตน
มหุ เุ ตน, ยาว พรฺ หมฺ โลกา สทโฺ ท อพภฺ คุ คฺ จฉฺ .ิ อยญจฺ ทสสหสสฺ ี
โลกธาตุ, สงกฺ มฺปิ สมปฺ กมฺปิ สมฺปเวธิ. อปฺปมาโณ จ โอฬาโร
โอภาโส โลเก ปาตุรโหสิ, อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ.
อถโข ภควา อทุ านํ อทุ าเนส,ิ อญฺ าสิ วต โภ โกณฑฺ ญฺโ,
อญฺ าสิ วต โภ โกณฑฺ ญโฺ ต.ิ อติ หิ ทิ ํ อายสมฺ โต โกณฑฺ ญฺ สสฺ ,
อญฺ าโกณฺฑญโฺ เตวฺ ว นามํ อโหสีติ.
“โกณฑญั ญะ ไดร้ แู้ ล้วหนอๆ”
ธมั มจักกปั ปวัตตนสูตร แสดงถงึ รูปขนั ธ์นามขนั ธ์ วา่
ชาติปิ ทกุ ฺขา ชราปิ ทกุ ฺขา มรณมปฺ ิ ทุกฺขํ ก็คือรปู ขันธ์
โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสาปิ ทุกฺขา อปฺปิเยหิ
สมปฺ โยโค ทกุ โฺ ข อนั น้ีแสดงถึงกเิ ลสที่เขา้ มาสัมปยตุ
อนัตตลักขณสูตร ก็แสดงถึงเร่ืองรูปขันธ์นามขันธ์อย่าง
เกา่ น่ันละ่
รปู ํ อนจิ จฺ ํ เวทนา อนจิ จฺ า: รปู ํ เปน็ รปู ตามเดมิ ดนิ นำ้� ไฟ ลม
ประชมุ กนั เรียกว่ารปู

ห ล ว ง ป่ ู ห ล ้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 43

อาทติ ตปรยิ ายสตู ร กพ็ ดู ถงึ เรอื่ งรปู กบั นามอยา่ งเกา่ นน่ั ละ่
ก็ไม่ใช่เพราะอะไร เพราะเม่ือเบื่อหน่ายจากรูปจากนามไปแล้ว
มนั กก็ ลายเปน็ พระอรหนั ตเ์ ทา่ นน้ั เอง สตั วท์ งั้ หลายมนั กเ็ ปน็ กงั วล
อยใู่ นรปู กบั นามนเี่ อง เพราะหลงรปู หลงนาม หลงรปู กบั หลงดนิ นำ�้
ไฟ ลม กม็ คี วามหมายอนั เดยี วกนั หลงนามกบั หลงเวทนา สญั ญา
สังขาร วิญญาณ กม็ ีความหมายอนั เดยี วกนั เหตนุ นั้ พระอรยิ เจ้า
จึงไม่ตดิ อย่ใู นทุกข์ จึงไม่ติดอย่ใู นสุข ไม่ติดอย่ใู นอเุ บกขา

สขุ ํ วา ทกุ ขํ วา อทกุ ขฺ มสขุ ํ วา, ตมปฺ ิ อาทติ ตฺ .ํ เกน อาทติ ตฺ .ํ
อาทติ ฺตํ ราคคฺคินา โทสคคฺ ินา โมหคฺคนิ า.

ถ้ากำ� หนัดอยู่ในสุข ในเวลาท่ตี าไปเห็นรปู ทง่ี ามๆ แลว้ เกิด
เปน็ สขุ ขน้ึ นะ่ มันก็เกดิ ราคคคฺ นิ า โทสคฺคินา โมหคคฺ ินา ขนึ้ มา
แตต่ น้ จนถงึ ปลาย เหตอุ ยา่ งนน้ั พระอรยิ เจา้ ทา่ นจงึ ไมต่ ดิ อยใู่ นสขุ
ไมต่ ดิ อยูใ่ นทุกข์ ไมต่ ดิ อยใู่ นอุเบกขา ไม่ติดอยู่

สขุ กส็ ง่ คนื ใหส้ ขุ
ทุกขก์ ็สง่ คืนใหท้ ุกข์
อุเบกขาก็ส่งคนื ให้อเุ บกขา
พระอรยิ เจ้าไมไ่ ดต้ ดิ อยู่

เม่ือไม่ติดอยู่ในท้ังสุขท้ังทุกข์ทั้งอุเบกขาแล้ว ก็กลายเป็น
ฉฬงฺคเุ ปกฺขา : ฉ แปลว่า ๖ ตา หู จมูก ล้ิน กาย ใจ ทัง้ หลาย

44 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

ของทา่ นก็เลยวางเฉย ทา่ นก็เลยไม่ยึดถอื พิจารณาใจตามความ
เปน็ จรงิ ของใจ พจิ ารณาผรู้ ตู้ ามความเปน็ จรงิ ของผรู้ ู้ พจิ ารณารปู
ตามความเปน็ จรงิ ของรปู พจิ ารณานามตามความเปน็ จรงิ ของนาม
ทา่ นไมต่ ดิ อยู่ เมอ่ื ทา่ นไมต่ ดิ อยู่ ทา่ นกเ็ ลยหลดุ พน้ วญิ ญาณปฏสิ นธิ
ของท่านก็เลยไม่มี อดีตท่านก็ไม่ติดอยู่ อนาคตท่านก็ไม่ติดอยู่
ปัจจบุ นั ทา่ นกไ็ มต่ ดิ อยู่ ปัจจบุ นั ทา่ นก็สง่ คนื แก่ปัจจุบนั อดตี ท่าน
กส็ ง่ คนื แกอ่ ดตี อนาคตทา่ นกส็ ง่ คนื แกอ่ นาคต ทา่ นไมเ่ ขา้ ไปสอด
แทรกยึดถือเอามาเป็นเจ้าของเด้

สญู ท่านก็สง่ คืนใหก้ ับสญู
อนั ท่ีไมส่ ูญ ทา่ นกส็ ง่ คืนใหก้ ับอันท่ไี ม่สูญ
สมมุติ ทา่ นก็สง่ คืนแกส่ มมุติ
วมิ ุตติ ท่านก็ส่งคนื แกว่ มิ ุตติ

ทา่ นไมไ่ ปสอดแทรกถอื เอามาใหม้ ี กามปุ าทาน ทฏิ ฐปุ าทาน
สีลัพพัตตุปาทาน อัตตวาทปุ าทาน

เมื่ออปุ าทานของท่านไม่มี อวชิ ชา ตณั หา อุปาทาน กรรม
วัฏจักร มนั ก็ดับไปเอง จะว่าอยา่ งไรอีกละ

วฏั จกั ร กค็ อื อวชิ ชา ตณั หา อปุ าทาน กรรม ของเกา่ นน่ั ละ่
แตพ่ ดู ไปหลายแนวเฉยๆ หรอก ทา่ นกเ็ ลยไมต่ ดิ อยใู่ นยนื ในเดนิ
ในนั่ง ในนอน ในหลบั ในตืน่ ทีนี้

ห ล ว ง ป่ ู ห ล้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 45

ทส่ี มมตุ วิ า่ พระพทุ ธเจา้ ทา่ นเสวยวมิ ตุ ตสิ ขุ นนั้ พระพทุ ธเจา้
เสวยวิมุตติสุขอยู่เท่าน้ันวันเท่านี้คืนนั้น ก็เป็นเพราะพวกเรามา
ผกู บัญญตั เิ อาเพ่อื ให้เข้าใจความหมาย ความเป็นจรงิ แลว้ ไม่ร้วู า่
พระพุทธเจ้าท่านส�ำคัญว่าท่านอยู่อย่างไรไม่รู้นะ ท่านส�ำคัญว่า
ท่านอยู่ในวิมุตติหรือท่านส�ำคัญว่าท่านอยู่นอกวิมุตติ พวกเราก็
ไมร่ จู้ กั ได้ เกจอิ าจารยก์ เ็ ลยมาผกู สมมตุ เิ อาวา่ ทา่ นเสวยวมิ ตุ ตสิ ขุ
อยูต่ รงนัน้ ตรงน้เี ท่านนั้ วันเท่านีว้ ัน ความเปน็ จรงิ ท่านเสวยอะไร
กไ็ ม่มีใครสามารถร้ดู ้วยกับทา่ นได้ เพราะท่านไมไ่ ด้ยดึ ม่นั ถอื มน่ั
อนั ใดแล้ว

ถ้าอยา่ งนั้นกส็ ญู นะ่ สิ

สญู หรอื ไมส่ ญู ทา่ นกไ็ มไ่ ดย้ ดึ ถอื อยู่ ทา่ นไมไ่ ดไ้ ปสอดแทรก
ยึดถอื ตรงไหนเอาไวส้ กั แหง่ ท้งั อดตี ทงั้ อนาคตทงั้ ปจั จุบนั

เหตฉุ ะน้ัน พระพุทธเจ้าจึงทรงยืนยนั ว่า

“ผูใ้ ดร้เู บื้องบนคอื อนาคต ผใู้ ดรเู้ บื้องต�่ำคืออดีต
ผใู้ ดรู้เบอ้ื งกลางคอื ปจั จบุ นั
ผใู้ ดไม่ตดิ ผรู้ ู้ในอดีต ผู้ใดไมต่ ดิ ผ้รู ูใ้ นอนาคต
ผใู้ ดไมต่ ิดผรู้ ้ใู นปัจจุบัน
ผูน้ ้นั ดับรอบแล้ว ข้ามไปแล้ว ขา้ มความหลงไปแล้ว”

พระองคเ์ จา้ ทรงยนื ยนั

46 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

พวกท่ีภาวนาแล้วไปติดในนมิ ติ อันนั้นอนั น้ี โอย้ เราติดมา
พอแรงแลว้ อนั นี้ ตดิ นมิ ติ นะ่ เราตดิ มาพอแรงแลว้ บางครงั้ กเ็ หาะ
เหินเดินอากาศ บางครั้งเหาะทะลุภูเขา บางครั้งเดินจงกรมใน
อากาศ บางครัง้ นอนอยแู่ ลว้ ลอยซดั ขนึ้ ไปในอากาศเหมอื นบงั้ ไฟ
มนั ก็ได้แคน่ ัน้ ละ พอหมดอานิสงสห์ มดกำ� ลังก็ถอนออกมา

สมาธิประเภทหน่ึงเข้าไปแล้วหูไม่ได้ยินเสียงอะไร
มดิ ออนซอน (ดบั สนทิ ) หมดก�ำลังแล้วก็ถอนออกมาเหมือนกัน
น่นั ล่ะ สมาธพิ วกน้อี ยูใ่ ต้อ�ำนาจอนิจจงั ทัง้ นั้น

อปุ จารสมาธิ กอ็ ยใู่ ตอ้ ำ� นาจอนจิ จงั “จาร” แปลวา่ ไปตามนมิ ติ
เกิดข้ึนแลว้ แปรปรวนแล้วแตกสลายหมด

อปั ปนาสมาธิ ก็อย่ใู ต้อ�ำนาจอนจิ จังเหมอื นกันนนั่ ล่ะ

เหตอุ ย่างนนั้ ท่านจึงสอนไมใ่ หต้ ิดอยู่ในสมาธิ
หลวงปมู่ ัน่ จึงวา่ "สุขในสมาธพิ อปานกบั ไม้จมิ้ ฟนั "

ไม่ใช่ว่าเพ่ินประมาทในสมาธิเด้ จะหาว่าเพิ่นประมาทใน
สมาธิ ไมใ่ ช่

เพน่ิ ไม่ได้ประมาทในสมาธิ
ใครยังไมเ่ ป็นกท็ �ำใหเ้ ป็น

ห ล ว ง ป ู่ ห ล้ า  เ ข ม ป ั ต โ ต | 47

เป็นแลว้ กไ็ มใ่ ห้ติดอยู่
วิปสั สนาเพิน่ ก็ไม่ไดต้ ิดอยู่
ปัญญาเพน่ิ กไ็ ม่ไดต้ ิดอยู่
เหตนุ น้ั เพิน่ จึงไม่ไดต้ ดิ อยู่ตรงทไ่ี หนๆ

อยา่ งในหนงั สือมุตโตทยั นนั่ ล่ะ เราเขยี นจดหมายไปกราบ
เรยี นหลวงปมู่ หาเมอ่ื ปกี ลายหรอื ปกี อ่ นนแ้ี หละ แตเ่ พน่ิ กไ็ มไ่ ดต้ อบ
กลับมาดอก แต่เห็นหนังสือมุตโตทัยที่พิมพ์ออกมาชุดหลังน้ี
เพนิ่ แกเ้ ปน็ ขอ้ ๆ แสดงวา่ เพนิ่ แตง่ แกใ้ หมแ่ ลว้ เปน็ ขอ้ ๆ ขอ้ ๑ ขอ้ ๒
ข้อ ๓ ไป เราอา้ งถงึ เพ่ินเด้

“กราบเท้าทูลถวายพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง
ตลอดชาติ ก็น่าวิตกอย่ใู นเรือ่ งหน่ึง คือเร่อื งหนังสอื มุตโตทยั ”

ในเวลานน้ั หลวงปมู่ หายงั ไมท่ นั ไดเ้ อาใจใส่ ปลอ่ ยใหอ้ าจารย์
ทองคำ� กบั อาจารยม์ หาเสง็ เปน็ คนแตง่ เพราะในสมยั นน้ั หลวงปมู่ หา
ก�ำลงั ปฏิบตั ิโชกโชน ไมแ่ ย่งผ้ใู ดแตง่ อาจารย์ทองค�ำกเ็ ลยแตง่

“จะว่า ๐ ไมม่ คี ่ากไ็ ม่ได”้

เน้ือความในหนังสอื มุตโตทยั มธี รรมะชนั้ สงู อยู่ขอ้ เดียว แต่
ใจความของธรรมะช้นั สูงขอ้ นัน้ เสียไป ก็เลยทำ� ใหห้ นังสือธรรมะ
ของพ่อแม่ครบู าอาจารยไ์ มม่ ีความหมายอะไร

48 | ฐ า น ะ ข อ ง พ ว ก เ ร า

“ถ้าไม่มีที่อยู่ก็ให้ไปอยู่ในที่สูญๆ จะว่า ๐ ไม่มีค่าก็ไม่ได้
ไปบวกกบั ๑ กเ็ ป็น ๑๐ บวกกบั ๒ กเ็ ป็น ๒๐ บวกกับ ๓ กเ็ ปน็
๓๐ เปน็ หมืน่ แสนลา้ นโกฏิต่วิ สลิวติว๋ นนู้ ละ”

ความเปน็ จรงิ หลวงป่มู ัน่ ไมไ่ ดเ้ ทศน์อย่างนนั้

เราเขียนหนังสือไปกราบเรียนหลวงปู่มหาน่ะ ปีก่อนหรือ
ปกี อ่ นนนั้ เพนิ่ กไ็ มไ่ ดต้ อบกลบั มาหรอก แตก่ เ็ หมอื นตอบ เพราะ
เพิ่นได้แก้ไขใหม่แล้ว หนังสือมุตโตทัยที่พิมพ์ออกมาทีหลังน้ี
แก้ไขใหม่แล้ว เพ่ินท�ำเป็นข้อๆ หนังสือชุดหลังน้ีหลวงปู่มหาเด้
เป็นผูแ้ ตง่ แก้ไข เล่มนีไ้ มเ่ หมือนเลม่ เก่าเสียแล้ว เพ่นิ แก้เป็นขอ้ ๆ
ใหเ้ ข้าใจชัด

วนั นน้ั พอ่ แมค่ รจู ารยม์ หากน็ งั่ อยดู่ ว้ ย ขา้ นอ้ ยกน็ ง่ั อยดู่ ว้ ยกบั
อาจารยว์ นั หลวงปมู่ นั่ ไดห้ นั หนา้ มาพดู กบั พอ่ แมค่ รอู าจารยม์ หาวา่

“ทา่ นมหาเอย้ ถา้ สำ� คญั วา่ ตนเปน็ ผเู้ สวยแลว้ เปน็ อนั ผดิ
ทั้งนัน้ ”

ธรรมะชนั้ สงู ขา้ นอ้ ยกน็ งั่ ฟงั อยนู่ นั่ พอ่ แมค่ รจู ารยม์ หากน็ งั่
ฟงั อยูน่ ่นั

ธรรมะชน้ั สงู ของหลวงปมู่ นั่ ไมไ่ ดว้ า่ “ใหไ้ ปอยใู่ นทสี่ ญู ๆ” เด้
ขา้ น้อย

ห ล ว ง ป ู่ ห ล ้ า  เ ข ม ปั ต โ ต | 49


Click to View FlipBook Version