๙๔
ช้ัน ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง
- การนำเสนอข้อมูลทำได้หลายลักษณะตาม ความ
เหมาะสม เช่น การบอกเล่า เอกสารรายงาน
โปสเตอร์ โปรแกรมนำเสนอ
- การใช้ซอฟต์แวร์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
เช่น การสำรวจเมนูอาหารกลางวันโดยใช้ซอฟต์แวร์
สร้างแบบสอบถามและเก็บข้อมูล ใช้ซอฟต์แวร์
ตารางทำงานเพื่อประมวลผลข้อมูล รวบรวมข้อมูล
เกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการและสร้างรายการ
อาหารสำหรับ ๕ วัน ใช้ซอฟต์แวร์นำเสนอผลการ
สำรวจ รายการอาหารที่เป็นทางเลือก และข้อมูล
ดา้ นโภชนาการ
ว ๔.๒ ป.๔/๕ ใช้เทคโนโลยี - การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจ
สารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจ สิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น เช่น
สิทธิและหน้าที่ของตน เคารพใน ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งให้ผู้อื่น ไม่สร้าง ความ
สิทธิของผู้อื่น แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมือ่ เดอื ดร้อนตอ่ ผอู้ ่ืนโดยการสง่ สแปม ข้อความลกู โซ่ ส่ง
พ บข้อมูล หร ือบุคคลที่ไม่ ต่อโพสต์ทีม่ ีข้อมลู สว่ นตวั ของผู้อืน่ สง่ คำเชญิ เล่นเกม
เหมาะสม ไมเ่ ข้าถึงข้อมูลสว่ นตัวหรอื การบ้านของบุคคลอื่นโดย
ไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์/ ชื่อบัญชี
ของผู้อื่น
- การสอื่ สารอยา่ งมมี ารยาทและรกู้ าลเทศะ
- การปกป้องข้อมูลส่วนตัว เช่น การออกจากระบบ
เมอื่ เลกิ ใชง้ าน ไมบ่ อกรหัสผ่าน ไม่บอกเลขประจำตัว
ประชำชน
๙๕
คำอธิบายรายวิชา
กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๔
ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔ รหสั วชิ า ว๑๔๑๐๑ เวลา ๑๒๐ ชั่วโมง / ปี
ศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดกลุ่มสิ่งมีชีวต การจำแนกพืชเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอก
การจำแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์ที่มี
กระดูกสันหลัง หน้าที่ของส่วนต่างๆของพืช ผลของแรงโน้มถ่วงของโลก การใช้เครื่องชั่งสปริงวัด
น้ำหนักของวัตถุ มวลของวัตถุที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ การจำแนกวัตถุเป็น
ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และตัวกลางทึบแสง สมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพ
ยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟ้าของวัสดุ การนำสมบัติทางกายภาพของวัสดุใน
ชีวิตประจำวัน สมบัติของสสารทั้ง ๓ สถานะ จากข้อมูลที่ได้จากการสังเกต มวล การต้องการที่อยู่
รูปรา่ งและปริมาตรของสสาร รวมท้งั การใชเ้ คร่อื งมือเพื่อวดั มวลและปรมิ าตรของสสารทั้ง ๓ สถานะ
สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และคาบการโคจรของดาวเคราะห์ต่างๆ จาก
แบบจำลอง แบบรูปเส้นทางการขึ้นและตกของดวงจันทร์ สร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบรูปการ
เปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ และพยากรณ์รูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ ศึกษาและฝึก
ทักษะเก่ียวกับการใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา ขน้ั ตอนการแกป้ ัญหา การอธิบายการทำงาน
หรอื การคาดเดาผลลัพธ์จากปญั หาอยา่ งง่าย การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่าย การตรวจหา
ขอ้ ผดิ พลาดในโปรแกรม การคน้ หาข้อมลู ในอนิ เทอร์เนต็ และการใชค้ ำค้นหาข้อมลู การประเมินความ
น่าเชอ่ื ถือของขอ้ มลู การรวบรวมข้อมูล การประมวลผลอย่างงา่ ย การวิเคราะหผ์ ลและสรา้ งทางเลือก
การนำเสนอข้อมูล การส่อื สารอยา่ งมีมารยาทและร้จู กั กาลเทศะ การปกปอ้ งขอ้ มลู ส่วนตัว
โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่สามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญหา หรือ
สร้างสรรค์พัฒนางานในชีวิตจริงได้ซึง่ เน้นการเชื่อมโยงความรูท้ างวิทยาศาสตร์ โดยใช้กระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ ทดลอง อธิบาย การสัมผัส ตั้งคำถาม ศึกษาวางแผนและให้มีทักษะสำคัญในการ
ค้นควา้ และสร้างองคค์ วามรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละการแก้ปัญหาทีห่ ลากหลาย และ
สามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญหา หรือสร้างสรรค์พัฒนางานในชีวิตจริงได้ซึ่งเน้นการเชื่อมโยง
ความรสู้ ำหรบั การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการค้นหาขอ้ มูลและใช้ซอฟตแ์ วร์ตา่ งๆ
เพอื่ ใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ มที ักษะการคดิ และมสี ว่ นรว่ มในการเรยี นรู้ทุกข้ันตอน
รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดจิตวิทยาศาสตร์และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม
จริยธรรมและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ มีความรอบคอบในการใชส้ มุนไพรไทยอยา่ งคุ้มค่า
๙๖
ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐาน ว ๑.๒ ป.๔/๑
มาตรฐาน ว ๑.๓ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔
มาตรฐาน ว ๒.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔
มาตรฐาน ว ๒.๒ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓
มาตรฐาน ว ๒.๓ ป.๔/๑
มาตรฐาน ว ๓.๑ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓
มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๔/๑ ป.๔/๒ ป.๔/๓ ป.๔/๔ ป.๔/๕
รวมทั้งหมด ๒๑ ตัวช้ีวัด
๙๗
โครงสร้างรายวิชา
รายวิชา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๔(วิทยาศาสตร์) ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔
เวลา ๘๐ ชว่ั โมง / ปี
รหัสวชิ า ว๑๔๑๐๑ มาตรฐาน/ เวลา/
ตวั ชีว้ ัด ชั่วโมง
หนว่ ยการ ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ ว ๑.๓ ป.๔/๑ ๙ คะแนน
เรยี นรทู้ ี่ (๑๐๐)
ว ๑.๒ ป.๔/๑ ๙ ๕
๑ ความหลากหลายของส่ิงมชี วี ิต ว ๑.๓ ป.๔/๒ ๕
-สิง่ มชี วี ติ กลุ่มพชื และกลุ่มสัตว์ ๑๐
-สงิ่ มีชีวติ กลมุ่ ทไ่ี มใ่ ชพ่ ืชและสัตว์ ๕
๕
๒ พชื และประเภทของพชื ๑๐
-ความหลากหลายของพชื และการจัดจำแนก
-หนา้ ทข่ี องราก
-หนา้ ที่ของลำตน้
-หนา้ ทข่ี องใบ
-สว่ นประกอบของดอกไม้
-ความแตกต่างระหว่างพืชไม่มดี อกและพชื มีดอก
๓ สัตวแ์ ละประเภทของสตั ว์ ว ๑.๓ ป.๔/๓ ๙
ว ๑.๓ ป.๔/๔
-ความหลากหลายของสตั วแ์ ละการจำแนกสัตว์
-สตั ว์ไม่มีกระดกู สันหลัง
-สัตวม์ ีกระดูกสนั หลัง
๔ สมบัติของวสั ดรุ อบตัวเรา ว ๒.๑ ป. ๔/๑ ๙
ว ๒.๑ ป. ๔/๒
-สมบัติทางกายภาพของวสั ดุ
-การใช้ประโยชนจ์ ากวัสดุ
๕ สสารรอบตัวเรา ว ๒.๑ ป. ๔/๓ ๙
ว ๒.๑ ป.๔/๔
-สสารและสถานะของสสารรอบตวั
-สมบัติของแขง็ ของเหลว และแกส๊
๖ แรงและการเคล่ือนท่ี ว ๒.๒ ป.๔/๑ ๙
ว ๒.๒ ป.๔/๒
-แรงโนม้ ถ่วงของโลก มวล และนำ้ หนักของวตั ถุ ว ๒.๒ ป.๔/๓
-มวลของวตั ถุทม่ี ผี ลตอ่ การเปลยี่ นแปลงการ
เคลอ่ื นที่
๗ แสงและตวั กลางของแสง ว ๒.๓ ป.๔/๓ ๙ ๑๐
๙๘
หนว่ ยการ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ เวลา/ คะแนน
เรยี นรทู้ ่ี ตวั ชวี้ ัด ช่ัวโมง (๑๐๐)
ว ๓.๑ ป.๔/๑ ๙
-วัตถทุ ก่ี น้ั ทางเดนิ ของแสง ว ๓.๑ ป.๔/๒
๘ ๑๐
๘ การขึ้นและตกของดวงจนั ทร์ ว ๓.๑ ป.๔/๓
๗๐
-ทศิ การขึ้นตกของดวงจนั ทร์ ๓๐
๑๐๐
-สาเหตกุ ารเกิดปรากฏการณ์การขนึ้ ตกของดวง
จันทร์
-การเปลีย่ นแปลงรปู ร่างของดวงจันทร์
๙ ดาวในระบบสรุ ยิ ะ
-ระบบสุริยะ กาแลก็ ซ่ี และเอกภพ
-ดาวตก ผีพุ่งไต้ และอกุ กาบาต
รวมคะแนนระหวา่ งเรยี น
คะแนนทดสอบปลายปี
รวมคะแนนทง้ั ปี
๙๙
รายวิชา วิทยาศาตร์และเทคโนโลยี ๔ (วิทยาการคำนวณ) ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๔
รหสั วิชา ว๑๔๑๐๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง / ปี
หน่วยการ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ เวลา/ คะแนน
เรียนรทู้ ี่ ตัวช้วี ัด ช่วั โมง (๑๐๐)
๑ วิธกี ารแก้ปญั หาอยา่ งเปน็ ข้นั ตอน ว ๔.๒ ป.๔/๑ ๘ ๑๐
-การแกป้ ญั หาโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ
-อลั กอรทิ ึม
-การแสดงอัลกอรทิ ึมของกระบวนการทำงาน
๒ การเขยี นโปรแกรมดว้ ย Scratch ว ๔.๒ ป.๔/๒ ๘ ๑๕
-โปรแกรม Scratch เบ้ืองต้น
-การเขียนโปรแกรมดว้ ย Scratch
๓ การใชง้ านอินเทอร์เน็ต ว ๔.๒ ป.๔/๓ ๗ ๑๕
-บริการทางอนิ เทอร์เนต็
-การสบื คน้ ขอ้ มูลผา่ นอินเทอร์เน็ต
-การประเมนิ ความนา่ เช่อื ถอื ของขอ้ มลู
๔ การนำเสนอขอ้ มลู ดว้ ยซอฟต์แวร์ ว ๔.๒ ป.๔/๔ ๑๒ ๑๕
-การรวบรวมและประมวลผลข้อมูล
-การนำเสนอข้อมลู โดยใชโ้ ปรแกรมประมวลคำ
-การนำเสนอขอ้ มูลโดยใชโ้ ปรแกรมตารางทำงาน
-การนำเสนอข้อมูลโดยใชโ้ ปรแกรมนำเสนอ
๕ การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั ว ๔.๒ ป.๔/๕ ๕ ๑๕
-การปกป้องข้อมลู ส่วนตวั จากการใช้งาน
เทคโนโลยีสารสนเทศ
-การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ
รวมคะแนนระหว่างเรียน ๗๐
คะแนนทดสอบปลายปี ๓๐
รวมคะแนนท้ังปี ๑๐๐
* หมายเหตุ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓ (วิทยาการคำนวณ) ใช้ชั่วโมงเรียนและ วัดผลรวมใน
รายวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๓ (วทิ ยาศาสตร์) โดยใช้อัตราส่วน (๗๐:๓๐)
๑๐๐
ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕
ตัวชวี้ ัดสาระการเรยี นรู้แกนกลางและสาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน
สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไมม่ ชี ีวิต
กับส่งิ มีชวี ิตและความสมั พันธร์ ะหว่างส่งิ มีชวี ิตกับสิ่งมีชวี ิตต่าง ๆ ในระบบนเิ วศ การถา่ ยทอดพลังงาน
การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม แนวทางในการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแกไ้ ขปัญหา
ส่งิ แวดล้อมรวมทัง้ นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์
ช้ัน ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ป.๕ ว ๑.๑ ป.๕/๑ บรรยายโครงสร้าง - สิ่งมีชวี ิตทัง้ พชื และสัตว์มีโครงสร้างและลักษณะ ท่ี
และลักษณะของสิ่งมีชีวิตท่ี เหมาะสมในแต่ละแหล่งที่อยู่ ซึ่งเป็นผลมาจาก การ
เหมาะสมกับการดำรงชีวิตซึ่งเป็น ปรับตัวของสิ่งมีชีวติ เพื่อให้ดำรงชีวิตและอยู่รอดได้
