๑๔๘
แสดงข้อมลู ต่างๆ ตามท่ี
ฟังหรอื อา่ น
-พดู /เขยี นแสดงความ
คิดเห็นเกย่ี วกบั เรื่องต่างๆ
ใกลต้ ัว
- ใช้ถอ้ ยคา น้าเสยี ง และ
กริ ิยาท่าทางอย่างสุภาพ
เหมาะสม ตามมารยาท
สงั คม และวฒั นธรรมของ
เจา้ ของภาษา
- ใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกับ
เทศกาล/วันสาคญั /
งานฉลอง/ชวี ิตความ
เป็นอยู่ของเจ้าของภาษา
- เข้ารว่ มกจิ กรรมทาง
ภาษาและวัฒนธรรม
ตามความสนใจ
-บอกความเหมอื น/ความ
แตกต่างระหว่างการออก
เสยี งประโยคชนดิ ต่างๆ
การใชเ้ ครอื่ งหมายวรรค
ตอน และการลาดับคา
ตามโครงสรา้ งประโยค
ของ ภาษาตา่ งประเทศ
และภาษาไทย
- เปรียบเทยี บความ
เหมือน/ความแตกตา่ ง
ระหว่างเทศกาล งานฉลอง
และประเพณขี อง
เจา้ ของภาษากับของไทย
-ค้นคว้า รวบรวมคาศัพท์
ท่เี กยี่ วขอ้ งกับกล่มุ สาระ
การเรียนรอู้ น่ื จากแหลง่
เรียนรแู้ ละนาเสนอด้วย
การพดู /การเขยี น
-ใชภ้ าษาสือ่ สาร ใน
สถานการณต์ ่างๆ ท่ี
เกดิ ขนึ้ ในห้องเรยี นและ
สถานศึกษา
-ใชภ้ าษา ตา่ งประเทศใน
การสบื ค้น และรวบรวม
ขอ้ มลู ตา่ งๆ
รวมเวลาเรยี นตลอดภาค ๘๐
๑๔๙
คะแนนระหว่างเรียน ๗๐
คะแนนวัดผลปลายภาค ๓๐
รวม ๑๐๐
๑๕๐
สว่ นที่ ๔
การวดั และประเมินผลกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาต่างประเทศ
ความสาคญั ของการวัดและการประเมนิ ผลการเรยี นรู้
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
เป็นกระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้และพัฒนาการด้านต่างๆ ของผู้เรียนตาม
มาตรฐานการเรยี นรู้ /ตวั ชวี้ ัด ของหลักสูตร นาผลไปปรับปรงุ พฒั นาการจัดการเรยี นรู้และใช้เป็นขอ้ มูลสาหรับ
การตัดสนิ ผลการเรียน โดยมีองคป์ ระกอบของการวดั ผลและประเมนิ การเรียนรู้ท่ีหลกั สตู รแกนกลางการศึกษา
ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดจุดหมาย สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์
และมาตรฐานการเรียนรูไ้ ว้เปน็ เป้าหมายและกรอบทิศทางในการพฒั นาผเู้ รียนให้เปน็ คนดี มีปัญญา มีคุณภาพ
ชีวิตท่ีดีและมีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก กาหนดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามมาตรฐานการ
เรียนรู้/ ตัวชี้วัด ท่ีกาหนดในสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ มีความสามารถด้านการฟัง พูด อ่าน เขียน มี
คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์และเข้าร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน
แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
การวัดและประเมินผลกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ผู้สอนวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ผู้เรียนตามตัวช้ีวัดในรายวิชาพ้ืนฐาน ตามที่กาหนดไว้ในหน่วยการเรียนรู้ ใช้วิธีการวัดและประเมินผลที่
