คุณลกั ษณะ 6 ประการของผู้นำ (Six Traits That Differentiate Leaders from Nonreaders)
1. มีแรงกระตุ้น (Drive) ผู้นำจะต้องมีแรงกระตุ้นที่จะทำงานให้สำเร็จ มีความอยาก มากด้วยพลังผลัก
คัน ทำงานอย่างไม่รู้เหนด็ เหน่ือย และแสดงความคดิ ริเริม่
2. อยากเป็นผู้นำ (Desire to lead) ผู้นำต้องอยากนำคนอื่น และแสดงออกมาให้รู้ อีกทั้งต้องมี
ความรับผิดชอบ
3. ชื่อสัตย์และมีคุณธรรม (Honesty and Integrity) ผู้นำจะต้องสร้างความน่าเชื่อถือและ
ความไวว้ างใจระหวา่ งเขากับผตู้ ามโดยมคี วามสตั ย์ซื่อ และพูดคำไหนเป็นคำนั้น
4. มีความมั่นใจในตัวเอง (Self-confidence) ผู้ตามหาผู้นำเพราะตัวเองไม่มีความมั่นใจ ดังนั้น ผู้นำ
ตอ้ งมคี วามมนั่ ใจในตวั เองและแสดงออกและชกั จูงใหผ้ ู้ตามไปในจดุ มุ่งหมายและการตดั สินใจที่ถกู ต้อง
5. ความเฉลียวฉลาด (Intelligence) ผู้นำจะต้องรับข่าวสารข้อมูลมากมาย ดังนั้น เขาจะต้องมี
ความสามารถในการสรา้ งวิสัยทัศน์ แกป้ ัญหา และตัดสินใจให้ถูกต้อง
6. การรู้งาน (Job-relevant Knowledge) ผู้นำที่เก่งจะต้องมีความรู้ลึกในบริษัทตนเอง คู่แข่ง
เทคโนโลยี เพือ่ การตดั สินใจที่ถกู ต้อง
หลังจากทฤษฎบี ุคลิกภาพทมี่ ีอยู่มากมายต่างกนั 1 ซ่ึงเป็นลักษณะประจำตัวของแต่ละคน ลักษณะทางใจ
และทางอารมณ์ อาจจะกลา่ วได้ว่าบุคลิกภาพประกอบดว้ ยรปู สมบัติ และคณุ สมบตั ติ า่ ง ๆ เช่น ความกระตือรือร้น
ความซอ่ื สัตย์ เป็นต้น
คณุ ลกั ษณะของบุคลิกภาพผูน้ ำเสนอที่ดี
ลักษณะนิสัยท่ีผสมผสานกันเป็นบุคลิกภาพที่สะดุดตาสะดดุ ใจลกู ค้าได้แก่ ลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ลักษณะ
ท่าทาง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย การแต่งตัว น้ำเสียงและนิสัยในการสนทนา กิริยามารยาทและธรรมเนียมปฏิบัติ
เปน็ ต้น
1. ลกั ษณะทา่ ทาง (Appearance)
ความสุภาพและร่าเริงเป็นคุณสมบัติพื้นฐานสำหรับความสำเร็จในการขาย ความสุภาพจะแสดงความ
นับถือและเห็นใจบุคคลอื่น นักขายที่เก่งจะต้องพยายามสร้างความประทับใจแต่แรกพบ จะเกิดจากบุคลิกภาพ
ภายนอก เชน่
o รปู รา่ งหน้าตา การแต่งกาย การพดู จา และการแสดงออกทางสหี นา้ ซึง่ จะก่อให้เกดิ ความเช่ือม่ัน
ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญไปส่คู วามสำเร็จ
2. รกั และสนใจคนอน่ื (Liking for and Interest in People)
ความเหน็ อกเห็นใจเป็นความสามารถท่ีผนู้ ำเสนอจะเข้าใจถึงความรู้สึกความต้องการ และปัญหาของผู้ฟัง
ดีขึ้นเท่าใดก็จะสามารถทำให้ผู้ฟังพอใจมากเท่านั้น ความเห็นอกเห็นใจจะมีความสัมพันธ์กับความสนใจ ซ่ึง
หมายถึง การคดิ ในรูปผลประโยชน์ของผู้ฟงั โดยทวั่ ไปลกู คา้ จะชน่ื ชอบทนี่ ักขายให้ความสนใชแ่ ละมีการตอบสนอง
ด้วยดี บุคคลที่ไม่ซอบหรือไม่เชื่อถือคนอื่นจะประสบผลสำเร็จในงานได้ยาก ความรักบุคคลอื่นอย่างแท้จริงเป็น
คณุ สมบตั ทิ ใี่ ห้ผนู้ ำเสนองานได้รบั ผลสำเร็จ
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 96
3. ความแนบเนยี นและยับยั้งชงั่ ใจ (Tact and Poise)
ความแนบเนียน คือ น้ำเสียงและนิสัยในการสนทนา กล่าวคือ การพูดและการกระทำให้ถูกกาลเทศะบน
พ้ืนฐานที่มองคนอน่ื ในแง่ดีและมคี วามเห็นอกเหน็ ใจ น้ำเสยี งในการพดู และคำพดู ทีร่ ื่นรมยจ์ ะช่วยเสริมการนำเสนอ
งานให้มีประสิทธิภาพ ในทางตรงขา้ มน้ำเสียงและคำพดู ท่ีไม่เหมาะสมจะเป็นอุปสรรคต่อการนำเสนองาน หลักใน
การพูดให้เป็นที่พอใจได้แก่ ประการแรกต้องไม่พูดเร็วหรือข้าเกินไป ประการที่สอง หลีกเลี่ยงจากการพูดใน
รูปแบบที่น่าเบื่อ และมีเสียงระดับเดียวกัน และประการสุดท้ายคือต้องหลีกเลี่ยงจากการพูดเสียงดังหรือค่อย
เกินไป
สำหรบั ความยบั ยัง้ ช่งั ใจ คอื การควบคมุ อารมณ์ของตนใหเ้ ป็นปกติได้ในทุกสถานการณ์ ความยับย้ังชั่งใจ
ทำให้ไม่พูดถอ้ ยคำไม่สมควร ทำให้ไมเ่ กิดอารมณ์เสีย
4. กริ ยิ ามารยาทและธรรมนยี มปฏบิ ตั ิ (Manners and Mannerisms)
กิริยามารยาทที่นักขายไม่ควรกระทำให้ผู้อื่นรำคาญ เช่น เกาศีรษะบ่อย ๆ ถูมือไปมา ดึงเนคไทเล่น
สง่ิ เหลา่ น้ีซง่ึ เกิดจากความตน่ื เต้น หรือการปรับตัวไมท่ ันเทา่ ที่ควร ดังน้ันความสภุ าพและกริ ยิ ามารยาทที่ดีเป็นสิ่งท่ี
เป็นประโยชน์ จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของนกั ขายในสายตาของลูกค้า สง่ิ ต่อไปนีเ้ ปน็ สิง่ ท่ีผนู้ ำเสนองานควรกระทำ
คือ การแสดงความเคารพโดยการยกมือไหว้ด้วยความอ่อนน้อม ส่วนกรณีลูกค้าต่างชาติก็ควรใช้การจับมือ
ดงั นัน้ จงึ ควรส่อื ความอบอุ่น ความเอาใจใส่ และควรใช้สายตาสบตาลกู คา้ ในการแสดงความเคารพ
การพฒั นาบุคลิกภาพเพอ่ื ความสำเร็จในการนำเสนอ
บุคลิกภาพของแต่ละบุคคลมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวในอาชีพของบุคคลน้ัน ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการนำเสนองานซึ่งผู้นำเสนองานจำเป็นต้องสร้างความศรัทธาเชื่อถือในตนเองให้ได้ก่อน
บุคลิกภาพเป็นสิ่งที่สามารถเสริมสร้างพัฒนาให้ดีขึ้น โดยการเรียนรู้ฝึกอบรม และการปฏิบัติฝึกซ้อม ทั้งนี้
ผู้นำเสนองานจะต้องวิเคราะห์ตนเองว่าควรปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง คุณสมบัติที่ช่วยเสริมสร้างงานอาชีพ คือ
ความกระฉับกระเฉง ความกระตือรือร้น จินตนาการและความจำ คุณสมบัติเหล่านี้มีความสำคัญในความสำเร็จ
ตามความมุ่งหมายทางอาชีพ
ความกระฉับกระเฉงและความกระตอื รอื ร้น
ความกระฉับกระเฉงและความกระตือรือร้น คือ ผู้ที่กระทำตามแผนที่วางไว้อย่างรวดเร็ว ทันทีโดยไม่
ชักช้า ความกระตือรือรันเป็นทรัพย์อันทรงค่าสำคัญยิ่งในการนำเสนองาน ความกระฉับกระเฉงและความ
กระตือรือร้น เป็นพลังอันสำคัญยิ่งที่ช่วยให้ชนะอุปสรรคนานาประการต้องถือว่านี่เป็นส่วนหนึ่ งของ
การนำเสนองาน
จนิ ตนาการ
จินตนาการ คือ ความสามารถในการใช้ประสบการณ์ ซึ่งพัฒนาเป็นความคิดใหม่ ๆ หรือความสามารถที่
นำความคิดใหม่ ๆ เข้าใช้ในงานด้านต่าง ๆ เช่น R & D ด้านผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การบริการ การจัดวางสินค้า
เขียนคำโฆษณา
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 97
ความจำดี
ความจำดี เปน็ คณุ สมบตั ิทพี่ ัฒนาให้ดีขน้ึ ได้ การมคี วามจำดกี ็เป็นความจำเปน็ อย่างย่ิงต่อการนำเสนองาน
วิธีง่ายที่ช่วยความจำ เช่น มีสมาธิในสิ่งที่จะจำอย่างจริงจัง เตือนความจำอยู่เสมอด้วยการจดบันทึก จดจำสิ่งท่ี
สำคัญและเสริมสร้างความสนใจในสิ่งท่ีต้องการจำ
ทำตวั ใหส้ งา่ งาม
ความประทับใจที่บุคคลหนึ่งเห็นครั้งแรกส่วนใหญ่มักมองดูกันที่ปรากฏกาย นี่เป็นความจริงทั้งในวงการ
สังคมและธุรกิจ ทำตัวให้สง่างาม คือ ความสะอาดทั้งร่างกายและเสื้อผ้า เพราะเป็นจุดแสดงแก่ผู้ชมหรือผู้ฟังอยู่
เสมอ นอกจากนั้น ควรฝึกกายบริหาร พยายามรักษาทรวดทรงและน้ำหนักตัวเสมอ พึงจำว่าการแต่งกายดี เป็น
การแต่งกายสุภาพ สะอาด ประหยดั และประณตี
เคร่ืองแต่งกายของบุรษุ และสตรี
การแต่งกายของชายนั้น ประกอบด้วย เสื้อเชิ้ต เสื้อนอก เข็มขัด กางเกง รองเท้า เนคไท และ