ผ ล ม า จ า ก ก า ร ป ร ั บ ต ั ว ข อ ง ในแต่ละแหล่งที่อยู่ เช่น ผักตบชวามีช่องอากาศใน
สง่ิ มีชีวิตในแต่ละแหลง่ ท่อี ยู่ ก้านใบ ช่วยให้ลอยน้ำได้ ต้นโกงกางที่ขึ้นอยู่ใน ป่า
ชายเลนมรี ากค้ำจุนทำให้ลำตน้ ไม่ลม้ ปลามีครีบช่วย
ในการเคล่อื นทีใ่ นน้ำ
ว ๑ .๑ ป . ๕ /๒ อ ธ ิ บ า ย - ในแหล่งที่อยู่หนง่ึ ๆ สงิ่ มีชีวติ จะมีความสัมพนั ธ์ ซึ่ง
ความสัมพันธ์ระหว่างสิง่ มีชีวิตกับ กันและกันและสัมพันธ์กับส่ิงไม่มีชวี ิต เพื่อประโยชน์
สิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ ต่อการดำรงชีวิต เช่น ความสัมพันธ์กัน ด้านการกนิ
ระหวา่ งส่งิ มชี วี ติ กับ กันเป็นอาหาร เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย หลบภัยและ
ว ๑.๑ ป.๕/๓ เขยี นโซอ่ าหารและ เลี้ยงดูลกู อ่อน ใช้อากาศในการหายใจ
ระบุบทบาทหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตท่ี - สิ่งมีชีวิตมีการกินกันเป็นอาหารโดยกินต่อกัน เป็น
เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคในโซ่ ทอด ๆ ในรูปแบบของโซ่อาหารทำให้สามารถระบุ
อาหาร บทบาทหน้าทข่ี องสง่ิ มีชวี ิตเปน็ ผู้ผลติ และผู้บริโภค
ว ๑.๑ ป.๕/๔ ตระหนักในคุณค่า
ของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อ การ
ดำรงชีวิตของสิ่งมชี ีวติ โดยมีส่วน
ร่วม ในการดูแลรกั ษาสิ่งแวดล้อม
๑๐๑
สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบตั ิของสงิ่ มีชวี ิต หน่วยพน้ื ฐานของสงิ่ มีชวี ติ การลำเลียงสารผ่าน
เซลล์ ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ทีข่ องระบบต่าง ๆ ของสัตวแ์ ละมนษุ ย์ทีท่ ำงานสัมพันธ์กัน
ความสัมพันธ์ของโครงสรา้ ง และหน้าทข่ี องอวยั วะตา่ ง ๆ ของพืชทีท่ ำงานสัมพันธ์กันรวมท้งั นำความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ชน้ั ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
-- -
สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม สารพันธุกรรมการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทาง
ชวี ภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวติ รวมทง้ั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ชนั้ ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ป.๕ ว ๑.๒ ป.๕/๑ อธิบายลักษณะ - สิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ เมื่อโตเต็มที่จะมี
ทางพันธุกรรมที่มีการถ่ายทอด การสืบพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนและดำรงพันธ์ุ โดยลูกท่ี
จากพ่อแม่สู่ลูกของพืช สัตว์ และ เกิดมาจะได้รับการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม
มนุษย์ จากพ่อแม่ทำให้มีลักษณะทางพันธุกรรมที่เฉพาะ
ว ๑.๒ ป.๕/๒ แสดงความอยากรู้ แตกต่างจากส่ิงมีชวี ิตชนิดอืน่
อยากเห็นโดยการถามคำถาม - พืชมีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่น
เกี่ยวกับลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ลกั ษณะของใบ สดี อก
ของตนเองกบั พ่อแม่ - สัตว์มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่น สี
ขน ลักษณะของขน ลักษณะของหู
- มนุษย์มีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม เช่น
เชิงผมที่หน้าผาก ลักยิ้ม ลักษณะหนังตำ การห่อลน้ิ
ลักษณะของต่งิ หู
๑๐๒
สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธร์ ะหว่างสมบัติ
ของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี
ชน้ั ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ป.๕ ว ๒.๑ ป.๕/๑ อธิบายการเปลี่ยน - การเปลี่ยนสถานะของสสารเป็นการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร เมื่อทำให้สสาร ทางกายภาพ เมื่อเพิ่มความรอ้ นให้กับสสารถึงระดับ
ร้อนขึ้นหรือเย็นลง โดยใช้ หนึ่งจะทำให้สสารที่เป็นของแข็งเปลี่ยนสถานะเป็น
หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ ของเหลว เรียกว่า การหลอมเหลว และเม่ือเพ่ิม
ความร้อนต่อไปจนถึงอีกระดับหนึ่งของเหลวจะ
เปลี่ยนเป็นแก๊ส เรยี กวา่ การกลายเป็นไอ แต่เม่ือลด
ความร้อนลงถึงระดับหนึ่งแก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็น
ของเหลว เรยี กว่า การควบแน่น และถ้าลดความรอ้ น
ต่อไปอีกจนถึงระดับหนึ่งของเหลวจะเปลี่ยนสถานะ
เป็นของแข็ง เรียกว่า การแข็งตัว สสารบางชนิด
สามารถเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊สโดยไม่
ผา่ นการเป็น ของเหลว เรียกว่า การระเหดิ ส่วนแก๊ส
บางชนิดสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งโดยไม่
ผ่าน การเป็นของเหลว เรยี กวา่ การะเหดิ กลบั
ว ๒.๑ ป.๕/๒ อธบิ ายการละลาย - เม่ือใสส่ ารลงในนำ้ แลว้ สารนนั้ รวมเปน็ เน้ือเดยี วกัน
ของสารในน้ำ โดยใช้หลักฐานเชิง กบั น้ำทวั่ ทุกสว่ น แสดงวา่ สารเกิดการละลาย เรยี ก
ประจักษ์ สารผสมทไี่ ดว้ า่ สารละลาย
ว ๒.๑ ป.๕/๓ วิเคราะห์การ - เมอ่ื ผสมสาร ๒ ชนดิ ขึ้นไปแลว้ มีสารใหม่เกดิ ขน้ึ ซง่ึ
เปลี่ยนแปลงของ เมื่อเกิดการ มีสมบัติจากสารเดมิ หรือเม่อื สารชนดิ เดียว เกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางเคมี โดยใช้ เปล่ียนแปลงแลว้ มสี ารใหม่เกดิ ขน้ึ การเปล่ียนแปลง
หลักฐานเชงิ ประจักษ์ นเี้ รยี กวา่ การเปลยี่ นแปลงทางเคมี ซง่ึ สังเกตได้จาก
มสี ี หรอื กล่ินตา่ งจากสารเดิม หรอื มฟี องแก๊ส หรือมี
๑๐๓
ชนั้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ตะกอนเกิดขน้ึ หรอื มีการเพิ่มขนึ้ หรือลดลงของ
อณุ หภมู ิ
ว ๒.๑ ป.๕/๔ วิเคราะห์และระบุ เมื่อสารเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สารามารถเปลี่ยน
การเปลี่ยนแปลงทีผ่ ันกลับได้และ กลบั เป็นสารเดิมได้ เปน็ การปล่ียนแปลงท่ีผันกลับได้
การเปล่ียนแปลงทผ่ี ันกลบั ไม่ได้ เชน่ การหลอมเหลว การกลายเปน็ ไอ การละลาย แต่
สารบางอย่างเกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วไม่สามารถ
เปลย่ี นกลบั เป็นสารเดมิ ได้ เปน็ การเปลี่ยนแปลงที่ผัน
กลบั ไม่ได้ เช่น การเผาไหม้ การเกิดสนิม
สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ
ลักษณะการเคลอ่ื นท่ี แบบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ช้ัน ตัวชี้วัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ป.๕ ว ๒.๒ ป.๕/๑อธิบายวิธีการหา - แรงลัพธ์เป็นผลรวมของแรงที่กระทำต่อวัตถุ โดย
แรงลัพธ์ของแรงหลายแรงในแนว แรงลพั ธ์ของแรง ๒ แรงทกี่ ระทำต่อวัตถุเดียวกันจะมี
เดยี วกันที่กระทำต่อวัตถุในกรณีท่ี ขนาดเท่ากับผลรวมของแรงทั้งสองเมื่อแรงทั้งสอง
วัตถุอยู่นิ่งจากหลักฐานเชิง อยู่ในแนวเดียวกันและมีทิศทางเดียวกัน แต่จะมี
ประจกั ษ์ ขนาดเท่ากับผลต่างของแรงทั้งสองเมื่อแรงทั้งสอง
ว ๒.๒ ป.๕/๒ เขียนแผนภาพ อยู่ในแนวเดียวกันแต่มีทิศทางตรงข้ามกัน สำหรับ
แสดงแรงที่กระทำต่อวัตถุที่อยู่ใน วัตถุท่อี ยูน่ งิ่ แรงลพั ธท์ ่ีกระทำต่อวัตถมุ คี ่าเปน็ ศูนย์
แ น ว เ ด ี ย ว ก ั น แ ล ะ แ ร ง ล ั พ ธ ์ ที่ - การเขียนแผนภาพของแรงที่กระทำตอ่ วัตถสุ ามารถ
กระทำตอ่ วตั ถุ เขียนได้โดยใช้ลูกศร โดยหัวลูกศรแสดงทิศทางของ
แรง และความยาวของลูกศรแสดงขนาดของแรงท่ี
ว ๒.๒ ป.๕/๓ ใช้เครื่องชั่งสปริง กระทำตอ่ วตั ถุ
ในการวดั แรงทกี่ ระทำตอ่ วัตถุ
๑๐๔
ช้ัน ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.๕ ว ๒.๒ ป.๕/๔ ระบุผลของแรง - แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัส
เสยี ดทานที่มีตอ่ การเปล่ียนแปลง ของวัตถุ เพื่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น โดยถ้า
ก าร เคลื่อน ที่ของ วัตถุจาก ออกแรงกระทำต่อวัตถุที่อยู่นิ่งบนพื้นผิวหนึ่งให้
หลักฐานเชิงประจกั ษ์ เคลื่อนที่ แรงเสียดทานจากพื้นผิวนั้นก็จะต้านการ
ว ๒.๒ ป.๕/๕ เขียนแผนภาพ เคล่ือนทขี่ องวตั ถุ แตถ่ า้ วตั ถกุ ำลังเคล่ือนที่ แรงเสียด
แสดงแรงเสียดทานและแรง ที่อยู่ ทานก็จะทำให้วัตถนุ น้ั เคล่อื นทชี่ ้าลง หรือหยุดน่งิ
ในแนวเดียวกนั ท่กี ระทำตอ่ วตั ถุ
สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่
เก่ยี วข้องกับเสียง แสง และคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ชั้น ตวั ชวี้ ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.๕ ว ๒.๓ ป.๕/๑ อธิบายการได้ยิน - การได้ยินเสียงนั้นต้องอาศัยตัวกลางโดยอาจเป็น
เสียงผ่านตัวกลาง จากหลักฐาน ของแข็ง ของเหลว หรืออากาศ เสียงจะส่งผ่าน
เชิงประจักษ์ ตวั กลางมายังหู
ว ๒.๓ ป.๕/๒ ระบตุ วั แปร ทดลอง - เสียงที่ได้ยินมีระดับสูงต่ำของเสียงต่างกันขึ้นกับ
และอธิบาย ลักษณะและการเกิด ความถี่ของการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง โดยเม่ือ
เสยี งสูง เสียงต่ำ แหลง่ กำเนดิ เสยี งสัน่ ด้วยความถี่ตำ่ จะเกดิ เสียงตำ่ แต่
ว ๒.๓ ป.๕/๓ ออกแบบกำรทดล ถ้าสั่นด้วยความถี่สูงจะเกิดเสียงสูง ส่วนเสียงดังคอ่ ย
องและอธิบาย ลักษณะและการ ที่ได้ยินขึ้นกับพลังงานการสั่นของแหล่งกำเนิดเสียง
เกิดเสียงดัง เสยี งค่อย โดยเม่ือแหลง่ กำเนิดเสยี งสัน่ พลงั งานมากจะเกิดเสียง
ว ๒.๓ ป.๕/๔ วัดระดับเสียงโดย ดัง แต่ถ้าแหล่งกำเนิดเสียงสั่นด้วยพลังงานน้อยจะ
ใช้เครือ่ งมอื วดั ระดับเสยี ง เกิดเสียงค่อย
ว ๒.๓ ป.๕/๕ ตระหนักในคุณค่า
ของความรู้เรื่องระดับเสียงโดย
๑๐๕
ชน้ั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง
เ ส น อ แ น ะ แ น ว ท า ง ใ น ก า ร - เสียงดังมาก ๆ เป็นอันตรายต่อการไดย้ ินและเสียง
หลกี เล่ยี งและลดมลพษิ ทางเสยี ง ทก่ี ่อให้เกิดความรำคาญเป็นมลพิษทางเสียง เดซิเบล
เปน็ หนว่ ยทบี่ อกถึงความดังของเสียง
ว ๓.๒ ป.๕/๒ตระหนักถึงคุณค่า - นำ้ จืดทม่ี นุษยน์ ำมาใชไ้ ด้มปี ริมาณน้อยมาก จงึ ควร
ของน้ำโดยนำเสนอแนวทาง การ ใชน้ ้ำอยา่ งประหยดั และร่วมกันอนรุ ักษน์ ้ำ
ใช้น้ำอย่างประหยัดและการ
อนุรกั ษ์น้ำ
ว ๓.๒ ป.๕/๓ สรา้ งแบบจำลองที่ - วัฏจกั รน้ำ เปน็ การหมนุ เวียนของนำ้ ทีม่ แี บบรูป ซ้ำ
อธบิ ายการหมนุ เวียนของน้ำในวัฏ เดิม และต่อเนื่องระหว่างน้ำในบรรยากาศ น้ำผิวดิน
จักรน้ำ และน้ำใต้ดิน โดยพฤติกรรมการดำรงชีวิตของพืช
และสัตวส์ ง่ ผลตอ่ วฏั จักรนำ้
สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ
กาแล็กซีดาวฤกษ์ และระบบสรุ ยิ ะ รวมทั้งปฏสิ ัมพนั ธ์ภายในระบบสรุ ิยะท่ีส่งผลต่อสิ่งมชี ีวิตและการ
ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีอวกาศ
ชนั้ ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.๕ ว ๓.๑ ป.๕/๑ เปรียบเทียบความ - ดาวที่มองเหน็ บนท้องฟ้าอยู่ในอวกาศซงึ่ เปน็ บรเิ วณ
แตกต่างของดาวเคราะห์และดาว ที่อยู่นอกบรรยากาศของโลกมีทั้งดาวฤกษ์และดาว
ฤกษจ์ ากแบบจำลอง เคราะห์ ดาวฤกษ์เป็นแหล่งกำเนิดแสงจึงสามารถ
มองเห็นได้ ส่วนดาวเคราะห์ ไม่ใช่แหล่งกำเนิดแสง
แต่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากแสงจากดวงอาทิตย์
ตกกระทบดาวเคราะห์แลว้ สะทอ้ นเข้าสู่ตำ
ว ๓.๑ ป.๕/๒ ใช้แผนที่ดาวระบุ - การมองเห็นกลุ่มดาวฤกษ์มีรูปร่างต่าง ๆ เกิดจาก
ตำแหนง่ และเส้นทาง การข้นึ และ จินตนาการของผู้สังเกต กลุ่มดาวฤกษ์ต่าง ๆ ที่
ตกของกลุ่มดาวฤกษ์บนท้องฟ้า ปรากฏในทอ้ งฟา้ แตล่ ะกลมุ่ มดี าวฤกษแ์ ต่ละดวงเรียง
๑๐๖
ช้นั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
และอธิบายแบบรูปเส้นทางการ กันที่ตำแหน่งคงท่ี และมีเส้นทางการขึ้นและตกตาม
ขึ้นและตก ของกลุ่มดาวฤกษ์บน เส้นทางเดิมทุกคืน ซึ่งจะปรากฏตำแหน่งเดิมการ
ทอ้ งฟา้ ในรอบปี สังเกตตำแหน่งและการขึ้นและตกของดาวฤกษ์และ
กลุ่มดาวฤกษ์สามารถทำได้โดยใช้แผนที่ดาว ซึ่งระบุ
มุมทิศและมุมเงยที่กลุ่มดาวนั้นปรากฏ ผู้สังเกต
สามารถใช้มือในการประมาณค่าของมุมเงยเม่ือ
สงั เกตดาวในทอ้ งฟ้า
สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ
เปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและ
ภูมอิ ากาศโลกรวมทงั้ ผลต่อสง่ิ มีชวี ิตและสิง่ แวดลอ้ ม
ชัน้ ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.๕ ว ๓.๒ ป.๕/๑ เปรียบเท ียบ - โลกมีทง้ั น้ำจืดและน้ำเคม็ ซง่ึ อยู่ในแหลง่ น้ำต่าง ๆ ที่
ปริมาณน้ำในแต่ละแหล่ง และ มีทั้งแหล่งน้ำผิวดิน เช่น ทะเล มหาสมุทร บึง แม่น้ำ
ระบุปริมาณน้ำที่มนุษย์สามารถ และแหล่งน้ำใต้ดิน เช่น น้ำในดิน และน้ำบาดาล น้ำ
นำมาใช้ประโยชน์ได้ จากข้อมูลท่ี ทั้งหมดของโลกแบ่งเป็นน้ำเค็มประมาณ ร้อยละ
รวบรวมได้ ๙๗.๕ซึ่งอยู่ในมหาสมุทรและแหล่งน้ำอื่น ๆ และที่
เหลืออีกประมาณร้อยละ ๒.๕ เป็นน้ำจืด ถ้ำ
เรียงลำดบั ปริมาณน้ำจืดจากมากไปนอ้ ยจะอยู่ท่ี ธาร
นำ้ แข็งและพดื น้ำแข็ง นำ้ ใตด้ นิ ชั้นดินเยือกแขง็ คงตวั
และน้ำแข็งใต้ดนิ ทะเลสาบ ความชน้ื ในดิน ความช้ืน
ในบรรยากาศ บึง แมน่ ้ำ และน้ำในสงิ่ มชี ีวติ
ว ๓.๒ ป.๕/๒ ตระหนักถึงคุณค่า - นำ้ จืดทีม่ นุษย์นำมาใช้ได้มีปริมาณน้อยมาก จึงควร
ของน้ำโดยนำเสนอแนวทาง การ ใช้น้ำอยา่ งประหยัดและร่วมกนั อนุรกั ษน์ ำ้
ใช้น้ำอย่างประหยัดและการ
อนุรกั ษน์ ำ้
๑๐๗
ชนั้ ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ว ๓.๒ ป.๕/๓สร้างแบบจำลองที่ - วัฏจักรน้ำ เปน็ การหมนุ เวียนของน้ำทม่ี แี บบรปู ซ้ำ
อธิบายการหมุนเวียน ของน้ำ เดิม และต่อเนื่องระหว่างน้ำในบรรยากาศ น้ำผิวดิน
ในวฏั จักรนำ้ และน้ำใต้ดิน โดยพฤติกรรมการดำรงชีวิตของพืช
และสัตว์สง่ ผลต่อวฏั จักรน้ำ
ว ๓.๒ ป.๕/๔เปรียบเทียบ - ไอน้ำในอากาศจะควบแน่นเป็นละอองน้ำเล็ก ๆ
กระบวนการเกิดเมฆ หมอก โดยมลี ะอองลอย เช่น เกลือ ฝนุ่ ละออง เกสรดอกไม้
น้ำค้าง และน้ำค้างแข็ง จาก เป็นอนุภาคแกนกลาง เมอื่ ละอองนำ้ จำนวนมากเกาะ
แบบจำลอง กลุ่มรวมกันลอยอยู่สูงจากพื้นดินมาก เรียกว่า เมฆ
แต่ละอองน้ำที่เกาะกลุ่มรวมกันอยู่ใกล้พื้นดิน
เรียกว่า หมอก ส่วนไอน้ำที่ควบแน่นเป็นละอองน้ำ
เกาะอยู่บนพืน้ ผวิ วัตถุใกล้พน้ื ดิน เรียกวา่ น้ำค้าง ถ้ำ
อุณหภูมิ ใกล้พื้นดินต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง น้ำค้างก็จะ
กลายเปน็ นำ้ คา้ งแข็ง
ว ๓.๒ ป.๕/๕ เปรียบเทียบ - ฝน หิมะ ลูกเห็บ เป็นหยาดน้ำฟ้าซึ่งเป็นน้ำที่มี
กระบวนการเกิดฝน หิมะ และ สถานะต่าง ๆ ที่ตกจากฟ้าถึงพื้นดิน ฝน เกิดจาก
ลูกเห็บ จากขอ้ มูลทรี่ วบรวมได้ ละอองน้ำในเมฆทร่ี วมตวั กันจนอากาศไม่สามารถ
สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ
เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
เลอื กใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และสิง่ แวดล้อม
ชนั้ ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
-- -
สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี
๑๐๘
มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชวี ติ จริงอย่างเปน็
ขนั้ ตอนและเป็นระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการ
แกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม
ชนั้ ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ป.๕ ว ๔.๒ ป๕/๑ ใชเ้ หตผุ ลเชงิ - การใช้เหตุผลเชิงตรรกะเป็นการนำกฎเกณฑ์ หรือ
ตรรกะในการแก้ปัญหา การ เงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมาใช้พิจารณา ในการ
อธิบายการทำงาน การคาดการณ์ แกป้ ัญหา การอธบิ ายการทำงาน หรอื การคาดการณ์
ผลลัพธ์ จากปัญหาอยา่ งงา่ ย ผลลัพธ์
- สถานะเริ่มต้นของการทำงานที่แตกต่างกันจะให้
ผลลัพธ์ท่ีแตกต่างกนั
- ตัวอย่างปัญหา เช่น เกม Sud๐ku , โปรแกรม
ทำนายตัวเลข, โปรแกรมสร้างรูปเรขาคณิตตามค่า
ข้อมูลเข้า, การจัดลำดับการทำงานบ้านในช่วง
วนั หยดุ , จดั วางของในครวั
ว ๔.๒ ป.๕/๒ออกแบบและเขยี น - การออกแบบโปรแกรมสามารถทำไดโ้ ดยเขียน เป็น
โปรแกรมท่ีมีการใชเ้ หตผุ ลเชิง ขอ้ ความ หรอื ผังงาน
ตรรกะอย่างง่าย ตรวจหา - การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการตรวจสอบ
ข้อผิดพลาดและแกไ้ ข เงื่อนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ท่ี
ถูกต้องตรงตามความต้องการ
- หากมีข้อผิดพลาดให้ตรวจสอบการทำงาน ทีละ
คำสั่ง เมื่อพบจุดที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่ถกู ตอ้ ง ให้ทำการ
แก้ไขจนกว่าจะไดผ้ ลลัพธท์ ี่ถกู ตอ้ ง
- การฝึกตรวจหาข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อ่ืน
จะช่วยพัฒนาทักษะการหาสาเหตุของปัญหาได้ดี
ย่งิ ข้นึ
- ตัวอย่างโปรแกรม เช่น โปรแกรมตรวจสอบเลขคู่
เลขคี่ โปรแกรมรับข้อมูลน้ำหนักหรือส่วนสูงแล้ว
แสดงผลความสมส่วนของร่างกาย, โปรแกรมสั่งให้
ตวั ละครทำตามเงือ่ นไขท่ีกำหนด
๑๐๙
ชั้น ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
- ซอฟต์แวรท์ ่ีใชใ้ นการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch,
l๐g๐
ว ๔.๒ ป.๕/๓ ใช้อินเทอร์เน็ต - การค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และการพิจารณา
คน้ หาขอ้ มูล ติดตอ่ ส่อื สารและ ผลการค้นหา
ทำงานร่วมกนั ประเมนิ ความ - การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น อีเมล
น่าเชือ่ ถอื ของขอ้ มูล บล็อก โปรแกรมสนทนา
- การเขียนจดหมาย (บรู ณาการกับวชิ าภาษาไทย)
- การใช้อินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารและทำงาน
ร่วมกัน เช่น ใช้นัดหมายในการประชุมกลุ่ม ประชำ
สัมพันธก์ ิจกรรมในห้องเรยี น การแลกเปลี่ยนความรู้
ความคิดเห็นในการเรียน ภายใตก้ ารดแู ลของครู
- การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น
เปรียบเทียบความสอดคล้อง สมบูรณ์ของข้อมูลจาก
หลายแหล่ง แหล่งต้นตอของข้อมูล ผู้เขียน วันท่ี
เผยแพรข่ ้อมูล
- ข้อมูลที่ดีต้องมีรายละเอียดครบทุกด้าน เช่น ข้อดี
และขอ้ เสีย ประโยชน์และโทษ
ว ๔.๒ ป.๕/๔ รวบรวม ประเมิน - การรวบรวมข้อมูล ประมวลผล สร้างทางเลือก
นำเสนอ ข้อมูลและสารสนเทศ ประเมินผล จะทำให้ได้สารสนเทศเพื่อใช้ในการ
ตามวัตถปุ ระสงคโ์ ดยใช้ซอฟตแ์ วร์ แกป้ ัญหาหรือการตดั สนิ ใจไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
หรอื บรกิ ารบนอินเทอรเ์ น็ตท่ี - การใช้ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ต ที่
หลากหลาย เพื่อแกป้ ญั หาใน หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้าง
ชีวติ ประจำวนั ทางเลือก ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยให้การ
แกป้ ัญหาทำไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ
- ตวั อย่างปัญหา เชน่ ถ่ายภาพและสำรวจแผนที่ ใน
ทอ้ งถิ่นเพ่ือนำเสนอแนวทางในการจัดการพืน้ ทว่ี า่ ง
ให้เกิดประโยชน์ ทำแบบสำรวจความคดิ เหน็
๑๑๐
ชั้น ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ออนไลน์ และวิเคราะห์ขอ้ มูล นำเสนอข้อมูลโดยการ
ใช้ Bl๐g หรือ web page
ว ๔.๒ ป.๕/๕ใช้เทคโนโลยี อันตรายจากการใช้งานและอาชญากรรม ทาง
สารสนเทศอย่างปลอดภัย มี อินเทอรเ์ นต็
มารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าท่ี - มารยาทในการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต
ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น (บูรณาการกับวิชาทีเ่ ก่ียวขอ้ ง)
แจ้งผู้เกี่ยวข้องเมื่อพบข้อมูลหรือ
บคุ คลทีไ่ ม่เหมาะสม
๑๑๑
คำอธิบายรายวชิ า
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๕
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ รหัสวิชา ว๑๕๑๐๑ เวลา ๑๒๐ ชว่ั โมง/ปี
ศึกษาสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม การปรับตัวของสิ่งมีชีวิตความสัมพนั ธ์ระหว่างกลุ่มมีชีวติ กับ
สิ่งแวดล้อม การดำรงพันธ์ของสิ่งมีชีวิต ลักษณะทางพันธุกรรมของพืช สัตว์และมนุษย์ การ
เปลี่ยนแปลงของสสารในชีวิตประจำวัน การเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การละลายของสารในน้ำ
การเปลี่ยนแปลงของสารเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี แรงในชีวิตประจำวัน การหาแรงลัพธ์ของ
แรงหลายแรงในแนวเดียวกันท่ีกระทำต่อวัตถุ แรงเสียดทาน และผลของแรงเสียดทาน เสียงและการ
ไดย้ นิ การไดย้ นิ เสียงผ่านตัวกลางตา่ ง ๆ เสียงสูง เสียงตำ่ เสียงดัง และเสียงค่อย การใช้เครื่องมือวัด
ระดับเสียง ความแตกต่างของดาวเคราะห์กับดาวฤกษ์ตำแหน่งและเส้นทางการขึ้นและตกของกลุม่
ดาว แหล่งน้ำในท้องถิ่นและการใช้ประโยชน์ ความจำเป็นของน้ำต่อชีวิตและการประหยัดน้ำ
ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับวัฏจักรน้ำ เมฆ หมอก น้ำค้าง และน้ำค้างแข็ง ฝน หิมะ และ
ลกู เห็บ ศกึ ษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา การอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์
จากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้เหตุผลเชิงตรรกะอย่างง่าย ตรวจหา
ข้อผิดพลาดและแก้ไข ใช้อินเตอร์เน็ตค้นหาข้อมูล ติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน ประเมินความ
น่าเชื่อถือของข้อมูล รวบรวม ประเมินนำเสนอข้อมูลและสารสนเทศตามวัตถุประสงค์ โดยใช้
ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอินเตอร์เน็ตที่หลากหลาย เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศอย่างปลอดภัย มีมารยาท เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของคนอื่น แจ้ง
ผู้เกี่ยวข้องเมอ่ื พบข้อมลู หรือบคุ คลท่ไี ม่เหมาะสม
โดยใช้แนวการจัดการเรียนรู้รูปแบบวงจรการเรียนรู้ ๕ ขั้นตอน การเรียนรู้ผ่านการใช้
กิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสืบสอบความรู้ทางวิทยาศาสตร์รวมท้ังการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเปน็ ฐานบูรณา
การเศรษฐกิจพอเพยี ง และสะเต็มเพื่อการแก้ ปัญหาเชิงสรา้ งสรรค์ สรา้ งความรแู้ ละสิ่งใหม่อย่างง่าย
รวมทงั้ การใช้หลกั ฐานในเชิงประจักษ์เพื่อสนบั สนุน รวมทัง้ การใชแ้ ละสร้างโมเดล เพื่ออภิปรายสู่การ
เป็นผู้มีสมรรถนะการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ การค้นหาข้อมูลอย่าง มีประสิทธิภาพและประเมินความ
น่าเชอื่ ถอื ตัดสนิ ใจเลือกข้อมูล ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการ
สื่อสารในการทำงานรว่ มกนั
เพ่ือการเปน็ ผรู้ ูว้ ทิ ยาศาสตร์ มีความสนใจ ความตระหนกั ความใฝร่ ู้ เป็นผู้ทำงานเป็นทีมและ
ทำงานแบบรวมพลัง รวมทงั้ มคี วามรบั ผิดชอบต่อตนเองและชมุ ชน
ตวั ชวี้ ัด
มาตรฐาน ว ๑.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
๑๑๒
มาตรฐาน ว ๑.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒ มาตรฐาน ว ๒.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔
มาตรฐาน ว ๒.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
มาตรฐาน ว ๒.๓ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
มาตรฐาน ว ๓.๑ ป.๕/๑, ป.๕/๒ มาตรฐาน ว ๓.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๕/๑, ป.๕/๒, ป.๕/๓, ป.๕/๔, ป.๕/๕
รวมทงั้ หมด ๓๒ ตัวช้ีวัด
โครงสรา้ งรายวชิ า ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕
เวลา ๘๐ ชัว่ โมง / ปี
รายวิชา วิทยาศาตร์และเทคโนโลยี ๕ (วทิ ยาศาสตร์)
รหสั วชิ า ว๑๕๑๐๑
๑๑๓
หน่วยการ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ เวลา/ คะแนน
เรยี นร้ทู ี่ ตวั ชว้ี ัด ชัว่ โมง (๑๐๐)
๑ ชวี ติ กับสิง่ แวดล้อม ว ๑.๑ ป. ๕/๑, ๑๐ ๕
-การปรบั ตัวของสง่ิ มีชีวติ ป. ๕/๒, ป. ๕/๓,
-สง่ิ มีชีวิตกล่มุ ทีไ่ ม่ใชพ่ ืชและสตั ว์ ป. ๕/๔,
๒ การดำรงพันธ์ขุ องสง่ิ มีชีวติ ว ๑.๓ ป. ๕/๑, ๑๐ ๕
-ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของพชื สัตว์ และมนุษย์ ป. ๕/๒
-ลกั ษณะท่ีคลา้ ยคลึงกนั ของตนเองกบั พ่อแม่
๓ การเปลี่ยนแปลงของสสารในชีวิตประจำวัน ว ๒.๑ ป. ๕/๑, ๑๐ ๑๐
-การเปลยี่ นแปลงสถานะของสาร ป. ๕/๒, ป. ๕/๓,
-การละลายของสารในนำ้ ป. ๕/๔, ป. ๕/๕
-การเปลยี่ นแปลงของสารเมอ่ื เกดิ การ
เปลีย่ นแปลงทางเคมี
๔ แรงในชวี ติ ประจำวนั ว ๒.๒ ป. ๕/๑, ๑๐ ๑๐
-การหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรงในแนวเดยี วกัน ป. ๕/๒, ป. ๕/๓,
ทกี่ ระทำต่อวตั ถุ ป. ๕/๔, ป. ๕/๕
-แรงเสยี ดทานและผลของแรงเสียดทาน
๕ เสยี งและการได้ยิน ว ๒.๓ ป. ๕/๑, ๑๐ ๑๐
-การไดย้ ินเสยี งผา่ นตวั กลางตา่ งๆ ป. ๕/๒, ป. ๕/๓,
-เสยี งสูง เสียงตำ่ เสยี งดงั และเสยี งค่อย ป. ๕/๔, ป. ๕/๕
-การใช้เครอื่ งมือวัดระดับเสียง
๖ ดาว ว ๓.๑ ป. ๕/๑, ๑๐ ๑๐
-ความแตกต่างของดาวเคราะหก์ บั ดาวฤกษ์ ป. ๕/๒
-ตำแหน่งและเส้นทางการข้นึ และตกของ กลมุ่
ดาว
๗ นำ้ ในทอ้ งถิน่ ของเรา ว ๓.๒ ป. ๕/๑, ๑๐ ๑๐
-แหล่งน้ำในท้องถน่ิ และการใชป้ ระโยชน์ ป. ๕/๒
-ความจำเป็นของน้ำต่อชีวติ และการประหยัดนำ้
๘ ปรากฏการณ์ธรรมชาติทเี่ กี่ยวข้องกับวัฏจักรนำ้ ว ๓.๒ ป. ๕/๓, ๑๐ ๑๐
-วัฏจกั รนำ้ ป. ๕/๔, ป. ๕/๕
๑๑๔
หน่วยการ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ เวลา/ คะแนน
เรยี นร้ทู ี่ ตวั ช้วี ัด ช่วั โมง (๑๐๐)
-เมฆ หมอก นำ้ คา้ ง และน้ำค้างแข็ง ๗๐
๓๐
-ฝน หมิ ะ และลกู เห็บ ๑๐๐
รวมคะแนนระหวา่ งเรยี น
คะแนนทดสอบปลายปี
รวมคะแนนทงั้ ปี
รายวชิ า วิทยาศาตรแ์ ละเทคโนโลยี ๕ (วทิ ยาการคำนวณ) ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕
รหัสวชิ า ว๑๕๑๐๑ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง / ปี
๑๑๕
หน่วย มาตรฐาน/ เวลา/ คะแนน
การ ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ ตวั ช้ีวัด ชั่วโมง (๑๐๐)
เรียนรทู้ ่ี
๑ เหตุผลเชิงตรรกะกับการแก้ปัญหา ว ๔.๒ ป.๕/ ๖ ๑๕
การแก้ปญั หาด้วยเหตุผลเชิงตรรกะ ๑
การทำนายผลลัพธจ์ ากปัญหาอยา่ งงา่ ย
๒ การเขียนโปรแกรมโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ ว ๔.๒ ป.๕/ ๑๐ ๑๕
การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนขอ้ ความ ๒
การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขยี นผงั งาน
การเขียนโปรแกรมโดยใชภ้ าษา Scratch
การตรวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรม
๓ ข้อมูลสารสนเทศรู้จักข้อมูลลักษณะของข้อมูลที่ดี ว ๔.๒ ป.๕/ ๑๒ ๒๐
แหลง่ ข้อมูล ๓
การรวบรวมขอ้ มลู การประมวลผลข้อมูล ป.๕/
การสืบค้นขอ้ มลู โดยใช้อนิ เทอรเ์ น็ต ๔
๔ การใช้อนิ เทอร์เน็ตอยา่ งปลอดภัย ว ๔.๒ ป.๕/ ๑๒ ๒๐
การติดตอ่ สื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต อาชญากรรมทาง ๓
อินเทอร์เนต็ ป.๕/
มารยาทในการตดิ ต่อสอื่ สารผา่ นอินเทอร์เนต็ ๔
ขอมูลเพ่อื การตัดสนิ ใจ ป.๕/
การนำเสนอข้อมูลและการทำแบบสำรวจความคิด ๕
เห็นออนไลน์
รวมคะแนนระหวา่ งเรยี น ๗๐
คะแนนทดสอบปลายปี ๓๐
รวมคะแนนทง้ั ปี ๑๐๐
* หมายเหตุ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓ (วิทยาการคำนวณ) ใช้ชั่วโมงเรียนและ วัดผลรวมใน
รายวิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓ (วทิ ยาศาสตร์) โดยใชอ้ ัตราสว่ น (๗๐:๓๐)
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖
ตวั ชวี้ ัดสาระการเรียนรแู้ กนกลางและสาระการเรยี นรทู้ ้องถ่ิน
สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ
๑๑๖
มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงไมม่ ชี ีวติ
กับสิง่ มชี วี ติ และความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสง่ิ มีชวี ิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถา่ ยทอดพลังงาน
การเปลี่ยนแปลงแทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบที่มีต่อ
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แนวทางในการอนุรักษท์ รัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา
สิ่งแวดล้อมรวมท้งั นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์
ช้นั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
-- -
สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบตั ขิ องสิ่งมีชีวิต หนว่ ยพน้ื ฐานของสิ่งมีชวี ิต การลาเลียงสารผ่าน
เซลล์ความสมั พนั ธ์ ของโครงสร้าง และหน้าทขี่ องระบบตา่ ง ๆ ของสตั ว์และมนษุ ย์ทีท่ ำงานสัมพนั ธ์กัน
ความสัมพันธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ทข่ี องอวยั วะตา่ ง ๆ ของพชื ท่ที างานสัมพนั ธก์ นั รวมท้งั นำความรู้
ไปใช้ประโยชน์
ช้นั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ป.๖ ว ๑.๒ ป.๖/๑ระบสุ ารอาหารและ - สารอาหารท่ีอยู่ในอาหารมี ๖ ประเภท
บอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามนิ
ละประเภทจากอาหารที่ตนเอง และน้ำ
รับประทาน - อาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหาร ท่ี
ว ๑.๒ ป.๖/๒บอกแนวทางในการ แตกต่างกนั อาหารบางอย่างประกอบดว้ ยสารอาหาร
เลอื กรบั ประทานอาหารให้ได้ ประเภทเดียว อาหารบางย่างประกอบด้วย
สารอาหารครบถ้วนในสดั ส่วนท่ี สารอาหารมากกวา่ หนง่ึ ประเภท
เหมาะสมกบั เพศและวัย รวมท้ัง - สารอาหารแต่ละประเภทมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ความปลอดภัยต่อสุขภาพ แตกต่างกัน โดยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน
เป็นสารอาหารทใี่ ห้พลังงานแก่ร่างกาย ส่วนเกลอื แร่
ว ๑ .๒ ป . ๖ /๓ ต ร ะ ห น ัก ถึง วิตามินและน้ำ เป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานแก่
ความสำคัญของสารอาหาร โดย ร่างกาย แต่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ – การ
การเลือกรับประทานอาหารที่มี รบั ประทานอาหารเพื่อใหร้ ่างกายเจริญ เตบิ โต มกี าร
สารอำหารครบถ้วนในสัดส่วนที่ เปลี่ยนแปลงของร่างกายตามเพศและวัย และ มี
๑๑๗
ชั้น ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
เหมาะสมกับเพศและวัย รวมทั้ง สุขภาพดี จำเป็นต้องรับประทานให้ได้พลังงาน
ปลอดภยั ต่อสขุ ภาพ เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย และให้ได้
สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศ
และวยั รวมท้งั ต้องคำนึงถึงชนิดและปริมาณของวัตถุ
เจือปนในอาหารเพอ่ื ความปลอดภยั ตอ่ สุขภาพ
ว ๑.๒ ป.๖/๔ สร้างแบบจำลอง - ระบบยอ่ ยอาหารประกอบดว้ ยอวัยวะต่าง ๆ ได้แก่
ระบบย่อยอาหาร และบรรยาย ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้
หน้าที่ของอวัยวะในระบบย่อย ใหญ่ ทวารหนกั ตบั และตับอ่อน ซึง่ ทำหนา้ ที่ร่วมกัน
อาหาร รวมทั้งอธิบายการย่อย ในการย่อยและดดู ซมึ สารอาหาร
อาหารและการดดู ซมึ สารอาหาร - ปาก มีฟนั ช่วยบดเค้ยี วอำหารใหม้ ีขนาดเล็กลงและ
ว ๑.๒ ป.๖/๕ ตระหนักถึง มีลิ้นช่วยคลุกเคล้าอาหารกับน้ำลาย ในน้ำลาย มี
ความสำคัญของระบบย่อยอาหาร เอนไซม์ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล– หลอดอาหาร ทำ
โดยการบอกแนวทางในการดูแล หน้าที่ลำเลียงอาหารจากปาก ไปยังกระเพาะอาหาร
รกั ษาอวยั วะในระบบย่อยอาหาร ภายในกระเพาะอาหารมีการย่อยโปรตนี โดยกรดและ
ให้ทำงานเปน็ ปกติ เอนไซมท์ สี่ ร้างจากกระเพาะอาหาร
- ลำไส้เลก็ มเี อนไซม์ที่สร้างจากผนังลำไสเ้ ล็กเองและ
จากตับอ่อนที่ช่วยย่อยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และ
ไขมัน โดยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ที่ผ่าน
การย่อยจนเป็นสารอาหารขนาดเล็กพอท่ีจะ ดูดซึม
ได้ รวมถึงน้ำ เกลอื แร่ และวติ ามิน จะ
ถูกดูดซึม ที่ผนังลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อ
ลำเลียงไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งโปรตีน
