The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคอมเพิ่มเติม ม1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kitikornsawangha, 2022-03-07 22:07:44

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคอมเพิ่มเติม ม1

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาคอมเพิ่มเติม ม1

ตารางท่ี 2 เปรียบเทียบภาชนะท่ีเหมาะสมและไมเ่ หมาะสมในการเก็บขอ้ มูล (ต่อ)

ภาชนะทเ่ี หมาะสม ภาชนะทไ่ี ม่เหมาะสม

ภาชนะท่ีเหมาะสมกบั การเก็บผลส้ม ภาชนะท่ีไมเ่ หมาะสมกบั การเกบ็ ผลส้ม

ภาชนะท่ีเหมาะสมกบั การรองน้าจากกอ๊ กน้า ภาชนะท่ีไม่เหมาะสมกบั การรองน้าจากก๊อกน้า

3. นกั เรียนร่วมกนั สังเกตและรวบรวมขอ้ มูลเกี่ยวกบั เร่ือง ตวั แปร จากแหลง่ การเรียนรู้
ท่ีหลากหลาย เช่น หนงั สือเรียน อินเทอร์เน็ต

•ข้ัน• ค•ิด•วิเค•ร•าะ•ห์แ•ละ•ส•รุป•ค•วาม•ร•ู้ (•Pr•oc•ess•in•g) •

4. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละเทา่ ๆ กนั จากน้นั แต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาขอ้ มูลเก่ียวกบั หน่วยความจา
ของคอมพวิ เตอร์ ดงั น้ี

บิต (bit) เป็นหน่วยของขอ้ มูลที่เลก็ ที่สุด ไดแ้ ก่ 1 และ 0 ซ่ึงแทนสถานะของกระแสไฟฟ้าที่ไหล
เขา้ สู่วงจรไฟฟ้า 1 แทนสวิตชเ์ ปิ ด และ 0 แทนสวิตชป์ ิ ด

8 bit (b) = 1 Byte (B)
1024 Byte = 1 Kilobyte (KB)
1024 Kilobyte = 1 Megabyte (MB)
1024 Megabyte = 1 Gigabyte (GB)
1024 Gigabyte = 1 Terabyte (TB)
1024 Terabyte = 1 Petabyte (PB)

5. เม่ือแตล่ ะกลมุ่ ทาการศึกษาเน้ือหาจากขอ้ 3 แลว้ จากน้นั นกั เรียนช่วยกนั วิเคราะหข์ อ้ มูล
เก่ียวกบั การเปรียบเทียบชนิดของขอ้ มูลกบั หน่วยความจาที่ใชใ้ นการเกบ็ ขอ้ มูลที่เหมาะสมลงในตาราง
ดงั ตวั อยา่ ง

6. นกั เรียนแบ่งกลุม่ ออกเป็น 6 กลุ่ม แต่ละกล่มุ จบั สลากเลือกหวั ขอ้ ท่ีกาหนด ดงั น้ี
1. เก็บเกรดวชิ าคณิตศาสตร์
2. ประมวลผลเพ่อื หาพ้ืนท่ีวงกลม
3. ประมวลผลเพ่อื หาปริมาณทรงกระบอก
4. ประมวลผลเพอ่ื หาปริมาณของกลอ่ งสี่เหลี่ยม
5. เก็บค่าอุณหภูมิทุกชว่ั โมงในหน่ึงวนั
6. คานวณคะแนนการบา้ น คะแนนสอบกลางภาค คะแนนสอบปลายภาค วิชาวิทยาศาสตร์

แลว้ ตดั เกรด
โดยแตล่ ะกลุม่ ช่วยกนั วเิ คราะหข์ อ้ มูลดงั กล่าววา่ ถา้ ตอ้ งการพฒั นาขอ้ มลู ดงั กล่าวจะตอ้ งประกาศ

ตวั แปรกี่ตวั แปร แตล่ ะตวั แปรเก็บขอ้ มูลประเภทใด (ตวั อยา่ งคาตอบ)

1. เก็บเกรดวชิ าคณิตศาสตร์
• มีกี่ตวั แปร (2 ตวั แปร)
• มีตวั แปรอะไรบา้ ง (ตวั แปรที่ 1 เป็นจานวนเตม็ ตวั แปรท่ี 2 เป็นตวั อกั ขระ)

• เก็บขอ้ มูลประเภทใดบา้ ง (ตวั แปรที่ 1 เกบ็ คะแนน ตวั แปรท่ี 2 เกบ็ เกรด)

2. ประมวลผลเพอ่ื หาพ้นื ที่วงกลม
• มีกี่ตวั แปร (2 ตวั แปร)
• มีตวั แปรอะไรบา้ ง (ตวั แปรที่ 1 และตวั แปรที่ 2 เป็นทศนิยม)

• เกบ็ ขอ้ มลู ประเภทใดบา้ ง (ตวั แปรท่ี 1 เกบ็ ค่ารัศมี ตวั แปรท่ี 2 เกบ็ ค่าพ้นื ที่วงกลม)

3. ประมวลผลเพื่อหาปริมาตรทรงกระบอก
• มีก่ีตวั แปร (3 ตวั แปร)
• มีตวั แปรอะไรบา้ ง (ตวั แปรที่ 1 ถึงตวั แปรท่ี 3 เป็นทศนิยม)

• เกบ็ ขอ้ มูลประเภทใดบา้ ง (ตวั แปรท่ี 1 เก็บรัศมี ตวั แปรท่ี 2 เกบ็ ความสูง
ตวั แปรท่ี 3 เก็บปริมาตรที่คานวณได)้

4. ประมวลผลเพื่อหาปริมาตรของกล่องส่ีเหลี่ยม
• มีกี่ตวั แปร (4 ตวั แปร)
• มีตวั แปรอะไรบา้ ง (ตวั แปรท่ี 1 ถึงตวั แปรที่ 4 เป็นจานวนเตม็ )

• เกบ็ ขอ้ มูลประเภทใดบา้ ง (ตวั แปรท่ี 1 เกบ็ ความกวา้ ง ตวั แปรที่ 2 เกบ็ ความยาว
ตวั แปรที่ 3 เก็บความสูง และตวั แปรที่ 4 เก็บปริมาตรที่คานวณได)้

5. เก็บคา่ อณุ หภมู ิทุกชว่ั โมงในหน่ึงวนั
• มีกี่ตวั แปร (24 ตวั แปร)
• มีตวั แปรอะไรบา้ ง (ตวั แปรที่ 1 เป็น X1 ไปเรื่อย ๆ จนถึงตวั แปรท่ี 24 เป็น X24 แต่ตวั แปร
ลกั ษณะน้ีจะไม่สะดวกจึงประกาศตวั แปรเป็นกลุม่ คอื ตวั แปรแบบแถวลาดบั หรืออาร์เรย)์
• เกบ็ ขอ้ มูลประเภทใดบา้ ง (โดยแตล่ ะเซลลข์ องอาร์เรยเ์ ก็บขอ้ มูลเป็นจานวนจริง)

6. คานวณคะแนนการบา้ น คะแนนสอบกลางภาค คะแนนสอบปลายภาควชิ าวิทยาศาสตร์ แลว้ ตดั เกรด
• มีก่ีตวั แปร (5 ตวั แปร)
• มีตวั แปรอะไรบา้ ง (ตวั แปรที่ 1 ถึงตวั แปรที่ 3 เป็นจานวนเตม็ ตวั แปรท่ี 4 เป็นทศนิยม
และตวั แปรที่ 5 เป็นตวั อกั ขระ)
• เก็บขอ้ มลู ประเภทใดบา้ ง (ตวั แปรท่ี 1 เก็บคะแนนการบา้ น ตวั แปรท่ี 2 เก็บคะแนนสอบกลางภาค
ตวั แปรท่ี 3 เก็บคะแนนสอบปลายภาค ตวั แปรท่ี 4 เกบ็ คะแนนรวมเตม็ ร้อยคะแนน
และตวั แปรที่ 5 เก็บเกรด)

