The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น

แผนการจดั การเรยี นรู้ มุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพ
รหัสวชิ า 20901 – 1002

วิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งตน้
หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) พทุ ธศกั ราช 2562

จัดทาโดย
นางสุวิมล อกั ษรกลาง

ครู ค.ศ.2

แผนกวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาลัยเทคนคิ สว่างแดนดนิ
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

แผนการจดั การเรยี นรู้ มุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพ
รหัสวชิ า 20901 – 1002

วิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งตน้
หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) พทุ ธศกั ราช 2562

จัดทาโดย
นางสุวิมล อกั ษรกลาง

ครู ค.ศ.2

แผนกวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ วิทยาลัยเทคนคิ สว่างแดนดนิ
สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ

แบบคาขออนุมตั ิใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้
มงุ่ เน้นสมรรถนะอาชพี

รหัส 20901 – 2001 วชิ า การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบอื้ งต้น

ลงชอ่ื ..............................................
(นางสวุ มิ ล อักษรกลาง)
ครู ค.ศ.2
ผู้จดั ทา

ความเหน็ หัวหน้าแผนกวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ความเห็นหัวหน้างานพฒั นาหลกั สูตร

ลงชอ่ื ............................................ ลงชื่อ.........................................
(นางสุกญั ญา ดนัยสวสั ดิ์) (นายคมุ ดวง พรมอนิ ทร์)

ตาแหนง่ หวั หน้าแผนกวชิ าเทคโนโลยสี ารสนเทศ หวั หน้างานพฒั นาหลักสูตรการเรียนการสอน

ความเหน็ รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ

ลงช่ือ........................................
(นายทินกร พรหมอินทร)์
รองผอู้ านวยการฝ่ายวิชาการ

อนุมตั ิ ไมอ่ นุมัติ

ลงช่ือ....................................
(นางวรรณภา พ่วงกลุ )

ผู้อานวยการวิทยาลัยเทคนคิ สวา่ งแดนดนิ

คานา

เอกสารประกอบการสอนเล่มน้ี จัดทาขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือเป็นเอกสารประกอบการสอน
วิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบ้ืองตน้ รหัสวิชา 20901 – 2001 ตามหลักสูตรประกาศนียบตั ร
วิชาชีพ (ปวช.) พุทธศักราช 2562 สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่ง
ได้มีการวิเคราะห์สาระการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวิชาและ
คาอธิบายรายวชิ า

เนือ้ หาสาระการเรียนรูภ้ ายในเอกสารประกอบการสอนน้ี มีทง้ั หมด 7 หนว่ ย ได้แก่ หลกั การ
เขียนโปรแกรม การวิเคราะห์งาน การเขียนผังงานและรหัสเทียม ขั้นตอนการแก้ไขปัญหา โครงสร้าง
ภาษาคอมพิวเตอร์ การใช้กระบวนการเขียนโปรแกรมคาสั่ง การคานวณ เง่ือนไขกรณีและการทาซ้า
และการออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อประยุกต์ใช้ในงานธุรกิจ ในแต่ละหน่วย
ประกอบด้วยโครงการสอน แผนการจัดการเรียนรู้ แบบทดสอบหลังเรียน ใบเน้ือหา/ใบความรู้
แบบฝึกหัดทา้ ยบท เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน บรรณานุกรมและภาคผนวก

หวงั เปน็ อยา่ งย่ิงวา่ เอกสารประกอบการสอนวิชาการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองต้น ทผ่ี ู้
เรยี บเรียงจดั ทาขึ้น จะเป็นประโยชน์ตอ่ ครูผู้สอน ในวิชานีแ้ ละนาไปเป็นแบบอยา่ งในการจดั ทาวิชาอื่น
ตอ่ ไป หากมขี อ้ เสนอแนะใด ๆ ผู้เรียบเรยี งน้อมรบั ดว้ ยความยินดีอยา่ งย่งิ

ลงชอ่ื ........................................
(นางสุวมิ ล อกั ษรกลาง)

สารบญั

เรื่อง หนา้

คานา ก
สารบญั ข
รายละเอยี ดของหลักสูตรรายวิชา ค
ตารางที่ 1 วเิ คราะห์หลักสูตรและระดบั ความสาคัญของหน่วยการเรยี นร้แู ละเวลา ง
จดั การเรียนรู้
ตารางท่ี 2 วิเคราะหห์ น่วยการเรยี นรู้และเวลาท่ใี ชใ้ นการจัดการเรยี นรู้ จ
ตารางท่ี 3 วิเคราะห์หัวขอ้ การเรียนรแู้ ละเวลาทีใ่ ชใ้ นการจัดการเรียนรู้ ฉ
ตารางท่ี 4 วเิ คราะห์จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรมกบั หวั ข้อการเรยี นร้แู ละเวลาจดั การ ช
เรียนรู้
แผนการจดั การเรียนรู้ 1
17
หนว่ ยท่ี 1 เร่อื ง หลกั การเขียนโปรแกรม 39
หนว่ ยท่ี 2 เรอื่ ง การวิเคราะหง์ าน 62
หนว่ ยท่ี 3 เรอ่ื ง การเขียนผังงานและรหสั เทียม 77
หนว่ ยที่ 4 เรอ่ื ง ขน้ั ตอนการแก้ปญั หา 94
หนว่ ยที่ 5 เรอ่ื ง โครงสร้างภาษาคอมพวิ เตอร์
หนว่ ยที่ 6 เรอ่ื ง การใชก้ ระบวนการเขยี นโปรแกรมคาส่ัง การคานวณ เง่ือนไข 143

กรณแี ละการทาซ้า
หนว่ ยท่ี 7 เร่ือง การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ยเพ่ือประยุกต์ใช้ใน

งานธรุ กิจ
บรรณานุกรม

รายละเอยี ดของหลกั สูตรรายวิชา

หลักสูตร ประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช 2562

รหสั วชิ า 20901 - 1002 ช่ือวิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น

ทฤษฎี 1 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ

จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
1. มีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับหลกั การเขยี นโปรแกรม
2. วเิ คราะหง์ าน และกาหนดข้ันตอนการทางาน
3. ใช้ผงั งานและรหสั เทยี ม เพื่อลาดับขนั้ ตอนการทางาน
4. ออกแบบโปรแกรมประยกุ ตอ์ ยา่ งง่าย
5. ใช้คาสง่ั ควบคุมการทางานเบ้อื งตน้
6. มคี ุณธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มทด่ี ีในการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์

สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรเู้ ก่ียวกบั หลักการเขียนโปรแกรม
2. ออกแบบประยุกตใ์ ชง้ านโปรแกรมคอมพวิ เตอร์

คาอธิบายรายวิชา
ศึกษาเกยี่ วกับหลักการเขยี นโปรแกรมและการวิเคราะห์งาน ลาดับขนั้ ตอนการทางาน การเขียนผัง

งาน (Flowchart) รหัสเทียม (Pseudo code) การออกแบบโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อประยุกต์ในการใช้งาน
และปฏิบตั จิ รงิ โดยใช้ภาษาคอมพวิ เตอร์

ตารางที่ 1 วิเคราะห์หลกั สูตรและระดบั ความสาคญั ของหน่วยการเรียนรู้และเวลาจัดการ

เรียนรู้

รหัสวชิ า 20901 - 1002 ชื่อวชิ า การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บ้อื งตน้

ทฤษฎี 1 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ปฏิบัติ 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ จานวน 2 หน่วยกติ

พฤติกรรม พทุ ธิพสิ ยั (%) ทกั ษะ จติ รวม ลาดบั

ความจา พสิ ัย พสิ ัย ความ
ความเ ้ขาใจ
นาไปใ ้ช (%) (%) สาคัญ
ิวเคราะ ์ห
ช่ือหนว่ ย ัสงเคราะห์
ประเ ิมนค่า

10 10 10 10 10 10 20 20

1. หลักการเขยี นโปรแกรม 3 5 2 - - - 12 20 42 6
3
2. การวิเคราะหง์ าน 4 3 5 6 - - 15 20 53 1
7
3. การเขียนผังงานและรหสั เทยี ม 7 7 7 - - - 15 20 56 4
2
4. ขน้ั ตอนการแก้ไขปญั หา (Algorithm) 3 3 5 - - - 10 20 41
5
5. โครงสร้างภาษาคอมพวิ เตอร์ 5 5 7 - - - 15 20 52

6. การใช้ประบวนการเขียนโปรแกรมคาสงั่ การ 5 6 5 4 - - 15 20 55

คานวณ เง่อื นไขกรณีและการทาซา้

7. การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย - 7 4 - - - 17 20 48

เพ่อื ประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานธุรกจิ

รวม 27 36 35 10 - -
ลาดบั ความสาคัญ 31 2 4

กาหนดน้าหนกั ความสาคญั ของแต่ละพฤตกิ รรม ชอ่ งละ 10 คะแนนโดยมรี ะดับความสาคญั ดังนี้

สาคญั ท่สี ดุ 9 - 10 คะแนน

สาคญั มาก 7 - 8 คะแนน

สาคญั ปานกลาง 4 - 6 คะแนน

สาคัญน้อย 2 - 3 คะแนน

ไมส่ าคัญ / สาคัญน้อยที่สุด 0 - 1 คะแนน

ตารางวิเคราะห์หลกั สูตร

ตารางที่ 2 การวิเคราะห์หน่วยการเรยี นรู้และเวลาท่ีใช้ในการจัดการเรยี นรู้

รหสั วิชา 20901 - 1002 ชอื่ วิชา การโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองตน้

ทฤษฎี 1 ชัว่ โมง/สัปดาห์ ปฏิบตั ิ 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกิต

หน่วยท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ สัปดาห์ท่ี ช่วั โมงที่

1 หลกั การเขยี นโปรแกรม 1 1-3

2 การวเิ คราะห์งาน 2 4-6

2 การวเิ คราะหง์ าน 3 7-9

3 การเขยี นผังงานและรหสั เทยี ม 4 10-12

3 การเขียนผังงานและรหัสเทียม 5 13-15

3 การเขยี นผงั งานและรหัสเทยี ม 6 16-18

4 ขนั้ ตอนการแก้ไขปัญหา (Algorithm) 7 19-21

4 ขัน้ ตอนการแก้ไขปัญหา (Algorithm) 8 22-24

5 โครงสรา้ งภาษาคอมพิวเตอร์ 9 25-27

5 โครงสร้างภาษาคอมพวิ เตอร์ 10 28-30

6 การใชป้ ระบวนการเขียนโปรแกรมคาสั่ง การคานวณ เงื่อนไขกรณี 11 31-33

และการทาซา้

6 การใช้ประบวนการเขียนโปรแกรมคาส่ัง การคานวณ เง่ือนไขกรณี 12 34-36

และการทาซ้า

6 การใช้ประบวนการเขียนโปรแกรมคาสง่ั การคานวณ เงอ่ื นไขกรณี 13 37-39

และการทาซ้า

6 การใช้ประบวนการเขียนโปรแกรมคาส่ัง การคานวณ เง่อื นไขกรณี 14 40-42

และการทาซ้า

6 การใชป้ ระบวนการเขียนโปรแกรมคาสง่ั การคานวณ เง่อื นไขกรณี 15 43-45

และการทาซา้

7 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่ายเพื่อประยุกต์ใช้ในงานธุรกิจ 16 46-48

