เอกสารประกอบการสอน
เทคนคิ การสมั มนาและการนาเสนอผลงาน
Seminar & Presentation Graphics Technique
เรียบเรียงโดย.
นายสมชาย เอย่ี มละมยั
ครูแผนกวชิ าสามญั สมั พันธ์
วิทยาลัยอาชีวศึกษาลพบรุ ี
สงั กัดสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา
กระทรวงศึกษาธิการ
คำนำ
เอกสารประกอบการสอน รายวิชาเทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar &
Presentation Graphics Technique) รหัสวิชา 30404-2002 นี้ ได้เรียบเรียงขึ้นอย่างเป็นระบบ ครอบคลุม
เนือ้ หาสาระรายวิชาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรข้ันสงู (ปวส.) พทุ ธศกั ราช 2563 เพื่อใชเ้ ป็นเคร่ืองมือสำคัญ
ของผสู้ อนในการใช้ประกอบการสอนของผู้สอนท่ีมงุ่ เน้นใหผ้ ูเ้ รียนมีความรู้ความเขา้ ใจในเนื้อหา
เอกสารเล่มนี้ ได้แบ่งเนื้อหาในการเรียนการสอนไว้ 10 หน่วย ได้แก่ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการ
สัมมนา กระบวนการจัดสัมมนา บทบาทหน้าที่และจรรยาบรรณ ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนา การจัด
สถานที่และอุปกรณ์การสัมมนา การจัดทำเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดสัมมนา ความหมายและความสำคัญของ
การนำเสนอข้อมูลในงานธรุ กิจ การนำเสนออยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ บคุ ลิกภาพผู้นำเสนองาน การนำเสนอผลงาน
และการประเมนิ ผลโครงการสมั มนา
ผู้สอนควรศึกษารายละเอียดแต่ละหัวข้อเรื่องที่สอนจากเอกสาร หนังสือ ตำรา หรือสื่ออื่น ๆ
เพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่ดียิ่งขึ้น หวังว่าเอกสารประกอบการสอนนี้คงอำนวยประโยชน์ต่อการเรียนการสอน
ตามสมควร หากท่านที่นำไปใช้มีข้อเสนอแนะ ผู้เรียบเรียงยินดีรับฟังข้อคิดเห็นต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับปรุงให้
สมบูรณย์ ิ่งขนึ้
สมชาย เอย่ี มละมยั
15 ตุลาคม 2564
สารบัญ หน้า
1
หนว่ ยท่ี 1
1 ความรทู้ ว่ั ไปเก่ียวกับการสัมมนา 2
ความหมายของการสมั มนา 4
ความสำคัญของการสมั มนา 7
ประโยชน์ของการสัมมนา 8
วัตถุประสงค์ของการสมั มนา 12
องค์ประกอบของการสัมมนา 17
รูปแบบของการจดั สมั มนา 18
ลักษณะการสัมมนาทดี่ ี 20
แบบฝึกหัดหน่วยที่ 1 ความรู้ท่วั ไปเกี่ยวกับการสัมมนา 20
2 กระบวนการจดั สัมมนา 24
การเตรยี มการก่อนการสัมมนา 25
การดำเนินการระหวา่ งการสัมมนา 26
การดำเนินการหลังการสมั มนา 28
กิจกรรมเสริมการสัมมนา 30
แบบฝึกหัดหนว่ ยที่ 2 กระบวนการจัดสัมมนา 30
3 บทบาทหนา้ ท่แี ละจรรยาบรรณของผู้ท่เี กย่ี วข้องกบั การสัมมนา 35
บทบาทหนา้ ท่ีของบุคคลทเี่ ก่ียวข้องกบั การสมั มนา 38
จรรยาบรรณของผู้ทีเ่ กยี่ วข้องกับการสมั มนา 40
แบบฝึกหดั หน่วยท่ี 3 บทบาทหน้าท่ีและจรรยาบรรณของผู้ท่เี กี่ยวข้องกบั การสมั มนา 40
4 การจัดสถานที่และอุปกรณ์การสมั มนา 41
การจัดเตรียมสถานทีส่ มั มนา 41
วัตถุประสงค์การจดั สถานทส่ี ัมมนา 41
ข้อมูลประกอบการพิจารณาในการจัดสถานที่สัมมนา 43
รูปแบบการจัดห้องสัมมนา 45
การจดั โตะ๊ หม่บู ูชา 46
การจดั โตะ๊ ประธานหรอื วิทยากร 48
การจดั ฉากหรือม่านตดิ ตวั อักษรชอ่ื การสมั มนา
แบบฝึกหดั หนว่ ยที่ 4 การจัดสถานท่แี ละอุปกรณ์การสัมมนา
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้
50
หน่วยท่ี 50
5 การจัดทำเอกสารทเ่ี กี่ยวกบั การจัดสมั มนา 53
โครงการสมั มนาและแผนปฏิบตั งิ าน 53
เอกสารประกอบการสัมมนา 55
รายช่ือและหนังสือเชิญเขา้ รว่ มสมั มนา 56
คำสง่ั แตง่ ตงั้ คณะกรรมการดำเนินงาน 57
หนงั สอื ขออนุมัติงบประมาณ 58
หนงั สอื เชิญประธานเปิด-ปดิ การสัมมนา 58
หนังสอื เชิญวทิ ยากร 59
คำกล่าวรายงาน 60
คำกลา่ วเปิด 60
คำกลา่ วรายงานผลการสมั มนา 61
คำกล่าวปดิ 62
หนังสอื ขอบคุณ 62
การประเมนิ ผลการสมั มนา 64
เอกสารรายงานสรปุ ผลการสัมมนา 66
แบบฝกึ หัดหน่วยท่ี 5 การจัดทำเอกสารที่เกยี่ วกับการจดั สัมมนา 66
6 ความหมายและความสำคญั ของการนำเสนอข้อมูลในงานธรุ กจิ 67
การนำเสนอ (Presentation)เป็นวิทยาการแขนงหนึง่ ของการศกึ ษา 68
พัฒนาการของการนำเสนอ 68
แนวคดิ ในการนำเสนอสมัยใหม่ 71
ความสำคญั ของการนำเสนอ 75
หลักการนำเสนอท่ีมีประสิทธภิ าพ 77
การพฒั นาระบบการนำเสนอ 80
แบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 6 ความหมายและความสำคัญของการนำเสนอข้อมลู ในงานธุรกจิ 80
7 การนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ 81
หลักการเตรยี มตวั นำเสนอ 84
โครงสรา้ งของการนำเสนอ 88
เทคนคิ การนำเสนออยา่ งมีประสิทธภิ าพ 92
เทคนคิ ดา้ นบุคลิกและการพดู เพือ่ นำเสนอ
แบบฝกึ หดั หน่วยที่ 7 การนำเสนออยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้
93
หน่วยท่ี 93
8 บคุ ลิกภาพของผนู้ ำเสนองาน 94
ความหมายของบุคลกิ ภาพ (Personality) 95
ประเภทของบุคลิกภาพ 95
ทฤษฎีบคุ ลิกภาพของจงุ 96
ทฤษฎคี ุณลักษณะ (Trait Theories) 97
คณุ ลักษณะของบุคลกิ ภาพผู้นำเสนอทีด่ ี 102
การพัฒนาบุคลิกภาพเพ่ือความสำเร็จในการนำเสนอ 102
9 การนำเสนอผลงาน 102
ความหมายของการนำเสนอผลงาน 103
จุดม่งุ หมายในการนำเสนอผลงาน 105
ประเภทของการนำเสนอผลงาน 105
คณุ สมบัตทิ ี่ดขี องผู้นำเสนอผลงาน 105
ทักษะการเป็นผู้นำเสนอผลงาน 106
ลักษณะที่ดีในการนำเสนอผลงาน 107
หลักการนำเสนอผลงาน 110
การเตรยี มการนำเสนอผลงาน 110
ขอ้ ควรปฏิบตั ใิ นการนำเสนอผลงาน 111
การใชภ้ าษาในการนำเสนอผลงาน 115
การนำเสนอผลงานด้วยโปรแกรม PowerPoint 115
10 การประเมินผลโครงการสมั มนา 116
การประเมินผลการสัมมนา 116
ประโยชนข์ องการประเมินผลโครงการสัมมนา 117
ประเภทของการประเมินผลโครงการสัมมนา 123
ข้นั ตอนของการประเมนิ ผลโครงการสมั มนา 124
แบบฝกึ หัดหน่วยที่ 10 การประเมนิ ผลโครงการสมั มนา
เอกสารอา้ งองิ
หน่วยที่ 1
ความรทู้ ว่ั ไปเกีย่ วกบั การสัมมนา
ความรู้ทัว่ ไปเกย่ี วกบั การสัมมนา เป็นพ้นื ฐานเบอื้ งตน้ ในการเรียนร้วู ิธกี ารสัมมนา ซงึ่ จะกอ่ ให้เกิดความ
เข้าใจ การร่วมคิดร่วมวิเคราะห์ ปรึกษาและเปลีย่ นเรยี นรูร้ ะหว่างกลุ่ม เพื่อหาทางออกของปัญหาร่วมกนั สร้าง
ปฏิสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั ดว้ ยกันส่ือสารซง่ึ เป็นที่มาของคำวา่ “สมั มนา”
ความหมายของการสมั มนา
เทคนิคการหล่อหลอมแนวความคิดในรูปของการประชุมกลุ่ม ร่วมคิดหาแนวทางจากการหารือและ
แนวคิดตามหลักการมสี ่วนร่วมในการวิเคราะห์ปญั หา ซึ่งได้มนี ักวชิ าการไดใ้ หค้ วามหมายดงั ตอ่ ไปนี้
สมคิด แก้วสนธิ และสุนันท์ ปัทมาคม (2545, หน้า 45) กล่าวว่า การสัมมนา เป็นการจัดในลักษณะ
อภิปรายและแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นประสบการณ์ หรือ เปน็ การระดมความคดิ เรอ่ื งใดเร่ืองหนงึ่ เหมาะสำหรับ
กรณที ผ่ี ้เู ข้ารว่ มสัมมนามีประสบการณ์ ผเู้ ข้าร่วมประชมุ ทุกคน มีความเทา่ เทยี มกันในการแสดงความคิดเห็น ไม่มี
วิทยากร มีแต่ผู้ประสานงาน หรือผู้จัดดำเนินการคอยอำนวยความสะดวก และให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะเลือกผู้นำ
กลมุ่ การสมั มนาจากผูเ้ ข้าร่วมสัมมนาด้วยกนั เพื่อเป็นตัวแทนในการรายงานการอภปิ รายและดำเนินการสัมมนาไป
ตามตารางทกี่ ำหนดไว้
ราชบัณฑิตยสถาน (2546, หน้า 1170) ให้ความหมายคำว่า การสัมมนา เป็นการประชุมรูปแบบหน่ึงท่มี ี
วัตถุประสงคเ์ พ่ือแลกเปล่ียนความรู้ ความคิด และหาขอ้ สรปุ หรือขอ้ เสนอแนะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผลสรุปที่ได้ถือ
ว่าเป็นเพียงขอ้ เสนอแนะ ส่วนผทู้ เ่ี กีย่ วขอ้ งจะนำไปปฏิบตั ิตามหรอื ไมก่ ็ได้
ไพพรรณ เกยี รตโิ ชตชิ ยั (2548, หน้า 7) การสัมมนา คอื การทก่ี ล่มุ บุคคลไดร้ ่วมใจ พยายามเสาะแสวงหา
ความร้เู รื่องใดเรื่องหนงึ่ แล้วพยายามแลกเปลยี่ นความรู้ความคิดที่แตล่ ะคน ศกึ ษามาเพอื่ หาแนวทาง หาข้อสรปุ ใน
เรื่องนั้นๆ ทำให้ผู้เข้าร่วมสมั มนาสามารถใช้ความรูจ้ ากการสมั มนา ไปปฏิบัติ, หน้า ที่ของตนอย่างมีประสิทธิภาพ
และเกิดประโยชนต์ ่อสว่ นรวมใหม้ ากที่สดุ
นิรันดร์ จุลทรัพย์ (2550, หน้า 270) การสัมมนา เป็นทั้งรูปแบบของการประชุมร่วมกันของคณะบุคคล
เป็นกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่ง ในการจัดการศึกษาระดับสูง เป็นกระบวนการเรียนรู้
หรือแกป้ ัญหาโดยอาศัยกระบวนการกลุม่ (Group Process) เป็นสำคญั
ผล ยาวิชัย (2553, หน้า 3) การสัมมนา คือ สถานการณ์การประชุมกลุ่มบุคคลที่มีพื้นความรู้
ความสามารถความสนใจ ประสบการณ์ในงานสาขาวิชาชีพเดียวกัน มีเงื่อนไขจุดมุ่งหมาย หรือวัตถุประสงค์
เดียวกัน เพื่อการศึกษาค้นคว้าเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน สำรวจ เรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
วิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่อย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงบทบาทของการมีส่วนร่วม
จากทุกส่วนตามหลกั การประชาธิปไตยภายใต้เวลาทเ่ี หมาะสม
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 1
ไพโรจน์ เนียมนาค (2554, หน้า 2) การสัมมนา “Seminar” หมายถึง การประชุมเพื่อ แลกเปลี่ยน
ความรู้ และความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผลของการสัมมนาถือว่าเป็นเพียงข้อเสนอแนะผู้ท่ี
เก่ยี วขอ้ งจะนำไปปฏบิ ัติตามหรือไม่ก็ได้ โดยมจี ุดมุ่งหมายเพื่ออบรม ฝึกฝน ชี้แจง แนะนำ สงั่ สอน ปลูกฝังทัศนคติ
และให้คำปรึกษาในเรื่องที่เกี่ยวข้องหรือแสวงหาข้อตกลงด้วยวิธีการอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเสรี
ซักถาม ถกเถียง ปรึกษาหารือภายในหัวข้อที่กำหนดซึ่งผลจากการสัมมนาจะช่วยให้ระบบและวิธีการทำงานมี
ประสิทธภิ าพสงู ขึ้น
จากความหมายข้างต้นสรปุ ได้ว่า การสัมมนา คือ การประชุมเพื่อแสวงหาความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้และ
ความคิดเห็น โดยมีวัตถุประสงค์หรือการศึกษาในเร่ืองเดียวกัน รวมทั้งร่วมวเิ คราะห์ปัญหา หาแนวทางแก้ไข และ
หาข้อสรุปรว่ มกัน เพอ่ื ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมร่วมกัน ดังน้ัน การสอนวิชาสมั มนา เปน็ กระบวนการหน่ึงของ
กจิ กรรมการเรียนรู้ ศกึ ษา คน้ ควา้ โดยวธิ ีการต่าง ๆ เปน็ การฝึกทกั ษะการคิดอย่างเป็นระบบ การวิเคราะห์ปัญหา
และการเสนอแนวทางแก้ไข การแสดงออกโดยการพูด การสนทนา การอภิปรายที่เกี่ยวกับเนื้อหาของเรื่องนั้น ๆ
เพื่อให้ได้ ขอ้ สรุปของแนวทางทมี่ ีความเป็นไปได้ โดยวิธกี ารปรึกษาหารือรว่ มกัน
ความสำคัญของการสัมมนา
กระบวนการดำเนินงานที่ดีควรจะมีการวางแผนก่อนการปฏิบัติงาน และการตัดสินใจที่เหมาะสม
โดยการคดิ รว่ มกนั เพ่ือหาขอ้ สรุปทดี่ ีทีส่ ุด แต่ละเรื่องอาจใชว้ ิธกี ารประชุม การสนับสนุนจากผมู้ ีส่วนได้ส่วนเสียและ
ผู้ที่เกี่ยวขอ้ ง จึงถือวา่ การประชุมมีความสำคญั มผี ้ใู ห้ความหมายไวห้ ลายทศั นะ ดังนี้
เกษกานดา สุภาพจน์ (2549, หน้า 1) กล่าวว่า การประชุมสัมมนาเป็นเทคนิคของการให้ได้มาซึ่งแนวคดิ
และประสบการณเ์ พ่อื เป็นแนวทางของการหาข้อสรุปและนำไปใช้แกไ้ ขหรอื พัฒนาใหม้ ี ประสิทธภิ าพยิ่งขน้ึ
ปาน กิมปี และกรรณิการ์ แย้มเกสร (2545, หน้า 586) กล่าวว่า การประชุมมีความสำคัญเป็นการ
แสวงหาแนวทางในการปฏิบัติงานเสนอแนวคิดการตัดสินใจและการแก้ปัญหาในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ นั้น
จะต้องมีการปรึกษาหารือเป็นหมู่คณะเพื่อให้ได้ ข้อสรุปหรือแนวทางที่เป็นที่ยอมรับของบุคคลโดยส่วนรวมหรือ
เป็นความเห็นชอบของคนสว่ นใหญใ่ นกล่มุ จงึ เป็นเครื่องมือสำคัญท่ีจะทำใหค้ นในองค์กรมีความเข้าใจตรงกัน และ
ลดความขัดแย้ง
สมคิด บางโม (2551, หน้า 159) กล่าวว่า การทำงานเป็นกลุ่มหรือเป็นคณะบุคคล จำเป็นต้องมี
การประชุมปรึกษาหารอื กนั มีความเขา้ ใจตรงกัน จึงจะทำใหง้ านสำเรจ็ ตามเป้าหมาย
สมิตร สัชฌุกร (2552, หน้า 16) กล่าวว่า ความสำคัญของการประชุม เป็นกลไกสำคัญของทุกองค์กร
ในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับโลก เป็นศูนย์รวมของความคิดการตัดสินใจ การกำหนดนโยบาย
การลงมติ การริเริ่มสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ การวิจัย และการแก้ไข ปัญหาต่าง ๆ ด้วยเหตุที่การประชุมมี
ความสำคัญ เราจึงต้องใช้การประชุมให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่สำคัญผิดว่าเมื่อมีการประชุมก็
เป็นการเพยี งพอแล้ว
จากแนวคิดทกี่ ล่าวมาขา้ งตน้ สรุปใหเ้ ห็นได้ว่า ความสำคัญของการประชุมสมั มนามีดังนี้
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 2
1. เป็นการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว เมื่อบุคลากรได้มาพบปะพูดคุยแบบเผชิญหน้า ประชุมโต้ตอบกันใน
ทนั ทีทนั ใด ทำความเขา้ ใจกนั ไดใ้ นเวลาอันสนั้ ไม่ต้องเสียเวลาในการสื่อสารมาก
2. เป็นการระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หาข้อสรุปหรือแนวทางในการตัดสินใจให้บรรลุ
ตามวัตถุประสงค์ทตี่ งั้ ไว้เปน็ อย่างดี
3. เป็นสื่อกลางในการพบปะแลกเปลี่ยนข่าวสาร ความรู้ ฯลฯ ซ่ึง
ผู้เกี่ยวข้องจะมีโอกาส ชี้แจงข้อซักถามข้อสงสัยได้ ก่อให้เกิดความรู้สึกร่วม
แรงร่วมใจ มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของ หน่วยงานนั้น ๆ ทำให้เกิดการ
เรียนรู้ถึงวิธีการปรับตนเองให้เข้ากับผู้อื่นและทราบข่าวสารเรื่องราว ความ
เคล่อื นไหวในกจิ การต่าง ๆ ในสงั คมทเี่ ก่ียวข้อง
4. เป็นเทคนิคของการให้ได้มาซึ่งความรู้ แนวคิดและประสบการณ์เพื่อเป็นแนวทางของการหาข้อสรุป
และนำไปใช้แกไ้ ขหรือพฒั นาใหม้ ีประสิทธิภาพย่ิงข้ึน
5. เป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิบัติ, หน้า ที่เอื้ออำนวยในการปฏิบัติงานและการถ่ายทอดความรู้หรือ
ข่าวสารต่าง ๆ เช่น การประชุมชแี้ จงเกย่ี วกับนโยบายตา่ ง ๆ ของหนว่ ยงาน หรอื การประชุมทางวชิ าการ
ผล ยาวิชัย (2553 , หน้า 4) กล่าวว่า การปฏิบัติงานในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันต้องมีการปรับตัวอยู่
ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลง มีการแข่งขันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศสูง
การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ การบริหารจัดการองค์กรตลอดเวลา มีความจ ำเป็นต่อ
การประกอบอาชีพของบุคคลทั่วไป มีบทบาทอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม การเมือง และเทคโนโลยีของ
ประเทศ การดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพจำเป็นที่จะต้องมีการแข่งขนั ในทุกด้าน โดยมุ่งหวังท่ีจะให้อาชีพท่ตี น
ยึดถือปฏิบัติมีความเจริญรุ่งเรือง เป็นที่นิยมชมชอบของผู้ท่ีมีส่วนเกี่ยวข้อง สิ่งที่ตามมาก็คือความสำเร็จจากการ
ดำเนนิ งานนัน่ เอง อนั หมายถงึ การอยูด่ ีกนิ ดบี รรลุผลสำเร็จในกจิ การท่ปี ฏบิ ัติเป็นอยา่ งดี
สงั คมปัจจบุ ันจึงให้ความสำคัญในข้อมูลข่าวสาร (Information Society) เปน็ อยา่ งมาก ซ่ึงโลกปัจจุบัน
ต้องยึดข้อมูลที่เป็นจริงและทันสมัยอยู่เสมอ ทั้งนี้เพราะเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสาร มีความทันสมัยก้าว หน้า
สามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างรวดเร็วมีความคล่องตัวสูง กิจการใดที่มี ข้อมูลข่าวสารที่เป็นปัจจุบันมากเท่าใด
กิจกรรมหรือกิจการนั้น ๆ ย่อมมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองให้ เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น สถานประกอบการหรือ
องค์กรธุรกิจต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องขวนขวายเสาะแสวงหาข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยเพื่อส่งผลต่อ
การพัฒนาบุคลากรและพัฒนาทรัพยากรต่าง ๆ ของหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพมีคุณภาพในการบริหารจัดการ
มากทสี่ ดุ เทา่ ทจ่ี ะมากได้
การสัมมนาหรือการประชุมสัมมนา จึงเป็นรูปแบบหนึ่งหรือ
เทคนิคของการให้ได้มาซึ่งความรู้ แนวคิดและประสบการณ์โดยอาศัย
การประชมุ พบปะพูดคุย บรรยาย ซกั ถาม อภปิ ราย ระดมความคิดเห็น
ทั้งผู้นำเสนอวิทยากรหรือผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งผู้ฟังต่างมีโอกาสได้และ
เปลี่ยน เรียนรู้ประสบการณ์ซึ่งกันและกัน เพื่อเป็นหนทางของการหา
ขอ้ สรุป และนำขอ้ มูลท่ีได้จากการสัมมนาไปปรับปรุงแก้ไขปัญหา หรือ
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 3
พัฒนาบุคลากรและทรัพยากรอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป นำมาซึ่งความสำเร็จมาสู่เจ้าของกิจการ
สถานประกอบการและองคก์ รต่าง ๆ
สรุปได้ว่า การสัมมนา มีความสำคัญต่อการพัฒนาองค์กร และการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
การทำงาน โดยการจัดกระบวนการสมั มนา เป็นส่วนสำคัญที่จะเสริมสร้างประสิทธิภาพด้านการบริหารจดั การให้
เกิดรูปแบบการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ให้เกิดความรู้ แนวคิด ประสบการณ์โดยการพูดคุย บรรยาย ซักถาม
อภิปราย ระดมความคิดเห็นภายในกลุ่ม และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งประสบการณ์และความรู้ต่อองค์กรและ
บุคลากรตอ่ ไป
ประโยชน์ของการสัมมนา
ผลของการจัดสัมมนา หรือการจัดการเรียนการสอนสัมมนาก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ
อนั เปน็ ผลมาจากการศึกษา คน้ คว้า เพ่ือเสนอบทความทางวิชาการและการประมวลข้อเทจ็ จรงิ ทางวิชาการใหม่ ๆ
เพื่อนำเสนอในรูปของเอกสารประกอบการสัมมนา สามารถนำไปเป็นแนวทางในการปรับปรุง แก้ปัญหา หรือ
สร้างสรรคก์ ารทำงาน ดงั ได้มนี กั วิชาการกลา่ วถงึ ประโยชน์ของการสมั มนาดังต่อไปนี้
เกษกานดา สุภาพจน์ (2549, หน้า 3) ได้กลา่ วถงึ ประโยชน์ของการสัมมนาดงั น้ี
1. ผู้จดั สัมมนาหรือผูเ้ รียนสามารถจดั สัมมนาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
2. ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับความรู้แนวคิดจากการสัมมนา สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานและชีวิต
ส่วนตัวได้
3. ผลจากการทผี่ ู้เขา้ ร่วมสัมมนาไดร้ ับความรู้และความสามารถมากข้ึนจากการสัมมนา ช่วยทำให้ระบบ
และวิธกี ารทำงานมปี ระสทิ ธภิ าพสูงขน้ึ
4. การจัดสัมมนาจะช่วยแบ่งเบาภาระการปฏิบัติงานของผู้บังคับบัญชา เพราะผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับ
การสัมมนา ทำให้เข้าใจถึงวิธีการปฏิบัติงานตลอดจนปัญหาต่าง ๆ และวิธีการแก้ไขปรับปรุงและพัฒนางานให้
ได้ผลดี
5. เป็นการพัฒนาผู้ปฏิบัติงานให้พร้อมอยู่เสมอ ที่จะก้าวไปรับตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมหรืองานที่
จำเป็นต้องอาศัยความรู้ทางด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานจะไม่รู้สึกลำบากในการปรับตัว เพราะได้รับ
ความร้ใู หม่ ๆ ตลอดเวลา
6. เป็นการส่งเสริมความก้าวหน้าของผู้ปฏิบัติงาน เพราะโดยปกติแล้วการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง
ผู้ทไ่ี ด้รบั การสมั มนาย่อมมโี อกาสไดร้ ับการพจิ ารณากอ่ น
7. เกดิ ความคดิ ริเริม่ สร้างสรรค์ เป็นผลใหเ้ กิดแรงบนั ดาลใจมุง่ กระทำกจิ กรรมอนั ดีงามให้สังคม
8. สามารถสร้างความเข้าใจอันดีงามต่อเพื่อนร่วมงาน มีมนุษย์สัมพันธ์ เกิดความร่วมมือร่วมใจใน
การทำงาน สามารทำงานเปน็ ทมี ได้เป็นอยา่ งดี
9. เกดิ ความกระตอื รือรน้ กล้าคิด กลา้ ทำ กลา้ ตดั สนิ ใจ มคี วามรับผิดชอบ รจู้ กั ยอมรบั ความคิดเห็นของ
ผู้อน่ื รจู้ กั ใช้ดลุ ยพินิจวเิ คราะห์ปญั หา สามารถแก้ปญั หาในการทำงานและเกดิ ภาวะผนู้ ำ
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 4
ผล ยาวชิ ยั (2553, หน้า 5) ไดก้ ลา่ วถงึ ประโยชน์ของการสมั มนาไวด้ ังนี้
1. เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างผู้เข้าสัมมนา ทำให้มีความเข้าใจข้อเท็จจริงต่าง ๆ ดีข้ึน
ซงึ่ จะทำให้เกดิ ความรว่ มมอื เพ่ือความสำเร็จต่อไป
2. เป็นการร่วมกันแก้ปัญหาโดยผนึกความคิด ความรู้และประสบการณ์ของคนหลายคนเข้าด้วยกัน ซ่ึง
ย่อมได้ผลดกี ว่าคน ๆ เดยี ว และเปน็ การชกั จงู ให้หลายคนเข้ามามสี ่วนร่วมในการรบั ผดิ ชอบ
3. ก่อให้เกิดความรู้สึกร่วมแรงร่วมใจ มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนั้น เพราะได้รับทราบ
เรือ่ งราวและมีส่วนเปน็ ผู้กำหนดเกย่ี วกับความเคลอ่ื นไหวเหลา่ นน้ั อยดู่ ว้ ย
4. เปน็ การชวยผ่อนผันหรือทเุ ลาปัญหาที่ยังไมส่ ามารถแก้ไขได้ เพราะผเู้ ข้าสมั มนาทีม่ ีปัญหาได้มีโอกาส
ระบายความอดั อ้ันตันใจบ้างแลว้
5. เป็นการช่วยให้ผู้เข้าสัมมนาได้ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ซึ่งจะทำให้มีทัศนะที่กว้างขวางขึ้น และ
เกิดแนวคดิ ของตนเอง
6. ช่วยในการประสานงานได้ดี ถ้าผู้เข้าสัมมนาจากสถานที่หลายแห่งด้วยกัน ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นใน
ระหวา่ งประชุมกล่มุ ยอ่ ยจะช่วยใหม้ คี วามเข้าอกเขา้ ใจเหน็ อกเห็นใจกนั ย่งิ ขึ้น
ไพโรจน์ เนียมนา (2554, หน้า 3) ได้กล่าวไว้ว่า การสัมมนาและการฝึกอบรมเป็นกิจกรรมที่สำคัญยิ่งใน
การทำงานร่วมกันซึ่งต้องอาศัยความคิดร่วมกันด้วย ผลที่ได้จากการสัมมนาและฝึกอบรมทุกคนจะได้รับ
เช่นเดยี วกนั ไมอ่ ยา่ งใดก็อย่างหนึ่ง ซงึ่ สามารถสรุปประโยชน์ของการสมั มนาและฝกึ อบรมท่วั ไปมีดงั นี้
1. เปิดโอกาสให้สมาชิกมกี ารรบั ผิดชอบร่วมกนั ในการดำเนินงานเพราะถ้าผู้หนึ่งผู้ใดตัดสินใจตามลำพงั
และเกิดผิดพลาดขึ้น ผู้นัน้ จะตอ้ งรบั ผดิ ชอบทง้ั หมด แต่ถา้ เปน็ มติของท่ปี ระชมุ ทกุ คนจะตอ้ งรับผดิ ชอบรว่ มกัน
2. เป็นเครื่องมือสำคัญในการกระจายข่าวสารต่าง ๆ ไปได้ทุกทิศทาง โดยแจ้งให้ผู้เขา้ ประชุมทราบแล้ว
นำไปถ่ายทอดต่อไป นับว่าเปน็ การประชาสัมพนั ธ์ข่าวสารทีด่ ีอกี วธิ หี น่งึ
3. ช่วยให้การตัดสินใจรอบคอบยิ่งขึ้น เพราะการวนิ ิจฉยั คนเดียวอาจทำให้เกดิ ความผิดพลาด เนื่องจาก
ข้อจำกดั ทางความรู้ ความคิด ประสบการณ์และอื่น ๆ
4. ผู้เขา้ สัมมนาหรือฝึกอบรมได้มโี อกาสรบั ฟังความคิดเหน็ ของผู้อืน่ ทำให้ตนเองมีทัศนะทก่ี วา้ งขวางข้นึ
5. เป็นโอกาสดีที่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาและฝึกอบรมจะได้พบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นใน
เรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องหน้าที่การงาน จะก่อให้เกิดความรู้สึกร่วมแรง ร่วมใจ สร้างความรู้สึกเป็น
สว่ นหนง่ึ ของหนว่ ยงาน และชว่ ยให้เกดิ การประสานงานทดี่ ีในโอกาสตอ่ ไป
6. ช่วยเพิม่ ผลผลิตทง้ั ปริมาณและคณุ ภาพ
7. ชว่ ยแก้ปัญหาในการปฏิบัติงาน ลดภาระในการควบคมุ รวมถึงช่วยลดอุบัติเหตุ
8. ช่วยส่งเสรมิ ทัศนคติต่อองคก์ าร
9. ช่วยลดการสิน้ เปลอื งตา่ ง ๆ ลดตน้ ทุน
10. ชว่ ยใหพ้ นกั งานมีขวญั และกำลงั ใจดีขึน้
11. ช่วยพัฒนาบคุ ลากรใหม้ คี ุณภาพสงู ข้ึน
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 5
นอกจากประโยชนท์ ี่ไดจ้ ากการสัมมนาและการฝกึ อบรมดงั กลา่ วข้างต้น ลว้ นแตเ่ ป็นกระบวนการพัฒนา
ทรัพยากรบุคคลให้มคี ุณภาพอันจะนำไปสู่การทำงานท่ีมปี ระสิทธิภาพและองค์การเจรญิ ก้าวหน้า สามารถจะแบง่
ตามภารกจิ ของประโยชนแ์ ตล่ ะดา้ นได้ดงั น้ี
1. ประโยชนต์ ่อตนเอง ได้แก่
1.1 ชว่ ยเพมิ่ ทกั ษะความรู้ความสามารถนำไปสกู่ ารเพิ่มประสิทธภิ าพในการปฏิบัติงาน
1.2 ช่วยให้สามารถปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี และ
การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ
1.3 ชว่ ยพัฒนาบคุ ลิกภาพของตนเองและปรับปรงุ วิธกี ารปฏบิ ตั งิ านใหเ้ หมาะสมกบั งานทปี่ ฏบิ ัติ
1.4 ชว่ ยให้มีความเชือ่ ม่ันในตนเองพรอ้ มทจี่ ะทำงาน และกลา้ เผชญิ ปญั หา
1.5 ช่วยใหเ้ ป็นผ้รู จู้ กั ศกึ ษาเรียนร้ตู ลอดชีวติ เป็นทรัพยากรบคุ คลที่มคี ่าขององค์กรและประเทศชาติ
1.6 ช่วยให้รู้จักบุคคลหรือมิตรมากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อการประสานการทำงานให้พัฒนา
ก้าวหน้าตอ่ ไปได้
2. ประโยชนต์ อ่ องคก์ ร ไดแ้ ก่
2.1 ช่วยเสริมสร้างทัศนคติที่ถูกต้องในการปฏิบัติงานของบุคลากรและเป็นที่พึงประสงค์ของ
หน่วยงาน
2.2 ช่วยเสริมสร้างขวัญกำลงั ใจในการทำงานแก่ผู้ปฏิบัตงิ าน
2.3 ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนผู้ปฏิบัติงาน โดยการเพิ่มคุณภาพของผู้ปฏิบัติงานที่ มีอยู่จำกัดแทน
การเพิ่มงบประมาณ หรือเพิ่มจำนวนผปู้ ฏิบัตงิ าน
2.4 ช่วยยกระดับความสามารถของบุคลากรในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามทิศทาง เป้าหมาย และ
นโยบายขององค์การ
2.5 ชว่ ยเสรมิ สร้างความรู้ความเข้าใจ เพ่ือหลกี เลยี่ งปญั หาที่เกิดขน้ึ ได้
2.6 ช่วยประหยดั งบประมาณรายจ่าย
2.7 ช่วยให้บุคลากรเกิดการเรียนรู้ และมปี ระสบการณ์โดยมีผลกระทบตอ่ งานที่ปฏบิ ตั ิ
2.8 ทำให้เกิดความสามัคคีในหน่วยงาน การสัมมนาและการฝึกอบรมจะทำให้ บุคลากรมีโอกาสได้
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซง่ึ กนั ละกัน ช่วยให้เกดิ ความเขา้ ใจกันมากยิ่งขน้ึ
2.9 ช่วยเพิ่มผลผลิตในการบรหิ ารจัดการ
สรปุ ไดว้ า่ ประโยชนท์ ี่ได้รบั จากการสัมมนาและการฝกึ อบรมนน้ั จะมคี วามครอบคลมุ ทง้ั ในส่วนผูบ้ ริหาร
เจา้ หน้าทใ่ี นการดำเนนิ การจดั การฝึกอบรม และแมแ้ ต่ผู้เขา้ รับการฝึกอบรม เพอื่ ให้ทราบว่าควรจะต้องจัดเตรียม
สิ่งใดก่อนเข้าอบรมสัมมนา และรวมถึงผลประโยชน์ที่ทุกฝ่าย ควรจะได้รับภายหลังที่สิ้นสุดสัมมนาและ
การฝึกอบรม เป็นต้น นอกจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว ผลของการจัดสัมมนาหรือการจัดการเรียนการสอนสัมมนา
ยังก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการ อันเป็นผลมาจากการศึกษา ค้นคว้า เพื่อเสนอบทความทางวิชาการ
และการประมวล ข้อเท็จจริงทางวิชาการใหม่ ๆ เพื่อนำเสนอในรูปของเอกสารประกอบการสัมมนา รวมทั้ง
สรุปผล รายงานสัมมนาที่ได้หลังจากการสัมมนาเสร็จสิ้น สามารถนำไปเป็นแนวทางในการปรับปรุง แก้ปัญหา
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 6
หรือสร้างสรรค์การทำงาน นอกจากนี้ยังเป็นหนทางให้บรรลุข้อตกลงเกิดการประนีประนอมกันในระหว่าง
หนว่ ยงานเดยี วกนั หรือต่างหนว่ ยงาน และเกดิ การพัฒนาตน พฒั นาคน พัฒนางาน และสังคมโดยสว่ นรวม
วตั ถุประสงค์ของการสมั มนา
วัตถุประสงค์หรือความมุ่งหมายในการสัมมนา นอกจากจะได้เพิ่มทักษะความรู้ให้แก่ผู้เขา้ รับสัมมนาแลว้
ยงั มวี ัตถปุ ระสงคท์ ่สี ำคญั หลายประการดงั นกั วิชาการได้กลา่ วไวด้ งั น้ี
สุทธนู ศรีไสย์ (2544, หน้า 5) ไดก้ ล่าวถึงวัตถปุ ระสงค์ของการสัมมนาไว้ดังนี้
1. เพื่อการศกึ ษาและเรยี นรูป้ ระเดน็ ต่างๆ ของปัญหาเพอื่ นำไปสกู่ ารแก้ปญั หา
2. เพื่อค้นควา้ หาคำตอบ ขอ้ เสนอแนะหรอื หาข้อยตุ ทิ ่จี ะใช้แก้ปัญหารว่ มกนั
3. เพ่ือนำผลของการสัมมนาเปน็ เครอ่ื งมอื ในการตดั สินใจหรือกำหนดนโยบาย
4. เพื่อการพัฒนาและการปฏิบัตงิ านใหบ้ รรลุตามเปา้ ประสงค์
สมจิตร เกิดปรางค์ และนุตประวีณ์ เลิศกาญจนวัต (2545, หน้า 73) ได้กล่าวว่าการสัมมนาโดยทั่วไปมี
วัตถปุ ระสงค์ที่สำคญั ดงั นี้
1. เพอ่ื เพ่มิ พูนความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์แกผ่ ู้เขา้ รว่ มสมั มนา
2. เพื่อแลกเปลีย่ นความคดิ เห็นซงึ่ กันและกันระหวา่ งผู้เข้าสัมมนาดว้ ยกนั และผูเ้ ข้าสมั มนากบั วิทยากร
3. เพือ่ ค้นหาวิธกี ารแก้ปญั หาหรอื แนวทางปฏบิ ตั ริ ว่ มกัน
4. เพื่อใหไ้ ดแ้ นวทางประกอบการตดั สนิ ใจหรือกำหนดนโยบายบางประการ
5. เพอ่ื กระตนุ้ ใหผ้ ู้รว่ มเขา้ สัมมนานำหลกั วธิ ีการทไ่ี ดเ้ รยี นรไู้ ปใชใ้ ห้เป็นประโยชน์
การสัมมนาแต่ละครั้งจะบรรลุวัตถุประสงค์มากน้อยเพียงใดนอกเหนือจากกระบวนการจัดสัมมนาและ
วิทยาการแล้ว สมาชิกผู้เข้าร่วมสัมมนามีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะเป้าหมายที่เด่นชัดของการสัมมนา
กค็ อื ผู้เข้ารว่ มสัมมนาทุกคนต้องทำหน้าทเ่ี ป็นท้งั ผู้ให้และผ้รู ับ กล่าวคอื เปน็ ผู้ฟงั ความคิดเหน็ จากผู้เข้าร่วมสัมมนา
ดว้ ยกนั และในขณะเดียวกันก็เป็นผเู้ สนอความคดิ เห็นใหแ้ ก่กลุม่ ด้วย ดงั นนั้ หวั ใจของการสมั มนาจึงอยู่ท่ีว่าสมาชิก
ทุกคนไดม้ ีส่วนรว่ มได้แสดงความคดิ เหน็ และได้เสนอแนวคดิ ใหแ้ กก่ ลมุ่ เปน็ ประการสำคัญ
ไพพรรณ เกียรตโิ ชติชยั (2548, หน้า 56) ได้กล่าวว่า การสมั มนามีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ ยกระดับประสทิ ธิภาพ
ที่มีลักษณะเด่นอย่างหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งขึ้นไป เพื่อให้เกิดผลสำเร็จ ทั้งความรู้ใหม่และข้อมูลที่ใช้ใน
การปฏบิ ัตงิ าน โดยการสอนทักษะใหม่ให้หรือโดยการสรา้ งให้แตล่ ะคนมเี จตคติใหม่ ค่านยิ ม มแี รงจงู ใจ พร้อมทั้งมี
คุณสมบัติของบุคลิกภาพที่ดี การสัมมนาโดยทั่วไปมักจะจัดเป็นหลักสูตรเฉพาะสำหรับกลุ่มงานหรือกลุ่มบริหาร
มีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการพัฒนาบทบาทพฤติกรรมและให้มีความเข้าใจในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิด
ประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของทุกคน การใช้โอกาสในการสัมมนาเพื่อฝึกอบรมหรือพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ
และให้มผี ลสมั ฤทธิ์ในการทำงาน
นริ ันดร์ จลุ ทรพั ย์ (2550, หน้า 270) ไดก้ ลา่ วว่าการสมั มนาโดยทัว่ ไปมวี ัตถุประสงคท์ ่ีสำคญั ดงั นี้
1. เพื่อเพิ่มพูนและเติมเต็มความรู้ความสามารถ ทักษะประสบการณ์ทั้งด้านวิชาการหรือด้านวิชาชีพแก่
ผ้เู ข้าร่วมสมั มนาโดยตรง
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 7
2. เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันและกันของผู้เข้าร่วมสัมมนากับวิทยากรหรือ ผู้เช่ียวชาญใน
เรือ่ งหรอื สาขาวิชาเฉพาะทางน้นั
3. เพอ่ื ค้นหาคำตอบ วธิ ีการแกป้ ัญหาหรอื แนวทางการแก้ปญั หาในทางปฏิบตั ริ ว่ มกัน
4. เพื่อให้ได้แนวทางสรุปประกอบการตัดสินใจ หรือหาแนวทางการแก้ปัญหา หรือกำหนดนโยบายของ
หน่วยงานองค์กรบางประการ
5. เพอ่ื สร้างความตระหนักหรือกระตนุ้ ให้ผู้เข้ารว่ มสมั มนานำหลักการวธิ กี ารเรยี นรู้หรือแนวทางปฏิบัติไป
ใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ หน้าทแี่ ละภาระงานทปี่ ฏบิ ตั หิ รือรบั ผิดชอบตอ่ ไป
สรุปได้ว่าวัตถุประสงค์ของการสัมมนาการ คือ การเพิ่มพูน ความรู้ ทักษะและประสบการณ์ แลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นระหว่างผเู้ ข้าร่วมสมั มนา คน้ หา แนวทางวิธีในการปฏบิ ัตริ ว่ มกันเพื่อแก้ไขปัญหา หรอื กำหนดนโยบาย
