พิพิธภัณฑพ้ืนบานวัดชมภูเวก ๙๙
ตะเกยี งลาน
ตะเกียงลานมีลานที่ทําหนาท่ีพัดลมใหผานเขาไปที่
เปลวไฟท่ีไสตะเกียงได ทําใหการลุกไหมของไสตะเกียง
มีประสทิ ธภิ าพดี ใหความสวาง และไมมีควันไฟ
สวนลา งสุดของตะเกยี งลานเปน สว นฐาน และท่บี รรจุ
ลานของตะเกียง
เหนอื สว นลานตะเกยี งเปน ทบี่ รรจนุ า้ํ มนั กา ด และบนสดุ ของทบี่ รรจนุ า้ํ มนั กา ดเปน ไสต ะเกยี ง
ลาน มีปากนกแกวครอบไสของตะเกียงลาน ปากนกแกวจะชวยทําใหเปลวไฟของตะเกียง
ไมม ีควนั ไฟ และมีความสวางสมาํ่ เสมอ
ไฟฉาย
ไฟฉายทีท่ ําเปนรูปทรงกระบอกยาว บรรจถุ านไฟฉาย
แบบกอ น จาํ นวนถา นไฟฉายทใ่ี ชข น้ึ อยกู บั ขนาดความยาว
ของไฟฉาย ตั้งแตขนาด ๓ กอน ถึง ๑๐ กอน ไฟฉาย
กระบอกนี้ มคี วามยาวมากใชถา นไฟฉาย ๑๐ กอน
ดานหน่ึงเปนดานท่ีมีหลอดไฟ แสงสวางจะผานออก
ทางดา นนี้ อกี ดา นหนึ่งจะเปนดา นที่บรรจถุ า นไฟฉาย
ถาดกระเบ้ือง
ถาดกระเบื้องเปนถาดท่ีทําจากเครื่องปน มีลักษณะ
กลมแบน ขอบถาดทําดวยโลหะ ถาดขนาดใหญจะมีหู
เพอื่ สะดวกในการจบั ยก พนื้ ถาดเขยี นลายดอกไมส วยงาม
ถาดกระเบื้องขนาดใหญใชสําหรับใสสํารับอาหาร
ถาดกระเบอ้ื งขนาดเลก็ ใชใ สห มาก พลู บหุ ร่ี
ถาดกระเบอ้ื งเปน ผลงานของชาวยโุ รป เปน สินคาท่ีคนไทยในชวงรัชกาลที่ ๕ นิยมนํามาใช
ถาดกระเบอ้ื งในยคุ นนั้ มกี ารเขยี นอกั ษรไทย “เจรญิ สขุ ” ประกอบกบั ลายดอกไมท ถ่ี าดกระเบอื้ ง
นั้นดว ย
๑๐๐ พิพิธภัณฑพื้นบานวัดชมภูเวก
เครื่องมือชางไม
งานกอ สรา งในสมยั กอ นสว นใหญเ ปน งานไม เครอ่ื งมอื
ชางในยุคน้ันจึงเปนเครื่องมือสําหรับงานชางไมเปนหลัก
เชน เลอ่ื ย กบ สวาน คอน สว่ิ เปน ตน เครื่องมือดงั กลา ว
นี้ยังแยกเปนประเภทตามลักษณะของงานแตละประเภท
ไปอกี
ตาชั่ง
ตาชั่งแบบใชลูกตุมถวงเปนตาช่ังที่ทําดวยไมเน้ือแข็ง
กลมยาว ดานหน่งึ เปนที่แขวนตาชงั่ หรอื ขอเกยี่ ว เพอื่ วาง
หรือเก่ียวส่ิงของท่ีช่ัง อีกดานหน่ึงมีลูกตุมเหล็กแขวนไว
และเล่อื นไปมาได
บนทอ นไมก ลมมกี ารทาํ เครอ่ื งหมายบอกนาํ้ หนกั เปน ขดี
เปนชั่ง หรือเปนกิโลกรัม ถาเปนตาชั่งขนาดส้ันจะใชช่ัง
ส่งิ ของท่ีมนี ํา้ หนกั ไมมาก ตาชัง่ ขนาดยาวจะใชช่งั สิ่งของที่
มนี ํ้าหนักมาก เชน ชั่งหมทู ัง้ ตวั
เมอ่ื นาํ สงิ่ ของมาเกยี่ วไวแ ลว ปรบั ลกู ตมุ ไปตามความยาวของคนั ชง่ั จดุ ทต่ี าชง่ั ตง้ั อยไู ดร ะดบั
เสมอกันตรงจุดใด ตรงจุดนั้นคอื น้าํ หนักของส่ิงของทีช่ ง่ั
กระชุ
ภาชนะจักสานรูปทรงกระบอกทําดวยไมไผ ทาดวย
รกั สีดาํ มฝี าปด
พิพิธภัณฑพื้นบานวัดชมภูเวก ๑๐๑
เขงปลาทู
เขงปลาทู เปนเครื่องจักสานท่ีทําดวยไมไผสําหรับใส
ปลาทูนึง่
ไมไ ผเปน วสั ดทุ ่นี ํามาจักเปน ตอกเสน บางๆ จากน้นั นํา
เสนตอกมาสานใหเปนพ้ืนเขงปลาทู เขงปลาทูมี ๓ ชนิด
ดงั น้ี
เขงพวง เปนเขงปลาทูขนาดเล็กไมมีขอบ เม่ือสานแลวจะนํามารอยรวมกันเปนพวง
จึงเรยี กวา เขงพวง
เขง ขอบ เปน เขง ปลาททู ที่ าํ ขอบกลม มคี วามแขง็ แรง ใชง านไดด กี วา และทนทานกวา เขง พวง
เขง ขอบขนาดใหญ มีเสนผาศูนยกลางประมาณ ๓๐ ซม.