คาร์โบไฮเดรต และไขมัน จะถูกนำไปใช้เป็นแหล่ง
พลังงานสำหรับใช้ในกิจกรรมตา่ ง ๆ สว่ นน้ำ เกลือแร่
และวติ ามิน จะช่วยใหร้ า่ งกายทำงานได้เป็นปกติ
- ตบั สรา้ งนำ้ ดีแล้วสง่ มายงั ลำไสเ้ ล็กชว่ ยใหไ้ ขมันแตก
ตวั
๑๑๘
ช้นั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- ลำไสใ้ หญ่ทำหน้าท่ดี ูดน้ำและเกลือแร่ เปน็ บริเวณท่ี
มีอาหารที่ย่อยไม่ได้ หรอื ยอ่ ยไม่หมด เป็นกากอาหาร
ซึง่ จะถูกกำจดั ออกทางทวารหนัก
- อวยั วะต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหาร
มีความสำคัญ จึงควรปฏิบัติตน ดูแลรักษาอวัยวะให้
ทำงานเปน็ ปกติ
สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทาง
พันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทาง
ชวี ภาพและ ววิ ฒั นาการของส่ิงมีชีวิต รวมทงั้ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ ชน้ั
ช้นั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
-- -
สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบตั ิ
ของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี
ชน้ั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ป.๖ ว ๒ .๑ ป . ๖ /๑ อ ธ ิ บ า ย แ ล ะ - สารผสมประกอบด้วยสารตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไปผสม
เปรียบเทียบการแยกสารผสม กนั เช่น นำ้ มนั ผสมน้ำ ข้าวสารปนกรวดทราย วธิ กี าร
โดยการหยบิ ออก การร่อน การใช้ ท่เี หมาะสมในการแยกสารผสมขึน้ อยูก่ บั ลกั ษณะและ
แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การ สมบตั ขิ องสารท่ีผสมกนั ถ้าองคป์ ระกอบของสารผสม
กรอง และการตกตะกอน โดยใช้ เป็นของแข็งกับของแข็งที่มีขนาดแตกต่างกันอย่าง
หลักฐานเชงิ ประจักษ์ รวมท้งั ระบุ ชดั เจน อาจใชว้ ธิ กี ารหยิบออกหรอื การร่อนผ่านวัสดุ
วิธีแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน ที่มีรู ถ้ำมีสารใดสารหนึ่งเป็นสารแม่เหล็กอาจใช้วิธี
เกย่ี วกบั การแยกสาร การใช้แมเ่ หล็กดึงดูด ถ้ำองค์ประกอบเปน็ ของแข็ง
๑๑๙
ชนั้ ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ที่ไม่ละลายในของเหลว อาจใช้วิธีการรินออก การ
กรอง หรอื การตกตะกอน ซ่งึ วิธกี ารแยกสารสามารถ
นำไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวันได้
สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทาต่อวัตถุ
ลักษณะการเคล่อื นท่ี แบบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์
ช้ัน ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ป.๖ ว ๒.๒ ป.๖/๑ อธิบายการเกิด -วัตถุ ๒ ชนิดที่ผ่านการขัดถูแล้ว เมื่อนำเข้าใกล้กัน
และผลของแรงไฟฟ้าซึ่งเกิดจาก อาจดึงดูดหรือผลักกัน แรงที่เกิดขึ้นนี้เป็นแรงไฟฟา้
วัตถุที่ผ่านการขัดถูโ ดย ใช้ ซึ่งเป็นแรงไม่สัมผัส เกิดขึ้นระหว่างวัตถุที่มีประจุ
หลักฐานเชิงประจกั ษ์ ไฟฟ้า ซึ่งประจุไฟฟ้ามี ๒ ชนิด คือ ประจุไฟฟ้าบวก
และประจุไฟฟ้าลบ วัตถุที่มีประจุไฟฟ้าชนิดเดยี วกัน
ผลักกัน ชนิดตรงข้ามกันดึงดูดกนั
สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
๑๒๐
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสัมพันธร์ ะหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ี
เกี่ยวขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมท้งั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์
ช้นั ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ป.๖ ว ๒.๓ ป.๖/๑ ระบสุ ่วนประกอบ - วงจรไฟฟ้าอยา่ งง่ายประกอบดว้ ย
และบรรยายหน้าที่ ของแต่ละ แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ สายไฟฟา้ และเครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าหรอื
ส่วนประกอบของวงจรไฟฟ้า อปุ กรณไ์ ฟฟ้า แหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า เช่น ถ่านไฟฉาย หรอื
อยา่ งง่ายจากหลักฐานเชงิ แบตเตอรี่ ทำหนา้ ท่ีใหพ้ ลังงานไฟฟ้า สายไฟฟา้ เปน็
ประจกั ษ์ ตัวนำไฟฟ้าทำหน้าทเ่ี ชอื่ มต่อระหว่างแหล่งกำเนดิ ไฟฟ้า
ว ๒.๓ ป.๖/๒ เขียนแผนภาพและ และเคร่ืองใช้ไฟฟา้ เขา้ ด้วยกนั เครือ่ งใช้ไฟฟ้ามหี น้าท่ี
ต่อวงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ย เปลี่ยนพลงั งานไฟฟ้าเป็น
พลังงานอ่นื
ว ๒.๓ ป.๖/๓ ออกแบบกำรทดล - เม่ือนำเซลล์ไฟฟ้าหลายเซลลม์ าตอ่
องและทดลองดว้ ยวธิ ีทเ่ี หมาะสม เรยี งกัน โดยใหข้ ว้ั บวกของเซลลไ์ ฟฟา้ เซลล์หนง่ึ ตอ่ กบั ขว้ั
ในการอธิบายวิธีการและผลของ ลบของอกี เซลล์หนึ่งเปน็ การต่อแบบอนุกรม ทำให้มี
การตอ่ เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รม พลังงานไฟฟา้ เหมาะสมกบั เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า ซง่ึ การตอ่
เซลลไ์ ฟฟ้าแบบอนุกรมสามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ น
ว ๒.๓ ป.๖/๔ ตระหนกั ถงึ ชีวิตประจำวนั เชน่ การต่อเซลล์ไฟฟา้ ในไฟฉาย
ประโยชน์ของความรขู้ องการตอ่
เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรมโดยบอก
ประโยชนแ์ ละการประยุกตใ์ ชใ้ น
ชวี ิตประจำวนั
ว ๒.๓ ป.๖/๕ ออกแบบการ - การตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบอนกุ รมเมอื่
ทดลองและทดลองดว้ ยวิธีท่ี ถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนงึ่ ออกทำใหห้ ลอดไฟฟ้าท่ี
เหมาะสมในการอธบิ ายการตอ่ เหลอื ดบั ท้งั หมด ส่วนการตอ่ หลอดไฟฟ้าแบบขนาน เม่ือ
หลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบ ถอดลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออก หลอดไฟฟา้ ท่ีเหลอื ก็
ขนาน ยงั สวา่ งได้ การต่อหลอดไฟฟ้าแต่ละแบบสามารถ
ว ๒.๓ ป.๖/๖ ตระหนักถึง นำไปใช้ประโยชนไ์ ด้ เชน่ การต่อหลอดไฟฟา้ หลายดวง
ประโยชนข์ องความรู้ของการต่อ
๑๒๑
ชัน้ ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
หลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบ ในบ้านจงึ ต้องต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนานเพอื่ เลอื กใช้
ขนาน โดยบอกประโยชน์ หลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหน่ึงไดต้ ามต้องการ
ข้อจำกดั และการประยกุ ตใ์ ช้ใน
ชีวิตประจำวัน
ว ๒.๓ ป.๖/๗ อธิบายการเกิดเงา - เมอื่ นำวัตถุทึบแสงมากัน้ แสงจะเกิดเงาบนฉากรับแสงท่ี
มดื เงามัวจากหลักฐานเชิง อยู่ดา้ นหลงั วตั ถุ โดยเงามีรปู รา่ งคลา้ ยวตั ถุท่ีทำให้เกิดเงา
ประจักษ์ เงามวั เปน็ บรเิ วณทมี่ ีแสงบางส่วนตกลงบนฉาก ส่วนเงา
ว ๒.๓ ป.๖/๘เขยี นแผนภาพรังสี มืดเปน็ บรเิ วณท่ไี มม่ แี สงตกลงบนฉากเลย
ของแสงแสดงการเกดิ เงามืดเงา
มวั
สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เขา้ ใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ
กาแล็กซีดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏสิ ัมพันธภ์ ายในระบบสุรยิ ะที่ส่งผลตอ่ ส่ิงมชี ีวิตและการ
ประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ
ชั้น ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
ป.๖ ว ๓.๑ ป.๖/๑ สร้างแบบจำลองที่ - เมื่อโลกและดวงจันทร์ โคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรง
อธิบายการเกิด และเปรียบเทียบ เดียวกันกับดวงอาทิตย์ในระยะทางที่เหมาะสม ทำให้
ปร าก ฏก าร ณ์สุร ิยุปร าคา และ ดวงจันทร์บังดวงอาทิตย์ เงาของดวงจันทร์ทอดมายัง
จนั ทรุปราคา โลก ผสู้ งั เกตท่ีอยบู่ รเิ วณเงาจะมองเห็น ดวงอาทติ ย์มืด
ไป เกิดปรากฏการณ์สุริยุปรำคำ ซึ่งมีทั้งสุริยุปราคา
เต็มดวง สุริยุปราคาบางสว่ น และสุริยุปราคาวงแหวน
หากดวงจันทร์และโลกโคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรง
เดียวกนั กบั ดวงอาทติ ย์ แล้วดวงจนั ทร์เคล่อื นที่ผ่านเงา
ของโลก จะมองเหน็ ดวงจนั ทร์มืดไป เกิดปรากฏการณ์
๑๒๒
ชนั้ ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
จันทรุปราคา ซึ่งมีทั้งจันทรุปราคาเต็มดวง และ
จันทรุปราคาบางสว่ น
ว ๓.๑ ป.๖/๒ อธิบายพัฒนาการของ - เทคโนโลยอี วกาศเร่ิมจากความต้องการของมนุษย์ใน
เทคโนโลยีอวกาศ และยกตัวอย่างการ การสำรวจวัตถุท้องฟ้าโดยใช้ตาเปล่า กล้อง-
นำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ใน โทรทรรศน์ และได้พัฒนาไปสู่การขนส่งเพื่อสำรวจ
ชีวติ ประจำวัน จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ อวกาศด้วยจรวดและยานขนส่งอวกาศ และยังคง
พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยี
อวกาศบางประเภทมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เช่น การใช้ดาวเทียมเพื่อการสื่อสาร การพยากรณ์
อากาศ หรือการสำรวจทรัพยากรธรรมชำติ การใช้
อุปกรณ์วัดชีพจรและการเต้นของหัวใจ หมวกนิรภัย
ชดุ กฬี า
สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบ และความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการ
เปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและ
ภูมอิ ากาศโลกรวมทัง้ ผลต่อสง่ิ มชี ีวติ และสิ่งแวดล้อม
ชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
ป.๖ ว ๓ .๒ ป. ๖ /๑ เปร ียบเ ท ี ย บ - หินเป็นวัสดุแข็งเกิดขึ้นเองตามธรรมชำติ ประกอบ
กระบวนการเกิดหินอัคนี หิน ด้วยแร่ตั้งแต่หนึ่งชนิดขึ้นไป สามารถจำแนกหินตำ
ต ะ ก อ น แ ล ะ ห ิ น แ ป ร แ ล ะ มกระบวนการเกิดได้เป็น ๓ ประเภท ได้แก่ หินอัคนี
อธิบายวัฏจักรหินจากแบบจำลอง หินตะกอน และหนิ แปร
- หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวของแมกมา เนื้อหิน มี
ลักษณะเป็นผลึก ทั้งผลึกขนาดใหญ่และขนาดเล็ก
บางชนดิ อาจเปน็ เนอ้ื แก้ว หรือมรี ูพรนุ
- หินตะกอน เกิดจากการทับถมของตะกอนเมื่อถูก
แรงกดทับและมีสารเช่ือมประสานจงึ เกดิ เป็นหนิ เนื้อ
๑๒๓
ช้นั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
หินกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเม็ดตะกอน มีทั้ง
เนื้อหยาบและเนื้อละเอียด บางชนิดเป็นเนื้อผลึกที่
ยดึ เกาะกนั เกิดจากการตกผลึกหรือตกตะกอนจากน้ำ
โดย เฉพาะน้ำทะเล บางชนดิ มลี ักษณะเป็นชัน้ ๆ จึง
เรยี กอีกชือ่ ว่าหินชนั้
- หินแปร เกิดจากการแปรสภาพของหินเดิมซึ่งอาจ
เป็นหินอัคนี หินตะกอน หรอื หินแปร โดยการกระทำ
ของความร้อน ความดัน และปฏิกิริยาเคมี เนื้อหิน
ของหินแปรบางชนิดผลึกของแร่เรียงตัวขนานกัน
เปน็ แถบ บางชนิดแซะออกเปน็ แผ่นได้ บางชนดิ เป็น
เนอ้ื ผลึกท่มี คี วามแขง็ มาก