เครื่องประดับอื่น ผู้นำเสนองานควรแต่งกายให้ทันสมัยเหมาะแก่งานเฉพาะประเภทของตน ควรเลือก
เครื่องประดับให้เข้ากับเครื่องแต่งกายให้มีท่าทางดูสง่า รสนิยมที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเครื่องแต่งกายก็ส่งผลถึง
การสรา้ งความเขา้ ใจได้เช่นกัน
การแต่งกายของสตรีนั้น ประกอบด้วย เสื้อผ้า ถุงน่อง รองเท้า เครื่องประดับอื่น ๆ เช่น เพชร ทอง เข็ม
ขดั กระเป๋าถือ ก็ควรเลอื กระมัดระวังให้เข้ากันไดก้ ับรูปรา่ งและเคร่ืองแตง่ กาย ในบางคร้งั ตอ้ งสวมแบบฟอรม์ ควร
เลือกสเี ทา กรมท่า หรอื อนื่ ๆ เพอื่ ทำให้สบายใจและดงึ ดดู สายตาผู้จะซอ้ื พลอย
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 98
สรุป
บุคลิกภาพ (Personality) หมายรวมถึง ลักษณะที่สำคัญต่อการปรับตัวของบคุ คล ได้แก่ หน้าตา ท่าทาง
ความสามารถ แรงจูงใจ และการแสดงออกทางอารณแ์ ละผลทเี่ กดิ จากประสบการณ์
ทฤษฎบี ุคลกิ ภาพของจงุ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื 1. บคุ คลประเภทชอบสังคม (Introvert) 2. บุคคล
ประเภทเก็บตัว (Extrovert) คุณลักษณะของบุคลิกภาพผู้นำเสนอที่ดี เป็นลักษณะนิสัยที่ผสมผสานกันเป็น
บุคลิกภาพที่สะดุดตาสะดุดใจผู้ฟัง ได้แก่ ลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ ลักษณะท่าทาง รักและสนใจคนอื่น
ความแนบเนียนและยบั ยั้งชั่งใจ กิรยิ ามารยาทและธรรมเนยี มปฏิบตั ิ
***************************************
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 99
แบบฝึกหดั หนว่ ยท่ี 8 บคุ ลกิ ภาพของผู้นำเสนองาน
คำชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ใี ห้ถกู ต้อง
1. บคุ ลกิ ภาพหมายถงึ อะไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2. จงอธิบายความหมายของบคุ ลกิ ภาพภายนอก พร้อมยกตวั อย่างประกอบ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
3. จงอธบิ ายความหมายของบคุ ลิกภาพภายใน พร้อมยกตวั อย่างประกอบ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
4. ทฤษฎีบคุ ลกิ ภาพของจงุ (Carl G. Jung, ค.ศ.1875-1961) แบง่ บคุ ลกิ ภาพของคนเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
....................................................................................................................................................................... .............
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
5. คณุ ลักษณะ 6 ประการของผู้นำ (Six Traits That Differentiate Leaders from Nonreaders) ประกอบด้วย
คุณลักษณะใดบ้าง
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................... .........
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
6. บุคลิกภาพในการนำเสนองานมคี วามสำคัญอยา่ งไร
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................ ........
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 100
7. คณุ ลกั ษณะของบุคลิกภาพผูน้ ำเสนอท่ีดี ควรมีลักษณะใดบ้าง
....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................. ...................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................... .................................................
8. หากนกั เรียนเป็นผนู้ ำเสนองาน นักเรยี นจะมวี ธิ ีการแต่งกายอยา่ งไรให้เหมาะสมกับเพศของตนเอง
....................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................. ......................................
....................................................................................................................................................................................
9. บุคลกิ แบบกลางๆ (ambivert) คือบคุ คลท่ีมีลกั ษณะแบบใด
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
10. หากนกั เรยี นเกิดความไม่พอใจขณะนำเสนองาน นกั เรยี นจะมีวธิ ียับย้งั ชงั่ ใจหรือวิธรี ะงับอารมณ์อยา่ งไร
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 101
หนว่ ยท่ี 9
การนำเสนอผลงาน
การนำเสนอผลงานเป็นทักษะการสื่อสารที่จำเป็น เนื่องจากบ่อยครั้งที่เราต้องเผชิญกับการพูดต่อหน้า
ผู้อน่ื เชน่ การนำเสนองานหน้าชัน้ เรียน การนำเสนอต่อทปี่ ระชุม การเสนอโครงการเพื่อดำเนินงานต่าง ๆ รวมถึง
การนำเสนอข้อมูลจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ดงั น้ัน ทกุ คนจงึ ควรฝึกฝนทักษะในการนำเสนอผลงาน เพ่ือให้เกิด
ความชำนาญ และเกดิ ประสทิ ธภิ าพในการนำเสนอ
ความหมายของการนำเสนอผลงาน
ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. 2542 ใหค้ วามหมายว่า
การนำเสนอ หมายถึง การเผยแพร่สงิ่ อันเป็นคุณประโยชน์ เพื่อสาธารณชนไดร้ บั รแู้ ละเกิดความเข้าใจใน
คณุ คา่ ตอ่ สงิ่ นนั้ อย่างแท้จริง
ผลงาน หมายถงึ ผลของการศกึ ษาคน้ คว้าหรือกระทำอยา่ งใดอย่างหน่ึงจนกระทั่งเกดิ ผลผลติ ที่สัมฤทธิผล
เปน็ รปู ธรรมขนึ้ มา
การนำเสนอผลงาน หมายถึง การเผยแพร่ผลผลิตที่กระทำโดยวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งจนประสบ
ผลสำเร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้และเกิดความเข้าใจในคุณค่าหรือคุณประโยชน์ของผลผลิตจาก
งานท่ีทำนั้น ๆ
ภาพการนำเสนอผลงานโดยนักเรียน
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=SI6GvMvvypc
จุดมุ่งหมายในการนำเสนอผลงาน
โดยทั่วไปการนำเสนอผลงานควรจะมุ่งเน้นในวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจง ไม่ควรนำเสนอด้วย
วตั ถปุ ระสงค์ที่มากมายหลายด้าน เพราะจะเป็นเหตุให้ไม่สามารถบรรลผุ ลได้อย่างแทจ้ ริง การนำเสนอผลงานเป็น
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 102
ระบบการสื่อสารที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อกระบวนการปฏิบัติงานในหน่วยงานทุกองค์กร
ซ่งึ ส่วนใหญม่ ักนำไปใชด้ ้วยจดุ ม่งุ หมายอยา่ งใดอย่างหน่ึง ดงั น้ี
1. เพือ่ บอกเลา่ เปน็ การนำเสนอเรือ่ งราวท่ีเปน็ ข้อเทจ็ จริงหรอื ขอ้ คดิ เห็นท่ีเปน็ ประโยชน์ใหผ้ ฟู้ ังรับทราบ
2. เพอ่ื โนม้ น้าวใจ เป็นการนำเสนอข้อมลู เพื่อกระต้นุ ให้ผ้ฟู งั เช่ือ หรือปฏิบตั ิตามสิง่ ทผ่ี พู้ ูดนำเสนอ
3. เพื่อให้ความรู้ เป็นการนำเสนอข้อมูลเชิงวิชาการอาจเป็นความรู้ทั่วไปหรือความรู้เฉพาะทาง เพ่ือ
เสรมิ สรา้ งสตปิ ัญญา
4. เพ่ือให้เกิดความเข้าใจ เป็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบยี บ หรือวธิ ปี ฏิบัติทจ่ี ำเป็นเพ่ือทุกคนท่ี
เกย่ี วข้องจะไดม้ คี วามเข้าใจตรงกนั และปฏิบัตงิ านไดอ้ ย่างถกู ต้อง
5. เพื่อให้พิจารณา เป็นการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับงานในหน้าที่ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณา
ตดั สินใจ
ประเภทของการนำเสนอผลงาน