บางประการ และเพื่อฝึกอบรมหรือพัฒนาให้ผู้เขา้ ร่วมให้มปี ระสทิ ธิภาพในการปฏิบัติงานที่สูงขึ้น ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่
กับกระบวนการจัดการสัมมานาท่ดี ีควบค่กู นั ไปดว้ ย
องค์ประกอบของการสัมมนา
การสัมมนาเป็นวิธีการประชุมและการสอนรูปแบบหนึ่งที่มีกลุ่มบุคคลมาร่วมแสดง ความคิดเห็นโดยใช้
หลักการ เหตุผล ประสบการณ์ และความรู้ต่าง ๆ นำมาเสนอแนะแลกเปลี่ยนเพิ่มพูนหาประโยชน์ร่วมกันใน
การแก้ปัญหานั้นให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีหรือนำแนวทางที่ได้รับจากการสัมมนาไปปรับปรุงแก้ไขพัฒนา
การดำเนินการสัมมนาแต่ละครั้งมีองค์ประกอบสำคัญ 5 ด้าน ดังนี้ (เกษกานดา สุภาพพจน์, 2549, หน้า 22-41
และผล ยาวิชยั , 2553, หน้า 7-12)
1. องค์ประกอบด้านเนื้อหา องค์ประกอบด้านเนื้อหาของการสัมมนาได้แก่สาระของ เรื่องราวที่นำมา
จดั ลำดบั ก่อนหลังอยา่ งเป็นระบบประกอบด้วยรายละเอียดดังน้ี
1.1 ชื่อเรื่อง หรือชื่อโครงการทีน่ ำมาจัดสัมมนานับว่าเป็นปัจจัยสำคัญอยา่ งหนึ่งที่ผู้จัดสัมมนาควรจะ
ได้พจิ ารณาว่าจะเลือกเร่ืองอะไร ท่ีจะนำมาจัดสัมมนาจงึ จะได้รบั ประโยชน์คุม้ ค่า สง่ิ ทค่ี วรคำนึงถงึ ในการพิจารณา
เก่ียวกบั ชื่อเรอ่ื งในการจดั สัมมนา ได้แก่
1.1.1 ควรเป็นเรื่องที่ต้องการศึกษาปัญหา หาแนวทางแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับงานหรือเรื่องที่กำลัง
ศกึ ษาอยู่และเป็นเรอ่ื งทตี่ นเองถนดั รแู้ จ้ง ร้ลู ึกซึง้ เปน็ อย่างดี
1.1.2 มีความทนั สมยั สอดคลอ้ งกับสภาวการณป์ ัจจบุ นั
1.1.3 สามารถกำหนดปัญหา หาแนวทางการแกไ้ ขปญั หาไดอ้ ย่างเป็นระบบ
1.1.4 เปน็ เรอื่ งท่ีไม่กวา้ ง ไมแ่ คบจนเกินไป ควรเปน็ เร่อื งที่มีขอบเขตเฉพาะเร่ือง สามารถกำหนด
ปัญหา และแนวทางการดำเนนิ การจัดสัมมนาได้ชัดเจน
1.2 จุดมุ่งหมายของการจัดสัมมนา โดยปรกติแล้วการจัดสัมมนาก็เพื่อเป็นการฝึกผู้เข้าร่วมสัมมนา
หรือนักศึกษาที่นอกจากเพื่อให้ได้เกิดการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล้วยัง ทำให้เกิดการเพิ่มพูน ความรู้
ประสบการณ์ ได้รับแนวความคิดใหม่ ๆ สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไข และพัฒนาตนเอง หน่วยงานที่รับผิดชอบ
เป็นการสร้างสรรค์ต่อส่วนรวมและสังคม อย่างไรก็ตามในการสัมมนาจำเป็นที่จะต้องมีหรือเขียนจุดมุ่งหมายของ
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 8
การสัมมนาไว้ให้ชัดเจน เพื่อคณะกรรมการผู้ดำเนินการจัดสัมมนา ผู้เข้าร่วมสมั มนา วิทยากร และบุคคลอื่น ๆ ท่ี
เกี่ยวข้องจะได้เข้าใจ และดำเนินการสัมมนาให้เป็นไปตามจุดมุง่ หมายที่ต้ังไว้ การเขียนจุดมุ่งหมายมกั จะกำหนด
เพ่ือใหบ้ รรลุเป้าหมายหรอื ได้รับสาระตามตอ้ งการอย่างใดอย่างหน่ึง ได้แก่
1.2.1 เพ่ือศกึ ษาและสำรวจปัญหาเรอ่ื งใดเรื่องหนง่ึ ท่ีอยใู่ นความสนใจ
1.2.2 เพ่ือให้ได้วิธกี ารหรือแนวทางในการแก้ปัญหาเรอ่ื งใดเร่อื งหน่ึง
1.2.3 เพื่อศึกษาคน้ ควา้ วิจยั ในเรอื่ งทมี่ ีความจำเป็นเร่งดว่ น
1.2.4 เพอ่ื เรยี นรู้และมีการแลกเปล่ยี นผลของการศึกษาค้นควา้ วิจัยระหวา่ งผเู้ รียนท่ีเรียนร่วมกัน
1.2.5 เพือ่ รว่ มพจิ ารณาหาข้อสรุปผลรายงานการศกึ ษาคน้ คว้าในเรอื่ งทสี่ นใจ
1.3 กำหนดการสัมมนา นับว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นประการหนึ่งที่ผู้จัดสัมมนาควรจะต้องมีการวางแผน
กำหนดและจัดทำ เพราะจะทำให้ทราบช่วงเวลาของการดำเนินการแต่ละรายการของการสัมมนา ซึ่งกำหนดการ
สัมมนาควรระบุส่งิ ตอ่ ไปนี้
1.3.1 ชือ่ กลุม่ สาระวชิ า กลุ่มบุคคลผดู้ ำเนินการหรอื ผู้รับผดิ ชอบจัดสัมมนา
1.3.2 ชื่อเรอื่ งสัมมนา
1.3.3 วนั เดอื น ปี ทีจ่ ัดสัมมนา
1.3.4 สถานท่จี ัดสมั มนา
1.4 ผลที่ได้จากการสัมมนา เป็นสิ่งที่ผู้จัดสัมมนาได้คาดหวังว่าการจัดสัมมนาจะทำให้ผู้เข้าร่วม
สมั มนาได้รับผลประโยชนท์ ง้ั เชงิ ปรมิ าณและคุณภาพ จึงเปน็ เร่อื งทีผ่ ูจ้ ัดสมั มนา จะตอ้ งมกี ารกำหนดผลทค่ี าดว่าจะ
ได้รับจากการสัมมนาไว้ด้วย ตัวอย่างเช่น ผลที่ได้จากการสัมมนา ผู้เข้าร่วมสัมมนา จำนวน 90 คน ได้รับความรู้
และสามารถนำเอาความร้ทู ไี่ ด้จากการ สัมมนาไปพฒั นางานที่ตนปฏบิ ัตอิ ยู่ได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
2. องค์ประกอบด้านบุคลากร องค์ประกอบด้านบุคลากร หมายถึง บุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการจัดสัมมนา
แตล่ ะครัง้ จะประกอบไปด้วยบุคลากร ดังน้ี
2.1 บุคลากรฝ่ายจัดสัมมนา หรือคณะกรรมการจัดสัมมนาให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
คณะกรรมการอาจแบ่งออกเป็นฝ่ายต่าง ๆ ไดแ้ ก่
-ประธาน -รองประธาน -เลขานกุ าร
-ฝ่ายทะเบยี น -ฝ่ายเอกสาร -ฝา่ ยเหรัญญิก
-ฝ่ายพิธกี าร -ฝา่ ยอาหารและเครอ่ื งดม่ื -ฝา่ ยประชาสมั พนั ธ์
-ฝา่ ยปฏคิ ม -ฝ่ายประเมนิ ผล
-ฝา่ ยอาคารสถานที่ วสั ดอุ ุปกรณ์ ส่อื ทศั นูปกรณ์
คณะกรรมการแต่ละฝ่ายที่กำหนดขึ้นอาจจะมีการผนวกรวมกับบางฝ่ายงานเข้าด้วยกัน ส่วนจำนวน
บุคลากรที่จัดให้รับผิดชอบแต่ละฝ่ายอาจมีจำนวนที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับความจำเป็นความสามารถของบุคคล
เพราะว่าบางงานบางฝ่ายบุคลากรมีความสามารถหลายด้าน ก็สามารถปฏิบัติงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน
แต่อย่างไรกต็ ามการออกคำสัง่ แต่งตั้งคณะกรรมการต้องลงนามคำสั่งแต่งตั้งโดยผบู้ ังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงาน
หรือองคก์ รนั้น
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 9
2.2 วิทยากร คือ บุคคลท่ีทำหน้าที่เป็นผู้บรรยาย ผู้นำอภิปราย และเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้
ประสบการณ์ โดยนำเสนอผ่านส่ือต่าง ๆ นำเสนอให้กบั ผเู้ ข้าร่วมสัมมนาดว้ ยความมุ่งหวังที่จะให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา
ได้รับความรู้และประสบการณ์อย่างเตม็ ที่ ดังนั้นวิทยากรจงึ เป็นบุคคลท่ีมีความรู้ มีความสามารถ มีประสบการณ์
มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านใดด้านหนึ่งหรือเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่มีความรู้ควา มสามารถเกี่ยวข้องกับ
หัวขอ้ เร่อื งทีใ่ ชใ้ นการสัมมนาน้ันๆ
2.3 ผู้เข้าร่วมสัมมนา ได้แก่ บุคคลที่มีความสนใจใฝ่รู้ในปัญหาหรือประสบปัญหา ต้องการแสวงหา
แนวความคิดใหม่ ๆ หรือมีความมุ่งหมายต้องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มี
พน้ื ฐานความรูแ้ ละมีปญั หาท่สี นใจจะศึกษาคลา้ ยคลงึ กนั
3. องค์ประกอบด้านสถานที่ สถานท่ี เครอ่ื งมือ และอปุ กรณ์ตา่ ง ๆ ทีใ่ ช้สัมมนาควรมีดังน้ี
3.1 ห้องประชุมใหญ่ หมายถึง ห้องประชุมขนาดใหญ่ที่ใช้ในการสัมมนากำหนด ที่นั่งสามารถบรรจุ
ผู้เขา้ ร่วมสัมมนาได้จำนวนมาก ควรระบสุ ถานทต่ี งั้ และการเดนิ ทางเข้าถงึ สถานทจ่ี ัดสมั มนา
3.2 ห้องประชุมขนาดกลางหรือขนาดเล็ก อาจต้องมีมากกว่าหนึ่งห้องควรอยู่ในพื้นที่ใกล้กันหรือ
บริเวณเดียวกันกับห้องประชุมใหญ่ ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการร่วมกิจกรรมหรือประสานงานหากมีปัญหา และ
เพือ่ ความสะดวกในการเดนิ ทางมายังห้องประชมุ ใหญ่
3.3 ห้องรับรอง เป็นห้องที่ใช้สำหรับรับรองวิทยากร แขกพิเศษ เพื่อให้พักผ่อนหรือเตรียมตัวก่อน
การสัมมนา แต่ถ้าสถานที่มีพื้นท่ีจำกัด อาจใช้ส่วนหน้าของห้องประชุมจัดวางโต๊ะรับแขกสามารถใช้ประโยชน์บน
พน้ื ทด่ี ังกลา่ วได้
3.4 ห้องรับประทานอาหารว่างมุมพักผ่อนนองห้อง หรือหน้าห้องประชุมเป็นพื้นที่จัดไว้สำหรับให้
ผเู้ ขา้ ร่วมสมั มนาไดม้ าพกั รวมทั้งเปน็ จดุ พักรบั ประทานอาหารว่าง
3.5 อุปกรณ์โสตทัศนูปกรณ์ ได้แก่ ชุดไมโครโฟนชนิดตั้งโต๊ะไมโครโฟนชนิดตั้งพื้น ไมโครโฟนไร้สาย
ไมโครโฟนชนิดเล็กใช้หนีบติดปกคอเสื้อ เครื่องขยายเสียง เครื่องฉาย โปรเจก เตอร์โน้ตบุ๊ค และอุปกรณ์ไ ฟฟ้า
เกย่ี วกบั เครื่องเสียง สี แสง และอนื่ ๆ
3.6 ห้องรับประทานอาหาร เป็นห้องที่อำนวยความสะดวก จัดไว้สำหรับให้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วม
รับประทานอาหารอาจเป็นทัง้ ห้องรับประทานอาหารเชา้ กลางวัน และอาหารเย็นในพน้ื ทเ่ี ดยี วกัน
3.7 อุปกรณ์เครื่องมือ ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ และวัสดุอื่น ๆ ที่จำเป็นในการจัดทำ
เอกสารประกอบคำบรรยาย เอกสารสรุปการจัดสมั มนา ตลอดจนเอกสารและแบบฟอรม์ อนื่ ๆ ทใ่ี ช้ในการสมั มนา
3.8 อุปกรณ์ด้านเครื่องเขียนเครื่องใช้ส านักงานที่มีความจำเป็นมีไว้ใช้ ได้แก่ ดินสอ ปากกา
ปากกาสำหรับเขียนกระดานไวท์บอร์ด น้ำยาลบคำผิด กระดาษถ่ายเอกสาร กระดาษใช้พิมพ์งาน เครื่องเขียน
ไม้บรรทัด คลิปเสียบ ป้ายชื่อติดหนา้ อกผู้เขา้ ร่วมสัมมนา คณะกรรมการแต่ละฝ่าย ฯลฯ อุปกรณ์เหล่านีค้ วรติดไว้
ใหพ้ ร้อมทจ่ี ะใช้งานไดท้ ันทที ตี่ อ้ งการ
4. องค์ประกอบด้านเวลา การกำหนดเวลาสำหรับการสัมมนาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญประการหนึ่ง
ผู้จัดการสัมมนาควรวางแผนให้ดีว่าควรจะใช้วันใดเวลาใด ดำเนินการจัดการสัมมนาจึงจะเหมาะสมเพื่อให้เกิด
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 10
ความสะดวกแก่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดสัมมนา จะได้มีเวลาสำหรับการเตรียมการของวิทยากรและผู้เข้าร่วม
สัมมนาสะดวกทจี่ ะมาสมั มนาจึงควรคำนึงถงึ ในเรอ่ื งดังต่อไปน้ี
4.1 ระยะเวลาสำหรับการเตรียมการ ผ้จู ดั สมั มนาควรวางแผนปฏบิ ัติงานใหช้ ัดเจนวา่ งานแต่ละอย่าง
แตล่ ะประเภทที่ตอ้ งทำน้นั จะใช้เวลานานเทา่ ใดจึงจะแล้วเสร็จจนถงึ วันท่ีจะต้องจัดสมั มนาเพราะงานบางอย่างต้อง
ทำล่วงหน้ากอ่ น เช่น การประชุมวางแผนจัดทำโครงการ การวางแผนศึกษาดงู านนอกสถานที่ประกอบการสัมมนา
วางแผนเกีย่ วกับวิทยากร การจดั สถานท่ี งบประมาณ และการวางแผนการประเมินผล เปน็ ตน้ ระยะเวลาสำหรับ
การดำเนินการบางเรื่อง อาจใช้เวลามาก บางเรื่องอาจใช้เวลาน้อย บางเรื่องต้องทำอย่างต่อเนื่อง ผู้จัดทำสัมมนา
จงึ ควรทจ่ี ะไดว้ างแผนไวอ้ ย่างรอบคอบ มีการคาดคะเนสถานการณ์ใหด้ จี ะสามารถเตรียมการใหท้ ันตามกำหนดได้
4.2 การเชิญวิทยากร เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้จัดสัมมนาควรจะวางแผนให้ดี เพราะวิทยากร
บางท่านเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากมักจะไม่ว่างบางท่านต้องติดต่อล่วงหน้า ในบางครั้งถึงกับต้องเลื่อนวันจัดสัมมนา
ออกไปเพื่อจะให้ตรงกับวันที่วิทยากรว่าง เพราะหวังว่าจะ ได้วิทยากรที่มีคุณภาพมาบรรยาย กรณีเช่นนี้เกิดน้อย
ครั้งมาก เพราะไม่จำเป็นจริง ๆ ก็จะไม่เปลี่ยนวัน เวลา ท่ีกำหนดจัดสัมมนาไว้ หากได้ออกหนังสือเชิญผู้เข้าร่วม
สัมมนาได้ทราบวันเวลาแล้ว เพราะเป็นการยุ่งยากสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย รวมทั้งยังเสียเวลาในการแจ้งให้ผู้ร่วม
สัมมนาได้ทราบวันเวลาใหม่ หากวิทยากรที่ได้เชญิ ไปไมม่ า ควรเปล่ยี นวิทยากรท่มี คี ุณสมบัติใกลเ้ คยี งแทน
4.3 วนั เวลา ท่ีใช้ในการสัมมนาจะใช้กี่วัน ขึ้นอยู่อับเรื่องที่สัมมนาวา่ มีขอบเขตกว้างมาน้อยเพียงใด
อาจเพียงวันเดียว บางเรื่องใช้เวลาสามวัน บางเรื่องใช้เวลาถึงห้าวันหรืออาจมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่ กับ
ความน่าสนใจ ความจำเป็นของเรื่องที่ต้องการรู้ หรือขึ้นอยู่กับปัญหางานที่ประสบอยู่พอดี บางเรื่องอาจต้องมี
กิจกรรมเสริม เช่น การศกึ ษาดงู านประกอบการสมั มนาในเร่ืองท่เี กย่ี วข้อง
ข้อควรสังเกตในการใช้เวลาเพื่อจัดสัมมนา หากใช้เวลาน้อยเกินไปอาจส่งผลทำให้การอภิปราย
การแสดงความคดิ เห็นไมก่ วา้ งขวาง แต่ถา้ หากใช้เวลามากเกินไปอาจสง่ ผลทำให้บรรยากาศของการสัมมนาน่าเบ่ือ
ที่เป็นประโยชน์น้อยหรืออาจตอ้ งใชง้ บประมาณเพิม่ ขึ้นโดยใช่เหตุ ดังนั้นในการกำหนดวันเวลาท่ีใช้ในการสัมมนา
จึงควรกำหนดให้ทันต่อการเตรียมการในทุก ๆ เรื่อง จัดวันเวลาให้พอดีกับหัวข้อเรื่องที่ใช้ในการสัมมนา และ
สามารถปรับยดื หย่นุ ได้บ้างตามความเหมาะสม
5. องค์ประกอบด้านงบประมาณ การดำเนินงานจัดสัมมนาย่อยมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินงาน
ค่อนข้างมาก คณะผู้ดำเนินงานจัดทำสัมมนาต้องวางแผนงานด้านค่าใช้จ่ายให้ดีด้วยความรอบคอบ เพื่อให้
การประมาณค่าใช้จ่ายอยู่ในภาวะเพียงพอไม่ขาด หรือติดขัดในค่าใช้จ่ายฉุกเฉินซึ่งอาจเกิดภายหลังได้ ข้อควร
คำนึงถงึ การจดั ทำงบประมาณคา่ ใชจ้ า่ ยในการดำเนินงานจัดสมั มนาทเี่ รยี กวา่ การจัดทำงบประมาณ ไดแ้ ก่
5.1 จดั ประมาณการคา่ ใช้จ่าย แต่ละฝา่ ยทที่ ำหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบงานจดั ประมาณการคา่ ใช้จา่ ยที่ต้องใช้
จ่ายทั้งหมดของฝ่ายตนเองออกมาในรูปของบัญชีค่าใช้จ่ายนำเสนอฝ่ายเหรัญญิกและที่ประชุม เพื่อพิจารณาถึง
ความเหมาะสมสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละรายการของแต่ละฝ่ายก่อนโดยให้มีรายละเอียดให้มากที่สุด อย่าให้ต้อง
ตกหล่นในรายการใดรายการหนึ่งไป
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 11
5.2 ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัสดุอุปกรณ์ท่ีจำเป็นต้องจัดซื้อควรมีรายการราคาตาม
ท้องตลาด หรืออาจใช้วิธีสืบราคาวัสดุอุปกรณ์เหล่านั้นก่อน เพื่อการประมาณค่าใช้จ่ายจะไม่เกิดข้อผิดพลาด ใน
การวางแผนค่าใชจ้ า่ ยจงึ ควรคำนงึ ถึงคา่ ใช้จ่ายทีค่ าดวา่ จะเพิม่ ขน้ึ ไดโ้ ดย อาจนำไปใสใ่ นคา่ ใชจ้ ่ายอน่ื ๆ
5.3 จดั ทำงบประมาณรวม การวางแผนเกีย่ วกบั คา่ ใชจ้ ่ายของแต่ละฝ่ายเห็นชอบจากท่ีประชุมแล้วจึง
จัดทำงบประมาณรวมทั้งโครงการ แล้วเสนอผู้รับผิดชอบหรือเสนอฝ่ายบริหารอนุมัติกรณีที่เป็นการสัมมนาเพ่ื อ
พัฒนาองคก์ ร ข้อสงั เกตในการวางแผนงบประมาณ คา่ ใช้จ่ายของการจัดสัมมนาควรดำเนินการดงั น้ี
5.3.1 จัดประชุมแต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบมอบหมายงานในหน้าที่ต่าง ๆ จัดทำแผนงบประมาณ
คา่ ใชจ้ ่ายของฝ่ายตนข้ึนมานำเสนอตอ่ ท่ปี ระชุมเพ่อื พิจารณาร่วมกนั
5.3.2 เมื่องบประมาณแต่ละฝ่ายได้รับการเห็นชอบแล้วต้องนำงบค่าใช้จ่ายของ แต่ละฝ่ายมาลง
ในโครงการ โดยแยกคา่ ใชจ้ ่ายทีต่ ้องใชจ้ า่ ยที่ตอ้ งจ่ายจริงเปน็ เงนิ เทา่ ใด
5.3.3 อาจแนบรายละเอียดค่าใช้จ่ายของแต่ละฝ่ายไปพร้อมโครงการเพื่อให้ฝ่ายบริหาร หรือ
ผู้บังคับบัญชาพิจารณาอนุมัติ ในกรณีที่แต่ละฝ่ายต้องการเบิกเงินจากเหรัญญิกเพ่ือนำไปใช้จ่ายในฝ่ายของตน
เหรัญญกิ ตอ้ งจดั ทำบญั ชรี ายรบั รายจ่ายรวมทั้งมีเอกสารการเบิกจ่ายเงนิ และลายเซน็ ของผูร้ ับเงนิ ดว้ ย ท้ังนเี้ พ่อื เป็น
หลกั ฐานในการปฏบิ ัติหน้าทท่ี ท่ี ีร่ บั ผดิ ชอบ
สรุปได้ว่า องค์ประกอบของการสัมมนามี 5 ด้าน ประกอบด้วย องค์ประกอบด้านเนื้อหา องค์ประกอบ
ด้านบุคลากร องค์ประกอบด้านสถานที่ องค์ประกอบด้านเวลา องค์ประกอบด้านงบประมาณ ล้วนเป็นสิ่งที่มี
ความสำคญั เปน็ อย่างยงิ่ เพราะไม่วา่ จะเป็นองค์ประกอบด้านเน้ือหา องค์ประกอบดา้ นบุคลากร องคป์ ระกอบด้าน
สถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ องค์ประกอบด้านเวลาองค์ประกอบด้านงบประมาณ ใช้ประกอบในการจดั