- หินในธรรมชาตทิ ง้ั ประเภท มกี ารเปลยี่ นแปลงจาก
ประเภทหนึ่งไปเป็นอีกประเภทหนึ่ง หรือประเภท
เดิมได้ โดยมีแบบรูปการเปลี่ยนแปลงคงที่และ
ต่อเน่อื งเปน็ วัฏจักร
ป.๖ ว ๓.๒ ป.๖/๒ บรรยายและ หนิ และแร่แตล่ ะชนิดมีลกั ษณะและสมบัติแตกตา่ งกัน
ยกตัวอย่างการใช้ประโยชน์ของ มนุษย์ใช้ประโยชน์จากแร่ในชีวิตประจำวัน ใน
หินและแร่ในชีวิตประจำวันจาก ลักษณะต่าง ๆ เช่น นำแร่มาทำเครื่องสำอาง ยำสฟี นั
ขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้ เครื่องประดับ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และนำหินมา
ใช้ในงานก่อสร้างตา่ ง ๆ เปน็ ตน้
ว ๓.๒ ป.๖/๓สร้างแบบจำลองท่ี - ซากดึกดำบรรพเ์ กดิ จากการทบั ถม หรอื การประทบั
อธิบายการเกิด ซากดึกดำบรรพ์ รอยของสิ่งมีชีวิตในอดีต จนเกิดเป็นโครงสร้างของ
และคาดคะเนสภาพแวดล้อมใน ซากหรือร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่ปรากฏอยู่ในหิน ใน
อดีตของซากดึกดำบรรพ์ ประเทศไทยพบซากดึกดำบรรพ์ ที่หลากหลาย เช่น
พืช ปะกำรัง หอย ปลา เต่า ไดโนเสาร์ และรอยตีน
สัตว์
๑๒๔
ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
- ซากดึกดำบรรพ์สามารถใชเ้ ปน็ หลักฐานหนึง่ ที่ช่วย
อธิบายภาพแวดล้อมของพื้นที่ในอดีตขณะเกิด
สิ่งมีชีวิตนั้น เช่น หากพบซากดึกดำบรรพ์ของ หอย
นำ้ จืด สภาพแวดล้อมบรเิ วณน้ันอาจเคยเป็นแหล่งน้ำ
จืดมาก่อน และหากพบซากดึกดำบรรพ์ของพืช
สภาพแวดล้อมบริเวณนั้นอาจเคยเป็นป่ามาก่อน
นอกจากนี้ซากดึกดำบรรพย์ งั สามารถใช้ระบุอายุของ
หิน และเป็นข้อมูลในการศึกษาวิวัฒนาการของ
สิ่งมชี ีวิต
ว ๓.๒ ป.๖/๕ อธิบายผลของ - มรสมุ เปน็ ลมประจำฤดูเกิดบริเวณเขตร้อนของโลก
มรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศ ซึ่งเป็นบริเวณกว้างระดับภมู ิภาค ประเทศไทยได้รบั
ไทย จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ ผลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงประมาณ
กลางเดือนตุลำคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ทำให้เกิด
ฤดูหนาว และได้รับผลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ใ น ช ่ ว ง ป ร ะ ม า ณ ก ล า ง เ ด ื อ น พ ฤ ษ ภ า ค ม จ น ถึ ง
กลางเดือนตลุ ำคมทำให้เกิดฤดูฝน สว่ นช่วงประมาณ
กลางเดือนกุมภาพันธ์จนถึงกลางเดือนพฤษภาคม
เป็นช่วงเปลี่ยนมรสุมและประเทศไทยอยู่ใกล้เส้น
ศนู ย์สูตร แสงอาทิตยเ์ กือบตั้งตรงและตัง้ ตรงประเทศ
ไทย ในเวลาเที่ยงวันทำให้ได้รับความร้อนจำกดวง
อาทิตยอ์ ยา่ งเต็มที่อากาศจึงรอ้ นอบอ้าวทำให้เกิดฤดู
ร้อน
ป.๖ ว ๓.๒ ป.๖/๖
๑๒๕
ชนั้ ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
บรรยายลักษณะและผลกระทบ - น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว
ของ น้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง และ สึนามิ มีผลกระทบต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม
ดนิ ถล่ม แผน่ ดนิ ไหว สนึ ามิ แตกต่างกนั
ว ๓ . ๒ ป . ๖ / ๗ ต ร ะ ห น ั ก ถึง - มนุษย์ควรเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนให้ปลอดภัย เช่น
ผลกระทบของภัยธรรมชำติและ ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เตรียมถุงยังชีพ ให้
ธรณีพิบัติภัย โดยนำเสนอ พร้อมใช้ตลอดเวลา และปฏิบัติตามคำสั่งของ
แนวทางในการเฝ้าระวังและ ผู้ปกครองและเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดเมื่อเกิดภัย
ปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากภัย ทางธรรมชำตแิ ละธรณีพบิ ตั ิภยั
ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัยที่อาจ
เกดิ ในทอ้ งถ่ิน
ว ๓.๒ ป.๖/๘ - ปรากฏการณเ์ รอื นกระจกเกดิ จากแก๊สเรือนกระจก
สร้างแบบจำลองที่อธิบายการเกิด ในชน้ั บรรยากาศของโลก กกั เกบ็ ความร้อนแลว้ คาย
ปรากฏการณ์เรือนกระจกและผล ความร้อนบางสว่ นกลบั สู่ผิวโลก ทำใหอ้ ากาศ บนโลก
ของปรากฏการณ์เรือนกระจกตอ่ มอี ุณหภูมิเหมะสมตอ่ การดำรงชีวิต
สง่ิ มชี ีวิต - หากปรากฏการณ์เรือนกระจกรุนแรงมากข้ึน จะมี
ว ๓ . ๒ ป . ๖ / ๙ ต ร ะ ห น ั ก ถึง ผลต่อการเปลีย่ นแปลงภูมิอากาศโลก มนุษย์ จึงควร
ผลกระทบของปรากฏการณ์เรอื น ร่วมกนั ลดกจิ กรรมท่กี ่อใหเ้ กดิ แก๊สเรือนกระจก
กระจกโดยนำเสนอแนวทางการ
ป ฏ ิ บ ั ต ิ ต น เ พ ื ่ อ ล ด ก ิ จ ก ร ร ม ท่ี
กอ่ ให้เกดิ แกส๊ เรอื นกระจก
สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
๑๒๖
มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมที่มีการ
เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ
เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
เลอื กใชเ้ ทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สังคม และสิ่งแวดล้อม
ช้นั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
-- -
สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน
และเปน็ ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้
อยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมจี ริยธรรม
ชน้ั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
ป.๖ ว ๔.๒ ป.๖/๑ใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ - การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขั้นตอนจะช่วยให้แก้ปัญหา
ในการอธิบายและออกแบบ ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ
วธิ ีการแก้ปัญหาทพี่ บใน - การใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะเปน็
ชีวิตประจำวนั การนำกฎเกณฑ์ หรือเงอ่ื นไขที่ครอบคลุมทุกกรณีมา
ใชพ้ ิจารณาในการแก้ปัญหา
- แนวคดิ ของการทำงานแบบวนซ้ำ และเงือ่ นไข
- การพิจารณากระบวนการทำงานที่มีการทำงาน
แบบวนซ้ำ หรือเงื่อนไขเป็นวิธีการที่จะช่วยให้การ
ออกแบบวิธกี ารแกป้ ญั หาเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
- ตัวอยา่ งปญั หา เชน่ การคน้ หาเลขหนา้ ทีต่ ้องการให้
เร็วที่สุดการทายเลข ๑ – ๑,๐๐๐,๐๐๐ โดยตอบให้
ถูกภายใน ๒๐ คำถาม, การคำนวณเวลาในการ
เดินทาง โดยคำนงึ ถงึ ระยะทาง เวลาจดุ หยุดพกั
ว ๔.๒ ป.๖/๒ออกแบบและเขียน - การออกแบบโปรแกรมสามารถทำไดโ้ ดยเขยี น เป็น
โปรแกรมอยา่ งง่าย เพอื่ แกป้ ัญหา ขอ้ ความ หรอื ผงั งาน
- การออกแบบและเขยี นโปรแกรม
๑๒๗
ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ในชีวติ ประจำวัน ตรวจหาขอ้ ผดิ ทม่ี กี ารใชต้ ัวแปร การวนซำ้
พลาด ของโปรแกรมและแก้ไข การตรวจสอบเงอ่ื นไข
– หากมีข้อผดิ พลาดให้ตรวจสอบ
การทำงาน ทีละคำส่งั เมื่อพบจุดที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่
ถูกตอ้ ง ใหท้ ำการแก้ไขจนกวา่ จะได้ผลลัพธท์ ี่ถกู ต้อง
- การฝึกตรวจหำข้อผิดพลาดจากโปรแกรมของผู้อื่น
จะช่วยพฒั นาทักษะการหาสาเหตขุ องปัญหาได้ดี
ยิ่งขึน้
- ตัวอยา่ งปัญหา เช่น โปรแกรมเกม โปรแกรมหาค่า
ค.ร.น เกมฝกึ พิมพ์
- ซอฟต์แวรท์ ่ีใช้ในการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch,
l๐g๐
ป.๖ ว ๔.๒ ป.๖/๓ ใชอ้ ินเทอร์เน็ตใน - การคน้ หาอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เป็นการคน้ หา
การคน้ หาขอ้ มลู อย่างมี ขอ้ มูลทไ่ี ด้ตรงตามความต้องการในเวลาทีร่ วดเร็ว
ประสิทธภิ าพ จากแหล่งขอ้ มูลทน่ี ่าเช่อื ถือหลายแหล่ง และขอ้ มูล มี
ความสอดคล้องกนั – การใชเ้ ทคนคิ การค้นหาขน้ั สงู
เชน่ การใช้ ตัวดำเนินการ การระบุรปู แบบของขอ้ มลู
หรอื ชนดิ ของไฟล์
- การจดั ลำดบั ผลลัพธ์จากกาค้นหาของโปรแกรม
คน้ หา
- การเรียบเรยี ง สรปุ สำระสำคญั (บูรณาการกบั วิชา
ภาษาไทย)
ว ๔.๒ ป.๖/๔ ใช้เทคโนโลยี - อันตรายจากการใช้งานและอาชญากรรม ทาง
สารสนเทศทำงานร่วมกันอยา่ ง อนิ เทอรเ์ นต็ แนวทางในการปอ้ งกัน
ปลอดภัย เขา้ ใจสิทธิและหน้าที่ - วิธกี ำหนดรหัสผ่าน
ของตน เคารพในสทิ ธิของผ้อู ่นื - การกำหนดสิทธ์ิการใชง้ าน (สิทธ์ิในการเข้าถงึ )
- แนวทางการตรวจสอบและป้องกัน
๑๒๘
ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
แจ้งผเู้ กีย่ วข้องเมอ่ื พบข้อมูลหรือ มลั แวร์
บุคคลที่ไม่เหมาะสม – อนั ตรายจากการตดิ ตงั้ ซอฟต์แวร์ทอ่ี ยู่บน
อินเทอรเ์ นต็
คำอธิบายรายวิชา
๑๒๙
กลุม่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖
ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ รหัสวชิ า ว๑๖๑๐๑ เวลา ๑๒๐ ชั่วโมง/ ปี
ศกึ ษาและเรยี นรูเ้ กีย่ วกบั สารอาหารและประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภท แนวทางใน
การเลือกรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับเพศและวัย รวมท้ัง
ความปลอดภัยต่อสุขภาพ ความสำคัญของสารอาหาร ระบบย่อยอาหาร และหน้าที่ของอวัยวะใน
ระบบย่อยอาหาร แนวทางในการดูแลรักษาอวัยวะในระบบย่อยอาหารให้ทำงานเป็นปกติ การเกิด
และผลของแรงไฟฟ้า สว่ นประกอบและหนา้ ที่ของแต่ละสว่ นประกอบของวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย เขียน
แผนภาพและตอ่ วงจรไฟฟา้ อย่างงา่ ย วิธกี ารและผลของการตอ่ เซลลไ์ ฟฟา้ แบบอนุกรม ประโยชน์และ
การประยุกตก์ ารตอ่ เซลล์ไฟฟา้ แบบอนุกรมในชีวิตประจำวัน การตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบ
ขนาน และการประยกุ ตก์ ารต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนานในชวี ิตประจำวัน การเกิดเงา
มืดเงามัว เขียนแผนภาพรังสีของแสงแสดงการเกิดเงามืดเงามัว การแยกสารผสมโดยการหยิบออก
การร่อน การใช้แม่เหล็กดึงดูด การรินออก การกรอง และการตกตะกอน รวมทั้งวิธีแก้ปัญหาใน
ชวี ติ ประจำวันเก่ยี วกบั การแยกสาร กระบวนการเกิดหินอคั นี หนิ ตะกอน และหนิ แปร และวฏั จกั รหิน
การเกิดลมบก ลมทะเล และมรสุม ผลของมรสุมต่อการเกิดฤดูของประเทศไทย ลักษณะและ
ผลกระทบของน้ำท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม แผ่นดินไหว และสึนามิ ผลกระทบของภัย
ธรรมชาติและธรณีพิบัติภัย แนวทางในการเฝ้าระวงั และปฏบิ ัติตนให้ปลอดภัยจากภยั ธรรมชาติและ
ธรณพี บิ ตั ภิ ัยท่อี าจเกิดขนึ้ ในทอ้ งถิ่น การเกิดปรากฏการณเ์ รอื นกระจก และผลของปรากฏการณ์เรือน
กระจกต่อส่ิงมชี ีวิต ปรากฏการณส์ รุ ยิ ปุ ราคาและจนั ทรุปราคา พฒั นาการของเทคโนโลยอี วกาศ ศกึ ษา
เกี่ยวกบั การออกแบบและเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใชโ้ ปรแกรม Scratch ศึกษาการแก้ปัญหาโดย
ใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การใช้งานอินเทอร์เน็ต การค้นหาข้อมูลโดยใช้อินเทอร์เน็ต การประเมินความ
นา่ เช่ือถอื ศกึ ษาการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและความปลอดภัยในการใชง้ านเทคโนโลยี
โดยมุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ที่สามารถนำไปใช้อธิบาย แก้ไขปัญหา หรือ
สร้างสรรค์พัฒนางานในชีวิตจริงได้ ซึ่งเน้นการเชื่อมโยงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ
เทคโนโลยี กับกระบวนการทางวิศวกรรมศาสตร์ และให้มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์
ความรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรูแ้ ละการแก้ปญั หาทห่ี ลากหลาย
เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะการคิด และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกข้ันตอน
รวมท้งั สง่ เสริมใหผ้ ู้เรยี นเกิดจิตวทิ ยาศาสตรแ์ ละมเี จตคตทิ ี่ดตี อ่ การเรียนวทิ ยาศาสตร์
ตัวช้ีวัด
๑๓๐
มาตรฐาน ว ๑.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕
มาตรฐาน ว ๒.๑ ป.๖/๑
มาตรฐาน ว ๒.๒ ป.๖/๑
มาตรฐาน ว ๒.๓ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘
มาตรฐาน ว ๓.๑ ป.๖/๑, ป.๖/๒
มาตรฐาน ว ๓.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔, ป.๖/๕, ป.๖/๖, ป.๖/๗, ป.๖/๘, ป.๖/๙
มาตรฐาน ว ๔.๒ ป.๖/๑, ป.๖/๒, ป.๖/๓, ป.๖/๔
รวมทัง้ หมด ๓๐ ตวั ชี้วดั
โครงสรา้ งรายวิชา ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖
รายวชิ า วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๖ (วิทยาศาสตร์)
๑๓๑
รหสั วิชา ว๑๖๑๐๑ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง / ปี
หน่วยการ ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั เวลา/ คะแนน
เรยี นรทู้ ่ี ชั่วโมง (๑๐๐)
๑ รา่ งกายของเรา ว ๑.๒ ป.๖/๑ ๑๐ ๑๐
- อาหาร สารอาหาร และพลังงาน ป.๖/๒ ป.๖/๓
- ระบบยอ่ ยอาหารของร่างกาย ป.๖/๔ ป.๖/๕
๒ สารรอบตัวเรา ว ๒.๑ ป.๖/๑ ๑๐ ๑๐
- สารผสม
- วิธีการแยกสารผสม
๓ ไฟฟา้ ว ๒.๒ ป.๖/๑ ๑๒ ๑๐
ว ๒.๓ ป.๖/๑
-แรงไฟฟา้ และวงจรไฟฟา้ ป.๖/๒ ป.๖/๓ ๑๒ ๑๐
ป.๖/๔ ป.๖/๕ ๑๒ ๑๐
-วงจรไฟฟ้าใกล้ตวั ป.๖/๖ ๑๒ ๑๐
ว ๒.๓
-การตอ่ วงจรไฟฟา้ ป.๖/๗ ป.๖/๘
๔ ปรากฏการณข์ องโลก ว ๓.๑ ป.๖/๑
-เงามืดและเงามวั ป.๖/๒
-จันทรุปราคาและสรุ ิยปุ ราคา ว ๓.๒ ป.๖/๑
ป.๖/๒ ป.๖/๓
๕ เทคโนโลยีอวกาศ
-ความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยอี วกาศ ว ๓.๒ ป.๖/๔ ๑๒ ๑๐
ป.๖/๕ ป.๖/๖
๖ หนิ ในท้องถน่ิ ป.๖/๗ ป.๖/๘
-ประเภทของหิน ป.๖/๙
-วัฏจักรของหนิ
-ประโยชนข์ องหนิ และแร่
-ซากดึกดำบรรพ์
๗ ลม ภัยธรรมชาติ ปรากฏการณ์เรอื นกระจก
- ลมบก ลมทะเล และลมมรสุม
- ภยั ธรรมชาติและปรากฏการณ์เรอื นกระจก
๑๓๒
หนว่ ยการ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั เวลา/ คะแนน
เรียนรู้ท่ี ช่วั โมง (๑๐๐)
รวมคะแนนระหว่างเรยี น ๗๐
คะแนนทดสอบปลายปี ๓๐
รวมคะแนนท้งั ปี ๑๐๐
๑๓๓
รายวชิ า วิทยาศาตร์และเทคโนโลยี ๖ (วิทยาการคำนวณ) ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖
รหสั วชิ า ว๑๖๑๐๑ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ปี
หนว่ ยการ ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั เวลา/ คะแนน
เรียนรู้ท่ี ชว่ั โมง (๑๐๐)
๑ การแกป้ ัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ ว ๔.๒ ป.๖/๑ ๘ ๑๕
-เหตผุ ลเชงิ ตรรกะกับการแก้ปัญหา
-แนวคดิ ในการแก้ปัญหา
๒ การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย ว ๔.๒ ป.๖/๒ ๘ ๒๐
-การออกแบบโปรแกรมด้วยการเขียน
ขอ้ ความ
-การออกแบบโปรแกรมดว้ ยการเขียนผงั งาน
-การเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Scratch
-การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดของโปรแกรม
๓ การใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ตอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ว ๔.๒ ป.๖/๓ ๑๖ ๑๕
-การคน้ หาข้อมลู โดยใช้อนิ เทอรเ์ น็ต
-การจัดลำดบั ผลลัพธ์การคน้ หา
-การประเมนิ ความน่าเชอ่ื ถือ
๔ ความปลอดภัยในการใช้งานเทคโนโลยี ว ๔.๒ ป.๖/๔ ๘ ๒๐
สารสนเทศ
-การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ
-การตดิ ตัง้ ซอฟต์แวรจ์ ากอนิ เทอร์เนต็
สอบปลายปี ๓๐
รวม ๔๐ ๑๐๐
* หมายเหตุ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๓ (วิทยาการคำนวณ) ใช้ชั่วโมงเรียนและ วัดผลรวมใน
รายวชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ๓ (วทิ ยาศาสตร์) โดยใชอ้ ัตราสว่ น (๗๐:๓๐)
๑๓๔
สอ่ื / แหล่งเรยี นรู้
สอ่ื การเรยี นรเู้ ป็นเคร่ืองมือสง่ เสรมิ สนับสนุนการจัดการกระบวนการเรยี นรู้ ใหผ้ ูเ้ รียนเข้าถึง
ความรูท้ กั ษะกระบวนการและคุณลกั ษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ สอื่ การ
เรียนรู้ มีหลากหลายประเภท ทั้งสอื่ ธรรมชาติ ส่ือสง่ิ พิมพ์ ส่ือเทคโนโลยี และเครอื ข่ายการเรยี นรู้ต่าง
ๆ ที่มใี นทอ้ งถนิ่ การเลือกใชส้ ื่อควรเลือกให้มคี วามเหมาะสมกบั ระดับพฒั นาการ และลีลาการเรยี นรทู้ ่ี
หลากหลายของผเู้ รยี นการจดั หาส่อื การเรียนรู้ ผู้เรยี นและผ้สู อนสามารถจัดทำและพฒั นาขึ้นเอง หรือ
ปรับปรงุ เลือกใช้อยา่ งมคี ุณภาพจากสื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบตวั เพือ่ นำมาใชป้ ระกอบในการจดั การเรยี นรู้
ที่สามารถสง่ เสรมิ และสื่อสารให้ผู้เรยี นเกดิ การเรยี นรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจัดใหม้ ีอย่างพอเพียง เพือ่
พฒั นาใหผ้ เู้ รียน เกิดการเรียนรอู้ ยา่ งแทจ้ รงิ สถานศกึ ษาเขตพื้นทกี่ ารศกึ ษา หน่วยงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งและ
ผ้มู ีหนา้ ทีจ่ ัดการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน ควรดำเนนิ การดงั น้ี
๑. จดั ให้มีแหล่งการเรยี นรู้ ศนู ยส์ ือ่ การเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรยี นรู้ และเครือขา่ ยการ
เรียนรทู้ ี่มีประสทิ ธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพือ่ การศกึ ษาค้นคว้าและการแลกเปลย่ี น
ประสบการณ์ การเรียนร้รู ะหว่างสถานศกึ ษา ทอ้ งถนิ่ ชมุ ชน สังคมโลก
๒. จดั ทำและจดั หาส่ือการเรียนรูส้ ำหรับการศึกษาค้นคว้าของผเู้ รียน เสริมความรูใ้ ห้ผูส้ อน
รวมทั้งจัดหาส่งิ ทมี่ ีอยใู นทอ้ งถ่นิ มาประยกุ ตใ์ ช้เป็นสอื่ การเรยี นรู้
๓. เลอื กและใช้ส่ือการเรยี นร้ทู ีม่ ีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้องกับ
วิธกี ารเรยี นรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหว่างบุคคลของผ้เู รยี น
๔. ประเมินคณุ ภาพของสอื่ การเรียนรู้ทเี่ ลือกใชอ้ ย่างเป็นระบบ
๕. ศกึ ษาคน้ ควา้ วิจยั เพ่ือพฒั นาสอื่ การเรียนร้ใู หส้ อดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรยี น
๖. จดั ให้มกี ารกำกับ ตดิ ตาม ประเมินคณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพเกยี่ วกบั ส่ือและการใช้ส่อื
การเรียนร้เู ปน็ ระยะ ๆ และสม่ำเสมอ
ในการจดั ทำ การเลือกใชแ้ ละการประเมนิ คณุ ภาพสื่อการเรียนรู้ทใ่ี ช้ในสถานศกึ ษาควร
คำนงึ ถึงหลกั การสำคญั ของสือ่ การเรียนรู้ เช่น ความสอดคล้องกบั หลกั สตู ร วัตถุประสงคก์ ารเรยี นรู้
การออกแบบกิจกรรมการเรยี นรู้ การจัดประสบการณใ์ หผ้ ู้เรียน เน้อื หามีความถูกต้องและทนั สมัย ไม่
กระทบความมั่นคงของชาติ ไมข่ ัดตอ่ ศีลธรรม มกี ารใชภ้ าษาท่ถี กู ต้อง รูปแบบการนำเสนอท่เี ขา้ ใจงา่ ย
และนา่ สนใจ
๑๓๕
การวดั ผลและประเมินผล
อัตราสว่ นคะแนน คะแนนระหว่างปีการศกึ ษา : สอบปลายปีการศึกษา = ๗๐ : ๓๐
รายการวดั คะแนน
ระหว่างภาค มกี ารวัดและประเมินผล ดงั น้ี ๗๐
๑. คะแนนระหว่างปีการศึกษา
๑.๑ วดั โดยใชแ้ บบทดสอบ
๑.๒ วดั ทกั ษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ (เลือกวัดตามแผนการจดั การเรียนรู้)
๑.๒.๑ ภาระงานทม่ี อบหมาย
- การทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝึกทกั ษะ
- การแกป้ ัญหาทางวิทยาศาสตร์
- การศึกษาค้นคว้าทางวทิ ยาศาสตร์
- การร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้
๑.๒.๒ แฟม้ สะสมงานวทิ ยาศาสตร์
๑.๒.๓ โครงงานวทิ ยาศาสตร์
๑.๒.๔ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
๑.๓ วัดคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และเจตคตทิ ด่ี ีต่อวิชาวทิ ยาศาสตร์
๒. คะแนนสอบกลางปีการศกึ ษา วัดและประเมินผลโดยใชแ้ บบทดสอบ ๑๐
คะแนนสอบปลายปีการศึกษา มีวดั และประเมนิ ผลโดยใช้แบบทดสอบ ๓๐
รวม ๑๐๐
๑๓๖
เกณฑก์ ารวัดผลประเมนิ ผล
๑. การวดั และประเมินผลโดยใชแ้ บบทดสอบ
๑.๑ เกณฑใ์ ห้คะแนนแบบทดสอบแบบเลอื กตอบ พิจารณาจากความถูกผิดของการเลือกตอบ
ตอบถกู ให้ ๑ คะแนน ตอบผดิ ให้ ๐ คะแนน
๑.๒ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบถกู ผิด พิจารณาจากความถูกผดิ ของคำตอบ
ตอบถูกให้ ๑ คะแนน ตอบผิดให้ ๐ คะแนน
๑.๓ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเติมคำ พจิ ารณาจากความถกู ผดิ ของคำตอบ
ตอบถกู ให้ ๑ คะแนน ตอบผิดให้ ๐ คะแนน
๑.๔ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบจบั คู่ พิจารณาจากความถกู ผิดของการจบั คู่
จับคู่ถูกให้ ๑ คะแนน จบั คผู่ ิดให้ ๐ คะแนน
๑.๕ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเปรยี บเทยี บ พจิ ารณาจากความถูกผดิ ของการเปรียบเทียบ
เปรยี บเทยี บถูกให้ ๑ คะแนน เปรียบเทยี บผิดให้ ๐ คะแนน
๑.๖ เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบแบบเขียนตอบ พจิ ารณาจากคำตอบในภาพรวมทั้งหมด
โดยกำหนดระดบั คะแนนเปน็ ๔ ระดับ ดงั นี้
ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
๓ ตอบได้ถูกต้อง สามารถอธบิ ายเหตุผลได้อยา่ งชัดเจน
๒ ตอบไดถ้ กู ต้อง สามารถอธิบายเหตุผลได้เป็นบางส่วน แตย่ ังไมช่ ัดเจน
๑ ตอบได้ถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่สามารถอธบิ ายเหตุผลได้
๐ ตอบไมถ่ กู ต้อง และไมส่ ามารถอธิบายเหตุผลได้
๑.๗ เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบทดสอบแบบตอ่ เน่ือง
(๑) เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบแบบต่อเนื่องทีก่ ำหนดสถานการณ์พิจารณาจากความถกู ผดิ
ของคำตอบ ตอบถกู ให้ ๑ คะแนน ตอบผิดให้ ๐ คะแนน