จากน้นั ร่วมกนั อภิปรายเกี่ยวกบั หวั ขอ้ ที่ไดร้ ับของแตล่ ะกลุม่ แลว้ ตอบคาถาม ดงั น้ี
• นกั เรียนคิดวา่ เพราะเหตุใดตวั แปรท่ีเกบ็ ขอ้ มูลไดม้ ากข้ึนจึงตอ้ งใชพ้ ้นื ที่หน่วยความจามากข้ึน
(ตวั อยา่ งคาตอบ เพราะเคร่ืองคอมพวิ เตอร์เกบ็ ขอ้ มลู เป็นระบบเลขฐานสอง ถา้ มีเพียงหน่ึงบิต
จะเกบ็ ไดส้ องคา่ สองบิตเก็บได้ 4 ค่า สามบิตเกบ็ ได้ 8 ค่า ดงั น้นั ถา้ ขอ้ มลู มีหลาย ๆ ค่า หรือตวั เลขท่ีมีช่วงของ
ขอ้ มลู มากข้นึ จะตอ้ งใชห้ น่วยความจาที่มีจานวนบิตมากข้ึนตามไปดว้ ย)
7. นกั เรียนร่วมกนั สรุปความคดิ รวบยอดเกี่ยวกบั ตวั แปร ดงั น้ี
การเขียนโปรแกรมจาเป็นตอ้ งมีตวั แปร เพ่อื ใชเ้ กบ็ คา่ ท่ีใชใ้ นการดาเนินการหรือประมวลผล
เน่ืองจากตวั แปรมีหลากหลายชนิด และมีขนาดในการจองพ้ืนที่ในการเกบ็ ไม่เทา่ กนั

ข•้นั •ปฏ•บิ •ตั แิ•ล•ะส•รุป•ค•วา•มร•ู้ห•ลงั •กา•รป•ฏ•บิ ตั•ิ (•A•pp•lyi•ng•a•nd•C•on•st•ru•cti•ng•th•e•Kn•o•wl•ed•ge)•

8. •นกั เรียนแบ่งกล่มุ ออกเป็น 4 กลมุ่ เท่า ๆ กนั จากน้นั แตล่ ะกลุ่มช่วยกนั วเิ คราะหก์ ารจดั เกบ็ และ

ประกาศตวั แปรของหน่วยความจาของฮาร์ดดิสก์ ดงั น้ี
• 320 GB
• 500 GB
• 1 TB (1,000 GB)
• 2 TB (2,000 GB)
โดยนามาเขียนลงในตารางเหมือนกบั Step 2 ขอ้ 4

กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การร่วมมือทางานเป็นทีม
และความรอบรู้ในสารสนเทศ

9. นกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงท่ีเขา้ ใจเป็นความรู้ร่วมกนั ดงั น้ี
ก่อนท่ีโปรแกรมจะส่ังใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ทางานโดยภาษาใดภาษาหน่ึงในการเขยี นโปรแกรม

เราจาเป็นตอ้ งรู้จกั ลกั ษณะของตวั แปรแต่ละชนิด จะทาใหเ้ ราเลือกใชช้ นิดของตวั แปรไดอ้ ยา่ งสอดคลอ้ ง
กบั ขอ้ มลู ท่ีตอ้ งการเก็บ ทาใหเ้ ราเขยี นโปรแกรมไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง

•ข้นั• ส•ื่อส•า•รแ•ละ•น•าเส•น•อ •(A•pp•ly•ing• t•he•C•om• m• u•ni•ca•tio•n •Sk•ill•)

10. นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มูลในการจดั เก็บและประกาศตวั แปร
ของหน่วยความจาของฮาร์ดดิสก์หนา้ ช้นั เรียน เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้กนั อาจใช้ Microsoft Office PowerPoint
ในการนาเสนอเพ่ือใหเ้ ห็นภาพไดช้ ดั เจนและน่าสนใจ

กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการสื่อสาร

11. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปเกี่ยวกบั วิธีการทางานใหเ้ ห็นการคิดเชิงระบบและวธิ ีการทางาน
ที่มีแบบแผน

•ข้นั •ป•ระ•เม•ินเ•พ่ือ•เพ• ม่ิ •คุณ• ค•่าบ• ร•ิกา•รส•ังค•ม•แ•ละ•จิต•ส•าธ•าร•ณะ• (•Se•lf-•Re•gu•la•tin•g•)

12. นกั เรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลงั การเรียนและหลงั การทากิจกรรม
ในประเด็นต่อไปน้ี

• สิ่งท่ีนกั เรียนไดเ้ รียนรู้ในวนั น้ีคืออะไร
• นกั เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด
• เพ่ือนนกั เรียนในกล่มุ มีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพียงใด
• นกั เรียนพึงพอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรือไม่ เพยี งใด
• นกั เรียนจะนาความรู้ที่ไดน้ ้ีไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสงั คมทวั่ ไป

ไดอ้ ยา่ งไร
จากน้นั แลกเปลี่ยนตรวจสอบข้นั ตอนการทางานทกุ ข้นั ตอนวา่ จะเพมิ่ คณุ คา่ ไปสู่สงั คม
เกิดประโยชน์ต่อสงั คมใหม้ ากข้นึ กวา่ เดิมในข้นั ตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในคร้ังตอ่ ไป

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

2. ภาพเปรียบเทียบภาชนะที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมในการเก็บขอ้ มูล
3. ขอ้ มูลเกี่ยวกบั คณิตศาสตร์
4. แหลง่ การเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เรื่อง ตวั แปร (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินกระบวนการทางานกลุม่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ กระบวนการทางานกล่มุ

รายการการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ

กระบวนการ 432 1
ทางานกลุม่
มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท ไม่มีการกาหนด
บทบาทสมาชิก
สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ และไม่มีการช้ีแจง
เป้าหมาย สมาชิก
และมีการช้ีแจงเป้าหมาย มีการช้ีแจงเป้าหมาย ไมม่ ีการช้ีแจงเป้าหมาย ต่างคนต่างทางาน

การทางาน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน

มีการปฏิบตั งิ านร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั

อยา่ งร่วมมือร่วมใจ แต่ไม่มีการประเมิน ไม่ครบทกุ คน

พร้อมกบั การประเมิน เป็นระยะ ๆ

เป็นระยะ ๆ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การเขยี นโปรแกรม
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 16

เร่ือง โครงสร้างภาษาสาหรับการเขยี นโปรแกรม

ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ชีว้ ดั

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชีวิตจริงอยา่ งเป็นข้นั ตอน
และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทนั และมีจริยธรรม

ตวั ชีว้ ดั

ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย เพื่อแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายเกี่ยวกบั โครงสร้างภาษาสาหรับการเขยี นโปรแกรม (K)
2. วิเคราะห์และเขียนจาลองโปรแกรมโครงสร้างของภาษาจาวาและภาษาซี (P)
3. มีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนรู้ (A)

สาระการเรียนรู้

การเขียนโปรแกรมจะตอ้ งใชภ้ าษาท่ีเป็นโครงสร้างที่คอมพิวเตอร์เขา้ ใจ โดยมีอยดู่ ว้ ยกนั 2 แบบ คอื
โครงสร้างของโคดภาษาจาวา และโครงสร้างของโคดภาษาซี

สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝ่เรียนรู้
2. มุง่ มน่ั ในการทางาน

คาถามสาคญั

โปรแกรมภาษาจาวาถูกพฒั นามาจากโปรแกรมใด และพฒั นาข้ึนเพ่ือส่ิงใด

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

ข•้นั ส•ัง•เกต• ร•วบ• ร•วม•ข•้อม•ูล•(G•a•the•ri•ng•) •

1. นกั เรียนร่วมกนั ศึกษาและทาความเขา้ ใจโครงสร้างภาษาจาวาและภาษาซี ดงั น้ี
1.1 ภาษาจาวา
• โครงสร้างของโคดภาษาจาวา
• class
• method
• การเขยี นคาสง่ั
• การใชเ้ ครื่องหมาย
ในการเขยี นโคดไฟลภ์ าษาจาวา ตอ้ งมี 1 class เป็นอยา่ งนอ้ ย ซ่ึง class น้ี จะตอ้ งมีเคร่ืองหมาย