สัมมนาเพื่อเปน็ กรอบแนวคดิ ในการดำเนนิ การจัดสมั มนาให้สมบรู ณแ์ บบและต่อเน่ืองจนบรรลุตามวัตถุประสงค์
รปู แบบของการจัดสัมมนา
การสัมมนาแต่ละครั้งมีกิจกรรมที่ใช้ในขณะสัมมนาหลายกิจกรรม เช่น การอภิปราย การประชุมกลุ่ม
ย่อย และเทคนิคการประชุมแบบต่าง ๆ สามารถเลือกใช้เป็นแนวทางในการสัมมนาตามความเหมาะสมของ
รูปแบบและสถานการณ์นัน้ ๆ เทคนคิ และวิธกี ารต่าง ๆ ในการสมั มนามีดงั น้ี
พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน (2525, หน้า 979) ได้ให้ความหมายไว้ว่า การอภิปราย หมายถึง การ
พูดจาหรอื การปรกึ ษาหารือกนั
สมพงศ์ เกษมสิน (2519, หนา้ 5) การอภปิ ราย หมายถึง การท่บี ุคคลกลุม่ หนง่ึ มเี จตนาจะพจิ ารณาเรื่อง
ใดเร่อื งหน่ึงปรึกษาหารอื กัน ออกความคดิ เหน็ เพื่อแกป้ ญั หาทีม่ ีอยหู่ รือเพ่ือเปน็ การแลกเปล่ียนความรู้ความคิดเห็น
ถา่ ยทอดประสบการณ์ที่ไดร้ บั ให้ไดท้ ราบซง่ึ ในที่สุดกม็ ีการตัดสนิ ตกลงใจรว่ มกัน
สุจริต เพียรชอบ (2516, หน้า 1) การอภิปราย หมายถึง การที่บุคคลกลุ่มหนึ่งประมาณ 5-20 คน
มีความรู้ความสนใจในเรื่องเดียวกัน หรือมีปัญหาในทำนองเดียวกันมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
ฉะนนั้ ลักษณะการอภิปรายดังกลา่ วพอสรุปได้ดังน้ี
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 12
ลักษณะของการอภปิ ราย
1. จำนวนผอู้ ภิปรายประมาณ 5-20 คน
2. จะตอ้ งเปน็ การปรึกษาหารอื เป็นกลุม่
3. จดุ มุ่งจะตอ้ งแก้ปญั หาร่วมกัน หรอื แลกเปล่ียนความรู้ ความคดิ ทศั นคติ และประสบการณ์ร่วมกัน
4. ผมู้ าอภิปรายจะตอ้ งสนใจในเรือ่ งอยา่ งเดยี วกัน
จดุ มุง่ หมายของการอภปิ ราย
1. เพอ่ื ฝึกความคดิ แบบประชาธิปไตย
2. เพ่อื ชว่ ยใหผ้ ู้ร่วมอภปิ รายได้ทำงานร่วมกัน รู้จักปรบั ตัว และรู้จกั เป็นผู้นำและผตู้ ามท่ีดี
3. การอภปิ รายมจี ดุ มุ่งหมายเพ่ือหาข้อเทจ็ จรงิ
4. เพ่อื นำความรูห้ รอื ข้อคดิ เห็นมาแกป้ ัญหาสงั คม
5. เพอื่ นำความรู้ ความคดิ เห็นทไี่ ด้จากการอภิปรายไปใช้ปฏิบัติในชวี ิตประจำวัน
ประเภทของการอภิปราย
การอภปิ รายใช้กันมาอย่างกวา้ งขวางในวงสงั คม ซ่งึ สว่ นมากแบ่งออกได้ 3 แบบ ดงั นี้
1. การอภปิ รายกลมุ่ (Group discussion) เปน็ การอภิปรายที่ใช้คนไม่จำกดั จำนวน ผอู้ ภิปรายจะเปน็
ทั้งผู้พูดและผลัดกันเป็นผู้ฟังเพราะการอภิปรายแบบนี้จะไม่มีผู้ฟัง ผู้อภิปรายจะมีจำนวนไม่เกิน 20 คน
การอภิปรายแบบนี้มักใชก้ ันมากในวงการศกึ ษาหรือหนว่ ยราชการโดยท่วั ไป
2. การอภิปรายในที่ชุมชน (Public discussion) เป็นการอภิปรายที่ประกอบด้วย บุคคล 2 ฝ่ายคือ
มีผู้อภิปรายเป็นผู้พูด และ ผู้ฟังอีกฝ่ายหนึ่งเมื่อการอภิปรายยุติลงจะมีการเปิดให้ ซักถาม (Forum-period) การ
อภิปรายนี้มีประโยชน์มากที่สุดในการให้ความรู้ ความคิด ประสบการณ์ข้อเท็จจริง และเป็นการแก้ปัญหาสังคม
โดยส่วนรวมดีท่สี ุด
3. การอภิปรายแบบโต้วาที (Debate) เป็นการอภิปรายแบบโต้แย้งกันอย่างมีเหตุผลโดยมีผู้ค้านฝ่าย
หนึ่งและผู้เสนออีกฝ่ายหนึ่งหาเหตุผลมาหักล้างความคิดซึ่งกันและกัน ฝ่ายใดมีเหตุผลดีกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายมี
เหตผุ ลกวา่ ก็จะได้รับชัยชนะ โดยมีประธานเปน็ ผู้ตัดสินหรือดำเนินการโต้วาทีให้เปน็ ไปอย่างเรียบร้อย วิธีการน้ีใช้
สำหรบั หาข้อมูลหรือนโยบายที่ต้องการเลือกสงิ่ หนึ่งส่ิงใดไปปฏบิ ัติและยังตกลงกนั ไม่ได้ ต้องอาศัยวิธีการอภิปราย
นใี้ นการประชมุ ตัดสนิ วธิ ีนสี้ ว่ นมากใชใ้ นการประชุมพิจารณาเรอ่ื งสำคัญหรือใช้ในท่ีประชุมสภา
การอภปิ รายในที่ชุมชน มลี กั ษณะของการจัดหลายแบบดงั นี้
1. การอภิปรายแบบพาเนล (Panel discussion) การอภิปรายแบบนี้จะให้สมาชิก ประมาณ 3 คน
6 คน หรือ 8 คน ผู้พูดจะมีความรู้โดยทั่วไป อภิปรายหรือพูดในปัญหาอย่างเดียวกันโดยผู้พูดเป็นผู้ที่ศึกษาหา
ความรู้ค้นคว้าหาหลักฐานข้อเท็จจริงมาพูดต่อหน้าผู้ฟัง เป็นการสนทนาอย่างเป็นกันเองโดยมีผู้ดำเนินการเป็น
ผู้เชิญให้ผู้อภิปรายแสดงความรู้ ความคิดและให้ข้อเสนอแนะ สำหรับตอนท้ายของการอภิปรายควรเปิดโอกาสให้
ผู้ฟังได้ร่วมอภิปรายด้วย การอภิปรายแบบนี้เหมาะสำหรับการแยกแยะประเด็นปัญหา และผู้อภิปรายทุกคนจะ
เป็นผศู้ ึกษาหาความรู้ค้นคว้าข้อเท็จจรงิ ในเร่ืองท่ีจะอภปิ รายมากอ่ นแลว้ นำมาพูดให้ผู้ฟงั ฟัง การพูดของผู้อภิปราย
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 13
แต่ละคนจะเป็นการพดู ตามทัศนะของตน การอภปิ รายแบบน้ีนิยมใช้กันมากในองค์การทั้งท่ีเป็นของรัฐและเอกชน
ตา่ ง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการศึกษา วธิ กี ารดำเนนิ การอภปิ รายมีดงั นี้
1. พธิ ีกรดาเนินการการตามกาหนดการ โดยเชิญประธานเปดิ การสัมมนา หลังจากนน้ั พธิ ีกรแนะนา
หัวข้อทจี่ ะดาเนินการสัมมนาและผูร้ ่วมดาเนนิ การอภปิ รายทุกคน
2. เร่ิมดาเนนิ การอภปิ ราย โดยเปดิ โอกาสให้ผอู้ ภปิ รายแสดงความคิดเห็นของตนอยา่ งอสิ ระ หลงั จาก
นั้นพิธีกรอาจจดั ช่วงเวลาสาหรับแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ ระหวา่ งผ้อู ภปิ รายด้วยกนั เอง โดยพิธกี รเป็น
ผสู้ รปุ ในแต่ละตอน
3. การจดั สถานทก่ี ารสัมมนา ควรจดั เวทียกพ้ืนและมีโต๊ะสาหรบั การวางเอกสารและวัสดตุ ่าง ๆ ให้แก่
ผู้อภิปรายโดยจัดเปน็ ลกั ษณะแถวเดี่ยวหรือรปู โคง้ เลก็ น้อย
2. การอภิปรายแบบซิมโปเซียม (Symposium Discussion) เป็นการอภิปรายทางวิชาการเพ่ือ
แลกเปลี่ยนความรู้โดยผู้อภิปรายแต่ละคนจะเตรียมค้นหาความรู้ ข้อเท็จจริงเฉพาะตอนหนึ่งตอนใดของเรื่องมา
อภิปรายตามที่ได้ตกลงกันไว้ ผู้อภิปรายแบบนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ช ำนาญการในด้านใดด้านหนึ่ง
ส่วนผู้ดำเนินการอภิปรายจะมีหน้าที่เชื่อมโยงเรื่องต่าง ๆ ให้ต่อเนื่องประสานกันให้เป็นไปด้วยดีตลอดระยะเวลา
ของการอภิปราย หน่วยงานที่ใช้การอภิปรายแบบนี้กันมาก ได้แก่ หน่วยงานทางการศึกษา แพทย์ ทหาร และ
ธุรกิจการจัดสถานท่ี วิธีดำเนินการอภิปรายเหมือนกันกับการอภิปรายแบบพาเนลแตกต่างกันเพียงแต่ว่าการจัด
อภิปรายแบบซิมโปเซยี มมีลักษณะเป็นวิชาการท่ใี ห้ความร้ลู กึ ซึง้ มากกว่าการอภปิ รายแบบซมิ โปเซยี มน้ี บางครั้งมัก
เรียกว่า “ชุมชนปาฐก” เพราะมีลักษณะคล้ายผู้อภิปรายมาบรรยายโดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ
แต่ละสาขามาอภิปรายใหค้ วามรู้แก่ท่ีประชุม ผอู้ ภปิ รายจะใชเ้ วลาประมาณคนละ 10-15 นาที เปน็ อยา่ งนอ้ ย และ
เวลาการอภปิ รายแบบนไ้ี มค่ วรเกนิ 2-3ชั่ วโมง วธิ ีการดำเนินการอภิปรายแบบซมิ โปเซยี ม มดี ังนี้
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 14
1. พธิ กี รเชญิ ประธานเปดิ การอภิปราย จากนนั้ แนะนาหัวขอ้ ที่บรรยายและแนะนา พธิ ีกรภูมิหลังของ
วิทยากรแต่ละท่าน
2. เริม่ การบรรยายโดยพธิ กี รหรอื ประธานจะเปน็ ผู้เชอื่ มโยงการบรรยายของวทิ ยากรแต่ละท่านและ
สรุปบางตอนท่มี เี นื้อหาประทบั ใจเปน็ พิเศษและคอยประสานงานให้การบรรยาย ดาเนนิ ไปตามหวั ข้อ
และวตั ถุประสงคท์ ีว่ างไว้ หรือพธิ กี รอาจจะหาเลขานุการมาเพ่ือช่วยในการเตรยี มการแลประสานงาน
ด้านตา่ ง ๆ เพือ่ ทาใหเ้ กดิ ความคล่องตัว
3. การจดั ทนี่ ัง่ สาหรบั ผู้บรรยาย ควรจัดใหส้ ูงกว่าผูฟ้ งั เพือ่ ใหผ้ ้ฟู ังมองเหน็ ผบู้ รรยายอย่างชัดเจน
ความแตกตา่ งระหวา่ งการอภิปรายแบบพาเนลและแบบซิมโปเซยี ม แบบซิมโปเซียม
แบบพาเนล
1. ลักษณะการจัดเป็นกันเอง 1. ลักษณะการจัดเป็นทางการมากกว่า
2. วัตถุประสงค์ในการอภิปรายจะเป็นการอภิปราย 2. ผู้อภิปรายจะเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้เฉพาะ
ความร้ทู ว่ั ไป ดา้ น
3. จำนวนคนในการอภิปราย 3-8 คน 3. จำนวนคนประมาณ 2-5 คน
4. ผูฟ้ งั ได้รบั ความรู้ท่ัวไป 4. ผู้ฟังได้รับความรู้อย่างกว้างขวางละเอียด เพราะ
5. ผู้ร่วมอภิปรายมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันและกันได้ เป็นการรวบรวมผู้อภปิ รายท่ีเชี่ยวชาญหลายด้านมาไว้
อย่างเสรี ด้วยกัน
5. ผู้ร่วมอภิปรายมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันน้อย มาก
หรือไมม่ เี ลยเพราะตา่ งพูดในเรอื่ งท่ีตนถนดั
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 15
3. การอภิปรายแบบปุจฉา-วิสัชนา (Colloquy) การอภิปรายแบบนี้ในประเทศไทยมักเรียกว่า
การอภิปรายแบบปุจฉา-วิสัชนา หรือบางครั้งก็เรียกว่าการอภิปรายแบบโต้ปัญหาระหว่างกลุ่มวิทยากรกับกลุ่ม
ผ้พู ดู ผ้ฟู ังสามารถซกั ถามกลุ่มวิทยากรได้อย่างใกลช้ ิดซึ่งเป็นการแก้ไขขอ้ ข้องใจระหว่างกลุ่มคนท้ังสองกลุ่มได้เป็น
อยา่ งดี วิธดี ำเนินการอภิปราย มีดงั นี้
1) แบ่งกลมุ่ บคุ คลออกเปน็ 2 กลมุ่ คือกลุ่มผถู้ ามซึง่ เป็นผู้ฟงั และกลมุ่ ผูต้ อบซง่ึ เปน็ วทิ ยากร
2) จัดให้กลุ่มผูถ้ ามและกลุ่มวิทยากรน่ังคนละด้านโดยผู้ดำเนินการอภิปรายคอยควบคมุ การซักถาม
ระหว่างกลมุ่ บุคคลทงั้ สองกลุ่ม
3) เมอื่ มีการโต้ปญั หาผู้ดำเนนิ การอภิปรายควรสรปุ ปัญหาเปน็ เรื่อง ๆ หรอื เปน็ ประเดน็ ไป
4) ผู้ดำเนินการอภิปราย จะต้องเป็นผู้สรุปการอภิปรายหลังจากเสร็จสิ้นการโต้ปัญหา แล้วรวมทั้ง
สรุปผลการอภิปรายปญั หาตา่ ง ๆ ท่โี ต้ตอบกันมาแลว้ ด้วย
5) การอภิปรายแบบนีผ้ ู้ดำเนินการอภปิ รายจะต้องมีความสามารถในการควบคุมรายการอภิปรายได้
ดี ตลอดจนควบคมุ เวลาในการพูดอยา่ งเคร่งครดั และการอภปิ รายแต่ละครง้ั ไมค่ วรเกิน 2ชั่วโมง
รปู แบบการจดั สมั มนาโดยใชเ้ ทคนิคอ่นื ๆ
1. การบรรยาย (Lecture of Speech) เป็นวิธีการที่เก่าแก่แต่ยังคงเป็นที่นิยมใช้กันอยู่มาก เพราะว่า
จัดได้รวดเร็ว ใช้ผู้ทรงคุณวุฒิเพียงรายเดียวต่อผู้ฟังจำนวนมาก แต่ก็เป็นเทคนิคที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับผู้ฟังหรือผู้ที่
เข้าอบรม เพราะเป็นการพูดในทิศทางเดียวผู้ฟังไม่มโี อกาสได้ร่วมในการบรรยายซึ่งจุดอ่อนท่ีจริงไม่ได้อยู่ท่วี ิธีการ
แต่จะอยู่ที่ตัวผู้บรรยาย ซึ่งจะต้องรู้จริงในเรื่องนั้น ๆ จึงจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้เร้าใจและสร้างความสนใจ
แกผ่ ฟู้ ัง
2. การอบรมระยะสั้น (Short Courses) เป็นการฝึกอบรมหรือการเรียนบางวิชาอย่างเร่งรัดภายใน
ระยะเวลาอันสั้น อาจะเป็นตั้งแต่ 1 วันถึง 2 สัปดาห์การเรียนเป็นแบบง่าย ๆ และเข้มข้นน้อย การเรียนระยะสนั้
มักจะเป็นการเรียนรู้เพิ่มเติม ในวิชาเฉพาะสาขาของคนบางกลุ่มซึ่งทำงานในสาขานั้น ๆ เป็นประจำตัวอย่างของ
short courses เชน่ เร่อื งการธนาคารของนายธนาคาร
3. การปฐมนิเทศ (Orientation Training) เป็นการให้ความรู้แก่สมาชิกใหม่เกี่ยวกับเรื่องราวของ
หน่วยงานเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน อาจจะเป็นนโยบาย วัตถุประสงค์ สภาพแวดล้อม หรือระเบียบ
ขอ้ บงั คับของหน่วยงาน ลกั ษณะการจัดกค็ ล้ายกับการสมั มนาอบรม คือ มีวิทยากรบรรยายแนะนำใหค้ วามรู้ต่าง ๆ
ตามทก่ี ำหนดไวข้ อ้ ดีของการปฐมนิเทศคือ ทำใหส้ มาชิกมีความคนุ้ เคยและรจู้ ักหน่วยงานดยี ่งิ ข้ึน แตก่ ารปฐมนิเทศ
มเี วลาจำกดั บางครัง้ สมาชกิ ก็ได้รับขอ้ มลู น้อยเกนิ ไป
4. การสาธติ (Demonstration) เป็นการแสดงหรือการนำของจรงิ มาแสดงวธิ กี ารให้ได้ เหน็ การปฏิบตั ิ
จริงเหมาะกับงานกลุ่มเล็ก ๆ นิยมใช้กับหัวข้อวิชาที่มีการปฏิบัติ เช่น การอบรมเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือหรือ
อปุ กรณต์ า่ ง ๆ
5. สถานการณ์จำลอง (Simulation) เป็นการจำลองสถานการณใ์ นชวี ิตจริงโดยจัดสถานการณ์ขึ้นแล้ว
กำหนดบทบาทของสมาชิกให้ทำตามบทที่ได้รับมอบหมาย โดยสมาชิกทั้งกลุม่ ตอ้ งร่วมกนั เล่นหรืออาจจะแบ่งเปน็
กลุ่มเล็กหลายๆ กลุ่ม หลังจากนั้นก็มีการอภิปรายสถานการณ์และเหตุการณ์เพื่อนำผลไปใช้ประโยชน์ข้อดีของ
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 16
การประชุมแบบนี้ คือ เป็นการให้สมาชิกได้แสดงออกและร่วมกิจกรรมกันช่วยให้สมาชิกได้รู้จักคิดอย่างมีเหตุผล
และมจี ดุ มุง่ หมาย ข้อเสีย คอื ต้องมีการเตรยี มตวั ทำใหเ้ สียเวลาและประเมินผลสมาชิกแต่ละคนไม่ได้
6. การแบ่งกลุ่มเล็ก (Knee Group) เป็นการอภิปรายกลุ่มย่อยตั้งแต่ 3-5 คน ในเรื่องใด ๆ ท่ี
กำหนดให้หรือเรื่องที่สนใจร่วมกัน เพื่อสรุปผลแนวทางการแก้ปัญหา แสวงหาข้อยุติภายใต้การนำของประธาน
กลุ่ม มเี ลขาเปน็ ผูบ้ นั ทึก และสรปุ ขอ้ เสนอแนะ
ลักษณะการสัมมนาท่ดี ี
การสมั มนาทีด่ คี วรมีลกั ษณะดังน้ี
1. ผเู้ ขา้ รว่ มสมั มนาทราบวตั ถปุ ระสงค์ของการสัมมนา
2. จดั ใหม้ ีกจิ กรรมในการแก้ปัญหารว่ มกัน
3. จดั ใหม้ กี ิจกรรมในการเรียนรู้ร่วมกนั
4. จดั ให้มเี วทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ความคิดเห็น และขอ้ เท็จจริงร่วมกนั
5. ผเู้ ขา้ ร่วมสมั มนามีทัศนคตทิ ่ดี ีตอ่ ปญั หา ข้อเทจ็ จริง ผู้เข้าร่วมสัมมนาและตนเอง
6. ผู้เขา้ ร่วมสัมมนาต้องใช้ความคดิ ร่วมกันในการแกป้ ญั หา
7. ผเู้ ข้าร่วมสมั มนาทุกคนมผี ู้นำทด่ี ี
8. ผเู้ ข้าร่วมสัมมนาเป็นผูฟ้ งั ที่ดี
9. ผู้เข้าร่วมสมั มนาเปน็ ผู้พดู ที่ดี
10. ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคนเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการด าเนินการประชุมสัมมนา เพื่อให้ งานสัมมนา
บรรลเุ ป้าหมาย
สรปุ
การสัมมนา หมายถึง การที่คณะบุคคลซึ่งมีความสนใจร่วมกัน มาร่วมแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยน
ความรู้ ประสบการณ์ โดยอาศัยการค้นคว้าเป็นหลักฐาน เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอันจะนำผลของการ
สมั มนาไปใช้เปน็ เครอื่ งมอื ในการตดั สนิ ใจ แกไ้ ข ปญั หา ตลอดจนการกำหนดนโยบาย ทัง้ นก้ี ารดำเนินการสมั มนามี
องค์ประกอบในด้านเนื้อหา ด้านบุคลากร ด้านสถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้านเวลา และด้าน
งบประมาณ รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนา ควรจะต้องยึดถือและปฏิบัติตามหลักโดยการบริหารจัดการ
สัมมนาทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพจะชว่ ยให้ระบบและวธิ กี ารทำงานมปี ระสทิ ธภิ าพสงู ข้นึ
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 17
แบบฝึกหัดหน่วยท่ี 1 ความรู้ทั่วไปเก่ยี วกับการสัมมนา
คำชี้แจง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ใี ห้ถกู ต้อง
1. การสมั มนา หมายถงึ อะไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2. การสัมมนามีความสำคญั อย่างไร จงอธิบายมา 3 ข้อ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
3. การสมั มนามปี ระโยชนต์ อ่ ตนเองในดา้ นใดบ้าง จงอธบิ ายมา 3 ขอ้
........................................................................................................................................... .........................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
4. การสมั มนามปี ระโยชนต์ ่อองคก์ รอยา่ งไร จงอธิบายมา 3 ขอ้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
5. การอภปิ รายแบบพาเนลและแบบซิมโปเซียมแตกตา่ งกนั อยา่ งไร จงอธิบาย
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................... .