7 การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่ายเพ่ือประยุกต์ใชใ้ นงานธุรกจิ 17 49-51

7 การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพ่ือประยุกต์ใชใ้ นงานธุรกิจ 18 52-54

รวม 18 54

ตารางที่ 3 การวิเคราะห์หวั ข้อการเรียนรู้ของแต่ละหน่วยการเรยี นรแู้ ละเวลาจดั การเรียนรู้

รหัสวชิ า 20901 - 1002 ช่อื วชิ า การโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบื้องตน้

ทฤษฎี 1 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ัติ 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกิต

สัปดาห์ หนว่ ย ช่ือหน่วยการเรียนร/ู้ หัวข้อการเรียนรู้ เวลาจดั การเรียนรู้

ที่ ท่ี ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ รวม

1 1 หลักการเขยี นโปรแกรม 1 23

2 2 การวเิ คราะห์งาน 1 23

3 2 การวิเคราะหง์ าน 1 23

4 3 การเขียนผังงานและรหัสเทยี ม 1 23

5 3 การเขียนผงั งานและรหัสเทียม 1 23

6 3 การเขยี นผังงานและรหสั เทยี ม 1 23

7 4 ขน้ั ตอนการแก้ไขปัญหา (Algorithm) 1 23

8 4 ขนั้ ตอนการแก้ไขปัญหา (Algorithm) 1 23

9 5 โครงสร้างภาษาคอมพวิ เตอร์ 1 23

10 5 โครงสร้างภาษาคอมพวิ เตอร์ 1 23

11 6 การใช้ประบวนการเขียนโปรแกรมคาสั่ง การคานวณ เงอ่ื นไข 1 2 3

กรณีและการทาซา้

12 6 การใช้ประบวนการเขียนโปรแกรมคาส่ัง การคานวณ เง่อื นไข 1 2 3

กรณีและการทาซ้า

13 6 การใช้ประบวนการเขยี นโปรแกรมคาสั่ง การคานวณ เงอื่ นไข 1 2 3

กรณแี ละการทาซ้า

14 6 การใช้ประบวนการเขียนโปรแกรมคาสั่ง การคานวณ เง่อื นไข 1 2 3

กรณแี ละการทาซ้า

15 6 การใช้ประบวนการเขียนโปรแกรมคาสั่ง การคานวณ เงอื่ นไข 1 2 3

กรณีและการทาซ้า

16 7 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่ายเพ่ือประยุกตใ์ ชใ้ น 1 2 3

งานธรุ กจิ

17 7 การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพ่ือประยุกต์ใช้ใน 1 2 3

งานธุรกจิ

18 7 การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อประยุกต์ใชใ้ น 1 2 3

งานธรุ กิจ

ตารางที่ 4 การวิเคราะห์จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมก

รหัสวิชา 20901 - 1002 ชอื่ วิชา การโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บือ้ งตน้ ทฤษฎ

หน่วยท่ี 1 หลกั การเขียนโปรแกรม

หัวขอ้ การเรยี นรู้ จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (ด้านความ
1. ขน้ั ตอนทางานของคอมพวิ เตอร์ 1. บอกขัน้ ตอนทางานของคอมพิวเตอร์
2. การแปลภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 2. บอกการแปลภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์

รายการทักษะ (Skill) จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (ด้านทักษ
1. ภาษาของคอมพิวเตอร์ 1. อธิบายภาษาของคอมพวิ เตอร์
2. ข้ันตอนการพัฒนาโปรแกรม 2. อธิบายข้นั ตอนการพฒั นาโปรแกรม

มร)ู้ กับหวั ขอ้ การเรียนรแู้ ละระดบั พฤตกิ รรมทตี่ ้องการ
ษะ)
ฎี 1 ชัว่ โมง/สัปดาห์ ปฏิบัติ 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกิต
ความจา พุทธพิ ิสยั
ความเข้าใจ
นาไปใช้ ดา้ นทกั ษะพสิ ยั
วิเคราะห์
สงั เคราะห์ ด้านจติ พสิ ัย
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเหน็ คุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางท่ี 4 การวเิ คราะห์จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรมก

รหัสวชิ า 20901 - 1002 ชอื่ วชิ า การโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บือ้ งต้น ทฤษฎ

หนว่ ยที่ 2 การวเิ คราะห์งาน

หวั ขอ้ การเรยี นรู้ จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม (ด้านความ
1. ความหมายของการวิเคราะหง์ าน 1. บอกความหมายของการวิเคราะหง์ านได้
2. หลกั เกณฑ์ในการวเิ คราะห์งาน 2. อธบิ ายหลกั เกณฑใ์ นการวิเคราะหง์ านได้
3. คาสงวน 3.บอกคาสงวนได้

รายการทักษะ (Skill) จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (ด้านทักษ
1. ตั้งชือ่ ตวั แปร 1. ตงั้ ชอ่ื ตวั แปรได้
2. กาหนดชนิดตัวแปร 2. กาหนดชนดิ ตัวแปรได้
3. วิเคราะห์งานอย่างเป็นระบบ 3. วิเคราะห์งานอย่างเป็นระบบได้

มร)ู้ กับหวั ขอ้ การเรียนรแู้ ละระดบั พฤตกิ รรมทตี่ ้องการ
ษะ)
ฎี 1 ชัว่ โมง/สัปดาห์ ปฏิบัติ 2 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หน่วยกิต
ความจา พุทธพิ ิสยั
ความเข้าใจ
นาไปใช้ ดา้ นทกั ษะพสิ ยั
วิเคราะห์
สงั เคราะห์ ด้านจติ พสิ ัย
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเหน็ คุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางท่ี 4 การวเิ คราะห์จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมก

รหัสวิชา 20901 -1002 ชอื่ วิชา การโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บ้อื งตน้ ทฤษฎ

หน่วยที่ 3 การเขียนผงั งาน และรหัสเทียม

หัวขอ้ การเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (ด้านความ
1. ผังงาน 1. บอกความหมายของผงั งานได้
2. สัญลักษณ์ผังงานการเขียนโปรแกรม 2. บอกสักญลักษณ์ผังงานการเขียนโปรแกรม
3. รหสั เทียม 3. บอกความหมายของรหสั เทียมได้

รายการทักษะ (Skill) จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม (ด้านทกั ษ
1. หลักการเขยี นผงั งานโปรแกรม 1. อธบิ ายหลักการเขียนผังงานโปรแกรมได้

มร้)ู กับหวั ขอ้ การเรยี นรู้และระดบั พฤตกิ รรมทตี่ อ้ งการ
มได้
ฎี 1 ช่ัวโมง/สปั ดาห์ ปฏิบัติ 2 ช่ัวโมง/สัปดาห์ จานวน 2 หน่วยกิต
ษะ)

ความจา พทุ ธพิ ิสยั
ความเข้าใจ
นาไปใช้ ด้านทักษะพสิ ยั
วิเคราะห์
สงั เคราะห์ ด้านจติ พสิ ยั
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเหน็ คุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางท่ี 4 การวเิ คราะห์จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมก

รหสั วิชา 20901 - 1002 ชอ่ื วชิ า การโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บื้องตน้ ทฤษฎ

หนว่ ยท่ี 4 ขัน้ ตอนการแก้ไขปญั หา (Algorithm)

หวั ข้อการเรียนรู้ จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม

รายการความรู้ (Knowledge) จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม (ด้านความ
1. ความหมายของอัลกอริทึม 1. บอกความหมายของอลั กอรทิ ึมได้
2. รูปแบบอัลกอริทึม 2. บอกความหมายรูปแบบการเขียนอัลกอริท

รายการทักษะ (Skill) จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ด้านทักษ
1. เทคนคิ การเขียนอัลกอริทมึ 1. เขียนอัลกอริทมึ ได้

มร)ู้ กับหัวขอ้ การเรียนรแู้ ละระดับพฤติกรรมท่ตี อ้ งการ
ทึมได้
ฎี 1 ชั่วโมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ตั ิ 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกติ
ษะ)

ความจา พุทธพิ ิสัย
ความเข้าใจ
นาไปใช้ ด้านทกั ษะพสิ ัย
วิเคราะห์
สงั เคราะห์ ด้านจติ พิสัย
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเหน็ คุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางท่ี 4 การวเิ คราะห์จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรมก

รหสั วิชา 20901 - 1002 ชอื่ วิชา การโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบอื้ งต้น ทฤษฎ

หนว่ ยท่ี 5 โครงสรา้ งภาษาคอมพวิ เตอร์

หวั ขอ้ การเรียนรู้ จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม (ด้านความ
1.ประวัตภิ าษาซี 1. อธบิ ายประวตั ิของภาษาซีได้
2. การเขยี นคาอธิบายโปรแกรม 2. บอกหนา้ ท่ีของการเขียนคาอธิบายโปรแกร
3. ตวั ประมวลผลกอ่ น 3. อธิบายวิธีการทางานของตัวประมวลผลกอ่

รายการทกั ษะ (Skill) จดุ ประสงค์เชิงพฤติกรรม (ด้านทักษ
1. โครงสรา้ งภาษาซี 1. จาแนกโครงสรา้ งภาษาซีได้
2. ขัน้ ตอนารสรา้ งโปรแกรมภาษาซี 2. จาแนกขัน้ ตอนการสร้างโปรแกรมภาษาซีไ

มรู้) กับหวั ขอ้ การเรยี นรูแ้ ละระดบั พฤตกิ รรมที่ตอ้ งการ

รมได้ ฎี 1 ชวั่ โมง/สปั ดาห์ ปฏิบัติ 2 ชั่วโมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกิต
อนได้

ษะ)

ได้

ความจา พทุ ธพิ สิ ยั
ความเข้าใจ
นาไปใช้ ดา้ นทกั ษะพิสยั
วิเคราะห์
สงั เคราะห์ ด้านจิตพสิ ยั
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเหน็ คุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางที่ 4 การวิเคราะห์จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรมก

รหัสวิชา 20901 - 1002 ชอ่ื วชิ า การโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บ้ืองตน้ ทฤษฎ