หลากหลายจากแหลง่ ขอ้ มลู หลายๆ แหล่ง เพื่อใหไ้ ด้ผลการประเมินทีส่ ะท้อนความรูค้ วามสามารถที่แท้จริงของ
ผู้เรียนโดยการวัดและประเมินผลการเรียนรู้อย่างต่อเน่ืองไปพร้อมกับการจัดการเรียนการสอนโดยสังเกต
พัฒนาการและความประพฤตขิ องผู้เรยี น สงั เกตพฤตกิ รรมการเรียน การรว่ มกิจกรรม การประเมินตามสภาพ
จริง เช่นการประเมินการปฏิบัตงิ าน การประเมนิ จากโครงงาน การประเมินจากแฟม้ สะสมงาน เปน็ ต้น ควบคู่
กบั การใช้การทดสอบแบบตา่ งๆ อยา่ งสมดลุ และครอบคลุมทัง้ ดา้ นความรู้ ด้านทกั ษะ และดา้ นเจตคติ โดยให้
ความสาคญั กับการประเมินผลระหว่างเรียนมากกว่าการประเมนิ ปลายปี/ปลายภาค และใช้เปน็ ข้อมูลเพ่ือการ
ประเมนิ การเลอ่ื นช้นั และการจบการศกึ ษา
และเพ่ือให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพผู้สอนต้องตรวจสอบความรู้ความสามารถท่ีแสดง
พัฒนาการของผู้เรยี นอย่างสม่าเสมอและต่อเน่อื ง และผู้เรียนต้องรับผิดชอบและตรวจสอบความก้าวหน้าของ
ตนเองอย่างสม่าเสมอเช่นกัน หน่วยการเรียนรู้เป็นส่วนที่ผู้สอนและผู้เรยี นใช้ตรวจสอบย้อนกลับวา่ ผู้เรียนเกดิ
การเรียนรู้หรือยัง การประเมินในระดับช้ันเรียนต้องอาศัยทั้งผลการประเมินย่อยเพื่อพัฒนา และการ
ประเมนิ ผลรวมเพือ่ สรปุ ผลการเรยี นร้เู มื่อจบหน่วยการเรียนรแู้ ละจบรายวิชา
วิธกี ารวัดผลและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
การวัดผลและประเมินผลการเรยี นรูใ้ ห้บรรลผุ ลตามเป้าหมายของการเรียนรู้ทีว่ างไว้ควรมีแนวทาง
ดงั ตอ่ ไปน้ี
๑๕๑
๑. ต้องวดั ท้ังความรู้ ความคิด ความสามารถ ทกั ษะกระบวนการ เจตคติ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม
รวมท้งั โอกาสในการเรยี นของผู้เรียน
๒. วิธีการวัดผลและประเมนิ ผล ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชีว้ ดั / ผลการเรยี นรูท้ ่ี
กาหนดไว้
๓. ต้องเก็บข้อมูลทไ่ี ด้จากการวดั ผลและประเมนิ ผลตามความเป็นจรงิ และตอ้ งประเมนิ ผลภายใต้
ข้อมลู ทม่ี ีอยู่
๔. ผลการวดั และประเมินผลการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี นต้องนาไปสู่การแปลผลและลงข้อสรปุ
ที่สมเหตสุ มผล
๕. การวัดผลตอ้ งเทยี่ งตรงและเป็นธรรม ทั้งด้านของวิธีการวดั โอกาสของการประเมิน
การวดั และประเมนิ ผลจากสภาพจรงิ
กิจกรรมการเรยี นรู้ของผเู้ รียนมีหลากหลาย เชน่ กิจกรรมสนทนาภาษาอังกฤษประจาวนั กจิ กรรมการ
อ่านสะกดตามหลัก Phonics กิจกรรมนิทานภาษาอังกฤษวนั ละเรื่อง ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ในการทากิจกรรม
เหลา่ นตี้ ้องคานงึ ว่าผเู้ รียนแต่ละคนมีศักยภาพแตกต่างกนั ผเู้ รยี นแต่ละคนจงึ อาจทางานชิ้นเดียวกนั ไดเ้ สร็จใน
เวลาท่ีแตกต่างกัน และผลงานท่ีได้ก็อาจแตกต่างกันด้วย เม่ือผู้เรียนทากิจกรรมเหล่าน้ีแล้วก็จะต้องเก็บ
รวบรวมผลงาน เชน่ รายงาน ช้ินงาน บนั ทึก และแบบสงั เกตตา่ งๆ เจตคตติ อ่ วชิ าภาษาอังกฤษหรือภาษาต่างๆ