ปี กกาคู่ {} กากบั
public class Myclass {

}

ใน 1 class จะตอ้ งมี method อยา่ งนอ้ ย 1 method

public class Myclass {
public static void main (string[] args) {

}
}

ภายใน method เราจะเขียนคาส่งั (Statement) เพอ่ื ให้เครื่องทางาน โดยทกุ คาส่งั จะปิ ดทา้ ยคาส่ัง
ดว้ ยเครื่องหมาย ;

1.2 ภาษาซี
• โครงสร้างของโคดภาษาซี
• ส่วนหวั ของโปรแกรม
• ฟังกช์ นั
• การใชเ้ ครื่องหมาย

โครงสร้างของโปรแกรมภาษาซี ตอ้ งมีส่วนประกอบอยา่ งนอ้ ย 2 ส่วน ดงั น้ี
1) ส่วนหวั เป็นส่วนคาสง่ั ที่ใชบ้ อก compiler วา่ ตอ้ งนาเขา้ ส่วนใดจาก library และจะติดต่อกบั
อุปกรณ์นาเขา้ และแสดงผลอะไรบา้ ง ซ่ึงโดยปกติจะใชอ้ ปุ กรณ์นาเขา้ และแสดงผลพ้ืนฐานเป็นอปุ กรณ์
มาตรฐาน คอื คียบ์ อร์ดและจอภาพ โดยใช้ header ท่ีช่ือ stdio.h และระบตุ าแหน่ง directory ที่นาเขา้
การสัง่ จะดาเนินการบอกตาแหน่ง directory ดว้ ยเคร่ืองหมาย # และใส่ช่ือ header ในเครื่องหมาย < > ดงั น้ี

#include < stdio.h > หมายถึง ไปคน้ หา header file ชื่อ stdio.h ที่ตาแหน่ง directory
include

2) ฟังกช์ นั เป็นบรรทดั ลาดบั ลงมาจากส่วนหวั ซ่ึงเป็นส่วนคาส่งั ท่ีใหโ้ ปรแกรมทางาน
ในส่วนน้ีจะตอ้ งมีฟังกช์ นั หลกั ในการทางานอยา่ งนอ้ ย 1 ฟังกช์ นั เสมอ ซ่ึงการประกาศฟังกช์ นั หลกั
หรือฟังกช์ นั อื่น ๆ น้ี จะประกาศชื่อฟังกช์ นั ตามดว้ ยเครื่องหมาย () และกาหนดขอบเขตของฟังกช์ นั
ดว้ ยเครื่องหมาย {} ดงั ตวั อยา่ งฟังกช์ นั หลกั ต่อไปน้ี

#include<stdio.h>

main()
{
Statement 1;
Statement 2;

// comment
}

จากโครงสร้างภาษาซีที่กลา่ วมา นอกจาก 2 ส่วนหลกั คอื ส่วนหวั ของโปรแกรม และส่วนของ
ฟังกช์ นั น้ีแลว้ ยงั สามารถเขยี นฟังกช์ นั อ่ืน ๆ เพิม่ เติม เพื่อใหโ้ ปรแกรมสามารถทางานใหเ้ กิดประสิทธิภาพ
มากข้นึ และสามารถใส่ comment เพ่ือใส่ขอ้ ความอธิบาย โดยไมใ่ หโ้ ปรแกรมนาขอ้ ความเหลา่ น้ีไปคานวณ
เป็นคาสัง่ ซ่ึง comment น้ีใหข้ ้ึนตน้ ดว้ ยเคร่ืองหมาย // แลว้ ตามดว้ ยขอ้ ความ

2. นกั เรียนร่วมกนั สงั เกตและรวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั เร่ือง โครงสร้างภาษาสาหรับการเขียนโปรแกรม
จากแหลง่ การเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เช่น หนงั สือเรียน อินเทอร์เน็ต

•ข้ัน• ค•ิด•วเิ ค•ร•าะ•ห์แ•ละ•ส•รุป•ค•วาม•ร•ู้ (•Pr•oc•ess•in•g) •

3. นกั เรียนแบง่ กลุม่ กลุม่ ละเท่า ๆ กนั จากน้นั แต่ละกลุม่ ร่วมกนั วิเคราะห์โครงสร้างของโคดภาษาจาวา
และภาษาซี โดยเขยี นเป็นแผนภาพความคิด ดงั ตวั อยา่ ง

ใน 1 class จะตอ้ งมี 1 method การเขียนโคดไฟลภ์ าษาจาวาตอ้ งมี
1 class เป็นอยา่ งนอ้ ย ซ่ึง 1 class

จะตอ้ งมีเครื่องหมาย {}

เม่ือเขยี นโปรแกรมเสร็จจะตอ้ ง โครงสร้างของ ช่ือ class จะตอ้ งข้นึ ตน้
ปิ ดดว้ ย } ปิ ด method } ปิ ด class โคดภาษาจาวา ดว้ ยตวั อกั ษรภาษาองั กฤษ

ตวั พิมพใ์ หญเ่ สมอ

ภายใน method จะเขียนคาสงั่ ก่อนเริ่มเขียนจะตอ้ งมีการ
(Statement) เพ่ือให้เครื่องทางาน ประกาศตวั แปร

โดยทกุ คาสัง่ จะปิ ดทา้ ยคาสง่ั
ดว้ ยเคร่ืองหมาย ; (เซมิโคลอน)

ฟังกช์ นั เป็ นลาดบั ท่ีตดั ลงมาจากส่วนหัว ส่วนหวั เป็นคาสัง่ ท่ีใชบ้ อก compiler
ในส่วนน้ีจะตอ้ งมีฟังกช์ นั หลกั ในการ วา่ ตอ้ งเขา้ ส่วนใดของ library
จึงจะติดตอ่ กบั อปุ กรณ์นาเขา้
ทางานอยา่ งนอ้ ย 1 ฟังกช์ นั เสมอ และแสดงผลอะไรบา้ ง

ฟังกช์ นั (ต่อ) การประกาศช่ือฟังกช์ นั โครงสร้างของ ส่วนหวั (ต่อ) อปุ กรณ์จะนาเขา้
ทกุ ๆ ฟังกช์ นั จะตอ้ งตามดว้ ย โคดภาษาซี พ้นื ฐาน คือ คยี บ์ อร์ดและจอภาพ
เคร่ืองหมาย () และการกาหนด
ขอบเขตของฟังกช์ นั โดยใช้ header ช่ือ stdio.h
จะตอ้ งตามดว้ ยเครื่องหมาย {}

ส่วนหวั (ต่อ) ระบุตาแหน่ง
directory ดว้ ยเคร่ืองหมาย # และ
ใส่ช่ือ header ในเคร่ืองหมาย < >

หมายเหตุ นอกจากที่กล่าวมาท้งั 2 ส่วนหลกั น้ี ผเู้ ขยี นสามารถเพ่ิมฟังกช์ นั อื่น ๆ ไดอ้ ีก
เพอ่ื ให้โปรแกรมทางานใหเ้ กิดประสิทธิภาพมากข้นึ และสามารถใส่ comment เพื่อใส่ขอ้ ความอธิบาย
โดยไม่ใหโ้ ปรแกรมนาขอ้ ความเหลา่ น้ีไปคานวณเป็นคาสั่ง ซ่ึง comment เหลา่ น้ีจะข้ึนตน้ ดว้ ยเครื่องหมาย //
แลว้ ตามดว้ ยขอ้ ความ

4. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั คิดวเิ คราะหก์ ารเขยี นโคดภาษาจาวาและโคดภาษาซีตามโจทย์
ท่ีกาหนดให้ แลว้ เขยี นคาตอบของนกั เรียนลงบนกระดาน ดงั ตวั อยา่ ง