การนำเสนอผลงานเปน็ การสื่อสารทีม่ ีความแตกต่างกันในทางปฏิบัติ วัตถุประสงค์ของการนำเสนอ และ
ความต้องการของผู้รับการนำเสนอ การแบ่งประเภทของการนำเสนอแบ่งตามวิธีการที่ใช้ในการนำเสนอ ดงั นี้
1. การนำเสนอด้วยการจดั แสดงนิทรรศการ
ภาพการนำเสนอด้วยการจดั นทิ รรศการ
ท่มี า: https://www2.opdc.go.th/page.php?url=tab_view&cat=N&id=1062
2. การนำเสนอดว้ ยการแสดงประกอบการบรรยาย การนำเสนอลักษณะน้ีมักเป็นผลงานที่เนือ้ หาต้องใช้
กรรมวิธีในการสาธติ ให้ผู้ฟังได้ดู เวลานำเสนอจะต้องเรียบเรียงลำดับขน้ั ตอนให้ถูกต้อง มีการอธิบายประกอบในแต่
ละขน้ั ตอ้ งมคี วามชัดเจนและสอดคล้องกนั ส่วนใหญใ่ ชก้ ับผลงานที่เป็นสง่ิ ประดิษฐข์ องคนรุน่ ใหม่ ข้อเสนอแนะ
คอื ควรมีเอกสารประกอบการสาธติ ใหผ้ ้ชู มได้ศกึ ษาไปพร้อม ๆ กัน
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 103
ภาพการนำเสนอด้วยการแสดงประกอบการบรรยาย
ที่มา: http://www.geocities.ws/thaweesak/index1.html
3. การนำเสนอดว้ ยสื่อประกอบการบรรยาย
ภาพการนำเสนอดว้ ยสอื่ ประกอบการบรรยาย
ท่ีมา: https://www.tistr.or.th/tistrblog/?p=2357
4. การนำเสนอด้วยวิธีการผสมผสาน การนำเสนองานลักษณะนี้อาจใช้ส่ือประกอบหลายประเภทเข้ามา
ช่วยในขณะท่นี ำเสนอ ได้แก่ สื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ ส่ือของจรงิ ส่อื เคล่ือนไหว ประกอบการบรรยาย มกั เป็นผลงานที่มี
เนื้อหาค่อนขา้ งซบั ซ้อน มีอปุ กรณป์ ระกอบหลายช้นิ ต้องใชก้ รรมวิธีในการสาธติ หลายข้ันตอน
ภาพการนำเสนอด้วยวิธีการผสมผสาน 104
ทีม่ า: https://sites.google.com/a/petkasem.ac.th/
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique)
คณุ สมบตั ิท่ีดขี องผ้นู ำเสนอผลงาน
การนำเสนองานคุณสมบัติอันเป็นลักษณะประจำตัวของผู้นำเสนอผลงานถือว่าเป็นส่วนสำคัญของ
ความสำเร็จในการนำเสนอ เพราะคุณสมบัติของผู้นำเสนอจะมีอิทธิพลต่อการโน้มน้าวชักจูงให้ผู้ฟังเกิด
ความไว้วางใจเชื่อถือ ศรัทธาและยอมรับได้มากเท่ากับผลงานที่นำเสนอ ผู้นำเสนอที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่
จะมีคณุ สมบตั ิ ดังนี้
1. บคุ ลิกภาพดี มีความเชือ่ มั่นในตนเอง
2. ชา่ งสังเกต
3. มีไหวพริบปฏิภาณในการตอบคำถาม
4. มคี วามน่าเช่ือถือไว้วางใจได้
5. มคี วามรใู้ นเร่ืองท่ีนำเสนอ
6. มีจติ วิทยาในการโนม้ นา้ วใจ
7. มกี ารใช้โสตทัศนูปกรณ์ได้ดี
8. มีความสามารถในการพดู
ทกั ษะการเปน็ ผู้นำเสนอผลงาน
ผู้นำเสนอผลงานจะต้องศึกษาและฝึกฝนตนเองให้มีทกั ษะหลายดา้ น เพ่อื เตรยี มความพร้อมใน การ
เปน็ ผนู้ ำเสนอที่ดี เพราะผู้นำเสนอเปน็ ปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของการนำเสนอ โดยท่ัวไปผู้นำเสนอจะต้อง
เสรมิ สรา้ งทักษะดงั ต่อไปนี้
1. ทกั ษะในการคิด (conceptual skill) ผู้นำเสนอจะต้องเรยี นรู้ และ สร้างความชำนาญชัดเจนในการ
คดิ แมว้ า่ จะมีเน้ือหาสาระจากขอ้ มูลท่ีมอี ยู่ ผู้นำเสนอกจ็ ะต้องคดิ พิจารณาเลือกใชข้ อ้ มูล และลำดับความคดิ เพื่อ
จะนำเสนอให้เหมาะแกผ่ รู้ ับการนำเสนอ ระยะเวลา และโอกาส
2. ทักษะในการฟงั (listening skill) ผนู้ ำเสนอจะตอ้ งสดับรบั ฟงั และสั่งสมปัญญาเป็นการรอบรู้จาก
การได้ฟัง ผู้รู้และผเู้ ชย่ี วชาญในเร่อื งที่จะนำเสนอเพื่อนำมากล่ันกรอง เรียบเรียงเป็นเน้อื หาในการนำเสนอ
3. ทกั ษะในการพดู (speaking skill) ผูน้ ำเสนอจะต้องฝึกฝนการพดู เพื่อบอกเล่าเนอื่ งโนม้ นา้ วจูงใจ ให้
ผู้รับฟงั การนำเสนอเห็นด้วย อนั จะเป็นทางทำให้บรรลวุ ตั ถุประสงคข์ องการนำเสนอ
ลกั ษณะทด่ี ใี นการนำเสนอผลงาน
นอกจากการเลือกรูปแบบของการนำเสนอให้ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว จะต้องคำนึงถึงลักษณะของ
การนำเสนอที่จะช่วยให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ของการนำเสนอด้วย โดยทั่วไปลักษณะของการนำเสนอที่ดี
ควรมดี งั ต่อไปนี้
1. มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน กล่าวคือ มีความต้องการที่แน่ชัดว่า เสนอเพื่ออะไร โดยไม่ต้องให้ผู้รับ การ
นำเสนอตอ้ งถามวา่ ตอ้ งการใหพ้ ิจารณาอะไร
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 105
2. มีรปู แบบการนำเสนอเหมาะสม กลา่ วคอื มีความกระทัดรัดได้ใจความ เรยี งลำดบั ไม่สนใชภ้ าษาเข้าใจ
งา่ ย ใชต้ าราง แผนภูมิ แผนภาพ ชว่ ยใหพ้ ิจารณาขอ้ มูลไดส้ ะดวก
3. เนื้อหาสาระดี กล่าวคือ มีความน่าเชื่อถือ เที่ยงตรง ถูกต้อง สมบูรณ์ครบถ้วน ตรงตามความต้องการ
มขี ้อมูลท่เี ป็นปจั จุบันทันสมยั และมเี น้อื หาเพียงพอแก่การพิจารณา
4. มีข้อเสนอที่ดี กล่าวคือ มีข้อเสนอที่สมเหตูสมผล มีข้อพิจารณาเปรียบเทียบ ทางเลือกที่เห็นได้ชัด
เสนอแนะแนวทางปฏิบัตทิ ่ีชัดเจน
หลักการนำเสนอผลงาน
ในการนำเสนอผลงานเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม ผู้นำเสนอจะต้องพิจารณาถึงหลักการที่จะใช้เป็นข้อ
ยดึ ถอื เพราะฉะนนั้ จงึ ต้องพิจารณาหลกั การนำเสนอผลงาน ดงั นี้
1. ทำความเข้าใจเนอื้ หาทจี่ ะนำเสนอเป็นอย่างดี
ผู้นำเสนอตอ้ งมีความรู้ความเขา้ ใจในเนือ้ หาทีจ่ ะนำเสนอเปน็ อย่างดีพร้อมกบั เตรียมข้อมลู สำหรับการ
ตอบคำถามจากผู้ฟัง ผู้พูดที่มีความรู้ ความเข้าใจเนื้อหาเป็นอย่างดี จะเกิดความมั่นใจในการพูด ทำให้ผู้ฟังเกิด
ความเช่ือถอื ศรทั ธา
2. เตรียมโครงเรือ่ งท่จี ะนำเสนอ ซง่ึ ควรครอบคลมุ ประเดน็ สำคัญ ดงั น้ี
ชอื่ ผลงาน
ชือ่ ผ้ดู ำเนินงาน
ชอื่ ครูท่ีปรกึ ษา
ความเป็นมาและความสำคัญของการทำผลงาน
วตั ถุประสงคใ์ นการทำผลงาน
วธิ ดี ำเนินงาน
ผลท่ไี ด้จากการดำเนนิ งาน
ข้อสงั เกตและข้อมลู เดน่ ๆ ท่ไี ด้จากการดำเนนิ งาน
3. จัดความคดิ ใหเ้ ป็นระบบ
จัดความคิดเห็นให้เป็นระบบ นำเสนอข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาตามโครงเรื่องที่วางไว้ด้วยภาษาท่ี
ชัดเจน เขา้ ใจง่าย และใชภ้ าษาทเี่ ปน็ ทางการหรือกึ่งทางการในการนำเสนอ
4. เตรยี มบคุ ลกิ ให้น่าเชื่อถือ
เตรียมบุคลิกให้น่าเชื่อถือ “บุคลิกดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” ดังนั้น ผู้นำเสนอจึงควรสำรวจตัวเองเพื่อเตรียม
ความพรอ้ มใหก้ บั ตนเอง เช่น หนา้ ตา ทรงผม เครือ่ งแตง่ กาย ให้อย่ใู นสภาพสภุ าพ เรยี บร้อย
5. กลา่ วคำวา่ “สวัสดี” เพ่ือทักทายผู้ฟัง
กล่าวคำทักทายผู้ฟัง โดยเริ่มจากผู้อาวุโสที่สุดในที่นั้นก่อน แล้วเรียงลำดับผู้อาวุโสรองลงมา จากนั้น
แนะนำตนเอง แนะนำสมาขกิ ในกลุ่ม และแนะนำผลงานตามโครงเรื่องที่เตรยี มไว้
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 106
6. พูดอยา่ งมีจังหวะ
พูดอย่างมีจังหวะ ออกเสียงถูกต้อง เสียงควบกล้ำชัดเจน ตั้งสติ ไม่ตื่นเต้นจนเกินไป หากตื่นเต้นให้
หายใจเข้าลกึ ๆ แลว้ ค่อยผอ่ นออกชา้ ๆ ความต่ืนเต้นจะทำให้เสียงส่ัน พดู เรว็ ตะกกุ ตะกัก หรอื พดู ผิดได้
7. ไม่อ่านจากตน้ ฉบบั ท่เี ตรียมไว้
การนำเสนอไม่ควรอ่านจากตน้ ฉบับทเ่ี ตรียมไว้ เพราะจะทำให้น่าเบ่ือ แต่ควรจดเฉพาะหัวข้อสำคัญไว้