ความรัก ความซาบซ้ึง กิจกรรมที่ผู้เรียนได้ทาและผลงานเหล่านี้ต้องใช้วิธีประเมินที่มีความเหมาะสมและ
แตกตา่ งกันเพื่อช่วยให้สามารถประเมินความรูค้ วามสามารถและความรู้สึกนกึ คิดท่ีแทจ้ ริงของผู้เรียนได้ การวดั
และประเมินผลจากสภาพจริงจะมีประสิทธิภาพก็ต่อเม่ือมีการประเมินหลายๆ ด้าน หลากหลายวิธี ใน
สถานการณต์ า่ งๆ ทส่ี อดคล้องกบั ชีวิตจรงิ และต้องประเมินอยา่ งต่อเน่ือง เพือ่ จะได้ข้อมูลทม่ี ากพอทจี่ ะสะทอ้ น
ความสามารถทีแ่ ทจ้ รงิ ของผเู้ รียนได้
ลักษณะสาคญั ของการวดั และประเมนิ ผลจากสภาพจรงิ
๑. การวัดและประเมินผลจากสภาพจริงมีลักษณะที่สาคัญคือใช้วิธีการประเมินกระบวนการฟัง พูด
อ่านและเขียน ความสามารถในการนาภาษานั้นๆมาใช้สนทนาตามสถานการณ์ต่างๆ ศักยภาพของผู้เรียนใน
ดา้ นของผผู้ ลติ และกระบวนการที่ไดผ้ ลผลิต มากกว่าท่จี ะประเมินวา่ ผเู้ รยี นสามารถจดจาความรอู้ ะไรไดบ้ า้ ง
๒. เปน็ การประเมินความสามารถของผู้เรียน เพือ่ วินิจฉัยผูเ้ รยี นในส่วนท่ีควรสง่ เสรมิ และสว่ นที่ควรจะ
แก้ไขปรับปรงุ เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพตามความสามารถ ความสนใจและความต้องการของ
แต่ละบุคคล
๓. เปน็ การประเมินทเ่ี ปิดโอกาสให้ผู้เรยี นไดม้ ีสว่ นร่วมประเมนิ ผลงานของท้งั ตนเองและของเพ่อื นร่วม
ห้อง เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนรจู้ กั ตัวเอง เช่ือมั่นในตนเอง สามารถพฒั นาตนเองได้
๔. ขอ้ มูลทไ่ี ด้จากการประเมนิ จะสะท้อนใหเ้ หน็ ถึงกระบวนการเรียนการสอนและการวางแผนการสอน
ของผสู้ อนวา่ สามารถตอบสนองความสามารถ ความสนใจ และความต้องการของผ้เู รียนแตล่ ะบุคคลไดห้ รอื ไม่
๕. ประเมนิ ความสามารถของผูเ้ รียนในการถา่ ยโอนการเรยี นรไู้ ปสชู่ วี ิตจริงได้
๖. ประเมนิ ด้านต่างๆ ด้วยวธิ ที ่ีหลากหลายในสถานการณ์ต่างๆ อยา่ งต่อเนอื่ ง
วธิ กี ารและแหล่งข้อมลู ท่ีใช้
เพ่ือให้การวดั และประเมนิ ผลได้สะทอ้ นความสามารถทแ่ี ทจ้ รงิ ของผู้เรยี น ผลการประเมินอาจจะได้มา
จากแหล่งขอ้ มลู และวธิ ีการตา่ งๆ ดงั ต่อไปน้ี
๑. สงั เกตการแสดงออกเป็นรายบคุ คลหรือรายกล่มุ
๒. ช้ินงาน ผลงาน รายงาน
๑๕๒
๓. การสมั ภาษณ์
๔. บันทกึ ของผ้เู รยี น
๕. การประชมุ ปรึกษาหารอื ร่วมกนั ระหวา่ งผ้เู รยี นและครู
๖. การวัดและประเมนิ ผลภาคปฏบิ ัติ (practical assessment)
๗. การวัดและประเมนิ ผลด้านความสามารถ (performance assessment)
๘. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรโู้ ดยใชแ้ ฟ้มผลงาน (portfolio assessment)
การวัดและประเมินผลด้านความสามารถ (performance assessment)
ความสามารถของผู้เรียนประเมินได้จากการแสดงออกโดยตรงจากการทางานต่างๆ เป็นสถานการณ์ที่
กาหนดให้ ซ่ึงเป็นของจริงหรือใกล้เคียงกับสภาพจริง และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แก้ปัญหาหรือปฏิบัติงานได้จริง