4.1 โครงสร้างของโคดภาษาจาวา
• รถยนต์ 1 คนั มีส่วนลด 10%

Public class car {
private string title ;
private int price ;

Public void setAttribute (String title, int Price) {
}
public double discount () {

return price - (price * 0.10) ;
}
Public void showDetails () {

system.out.println ("ชื่อรถ : " t title) ;
system.out.println ("ราคา (ลด 10%) : "t discount () t"บาท"),
}
}

4.2 โครงสร้างของโคดภาษาซี
• สวสั ดีชาวโลก
• ฉนั ช่ือ

#include <stdio.h>
int main ()
{

Clrscr () ;
Printf ("Hello world *\n") ;
2etch () ;
Printf ("Name\n") ;
2etch
// การแนะนาตวั อาจจะตอ้ งบอกช่ือ นามสกลุ ชื่อเลน่ ดว้ ย
5. นกั เรียนร่วมกนั คิดวิเคราะห์ แลว้ ตอบคาถาม ดงั น้ี
• โปรแกรมภาษาจาวาถกู พฒั นามาจากโปรแกรมใด และพฒั นาข้ึนเพื่อส่ิงใด
(ตวั อยา่ งคาตอบ พฒั นามาจากโปรแกรมภาษาซี เพื่อใหก้ ารเขยี นโปรแกรมง่ายข้นึ และ
ลดความซบั ซอ้ นลง อีกท้งั ยงั สามารถนาไปใชก้ บั อุปกรณ์ไดห้ ลากหลาย เช่น แทบ็ เลต็ สมาร์ตโฟน)
6. นกั เรียนร่วมกนั สรุปความคิดรวบยอดเกี่ยวกบั โครงสร้างภาษาสาหรับการเขียนโปรแกรม
โครงสร้างของภาษาสาหรับการเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้างของโคดภาษาจาวา
ประกอบไปดว้ ย class method การเขียนคาสัง่ และการใส่เครื่องหมาย ส่วนโครงสร้างของโคดภาษาซี
ประกอบไปดว้ ย ส่วนหัวขอ้ โปรแกรม ฟังกช์ นั การใส่เคร่ืองหมาย ซ่ึงการท่ีจะเขียนโปรแกรมท้งั
2 โครงสร้างน้ี จะตอ้ งมีการแยกส่วนและกาหนดคา่ หรือขอ้ ความต่าง ๆ ตามฟอร์แมตของโปรแกรม
ใหถ้ ูกตอ้ ง

ข•้นั •ปฏ•ิบ•ัติแ•ล•ะส•รุป•ค•วา•มร•ู้ห•ลัง•กา•รป•ฏ•ิบัต•ิ (•A•pp•lyi•ng•a•nd•C•on•st•ru•cti•ng•th•e•Kn•o•wl•ed•ge)•
7. •นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละเทา่ ๆ กนั จากน้นั ช่วยกนั วเิ คราะห์โจทย์ แลว้ เขียนจาลองโปรแกรม

ลงในกระดาษในหวั ขอ้ ดงั ต่อไปน้ี
7.1 ถา้ ตอ้ งการพฒั นาโปรแกรมสาหรับคานวณพ้นื ที่ส่ีเหล่ียม
7.2 ถา้ ตอ้ งการพฒั นาโปรแกรมสาหรับคานวณพ้นื ท่ีสามเหลี่ยม

กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การร่วมมือทางานเป็นทีม
ความรอบรู้ในสารสนเทศ

8. นกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงที่เขา้ ใจเป็นความรู้ร่วมกนั ดงั น้ี
การเขยี นโปรแกรมจะตอ้ งใชภ้ าษาที่เป็นโครงสร้างที่คอมพิวเตอร์เขา้ ใจ โดยมีอยดู่ ว้ ยกนั 2 แบบ

คือ โครงสร้างของโคดภาษาจาวา และโครงสร้างของโคดภาษาซี

•ข้นั• ส•่ือส•า•รแ•ละ•น•าเส•น•อ •(A•pp•ly•ing• t•he•C•om• m• u•ni•ca•tio•n •Sk•ill•)

9. นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอการเขยี นจาลองโปรแกรมโครงสร้างของโคดภาษาจาวา
และโครงสร้างของโคดภาษาซีหนา้ ช้นั เรียน เพ่ือแลกเปลี่ยนเรียนรู้กนั อาจใช้ Microsoft Office PowerPoint
ในการนาเสนอเพ่ือใหเ้ ห็นภาพไดช้ ดั เจนและน่าสนใจ

กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการสื่อสาร

10. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปเกี่ยวกบั วิธีการทางานใหเ้ ห็นการคิดเชิงระบบและวิธีการทางาน
ที่มีแบบแผน

ข• ้นั •ป•ระ•เม•ินเ•พื่อ•เพ• มิ่ •คุณ• ค•่าบ• ร•ิกา•รส•ังค•ม•แ•ละ•จติ •ส•าธ•าร•ณะ• (•Se•lf-•Re•gu•la•tin•g•)

11. นกั เรียนประเมินตนเอง โดยเขียนแสดงความรู้สึกหลงั การเรียนและหลงั การทากิจกรรม
ในประเด็นต่อไปน้ี

• สิ่งท่ีนกั เรียนไดเ้ รียนรู้ในวนั น้ีคืออะไร
• นกั เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลมุ่ มากนอ้ ยเพียงใด
• เพอ่ื นนกั เรียนในกลุ่มมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุม่ มากนอ้ ยเพียงใด
• นกั เรียนพงึ พอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรือไม่ เพียงใด
• นกั เรียนจะนาความรู้ท่ีไดน้ ้ีไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทว่ั ไป

ไดอ้ ยา่ งไร
จากน้นั แลกเปลี่ยนตรวจสอบข้นั ตอนการทางานทุกข้นั ตอนวา่ จะเพม่ิ คุณค่าไปสู่สงั คม
เกิดประโยชนต์ ่อสงั คมใหม้ ากข้นึ กวา่ เดิมในข้นั ตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในคร้ังต่อไป

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

2. แหลง่ การเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เรื่อง โครงสร้างภาษาสาหรับการเขียนโปรแกรม (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินกระบวนการทางานกลมุ่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ ม่งุ มนั่ ในการทางาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ กระบวนการทางานกล่มุ

รายการการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ

กระบวนการ 432 1
ทางานกลุม่
มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท ไม่มีการกาหนด
บทบาทสมาชิก
สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ และไม่มีการช้ีแจง
เป้าหมาย สมาชิก
และมีการช้ีแจงเป้าหมาย มีการช้ีแจงเป้าหมาย ไมม่ ีการช้ีแจงเป้าหมาย ต่างคนต่างทางาน

การทางาน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน

มีการปฏิบตั งิ านร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั

อยา่ งร่วมมือร่วมใจ แต่ไม่มีการประเมิน ไม่ครบทกุ คน

พร้อมกบั การประเมิน เป็นระยะ ๆ

เป็นระยะ ๆ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 การเขียนโปรแกรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 17

เร่ือง การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีม่ กี ารวนซ้าด้วยคาส่ัง while ในชีวติ ประจาวนั

ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 เวลาเรียน 1 ชวั่ โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชีวติ จริงอยา่ งเป็นข้นั ตอน
และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม

ตวั ชี้วดั

ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เพ่ือแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายเกี่ยวกบั การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการวนซ้าดว้ ยคาสง่ั while ในชีวิตประจาวนั (K)
2. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมวนซ้าดว้ ยคาส่งั while (P)
3. มีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนรู้ (A)

สาระการเรียนรู้

ในชีวติ ประจาวนั ของเราจะประสบกบั การทางานแบบวนซ้าเสมอ ๆ ซ่ึงเราอาจจะไม่รู้ตวั วา่
เรากาลงั ทางานอยกู่ บั การทางานวนซ้าและเรากไ็ ดแ้ กป้ ัญหาโปรแกรมวนซ้าเสร็จสิ้นไปแลว้

สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝ่เรียนรู้
2. มุ่งมน่ั ในการทางาน

คาถามสาคญั

หากจะเขยี นจาลองการทางานวนซ้าจะเขียนใหอ้ ยใู่ นรูปแบบใด

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้

ข•้ันส•ัง•เกต• ร•วบ• ร•วม•ข•้อม•ูล•(G•a•the•ri•ng•) •

1. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกบั การทางานแบบวนซ้าในชีวิตประจาวนั แลว้ เขยี นคาตอบ
เป็นแผนภาพความคดิ บนกระดาน ดงั ตวั อยา่ ง

ทาการบา้ น

รีดผา้ การทางานแบบวนซ้า ฉีดน้าหอม
ฝึกขบั รถจกั รยานยนต์ ในชีวิตประจาวนั อา่ นหนงั สือ

เล่นกีฬา อาบน้า

ดูละคร

2. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาและตอบคาถามกระตุน้ ความสนใจ ดงั น้ี
• หากจะเขียนจาลองการทางานวนซ้าจะเขยี นให้อยใู่ นรูปแบบใด
(ตวั อยา่ งคาตอบ แบบผงั งาน)

3. นกั เรียนร่วมกนั สังเกตและรวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั เรื่อง การออกแบบและเขยี นโปรแกรม

ที่มีการวนซ้าดว้ ยคาส่งั while ในชีวติ ประจาวนั จากแหล่งการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น หนงั สือเรียน
อินเทอร์เน็ต

•ข้ัน• ค•ิด•วิเค•ร•าะ•ห์แ•ละ•ส•รุป•ค•วาม•ร•ู้ (•Pr•oc•ess•in•g) •

4. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กล่มุ ละเท่า ๆ กนั โดยแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั วเิ คราะห์เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน
ในชีวติ ประจาวนั แลว้ ออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการวนซ้าดว้ ยคาสงั่ while เพ่ือพิจารณาเงื่อนไข
การทางานและลกั ษณะการวนซ้า รวมท้งั รูปแบบการเขยี นผงั งาน ดงั ตวั อยา่ ง

4.1 การสั่งอาหารรับประทานจนกวา่ จะอ่ิม

กรณี เหตุการณ์ โปรแกรมวนซ้า เงื่อนไขทางาน
ในชีวติ ประจาวัน ไมอ่ ิ่ม

1 เมื่อเราหิว เราสง่ั สั่งอาหาร

อาหารรับประทาน

ในร้าน และสง่ั ไป

เรื่อย ๆ จนเราอิ่ม

จึงจะหยดุ สั่งอาหาร

ผงั งาน

ไมอ่ ิ่ม
ใช่ ไมใ่ ช่
สั่งอาหาร

4.2 การสงั่ อาหารเท่าท่ีมีเงินพอจ่าย

เหตุการณ์ โปรแกรมวนซ้า เง่ือนไขทางาน
กรณี ส่ังอาหาร พอจ่าย

ในชีวติ ประจาวนั
2 เราสง่ั อาหาร

รับประทานในร้าน
และสงั่ ไปเร่ือย ๆ
จนเงินหมด จึงจะ
หยดุ ส่ังอาหาร

ผงั งาน

คา่ อาหาร < เงิน
ใช่ ไม่ใช่
สง่ั อาหาร

4.3 การเก็บเงินซ้ือกลอ้ งถา่ ยภาพดิจิทลั
เหตุการณ์

กรณี โปรแกรมวนซ้า เง่ือนไขทางาน
ในชีวิตประจาวนั

3 เราอยากไดก้ ลอ้ ง สะสมเงินหยอด ไมค่ รบ 14,000 บาท
ถา่ ยภาพดิจิทลั ราคา กระป๋ องออมสิน
14,000 บาท เรานบั
เงินสะสมก่อน
วา่ เพยี งพอซ้ือกลอ้ ง
ดิจิทลั หรือไม่
หากไม่เพียงพอ
เราจะสะสมเงินใน
กระป๋ องออมสิน
ต่อไป เม่ือเงิน
เพียงพอ เราก็จะ
หยดุ สะสม แลว้ นา
เงินไปซ้ือกลอ้ ง
ดิจิทลั ทนั ที
ผงั งาน

เงินสะสม < 14,000

ใช่ ไม่ใช่

สะสมเงิน

ไปซ้ือกลอ้ งดิจิทลั

5. นกั เรียนร่วมกนั ยกตวั อยา่ งการทางานหรือกิจกรรมในชีวติ ประจาวนั ท่ีตอ้ งทางานแบบวนซ้า
หลาย ๆ เรื่อง วิเคราะห์เง่ือนไขการทางานและลกั ษณะการวนซ้า เขยี นบนั ทึกลงในตาราง ดงั ตวั อยา่ ง

การทางาน โปรแกรมวนซ้า เง่ือนไขทางาน
สะสมเงิน ไมค่ รบ 8,000 บาท
หรือกจิ กรรม
เราอยากไดโ้ ทรศพั ท์
เครื่องใหม่ในราคา
8,000 บาท ดูเงินที่
เกบ็ ออมไดว้ า่ เพยี งพอ
หรือไม่ ถา้ ไม่พอก็เก็บ
สะสมตอ่ ไป เม่ือมีเงิน
เพียงพอกจ็ ะหยดุ สะสม
แลว้ นาไปซ้ือโทรศพั ท์
เคร่ืองใหมท่ นั ที

6. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั เขียนผงั งานการทางานแบบวนซ้า โดยเลือกกิจกรรมที่สนใจ
จากการร่วมกนั วเิ คราะหไ์ วใ้ นขอ้ 5 ดงั ตวั อยา่ ง

ผงั งาน

เงินสะสม < 8,000
ใช่ ไม่ใช่
สะสมเงิน

ไปซ้ือโทรศพั ท์

7. นกั เรียนร่วมกนั สรุปความคิดรวบยอดเกี่ยวกบั การออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีมีการวนซ้า
ดว้ ยคาสั่ง while ในชีวิตประจาวนั ดงั น้ี

ในชีวิตประจาวนั เราจะเจอเหตกุ ารณ์หรือเรื่องราวต่าง ๆ ซ่ึงบางคร้ังเราจะทางานแบบวนซ้า
อยเู่ สมอ โดยการออกแบบการทางานแบบวนซ้าดว้ ยคาส่ัง while จะตอ้ งทาการพิจารณาเงื่อนไขและ
รูปแบบการทางานของผงั งาน แลว้ นามาเขียนเป็นผงั งานการทางาน

ข•้ัน•ปฏ•ิบ•ตั ิแ•ล•ะส•รุป•ค•วา•มร•ู้ห•ลงั •กา•รป•ฏ•บิ ัต•ิ (•A•pp•lyi•ng•a•nd•C•on•st•ru•cti•ng•th•e•Kn•o•wl•ed•ge)•
8. •นกั เรียนแต่ละคนเลือกเหตกุ ารณ์ท่ีเกี่ยวขอ้ งในชีวติ ประจาวนั ของนกั เรียน คนละ 2 เหตุการณ์

โดยไม่ซ้าเร่ืองกนั เช่น การอ่านทบทวนบทเรียนและการอาบน้า จากน้นั ออกแบบและเขยี นโปรแกรมท่ีมี
การวนซ้าดว้ ยคาส่งั while เพอ่ื พจิ ารณาเง่ือนไขการทางานและลกั ษณะการวนซ้า รวมท้งั รูปแบบการเขียน
ผงั งาน

กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ และการคิดแกป้ ัญหา

9. นกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงที่เขา้ ใจเป็นความรู้ร่วมกนั ดงั น้ี
ในชีวิตประจาวนั ของเราจะประสบกบั การทางานแบบวนซ้าเสมอ ๆ ซ่ึงเราอาจจะไมร่ ู้ตวั วา่

เรากาลงั ทางานอยกู่ บั การทางานวนซ้าและเรากไ็ ดแ้ กป้ ัญหาโปรแกรมวนซ้าเสร็จสิ้นไปแลว้

•ข้นั• ส•่ือส•า•รแ•ละ•น•าเส•น•อ •(A•pp•ly•ing• t•he•C•om• m• u•ni•ca•tio•n •Sk•ill•)

10. นกั เรียนแต่ละคนออกมานาเสนอผลการออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มีการวนซ้า
ดว้ ยคาสงั่ while ของตนเองหนา้ ช้นั เรียน เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู้กนั อาจใช้ Microsoft Office PowerPoint
ในการนาเสนอเพื่อใหเ้ ห็นภาพไดช้ ดั เจนและน่าสนใจ

กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษท่ี 21 ดา้ นการส่ือสาร

11. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปเกี่ยวกบั วิธีการทางานใหเ้ ห็นการคิดเชิงระบบและวธิ ีการทางาน
ท่ีมีแบบแผน

•ข้นั •ป•ระ•เม•ินเ•พื่อ•เพ• ม่ิ •คุณ• ค•่าบ• ร•ิกา•รส•ังค•ม•แ•ละ•จติ •ส•าธ•าร•ณะ• (•Se•lf-•Re•gu•la•tin•g•)

12. นกั เรียนประเมินตนเอง โดยเขยี นแสดงความรู้สึกหลงั การเรียนและหลงั การทากิจกรรม
ในประเด็นต่อไปน้ี

• ส่ิงที่นกั เรียนไดเ้ รียนรู้ในวนั น้ีคอื อะไร
• นกั เรียนมีส่วนร่วมกิจกรรมในกลุ่มมากนอ้ ยเพยี งใด
• เพื่อนนกั เรียนในกลมุ่ มีส่วนร่วมกิจกรรมในกล่มุ มากนอ้ ยเพียงใด
• นกั เรียนพงึ พอใจกบั การเรียนในวนั น้ีหรือไม่ เพียงใด
• นกั เรียนจะนาความรู้ท่ีไดน้ ้ีไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนแ์ ก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมทว่ั ไป

ไดอ้ ยา่ งไร
จากน้นั แลกเปลี่ยนตรวจสอบข้นั ตอนการทางานทุกข้นั ตอนวา่ จะเพ่ิมคุณค่าไปสู่สงั คม
เกิดประโยชนต์ ่อสังคมใหม้ ากข้นึ กวา่ เดิมในข้นั ตอนใดบา้ ง สาหรับการทางานในคร้ังต่อไป

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1
ของสถาบนั พฒั นาคณุ ภาพวิชาการ (พว.)

2. แหล่งการเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เรื่อง การออกแบบและเขยี นโปรแกรมที่มีการวนซ้าดว้ ยคาสัง่ while
ในชีวติ ประจาวนั (K) ดว้ ยแบบทดสอบ

2. ประเมินกระบวนการทางานกล่มุ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ มุ่งมนั่ ในการทางาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ กระบวนการทางานกล่มุ

รายการการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ

กระบวนการ 432 1
ทางานกลุม่
มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท ไม่มีการกาหนด
บทบาทสมาชิก
สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ และไม่มีการช้ีแจง
เป้าหมาย สมาชิก
และมีการช้ีแจงเป้าหมาย มีการช้ีแจงเป้าหมาย ไมม่ ีการช้ีแจงเป้าหมาย ต่างคนต่างทางาน

การทางาน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน

มีการปฏิบตั งิ านร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั

อยา่ งร่วมมือร่วมใจ แต่ไม่มีการประเมิน ไม่ครบทกุ คน

พร้อมกบั การประเมิน เป็นระยะ ๆ

เป็นระยะ ๆ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การเขยี นโปรแกรม
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 18

เรื่อง การเขียนโปรแกรมวนซ้าด้วยคาสั่ง while

ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชีวติ จริงอยา่ งเป็นข้นั ตอน
และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม

ตวั ชีว้ ดั

ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เพื่อแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายเกี่ยวกบั การออกแบบและเขยี นโปรแกรมวนซ้าดว้ ยคาส่งั while (K)
2. วเิ คราะห์โจทยแ์ ละผงั งานแสดงข้นั ตอนการเขียนโปรแกรมวนซ้าดว้ ยคาสง่ั while (P)
3. มีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนรู้ (A)

สาระการเรียนรู้

การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการวนซ้าดว้ ยคาสั่ง while จะใชภ้ าษาองั กฤษกบั สญั ลกั ษณ์
ในการสื่อสารความหมายภายในโปรแกรม โดยหลกั การทางานจะตรวจสอบเงื่อนไขก่อน แลว้ จึงทางาน

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝ่เรียนรู้
2. มุง่ มน่ั ในการทางาน

คาถามสาคัญ

การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการวนซ้าดว้ ยคาสัง่ while มีหลกั การทางานแบบใด

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

ข•้ันส•ัง•เกต• ร•วบ• ร•วม•ข•้อม•ูล•(G•a•the•ri•ng•) •

1. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาและทบทวนเน้ือหาเก่ียวกบั การวิเคราะห์โจทยแ์ ละเขยี นผงั งานวนซ้า
ดว้ ยคาส่ัง while

2. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกบั การเขียนผงั งานวนซ้าโดยใชค้ าสงั่ while แลว้ บนั ทึกคาตอบ
เป็นแผนภาพความคดิ บนกระดาน ดงั ตวั อยา่ ง

การเขียนผงั งานจะอยใู่ น การเขยี นผงั งานวนซ้า การส่ือสารภายในโปรแกรม
รูปแบบของอลั กอริทึม โดยใช้คาส่ัง while จะใชภ้ าษาองั กฤษและ

ให้แสดงผลบนจอภาพ สญั ลกั ษณ์ในการส่ือความหมาย

การทางานมีการวนในลูป (loop) การเขยี นจะตอ้ งมีการ
ประกาศตวั แปร

3. นกั เรียนร่วมกนั สนทนาและตอบคาถามกระตุน้ ความสนใจ ดงั น้ี
• การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการวนซ้าดว้ ยคาส่งั while มีหลกั การทางานแบบใด
(ตวั อยา่ งคาตอบ ตรวจสอบเงื่อนไขก่อน แลว้ จึงทางาน)

4. นกั เรียนร่วมกนั สงั เกตและรวบรวมขอ้ มลู เก่ียวกบั เร่ือง การออกแบบและเขียนโปรแกรมวนซ้า
ดว้ ยคาสัง่ while จากแหลง่ การเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น หนงั สือเรียน อินเทอร์เน็ต

•ข้นั• ค•ิด•วเิ ค•ร•าะ•ห์แ•ละ•ส•รุป•ค•วาม•ร•ู้ (•Pr•oc•ess•in•g) •

5. นกั เรียนร่วมกนั วิเคราะห์โจทยเ์ พือ่ เขยี นโปรแกรมวนซ้าใหแ้ สดงผล *** บนจอภาพ
จากน้นั วิเคราะหก์ ารเขยี นผงั งานแสดงข้นั ตอนการเขยี นโปรแกรมดงั กล่าว ดงั ตวั อยา่ ง

1. การวิเคราะห์โจทยแ์ ละเขยี นผงั งานโปรแกรมวนซ้า โดยใชค้ าสั่ง while ให้แสดงผล ***
บนจอภาพ

วิเคราะห์โจทย์ โปรแกรมวนซ้าใหแ้ สดงผล *** บนจอภาพ
ข้อมูลนาเข้า ไม่มี
ข้อมูลที่แสดงผล ***
กาหนดวธิ ปี ระมวลผล 1. กาหนดตวั แปร 2 ตวั i, n

2. ใหค้ ่าเริ่มตน้ i = 0, n = 3
3. เลือกคาสง่ั วนซ้าแบบ while
4. กาหนดเงื่อนไข i < n
5. คาสง่ั แสดงผล * บนจอภาพ
6. เพม่ิ คา่ i คร้ังละ 1 โดยให้ i = i + 1

ผงั งานโปรแกรมวนซ้าใหแ้ สดงผล *** บนจอภาพ

start

i=0

n=3

i<n false
true

“*”

i = i+1

line break
end

โปรแกรมภาษาจาวา ข้นั ตอน
int i = 0;
int n = 3; ข้นั ที่ 1 ประกาศตวั แปรแบบ int ชื่อ i มีคา่ เร่ิมตน้ เท่ากบั 0
while (i < n) และช่ือ n มีคา่ เร่ิมตน้ เทา่ กบั 3
{
System.out.print(“*”); ข้นั ท่ี 2 ตรวจสอบเง่ือนไขวา่ ตวั แปร i นอ้ ยกวา่ n
i++; หากเป็นจริงใหพ้ ิมพ์ * ออกหนา้ จอภาพ
}
System.out.println(); ข้นั ท่ี 3 เพ่ิมค่าตวั แปรให้ i โดยเพิ่มอีก 1
ข้นั ที่ 4 กลบั ไปทางานข้นั ที่ 2 อีกคร้ังจนกวา่ จะเป็นเทจ็ ใหไ้ ปข้นั ท่ี 5
ข้นั ท่ี 5 แสดงผลจากการทางานรอบสุดทา้ ย ข้ึนบรรทดั ใหม่
ข้นั ท่ี 6 ออกจากโปรแกรม

เร่ิมตน้

i=0 i=1 i=2 i=3
n=3 n=3 n=3 n=3
0 นอ้ ยกว่า 3 1 นอ้ ยกวา่ 3 2 นอ้ ยกวา่ 3 3 ไม่นอ้ ยกว่า 3
Print* Print * เพิม่ เป็น ** Print * เพิ่ม เป็น ***
i เพม่ิ ค่าอีก 1 i เพิม่ คา่ อกี 1 i เพมิ่ ค่าอกี 1 false
ดงั น้นั i มีค่า 1 ดงั น้นั i มีค่า 2 ดงั น้นั i มีคา่ 3
true
true true

จบ

คาสง่ั แสดงการทางานของผงั งาน มีลกั ษณะ ดงั น้ี
เร่ิมตน้
i=0
n=3
i นอ้ ยกวา่ n
Print *
i เพ่มิ คา่ อีก 1 ดงั น้นั i มีค่า 1
วนซ้า รอบที่ 1

i=1
n=3
i นอ้ ยกวา่ n
Print * เพิม่ เป็น **
i เพ่ิมคา่ อีก 1 ดงั น้นั i มีค่า 2
วนซ้า รอบท่ี 2

i=2
n=3
i นอ้ ยกวา่ n
Print * เพิ่ม เป็น ***
i เพิม่ คา่ อีก 1 ดงั น้นั i มีค่า 3
วนซ้า รอบท่ี 3

i=3
n=3
i ไมน่ อ้ ยกวา่ n

เลิกวนซ้า
ข้ึนบรรทดั ใหม่
เสร็จสิ้นโปรแกรม
6. นกั เรียนร่วมกนั สรุปความคิดรวบยอดเก่ียวกบั การเขยี นโปรแกรมวนซ้าดว้ ยคาสงั่ while ดงั น้ี
คาสั่ง while เป็นคาสั่งท่ีใชว้ นซ้า โดยตรวจสอบเง่ือนไขก่อน ถา้ พบวา่ เง่ือนไขเป็นจริง จึงจะทา
คาส่ังที่อยภู่ ายในลปู (loop) หลงั จากน้นั จึงกลบั มาตรวจสอบเง่ือนไขอีกคร้ัง วนซ้าเช่นน้ีไปเรื่อย ๆ จนกวา่
เงื่อนไขจะเป็ นเท็จ

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1
ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)

2. แหลง่ การเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมินการเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เร่ือง การเขียนโปรแกรมวนซ้าดว้ ยคาสัง่ while (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินกระบวนการทางานกลุม่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ มุ่งมน่ั ในการทางาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ กระบวนการทางานกล่มุ

รายการการประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ

กระบวนการ 432 1
ทางานกลุ่ม
มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท ไมม่ ีการกาหนด
บทบาทสมาชิก
สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ และไม่มีการช้ีแจง
เป้าหมาย สมาชิก
และมีการช้ีแจงเป้าหมาย มีการช้ีแจงเป้าหมาย ไม่มีการช้ีแจงเป้าหมาย ต่างคนต่างทางาน

การทางาน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน

มีการปฏิบตั งิ านร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั

อยา่ งร่วมมือร่วมใจ แตไ่ มม่ ีการประเมิน ไมค่ รบทุกคน

พร้อมกบั การประเมิน เป็นระยะ ๆ

เป็นระยะ ๆ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การเขยี นโปรแกรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 19

เร่ือง การเขียนโปรแกรมภาษาจาวาด้วยคาส่ัง while

ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชีวติ จริงอยา่ งเป็นข้นั ตอน
และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เท่าทนั และมีจริยธรรม

ตัวชีว้ ดั

ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งง่าย เพ่ือแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายการเขยี นโปรแกรมภาษาจาวาดว้ ยคาสง่ั while (K)
2. เขยี นโปรแกรมภาษาจาวาดว้ ยคาสง่ั while (P)
3. มีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนรู้ (A)

สาระการเรียนรู้

การเขียนโปรแกรมภาษาจาวาดว้ ยคาสงั่ while โดยใชต้ วั แปลภาษาโปรแกรม NetBeans IDE 8.1

สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝ่เรียนรู้
2. มุ่งมน่ั ในการทางาน

คาถามสาคัญ

คาสงั่ System.out.print (); กบั System.out.println (); ตา่ งกนั อยา่ งไร

การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้

ข•้ัน•ปฏ•ิบ•ตั ิแ•ล•ะส•รุป•ค•วา•มร•ู้ห•ลัง•กา•รป•ฏ•ิบตั•ิ (•A•pp•lyi•ng•a•nd•C•on•st•ru•cti•ng•th•e•Kn•o•wl•ed•ge)•
1. •นกั เรียนจบั คูห่ รือแบง่ กล่มุ ตามความเหมาะสมของจานวนเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โดยใหม้ ีนกั เรียน

1 คนที่มีประสบการณ์ในการใชง้ านคอมพวิ เตอร์ จากน้นั เขียนโปรแกรมภาษาจาวาดว้ ยคาสั่ง while
โดยปฏิบตั ิตามข้นั ตอน ดงั น้ี

1.1 เปิ ดโปรแกรม NetBeans IDE 8.1

1.2 ใชเ้ มาส์คลิกที่ File เลือกสร้างโปรเจกตใ์ หม่ที่ New Project…
1.2

1.3 ต้งั ช่ือโปรเจกตใ์ หม่ท่ีช่อง Project Name: ข้ึนตน้ ดว้ ยภาษาองั กฤษตวั พมิ พใ์ หญ่
ไมเ่ วน้ วรรค แลว้ คลิกเมาส์ที่ป่ มุ

1.3

1.4 โปรแกรมจะแสดง code พ้ืนฐานมา โดยใหม้ ี class และ method หลกั

1.4

1.5 เลือกต้งั คา่ เพ่ือเลือกใหโ้ ปรเจกตน์ ้ีเป็นโปรเจกตห์ ลกั เพ่อื ป้องกนั การสบั สน
ในการแสดงผลในภายหลงั

1.5

1.6 เลือกบรรทดั ท่ี 19 เพื่อจะเขยี นคาสั่งทางานใน method หลกั

1.6
1.7 เขียนคาสัง่ กาหนดตวั แปร และเขยี นคาสั่งตามโครงสร้างคาสั่ง while

1.7
7

1.8 ทดสอบการทางานของโปรแกรมท่ีเขยี น
1.8

1.9 โปรแกรมจะแสดงผลที่ Output ซ่ึงอยทู่ างดา้ นลา่ งซา้ ยของจอภาพ
1.9

1.10 เมื่อเปลี่ยนคาสง่ั จาก print เป็นคาสั่ง println ในบรรทดั ที่ 23 ดงั ภาพ
1.10