หนว่ ยท่ี 6 การใชป้ ระบวนการเขยี นโปรแกรมคาสั่ง การคานวณ เงื่อนไขก

หวั ข้อการเรียนรู้ จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม

รายการความรู้ (Knowledge) จุดประสงคเ์ ชิงพฤตกิ รรม (ด้านความ
1. นพิ จน์(Expression) 1. บอกความหมายของนิพจน์ได้
2. ตัวดาเนนิ การ 2. จาแนกประเภทของตัวดาเนินการได้
3. คาสง่ั เง่อื นไข 3. เปรยี บเทยี บเง่อื นไขดว้ ยคาสัง่ เง่ือนไขได้

รายการทักษะ (Skill) จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม (ด้านทักษ
1. โปรแกรมแสดงข้อความดว้ ยคาสัง่ cout 1. เขียนโปรแกรมแสดงขอ้ ความด้วยคาสง่ั co
2. โปรแกรมรบั ข้อมลู ดว้ ยคาส่งั cin 2. เขยี นโปรแกรมแสดงข้อความดว้ ยคาสั่ง cin
3. การแสดงผลดว้ ยคาสงั่ ตา่ ง ๆ 3. เขยี นโปรแกรมแสดงผลด้วยคาสงั่ ตา่ ง ๆได
4. การรบั ขอ้ มลู ดว้ ยคาส่ังตา่ ง ๆ 4. เขียนโปรแกรมรบั ข้อมลู ด้วยคาส่งั ต่าง ๆได
5. โครงสรา้ งทาซา้ 5. เขียนโปรแกรมดว้ ยโครงสร้างทาซ้าได้

มร้)ู กรณแี ละการทาซา้ ฎี 1 ช่วั โมง/สัปดาห์ ปฏบิ ัติ 2 ชว่ั โมง/สปั ดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกิต กับหวั ข้อการเรยี นรู้และระดบั พฤตกิ รรมทต่ี อ้ งการ

ษะ)
out ได้
n ได้
ด้
ด้

ความจา พุทธิพิสัย
ความเข้าใจ
นาไปใช้ ด้านทกั ษะพสิ ยั
วิเคราะห์
สงั เคราะห์ ดา้ นจติ พิสัย
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเหน็ คุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

ตารางที่ 4 การวเิ คราะห์จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรมก

รหสั วิชา 20901 - 1002 ชอื่ วชิ า การโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บอ้ื งต้น ทฤษฎ

หนว่ ยที่ 7 การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ยเพอ่ื ประยกุ ต์ใชใ้ นงา

หัวข้อการเรียนรู้ จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม

รายการความรู้ (Knowledge) จดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม (ด้านความ

รายการทักษะ (Skill) จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม (ด้านทกั ษ
1. การออกแบบและการพัฒนาโปรแกรม 1. ออกแบบและพฒั นาโปรแกรมได้
2. โปรแกรมประยุกตใ์ นงานธุรกิจ 2. เขียนโปรแกรมประยุกต์ในงานธุรกิจได้

มรู)้ านธุรกิจ ฎี 1 ช่วั โมง/สปั ดาห์ ปฏบิ ัติ 2 ชว่ั โมง/สัปดาห์ จานวน 2 หนว่ ยกิต กับหัวขอ้ การเรียนรแู้ ละระดับพฤติกรรมท่ตี ้องการ
ษะ)

ความจา พุทธิพสิ ัย
ความเข้าใจ
นาไปใช้ ดา้ นทกั ษะพสิ ัย
วิเคราะห์
สงั เคราะห์ ด้านจติ พิสัย
ประเมนิ คา่
การเลยี นแบบ
การทาตามแบบ
การทาถกู ตอ้ งแมน่ ยา
การทาอยา่ งผสมผสาน
การทาอย่างอตั โนมตั ิ
การรบั รู้

การตอบสนอง
การเหน็ คุณคา่

การจัดกระบวนการคดิ
การมลี กั ษณะเฉพาะตน

1

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 1
รหัสวิชา 20901 - 1002 ช่อื วิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บอ้ื งตน้
ชอ่ื หน่วย หลักการเขยี นโปรแกรม จานวน 3 ชัว่ โมง

รายการหวั ข้อการเรียนรู้
1. ข้นั ตอนการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
2. ภาษาของคอมพิวเตอร์
3. ขั้นตอนการพฒั นาโปรแกรม
4. การแปลภาษาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์

หวั ข้อการเรียนรู้ จดุ ประสงคก์ ารสอนหรอื จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม

1. ข้นั ตอนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ 1. บอกขัน้ ตอนการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ได้
2. ภาษาของคอมพวิ เตอร์ 2. อธบิ ายภาษาของคอมพวิ เตอร์ได้
3. ข้นั ตอนการพฒั นาโปรแกรม 3. อธบิ ายขน้ั ตอนการพฒั นาโปรแกรมได้
4. การแปลภาษาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ 4. บอกการแปลภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอรไ์ ด้

วิธีการสอน : วิธสี อนแบบบรรยายและสาธิต

สือ่ การสอน :
1. หนงั สือเรียนวชิ า การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอรเ์ บ้ืองต้น ของ บริษัท วงั อักษร จากดั
2. แบบฝึกหัดทา้ ยบท
3. Kahoot
4. Google Classroom

การประเมิน :
1. เกณฑผ์ ่านการสังเกตพฤตกิ รรมการปฏิบัตงิ านรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรบั ปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรยี นไม่มีเกณฑ์ผ่าน เก็บคะแนนไวเ้ ปรียบเทยี บกับคะแนนท่ี

ได้จากการทดสอบหลังเรยี น
3. แบบสังเกตคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขน้ึ อย่กู ับ

การประเมินตามสภาพจรงิ

2

แผนการจดั การเรยี นรู้
ชอื่ วิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บอ้ื งต้น รหัสวชิ า 20901 - 1002 สอนคร้งั ที่ 1
หนว่ ยท่ี 1 ช่อื หนว่ ย หลกั การเขียนโปรแกรม จานวน 3 ชม.

1. หัวขอ้ การเรียนรู้
1. ข้นั ตอนการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
2. ภาษาของคอมพิวเตอร์
3. ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม
4. การแปลภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์

2. สาระสาคญั
วงจรการออกแบบ และพัฒนาโปรแกรมนั้นเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาทาความเข้าใจ เพ่ือให้มี

เป้าหมายได้โปรแกรมท่ีมีลักษณะดี โดยมีหลักการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ทั้งหมด 6
ขน้ั ตอนในการ เตรียมงาน และการพิจารณาในการออกแบบการทางานสาหรบั พฒั นาโปรแกรม

3. สมรรถนะประจาหน่วย
แสดงความรเู้ กีย่ วกบั ขนั้ ตอนการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ภาษาของคอมพิวเตอร์ ขั้นตอน

การพฒั นาโปรแกรม และการแปลภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอรไ์ ด้

4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
4.1 จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป
1. รูข้ ้ันตอนการเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
2. เขา้ ใจภาษาของคอมพวิ เตอร์
3. ร้ขู น้ั ตอนการพฒั นาโปรแกรม
4. เขา้ ใจการแปลภาษาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์

4.2 จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม
1. บอกข้นั ตอนการเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
2. อธบิ ายภาษาของคอมพิวเตอร์
3. บอกข้ันตอนการพฒั นาโปรแกรม
4. อธิบายการแปลภาษาโปรแกรมคอมพวิ เตอร์

3

5. กจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้
ในการเรียนการสอนของหน่วยที่ 1 คร้งั ท่ี 1 (จานวน 3 ช่ัวโมง)
ข้นั นาเขา้ ส่บู ทเรยี น
1. ตรวจสอบรายชอ่ื ของนักเรียนท่ีเข้าเรยี น
2. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสนทนาและแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั หลกั การเขยี นโปรแกรมว่า

การเขียนโปรแกรมควรมีหลักการเขียนอยา่ งไร
3. ครแู สดงความคิดเหน็ เพิ่มเติม
4. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี น
ขนั้ สอน
1. ครบู รรยาย อธบิ าย ยกตวั อยา่ งในแตล่ ะหวั ข้อการเรยี น
2. เปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามครผู ู้สอน
3. ประเมนิ พฤตกิ รรมรายบุคคลโดยครจู ะซกั ถามในแต่ละคน
ขน้ั สรปุ
1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ สาระสาคญั
2. เปดิ โอกาสใหน้ กั เรียนซักถามข้อสงสยั
3. มอบหมายให้ไปหดั ทาและศกึ ษาเพม่ิ เตมิ
4. ทาแบบทดสอบ

6. สอ่ื การจัดการเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี นวิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบ้ืองต้น ของ บรษิ ัท วังอกั ษร จากัด
2. แบบฝกึ หัดทา้ ยบท
3. Kahoot
4. Google Classroom

7. การวัดผลและประเมนิ ผล
วธิ วี ดั ผล
1. สงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัติงาน
2. ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น/หลังเรียน
3. การสงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอัน

พึงประสงค์
เครื่องมอื วดั ผล
1. แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการปฏิบัตงิ าน

4

2. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น/หลังเรียนเรียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยครูและ
3. แบบสงั เกตคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม
นักเรียนร่วมกนั ประเมนิ
8. แหล่งการเรยี นรเู้ พ่มิ เติม
1. ห้องสมดุ วิทยาลัยการอาชีพสวา่ งแดนดนิ
2. อนิ เทอรเ์ นต็

9. กจิ กรรมเสนอแนะ (ถา้ มี)
1. นักเรียนเข้าไปคน้ ควา้ ข้อมูลเพ่มิ เติมจากห้องสมดุ จัดทาเปน็ รายงานสง่ ครู
2. ทาแบบฝกึ หัดท้ายบท

5

สปั ดาหท์ ่ี.................

บนั ทึกหลงั การสอน

รหสั วิชา..............................วชิ า.............................................................ระดับ................. ชั้นปที .ี่ ..........
แผนกวชิ า.......................................................จานวนนักเรียน......................คน มาเรยี น..................คน
ขาดเรยี น........คน มาสาย.........คน ลา.............คน สอนเมอื่ วันท่ี..........เดือน......................พ.ศ.............
หนว่ ยท.่ี ..................... ชื่อหนว่ ย.......................................................................จานวน.................ชว่ั โมง

 เนื้อหาวตั ถปุ ระสงค์และส่ือการสอน
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................ ................................
................................................................................................... .............................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

 ปัญหาทเ่ี กิดข้ึนในระหวา่ งการเรยี นการสอน
............................................................................................................................. ...................................
....................................................................................................................................................... .........
.......................................................................................................................... ......................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

 แนวทางการแกไ้ ขปญั หาของครูผูส้ อน และผลท่ีได้
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................. ...
............................................................................................................................. ...................................

ลงช่ือ............................................ครูผู้สอน ลงชื่อ................................................หัวหน้าแผนก
(นางสวุ ิมล อกั ษรกลาง) (นางสุกญั ญา ดนัยสวัสด์ิ)

วนั ท.่ี ......................................................... วนั ท่.ี ......................................................................