....................................................................................................................................................................................
6. การจดั สมั มนาสามารถจัดไดก้ ี่รปู แบบ รปู แบบใดบ้าง
..................................................................................................................................................... ...............................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
7. การสัมมนาที่ดคี วรมีลกั ษณะอย่างไรบา้ ง จงอธิบายมา 3 ข้อ
....................................................................................................................................... .............................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 18
8. องคป์ ระกอบของการสัมมนามีกี่ด้าน ด้านใดบา้ ง
....................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................. ..................................................
....................................................................................................................................................................................
9. เพราะเหตใุ ดจงึ ควรมีการกำหนดการสมั มนาไวล้ ว่ งหน้า
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
10. ส่ิงที่ควรคำนึงถงึ ในการพิจารณาเกย่ี วกบั ช่อื เรื่องในการจดั สมั มนามีอะไรบ้าง
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................... ................
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 19
หน่วยที่ 2
กระบวนการจดั สมั มนา
สัมมนาในบทนี้เน้นการศึกษาวิเคราะห์ประเด็นปัญหาและสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ
การศึกษา ปัญหาการจัดการศึกษา ปัญหาการจัดการเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน ปัญหาที่ส่งผลกระทบด้าน
ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยการนําทฤษฎีและหลักการที่ได้จากการศึกษารวมทั้ง
การศึกษาจากสภาพจริง กรณีศึกษา การอภิปราย และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งการจัดสัมมนาเป็น
กระบวนการของการทํางานร่วมกันเป็นกลุ่ม มีขั้นตอนการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสามารถตรวจสอบและ
ประเมนิ ผลไดท้ กุ ขน้ั ตอน โดยการดําเนินการการจดั สมั มนาจะแบง่ ออกเปน็ 3 ขัน้ ตอน ได้แก่
1. ขนั้ ตอนการเตรียมการก่อนการสัมมนา
2. ข้ันตอนการดําเนนิ การระหวา่ งการสมั มนา
3. ขัน้ ตอนการดําเนนิ การหลังการสัมมนา
ขนั้ ตอนการจดั สมั มนา
ขัน้ ตอนท่ี 1 ขัน้ ตอนที่ 2 ขัน้ ตอนท่ี 3
การเตรียมการ การดําเนินการ การดาํ เนนิ การ
ก่อนการสัมมนา ระหว่างการสัมมนา หลงั การสัมมนา
1. สํารวจประเด็นปัญหา 1. ลงทะเบียน 1. วิเคราะหผ์ ลการศกึ ษา
2. ตง้ั คณะกรรมการกลาง 2. เปดิ การสมั มนา 2. รายงานผบู้ ังคับบัญชา
3. เขียนโครงการสัมมนา 3. จัดกลมุ่ ใหญ่ 3. รายงานหนว่ ยงานทเี่ กี่ยวข้อง
4. ดาํ เนนิ งานเตรียมการสัมมนา 4. จัดกลมุ่ ย่อย 4. ดาํ เนนิ งานงบประมาณ
5. จัดรวม 5. ตดิ ตามผลและวิเคราะห์
6. ปดิ การสัมมนา
การเตรียมการกอ่ นการสัมมนา
การเตรียมการสัมมนา เป็นขั้นของการวิเคราะห์ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจัดสัมมนา เพื่อให้การจัด
สัมมนาดําเนินการไปได้ด้วยความเรียบร้อย หรือเรียกว่าเป็นการวางแผนเบื้องต้น ถ้ามีการวางแผนเตรียมการที่ดี
ปญั หาตา่ ง ๆ ทจ่ี ะเกดิ ข้นึ จะมีน้อยลง หรอื ้าเกิดข้ึนกส็ ามารถแกไ้ ขไดใ้ นระยะเวลาอันสนั้ หลังจากได้มีการวางแผน
ไว้เบื้องต้นแล้ว ก่อนลงมือดําเนินการควรมีการเตรียมการให้เกิดความพร้อม (ผล ยาวิชัย, 2553, หน้า 27)
โดยสามารถดาํ เนนิ การตามลําดับข้นั ได้ดงั นี้
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 20
ภาพแสดงขั้นตอนการเตรยี มการกอ่ นการสมั มนา
1. สำรวจประเด็นปัญหาและความต้องการในการสัมมนา สํารวจประเด็นปัญหาและความต้องการใน
การสมั มนา โดยพจิ ารณาจากสิง่ ดงั ตอ่ ไปนี้
▪ ปญั หาและอปุ สรรคทเี่ กิดข้นึ ในการทาํ งาน หรือปญั หาที่เกดิ ข้นึ ในหนว่ ยงาน
▪ ความต้องการของบุคลากร โดยรวบรวมข้อมูลจากแบบสํารวจความคิดเห็น แบบสอบถาม
หรอื แบบสัมภาษณ์
ใช้การจดั สมั มนาชว่ ยให้บุคลากรในหนว่ ยงานเข้าใจนโยบายของหนว่ ยงานและปฏิบัติได้อยา่ งถูกต้อง
2. แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดสัมมนา การแต่งตั้งคณะกรรมการดําเนินการจัดสัมมนาเพื่อทํา
หนา้ ทดี่ ังตอ่ ไปนี้
▪ 2.1 พิจารณาหาหัวข้อเรื่องที่จะใช้ในการสัมมนา โดยการรวบรวมและแยกแยะในประเด็น
ปญั หาตา่ ง ๆ
▪ 2.2 พิจารณาบุคคลหรือผู้เชี่ยวชาญที่จะเชิญเข้าร่วมการสัมมนา พิธีเปิด พิธีปิดการสัมมนา
ตลอดจนเจ้าหนา้ ทีท่ ีป่ ฏบิ ตั ิงานในฝ่ายต่าง ๆ
▪ 2.3 พจิ ารณาแผนการและจดั เตรยี มขัน้ ตอนในการดาํ เนนิ การ วา่ ช่วงใดควรจะจดั การ อยา่ งไร
เพ่อื จะไดเ้ ตรยี มจัดให้มพี ิธกี ารต่าง ๆ ในแตล่ ะชว่ งนน้ั ได้อย่างเหมาะสม
▪ 2.4 พิจารณาแนวทางในการประชาสัมพันธ์ วิธีการประเมินผล ตลอดจนการเผยแพร่รายงาน
ผลการสัมมนา หรอื ผลสรปุ ของการสัมมนาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
▪ 2.5 พิจารณาและเสนอการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มเตรียมงาน
จนกระทงั่ ส้ินสดุ การสัมมนา
▪ 2.6 พิจารณาปัญหาอื่น ๆ ที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ในขั้นการเตรียมงาน ขั้นดําเนินการ
สมั มนา และขัน้ หลังการดําเนินการสมั มนา
▪ 2.7 พิจารณาเร่อื งอ่นื ๆ ที่เกยี่ วข้องตามความเหมาะสม
3. เขยี นโครงการสมั มนา การเขยี นโครงการสมั มนา เพอื่ กาํ หนดความชัดเจนของการดําเนินงานข้ันตอน
ต่าง ๆ ซึ่งจะทําให้การดําเนินการสัมมนาสามารถดําเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ี
ยงั สามารถใชป้ ระโยชน์จากโครงการสมั มนาดังตอ่ ไปนี้
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 21
➢ใชใ้ นการขออนุมัติจัดสมั มนาจากผู้มอี าํ นาจ
➢ใชข้ อความสนับสนุนดา้ นงบประมาณจากหน่วยงานที่เกยี่ วข้อง
➢ใหผ้ ู้เก่ียวข้องทําความเขา้ ใจความเปน็ มาเก่ยี วกับการจดั สัมมนา
โครงการสมั มนาประกอบด้วยหวั ข้อ ดังต่อไปนี้
3.1 ชือ่ โครงการ การตั้งชอ่ื โครงการสามารถตง้ั ได้หลายลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี
3.1.1 ตง้ั ชื่อตามลักษณะของผูเ้ ขา้ สมั มนา
3.1.2 ตั้งชอ่ื ตามเน้อื หาทจ่ี ะสมั มนา
3.1.3 ต้ังชื่อตามกจิ กรรมทส่ี ัมมนา
3.1.4 ต้งั ชือ่ ตามปัญหาท่ีจะสมั มนา
3.2 ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการ อาจเป็นหนว่ ยงาน องคก์ าร หรอื บคุ คล
3.3 หลักการและเหตุผล เป็นการกล่าวถึงปัญหาและความจําเป็นที่จะต้องสัมมนาในหัวข้อดังกล่าว ซึ่ง
การเขียนหลักการและเหตุผล ทําได้โดยการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลมาอ้างอิงประกอบเพื่อเป็นเหตุผลว่ามี
ความจาํ เปน็ อยา่ งที่จดั สัมมนาหัวข้อดงั กล่าว
3.4 วัตถุประสงค์ ต้องเขียนให้สัมพันธ์กับหลักการและเหตุผลโดยเขียนใหช้ ัดเจนว่า สัมมนาเพื่ออะไร มี
เป้าหมายท่สี ําคัญอยา่ งไร
3.5 กลุ่มเป้าหมายหรือผู้เข้าร่วมการสัมมนา กําหนดไว้ให้ชัดเจนว่าเป็นใคร มีคุณสมบัติ อย่างไรมี
จาํ นวนเทา่ ใด และจากทไี่ หน
3.6 วทิ ยากร กําหนดวา่ คอื ใคร มคี ุณสมบตั อิ ย่างไร ติดตอ่ ได้จากท่ีไหน
3.7 ระยะเวลา กําหนดให้แนน่ อนวา่ จะสัมมนากวี่ นั เร่ิมตั้งแต่วันใดและส้นิ สุดในวันใด
3.8 สถานท่ี กําหนดให้ชัดเจนว่าในแต่ละกิจกรรมที่จัดในระหว่างการสัมมนานั้น จะใช้สถานที่ที่ใดบ้าง
เช่น พิธีเปิด-พธิ ปี ิดการสัมมนา การสมั มนากลุ่มใหญ่ การสมั มนากลมุ่ ย่อย แตล่ ะกลุม่ จะใชห้ ้องใด และจะต้องแจ้ง
ใหผ้ เู้ ขา้ ร่วมสมั มนาทราบด้วย
3.9 วิธีการสัมมนา กําหนดให้ชัดเจนว่าจะใช้วิธีใดบ้าง เช่น การบรรยาย การอภิปราย การปฏิบัติจริง
เปน็ ต้น
3.10 งบประมาณ กําหนดรายรับ –รายจ่าย ที่จะใช้ในการจัดสัมมนาว่าจะได้รายรับมาจากที่ไหนบ้าง
เชน่ จากคา่ ลงทะเบยี น จากเงินอุดหนุนของหนว่ ยงานเปน็ ต้น และรายจ่ายจะต้องใช้จ่ายอะไรบา้ ง เชน่ ค่าวสั ดุที่ใช้
ในการสัมมนาพิธเี ปิด–พิธีปิด คา่ สมนาคณุ วทิ ยากร เปน็ ตน้ ซึ่งผูจ้ ดั สัมมนาจะตอ้ งคิดคํานวณงบประมาณให้ชัดเจน
จะได้ไม่เกดิ ปัญหาในภายหลัง
3.11 การประเมินผล กําหนดวิธีการประเมินผลให้ชัดเจน จะประเมินผลด้วยเครื่องมือ หรือเทคนิคอะไร
ก็ได้ทีเ่ หมาะสม เชน่ ใชแ้ บบสอบถาม การสมั ภาษณ์ และการสงั เกต เปน็ ต้น
3.12 ผลท่ีคาดวา่ จะได้รับ มกี ารคาดคะเนว่าหลงั จากการสัมมนาแล้วผู้เข้าร่วมสมั มนาจะ ไดร้ บั ประโยชน์
อะไรบ้างจากการสัมมนาครง้ั น้ี
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 22
3.13 กําหนดการสัมมนา กําหนดตารางการสัมมนาในแต่ละวัน โดยระบุเวลาและกิจกรรมที่จะทําอย่าง
ชดั เจน เพือ่ ผู้ทเี่ ก่ียวขอ้ งและผ้เู ขา้ รว่ มการสมั มนาสามารถเตรยี มตัวล่วงหนา้ ได้
อน่ึง หวั ข้อของโครงการดงั กลา่ วสามารถปรับให้ยืดหยุน่ ได้ตามลักษณะของโครงการ
4. ขั้นดำเนินงานเตรียมการจัดสัมมนา เมื่อทราบประเด็นปัญหาและตัดสินใจที่จะจัดสัมมนา แล้วควร
เตรยี มการจดั สมั มนา โดยปฏบิ ตั ติ ามลาํ ดับขน้ึ ดังตอ่ ไปนี้
4.1 การประชาสมั พันธก์ ารสมั มนาให้ผ้ทู ี่เก่ยี วขอ้ งทราบ
4.2 ติดต่อเชิญวิทยากรที่จะมาให้ความรู้แก่ผู้เข้าสัมมนา โดยวางแผนการติดต่อเชิญวิทยากร
ดงั ตอ่ ไปนี้
4.2.1 สาํ รวจรายช่อื วิทยากรทจ่ี ะบรรยายตามหัวขอ้ ท่ีจะสมั มนา
4.2.2 กําหนดตวั วิทยากรที่จะบรรยาย ท้งั วิทยากรหลักและวทิ ยากรสํารอง
4.2.3 ติดต่อทาบทามวิทยากรด้วยวาจาเป็นการส่วนตัวก่อน พร้อมทั้งแจ้งถึงวัตถุประสงค์
ขอบข่ายหวั ข้อของการสัมมนา วัน เวลา สถานที่ และรายละเอียดเกยี่ วกบั ผเู้ ขา้ สมั มนา
4.2.4 ทําหนังสือเชิญวิทยากรและขออนุญาตผู้บังคบั บัญชาของวิทยากรพร้อมกับสง่ กําหนดการ
สัมมนาใหว้ ทิ ยากร
4.2.5 ประสานงานกับวิทยากรเพ่อื อาํ นวยความสะดวก เช่น ดา้ นการเดินทางท่ีพัก และอนื่ ๆ
4.3 เชิญผ้เู ขา้ รว่ มการสมั มนา
4.4 การเตรยี มการด้านสถานทแ่ี ละอุปกรณ์ ดาํ เนินการดงั ตอ่ ไปน้ี
4.4.1 ติดต่อขอใช้สถานที่ทําการสัมมนา หรือถ้ามีการศึกษาดูงาน ฝึกงาน ทัศนศึกษา ฯลฯ
จะตอ้ งติดตอ่ หนว่ ยงานที่เก่ียวข้องพรอ้ มทัง้ ยานพาหนะทีจ่ ะใช้ในการเดินทางดว้ ย
4.4.2 วางแผนการใช้สถานที่ในการจัดสัมมนา การจัดห้องสัมมนา การเตรียมโสตทัศนูปกรณ์
ต่างๆ ที่จะใช้ในการสมั มนา
4.4.3 จัดทําอุปกรณ์ที่จะต้องใช้ในการสัมมนา เช่น ป้ายชื่อโครงการสัมมนา ป้ายชื่อ วิทยากร
ป้ายชอ่ื ผู้เข้าร่วมสัมมนา ป้ายบอกทางไปยังห้องสมั มนา ป้ายลงทะเบียน และป้ายอน่ื ๆ ที่จําเปน็
4.5 เตรียมการด้านการลงทะเบียน โดยจัดเตรียมแฟ้มบัญชีรายชื่อเพื่อความสะดวกใน
การลงทะเบียน การแจกเอกสาร การเก็บเงิน และการสรุปผล ซึ่งจะทําให้ผู้จัดทราบยอดจํานวนที่แท้จริงของ
ผ้เู ข้าร่วมการสมั มนา ซ่ึงจะเปน็ ประโยชน์ในการประสานงานกบั ฝ่ายต่าง ๆ เชน่ ฝา่ ยทพ่ี ัก ฝา่ ยเอกสาร ฝา่ ยอาหาร
และเครื่องดื่ม ตลอดจนการจัดแบ่งกลุ่มย่อย ถ้าผู้เข้าสัมมนามีจํานวนมาก ควรเตรียมแฟ้มสําหรับลงทะเบียน
มากกวา่ 1 แฟม้ และรายชอื่ ควรพมิ พ์หน้าเดียวเพอื่ ความสะดวกในการเซ็นชอ่ื ลงทะเบยี น
4.6 เตรียมการด้านเอกสารแจกผู้เข้าร่วมการสัมมนา เอกสารที่จะแจกผู้เข้าร่วมการสัมมนาควรจดั
ใสแ่ ฟ้มให้เรียบร้อย โดยมเี อกสารตา่ ง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
4.6.1 โครงการสมั มนา
4.6.2 กําหนดการสมั มนา
4.6.3 คูม่ ือในการสมั มนา
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 23
4.6.4 รายช่ือผูเ้ ข้าร่วมการสัมมนา พร้อมแจง้ สังกัดของผู้เขา้ ร่วมการสัมมนา
4.6.5 รายชื่อผ้เู ขา้ ร่วมการสัมมนา ตามกลุ่มในกรณที ีม่ กี ารแบง่ กลมุ่
4.6.6 รายช่อื ผเู้ ขา้ ร่วมการสัมมนาตามกล่มุ ในกรณีที่มกี ารแบ่งกลมุ่
4.6.7 เอกสารประกอบการสัมมนา
4.6.8 กระดาษเปลา่ สาํ หรบั จดบันทกึ เพ่มิ เติม