เพอ่ื ช่วยเตือนความทรงจำขณะนำเสนอ หอ้ ธบิ ายตามความเขา้ ใจ ไม่อา่ นหรอื พดู แบบท่องจำ
8. ใชอ้ วจั นภาษาประกอบการพูด
ใช้อวัจนภาษาประกอบการพูดตามความเหมาะสม ไม่ยืนนิ่งเพียงท่าเดียว หรือเดินวนไปมาจนผู้ฟัง
รำคาญ สบตาผู้ฟงั อยา่ งท่ัวถึง ฝึกใช้อปุ กรณต์ า่ ง ๆ ให้คลอ่ ง
9. มสี อ่ื ประกอบในการนำเสนอ
มสี ่ือประกอบในการนำเสนอ ผู้พูดจะตอ้ งฝึกใชส้ ่ือใหค้ ล่องก่อนการนำเสนอจริง เช่น การใช้ โปรแกรม
PowerPoint
10. รกั ษาเวลาในการนำเสนอตามทกี่ ำหนด
รักษาเวลาในการนำเสนอตามทกี่ ำหนดเพ่อื ให้การใช้เวลามปี ระสิทธิภาพ ควรมกี ารฝกึ ซ้อมเพ่อื จะได้ใช้
เวลาอยา่ งเหมาะสม
การเตรยี มการนำเสนอผลงาน
การจัดทำผลงานเมื่อต้องการนำออกแสดงเพื่อการสาธิต ผู้ที่จะต้องนำเสนอจะต้องเตรียมการนำเสนอ
ตามลำดับขั้นตอนตอ่ ไปนี้
1. การกำหนดจุดมุ่งหมายของการนำเสนอ
การนำเสนอจะต้องมจี ุดมุง่ หมายทีอ่ ยูบ่ นพืน้ ฐานของหลักการ ดังนี้
1.1 ต้องกอ่ ประโยชน์ทั้งต่อฝา่ ยผู้นำเสนอและผู้รบั การนำเสนอ
1.2 ต้องคำนึงถึงผรู้ บั การนำเสนอเป็นหลกั
1.3 ต้องมจี ดุ มงุ่ หมายทมี่ ีความเปน็ ไปได้
1.4 ต้องไมก่ ำหนดจดุ มุง่ หมายมากหลากหลายจนคลุมเครือ
1.5 ตอ้ งกำหนดจดุ มงุ่ หมายใหส้ อดคล้องกบั สถานการณ์
2. การเลอื กรปู แบบการนำเสนอ
การแสดงผลงานน้ันอาจทำได้หลายรปู แบบต่าง ๆ กัน ดังน้ี
2.1 การนำเสนอผลงานดว้ ยปากเปลา่
การนำเสนอผลงานด้วยปากเปล่าอาจทำให้ขาดความน่าสนใจและหากใช้วิธีอ่านโดยไม่สนใจ
ผฟู้ ัง ยง่ิ ขาดความน่าสนใจมากขนึ้ ผ้นู ำเสนองานต้องใช้นำเสยี งให้มีประสทิ ธภิ าพ เน้นหนัก-เบา เพือ่ ความนา่ สนใจ
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 107
ภาพนำเสนอผลงานด้วยปากเปล่า
ที่มา: https://graduate.mahidol.ac.th/inter/?p=news&t=5&id=504
2.2 การนำเสนอผลงานดว้ ยส่อื
การนำเสนอผลงานด้วยสื่อ โดยใช้สื่อทำหน้าที่นำเสนอผลงานเพียงอย่างเดียว โดยไม่ต้อง
อธบิ ายเพม่ิ เติม ผสู้ นใจตอ้ งทำความเข้าใจผลงานด้วยตนเอง
2.3 นำเสนอด้วยปากเปล่าพรอ้ มกบั มสี อื่ ประกอบ
การนำเสนอด้วยปากเปล่าพร้อมมสี ่ือประกอบ ส่อื ทึ่ใช้ เช่น ปา้ ยนเิ ทศ แผ่นโปสเตอร์ โปรแกรม
PowerPoint ผู้นำเสนอตอ้ งมีการอธบิ ายเพมิ่ เติม
ภาพการนำเสนอดว้ ยปากเปล่าพร้อมกับมีสอื่ ประกอบ
ทม่ี า: https://agrosum14.weebly.com/
การจะใช้รูปแบบใดในการนำเสนอผลงานขน้ึ อยู่กับความเหมาะสม แตท่ ั้งนี้ต้องทำให้ผู้รับสารรู้สึกว่า
เหตุใดจึงทำผลงานนี้ขึ้นมา มีวธิ ีการอย่างไร ทำแลว้ ไดอ้ ะไร ผลงานนั้นหมายความว่าอยา่ งไร ให้ชดั เจน
3. การรวบรวมข้อมูล
การนำเสนอเอกสารประกอบจะต้องมีความรอบคอบ จัดทำอย่างเป็นระบบ มคี วามสมบูรณ์ครบถ้วน
ฉะนั้นผู้นำเสนอจะต้องค้นหาข้อเท็จจริงประกอบหลักฐานอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ ถ้ามีหลักฐานอ้างอิงเป็นเอกสาร
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 108
จะต้องตรวจความสมบูรณ์ถูกต้อง การใช้สถิติ หรือบันทึกเหตุการณ์จากแหล่งข้อมูล ใดผู้นำเสนอจะต้องพิสูจน์
ความถกู ตอ้ งครบถว้ น และจะตอ้ งทำความเขา้ ใจขอ้ มูลต่าง ๆ ให้แน่ชัด
4. การวางโครงสร้างนำเสนอ
โครงสร้างการนำเสนอ เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้การนำเสนอมีความสมรูป ตามเนื้อหาของ
การนำเสนอ จงึ ควรจดั โครงสรา้ งตามหลักการดงั น้ี
4.1 ต้องมีส่วนของการกล่าวนำ ให้รู้ว่าผู้นำเสนอ หรือคณะผู้นำเสนอเป็นใคร หรือประกอบด้วย
ผ้ใู ดบา้ ง และนำเสนอในนามของหนว่ ยงานใด บอกชอ่ื เรื่องท่ีนำเสนอ พร้อมดว้ ยวตั ถปุ ระสงค์ บอกระยะเวลาท่ีจะ
ใช้ในการนำเสนอ และแจง้ ให้รู้ถงึ ขอ้ มูลทไี่ ด้เสนอให้พิจารณาแล้วลว่ งหน้า
4.2 ต้องมีส่วนแจ้งให้รู้ถึงสถานการณ์ ความเป็นมาของเรื่อง ให้รู้ถึงความเดิมก่อนที่จะนำเสนอว่ามี
ความสืบเนือ่ งประการใด
4.3 ต้องมีส่วนที่ชีถ้ ึงสภาพปัญหา สาเหตขุ องปัญหา และ ตัวแปรทส่ี ัมพนั ธเ์ กยี่ วข้อง เช่น ขอ้ กฎหมาย
4.4 ต้องมีสว่ นทชี่ ้ถี งึ ทางเลอื กในการแกป้ ัญหาพร้อมดว้ ยการประเมนิ ขอ้ ดีและข้อเสยี
4.5 ตอ้ งมสี ่วนที่เปน็ ข้อเสนอในการแก้ปัญหาอันเป็นการตดั สินใจเลือกทางเลือกทด่ี ที ่ีสุด
4.6 ต้องมีส่วนที่เป็นบทสรุป ทั้งข้อเท็จจริง และข้อโต้แย้งที่สำคัญ ถ้าเป็นการนำเสนอเพื่อขออนุมัติ
จะต้องกล่าวถึงข้นั ตอนการดำเนนิ งานตอ่ ไป ถ้าได้รบั อนมุ ัติ
5. การเตรียมเนอื้ หาที่จะเสนอ
เนื้อหาในการนำเสนอเป็นส่วยสำคัญในการนำเสนอ ฉะนั้นจะต้องเรียงลำดับขั้นตอนและจัดเป็น
หมวดหมู่ โดยคำนงึ ถึงหลกั การเฉพาะของการนำเสนอ ดังน้ี
5.1 ต้องจดั ทำรา่ งเนอื้ หาตามโครงสร้างใหพ้ อเหมาะแกร่ ะยะเวลาในการนำเสนอ
5.2 ต้องลำดบั เรอื่ งให้เกดิ ความเชื่อมโยงตามขั้นตอน
5.3 ตอ้ งเรยี บเรียงข้อมูลให้เข้าใจง่ายและทำความเข้าใจไดร้ วดเร็ว
5.4 ตอ้ งแสดงใหเ้ ห็นถงึ ประโยชนท์ ี่ผฟู้ ังจะได้รบั จากข้อคิดเห็นที่นำเสนอในทุกดา้ น
5.5 ตอ้ งเชอ่ื มโยงเหตุผล โดยมหี ลกั ฐานประกอบให้สอดคล้องและกลมกลนื กนั
6. การตอบคำถามในการนำเสนอ
ในการนำเสนอสว่ นใหญ่ จะมีการเชื้อเชิญให้มกี ารซักถามในตอนทา้ ยของการนำเสนอ ดังนั้น ผู้นำ
เสนอจงึ ตอ้ งมีหลักการเปน็ ข้อยดึ ถอื ในการปฏบิ ัติ ดงั นี้
6.1 ต้องจัดเวลาให้เหมาะสมในการเปดิ การซักถาม
6.2 ตอ้ งคาดคะเนคำถามทจี่ ะเกิดขนึ้ ไว้ลว่ งหน้า เพื่อจะได้เตรยี มคำตอบที่เหมาะสม
6.3 ต้องแสดงความยนิ ดีตอ้ นรบั คำถาม แมจ้ ะเป็นคำถามท่ไี รส้ าระ หรอื แฝงด้วยความประสงค์ร้าย
แตก่ ็สามารถจะเลอื กตอบ และสงวนคำตอบไว้ตอบเฉพาะตัวผ้ถู ามภายหลังกไ็ ด้
6.4 ตอ้ งรจู้ ักเรยี บเรียงคำถามที่มขี อ้ ความยืดยาว เย่นิ เยอ้ ใหก้ ระชบั ขน้ึ
6.5 ต้องตอบใหต้ รงประเดน็ หมายถึงตรงกับเรอ่ื งทีถ่ ามไม่ตอบเลี่ยง หรือตอบคลุมเครือ
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 109
ขอ้ ควรปฏิบัติในการนำเสนอผลงาน
1. ก่อนนำเสนอ
1.1 เลอื กเครอ่ื งแตง่ กายใหเ้ หมาะสมกบั กลมุ่ ผู้ฟังและสถานที่
1.2 รู้จักผอ่ นคลายอิริยาบถเพอื่ ระงับความกงั วล ความประหมา่
1.3 ควรเดนิ ทางไปถึงสถานทนี่ ำเสนออย่างนอ้ ย 15 นาที
1.4 เตรียมการซักถามดว้ ยความมั่นใจ สขุ ุม รอบคอบ
2. ขณะนำเสนอ
2.1 รักษาเวลาตามทีก่ ำหนด
2.2 นำเสนอใหด้ ูเปน็ ธรรมชาติ
2.3 ย้มิ แยม้ แจม่ ใส เปน็ มติ รกับผฟู้ งั
2.4 ใชภ้ าษาและท่าทที ีส่ ภุ าพ เขา้ ใจง่าย ใชภ้ าษาทา่ ทางประกอบอย่างเหมาะสม
2.5 ใช้สอ่ื ประกอบการบรรยายไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
2.6 หากมีขอ้ ผดิ พลาดเกิดขน้ึ ควรกลา่ วคำว่า “ขออภัย”
2.7 นำหลักการพดู ในท่ีชุมชนมาประยกุ ต์ใช้
3. หลังการนำเสนอ
3.1 ประเมนิ ผฟู้ งั ด้วยการสงั เกตปฏิกิรยิ าของผฟู้ ัง
3.2 ประเมินผ้ฟู ังด้วยแบบสอบถาม
3.3 นำผลการประเมินมาใชใ้ นการพัฒนาการนำเสนอในคร้งั ต่อไป
การใช้ภาษาในการนำเสนอผลงาน
ภาษาทผ่ี นู้ ำเสนอใชใ้ นการนำเสนอผลงานมที ง้ั วจั นภาษาอวัจนภาษา ดงั นัน้ จึงควรใชใ้ หเ้ หมาะสม ดังนี้