6

แบบทดสอบกอ่ นเรียน
รหัส 20901 - 1002 วชิ า การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบือ้ งต้น
เรือ่ งหลักการเขียนโปรแกรม จานวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที

คาสง่ั / คาช้ีแจง ใหเ้ ลือกคาตอบท่ถี ูกต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว
1. ข้อใดเปน็ ลกั ษณะของภาษาระดับสงู

ก. ทางานได้โดยไมต่ ้องมีโปรแกรมระบบ ข. มภี าษาใกลเ้ คยี งกับภาษามนุษย์

ค. เปน็ ภาษาคอมพวิ เตอร์ยุคใหม่ ง. เป็นภาษาที่ใช้กับงานข้ันสูง

2. ภาษาคอมพวิ เตอร์ภาษาใดที่ต้องใช้ตวั อนิ เทอร์พรเี ตอรเ์ ป็นตวั แปลภาษา

ก. ภาษา Basic ข. ภาษาปาสคาล

ค. ภาษาซี ง. ภาษาฟอร์แทน

3. โปรแกรมแอสเซมเบอร์คอื อะไร

ก. ตัวแปลภาษา Basic ข. ตวั แปลภาษาซี

ค. ตัวแปลภาษาแอสเซมบลี ง. ถูกทุกข้อ

4. ขอ้ ใดจัดว่าเปน็ ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ

ก. โปรแกรมฆา่ ไวรัส ข. โปรแกรม Windows

ค. โปรแกรมพิมพ์รายงาน ง. โปรแกรมภาษา

5. จดุ ประสงคข์ องตัวแปลภาษาคืออะไร

ก. ตรวจสอบการทางานของระบบ ข. ใชแ้ ปลภาษาหน่ึงเปน็ อีกภาษาหน่งึ

ค. แปลโปรแกรมต้นฉบบั ให้ทางานได้ ง. ใช้แปลคาศัพท์

6. ในการเขยี นโปรแกรมภาษาซจี ะต้องเก็บโปรแกรมตน้ ฉบับเป็นนามสกุลอะไร

ก. .OBJ ข. .BAS

ค. .C ง. .CPP

7. เม่อื ตอ้ งการพัฒนาโปรแกรมจะต้องทาส่ิงใดก่อน

ก. วเิ คราะห์ปัญหา ข. เขยี นซโู ดโคด้

ค. เขียนโปรแกรม ง. เลอื กภาษาทตี่ ้องใช้เขยี น

8. โปรแกรมดภู าพยนตรจ์ ัดว่าเปน็ โปรแกรมประเภทใด

ก. ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ ข. ซอฟตแ์ วรอ์ รรถประโยชน์

ค. ซอฟตแ์ วรส์ าเรจ็ รูป ง. ซอฟตแ์ วรภ์ าษา

7

9. การแปลภาษาคอมพิวเตอร์เปน็ รหัสภาษาเครอ่ื งที่มีการแปลทีละบรรทดั เรียกวา่ อะไร

ก. คอมไพล์เลอร์ ข. อินเทอรพ์ รีเตอร์

ค. แอสเซมเบอร์ ง. รันไทม์

10. ถา้ หากเขยี นโปรแกรมสาหรับงานคานวณ แตผ่ ลลัพธไ์ ม่ถกู ต้องตามต้องการ ข้อผดิ พลาดน้ีเรียก
อะไร

ก. bug ข. syntax error

ค. logic error ง. coding error

8

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
รหัส 20901 - 1002 วิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบือ้ งตน้
เรอื่ งหลกั การเขียนโปรแกรม จานวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที

คาสง่ั / คาชแี้ จง ให้เลือกคาตอบที่ถูกต้องทีส่ ุดเพยี งข้อเดยี ว
1. ข้อใดเป็นลักษณะของภาษาระดบั สูง

ข. มีภาษาใกล้เคียงกบั ภาษามนุษย์
2. ภาษาคอมพิวเตอรภ์ าษาใดที่ตอ้ งใชต้ วั อนิ เทอรพ์ รีเตอร์เปน็ ตวั แปลภาษา

ก. ภาษา Basic
3. โปรแกรมแอสเซมเบอร์คืออะไร

ค. ตวั แปลภาษาแอสเซมบลี
4. ขอ้ ใดจัดว่าเป็นซอฟต์แวร์ระบบ

ข. โปรแกรม Windows
5. จดุ ประสงค์ของตัวแปลภาษาคืออะไร

ข. ใช้แปลภาษาหน่ึงเปน็ อีกภาษาหนึง่
6. ในการเขียนโปรแกรมภาษาซีจะต้องเกบ็ โปรแกรมต้นฉบับเป็นนามสกุลอะไร

ค. .C
7. เมือ่ ตอ้ งการพฒั นาโปรแกรมจะต้องทาส่ิงใดก่อน

ก. วิเคราะห์ปัญหา
8. โปรแกรมดภู าพยนตรจ์ ดั ว่าเปน็ โปรแกรมประเภทใด

ค. ซอฟต์แวรส์ าเร็จรปู
9. การแปลภาษาคอมพวิ เตอรเ์ ปน็ รหสั ภาษาเครอ่ื งที่มกี ารแปลทีละบรรทดั เรียกว่าอะไร

ข. อินเทอร์พรีเตอร์
10. ถ้าหากเขยี นโปรแกรมสาหรับงานคานวณ แตผ่ ลลพั ธ์ไมถ่ ูกต้องตามตอ้ งการ ข้อผิดพลาดนี้เรียก
อะไร

ค. logic error

9

ใบความรู้ / ใบเนือ้ หา
หนว่ ยที่ 1 เรื่อง หลกั การเขยี นโปรแกรม

เทคโนโลยีและการสื่อสารในปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าย่ิงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีบทบาท
ต่อชีวิตประจาวันในการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์เป็นอย่างมาก เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ใน
การทางาน การสบื ค้นขอ้ มูลผา่ นอินเทอรเ์ นต็ มีการนาเอาอุปกรณ์ส่ือสารและคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ท้ัง
ในดา้ นการศกึ ษาและการทาธุรกิจต่าง ๆ หรือรับ – สง่ ข้อมลู ระหวา่ งกัน ตลอดจนใชโ้ ทรศัพทเ์ คล่อื นที่
ในการตดิ ตอ่ สอื่ สารองค์การทงั้ ภาครัฐและเอกชน
1.1 ข้ันตอนการทางานของคอมพิวเตอร์

เคร่อื งคอมพิวเตอรม์ ีขั้นตอนการทางาน 4 ข้นั ตอน คือ
ขั้นท่ี 1 รับข้อมูล (Input) หมายถึง การป้อนข้อมูลท่ีเป็นตัวเลข ตัวหนังสือเข้าไปใน
โปรแกรมเพื่อจะให้คอมพิวเตอร์ทาการประมวลผล โดยการป้อนข้อมูลผ่านอุปกรณ์รับข้อมูล เช่น
เมา้ ส์ คียบ์ อร์ด สแกนเนอร์ ทัชสกรนี เครอื่ งอา่ นบาร์โคด้ จอยสติก๊ ฯลฯ
ข้ันที่ 2 การประมวลผล (Process) หมายถึง การจัดระเบียบแบบแผนข้อมูล เช่น การ
คานวณ การเปรียบเทยี บ การวเิ คราะห์ การเรียงลาดับ ฯลฯ โดยในสูตรทางคณิตศาสตรห์ รือสูตรทาง
วทิ ยาศาสตรจ์ ากคาส่ังหรอื โปรแกรมท่ีเขียนขน้ึ มา เพอ่ื ให้ได้ซ่งึ ผลลัพธ์ตามทตี่ อ้ งการ
ขั้นที่ 3 การแสดงผลลพั ธ์ (Output) คือ เม่ือประมวลผลแลว้ คอมพิวเตอร์จะแสดงผลลพั ธ์
ผา่ นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าที่ในการแสดงผลข้อมูล เช่น เครอื่ งพิมพ์ ลาโพง จอภาพ เป็นต้น โดยแสดงออก
ในรปู แบบตา่ งๆ ที่ผูใ้ ช้เข้าใจและนาไปใช้ประโยชน์ได้
ขั้นท่ี 4 จัดเก็บข้อมูล (Storage) คอมพิวเตอร์จะจัดเก็บข้อมูลลงในหน่วยความจา เพื่อ
สามารถนาออกมาใชอ้ กี ครัง้ ในอนาคต การเก็บขอ้ มลู แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่

- หน่วยความจาหลัก เป็นหน่วยความจาท่ีอยู่ในคอมพิวเตอร์ แบ่งเป็น 2 ประเภท
คอื รอม (Rom : Read Only Memory) เป็นหน่วยความจาที่ใชเ้ ก็บโปรแกรมคาสั่งไว้อยา่ งถาวร เช่น
โปรแกรมในการทางานเครื่อง แม้ว่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้าข้อมูลก็จะยังคงอยู่ ข้อมูลจะเป็นข้อมูลท่ี
สามารถอ่านได้อย่างเดียว ไม่สามารถเปล่ียนแปลง แก้ไขข้อมูลได้ อีกประเภทคือ แรม (Ram :
Random Access Memory) ทาหน้าท่ีเก็บโปรแกรมและข้อมูลท่ีรับเข้ามา เพื่อท่ีจะนาข้อมูลนั้นไป
ประมวลผล โดยจะเก็บข้อมูลไว้ชั่วคราวหรือในขณะท่ีมีกระแสไฟฟ้าอยู่ แต่หากไฟฟ้าดับจาทาให้
ขอ้ มลู หรือโปรแกรมนนั้ สญู หายไป

- หน่วยความจาสารอง (Secondary Memory) เป็นหน่วยความจาที่ช่วยให้
คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นและนานขึ้น โดยอาศัยอุปรกรณ์ในการจัดเก็บข้อมูล ได้แก่
ฮารด์ ดิสก์ แฟลชไดรฟ์ ซดี ี ดีวดี ี เปน็ ต้น

10

หน่วยนาเขา้ ข้อมลู หน่วยประมวลผลกลาง หนว่ ยสง่ ออกขอ้ มลู

หน่วยความจา

รปู ท่ี 1 การทางานของคอมพวิ เตอร์

1.2 ภาษาของคอมพิวเตอร์
ภาษาของคอมพิวเตอร์ หมายถึง ภาษาทใ่ี ช้กับเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ใชส้ ่ือสารเพื่อให้เกดิ ความ