4.7 เตรียมการสําหรบั พิธีเปิด –พิธีปิดการสัมมนา โดยการร่างคํากลา่ วรายงาน คํากล่าวประธานใน
พิธเี ปิด–พิธีปิดการสมั มนา
การดำเนินการระหว่างการสมั มนา
การดําเนินการระหว่างการสัมมนา ผู้รับผิดชอบแตล่ ะฝ่ายจะต้องดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่กําหนดไว้
ดงั แผนภาพ
ภาพแสดงขนั้ ตอนระหวา่ งการสัมมนา
ขั้นตอนการดําเนินการระหว่างการสัมมนา ผู้ดําเนินการจัดการสัมมนาเตรียมการต้อนรับ ผู้เข้าสัมมนา
ไดแ้ ก่ ประธานในพธิ ี แขกผ้มู ีเกียรติ วิทยากรและผูเ้ ข้าสังเกตการณ์ และจัดทําเอกสารประกอบ ตามข้นั ตอนดังนี้
1. การลงทะเบียน ผู้เข้าร่วมการสัมมนาทุกคนจะต้องเซ็นชื่อในบัญชีรายชื่อที่ทางคณะกรรมการฝ่าย
ทะเบียนจัดเตรียมไว้ พร้อมกับรบั เอกสารการสัมมนา
2. พิธีเปิดการสัมมนา ประธานคณะกรรมการดําเนินการจัดสัมมนาจะเป็นผู้กล่าวรายงานความเป็นมา
ของการจัดการสมั มนาพรอ้ มกลา่ วเชิญประธาน เพื่อกลา่ วเปดิ การสมั มนา
3. จัดกลุ่มใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะสร้างความเข้าใจที่ตรงกันให้แก่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาและ
กจิ กรรมท่ีนยิ มจดั ในหอ้ งใหญ่ ได้แก่ การบรรยาย การอภิปราย และการสาธติ
4. จัดกลุ่มย่อย หลังจากที่ได้รับความรู้ความคิดจากวิทยากรในที่กลุ่มใหญ่แล้ว ให้แบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วม
สัมมนาออกเป็นกลุ่มย่อยตามลักษณะของปัญหาและความสนใจ ซึ่งในกลุ่มย่อยจะร่วมกันถกปัญหา เสนอ
ข้อคิดเห็น โดยมีวิทยากรประจํากลุ่มทําหน้าที่ดําเนินการเลือก สมาชิกในกลุ่มขึ้นมาทําหน้าที่ต่าง ๆ คือ
ประธานกลุ่ม รองประธานกลุม่ เลขานกุ ารกลมุ่ และ ผู้ช่วยเลขานุการกลุม่ ยอ่ ย
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 24
5. จัดรวมกลุ่ม เพื่อรายงานผลการแนวทางการแก้ไขปัญหาของแต่ละกลุ่มย่อยอภิปรายผลทั่วไป โดย
ประธานกลุ่ม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรายงานผลการสมั มนาของแต่ละกลุม่ ย่อยที่เสนอมานั้น ผู้เข้าสัมมนาทุกคน
ในที่มีสิทธิทีจ่ ะเสนอแนะขอ้ คิดเห็นหรือสนับสนุนได้ หลังจากที่ได้ปรบั ปรุงแก้ไขผลของการสัมมนาของแตล่ ะกลุ่ม
จนเป็นที่พอใจของสมาชิกส่วนใหญ่แล้ว เลขานุการของแต่ละกลุ่มจะต้องจดข้อความที่เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม
จากสมาชิกในทีใ่ หญไ่ ดร้ ่วมกันอภิปราย เพ่อื รวบรวมให้เลขานุการคณะกรรมการจดั สมั มนาจัดพิมพเ์ ปน็ รายงานผล
การสมั มนาของท่ใี หญต่ ่อไป
6. พิธีปิดการสัมมนา ประธานในพิธีปิดการสัมมนา อาจจะเป็นบุคคลเดียวกันกับประธานในพิธีเปิด
การสมั มนาหรอื คนละคนก็ได้
การดำเนินการหลงั การสมั มนา
ขั้นดําเนินการหลังการสัมมนา นับเป็นขั้นตอนประเมินผล รายงานผล และติดตามผล การสัมมนาเม่ือ
การสัมมนาสิ้นสุดลงแลว้ ดงั แผนภาพ
ภาพแสดงข้ันตอนหลังการสมั มนา
คณะกรรมการดาํ เนินการจดั การสัมมนาจะต้องปฏิบัติภารกจิ หลังการสมั มนา ผดู้ ําเนินการดาํ เนินการตาม
ข้ันตอนดงั ตอ่ ไปนี้
1. วิเคราะห์การประเมินผลการสมั มนา โดยผ้จู ัดการสัมมนาต้องติดตามผลทั้งทางฝ่าย สมาชิกผู้เข้าร่วม
การสัมมนาและฝ่ายคณะกรรมการดําเนินงานทั้งหมดแล้วนําผลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อประมวลผลออกมาเป็น
ผลสรุปของการสัมมนาในครั้งนั้นแล้วจัดพิมพ์เป็นรายงานการสัมมนาแจกจ่ายไปยังบุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ
ทเ่ี ก่ยี วข้องกับการจดั สัมมนา
2. รายงานผลการสัมมนาต่อผู้บังคับบัญชา ผู้จัดสัมมนาต้องรายงานผลการสัมมนาให้ ผู้บังคับบัญชา
ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ภายหลังจากการสัมมนาสิ้นสุดลงว่าการจัดสัมมนาใน ครั้งนั้นบรรลุวัตถุประสงค์ที่
กําหนดไว้มากนอ้ ยเพียงใด มีปญั หาและอุปสรรคอะไรบ้าง มขี ้อเสนอแนะและวิธกี ารแก้ไขอยา่ งไร
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 25
3. ทําหนังสือแจ้งผลการสัมมนาต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้จัดสัมมนาจะต้องแจ้งผลการสัมมนาไปยัง
หนว่ ยงานของผู้เข้ารว่ มสัมมนา ซึง่ อาจจะพิมพ์เป็นรายงานการสัมมนาเพ่ือท่ีหนว่ ยงานน้ัน ๆ จะได้ใช้ประโยชน์ใน
การบริหารงานบุคลากรต่อไป
4. ดําเนนิ การเกย่ี วกับงบประมาณค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ผจู้ ดั การสมั มนาจะต้องดําเนนิ การเบิก- จ่ายให้เป็นที่
เรียบร้อย เช่น ค่าตอบแทนวิทยากร ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ค่าใช้จ่ายในพิธี เปิด-ปิด ค่าวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ
ทใี่ ชก้ ารดาํ เนนิ การจัดสมั มนา เป็นตน้
5. ติดตามผลและวิเคราะห์การติดตามผลการสัมมนา ภายหลังจากที่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้กลับไป
ปฏิบัติงานในหน่วยงานระยะหนึ่ง ผู้จัดการสัมมนาควรจะติดตามผลว่าผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้นําความรู้และ
ประสบการณ์จากการสมั มนาไปใช้ปรับปรุงงานในหน้าท่ีได้ผลเพียงใด และตอ้ งนาํ ข้อมลู ที่ได้มาวิเคราะห์ดูว่าสิ่งใด
ที่เป็นประโยชน์และสิ่งใดที่ควรแก้ไข เพื่อให้การจัดสัมมนาครั้งต่อไปได้ผลตรงตามที่ผู้เข้าร่วมการสัมมนาจะ
สามารถนําไปประยุกตใ์ ชไ้ ด้
กิจกรรมเสรมิ การสัมมนา
การจัดสัมมนานอกจากจะจดั ให้มีการใหญ่และจัดให้มีการกลุ่มย่อยแล้ว ผู้จัดสัมมนาหรือวทิ ยากรอาจจดั
ใหม้ ีกิจกรรมเสริมในชว่ งเวลาใดเวลาหน่งึ ของการสัมมนาดงั น้ี
1. สถานการณ์จําลอง (Simulation) การสร้างสถานการณ์จําลอง จัดเป็นกิจกรรมเสริมที่มุ่งเน้น
กระบวนการและบรรยากาศของการจําลองสถานการณ์จริงต่าง ๆ มาไว้ในห้องสัมมนาในการสร้างสถานการณ์
จาํ ลองมีแนวทางการจัด ดงั นี้
การจดั สถานการณ์ต่างๆ จะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับความสามารถของผู้เข้ารว่ มสัมมนาต้อง
สอดคลอ้ งและเสริมประสบการณ์ให้ความร้ใู หม่กับผู้ร่วมสัมมนาไม่ทางตรงก็ทางอ้อมให้มากท่ีสุด
และที่สําคัญใหผ้ ู้เขา้ ร่วมสัมมนามีส่วนร่วม ในการวางแผน และดําเนินการในสถานการณ์จําลอง
นนั้ ๆ
2. การศึกษานอกสถานที่ (Field Trip) หรือทัศนศึกษา หมายถึง ท่องเที่ยวเพื่อแสวงหาความรู้
การเรียนรู้ด้วยการดูการเห็น (ราชบัณฑิตยสถาน, 2546, หน้า 521) เป็นการพาผู้เข้าร่วมสัมมนาไปศึกษาหา
ความรู้และประสบการณ์ตรงเพิ่มเติมจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติหรือสภาพแวดล้อมทางสังคมที่อยู่นอก
สถานทีส่ ัมมนาท่ีมคี วามเก่ียวขอ้ งหรอื สอดคล้องกับเรื่องทจ่ี ัดสัมมนานน้ั ๆ
➢ ข้อดี คือ ช่วยให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับประสบการณ์ตรง ช่วยให้การเรียนรู้ในหัวข้อสัมมนามี
ความหมายยิ่งขึ้น และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้นําความรู้และประสบการณ์ที่
ได้รับจากการสัมมนาไปใชไ้ ดโ้ ดยตรง
➢ ข้อเสีย คือ อาจจะมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ใช้ช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ที่
ต่อเน่ือง รวมท้งั ความปลอดภยั ในการเดนิ ทางแตล่ ะครงั้
3. กิจกรรมกลุ่ม ( Group Work) เป็นวิธีการที่ให้ผู้เข้าสัมมนากระทํากิจกรรมร่วมกันหรือ ได้มี
การแสดงออกร่วมกันภายใต้จุดมุ่งหมายบางประการ เช่น เพื่อสร้างความคุ้นเคย เพื่อการฝึกทักษะมนุษยสัมพันธ์
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 26
ฝึกการทํางานร่วมกันเป็นกลุ่ม การทําความเข้าใจตนเองและผู้อื่น ลักษณะของกิจกรรมกลุ่มส่วน ใหญ่จะเป็น
การเสรมิ สร้างความรู้สกึ สรา้ งสรรค์ เจตคติและประสบการณท์ ่ีดีตอ่ กัน โดยมุ่งเน้นใหส้ มาชิกเรยี นรดู้ ้วยการกระทํา
และขั้นสุดท้ายของกิจกรรมจะต้องมีการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้สมาชิกเกิดการหยั่งรู้ด้วยตนเอง ( Insight)
ยกตัวอย่าง เช่น กิจกรรมเพื่อสร้าง ความคุ้นเคย หรือเรียกว่าการละลายพฤติกรรม (Ice Breaker) (นิรันดร์ จุล
ทรพั ย์,2550, หน้า 322)
➢ ข้อดี คือ เปิดโอกาสให้สมาชิกได้มีส่วนร่วมมากขึ้น ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้มีโอกาสทํากิจกรรม
รว่ มกนั เปน็ การสร้างความรู้จัก คนุ้ เคย ความใกลช้ ดิ และ เปน็ กันเอง ก่อใหเ้ กิดความรสู้ ึกสบายใจ
ตลอดการสัมมนา และนําไปสู่การประสานงานที่ดีต่อกัน ในครั้งต่อๆ ไป นอกจากนี้ยังช่วยให้
สมาชกิ เกดิ การเรียนรู้ด้วยการกระทําจริง ทําให้เกิดความเข้าใจ และจดจําง่าย
➢ ขอ้ เสยี คือ ถา้ วิทยากรควบคมุ เวลาไมด่ อี าจไปกระทบเวลาของรายการหรือหัวข้อ อ่ืนๆ ได้
สรุป
กระบวนการสัมมนาแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ ขั้นเตรียมการก่อนการจัดสัมมนา ขั้นดําเนินการจัดสัมมนา
และขั้นหลังการจัดสัมมนา โดยในขั้นเตรียมการก่อนการสัมมนา ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนา ได้แก่ ประธาน
เลขานุการ สมาชกิ ผูเ้ ข้าร่วมสมั มนา วิทยากร จะตอ้ งไดร้ บั การติดต่อประสานงานและชี้แจงข้อมลู ใหท้ ราบล่วงหน้า
เพื่อจักได้เตรียมตัวปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้องและเหมาะสม ในขณะเดียวกันผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดเตรียมในเรื่อง
เอกสารประกอบการสัมมนา การจัดเตรียมสถานที่ และการจัดเตรียมงบประมาณให้เพียงพอต่อการดําเนินการ
หากขั้นเตรียมการก่อนการสัมมนาสามารถดําเนินการได้อย่างสมบูรณ์เรียบร้อย ย่อมส่งผลให้ขั้นดําเนินการจัด
สัมมนาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ของการสัมมนา ซึ่งสิ่งที่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนาพึง
ตระหนัก คือ ควรจะต้องยึดถือและปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณของการสัมมนาและในขั้นหลังการจัดสัมมนา
จะต้องมีการประเมินผลการสัมมนาเพื่อจะได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดสัมมนาว่าเป็นอย่างไร ประสบผลสําเร็จ
มากน้อยแคไ่ หน มีสิ่งใดทีต่ อ้ งแกไ้ ข ปรบั ปรงุ อนั จะได้นําไปปรบั ปรุงในการสัมมนาครง้ั ตอ่ ไป
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 27
แบบฝึกหัดหน่วยท่ี 2 กระบวนการจัดสมั มนา
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนตอบคำถามต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
1. การดาํ เนินการการจดั สมั มนาจะแบง่ ออกเป็นกขี่ ้นั ตอน อะไรบา้ ง
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2. การตง้ั ชือ่ โครงการสัมมนาควรต้ังอยา่ งไร
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................... .....................................................
....................................................................................................................................................................................
3. การสำรวจประเด็นปัญหาและความตอ้ งการในการสมั มนา มีความสำคยั อย่างไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
4. การจดั กล่มุ ใหญแ่ ละการจัดกลมุ่ ยอ่ ยในระหว่างการดำเนนิ การระหวา่ งการสัมมนามีลกั ษณะอย่างไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
5. เมอ่ื การสมั มนาสิน้ สดุ ลงแล้วควรมีการดำเนินการตามข้นั ตอนใดบา้ ง
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................ ............
6. คณะกรรมการดาํ เนินการจดั สัมมนาทาํ หน้าท่ีใดบ้าง (จงยกตวั อยา่ งมา 3 หน้าที่)
...................................................................................................................................................................... ..............
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................... ..............................................
7. . การศึกษานอกสถานที่ (Field Trip) หรือทัศนศกึ ษา มีข้อดอี ย่างไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 28
8. เพราะเหตใุ ดหลังจากการสมั มนาเสรจ็ สน้ิ จงึ ควรรายงานผลการสมั มนาตอ่ ผบู้ งั คบั บัญชา
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................. ...................