เครือ่ งมือสานเขงปลาทู
เครอ่ื งมอื สานเขง ปลาทู มเี ครอ่ื งมอื หลกั ทตี่ อ งใชใ นการ
สานเขง คอื
อปุ กรณเ ลอื่ ยไมไ ผ ใชเ ลอ่ื ยไมไ ผจ ากลาํ ไมไ ผย าวใหเ ปน
ปลอ ง ความยาวของปลอ งไมไ ผแ ตล ะปลอ งขนึ้ อยกู บั ขนาด
ของเขง กลา วคอื เขง ขนาดเลก็ ใชเ สน ตอกทม่ี ขี นาดสน้ั กวา
เสน ตอกทใี่ ชส านเขง ขนาดใหญ เขง ขนาดใหญใ ชเ สน ตอกทม่ี ขี นาดยาวกวา เสน ตอกทใี่ ชส านเขง
ขนาดเล็ก
กบไสไมไ ผ ใชไสไมไ ผใหเปนเสนแบนและบาง แตเดิมใชมีดจกั ไมไผใ หเ ปนเสนตอก ตอมา
มผี คู ิดทํากบจักตอกไมไผ ทําใหไดเสนตอกบางเสมอกัน และรวดเรว็ กวาการจกั ตอกดวยมดี
บา นทา ทราย ตําบลทาทราย อาํ เภอเมืองนนทบรุ ี จงั หวดั นนทบรุ ี เปนแหลงผลติ เขง ปลาทู
ทีเ่ ปน แหลงใหญและชาวบานไดมีอาชพี สานเขงปลาทูมานานเกือบสองรอ ยป
เชยี่ นหมากอสี าน
เช่ียนหมากอีสานทําดวยไม ดานลางเปนขารอง
สวนบนเปนที่สําหรบั ใสหมาก พลู ยาเสน สีเสยี ด มพี ื้นที่
แบงเปนชองๆ เพ่ือวางเครื่องหมากพลูแยกไวไมให
ปะปนกนั
๑๐๒ พิพิธภัณฑพ้ืนบานวัดชมภูเวก
ชามชดุ - ชามฝา
เปนเคร่ืองปนประเภท Ceramics ทําจากดินขาว
เคลอื บนาํ้ ยา ผวิ มนั ตกแตง ดว ยลายเขยี นสี รปู ดอกไมใ บไม
มีฝาปดชาม แตละชุดจะประกอบดวยเคร่ืองปนขนาด
ใหญสุดเรียงตอกันไปจนถึงขนาดเล็กสุด ไมซ้ําขนาดกัน
จงึ เรยี กวา ชามชุด
ชามชุดเปนเคร่ืองปนของยุโรป ไทยนํามาใชในชวง
รัชกาลที่ ๕ สําหรับใสอาหารท่ีจัดเปนสํารับสําหรับผูมี
บรรดาศกั ด์ิ หรือพระสงฆ
ในเทศกาลสาํ คญั เชน สงกรานต ออกพรรษา หรือทําบุญสลากภตั ชาวบานนิยมจัดสาํ รบั
ดวยชามชดุ ไปถวายพระ หรือไปไหวบ รรพบุรษุ หรือผใู หญท เ่ี คารพนบั ถอื
เครื่องถวยชามยโุ รป
เครอ่ื งปน จากยุโรป เชน จาน ถวย ถวยกาแฟพรอม
จานรอง ลายเคร่ืองปนเขียนลายพรรณพฤกษา เปนลาย
สนี ํา้ ตาลออ น บนพ้ืนเคร่ืองปน สขี าว
เครอ่ื งปน จีน - ปานชา
เครอ่ื งปน จีนมีประเภทตางๆ ไดแ ก จานขา ว ถวย โถลายคราม จานเชิง
และปา นชา ภาชนะสาํ หรบั ชงนาํ้ ชา
พิพิธภัณฑพ้ืนบานวัดชมภูเวก ๑๐๓
เครื่องแกว - ถว ยขนม - พานแกว
ถวยแกวใชใสขนมหวานท่มี ีน้ําเชอ่ื ม เชน วุน สาคู พานแกวใชใสหมากพลทู ่เี จยี นแลว
และบหุ รม่ี วนสําหรับถวายพระหรอื รบั แขก
มีดโกน
มดี โกนนเ้ี ปน มดี โกนแบบพบั ได ตวั ใบมดี โกนจะพบั เกบ็
ไวท ่ดี า มของมดี โกน
มีดโกนเปนของใชจําเปนท่ีพระสงฆจะตองมีไวสําหรับ