เข้าใจกันและสามารถปฏิบัติตามคาส่ังหรือโปรแกรมได้ มนุษย์จะส่ือสารกับคอมพิวเตอร์ได้จะต้อง
เข้าใจในภาษาคอมพิวเตอร์ แต่ละภาษาจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่ชัดเจน มีคาศัพท์ท่ีใช้จานวนจากัด
การส่ือสารกับคอมพิวเตอร์จะแบ่งเป็นระดับของภาษา (Level of Languages) แบ่งออกเป็นหลาย
ระดบั ดงั นี้

1.2.1 ภาษาเครื่อง (Machine Languages) เป็นภาษาท่ีมีระดับต่าท่ีสุด ในยุคแรกๆ ต้อง
เขียนด้วยภาษาซ่ึงเป็นทย่ี อมรับของเครื่องคอมพิวเตอร์ เรียกว่า “ภาษาเคร่อื ง” ภาษานป้ี ระกอบด้วย
ตวั เลขลว้ น ๆ ซงึ่ เครือ่ งจะรบั รู้และปฏบิ ตั ิตามไดท้ นั ที

1.2.2 ภาษาแอสแซมบลี (Assembly Languages) เป็นภาษาระดับต่า มีความยุ่งยากใน
การใชง้ าน เพราะจะใชส้ ญั ลักษณ์ ตัวยอ่ หรือรหสั ย่อในการเขียนโปรแกรม การเขยี นโปรแกรมจานวน
บรรทัดจะมากกวา่ ภาษาระดับสูงแต่จะให้ผลลพั ธ์การทางานของโปรแกรมเร็วกวา่ เหมาะกบั โปรแกรม
ที่ใช้เนื้อทีใ่ นหน่วยความจาไม่มาก

1.2.3 ภาษาระดับสูง (High-level Languages) ภาษาระดับสูงท่ีสร้างขึ้นเพ่ือช่วยอานวย
ความสะดวกในการเขียนโปรแกรม คาสั่งในภาษาระดับสูงจะประกอบด้วยคาศัพท์ต่าง ๆ ใน
ภาษาอังกฤษ ซึง่ สามารถส่ือความหมายเขา้ ใจงา่ ยกวา่ ภาษาแอสเซมบลี

11

1.2.4 ภาษาธรรมชาติ (Natural Languages) เปน็ ภาษาทส่ี ามารถสง่ั งานคอมพิวเตอร์โดย
ใช้ภาษามนุษย์ได้เลย รูปแบบของคาส่ังไม่แน่นอนตายตัว ผู้ใช้แต่ละคนอาจใช้ประโยคคาศัพท์ที่
แตกตา่ งกันหรอื ใชศ้ ัพทแ์ สลง

1.3 ขน้ั ตอนการพัฒนาโปรแกรม
ข้ันตอนการพัฒนาโปรแกรมประกอบด้วย

1.3.1 การวเิ คราะหป์ ญั หา ประกอบดว้ ยขัน้ ตอนต่างๆ ดังน้ี
1.3.1.1 กาหนดวัตถปุ ระสงค์ของงาน เพื่อพจิ ารณาว่าโปรแกรมตอ้ งทาการ

ประมวลผลอะไรบ้าง
1.3.1.2 พิจารณาข้อมลู นาเข้า เพ่ือให้ทราบวา่ จะต้องนาขอ้ มลู อะไรเข้าคอมพวิ เตอร์

ขอ้ มูลมีคณุ สมบัติเป็นอย่างไร ตลอดจนถงึ ลักษณะและรปู แบบของขอ้ มลู ทจ่ี ะนาเข้า
1.3.1.3 พิจารณาการประมวลผล เพื่อให้ทราบว่าโปรแกรมมีขน้ั ตอนการประมวลผล

อยา่ งไรและมเี งอื่ นไปการประมวลผลอะไรบ้าง
1.3.1.4 พจิ ารณาข้อสนเทศนาออก เพ่ือให้ทราบว่ามีข้อสนเทศอะไรที่จะแสดง

ตลอดจนรปู แบบและสอื่ ทจ่ี ะใชใ้ นการแสดงผล
1.3.2 การออกแบบโปรแกรม การออกแบบข้นั ตอนการทางานของโปรแกรมเป็นขนั้ ตอนที่ใช้

เป็นแนวทางในการลงรหัสโปรแกรม ผู้ออกแบบขั้นตอนการทางานของโปรแกรมอาจใช้เครื่องมือ
ต่างๆ ช่วยในการออกแบบ อาทิเช่น คาส่ังลาลอง (Pseudocode) หรือ ผังงาน (Flow chart) การ
ออกแบบโปรแกรมน้ันไม่ต้องพะวงกับรูปแบบคาส่ังภาษาคอมพิวเตอร์ แตใ่ ห้มุ่งความสนใจไปท่ีลาดับ
ขั้นตอนในการประมวลผลของโปรแกรมเทา่ น้นั

1.3.3 การเขยี นโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
การเขียนโปรแกรมเป็นการนาเอาผลลัพธ์ของการออกแบบโปรแกรม มาเปล่ียนเป็น
โปรแกรมภาษาคอมพวิ เตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง ผู้เขียนโปรแกรมจะต้องให้ความสนใจตอ่ รปู แบบคาส่ัง
และกฎเกณฑ์ของภาษาที่ใช้ เพ่ือให้การประมวลผลเป็นไปตามผลลัพธ์ท่ีได้ออกแบบไว้ นอกจากน้ัน
ผู้เขียนโปรแกรมควรแทรกคาอธิบายการทางานต่างๆ ลงในโปรแกรมเพื่อให้โปรแกรมน้ันมีความ
กระจา่ งชัดและงา่ ยตอ่ การตรวจสอบและ โปรแกรมนีย้ งั ใชเ้ ป็นส่วนหน่งึ ของเอกสารประกอบ
1.3.4 การทดสอบและแกไ้ ขโปรแกรม

12

การทดสอบโปรแกรมเป็นการนาโปรแกรมที่ลงรหัสแล้วเข้า คอมพิวเตอร์ เพ่ือตรวจสอบรูปแบบ
กฎเกณฑ์ของภาษา และผลการทางานของโปรแกรมน้ัน ถ้าพบว่ายังไม่ถูกก็แก้ไขให้ถูกต้องต่อไป
ขนั้ ตอนการทดสอบและแก้ไขโปรแกรม อาจแบ่งได้เป็น 3 ข้ัน

ข้ันที่ 1 สร้างแฟ้มเก็บโปรแกรมซึ่งส่วนใหญ่นิยมนาโปรแกรมเข้าผ่านทางแป้นพิมพ์
โดยใช้โปรแกรมประมวลคา

ขั้นที่ 2 ใช้ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์แปลโปรแกรมท่ีสร้างข้ึนเป็นภาษาเครื่อง โดย
ระหว่างการแปลจะมกี ารตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบและกฎเกณฑ์ในการใช้ภาษา ถ้าคาสั่งใด
มีรูปแบบไม่ถูกต้องก็จะแสดงข้อผิดพลาดออกมาเพื่อให้ผู้เขียนนาไป แก้ไขต่อไป ถ้าไม่มีข้อผิดพลาด
เราจะไดโ้ ปรแกรมภาษาเครอื่ งท่ีสามารถใหค้ อมพวิ เตอร์ประมวลผลได้

ขนั้ ที่ 3 ตรวจสอบความถกู ต้องของการประมวลผลของโปรแกรม โปรแกรมทถ่ี กู ตอ้ ง
ตามรูปแบบและกฎเกณฑ์ของภาษา แต่อาจให้ผลลัพธ์ของการประมวลผลไม่ถกู ต้องกไ็ ด้ ดงั นน้ั ผู้เขียน
โปรแกรมจาเป็นต้องตรวจสอบว่าโปรแกรมประมวลผลถูกต้องตามต้อง การหรือไม่ วิธีการหน่ึงก็คือ
สมมติข้อมูลตัวแทนจากข้อมูลจริงนาไปให้โปรแกรมประมวลผลแล้วตรวจสอบผลลัพธ์ ว่าถูกต้อง
หรือไม่ ถ้าพบว่าไม่ถูกต้องก็ต้องดาเนินการแก้ไขโปรแกรมต่อไป การสมมติข้อมูลตัวแทนเพ่ือการ
ทดสอบเป็นสิ่งที่มีความสาคัญเป็นอย่างมาก ลักษณะของข้อมูลตัวแทนที่ดีควรจะสมมติท้ังข้อมูลที่
ถูกต้องและข้อมูลที่ผิด พลาด เพ่ือทดสอบว่าโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นสามารถครอบคลุมการปฏิบัติงาน
ในเง่ือนไข ต่างๆ ได้ครบถ้วน นอกจากนี้อาจตรวจสอบการทางานของโปรแกรมด้วยการสมมติตัวเอง
เป็นคอมพิวเตอรท์ ี จะประมวลผล แล้วทาตามคาสงั่ ทีละคาสั่งของโปรแกรมน้ัน ๆ วธิ ีการนี้อาจทาได้
ยากถ้าโปรแกรมมีขนาดใหญ่ หรอื มกี ารประมวลผลทซ่ี ับซ้อน

1.3.5 การทาเอกสารประกอบโปรแกรม
การทาเอกสารประกอบโปรแกรมเป็นงานที่สาคญั ของการพัฒนา โปรแกรม เอกสารประกอบ
โปรแกรมช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมเข้าใจวัตถุประสงค์ ข้อมูลท่ีจะต้องใช้กับโปรแกรม ตลอดจนผลลัพธ์ที่
จะได้จากโปรแกรม การทาโปรแกรมทุกโปรแกรมจึงควรต้องทาเอกสารกากับ เพื่อใช้สาหรับการ
อ้างอิงเมื่อจะใช้งานโปรแกรมและเมื่อต้องการแก้ไขปรับปรุง โปรแกรม เอกสารประกอบโปรแกรมที่
จดั ทา ควรประกอบด้วยหวั ข้อต่อไปน้ี