โดยประเมินจากกระบวนการทางาน กระบวนการคิด โดยเฉพาะความคิดขั้นสงู และผลงานท่ีได้ลักษณะสาคัญของ
การประเมินความสามารถคือ กาหนดวัตถุประสงค์ของงาน วิธีการทางานผลสาเร็จของงาน มีคาส่ังควบคุม
สถานการณ์ในการปฏิบัติงาน และมีเกณฑ์การให้คะแนนท่ีชัดเจน การประเมนิ ความสามารถท่ีแสดงออกของผู้เรียน
ทาไดห้ ลายแนวทางต่างๆ กัน ขนึ้ อยู่กบั สภาพแวดล้อมสภาวการณ์ และความสนใจของผู้เรียน ดงั ตวั อย่างต่อไปน้ี
๑. มอบหมายงานให้ทา งานที่มอบให้ทาต้องมีความหมาย มีความสาคัญ มีความสัมพันธ์กับหลักสูตร
เน้ือหาวิชา และชีวิตจริงของผู้เรียน ผู้เรียนต้องใช้ความรู้หลายด้านในการปฏิบัติงานท่ีสามารถสะท้อนให้เห็นถึง
กระบวนการทางาน และการใช้ความคิดอย่างลกึ ซง้ึ
ตัวอยา่ งงานทมี่ อบหมายให้ทา เชน่
- การจาลองสถานการณ์ข้ึนมาให้นักเรียนฝึกสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ เชน่ บทสนทนาทักทายในตอนเช้า
ในโรงเรยี น โดยใหเ้ รมิ่ จากบทสนทนาส้นั ๆท่ีเข้าใจและสามารถจดจาได้
๒. การกาหนดชิ้นงาน ใบงานหรือส่ือมัลติมิเดียต่างๆ ที่หลากหลายเพ่ือให้ผู้เรียนได้ฝึกอภิปรายและฝึก
แกป้ ญั หาในสถานการณ์ต่างๆ
- ใบงานฝกึ สะกดคาจาก phonics
- ใบความร้ฝู ึกการออกเสียง –s และ -es
๓. กาหนดตัวอย่างช้ินงานให้ แล้วให้ผู้เรียนศึกษางานนั้น เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆได้
จากการศกึ ษาคน้ คว้า
๔. สร้างสถานการณจ์ าลองท่สี ัมพนั ธก์ ับชีวิตจริงของผู้เรียน โดยกาหนดสถานการณ์
แล้วใหผ้ ูเ้ รียนสามารถนาความรทู้ ่ีได้เรยี นมาไปปรับใชไ้ ด้
การประเมนิ ผลการเรยี นรโู้ ดยใช้แฟม้ ผลงาน (portfolio assessment)
แฟม้ ผลงานคืออะไร
เม่ือผู้เรียนทากิจกรรมต่างๆ ที่เก่ียวข้องกับการเรียนการสอนวิชาภาษาอังกฤ ท้ังในห้องเรียนหรือนอก
ห้องเรียนก็ตาม ก็จะมีผลงานท่ีได้จากการทากิจกรรมเหล่านั้นปรากฏอยู่เสมอ ซึ่งสามารถจาแนกผลงานออกตาม
กิจกรรมต่างๆ ดงั น้ี
๑. การฟังบรรยาย เมื่อผู้เรียนฟังการบรรยายก็จะมีสมุดจดคาบรรยาย ซ่ึงอาจอยู่ในรูปของบันทึกอย่าง
ละเอียดหรือบันทึกแบบย่อ ท้ังน้ี ข้ึนอยู่กับลักษณะของความชอบและความเคยชินของผู้เรียนในการบันทึกคา
บรรยาย
๒. การปฏิบัติ ผลงานของผู้เรียนท่ีเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติในเร่ืองของการ ฟัง พูด อ่าน เขียน อาจ
ประกอบด้วยการวางเติมคาในช่องว่างใน dialogue ตามสถานการณ์น้ันๆ โดยจะต้องประกอบไปด้วยท้ังหมด 4
ทกั ษะ หลังจากนนั้ ก็นามาสนทนากนั เป็นคู่หรอื เปน็ กลุ่ม
๑๕๓
๓. การอภิปราย ผลงานของผ้เู รียนที่เก่ียวข้องกับการอภิปราย คือ วางหวั ขอ้ และข้อมูลที่จะนามาใช้ในการ
อภปิ ราย ผลทไี่ ด้จากการอภิปรายรวมท้ังข้อสรุปต่างๆ
๔. การศกึ ษาค้นคว้าเพิ่มเติม จัดเป็นผลงานท่ีสาคัญประการหน่งึ ของผู้เรียนที่เกิดจากการได้รับมอบหมาย
จากครูผู้สอนให้ไปค้นคว้าหาความรู้ในเร่ืองต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือประเด็นท่ีกาลังศึกษา ผลงานที่ได้จาก
การค้นคว้าเพิ่มเติมอาจอยู่ในรูปของรายงาน การทาวิจัยเชิงเอกสารหรือบันทึกประเด็นสาคัญซ่ึงอาจนามาใช้
ประกอบการอภิปรายในช่ัวโมงเรยี นกไ็ ด้
๕. การศกึ ษานอกสถานท่ี การศึกษานอกสถานท่จี ัดเป็นวธิ ีการที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์ตรง
ในการนาภาษาต่างๆประเทศนน้ั ๆไปสนทนาในสถานการณ์จรงิ ๆ
๖. การบันทึกรายวัน เป็นผลงานประการหน่ึงของผู้เรียนท่ีอยู่นอกเหนือจากผลงานท่ีแสดงถึงการเรียนรู้
โดยตรง แต่จะช่วยให้ผู้เรียนหรือผู้ประเมินได้เข้าใจในประเด็นหรือส่ิงท่ีผู้เรียนนึกคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอน
วิทยาศาสตร์ด้วยนอกจากกิจกรรมที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังอาจมีกิจกรรมอ่ืนๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน ซึ่ง
ผูเ้ รยี นสามารถแสดงออกถึงความสามารถอื่นๆ อีกดว้ ยเชน่ การสื่อสาร ผลงานเหล่านีถ้ ้าไดร้ ับการเก็บรวบรวมอย่าง
มีระบบด้วยตัวผู้เรียนเองตามช่วงเวลา ท้ังก่อนและหลังการทากิจกรรมเหล่านี้ โดยได้รับคาแนะนาจากผู้สอน และ
ผู้เรียนฝึกทาจนเคยชินแล้วจะถือเป็นผลงานที่สาคัญย่ิงท่ีใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ในวิชาภาษาอังกฤษของ
ผู้เรียนตอ่ ไป
ในการวัดและประเมินผลด้านการปฏิบัติ ครอบคลุมถึงการที่นักเรียนได้แสดงให้ครูเห็นถึงความรู้
ความสามารถที่ครูได้คาดหวังว่านักเรียนจะมีความรู้เกิดขึ้นจากการเรียนรู้นั้น การวัดและประเมินผลในด้านน้ี จะ
ชว่ ยสะท้อนให้ครูและนักเรียนได้ทราบว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้มากน้อยเพียงใด มีอะไรทคี่ รูควรให้
ความช่วยเหลือเปน็ พิเศษ และเรียนรูไ้ ปมากน้อยเพียงใดตามจุดประสงค์ท่ีครูต้งั ไว้ อาจใชว้ ิธีการสอบวัดผลสัมฤทธิ์
ท้ังการสอบยอ่ ยและการสอบใหญ่ การให้นักเรยี นสอบปฏบิ ตั กิ ารต่างๆ เปน็ ต้น
แนวทางการให้คะแนนเพอื่ การประเมนิ
จากที่กล่าวมาแล้วว่า การประเมินจากสภาพจริงให้ความสาคัญต่อการประเมินโดยใช้ข้อสอบแบบเขียน
ตอบน้อยมา แต่จะให้ความสาคัญต่อการแสดงออกท่ีแท้จริงของนักเรียนขณะทากิจกรรม งานหรือกิจกรรมท่ี
กาหนดให้นักเรยี นทาจะมแี นวทางไปสู่ความสาเรจ็ ของงานและมีวิธีการหาคาตอบหลายแนวทาง คาตอบที่ได้
อาจมิใช่ในแนวทางที่กาหนดไวเ้ สมอไป จึงทาให้การตรวจใหค้ ะแนนไม่สามารถให้อย่างชัดเจนแน่นอนเหมือน
การตรวจใหค้ ะแนนแบบข้อสอบเลือกตอบ ดังน้ันการประเมนิ จากสภาพจริง จงึ ตอ้ งมีการกาหนดแนวทางการ
ใหค้ ะแนนอยา่ งชัดเจน การกาหนดแนวทางอาจจัดทาโดยครู คณะครูหรอื ครูและนกั เรยี นกาหนดรว่ มกัน แนว
ทางการประเมินน้ันจะต้องมีมาตรวัดว่านักเรียนทาอะไรได้สาเร็จ และระดับความสาเร็จอยู่ในระดับใด แนว
ทางการประเมินท่ีมมี าตรวัดนี้ เรยี กวา่ Rubric การประเมินโดยอิง Rubric นี้ โดยทว่ั ไปมี ๒ แบบคอื
๑. การใหค้ ะแนนภาพรวม (Holistic score)