ใชปลงผม (โกนผม) เมื่อบุคคลใดบวชเปนพระภิกษุตอง
มีมีดโกน
คนโทน้าํ
ทาํ ดว ยแกว สนี าํ้ เงนิ สาํ หรบั พระสงฆ หรอื ผมู บี รรดาศกั ดิ์
จะตั้งไวพรอ มกับสํารับอาหาร
๑๐๔ พิพิธภัณฑพ้ืนบานวัดชมภูเวก
หมอชงกาแฟ
หมอชงกาแฟทาํ จากทองเหลอื งทรงกระบอก ดานบน
ปดดวยแผนทองเหลืองเจาะเปนชองกลมพอใหกระบวย
ลงไปตกั น้าํ รอ นได
ดา นบนใชว างกระบอกพรอ มถงุ ชงกาแฟและชา
หมอชงกาแฟจะตั้งอยูบนเตาถานหรือเตาฟน เพ่ือตม
นํ้าใหร อ น
กาแฟทช่ี งเปน กาแฟทค่ี วั่ ดว ยความรอ น และบดใหแ ตก (ไมเ ปน กาแฟผงสาํ เรจ็ เชน ปจ จบุ นั )
เมอื่ ตกั กาแฟใสถ งุ ทมี่ ดี า มถอื แลว ตกั นา้ํ รอ นเทลงในถงุ กาแฟ มกี ระบอกทองเหลอื งรบั นาํ้ กาแฟ
จะไดน้ํากาแฟที่ผานการชง จากน้ันรินน้ํากาแฟที่ชงแลวน้ันลงในแกว ปรุงรสดวยนมขน
และนํา้ ตาลทราย คนใหเขากันก็จะไดก าแฟตามตอ งการ
โทรศัพทแ บบใชมอื หมนุ
โทรศพั ทแบงออกเปน ๒ สวน
สวนที่ ๑ ฐานที่วางหูฟงและที่พูด ดานหนามีหนาปด
เลข ๑ - ๐ เรียงตามลาํ ดับ
สว นท่ี ๒ เปนสวนท่ีสําหรับพูดและฟงเสียง สวนสําหรับ
พดู จะมีสายโทรศพั ทมาตออยู สว นอกี ดานหนึ่ง
จะเปนหูฟง สวนที่ ๒ นี้จะวางไวบนแทนของ
สว นท่ี ๑
เมื่อจะโทรศัพทอ อก ใหย กสว นท่ี ๒ ข้นึ ใชน้วิ มอื สอดลงในชองหมายเลขแตละหมายเลข
แลวหมุนไปทางขวาสุดจนครบทุกหมายเลขที่ตองการ นําหูฟงมาแนบไวที่หูและสวนสําหรับ
พูดมาไวที่ปาก
เมื่อรบั โทรศพั ท นําสว นที่ ๒ นมี้ าแนบท่หี แู ละท่ปี าก จะไดย ินเสียงและพูดตอบได
เม่อื เสรจ็ การใชใ หว างสวนท่ี ๒ บนสว นที่ ๑
พิพิธภัณฑพ้ืนบานวัดชมภูเวก ๑๐๕
ไมน วดงวงตาล หรอื ตะเกยี บ
ตําบลทาทรายในอดีตมีตนตาลขึ้นอยูมากมาย
ชาวบานรูจักการทําน้ําตาลโตนดท่ีเปนผลิตผลทาง
ธรรมชาติจากตนตาลมาแตโบราณ ไมนวดงวงตาลเปน
อุปกรณสําคัญอยางหนึ่งท่ีชาวบานใชนวดงวงตาลเพ่ือที่
จะทําใหนํ้าหวานในงวงตาลพรอมท่ีจะไหลออกมาได
เตม็ ท่ี
งวงตาล คอื สวนหนงึ่ ของตนตาลอยทู ยี่ อดตาล มสี องประเภท คอื งวงตาลตวั เมีย ซ่ึงพรอ ม
จะผลิตลูกตาลตอไป สวนงวงตาลตัวผูมีเฉพาะเกสรตัวผูซึ่งไมสามารถมีลูกตาลได แตงวงตาล
ท้งั สองเพศสามารถผลติ นาํ้ หวานซึง่ นาํ มาใชท าํ เปน นํ้าตาลโตนดได
การนวดงวงตาลทมี่ เี กสรตางเพศกันตองใชเคร่ืองมือนวดงวงตาลตา งกนั
ไมน วดงวงตาลในภาพเปน ไมน วดงวงตาลตวั เมยี ทาํ ดว ยไมท อ นกลมยาวประมาณ ๑๕๐ ซม.