1. การพูด ไม่ควรพูดเร็วเกินไป หรือใช้เสียงสูงมากเกินความจำเป็น ควรพูดให้เป็นธรรมชาติ ไม่เร็วหรือ
ชา้ จนเกินไป และไม่ควรใชว้ ธิ กี ารอา่ นจากบทอา่ นตลอดเวลา
2. การใช้สายตา ควรมกี ารประสานตาหรือสบตากับผู้ฟังเป็นระยะ ๆ มองผู้ฟังให้รอบจะช่วยให้ผู้ฟังรู้สึก
ดีต่อผู้นำเสนอได้
3. การเคลื่อนไหว ไม่ควรเดินไปมาบ่อย ๆ เพราะจะทำให้ผู้ฟังรู้สึกรำคาญ ไม่ควรล้วงแคะแกเกาใน
ขณะท่พี ูด
4. การใช้มือ ควรใชม้ ือประกอบการพูดใหด้ เู ปน็ ธรรมชาตมิ ากทีส่ ุด
5. การวางท่าทาง ควรพยายามหลีกเลี่ยงกิริยาที่จะก่อให้เกิดความรำคาญใจแก่ผู้ฟัง วางท่าทางให้เป็น
ธรรมชาติ เชือ่ มัน่ ในตนเอง และมีความกระตือรือร้น
เทคนคิ การสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 110
การนำเสนอผลงานดว้ ยโปรแกรม PowerPoint
ปัจจุบันเกือบทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน ต่างนิยมนำ
โปรแกรมสำเร็จรูป PowerPoint มาใช้ในการนำเสนอผลงาน เพื่อให้การนำเสนอ
ผลงานนั้นชัดเจน น่าสนใจ PowerPoint จึงเปรียบเสมือนเพื่อนที่ขาดไม่ได้ในการ
นำเสนอผลงาน แต่โปรแกรมนี้มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อย ดังนั้น นักเรียนจึงควรศึกษา
ทำความเข้าใจการใชโ้ ปรแกรมนี้ให้ถ่องแท้เสียก่อน เพอ่ื จะได้ประโยชน์จากโปรแกรม
นีไ้ ด้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
เทคนิคการใชโ้ ปรแกรม PowerPoint มดี งั นี้
1. เน้นความเรียบง่าย การนำเสนอผลงานด้วยโปรแกรม PowerPoint ให้มีประสิทธิภาพ ต้องเน้นเรื่อง
ความเรียบง่ายแตน่ ่าสนใจ ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้โดยง่าย เช่น การใช้แผนภมู ิ ใช้กราฟิกแสดงถึงสิ่งที่กำลงั พูด เป็น
ต้น ขนาดของตัวอักษรไม่ควรเลก็ กว่าตัวอักษร Angsana New หรือ THSarabunPSK ขนาด 28 หรือ 32 แต่ละ
หน้าควรมีเนื้อหาประมาณ 5-7 บรรทัด สิ่งที่ควรระวังอีกประการหนึ่ง คือ ไม่ควรใส่ลูกเล่น หรือภาพเคลื่อนไหว
มากจนเกนิ ไป เพราะสิง่ เหล่านี้จะเบยี งเบนความสนใจของผ้ฟู งั จนลมื ฟังเน้ือหาไป
2. ใช้สไลด์ใหน้ ้อยแผ่นที่สุด จุดเด่นของ PowerPoint คือ การนำเสนอแนวความคิดอย่างกระชับไม่เย่ิน
เย้อ ดังนั้นการนำเสนอไม่ควรใส่รูปภาพหรือตัวเลขต่าง 1 มากเกินไป หากจำเป็นต้องมีการชี้แจงเป็นเอกสารแจก
ให้ผู้ฟงั ภายหลงั จบการบรรยาย
3. ไม่ควรอ่านข้อความตามสไลด์ การตั้งหน้าตั้งตาอ่านข้อความที่เขียนไว้บนแผ่นสไลด์เพียงอย่างเดียว
จะทำให้การนำเสนอนั้นน่าเบื่อ การใช้ PowerPoint ให้ได้ผลดีควรมกี ารพูดขยายความจากสไลด์และแสดงความ
สนใจผฟู้ งั ดว้ ยการสบตาผฟู้ ังใหท้ ่วั ๆ
4. นำเสนอแตล่ ะสไลดอ์ ย่างเหมาะสม ดว้ ยการเปล่ยี นสไลด์แผ่นใหม่แล้ว ควรรอสักครูเ่ พื่อใหผ้ ู้ฟงั ได้อ่าน
ทำความเข้าใจข้อความในสไลด์ จากนนั้ ค่อยพดู ขยายความข้อความนั้น ไมค่ วรพูดไปพรอ้ ม ๆ กับเสนอสไลด์
5. พักหน้าจอสไลด์บ้าง PowerPoint เป็นสื่อที่ใช้ประกอบการพูดอธิบายหรือบรรยาย เพื่อให้การใช้สอ่ื
ชนิดนี้เกิดประโยชน์สูงสุดควรปล่อยให้หน้าจอว่างบ้าง เพื่อให้ผู้ฟังได้พักสายตา ได้นึกทบทวนสิ่งที่พึ่งซักถามข้อ
ขอ้ งใจกบั ผพู้ ดู หรือกับผู้ฟังดว้ ยกนั หรือผพู้ ูดใช้โอกาสน้ดี ึงความสนใจของผฟู้ ังให้กลับมา
6. เลอื กใชส้ สี นั ทส่ี ดใส การใชส้ ีที่ตดั กนั ระหว่างพื้นหลังกับข้อความหรือกราฟิกจะช่วยเพ่ิมความน่าสนใจ
และสร้างความรู้สกึ ของผูฟ้ งั ได้เปน็ อยา่ งดี โดยทว่ั ไปมักใชส้ พี ้ืนหลังเป็นสีอ่อนและตัวอักษรเป็นสเี ข้ม
7. เลือกใช้ภาพและกราฟิกจากที่อื่น ๆ บ้าง เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้ลูกเล่นให้น่าสนใจน่า
ติดตาม เช่น การนำเสนอผลการดำเนินโครงการ อาจถ่ายภาพหรือวิดีโอขณะที่นักเรียนกำลังปฏิบัติหน้าที่ตาม
โครงการ แล้วนำภาพน้นั เข้ามาแทรกในหัวขอ้ การดำเนนิ งาน กอ่ นที่จะอธบิ ายเพมิ่ เติม เปน็ ต้น
8. สรุปปิดสไลด์สุดท้าย ผู้พูดต้องวางแผนการนำเสนอให้ดี อย่าให้ PowerPoint เด่นกว่าเนื้อหาสาระที่
พูด ต้องจำไว้เสมอว่าโปรแกรมนี้เป็นเพียงเครื่องมือของการนำเสนอเท่านั้น อย่าให้ผู้ฟังสนใจดู PowerPoint
มากกวา่ ฟงั คำบรรยาย
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 111
9. แจกเอกสารประกอบหลังจากนำเสนอเสร็จ การแจกเอกสารประกอบระหว่างการนำเสนออาจทำให้
ผู้ฟงั หนั ไปสนใจเอกสารมากกว่าฟงั คำบรรยาย ซง่ึ จะทำใหพ้ ลาดการฟังเน้ือหาสำคญั ไป ดังน้ัน จึงควรแจกเอกสาร
ประกอบการนำเสนอหลังจากที่ได้นำเสนอเสร็จ ยกเว้นจำเป็นต้องอ่านประกอบการฟังหรือต้องทำตามเอกสาร
อาจแจกเอกสารกอ่ นได้
10. ตรวจสอบความถูกต้อง หลังจากได้สรา้ งสไลดก์ ารนำเสนอเสร็จแล้ว ตอ้ งตรวจสอบความถูกต้องของ
ถ้อยคำภาษา ขนาดตัวอักษร สีสัน และลูกเล่นต่าง ๆ ว่าเหมาะสมหรือไม่ หากมีข้อบกพร่องต้องแก้ไขให้ถูกต้อง
เหมาะสมและน่าสนใจ ก่อนนำไปใช้จรงิ
สรุป
การนำเสนอผลงานเป็นการสอ่ื สารเพื่อถา่ ยทอดข้อมลู ท่ีมีวตั ถุประสงคแ์ น่ชัดใหผ้ ูฟ้ ังเกิดความเข้าใจภายใน
ระยเวลากำหนด ฉะนั้น ผู้พูดจะต้องมีการเตรียมการอย่างดี โดยจะต้องเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมทุกด้าน
นบั ต้ังแตก่ ารเตรยี มเรื่อง ผพู้ ดู ควรกำหนดวตั ถุประสงคห์ ลักของการพูดใหช้ ัดเจนว่าต้องการใหผ้ ู้ฟังทราบเร่ืองอะไร
แล้วจึงกำหนดวัตถปุ ระสงค์รองเป็นเป็นประเด็นต่าง ๆ ตอ่ มา คอื การสร้างความเชื่อมั่นในตนเองดว้ ยการฝึกฝนให้
เกิดความชำนาญ นอกจากนี้ยังต้องเตรียมเรื่องการแต่งกาย บุคลิกภาพ และอุปกรณ์การนำเสนออื่น ๆ ที่จำเป็น
ด้วย
***************************
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 112
แบบฝกึ หดั หนว่ ยท่ี 9 การนำเสนอผลงาน
คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ีให้ถกู ต้อง
1. จงอธบิ ายความหมายของการนำเสนอผลงาน
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. การเตรยี มการนำเสนอผลงานมวี ธิ ีการปฏิบตั ิอยา่ งไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. การนำเสนอผลงานมวี ตั ถปุ ระสงค์อยา่ งไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. ลักษณะของการนำเสนอทด่ี ีควรมลี กั ษณะอยา่ งไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
5. การนำเสนอใหม้ ปี ระสิทธภิ าพได้นัน้ มีปัจจยั ทีส่ ำคญั อย่างไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
6. การใช้ภาษาในการนำเสนอควรมีลักษณะอย่างไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
7. การเตรยี มขอ้ มลู ในการนำเสนอควรมีรายละเอยี ดอะไรบ้าง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 113
8. ถา้ นกั เรียนรับหนา้ ท่ีนำเสนอผลงาน นกั เรียนจะเตรยี มการนำเสนอยา่ งไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
9. หลกั การนำเสนอผลงาน ควรคำนงึ ถงึ หลกั การใดบา้ ง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
10. ข้อควรปฏิบัติหลงั จากการนำเสนอผลงานเสร็จสน้ิ ควรปฏิบัตอิ ยา่ งไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 114
หน่วยท่ี 10
การประเมินผลโครงการสัมมนา
การประเมินผลโครงการสัมมนา เป็นกระบวนการที่นิยมนำมาใชกันอย่างแพร่หลายท้ังในองคก์รของรัฐ
และเอกชน ทั้งนี้เพื่อตรวจสอบคุณภาพของโครงการสัมมนาว่าได้ผลประการใด บรรลุวัตถุประสงคข์องโครงการ
หรือไม่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอย่างไร เพื่อจะได้นำมาเป็นข้อแก้ไข ปรับปรุง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการ
สัมมนาในคราวต่อไปใหด้ ยี ่งิ ขึน้
การประเมินผลโครงการสัมมนา หมายถึง กระบวนการตรวจสอบอันทำให้กิจกรรมท่ีวางไว้ในโครงการ
สัมมนาประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือไม่เพียงใด เพื่อตัดสินใจว่าดี หรือไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคใดและ
ควรจะได้ปรับปรุงแก้ไขในส่วนใด เพื่อใช้ผลประเมินโครงการสัมมนาช่วยใหก้ารบริหารโครงการมีประสิทธิภาพ
สงู สุด
การประเมนิ ผลการสมั มนา
ประชุม โพธิกถล (2539: 40) ได้กล่าวถึงการประเมินผลการสัมมนาไว้ว่า เป็นกิจกรรมที่ดำเนินการ
ภายหลังการสัมมนาทั้งนี้เป็นการหาข้อมูลว่าการดำเนินการไปแล้ววันนั้นได้รับผลสำเร็จ เพียงใด ดังน้ัน
วตั ถปุ ระสงค์ของการประเมินผลการสัมมนา จงึ ควรมีดงั ต่อไปนี้
o เพื่อตอ้ งการทราบสภาพปญั หาทีเ่ กดิ ข้นึ
o เพื่อตอ้ งการทราบประสทิ ธผิ ลของการคำเนนิ งาน
o เพื่อตอ้ งการปรับปรงุ แก้ไขข้อบกพรอ่ งตา่ งๆ สำหรับการจัคสัมมนาคร้ังต่อไป
ในการประเมินผลสัมมนาจะประเมินอะไร
o ตวั โครงการ
o สภาพความพรอ้ ม
o การดำเนินโครงการ
o สภาพเม่อื สนิ้ สดุ โครงการ
วธิ กี ารประเมนิ ผลการสมั มนา สามารถทำได้ 5 วธิ ี ไดแ้ ก่
o 1. การสังเกต (Observation)
o 2. การประเมนิ โดยใชแ้ บบสอบถาม (Check List)
o 3. การประเมนิ โคยการบันทึก (Critical Incidents)
o 4. การประเมนิ ผลแบบจัดตงั้ กล่มุ ประเมนิ (Group Appraisal)
o 5. ระบบจัดตั้งวัตถปุ ระสงค์ร่วมกนั (Mutual Goal Setting) คือ การใหส้ มาชิกทกุ คนตงั้ เป้าหมายใน
การทำงานร่วมกนั แลว้ ประเมินผลความก้าวหน้าปน็ ระยะ โคยการประเมินผลตนเองในขณะทำงาน
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 115
ประโยชนข์ องการประเมนิ ผลโครงการสัมมนา
เกษกานดา สภุ าพจน์ (2543) ได้สรปุ ประ โยชนข์ องการประเมนิ ผลโครงการสมั มนามีดงั ต่อไปน้ี
1. ได้ขอ้ มูลที่เป็นประโยชน์เพ่อื ใช้ในการตัดสินใจ เพ่อื นำไปพัฒนาในด้านตา่ ง ๆ ดังน้ี
1.1. การปฏบิ ตั งิ าน
1.2. บุคคลท่เี ก่ียวขอ้ ง
1.3. วสั ดุ อปุ กรณ์ ฯลฯ
2. ได้ขอ้ มูลเชงิ ปรมิ าณและคุณภาพอนั ส่งผลถึงความคุ้มคา่ ของโครงการสมั มนา
3. ข้อมูลที่ได้จากการสัมมนา สามารถนำมาพัฒนาแนวคิดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและสามารถนำไป
ปฏิบตั ิในชีวิตการทำงานและสว่ นตนได้เป็นอยา่ งดี
ประเภทของการประเมนิ ผลโครงการสัมมนา
เกษกานดา สภุ าพจน์ (2543) แบง่ ประเภทของการประเมนิ ผลโครงการสมั มนา ดังนี้
1. ตามลำดบั เวลาของการบริหารโครงการ
การแบ่งประเภทของการประเมินผลโครงการตามลำดับเวลาของการบริหารโครงการ สามารถแบง่ การ
ประเมนิ ออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1.1 การประเมินผลก่อนเริ่มโครงการ การประเมินผลนี้อยู่ในระยะการวางแผนโครงการอาจทำได้
2 ลกั ษณะคือ
1.1.1 การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ เพื่อหาคำตอบในรายละเอียดของโครงการว่ามี
ความเปน็ ไปได้แค่ไหนทีจ่ ะเริ่มทำโครงการน้ี ซง่ึ อาจเก่ียวข้องกับหัวข้อท่จี ะจัดสัมมนามีประโยชน์มากน้อยเพียงใด
คุ้มค่ากับการที่จะจัดหรือไม่ ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพและในส่วนที่เกี่ยวกับบุคคล วัสดุ - อุปกรณ์
งบประมาณ - ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ วิทยากร ระยะเวลาผู้เข้ารับการสัมมนา อาคาร สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก
ตา่ ง ๆ ตลอดจนการบรหิ ารงาน
1.1.2 การวิเคราะห์โครงการ เป็นการประเมินผลเพื่อหาคำตอบว่า โครงการนี้มีความเหมาะสม
หรือมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด ควรปรับปรุงแก้ไขในส่วนใค หากไม่มีก็อาจนำเสนอเพื่อขออนุมัติโครงการ
ตอ่ ไปได้
การประเมินผลก่อนเริ่มโครงการนี้นับว่ามีประโยชน์มาก เพื่อให้การจัดทำโครงการสัมมนา มี
ความรัดกุม รอบคอบมีความเหมาะสม ท้งั ยังคุ้มคา่ ใชจ้ า่ ยทต่ี ้องเสยี ไปเพอื่ การน้ี
1.2 การประเมินผลโครงการขณะกำลังดำเนินงาน เป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานขณะที่กำลัง
ดำเนินงานวา่ เป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคในการคำเนินงานแต่ละช่วงอย่างไรหรือไม่ จะ
แก้ไขอย่างไรเป็นการประเมินผลเพื่อปรับปรุงโครงการเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ทันต่อการพัฒนาการดำเนินงานของ
โครงการอนั เป็นการให้โครงการบรรลุเปา้ หมาย
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 116
1.3 การประเมินผลโครงการหลังจาการดำเนนิ งาน เปน็ การประเมนิ ผลเม่ือโครงการไดส้ ้ินสุดลงแล้ว
โดยรวมสรุปชใี้ หเ้ ห็นวา่ โครงการน้ี ได้บรรวัตถปุ ระสงค์ท่วี างไว้มากน้อยเพียงใด ทั้งยงั ติดตามผลว่าหลังจากท่ีได้รับ
การสมั มนาไปแล้ว ได้ผลเพยี งใด หรอื เกิดผลกระทบอย่างไรบา้ ง
2. แบง่ ตามวัตถปุ ระสงค์ของการประเมนิ ผลโครงการหรอื ยดึ ตามความต้องการ
ไพศาล หวังพานิช และคณะ (2534 : 5) ไดแ้ บง่ การประเมนิ ผลเปน็ หลกั มี 2 ประการ ไดแ้ ก่
2.1 การประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการ (Formation Program Evaluation) เป็นการ
ประเมนิ ผลระหว่างปฏบิ ัติโครงการ มุง่ ตรวจสอบ ควบคมุ กำกับ ดแู ลการคำเนนิ การตลอดจนศึกษาความก้าวหน้า
ปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ในระหว่างปฏิบัติโครงการ เพื่อแก้ปัญหาและให้โครงการดำเนินไปด้วยความราบรื่น
ตามเป้าหมาย
2.2 การประเมินผลสรุป (Summation Program Evaluation) เปน็ การประเมนิ ผลเมื่อส้ินสุดการ
ดำเนนิ โครงการแลว้ เพื่อตรวจสอบวา่ โครงการที่ดำเนนิ การนั้น ประสบความสำเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงค์และเป้าหมาย
ทก่ี ำหนดไวห้ รือไมแ่ ละยงั สามารถประเมินผลไปถงึ ผลกระทบทเี่ กดิ จากโครงการน้ันด้วย
อย่างไรก็ตาม การจะเลือกประเมินผลโครงการสมั มนา โดยวิธใี ดหรือประเภทใดขึ้นอยู่กบั ผู้จัดสัมมนา
หรือผู้บริหารโครงการสมั มนา จะได้พิจารณาเลือกวิธีการประเมินผลให้เหมาะสมกับลักษณะของโครงการสัมมนา
ทงั้ นค้ี วรคำนงึ ถึงความคมุ้ คา่ ในเรอื่ งดังต่อไปนี้
1. ความต้องการผลจากการประเมนิ
2. ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ
3. ค่าใชจ้ ่าย
4. แรงงานหรือกำลงั คนที่ตอ้ งใชใ้ นการประเมินผล
5. งบประมาณทต่ี อ้ งใช้ในการดำเนินการประเมนิ ผล
ข้ันตอนของการประเมินผลโครงการสัมมนา
ไพศาล หวังพานชิ และคณะ (2534 : 27) การประเมินผลการสัมมนาประกอบดว้ ยขนั้ ตอน ดังต่อไปน้ี
1. ศกึ ษาโครงการสมั มนา
ขั้นตอนการประเมิน โครงการจำเป็นต้องทำการศึกษาใตรงการสัมมนา เอกสารและบุคลากรที่
เก่ยี วขอ้ งกับโครงการสัมมนาตามความเป็นจริงแลว้ ถ้าผู้ประเมินมีความรูใ้ นเร่ืองของโครงการสมั มนามากเทา่ ใด ก็
ย่ิงทำให้การประเมินโครงการสัมมนานัน้ มีความถูกต้องแมน่ ยำและน่าเชื่อถือไดม้ ากยิ่งขึ้นเท่านั้น ดังนั้นผู้ประเมิน
จึงควรจะได้ทำการศึกษาโดยการวิเคราะห์โครงการสัมมนา เอกสารรวมท้ังสัมภาษนับุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการ
สมั มนา ในเรื่องดังต่อไปน้ี
1.1 ความเปน็ มา ตลอดจนหลกั การและเหตผุ ลของโครงการ
1.2 ลักษณะของโครงการ เปน็ โครงการใหม่ โครงการตอ่ เน่อื งหรือเป็นโครงการพิเศษ
1.3 วัตถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายของโครงการ
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 117
1.4 รูปแบบการบริหาร โครงการ เป็นอย่างไร ผู้บริหาร โครงการ มีใครบ้าง มีบุคลากรและองค์กรท่ี
เก่ยี วขอ้ งกับโครงการหรอื ไม่
1.5 ทรัพยากรของโครงการ มีอะไรบา้ ง ใคร หรือหน่วยงานเป็นผสู้ นับสนุนด้านการเงนิ
1.6 กจิ กรรมและขน้ั ตอนในการคำเนินโครงการ
1.7 โครงการเร่ิมต้นและส้นิ สุดเมอ่ื ใด
1.8 มกี ารกำหนดเกณฑ์ในการตัดสนิ ผลสำเร็จของโครงการหรือไม่ ถา้ มเี กณฑ์เหล่าน้นั คืออะไร
นอกจากนี้ ยังต้องศึกษาเพื่อตอบคำถามให้ได้ว่า ทำไมจึงต้องประเมินผลโครงการ สัมมนา
การประเมินผลโครงการสัมมนา มีความสำคัญหรือะให้ได้ผลดีอย่างไรและถ้าไม่ประเมินผลโครงการสัมมนา จะ
ก่อให้เกิดผลเสียอย่างไร ทั้งนี้เพื่อหาความจำเป็นของการที่ต้องทำการประเมินว่าจะได้ผลคุ้มค่ากับการที่ต้องทำ
การประเมินผลหรอื ไม่
2. กำหนดวัตถุประสงค์
การกำหนดวัตถุประสงค์ของกาประเมินผลโครงการสัมมนา ก็เพื่อมุ่งให้ได้ข้อมูลท่ีเชื่อถือได้ อันจะ
สามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของผู้บริหาร โดยทั่วไปผู้บริหารโครงการสัมมนา มักจะให้ความ
สนใจกบั ผลการประเมนิ ผลโครงการสัมมนาในสองประเดน็ หลักคอื
2.1 โครงการสัมมนา มีความก้าวหน้าตามแผนทีว่ างไว้หรือไม่ มีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน
หรือไม่ และมีแนวทางแกไ้ ขปญั หาหรืออุปสรรคคงั กล่าวอยา่ งไร
2.2 เมื่อดำเนินโครงการเสร็จส้ิน โครงการประสบความสำเรจ็ หรือไม่ มากน้อยเพียงใดควรดำเนินการ
ต่อไปหรือไมผ่ ลของการประเมินจะเปน็ ข้อมลู สำคญั ชว่ ยใหผ้ บู้ ริหารสามารถตัดสินใจในการดำเนนิ โครงการต่อไป
3. วิธกี ารประเมนิ ผล
การที่จะเลือกวิธีการประเมินผลแบบใดหรือประเภทใค จะขึ้นอยู่กับความต้องการหรือวัตถุประสงค์
ของกาประเมินผล ดังนั้น เพื่อให้ได้คำตอบสำหรับวัตถุประสงค์ของกาประเมินผล จำเป็นจะต้องตั้งคำถามเฉพาะ
เป็นประเด็นย่อย ๆ ซึง่ คำถามเฉพาะท้ังหมด เป็นคำตอบสำหรับวตั ถุประสงค์ของการประเมนิ ผล คำถามเฉพาะแต่
ละข้อจะเป็นข้อบ่งขี้ว่า เป็นการประเมินผลประเภทใด ทั้งยังเป็นแนวทางในการพิจารณาเลือกใช้วิธีการเก็บ
รวบรวมข้อมูล ประเภทของการประเมนิ ผล แบ่งออกเปน็ 4 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
3.1 การเรยี นรู้ ต้องการทราบวา่ ผู้เขา้ ร่วมสมั มนา เกดิ การเรียนรูจ้ รงิ หรือไม่
3.2 ปฏิกิรยิ า ต้องการทราบว่า ผ้เู ข้ารว่ มสมั มนามีความคิดเห็นหรอื ทัศนคติตอ่ เรื่องตา่ ง ๆ อยา่ งไร
3.3 พฤติกรรม ต้องการทราบว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการทำงานในทางที่ดี
ขึน้ หรือไม่
3.4 ผลลัพธ์ ต้องการทราบว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนา มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลขึ้นกว่าเดิมหรือไม่
และงานของหน่วยงานนน้ั 1 มคี วามก้าวหน้าข้ึนกวา่ เดิมอนั เป็นผลจากการสัมมนาหรอื ไม่
4. กำหนดแหลง่ ข้อมูล
การกำหนดแหล่งข้อมลู จะชว่ ยใหไ้ ด้คำตอบสำหรับคำถามเฉพาะแต่ละข้อ ท่มี าของแหล่งข้อมูลอาจมี
หลายแหลง่ กไ็ ด้ สว่ นใหญไ่ ดม้ าจากแหลง่ ตา่ ง ๆ ดังต่อไปนี้
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 118
4.1 แหล่งข้อมูลเอกสาร เป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการสัมมนา ที่จัดที่หน่วยงานหรือ
ผู้ดำเนินงานโครงการจัดพมิ พ์
4.2 แหล่งข้อมูลสนาม อาจเป็นสถานที่ สภาพแวดล้อมต่าง ๆ และบุคคล สำหรับบุคคลจะได้จาก
ผู้เขา้ ร่วมส้มมนา ผู้สงั เกตการณ์ ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ ผู้บังตับบัญชาของผู้เข้ารบั การอบรม วทิ ยากร ฯลฯ
5. การสรา้ งเครื่องมือ
เมื่อได้ศึกษาโครงการสัมมนา เอกสาร บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการสัมมนา กำหนดวัตถุประสงค์ เลือก
วิธีการประเมินผลและกำหนดแหล่งข้อมูลได้แล้ว จะเป็นขั้นตอนของการสร้างเครื่องมือ แนวทางในการสร้าง
เครือ่ งมอื มดี ังน้ี
5.1 ศึกษาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสัมมนา เช่น สรุปผลการสัมมนาสรุ ปผลการติดตาม
ประเมินผลการจัดสมั มนา ฯลฯ ของแหล่งข้อมูลต่าง ๆ
5.2 ศึกษาเอกสาร ตำรา ผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดสัมมนา เมื่อศึกษาในข้อ 5.1 และข้อ 5.2
เป็นอยา่ งดแี ล้วกม็ าถงึ
5.3 การเสนอรูปแบบและเกณฑข์ องการประเมนิ โครงการสมั มนา เพือ่ ใหก้ ารประเมินผลการสัมมนา มี
ความชดั เจน เกดิ ความเข้าใจงา่ ย จงึ ควรวางรปู แบบและเกณฑ์ของการประเมินโครงการสมั มนา ดังตัวอย่าง
ตารางที่ 10.1 รูปแบบและเกณฑ์การประเมนิ โครงการสัมมนา
การประเมนิ สิง่ ที่ประเมนิ เกณฑท์ ใ่ี ชป้ ระเมิน แหล่งข้อมูล
1. เอกสาร - ความชดั เจนด้านภาษาและ - ความชัดเจนด้านภาษาและความเขา้ ใจ เอกสารท่ีใช้
ประกอบการ ความเข้าใจง่าย ง่ายของเอกสารประกอบการสมั มนา ประกอบการ
สมั มนา - ความสอดคล้องระหวา่ ง -แนวความรู้ในเอกสารประกอบกับการ สัมมนา
เนื้อหาสาระของเอกสาร สัมมนาเปน็ ล่ทู างสำคญั ทน่ี ำไปสกู่ าร
ประกอบกับการสมั มนากับ อภปิ รายในการสัมมนา ทันสมยั
หวั ข้อเร่อื งการสมั มนา
2. หวั ข้อท่ใี ชใ้ น – หวั ข้อทันสมัย – หัวข้อมีความเหมาะสมตรงกบั ผูเ้ ข้าร่วม
การสมั มนา –ความเหมาะสมของหวั ข้อ สถานการณ์ปัจจุบัน สัมมนา
– หัวขอ้ มคี วามเหมาะสมตรงกับสภาพ
ความตอ้ งการเรียนรู้
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 119
การประเมนิ สิง่ ทีป่ ระเมิน เกณฑ์ทใี่ ชป้ ระเมนิ แหล่งข้อมูล
3. วิทยากร - คุณวุฒแิ ละประสบการณ์ – มีคุณวุฒิประสบการณต์ รงกับ – เอกสาร
ตรงกับหัวขอ้ ทีบ่ รรยาย หัวข้อท่ีบรรยาย
– มีความร้คู วามสามารถใน – มีเทคนคิ การถา่ ยทอด – ผ้เู ขา้ รว่ ม
การบรรยาย – มีสื่อช่วยในการบรรยาย สัมมนา
– เปิดโอกาสให้ซักถาม
4. ความรทู้ ี่ได้ ความรูจ้ ากการฟงั การบรรยาย ไดร้ บั ความรู้จากการฟังการบรรยาย ผู้เข้ารว่ ม
สมั มนา
รบั จากการสมั มนา หรอื อภปิ ราย และอภปิ ราย
5. เวลาทใ่ี ช้ในการ ความเหมาะสมของเวลาท่ีใช้ เวลาทใ่ี ชใ้ นการสมั มนามคี วามเหมาะสม ผู้เข้าร่วม