 วตั ถุประสงค์

 ประเภทและชนดิ ของคอมพวิ เตอร์และอุปกรณท์ ่ใี ช้ในโปรแกรม

 วิธีการใชโ้ ปรแกรม

13

 แนวคดิ เก่ียวกับการออกแบบโปรแกรม

 รายละเอยี ดโปรแกรม

 ข้อมลู ตัวแทนทใ่ี ชท้ ดสอบ

 ผลลพั ธ์ของการทดสอบ
1.3.6 การบารุงรักษาโปรแกรม
เมื่อโปรแกรมผ่านการตรวจสอบตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว และถูกนามาให้ผู้ใช้ได้ใช้งาน
ในช่วงแรกผู้ใช้อาจจะยังไม่คุ้นเคยก็อาจทาให้เกิดปัญหาข้ึนมาบ้าง ดังนั้นจึงต้องมีผู้คอยควบคุมดูแล
และคอยตรวจสอบการทางาน การบารุงรักษาโปรแกรมจึงเป็นข้ันตอนท่ีผู้เขียนโปรแกรมต้องคอย
เฝ้าดูและหา ข้อผิดพลาดของโปรแกรมในระหว่างท่ีผู้ใช้ใช้งานโปรแกรม และปรับปรุงโปรแกรมเมื่อ
เกิดข้อผิดพลาดขึ้น หรือในการใช้งานโปรแกรมไปนาน ๆ ผู้ใช้อาจต้องการเปล่ียนแปลงการทางาน
ของระบบงานเดมิ เพ่อื ใหเ้ หมาะกับ เหตกุ ารณ์ นกั เขยี นโปรแกรมก็จะต้องคอยปรับปรงุ แก้ไขโปรแกรม
ตามความตอ้ งการของผ้ใู ช้ที่ เปล่ียนแปลงไปนัน่ เอง
1.4 การแปลภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์
การแปลภาษาของคอมพิวเตอร์มกี ารแปลภาษาหลายลักษณะ สามารถแบ่งตวั แปลภาษาตาม
ลกั ษณะการแปลได้ 3 แบบ คือ
1.4.1 แอสเซมเบลอ (Assembler) เป็นตัวแปลภาษาแอสแซมบลี ซ่ึงเป็นการแปล
ภาษาระดบั ตา่ ใหเ้ ปน็ ภาษาเคร่อื ง
1.4.2 อินเทอพรเี ตอร์ (Interpreter) เปน็ ตวั แปลภาษาระดับสูง เปน็ การแปลภาษาระดับสูง
ให้เป็นภาษาเครื่อง โดยใช้หลักการแปลทีละประโยคหรือคาส่ัง หากเจอท่ีผิดในตัวโปรแกรม ตัว
แปลภาษาจะยุติการแปลภาษาและจะแสดงตาแหน่งข้อผิดพลาดเพ่ือผู้เขียนโปรแกรมแก้ไขให้
เรยี บรอ้ ย เม่ือผู้เขยี นโปรแกรมแกไ้ ขเสร็จแล้ว ผเู้ ขยี นโปรแกรมต้องนาโปรแกรมมาทาการแปลภาษา
อีกคร้งั จนกว่าจะไม่พบทผ่ี ดิ
1.4.3 คอมไพเลอร์ (Compiler) เป็นตัวแปลภาษาระดับสูง เป็นการแปลภาษาระดับสูงให้
เป็นภาษาเคร่ือง โดยทาการแปลโปรแกรมทั้งโปรแกรม และแสดงรายการข้อผิดพลาดท่ีเกิดขึ้น
ท้ังหมด เพ่ือให้ผู้เขียนโปรแกรมดาเนินการแก้ไขโปรแกรมให้เรียบร้อย เม่ือผู้เขียนโปรแกรมแก้ไข
เสร็จแล้ว ผ้เู ขียนโปรแกรมตอ้ งนาโปรแกรมมาทาการแปลภาษาอีกคร้งั จนกวา่ จะไม่พบทีผ่ ิด

14

แบบทดสอบหลังเรียน
รหัส 20901 - 1002 วิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบอื้ งตน้
เรอ่ื ง หลกั การเขียนโปรแกรม จานวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที

คาส่งั / คาชแี้ จง ให้เลือกคาตอบทถี่ กู ต้องทส่ี ุดเพียงข้อเดยี ว
1. ขอ้ ใดเป็นลักษณะของภาษาระดับสูง

ก. ทางานไดโ้ ดยไมต่ ้องมโี ปรแกรมระบบ ข. เป็นภาษาคอมพวิ เตอร์ยคุ ใหม่

ค. มีภาษาใกล้เคียงกบั ภาษามนุษย์ ง. เป็นภาษาท่ีใชก้ บั งานข้นั สงู

2. ขอ้ ใดจดั วา่ เป็นซอฟตแ์ วรร์ ะบบ

ก. โปรแกรมฆ่าไวรสั ข. โปรแกรม Windows

ค. โปรแกรมพิมพร์ ายงาน ง. โปรแกรมภาษา

3. โปรแกรมแอสเซมเบอร์คอื อะไร

ก. ตวั แปลภาษา Basic ข. ตวั แปลภาษาซี

ค. ตัวแปลภาษาแอสเซมบลี ง. ถกู ทุกข้อ

4. จดุ ประสงคข์ องตัวแปลภาษาคืออะไร

ก. ตรวจสอบการทางานของระบบ ข. ใช้แปลภาษาหน่งึ เป็นอีกภาษาหน่งึ

ค. แปลโปรแกรมต้นฉบบั ให้ทางานได้ ง. ใชแ้ ปลคาศัพท์

5. ภาษาคอมพวิ เตอร์ภาษาใดทตี่ อ้ งใช้ตัวอนิ เทอร์พรีเตอรเ์ ปน็ ตวั แปลภาษา

ก. ภาษา Basic ข. ภาษาปาสคาล

ค. ภาษาซี ง. ภาษาฟอร์แทน

6. ในการเขยี นโปรแกรมภาษาซีจะต้องเกบ็ โปรแกรมตน้ ฉบับเปน็ นามสกุลอะไร

ก. .OBJ ข. .BAS

ค. .C ง. .CPP

7. เมอ่ื ต้องการพัฒนาโปรแกรมจะต้องทาส่งิ ใดก่อน

ก. วเิ คราะหป์ ญั หา ข. เขยี นซโู ดโค้ด

ค. เขียนโปรแกรม ง. เลือกภาษาทตี่ ้องใชเ้ ขียน

8. โปรแกรมดภู าพยนตร์จัดว่าเปน็ โปรแกรมประเภทใด

ก. ซอฟต์แวรร์ ะบบ ข. ซอฟต์แวรอ์ รรถประโยชน์

ค. ซอฟต์แวร์สาเร็จรปู ง. ซอฟตแ์ วร์ภาษา

15

9. การแปลภาษาคอมพิวเตอรเ์ ปน็ รหัสภาษาเคร่อื งท่ีมกี ารแปลทลี ะบรรทัดเรียกว่าอะไร

ก. คอมไพลเ์ ลอร์ ข. อนิ เทอร์พรีเตอร์

ค. แอสเซมเบอร์ ง. รันไทม์

10. ถ้าหากเขียนโปรแกรมสาหรบั งานคานวณ แตผ่ ลลพั ธ์ไม่ถูกต้องตามต้องการ ข้อผิดพลาดน้ีเรยี กวา่

อะไร

ก. bug ข. syntax error

ค. logic error ง. coding error

16

เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น
รหสั 20901 - 1002 วิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบอื้ งต้น
เรอื่ ง หลักการเขยี นโปรแกรม จานวน 10 ข้อ เวลา 20 นาที

คาสง่ั / คาชีแ้ จง ให้เลอื กคาตอบทีถ่ กู ต้องทสี่ ดุ เพยี งข้อเดียว
1. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะของภาษาระดับสูง

ค. มภี าษาใกลเ้ คยี งกบั ภาษามนษุ ย์
2. ขอ้ ใดจดั วา่ เป็นซอฟตแ์ วรร์ ะบบ

ข. โปรแกรม Windows
3. โปรแกรมแอสเซมเบอร์คืออะไร

ค. ตวั แปลภาษาแอสเซมบลี
4. จุดประสงค์ของตวั แปลภาษาคืออะไร

ข. ใชแ้ ปลภาษาหนึง่ เป็นอีกภาษาหน่งึ
5. ภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดที่ตอ้ งใช้ตวั อินเทอรพ์ รเี ตอร์เป็นตวั แปลภาษา

ก. ภาษา Basic
6. ในการเขียนโปรแกรมภาษาซีจะต้องเก็บโปรแกรมต้นฉบับเปน็ นามสกลุ อะไร

ค. C
7. เมอ่ื ตอ้ งการพัฒนาโปรแกรมจะต้องทาส่ิงใดก่อน

ก. วเิ คราะหป์ ัญหา
8. โปรแกรมดภู าพยนตร์จัดว่าเปน็ โปรแกรมประเภทใด

ค. ซอฟต์แวร์สาเรจ็ รูป
9. การแปลภาษาคอมพิวเตอร์เปน็ รหัสภาษาเครื่องท่มี ีการแปลทลี ะบรรทัดเรยี กวา่ อะไร

ข. อินเทอร์พรเี ตอร์
10. ถา้ หากเขียนโปรแกรมสาหรบั งานคานวณ แตผ่ ลลพั ธไ์ มถ่ ูกต้องตามต้องการ ข้อผดิ พลาดนเี้ รียกว่า
อะไร

ค. logic error

17

แผนการจดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 2
รหสั วิชา 20901 - 1002 ชือ่ วิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บ้ืองตน้
ช่ือหน่วย การวิเคราะห์งาน จานวน 3 ช่ัวโมง
รายการหวั ข้อการเรียนรู้
1. การวิเคราะห์งาน
2. หลักเกณฑ์ในการวิเคราะห์งาน
3. ตัวแปร

หัวข้อการเรียนรู้ จดุ ประสงคก์ ารสอนหรือจดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม

1. การวเิ คราะห์งาน 1. บอกความหมายของการวเิ คราะห์งานได้
2. หลกั เกณฑ์ในการวเิ คราะห์งาน 2. อธบิ ายหลกั เกณฑ์ในการวิเคราะหง์ าน
3. ตวั แปร 3. ตัง้ ชื่อตวั แปรได้อย่างถูกต้อง

วธิ กี ารสอน : บรรยายและสาธิต

สอ่ื การสอน :
1. หนังสือเรียนวชิ า การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องตน้ ของ บริษัท วังอกั ษร จากดั
2. แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้ กอ่ นเรียน พร้อมเฉลย
3. Kahoot
4. Google Classroom

การประเมนิ :
1. เกณฑ์ผ่านการสงั เกตพฤติกรรมการปฏิบตั ิงานรายบุคคล ต้องไม่มชี ่องปรบั ปรงุ
2. แบบประเมินผลการเรียนรกู้ ่อนเรยี นไม่มเี กณฑ์ผา่ น เก็บคะแนนไวเ้ ปรียบเทยี บกบั คะแนนที่

ไดจ้ ากการทดสอบหลังเรียน
3. แบบสงั เกตคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คะแนนขึน้ อยู่กับ

การประเมินตามสภาพจริง

18

แผนการจดั การเรยี นรู้

ชอ่ื วิชา การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบอื้ งตน้ รหสั วชิ า 20901 - 1002 สอนครัง้ ท่ี 2

หน่วยท่ี 2 ชือ่ หน่วย การวิเคราะห์งาน จานวน 3 ชม.

1. หัวข้อการเรียนรู้
1. การวิเคราะหง์ าน
2. หลกั เกณฑ์ในการวิเคราะห์งาน
3. ตัวแปร

2. สาระสาคญั
การวิเคราะห์งาน เป็นข้ันตอนท่ี 1 ของวงจรการออกแบบและพัฒนาโปรแกรม นับว่าเป็น

ขั้นตอนแรกที่สาคัญที่สุดในการเตรียมเพ่ือเขียนโปรแกรม เป็นการพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่ได้จาก
โปรแกรม รูปแบบของผลลัพธ์ ข้อมูลท่ีต้องจัดเตรียม วิธีการขั้นตอนการเรียงลาดับคาส่ังภายใน
โปรแกรม และรวมถงึ ความเป็นไปได้ในทางเทคนิคท่ีจะใหค้ อมพิวเตอรท์ างานตามที่กาหนด
3. สมรรถนะประจาหน่วย

แสดงความรู้เก่ยี วกบั การวเิ คราะห์งาน หลักเกณฑ์ในการวิเคราะหง์ าน ตวั แปร ชนดิ ตวั แปร
การต้งั ชอื่ ตวั แปร การใชค้ าสงวน และวเิ คราะห์งานจากตวั อยา่ งการวเิ คราะห์งานได้
4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

4.1 จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป
1. รู้การวเิ คราะห์งาน
2. เข้าใจหลักเกณฑ์ในการวิเคราะห์งาน
3. ใช้งานตัวแปร

4.2 จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
1. บอกความหมายของการวเิ คราะห์งานได้
2. อธิบายหลักเกณฑใ์ นการวเิ คราะหง์ าน
3. ตัง้ ชอื่ ตวั แปรได้อยา่ งถูกต้อง

5. กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้
ในการเรียนการสอนของหน่วยท่ี 2 ครงั้ ท่ี 2 (จานวน 3 ชั่วโมง)
ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรียน
1. ตรวจสอบรายชือ่ ของนักเรียนที่เข้าเรยี น
2. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สนทนาและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั หลักการเขยี นโปรแกรมวา่

การเขียนโปรแกรมควรมหี ลกั การเขยี นอยา่ งไร
3. ครูแสดงความคิดเหน็ เพ่ิมเติม

19

ขน้ั สอน
1. ครบู รรยาย อธบิ าย ยกตัวอยา่ งในแตล่ ะหวั ข้อการเรยี น
2. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามครผู สู้ อน
3. ประเมนิ พฤติกรรมรายบคุ คลโดยครจู ะซักถามในแต่ละคน
ขั้นสรุป
1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรปุ สาระสาคญั
2. เปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามข้อสงสัย
3. มอบหมายให้ไปหัดทาและศกึ ษาเพมิ่ เติม
4. ทาแบบทดสอบหลังเรยี นและเฉลยแบบทดสอบ

6. ส่อื การจดั การเรยี นรู้
1. หนงั สือเรียนวชิ า การเขยี นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น ของ บริษัท วงั อักษร จากัด

2. แบบประเมินผลการเรยี นรู้ ก่อนเรยี น พร้อมเฉลย

3. Kahoot

4. Google Classroom
7. การวดั ผลและประเมนิ ผล

วธิ วี ดั ผล
1. ผเู้ รยี นปฏบิ ัติภาระงานทมี่ อบหมายเสรจ็ ทันเวลาที่กาหนด
2. การสงั เกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั
พงึ ประสงค์
เครื่องมอื วดั ผล
1. แบบประเมินผลการเรียนรู้ หลงั เรยี นประเภทเขยี นบรรยาย
2. แบบสังเกตคุณธรรม จริยธรรม คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ โดยครูและ
นกั เรียนร่วมกนั ประเมนิ
8. แหลง่ การเรยี นรู้เพิม่ เติม
1. หอ้ งสมุดวทิ ยาลัยการอาชีพสว่างแดนดิน
2. อนิ เทอรเ์ น็ต

20

สปั ดาหท์ ่ี.................

บันทึกหลงั การสอน

รหสั วิชา..............................วชิ า.............................................................ระดับ................. ช้ันปีที.่ ..........
แผนกวชิ า.........................................จานวนนักเรยี น............คน มาเรยี น...........คน ขาดเรียน..........คน
มาสาย................คน ลา.............คน สอนเม่ือวนั ที่................เดือน..................................พ.ศ.................
หนว่ ยท.ี่ ..................... ชอื่ หนว่ ย.......................................................................จานวน.................ชวั่ โมง

 เนือ้ หาวัตถปุ ระสงค์และสื่อการสอน
................................................................................................................................................. ...............
.................................................................................................................... ............................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................

 ปญั หาท่ีเกิดขนึ้ ในระหว่างการเรียนการสอน
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................

 แนวทางการแก้ไขปัญหาของครผู ู้สอน และผลที่ได้
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
.............................................................................................. ..................................................................
............................................................................................................................. ...................................

ลงชื่อ............................................ครูผูส้ อน ลงชอื่ ................................................หัวหน้าแผนก
(นางสุวมิ ล อกั ษรกลาง) (นางสกุ ัญญา ดนัยสวัสด์)ิ

วันท่.ี ......................................................... วันที่...........................................................

21

แบบทดสอบกอ่ นเรียน
วชิ า การเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบื้องตน้

เร่ือง การวเิ คราะห์งาน

คาส่งั / คาชแ้ี จง ให้เลือกคาตอบที่ถูกต้องท่ีสดุ เพยี งข้อเดยี ว
1. ขอ้ ใดคือความหมายของการวเิ คราะห์งาน

ก. การศึกษาผลลพั ธ์ ชนดิ ตวั แปร รวมไปถึงขัน้ ตอนการประมวล
ข. การศกึ ษาผลลัพธ์ ข้อมูลนาเขา้ รวมไปถึงขัน้ ตอนการประมวล
ค. การศกึ ษาข้อมูลนาเขา้ การต้ังช่อื ตวั แปร รวมไปถึงขั้นตอนการประมวล
ง. การศกึ ษาผลลัพธ์ ข้อมลู นาเข้า ตวั แปร
2. ข้อใดใช้อธิบายข้นั ตอนการทางานของโปรแกรมได้
ก. ซูโดโค้ด
ข. ผังงาน
ค. อดิ เิ ตอร์
ง. ถกู ทง้ั ก. และ ข.
3. ข้อใดไม่ได้อยูใ่ นหลักเกณฑ์ท่ีตอ้ งดาเนนิ การวิเคราะหป์ ัญหา
ก. รูปแบบผลลัพธ์
ข. ข้อมลู นาเขา้
ค. ข้อมูลนาออก
ง. ตวั แปรที่ใช้
4. ขอ้ ใดเรียงลาดับข้ันตอนการวิเคราะหป์ ัญหาไดถ้ ูกต้อง
ก. ส่งิ ท่ีต้องการ รูปแบบผลลพั ธ์ ข้อมูลนาเข้า ตัวแปรทใี่ ช้ วิธีการประมวลผล
ข. สิ่งท่ีตอ้ งการ ข้อมลู นาเขา้ รูปแบบผลลพั ธ์ ตวั แปรท่ใี ช้ วธิ กี ารประมวลผล
ค. สง่ิ ทตี่ อ้ งการ ตวั แปรท่ใี ช้ วธิ กี ารประมวลผล รูปแบบผลลพั ธ์ ขอ้ มูลนาเข้า
ง. รูปแบบผลลัพธ์ สิ่งท่ีต้องการ ตัวแปรทีใ่ ช้ ข้อมลู นาเข้า วิธกี ารประมวลผล
5. ข้อใดบอกความหมายของตวั แปรไดถ้ ูกต้อง
ก. ชื่อทีต่ ง้ั ขึน้ มาเพื่อเกบ็ คา่ หรือข้อมลู ไวใ้ นหนว่ ยความจาแฟลช ข้อมูลหรือคา่ ท่ีถูกเก็บ
สามารถนาใชง้ านได้ภายหลงั
ข. ช่อื ทตี่ ั้งขน้ึ มาเพ่ือเก็บคา่ หรือข้อมลู ไว้ในหน่วยความจา ข้อมลู หรือคา่ ทีถ่ ูกเก็บสามารถ
นามาใช้งานได้ภายหลัง
ค. ช่ือทีต่ ง้ั ขึน้ มาเพื่อเก็บค่าหรือข้อมูลไว้ในหน่วยความจา ขอ้ มูลหรือค่าที่ถูกเกบ็ ไม่สามารถ
นามาใช้งานได้

22

ง. ชอ่ื ท่ีต้งั ข้นึ มาเพ่ือเกบ็ ค่าหรือข้อมลู ไวใ้ นหน่วยความจาแฟลช ขอ้ มลู หรือคา่ ท่ีถกู เกบ็ ไม่
สามารถนามาใช้งานได้ภายหลงั
6. การเขียน Flowchart มีความหมายตรงกับข้อใด

ก. การดาเนนิ การแกป้ ญั หาโดยคาพดู
ข. การใช้รปู ภาพหรอื สญั ลักษณท์ ใี่ ชเ้ ขยี นแทนคาอธบิ าย
ค. การแสดงการทางานของคอมพวิ เตอร์
ง. การเลือกเครอ่ื งมอื และออกแบบข้นั ตอนวธิ กี ารแกป้ ัญหา
7. ข้อใดไม่อยใู่ นหลักการตัง้ ชื่อตวั แปร
ก. ต้องขึน้ ตน้ ด้วยอักษร a-z,A-Z หรือเคร่ืองหมาย _เทา่ นั้น
ข. ตัวอกั ษรเล็กและใหญ่มคี วามหมายเหมือนกัน
ค. หา้ มตัง้ ช่อื ซา้ กับคาสงวน
ง. ภายในชื่อห้ามเว้นช่องวา่ ง
8. คาในข้อใดเป็นคาสงวน
ก. break
ข. switch
ค. static
ง. ทกุ ขอ้ เป็นคาสงวน
9. ขอ้ ใดตงั้ ชื่อตัวแปรผดิ
ก. _good
ข. num1
ค. room
ง. 108dots
10. ข้อใดคือการจาลองขนั้ ตอนวธิ กี ารแก้ปัญหาในรูปของคาบรรยาย
ก. Psuedocode
ข. Flowchart
ค. Algorithm
ง. Refinement

23

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น
วชิ า การเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบื้องตน้

เรื่อง การวเิ คราะหง์ าน

คาสั่ง / คาชีแ้ จง ให้เลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่ีสุดเพยี งข้อเดยี ว
1. ขอ้ ใดคือความหมายของการวเิ คราะหง์ าน

ข. การศกึ ษาผลลพั ธ์ ขอ้ มูลนาเข้า รวมไปถึงข้นั ตอนการประมวล
2. ข้อใดใช้อธิบายข้ันตอนการทางานของโปรแกรมได้

ง. ถกู ทัง้ ก. และ ข.
3. ขอ้ ใดไม่ไดอ้ ย่ใู นหลกั เกณฑ์ทต่ี ้องดาเนนิ การวเิ คราะหป์ ัญหา