ตรงกลางคอด เพ่ือสะดวกในการจับ ปลายทงั้ สองมน ไมน วดงวงตาลตวั ผจู ะมีลกั ษณะแบน
เตารดี ใชถานไม
เตารีดใชถานไมทําดวยโลหะ สวนลางเปนตัวเตารีด
สําหรับใสถานไมที่มีความรอน พื้นลางเรียบมัน สวนบน
เปน ฝาปด มที จี่ บั อยดู านบนสดุ ของฝา
กรรไกรตัดผม
กรรไกรตดั ผมทาํ ดว ยโลหะ เปน ใบมดี สองใบหนั คม
เขาหากัน เมื่อใชมือรวบไวท่ีดามขยับขึ้นลงสามารถตัด
เสนผมได
๑๐๖ พิพิธภัณฑพื้นบานวัดชมภูเวก
สากตาํ ขา ว
สากตําขาวใชคูกับครกตําขาว ท่ีทําจากทอนไมกลม
ขนาดใหญ ขดุ เปน หลมุ ตรงกลาง ใชต ําขา วเปลือกใหเปน
ขา วสาร จึงเรียกวา ครกและสากตําขาว
ครกตาํ ขาว นอกจากจะใชตําขา วแลว ยงั ใชใ นกจิ กรรม
อ่ืนๆ ดวย เชน ตําแปงทําขนมจีน ตําขาวเมา ตําขนม
บางอยาง ตาํ กะป เปนตน
สากตําขาวยังถูกนําไปใชในพิธีรําผีของคนมอญ และ
ในการเลนของชาวแสก ท่ีจังหวัดนครพนม ที่เรียกวา
แสกเตน สาก
ลกู คดิ
ลูกคิดเปนเครื่องคิดเลขของจีนท่ีมีมาแตโบราณ
กอ นที่จะมีการประดิษฐเครื่องคดิ เลขในปจ จุบนั น้ี
โกศบรรจุอัฐิ
ทําดวยทองเหลือง สันนิษฐานวาเปนโกศบรรจุอัฐิ
ของพระผูใหญของวดั ชมภเู วกมากอน
พิพิธภัณฑพื้นบานวัดชมภูเวก ๑๐๗
แมพมิ พพระโคนสมอ
พระครูไพศาลภัทรกิจ (เฉลียว อินฺทวํโส) อดีตเจาอาวาสวัดชมภูเวกไดสรางแมพิมพ
พระพิมพดินเผาไวจํานวนมาก พระพิมพดังกลาวนี้รูจักกันท่ัวไปเรียกวา พระโคนสมอ
พระโคนสมอเปน พระพมิ พส มยั อยธุ ยา มคี วามงามกวา พระพมิ พอ นื่ ๆ นยิ มนาํ พระพมิ พน ไี้ ปตดิ
บนแผงทีจ่ าํ หลักลายลงรกั ปด ทองอยางสวยงาม ซง่ึ มอี ยทู พี่ ิพิธภณั ฑพ ื้นบา นวดั ชมภเู วก
เพื่อเปนการอนุรักษพุทธศิลป ทางวัดจึงไดนําแมพิมพพระโคนสมอมาใชเพ่ือสราง
พระพิมพดินเผาที่สวยงามจํานวน ๘๔,๐๐๐ องค เทาจํานวนพระธรรมขันธในพระไตรปฎก
ไวเปนสมบตั ิของวดั ชมภูเวกตอ ไป เร่ิมสรา งเมือ่ เดอื นกมุ ภาพนั ธ ๒๕๖๑
บาตรนา้ํ มนต
บาตรนํ้ามนตดินเผา ที่ฝาและตัวบาตรประดับดวย
พระพิมพดินเผาปางตางๆ ปนโดยชางปนบานปากเกร็ด
อาํ เภอปากเกร็ด จงั หวัดนนทบรุ ี เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๕
๑๐๘ พิพิธภัณฑพื้นบานวัดชมภูเวก
คัมภรี ใ บลานภาษามอญ ทวี่ ดั ชมภูเวก เรอ่ื ง เมฆะลกู กวาง
เรื่องเมฆะลูกกวางเปนวรรณกรรมพ้ืนบานของมอญ เปนนิทานท่ีสอนใหเด็กเปนคนดี
มีคุณธรรม มีความกตัญูรูคุณของผูมีคุณที่เล้ียงมาใหเติบใหญ ใหวิชาความรู เปนผูใหญท่ีดี
ในวนั หนา เมอ่ื ทาํ ดี ไมท าํ ชว่ั ความดจี ะตอบสนองใหช วี ติ มคี วามสขุ ความเจรญิ แมเ มอื่ มที กุ ขภ ยั
เกิดขึ้น อานุภาพของการทําดี การเปนคนดีจะชวยบรรเทา ขจัดความทุกขรอนใหประสบ
ความสุขสงบได
เรื่องเมฆะลูกกวางแตง ข้นึ เมือ่ ประมาณ ๑๗๐ ปมาแลว หมอคลายบา นเกาะเกรด็ อาํ เภอ
ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เกิดเม่ือ พ.ศ. ๒๓๕๘ เปนผูแตง เปน ภาษามอญ มีอยูที่วดั ชมภเู วก
แหง เดยี ว ศนู ยภ มู ภิ าคโบราณคดแี ละวจิ ติ รศลิ ป ในองคก ารรฐั มนตรศี กึ ษาแหง เอเชยี ตะวนั ออก
เฉยี งใต (ซมี โี อ สปาฟา) ไดแ ปลเปน ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ เพอื่ เปน การเผยแพรว รรณกรรม
พ้ืนบานของมอญวดั ชมภูเวกไวแลว ฉบบั ภาษาไทยอยใู นหนงั สือพระอาจารยอะเฟาะ เทพกวี
ศรีชาวมอญ พิมพเผยแพรเม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งคัมภีรและหนังสือจัดแสดงไวที่พิพิธภัณฑ
พ้ืนบา นวดั ชมภเู วก
บรรณานุกรม พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านวัดชมภูเวก 109
กรมวิชาการ (๒๕๔๐). จิตรกรรมฝาผนัง นิทานชาดก (พระเจา้ ๕๐๐ ชาติ). กรุงเทพมหานคร: ครุ ุสภา.
ท�ำเนียบคณะสงฆ.์ (๒๔๔๘). ลงพิมพ์โดยอนุญาตของเสนาบดกี ระทรวงธรรมการ รตั นโกสนิ ทรศก ๑๒๓.
โรงพิมพ์บ�ำรงุ นุกลู กิจ.
น. ณ ปากน้�ำ (นามแฝง). (๒๕๓๐). จิตรกรรมสมัยอยุธยาตอนกลางและตอนปลายระยะแรก สกุลช่าง
นนทบุรี ณ วดั ชมภูเวก และวัดปราสาท. กรงุ เทพมหานคร: ส�ำนกั พมิ พเ์ มืองโบราณ.
ประวตั วิ ดั ชมภเู วก โบราณสถาน. (๒๕๕๑). เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ภมู พิ ลอดลุ ยเดช
เนอื่ งในโอกาสมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธนั วาคม ๒๕๕๐. นนทบรุ :ี วดั ชมภเู วก.
พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔. (๒๕๕๖). พมิ พค์ รงั้ ที่ ๒. กรงุ เทพมหานคร: ราชบณั ฑติ ยสภา.
พระธรรมปิฎก (ป.อ. ปยุตฺโต). (๒๕๔๖). พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลศัพท์. พิมพ์คร้ังท่ี ๑๐.
กรุงเทพมหานคร: บริษัท เอส. อาร์. พรน้ิ ตง้ิ แมส โปรดกั ส์ จ�ำกดั .
พระมหากษัตริย์ไทยกับการพิพิธภัณฑ์. (๒๕๔๑). คณะกรรมการอ�ำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติ
ครบ ๕๐ ปี จดั พมิ พเ์ ปน็ ที่ระลึกเนือ่ งในมหามงคลสมัยสิริราชสมบตั ิครบ ๕๐ ปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙.
กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ัท กราฟคิ ฟอรแ์ มท (ประเทศไทย) จ�ำกดั .
พศิ าล บญุ ผกู . นนทบรุ ศี รมี หานคร. (๒๕๖๑). พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒. นนทบรุ :ี โครงการพฒั นาและเผยแพรส่ ารสนเทศ
จากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ ดา้ นนนทบรุ ศี กึ ษา เพอื่ สง่ เสรมิ บรกิ ารหอ้ งสมดุ สชู่ มุ ชน ส�ำนกั บรรณสารสนเทศ
มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช.
พศิ าล บญุ ผูก. ภูมินามอ�ำเภอปากเกรด็ . (๒๕๕๐). นนทบุรี: โครงการการจัดการสารสนเทศจากภมู ปิ ัญญา
ทอ้ งถนิ่ ดา้ นนนทบรุ ศี กึ ษาเพอื่ สง่ เสรมิ บรกิ ารหอ้ งสมดุ สชู่ มุ ชน ส�ำนกั บรรณสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั
สุโขทัยธรรมาธิราช.