สมั มนา ในการสัมมนา สัมมนา
6. เวลาที่ใช้ในการ ความเหมาะสมของเวลาทีใ่ ช้ เวลาทใ่ี ชม้ คี วามเหมาะสมในการซักถาม ผเู้ ขา้ ร่วม
ซกั ถาม ในการซักถาม สมั มนา
7. การประชา- ความเหมาะสมของการ การจดั ใหม้ ีการประชาสัมพันธ์ ผเู้ ขา้ รว่ ม
สมั พนั ธ์ เผยแพร่ข่าวสารเกยี่ วกับการ
สมั มนา เพ่ือทราบขา่ วสารเกี่ยวกบั การจดั สัมมนา สัมมนา
จากตัวอย่าง ของการเสนอรูปแบบและเกณฑ์การประเมินโครงการสัมมนา จะเป็นแนวทางช่วยให้ผู้
ประเมินผลทราบกรอบของการประเมินผล หรืออาจกล่าวได้ว่า ผู้ประเมินผลได้วางกรอบเพื่อเป็นเกณฑ์ว่า จะ
ประเมินผลการสัมมนาในเรื่องใดบ้าง สิ่งที่ควรประเมินควรมีลักษณะอย่างไร จะใช้เกณฑ์อย่างไรเพื่อจะได้เป็น
แนวทางในการสร้างเครื่องมือให้ครอบคลุมสาระที่ต้องการ และกำหนดแหล่งข้อมูลเพื่อที่จะได้ทราบว่า เรื่องท่ี
ต้องการประเมินนั้นจะไดข้ ้อมูลจากใครหรือจากที่ใด ซึ่งจะช่วยใหก้ ารประเมินผลมคี วามสะดวกและมีทศิ ทางมาก
ขึน้
การเสนอรูปแบบและเกณฑ์ของการประเมินผล บางแห่งก็อาจไม่จัดทำ เพราะมีความรู้ความเข้าใจใน
รปู แบบของการประเมินผลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แตห่ ากโครงการสมั มนาใดต้องการทีจ่ ะมีการประเมินผลที่มีรูปแบบ
รัดกุม ปอ้ งกนั การผิดพลาด วิธีน้ีจะเปน็ วธิ ีการหนง่ึ ทีจ่ ะทำให้การประเมินผลมคี วามผดิ พลาดนอ้ ย
5.4 การสร้างเครื่องมือจากการศึกษาในข้อ 5.1 ข้อ 5.2 และข้อ 5.3 จากรูปแบบและเกณฑ์ของการ
ประเมนิ โครงการสัมมนา นำมาเป็นข้อมูลเพอ่ื สรา้ งเคร่อื งมือในการประเมนิ โครงการ ไดแ้ ก่
5.4.1 การวิเคราะห์เอกสาร
5.4.2 แบบสอบถาม
5.4.3 แบบสมั ภาษณ์
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 120
5.4.4 การสังเกต
การสร้างเครื่องมือในการประเมินโครงการ บางแห่งเลือกวิธีการประเมินเพียงวิธีเดียว คือ
แบบสอบถาม บางแห่งะใช้ทั้งแบบสอบถามและสัมภาษณ์ บางแห่งอาจใช้แบบสอบถามวิเคราะห์เอกสารและ
สัมภาษณ์ บางแห่งใช้แบบสอบถามและสังเกต บางแห่งก็จะใช้ทั้งหมด ทั้งการวิเคราะห์เอกสาร แบบสอบถาม
แบบสัมภาษณ์และการสังเกตเข้าไปด้วยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการข้อมูล ถ้าต้องการข้อมูลที่มีความเข้มมี
รายละเอียดมากและต้องมีการให้มนี ้ำหนักของความน่าเชือ่ ถือสงู ก็อาจใช้ทั้ง 4 แบบ ทั้งนี้ก็สดุ แต่ผู้ดำเนินการจะ
พิจารณา โดยจะต้องคำนึงถึงในเรื่องประหยัดเวลา ค่าใช้จ่ายและงบประมาณ รวมทั้งรายละเอียดของข้อมูลท่ี
ต้องการด้วย ฯลฯ สำหรับหัวข้อการสร้างเครื่องมือนื้ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในรูปแบบของการประเมิน
โครงการสัมมนา 4 รูปแบบ เพ่อื เปน็ แนวทางสำหรบั การนำไปใช้
ตวั อย่าง เคร่อื งมอื ในการประเมินโครงการ โดยใชแ้ บบสอบถาม
เทคนคิ การสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 121
สรปุ
การประเมินผลโดรงการสัมมนา เป็นกระบวนการตรวจสอบอันทำให้กิจกรรมที่วางไว้ในโครงการสัมมนา
ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือไม่ แบ่งการประเมินออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ การประเมินผลก่อนเร่ิม
โครงการ เปน็ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ เพ่ือหาคำตอบในรายละเอียดของโครงการวา่ มคี วามเป็นไปได้
แค่ไหนที่จะเริ่มทำโครงการนี้ การประเมินผลโครงการขณะกำลังดำเนินงาน เป็นการประเมินผลเพื่อปรับปรุง
โครงการเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ทันต่อการพัฒนาการดำเนินงานของโครงการ อันเป็นการให้โครงการบรรลุเป้าหมาย
และการประเมินผลโครงการหลงั จาการดำเนินงาน เป็นการประเมินผลเมื่อโครงการได้สิ้นสุดลงแลว้ โดยรวมสรปุ
ช้ีใหเ้ หน็ ว่าโครงการนี้ ไดบ้ รรวัตถปุ ระสงค์ทวี่ างไว้มากน้อยเพยี งใด
***************************
เทคนิคการสมั มนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 122
แบบฝึกหดั หนว่ ยท่ี 10 การประเมินผลโครงการสมั มนา
คำชีแ้ จง ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปนใ้ี ห้ถูกต้อง
1. วัตถุประสงคข์ องการประเมินผลการสัมมนามอี ะไรบา้ ง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. วธิ ีการประเมนิ ผลการสมั มนา สามารถทำได้กว่ี ิธี วธิ ใี ดบ้าง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
3. การประเมินผลโครงการสัมมนามปี ระโยชน์อย่างไรบา้ ง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
4. การประเมนิ ผลโครงการสัมมนาสามารถทำได้กรี่ ะยะ ระยะใดบ้าง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
5. การประเมินผลสรุป (Summation Program Evaluation) หมายถงึ อะไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
6. การประเมินผลความก้าวหน้าของโครงการ (Formation Program Evaluation) หมายถึงอะไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
7. การประเมินผลการสัมมนาประกอบดว้ ยข้ันตอนก่ขี ้นั ตอน ขนั้ ตอนใดบ้าง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 123
8. แหล่งข้อมูลสนาม หมายถงึ อะไร
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
9. การประเมนิ ผลโครงการสมั มนา ด้านเอกสารประกอบการสมั มนา สามารถประเมนิ ผลไดจ้ ากสง่ิ ใด
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
10. ประเภทของการประเมนิ ผล แบ่งออกเปน็ กปี่ ระเภท อะไรบา้ ง
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
เทคนิคการสัมมนาและการนำเสนอผลงาน (Seminar & Presentation Graphics Technique) 124
เอกสารอ้างองิ
ณริ ดา เวชญาลกั ษณ์. (2551). คู่มือปฏิบัตงิ านการดาเนนิ การจดั ฝึกอบรม. ศูนย์พฒั นาฝีมือแรงงาน จงั หวดั
แพร่.กรมพฒั นาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน.
ณิรดา เวชญาลกั ษณ์. (2558). สัมมนาปญั หาการศึกษา (Seminar in Education Problems). เอกสาร
ประกอบการสอน. มหาวทิ ยาลยั ราชภัฎพิบลู สงคราม: พษิ ณโุ ลก.
นพรรณพ ดวงแกว้ กลู . (ม.ป.ป.). การสัมมนาเชิงปฏิบัตกิ ารวิชาชีพ. สบื ค้นเมือ่ 12 ตุลาคม 2564, จาก
https://sites.google.com/site/icesupattar369/3-khan-txn-khxng-kar-pramein-phl-
khorngkar-sammna
ผล ยาวิชยั . (2553). สมั มนา (Seminar). (พมิ พค์ รงั้ ที่ 1). กรงุ เทพมหานคร : โอ.เอส.พริ้นติง้ เฮ้าส.์
ไพพรรณ เกยี ติโชคชัย. (2545). หลกั การสมั มนา. (พิมพ์คร้งั ที่ 2). กรุงเทพมหานคร: การศึกษา จำกดั .
ไพพรรณ เกยี รติโชตชิ ยั . (2548). การสมั มนาสูค่ วามเปน็ เลิศ. (พมิ พ์คร้ังท่ี 4). กรุงเทพมหานคร: การศกึ ษา.
ไพโรจน์ เนียมนาค. (2554). เทคนิคการสัมมนาและการฝึกอบรม. กำแพงเพชร: มหาวทิ ยาลัยราชภัฏ
กำแพงเพชร
สมคดิ บางโม. (2553). เทคนคิ การฝึกอบรมและการประชมุ . กรุงเทพฯ: วทิ ยาพัฒน.์
************************************
วิทยาลัยอาชีวศกึ ษาลพบุรี
โทรศพั ท์ 0 3642 1245 เวบ็ ไซต์ www.lbvoc.ac.th
139 หมู่ 6 ถนนสระแก้ว-ปา่ หวาย ตาบลป่าตาล อาเภอเมือง จังหวดั ลพบุรี