The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือรายวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย-ม.ปลาย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ritdhiphong Wongsee, 2023-05-08 02:21:10

คู่มือรายวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย-ม.ปลาย

คู่มือรายวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทย-ม.ปลาย

145 - เวยีดนามใต้ระหวางวันที่ ่ 18-21 ธันวาคม 2502 ซึ่งเป็ นการเสด็จพระราชดําเนินเยือน ต่างประเทศคร้ังแรกในรัชกาลปัจจุบนั - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐอินโดนีเซียระหวา่งวนัที่8-16 กุมภาพันธ์ 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสหภาพพม่า ระหวา่งวนัที่2-5 มีนาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสหรัฐอเมริการะหวา่งวนัที่14 มิถุนายน -15 กรกฎาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนองักฤษ ระหวา่งวนัที่19-23 กรกฎาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสหพนัธ์สาธารณรัฐเยอรมนัระหวางวันที่ ่ 25 กรกฎาคม -2 สิงหาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐโปรตุเกส ระหวา่งวนัที่22-25 สิงหาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสวิตเซอร์แลนด์ระหวา่งวนัที่2ช-31 สิงหาคม 2503 - เสด็จพระราชดําเนินเยือนเดนมาร์กระหวา่งวนัที่6-9 กนัยายน 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนนอร์เวย์ระหวา่งวนัที่19-21 กนัยายน 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสวีเดน ระหวา่งวนัที่23-25 กนัยายน 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐอิตาลีระหวา่งวนัที่28 กนัยายน -1 ตุลาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนนครรัฐวาติกนัเมื่อวนัที่1 ตุลาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนเบลเยยี่ม ระหวา่งวนัที่4-7 ตุลาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหวา่งวนัที่11-14 ตุลาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนลกัเซมเบอร์กระหวา่งวนัที่17-19 ตุลาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนเนเธอร์แลนด์ระหวา่งวนัที่24-27 ตุลาคม 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสเปน ระหวา่งวนัที่3-8 พฤศจิกายน 2503 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ระหวา่งวนัที่11-22 มีนาคม 2505 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสหพนัธรัฐมลายาระหวา่งวนัที่20-27 มิถุนายน 2505 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนนิวซีแลนด์ระหวา่งวนัที่18-26 สิงหาคม 2505 -ออสเตรเลียระหวา่งวนัที่26 สิงหาคม -12 กนัยายน 2505 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนญี่ปุ่น ระหวา่งวนัที่27 พฤษภาคม -5 มิถุนายน 2506 - เสด็จพระราชดําเนินเยอืนสาธารณรัฐจีน ระหวา่งวนัที่5-8 มิถุนายน 2506 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ระหวา่งวนัที่9-14 กรกฎาคม 2506 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐออสเตรียระหวา่งวนัที่29 กนัยายน -5 ธันวาคม 2507 - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐเยอรมนัระหวา่งวนัที่22-28 สิงหาคม 2509 ซึ่ง เป็นการเสด็จพระราชดาํเนินเยอืนคร้ังที่สอง - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนสาธารณรัฐออสเตรียระหวา่งวนัที่29 กนัยายน -2 ตุลาคม


146 2509 ซ่ึงเป็นการเสด็จพระราชดาํเนินเยอืนคร้ังที่สอง - เสด็จพระราชดาํเนินเยอืนอิหร่าน ระหวา่งวนัที่23-30 เมษายน 2510 - เสด็จพระราชดาํเนินเยือนสหรัฐอเมริการะหวา่งวนัที่6-20 มิถุนายน 2510 ซึ่งเป็ นการ เสด็จพระราชดาํเนินเยือนคร้ังที่สอง - เสด็จพระราชดาํเนินเยือน แคนาดา ระหวา่งวนัที่21-24 มิถุนายน 2510 - เสด็จพระราชดาํเนินเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวระหวา่งวนัที่8-9 เมษายน 2537 เมื่อเสร็จสิ้นการเสด็จพระราชดาํเนินเยอืนประเทศต่าง ๆ แลว้ก็ไดท้รงต้อนรับพระราชอาคันตุกะ ที่ เป็นประมุขของประเทศต่าง ๆ ที่เสด็จและเดินทางมาเยือนประเทศไทยเป็นการตอบแทน และ บรรดาพระราชอาคนัตุกะท้งัหลาย ต่างก็ประทบัใจในพระราชวงศข์องไทย ตลอดจนประชาชนชาว ไทยอยา่งทวั่หนา้บาทสมเด็จพระเจา้อยูห่วั ไดเ้สด็จพระราชดาํเนินไปทรงเปิดโรงเรียนเหล่าน้นั พร้อมท้งัพระราชทานนามวา่ โรงเรียนร่มเกลา้ซ่ึงในปัจจุบนัมีท้งัโรงเรียนระดบั ประถมศึกษาและ ระดับมัธยมศึกษา ด้านภาษาและวรรณกรรม “ ...ภาษาไทยน้นัเป็นเครื่องมืออยา่งหน่ึงของชาติภาษาท้งัหลายเป็นเครื่องมือของมนุษย์ ชนิดหน่ึงคือเป็นทางสาํหรับแสดงความเห็นอยา่งหน่ึง เป็นสิ่งที่สวยงามอยา่งหน่ึง เช่นในทาง วรรณคดีเป็นตน้ฉะน้นัจึงจาํเป็นตอ้งรักษาไวใ้หด้ีประเทศไทยน้นัมีภาษาของเราเองซ่ึงตอ้งหวง แหนประเทศใกลเ้คียงของเราหลายประเทศมีภาษาของตนเองแต่วา่เขาก็ไม่แขง็แรง เขาตอ้ง พยายามหาทางที่จะสร้างภาษาของตนเองไวใ้หม้นั่คง เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอยา่งยงิ่ที่จะรักษาไว.้.. ” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านภาษาและ วรรณกรรมเป็นอยา่งยงิ่แมว้า่พระองคจ์ะทรงเจริญพระชนัษาในต่างประเทศ ทรงศึกษา ภาษาต่างประเทศแต่พระองคย์งัทรงมีพระอจัฉริยภาพในการใชภ้าษาไทยไดอ้ยา่งยอดเยยี่ม และยงั ทรงห่วงใยต่อภาษาไทยอีกดว้ย พระอจัฉริยภาพในการใชภ้าษาไทยของพระองคแ์สดงชดัในดา้น ต่าง ๆ ดงัน้ี ด้านภาษา พระราชดาํรัสและพระบรมราโชวาทในวโรกาสต่างๆ เป็นที่ประจกัษช์ดัวา่พระบาทสมเด็จ พระเจา้อยูห่วัทรงมีพระอจัฉริยภาพในการใชภ้าษาไดอ้ยา่งมีประสิทธิภาพ ดงัเช่นพระราชดาํรัสที่ พระราชทานแก่นกัธุรกิจและนกัหนงัสือพิมพใ์นนิวยอร์กเมื่อเสด็จพระราชดาํเนินไปประเทศ สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ.2510 ดงัน้ี “… การแพร่ข่าวโดยขาดความระมดัระวงัหรือแมแ้ต่คาํพูดต่าง ๆ เพียงนิดเดียวก็สามารถจะทาํลาย งานที่ผมู้ีความปรารถนาดีท้งัหลายพยายามสร้างไว้ด้วยความยากลําบากเป็ นเวลาแรมปี ... เหมือน


147 ฟองอากาศนิดเดียวถา้เขา้ไปอยใู่นเส้นเลือดก็จะสามารถปลิดชีวติคนไดท้ ้งัคน และน้าํตาลหวาน ๆ กอ้นเล็กนิดเดียวถา้ใส่ลงในถงัน้าํมนัรถก็จะทาํใหเ้ครื่องจกัรดีๆ ของรถเสียไดโ้ดยสิ้นเชิง... ” จากพระราชดํารัสน้ีพระองค์ทรงอุปมา คําพูดเล็ก ๆ “น้อย ๆ” เปรียบเทียบกบั “ฟองน้าํ” และ “น้าํตาล” วา่สามารถทาํลายสิ่งที่สร้างมาดว้ยความยากลาํบากได้เช่นเดียวกนักบั ฟองอากาศ และน้าํตาลแมจ้ะเป็นสิ่งเล็ก ๆ นอ้ย ๆ แต่ถา้ฟองอากาศเขา้ไปอยใู่นเส้นเลือด และน้าํตาลเขา้ไปอยู่ ในเครื่องยนต์แลว้ท้งัเครื่องยนตแ์ละเส้นเลือดก็จะถูกทาํลายลงได้ นอกจากน้นัพระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัทรงศึกษาภาษาละติน ทรงสนพระทยัเกี่ยวกบั เรื่องศพัท์ที่มาของศพัท์และรากศพัท์อีกท้งัยงัสนพระทยัและคน้ควา้เกี่ยวกบัศพัทภ์าษาบาลีและ สันสกฤต เพราะทรงเข้าพระทยัวา่หากเขา้ใจศพัทแ์ละที่มาของศพัทแ์ลว้จะช่วยใหเ้ขา้ใจความหมาย ของธรรมะไดอ้ยา่งลึกซ้ึงยงิ่ข้ึน อีกท้งัพระองค์ทรงใชภ้าษาในดา้นการพระราชนิพนธ์ร้อยกรองคาํอวยพรปีใหม่มอบแด่ พสกนิกรชาวไทยท้งัประเทศซ่ึง ส.ค.ส. ฉบบัแรกปีพ.ศ. 2529 เพื่อเป็ น ส.ค.ส. พระราชทานปี พ.ศ. 2530 โดยพระราชทานใหแ้ก่หน่วยงานและเจา้หนา้ที่ผเู้กี่ยวขอ้งที่ทาํงานรับใชใ้ตเ้บ้ืองพระยคุลบาท โดยทรงพริ้นตจ์ากคอมพิวเตอร์และส่งแฟกซ์พระราชทานไปยงัหน่วยงานโดยทวั่ถึงกนัส.ค.ส. พระราชทานแต่ละปีจะประมวลจากเหตุการณ์บา้นเมืองในรอบ 1 ปีที่ผา่นมา ดว้ยถอ้ยคาํที่ส้ัน ๆ แต่มากดว้ยคุณค่าทรงเนน้ ในการเตือนและใหก้าํลงัใจในการต่อสู้กบัอุปสรรคต่าง ๆ ซ่ึง ส.ค.ส. ส่วนใหญ่ลว้นเป็นสีขาว‟ ดาํท้งัสิ้น ด้านวรรณกรรม ผลงานด้านวรรณกรรมของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีท้งัพระ ราชนิพนธ์ทรงแปลและพระราชนิพนธ์ทรงแต่งหลายเรื่องดว้ยกนัพระองคท์รงพระราชนิพนธ์เรื่อง “ พระราชานุกิจรัชกาลที่8 ” ตามคาํกราบบงัคมทูลขอพระราชทานของหม่อมเจา้หญิงพูนพิสมยั ดิศกุล ซ่ึงพระราชนิพนธ์เรื่องน้ีอยใู่นเรื่อง “ พระราชานุกิจ” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พิมพ์พระราชทานในการพระราชกุศล 100 วัน พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหา อานันทมหิดล ณ วันที่ 20 กนัยายน 2489 วรรณกรรมทรงพระราชนิพนธ์ พระราชนิพนธ์เรื่อง พระราชานุกิจรัชกาลที่8 ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องราวกิจวตัรของ รัชกาลที่ 8 ท้งักิจวตัรส่วนพระองค์พระราชกิจและพระราชานุกิจขณะเสด็จประพาสสถานที่ต่าง ๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชทานในการพระราชกุศล 100 วันพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ณ วันที่ 20 กนัยายน พ.ศ. 2489 ซ่ึงภาษาที่ทรงใชจ้ะเป็นภาษาที่ส้ัน กระชบั และได้ใจความชัดเจน พระราชนิพนธ์เรื่อง “เมื่อขา้พเจา้จากสยามสู่สวติเซอร์แลนด์” ทรงพระราชนิพนธ์เพื่อ พระราชทานเป็นพิเศษแก่หนงัสือวงวรรณคดีฉบบัเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2490 เป็ นพระราชนิพนธ์


148 รูปแบบบนัทึกประจาํวนัต้งัแต่เสด็จฯ จากประเทศไทยเพื่อไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศ สวติเซอร์แลนด์ช่วงก่อนเดินทางจากเมืองไทยไปยงัตาํหนกัวลิลาวฒันาคือระหวา่งวนัที่16 สิงหาคม พ.ศ. 2489 -22 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ซ่ึงพระราชนิพนธ์น้ีทรงพรรณนาความรู้สึกของ พระองคข์ณะจากเมืองไทย สะทอ้นใหเ้ห็นถึงความรักความผกูพนัและความห่วงใยในพสกนิกร ของพระองค์ พระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนก หลังจากที่พระองค์ได้ทรงสดับพระธรรมเทศนาของ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์แห่งวดัราชผาติการาม เมื่อปีพ.ศ. 2520 เรื่องพระมหาชนกเสด็จ ทอดพระเนตรพระราชอุทยานในกรุงมิถิลา พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัย จึงทรงค้นคว้าเรื่องพระ มหาชนเพิ่มเติมในพระตรีปิฎกและทรงแปลเป็นภาษาองักฤษ ในปีพ.ศ.2539 และแปลเป็ นภาษา สันสกฤตอีกภาษาหน่ึงก่อนจะแปลเป็นฉบบัการ์ตูน ในปีพ.ศ. 2545 เพื่อใหอ้่านและเขา้ใจไดง้่าย ข้ึน ซ่ึงจะทาํใหส้ามารถพิจารณาหาแนวดาํเนินชีวติที่เป็นมงคลได้ พระราชนิพนธ์เรื่องทองแดง พระราชนิพนธ์เรื่องน้ีไดแ้ฝงขอ้คิดคติธรรมที่มีคุณค่า โดยเฉพาะความกตญัํูรู้คุณของทองแดง สุนขัทรงเล้ียง ตีพิมพค์ร้ังแรกเมื่อ พ.ศ. 2541 งานแปล ติโต ผลงานแปลชิ้นแรกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยทรง แปลจากหนังสือ Tito ของ Phyllis Auty ในปี พ.ศ. 2519 เพื่อให้ข้าราชบริพารได้ทราบถึงบุคคลที่ น่าสนใจคนหน่ึงของโลก ติโต เป็นผทู้ี่ทาํใหป้ระเทศยโูกสลาเวยีที่ประกอบดว้ยประชาชนจาก หลากหลายชนเผา่มีความแตกต่างกนัท้งัในเรื่องของเช้ือชาติศาสนา วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ สามารถรวมตัวกนัเป็นปึกแผน่ยามที่ประเทศชาติตอ้งพบกบัภาวะวกิฤติเพื่อร่วมกนัรักษาความอุดม สมบูรณ์ และความเจริญของประเทศไว้หนงัสือติโตน้ีไดจ้ดัพิมพเ์ป็นเล่ม และวางจาํหน่ายในปี พ.ศ. 2537 เศรษฐศาสตร์ตามนัยของพระพุทธศาสนา บทที่ 4 เล็กดีรสโต แปลจาก Small is Beautiful โดย E.F.Schumacher หน้า 53-63 นายอินทร์ผปู้ิดทองหลงัพระเป็นงานแปลชิ้นที่สองของพระองค์ ท่านโดยทรงแปลจากหนงัสือ A Man Called Intrepid ของ William Stevenson ทรงเริ่มแปลหนา้ แรกเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2520 และแปลหน้าสุดท้ายเมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ. 2523 โดยใช้เวลาในการ แปลรวมท้งัสิ้น 2 ปี 9 เดือน 3 วนัแต่ไดน้าํมาจดัพิมพเ์พื่อวางจาํหน่ายก่อนหนงัสือติโต ซ่ึงทรงแปล เป็นเล่มแรกคือจดัพิมพใ์นปีพ.ศ. 2536 บทความที่ทรงพระราชนิพนธ์แปลและเรียบเรียง “ข่าวจากวทิยเุพื่อสันติภาพและความกา้วหนา้” จาก “Radio Peace and Progress” ใน นิตยสาร Intelligence Digest 1 เมษายน พ.ศ. 2518 "การคืบหน้าของมาร์กซิสต์" จาก "The Marxist Advance" Special Brief "รายงานตามนโยบายของคอมมูนิสต์" จาก "Following the Communist Line"