(๒) เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบทดสอบแบบต่อเน่อื งสองขน้ั ตอนโดยกำหนดระดับคะแนนเปน็ ๓
ระดับ ดังนี้
ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารให้คะแนน
๒ เลือกคำตอบและบอกเหตผุ ลประกอบถกู ตอ้ ง
๑ เลือกคำตอบถูกต้อง แต่บอกเหตุผลประกอบไมถ่ กู ต้อง หรอื เลือกคำตอบไม่
ถกู ตอ้ ง แตบ่ อกเหตุผลประกอบได้สอดคลอ้ งกบั คำตอบท่ีเลือก
๐ เลือกคำตอบและบอกเหตุผลประกอบไม่ถูกต้อง
๑๓๗
๑.๘ เกณฑก์ ารให้คะแนนแบบทดสอบแสดงวธิ ที ำ
โดยกำหนดระดบั คะแนนเปน็ ๕ ระดบั ดงั น้ี
ระดับคะแนน เกณฑ์การให้คะแนน
๔ คำตอบถูกต้องและแสดงวธิ ที ำท่มี ีประสิทธิภาพ โดยแสดงถงึ การคดิ อย่างเปน็
ระบบ และการคดิ วิเคราะห์
๓ คำตอบถกู ตอ้ งและแสดงวิธที ำถูกต้องสมบรู ณ์
๒ คำตอบถูกต้อง แสดงวิธที ำถูกตอ้ งแตย่ ังไม่สมบรู ณ์
๑ คำตอบถกู ตอ้ ง มีการแสดงแสดงวิธีทำแตย่ งั ไม่ถกู ตอ้ งสมบูรณ์
๐ คำตอบไมถ่ กู ต้อง และแสดงวิธที ำไม่ถกู ต้อง
๒. การวัดและประเมินผลดา้ นทักษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ
๒.๑ ภาระงานที่มอบหมาย
- ใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝกึ ทกั ษะ
กำหนดเกณฑ์การทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝกึ ทกั ษะ ๔ ระดับ ดงั น้ี
ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน
๔ (ดมี าก) - ทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝกึ ทกั ษะครบถว้ นและเสรจ็ ตามกำหนดเวลา
- ทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝึกทักษะได้ถูกตอ้ ง
- แสดงลำดับขัน้ ตอนของการทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝึกทักษะชัดเจน
เหมาะสม
๓ (ดี) - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะครบถว้ นและเสรจ็ ตามกำหนดเวลา
- ทำใบงาน/แบบฝึกหดั /แบบฝกึ ทกั ษะได้ถูกตอ้ ง
- สลบั ข้ันตอนของการทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝึกทกั ษะ หรือไมร่ ะบุ
ข้ันตอน ของการทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝกึ ทักษะ
๒ (พอใช้) - ทำใบงาน/แบบฝึกหดั /แบบฝกึ ทักษะครบถว้ น แตเ่ สรจ็ หลงั กำหนดเวลา
เลก็ นอ้ ย
- ทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝึกทักษะขอ้ ไมถ่ กู ต้อง
- สลบั ขนั้ ตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทกั ษะ หรือไม่ระบุ
ขน้ั ตอน ของการทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝกึ ทักษะ
๑ (ปรับปรงุ ) - ทำใบงาน/แบบฝกึ หดั /แบบฝึกทักษะไม่ครบถ้วน หรอื ไม่เสร็จตาม
กำหนดเวลา
- ทำใบงาน/แบบฝกึ หัด/แบบฝกึ ทักษะไม่ถกู ตอ้ ง
๑๓๘
ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารให้คะแนน
- แสดงลำดบั ข้นั ตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝกึ ทักษะไม่สมั พนั ธ์
กบั โจทย์หรือไมแ่ สดงลำดบั ขนั้ ตอน
- การประเมินผลการแกป้ ัญหาทางวิทยาศาสตร์
กำหนดเกณฑ์การประเมนิ ผลการแกป้ ัญหาทางวทิ ยาศาสตร์ ดงั น้ี
รายการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารพิจารณา
๑. การสังเกต ๓ (ดี) - เขา้ ใจและระบุปญั หาไดถ้ กู ตอ้ ง
เพ่ือระบปุ ญั หา ๒ (พอใช้) - เขา้ ใจและระบปุ ัญหาบางส่วนไมถ่ กู ตอ้ ง
๑ (ปรบั ปรงุ ) - เขา้ ใจปญั หาน้อยมากหรอื ไม่สามารถระบุปัญหา
๒. การตั้งสมมติฐาน ๓ (ดี) - ต้ังสมมติฐานของปญั หาไดเ้ หมาะสมและถกู ตอ้ ง
๒ (พอใช้) - ตง้ั สมมติฐานของปัญหาได้ซง่ึ อาจนำไปสคู่ ำตอบ
๑ (ปรับปรงุ ) ทถ่ี กู
แต่ยงั มบี างส่วนผดิ
- ตั้งสมมติฐานของปัญหาไมถ่ ูกตอ้ ง
๓. การรวบรวม ๓ (ดี) - นำวิธกี ารแกป้ ัญหาไปใช้ไดถ้ ูกต้อง
ขอ้ มูล ๒ (พอใช้) - นำวธิ กี ารแกป้ ญั หาไปใชไ้ ด้ถกู ตอ้ งเป็นบางครั้ง
๑ (ปรับปรุง) - นำวิธกี ารแกป้ ัญหาไปใชไ้ ม่ถกู ต้อง
๔. การสรุปผล ๓ (ดี) - สรปุ ผลได้ถกู ตอ้ งสมบูรณ์
๒ (พอใช้) - สรุปผลที่ไมส่ มบรู ณห์ รือไม่ถกู ตอ้ ง
๑ (ปรบั ปรงุ ) - ไมม่ กี ารสรุปผล
๑๓๙
- การประเมนิ ผลการศึกษาคน้ ควา้ ทางวทิ ยาศาสตร์
๑) กำหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ผลการศึกษาคน้ ควา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ด้านทฤษฎี เปน็ ๔ ระดบั
ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา
๔ - การวางแผนชัดเจนและทำงานเป็นระบบ
- แสดงขอ้ มูลที่ละเอียดชดั เจน
(ดีมาก) - แสดงความเชื่อมโยงระหว่างเนื้อหาวชิ าได้ชัดเจน
- ลงข้อสรปุ ทถ่ี ูกตอ้ งชดั เจน
๓ - นำเสนอผลงานอย่างเหมาะสม
(ดี) - การวางแผนชดั เจน
- แสดงข้อมูลท่ีละเอียด
๒ - แสดงความเชื่อมโยงระหวา่ งเนือ้ หาวิชาไดช้ ัดเจน
(พอใช้) - ลงขอ้ สรปุ ที่ถูกต้องชดั เจน
- นำเสนอผลงานได้ยังไม่ชดั เจน
๑ - การวางแผนไม่ชัดเจน
(ปรับปรุง) - แสดงข้อมูลบางสว่ นผิดพลาด
- แสดงความเชอ่ื มโยงระหว่างเนือ้ หาวิชาไม่ชัดเจน
- ลงข้อสรปุ บางสว่ นผิดพลาด
- นำเสนอผลงานได้ไม่ชดั เจน
- การวางแผนไม่ชดั เจน
- แสดงข้อมูลไมถ่ ูกต้อง
- แสดงความเชือ่ มโยงระหว่างเน้อื หาวชิ าไมช่ ดั เจน
- ลงขอ้ สรปุ ไมถ่ ูกตอ้ ง
- นำเสนอผลงานได้ไม่ถกู ตอ้ ง
๑๔๐
๒) กำหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ผลการศึกษาค้นควา้ ทางวิทยาศาสตรท์ ี่มีผลงานเป็นสิ่งประดิษฐ์
๔ ระดับ
ระดบั คุณภาพ เกณฑ์การพจิ ารณา
๔ - มคี วามคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรคแ์ ละแปลกใหม่
(ดมี าก) - แกป้ ัญหาและตอบสนองตามความตอ้ งการ
- วางแผนการสรา้ งมีคุณภาพ แสดงรายละเอียดของช้นิ งานในแต่ละส่วนชัดเจน
สมบูรณ์
- เลือกและใชเ้ ครื่องมอื ไดเ้ หมาะสม
- ใช้งานได้ตามความคาดหวงั
๓ - มคี วามคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์และแปลกใหม่
(ดี) - แกป้ ัญหาและตอบสนองตามความต้องการ
- วางแผนการสรา้ งและมีการแสดงรายละเอยี ดของแต่ละส่วน
- เลือกและใชเ้ คร่อื งมือไดเ้ หมาะสม
- ใชง้ านได้ตามความคาดหวงั
๒ - มคี วามคิดริเร่มิ สร้างสรรค์
(พอใช้) - แกป้ ัญหาและตอบสนองตามความตอ้ งการ
- วางแผนการสร้างและมกี ารแสดงรายละเอยี ดบางสว่ นไม่ชัดเจน
- เลือกและใชเ้ ครื่องมือไดเ้ หมาะสม
- ใช้งานได้ตามความคาดหวงั
๑ - ขาดความคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์
(ปรับปรุง) - ไม่ตอบสนองตอ่ การแกป้ ัญหาและความตอ้ งการ
- วางแผนการสร้างไมช่ ัดเจน
- เลอื กและใชเ้ ครื่องมอื ไมเ่ หมาะสม
- ใช้งานไม่ได้ตามความคาดหวงั
๑๔๑
- การประเมนิ ผลการรว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้
การร่วมกจิ กรรมการเรยี นรูส้ ่วนใหญ่มอบหมายภาระงานเป็นกลุ่มกำหนดเกณฑ์ การประเมนิ ผล
การร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ ดงั นี้
รายการประเมนิ ระดับคุณภาพ เกณฑก์ ารพจิ ารณา
๑. การวางแผน ๓ (ด)ี - วางแผนและมอบหมายหนา้ ท่ีให้สมาชกิ ได้
๒ (พอใช้) ชัดเจน
๑ (ปรบั ปรุง) - วางแผนแตม่ อบหมายหนา้ ท่ใี ห้สมาชิกไม่
ชัดเจน
- ไมม่ ีการวางแผน
๒. ความรว่ มมือในกลุ่ม ๓ (ด)ี - ทุกคนทำงานตามหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบ
๒ (พอใช้) - สมาชิกส่วนมากทำงานตามหนา้ ที่
๑ (ปรบั ปรุง) - สมาชกิ ไม่ทำงานตามหน้าท่ี
๓. ทกั ษะการปฏิบตั กิ าร ๓ (ด)ี - ปฏบิ ัติตามข้นั ตอนอยา่ งถูกต้องเหมาะสม
๒ (พอใช้) - ปฏบิ ตั ิตามขน้ั ตอนแต่ยังมีขอ้ ผิดพลาดเป็น
๑ (ปรบั ปรงุ ) บางส่วน
- ไม่สามารถปฏิบตั ไิ ด้ตามข้ันตอนและมคี วาม
ผดิ พลาด
๔. การเขยี นรายงาน ๓ (ด)ี - เขยี นรายงานได้ถูกตอ้ งเหมาะสมและ
๒ (พอใช้) นำเสนอไดส้ มบูรณ์
๑ (ปรับปรุง) - เขยี นรายงานไม่สมบูรณ์
- รายงานมีขอ้ ผิดพลาดหรอื ไม่เขียนรายงาน
๕. เวลา ๓ (ดี) - ปฏบิ ตั ิงานเสร็จสมบูรณ์ตามเวลาทก่ี ำหนด
๒ (พอใช้) - ปฏิบัติงานเสร็จตามเวลาท่กี ำหนดแต่ไม่
๑ (ปรบั ปรุง) สมบูรณ์
- ปฏิบัติงานไมเ่ สร็จสมบรู ณต์ ามเวลาทกี่ ำหนด
๑๔๒
๒.๒ แฟ้มสะสมงานวทิ ยาศาสตร์
การประเมินแฟม้ สะสมงานวิทยาศาสตร์กำหนดเกณฑก์ ารประเมินเป็น ๔ ระดับ
ระดบั คุณภาพ เกณฑก์ ารพิจารณา
๔ (ดีมาก) - ผลงานมีรายละเอียดอย่างเพียงพอท่ีแสดงถึงระดบั ความรูแ้ ละพฒั นาการของ
ผูเ้ รยี น และแสดงถึงความเข้าใจในเรอ่ื งที่ศกึ ษา
๓ (ดี) - ผลงานมรี ายละเอยี ดอย่างเพียงพอทีแ่ สดงถงึ ระดับความรแู้ ละพัฒนาการของ
ผ้เู รยี น ไมม่ ีข้อผดิ พลาดท่ีแสดงว่าไมเ่ ขา้ ใจ
๒ (พอใช้) - ผลงานมีรายละเอยี ดแสดงไวใ้ นบันทึกใหเ้ ห็นถงึ ระดับความรู้และพฒั นาการของ
ผ้เู รียน แตพ่ บวา่ บางสว่ นมีความผิดพลาดหรอื ไมช่ ัดเจนหรอื แสดงถึงความไม่เข้าใจ
ในเร่อื งท่ีศึกษาของผู้เรยี น
๑ (ปรบั ปรงุ ) - ผลงานมีขอ้ มลู น้อย ไมม่ รี ายละเอยี ดแสดงไว้ในบนั ทกึ หรอื แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ระดบั
ความรู้และพฒั นาการของผเู้ รียน
๑๔๓
๒.๓ โครงงานวทิ ยาศาสตร์
การประเมินผลโครงงานวิทยาศาสตร์กำหนดเกณฑก์ ารประเมินเปน็ ๔ ระดบั
ระดับคณุ ภาพ เกณฑก์ ารพิจารณา
๔ (ดมี าก) - แสดงถงึ ความเข้าใจปญหาอยา่ งชดั เจน
- มีความคดิ ริเรมิ่ สร้างสรรค์ในการออกแบบโครงงาน
- ใช้เทคนิควิธกี ารต่าง ๆ ในการจดั ทำโครงงานจนประสบผลสำเร็จ
- การนำเสนอรายงานเปน็ ลำดบั ขัน้ ตอนดีมากและใชเ้ ป็นแบบอย่างได้
- มกี ารวางแผนการทำงานเปน็ ระบบและทำงานเสรจ็ ตามกำหนดเวลา
- มีการศกึ ษาคน้ คว้าข้อมลู จากแหล่งการเรียนรทู้ ่นี า่ เช่อื ถือและหลากหลาย
๓ (ด)ี - แสดงถงึ ความเขา้ ใจปัญหา
- การออกแบบโครงงานถกู ต้องเป็นบางสว่ น
- ใช้เทคนคิ วธิ กี ารในการจดั ทำโครงงานให้ประสบผลสำเร็จเพยี งบางสวน
- การนำเสนอรายงานเป็นลำดับขัน้ ตอน
- มีการวางแผนการทำงานและทำงานเสรจ็ ตามกำหนด
- มกี ารศกึ ษาคน้ ควา้ ข้อมูลจากแหลง่ การเรียนรู้ทหี่ ลากหลาย
๒ (พอใช้) - เข้าใจปัญหาแตใ่ ช้เวลานาน
- ตอ้ งอาศัยการแนะนำในการออกแบบโครงงาน
- ตอ้ งไดร้ ับคำแนะนำเกยี่ วกบั เทคนคิ วิธีการในการจัดทำโครงงาน
- ต้องได้รบั คำแนะนำในการเขยี นรายงาน
- มกี ารวางแผนการทำงาน แต่ไมช่ ัดเจนและทำงานเสร็จช้ากวา่ ทก่ี ำหนดไว้
- มีการศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มลู น่าเช่ือถอื ได้เพียงบางส่วน
๑ (ปรับปรงุ ) - ไมเ่ ขา้ ใจปญั หา
- การออกแบบโครงงานและการทดลองไม่ถูกตอ้ ง
- ต้องได้รบั คำแนะนำเกย่ี วกับเทคนคิ วธิ ีการในการจัดทำโครงงานทุกขน้ั ตอน
- การเขียนรายงานยงั มีขอ้ บกพรอ่ ง
- มกี ารวางแผนการทำงาน ไมเ่ ปน็ ระบบและทำงานเสรจ็ ช้ากว่าทก่ี ำหนด
- มกี ารศกึ ษาคน้ ควา้ ข้อมลู น้อยไมส่ มั พันธก์ บั โครงงานทจี่ ดั ทำ