พิศาล บุญผูก. วัดในอ�ำเภอปากเกร็ด. (๒๕๕๐). นนทบุรี: โครงการการจัดการสารสนเทศจากภูมิปัญญา
ทอ้ งถนิ่ ดา้ นนนทบรุ ศี กึ ษาเพอ่ื สง่ เสรมิ บรกิ ารหอ้ งสมดุ สชู่ มุ ชน ส�ำนกั บรรณสารสนเทศ มหาวทิ ยาลยั
สโุ ขทัยธรรมาธิราช.
วรรณภิ า ณ สงขลา. (๒๕๑๗). “การอนรุ กั ษจ์ ติ รกรรมฝาผนงั พระอโุ บสถและพระวหิ ารวดั ชมภเู วก นนทบรุ ”ี
ศลิ ปากร. ปที ี่ ๑๘ ฉบับที่ ๔ (พฤศจกิ ายน), หนา้ ๑๒ - ๑๖.
ศลิ ป พรี ะศรี เฟอ้ื หรพิ ทิ กั ษ์ และเขยี น ยม้ิ ศริ .ิ (๒๕๐๖). จติ รกรรมฝาผนงั สกลุ ชา่ งนนทบรุ .ี กรงุ เทพมหานคร:
คณะจติ รกรรมและประติมากรรม มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร.
อรุณศกั ด์ิ กิ่งมณ,ี ผูเ้ รยี บเรยี ง (๒๕๕๐). การอนรุ กั ษแ์ ละพฒั นาโบราณสถาน “วดั ชมภเู วก” อ�ำเภอเมอื ง
จังหวัดนนทบุรี (โครงการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ วัดและศาสนสถาน
เฉลิมพระเกียรติเน่ืองในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี). กรุงเทพมหานคร: กระทรวง
วัฒนธรรม. กรมศลิ ปากร ส�ำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบรุ ี.
อาภรณ์ ณ สงขลา. (๒๕๑๙). “วัดชมภูเวก” เมืองโบราณ. ปีท่ี ๒ ฉบับที่ ๔ (กรกฎาคม - กันยายน),
หน้า ๗ - ๑๐.
110 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก
ประวัติผู้เขียนโดยสังเขป
นายพิศาล บุญผูก เกิดเมื่อวันท่ี ๑๗ กันยายน
พ.ศ. ๒๔๘๓ เปน็ ชาวเกาะเกรด็ อ�ำเภอปากเกรด็ จงั หวดั
นนทบุรี เกิดและเติบโตที่บ้านปากเกร็ด มีบรรพบุรุษ
ทั้งฝ่ายบิดาและมารดา และญาติผู้ใหญ่เป็นชาวไทย
เชอื้ สายมอญทอี่ พยพมาตงั้ แตค่ รง้ั สมยั ธนบรุ ที ต่ี ง้ั ถนิ่ ฐาน
อาศัยอยู่ที่ละแวกบ้านปากเกร็ด และบ้านบางตลาด
จังหวัดนนทบุรี เม่ือเป็นศิษย์วัดได้เรียนที่โรงเรียนวัดปรมัยยิกาวาส โรงเรียนวัดเสาธงทอง
เกาะเกร็ด ต่อมาได้ศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ท�ำงานมีความ
ก้าวหน้าในหน้าที่การงานมาโดยล�ำดับ จนเกษียณอายุงานในต�ำแหน่งสุดท้ายคือ ผู้เชี่ยวชาญ
การฝึกอบรม ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์ แม้หลังเกษียณแล้วทางธนาคารยังให้
ท�ำหน้าทผี่ ู้จัดการฝา่ ยการตา่ งประเทศต่ออีกหลายปี
เป็นผู้สนใจด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนนทบุรีอย่างยิ่ง
ได้ร่วมงานกับส�ำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัย นนทบรุ ี
ธรรมาธิราช ศึกษาค้นคว้าจัดท�ำเป็นหนังสือนนจดั พมิ พแ์ ละเผยแพรโ่ดยทบุรีศึกษา ศรมี หานคร
มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช นนทบุรีศรีมหานคร
๑๒ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง นนทบุรีศรีมหานคร ได้รับ
พระราชทานโล่ประกาศเกียรติคุณรางวัลหนังสือดีเด่น
ประเภทสารคดี พ.ศ.๒๕๖๑ จากสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกุมารี ในงานสปั ดาห์หนังสอื แหง่ ชาติ ครั้งท่ี ๔๖
พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งเป็นผู้สนใจงานด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู
ศิลป วัฒนธรรมและประเพณมี อญ สามารถฟงั พดู อา่ น เขยี น
ภาษามอญได้อย่างดี มีบทบาทส�ำคัญในการส�ำรวจและ
จัดระเบียบคัมภีร์ใบลานภาษามอญของวัดต่างๆ รวมทั้งวัดชมภูเวกซึ่งมีอยู่เป็นจ�ำนวนมาก
ได้พบคัมภีร์เร่ือง เมฆะลูกกวาง และแปลเป็นภาษาไทย ซ่ึงต่อมาศูนย์ภูมิภาคโบราณคดีและ
วจิ ติ รศลิ ปใ์ นองคก์ ารรฐั มนตรศี กึ ษาแหง่ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ (ซมี โี อ สปาฟา) น�ำไปจดั พมิ พ์
เผยแพรร่ วมกบั เรอื่ งจากคมั ภรี ใ์ บลานภาษามอญทพ่ี บในวดั อน่ื ๆ ดว้ ย ผลงานแปลนไี้ ดร้ บั รางวลั
นักแปลดเี ดน่ รางวลั สรุ ินทราชา พ.ศ. ๒๕๖๑ จากสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก 111
นายวีระโชติ ปั้นทอง เกิดเม่อื วนั ที่ ๑ กมุ ภาพนั ธ ์
พ.ศ. ๒๔๘๐ เกิดและเติบโตที่บ้านท่าทราย อ�ำเภอ
เมอื งนนทบรุ ี จงั หวดั นนทบรุ ี โดยบดิ ามารดามอี าชพี ท�ำนา
ท�ำสวน และสานเขง่ ปลาทู เมอื่ อายไุ ด้ ๕ ขวบ เกดิ อทุ กภยั
คร้ังใหญ่ น้�ำท่วมนาสวนเสียหายหมด เมื่อน้�ำลดก็เกิด
สงครามโลกคร้ังที่ ๒ ครอบครัวเดือดร้อนมากในยุค
ขา้ วยากหมากแพง บดิ าจงึ พาไปเปน็ ศษิ ยว์ ดั ในสมยั ทพี่ ระอธกิ ารหมนุ เปน็ เจา้ อาวาส ไดเ้ ปน็ เดก็ วดั
จนเรยี นจบชนั้ ประถมศึกษาทีโ่ รงเรยี นวัดต�ำหนกั ใต้ ต่อมาเขา้ เรยี นต่อท่โี รงเรยี นชา่ งไม้นนทบรุ ี
และศกึ ษาตอ่ ประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ชนั้ สงู ทว่ี ทิ ยาลยั เทคนคิ กรงุ เทพฯ (ตง้ั อยทู่ ตี่ �ำบลทงุ่ มหาเมฆ
ปัจจบุ ันคือ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ) เมือ่ ส�ำเร็จการศกึ ษาไดท้ �ำงาน มีความ
กา้ วหนา้ เร่อื ยมาจนเกษยี ณอายุงานเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ในต�ำแหนง่ สุดท้ายคือ ผ้จู ดั การแผนก
วางแผนและซอ่ มบ�ำรุง สว่ นศูนย์จา่ ย ฝา่ ยปฏิบตั กิ าร บริษทั ปนู ซิเมนต์ไทย จ�ำกัด (มหาชน)
ความเป็นเด็กวัดจึงได้ช่วยงานวัดชมภูเวกมาตลอด ได้เห็น
การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของวัดและชุมชน ภายหลังเกษียณอายุงาน
แลว้ ไดช้ ว่ ยงานวดั จรงิ จงั มากยงิ่ ขน้ึ ไดเ้ ปน็ ก�ำลงั หลกั ในการเสนอเรอ่ื ง
ให้ส่วนราชการต่างๆ ได้เข้ามาช่วยท�ำนุบ�ำรุงวัดในด้านต่าง ๆ เช่น
การเสนอโครงการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถานวัดชมภูเวก เมื่อปี
พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นผลให้ทางจังหวัดนนทบุรี และกรมศิลปากร โดย
ส�ำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้ด�ำเนินการบูรณะในช่วง พ.ศ.