149 "ฝันร้ายไม่จาํเป็นจะตอ้งเป็นจริง"จาก"No Need for Apocalypse" ในนิตยสาร The Economist ฉบับลงวันที่ 17 พฤษภาคม พุทธศักราช 2518 "รายงานจากลอนดอน" จาก " London Report" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบับลงวันที่ 18มิถุนายน พุทธศักราช 2518 "ประเทศจีนอยยู่ง"จาก"Eternal China" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบับลงวันที่ 13 สิงหาคม พุทธศักราช 2518 "ทศันะน่าอศัจรรยจ์ากชิลีหลงัสมยัอาลเ์ลนเด"จาก"Surprising Views from a Post Allende Chile" ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบับลงวันที่ 20 สิงหาคม พุทธศักราช 2518 "เขาวา่อยา่งน้นัเราก็วา่อยา่งน้นั"จาก"Sauce for the Gander..." ในนิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบับลงวันที่ 20 สิงหาคม พุทธศักราช 2518 "จีนแดง ต้วัเฮียคา้ยาเสพติดแห่งโลก"จาก"Red China Drug Pushers to the World " ใน นิตยสาร Intelligence Digest Weekly Review ฉบับลงวันที่ 20 สิงหาคม พุทธศักราช 2518 "วีรบุรุษตามสมัยนิยม" จาก "Fashion in Heroes" โดย George F. Will ในนิตยสาร Newsweek ฉบับลงวันที่ 6 สิงหาคม พุทธศักราช 2522 จากการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระปรีชาสามารถใน หลายภาษา ทําให้พระองค์ทรงเข้าพระทัย ในการที่จะพระราชนิพนธ์หรือแปลไดอ้ยา่งผทู้ี่เขา้ถึง ความรู้สึกนึกคิดของผเู้ขียนตน้ฉบบัสาํหรับพระราชนิพนธ์แปลจะทรงแปลตามความมากกวา่แปล ตามคาํดว้ยเหตุที่ทรงเลือกสรรถอ้ยคาํใหส้อดคลอ้งกบัวฒันธรรมที่ผอู้่านจะสื่อเรื่องราวได้ทาํให้ พระราชนิพนธ์แปลของพระองค์ มีอรรถรสแบบไทยแทรกพระอารมณ์ขนัไวไ้ดอ้ยา่งเหมาะสม สิ่งที่แสดงใหเ้ห็นถึงพระอจัฉริยะดา้นวรรณศิลป์ของพระองคอ์ยา่งสมบูรณ์คือพระ ราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก ซ่ึงพระองคท์รงพระราชนิพนธ์ท้งัภาษาไทยและภาษาองักฤษในเล่ม เดียวกนัและจะทรงเลือกใชภ้าษาโบราณ ท้งัภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อคงความขลังของ เน้ือหาในบางตอน ซ่ึงในเรื่องพระมหาชนกน้ีพระองคไ์ดท้รงแสดงพระอจัฉริยภาพดา้นทศันศิลป์ ไวด้ว้ย นนั่คือภาพประกอบฝีพระหตัถข์องพระองค์โดยทรงใชค้อมพิวเตอร์วาดภาพแสดงเส้นทาง เดินเรือของพระมหาชนก รวม 4 ภาพ คือภาพวันที่ควรออกเดินทาง ภาพวันเดินทาง ภาพวันที่เรือ ล่ม และภาพพระมหาชนกทรงวา่ยน้าํและนอกจากน้ีพระราชนิพนธ์แปลของพระองค์จะทรง เลือกสรรคํา โดยเฉพาะพระองค์ทรงโปรดที่จะใช้คําแปลก ๆ เพื่อให้พระราชนิพนธ์ของพระองค์มี สีสัน ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอด 60 ปี ภายใต้ร่มฉตัรแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พสก นิกรชาวไทยต่างซาบซ้ึงในพระมหากรุณาธิคุณและต่างรู้ซ้ึงถึงพระอจัฉริยภาพรอบดา้นของ


150 พระองค์โครงการพระราชดาํริหลายโครงการนอกจากจะแสดงถึงความห่วงใยของพระองคท์ ี่ทรงมี ต่อปวงชนชาวไทยแลว้ ยังยืนยันถึงพระปรีชาสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วย โครงการฝนหลวง ทฤษฎีว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรแหล่งน ้าในบรรยากาศ ในปี พ.ศ. 2498 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราช ดําเนินเพื่อทรงเยี่ยม พสกนิกรในภาคตะวนัออกเฉียงเหนือยา่นบริเวณเทือกเขาภูพานทรงสังเกตวา่ มีปริมาณเมฆมากปกคลุมเหนือพ้ืนที่ระหวา่งเส้นทางบิน แต่ไมสามารถรวมตวัจนเกิดเป็นฝนตกได้ ท้งัที่เป็นช่วงฤดูฝน และทรงพบเห็นวา่หลายแห่งประสบปัญหา พ้ืนดินแหง้แลง้ขาดแคลนน้าํเพื่อ อุปโภค บริโภค และการเกษตร โดยเฉพาะอยา่งยงิ่ในฤดูเพาะปลูกเกษตรกรมกัประสบความ เดือดร้อนจากภาวะฝนแลง้หรือฝนทิ้งช่วง ในระยะวกิฤติของพืชผล ทาํใหผ้ลผลิตต่าํหรืออาจไม่มี ผลผลิตเลยและอาจทาํให้ผลผลิตที่มีอยเู่สียหายได้จึงเป็นความเดือดร้อนอยา่งสาหสัและ ก่อใหเ้กิดความสูญเสีย ทางเศรษฐกิจแก่เกษตรกรอยา่งใหญ่หลวง นอกจากน้ีความตอ้งการใชน้ ้าํมี มากข้ึน เพราะการขยายตวัทางดา้นอุตสาหกรรมเกษตรกรรม และการเพิ่มข้ึนของประชากร ซ่ึงมีผล ใหป้ริมาณน้าํตน้ทุนจากทรัพยากรน้าํที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ซ่ึงเห็นไดช้ดัจากปริมาณ น้าํในเขื่อนภูมิพล ที่ลดลงอยา่งน่าตกใจ ดว้ยสายพระเนตรที่ยาวไกล และทรงความอัจฉริยะของพระองค์ด้วย คุณลกัษณะของนกัวทิยาศาสตร์ทรงสังเกต วิเคราะห์ขอ้มูลในข้นัตน้และไดม้ีพระราชดาํริคร้ังแรก ในปี พ.ศ. 2498 แก่หม่อมราชวงศเ์ทพฤทธ์ิเทวกุลวา่จะทรงคน้หาวธิีการที่จะทาํใหเ้กิดฝนตก นอกเหนือจากที่จะได้รับจากธรรมชาติโดยการนําเทคโนโลยสีมยัใหม่มาประยกุต์กบัทรัพยากร ที่มี อยใู่หเ้กิดมีศกัยภาพของการเป็นฝนใหไ้ด้"ฝนหลวง" หรือ"ฝนเทียม"จึงกาํเนิดข้ึนโดยประยกุต์ ผลการวจิยัคน้ควา้ทางวชิาการดา้นฝนเทียมของประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกาออสเตรเลียและ อิสราเอล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงวิเคราะห์การทาํฝนหลวงวา่มี3 ข้นัตอน คือ ขั้นตอนที่ 1ก่อกวน เป็นการกระตุน้ ให้เมฆรวมตวัเป็นกลุ่มแกน เพื่อใชเ้ป็น แกนกลางใน การสร้างกลุ่มเมฆฝนในระยะต่อมา สารเคมีที่ใช้ไดแ้ก่แคลเซียมคลอไรด์แคลเซียมคาร์ไบด์ แคลเซียมออกไซด์หรือสารผสมระหวา่ง เกลือแกงกบัสารยเูรีย หรือสารผสม ขั้นตอนที่ 2 เล้ียงใหอ้ว้น ข้นัตอนน้ีใชส้ารเคมีคือเกลือแกง สารประกอบสูตร ท.1 สารยู เรีย สารแอมโมเนียไนเตรท น้าํแขง็แหง้และอาจใชส้ารแคลเซียมคลอไรดร์่วมดว้ยเพื่อเป็นการเพิ่ม แกนเมด็ไอน้าํ (Nuclii) ใหก้ลุ่มเมฆฝน มีความหนาแน่นมากข้ึน ขั้นตอนที่ 3โจมตีสารเคมีที่ใชใ้นข้นัตอนน้ีเป็นสารเยน็จดัคือซิลเวอร์ไอโอได น้าํแขง็แหง้เพื่อทาํใหเ้กิดภาวะความไม่สมดุลมากที่สุด ซ่ึงจะเกิดเป็นเมด็น้าํที่มีขนาดใหญ่มาก และตกกลายเป็ นฝนในที่สุด อยา่งไรก็ดีทุกข้นัตอนจะตอ้งอาศยัความรู้และประสบการณ์ในการ


151 ตัดสินใจที่จะเลือกใช้สารเคมีในปริมาณที่พอเหมาะ โครงการแก้มลงิกกัตุนแล้วระบายน า้ตามแรงโน้มถ่วง นอกจากปัญหาภัยแล้งแล้ว “น้าํท่วม” ก็เป็นอีกภยัธรรมชาติที่ทาํใหน้ ้าํตาไทยเอ่อลน้ โครงการแกม้ลิง เป็นอีกโครงการที่ช่วยซบัความเดือดร้อนของประชาชนชาวไทย ซ่ึงดาํเนินการ โดยระบายน้าํจากตอนบนให้ไปตามคลองในแนวเหนือใตสู้่คลองพกัน้าํขนาดใหญ่ที่ชายทะเลเมื่อ ระดบัน้าํในทะเลลดต่าํกวา่ ในคลองก็ระบายน้าํออกจากคลองทางประตูระบายน้าํดว้ยหลกัการแรง โนม้ถ่วงของโลก ท้งัน้ีโครงการแกม้ลิงเปรียบเหมือนการกินกลว้ยของลิงซ่ึงจะเก็บกลว้ยไวท้ี่แกม้ก่อนจะ ค่อย ๆ นาํมาเค้ียวและกินภายหลงัเมื่อนาํมาใชแ้กป้ ัญหาน้าํท่วมก็ขดุคลองต่างๆ เพื่อชกัน้าํมา รวมกนัไวเ้ป็นบ่อพกัที่เปรียบไดก้บัแกม้ลิงแลว้ค่อย ๆ ระบายน้าํลงทะเลเมื่อน้าํทะเลลดลง ผลจาก ดาํเนินการโครงการดงักล่าวจึงช่วยแกป้ ัญหาน้าํท่วมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลซ่ึงเป็นที่ลุ่มทาํ ใหร้ะบายน้าํออกไดล้่าชา้ กังหันน ้าชัยพัฒนา ปั่นน ้าเสียเติมออกซิเจน กังหันน ้าชัยพัฒนาคือ เครื่องกลเติมอากาศที่เป็นกงัหนัน้าํแบบทุ่นลอยซ่ึงใชใ้นการบาํบดั น้าํเสียโดยใชก้งัหนัวิดน้าํไปบนผวิน้าํแลว้ปล่อยให้ตกลงผวิน้าํตามเดิม และน้าํจะถูกสาดกระจาย สัมผสัอากาศทาํใหอ้อกซิเจนละลายในน้าํน้าํเสียจึงมีคุณภาพดีข้ึน สามารถนาํไปใชบ้าํบดัน้าํเสียท้งั จากแหล่งชุมชน อุตสาหกรรมและการเกษตร ท้งัน้ีแนวทางของการพฒันามาจากสภาพเน่าเสียของแหล่งน้าํต่าง ๆ ที่ทวคีวามรุนแรงข้ึน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชดาํริวา่จาํเป็นตอ้งบาํบดัน้าํเสียดว้ย เครื่องกลเติมอากาศ จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาสนับสนุนงบฯ ศึกษาและวจิยัร่วมกบั กรมชลประทานผลิตเครื่องตน้แบบข้ึนในปี2532 จากน้นัก็มีการพฒันามาอีกหลายรุ่น และในปี 2536 กงัหนัน้าํชยัพฒันาก็ไดร้ับการพิจารณาและทูลเกลา้ฯ ถวายสิทธิบตัรในพระปรมาภิไธยกงัหนั บาํบดัน้าํเสีย“สิทธิบัตรในพระปรมาภิไธย” เพื่อพฒันาแหล่งน้าํแก่ปวงชน ดว้ยการหมุนปั่นเพื่อเติม อากาศใหน้ ้าํเสียกลายเป็นน้าํดีสามารถประยกุตใ์ชบ้าํบดัน้าํเสียจากการอุปโภคของประชาชน น้าํ เสียจากโรงงานอุตสาหกรรม รวมท้งัเพิ่มออกซิเจนใหก้บับ่อเพาะเล้ียงสัตวน์ ้าํทางการเกษตร ท้งัน้ีการเพิ่มออกซิเจนใหก้บัน้าํจะช่วยใหจุ้ลินทรียย์อ่ยสลายสิ่งสกปรกในน้าํเสียไดอ้ยา่ง มีประสิทธิภาพ ซ่ึงเป็นกระบวนการทางชีวภาพที่ใชใ้นการบาํบดัน้าํเสียที่ไดร้ับความนิยมอยา่งมาก เพราะเป็นวธิีที่มีประสิทธิภาพและใชค้่าใชจ้่ายในการบาํบดัน้าํเสียนอ้ยและแหล่งน้าํเสียที่กระจาย ไปตามแหล่งต่าง ๆ จึงทาํให้ยากแก่การรวบรวมน้าํเสียเพื่อนาํไปบาํบดัในโรงบาํบดัน้าํเสียและตอ้ง เสียค่าใชจ้่ายสูง ตามทฤษฎีเครื่องกลเติมอากาศ นบัวา่การเติมอากาศหรือออกซิเจนเป็นหวัใจของระบบ บาํบดัน้าํเสียเพราะถา้มีออกซิเจนอยมู่ากจุลินทรียก์ ็สามารถบาํบดัน้าํไดด้ีและบาํบดัน้าํเสียไดม้าก


152 ข้ึน แต่ที่ความดนับรรยากาศซ่ึงเป็นความดนัที่ค่อนขา้งต่าํสาํหรับออกซิเจนในการละลายน้าํจึงตอ้ง มีการเพิ่มพ้ืนที่สัมผสัระหวา่งอากาศกบัน้าํใหไ้ดม้ากที่สุด กังหัน น ้าชัยพัฒนาคือสิ่งประดิษฐซ์ ่ึงเกิดจากพระปรีชาสามารถและพระราชดําริของ พระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัเพื่อการแกม้ลพิษทางน้าํซ่ึงทวคีวามรุนแรงมากข้ึนในหลายพ้ืนที่ซ่ึง สร้างเครื่องตน้แบบไดค้ร้ังแรกในปี2532 การประยุกต์ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์เพื่อเติมอากาศ ใหก้บัน้าํหรือใชเ้พื่อขบัเคลื่อนน้าํได้โดยการใชง้านท้งัในรูปแบบที่ติดต้งัอยกู่บัที่และใชใ้นรูปแบบ เคลื่อนที่เพื่อเติมอากาศใหก้บัแหล่งน้าํขนาดใหญ่หรือตามคลองส่งน้าํที่มีความยาวมาก ซ่ึง ดดัแปลงไดด้ว้ยการใชพ้ลงังานจากเครื่องยนตข์องกงัหนั กงัหนัน้าํชยัพฒันา ไดร้ับสิทธิบตัรจากกรมทรัพยส์ินทางปัญญา เมื่อวนัที่2 กุมภาพันธ์ 2536 หลงัจากเลขาธิการมูลนิธิชยัพฒันาซ่ึงเป็นหน่วยงานหลกัที่สนองพระราชดาํริใน การพฒันา กงัหนัน้าํไดร้ับพระราชทานพระบรมราชานุญาตใหย้นื่ขอรับสิทธิบตัรเมื่อวนัที่2 มิถุนายน 2535 จึงนบัวา่เป็นสิทธิบตัรในพระปรมาภิไธยของพระมหากษตัริยพ์ระองคแ์รกของไทยและคร้ังแรก ของโลกและถือวา่วนัที่2 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็ น “วันนักประดิษฐ์” นบัแต่น้นัเป็นตน้มา นอกจากน้ี“กงัหนัชยัพฒันา” ยังได้รับรางวัลเหรียญทองจาก The Belgian Chamber of Inventor องคก์รทางดา้นนวตักรรมที่เก่าแก่ของเบลเยยีม ภายในงาน “Brussels Eureka 2000” ซึ่ง เป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐใ์หม่ของโลกวทิยาศาสตร์ณ กรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยยีม หลักการและวิธีการท างานของกังหันน ้าชัยพัฒนา กงัหนัน้าํชยัพฒันาเป็นเครื่องกลเติมอากาศแบบทุ่นลอย สามารถปรับตวัข้ึนลงได้ตาม ระดบัข้ึนลงของผิวน้าํ ในแหล่งน้าํเสีย มีส่วนประกอบสาํคญัคือ 1. โครงกงัหนัน้าํรูป 12 เหลี่ยม 2. ซองบรรจุน้าํติดต้งัโดยรอบ จาํนวน 6 ซองรูซองน้าํพรุนเพื่อใหน้ ้าํไหลกระจายเป็นฝอย 3. ซองน้าํจะถูกขบัเคลื่อนใหห้มุนโดยรอบดว้ยเกียร์มอเตอร์ซ่ึงทาํใหก้ารหมุนเคลื่อนที่ของ ซองน้าํวดิตกัน้าํดว้ยความเร็ว สามารถวดิน้าํลึกลงไปจากใตผ้วิน้าํประมาณ 0.50 เมตรยกน้าํสาด ข้ึนไปกระจายเป็นฝอยเหนือผวิน้าํ ไดสู้งถึง 1 เมตร ทาํให้มีพ้ืนที่ผวิสัมผสัระหวา่งน้าํกบัอากาศมาก และส่งผลใหอ้อกซิเจนสามารถละลายเขา้ไปในน้าํไดอ้ยา่งรวดเร็ว 4. ในขณะที่น้าํเสียถูกยกข้ึนไปสาดกระจายสัมผสักบัอากาศแลว้ตกลงไปยงัผวิน้าํน้นัจะ ก่อใหเ้กิดฟองอากาศจมตามลงไปใตผ้วิน้าํดว้ยในขณะที่ซองน้าํกาํลงัเคลื่อนที่ลงสู่ผวิน้าํแลว้กดลง ไปใตผ้วิน้าํน้นัจะเกิดการอดัอากาศภายในซองน้าํภายใตผ้วิน้าํจนกระทงั่ซองน้าํจมน้าํเตมที่ทําให้ ็ เพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายเทออกซิเจนไดสู้งข้ึน หลงัจากน้นัน้าํที่ไดร้ับการเติมอากาศแลว้จะเกิด การถ่ายเทของน้าํเคลื่อนที่ออกไปดว้ยการผลกัดนัของซองน้าํ