9. หากต้องการตดิ ตอ่ เชญิ วทิ ยากรท่จี ะมาให้ความรแู้ ก่ผู้เข้าสัมมนา ควรดำเนนิ การตามขนั้ ตอนใด
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
10. วัตถปุ ระสงคข์ องการสัมมนา กบั ผลทค่ี าดวา่ จะได้รับจากการสมั มนาแตกตา่ งกันอย่างไร จงอธบิ าย
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 29
หน่วยท่ี 3
บทบาทหนา้ ที่และจรรยาบรรณของผูท้ ่เี กยี่ วข้องกบั การสัมมนา
บทบาทหนา้ ทีข่ องบคุ คลท่ีเกย่ี วขอ้ งกับการสัมมนา
ในการสัมมนาทุกครั้งมักจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ประธาน เลขานุการ สมาชิก ผู้เข้าร่วมประชุม
วิทยากร บุคคลเหล่านี้ควรจะได้รับการติดต่อให้ทราบล่วงหน้าเพื่อทุกคนจะได้ ทราบหน้าที่ของตนว่ามีอย่างไร
เม่ือไดท้ ราบล่วงหนา้ แลว้ บคุ คลเหลา่ นั้นจะต้องมีการเตรยี มตัวเข้า รว่ มสมั มนา ดงั ต่อไปนี้
1. บทบาทหนา้ ทขี่ องผู้จดั สมั มนา
1.1 ประธาน ทำหน้าที่อำนวยการจัดสัมมนา เช่น สรรหากรรมการแต่ละฝ่าย ควบคุม ติดตาม
ประสานงานกบั แต่ละฝา่ ยวางแผนดำเนินการจัดทำโครงการร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ สนับสนุน
แต่ละฝา่ ย วิเคราะห์ปัญหา หาแนวทางแก้ไข ตดั สนิ ปญั หา ดำเนินการจดั ประชุมคณะกรรมการ
1.1.1 ลักษณะของประธาน เป็นผู้นำที่ดีบุคลิกภาพทางกาย การแต่งกาย/การแสดงออก
หนา้ ตา ย้ิมแยม้ แจ่มใส พูดจาสภุ าพ มีน้ำใจ ประสานงานเกง่ กล้าคดิ -ทำ-ตัดสนิ ใจ มีอารมณข์ นั ฯลฯ บุคลิกภาพ
ทางจติ ใจ มีความม่ันคงทางอารมณ์ สขุ มุ รอบคอบ ซ่ือสัตย์ มคี วามรบั ผดิ ชอบสงู อดทนอดกล้นั เที่ยงธรรม ฯลฯ
1.1.2 การเตรียมตวั ของประธาน
1) วางแผนการประชุมร่วมกับเลขานุการ เรื่องอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำหนังสือเชิญ
จัดทำวาระการประชุมส่งให้กรรมการล่วงหน้า 3 - 7 วัน วางแผนในเรื่องที่จะพูดตามวาระการประชุม จัดเตรียม
อุปกรณท์ ี่ตอ้ งใชใ้ นการประชมุ
2) ดำเนินการประชุม เปิดการประชุม/ทักทายสมาชิก/เสนอหัวข้อหรือปัญหา/ชี้แจง
ความจริง/ถามคำาถาม /ดำเนินการอภิปราย/ส่งเสริมกระตุ้นให้สมาชิกให้มีส่วนร่วมสรุปประเด็นสำคัญของ
การประชมุ /ยุตลิ งความเหน็ หรอื ขอ้ ตดั สนิ
1.2 รองประธาน ทำหนา้ ท่ีช่วยประธาน หากประธานตดิ ธุระจำเป็น ทำตามท่ีประธานมอบหมาย
1.3 เลขานุการ ทำหน้าท่ีสำคัญในการประชมุ และจดั สมั มนา
1.3.1 หนา้ ที่ของเลขานกุ าร
➢ เตรยี มการประชุมเปน็ ระยะ ๆ จนถึงวนั สมั มนา โดยการออกหนงั สอื เชิญประชุม
➢ จดบันทกึ -สรุปรายงานการประชมุ
➢ จดั สถานที่ประชมุ
➢ เตรยี มการจดั สมั มนา เอกสารโครงการ เตรยี มเอกสารประกอบการสมั มนาทั้งหมด
➢ เตรียมจดั ทำคำสั่งแต่งต้ังคณะกรรมการ
➢ เตรยี มจดั ทำหนังสอื ขออนุมัติโครงการ-งบประมาณ
➢ เตรียมออกหนังสือเชิญ ประธาน วิทยากร ผู้ดำเนินรายการ ผู้เข้าร่วมสัมมนา ผู้ให้การ
สนับสนุน
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 30
➢ เตรียมทำหนงั สือขอความอนุเคราะห์ สนบั สนุน ในการสมั มนา
➢ เตรียมรา่ งคำกล่าวเปดิ -ปดิ และเตรยี มร่างคำกลา่ วรายงานดูแลการจดั สัมมนา
➢ เตรียมหนงั สอื ขออนุญาตใช้สถานท่ี ยมื วัสดอุ ปุ กรณ์ รวมถงึ ทำหนังสือขอบคุณ
1.3.2 ลักษณะของเลขานุการ บุคลิกภาพดี แคล่วคล่อง ว่องไว กิริยาวาจาสุภาพ แต่งกาย
สะอาด ทันสมัย แข็งแรง ซึ่อสัตย์ จริงจัง จริงใจ มีน้ำใจ สำนึกในงานบริการ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีไหวพริมดี
มีมนษุ ยสมั พันธ์ มคี วามรับผิดชอบสงู
1.3 ผู้ช่วยเลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ มีหน้าที่ช่วยงานเลขาในทุกดา้ น ดูแลการทำรายงานของฝา่ ย
ต่าง ๆ ติดต่อประสานงานกับฝ่ายเอกสาร จัดทำรายงานการประชุม ปฏิบัติหน้าที่แทนเลขานุการเมื่อเลขา
ไม่สามารถปฏิบตั ิงานได้
1.4 ฝ่ายทะเบียน มีหน้าที่ เตรียมข้อมูลของผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งหมด สำรวจจำนวนประสานงานฝ่าย
สถานทแี่ ละฝา่ ยเอกสารจัดทำแฟ้มการลงทะเบียน
ลักษณะของฝ่ายทะเบียน ชอบให้บริการ สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน มีมนุษย์สัมพันธ์ ยิ้มแย้ม
แจ่มใจ บุคลกิ ภาพดี มคี วามเช่อื ม่ันในตนเอง มีความรับผดิ ชอบ
1.5 ฝ่ายสถานที่ มีหน้าที่จัดห้องสัมมนา ห้องรับรองแขกพิเศษ-วิทยากร ห้องน้ำ-ห้องสุขา จัดทำ
เครือ่ งหมายของเส้นทางเข้าสหู่ ้องสัมมนาจัดเวที เตรยี มเครอื่ งโสตทศั นปู กรณ์ ฯลฯ พร้อมทดสอบการใชง้ าน ก่อน
ดำเนินการจัดสัมมนา ในระหวา่ งสมั มนาจัดทำแฟ้มการลงทะเบียน
ลักษณะของฝ่ายสถานท่ี เป็นคนที่มีศิลปในการทำงาน รู้จักการวางรูปแบบของเวที โต๊ะ เก้าอี้
ประดับประดาสถานที่ให้เหมาะกับบรรยากาศของการสัมมนา พูดจาสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน มีมนุษย์สัมพันธ์
เข้มแขง็ อดทน มนี ้ำใจ มคี วามรบั ผดิ ชอบสงู
1.6 ฝ่ายสวัสดิการ มีหน้าที่ดำเนินการในเรื่องอาหาร อาหารว่าง เครื่องดื่ม จัดเตรียมภาชนะให้
เพียงพอ ประสานงานกับฝ่ายทะเบียน ฝ่ายสถานที่เรื่องจำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนา จัดให้ใกล้กับสถานที่สัมมนา
ดูแลน้ำดื่มวิทยากร/จัดให้มีรสนิยมเหมาะสมกับกาลเทศะ การจัดสถานที่ต้องคำนึงถึงความสะอาด สวยงาม
สะดวก เช่น จัดแบบบุฟเฟ่ต์ จัดเป็นโต๊ะรูปสี่เหลี่ยมกลางห้อง ต้องการให้ผู้เข้าร่วมสัมมนายืน ประหยัดสถานท่ี
ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้สนทนาทำความรู้จักกัน หรือจัดแบบมีโต๊ะมีเก้านั่ง ต้องใช้พื้นที่มาก สะดวก แต่ผู้เข้าร่วม
สัมมนามีโอกาสผู้คุยกันน้อย มีผ้าปูโต๊ะ อาหารว่างเช้า น้ำชา-กาแฟ-โอวัลติน น้ำเปล่า ขนมเค้ก คุกกี้ ขนมไทย
อาหารว่างบ่าย น้ำผลไม้ น้ำหวาน ขนมหรือผลไม้แยกคำ จัดแจกันดอกไม้ กระถางต้นไม้ ประดับประดาตาม
มุมห้อง
ลักษณะของฝ่ายสวัสดกิ าร รักสวยรักงาม มีรสนิยมในการรับประทานอาหาร ประหยัด มีศิลปะ
ในการจัดโต๊ะอาหาร ห้องรับรอง และจัดอาหารให้น่ารับประทาน มีนิสัยยิ้มแย้มแจ่มใส อดทนอดกลั้น สุขุม
รอบคอบ ใจ เย็น รักงานบรกิ าร มนี ้ าใจ มคี วามรับผิดชอบสงู
1.7 ฝ่ายเหรัญญิก ฝ่ายเหรัญญิกมีหน้าที่ควบคุมดูแลเกี่ยวกับการเงิน ทำบัญชีงบประมาณรายรับ-
รายจ่าย งบดุลตรวจสอบงบประมาณของแต่ละฝ่ายเข้มงวดเกี่ยวกับการจา่ ยเงิน เก็บหลักฐานการการรับ-จ่ายเงนิ
อย่างชัดเจน รวมถงึ สามารถตอบคำถามโดยอาศัยหลักฐานทางการบัญชีได้
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 31
ลักษณะของฝ่ายเหรัญญิก มีความซี่อสัตย์สูงมีความรับผิดชอบ มีความยืดหยุ่น เจ้าระเบียบ
มีเหตุผล มหี ลกั การ มีมนุษย์สัมพันธส์ ภุ าพ มีสปิริต
1.8 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ เผยแพร่ข่าวสารของการจัดสัมมนาไปยังกลุ่มเป้าหมายให้มากทีส่ ดุ
โดยอาศยั สือ่ ตา่ ง ๆ เช่น แผน่ พบั โปสเตอร์ วิทยุ หนงั สือพิมพ์ ป้ายผ้า อินเทอรเ์ น็ต ฯลฯ
ลักษณะของฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม/ชอบให้บริการ/มีความตั้งใจใน
การทำงาน/มีความรับผิดชอบสูงมีศิลปะในการใช้ภาษาพูดและภาษาเขียนมีทัศนคติที่ดีต่อการจัดสัมมนา/
มองโลกในแง่ด/ี พูดจาสภุ าพชดั เจน/ออ่ นนอ้ มถอ่ มตน/ริเร่มิ สรา้ งสรรค์
2. บทบาทหนา้ ที่ของวทิ ยากร
บุคคลที่ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ เสนอแนวคิดให้ผู้ฟังเกิด
ความรู้ ทักษะ และเจตนคติ สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง หน่วยงานและสังคม
ส่วนรวม
2.1 สง่ิ ทว่ี ทิ ยากรต้องเตรยี ม
➢ เร่ืองทจ่ี ะบรรยายตามหัวขอ้ ท่ผี ้จู ดั สมั มนากำหนด
➢ เตรียมวัสดุอุปกรณ์ สอ่ื ท่ตี อ้ งใช้ประกอบการสัมมนา
➢ ตอบคำถามผู้เข้าร่วมสัมมนา ด้วยน้ำใจไมตรี และให้แนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ในทาง
สรา้ งสรรค์
2.2 ลักษณะของวิทยากร
➢เป็นผทู้ ชี่ อบแสวงหาความรูแ้ ละประสบการณใ์ หม่ ๆ มีนสิ ยั รักการอา่ น
➢มีเมตตากรุณา ยินดีให้ความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำปรึกษาและแก้ปัญหาด้วย
ความจรงิ ใจ
➢บคุ ลกิ ภาพดี พูดจาสภุ าพ ฉะฉาน ชดั เจน มศี ิลปะในการพดู
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 32
➢มีความรับผิดชอบสูง กระตือรือร้น อารมณ์ขัน ยืดหยุ่นเก่ง ยอมรับฟังความคิดเห็น
มมี นุษยสัมพนั ธ์ แกไ้ ขปัญหาเฉพาะหนา้ ไดด้ ี
➢มคี วามคิดก้าวหนา้ มองการณ์ไกล มีความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์
➢มีความรู้ ความเข้าในในพฤติกรรมกลุ่ม และมจี ติ วิทยาในการถา่ ยทอด
➢ประพฤติตัวเป็นแบบอย่างที่ดี สมถะ เรียบง่าย ประหยัด ไม่ถือตัว ไม่ติดลาภติดยศ
มีภมู ปิ ญั ญาดี
3. บทบาทหน้าที่ของผ้เู ข้ารว่ มสัมมนา
ผู้เข้าร่วมสัมมนา หมายถึง ผู้ที่เข้าร่วมฟังอภิปราย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับวิทยากรและ
บุคคลอื่น เพื่อให้ได้แนวคิด ความรู้ วิธีการปฏิบัติ ผู้เข้าร่วมสัมมนามีหน้าที่ศึกษาเอกสารการสัมมนา
ฟังและฝึกปฏิบัติตามวิทยากรตั้งใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ใช้ดุลยพินิจพิจารณา คิดและไตร่ตรองด้วย
เหตุผลก่อนพูดทุกครั้ง เสนอแนวความคิดและแลกเปลี่ยนความรู้กับผู้อื่นโดยอาศัยหลักการและเหตุผลตาม
ความเป็นจริง จดบนั ทึกประเด็นสำคัญและสรปุ สิ่งทไี่ ดร้ ับจากการสมั มนา
ลักษณะของผู้เข้ารว่ มสัมมนา 33
➢ เปน็ ผู้ทช่ี อบแสวงหาความรใู้ หม่ ๆ มคี วามคดิ กว้างไกล
➢ รู้จกั รบั ฟังความคิดเห็นของผอู้ น่ื
➢ คิดก่อนพูดอยา่ งมีหลักการและเหตผุ ลรจู้ ักกาลเทศะ
➢ กล้าแสดงความคิดเหน็ ในโอกาสและจังหวะทเ่ี หมาะสม
➢ ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมการสมั มนาอย่างมมี ารยาทในการสมาคม
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique)
การปฏบิ ัติงานและบทบาท หน้าทีข่ องผทู้ ่เี ก่ยี วขอ้ งในวนั จัดสัมมนาจรงิ
การปฏบิ ัติงาน กรรมการดำเนนิ การจัดสมั มนา
❖ ตรวจสอบความเรียบร้อยของหอ้ งประชุม แสง-เสียง ความเย็น ฝ่ายสถานท่ี
การจัดโต๊ะเวที ป้ายชื่อวิทยากร โต๊ะหมู่บูชา เครื่องบันทึก
เทป กระดาน เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ จอภาพ กระดาษ
เคร่ืองเขยี น
❖ ตรวจสอบความเรียบร้อยของห้องรับรองวิทยากร ตรวจสอบ ฝ่ายสวสั ดกิ าร
ความเรียบร้อยของห้องอาหารว่าง อาหารกลางวัน (อาจมีท้ัง
อาหารเชา้ - อาหารวา่ ง-อาหารกลางวนั และเย็น
❖ กรณีที่จัดสัมมนาหลายวัน ส่งรถไปรับวิทยากร และเตรียม
สำหรบั สง่ วิทยากรในขากลับ จัดสถานที่จอดรถวิทยากร
❖ เตรียมความพร้อมในเรื่องเครื่องดื่ม น้ำ อาหารว่าง สำหรับ
รับรองวิทยากร-ผดู้ ำเนินรายการ และแขกผูม้ ีเกยี รติ
❖ คอยต้อนรับวิทยากร ผู้ดำเนินรายการ และแขกผู้มีเกียรติ เมื่อ ฝ่ายตอ้ นรับ
มาถึง
❖นำเข้าห้องรับรอง คอยอำนวยความสะดวกให้ในทุกเรื่อง เช่น
ห้องพัก น้ำ-อาหารว่าง อาหารทุกมื้อ และบริการน้ำ-เครื่องดื่ม
ขณะทดี่ ำเนนิ การบรรยาย
❖เชญิ วิทยากรเข้าสู่หอ้ งสมั มนา และกลดั ช่อดอกไม้แก่วิทยากร ผู้
ดำเนนิ รายการ และแขกผมู้ ีเกียรติ
❖คอยต้อนรับผู้เข้าร่วมสัมมนา และอำนวยความสะดวกใน
ทกุ เรอื่ ง
❖จดั ของขวญั และค่าตอบแทนวิทยากร
❖ ตรวจสอบป้ายประชาสัมพันธ์ ป้ายต้อนรับวิทยากร และผู้ ฝา่ ยประชาสมั พนั ธ์
ดำเนินรายการ ป้ายงานสัมมนา ทั้งหน้าอาคารสัมมนาและหนา้
หอ้ งสัมมนา ปา้ ยงานสมั มนาตามเส้นทางเขา้ สงู่ านสัมมนา
❖ รับลงทะเบียนผู้เข้าร่วมสัมมนา ลงชื่อตามวัน-เวลาของ ฝา่ ยทะเบยี น
หน่วยงานทเี่ ข้ารว่ มสัมมนา ฝา่ ยประเมินผล
❖ แจกแฟม้ เอกสาร+เอกสารการสัมมนา
❖ แจกแบบประเมินผลแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาและรวบรวมเก็บ
แบบประเมินผล
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 34
การปฏบิ ัตงิ าน กรรมการดำเนินการจัดสมั มนา
❖ มอบของท่ีระลกึ และคา่ ตอบแทนแก่วทิ ยากร ประธานพธิ ีกร + เลขานุการ
❖ เชิญประธานกล่าวปิด การสัมมนา (เตรียมคำกล่าวปิดสัมมนา
คณะกรรมการดำเนินงาน
ใหพ้ รอ้ มเพื่อมอบแกป่ ระธาน กล่าวปิดการสัมมนา)
❖ อาจมกี ารแจกวฒุ บิ ัตรแกผ่ เู้ ข้ารว่ มสมั มนา หากการสมั มนานน้ั มี
การฝึกอบรมผสมเขา้ ไปด้วย
❖ ดูแลและอำนวยความสะดวกตลอดงาน
จรรยาบรรณของผทู้ ่เี ก่ยี วข้องกบั การสมั มนา
เกษกานดา สุภาพจน์ (2549, หน้า 56) ได้กล่าวว่า การสัมมนาจะบรรลุวัตถุประสงค์ได้ผู้เขา้ ร่วมสัมมนา
พงึ มีจรรณยาบรรณทางอาชีพดงั ตอ่ ไปนี้
1. มคี วามจริงใจในการเข้ารว่ มสัมมนา ทกุ ฝ่ายจะต้องให้ความเอาใจใส่ สนใจการสมั มนาอยา่ งแทจ้ รงิ และ
จริงใจ โดยการตั้งใจฟังวิทยากรบรรยาย ร่วมเสนอความคิดเห็นและอภิปรายด้วยความมีเหตุผลและเที่ยงตรง
ไมแ่ สดงการคดั ค้านด้วยอคติสว่ นตน
2. พูดจาสุภาพและเหมาะสมกาลเทศะ
3. รักษาอารมณ์ให้มั่นคงและเป็นปกติ ไม่ลุแก่โทสะ เพื่อที่จะให้ได้มาในสิ่งที่ตนปรารถนาเท่าน้ัน
ควรคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องอาศัยแนวคิดหลาย ๆ ทาง พินิจพิเคราะห์ด้วยหลักการและเหตุผล การเปลี่ยนแปลง
สง่ิ ใดกต็ ามบางคร้งั อาจไมอ่ าจเปลย่ี นได้ในทันที บางครั้งตอ้ งใชเ้ วลาคอ่ ยเปน็ ค่อยไป
4. ปฏิบัติตนต่อผู้เข้าร่วมสัมมนาด้วยความเคารพในคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน ยอ มรับฟัง
ความคิดเห็นของผู้อนื่ ไมอ่ วดแบ่งแสดงตนว่าเก่งคนเดยี วหรือใชค้ วามรู้ทีม่ อี ยู่ในทางไม่ชอบธรรม
5. การถ่ายทอดความรู้ การแสดงความคิดเห็นมุ่งเน้นเพื่อให้เกิดความรู้ ทักษะและเจตคติอันเป็น
คุณประโยชนต์ ่อผ้รู ว่ มสมั มนาเป็นสำคัญ
6. มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตา กรุณา เกื้อกูลประโยชน์จากการสัมมนาให้แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาซึ่งกัน
และกนั
7. ตรงต่อเวลารักษาเวลาของการสัมมนา
8. มีสำนกึ ในความรบั ผิดชอบตอ่ ความเปน็ มนษุ ย์โลก โดยการนำแนวคดิ ทไี่ ด้จากการสมั มนาไปสร้างสรรค์
ในแนวทางที่ถกู ตอ้ งเหมาะสมให้กับงานตนเองลงั คมโดยส่วนรว่ มทง้ั ระดับทอ้ งถ่นิ ระดบั ประเทศ และระดบั โลก
สมจิตร เกิดปรางค์ และนุตประวีณ์ เลิศกาญจนวัต (2545, หน้า 75) ได้กล่าวว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับ
การสัมมนา หมายถึง กลุ่มบุคคลที่เข้าร่วมการสัมมนาทั้งหมด ได้แก่ ผู้ด ำเนินการ วิทยากร และผู้เข้ารับ
การสัมมนา ควรจะตอ้ งยึดหลักจรรยาบรรณของการสัมมนาดงั น้ี
1. มคี วามจรงิ ใจในการเข้าร่วมสมั มนา
2. ใชว้ าจาอย่างสุภาพชน และให้เหมาะสมกับโอกาส
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 35
3. รักษาอารมณ์ให้ม่ันคงอยา่ งเป็นปกติ
4. ปฏบิ ตั ติ นตอ่ ผู้เขา้ รว่ มสมั มนาด้วยความเคารพในสิทธิและศกั ดศิ์ รีของบุคคล
5. การถ่ายทอดความรู้ การแสดงความคิดเหน็ ควรมุ่งเนน้ เพอ่ื ให้เกดิ การเรยี นร้ทู ักษะ และเจตคติอันเป็น