๒๕๔๙ - ๒๕๕๐ ในโครงการบรู ณปฏสิ งั ขรณโ์ บราณสถาน โบราณวตั ถุ
วัด และศาสนสถาน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภมู ิพลอดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เปน็ ผ้นู �ำ
ในการรวบรวมขอ้ มลู ของวดั และจดั พมิ พห์ นงั สอื ประวตั วิ ดั ชมภเู วก โบราณสถาน เมอื่ พ.ศ. ๒๕๕๐
ปัจจุบันเป็นคณะกรรมการโรงเรียนวัดต�ำหนักใต้ (วิลาศโอสถานนท์นุเคราะห์) และ
ประธานชมรมผู้สูงอายุวัดชมภูเวก มีบทบาทเป็นผู้น�ำในการท�ำงานอนุรักษ์ฟื้นฟูประวัติ
วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นของชุมชนท่าทรายและวัดชมภูเวก โดยเฉพาะอย่างย่ิง
การอนุรักษ์โบราณสถานและการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก และให้เป็นแหล่งเรียนร ู้
ที่ส�ำคัญอีกแห่งหน่ึงของท้องถิ่นจังหวัดนนทบุรี การจัดการให้ความรู้แก่เยาวชนในชุมชน
เพอื่ เป็นผสู้ ืบทอดต่อ สามารถให้ค�ำแนะน�ำแกผ่ มู้ าเยือนได้
นางวรนุช สนุ ทรวนิ ติ
สมั ภาษณแ์ ละเรียบเรยี ง
พฤษภาคม ๒๕๖๒
112 พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดชมภูเวก
ภาพพระพุทธเจ้าผู้ทรงชนะมารและภาพแม่พระธรณีบีบมวยผม
ที่ผนังหุ้มกลองด้านหน้าพระประธาน อุโบสถเก่าวัดชมภูเวก
ต�ำบลท่าทราย อ�ำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี จิตรกรรมสมัยอยุธยา สกุลช่างนนทบุรี
คณะท่ปี รึกษาการจัดทำ� หนงั สอื “พพิ ธิ ภณั ฑ์พน้ื บ้านวัดชมภเู วก”
๑. ศาสตราจารย์ ดร.ประสาท สืบค้า รกั ษาการแทนอธกิ ารบดมี หาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
๒. รองศาสตราจารย์ ดร.สมคิด พรมจยุ้ รกั ษาการแทนรองอธกิ ารบดฝี า่ ยการศกึ ษาและสนบั สนนุ การเรยี นร ู้
๓. รองศาสตราจารย์ ดร.วรางคณา จันทรค์ ง รักษาการแทนรองอธกิ ารบดีฝา่ ยวางแผน ท�ำนุบำ� รุงศลิ ปวัฒนธรรม
และอุทยานการศกึ ษา
๔. รองศาสตราจารย์ ดร.สมพร พุทธาพทิ ักษ์ผล รักษาการแทนรองอธกิ ารบดีฝ่ายกจิ การสภามหาวิทยาลยั
๕. รองศาสตราจารย์อจั ฉรา ชวี ะตระกูลกจิ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝา่ ยการเงนิ และทรพั ย์สนิ
๖. รองศาสตราจารย์ฐปนรรต พรหมอนิ ทร์ รกั ษาการแทนรองอธกิ ารบดฝี า่ ยบรกิ ารวชิ าการและพนั ธกจิ สมั พนั ธก์ บั ชมุ ชน
๗. รองศาสตราจารย์ ดร.กฤษณา รงุ่ โรจน์วณิชย์ รกั ษาการแทนรองอธิการบดีฝา่ ยวิจยั นวตั กรรมและวเิ ทศสัมพันธ์
๘. นายสัมพนั ธ์ เยน็ สำ� ราญ รักษาการแทนรองอธกิ ารบดฝี า่ ยทรพั ยากรบคุ คลและบริหารทวั่ ไป
คณะกรรมการโครงการบริการวชิ าการแกส่ ังคม ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
สำ� นกั บรรณสารสนเทศ มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช
๑. นางวรนชุ สนุ ทรวินติ ประธานคณะกรรมการ
๒. นายชยั วัฒน์ น่าชม รองประธานคณะกรรมการ
๓. นางสาวอัมพร อรู่ ัชตมาศ กรรมการ
๔. นางกลั ยาณี ศุภดิษฐ์ กรรมการ
๕. นางสาวยวญิ ฐากรณ์ ทองแขก กรรมการ
๖. นางสาวเครอื ทิพย์ เจียรณยั กรรมการและเลขานกุ าร
๗. นางสาวบุสบง วงคแ์ ก้ว กรรมการและผ้ชู ่วยเลขานกุ าร
ปก ขอ้ มลู การพิมพ์หนังสือ
เน้ือใน
รูปเลม่ กระดาษอาร์ตการ์ด ๒๖๐ แกรม เทคนิคปก เคลือบพลาสติกด้าน, Spot UV
พิมพ์ท ่ี กระดาษปอนด์ ๑๐๐ แกรม จ�ำนวนหน้า ๑๑๒ หน้า
นิสารัตน ์ วชิ านนท์
สายธรุ กิจโรงพิมพ์ บรษิ ทั อมรินทร์พร้นิ ตง้ิ แอนด์พับลิชชง่ิ จำ� กดั (มหาชน)
๓๗๖ ถนนชยั พฤกษ์ แขวงตลิ่งชัน เขตตลงิ่ ชนั กรุงเทพฯ ๑๐๑๗๐
โทรศพั ท์ ๐-๒๔๒๒-๙๐๐๐ โทรสาร ๐-๒๔๓๓-๒๗๔๒
E-mail : [email protected] Homepage : www.amarin.com
ส�ำนักบรรณสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
https://library.stou.ac.th