153 เขื่อนดิน อ่างเก็บน ้าที่ไม่ใช้คอนกรีต เขื่อนดินเป็นแนวทางการพฒันาแหล่งน้าํผวิดินตามแนวพระราชดาํริตวัเขื่อนนิยม ก่อสร้างดว้ยการถมดินและบดอดัจนแน่น สามารถส่งน้าํไปตามท่อส่งน้าํได้เพื่อใชใ้นการเกษตร และการอุปโภคบริโภคอีกท้งัยงัใชเ้ป็นแหล่งเพาะพนัธุ์สัตวน์ ้าํขนาดเล็กอยา่งปลาและกุง้น้าํจืดได้ นอกจากน้ีเขื่อนดินยงัเป็นปราการที่ไม่เพียงบรรเทาปัญหาขาดแคลนน้าํหากแต่ยงัป้องกนัน้าํท่วมได้ อีกดว้ย ส่วนความจุของปริมาณข้ึนอยกู่บัความสูงของเขื่อน เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดําเนินทอดพระเนตร อ่างเก็บน้าํแต่ละแห่งก็จะทรงปล่อยลูกปลาลูกกุง้เพื่อพระราชทานแก่ราษฎรในบริเวณน้นั ใหม้ี แหล่งอาหารสาํหรับบริโภค ท้งัน้ีมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้าํในลกัษณะดงักล่าวทวั่ประเทศเป็น จาํนวนมากอาทิอ่างเก็บน้าํแม่งดัสมบูรณ์ชลจ.เชียงใหม่อ่างเก็บน้าํห้วยเดียกจ.สกลนครอ่างเก็บ น้าํหว้ยซบัตะเคียน จ.ลพบุรีอ่างเก็บน้าํคลองหลาจ.สงขลารวมท้งัเขื่อนขนาดใหญ่ซ่ึงเป็นที่รู้จกักนั ดีคือเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ิใน จ.ลพบุรีและจ.สระบุรีซ่ึงเก็บน้าํไดม้ากถึง 960 ลา้นลูกบาศกเ์มตร ไบโอดีเซลจากปาล์มประกอบอาหารสู่เชื้อเพลิงเครื่องยนต์ ด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล พระองค์ทรงเป็ นผู้นําทางด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน ผา่นโครงการส่วนพระองคม์าต้งัแต่ปี2522 โดยมีโครงการผลิตแก๊สชีวภาพ เอทานอลแก๊สโซฮอล์ และไบโอดีเซลจากปาลม์ซ่ึงในส่วนของพระราชดาํริดา้นการพฒันาน้าํมนั ปาลม์เพื่อใชก้บั เครื่องยนตด์ีเซลน้นัการพฒันาไบโอดีเซลจากน้าํมนั ปาล์มในชื่อ“การใชน้ ้าํมนั ปาลม์กลนั่บริสุทธ์ิ เป็นเช้ือเพลิงสาํหรับเครื่องยนตด์ีเซล” ได้จดสิทธิบัตรที่กระทรวงพาณิชย์เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2544 อีกท้งัในปี2546 ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลจาก “โครงการน้าํมนัไบโอดีเซล สูตรสกดัจากน้าํมนั ปาลม์ ” ในงาน “บรัสเซลส์ ยูเรกา” ซ่ึงเป็นงานแสดงสิ่งประดิษฐใ์หม่ของโลก วิทยาศาสตร์ ณ กรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยยีม ท้งัน้ีปาลม์เป็นพืชที่ใหป้ริมาณน้าํมนัต่อพ้ืนที่ปลูก สูงอีกท้งัเกษตรกรสามารถผลิตใชเ้องไดภ้ายในประเทศ ซ่ึงจะใชท้ดแทนการนาํเขา้เช้ือเพลิงจาก ต่างประเทศได้ แหลมผักเบี้ย-หนองหาร โครงการรักษ์สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมเป็ นอีกปัญหาที่ไดร้ับการแกไ้ขดว้ยโครงการพระราชดาํริโดยส่วนของ โครงการศึกษาวจิยัและพฒันาสิ่งแวดลอ้มแหลมผกัเบ้ียเป็นโครงการตามแนวพระราชดําริในการ บาํบดัน้าํเสียกาํจดัขยะมูลฝอยและรักษาสภาพป่าชายเลน ท้งัน้ีแบ่งการบาํบดัเป็น 2 ส่วนคือระบบ บําบัดหลักและระบบบําบัดรอง สําหรับระบบบําบดัหลกัน้นัซ่ึงมีบ่อสาํหรับตกตะกอนและปรับ สภาพน้าํเสียจาํนวน 5 บ่อโดยส่งน้าํเสียผา่นท่อไปยงับ่อบาํบดัและในบ่อสุดทา้ยจะมีคณะวจิยั ตรวจสอบ คุณภาพน้าํก่อนส่งต่อ


154 ส่วนระบบบ าบัดรองนั้นอาศัยการบ าบัดโดยธรรมชาติ ประกอบด้วย 1.ระบบบึงชีวภาพ ซ่ึงจะปลูกพืชที่สามารถเจริญไดด้ีในน้าํขงัเสีย ดูดซบัสารพิษและ สารอินทรียไ์ด้เช่น กกออ้เป็นตน้ 2.ระบบกรองน้าํเสียดว้ยหญา้เช่น หญา้เนเปีย หญา้แฝก หญา้นวลนอ้ย หญา้รูซี่เป็นตน้ โดยจะส่งน้าํเสียไปขงัในแปลงหญา้เป็นระยะ ๆ 3.ระบบกรองดว้ยป่าชายเลน โดยในพ้ืนที่ป่าชายเลนจะปลูกโกงกางแสมขาวเป็นตน้ เพื่อใหม้ีสภาพใกลเ้คียงธรรมชาติน้าํที่ผา่นป่าชายเลนก็จะไดก้ารบาํบดัตามธรรมชาติ นอกจากน้ียงัมีโครงการตามพระราชดาํริเพื่อบาํบดัน้าํเสียใน อ.เมืองจ.สกลนคร ท้งัน้ี พระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัทรงมีพระราชดาํริให้วจิยัและพฒันาระบบ บาํบดัน้าํเสียโดยไดท้รง ทอดพระเนตรน้าํเสียบริเวณหนองสนม ขา้งโรงงานผลิตน้าํประปา ซ่ึงมีแนวทางแกค้ือรวบรวมน้าํ เสียมาระบายลงหนองหารเป็นจุดเดียวกนัเพื่อจดัทาํโครงการบาํบดัน้าํเสียโดยวธิีธรรมชาติรวมกบั การใช้เทคโนโลยีแบบ ประหยัด น้าํเสียจากตวัเมืองสกลนครจะถูกรวบรวมโดยระบบท่อส่งและผา่นการบาํบดัใหด้ีใน ระดบัหน่ึงก่อนส่งต่อไปยงัแปลงพืชน้าํบาํบดัแลว้ระบายลงสู่หนองหารต่อไป สาํหรับพืชน้าํที่ใช้ บาํบดัน้าํเสียไดแ้ก่ธูปฤาษีกกเล็กแพงพวยน้าํบอน ผกัตบชวา หญา้ปลอ้งละมาน เป็ นต้น แกล้งดิน เร่งก ามะถันท าปฏิกิริยา ไล่หน้าดินเปรี้ยว จาก ปัญหาดินเปร้ียวในบริเวณป่าพรุที่ถูกน้าํ ท่วมในจงัหวดันราธิวาส เนื่องจากมีสารประกอบไพไรทซ์ ่ึงมีกาํมะถนัเป็นองคป์ระกอบ พระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัจึงมีพระราชดาํริใหท้ดลอง “แกล้งดิน” ด้วยการทําให้ดินแห้งและ เปียกสลบักนัไป เพื่อกระตุน้ ใหส้ารไพไรทท์าํปฏิกิริยากบัออกซิเจนแลว้ปลดปล่อยกาํมะถนัออกมา ทาํใหด้ินเปร้ียวจดัจากน้นั ปรับปรุงดินดว้ยการใชน้ ้าํร่วมกบั ปูนมาร์ลหรือปูน ฝ่นุแลว้ไถพลิกกลบ ดิน ความเป็นเบสของปูนจะทาํใหด้ินซ่ึงเปร้ียวจดัถูกกระตุน้ ให้“ช็อก” จึงปรับสภาพสู่สภาวะปกติ จนกระทงั่เพาะปลูกขา้วได้ การ ปรับพ้ืนที่และยกร่องก็เป็นวธิีระบายกรดบนหนา้ดินอีกทางหน่ึง ส่วนจะปลูกพืชชนิด ใดน้นัตอ้งปรับพ้ืนที่ใหเ้หมาะสม เช่น หากจะปลูกขา้วตอ้งปรับดินใหล้าดเอียงเพื่อให้น้าํไหลออก หากจะปลูกผกัหรือพืชไร่อื่นใหย้กร่องและทาํคูเพื่อป้องกนัน้าํท่วม นอกจากน้ียงัตอ้งใส่ปูนขาวเพื่อ ปรับใหด้ินเป็นกลาง หรืออาจจะใชน้ ้าํจืดชะลา้งก็ไดแ้ต่ใชเ้วลานาน หญ้าแฝกรากฝังลกึอนุรักษ์หน้าดิน ด้วยระบบรากของ “หญ้าแฝก” ที่ฝังลึกไปในดินตรง ๆ และแผก่ระจายเหมือนกาํแพงจึง ช่วยชะลอความเร็วของน้าํที่ไหลผา่นหนา้ดิน ช่วยเก็บความชุ่มช้ืนของดินไวแ้ละป้องกนัการ พงัทลายของหนา้ดิน จึงมีการนาํไปใชป้ระโยชน์เพื่อการอนุรักษด์ิน เช่น ปลูกตามพ้ืนที่ลาดชนัหรือ บริเวณเขื่อนเพื่อป้องกนัการกดัเซาะของหนา้ดิน ปรับปรุงดินที่เสื่อมโทรม และยงัใชป้ลูกป้องกนั สารพิษปนเป้ือนลงแหล่งน้าํเป็นตน้


155 ผลจากการดําเนินงานตามพระราชดําริในการศึกษาให้ทราบพันธุ์และหาวิธีปลูกหญ้าแฝก ที่เหมาะสมเพื่อเผยแพร่ในพ้ืนที่ๆ ประสบปัญหาการชะลา้งพงัทลายของหนา้ดิน ทาํใหส้มาคม ควบคุมการกดัเซาะผวิดินนานาชาติ(International Erosion Control Association: IECA) มีมติถวาย รางวัล The International Erosion Control Association’s International Merit Award แด่ พระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัที่ทรงเป็นแบบอยา่งในการนาํหญา้แฝกมาใช้อนุรักษด์ินและน้าํเมื่อ วันที่ 30 ต.ค.2536 นอกจากน้ีพระอจัฉริยภาพทางดา้นวทิยาศาสตร์และเทคโนโลยเีป็นสิ่งที่คนในวงการ วทิยาศาสตร์ควรจะนอ้มนาํเป็นแบบอยา่งและแนวทางเพื่อการพฒันางานที่อยสูู่่การพัฒนาประเทศ ด้านสื่อสารอิเล็กโทรนิค เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดําเนินกลับมา ประทบัอยใู่นประเทศไทยเป็นการถาวรในปีพ.ศ. 2495 พระองคไ์ดท้รงต้งัสถานีวทิยุอ.ส.ข้ึนที่ พระราชวงัสวนดุสิต และชื่อสถานีวทิยดุงักล่าวไดท้รงนาํมาจากอกัษรยอ่ของพระที่นงั่อมัพรสถาน ซ่ึงเป็นสถานที่ที่ใชอ้อกอากาศคร้ังแรก ต่อมาจึงยา้ยสถานีวทิยุอ.ส. เขา้ไปต้งัในบริเวณพระตาํหนกั จิตรลดารโหฐาน เรื่องที่ 2 พระบรมวงศานุวงศ์ทมี่ีบทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทย พระบรมวงศานุวงศไ์ทยมีบทบาทสาํคญั ในการสร้างสรรคแ์ละพฒันาชาติใหเ้จริญรุ่งเรือง พระบรมวงศา นุวงศท์ ี่สาํคญัมีดงัน้ี 1. สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มีพระนามเดิมวา่ “พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ” ทรงเป็น พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยหัวและู่ เจ้าจอมมารดาแพทรงออกผนวชเมื่อพระชนม์20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหัวทรงเลื่อนเป็ู่ นสมเด็จ พระสังฆราชสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณ วโรรสทรงเป็นนักปราชญ์ที่มีความรอบรู้ในด้านการศาสนา ทรงได้รับการยกยอ่งวาทรงเป็ ่น “ดวงประทีปแกว้” แห่งคณะ สงฆ์ไทยเชี่ยวชาญพระธรรมวินัย และทรงเป็นนักการศึกษา ที่ร่วมบุกเบิกการประถมศึกษาในหัวเมืองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหัวู่


156 พระกรณียกิจส าคัญที่มีต่อการสร้างสรรค์ชาติไทยมีดังต่อไปนี้ ด้านศาสนา 1. ทรงต้งมหามกุฎราชวิทยาลัยเมื่อ พ.ศ. ั 2436 เพี่อเป็นสถานศึกษาข้นัสูงของสงฆและ์ ทรงนาํวชิาการแผนใหม่มาทดลองสอนและสอบ เช่น ภาษาบาลีสันสกฤต ภาษาไทย และ ภาษาองักฤษ รวมท้งัเรียนคณิตศาสตร์และวชิาการสมยัใหม่อื่น ๆ ทรงนําวิธีการวัดผลการศึกษาด้วย การสอบข้อเขียนมาใช้แทนการสอบปากเปล่าแบบเก่า 2. ทรงวางหลักสูตรนักธรรมที่เป็นการศึกษาข้นัพ้ืนฐานของสงฆ์ 3. ทรงวางระเบียบการปกครองคณะสงฆ์และแยกการปกครองคณะสงฆ์จากฆราวาสโดย ให้คณะสงฆ์ปกครองกนัเอง 4. ทรงนิพนธ์หนงัสือสาํคญัหลายเล่ม เช่น นวโกวาท พุทธประวัติเบญจศีลเบญจธรรม และ ธรรมวิจารณ์ทําให้เข้าใจพระพุทธศาสนาได้ดียงิ่ข้ึน ด้านการศึกษา 1. ทรงทาํงานร่วมกบัสมเด็จฯ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ ในการจดัต้งโรงเรียนในหัว ั เมืองและทรงรับหน้าที่ในการฝึกอบรมพระภิกษุในกรุงเทพฯ และหัวเมืองเพี่อให้เป็นครูออกไป สอนตามโรงเรียนหัวเมือง 2. ทรงวางแบบแผนการจดัต้งโรงเรียนและการสร้ ั างหลักสูตรการศึกษา ซึ่งทรงเน้นวา่ การศึกษา ต้องสอดคล้องกบัความต้องการของบ้านเมืองเป็นหลกัรวมท้งทรงให้ ัความสาํคญักบัการสอน ศีลธรรมและจริยธรรม 3. ทรงแนะนําและชักจูงให้ราษฎรเห็นผลประโยชน์ของการศึกษาและสนบัสนุนกิจการ ของโรงเรียนในท้องถิ่น 4. ทรงให้ความสาํคญักบัการเดินทางตรวจราชการตามหวัเมือง เพี่อให้เห็นสภาพปัญหา จริงแทนการรับฟังรายงานเพียงอยางเดียว ่ 2. พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท (พ.ศ. 2351-2414) มีพระนามเดิมวา่ “พระองค์เจ้านวม” ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลยักบัเจา้จอมมารดาปรางใหญ่และเป็นต้นราชสกุล สนิทวงศ์ทรงมีความรู้ทางด้านการแพทย์แผนไทย ทรง กาํกบักรมหมอและทรงมีบทบาทสาํคญั ในการพฒันาการ ต่างประเทศและการศึกษา ในวาระแห่งวันคล้ายวันประสูติ ครบ 200 ปีของพระองค์ องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์


157 และวฒันธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศยกยองให้ ่ พระเจ้าบรมวงศ์ เธอกรมหลวงวงษาธิราชสนิท ทรงเป็นบุคคลสําคัญของโลกในสาขาปราชญ์และกวี (Scholar and Poet)ประจําปีพ.ศ. 2551-2552 และเป็นบุคคลที่มีผลงานด้านการศึกษาและวรรณกรรม การแพทย์ และการสาธารณสุขและการต่างประเทศ พระกรณียกิจส าคัญที่มีต่อการสร้างสรรค์ชาติไทยมีดังนี้ ด้านการเมืองการปกครอง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิททรงมีความคุ้นเคยกบัวฒันธรรมตะวนัตก และชาวตะวันตกเป็นอยางดี พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้ ่ าเจ้าอยูหัว่จึงทรงแต่งต้งัให้ดาํรงตาํแหน่ง ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายไทยร่วมกบักลุ่มขุนนางตระกูลบุนนาค ในการเจรจาทําสนธิสัญญา กับชาติตะวนัตกที่สําคัญได้แก่ สนธิสัญญาเบาว์ริ งทรงดําเนินนโยบายทางการทูตด้วยความ ประนีประนอมและผอนปรนทําให้ ่ ความสัมพันธ์ระหวางประเทศดําเนินไปด้ ่ วยดี ด้านการแพทย์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิททรงนิพนธ์“ตําราสรรพคุณยาของกรม หลวงวงษาธิราชสนิท เล่ม 1และเล่ม 2” นับเป็นตาํราสมุนไพรไทยเล่มแรกของไทยที่มีการจําแนก สรรพคุณของสมุนไพรตามแบบวิทยาศาสตร์การแพทย์ตะวันตก ทรงเรียนรู้ในวิชาการแพทย์แผน ตะวันตก ทรงเป็นแพทย์ไทยพระองค์แรกที่ได้รับการถวายประกาศนียบัตรและทรงได้รับการทูล เชิญให้เป็นสมาชิกของสถาบันการแพทย์แห่งนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้านวรรณกรรม พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิททรงมีพระปรีชาสามารถในการประพันธ์ โคลง ฉันท์กาพย์กลอนพระนิพนธ์มีหลากหลายรูปแบบท้งัสาระและการบนัเทิง เช่น หนังสือ แบบเรียนจินดามณีเล่ม 2 และงานตรวจสอบชําระเรื่องพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เรื่องนิราศพระประธม เพลงยาวสามชาย ตาํราเพลงยาวกลบทสิงโตเล่นหาง โคลงภาพฤๅษีดัดตน เป็นต้น 3. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวดัติวงศ์ สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงมีพระนามเดิมว่า "พระองค์เจ้าจิตร เจริญ" ทรงเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้เจา้อยูห่ ัวกบัพระสัมพนัธวงศเ์ธอ พระองค์เจ้าพรรณรายประสูติเมื่อวันที่28 เมษายน พ.ศ.2406 เป็ นต้นราชสกุลจิตรพงศ์ทรงมีพระ ปรีชาสามารถในวิทยาการหลายแขนง เช่น ดนตรีอักษรศาสตร์ประวัติศาสตร์งานช่างและทรง มีผลงานสาํคญั ในดา้นการช่างและศิลปะ


158 - ทรงดาํรงตาํแหน่งเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงวัง เพื่อวางรากฐานการบริหารราชการใหม้ีความมนั่คง - ทรงเป็นอภิรัฐมนตรีที่ปรึกษาราชการแผน่ดินในสมยั รัชกาลที่ 7 - ทรงเป็ นผู้สําเร็จราชการหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง - ทรงมีพระปรีชาสามารถดา้นการช่างและศิลปะ - ทรงไดร้ับยกยอ่งใหเ้ป็นบรมครูแห่งการช่างและศิลปะ -องคก์ารยเูนสโกไดป้ระกาศเกียรติคุณของพระองคใ์นฐานะ ผู้มีผลงานดีเด่นดน้วฒันธรรมระดบัโลกพ.ศ.2506 ด้านการเมืองการปกครอง 1. ในรัชสมยัพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้เจา้อยหู่วั สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรา นุวัดติวงศ์ ทรงเป็ นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงวงัเพื่อวางรากฐานการบริหารราชการใหม้ีความมนั่คง 2. ในรัชสมยัพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้เจา้อยหู่วั สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัด ติวงศท์รงเป็นอภิรัฐมนตรีที่ปรึกษาราชการแผน่ดิน และหลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ทรงเป็ นผู้สําเร็จราชการเมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้เจา้อยหู่วัเสด็จประทบันอกกรุงเทพฯ และนอกประเทศ ด้านสังคมและวัฒนธรรม สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ทรงเป็ นพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีฝี มือทางด้าน การช่างงานศิลปะเกือบทุกแขนง ทรงมีผลงานด้านจิตรกรรม สถาปัตยกรรม ประติมากรรม นาฏศิลป์และดนตรีทรงไดร้ับการยกยอ่งจากองคก์ารศึกษาวทิยาศาสตร์และวฒันธรรมแห่ง สหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) ใหเ้ป็นบุคคลผมู้ีผลงานดีเด่นทางดา้นวฒันธรรมระดบั โลกประจําปี พ.ศ. 2506 ผลงานที่มีคุณค่าและมีชื่อเสียงของพระองค์เช่น ผลงานออกแบบพระอุโบสถวัดราชาธิ วาสและสถูปเจดีย์หลังพระอุโบสถ ออกแบบพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ออกแบบ ตรากระทรวงต่าง ๆ อนุสาวรียท์หารอาสาสงครามโลกคร้ังที่1 องค์พระธรณีบีบมวยผมที่เชิง สะพานผา่นภพลีลา ภาพจิตรกรรมมัจฉาชาดกที่หอพระคันธารราษฎรในวัดพระศรีรัตนศาสดา ราม ภาพสีน้าํมนั ประกอบพระราชพงศาวดารสมยัอยธุยา ภาพร่างเรื่องเวสสันดรชาดกสาํหรับ เขียนลงบนผนังอุโบสถวัดราชาธิวาส ภาพเขียนพระสุริโยทัยขาดคอช้าง อีกท้งัทรงมีความรอบรู้ และมีฝีมือทางดนตรีไทยทรงประพนัธ์เพลงต่าง ๆ มากมาย เช่น เพลงเขมารไทรโยค เป็ นต้น


159 4. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะ วงศว์โรปการ มีพระนามเดิมวา่พระองคเ์จา้วญั อุไทยวงศ์ ประสูติเมื่อวันที่27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2401 เป็ นพระเจ้าลูกยาเธอองค์ที่สองใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้เจา้อยหู่วัและเจา้ จอมมารดาเปี่ ยม เมื่อมีพระชันษา 17 ปี ทรงเข้า รับราชการทาํหนา้ที่ตรวจบญัชีคลงัร่วมกบัพระ เจา้บรมวงศเ์ธอกรมพระนเรศร์วรฤทธ์ิในสมยั น้นัการเก็บภาษีอากรของแผน่ดินยงัไม่เป็น ระเบียบผลประโยชน์ของแผน่ดินรั่วไหลมาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่วัจึง ทรงปฏิรูปการปกครองแผน่ดินดว้ยการต้งัหอรัษฎกรพิพฒัน์อันเป็นตน้กาํเนิดของ กระทรวงการคลงัข้ึนมีการต้งัสาํนกังานออดิต ออฟฟิ ศ แล้วโปรดเกล้าฯให้พระองค์เจ้าเทวัญ อุไทยวงศ์เป็ นหัวหน้าพนักงาน ซึ่งทรงปฏิบัติหนา้ที่เป็นอยา่งดีทรงพระปรีชารอบรู้ท้งัภาษาไทย ภาษาองักฤษ และวชิาเลข ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้เจา้อยหู่วัจึงโปรดเกลา้ฯให้ไปรับ ราชการช่วยเจา้พระยาภาสกรวงศ์(พร บุนนาค) ราชเลขาฝ่ายต่างประเทศ หลงัจากน้นัทรงดาํรง ตาํแหน่งเป็นราชเลขาธิการและไดร้ับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้ทรงกรมเป็ นกรมหมื่น เทวะวงศ์วโรปการ เมื่อ พ.ศ. 2424 กรมหมื่นเทวะวงศว์โรปการ ทรงริเริ่มให้มีการต้งัทูตไทยประจาํราชสํานกั ต่างประเทศเพื่อความสะดวกในการเจรจากบักงสุลต่างประเทศและทรงดาํริที่จะทาํสัญญากบั องักฤษจดัต้งัศาลต่างประเทศข้ึนที่เชียงใหม่อนัเป็นการเริ่มนาํคนในบงัคบัต่างประเทศมาไวใ้น อํานาจศาลไทยใน พ.ศ. 2424 ตาํแหน่งเสนาบดีกรมท่าวา่งลงจึงทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ฯ แต่งต้งักรมหมื่นเทวะวงศว์โรปการเป็นเสนาบดีกรม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้ เจา้อยหู่วัทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ฯ เลื่อนเป็นพระองคเ์จา้ต่างกรมช้นัผใู้หญ่เป็นกรมหลวงเทวะ วงศว์โรปการ ดาํรงตาํแหน่งเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ ทรงพยายามที่จะหาทางรักษาไมตรี ระหวา่งไทยกบั ประเทศต่างๆ ใหด้าํเนินไปดว้ยดีกรณีวกิฤตการณ์ร.ศ. 112 มีการปะทะกนั ระหวา่งเรือของฝรั่งเศสกบัไทย พระองคท์รงช่วยผอ่นคลายสถานการณ์อนัตึงเครียดถึงแมว้า่ จะตอ้งสูญเสียดินแดนไปบา้งแต่ก็ยงัคงรักษา เอกราชของไทยไว้ได้ในสมัยรัชกาลที่ 6กรมหลวงเทวะวงศว์โรปการทรงดาํรงตาํแหน่งเสนาบดี สืบมาและพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยหู่วัทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ฯเลื่อนพระอิสริยยศ เป็ นกรมพระเทวะวงศ์วโรปการ


160 เมื่อ พ.ศ. 2459 ทรงเป็นมหาอาํมาตยย์ศเทียบเท่ากบัจอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศว์โรปการสิ้นพระชนมเ์มื่อวนัที่28 มิถุนายน พ.ศ. 2466 พระชันษา 65 ปี ทรง เป็ นต้นราชสกุล เทวกุล -ทรงมีบทบาทสาํคญัดา้นการต่างประทศ -ประเทศไทยรอดพน้จากการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ดว้ยนโยบายทางการทูตของ พระองค์ -ทรงมีบทบาทสาํคญั ในการเจรจาแกไ้ขปัญหาระหวา่ง ไทยกบัองักฤษ -ทรงมีบทบาทสําคัญด้านการเมืองการปกครอง -ทรงมีบทบาทสาํคญั ในการจดัต้งัรัฐมนตรีสภา 5. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาด ารงราชานุภาพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ เป็ นพระโอรสในรัชกาลที่ 4 กบัเจา้จอมมารดาชุ่ม มีพระนาม เดิมวา่พระองคเ์จา้ดิศวรกุมาร ประสูติเมื่อวนัที่21 มิถุนายน พ.ศ. 2405 ทรงไดร้ับการศึกษาเบ้ืองตน้ ในพระบรมหมาราชวงั ในสมัยรัชกาลที่5ได้รับการสถาปนาเป็ นกรมหมื่นดํารงราชา นุภาพ แลว้เลื่อนเป็นกรมหลวง ต่อมาในสมยัรัชกาลที่6 ไดเ้ลื่อนข้ึนเป็นกรมพระยาและเมื่อถึง สมัยรัชกาลที่ 7 ได้รับการสถาปนาเป็ น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ สมเด็จฯ กรมพระยาดาํรงราชานุภาพทรงเป็นกาํลงัสาํคญั ในการพฒันาบา้นเมืองโดยเฉพาะการ ปฏิรูปประเทศในสมัยรัชกาลที่5 ทรงปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วนความวิริยะอุตสาหะมีความรอบรู้มี ความซื่อสัตยแ์ละจงรักภกัดีต่อพระมหากษตัริยท์ุกพระองค์ ผลงานส าคัญมี 3 ด้าน การศึกษา ใน พ.ศ. 2423 ทรงไดร้ับแต่งต้งัใหด้าํรงตาํแหน่งผบู้งัคบัการกรมทหารมหาดเล็ก จึงเกี่ยวขอ้งกบัการศึกษามาต้งัแต่น้นัเนื่องจากมีการต้งัโรงเรียนทหารมหาดเล็กข้ึนในกรมทหาร มหาดเล็ก ต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงเรียนพลเรือน จนถึง พ.ศ. 2433 ทรงเป็ นอธิบดีกรมศึกษาธิการและ กาํกบักรมธรรมการ จึงปรับปรุงงานดา้นการศึกษาใหท้นัสมยัเช่น กาํหนดจุดมุ่งหมายทางการ ศึกษาใหส้อดคลอ้งกบัความตอ้งการของประเทศคือฝึกคนเพื่อเขา้รับราชการกาํหนดหลกัสูตร เวลาเรียนให้เป็นแบบสากล ทรงนิพนธ์แบบเรียนเร็วข้ึนใชเ้พื่อสอนให้อ่านไดภ้ายใน 3 เดือน มีการตรวจคดัเลือกหนงัสือเรียนกาํหนดแนวปฏิบตัิราชการในกรมธรรมการและริเริ่มขยาย การศึกษาออกไปสู่ราษฎรสามญัชน เป็นตน้


161 การปกครอง ทรงตาํแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยคนแรกเป็นเวลานานถึง 23 ปีติดต่อกนัต้งัแต่ พ.ศ. 2435 -2458 ทรงมีบทบาทสาํคญั ในการวางรากฐานระบบการบริหารราชการแผน่ดินส่วน ภูมิภาคในแนวใหม่โดยยกเลิกการปกครองที่เรียกวา่ระบบกินเมือง ซ่ึงใหอ้าํนาจเจา้เมืองมากมา เป็นการรวมเมืองใกลเ้คียงกนัต้งัเป็นมณฑล และส่งขา้หลวงเทศาภิบาลไปปกครองและจ่าย เงินเดือนใหพ้อเล้ียงชีพ ระบบน้ีเป็นระบบการรวมอาํนาจเขา้สู่ศูนยก์ลาง นอกจากน้ีมีการต้งั หน่วยงานใหม่ข้ึนในกระทรวงมหาดไทยเพื่อทาํหนา้ที่ดูแลทุกขส์ุขราษฎรเช่น กรมตาํรวจ กรม ป่าไม้กรมพยาบาล เป็นตน้ตลอดเวลาที่ทรงดูแลงานมหาดไทยทรงใหค้วามสาํคญัแก่การตรวจ ราชการเป็นอยา่งมากเพราะตอ้งการเห็นสภาพเป็นอยทู่ ี่แทจ้ริงของราษฎร ดูการทาํงานของ ขา้ราชการและเป็นขวญักาํลงัใจแก่ขา้ราชการหวัเมืองดว้ย งานพระนิพนธ์ ทรงนิพนธ์งานด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรมไว้เป็ นจํานวนมากทรง ใชว้ธิีสมยัใหม่ในการศึกษาคน้ควา้ประวตัิศาสตร์และโบราณคดีจนไดร้ับการยกยอ่งวา่เป็นบิดาทาง โบราณคดีและประวตัิศาสตร์ไทย สมเด็จฯ กรมพระยาดาํรงราชานุภาพทรงลาออกจากตาํแหน่ง เสนาบดี กระทรวงมหาดไทยเมื่อ พ.ศ. 2458 ในสมัยรัชกาลที่ 6 เนื่องจากมีปัญหาดา้นสุขภาพ แต่ ต่อมาเสด็จกลบัเขา้รับราชการอีกคร้ังในตาํแหน่งเสนาบดีมุรธาธร และเมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 7 ทรง ดาํรงตาํแหน่งอภิรัฐมนตรีงานสาํคญัอื่นๆที่ทรงวางรากฐานไว้ไดแ้ก่หอสมุดสาํหรับพระนครและ งานดา้นพิพิธภณัฑแ์ละหอจดหมายเหตุสมเด็จฯ กรมพระยาดาํรงราชานุภาพสิ้นพระชนมเ์มื่อ พ.ศ. 2486 ทรงเป็ นต้นราชสกุล ดิศกุลใน พ.ศ. 2505 ยูเนสโกประกาศยกยอ่งพระองคใ์หเ้ป็นผมู้ีผลงาน ดีเด่นทางดา้นวฒันธรรมระดบัโลก นบัเป็นคนไทยคนแรกที่ไดร้ับเกียรติจากสถาบนัแห่งน้ี 6. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ สมเด็จเจา้พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค) เป็นบุตรชายคนใหญ่ของสมเด็จเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์(ดิศ) กบัท่านผหู้ญิงจนัทร์เกิดเมื่อวนัที่23ธันวาคม พ.ศ. 2351 ในวยัเด็กไดร้ับการศึกษาจากวดัเมื่อเขา้สู่วยัรุ่นในสมยัรัชกาล ที่ 2 บิดาซ่ึงขณะน้นัเป็นพระยาพระคลงันาํไปถวายตวัเป็น มหาดเล็ก และทาํงานดา้นพระคลงัและกรมท่าอยกู่บับิดาต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ 3 รับราชการมีความชอบมากได้เลื่อนบรรดา ศกัด์ิมาตามลาํดบัจนเป็นหมื่นไวยวรนาถใน พ.ศ. 2384 และเป็ นพระยาศรีสุริยวงศ์ในตอนปลาย รัชกาล คร้ันถึงสมยัรัชกาลที่4 ไดเ้ลื่อนข้ึนเป็นเจา้พระยาศรีสุริยวงศว์า่ที่สมุหกลาโหม เจ้าพระยา