ประโยชนต์ อ่ ผ้เู ข้ารว่ มสัมมนาเปน็ สำคญั
6. มนี ้ำใจเอือ้ เฟ้อื เผื่อแผ่ มจี ิตใจเมตตาและเก้ือกลู ผลประโยชน์ใหแ้ กก่ ันและกัน
7. ตรงต่อเวลา ดว้ ยการรักษาเวลาของการสมั มนาในส่วนท่เี กยี่ วข้อง
8. นำความรทู้ ไ่ี ด้รบั จากการสมั มนาไปคดิ สรา้ งสรรค์พฒั นาตนเองงานในหนา้ ที่และสงั คมโดยส่วนรวม
ไพพรรณ เกียติโชคชัย (2545, หน้า 65) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกกลุ่ม
มีแนวปฏบิ ตั ิดงั นี้
1. มีความจริงใจ สนใจ เอาใจใส่ในการสัมมนาอย่างจริงจัง ตั้งใจฟังวิทยากร ร่วมแสดงความคิดเห็น
อยา่ งมเี หตุผล
2. เทย่ี งตรง ไม่แสดงการคดั ค้านอย่างมีอคติ
3. พดู จาสภุ าพและเหมาะสมกบั กาลเทศะ
4. รกั ษาอารมณใ์ หม้ นั่ คง
5. ยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ สว่ นรวม
6. ถ่ายทอดความร-ู้ แสดงความคดิ เห็นทเี่ ป็นประโยชน์
7. มีน้ำใจ/ตรงตอ่ เวลา/มีจติ สำนกึ ต่อความเปน็ มนษุ ย์
8. นำแนวความคิดท่ีได้ไปสรา้ งสรรคใ์ นแนวทางท่ีเหมาะสม
นิรนั ดร์ จุลทรัพย์ (2550, หน้า 56) ไดก้ ล่าววา่ ลักษณะของผเู้ ขา้ ร่วมสมั มนาที่ดีมดี งั นี้
1. เป็นผูท้ ่ีชอบแสวงหาความรูใ้ หมๆ่ มีความคิดกว้างไกล
2. รจู้ กั รบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ ่ืน
3. คิดกอ่ นพูดอย่างมหี ลกั การและเหตุผล
4. รู้จักกาลเทศะ มสี ปิริต
5. แสดงความคิดเห็นในโอกาสและจังหวะท่ีเหมาะสม
6. ใหค้ วามรว่ มมือกบั กิจกรรมการสมั มนา
7. มีมารยาทในการสมาคม
สรปุ ได้ว่า จรรยาบรรณในการสัมมนา มดี ้วยกนั 8 ประการ ดงั นี้
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 36
จรรยาบรรณในการสัมมนา
1) มคี วามจริงใจในการเขา้ ร่วม 2) ใช้วาจาอยา่ งสภุ าพและให้ 3) รกั ษาอารมณใ์ หม้ ั่นคงอย่าง
สัมมนา เหมาะสมกบั โอกาสและกาลเทศะ เปน็ ปกติ
4) ปฏิบัติตนตอ่ ผู้เข้าร่วมสัมมนาด้วย 5) ควรถ่ายทอดความรู้และแสดง 6) มีนา้ ใจเอ้อื เฟอ้ื เผื่อแผ่และเกอ้ื กูล
ความเคารพในสทิ ธิและศักดศ์ิ รีของ ความคิดเห็น เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นรู้ ผลประโยชน์แกผ่ รู้ ว่ มสัมมนา
บุคคล ทกั ษะและเจคติอนั เป็นประโยชน์
7) ตรงต่อเวลาด้วยการรักษาเวลา 8) นาความรทู้ ่ไี ด้รบั จากการสมั มนาไป
ของการสมั มนา พัฒนาตนเอง งานในหนา้ ทีแ่ ละสงั คม
ส่ิงทไี่ ม่ควรกระทำในการสมั มนา
1.จำกัดความคดิ หรือช้นี ำความคิดเหน็ ของผอู้ น่ื
2. บดิ เบือนถ้อยคำผอู้ ื่น ใชภ้ าษาไมถ่ ูกตอ้ ง วกวน เขา้ ใจยาก
3. ส่งั การใชอ้ ำนาจในทกุ ๆ เรอ่ื ง จำกดั ขอบเขต สรปุ เร็วเกินไป
4. โตเ้ ถียงทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท
5. หัวเราะเยาะ มีท่าทอี วดเก่ง เบง่ ทบั คนอื่น
6. พดู จาไม่สภุ าพ ก้าวร้าว ใช้อารมณ์
7. ตลกเกนิ ขอบเขต พูดมาก ไม่มีสาระ
8. ประหม่า สัน่ ขาดความเชือ่ มนั่
9. ปลอ่ ยใหส้ มาชิกคนใดคนหนึง่ ผกู ขาดการอภิปราย
สรปุ
บทบาทของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนา ได้แก่ ประธาน เลขานุการ สมาชิกผู้เข้าร่วมสัมมนา วิทยากร
จะต้องได้รับการติดต่อประสานงานและชี้แจงข้อมูลให้ทราบล่วงหน้า เพื่อจักได้เตรียมตัวปฏิบัติหน้าที่ได้ถูกต้อง
และเหมาะสม ในขณะเดียวกันผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องจัดเตรียมใน เรื่องเอกสารประกอบการสัมมนา การจัดเตรียม
สถานท่ี และการจัดเตรยี มงบประมาณให้เพยี งพอตอ่ การดำเนนิ การ ตอ่ มากเ็ ป็นขน้ั ดำเนินการจัดสมั มนา ผลสำเรจ็
สำคัญของขั้นน้ีมาจากผลการดำเนินการในขั้นเตรียมการก่อนการสัมมนา หากขั้นเตรียมการก่อนการสัมมนา
สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์เรียบร้อย ย่อมส่งผลให้ขั้นดำเนินการจัดสัมมนาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
บรรลุวตั ถุประสงค์ของการสัมมนา ซึ่งสิ่งที่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนาพึงตระหนัก คือ ควรจะต้องยึดถือและ
ปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณของการสัมมนา และในขั้นหลังการจัดสัมมนาจะต้องมีการประเมินผลการสัมมนา
เพื่อจะได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับการจดั สัมมนาว่าเป็นอย่างไร ประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด มีสิ่งใดที่ต้องแก้ไข
ปรบั ปรงุ อันจะได้นำไปปรบั ปรงุ ในการสัมมนาคร้ังต่อไป
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 37
แบบฝกึ หดั หนว่ ยที่ 3 บทบาทหนา้ ท่ีและจรรยาบรรณของผทู้ ี่เก่ยี วขอ้ งกับการสมั มนา
คำช้ีแจง ให้นักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี หถ้ กู ตอ้ ง
1. ผ้ทู ีท่ ำหนา้ ที่ประธานการสมั มนาควรมลี ักษณะอย่างไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2. บทบาทหนา้ ทีข่ องผูจ้ ัดสัมมนาตำแหนง่ ใดสำคญั ท่ีสดุ เพราะเหตใุ ด
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
3. . ผ้ทู ท่ี ำหนา้ ที่วทิ ยากรในการสัมมนาควรมลี ักษณะอยา่ งไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
4. หาผเู้ รียนไดร้ ับเลอื กใหเ้ ปน็ วทิ ยากรในการสมั มนา จะมกี ารเตรยี มตวั อย่างไรบ้าง
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
5. หน้าท่ขี องฝา่ ยสวัสดกิ ารมอี ะไรบา้ ง
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
6. จรรยาบรรณในการสมั มนามีอะไรบา้ ง จงอธิบาย
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 38
7. จงอธิบายบทบาทหน้าทขี่ องผู้เข้ารว่ มสัมมนามาพอสังเขป
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
8. ส่ิงทไ่ี ม่ควรกระทำในการสมั มนามีอะไรบา้ ง จงยกตวั อยา่ งมา 3 ข้อ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
9. การดำเนนิ การสัมมนาให้บรรลวุ ตั ถุประสงคข์ องการสมั มนา ผู้เข้าร่วมสมั มนามแี นวปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
10. จงยกตวั อย่างลักษณะของผูเ้ ข้ารว่ มสมั มนาทด่ี ีมา 4 ลกั ษณะ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 39
หน่วยท่ี 4
การจัดสถานที่และอปุ กรณ์การสมั มนา
การจดั สมั มนาแต่ละคร้ัง สิง่ ทตี่ ้องคำนึงถึงและตอ้ งเตรียมการตรวจสอบความเรยี บร้อย คอื การตรวจสอบ
ความเรียบร้อยของอุปกรณ์ การเลือกห้องสัมมนา รูปแบบการจัดห้องสัมมนา รูปแบบการจัดเวทีสมั มนา การจัด
ห้องรับประทานอาหาร รวมไปถึงการจัดโต๊ะหมู่บูชา สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่มีส่วนทำให้การสัมมนาแต่ละครั้งมี
บรรยากาศความเปน็ วิชาการ
การจัดเตรียมสถานทส่ี มั มนา
ก่อนที่จะดำเนินการจัดสัมมนาอย่างเปน็ ทางการองคป์ ระกอบของกระบวนการจัดสัมมนาต้องพิจารณาถึง
ความสัมพันธ์กันกับสถานที่ที่ใช้ในการดำเนินการสัมมนาไปพร้อม ๆ กัน เพื่อจะทำให้การสัมมนาดำเนินการไป
ดว้ ยความเรยี บร้อย โดยมรี ายละเอยี ดทีต่ ้องพจิ ารณา ดังต่อไปนี้
จัดเตรยี ม ตรวจสอบ
สถานที่ ความเรยี บรอ้ ย
ดูแลความ
สารวจอุปกรณ์ สะอาด
ติดต่อขอใช้
สถานท่ี
1. ติดตอ่ ขอใชส้ ถานท่ี ⏩ทำหนงั สือขออนุญาต-จองล่วงหน้า/ ตดิ ตอ่ ผู้ดแู ลสถานที่
2. สำรวจอปุ กรณ์ ⏩ เครือ่ งมอื โสตฯ/ เคร่ืองปรบั อากาศ/ เครอื่ งเขียน/ ปล๊กั ไฟ / ทดสอบการใช้งาน
3. ดแู ลความสะอาด ⏩ ทำความสะอาดสถานที่จัดการสัมมนาใหส้ ะอาดเรียบรอ้ ย
4. จัดเตรียมสถานที่ ⏩ ควรกระทำกอ่ นล่วงหน้าก่อนการจดั สัมมนา 1 วนั เช่น
➢จัดกระถางตน้ ไม้
➢จดั เตรยี มเวที ตดิ อักษรชอ่ื บนฉาก – ผา้ มา่ นบนเวที
➢จัดวางโต๊ะ+ผ้าปูโต๊ะ เก้าอี้ แท่นบรรยายสำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนา วิทยากร ประธาน เปิดงาน โต๊ะ
ลงทะเบยี น ฯลฯ
➢ตดิ ตัง้ ไมโครโฟน คอมพวิ เตอร์ โปรเจคเตอร์+จอภาพ เครอื่ งฉาย ฯลฯ
➢เตรยี ม-ต้งั แผ่นป้ายชื่อวิทยากร
➢ตดิ ปา้ ยชื่อฝา่ ยตา่ ง ๆ ตดิ สญั ลักษณ์เส้นทางการเขา้ สหู่ อ้ งสมั มนา หอ้ งน้ำ-สขุ า
➢ถ้าเป็นพิธีการ จะต้องตั้งโต๊ะหมู่บูชา ประดับธงชาติไทย พระบรมฉายาลักษณ์ โดย วางไว้มุมขวา
ของเวที
5. ตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่และอุปกรณ์ ⏩ ตรวจสอบอุปกรณ์ ป้ายต่าง ๆ ที่ใช้ในการ
สมั มนาใหเ้ รียบร้อย
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 40
วตั ถปุ ระสงค์การจดั สถานทีส่ มั มนา
วตั ถุประสงคก์ ารจัดสถานทีส่ มั มนามีดังน้ี
• เพอ่ื ให้การดาเนินการในการจดั สมั มนาดาเนินการไปอยา่ งราบรนื่ ประสบความสาเรจ็ พบขอ้ บกพร่องน้อยทส่ี ดุ ในการ
1. จดั สมั มนา
• เพื่อสรา้ งบรรยากาศภายในหอ้ งสัมมนา และบริเวณรอบอาคารสถานทใ่ี ห้เกิดความนา่ สนใจสอดคลอ้ งกับเร่อื งทีจ่ ัด
2. สมั มนา
• เพื่อสร้างความภาคภมู ใิ จใหเ้ กิดแก่ผ้เู ขา้ รว่ มสมั มนา ผู้จดั หรือเจ้าภาพในการจดั
3.
ขอ้ มูลประกอบการพิจารณาในการจดั สถานทส่ี ัมมนา
ผ้ดู ำเนินการจดั สมั มนาหรือผู้ทม่ี หี นา้ ท่ีจัดสถานที่ จะตอ้ งประสานไปยงั ฝ่ายท่เี ก่ยี วข้อง ได้แก่ ประธาน
เลขานกุ าร งานทะเบียน สวัสดกิ าร เพอ่ื หาข้อมูลประกอบการจดั สถานที่ ดังน้ี
1. จำนวนผเู้ ขา้ ร่วมสัมมนาทัง้ หมด ⏩จดั ทน่ี ่ัง / จดั ห้องสมั มนา
2. จำนวนและขนาดของหอ้ งทีใ่ ช้สัมมนา ⏩ จดั ให้เหมาะสมกับจำนวนคน
3. สถานที่ตั้งของห้องสัมมนาหรือห้องประชุม ⏩ เดินทางสะดวก/ เป็นที่รู้จัก/ อาคาร ชั้น ห้อง
ระบุให้ละเอยี ด/ ทำป้ายเดินทางเข้าสหู่ ้องสัมมนา/ มีแผนทป่ี ระกอบ
4. หอ้ งสมั มนา/ ห้องรบั รอง/ หอ้ งน้ำ⏩ ควรอยบู่ รเิ วณใกลก้ ัน
5. หอ้ งสมั มนาควรเปน็ เอกเทศ ⏩ ไม่มีกล่นิ แสง เสยี งรบกวน
6. มอี ากาศถา่ ยเทสะดวก ⏩ อุณหภูมิ แสงสว่าง ระบบเสียง ทเี่ หมาะสม
7. เครื่องอำนวยความสะดวก ⏩จัดหาระบบโสตทัศนูปกรณ์ และเครื่องมอื ทจ่ี าเป็นพร้อมผู้ดูแล
8. จัดทำผังหอ้ งสมั มนา ⏩ ตดิ ลกู ศรชท้ี างเขา้ -ออก/ ตดิ ปา้ ยชื่อหอ้ งใหช้ ัดเจน
9. จดั เตรยี มป้ายช่อื ⏩ วทิ ยากร / ประธาน / ป้ายรบั ลงทะเบยี น / ป้ายฝา่ ยประชาสัมพนั ธ์ ฯลฯ
10. วางแผนออกแบบเวทีสมั มนา
รูปแบบการจดั หอ้ งสมั มนา
การจัดสานที่สาหรับการสัมมนา อาจจะมีการจัดรูปแบบต่างๆ กัน ซึ่งควรจะจัดให้วิทยากรมองเห็น
ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคน เว้นช่องทางเดินสะดวก คล่องตัว ไม่แคบจนเกินไป บรรยากาศดี เย็นสบาย สะอาด
สามารถจดั ไดห้ ลายแบบตามความเหมาะสม หรือตามความนิยม โดยยดึ ความสะดวกเปน็ หลัก
ห้องขนาดใหญ่ สำหรับผู้เข้าร่วมสัมมนาที่มีปริมาณมาก จัดโต๊ะวิทยากรไว้ด้านหน้าสูงกว่าโต๊ะ
ผู้เข้าร่วมสัมมนา ห้องสัมมนาขนาดกลาง ผู้เข้าร่วมสัมมนา 30-50 คน ประยุกต์ใช้จากห้องสัมมนาขนาดใหญ่
โดยกั้นจากห้องใหญ่สามารถป้องกันเสียงรบกวนจากห้องอื่นได้ หรือประยุกต์จากรูปแบบขนาดเล็ก
ห้องสมั มนาขนาดเล็ก ผูเ้ ข้าร่วมสัมมนา 10-20 คน
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 41
ดังนั้น การจัดรูปแบบห้องสัมมนาควรพิจารณาจากขนาดของห้องและจำนวนผู้เข้าร่วมสัมมนา และ
สามารถวางรูปแบบได้ดังตอ่ ไปน้ี
1. การจัดที่นั่งแบบห้องเรียน เป็นการจัดที่นั่งเรียงเป็นแถว วิทยากรยืนบรรยาย หรือนั่งบรรยายอยู่
ด้านหน้า ซึ่ง นิยมจัดให้สูงกว่าผู้ฟังเพื่อจะได้เห็นผู้บรรยายโดยทั่วกัน การจัดแบบห้องเรียนเหมาะส ำหรับ
การบรรยายทม่ี ผี เู้ ข้ารบั การฝกึ อบรมจำนวนมาก ๆ
2. การจัดที่นั่งแบบวงกลม ใช้กับเทคนิคสัมมนาที่ต้องการให้สมาชิกได้อภิปราย หรือแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นกนั เช่น การประชุมกลมุ่ ย่อย การสมั มนา การระดมสมอง ฯลฯ
3. การจดั ทีน่ งั่ แบบรูปตัวยู ใชก้ บั เทคนคิ การสัมมนา ท่ตี ้องการใหส้ มาชิกได้อภิปรายและแลกเปล่ียน
ความคิดเหน็ หรอื ใชส้ าหรับการสาธิต
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 42
4. การจัดที่นั่งแบบสี่เหลี่ยม ใช้กับเทคนิคการสัมมนา ที่ต้องการให้สมาชิกได้อภิปรายแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็นกันเช่นเดียวกับการจัดท่นี ัง่ แบบวงกลม
5. การจัดที่นัง่ แบบรปู ตัววี ใช้กับเทคนิคการฝึกอบรมที่ตอ้ งการใหส้ มาชิกอภิปรายแลกเปลี่ยนความ
คดิ เหน็ กัน (อีกแบบหนง่ึ )
6. การจัดทน่ี ัง่ บนเวที การจดั ทนี่ ั่งบนเวทีสาหรบั วทิ ยากรหลายคน อาจจดั ทน่ี ่ังได้หลายแบบ ดังน้ี
การจัดโตะ๊ หมบู่ ูชา
การจัดที่ประชุมขนาดใหญ่และเป็นพิธีการสิ่งที่จะขาดไม่ได้ คือ ธงชาติ โต๊ะหมู่บูชา และ
พระบรมฉายาลักษณ์ โดยมีหลักที่ถูกต้อง คือ จัดวางด้านขวาของเวที หันหน้าเข้าหาผู้ร่วมสัมมนา ธงชาติอยู่
ด้านขวาของโต๊ะหมู่บูชา พระบรมฉายาลักษณ์ตั้งไว้ด้านขวาของโต๊ะหมู่บูชา โต๊ะหมู่บูชา วางรูปพระพุทธรูป
เทียนคู่ กระถางธปู จากดา้ นบนตามลาดบั และโตะ๊ กราบ-หมอนรองเขา่ ธูปทอ่ี ยู่บนกระถางควรทาน้ำมัน หรือ
ยาหม่องจะช่วยให้ติดไฟง่าย เตรียมไม้ขีดไฟ เทียนติดปลายไม้ สำหรับจุดไฟให้ประธานจุดธูปและเทียน
ขอ้ สังเกตในการจัดโตะ๊ หม่บู ชู า
1. เชิงเทยี นและแจกนั ดอกไม้จดั เป็นจานวนคู่เสมอ
2. พานดอกไม้จดั เปน็ จานวนคีเ่ สมอ
3. เชงิ เทียน 1 คู่ จดั ไวก้ ับกระถางธปู เสมอ
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 43
โต๊ะหมู่บูชาที่นิยมจัดกันอยู่เป็นประจำทั่วไป คือ โต๊ะหมู่บูชา 5 โต๊ะหมู่บูชา 7 และโต๊ะหมู่บูชา 9
เครื่องตั้งกม็ ีจำนวนตามหมู่ของโต๊ะ วิธจี ัดมดี งั นี้ (โรม สุรเสน, 2530, หนา้ 1-7)
โต๊ะหมูบ่ ชู า 5 โตะ๊ หมู่บชู า 5 มเี คร่ืองประกอบดงั นี้
o พระพทุ ธรปู (พระ) 1 องค์
o แจกนั (จ) 1 คู่
o เชิงเทียน (ช) 1 คู่
o พานดอกไม้ (พ) 3 พาน
o กระถางธูป (ถ) 1 ที่
โตะ๊ หม่บู ูชา 7 โตะ๊ หมู่บชู า 7 มเี คร่อื งประกอบดงั น้ี
o พระพทุ ธรปู 1 องค์
o แจกัน 1 คู่
o เชงิ เทียน 1 คู่
o พานดอกไม้ 3 พาน
o กระถางธูป 1 ที่
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 44
โตะ๊ หมบู่ ูชา 9 โตะ๊ หมู่บูชา 9 มีเครื่องประกอบดงั น้ี
o พระพุทธรูป 1 องค์
o แจกนั 1 คู่
o เชงิ เทียน 1 คู่
o พานดอกไม้ 3 พาน
o กระถางธูป 1 ท่ี
การจดั โตะ๊ ประธานหรอื วิทยากร
การจัดโต๊ะประธานหรือวิทยากร จัดวางไว้กลางเวที (จัดตามจำนวนวิทยากร กรณีที่วิทยากรพร้อม
นำเสนอพร้อมกัน) จะใช้โต๊ะ หรือแท่นบรรยาย ถ้าวิทยากรบรรยายคนละเวลา ควรจัดโต๊ะรับแขกไว้อกี 1 ชุด
ด้านซ้ายของเวทีปูผ้าโต๊ะ/ จัดไมโครโฟนตามจำนวนวิทยากร/ มีแจกันดอกไม้ติด/ เปลี่ยนป้ายช่ือวิทยากรให้
ตรงกับทีน่ ่ัง (ให้ตงั้ หลงั จากพิธเี ปิด) ในพธิ ปี ิดเปลยี่ นปา้ ยช่ือวิทยากรเปน็ ชอื่ ประธาน
ภาพการจัดโตะ๊ ประธานหรอื วิทยากร 45
ทม่ี า: https://www.facebook.com/www.organizer.co.th/photos/a.1766901
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique)