The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by naya_tatar152, 2021-07-31 11:53:31

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

wat-chomphuwek

Keywords: พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน,ภูเวก,วัด,หนังสือ

พพิ ธิ ภณั วัดฑช์พมืน้ ภบูเ้าวนก

ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภเิ ษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ ประกอบดว้ ย
อักษรพระปรมาภิไธย วปร อยู่ตรงกลาง พื้นอักษรสีขาวขอบทอง อันเป็นสีของวันจันทร์ซ่ึงเป็น
วันพระบรมราชสมภพ ภายในอักษรประดับเพชร ตามความหมายแห่งพระนามมหาวชิราลงกรณ
อกั ษร วปร อยู่บนพน้ื สขี าบ (นำ�้ เงินเขม้ ) อนั เป็นสีของขตั ตยิ กษตั ริย์ ภายในกรอบพุ่มข้าวบิณฑส์ ีทอง
สอดสเี ขยี ว อนั เปน็ สซี งึ่ เปน็ เดชแหง่ วนั พระบรมราชสมภพ กรอบทรงพมุ่ ขา้ วบณิ ฑอ์ ญั เชญิ มาจากกรอบที่
ประดษิ ฐานพระมหาอณุ าโลม อนั เปน็ พระราชลญั จกรประจำ� พระองคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้
จฬุ าโลกมหาราช ปฐมกษตั รยิ แ์ หง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ แวดลอ้ มดว้ ยเครอื่ งเบญจราชกกธุ ภณั ฑ์ อนั เปน็
เคร่ืองประกอบพระบรมราชอิสริยยศของพระมหากษัตริย์และเป็นเคร่ืองหมายแห่งความเป็นสมเด็จ
พระบรมราชาธิราช ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎพร้อมอุณาโลมประกอบเลขมหามงคลประจ�ำรัชกาล
อยู่เบื้องบนพระแสงขรรค์ชัยศรีกับพระแส้จามรี ทอดไขว้อยู่เบื้องขวา ธารพระกรกับพัดวาลวิชนี
ทอดไขว้อยู่เบ้อื งซา้ ย และฉลองพระบาทเชิงงอน อย่เู บ้อื งล่าง พระมหาพิชัยมงกุฎ หมายถงึ ทรงรบั
พระราชภาระอันหนักยิ่งของแผ่นดินเพ่ือประโยชน์สุขของประชาชน พระแสงขรรค์ชัยศรี หมายถึง
ทรงรับพระราชภาระปกป้องแผ่นดินให้พ้นจากภยันตราย ธารพระกร หมายถึง ทรงด�ำรงราชธรรม
เพ่ือค�้ำจุนบ้านเมืองให้ผาสุกม่ันคง พระแส้จามรีกับพัดวาลวิชนี หมายถึง ทรงขจัดปัดเป่าความ
ทกุ ขย์ ากเดอื ดรอ้ นของอาณาประชาราษฎร์ ฉลองพระบาทเชงิ งอน หมายถงึ ทรงท�ำนบุ ำ� รงุ ปวงประชา
ทว่ั รฐั สมี าอาณาจกั ร เบอื้ งหลงั พระมหาพชิ ยั มงกฎุ ประดษิ ฐานพระมหาเศวตฉตั รอนั มรี ะบายขลบิ ทอง
จงกลยอดฉัตรประกอบรูปพรหมพักตร์อันวิเศษสุด ระบายชั้นล่างสุดห้อยอุบะจ�ำปาทอง แสดงถึง
พระบารมีและพระบรมเดชานุภาพท่ีปกแผ่ไปท่ัวทิศานุทิศ เบื้องล่างกรอบอักษรพระปรมาภิไธย
มีแถบแพรพ้ืนสีเขียวถนิมทอง ขอบขลิบทอง มีอักษรสีทองความว่า “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
พุทธศักราช ๒๕๖๒” ปลายแถบแพรเบื้องขวามีรูปคชสีห์กายสีม่วงอ่อนประคองฉัตร ๗ ช้ัน
หมายถงึ ขา้ ราชการฝา่ ยทหาร เบอ้ื งซา้ ยมรี ปู ราชสหี ก์ ายสขี าวประคองฉตั ร ๗ ชน้ั หมายถงึ ขา้ ราชการ
ฝ่ายพลเรือน ผู้ปฏิบัติราชการสนองงานแผ่นดินอยู่ด้วยกัน ข้างคันฉัตรด้านในท้ังสองข้างมีดอกลอย
กนกนาค แสดงถึงปีมะโรงนักษัตรอันเป็นปีพระบรมราชสมภพ สีทอง หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
ของประเทศชาติและประชาชน

ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านพพิ ธิ ภณั วัดฑชพ์ มนื้ ภบเูา้วนก
วัดชมภูเวก

มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช จัดพมิ พ์และเผยแพร่
เฉลิมพระเกยี รติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษก พุทธศักราช ๒๕๖๒

พมิ พ์คร้ังที่ ๑ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ จ�ำ นวน ๒,๐๐๐ เลม่ ISBN 978-616-16-1839-1
URL สำ�นักบรรณสารสนเทศ มสธ. https://library.stou.ac.th

ข้อมูลรายการในส่ิงพมิ พ์
พิศาล บุญผูก.

พิพิธภณั ฑพ์ น้ื บ้านวัดชมภูเวก / พิศาล บญุ ผูก, วรี ะโชติ ปัน้ ทอง ; วรนุช สุนทรวินติ , บรรณาธิการ. --
พิมพ์คร้ังท่ี ๑. -- นนทบุรี : โครงการพัฒนาและเผยแพร่สารสนเทศภูมิปัญญาท้องถิ่นนนทบุรีศึกษา :
ย่านชุมชนวัดชมภูเวก เพื่อส่งเสริมบริการห้องสมุดสู่ชุมชน สำ�นักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัย
ธรรมาธิราช, ๒๕๖๒.

๑. วัดชมภูเวก (นนทบรุ ี) ๒. พพิ ธิ ภณั ฑพ์ นื้ บา้ นวดั ชมภูเวก. ๓. พพิ ธิ ภณั ฑ์ชมุ ชน--ไทย--นนทบุรี.
(๑) วีระโชติ ป้นั ทอง. (๒) วรนชุ สุนทรวนิ ติ . (๓) ชอ่ื เรอ่ื ง.

BQ6337.C48
294.33

ทป่ี รกึ ษา : อธิการบดีและรองอธิการบดี มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช
ประธานคณะทำ�งานและบรรณาธกิ าร : วรนุช สุนทรวนิ ติ ผู้อำ�นวยการสำ�นักบรรณสารสนเทศ
กองบรรณาธิการ : วรนุช สนุ ทรวนิ ิต ชัยวฒั น์ น่าชม กลั ยาณี ศภุ ดษิ ฐ ์ เครือทิพย์ เจยี รณัย
ผจู้ ดั ภาพประกอบ : วรนชุ สุนทรวินติ กัลยาณี ศุภดษิ ฐ์
ผพู้ ิมพ์ต้นฉบบั : สุนนั ท์ เพง็ มณี ชลลดา หงษง์ าม
ผบู้ นั ทกึ ภาพประกอบ : กลั ยาณี ศุภดษิ ฐ์ อาเขต แกว้ สวา่ ง
ประสานงานโครงการ : เครอื ทพิ ย์ เจยี รณยั รตั นาภรณ์ แดนนา สมศักดิ์ แกว้ ใหญ่

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน
วัดชมภูเวก

โดย
พิศาล บุญผูก
วีระโชติ ปั้นทอง

บรรณาธิการ
วรนุช สุนทรวินิต

โครงการพัฒนาและเผยแพร่สารสนเทศภูมิปัญญาท้องถิ่นนนทบุรีศึกษา : ย่านชุมชนวัดชมภูเวก
เพื่อส่งเสริมบริการห้องสมุดสู่ชุมชน ส�ำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
จัดพิมพ์และเผยแพร่เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พุทธศักราช ๒๕๖๒

ค�ำปรารภนายกสภามหาวิทยาลัย

พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ สมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั มหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งทรงด�ำรงพระราชอิสริยยศ
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมี
พระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชด�ำเนินแทนพระองค์พระบาท
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
ม า พ ร ะ ร า ช ท า น ป ริ ญ ญ า บั ต ร แ ก ่ ผู ้ ส�ำ เ ร็ จ ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รุ่นท่ี ๒ เป็นครั้งแรก ต่อมา
ในพุทธศักราช ๒๕๒๙ ได้เสด็จพระราชด�ำเนินแทนพระองค์
ทรงประกอบพิธีเปิดท่ีท�ำการมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่จังหวัดนนทบุรี นับเป็น
สิริมงคลยิ่งแก่มหาวิทยาลัยในการท่ีจะท�ำนุบ�ำรุงการอุดมศึกษาในระบบการศึกษาทางไกล
ของชาติสืบมา และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชด�ำเนินมาพระราชทาน
ปริญญาบัตรแก่ผู้ส�ำเร็จการศึกษาทุกปีเป็นประจ�ำต่อเนื่องมาเป็นเวลา ๓๓ ปี อีกทั้งยัง
ทรงรบั สมาคมสโุ ขทัยธรรมาธริ าชไว้ในพระราชูปถมั ภ์
เมื่อได้เถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แล้ว ในเดือนสิงหาคม พุทธศักราช
๒๕๖๐ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชด�ำเนินมาพระราชทานปริญญาบัตร
แก่ผู้ส�ำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช รุ่นท่ี ๓๔ เป็นสถาบันแรก และ
เม่ือวันที่ ๔ - ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ น้ี ก็ได้เสด็จพระราชด�ำเนินมาพระราชทาน
ปริญญาบัตรแก่ผู้ส�ำเร็จการศึกษา รุ่นที่ ๓๕ ด้วย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณหาท่ีสุดมิได้
ที่ได้พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นในเดือน
พฤษภาคม ๒๕๖๒ น้ี และมหาวิทยาลัยได้ริเร่ิมด�ำเนินกิจกรรมเพ่ือร่วมเฉลิมพระเกียรติ
เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ด้วยการจัดพิมพ์และเผยแพร่หนังสือ
พิพธิ ภัณฑพ์ ื้นบา้ นวัดชมภเู วก ท่ีให้ความรเู้ รอ่ื งราวโบราณสถานของชาตทิ ่สี �ำคญั และชมุ ชน
เก่ียวเน่ืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนนทบุรี โดยได้รับอนุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์พระราชพิธี

บรมราชาภเิ ษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ ประดบั บนหนงั สอื ตามหนงั สอื ตอบรบั จากคณะอนกุ รรมการ
ฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ส�ำนักงานปลัดส�ำนัก
นายกรัฐมนตรี ท�ำเนยี บรัฐบาล ท่ี นร ๐๑๐๑/๓๐๐๙ ลงวนั ที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๒ ดว้ ยน้นั
แสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ว่ามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชได้แสดงบทบาทหน้าที่อย่างดี
เข้มแข็ง รวดเร็ว ทันการณ์ในช่วงที่ทางราชการได้เชิญชวนภาครัฐและเอกชนให้ร่วมด�ำเนิน
กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในช่วงการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก อันเป็นการแสดงความ
จงรักภักดี ส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็น
ราชสักการะและพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดินทรเทพยวรางกูร ทีไ่ ดพ้ ระราชทานแก่มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราชเสมอมา

ในนามของสภามหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช ขอขอบคณุ อธกิ ารบดแี ละคณะผบู้ รหิ าร
พร้อมท้ังบุคลากรของมหาวิทยาลัยทุกคนที่ได้ร่วมกันประกอบคุณงามความดี ร่วมริเร่ิม
สร้างสรรค์งานบริการวิชาการแก่สังคม เป็นการร่วมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคล
ส�ำคญั ยงิ่ นี้

(ศาสตราจารย์ ดร.วิจติ ร ศรสี อา้ น)
นายกสภามหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช

พฤษภาคม ๒๕๖๒

ค�ำน�ำอธิการบดี

ในโอกาสมหามงคลท่ีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ
บดนิ ทรเทพยวรางกรู ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ งั้ การพระราช
พิธีบรมราชาภิเษก เพ่ือความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศชาติสยามรัฐ
สีมาอาณาจักร ในวันเสารท์ ี่ ๔ วันอาทิตย์ท่ี ๕ และวนั จนั ทร์ท่ี ๖
พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ เปน็ ขา่ วทน่ี �ำมาซงึ่ ความปลาบปลมื้
ปีติแก่พสกนิกรชาวไทยท้ังปวง รวมท้ังชาวมหาวิทยาลัยสุโขทัย
ธรรมาธริ าช ทไี่ ดร้ บั พระเมตตาและพระมหากรณุ าธคิ ณุ อเนกอนนั ต์
หาที่สุดมิได้ท่ีได้พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยและชาวจังหวัด
นนทบุรีมาโดยตลอด ต้ังแต่ครั้งทรงด�ำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกฎุ ราชกมุ าร
นบั ไดว้ า่ พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ นี้ เปน็ ปมี หามงคลยงิ่ สมควรทปี่ วงชนชาวไทยทกุ ภาคสว่ นจะมี
โครงการและกิจกรรมที่เป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าชไดเ้ หน็ ชอบใหส้ �ำนกั บรรณสารสนเทศซง่ึ เปน็ หนว่ ยงานหอ้ งสมดุ
ของมหาวิทยาลัยด�ำเนินการจัดพิมพ์และเผยแพร่หนังสือพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก เพื่อ
เฉลิมพระเกียรติเน่ืองในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกคร้ังน้ี อันเป็นกิจกรรมท่ี
สอดคลอ้ งกบั แนวทางทก่ี ระทรวงศกึ ษาธกิ ารและส�ำนกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษาก�ำหนด
อกี ทง้ั ยงั ประโยชนใ์ นการบรกิ ารวชิ าการจากเรอื่ งราวของทอ้ งถน่ิ นนทบรุ แี กส่ งั คมในวงกวา้ งอกี ดว้ ย
วัดชมภเู วก ต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมืองนนทบรุ ี จงั หวัดนนทบรุ ี เปน็ วัดทสี่ รา้ งมาตัง้ แต่
สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ภายในวัดมีส่ิงปลูกสร้างท่ีกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็น
โบราณสถานของชาต ิ และเปน็ วดั ศนู ยก์ ลางของชมุ ชน “บา้ นทา่ ทราย” มาแตโ่ บราณ ซงึ่ เปน็ พนื้ ท่ี
ตอ่ เนอ่ื งกบั บา้ นบางตลาด และบา้ นปากเกรด็ ทเี่ ปน็ “ดา่ นขนอน” มหี นา้ ทตี่ รวจตราการเขา้ ออก
เก็บภาษีของเรือสินค้าทางแม่น้�ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมหลักมาแต่สมัยกรุงศรี
อยุธยาเป็นราชธานี และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชอันเป็นมหาวิทยาลัยเปิด ใช้ระบบ
การศึกษาทางไกลแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ตั้งอยู่ในท้องท่ีอ�ำเภอปากเกร็ด
จงั หวดั นนทบรุ ี

การจัดพิมพ์หนงั สอื พิพิธภัณฑพ์ น้ื บา้ นวัดชมภูเวกเล่มน้ี จึงเป็นท้งั ภารกจิ การท�ำนุบ�ำรุง
ศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ และการบริการวิชาการแก่สังคมอันเป็นหน้าที่หนึ่งของ
มหาวิทยาลัยในการบอกเล่าเร่ืองราวของวัดและชุมชนท้ังด้านสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม
ประเพณี รวมถึงวตั ถุ สิง่ ของ เครอ่ื งใช้ของยา่ นชมุ ชนท้องถ่นิ วัดชมภูเวก เพือ่ การอนรุ ักษ์และ
ถ่ายทอดให้คงอยู่ส่งต่อคนรุ่นหลัง ซ่ึงส่งผลให้พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวกเป็นท้ังแหล่ง
เรยี นรู้ สบื ทอดเรอื่ งราวประวตั ศิ าสตรท์ อ้ งถน่ิ สว่ นหนงึ่ ของจงั หวดั นนทบรุ อี ยา่ งยงั่ ยนื และเปน็
แหล่งท่องเท่ียวเชงิ สร้างสรรคแ์ ละวัฒนธรรมของทอ้ งถ่ินใหแ้ กป่ ระชาชนผสู้ นใจได้

ในนามของมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าชและคณะผบู้ รหิ ารมหาวทิ ยาลยั ขออนโุ มทนา
ความวิริยอุตสาหะของพระคุณเจ้า เจ้าอาวาส พระสงฆ์วัดชมภูเวก และชาวบ้าน โดยเฉพาะ
อยา่ งยงิ่ ปราชญท์ อ้ งถน่ิ ผเู้ ขยี นและผบู้ รหิ ารพรอ้ มดว้ ยบคุ ลากรส�ำนกั บรรณสารสนเทศทกุ ทา่ น
ท่ีได้ริเร่ิมและสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการอีกด้านหน่ึงของมหาวิทยาลัย อันจะอ�ำนวย
ประโยชน์อย่างย่ิงแก่มหาชน ท�ำให้ภารกิจส�ำคัญย่ิงนี้ส�ำเร็จลุล่วงเรียบร้อย สามารถออก
เผยแพร่ได้ เป็นการเฉลิมพระเกียรติและน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นราชสักการะแด่
สมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวในการพระราชพิธบี รมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ น้ี

(ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบคา้ )
กรรมการสภามหาวิทยาลยั ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิ

รกั ษาการแทนอธิการบดี
มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช

พฤษภาคม ๒๕๖๒

สารบัญ ๔

ค�ำปรารภนายกสภามหาวิทยาลัย ๘
ค�ำน�ำอธิการบดี ๑๐
สารบัญ ๑๗
ปฐมบทการจัดท�ำหนังสือพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก ๑๗
ตอนที่ ๑ สมยั กาลบา้ นท่าทราย ๑๗
๑๗
บา้ นท่าทราย ทต่ี ั้งวัดชมภูเวก ๑๙
อาณาเขตบา้ นทา่ ทราย ๒๒
ประวตั ิบ้านทา่ ทราย วเิ คราะหจ์ ากภมู ิศาสตร์ ๒๕
ประวัตบิ า้ นทา่ ทราย วิเคราะหจ์ ากประวัติศาสตร์ ๒๕
๒๕
บา้ นทา่ ทราย ชมุ ชนดง้ั เดมิ ตอ่ เนอ่ื งถึงปจั จุบนั ๒๖
ตอนที่ ๒ วัดชมภเู วก ๒๗
๒๗
ท่ีต้งั วัด ๒๘
ชอ่ื ของวดั ชมภูเวก ๒๘
ประวัติและโบราณสถานของวดั ๒๙
สิง่ ส�ำคญั ในวัด ๓๐
๓๕
บรเิ วณโบราณสถานของวดั ชมภูเวก ๓๖
เจดยี ์มตุ าว ๓๖
มณฑปพระพุทธบาท ๓๗
บษุ บกประดิษฐานพระพุทธบาทศลิ า ๓๙
พระพุทธบาทศลิ า พระพทุ ธบาทโบราณของชาติ จารกึ คาถาศกั ดิ์สทิ ธ ์ิ ๔๒
หอระฆงั ๔๓
ศาลเจา้ ทีป่ ระจ�ำวัด ๔๔
ศาลาการเปรียญและพพิ ิธภัณฑพ์ น้ื บ้านวัดชมภเู วก ๔๗
อุโบสถใหมว่ ดั ชมภูเวก ๔๗
จิตรกรรมฝาผนังในอโุ บสถใหม่ ๔๘
เจา้ อาวาสวดั ชมภเู วก
การบรู ณะวดั ชมภเู วก
วดั ชมภเู วกแหลง่ อนรุ ักษ์วฒั นธรรม
ตอนที่ ๓ โบราณสถานวัดชมภูเวก
อโุ บสถเกา่ และวหิ าร
อโุ บสถเก่า

ใบเสมาอุโบสถเก่าวัดชมภเู วก ๕๐
วิหาร ๕๐
จติ รกรรมในอโุ บสถเก่าและวิหาร ๕๑
ความโดดเดน่ ของจติ รกรรมในอโุ บสถเกา่ วัดชมภเู วก ๕๓
ภาพเขียนทศชาติชาดกในอโุ บสถเก่า ๕๔
คณุ คา่ ทางปญั ญาจากจติ รกรรมล�ำ้ ค่าในอุโบสถเกา่ วัดชมภเู วก ๕๘
๕๘
ชาดกเปน็ วธิ สี อนอยา่ งหน่งึ ของพระพุทธเจ้า ๕๙
ชาดกเปน็ เร่อื งของพระโพธิสัตวผ์ ้ตู ง้ั จติ ปรารถนาเป็นพระพทุ ธเจ้า ๖๐
การอา่ นภาพทศชาติชาดกที่อุโบสถเก่าวดั ชมภูเวก ๖๑
๖๒
เรื่องที่ ๑ พระเตมยี ชาดก การบ�ำเพ็ญเนกขัมมะบารมี ๖๓
เรอ่ื งที่ ๒ พระมหาชนกชาดก การบ�ำเพ็ญวริ ยิ บารม ี ๖๔
เรื่องท่ี ๓ พระสุวรรณสามชาดก การบ�ำเพญ็ เมตตาบารม ี ๖๕
เรอ่ื งท่ี ๔ พระเนมริ าชชาดก การบ�ำเพ็ญอธิษฐานบารมี ๖๖
เร่ืองท่ี ๕ พระมโหสถชาดก การบ�ำเพ็ญปญั ญาบารมี ๖๗
เรื่องที่ ๖ พระภรู ิทัตชาดก การบ�ำเพญ็ ศลี บารมี ๖๘
เร่ืองที่ ๗ พระจนั ทกุมารชาดก การบ�ำเพ็ญขันตบิ ารมี ๖๙
เรอ่ื งท่ี ๘ พระนารทชาดก การบ�ำเพญ็ อเุ บกขาบารม ี ๗๐
เรื่องท่ี ๙ พระวทิ ูรบัณฑิตชาดก การบ�ำเพ็ญสจั บารม ี ๗๓
เรื่องที่ ๑๐ พระเวสสันดรชาดก การบ�ำเพ็ญทานบารมี ๗๔
วัดชมภเู วก แหลง่ รวมจติ รกรรมเรื่องพทุ ธประวตั ิ ทศชาตแิ ละภาพปรศิ นาธรรม ๗๕
ท�ำไมแมพ่ ระธรณจี ึงต้องบีบมวยผม ๗๘
จิตรกรรมทผ่ี นังวิหารวดั ชมภเู วก ๘๑
ประวัตกิ ารอนรุ ักษแ์ ละบรู ณะโบราณสถานวัดชมภูเวก ๘๑
ตอนที่ ๔ การจดั แสดงในพิพิธภณั ฑพ์ ้ืนบ้านวัดชมภูเวก ๘๓
ความน�ำการจัดต้งั พิพธิ ภัณฑ์พน้ื บ้านวดั ชมภูเวก ๘๔
การจดั แสดงเร่ืองราวในพพิ ธิ ภณั ฑ์พน้ื บา้ นวดั ชมภูเวก ๘๔
ชุมชนท่าทรายและผูค้ นในชมุ ชน ๘๕
ประวตั แิ ละโบราณสถานวดั ชมภูเวก ๘๕
เอกสารโบราณของวัดชมภเู วก ๘๕
ประณีตศลิ ป์และศิลปวตั ถุ ๘๖
เคร่อื งมือและของใช้ในชุมชน
วตั ถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑพ์ น้ื บา้ นวัดชมภเู วก ๑๐๙
๑๑๐
บรรณานกุ รม
ประวตั สิ ังเขปผเู้ ขียน

ปฐมบท

การจัดท�ำหนังสือพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก

“...การสร้างอาคารสมัยนี้คงจะเป็นเกียรติส�ำหรับผู้สร้างคนเดียว
แตเ่ รื่องโบราณสถานน้ันเป็นเกียรติของชาติ อฐิ เกา่ ๆ แผน่ เดียวกม็ ีคา่ ควรจะช่วยกนั รักษาไว้

ถ้าเราขาดสุโขทัย อยุธยา และกรุงเทพฯ แล้ว ประเทศไทยก็ไม่มีความหมาย...
ในการท่ีมีโบราณวัตถุสถาน และปูชนียสถานอยู่เป็นอันมาก
ถ้าเรารู้จักวิธีน�ำมาใช้เกี่ยวกับการอบรมจิตใจของเยาวชน
ก็จะเป็นประโยชน์มาก...”

กระแสพระราชด�ำรัสพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพิตร
เม่ือคราวเสด็จประพาสจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พุทธศักราช ๒๕๐๖ เมื่อได้ทอดพระเนตร
เห็นอาคารสมัยใหม่หลังหน่ึงสร้างข้ึนบนท่ีซ่ึงเคยเป็นซากโบราณสถาน เป็นพระราชด�ำรัส
ที่ทรงสอนให้คนไทยตระหนักซาบซึ้งในคุณค่าของโบราณสถาน โบราณวัตถุ ให้เห็นถึงความ
ย่ิงใหญ่ท่ีบรรพบุรุษได้สั่งสมไว้เป็นสมบัติตกทอดมาถึงคนรุ่นปัจจุบัน (พระมหากษัตริย์ไทย
กับการพพิ ิธภณั ฑ,์ ๒๕๔๑ หนา้ ๙๑)

จากกระแสพระราชด�ำรสั ดงั กลา่ ว เปน็ แรงบนั ดาลใจใหผ้ ทู้ ท่ี �ำงานดา้ นการศกึ ษานอ้ มน�ำมาเปน็
แสงส่องทางในการจัดแหล่งการเรียนรู้เร่ืองราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ประวัติศาสตร์ชาติ
ใหเ้ ยาวชน

ยอ้ นไปเมอ่ื ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๔๙ ทส่ี �ำนกั บรรณสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
ในฐานะเป็นหน่วยงานห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ได้ริเริ่มด�ำเนินโครงการพัฒนาและเผยแพร่
สารสนเทศจากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ดา้ นนนทบรุ ศี กึ ษา เพอ่ื สง่ เสรมิ บรกิ ารหอ้ งสมดุ สชู่ มุ ชน ไดร้ บั
ความร่วมมือท่ีดีย่ิงจากท่านผู้รู้ในท้องถ่ินนนทบุรี คือ นายพิศาล บุญผูก ได้ร่วมกันศึกษา
ส�ำรวจให้ได้ข้อมูลน�ำมาเรียบเรียงเป็นหนังสือให้ความรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนนทบุรี
จากการส�ำรวจในคร้ังนนั้ ได้พบวา่ มพี ืน้ ท่ที เี่ ก่ยี วเนอ่ื งกนั โดยภูมิศาสตร์ ภมู นิ เิ วศ ภูมิวัฒนธรรม
วัดวาอาราม รวมทั้งวิถีชีวิตผู้คนจึงได้น�ำเสนอผลการศึกษาเป็นหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับ
จังหวัดนนทบุรี โดยเฉพาะอย่างย่ิงในเขตพื้นที่อ�ำเภอปากเกร็ดซึ่งเป็นที่ต้ังของมหาวิทยาลัย

สุโขทัยธรรมาธิราช มีผลงานเป็นหนังสือออกเผยแพร่เป็นคร้ังแรกในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ จ�ำนวน
๔ เล่ม ได้แก่ เครื่องปัน้ ดนิ เผานนทบรุ ี วัดในอ�ำเภอปากเกร็ด ภมู ินามอ�ำเภอปากเกร็ด และ
ท้องถ่ินปากเกร็ด การศึกษาส�ำรวจในคร้ังน้ันได้มีการกล่าวถึงวัดชมภูเวก ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่
ต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมืองนนทบุรีอยู่ด้วย เนื่องจากในอดีตก่อนการแบ่งเขตการปกครอง
เปน็ ต�ำบล อ�ำเภอ จงั หวดั นนั้ เคยเปน็ พนื้ ทอี่ าณาบรเิ วณตอ่ เนอื่ งกนั ทเี่ รยี กวา่ “บา้ นบางตลาด”
มีคลองบางตลาด และคลองท่าทราย เป็นคลองแยกจากแม่น�้ำเจ้าพระยา มีวัดและชุมชนอยู่
ริมคลองทง้ั สองนี้

วดั ชมภเู วกอยูล่ กึ เข้ามาในคลองท่าทราย แยกจากแมน่ ำ�้ เจ้าพระยา อยดู่ า้ นใต้ของคลอง
บางตลาด ยังมีอุโบสถเก่าและวิหารสมัยอยุธยาเป็นสิ่งปลูกสร้างให้เห็น เจ้าอาวาสท่ีปกครอง
วดั ทกุ รูปนับแตอ่ ดตี มาได้ดแู ลสบื ต่อมาจนถึงปจั จบุ ัน

ชว่ งปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๐๐ - ๒๕๕๐ วดั ชมภเู วกเปน็ ชว่ งเวลาทพ่ี ระครไู พศาลภทั รกจิ (เฉลยี ว
อนิ ทฺ วํโส) เป็นเจ้าอาวาส ได้ดูแลปกครองวัดต่อเนอ่ื งมาเปน็ เวลา ๕๐ ปี มีความพยายามในการ
ศึกษาประวัติที่มาของวัดชมภูเวกและการบูรณะตามกาลเวลาในบางช่วงตามความพร้อมของ
ทางวัด ชาวบา้ น และทางราชการ โดยระยะแรกมีศาสตราจารย์ศิลป พรี ะศรี จากมหาวิทยาลยั
ศลิ ปากร ไดเ้ ขา้ มาส�ำรวจภาพเขยี นฝาผนงั อโุ บสถเกา่ และวหิ ารของวดั และบนั ทกึ ภาพไวเ้ มอื่ ราว
ปี พ.ศ. ๒๕๐๒

ในชว่ งปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ พระสมหุ ์สุทธพิ งษ์ สิริวฑฒฺ โน เจ้าอาวาสพรอ้ ม
ชาวบ้านท่าทรายน�ำโดยนายวีระโชติ ปั้นทอง ร่วมกับนายพิศาล บุญผูก ได้ท�ำการส�ำรวจ
ท�ำความสะอาด จัดระเบียบคัมภีร์ใบลาน และวัตถุสิ่งของท่ีเก็บอยู่บนหอฉันไว้เป็นเบ้ืองต้น
พบว่ามีคัมภีร์ใบลานภาษามอญเป็นจ�ำนวนมาก จึงได้มีการอ่านการจัดท�ำผ้าห่อคัมภีร์ใหม่
และการจัดท�ำบัญชี รวมท้ังการจัดท�ำบัญชีวัตถุส่ิงของไว้ เพื่อเตรียมการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์
ในช่วงน้ีมีบุคลากรส�ำนักบรรณสารสนเทศได้ช่วยงานด้วยในวันหยุดราชการ เป็นท่ีมาของ
การเห็นความพยายามของทางวัดชมภูเวกและชาวชุมชนบ้านท่าทรายอย่างมากในการบ�ำรุง
รกั ษามรดกเรอื่ งราวของวดั ชมภเู วก อนั มโี บราณสถาน โบราณวตั ถุ สมควรทจ่ี ะไดร้ ว่ มกนั สบื สาน
อนรุ กั ษ์ตอ่ ให้ยั่งยนื มีการรับร้จู ากภายนอกให้กว้างขวางย่ิงขน้ึ

ท่ีส�ำคัญยิ่งคือ ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๒ นี้ เป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ังการพระราชพิธี
บรมราชาภิเษก เพ่ือความเปน็ สิริมงคลแกป่ ระเทศชาติ และราชอาณาจกั รไทย ในวนั เสารท์ ่ี ๔
วันอาทิตย์ที่ ๕ และวันจันทร์ที่ ๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ ส�ำนักบรรณสารสนเทศ
จงึ ไดเ้ สนอมหาวทิ ยาลยั ด�ำเนนิ การโครงการพฒั นาและเผยแพรส่ ารสนเทศทอ้ งถน่ิ นนทบรุ ศี กึ ษา :
ย่านชุมชนวัดชมภูเวก เพื่อส่งเสริมบริการห้องสมุดสู่ชุมชน และจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ

“พพิ ธิ ภณั ฑพ์ นื้ บา้ นวดั ชมภเู วก” เลม่ นข้ี นึ้ เพอ่ื แสดงเรอื่ งราวของวดั ชมภเู วกอนั เสมอื นดว้ ยพนื้ ท่ี
การเรยี นรแู้ บบเปิดพร้อมด้วยพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านท่ีวัดจัดต้ังขึ้น เป็นการแสดงความจงรักภักดี
ถวายเป็นราชสักการะ และเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลนี้แด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐท่ีทรงมีพระเมตตา
และพระมหากรุณาธิคุณอเนกอนันต์หาที่สุดมิได้ ที่ได้พระราชทานแก่มหาวิทยาลัยสุโขทัย
ธรรมาธิราช และจังหวัดนนทบุรีมาโดยตลอดต้ังแต่ครั้งทรงด�ำรงพระราชอิสริยยศสมเด็จ
พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร อนั สง่ อานสิ งสใ์ หเ้ รอ่ื งราวของวดั ชมภเู วก และชมุ ชน
บ้านท่าทราย ท่ีมีโบราณสถานของชาติตั้งแต่สมัยอยุธยาสามารถออกเผยแพร่เป็นความรู้
สู่สาธารณะไดก้ วา้ งขวางยง่ิ ขึน้

ในการศึกษาค้นคว้าเร่ืองราวของวัดชมภูเวกและบันทึกภาพเพ่ิมเติมจากท่ีเคยกล่าวถึง
ไวบ้ า้ งแลว้ เพอื่ จดั ท�ำหนงั สอื เลม่ นี้ ไดพ้ บขอ้ มลู จากเอกสารและบคุ คลทบ่ี ง่ บอกเรอื่ งราวของวดั
เพมิ่ เติม ดงั น้ี

๑. ปี พ.ศ. ๒๔๔๘ พบข้อมูลชือ่ ของวัด “วัดชมภูเวศ” (ตวั สะกดตามต้นฉบบั ) และชอ่ื
เจา้ อาวาส “พระพ่วง” ไดป้ รากฏในหนังสอื ท�ำเนียบคณะสงฆ์ ทก่ี ระทรวงธรรมการอนุญาต
ใหจ้ ัดพมิ พ์ รตั นโกสินทรศก ๑๒๓ หรอื พ.ศ. ๒๔๔๘

๒. ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ พบข้อมูลเก่ียวกับการอนุรักษ์โบราณสถานวัดชมภูเวก ท่ีปรากฏ
ในเอกสารถ่ายส�ำเนาบทความเร่ืองวัดชมภูเวก ที่พระครูไพศาลภัทรกิจ (เฉลียว อินฺทวํโส)
เจา้ อาวาสในขณะนน้ั ไดร้ บั มอบจาก ว่าท่ีเรือตรี อาภรณ์ ณ สงขลา อดีตนายชา่ งศิลปกรรม ๘
(ผู้เช่ียวชาญด้านอนุรักษ์ศิลปกรรม) ฝ่ายอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังและประติมากรรมติดที่
กองโบราณคดี กรมศิลปากร ในขณะนั้น ที่ได้มอบไว้ให้วัดชมภูเวกเม่ือวันที่ ๓๐ สิงหาคม
๒๕๒๑ จากในบทความพบว่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๒ หรือกว่า ๖๐ ปีมาแล้ว ได้มีการส�ำรวจ
จิตรกรรมฝาผนังในโบราณสถานวัดชมภูเวกไว้แล้ว ดังค�ำแนะน�ำของศาสตราจารย์ศิลป
พีระศรี แห่งมหาวทิ ยาลัยศลิ ปากรในขณะน้ันวา่

“...ควรจะถา่ ยภาพเขียนสว่ นท่ียังเหลอื อยู่ ซึ่งในเวลาอกี ไมก่ ่ีปีขา้ งหนา้
ภาพเขียนเก่าแกเ่ หลา่ น้จี ะสญู ส้นิ ไป

การถ่ายภาพเขยี นอันเปน็ มรดกทางศิลปะของเรานน้ั จะต้องกระทำ� อยา่ งรบี ดว่ น
และควรถา่ ยท�ำโดยชา่ งภาพผชู้ ำ� นาญ มฉิ ะน้นั แลว้ ก็จะเสยี ท้ังเวลาและเงิน
การบันทึกหลักฐานทางภาพถา่ ยน้นั เป็นสิ่งจ�ำเป็นอย่างย่งิ

และเป็นทางเดียวท่ีเราอาจบันทกึ หลักฐานมรดกตกทอดทางศิลปะของเราไวไ้ ด้...”

๓. ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ พบขอ้ มลู ๒ รายการ คือ
๓.๑ เดือนเมษายน ๒๕๑๗ พบรายงานการอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังและบูรณะ

อโุ บสถเกา่ และวหิ าร วดั ชมภเู วก ทวี่ รรณภิ า ณ สงขลา รายงานเปน็ บนั ทกึ ขอ้ ความทางราชการ
เสนอตอ่ หวั หนา้ แผนกส�ำรวจ เมอื่ วนั ที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๗ วา่ กรมศลิ ปากรไดเ้ ขา้ มาส�ำรวจ
ให้การช่วยเหลือฉุกเฉินด้วยความช�ำรุดทรุดโทรมอย่างมาก เกรงว่าจะพังทลายลงมา
ด้วยทางวัดหมดหวังท่ีจะท�ำการบรู ณปฏสิ งั ขรณไ์ ดเ้ อง โดยเฉพาะตวั วหิ ารเตม็ ไปดว้ ยรอยรา้ ว
ทกุ แหง่ หวั ขอื่ ขาด หลงั คาทรดุ และทางวัดเห็นว่าหากไม่ร้ือออกก็จะเป็นอันตราย จึงขอทาง
ราชการให้เข้ามาช่วยด�ำเนินการ จึงได้มีการบูรณะตามก�ำลังแบบฉุกเฉินในขณะนั้น โดย
ขา้ ราชการกรมศลิ ปากรเปน็ ผทู้ �ำ มกี ารจา้ งชวั่ คราวรายวนั ชว่ ยงาน มไิ ดเ้ ปน็ การจา้ งเหมาบรู ณะ
ด้วยความเห็นคุณค่าของโบราณสถานแห่งนี้ ข้าราชการเห็นว่าท�ำกันเองดีและปลอดภัยกว่า
ด้วยจิตส�ำนึกว่าเป็นโบราณสถานที่มคี ณุ คา่ ย่ิงของชาติ ต้องใชผ้ ูท้ ีม่ ฝี มี อื ช�ำนาญงานโดยเฉพาะ
และยังได้ใช้กระเบ้ืองมุงหลังคาเก่าท่ีรื้อจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามมาช่วยต่ออายุ
โบราณสถานน้ีไว้ จงึ สามารถรกั ษาวิหารและอโุ บสถวัดชมภเู วกไว้ไดส้ ืบต่อมา

๓.๒ เดอื นพฤษภาคม ๒๕๑๗ พบขอ้ มลู ในราชกจิ จานเุ บกษา เล่มที่ ๙๑ ตอนท่ี ๘๒
วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๑๗ กรมศิลปากรมีประกาศเร่ือง ข้ึนทะเบียนเป็นโบราณสถาน
ก�ำหนดให้อุโบสถเก่าและวิหารวดั ชมภเู วก ต�ำบลทา่ ทราย อ�ำเภอเมอื งนนทบรุ ี จังหวดั นนทบุรี
พรอ้ มก�ำหนดเขตท่ีดนิ โบราณสถาน ณ วนั ที่ ๒๘ มนี าคม ๒๕๑๗

๔. ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ พบขอ้ มลู การรายงานการอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาโบราณสถาน “วดั ชมภเู วก”
อ�ำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี (โครงการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ
วดั และศาสนสถาน เฉลมิ พระเกยี รตเิ นอ่ื งในโอกาสฉลองสริ ริ าชสมบตั ิ ๖๐ ป)ี ทส่ี �ำนกั ศลิ ปากร
ที่ ๒ สพุ รรณบรุ ี กรมศลิ ปากร กระทรวงวฒั นธรรม จดั ท�ำไว้ เปน็ การรายงานด�ำเนนิ การอนรุ กั ษ์
และพฒั นาโบราณสถานภายในวดั ชมภเู วก ท่ีใชเ้ วลาระหวา่ งปี พ.ศ. ๒๕๔๙ - ๒๕๕๐ ตามหลัก
วชิ าการ เช่น การขุดแตง่ ทางโบราณคดี การอนุรักษโ์ บราณสถาน ประกอบดว้ ยอโุ บสถ วิหาร
ก�ำแพงแก้ว ฐานสีมา เจดียร์ าย การปรบั ปรงุ ภูมทิ ศั น์ และการอนุรกั ษจ์ ิตรกรรมฝาผนัง

๕. พ.ศ. ๒๕๕๑ พบข้อมลู การศึกษาประวัติวัดชมภูเวกโบราณสถาน ท่ีทางวดั โดยพระครู
ไพศาลภัทรกจิ (เฉลียว อินฺทวํโส) ไดร้ เิ ร่มิ ไวต้ ัง้ แต่ พ.ศ. ๒๕๕๐ กอ่ นมรณภาพ และชาวบา้ น
น�ำโดยนายวีระโชติ ปั้นทอง ผู้อาวุโสท่านหน่ึงและผู้น�ำของชุมชนบ้านท่าทรายท่ีพยายาม
อยา่ งยง่ิ ในดา้ นการอนรุ กั ษศ์ ลิ ปะและวฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ ของวดั ชมภเู วกและชมุ ชนบา้ นทา่ ทราย
ได้จัดท�ำเป็นหนังสือ “ประวัติวัดชมภูเวก โบราณสถาน” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร พระชนมพรรษาครบ ๘๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม
๒๕๕๐ เผยแพรไ่ ดเ้ มอื่ วันท่ี ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๑

๖. พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๖๐ พบข้อมูลเชิงประจักษ์ในความพยายามของวัดและชาวบ้าน
น�ำโดยพระสมุห์สุทธิพงษ์ สิริวฑฺฒโน เจ้าอาวาส และนายวีระโชติ ปั้นทอง ท่ีเป็นก�ำลังหลัก
ทางฝา่ ยฆราวาส ในการอนรุ กั ษโ์ บราณสถาน โบราณวตั ถุ พุทธศาสนวัตถุ ศลิ ปวตั ถุ โดยรเิ รม่ิ
จัดเก็บรวบรวมเพื่อเตรียมการจัดต้ังพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวกขึ้น อีกทั้งความพยายาม
ในการฟื้นฟูศิลปะและวัฒนธรรม ประเพณีท้องถ่ินของวัดและชุมชนบ้านท่าทรายข้ึนใหม่ให้
อนุชนรุ่นหลงั ไดท้ ราบและร่วมสบื ทอดไวใ้ หค้ งอยู่

ในช่วงเวลากว่า ๑๒ ปี ท่ีส�ำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ไดด้ �ำเนนิ งานเกย่ี วกบั การจดั การสารสนเทศจากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ดา้ นนนทบรุ ศี กึ ษา อนั มงุ่ หวงั
ให้มีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถ่ินของพื้นที่จังหวัด
นนทบุรี ทอ่ี ยู่ในตวั บุคคลและสถานทีซ่ ง่ึ มคี วามเส่ยี งทีจ่ ะสญู หายไปตามกาลเวลา อีกด้านหนงึ่
คอื การทผ่ี นู้ �ำและชาวชมุ ชนบา้ นทา่ ทรายมคี วามพยายามอยา่ งยงิ่ ยวดเขม้ แขง็ ในการฟน้ื ฟศู ลิ ปะ
และวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น เพื่อสานต่อด�ำริการจัดต้ังพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านของชุมชนอันมี
วัดชมภูเวกเป็นศูนย์รวมจิตใจ เมื่อวัดได้เร่ิมการจัดต้ังพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวกอย่างเป็น
ทางการในราวปี พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๕๘ โดยไดร้ บั การสนบั สนนุ จากทางราชการ และชาวบ้าน
สมทบ จึงได้ส�ำเร็จเป็นรูปธรรมสามารถเปิดให้บริการแก่ผู้มาเยือนได้อย่างเป็นทางการ
ในกลางปี พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นต้นมา

ส�ำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้เห็นถึงความพยายามของ
ชุมชนและวัดชมภูเวกในการขับเคล่ือนการอนุรักษ์สืบสานสิ่งดีงามที่ปรากฏจากการเป็น
โบราณสถานของชาติ ท่ีจะบอกเล่าเร่ืองราวได้สืบต่อไปอย่างย่ังยืน จึงได้ร่วมสานต่อภารกิจ
ในการสร้างแหล่งเรียนรู้เรื่องราวของวัดชมภูเวกและชุมชนบ้านท่าทรายให้เป็นที่ประจักษ์
รับรู้กันในวงกว้างมากย่ิงข้ึน โดยจัดท�ำหนังสือ “พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก” เพื่อ
เฉลิมพระเกียรติเน่ืองในมหามงคลโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ยังได้จัดโครงการ
ฝกึ อบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารการน�ำชมวัดชมภูเวกและพพิ ิธภัณฑ์พืน้ บ้านวัดชมภเู วก ร่วมกับทางวดั
และศูนย์ภูมิภาคโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ในองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ (ซีมโี อ สปาฟา - SEAMEO SPAFA)* ขน้ึ เมื่อเดอื นมนี าคม ๒๕๖๒ ดว้ ย เพอ่ื ใหเ้ ยาวชน
และประชาชนย่านวัดชมภูเวกได้รับความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชุมชนบ้านท่าทราย
และวดั ชมภเู วกอยา่ งเปน็ ทางการ ด้วยมงุ่ หวงั จะให้เปน็ ผ้สู บื สานตอ่ เรอื่ งราวไดต้ อ่ ไปในอนาคต

* คือ Southeast Asian Ministers of Education Organization (SEAMEO)
Southeast Asian Regional Centre for Archaeology and Fine Arts (SPAFA)

ส�ำนักบรรณสารสนเทศ มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จัดการฝึกอบรมเชงิ ปฏิบัติการการน�ำชม
วัดชมภเู วกและพพิ ิธภัณฑ์พ้ืนบา้ นวดั ชมภูเวก เมอื่ วนั ท่ี ๑๑,๑๒ และ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒

การจดั ท�ำหนงั สอื นสี้ �ำเรจ็ ลงไดด้ ว้ ยด ี ส�ำนกั บรรณสารสนเทศไดร้ บั ความรว่ มมอื ทด่ี ยี งิ่ จาก
เจา้ อาวาสวดั ชมภเู วกและปราชญท์ อ้ งถนิ่ ๒ ทา่ น คอื นายพศิ าล บญุ ผกู และนายวรี ะโชติ ปน้ั ทอง
ในการท�ำงานจนส�ำเร็จลลุ ่วงดว้ ยดี จงึ ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้