162 ศรีสุริยวงศ์เป็ นผู้ฝักใฝ่ สนใจศึกษาศิลปวิทยาของตะวันตกจึงจัดเป็ นพวกหัวสมัยใหม่คนหน่ึงของ สมยัน้นัท่านกบับิดาของท่านไดค้อยช่วยเหลือสนบัสนุนพวกมิชชนันารีที่เขา้มาสมยัรัชกาลที่3 เพื่อใหเ้ผยแพร่วทิยาการและเทคโนโลยสีมยัใหม่ออกไป เมื่อเซอร์จอห์นเบาว์ริง เข้ามาทํา สนธิสัญญาเบาวร์ิงกบัไทยในสมยัรัชกาลที่4 เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ทรงเป็ น 1 ใน 5 ที่รัชกาลที่ 4 ทรงแต่งต้งัใหเ้ป็นที่ปรึกษาขอ้ สัญญากบัเซอร์จอห์นเบาวร์ิง ทาํการทาํสนธิสัญญาสาํเร็จลุล่วงได้ ดว้ยดีและต่อมาท่านไดเ้ป็นผูแ้ทนฝ่ายไทยในการทาํสนธิสัญญาลกัษณะเดียวกนักบันานาประเทศ ในตอนปลายรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกลา้เจา้อยหู่วัซ่ึงเป็นวงัหนา้หรือพระมหาอุปราช สวรรคต รัชกาลที่ 4ไม่ไดท้รงต้งัผหู้น่ึงผใู้ดข้ึนแทน คร้ันเมื่อรัชกาลที่4 สวรรคตใน พ.ศ. 411 ที่ ประชุมเสนาบดีและพระบรมวงศานุวงศ์จึงไดอ้ญัเชิญเจา้ฟ้าจุฬาลงกรณ์ข้ึนเสวยราชยเ์ป็น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้เจา้อยหู่วัและเชิญเจา้พระยาศรีสุริยวงศข์้ึนเป็นผสู้าํเร็จราชการ แผน่ดินโดยมีมติเป็นเอกฉนัท์นอกจากน้ียงัเชิญกรมหมื่นบวรวชิยัชาญ พระโอรสองคใ์หญ่ของ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกลา้เจา้อยหู่วัข้ึนเป็นกรมพระราชวงับวงสถานมงคลแมจ้ะมีผคู้ดัคา้นวา่ การต้งัผดู้าํรงตาํแหน่งกรมพระราชวงับวรสถานมงคล ควรใหเ้ป็นพระราชอาํนาจของ พระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัแต่เสียงส่วนใหญ่ก็เห็นวา่ควงจะต้งัไปเลย ท้งัน้ีอาจเพราะเกรงใจ เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ซึ่งสนับสนุนกรมหมื่นบวรวชิยัชาญนบัเป็นคร้ังแรกในสมยัรัตนโกสินทร์ที่ พระมหากษตัริยข์้ึนเสวยราชย์ขณะพระชนมพรรษาเพียง 15 พรรษา และมีผดู้าํรงตาํแหน่งผสู้าํเร็จ ราชการแผน่ดินเป็นผใู้ชอ้าํนาจแทนจึงมีผูห้วนั่เกรงวา่อาจมีการชิงราชสมบตัิดงัเช่น ที่พระยากลาโหมกระทาํในสมยัอยธุยา แต่เหตุการณ์เช่นน้นัก็มิไดเ้กิดข้ึน เจา้พระยาศรีสุริยวงศ์ได้ บริหารราชการมาดว้ยความเรียบร้อย พร้อมกนัน้นัก็ไดจ้ดัใหร้ัชกาลที่5 ทรงได้รับการฝึ กหัดการ เป็นพระมหากษตัริยต์ามโบราณราชประเพณีและใหท้รงเรียนรู้ศิลปวทิยาการสมยัใหม่ควบคู่ไป ดว้ย นอกจากน้นัยงัจดัให้เสด็จประพาสสิงคโปร์และชวาใน พ.ศ. 2431 อินเดียและพม่าใน พ.ศ. 2415 เพื่อทอดพระเนตรแบบแผนการปกครอง ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเจริญของประเทศที่ อยใู่นความปกครองของตะวนัตก ซ่ึงรัชกาลที่5ไดท้รงนาํแบบอยา่งที่เหมาะสมมาปรับปรุง ประเทศใหเ้จริญกา้วหนา้ในเวลาต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงบรรลุนิติภาวะใน พ.ศ.2416ได้มีพระ ราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นคร้ังที่2 ซ่ึงแสดงวา่จะทรงวา่ราชการบา้นเมืองเอง ในพระราชพิธีคร้ังน้ี โปรดเกลา้ฯใหเ้ลื่อนบรรดาศกัด์ิเจา้พระยาศรีสุริยวงศ์เป็ นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ แมส้มเด็จเจา้พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศจ์ะพน้จากตาํแหน่งผสู้าํเร็จราชกาลแผน่ดินแลว้ แต่ก็คงทาํหนา้ที่ที่ปรึกษาราชการแผน่ดินต่อมาจนถึงแก่พิราลยัใน พ.ศ.2425 รวมอายุได้ 74 ปี


163 7. สมเด็จพระสุริโยไท สมเด็จพระสุริโยไท หรือ พระสุริโยไทวีรสตรีไทย สมัยอยุธยา เป็ นอัครมเหสีในสมเด็จ พระหาจักรพรรดิหรือพระเฑียรราชาพระมหากษัตริย์องค์ที่ 15ของกรุงศรีอยุธยาราชวงศ์สุพรรณ ภูมิพระสุริโยไท ตามพงศาวดารหลวงประเสริฐฯ กล่าวเพียงแค่เป็นอคัรมเหสีผูเ้สียสละพระชนม์ ชีพเพื่อปกป้องพระราชสวามีในสงครามพระเจา้ตะเบ็งชะเวต้ีในปีพ.ศ. 2091 พงศาวดารบางฉบับ กล่าววา่พระสุริโยไท เป็นเจา้นายเช้ือสายราชวงศพ์ระร่วงเจา้กรุงสุโขทยั โดยมิไดก้ล่าวรายละเอียด ใดมากกวา่น้ี พระราชประวัติ พระราชประวัติของสมเด็จพระสุริโยไท ยงัไม่เป็นที่ทราบแน่ชดัแต่สันนิษฐานวา่สืบเช้ือ สายมาจากราชวงศส์ุโขทยัซ่ึงดาํรงตาํแหน่งพระอคัรมเหสีในสมเด็จพระมหาจกัรพรรดิในขณะที่ สมเด็จพระมหาจกัรพรรดิข้ึนครองราชยส์มบตัิกรุงศรีอยธุยาต่อจากขนุวรวงศาธิราชไดเพียง ้ 7 เดือน เมื่อ พ.ศ.2091 พระเจา้ตะเบง็ชะเวต้ีและพระมหาอุปราชาบุเรงนองยกกองทพัพม่า-รามัญเข้า มาลอ้มกรุงศรีอยธุยาคร้ังแรกโดยผา่นมาทางดา้นด่านพระเจดียส์ามองค์จงัหวดักาญจนบุรีและต้งั ค่ายลอ้มพระนครการศึกคร้ังน้นัเป็นที่เลื่องลือถึงวีรกรรมของ สมเด็จพระศรีสุริโยไท ซ่ึงไสชา้ง พระที่นงั่เขา้ขวางพระเจา้แปรดว้ยเกรงวา่สมเด็จพระมหาจกัรพรรดิพระราชสวามีจะเป็นอนัตราย จนถูกพระแสงของา้วฟันพระองัสาขาดสะพายแล่งสิ้นพระชนมอ์ยบู่นคอชา้ง เพื่อปกป้องพระราช สวามีไว้ เมื่อสงครามยุติลง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิได้ทรงปลงพระศพของพระนางและสถาปนา สถานที่ปลงพระศพข้ึนเป็ นวัด ขนานนามวา่"วดัสบสวรรค"์ (หรือวดัสวนหลวงสบสวรรค)์ พระราชโอรสและพระราชธิดา สมเด็จพระสุริโยไท มีพระราชโอรส-พระราชธิดา 5 พระองค์ พระราเมศวรพระราชโอรส องคโ์ต เป็นพระมหาอุปราช ถูกจบัเป็นองคป์ระกนัแก่พม่าและสิ้นพระชนมร์ะหวา่งไปหงสาวดี พระบรมดิลกพระราชธิดา เสียพระชนม์ชีพพร้อมพระมารดาในสงครามคราวเสียพระสุริโยไทพระ


164 สวสัด์ิราช พระราชธิดา ต่อมาไดร้ับการสถาปนาข้ึนเป็นพระวิสุทธิกษัตรีย์ อัครมเหสีในสมเด็จพระ มหาธรรมราชาและเป็นพระชนนีของพระสุพรรณกลัยา สมเด็จพระนเรศรมหาราช และสมเด็จพร เอกาทศรถพระมหินทร์ พระราชโอรสองคร์อง ต่อมาไดข้้ึนครองราชยเ์ป็น สมเด็จพระมหินทราธิ ราช กษตัริยอ์งคส์ุดทา้ยก่อนเสียกรุงศรีอยธุยาคร้ังที่1 ใน ปี พ.ศ. 2112 พระเทพกษัตรีพระราชธิดา ภายหลงัถูกส่งตวัถวายแด่พระไชยเชษฐาแห่งอาณาจกัรลา้นชา้ง ซ่ึงระหวา่งการเดินทางถึงชายแดน สยามประเทศพระนางถูกพระเจ้าบุเรงนองกษตัริยแ์ห่งพม่าทาํการชิงตวัไปยงักรุงหงสาวดีสาเหตุที่ พระเจา้บุเรงนองชิงตวัไปก็เพราะพระเทพกษตัรีเป็นหน่อเน้ือของพระสุริโยไท ในปี พ.ศ. 2535ได้ มีการก่อสร้างพระราชานุสาวรียส์มเด็จพระสุริโยไท ที่บริเวณทุ่งมะขามหยอ่ง ตาํบลบา้นใหม่ อําเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็ นพระอนุสาวรีย์ประดิษฐานพระรูป สมเด็จพระสุริโยไท ความเป็นมาของสงครามระหวา่งไทยกบัพม่าในคร้ังน้นัมีเหตุการณ์สืบเนื่องมาจากพระเจา้ หงสาวดีตะเบงชะเวต้ีไดรู้้ข่าวกรุงศรีอยธุยาเกิดเหตุวนุ่วายเมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระไชย ราชาธิราช เกิดการแยง่ชิงราชสมบตัิระหวา่งพระแกว้ฟ้า พระราชโอรส และขนุวรวงศาธิราช และ อญัเชิญพระราชอนุชาต่างพระชนนีในสมเด็จพระไชยราชาธิราชข้ึนเสวยราชสมบตัิทรงพระนามวา่ “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ” เมื่อกองทัพพระเจ้ากรุงหงสาวดียกมาถึงกรุงศรีอยุธยาแล้วกองทัพกรุง ศรีอยุธยาได้ยกออกไป กองทัพฝ่ ายกรุงศรีอยุธยาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งมีสมเด็จพระ สุริโยไท พระอคัรมเหสีและสมเด็จพระเจา้ลูกยาเธอท้งัสองพระองค์เสด็จมาในทพัดว้ยน้ีได้ปะทะ กบักองทพัพระเจ้าแปร ซึ่งเป็ นทัพหน้าของพระเจ้ากรุงหงสาวดีไดท้รงเขา้ชนชา้งกนัความใน พงศาวดารไทยรบพม่าพรรณนาไวว้า่ “...ช้างพระที่นั่งสมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสียที สมเด็จพระสุริโยไทเกรงพระราชสวามีจะ เป็ นอันตราย จึงขับช้างทรงเข้าขวางช้างข้าศึกไว้ พระเจ้าแปรได้ทีฟันสมเด็จพระสุริโยไท ด้วย ส าคัญว่าเป็ นชายสิ้นพระชนม์ซบลงกับคอช้าง…”


165 เรื่องที่ 3 ขุนนางและชาวต่างชาติทมี่บีทบาทในการสร้างสรรค ์ ชาติไทย 1.เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ออกญาโกษาธิบดีมีชื่อเดิมวา่ ป่าน เป็นบุตร ของเจา้แม่วดัดุสิต พระนมของสมเด็จพระนารายณ์ กษัตริย์องค์ที่ 27 ของอยุธยา และเป็ นน้องชายของ ออกญาโกษาธิบดี(เหล็ก) ซ่ึงดาํรงตาํแหน่งพระคลงั ระหวา่งปีพ.ศ. 2200-2226 ต่อมาไดเ้ลื่อนบรรดาศกัด์ิ เป็ นพระวิสุทธสุนทร (ป่ าน) ในสมัยที่โกษาปาน ดาํรงตาํแหน่งเป็นพระวสิูตรสุนทรไดร้ับแต่งต้งั ใหเ้ป็นทูตออกไปเจริญสัมพนัธไมตรีกบัฝรั่งเศส ในสมยัดงักล่าวฝรั่งเศสมีอิทธิพลในราชสาํนกั ของพระนารายณ์มากจุดประสงคข์องฝรั่งเศส คือ การเผยแพร่คริสตศ์าสนาและพยายามให้ พระนารายณ์เขา้รีตเป็นคริสตช์นดว้ยรวมท้งัยงั พยายามมีอํานาจทางการเมืองในอยุธยา ดว้ยการเจรจาขอต้งักาํลงัทหารของตนที่เมืองบางกอกและ เมืองมะริด ออกพระวสิุทธ์ิสุนทร(ป่าน)ออกเดินทางไปฝรั่งเศส เมื่อธนัวาคม พ.ศ. 2228 ได้เข้าเฝ้า พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เมื่อ 1 กนัยายน พ.ศ. 2229 และเดินทางกลับเมื่อ 27 กนัยายน พ.ศ. 2230 รวม เดินทางไปกลบัอยธุยาฝรั่งเศสท้งัหมด 1 ปี 9 เดือน โกษาปานเป็นนกัการทูตที่สุขมุไม่พูดมาก ละเอียดลออในการจดบนัทึกที่ไดพ้บเห็นในการเดินทางคร้ังน้นัสาํหรับการเขา้เฝ้าในคร้ังน้ีออก พระวสิุทธ์ิสุนทร(ปาน)ไดก้ระทาํหนา้ที่เป็นผแู้ทนของราชสาํนกัอยธุยาอยา่งถูกตอ้งตาม ขนบธรรมเนียมประเพณีการเขา้เฝ้าจนชาวฝรั่งเศสไดก้ล่าวยกยอ่งชื่นชมคณะทูตไทย ซ่ึงถือวา่การ ไปเจริญสัมพนัธไมตรีคร้ังน้ีประสบความสาํเร็จเป็นอยา่งยงิ่เพราะทาํใหค้วามสัมพนัธ์ระหวา่งไทย กบัฝรั่งเศสแน่นแฟ้นยงิ่ข้ึน การเจริญสัมพนัธไมตรีของพระวสิุทธ์ิสุนทร(ปาน) และคณะราชทูตใน คร้ังน้นัไดส้ร้างชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในทวปียโุรป เนื่องจากเป็นคร้ังแรกที่พระเจา้แผน่ดินทางดา้น ตะวนัออกแต่งคณะราชทูตไปยงัสาํนกัฝรั่งเศสพระเจา้หลุยส์ทรงจดัการรับรองคณะราชทูตจากกรุง ศรีอยธุยาอยา่งสมเกียรติยศและโปรดใหจ้ดัทาํเหรียญที่ระลึกและมีการเขียนรูปราชทูตไทยเข้าเฝ้า พระเจ้าหลุยส์ที่14 ของฝรั่งเศสเป็นที่ระลึกดว้ย


166 ในปลายสมยัของพระนารายณ์มีความรู้สึกต่อตา้นชาวต่างชาติ(โดยเฉพาะอยา่งยงิ่ ฝรั่งเศส) ในหมู่ขนุนางไทยและพระสงฆ์พระเพทราชา เจา้กรมชา้ง (ซ่ึงต่อมาเป็นกษตัริยอ์งคท์ ี่28 ของอยธุยา) ทรงเป็นผนู้าํในการต่อตา้นคร้ังน้ีโกษาปานไดเ้ขา้เป็นฝ่ายของพระเพทราชา เมื่อพระ เพทราชาปราบดาภิเษกข้ึนเป็นกษตัริย์โกษาปานไดร้ับมอบหมายใหเ้ป็นผูเ้จรจากบันายพลฝรั่งเศส ที่คุมป้อมอยทู่ ี่เมืองบางกอกใหถ้อนทหารออกไปจากอาณาจกัรไทยไดส้าํเร็จ พระยาโกษาธิบดี(ปาน) เป็นชายหนุ่มที่มีรูปงาม กิริยามารยาทเรียบร้อย มีไหวพริบดี รู้จกัโตต้อบ ไดถู้กเรื่องราวและกาลเทศะไม่มีอาการประหม่าสะทกสะเทิ้นเขินอายเป็นคนช่าง สังเกตจดจาํสิ่งที่พบเห็นไดทุ้กอยา่งเมื่อเปลี่ยนแผน่ดินเป็นสมเด็จพระเพทราชาน้นัพระยาโกษาธิ บดี(ปาน ) น้นัไดร้ับแต่งต้งัเป็นเจา้พระยาโกษาธิบดีแต่ดว้ยเหตุที่เป็นคนซื่อสัตยต์ ่อสมเด็จพระ นารายณ์ฯ ดงัน้นัเมื่อเห็นวา่สมเด็จพระเพทราชากระทาํการไม่สมควรกรณีแต่งต้งัท้งัพระมเหสีและ พระขนิษฐาของสมเด็จพระนารายณ์เป็นพระมเหสีจึงทาํใหส้มเด็จพระเพทราชาน้นัทรงกริ้วเป็ นอัน มาก จึงหาเหตุให้ต้องพระราชอาญา เมื่อ พ.ศ. 2243 ภรรยาตลอดจนทรัพยส์มบตัิของท่านก็ถูกริบ หมด และมีโทษโบยดว้ยเชือกจนสลบ เล่ากนัวา่หลงัน้นัไม่มีเน้ือดีจนมีการกล่าวกนัวา่เจา้พระยา โกษาธิบดี(ปาน) น้นัมีความเกรงกลวัพระราชอาญาเสียจนไม่กลา้ที่จะกราบทูลเรื่องสาํคัญๆ จนใน ที่สุดถึงแก่อสัญกรรม ดว้ยความโทมนสัที่ถูกพระราชอาญาและตอ้งโทษโบยอยเู่สมอ ส่วนครอบครัวของท่านก็ไดแ้ตกฉานซ่านเซ็นไปอยคู่นละทิศละทาง เมื่อกรุงศรีอยธุยา เสียแก่พม่าคร้ังสุดทา้ยคุณทองดีซ่ึงเป็นหลานปู่ของโกษาปานไดอ้พยพไปอยกู่บั เจ้าพระยา พิษณุโลก(เรือง) ต่อมาเมื่อเหตุการณ์สงบไดม้าต้งันิวาสสถานอยู่ณ ตาํบลสะแกกรัง เมืองอุทยัธานี ท่านผนู้้ีปรากฏวา่เป็นบิดาของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษตัริยใ์นราชวงศจ์กัรี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ออกญาโกษาธิบดี (ปาน) ได้รับการยกยอ่งสรรเสริญในเรื่องความสามารถทาํใหไ้ทย เป็นที่รู้จกัของชาวต่างชาติและจากบุคลิกของท่านที่เฉลียวฉลาด มีมารยาทเรียบร้อย ช่างสังเกต ช่าง จดจาํพูดจาหลกัแหลมคมคาย ทาํใหท้ ่านประสบความสาํเร็จในการประกาศชื่อเสียงและเกียรติคุณ ของประเทศชาติ จากผลงาน การเป็ นหัวหน้าคณะราชทูตไทยไปเจริญสัมพนัธไมตรีกบั ประเทศ ฝรั่งเศสจนประสบผลสาํเร็จของออกญาโกษาธิบดี(ปาน) ทาํใหไ้ทยรอดพน้จากการคุกคามของ ฮอลันดา 2.หม่อมราโชทัย (หม่อมราชวงศก์ระต่ายอิศรางกูร) หม่อมราโชทยั นามเดิม หม่อมราชวงศก์ระต่ายอิศรางกูร (12 มิถุนายน พ.ศ. 2363 -31 กรกฎาคม พ.ศ. 2410) เป็ นบุตรของ พระวงศเ์ธอ พระองคเ์จา้ชอุ่ม กรมหมื่นเทวานุรักษ์เป็นนดัดาของ พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเกศ กรมขุนอิศรานุรักษ์


167 และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ 2 เป็ นปนัดดาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็ นพระพี่นางในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หม่อมราโชทยั นามเดิม หม่อมราชวงศก์ระต่ายอิศรางกูร(12 มิถุนายน พ.ศ. 2363 -31 กรกฎาคม พ.ศ. 2410) เป็ นบุตรของพระวงศเ์ธอ พระองคเ์จา้ชอุ่ม กรมหมื่นเทวานุรักษ์เป็นนดัดาของพระสัม พันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเกศ กรมขุนอิศรานุรักษ์ และสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ 2 เป็ นปนัดดาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็ นพระพี่นางใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หม่อมราชวงศก์ระต่ายอิศรางกูรเกิดตอนปลาย สมยัพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้นภาลยัเมื่อเจริญวยับิดาไดน้าํไปถวายตวัอยกู่บั พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้เจา้อยหู่วัซ่ึงขณะน้นัยงัดาํรงพระอิสริยยศเป็นเจา้ฟ้ามงกุฎ สมมุติเทวา วงศ์ พงศาอิศวรกระษัตริย์ ขัตติยราชกุมารเมื่อเจา้ฟ้ามงกุฎผนวช หม่อมราชวงศก์ระต่ายก็ไดต้าม เสด็จไปรับใช้ต่อมาเมื่อเจา้ฟ้ามงกุฎทรงสนพระราชหฤทยัในภาษาองักฤษ หม่อมราชวงศก์ระต่ายก็ ได้ศึกษาตามพระราชนิยม โดยมีมิชชันนารีที่เข้ามาสอนศาสนาเป็ นผู้สอนจนไดช้ื่อวา่เป็นผมู้ีความรู้ ภาษาอังกฤษดี จนเจา้ฟ้ามงกุฎทรงใชใ้หเ้ป็นตวัแทนเชิญกระแสรับสั่งไปพูดจากบัชาวต่างชาติได้ เป็นอยา่งดี คร้ันเมื่อเจา้ฟ้ามงกุฎเสด็จเถลิงถวลัยราชสมบตัิข้ึนเป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้ เจา้อยหู่วัหม่อมราชวงศก์ระต่ายก็ติดตามสมคัรเขา้รับราชการความสามารถของหม่อมราชวงศ์ กระต่ายที่ช่วยราชกิจไดด้ีจึงไดร้ับพระราชทานเลื่อนอิสริยยศเป็น "หม่อมราโชทยั"และดว้ยความรู้ ในภาษาอังกฤษดี พ.ศ. 2400 พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้เจา้อยหู่วัจึงโปรดเกลา้ฯ ให้หม่อม ราโชทยัเป็นล่ามหลวงไปกบัคณะราชทูตไทยที่เชิญพระราชสาสน์และเครื่องมงคลราชบรรณาการ เดินทางไปถวายสมเด็จพระราชินีนาถวกิตอเรียการเดินทางไปในคร้ังน้นัเป็นที่มาของหนงัสือนิราศ เมืองลอนดอน ซ่ึงแต่งหลงัจากเดินทางกลบัได้2 ปีต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้เจา้อยหู่วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ฯ ใหห้ม่อมราโชทยัข้ึนเป็นอธิบดีพิพากษาศาลต่างประเทศเป็นคนแรก ของไทย หม่อมราโชทยัถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปีพ.ศ. 2410 ขณะมีอายุ 47 ปี พิธีพระราชทานเพลิง ศพจดัข้ึนที่เมรุวดัอรุณราชวราราม เมื่อวนัที่19 กนัยายน พ.ศ. 2410 3. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค) สมเด็จเจา้พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค) เป็นมหาบุรุษของไทยที่สร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอยา่ง ใหญ่หลวงท่านเป็นศูนยร์วมจิตใจของทุกคนในสถาบนัราชภฏั บา้นสมเด็จเจา้พระยาและชุมชนใกลเ้คียง เนื่องจากที่ต้งัของสถาบนั ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และบริเวณโดยรอบเคยเป็ นจวนและที่ดิน ของท่านมาก่อน ทุก ๆ คนในสถาบนัราชภฏัแห่งน้ีจึงเคารพเทิดทูนท่าน


168 โดยขนานนามท่านวา่"เจา้พ่อ"และเรียกตนเองวา่"ลูกสุริยะ" เนื่องจากท่านไดร้ับพระราชทานตรา มหาสุริยมณฑล จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้เจา้อยหู่วั ซึ่งเป็ นตราประจําตัวและยึดถือ เป็นสัญลกัษณ์แทนตวัท่านมาโดยตลอด สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์(ช่วง บุนนาค) เป็นมหาบุรุษของไทยที่สร้าง คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอยา่งใหญ่หลวงท่านเป็นศูนยร์วมจิตใจของทุกคนในสถาบนัราชภฏั บ้านสมเด็จเจ้าพระยา และชุมชนใกลเ้คียง เนื่องจากที่ต้งัของสถาบนัราชภฏับา้นสมเด็จเจา้พระยา และบริเวณโดยรอบเคยเป็นจวนและที่ดินของท่านมาก่อน ทุก ๆ คนในสถาบนัราชภฏัแห่งน้ีจึง เคารพเทิดทูนท่านโดยขนานนามท่านว่า "เจา้พ่อ" และเรียกตนเองว่า "ลูกสุริยะ" เนื่องจากท่าน ได้รับพระราชทานตรามหาสุริยมณฑลจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้เจา้อยู่หัว ซ่ึงเป็นตรา ประจาํตวัและยดึถือเป็นสัญลกัษณ์แทนตวัท่านมาโดยตลอด สมเด็จเจา้พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศเ์ป็นบุตรคนใหญ่ของสมเด็จพระยาบรมมหาประยูร วงศ์(ดิศ บุนนาค)และท่านผหู้ญิงจนัเกิดในตอนปลายรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา โลกมหาราช เมื่อวันที่ 23ธันวาคม พ.ศ.2351 มีพี่นอ้งร่วมบิดามารดาเดียวกนัรวม 9คน บรรพบุรุษ ของตระกูลบุนนาคเป็นเสนาบดีคนสําคญัมาต้งัแต่สมยัอยุธยา และไดร้ับราชการแผ่นดินสืบทอด ต่อกนัมา สมเด็จเจา้พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ไดร้ับการศึกษาและฝึกฝนวิชาการต่าง ๆ เป็นอยา่งดี เนื่องจากบิดาของท่านเป็นเจา้พระยาพระคลงัเสนาบดีที่ว่าการต่างประเทศและว่าการปกครองหัว เมืองชายฝั่งทะเลมาก่อน สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์มีความสนใจในภาษาอังกฤษ สามารถพูด และอ่านตําราภาษาอังกฤษในสมัยน้ันได้อย่างคล่องแคล่ว ท่านได้คบหากับ ชาวตะวนัตก ที่เขา้มาในประเทศไทยในสมยัน้นั โดยเฉพาะหมอบรัดเลย์ท่านยงัเป็นบุคคลสําคญั ในการเจรจาและทาํสัญญากบัชาติตะวนัตก ที่เขา้มาติดต่อกบั ไทยในสมยัรัชกาลที่3และรัชกาลที่ 4 โดยตลอด นอกจากน้ียงัมีความสามารถ ในการต่อเรือแบบฝรั่ง จนสามารถต่อเรือกาํ ปั่นขนาด ใหญ่เป็นจาํนวนหลายลาํท่านยงัมีความสนใจในความรู้อื่น ๆ เช่น วรรณคดีการคา้การปกครอง เป็น ต้น สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ได้ถวายตัวเป็ นมหาดเล็ก ในสมัยรัชกาลที่ 2และ รับราชการมาโดยตลอดจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 มีตาํแหน่ง ราชกาลในระดับสูงคือ อัครมหาเสนาบดี ที่สมุหกลาโหม ในสมัยรัชกาลที่ 4และดาํรงตาํแหน่งผสู้าํเร็จราชการ แผน่ดินเมื่อคร้ังรัชกาลที่5 ยงัทรงพระเยาว์ภายหลงัจากที่ลาออกจากราชกาลในบ้นั ปลายชีวิต ท่านยงัไดร้ับแต่งต้งัให้เป็นที่ ปรึกษาราชการแผน่ดินจนถึงแก่พิราลยันบัเป็นมหาบุรุษคนสําคัญ ของประเทศชาติที่ประกอบคุณ งามความดีจนเป็นที่ประจกัษ์แก่คนท้งัปวง ดงับนัทึกของ เซอร์จอห์น เบาวริ่ง ทูตองักฤษที่เขา้มา ติดต่อกบัไทยในสมยัรัชกาลที่4 ซ่ึงกล่าวไวว้า่"เจา้พระยาศรีสุริยวงศค์นน้ีถา้ไม่เป็นคนเจา้มารยา หรือคนรักบา้นเมืองของตนก็ตาม ตอ้งยอมรับวา่ฉลาดล่วงรู้การล้าํคนท้งัหลายที่เราไดพ้บในที่น้ีท้งั มีกริยาอชัฌาสัยอย่างผูด้ีและรู้จกัพูดจาเหมาะแก่การ" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา้เจา้อยู่หัว


169 ทรงตระหนักพระทัย และยกย่องเกียรติคุณของท่านว่า "คร้ันถึงราชกาลปัจจุบนั ได้รับตาํแหน่ง ผสู้าํเร็จราชการแผน่ดิน ฉลองพระเดชพระคุณโดยอัธยาศัย เที่ยงธรรม ซื่อตรงมิได้แลเกรงผู้ใด จะวา่กล่าวตดัสินการสิ่งใดจะเป็นคุณประโยชน์โดยทวั่กนัและเป็นแบบอยา่งต่อไปภายหนา้ สิ้น กาลนาน" สมเด็จเจา้พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศส์มรสกบัท่านผหู้ญิงกลิ่น มีบุตรและธิดารวมกนั4 คน ในบ้นั ปลายชีวติของท่านมกัจะพกัอยทู่ ี่เมืองราชบุรีและถึงแก่พิราลยัดว้ยโรคลมบนเรือที่ปาก คลองกระทุ่มแบน ราชบุรีรวมอายุ74 ปี เมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ.2425 สถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จ เจา้พระยาจึงไดจ้ดัพิธีรําลึกถึงท่านในวนัที่19 มกราคม ของทุกปีเรียกวา่วนัคลา้ยวนัพิราลยัสมเด็จ เจา้พระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์จึงเป็นศูนยร์วมของทุกคนในสถาบนัแห่งน้ีที่จะประกอบคุณความดี ท้งัปวงและมีความสามคัคีต่อกนัเพื่อเทิดทูนเกียรติของท่านตลอดไป 4.ลาลูแบร์(Simon de La Loubère) ซีมง เดอลาลูแบร์(ฝรั่งเศส:Simon de La Loubère) (21 เมษายน พ.ศ. 2185-26 มีนาคม พ.ศ. 2272) เป็ น ราชทูตจากประเทศฝรั่งเศส ไดเ้ดินทางมาประเทศไทย พร้อมกบัเจา้พระยาโกษาธิบดี(ปาน) เนื่องดว้ยเป็น ราชทูตเจริญสัมพนัธไมตรีกบัไทยของพระเจา้หลุยส์ที่14 โดยเดินทางมาที่กรุงศรีอยธุยา พร้อมดว้ยทหารของฝรั่งเศส จํานวนประมาณ 600 คน ในแผน่ดินสมเด็จพระนารายณ์ มหาราชสิ่งที่สาํคญัของลาลูแบร์ก็คือจดหมายเหตุลา ลูแบร์บอกถึงชีวติความเป็นอยู่สังคม ประเพณีประวตัิศาสตร์วฒันธรรม หลายสิ่งหลายอยา่งของ คนในสมยักรุงศรีอยธุยาจึงนบัไดว้า่เป็นหลกัฐานทางประวตัิศาสตร์ที่มีจารึกเป็นลายลกัษณ์อกัษร อีกด้วย จดหมายเหตุลาลูแบร์(ฝรั่งเศส: "Du Royaume de Siam" แปลตามตวัคือ"วา่ดว้ย ราชอาณาจักรสยาม") เป็ นจดหมายเหตุพงศาวดารที่กล่าวถึงราชอาณาจกัรสยามในปลายรัชสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. 2230 โดย มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ อัครราชทูตของพระเจ้า หลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ซ่ึงเขา้มาทูลพระราชสาส์น ณ ประเทศสยาม ไดพ้รรณาถึงกรุงศรีอยุธยาไว้ อยา่งกวา้งขวางแมว้า่เขาจะอยเู่พียง 3 เดือน 6 วัน จึงต้องอาศัยความรู้จากหนังสือที่ชาวตะวันตกซึ่ง มากรุงสยามแต่ก่อนแต่งไวอ้ยา่งคลาดเคลื่อนบา้ง สอบถามจากคนที่ไม่มีความรู้บา้ง ฟังจากคาํบอก เล่าซ่ึงจริงบา้งไม่จริงบา้ง บางเรื่องก็คาดเดาเอาเอง ซีมง เดอลาลูแบร์(ฝรั่งเศส:Simon de La Loubère) (21 เมษายน พ.ศ. 2185-26 มีนาคม พ.ศ. 2272) เป็นราชทูตจากประเทศฝรั่งเศส ไดเ้ดินทางมาประเทศไทยพร้อมกบัเจา้พระยาโกษาธิ บดี(ปาน) เนื่องดว้ยเป็นราชทูตเจริญสัมพนัธไมตรีกบัไทยของพระเจา้หลุยส์ที่14 โดยเดินทางมาที่ ซีมง เดอลาลูแบร์(ฝรั่งเศส: Simon de La Loubère)


170 กรุงศรีอยุธยา พร้อมด้วยทหารของฝรั่งเศส จํานวนประมาณ 600 คน ในแผ่นดินสมเด็จพระ นารายณ์มหาราช สิ่งที่สําคญัของลาลูแบร์ก็คือจดหมายเหตุลาลูแบร์บอกถึงชีวิตความเป็นอยู่ สังคม ประเพณี ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม หลายสิ่งหลายอย่างของคนในสมยักรุงศรีอยุธยาจึงนบั ไดว้า่เป็นหลกัฐานทางประวตัิศาสตร์ที่มีจารึกเป็นลายลกัษณ์อกัษรอีกดว้ย จดหมายเหตุลาลูแบร์ฉบบัแปลในประเทศไทยมีอยู่2 ฉบับ คือ ฉบับที่พระเจ้าบรมวงศ์ เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงพระนิพนธ์แปล โดยทรงแปลมา จากฉบบัภาษาองักฤษ และฉบบัแปลของสันต์ท.โกมลบุตรจากตน้ฉบบัภาษาฝรั่งเศส จุดประสงค์ของการเขียน มองซิเออร์เดอลาลูแบร์ไดอ้อกเดินทางจากท่าเรือเมือง เบรสต์เมื่อวนัที่1 มีนาคม พ.ศ. 2230 มาทอดสมอที่กรุงสยาม เมื่อวันที่ 27 กนัยายน พ.ศ. 2230 เดินทางกลับเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2231 ข้ึนบกที่ท่าเรือเมืองเบรสต์เมื่อวนัที่27 กรกฎาคม พ.ศ. 2231 ความมุ่งหมายในการเขียน เพ่งเล็งในดา้นอาณาเขต ความอุดมสมบูรณ์คุณภาพของดิน ในการกสิกรรม ภูมิอากาศเป็นประการแรก ต่อมาเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีโดยทวั่ๆ ไป เรื่อง เกี่ยวกบัรัฐบาลและศาสนา และไดร้วบรวมบนัทึกความทรงจาํเกี่ยวกบั ประเทศน้ีที่เขาไดน้าํติดตวั มาดว้ยไปผนวกไวต้อนทา้ยและเพื่อให้ผูอ้่านไดรู้้จกัชาวสยามโดยแจ่มชดัจึงไดเ้อาความรู้เกี่ยวกบั อินเดียและจีนหลายประการมาประกอบดว้ย นอกจากน้นัยงัไดแ้ถลงวา่จะตอ้งสืบเสาะให้รู้เรื่องราว พิจารณาสอบถาม ศึกษาให้ถึงแก่นเท่าที่จะทาํได้ก่อนเดินทางไปถึงประเทศสยาม ไดอ้่านจดหมาย เหตุท้งัเก่าและใหม่บรรดาที่มีผูเ้ขียนข้ึนไวเ้กี่ยวกบั ประเทศต่าง ๆ ในภาคพ้ืนตะวันออกถา้ไม่มีสิ่ง ดงักล่าวเขาอาจใชเ้วลาสักสามปีก็คงไม่ไดข้อ้สังเกต และรู้จกัประเทศสยามดี 5. บาทหลวงปาลเลอกัวซ์ พระสังฆราชปัลเลอกวัซ์เกิดเมื่อวนัที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2348 ที่ เมืองโกต-ดอร์ประเทศฝรั่งเศส เมื่อท่านอายไุด้23 ปีท่านก็ไดต้ดัสินใจบวชเป็นบาทหลวง เมื่อวันที่31 พฤษภาคม พ.ศ. 2371 ที่เซมินารีของ คณะมิสซงัต่างประเทศแห่งกรุงปารีส จากน้นัท่านก็ไดร้ับ หนา้ที่ใหไ้ปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ณ ประเทศไทยและท่าน ได้ออกเดินทางเมื่อวันที่31 สิงหาคม พ.ศ. 2371 ถึงประเทศ ไทยเมื่อวันที่27 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2372 ในปีพ.ศ. 2381 ท่านไดร้ับตาํแหน่งอธิการโบสถ์คอนเซ็ปชัญ ท่านไดป้รับปรุง โบสถ์แห่งน้ีซ่ึงสร้างข้ึนต้งัแต่พ.ศ. 2217 ในสมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แลว้จากถูกทิ้งร้างมานานแลว้ยา้ยไป อยทีู่่ โบสถ์อัสสัมชัญในปี พ.ศ. 2381


171 จนปี พ.ศ. 2378 มุขนายก ฌ็อง-ปอล-อีแลร์-มีแชล กูร์เวอซี(Jean-Paul-Hilaire-Michel Courvezy) ประมุขมิสซังสยามในขณะน้นั ไดแ้ต่งต้งัท่านเป็นอุปมุขนายก(Vicar general)แล้วให้ ดูแลดินแดนสยามในช่วงที่ท่านไปดูแลมิสซงัที่สิงคโปร์เมื่อกลบัมาก็ไดร้ับอนุญาตจากสันตะสํานัก ให้อภิเษกท่านปาเลอกวัเป็นมุขนายกรองประจํามิสซังสยาม (Coadjutor Vicar Apostolic of Siam) ในปี พ.ศ. 2381 พร้อมท้งัดาํรงตาํแหน่งมุขนายกเกียรตินามแห่งมาลลอส เมื่อมีการแบ่งมิส ซงัสยามออกเป็นสองมิสซงัท่านจึงไดร้ับแต่งต้งัให้เป็นประมุขมิสซังสยามตะวนัออกเป็นท่านแรก ในวันที่ 10 ก.ย. พ.ศ. 2384 ผลงานส าคัญทมี่ีต่อการสร้างสรรค์ชาติไทยสามารถสรุปได้ดังนี้ 1. ด้านอักษรศาสตร์ บาทหลวงปาลเลอกวัซ์ศึกษาภาษาไทยและบาลีจนมีความรู้ แตกฉาน และไดท้าํพจนานุกรมภาษาไทยข้ึน โดยมีวชิรญาณเถระ ไดท้รงช่วยจดัทาํดว้ย และ บาทหลวงปาลเลอกวัซ์ไดถ้วายการสอนภาษาละตินใหพ้ระองค ์ซ่ึงเป็นจุดเริ่มตน้ สาํคญัที่ทาํให้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา้เจา้อยหู่วัทรงทราบความรู้และความคิดของชาวตะวนัตก นอกจากน้ี บาทหลวงปาลเลอกวัซ์ไดเ้ขียนพจนานุกรมสี่ภาษา คือ ภาษาไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ หรือสัพพะ พะจะนะ พาสาไท พิมพข์้ึนใน พ.ศ. 2397 เขียนหนังสือไวยากรณ์ ภาษาไทยเป็นภาษาฝรั่งเศส และแต่งหนงัสือเรื่อง "เล่าเรื่องเมืองสยาม" ทําให้ชาวยุโรปรู้จัก เมืองไทยดียงิ่ข้ึน 2. ด้านวิทยาการตะวันตก บาทหลวงปาลเลอกวัซ์มีความรู้ในดา้นภูมิศาสตร์และ วิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะดาราศาสตร์ ฟิ สิกส์ และเคมี และมีความรู้ความชํานาญทางด้านวิชาการ ถ่ายรูป รวมท้งัเป็นผนู้าํวทิยาการถ่ายรูปเขา้มาในประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2388 โดยสั่งซ้ือกลอ้ง ถ่ายรูปมาจากฝรั่งเศส และมีฝี มือในการชุบโลหะ ซึ่งบุตรหลานข้าราชการบางคนได้เรียนรู้วิชา เหล่าน้ีจากท่าน นอกจากน้ี บาทหลวงปาลเลอกวัซ์ไดส้ร้างโรงพิมพภ์ายในวดัคอนเซ็ปชญัและ จัดพิมพ์หนังสือสวดมนต์ 3. ด้านศาสนา บาทหลวงปาลเลอกวัซ์ไดส้ร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่คริสตศาสนจกัร คาทอลิกในประเทศไทย เช่น สร้างสาํนกัพระสังฆราชเพื่อเผยแผค่ริสตศ์าสนาที่วดัอสัสัมชญับาง รัก และไดย้า้ยจากวดัคอนเซ็ปชญั ไปอยทู่ ี่วดัอสัสัมชญัจนกระทงั่ มรณภาพ 6. หมอบรัดเลย์ (ดร.แดน บีช บรัดเลย์) แดเนียล บีช บรัดเลย์ เป็ นชาวเมืองมาร์เซลลัส (Marcellus) เกิดเมื่อ18 กรกฎาคม พ.ศ. 2347 บุตรคนที่ห้าของนายแดน บรัดเลย์ และนางยูนิช บีช บรัดเลย์ สําเร็จการแพทย์จาก มหาวิทยาลัย นิวยอร์ก สมรสกบัภรรยาคนแรกเอมิลีรอยส์บรัดเลย์และภรรยา


172 คนที่สอง ซาราห์ แบลคลี บรัดเลย์แดเนียล บีช บรัดเลย์ ถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2378 ซ่ึงตรงกบัวนัเกิดปีที่31 พอดี โดยมาถึงพร้อมภรรยา เอมิลี เข้ามาทํางานในคณะกรรมธิการ พนัธกิจคริสตจกัรโพน้ทะเล(American Board of Commissioners for Foreign Missions) ต้งัแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2379 ในสมัยรัชกาลที่ 3 พกัอาศยัอยูแ่ถววดั เกาะ สําเพ็ง (วัดสัมพันธวงศ์) โดยอาศยัพกัรวมกบัครอบครัวของศาสนาจารยส์ตีเฟน จอห์นสัน หมอบรัดเลย์เปิดโอสถศาลาข้ึนเป็นที่แรกในสยาม เพื่อทาํการรักษาจ่ายยาและหนงัสือเกี่ยวกบั ศาสนาใหก้บัคนไข้แต่เนื่องจากในยา่นน้นัมีชาวจีนอาศยัอยู่กิจการน้ีจึงถูกเพง่เล็งวา่อาจทาํใหช้าว จีนกระดา้งกระเดื่องต่อรัฐบาลสยามได้จึงกดดนั ใหเ้จา้ของที่ดินคือนายกลิ่น ไม่ใหม้ิชชนันารีเช่า อีกต่อไป ต่อมาจึงยา้ยไปอยแู่ถวกุฎีจีน ที่เป็นยา่นของชาวโปรตุเกส เช่าบา้นที่ปลูกใหฝ้รั่งเช่าของ เจา้พระยาพระคลงัซ่ึงต่อมาคือสมเด็จพระยาบรมมหาประยรูวงศ์(ดิศ บุนนาค) บริเวณหน้าวัด ประยุรวงศาวาส โดยหมอบรัดเลย์และคณะมิชชันนารีดัดแปลงบา้นเช่าที่พกัแห่งใหม่น้ีเป็นโอสถ ศาลา เปิ ดทําการเมื่อ 30 ตุลาคม 2378 ที่บา้นพกัแห่งใหม่น้ีหมอบรัดเลยไ์ดท้าํการผา่ตดัคร้ังสาํคญั ในประวตัิศาสตร์การแพทยข์อง ไทย โดยตดัแขนใหแ้ก่พระภิกษุรูปหน่ึง เมื่อวนัที่ 13 มกราคม 2380 พระภิกษุรูปน้นั ประสบ อุบัติเหตุจากกระบอกบรรจุดินดําทําพลุแตก ในงานฉลองที่วัดประยุรวงศ์ ซึ่งประสบความสําเร็จดี จนเป็นที่เลื่องลือเพราะแต่ก่อนคนไทยยงัไม่รู้วธิีผา่ตดัร่างกายมนุษยแ์ลว้ยงัมีชีวติอยดู่ ี เมื่อ พ.ศ. 2395 จึงมาเช่าที่หลวง ต้งัโรงพิมพอ์ยบู่ริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ข้างป้อม วชิยัประสิทธ์ิติดกบัพระราชวงัเดิม พกัอาศยัอยทู่ ี่นนั่จนเสียชีวติเมื่อวันที่23 มิถุนายน พ.ศ. 2416อายุ 69 ปี ผลงาน ทาํการผา่ตดัแผนใหม่เป็นรายแรกของประเทศไทย ปลูกฝีป้องกนัไขท้รพิษสาํเร็จเป็น รายแรกของประเทศไทยต้งัโรงพิมพแ์ละตีพิมพป์ระกาศห้ามสูบฝิ่น ซึ่งเป็ นประกาศทางราชการที่ ใชว้ธิีตีพิมพเ์ป็นคร้ังแรก ริเริ่มนิตยสาร บางกอกรีคอเดอ(The Bangkok Recorder) หนังสือพิมพ์ ภาษาไทยฉบับแรก พิมพป์ฏิทินสุริยคติเป็นภาษาไทยข้ึนเป็นคร้ังแรก พิมพ์หนังสือคัมภีร์ครรภ์ท รักษา หนังสือพระบัญญัติสิบประการ (The 10 Commandments) ซึ่งเป็ นหนังสือสอนคริสต์ศาสนา มีท้งัหมด 12 หน้า 7. พระยารัษฏานุประดิษฐมหิศรภักดี(คอซิมบี้ณ ระนอง) ประวัติพระยารัษฎานุประดิษฐ์ พระยารัษฎานุประดิษฐ์(คอซิมบ้ี) เกิดที่จงัหวดัระนอง เมื่อวันพุธ เดือน 5 ปี มะเส็ง พ.ศ. 2400 เป็ นบุตรชายคน สุดทอ้งของ พระยารัตนเศรษฐี(คอซูเจียง)จีนฮกเก้ียน ที่ได้


173 รับบรรดาศกัด์ิเลื่อนฐานะจากพอ่คา้เป็นขนุนาง พระยารัษฎานุประดิษฐฯ์มีมารดาเป็นชาวนา ชื่อกิ้ม มีพี่ชายต่างมารดา 5 คนดงัน้ี 1. คอซิมเจ่ง (หลวงศรีโลหภูมิพิทกัษ์ผชู้่วยราชการเมืองระนอง) 2. คอซิมก๊อง (พระยาดาํรงสุจริตมหิศรภกัดีสมุหเทศาภิบาลมณฑลชุมพร) 3. คอซิมจวั๋(หลวงศกัด์ิศรีสมบตัิผชู้่วยราชการเมืองระนอง) 4. คอซิมขิม (พระยาอษัฎงคตทิศรักษาผชู้่วยราชการเมืองกระบุรี) 5. คอซิมเตก๊ (พระยาจรูญราชโภคากรณ์ผชู้่วยราชการเมืองหลงัสวน) พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ เริ่มรับราชการ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจา้อยูห่วัเมื่อ พ.ศ. 2425 โดยพี่ชายคือ พระยารัตนเศรษฐี(คอซิมก๊อง) เจา้เมืองระนองขณะน้นัเป็น ผู้นําตัว ไปถวายเป็ นมหาดเล็ก และได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็ นที่ หลวงบริรักษ์โลหะวิไสย ผชู้่วยเมืองระนองแลว้เลื่อนเป็นที่พระวษฎงคตทิศรักษา เจ้าเมืองกระบุรี ั เมื่อพ.ศ. 2428 ได้แสดง ความสามารถ สร้างบ้านบํารุงเมืองให้เป็ นที่ปรากฏ จึงได้รับ พระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็ นที่ พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีเจ้าเมืองตรังในปี พ.ศ. 2433 และในปี พ.ศ. 2455 โปรดเกลา้ใหเ้ป็น สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต ผลงาน 1. ด้านการปกครองกุศโลบายหลักในการปกครองของท่านคือ หลกัพ่อปกครองลูก ทาํนอง เดียวกบัที่ใชใ้นยุคสุโขทยันอกจากจะยึดหลกัพ่อปกครองลูกแลว้ยงัยึดหลกัในการแบ่งงาน และ ความรับผดิชอบแก่ผใู้ตบ้งัคบับญัชา ดังจะเห็นไดจ้ากการริเริ่มจดัต้งัที่วา่การกาํนนัข้ึนเป็นแห่งแรก ที่มณฑลภูเก็ต และไดจ้ดัระเบียบการประชุมผใู้หญ่บา้น กาํนนันายอาํเภอใหเ้ป็นที่แน่นอน 2. ด้านการส่งเสริมอาชีพราษฎร อาจจะเป็นเพราะพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ เกิดในตระกูล พอ่คา้ ท่านจึงมีโลกทรรศน์ต่างจากขนุนางอื่น ๆ คือ มีอุปนิสัยบาํรุงการคา้เมื่อเป็นเจา้เมืองตรัง ได้ ยา้ยจากตาํบลควนธานีไปอยตู่าํบลกนัตงั ดว้ยเหตุผลที่วา่มีทาํเลการคา้ที่ดีกวา่เรือกลไฟ เรือสินค้า ใหญ่สามารถเขา้ถึงไดส้ะดวกเหล่าน้ีเป็นตน้ 3. ด้านการคมนาคม พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ให้ความสําคัญเป็ นที่สุด โดยเฉพาะการสร้าง ถนน 4. ด้านการรักษาความสงบและปราบปรามโจรผู้ร้าย พระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ ได้สร้าง ความคิดใหม่ข้ึนในหมู่ราษฎร กล่าวคือ ราษฎรทุกคนต้องถือเป็นหน้าที่ โดยเพื่อนบ้าน และ เจ้าหน้าที่ในการปราบปรามโจรผู้ร้ายจะทอดธุระใหแ้ก่เจา้พนกังาน บา้นเมืองฝ่ายเดียวไม่ได้ 5. ด้านการศึกษา แมพ้ระยารัษฎานุประดิษฐ์จะเขียนหนงัสือไม่ได้แต่ท่านก็ประจกัษ์ใน คุณประโยชน์ของการศึกษาได้พยายามสนับสนุนในทุกทาง เริ่มแรกให้ใช้วดัเป็นโรงเรียน จดัหา


174 ครูไปสอน บางคร้ังก็นิมนต์พระสงฆ์ไปสอน นอกจากน้ียงัไดค้ดัเลือกบุตรหลานขา้ราชการผูด้ีมี สกุลในจงัหวดัต่าง ๆ ไปเรียนภาษาองักฤษที่ปีนงัเป็นตน้ 6. ด้านการสาธารณสุข นอกจากพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ จะรณรงค์เรื่องความสะอาด บังคับให้ราษฎรดูแลบ้านเรือน ให้สะอาดเรียบร้อย ผลงานของพระยารัษฎานุประดิษฐ์ฯ นับได้ว่า เป็นเลิศกว่านักปกครองคนอื่น ๆ ในยุค เดียวกนัท่านไดร้ับการยกย่อง แมใ้นหมู่ชาวต่างประเทศและตลอดแหลมมลายู ยุคน้นัว่า เป็นผูม้ี ความสามารถสูง มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค ์เป็นท้งันกัปกครองและนกัพฒันาในเวลาเดียวกนั เพื่อเป็นการแสดงกตญัํูต่อพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ราษฎรและข้าราชการ จังหวัดตรังจึงได้ สละทรัพย์สมทบ สร้างอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภกัดีข้ึนที่ตาํบลทบัเที่ยง อาํเภอ เมืองตรัง จังหวัดตรัง ในวันที่ 10 เมษายน ของทุก ๆ ปี ซ่ึงเรียกกนัวา่"วนัพระยารัษฎานุประดิษฐ์" จะมีการวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ 8. พระยากัลยาณไมตรี (ดร.ฟรานซิส บี. แซร์) พระยากลัยาณไมตรีเกิดเมื่อ พ.ศ. 2428 ที่ มลรัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา สําเร็จการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และได้เป็ นศาสตราจารย์วิชา กฎหมายของมหาวทิยาลยัแห่งน้ีก่อนที่จะเขา้มารับ ราชการในประเทศไทยในตาํแหน่งที่ปรึกษากระทรวง การต่างประเทศ ต้งัแต่พ.ศ. 2466ถึง พ.ศ. 2468 ดร.แซร์มีบทบาทสาํคญั ในการปลดเปล้ืองขอ้งผูกพนัตามสนธิสัญญาเบาวร์ิงที่ไทยทาํไว้ กบั ประเทศองักฤษในสมยัรัชกาลที่4และสนธิสัญญาลกัษณะเดียวกนัที่ไทยทาํไวก้บั ประเทศอื่น ๆ ซ่ึงฝ่ายไทยเสียเปรียบมากในเรื่องที่คนในบงัคบัต่างชาติไม่ตอ้งข้ึนศาลไทยและไทยจะเก็บภาษีจาก ต่างประเทศเกินร้อยละ 3 ไม่ได้ประเทศไทยพยายามหาทางแกไ้ขสนธิสัญญาเสียเปรียบน้ีมาโดย ตลอด ต้งัแต่สมยัรัชกาลที่5 มาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 6 ปรากฏว่ามีเพียง 2 ประเทศที่ยอมแกไ้ขให้ โดยยงัมีขอ้แมบ้างประการ ไดแ้ก่สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกที่ยอมแกไ้ขใน พ.ศ. 2436 และ ญี่ปุ่นยอมแกไ้ขใน พ.ศ. 2566 เมื่อ ดร.แซร์เขา้มาประเทศไทยแลว้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้เจา้อยูห่วัทรงแต่งต้งั ให้เป็นผูแ้ทนประเทศไทยไปเจรจาขอแก้ไขสนธิสัญญากับประเทศในยุโรป ดร.แซร์เริ่มออก เดินทางไปปฏิบัติงานใน พ.ศ. 2467การเจรจาเป็นไปอยา่งยากลาํบากโดยเฉพาะอยา่งยิ่งการเจรจา กบัองักฤษและฝรั่งเศสซ่ึงต่างก็พยายามรักษาผลประโยชน์ของตนเต็มที่แต่เนื่องจาก ดร.แซร์เป็นผู้ มีวิริยอุตสาหะ มีความสามารถทางการทูต และมีความต้ังใจดีต่อประเทศไทย ประกอบกับ สถานภาพส่วนตวัของ ดร.แซร์ที่เป็นบุตรเขยของประธานาธิบดีวูดโรว์วิลสัน แห่งสหรัฐอเมริกา


175 จึงทาํให้การเจรจาประสพความสําเร็จ ประเทศในยุโรปที่ทาํสนธิสัญญากบั ไทย ได้แก่ ประเทศ องักฤษ ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์สเปน โปรตุเกส เดนมาร์ก สวีเดน อิตาลีและเบลเยี่ยม ยินยอมแก้ สนธิสัญญาใหเ้ป็นแบบเดียวกบัที่สหรัฐอเมริกายอมแกใ้ห้ ดร.แซร์ ถวายบังคมลาออกจากหน้าที่กลับไปสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ. 2486แต่ก็ยงัยินดีที่จะ ช่วยเหลือประเทศไทย ดงัเช่นใน พ.ศ.2469 หลงัจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้เจา้อยูห่วัทรงข้ึน ครองราชย์ได้ไม่นาน ดร.แซร์ได้ถวายคาํแนะนําเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง และแนวทาง แกป้ ัญหาต่าง ๆ ตามที่ทรงถามไป และยงัไดร้่างรัฐธรรมนูญถวายใหท้รงพิจารณาดว้ย จากคุณงามความดีที่ดร.แซร์มีต่อประเทศไทย จึงไดร้ับพระราชทานบรรดาศกัด์ิเป็นพระ ยากลัยาณไมตรีเมื่อ พ.ศ. 2470 และต่อมาใน พ.ศ. 2511 รัฐบาลไทยไดต้้งัชื่อถนนขา้งกระทรวง ต่างประเทศ (วงัสราญรมย)์ว่าถนนกลัยาณไมตรีพระยากลัยาณไมตรีถึงแก่อนิจกรรมที่ประเทศ สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2515 อายุได้ 87 ปี 9. ศาสตราจารย์ศิลป์พรีะศรี ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี(15 กนัยายน พ.ศ. 2435 - 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505) เดิมชื่อคอร์ราโด เฟโรชี (Corrado Feroci) ชาวอิตาลีสัญชาติไทย เป็ นประติมากร จากเมืองฟลอเรนซ์ที่เข้ามารับราชการในประเทศไทย ต้งัแต่สมยัพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้เจา้อยหู่วั โดยถือเป็ นปูชนียบุคคลคนหนึ่งของไทยที่ได้สร้างคุณูปการ ในทางศิลปะและมีผลงานที่เป็นที่กล่าวขานจนเป็นที่รู้จกั กวา้งขวาง ท้งัยงัเป็นผกู้่อต้งัและอาจารยส์อนวชิาศิลปะ ที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรม ซึ่งภายหลังได้รับการยกฐานะ ให้เป็ นมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยศาสตราจารยศ์ิลป์ไดด้าํรงตาํแหน่งอธิการบดีคนแรกของ มหาวิทยาลัย มีความรักใคร่ห่วงใยและปรารถนาดีต่อลูกศิษยอ์ยตู่ลอดจนเป็นที่รักและนบัถือท้งัใน หมู่ศิษยแ์ละอาจารยด์ว้ยกนั ศาสตราจารยศ์ิลป์ยงัเป็นผูว้างรากฐานที่เขม้แข็งให้แก่วงการศิลปะไทยสมยัใหม่จากการที่ ไดพ้ร่ําสอนและผลกัดนัลูกศิษยใ์ห้ไดม้ีความรู้ความสามารถในวิชาศิลปะท้งังานจิตรกรรมและงาน ช่าง มีจุดประสงคใ์หค้นไทยมีความรู้ความเขา้ใจในศิลปะและสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะได้ด้วย ความสามารถของบุคลากรของตนเองการก่อต้งัมหาวิทยาลยัศิลปากรจึงเปรียบเสมือนการหว่าน เมล็ดพนัธุ์ให้แก่คนไทยเพื่อที่จะออกไปสร้างศิลปะเพื่อแผ่นดินของตน และถึงแมจ้ะริเริ่มรากฐาน ของความรู้ด้านศิลปะตะวนัตกในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกนั ศาสตรจารย์ศิลป์ก็ได้ศึกษา ศิลปะไทยอยา่งลึกซ้ึง เนื่องจากตอ้งการใหค้นไทยรักษาความงามของศิลปะไทยเอาไว้จึงไดเ้กิดการ


176 สร้างลูกศิษยท์ ี่มีความรู้ท้งังานศิลปะตะวนัตกและศิลปะไทยออกไปเป็นกาํลงัสําคญั ให้แก่วงการ ศิลปะไทยเป็นจาํนวนมากและเกิดรูปแบบงานศิลปะไทยสมยัใหม่ในที่สุด ผลงานประติมากรรม ตลอดชีวิตการทาํงานของศาสตราจารยศ์ิลป์ท่านไดส้ร้างผลงานประติมากรรมไวม้ากมาย โดยผลงานที่ยงัมีอยมู่าจนถึงปัจจุบนัอาทิเช่น 1. สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์(เฉพาะพระเศียร) - ทําจากสําริด ถือเป็นผลงานชิ้นแรกที่ทาํใหศ้าสตราจายศ์ิลป์เป็นที่รู้จกั 2. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้เจา้อยหู่วั (เฉพาะพระเศียร) - พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้เจา้อยหู่วัทรงพอพระราชหฤทยัเป็นอยา่งมากหลงัไดเ้ห็น พระบรมรูปของพระองค์ 3. พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้เจา้อยหู่วั (ครึ่ งพระองค์) - ทําปูนปลาสเตอร์ปัจจุบนัอยทู่ ี่กองหตัถศิลป์กรมศิลปากร 4. พระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัอานนัทมหิดล2 องค์ - ทาํปูนปลาสเตอร์ปัจจุบนัอยทู่ ี่กองหตัถศิลป์ 5. พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า - เป็นประติมากรรมนูนต่าํดว้ยปูนปลาสเตอร์ปัจจุบนัอยทู่ ี่หอศิลปแห่งชาติ 6. สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพ (ครึ่ งพระองค์) - ทาํจากปูนปลาสเตอร์ปัจจุบนัอยทู่ ี่กองหตัถศิลป์กรมศิลปากร 7. สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) วัดเทพศิรินทราวาส (ครึ่ งองค์) - ปัจจุบนัอยใู่นกรมศิลปากร 8. พระญาณนายก(ปล้ืม จันโทภาโส มณีนาค)วัดอุดมธานีจังหวัดนครนายก - เป็ นประติมากรรมนูนสูง ทําจากปูนพลาสเตอร์ 9. หลวงวิจิตรวาทการ (ครึ่ งตัว) - ทาํจากปูนปลาสเตอร์ปัจจุบนัอยทู่ ี่กรมศิลปากร 10 ม.ร.ว.สาทิศ กฤดากร(เฉพาะศีรษะ) - ทําจากบรอนซ์เจ้าของคือ ม.จ.รัสสาทิศ กฤดากร นางมาลินี พีระศรี (เฉพาะศีรษะ) - ปัจจุบนัต้งัอยทู่ ี่พิพิธภณัฑสถานแห่งชาติศิลป์พีระศรีอนุสรณ์กรุงเทพมหานคร 11. โรมาโน (ลูกชาย ภาพร่างไม่เสร็จ) - ปัจจุบนัอยทู่ ี่กรมศิลปากร 12. นางมีเซียม ยิบอินซอย (รูปเหมือนครึ่ งตัว)


177 - ทําจากบรอนซ์ปัจจุบนัอยทู่ ี่หอศิลปแห่งชาติ 13. พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัอานนัทมหิดล(เฉพาะพระเศียร) 14. พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจา้อยหู่วัภูมิพลอดุลยเดช -คร่ึงพระองค์ป้ันไม่เสร็จเพราะศาสตราจารยศ์ิลป์พีระศรีถึงแก่อนิจกรรมเสียก่อน กล่าวโดยสรุป การที่ชาติไทยสามารถดาํรงอยูได้ ่และมีพฒันาการมาโดยลาํดบัน้นั เพราะมี บุคคลสําคญัจาํนวนมากท้งัชาวไทยและชาวต่างชาติได้สร้างผลงานที่มีคุณประโยชน์ต่อชาติไทย บุคคลสําคัญที่ยกตวัอย่างมาน้ี มีส่วนสําคญัต่อการสร้างสรรค์ชาติไทยหลากหลายด้าน ซ่ึงคนรุ่น หลังควรถือเป็นแบบอยางในการทําคุณประโยชน์ ่ ให้แก่ชาติบ้านเมือง *********************************


178


บรรณานุกรม แถมสุข นุ่มนนท.์ เจาะเวลาหาอดีต หลักฐานประวัติศาสตร์ในประเทศไทย.กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, 2545 ธีระ นุชเปี่ ยม. ประวัติศาสตร์ชาติไทย. กรุงเทพฯ : ก พล(1996), 2558 นิธิ เอียวศรีวงศ์ และอาคม พัฒิยะ. หลักฐานประวัติศาสตร์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : บรรณกิจเทรดดิ้ง, 2545 ณรงค์พว่งพิศและวฒุิชยัมูลศิลป์. ประวัติศาสตร์ชาติไทย มัธยมศึกษาปี ที่ 4-5. กรุงเทพฯ : ไทยร่มเกลา้, 2554 ประวัติศาสตร์ชาติไทย [On-line]. Available from https://th.wikipedia.org/ประวัติศาสตร์ไทย (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) ศาสนาส าคัญในประเทศไทย[On-line]. Available from ttps://sites.google.com/site/sasnasakhayniprathesthiym41/ (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) พระมหากษัตริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ [On-line]. Available from https://hilight.kapook.com/view/135022 (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) พระมหากษัตริย์ในสมัยรัตนโกสินทร์ [On-line]. Available from https://th.wikipedia.org/wiki/ พระมหากษัตริย์ไทย https://ponchai55.files.wordpress.com/...ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-6 - สังคมแห่งการ เรียนรู้ (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) รัชกาลที่ 1-10 [On-line]. Available from http://tententennnn.blogspot.com/ประวัติรัชกาลที่ 1-10 (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) ศิริพร ดาบเพชร คมคาย มากบัว และประจักษ์ แป๊ ะสกุล.ประวัติศาสตร์ไทย ม.4-ม.6. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, 2558 กรุงสุโขทัย (เอกสารออนไลน์) เข้าถึงได้จากกรุงศรีอยุธยา (เอกสารออนไลน์) เข้าถึงได้จากกรุงธนบุรี (เอกสารออนไลน์) เข้าถึงได้จากที่มา : http://slideplayer.in.th/slide/3074340/ (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) ที่มา : http://www.skoolbuz.com/library/content/ 1385 (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) https://th.wikipedia.org/wiki/ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้เจา้อยหู่วั (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560 https://th.wikipedia.org/.../ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560)


www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/news/ 25734 (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) https://th.wikipedia.org/wiki/ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) http://vichiton.blogspot.com/2017/06/1.html=พระบรมวงศานุวงศ์ที่มีบทบาทในการสร้างสรรค์ชาติไทย (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) www.trueplookpanya.com/learning/detail/19548/029810/พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) https://www.google.co.th/search?q=ภาพสมเด็จพระสุริโยทัย (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560) https://ponchai55.files.wordpress.com/...ประวัติศาสตร์ไทยม.4-6 – สังคมแห่งการเรียนรู้ thebestkiki.blogspot.com/ (วันที่สืบค้น : 27 มิถุนายน 2560)


คณะผู้จัดทา คณะที่ปรึกษา 1. นางสาวประดินันท์ สดีวงศ์ ผู้อ านวยการ ส านักงาน กศน.จังหวัดอ านาจเจริญ 2. นายถาวร พลีดี รองผู้อ านวยการ ส านักงาน กศน.จังหวัดอ านาจเจริญ 3. นางสุวราอรร์ สัจธรรม ผู้อ านวยการ กศน.อ าเภอเมืองอ านาจเจริญ 4. นายรังสิทธ์ิ ประการแกว้ ผู้อ านวยการ กศน.อ าเภอหัวตะพาน 5. นายหรรษา ใจภกัด์ิ ผู้อ านวยการ กศน.อ าเภอปทุมราชวงศา 6. นางนาถหทัย สิงหเลิศ ผู้อ านวยการ กศน.อ าเภอพนา 7. นายเสรี ทิพจรุญ ผู้อ านวยการ กศน.อ าเภอเสนางคนิคม 8. นางพัชราภรณ์ เหล็กกล้า ศึกษานิเทศกช์า นาญการพิเศษ 9. นางเรณู สังข์ขาว ศึกษานิเทศกช์า นาญการพิเศษ 10. นางคมขา แกว้น่วม ข้าราชการบ านาญ 11. นางอรัญญา บัวงาม ข้าราชการบ านาญ 12. นายยศวรรธน์วรรณวงศ์ ข้าราชการบ านาญ 13. นายวิทูร หาทอง ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะผู้จัดทา 1. นางเรณู สังข์ขาว ศึกษานิเทศกช์า นาญการพิเศษ ส านักงาน กศน.จังหวัดอ านาจเจริญ 2. นางนุชรินทร์ วรโพธ์ิ ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนอ านาจเจริญ 3. นางเพ็ญศรี ผาลิวงศ์ ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนอ านาจเจริญ 4. นางธิรัตฏิกานต์ สุวะพันธ์ ครูช านาญการ โรงเรียนอ านาจเจริญ 5. นางระเบียบ ประการแกว้ ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน 6. นางมัทนา โฉมเฉลา ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน 7. นางศรีมาลา ใจเด็ด ครูกศน.ต าบล 8. นางสาวสิริวิมล นาซิว ครู กศน.ต าบล 9. นางสาวพัชชาณัญย์ ศรีมันตะ ครู กศน.ต าบล 10. นางสาวหทัยชนก หลวงเทพ ครู กศน.ต าบล 11. นางสาวผอ่งใส ศรีสุข ครู กศน.ต าบล 12. นายเครือณรงค์ ใจเด็ด ครู กศน.ต าบล 13. นายคมกฤษฏ์ิกาบคา ครู กศน.ต าบล 14. นางสาวพลอย อุทิตสาร ครูศูนย์การเรียนชุมชน 15. นายวัชธิกร เดชชัชพงษ์ นกัจดัการงานทวั่ ไป 16. นางสาวศิรินทร อุดศรี เจา้หนา้ที่บริหารงานทวั่ ไป


Click to View FlipBook Version