1.11 โปรแกรมจะแสดงผลท่ี Output แตกต่างจากเดิม
1.11

2. นกั เรียนประเมินผลการเขยี นโปรแกรมภาษาจาวาดว้ ยคาสงั่ while ในประเดน็ ต่อไปน้ี
• นกั เรียนเขา้ สู่โปรแกรม NetBeans IDE 8.1 ไดห้ รือไม่
• โปรแกรมแสดงผลตามท่ีเขียนคาส่งั หรือไม่ อยา่ งไร
• นกั เรียนพบปัญหาระหวา่ งการเขียนโปรแกรมหรือไม่
• นกั เรียนมีแนวทางในการแกป้ ัญหาท่ีพบอยา่ งไร
• การเขียนโปรแกรมสาเร็จไดด้ ว้ ยตนเอง แสดงถึงการมีคุณธรรม จริยธรรม และคุณลกั ษณะ

อนั พงึ ประสงคข์ อ้ ใด

กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการร่วมมือทางานเป็นทีม

3. นกั เรียนร่วมกนั สรุปส่ิงที่เขา้ ใจเป็นความรู้ร่วมกนั ดงั น้ี
การเขียนโปรแกรมภาษาจาวาดว้ ยคาสัง่ while โดยใชต้ วั แปลภาษาโปรแกรม NetBeans IDE 8.1

•ข้นั• ส•ื่อส•า•รแ•ละ•น•าเส•น•อ •(A•pp•ly•ing• t•he•C•om• m• u•ni•ca•tio•n •Sk•ill•)

4. นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลการเขียนโปรแกรมของกลมุ่ ตนเองหนา้ ช้นั เรียน
และแสดงความคิดเห็น เพือ่ ขยายความรู้ร่วมกนั

กิจกรรมน้ีสร้างเสริมทกั ษะศตวรรษที่ 21 ดา้ นการสื่อสาร

5. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเก่ียวกบั การเขียนโปรแกรมภาษาจาวา
ดว้ ยคาสัง่ while โดยตอบคาถาม ดงั น้ี

• คาสงั่ System.out.print (); กบั System.out.println (); ตา่ งกนั อยา่ งไร
(คาส่งั System.out.print (); จะแสดงผลออกมาทางจอภาพโดยไมข่ ้นึ บรรทดั ใหม่
ส่วนคาส่ัง System.out.println (); จะแสดงผลออกมาทางหนา้ จอโดยข้ึนบรรทดั ใหม่)
6. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายสรุปเกี่ยวกบั วิธีการทางานใหเ้ ห็นการคิดเชิงระบบและวิธีการทางาน
ท่ีมีแบบแผน

ส่ือการเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้

1. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1
ของสถาบนั พฒั นาคุณภาพวิชาการ (พว.)

2. หอ้ งคอมพิวเตอร์
3. โปรแกรมภาษาจาวา
4. แหลง่ การเรียนรู้ท้งั ภายในและภายนอกโรงเรียน

การประเมนิ การเรียนรู้

1. ประเมินความรู้ เรื่อง การเขยี นโปรแกรมภาษาจาวาดว้ ยคาสั่ง while (K) ดว้ ยแบบทดสอบ
2. ประเมินกระบวนการทางานกลมุ่ (P) ดว้ ยแบบประเมิน
3. ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ มงุ่ มน่ั ในการทางาน (A) ดว้ ยแบบประเมิน

แบบประเมนิ ตามสภาพจริง (Rubrics)

แบบประเมนิ กระบวนการทางานกล่มุ

รายการการประเมนิ ระดบั คุณภาพ

กระบวนการ 432 1
ทางานกลมุ่ ไม่มีการกาหนด
มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท มีการกาหนดบทบาท บทบาทสมาชิก
และไม่มีการช้ีแจง
สมาชิกชดั เจน สมาชิกชดั เจน เฉพาะหวั หนา้ เป้าหมาย สมาชิก
ตา่ งคนต่างทางาน
และมีการช้ีแจงเป้าหมาย มีการช้ีแจงเป้าหมาย ไม่มีการช้ีแจงเป้าหมาย

การทางาน อยา่ งชดั เจนและ อยา่ งชดั เจน

มีการปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั ปฏิบตั ิงานร่วมกนั

อยา่ งร่วมมือร่วมใจ แตไ่ ม่มีการประเมิน ไมค่ รบทกุ คน

พร้อมกบั การประเมิน เป็นระยะ ๆ

เป็นระยะ ๆ

หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 การเขยี นโปรแกรม
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 20

เร่ือง การเขยี นโปรแกรมภาษาซีด้วยคาส่ัง while

ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 1 เวลาเรียน 1 ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชีว้ ัด

มาตรฐานการเรียนรู้

มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคานวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชีวติ จริงอยา่ งเป็นข้นั ตอน
และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทางาน
และการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ รู้เทา่ ทนั และมีจริยธรรม

ตัวชีว้ ดั

ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ งงา่ ย เพื่อแกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์

จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายการเขยี นโปรแกรมภาษาซีดว้ ยคาสงั่ while (K)
2. เขียนโปรแกรมภาษาซีดว้ ยคาส่ัง while (P)
3. มีความกระตือรือร้นในกิจกรรมการเรียนรู้ (A)

สาระการเรียนรู้

การเขียนโปรแกรมภาษาซีดว้ ยคาสั่ง while โดยใชต้ วั แปลภาษาโปรแกรม Dev-C++

สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน

1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ใฝ่เรียนรู้
2. มุ่งมน่ั ในการทางาน

คาถามสาคัญ

การเขียนโปรแกรมภาษาซีใหแ้ สดงผลทางหนา้ จอโดยใชค้ าสั่ง ("*\n") กบั ไมใ่ ชแ้ ตกต่างกนั อยา่ งไร

การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
ข•้ัน•ปฏ•บิ •ัติแ•ล•ะส•รุป•ค•วา•มร•ู้ห•ลัง•กา•รป•ฏ•ิบตั•ิ (•A•pp•lyi•ng•a•nd•C•on•st•ru•cti•ng•th•e•Kn•o•wl•ed•ge)•

1. •นกั เรียนจบั คู่หรือแบ่งกลุม่ ตามความเหมาะสมของจานวนเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ โดยใหม้ ีนกั เรียน

1 คนที่มีประสบการณ์ในการใชง้ านคอมพิวเตอร์ จากน้นั เขยี นโปรแกรมภาษาซีดว้ ยคาสั่ง while โดยปฏิบตั ิ
ตามข้นั ตอน ดงั น้ี

1.1 เปิ ดโปรแกรม Dev-C++ ที่ติดต้งั ไวแ้ ลว้

1.2 เลือกรายการ Empty Project และเลือก C Project คลิกเมาส์ป่ ุม

1.2

1.3 เลือกตาแหน่งสาหรับบนั ทึกแฟ้มขอ้ มลู
1.3

1.4 ต้งั ชื่อไฟลท์ ี่ช่อง File name แลว้ คลิกเมาส์ป่ ุม
1.4

1.5 เริ่มประกาศส่วนหวั โปรแกรมในบรรทดั ที่ 1 และเขียนคาสั่งท่ีส่วนของฟังกช์ นั หลกั
ในบรรทดั ท่ี 2 ถึงบรรทดั ที่ 12 โดยมีการประกาศตวั แปรและเขยี นคาสง่ั while อยภู่ ายในฟังกช์ นั น้ี

1.5

1.6 เลือกรายการ Compile & Run หรือกด F11 ที่คียบ์ อร์ด
1.6

1.7 จะแสดงผลผา่ นทางหนา้ จอ ดงั น้ี

1.8 ทดลองเปิ ดหนา้ ตา่ งของการแสดงผลผา่ นทางจอภาพท่ีได้ แลว้ ทดลองเขยี นคาส่งั
printf ("*\n"); ในบรรทดั ท่ี 7

1.8

1.9 ปฏิบตั ิการทดสอบโปรแกรมอีกคร้ัง เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง


Click to View FlipBook Version