ส�ำนกั บรรณสารสนเทศ ยนิ ดแี ละภาคภมู ใิ จเปน็ อยา่ งยง่ิ ทไ่ี ดน้ �ำเสนอเรอ่ื งราวของทอ้ งถน่ิ
จังหวัดนนทบุรีอีกเรื่องหนึ่ง เป็นผลงานเฉลิมพระเกียรติเน่ืองในมหามงคลพระราชพิธีบรม
ราชาภเิ ษก พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๒ นอี้ ยา่ งเปน็ ระบบทงั้ ในรปู แบบหนงั สอื และหนงั สอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์ สืบสานเพ่ือเผยแพร่สู่การใช้ประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้า
อย่างกว้างขวางสืบไป และเป็นบริการวิชาการแก่สังคมของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
รวมท้ังเป็นกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ท่ีสอดคล้องกับแผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
สสู่ งั คมแหง่ การเรยี นรขู้ องไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔ ตามนโยบายการพฒั นาคณุ ภาพประชากร
ผา่ นการอา่ น และการเรยี นรูข้ องชาติทีป่ ระกาศใชเ้ ม่ือเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๖๐ ด้วย


พฤษภาคม ๒๕๖๒

เจดีย์วัดเชิงท่า ปากคลองบางตลาดฝั่งใต้ บันทึกภาพไว้เม่ือ พ.ศ. ๒๕๐๕
โดย นายพิศาล บุญผูก ก่อนท่ีจะพังทลายลง ปัจจุบันเป็นที่ต้ังของพุทธสถานเชิงท่าหน้าโบสถ์

ต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี

สมัยกาลบ้านท่าทราย

บา้ นทา่ ทราย ท่ีตัง้ วัดชมภเู วก

อาณาเขตบา้ นท่าทราย
ในอดตี ทผ่ี า่ นมาจนถงึ ปจั จบุ นั ยงั ไมม่ ผี ใู้ ดใหค้ �ำตอบไดว้ า่ “บา้ นทา่ ทราย” มคี วามเปน็ มา

อย่างไร? เกิดขึ้นเมื่อใด? ท�ำไมจึงเรียกต�ำบลท่าทราย เม่ือมีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้าน
วัดชมภูเวก จ�ำเป็นอย่างย่ิงต้องมีเรื่องของชุมชนด้วย เพื่อเล่าเร่ืองความเป็นมาของชุมชน
“บ้านท่าทราย”

ชุมชนบ้านท่าทรายตั้งอยู่ริมแม่น�้ำเจ้าพระยา ระหว่างชุมชนบ้านบางตลาดกับชุมชน
บางธรณีทางฝัง่ ตะวันออกของแมน่ ำ้� เจา้ พระยา

ทศิ เหนอื จดคลองบางตลาด
ทิศใตต้ ดิ ต่อกบั ต�ำบลบางกระสอ อ�ำเภอเมอื งนนทบรุ ี จังหวัดนนทบุรี
ทศิ ตะวนั ออกจดคลองประปา เขตตดิ ตอ่ กบั แขวงทงุ่ สองหอ้ ง เขตหลกั ส่ี กรงุ เทพมหานคร
ทิศตะวันตกจดแม่น้�ำเจา้ พระยาฝ่งั ตะวนั ออก
ประวัตบิ ้านทา่ ทราย วิเคราะห์จากภูมิศาสตร์
แม่น้�ำเจ้าพระยาตั้งแต่พทุ ธสถานเชงิ ท่าหน้าโบสถ์ (บรเิ วณวดั เชิงท่า และวัดหนา้ โบสถ์
ในอดีต) ปากคลองบางตลาดเรื่อยขึ้นไปถึงบ้านศาลากุลนอก เป็นแนวโค้งหักศอก กระแสน้�ำ
ที่ไหลมาทางแม่น�้ำเจ้าพระยาตรงอ้อมเกร็ด จะพุ่งชนตลิ่งบริเวณวัดหน้าโบสถ์ ตรงปากคลอง
บางตลาด ย่ิงฤดนู ำ้� หลากกระแสน�ำ้ จะไหลแรงมาก น�้ำจะกดั เซาะตลง่ิ บริเวณดังกลา่ วพงั ทลาย

18 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

ดนิ ทรายไหลตามกระแสนำ้� เปน็ ตะกอนไปสะสมเปน็ เนนิ รมิ ตลง่ิ หนา้ วดั เชงิ ทา่ เปน็ เนนิ ทรายหรอื
หาดทรายยาวตามแนวชายฝง่ั แมน่ ำ�้ เจา้ พระยา เรอื่ ยลงไปเกอื บถงึ วดั แคนอก ต�ำบลบางกระสอ
ระยะความยาวเกือบ ๒ กิโลเมตร หาดทรายลาดลงถึงระดับน�้ำต่�ำสุดในแม่น�้ำเจ้าพระยาช่วง
ฤดูแล้ง (มีนาคม - มถิ นุ ายน) ประมาณเกอื บ ๓๐ เมตร พ้นื ท่ีชายน้ำ� จะเป็นหาดทรายยื่นลงไป
ในแม่น้�ำ ในเวลาน้�ำลงสามารถเดินไปตามตลิ่งที่เป็นหาดทรายได้ ข้อมูลทางภูมิศาสตร์
สันนิษฐานว่าการเกิดข้ึนของหาดทรายในบริเวณนี้จึงเป็นที่มาของช่ือชุมชนท่าทรายและ
บ้านท่าทรายในเวลาต่อมา ต่อมามีการแบ่งเขตการปกครอง จึงมีการน�ำเอาคลองบางตลาด
ท่ีแยกจากแมน่ ำ�้ เจา้ พระยาเปน็ เส้นแบง่ เขตของต�ำบลบางตลาด อ�ำเภอปากเกรด็ อยู่ทิศเหนือ
และต�ำบลทา่ ทราย อ�ำเภอเมอื งนนทบรุ ี อย่ทู ศิ ใต้ของคลองบางตลาด

บรเิ วณท่เี ป็น
หาดทราย
ที่ต้งั วดั ชมภเู วกในอาณาบริเวณบา้ นท่าทราย

แผนที่บา้ นปากเกรด็ บ้านบางตลาด บา้ นทา่ ทราย และพืน้ ทใี่ กล้เคียง

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 19

ประวตั บิ า้ นท่าทราย วิเคราะหจ์ ากประวัติศาสตร์
๑. ประวตั ศิ าสตร์สมยั อยธุ ยา สมัยธนบุรี และสมัยตน้ รตั นโกสนิ ทร์

สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระมหากษัตริย์ไทยในสมัยอยุธยาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้ง
เมืองนนทบุรีที่บ้านตลาดขวัญเมื่อ พ.ศ. ๒๐๙๒ “บ้านตลาดขวัญ” เป็นชุมชนริมแม่น�้ำ
เจ้าพระยาที่ตั้งอยู่กลางระหว่างชุมชนลุ่มน�้ำเจ้าพระยาด้านเหนือท่ีชุมชนบางธรณี
ชุมชนท่าทราย ชุมชนปากเกร็ด ซึ่งรวมเป็น “บ้านเตร็จน้อย” ในสมัยอยุธยา และชุมชน
ตามล่มุ แม่น�้ำเจา้ พระยาสายเดิมซึ่งปัจจบุ นั เปน็ คลองออ้ มท่ีอยูด่ า้ นใต้

บ้านเตร็จน้อย อยู่ด้านใต้ของ “ลัดเกร็ด” อยู่บริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้�ำ
เจ้าพระยา ตั้งแต่ปากลัดเกร็ดจนถึงปากคลองบางธรณี ในสมัยอยุธยาย่านน้ีเป็นท่ีต้ังของ
“ด่านขนอน” มีหน้าท่ีตรวจตราการผ่านไปมาของเรือสินค้าจากหลายชาติที่มาค้าขายกับ
กรุงศรีอยธุ ยา และเกบ็ ภาษจี ังกอบ ท่ีบ้านปากเกรด็ เป็นชุมชนใหญม่ ีปากคลองบางตลาด เปน็
“ตลาดน�้ำบางตลาด” ขนาดใหญม่ ากทค่ี ับคงั่ ไปด้วยเรอื น้อยใหญแ่ ละผู้คนจ�ำนวนมากมารวม
ซอ้ื ขายกนั ทตี่ ลาดนำ้� แหง่ นี้ ใกลป้ ากดา่ นมวี ดั เชงิ ทา่ และวดั หนา้ โบสถ์ เปน็ ศนู ยก์ ลางของชมุ ชน
“บา้ นบางตลาด” เมอื งนนทบรุ แี ละบา้ นปากเกรด็ เปน็ ดา่ นตามล�ำนำ�้ เจา้ พระยา อยใู่ นเสน้ ทางหลกั
เขา้ สกู่ รงุ ศรอี ยธุ ยา เมอื่ พมา่ รกุ รานกรงุ ศรอี ยธุ ยากต็ งั้ คา่ ยทบี่ า้ นปากเกรด็ นานถงึ ๒ ปี จนเขา้ ตี
กรงุ ศรอี ยธุ ยาไดใ้ นปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ชว่ งเวลานน้ั บา้ นบางตลาด บา้ นปากเกรด็ กลายเปน็ บา้ นรา้ ง
เมอื งรา้ ง จนกระทงั่ สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช ทรงกอบกบู้ า้ นเมอื งจากพมา่ ได้ ทรงสถาปนา
กรงุ ธนบรุ เี ปน็ ราชธานี และโปรดเกลา้ ฯ ใหค้ นมอญมาตง้ั ถน่ิ ฐานบา้ นเรอื นตามล�ำนำ�้ เจา้ พระยา
ตง้ั แต่บางปะอิน อยธุ ยา สามโคก ปทมุ ธานี ปากเกร็ด นนทบรุ ี ใหอ้ ยู่รักษาดา่ นทีบ่ า้ นปากเกร็ด

ความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในอดีตกาลของย่านน้ีเห็นได้จากการมีวัดโบราณ
จ�ำนวนมากอยู่ในชุมชนที่ต้ังอยู่ใกล้ปากด่านปากเกร็ด ต่อเน่ืองไปจนถึงต�ำบลท่าทราย
ต�ำบลบางกระสอ อ�ำเภอเมืองนนทบุรีในปัจจุบัน โบราณสถานโบราณวัตถุที่มีอยู่ในพื้นท่ี
เหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงอายุของชุมชนต้ังแต่สมัยอยุธยาได้เป็นอย่างดี อาทิ วัดกลางเกร็ด
วัดปา่ เลไลยก์ ทล่ี ดั เกร็ด เศียรพระพทุ ธรูปหนิ ทราย และพระประธานวัดเชิงท่า อกี ทง้ั ลกั ษณะ
ภาพจติ รกรรมฝาผนงั ในอโุ บสถวดั หนา้ โบสถ์ วดั ชมภเู วก ลว้ นแสดงใหเ้ หน็ การรว่ มอายสุ มยั เดยี วกนั

“พญาเจ่ง” หัวหน้ามอญท่ีอพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ได้ตั้งบ้านเรือนสร้าง
ชุมชนมอญ ทบี่ า้ นบางตลาด บา้ นท่าทราย พญาเจง่ รับราชการมาแต่สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรถี งึ
สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั รชั กาลที่ ๒ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ทรงพระกรณุ า
โปรดเกลา้ ฯ พระราชทานบรรดาศกั ดิ์ “เจา้ พระยามหาโยธา นราธิบดีศรีไชยณรงค์” ควบคมุ
ดูแลมอญท้ังปวงท่ีเรียกว่า จักรีมอญ เม่ือท่านถึงแก่อสัญกรรม บุตรชายของท่านพญาเจ่ง

20 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

ชือ่ ทอเรย่ี ะ (มีความหมายวา่ ทองชื่น) ไดร้ ับต�ำแหน่งเจ้าพระยามหาโยธาจกั รีมอญสืบตอ่ จาก
พญาเจ่งผู้เป็นบิดา ควบคุมดูแลมอญท้ังปวงแทนบิดา พญาเจ่งและบุตรนอกจากจะรับ
ราชการสนองพระเดชพระคุณพระมหากษัตริย์ไทยแล้ว ยังได้ท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนา
บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม โดยเฉพาะวัดมอญของชุมชนบ้านท่าทราย ได้แก่ วัดเชิงท่า
วดั ขะโมก วดั สนาม วัดชมภูเวก และวัดต�ำหนักใต้ ชุมชนบ้านบางตลาด ไดแ้ ก่ วดั หน้าโบสถ์
วัดโบสถซ์ อโกณฑัญญะ และวดั ปรก

คนมอญได้ท�ำนาส่งเสบียงให้กรุงธนบุรีพร้อมรักษาด่าน การท�ำนาสมัยน้ันครอบคลุม
พ้ืนที่ต้งั แต่บางตลาด ท่าทราย หลงั วัดสนามเหนือ วัดบอ่ ไปจนถึงคลองเกลือ บางพูด หลักสี่
บางเขน ท่งุ สกี นั และดอนเมอื งในปจั จุบนั

ชุมชนบ้านปากเกร็ด บ้านบางตลาด บา้ นท่าทราย ไดก้ ลบั มามผี ้คู นอาศยั อกี ครั้งหลัง
การเสยี กรุงศรอี ยุธยาเมื่อมีมอญมาอยู่ทด่ี า่ นขนอนบา้ นปากเกร็ด

๒. ประวตั ิศาสตร์ทอ้ งถิ่นของชมุ ชน - บคุ คล

นายวรี ะโชติ ปน้ั ทอง ชาวทา่ ทราย ไดส้ มั ภาษณช์ าวไทยเชอื้
สายมอญ บา้ นทา่ ทรายรนุ่ เกา่ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๐๘ (กวา่ ๕๔ ปมี าแล้ว)
เพอื่ รวบรวมขอ้ มลู บอกเลา่ เรยี บเรยี งไวเ้ ปน็ ประวตั ขิ องชมุ ชน มผี ใู้ หข้ อ้ มลู
คอื พอ่ และลงุ ได้แก่ นายเชย ปั้นทอง (พ่อ) อายุ ๖๗ ปี นายแห
คงทรพั ย์ (ลงุ ) อายุ ๖๕ ปี และร.ท. บญุ เตลงิ คพนั ธ์ ร.น. (ลงุ ) ชาวมอญ
บา้ นบางตลาด อายุ ๘๒ ปี
ขนุ ขจร (ทอง จันทร์ใบเลก็ )
นายสุ่น และนางเหลย่ี ม แก้วปล่งั อายปุ ระมาณ ๘๐ ปเี ศษ กำ� นันตำ� บลทา่ ทราย
ผู้มีศักด์ิเป็นตาและยายของนายพิศาล บุญผูก ได้เล่าให้นายพิศาลฟัง ในสมัยรัชกาลที่ ๖
เมื่อเป็นเด็กว่าในคลองบางตลาดท้ังสองฝั่งเคยมีวัดโบราณงามๆ เช่น (อนเุ คราะห์ภาพโดย
วดั โบสถซ์ อโกณฑญั ญะทฝี่ ง่ั เหนอื ของคลองบางตลาดมเี จดยี แ์ ละอโุ บสถ นายสมใจ จนั ทรใ์ บเลก็
ขนาดใหญ่สวยงาม แต่ปัจจบุ ันไม่เหลอื ร่องรอยให้เหน็ แลว้ หลานปู่ อายุ ๖๗ ป)ี

สรุปข้อมูลว่าในอดีตบ้านท่าทรายและบ้านบางตลาดเป็นพ้ืนท่ีเดียวกัน เพียงแต่มี
คลองบางตลาดคั่น ชาวบา้ นเรียกทั่วไปวา่ “บา้ นบางตลาด” เป็นชุมชนขนาดใหญม่ ีประชากร
รวมกันอยู่ ๓ เช้ือชาติ คือ มอญ - ไทยเช้อื สายมอญ จนี อิสลาม เปน็ ศูนยร์ วมทางธุรกิจการคา้
มีตลาดน้�ำเป็นศูนย์กลางในลุ่มแม่น�้ำเจ้าพระยา มีด่านขนอนอยู่เหนือวัดหน้าโบสถ์ท�ำหน้าที่
เก็บภาษีเรือสินค้าต่างชาติและตรวจส่ิงของต้องห้ามท่ีจะน�ำเข้า - ออก จากกรุงศรีอยุธยา
เปน็ สถานทจ่ี อดพกั เรอื สนิ คา้ ตา่ งประเทศจงึ ท�ำใหเ้ กดิ “ตลาดนำ้� ” ตามมา มวี ดั ซงึ่ สรา้ งประจ�ำ
ชุมชน เช่น บ้านบางตลาดมีวัดหน้าโบสถ์ วัดโบสถ์ซอโกณฑัญญะ วัดปรก บ้านท่าทรายมี

พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก 21

วัดเชิงทา่ วัดขะโมก วดั สนาม วัดชมภูเวก วดั เพลง วัดต�ำหนัก
บน และวัดต�ำหนักล่าง (ต่อมาวัดทั้งสองได้รวมกันเป็นวัด
เดยี วกัน เรียกว่า วัดต�ำหนักใต้) ปัจจบุ ันเหลือเพียง ๒ วดั คอื
วดั ชมภเู วก และวดั ต�ำหนกั ใต้

บหารดิเวทณรทาย่ีเปน็

ภาพวาดวัดโบสถซ์ อโกณฑัญญะ
จากคำ� บอกเลา่ ของนายสนุ่
และนางเหลีย่ ม แกว้ ปล่ัง
และนายพศิ าล บญุ ผกู

ไดบ้ นั ทึกไว้ถา่ ยทอดตอ่ ใหผ้ ู้วาด

ทต่ี ง้ั วดั ชมภูเวกในอาณาบริเวณบา้ นทา่ ทราย

๓. ประวตั ศิ าสตร์จากบันทึกหลักฐานของวดั
มกี ารคน้ พบคมั ภรี ใ์ บลานภาษามอญของวดั ชมภเู วก ชอื่ คมั ภรี ์ “ตกิ กะทกุ กะปธาน”

ผจู้ าร คือ บิดาพ่อเพลงกอย บา้ นบางตลาด - ท่าทราย จารเม่อื จ.ศ. ๑๖๐๒ (พ.ศ. ๒๓๘๓)
ซึ่งอยูใ่ นสมยั รัชกาลที่ ๓ ระบวุ า่ วัดชมภูเวก อยทู่ ่ี “บา้ นบางตลาด - ทา่ ทราย” (คมั ภรี ใ์ บลาน
ภาษามอญน้ี ได้ค้นพบจากการอนุรักษ์ และจัดระเบียบวัตถุ ข้าวของที่จัดเก็บไว้ที่วัดชมภูเวก
โดยความเหน็ ชอบของพระสมหุ ส์ ทุ ธพิ งษ์ สริ วิ ฑฒฺ โน เจา้ อาวาสวดั ชมภเู วก รเิ รม่ิ ด�ำเนนิ การโดย
นายวีระโชติ ปั้นทอง มีการอ่านข้อมูลโดยนายพิศาล บุญผูก ผู้รู้ภาษามอญ และผู้เชี่ยวชาญ
ประวตั ิศาสตรท์ อ้ งถนิ่ นนทบรุ ี เมอ่ื ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ กอ่ นการจดั ตง้ั พพิ ธิ ภณั ฑพ์ นื้ บา้ น
วดั ชมภเู วกในเวลาตอ่ มา

คัมภีร์ใบลานมอญ
ทว่ี ดั ชมภเู วก

22 พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก

ทส่ี �ำคญั ตวั อาคารโบราณสถาน จติ รกรรมฝาผนงั ภายในอโุ บสถ และวหิ ารของวดั ชมภเู วก
เป็นหลักฐานที่บ่งบอกอายุของวัดและชุมชนได้เป็นอย่างดี จิตรกรรมฝาผนังภายในอุโบสถ
วดั ชมภเู วก มลี กั ษณะเดยี วกนั กบั วดั หนา้ โบสถท์ ป่ี ากคลองบางตลาด กลา่ วคอื มภี าพพระพทุ ธรปู
ขนาดใหญ่ท่ีผนังหุ้มกลองอุโบสถด้านหลังพระพทุ ธรปู ประธาน

ภาพพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ภาพพระพุทธรปู ขนาดใหญ่ทผ่ี นังหมุ้ กลอง
ทผ่ี นังหุ้มกลองอโุ บสถ วัดหนา้ โบสถ์ ด้านหลงั พระพทุ ธรูปประธานอุโบสถเก่า วัดชมภูเวก
ปจั จบุ ันเปน็ พุทธสถานเชงิ ท่าหน้าโบสถ์

บา้ นท่าทราย ชมุ ชนดั้งเดมิ ต่อเนอ่ื งถึงปจั จุบนั

ในช่วงเวลาที่ปากคลองบางตลาดเป็นที่ต้ังของด่านขนอน และตลาดน้�ำบ้านบางตลาด
ชมุ ชนทา่ ทราย และบา้ นบางตลาดเปน็ ชมุ ชนใหญ่ และถอื วา่ อยใู่ นยา่ นหรือบางเดียวกัน มักจะ
เรยี กรวมกนั วา่ บ้านบางตลาดทา่ ทราย หรือบา้ นทา่ ทรายบางตลาด

วัดเชิงท่า วัดเพลง วัดชมภูเวก วัดต�ำหนักใต้ วัดปรก และวัดสนาม ซ่ึงตั้งอยู่ฝั่งใต้
ของคลองบางตลาดในต�ำบลท่าทราย ถือได้ว่าเป็นหลักฐานส�ำคัญท่ีแสดงถึงความเจริญของ
บา้ นท่าทรายท่ีมีมาอย่างยาวนานตงั้ แต่สมัยอยุธยา

ในอดตี บา้ นทา่ ทราย บา้ นบางตลาด เป็นชมุ ชนทอ่ี ยใู่ นเขตปกครองของเมอื งนนทบรุ ที ี่
ข้ึนกบั กรุงศรีอยุธยาตั้งอย่รู ิมแมน่ �้ำเจ้าพระยาฝง่ั ตะวันออกเป็นชุมชนเดยี วกัน ต่อมาประชากร
อยกู่ นั หนาแน่นมคี วามเจริญมาก ในสมัยรชั กาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๔๑๑ - ๒๔๕๓) ได้มกี ารแบ่งเขต
การปกครองเปน็ หมูบ่ ้าน ต�ำบล อ�ำเภอ จังหวดั

คลองบางตลาดถกู ก�ำหนดใหเ้ ปน็ จดุ แบง่ เขตของอ�ำเภอปากเกรด็ และอ�ำเภอเมอื งนนทบรุ ี
ฝั่งใต้ของคลองบางตลาดเป็นพ้ืนท่ีของต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมืองนนทบุรี ฝั่งเหนือของ
คลองบางตลาดเปน็ พื้นทข่ี องต�ำบลบางตลาด อ�ำเภอปากเกรด็ จังหวดั นนทบุรี บ้านทา่ ทราย
จงึ เปน็ ต�ำบลทา่ ทราย อ�ำเภอเมอื งนนทบรุ ี จงั หวดั นนทบรุ ี บา้ นบางตลาด เปน็ ต�ำบลบางตลาด

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 23

อ�ำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
มีประชากรหลายเช้ือชาติ ได้แก่
ไทย จีน อิสลาม และมอญมากทส่ี ุด
พระภกิ ษุวัดชมภเู วก
ถ่ายภาพทห่ี น้าเจดยี ม์ ตุ าว
ในเทศกาลไหว้เจดีย์มุตาว
ขน้ึ ๑ คำ่� เดือน ๑๑ พ.ศ. ๒๕๐๖
(อนุเคราะหภ์ าพโดย นายวรี ะโชติ ป้นั ทอง)
วัดหน้าโบสถ์อยู่ปากคลองบางตลาด ฝั่งเหนือเป็นต�ำบลบางตลาด อ�ำเภอปากเกร็ด
วดั เชงิ ทา่ อยปู่ ากคลองบางตลาด ฝง่ั ใตเ้ ปน็ ต�ำบลทา่ ทราย อ�ำเภอเมอื งนนทบรุ ี ทงั้ สองวดั นเ้ี ปน็
ศนู ยก์ ลางชุมชนบา้ นบางตลาด บา้ นท่าทรายมาแตโ่ บราณ
ในคลองบางตลาดยงั มวี ดั โบราณอกี หลายวดั เชน่ ฝง่ั ทศิ ใตไ้ ปทางบา้ นทา่ ทราย มวี ดั ขะโมก
(ภาษามอญแปลวา่ วดั ทศิ ตะวนั ออก) วดั เพลง วดั ชมภเู วก วดั ต�ำหนกั ใต้ วดั บางธรณี ฝง่ั ทศิ เหนอื
นอกจากวัดหน้าโบสถ์แลว้ ยังมวี ัดโบสถ์ซอโกณฑัญญะ วดั ปรก วดั สนามใต้ ตอ่ มาเมอื่ ปี พ.ศ.
๒๔๘๙ เป็นต้นมา มีการเวนคืนที่ดินเพื่อใช้ในราชการของกรมชลประทาน และเม่ือปี พ.ศ.
๒๕๐๒ ทางราชการให้ชุมชนและวัดออกจากพ้ืนที่ทั้งหมด ท้ังวัดและชุมชนบ้านบางตลาด
บา้ นทา่ ทรายดา้ นรมิ แมน่ ำ�้ เจา้ พระยาใกลป้ ากคลองบางตลาดจงึ สน้ิ สภาพการเปน็ ศนู ยก์ ลางของ
ชมุ ชน วัดโบราณต่างๆ กลายเป็นวัดร้าง และไมเ่ หลือร่องรอยสิง่ ปลูกสร้างหลงเหลือให้เหน็
ปัจจุบันบ้านท่าทรายได้ขยายเป็นชุมชนใหญ่ โดยเฉพาะทางด้านตะวันออกท่ีติดต่อกับ
คลองประปา ส่วนบ้านท่าทรายทางทศิ ตะวนั ตกทต่ี ิดตอ่ กบั แม่นำ�้ เจา้ พระยา ส่วนใหญเ่ ปน็ ท่ีตงั้
ของชุมชนด้งั เดมิ รวมทัง้ วดั โบราณของ
ชุมชน คือ วัดชมภูเวก วัดต�ำหนักใต้
และพทุ ธสถานเชงิ ท่าหน้าโบสถ์
ชมุ ชนบา้ นทา่ ทรายมวี ดั ชมภเู วก
และวดั ต�ำหนกั ใต้เปน็ วดั ในชุมชน

เจดีย์มุตาว วัดชมภเู วก
เม่อื ครั้งน้�ำท่วม พ.ศ. ๒๕๐๗
(อนเุ คราะหภ์ าพโดย นายวรี ะโชติ ปัน้ ทอง)

อุโบสถใหม่ และเจดีย์มุตาว วัดชมภูเวก
ต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี

วัดชมภูเวก

ทตี่ ้งั วดั

วัดชมภูเวก ต้ังอยู่เลขท่ี ๑๗๓ ต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
เป็นวัดสงั กดั คณะสงฆม์ หานกิ าย มที ดี่ นิ ตัง้ วดั เนือ้ ท่ี ๒๔ ไร่ ๒ งาน ๒๑ ตารางวา วดั ชมภูเวก
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เม่ือวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ เขตวิสุงคามสีมา
กว้าง ๑๑.๕๐ เมตร ยาว ๒๖ เมตร

ชอื่ ของวัดชมภูเวก

การตั้งช่ือวัดต่างๆ ในประเทศไทยต้ังแต่โบราณมา ชื่อของวัดคนโบราณดูเหมือนว่า
จะไม่ได้ให้ความส�ำคัญเท่าใด แม้กระทั่งวัดที่พระมหากษัตริย์หรือผู้มีบรรดาศักดิ์
ไปสร้างไว้ ก็ไม่ได้ให้ความส�ำคัญแก่ช่ือวัดมากนัก เช่นวัดเขมาภิรตาราม เมื่อแรกที่สมเด็จ
พระศรสี รุ ิเยนทรามาตย์ พระมเหสีในรัชกาลที่ ๒ ได้ทรงปฏสิ งั ขรณ์ ก็คงเรียกชอ่ื วัดวา่ วดั เขมา
และเป็นที่ถกเถียงกนั มาจนทกุ วนั นีว้ า่ ช่ือวัดเขมา แปลว่าอะไร ตอ่ มารชั กาลที่ ๔ พระราชทาน
สรอ้ ยนามของวดั โปรดเกลา้ ฯ ใหช้ อ่ื วดั วา่ วดั เขมาภริ ตาราม แมว้ ดั โพธบ์ิ างโอ ทอ่ี �ำเภอบางกรวย
จงั หวดั นนทบรุ ี ทกี่ รมหลวงเสนีบรริ กั ษ์ ทรงบรู ณะสร้างอุโบสถท่ีสวยงามหลงั หนึง่ ของจังหวดั
นนทบุรี ก็คงเรียกนามวัดว่า วัดโพธ์ิบางโอ เป็นชื่อสามัญและหาต้นเค้าของชื่อวัดไม่ได้
เชน่ เดยี วกับวัดเขมาภริ ตารามและอกี หลายวดั ในจงั หวัดนนทบุรี

ส�ำหรับวัดชมภูเวกนั้น ช่ือของวัดตามท�ำเนียบคณะสงฆ์ของกระทรวงธรรมการ
พ.ศ. ๒๔๔๘ เมือ่ ๑๑๔ ปีมาแลว้ มีชือ่ ว่า วัดชมภูเวศ พระพ่วง เปน็ เจา้ อาวาส มผี ้สู นั นิษฐาน
ว่า ชมภู น่าจะหมายถึง ชมพู ท่ีแปลว่า ต้นหว้า ดังที่เรียกพ้ืนท่ีของอินเดียโบราณ เนปาล
ปากีสถาน บงั กลาเทศ ท่ีพระพทุ ธเจ้าประสูตวิ ่า ชมพูทวปี เพราะถอื เอาตน้ หวา้ เป็นหลกั ของ
ทวปี หรือเปน็ หลกั ของแผน่ ดนิ สว่ น เวศ น้ัน หมายถงึ พน้ื ที่ หรอื สถานท่ี เค้าเดมิ ของชอ่ื น้ีจงึ
เปน็ การแสดงใหเ้ หน็ ว่า บรเิ วณวดั คงเตม็ ไปดว้ ยตน้ หวา้

26 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

หนงั สอื ทำ�เนยี บคณะสงฆ์ กระทรวงธรรมการ ที่ปรากฏชือ่ วัดและนามเจ้าอาวาสวดั
เมืองนนทบุรี เมือ่ ร.ศ. ๑๒๓

ตอ่ มาชอื่ ของวัดไดถ้ ูกเรียกว่า วดั ชมภเู วก ซ่ึงดูจะเปน็ การยากที่จะขยายความใหเ้ ขา้ ใจ
ความหมายของช่ือได้อย่างแท้จริง จึงมีการอธิบายความหมายไปตามต�ำนาน ความเช่ือ หรือ
ความเข้าใจ แต่ชือ่ นั้นส�ำคัญไฉน ความเป็นวัดที่ดีเปน็ ท่ีรวมศรัทธาของสาธชุ นเช่นทว่ี ัดชมภเู วก
ด�ำเนินการอย่ใู นปจั จบุ นั น้ี ดว้ ยวิสัยทัศน์ท่ีดีของเจา้ อธกิ าร คณะสงฆ์ ทายก ทายิกา จติ อาสา
ผู้ศรัทธาทั้งหลายในอดีตและในปัจจุบันนี้ อีกท้ังยังเป็นสถานท่ีตั้งของโบราณสถานที่ส�ำคัญ
ของชาติ จึงท�ำใหว้ ดั ชมภูเวกเป็นวัดพฒั นาทแี่ ทจ้ ริงโดยมิไดอ้ ิงอย่กู ับเร่อื งของช่ือวดั

ประวตั ิและโบราณสถานของวัด

วดั ชมภูเวก ตั้งอย่ทู ี่ต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมอื งนนทบรุ ี จังหวัดนนทบุรี เป็นวดั ทีส่ รา้ ง
ข้ึนตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ส�ำคัญ คือ
โบราณสถานที่มีอยู่ในวัดชมภูเวกซึ่งเป็นหลักฐานส�ำคัญที่จะบอกอายุของวัดได้ว่ามีการสร้าง
อาคาร ศาสนสถานและศาสนวัตถุ ส่งิ ของ ของวดั ชมภเู วกเม่ือยุคสมยั ใด แต่อาคารศาสนสถาน
เหล่าน้ีไม่ได้เป็นส่ิงแสดงว่าวัดชมภูเวกได้แรกเร่ิมสร้างข้ึนในยุคน้ันสมัยนั้นก็ได้ อาจจะมีวัด
อยู่ก่อน ต่อมาจงึ มกี ารสร้างอาคารศาสนสถานข้ึนมาภายหลัง หรืออาจจะสรา้ งขึ้นมาพร้อมกบั
การก�ำเนิดข้ึนของวัด ทั้งน้ีจะต้องมีการศึกษาค้นคว้ากันต่อไป ที่ส�ำคัญท่ีสุดคือวัดต้องมีอายุ
ไม่น้อยกว่าอายขุ องอาคารโบราณสถานท่ีมีอยู่ในวดั อย่างแน่นอน

โบราณสถานของวดั ชมภเู วกทป่ี รากฏอยใู่ นปจั จบุ นั นี้ คอื อโุ บสถเกา่ และวหิ าร ไดแ้ สดง
อายุของโบราณสถานว่าได้สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา
ทรงครองราชสมบัติระหวา่ ง พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑

พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก 27

สิง่ สำ� คญั ในวดั

บรเิ วณโบราณสถานของวดั ชมภเู วก
อุโบสถเก่าและวหิ ารตงั้ อยู่ในบรเิ วณทเี่ ป็นพืน้ ท่ีโบราณสถานของวดั ชมภเู วก ท้ังอโุ บสถ

เกา่ และวหิ ารมีแนวก�ำแพงแก้วล้อมทง้ั ๔ ดา้ น
มุมก�ำแพงแก้วอุโบสถเก่ามีเจดีย์เหลี่ยม ๔ องค์ มุมละ ๑ องค์ เจดีย์มุมขวาด้านหน้า

อโุ บสถ ทย่ี อดเจดีย์เหนือองคร์ ะฆงั ท�ำเปน็ ยอดพรหมพกั ตร์ ซ่ึงเป็นยอดเจดียท์ ่ีมีลักษณะพเิ ศษ
ไม่ปรากฏว่ามีเจดีย์วัดอ่ืนๆ ในจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดใกล้เคียงในย่านนี้มีเจดีย์ยอด
พรหมพักตรเ์ ช่นทวี่ ดั ชมภูเวก

อุโบสถเก่าและวิหาร ต้ังอยู่ในแถวเดียวกันทางด้านตั้ง หันหน้าไปสู่แม่น้�ำเจ้าพระยา
ซง่ึ อยทู่ างทิศตะวันตกของวัด แมว้ ัดชมภเู วกจะตง้ั อย่ไู กลแม่นำ�้ เจา้ พระยา แตต่ ามคติการสรา้ ง
วัดในสมัยอยุธยามักจะสร้างวัดให้หน้าวัดหันไปทางแม่น�้ำ เช่น วัดหน้าโบสถ์ วัดแคนอก
วดั เขมาภิรตาราม เปน็ ต้น

นอกแนวก�ำแพงแกว้ หน้าอุโบสถเกา่ ทางดา้ นซ้ายเปน็ ซากโบราณสถานขนาดเลก็ ทเี่ ป็น
ฐานสี่เหลี่ยมสันนิษฐานว่าเป็นฐานอาคารขนาดเล็กท่ีเรียกว่าวิหารแกลบ หรือเป็นฐานของ
สถูป ใชเ้ ปน็ ท่ีประดษิ ฐานพระพุทธรูป

เจดีย์เหลย่ี ม ทม่ี มุ กำ�แพงแก้ว
ดา้ นหลังอุโบสถเกา่ วดั ชมภูเวก

ซากวิหารแกลบ หรือฐานของสถปู
ดา้ นหน้าอุโบสถเก่า วดั ชมภูเวก

28 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก เจดียม์ ตุ าว วดั ชมภเู วก

เจดียม์ ตุ าว
เจดีย์มุตาวเป็นเจดีย์ทรง
มอญ ตั้งอยู่หน้าอุโบสถเก่า เจดีย์
มุตาวองค์ดั้งเดิมต้ังอยู่ท่ีเมือง
หงสาวดี เป็นท่บี รรจุพระเกศาธาตุ
ของพระพุทธเจ้า เป็นที่เคารพ
สักการะของคนมอญมาก ชุมชนมอญต่างๆ จึงได้สร้างเจดีย์ไว้ในวัดในชุมชน และมักใช้ช่ือ
มุตาวตามชื่อเจดีย์มุตาวในเมืองหงสาวดี และเชื่อว่าการได้นมัสการกราบไหว้เจดีย์นี้จึงเท่ากับ
ไดไ้ ปกราบไหว้เจดยี ม์ ุตาวทเ่ี มืองหงสาวดี
เจดีย์มุตาววัดชมภูเวกได้มีการบูรณะซ่อมแซมตลอดมาจนมี
ความสวยงามดังที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ เจดีย์องค์นี้ถือว่าเป็นเจดีย์มอญ
ท่ีงามท่สี ุดแหง่ หนึง่ ในลมุ่ นำ้� เจ้าพระยา

ดา้ นหนา้ เจดยี ม์ ตุ าว ประดษิ ฐานพระพทุ ธรปู ศลิ าปางปฐมเทศนา
พระรัศมีจารึกคาถาเยธัมมา อักษรไทย มอญ ขอม ท่ีได้มาจากจารึก
ทพ่ี ระพุทธบาทศิลาวัดชมภเู วก
พระพุทธรปู ศิลาปางปฐมเทศนา

มณฑปพระพุทธบาท
เปน็ อาคารรปู สเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั เรอื นยอดรปู ปราสาท

ตั้งอยู่ดา้ นหลังวิหาร มีบนั ไดทางขนึ้ ด้านทศิ เหนือท�ำเปน็
บันไดนาค และมีทางขึ้นส�ำหรับผู้พิการด้วย ภายใน
มณฑปประดษิ ฐานพระพทุ ธบาทศิลา

บานประตูท้ัง ๔ ด้านของมณฑปพระพุทธบาท
ท�ำดว้ ยแผน่ ไมข้ นาดใหญ่ จ�ำหลกั เรอ่ื งราวในวรรณคดไี ทย
เรอ่ื งรามเกยี รต์ิ กากี และต�ำนานสงกรานต์

ภายในมณฑปประดษิ ฐานพระพทุ ธบาทศิลาสมยั
สุโขทยั ครอบไว้ด้วยบุษบกสมยั อยุธยาท่สี วยงามมาก

มณฑปพระพุทธบาท
วดั ชมภเู วก

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 29

บานประตมู ณฑป ภาพจำ�หลกั ไม้ บษุ บกไม้สมยั อยธุ ยา
เรื่องราววรรณคดที บี่ านประตูมณฑป ประดษิ ฐานพระพุทธบาทศลิ า
สมัยสโุ ขทัย ภายในมณฑป
พระพุทธบาท

บุษบกประดิษฐานพระพุทธบาทศลิ า

พระพุทธบาทศิลาวัดชมภูเวกประดิษฐานอยู่ในบุษบกท่ีงดงามและเป็นบุษบกที่สร้างใน
สมัยอยุธยาตอนปลาย สร้างครอบพระพุทธบาทศิลาเช่นเดียวกับการสร้างบุษบกครอบ
พระพทุ ธบาทสระบุรที ่มี ีมาต้งั แตส่ มยั อยุธยา

เดิมบุษบกน้ีอยู่ในวิหารวัดชมภูเวกซึ่งเป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธบาทศิลา เม่ือทางวัด
ชมภูเวกได้อญั เชิญพระพุทธบาทศลิ าจากวหิ ารมาประดิษฐานท่มี ณฑปพระพทุ ธบาท บษุ บกนี้
จึงได้น�ำมาประดิษฐานพระพุทธบาทศลิ าทมี่ ณฑปพระพทุ ธบาทด้วย

• สนุ ทรียะในบษุ บกประดิษฐานพระพุทธบาทศิลา
บุษบกท่ีประดิษฐานพระพุทธบาทวัดชมภูเวกเป็นผลงานศิลปกรรมที่มีความวิจิตร
ประณีตงดงามย่ิง เป็นงานฝีมือที่ช่างบรรจงสร้างอย่างสุดฝีมือ เป็นอาคารสี่เหลี่ยมทรงโปร่ง
ยอ่ มมุ ท่เี สาแตล่ ะด้าน ดา้ นละ ๓ มมุ หลังคาท�ำเป็นชัน้ ซอ้ นกัน ๕ ชั้น สร้างดว้ ยไมแ้ กะสลัก
ปิดทองประดับกระจก องค์บุษบกประกอบด้วยฐาน ๒ ชั้น หน้ากระดานเชิงฐานชั้นล่าง
เรียบเกล้ียงไมม่ ลี วดลาย ชน้ั ฐานสิงหม์ ลี ายแกะสลักที่กาบเท้า ตอ่ ขนึ้ มาเป็นฐานหน้ากระดาน
ซึ่งขยายสว่ นของหลังไมใ้ หส้ งู ขึ้น
โคนเสาบุษบกประดับด้วยกาบพรหมศร เสาทั้ง ๔ ประดับด้วยลายรักร้อยกาบปลี
คัน่ กลางเสาด้วยลายประจ�ำยามรัดอก

30 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

คันทวยทค่ี �ำ้ ยนั อยู่ที่ปลายเสาดา้ นบนและยึดรบั มุมช้ันหลังคาบษุ บกแกะสลักดว้ ยไม้
ท่ชี ้นั หลังคามลี กั ษณะเช่นเดียวกับยอดปราสาทเปน็ ทรงจอมแหซ้อนกนั ๕ ช้ัน ซง่ึ เปน็
หลงั คาทเ่ี รยี กวา่ ชนั้ บนั แถลง ตรงกลางแตล่ ะดา้ นประดบั ดว้ ยซมุ้ บนั แถลงหรอื ซมุ้ รงั ไกด่ า้ นละ
๓ ซุม้ ซมุ้ กลางมขี นาดใหญก่ ว่าอกี ๒ ซุ้มที่ขนาบอยู่ ส่วนมุมช้นั บันแถลงหรือหางหงส์ประดบั
ดว้ ยลายนาคปัก บริเวณซุม้ หลังคาของซุ้มบันแถลงประดบั ดว้ ยบราลี ซ่งึ มีลกั ษณะเปน็ เสากลม
กลงึ ยอดแหลม ชน้ั บนั แถลงตงั้ อยบู่ นฐานทเ่ี ปน็ สว่ นบนของฐานบวั ลกู แกว้ หลงั คาบนั แถลงซอ้ น
ลดหลั่นขึ้นไป โดยแต่ละชั้นค่ันด้วยคอสองและชั้นเชิงกลอน ในช้ันหลังคาชั้นที่ ๕ ซึ่งจะมี
ขนาดสงู กว่าชั้นอน่ื ๆ ท้งั นเี้ พอ่ื รองรับกับฐานองค์ระฆังไดอ้ ย่างเหมาะสมสวยงาม
องค์ระฆัง เป็นแบบองค์ระฆังเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ตั้งสวมอยู่บนชั้นบันแถลงช้ันที่ ๕
ตวั องคร์ ะฆงั ประดบั ลายรกั รอ้ ย สว่ นบนขององคร์ ะฆงั ประดบั ดว้ ยแนวลายรกั รอ้ ย ทย่ี อ่ มมุ สว่ น
บนขององคร์ ะฆังประดบั ด้วยลายบวั คอเสอื้ เหนือองค์ระฆงั เป็นส่วนของบัลลงั กซ์ ่งึ รองรบั ส่วน
เหมซ้อน ๓ ชั้น ส่วนเหมประดับด้วยลายกาบหรือลายบัวกลีบขนุน เหนือช้ันเหมข้ึนไปเป็น
ลายบวั กลมุ่ ซ้อน ๗ ชนั้ จนถงึ ส่วนปลที ีย่ าวเรียว ยอดประดับดว้ ยเมด็ น�ำ้ คา้ ง
บุษบกส่วนฐานขึ้นไปจนถึงเสาบุษบกช�ำรุดมาก ได้มีการท�ำฐานและเสาบุษบกขึ้นใหม่
ท้ังหมด สว่ นกาบพรหมศรและคันทวยที่ช�ำรุดบางชนิ้ ไดท้ �ำขึน้ ใหมแ่ ต่ยังคงมขี องเก่าท่สี ภาพดี
ปรากฏอยู่
สภาพหลังคาบุษบกอยู่ในสภาพทด่ี ี มสี ่วนท่ตี อ้ งบรู ณะซ่อมแซมอยูบ่ ้าง

พระพทุ ธบาทศลิ า พระพุทธบาทโบราณของชาติ จารึกคาถาศักด์ิสิทธิ์

พระพุทธบาทศิลาวัดชมภูเวก เป็น
พระพุทธบาทด้านขวาที่ท�ำจากหินชนวน
สร้างขน้ึ เม่อื ต้นพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ สมยั สุโขทัย
เป็นพระพุทธบาทเก่าแก่ของชาติ มีขนาด
กว้าง ๕๒ ซม. ยาว ๑๓๐ ซม. หนา ๒๓ ซม.
กรมศิลปากรได้ข้ึนทะเบียนวัตถุ นบ. ๑
ในประชุมศิลาจารึกภาคท่ี ๔ ก�ำหนดเป็น
หลักที่ ๘๕ ผู้พบ นายจ�ำปา เยื้องเจริญ พระพุทธบาทศลิ า
นายประสาน บุญประคอง วัดชมภูเวก

แต่เดิมพระพุทธบาทศิลาประดิษฐานอยู่ในวิหาร มีบุษบกสร้างครอบพระพุทธบาท
เหมอื นอยา่ งเชน่ พระพทุ ธบาทสระบรุ ที มี่ บี ษุ บกสรา้ งครอบ ตอ่ มาทางวดั ไดส้ รา้ งมณฑปขนึ้ ใหม่
อย่ดู ้านหลังวหิ าร จึงได้ยา้ ยพระพทุ ธบาทมาประดิษฐานทีม่ ณฑปท่สี รา้ งขน้ึ ใหม่

พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก 31

พระพุทธบาทศิลาจารึกคาถาศกั ดส์ิ ิทธิด์ ว้ ยอกั ษรขอมโบราณ เรื่องญาณ ๓ อาการ ๑๒
ซ่ึงเป็นสารธรรมที่ส�ำคัญของพระธัมมจักกัปปวัตนสูตรที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงแสดงธรรมโปรดพระปัญจวัคคีย์เป็นปฐมเทศนา เป็นจารึกที่แสดงถึงหลักการ วิธีการ
เพื่อให้บรรลุจุดหมายปลายทางท่ีเป็นอุดมการณ์สูงสุดคือพระนิพพาน การดับกิเลสและ
กองทกุ ข์ จุดหมายสูงสุดในพุทธศาสนา

พระพุทธบาทศิลาวัดชมภูเวก กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นจารึกโบราณและให้มี
การแปลไว้แล้ว

อักษรท่ีจารึกไว้ทพ่ี ระพทุ ธบาท ได้จารึกไว้ท่สี ว่ นตา่ งๆ ของพระพทุ ธบาท ดังน้ี
- ท่ีปลายพระพุทธบาท
- ทด่ี มุ ของธรรมจักรกลางพระพทุ ธบาท
- ที่ก�ำของธรรมจกั รกลางพระพุทธบาท
- ที่ระหวา่ งก�ำของธรรมจักรกลางพระพทุ ธบาท
- ท่ีกงของธรรมจกั รกลางพระพทุ ธบาท
- ท่ีรมิ พระพทุ ธบาท
(ศิลป พรี ะศรี เฟ้อื หริพทิ กั ษ์ และเขยี น ย้มิ ศริ ,ิ ๒๕๐๖. หนา้ ๒๐ - ๒๓)

ศิลาจารกึ รอยพระพุทธบาท

อักษรที่ปลายพระพุทธบาท

32 พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก

อักษรที่ดุม
อักษรที่กำ�

อักษรที่ระหว่างกำ�

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 33

อักษรที่กง

อักษรที่ริมรอยพระพุทธบาท

อักษรที่ปลายพระพุทธบาท

อักษรที่ดุม

34 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

อักษรที่กำ�

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 35

หอระฆงั
หอระฆังท�ำด้วยไม้ท้ังหลัง ชั้นบน

มีระเบียงรอบท้ังส่ีด้าน หลังคาจัตุรมุข
เ รื อ น ย อ ด ท�ำ เ ป ็ น โ ด ม สี่ เ ห ลี่ ย ม ย อ ด
ปราสาท

หน้าบันประดับด้วยกระจกสี
กลางหน้าบันประดับเป็นรูปพานแว่นฟ้า
อั ญ เ ชิ ญ พ ร ะ คั ม ภี ร ์ พ ร ะ ธ ร ร ม เ ห นื อ
พานแวน่ ฟา้

หอระฆงั วัดชมภเู วก

หนา้ บนั หอระฆงั วดั ชมภเู วก ประดบั ดว้ ยกระจกสี มรี ปู พานแวน่ ฟา้ อญั เชญิ พระคมั ภรี เ์ หนอื พานแวน่ ฟา้

36 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

ศาลเจ้าท่ปี ระจ�ำวดั
วัดมอญทุกวัดจะมีศาลเจ้าที่ประจ�ำวัด มอญเรียกศาลเจ้าท่ีประจ�ำวัดว่า “ตะละทาน”

เมอ่ื มกี ารอปุ สมบทผทู้ เี่ ปน็ นาค กอ่ นจะเขา้ พธิ อี ปุ สมบทตอ้ งมาท�ำพธิ บี อกกลา่ วใหเ้ จา้ พอ่ เจา้ แม่
ที่ศาลเจ้าท่ีประจ�ำวัดได้อนุโมทนาบุญด้วย วัดชมภูเวกมีศาลเจ้าที่ประจ�ำวัดอยู่ทางด้านหลัง
อโุ บสถใหม่

ศาลาการเปรยี ญและพิพิธภัณฑ์พน้ื บ้านวัดชมภูเวก
ศาลาการเปรยี ญ เปน็ อาคารไมส้ องชนั้ ทรงโรง ประดบั ดว้ ยเครอ่ื งล�ำยอง มชี อ่ ฟา้ ใบระกา

หางหงส์ มกี นั สาดยนื่ ออกโดยรอบทงั้ สด่ี า้ น ทค่ี อสองของศาลาการเปรยี ญเขยี นภาพพทุ ธประวตั ิ
โดยรอบทั้งสีด่ ้าน

ชน้ั ลา่ งเปน็ สถานทป่ี ระกอบพธิ กี รรม กระท�ำศาสนกจิ ในวนั ธรรมสวนะ และการบ�ำเพญ็
กุศล สวดมนต์ ไหวพ้ ระ

ชั้นบนเปน็ พพิ ิธภัณฑ์พืน้ บ้านวดั ชมภูเวก

ป้ายพพิ ธิ ภัณฑพ์ น้ื บ้านวดั ชมภูเวก

ศาลาการเปรยี ญ และพิพธิ ภณั ฑ์พืน้ บา้ นวดั ชมภูเวก

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 37

อโุ บสถใหมว่ ดั ชมภเู วก

อุโบสถใหม่วัดชมภูเวกสร้างขึ้นทางด้านเหนือใกล้กับอุโบสถเก่า เป็นอาคารคอนกรีต
เสริมเหล็ก ขนาด ๕ ห้อง เป็นอุโบสถที่มีขนาดใหญ่ เป็นอาคารทรงโรงหลังคาลด ๓ ช้ัน
ด้านหน้าอุโบสถหันไปทางทิศตะวันตกเช่นเดียวกับอุโบสถเก่า ซ่ึงถือตามคติโบราณตั้งแต่สมัย
อยุธยาที่ถือแม่น�้ำเป็นหลัก ด้านหน้าและด้านหลังมีมุขคลุมชานชาลาทั้งสองด้าน หลังคามุง
กระเบ้อื งเกลด็ เตา่ สสี ้มออกแดง หน้าบนั ดา้ นหน้าประดบั ดว้ ยลวดลายปนู ปั้นลายกนกกา้ นขด
มพี ระนารายณท์ รงครุฑประดบั ท่ีหน้าบันคอสองถึงกลางหนา้ บันด้านบน
หน้าบันด้านหลังประดับด้วยปูนปั้น
รปู พระนารายณท์ รงครฑุ ลอ้ มดว้ ยลายกนก
เช่นเดียวกับหนา้ บนั ดา้ นหนา้
รวงผ้ึงเป็นลายกนกก้านขด ประดับ
อยู่ใต้หน้าบันระหว่างเสา ที่เสามีสาหร่าย
ประดับจากรวงผ้งึ เกอื บถงึ กลางเสา
เสาและบัวหัวเสา เป็นเสากลมมีบัว
กลบี ยาวแบบบวั จงกลประดบั อยทู่ ป่ี ลายเสา
หน้าบัน บัวหัวเสา สาหร่ายและ
รวงผึง้ ทาสีทอง ประดบั ด้วยกระจกสี
หนา้ บนั รวงผ้งึ อโุ บสถใหม่ วดั ชมภเู วก

อโุ บสถใหม่ วดั ชมภูเวก
ยกพน้ื สูงเปน็ ลานประทักษณิ เดนิ ได้รอบอุโบสถ มกี ำ�แพงลอ้ มรอบ

38 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

ซุ้มประตูและซุ้มหน้าต่าง ด้านหน้า
และด้านหลังมีประตูด้านละ ๒ ประตู
ดา้ นขา้ งมหี นา้ ตา่ ง ดา้ นละ ๕ ชอ่ ง ซมุ้ ประตู
และซุ้มหน้าต่างเป็นทรงมณฑปคร่ึงซีก
ตดิ ผนัง
เครื่องบนของซุ้มประตูซุ้มหน้าต่าง
ท�ำเป็นชั้นซ้อนจากชั้นขนาดใหญ่ลู่ข้ึน
ชั้นซ้อนด้านบนเป็นทรงจอมแห ลดขนาด
ของชั้นซ้อนจากชั้นล่างสุดไปสู่ช้ันซ้อน
ซุ้มประตู ด้านหนา้ อุโบสถใหม่ วัดชมภูเวก บนสุด ตามล�ำดับ ยอดบนเป็นบัวกลุ่ม
บวั ถลา ปลียอด และน้�ำคา้ ง ตวั ซ้มุ ยกเก็จ
ประดับดว้ ยเครื่องยอดทงั้ ๕ ช้นั มบี นั แถลง ช่อฟา้ ใบระกา หางหงส์ เหนอื เกจ็ กระเปาะกลาง
มีซุ้มเรือนแก้วเป็นช่องวิมานประดิษฐานพระพุทธรูป มีเทพนมคร่ึงองค์ขนาบอยู่ท้ังด้านขวา
และซ้ายของพระพทุ ธรปู ทซี่ ุ้มวิมานตรงกลาง
เสาซุ้มประตูและเสาซุ้มหน้าต่างประดับด้วยบัวหัวเสารัดอกกาบพรหมศรและฐาน
เสาซุ้ม
ซุ้มประตแู ละซมุ้ หน้าตา่ ง ทาสที องประดบั กระจกสี
ฐานเอวขันอุโบสถ เป็นฐานแบบฐานปัทม์ยกพื้นสูงเป็นลานประทักษิณที่มีความกว้าง
เดนิ ได้รอบอุโบสถ มกี �ำแพงแกว้ ลอ้ มรอบ
เสมาและซุ้มเสมา เสมาเป็นเสมาศิลาอยู่ในซุ้มเสมาทรงกูบช้างยอดมงกุฎ ตั้งอยู่ตาม
ต�ำแหน่งตา่ งๆ ของก�ำแพงแก้วโดยรอบอโุ บสถ บันไดขึ้นอุโบสถอยดู่ ้านหนา้ และด้านหลงั จาก
ลานประทกั ษณิ เปน็ บันไดท่ีมคี วามกวา้ งเผชญิ กบั ประตทู ั้ง ๒ ประตขู องดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั
อุโบสถ มบี นั ไดจากพ้ืนล่างขนึ้ สลู่ านประทกั ษิณ ด้านละ ๒ บันได
ด้านหน้าอุโบสถมีมณฑปยอดเหมเป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธรูปและเป็นที่ตั้งของเสมา
สองขา้ งมณฑปเปน็ บนั ไดข้ึนสลู่ านประทกั ษิณอโุ บสถ
อาคารอโุ บสถและซมุ้ เสมาตง้ั อยบู่ นฐานไพที มกี �ำแพงแกว้ ทม่ี คี วามสงู ไมม่ ากลอ้ มทง้ั สด่ี า้ น
ใตอ้ โุ บสถทฐ่ี านไพที เปน็ พน้ื ทที่ แ่ี ตเ่ ดมิ ทางวดั ใชเ้ ปน็ ทเี่ กบ็ สงิ่ ของของวดั เชน่ ตพู้ ระธรรม
และพัสดุของใช้ต่างๆ ปัจจุบันน้ีทางวัดได้ปรับปรุงเป็นสถานที่ประดิษฐานรูปปั้นของ
พระเกจิอาจารย์ต่างๆ เช่น พระอาจารย์ม่ัน สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) เป็นต้น และรูปปั้น
หลวงพอ่ ฟา้ ผา่ หลวงพอ่ หมอ พระครไู พศาลภทั รกจิ (เฉลยี ว อนิ ทฺ วโํ ส) อดตี เจา้ อาวาสวดั ชมภเู วก

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 39

พระประธาน อุโบสถใหม่ วัดชมภูเวก
พระประธานอุโบสถใหม่ เป็นพระพุทธรูปสมัยอู่ทองยุคหลังท่ีมีอิทธิพลของอโยธยา
พระพักตร์คล้ายพระพักตร์หลวงพ่อวัดพนัญเชิง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระประธานหัน
พระพกั ตรไ์ ปทางทศิ ตะวนั ตกสแู่ มน่ ำ�้ เจา้ พระยา มพี ระอคั รสาวกยนื พนมมอื ไหวอ้ ยขู่ า้ งขวาและ
ซ้ายของพระประธาน ด้านหน้าพระประธานลดระดับลงประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตรย
พระพุทธเจา้ ในอนาคต

จิตรกรรมฝาผนงั ภายในอโุ บสถใหม่ จิตรกรรมภาพภมู ิทัศน์ทส่ี งบร่มรน่ื ที่พระพุทธเจ้า
ภ า ย ใ น อุ โ บ ส ถ ใ ห ม ่ เขี ย น ภ า พ ประทบั เสวยวมิ ุตตสิ ุขภายใตร้ ม่ พระศรมี หาโพธ์ิ

พุทธประวตั ทิ ี่ผนังอโุ บสถท้งั ๔ ด้าน อุโบสถใหม่ วัดชมภูเวก
ผนังหุ้มกลองด้านหลังพระประธาน

เหนือขอบประตเู ขยี นทัศนียภาพทีถ่ ่ายทอด
บรรยากาศภาพพระพุทธเจ้าประทับเสวย
วิมุตติสุขที่สงบหลุดพ้นจากกิเลสอยู่ภายใต้
รม่ ของพระศรมี หาโพธทิ์ า่ มกลางแมกไมแ้ ละ
ธรรมชาติท่ีสงบยิ่ง ทรงพิจารณาทบทวน
สารธรรมทพ่ี ระองคท์ รงตรสั รแู้ จง้ ซงึ่ อรยิ สจั
ความจริงอย่างประเสริฐท่ีท�ำให้คนเป็น
อรยิ บคุ คล มี ๔ ประการ คือ

40 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

ภาพจิตรกรรมผนังหุม้ กลองดา้ นหนา้ พระประธาน อุโบสถใหม่ วัดชมภเู วก
๑. ทุกข์ อาการแห่งทุกข์ท่ีปรากฏขึ้นมาหรืออาจปรากฏขึ้นแก่ตน ได้แก่ การเกิด แก่

เจบ็ ตาย ฯลฯ
๒. สมุทัย เหตุให้เกดิ ทกุ ข์ ได้แก่ ตัณหา ความทะยานอยาก
๓. นิโรธ ความดับทุกข์ คือ ดับตัณหาได้ส้ินเชิง ภาวะปลอดทุกข์ เพราะไม่มีทุกข์ท่ีจะ

เกิดขน้ึ ได้ หมายถงึ พระนิพพาน
๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ๘ ประการ มีสัมมาทิฐิความเห็นชอบ

เหน็ ตรง เป็นอาทิ
ผนังหุ้มกลองด้านหน้าเหนือขอบประตู เป็นภาพมารผจญ ภาพแม่พระธรณีเขียน
เลียนแบบแม่พระธรณีท่ีอโุ บสถหลังเกา่ แตม่ คี วามงามต่างกันมาก
ผนงั ด้านขา้ งเหนือขอบหน้าตา่ งท้ังสองดา้ นเขียนภาพพุทธประวตั ิ
ผนงั ระหวา่ งช่องหนา้ ตา่ งทงั้ สองดา้ นเขยี นภาพทศชาตชิ าดก
ท่ีบานหน้าต่างจ�ำหลักเร่ืองทศชาติชาดกและพระเวสสันดรชาดก นอกเหนือจาก
จติ รกรรมฝาผนงั ท่ีเขยี นภาพทศชาติชาดกและพุทธประวตั ิเชน่ กนั
บานหน้าตา่ งด้านขวาของพระประธานจ�ำหลักเรื่องพระเวสสันดรชาดก
บานหน้าต่างดา้ นซ้ายของพระประธานจ�ำหลกั เร่อื งทศชาติชาดก
การสรา้ งอุโบสถใหม่ ได้เริ่มก่อสร้างวางศลิ าฤกษ์ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๑
พระอธกิ ารเฉลยี ว อนิ ฺทวโํ ส (ต่อมาไดเ้ ล่ือนสมณศักด์ิ พระครไู พศาลภทั รกิจ) เป็นเจา้ อาวาส
ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ. ๒๕๑๑ ผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต เม่ือวันท่ี ๒๕ มีนาคม
พ.ศ. ๒๕๒๐ ส้ินค่าก่อสร้างประมาณ ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท นางสาวทรวง ทนแทน บริจาค
๕๐๐,๐๐๐ บาท เปน็ ที่กล่าวขานกันมากในสมยั นนั้

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 41

ภาพจิตรกรรมพทุ ธประวัตแิ ละทศชาตชิ าดก
ทอ่ี ุโบสถใหม่ วัดชมภเู วก

ด้านหลังอุโบสถใหม่วัดชมภูเวก แต่เดิมเป็นสถานสรงน้�ำของพระสงฆ์และสามเณร
เหมอื นดังเชน่ วัดต่างๆ ในย่านนีท้ ท่ี �ำท่สี รงนำ้� ไว้หลงั วดั เชน่ ทว่ี ดั เสาธงทอง วดั ฉมิ พลสี ุทธาวาส
ต�ำบลเกาะเกรด็ อ�ำเภอปากเกรด็ จงั หวดั นนทบรุ ี มกี ารขดุ บอ่ นำ้� ล�ำธารตอ่ จากคลองและแมน่ ำ้�
เจา้ พระยามาถงึ หลงั วดั

สถานทสี่ รงนำ�้ ของวดั ชมภเู วกมคี วามแตกตา่ งจากวดั อนื่ ๆ คอื การสรา้ งอา่ งนำ�้ ไวบ้ นแทน่
ปูนเป็นอ่างดินเผาขนาดใหญ่ ๒ ใบ มกี ารก่อปูนล้อมอ่างน้ำ� ที่มีฐานปนู รองรับ แต่อา่ งนำ�้ ช�ำรุด
เสยี หาย คงเหลอื เพยี งบางส่วนของอ่างดนิ เผาและแทน่ รองอา่ ง

การสรา้ งอา่ งนำ้� ขนาดใหญเ่ ชน่ นี้ นอกจากการเกบ็ นำ�้ ไว้
เพอื่ ใหพ้ ระสงฆแ์ ละสามเณรใช้เปน็ น�ำ้ ฉันน้�ำสรงแลว้ มนี ัยท่ีวา่
เป็นท่ีเก็บน้�ำศักด์ิสิทธิ์หรือน้�ำมนต์ที่ทางวัดจัดไว้เป็นพิเศษ
ปจั จุบันอา่ งดินเผานม้ี ีสภาพแตกเสียหายไปแลว้

วดั ชมภเู วกมขี นั ส�ำรดิ ขนาดใหญท่ ใี่ ชใ้ นพธิ ถี อื นำ้� พพิ ฒั น์
สัตยาของคนมอญท่ีรับราชการคร้ังต้นสมัยรัตนโกสินทร์
น�้ำจากอ่างของวัดชมภูเวกน้ี สันนิษฐานว่าเป็นน�้ำศักด์ิสิทธิ์
ที่ได้ใช้ในพิธีส�ำคัญนี้ด้วย ขันส�ำริดจัดแสดงไว้ท่ีพิพิธภัณฑ์
พ้ืนบา้ นวัดชมภูเวก

อา่ งนำ�้ ดนิ เผาบนแทน่ ปนู ท่สี ร้างไว้
หลังอุโบสถใหม่ ปัจจุบนั ช�ำรุด

42 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

เจ้าอาวาสวัดชมภเู วก

เจ้าอาวาสวัดชมภูเวกท่ีสามารถสืบนามได้ในช่วงสมัยต้นรัตนโกสินทร์ และในช่วง
ปัจจุบันน้ีได้บางรูป ดงั น้ี

๑. หลวงพอ่ ฟ้าผา่ (พระไตรสรณธัช)
๒. หลวงพอ่ เกลิด (หลวงพ่อหมอ)
๓. พระอธิการพ่วง (พ.ศ. ๒๔๔๘)
๔. พระอธกิ ารปิ่น
๕. พระอธกิ ารกอน
๖. พระอธกิ ารอนิ ทร์ (พ.ศ. ๒๔๖๐)
๗. พระอธิการบญุ
๘. พระอธิการหมนุ เล็กนอ้ ย (พ.ศ. ๒๔๗๑ - ๒๔๘๙)
๙. พระอธิการประหยดั ชติ เปโต (พ.ศ. ๒๔๙๑ - ๒๔๙๓)
๑๐. พระอธกิ ารละมอ่ ม บุญปลกู ฐติ ปุญโญ (พ.ศ. ๒๔๙๕ - ๒๕๐๐)
๑๑. พระครไู พศาลภทั รกจิ (เฉลียว อนิ ฺทวํโส ปัน้ ทอง) (พ.ศ. ๒๕๐๐ - ๒๕๕๐)
๑๒. พระสมุหส์ ทุ ธพิ งษ์ สริ วิ ฑฺฒโน อาวุธพันธ์ (พ.ศ. ๒๕๕๐ - ปจั จบุ ัน)

พระครไู พศาลภทั รกจิ อดตี เจา้ อาวาส พระสมุห์สทุ ธพิ งษ์ สริ ิวฑฒฺ โน
วัดชมภเู วก ในงานก่อเจดีย์ทราย เจ้าอาวาสวดั ชมภูเวก
ประเพณีสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๐๙

(อนุเคราะหภ์ าพโดย นายวีระโชติ ปั้นทอง)

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 43

การบูรณะวดั ชมภูเวก

เนื่องจากวัดชมภูเวกเป็นวัดเก่าโบราณท่ีสร้างมาต้ังแต่สมัยอยุธยา ดังปรากฏ
โบราณสถานของวัดท่ีกรมศิลปากรได้ข้ึนทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ซ่ึงได้แก่ อุโบสถ
หลงั เกา่ วิหาร และพระพุทธบาทศิลา

พัฒนาการของวัดชมภูเวกได้มีสืบเน่ืองต่อมาจนถึงปัจจุบัน ส่ิงก่อสร้างและถาวรวัตถุ
ปูชนียวัตถุท่ีเกิดข้ึนในวัดชมภูเวก นอกจากโบราณสถานอุโบสถหลังเก่า วิหาร เจดีย์มุตาว
และพระพุทธบาทศลิ าพรอ้ มมณฑปแลว้ สิ่งก่อสร้างและถาวรวตั ถุ ปูชนยี วตั ถุของวัดชมภูเวก
ท่ีปรากฏอยู่ในปัจจุบันน้ี ล้วนได้ปฏิสังขรณ์ข้ึนใหม่ในสมัยที่พระครูไพศาลภัทรกิจ (เฉลียว
อินฺทวํโส ปั้นทอง) อดีตเจ้าอาวาสวัดชมภูเวก และพระสมุห์สุทธิพงษ์ สิริวฑฺฒโน อาวุธพันธ์
เจา้ อาวาสรปู ปัจจุบัน

วัดชมภูเวกเป็นวัดที่มีภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อมท่ีดีมาก เนื่องจากเจ้าอาวาสเห็น
ความส�ำคัญของต้นไม้และความสะอาด ความสงบร่มรื่นภายในวัด ภายในวัดจึงร่มรื่นด้วย
แมกไม้นานาพันธุ์ เป็นที่อยู่อาศัยของนกจ�ำนวนมาก มีพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์ไม้หายาก เช่น
ตน้ อนิ จนั ประดู่ ตะเคยี น มะตาด มะพูด มะกอก ส�ำโรง หว้า แคนา มะกลำ่� ตาหนู กะทติ าล
หรอื พฤกษ์ มะกอกน้ำ� มะหวด นอ้ ยโหนง่ มะกอกปา่ สพุ รรณกิ าร์ เปน็ ต้น

การจดั ภมู ทิ ศั นข์ องวดั ไดแ้ บง่ เปน็ เขตพทุ ธาวาส อนั เปน็ พนื้ ทตี่ ง้ั ของโบราณสถาน อโุ บสถ
หลังเก่า วิหาร อุโบสถหลังใหม่ มณฑปพระพุทธบาท ศาลาการเปรียญ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน
วดั ชมภเู วก

เขตสังฆาวาสเป็นทตี่ ้ังกุฏเิ รือนไทยทส่ี วยงาม สงบ ร่มเย็น
เขตฌาปนสถาน ประกอบด้วย ศาลาบ�ำเพ็ญกุศล และเมรุ ที่แยกจากเขตพุทธาวาส
และเขตสงั ฆาวาส

มมุ สงบสว่ นหนง่ึ ภายในวดั ชมภูเวก

44 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก

วัดชมภูเวกแหลง่ อนุรกั ษ์วฒั นธรรม

พระสมุห์สุทธิพงษ์ สิริวฑฺฒโน เจ้าอาวาสวัดชมภูเวก ได้ตระหนักถึงความส�ำคัญ
ของประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนวัดชมภูเวก จึงได้ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการฟื้นฟูประเพณี
ท้องถ่ินของวัดชมภูเวก จัดงานประเพณีของชุมชนวัดชมภูเวกโดยร่วมกับผู้น�ำในชุมชน
บา้ นทา่ ทราย ซงึ่ มนี ายวรี ะโชติ ปน้ั ทอง และกลมุ่ จติ อาสาวดั ชมภเู วก ไดร้ ว่ มกนั จดั งานประเพณี
ท้องถ่ินของวัดชมภูเวก ท้ังที่เป็นงานประจ�ำปี และงานในเทศกาลส�ำคัญ เช่น งานประเพณี
ตักบาตรน้�ำผึง้ ของชาวมอญ งานเทศน์มหาชาติ พิธีกวนข้าวทิพย์ กวนกระยาสารท เทศกาล
ออกพรรษาของชาวมอญ เปน็ ตน้

ประเพณีตกั บาตรน�้ำผ้ึง เทศกาลประจ�ำปีของมอญจัดข้ึนในวันขึ้น ๑๕ ค�่ำ เดือน ๑๐
นอกจากจะมกี ารน�ำนำ�้ ผงึ้ มาถวายแดพ่ ระภกิ ษสุ ามเณรทวี่ ดั แลว้ ชาวบา้ นยงั มาชว่ ยกนั ท�ำขา้ วตม้
มัดเพื่อท�ำบุญในเทศกาลน้ีด้วย มีการท�ำข้าวต้มมดั ขนาดใหญ่ เรยี กวา่ ขา้ วตม้ มัดยกั ษ์

ในวันตักบาตรน้�ำผึ้งชาวบ้านจะมาร่วมกันจัดขบวนแห่น�้ำผึ้งและแต่งกายแบบมอญ
เป็นประเพณีทีส่ รา้ งความโดดเด่นให้แก่วดั ชมภูเวกเป็นอย่างยง่ิ

พิธีกวนข้าวทพิ ย์ วดั ชมภเู วก ประเพณตี ักบาตรน้ำ� ผึ้ง วัดชมภเู วก
พ.ศ. ๒๕๕๘ พ.ศ. ๒๕๖๑

ประเพณตี ักบาตรน�ำ้ ผ้งึ วัดชมภเู วก การท�ำขา้ วตม้ มัดยกั ษ์ วัดชมภเู วก
พ.ศ. ๒๕๖๑ พ.ศ. ๒๕๖๑

พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 45

ชาวบ้านสวดมนต์ส่งทา้ ยปีเกา่ ต้อนรบั ปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๒ ท่ีอุโบสถเก่า วดั ชมภูเวก

เจดียท์ รายทีช่ นะการประกวด ประเพณีสงกรานต์ สรงน�้ำพระ ก่อเจดีย์ทราย
ในงานประเพณสี งกรานต์ วัดชมภเู วก ประเพณถี วายพมุ่ เทยี นเขา้ พรรษาในวนั เขา้ พรรษา ประเพณี
ตักบาตรเทโวในเทศกาลออกพรรษา การปฏิบัติธรรม
พ.ศ. ๒๕๕๙ สวดมนต์ข้ามปีในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประเพณี
ดงั กลา่ วนท้ี างวดั ชมภเู วกยงั คงอนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดมาดว้ ยดี
โดยไดร้ บั ความรว่ มมอื จากชมุ ชนอยา่ งเขม้ แขง็ พรอ้ มเพรยี ง
กันอยา่ งดีย่งิ

นอกจากนใี้ นวนั ธรรมสวนะและวนั อาทติ ย์ เจา้ อาวาส
วดั ชมภเู วกไดเ้ ชญิ ชวนอบุ าสก อบุ าสกิ า มารว่ มกนั สวดมนต์
ท�ำวัตรทวี่ ัดเปน็ ประจ�ำ

การอบรมการนำ� ชมวดั ชมภเู วก และพพิ ิธภณั ฑพ์ ื้นบา้ นวัดชมภูเวก
เมือ่ วันที่ ๑๑, ๑๒ และ ๑๕ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๖๒

จดั โดยสำ� นกั บรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช ร่วมกบั วดั ชมภเู วก และซมี โี อ สปาฟา

วิหาร (ด้านหน้า) วัดชมภูเวก ก่อนการบูรณะ
(บันทึกภาพ พ.ศ. ๒๕๔๘ โดย นายวีระโชติ ปั้นทอง)

โบราณสถานวัดชมภูเวก

อุโบสถเกา่ และวิหาร

อุโบสถเก่าและวิหาร เป็นอาคารที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมในรัชสมัยสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราช เนื่องจากเป็นช่วงเวลาท่ีมีชาวยุโรปมาเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูต
และการค้ากับกรุงศรีอยุธยามาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชาวยุโรปที่เดินทางมาติดต่อ
ค้าขายได้พักอาศัย ได้สร้างโบสถ์ของคริสต์ศาสนาอาคารบ้านเรือนแบบยุโรปท่ีกรุงศรีอยุธยา
และเมืองลพบุรี ท�ำให้รูปแบบของสถาปัตยกรรมของชาวยุโรปเกิดเป็นรูปแบบท่ีทันสมัย
ในยุคน้ัน มีการน�ำรูปแบบสถาปัตยกรรมยุโรปมาสร้างเป็นอาคารของอุโบสถวิหาร
ในศาสนาพุทธหลายแห่ง รูปแบบของอุโบสถและวิหารดังกล่าวจึงแตกต่างไปจากรูปแบบ
สถาปตั ยกรรมตามประเพณขี องไทย

อโุ บสถเกา่ (ดา้ นข้าง)
วดั ชมภเู วก กอ่ นบูรณะ
(บนั ทึกภาพ พ.ศ. ๒๕๔๘
โดย นายวรี ะโชติ ปั้นทอง)

48 พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก

อุโบสถเก่าและวิหารของวัดชมภูเวก
ได้รับอิทธิพลของความทันสมัยในยุคน้ันด้วย
ดังจะเห็นได้จากรูปแบบของอาคารอุโบสถเก่า
และวิหารของวัดชมภูเวกที่มีลักษณะแตกต่าง
จากรปู แบบอโุ บสถวหิ ารของวดั อน่ื ๆ ในจงั หวดั
นนทบรุ ี อาจกลา่ วไดว้ า่ วดั ชมภเู วกเปน็ วดั เดยี ว
ท่ีมีอาคารอุโบสถและวิหารที่มีรูปแบบเฉพาะ
และแตกต่างจากอาคารอุโบสถและวิหารท่ีมี
อุโบสถเกา่ หลงั ไดร้ ับการบรู ณะ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๐ อยู่ในวัดอื่นๆ ในจังหวัดนนทบุรี โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งหลังคาที่ย่ืนออกมาจากผนังน้อยมาก
ดังน้ันหน้าบันของอุโบสถเก่าและวิหารจึงต้องก่อปูนขึ้นไปจนถึงอกไก่และประดับลายหน้าบัน
เป็นลายปนู ปนั้
นอกจากนั้นอุโบสถเก่าและวิหารไม่มีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ตามแบบอาคารอุโบสถ
ศิลปะไทย แต่มรี ูปบคุ คลครงึ่ ตัวพนมมอื อยตู่ รงต�ำแหนง่ ทีเ่ ป็นชอ่ ฟ้าและหางหงส์

อโุ บสถเกา่ หนา้ บนั อโุ บสถเก่า มรี ูปบคุ คลคร่ึงตัวพนมมอื
อยตู่ รงตำ�แหน่งของชอ่ ฟ้าและหางหงส์
อโุ บสถเกา่ เป็นอาคารขนาดเลก็ กวา้ ง ๕.๓๕
เมตร ยาว ๑๒.๘ เมตร ขนาด ๓ ห้อง มีประตู
ดา้ นหนา้ ๑ ประตู มหี นา้ ตา่ งดา้ นขา้ ง ดา้ นละ ๓ บาน

ผนังด้านหลังอุโบสถเป็นผนังทึบไม่เจาะช่อง
ประตู ภายในสุดมีฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูป
ซ่ึงเปน็ พระประธานอุโบสถ อุโบสถเกา่ จึงเรยี กกนั วา่
โบสถ์มหาอุตม์ และมีความเชื่อกันว่า เป็นอุโบสถ
ท่เี หมาะในการเป็นสถานทีเ่ จรญิ จิตตภาวนา

ผนังด้านสกัดท้ังด้านหน้าและด้านหลัง
ของอุโบสถเก่าเป็นผนังปูนก่อขึ้นไปท่ีหน้าบัน เป็น
หน้าบันปูนจนถึงอกไก่หรือสันชายคา การก่อสร้าง
ลักษณะน้ีมีมาต้ังแต่สมัยอยุธยา เป็นแบบที่คน
รุ่นกอ่ นเรียกว่า แบบวลิ ันดา

ผนังด้านหลงั อโุ บสถเก่า วัดชมภเู วก
เปน็ แบบมหาอุตม์


Click to View FlipBook Version