ค. ข้อมูลนาออก
4. ข้อใดเรยี งลาดบั ขั้นตอนการวเิ คราะห์ปัญหาไดถ้ ูกตอ้ ง

ก. ส่ิงท่ตี ้องการ รปู แบบผลลัพธ์ ข้อมลู นาเขา้ ตัวแปรทใ่ี ช้ วิธีการประมวลผล
5. ข้อใดบอกความหมายของตัวแปรไดถ้ ูกต้อง

ข. ช่ือที่ตัง้ ขึน้ มาเพื่อเก็บคา่ หรือข้อมูลไว้ในหนว่ ยความจา ข้อมูลหรอื คา่ ที่ถูกเก็บสามารถ
นามาใช้งานไดภ้ ายหลงั
6. การเขยี น Flowchart มคี วามหมายตรงกับขอ้ ใด

ข. การใช้รปู ภาพหรือสัญลักษณท์ ี่ใชเ้ ขยี นแทนคาอธบิ าย
7. ขอ้ ใดไม่อยใู่ นหลักการตงั้ ช่ือตวั แปร

ข. ตัวอักษรเลก็ และใหญ่มีความหมายเหมือนกนั
8. คาในขอ้ ใดเป็นคาสงวน

ง. ทกุ ขอ้ เป็นคาสงวน
9. ข้อใดต้งั ชื่อตัวแปรผดิ

ง. 108dots
10. ข้อใดคือการจาลองขน้ั ตอนวิธกี ารแกป้ ญั หาในรปู ของคาบรรยาย

ค. Algorithm

24

ใบความรู้ / ใบเนอื้ หา
หนว่ ยท่ี 2 เรือ่ ง การวิเคราะหง์ าน

2.1 การวิเคราะห์งาน
การวิเคราะห์งาน หมายถึง การวิเคราะห์งานเป็นการศึกษาผลลัพธ์ (Output) ข้อมูลนาเข้า

(Input) วิธีการประมวลผล (Process) ขั้นตอนท่ีสาคัญของการเขียนโปรแกรมเป็นการวิเคราะห์ถึง
ลักษณะของงาน รายละเอียดของปัญหาท่ีเกิดข้ึน ซ่ึงจะทาให้สามารถวางรูปแบบของข้อมูลนาเข้า
ผลลัพธท์ ี่จะเกดิ ข้นึ ได้ตรงตามความต้องการและสามารถแกป้ ญั หาได้อย่างถกู ต้อง
2.2 หลักเกณฑใ์ นการวิเคราะห์งาน

2.2.1 วิเคราะหส์ ง่ิ ที่โจทย์ต้องการ เปน็ การพจิ ารณาถงึ งานท่ตี ้องการใหค้ อมพวิ เตอร์ทา เช่น
ต้องการใหค้ านวณคะแนนเกรดเฉลี่ยตอ้ งการให้พิมพร์ ายงานยอดขายประจาเดือน ตอ้ งการให้คานวณ
จ้างสิทธิ แต่ละชนิดอาจต้องการให้คอมพิวเตอร์แสดงผลลัพธ์มากกว่า 1 อย่าง ซ่ึงควรจะเขียนไว้เป็น
ข้อ ๆ ใหช้ ัดเจนโดยอ่านโจทยห์ รือคาส่ังและขดี เส้นใตป้ ระโยคทีเ่ ป็นคาสงั่

2.2.2 รูปแบบผลลัพธ์ เป็นการวิเคราะห์ถึงลักษณะของรูปแบบของผลลัพธ์หรือรายงานที่
ต้องการให้คอมพิวเตอร์แสดงออกมาว่าควรจะมีลักษณะอย่างไร มีรายละเอียดอะไรบ้างท่ีต้องการใน
รายงาน โจทย์บางอย่างอาจจะกาหนดลกั ษณะ รายละเอียดของผลลัพธ์ที่ต้องการมาให้ชัดเจน แต่ถ้า
ไม่มีการกาหนดูผลลัพธ์มาให้ก็ต้องเป็นหน้าท่ีของผู้เขียนโปรแกรมจะต้องกาหนดรูปแบบเอาเองว่า
ผลลัพธ์ท่ีจะให้คอมพิวเตอร์ทางานนั้นจะเป็นอย่างไรโดยต้องมีรายละเอียดให้ครบถ้วน เพราะการ
วเิ คราะหผ์ ลลพั ธ์ได้ดีนน้ั จะทาให้เราทราบจุด
ประสงคท์ ตี่ อ้ งการให้เครื่องทาและจะไดห้ าวิธีไปส่จู ดุ หมายนัน้ ได้ ซ่งึ เปน็ การกาหนดขอบเขตของงาน
ทีเ่ ราจะทานั่นเอง ในการวิเคราะห์ผลลัพธอ์ าจจะวางรูปแบบออกมาอยา่ งคราว ๆ

2.2.3 ข้อมูลนาเข้า เป็นขั้นตอนท่ีต่อเน่ืองมาจากการวิเคราะห์รูปแบบผลลัพธ์ คือ หลังจาก
ท่ีได้ลักษณะของผลลัพธ์ที่ต้องการแล้ว ก็มาพิจารณาว่าถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ดังกล่าว ข้อมูลที่ต้องการ
เข้าใหค้ อมพวิ เตอรท์ างาน ควรจะมีรปู แบบอย่างไรเพ่ือทีจ่ ะให้ได้ผลลัพธท์ ตี่ อ้ งการ การพิจารณาข้อมูล
นาเขา้ น้ันนอกจากจะดผู ลลพั ธแ์ ล้ว อาจจะตอ้ งนกึ ถึงขัน้ ตอนในการประมวลผลด้วย

2.2.4 ตัวแปรท่ใี ช้ เป็นการกาหนดช่ือแทนความหมายของข้อมูลต่าง ๆเพื่อความสะดวกใน
การอ้างถึงข้ันมูลนั้น และรวมถึงการเขียนโปรแกรมด้วย การตั้งช่ือโปรแกรมท่ีใช้งานหรือปัญหาใด ๆ
ควรจะต้องให้มีความหมาย และเก่ียวข้องกับข้อมูล ถ้าเป็นไปได้ก็ควรอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของ
ภาษาคอมพิวเตอร์ท่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม โดยทั่ว ๆ ไป การต้ังชื่อตัวแปรจะพิจารณาความหมาย

25

ของข้อมูลว่าตรงกับคาใดในภาษาอังกฤษแล้ว นามาดัดแปลงหรือย่อได้ ให้เข้ากับหลักเกณฑ์ของ
คอมพิวเตอรน์ ัน้ ๆ

2.2.5 ขั้นตอนการประมวลผล เป็นการบอกขั้นตอนของวิธีการ หรือการคานวณเพื่อให้ได้
ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โดยเร่ิมตั้งแต่การส่ังให้เครื่องรับข้อมูลแล้วนาไปประมวลผลและแสดงผล
ออกมา ขั้นตอนนี้จะแสดงการทางานที่ต่อเน่ืองตามลาดับ จะต้องจัดลาดับก่อนหลังให้ถูกต้อง ใน
ข้ันตอนของวิธีการน้ีถา้ ยง่ิ กระทาใหล้ ะเอียดก็ชว่ ยให้การเขียนโปรแกรมงา่ ยยิ่งข้นึ

2.3 ตวั แปร (Variable)

ตัวแปร (Variable) คือ ชื่อที่ตั้งข้ึนมาเพื่อสาหรับเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจา มีไว้เพ่ือเก็บ
ค่าหรือข้อมูล ข้อมูลหรือค่าท่ีถูกเก็บสามารถนามาใช้งานได้ภายหลัง เช่น นามาคานวณ นามา
แสดงผลทางจอภาพ เชน่ โปรแกรมเกมส์ มีการเกบ็ คะแนน คะแนนจะต้องถกู เพ่ิมข้ึนสะสมไปเร่อื ย ๆ
คะแนนนี้จะต้องถูกเก็บไว้ในตัวแปร ตัวแปรจะถูกสร้างหรือประกาศขึ้นมาในโปรแกรมเพื่อท่ีจะ
สามารถใช้ตวั แปรได้ วธิ ีการสร้างหรอื ประกาศตวั แปร มรี ูปแบบดังนี้

รูปแบบ :

ชนิดตัวแปร ช่ือตัวแปร ;
ชนิดตัวแปร ชื่อตวั แปร 1 , ชื่อตัวแปร 2 ,...,ชอ่ื ตัวแปร n;

26

แบบฝกึ หดั ท้ายบท
เรือ่ ง การวิเคราะหง์ าน

คาส่งั /คาชี้แจง จงอธบิ าย
1. จงบอกข้นั ตอนการวิเคราะหง์ าน มกี ขี่ ้ันตอน อะไรบ้าง
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
2. จงบอกหลกั เกณฑ์ในการตั้งชอื่ ตวั แปร
....................................................................................................................................................... .........
.......................................................................................................................... ......................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................... ......................................................................
3. ตวั แปรมคี วามหมายวา่ อย่างไร อธบิ ายและยกตัวอยา่ งวิธีการประกาศตัวแปร
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................ ................................................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................................................. ...
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................

27

แผนการจัดการเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 3

รหัสวิชา 20901 - 1002 ช่ือวิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรเ์ บื้องตน้

ช่อื หน่วย การวเิ คราะหง์ าน จานวน 3 ชั่วโมง

รายการหวั ข้อการเรยี นรู้
1. ชนิดตวั แปร
2. การตัง้ ชือ่ ตวั แปร
3. คาสงวน
4. ตัวอย่างการวเิ คราะห์งาน

หัวข้อการเรยี นรู้ จดุ ประสงค์การสอนหรือจุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1. ชนดิ ตวั แปร
1. กาหนดชนิดตัวแปรได้อย่างเหมาะสมกบั ข้อมูล
2. การตงั้ ชื่อตัวแปร การใชง้ าน
3. คาสงวน 2. วิเคราะห์งานได้อยา่ งเปน็ ระบบ
3. บอกคาสงวนได้

วิธีการสอน : บรรยายและสาธติ

สอื่ การสอน :
1. หนงั สอื เรียนวิชา การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เบื้องตน้ ของ บรษิ ัท วังอกั ษร จากัด
2. แบบประเมินผลการเรยี นรู้หลงั เรียน พรอ้ มเฉลย
3. Kahoot
4. Google Classroom

การประเมนิ :
1. เกณฑผ์ า่ นการสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั ิงานรายบุคคล ตอ้ งไมม่ ชี ่องปรับปรงุ
2. แบบประเมนิ ผลการเรียนรูก้ ่อนเรียนไมม่ เี กณฑ์ผ่าน เกบ็ คะแนนไวเ้ ปรยี บเทียบกับคะแนนที่

ได้จากการทดสอบหลังเรยี น
3. แบบสังเกตคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คะแนนขึ้นอยกู่ ับ

การประเมนิ ตามสภาพจรงิ


Click to View FlipBook Version