๒. การให้คะแนนแยกองค์ประกอบ (Analytic score)
แนวปฏบิ ัติในการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้
ก า ร วั ด แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก า ร เ รี ย น รู้ ข อ ง ผู้ เ รี ย น ต้ อ ง อ ยู่ บ น ห ลั ก ก า ร พื้ น ฐ า น ส อ ง ป ร ะ ก า ร คื อ
การประเมินเพ่ือพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้
ประสบผลสาเร็จน้ัน นักเรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตามมาตรฐานการ
เรยี นรู้ สะทอ้ นสมรรถนะสาคญั และคุณลักษณะอนั พงึ ประสงคข์ องนกั เรยี นซ่ึงเป็นเปา้ หมายหลักในการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้ในระดับช้ันเรียน ระดับสถานศึกษา การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็น
กระบวนการพัฒนาคุณภาพนักเรียนโดยใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ
๑๕๔
ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของนักเรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้
นกั เรียนเกดิ การพฒั นาและเรยี นรูอ้ ยา่ งเต็มตามศกั ยภาพ
การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น ๒ ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา มี
รายละเอียด ดังน้ี
๑. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลท่ีอยู่ในกระบวนการจัดการเรียนรู้ ครู
ผู้สอนดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรยี นการสอน ใช้เทคนิคการประเมนิ อย่างหลากหลาย
เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินช้ินงาน/ ภาระงาน แฟ้ม
สะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยครู ผู้สอนเป็นผู้ประเมินเองหรือเปิดโอกาสให้นกั เรียนประเมินตนเอง
เพอ่ื นประเมนิ เพื่อน ผู้ปกครองร่วมประเมิน ในกรณที ไี่ ม่ผา่ นตวั ชวี้ ัดใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ
การประเมินระดับช้ันเรยี นเป็นการตรวจสอบว่า นักเรยี นมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้
อนั เป็นผลมาจากการจดั กิจกรรมการเรยี นการสอนหรือไม่ และมากนอ้ ยเพียงใด มสี ิ่งท่จี ะต้องได้รับการพัฒนา
ปรับปรงุ และสง่ เสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมลู ให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรยี นการสอนของตนด้วย ทงั้ น้ี
โดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ช้ีวัด
๒. การประเมินระดับสถานศึกษา เปน็ การประเมนิ ท่ีสถานศกึ ษาดาเนินการเพื่อตัดสินผล การเรยี น
ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์
และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพ่ือให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรียนของ
ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศเพ่ือการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรยี นการสอน ตลอดจนเพ่ือการ
จัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษาและการ
รายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา สานักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน ผ้ปู กครองและชมุ ชน
ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ในการตรวจสอบทบทวนพัฒนาคุณภาพ
นักเรียน ที่จะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาเต็มตาม
ศักยภาพบนพื้นฐาน ความแตกต่างระหว่างบุคคลที่จาแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่ม
นักเรยี นท่ัวไป กลมุ่ นักเรียนท่มี คี วามสามารถพิเศษ กลุ่มนกั เรยี นทมี่ ผี ลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนตา่ กล่มุ ผู้เรียนท่ีมี
ปญั หาด้านวินัยและพฤติกรรม กล่มุ นกั เรียนท่ปี ฏิเสธโรงเรียน กลมุ่ นกั เรยี นท่มี ีปญั หาทางเศรษฐกิจและสังคม
กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจาก การประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการ
ดาเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาและประสบความสาเร็จในการ
เรียน
สถานศกึ ษาในฐานะผรู้ บั ผดิ ชอบจดั การศึกษา จะตอ้ งจดั ทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมนิ ผลการ
เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติท่ีเป็นข้อกาหนดของหลักสูตร
สถานศกึ ษา เพือ่ ใหบ้ ุคลากรทเี่ กย่ี วข้องทุกฝา่ ยถือปฏบิ ตั ริ ่วมกัน
เกณฑก์ ารวดั และประเมินผลการเรียน
๑. การตัดสิน การใหร้ ะดบั และการรายงานผลการเรยี น
๑.๑ การตดั สนิ ผลการเรียน
ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนัน้ ผู้สอนต้องคานึงถึงการพัฒนานกั เรียนแต่ละคนเปน็
๑๕๕
หลัก และต้องเก็บขอ้ มูลของนักเรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรียน รวมท้งั สอนซ่อมเสริม
ผ้เู รียนให้พัฒนาจนเต็มตามศกั ยภาพ
ระดบั ประถมศกึ ษา
(๑) ผเู้ รยี นต้องมีเวลาเรยี นไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นท้ังหมด
(๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวช้ีวัด และผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของ
จานวนตัวช้ีวัด
(๓) ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวชิ า ไม่น้อยกว่าระดับ “๑” จึงจะถือวา่
ผา่ นเกณฑต์ ามทส่ี ถานศกึ ษากาหนด
(๔) นกั เรยี นต้องได้รับการประเมนิ และมีผลการประเมิน การอา่ นคดิ วิเคราะห์และเขยี น ใน
ระดับ “ผ่าน” ข้ึนไป มีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับ “ผ่าน” ข้ึนไป และมีผลการ
ประเมินกิจกรรมพฒั นานกั เรียน ในระดบั “ผ่าน”
การพิจารณาเลื่อนชั้น ถ้านักเรียนมีข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อย และพิจารณาเห็นว่าสามารถ
พัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้ผ่อนผันให้เลื่อนช้ันได้ แต่หากนักเรียนไม่ผ่านรายวิชาจานวนมาก และมี
แนวโน้มวา่ จะเป็นปญั หาตอ่ การเรยี นในระดับชนั้ ท่ีสงู ขนึ้ ให้ตงั้ คณะกรรมการพจิ ารณาใหเ้ รียนซา้ ชัน้ ได้ ทง้ั นี้ให้
คานงึ ถงึ วุฒภิ าวะและความรู้ความสามารถของนกั เรียนเป็นสาคัญ
๑.๒ การใหร้ ะดับผลการเรียน
ระดับประถมศึกษา ในการตัดสินเพ่ือให้ระดับผลการเรียนรายวิชา ให้ระดับผลการเรียนหรือระดับ
คณุ ภาพการปฏบิ ตั ิของนกั เรยี น เปน็ ระบบตัวเลขแสดงระดบั ผลการเรียนเป็น ๘ ระดบั ดงั น้ี
ระดบั ผลการเรยี น ความหมาย ชว่ งคะแนนรอ้ ยละ
๔ ผลการเรียนดเี ยยี่ ม ๘๐ - ๑๐๐
๓.๕ ผลการเรยี นดีมาก ๗๕ - ๗๙
๓ ผลการเรียนดี ๗๐ - ๗๔
๒.๕ ผลการเรยี นคอ่ นขา้ งดี ๖๕ - ๖๙
๒ ผลการเรยี นน่าพอใจ ๖๐ - ๖๔
๑.๕ ผลการเรยี นพอใช้ ๕๕ - ๕๙
๑ ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ๕๐ - ๕๔
๐ ผลการเรยี นตา่ กว่าเกณฑ์ ๐ - ๔๙
การประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับผลการ
ประเมินเปน็ ดเี ยย่ี ม ดี ผ่าน และไม่ผ่าน
การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงานของผูเ้ รียน ตามเกณฑ์ที่สถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการเขา้ รว่ มกิจกรรมเปน็ ผ่าน และไม่
ผา่ น
๑.๓ การรายงานผลการเรียน
การรายงานผลการเรียนเป็นการสื่อสารให้ผู้ปกครองและนักเรียนทราบความก้าวหน้า ในการ
เรียนรู้ของนักเรียน ต้องสรุปผลการประเมินและจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบเป็นระยะ ๆ หรือ
อยา่ งน้อยภาคเรียนละ ๑ คร้ัง
๑๕๖
การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติขอ งนักเรียนท่ีสะ ท้อน
มาตรฐานการเรยี นร้กู ลุม่ สาระการเรยี นรู้
๒. เกณฑ์การจบการศึกษา
หลักสูตรสถานศึกษา กาหนดเกณฑ์กลางสาหรับการจบการศึกษาเป็น ๑ ระดับ คือ ระดับ
ประถมศึกษา
๒.๑ เกณฑ์การจบระดบั ประถมศกึ ษา
(๑) นักเรยี นเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวชิ า/กิจกรรมเพม่ิ เติมตามโครงสรา้ งเวลาเรียน ท่ี
กาหนด
(๒) นกั เรียนตอ้ งมีผลการประเมินรายวชิ าพืน้ ฐาน ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ตามที่กาหนด
(๓) นักเรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณฑ์ การ
ประเมนิ ตามท่ีกาหนด
(๔) นักเรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมิน
ตามที่กาหนด
(๕) นักเรียนเข้ารว่ มกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี นและมผี ลการประเมินผา่ นเกณฑก์ ารประเมินตามท่ี
กาหนด
สาหรับการจบการศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เชน่ การศึกษาเฉพาะทาง การศึกษาสาหรับผู้มี
ความสามารถพิเศษ การศึกษาทางเลือก การศึกษาสาหรับผู้ด้อยโอกาส การศึกษาตามอัธยาศัย ให้
คณะกรรมการของสถานศึกษา ดาเนินการวัดและประเมินผลการเรียนรตู้ ามหลักเกณฑใ์ นแนวปฏิบัติการวดั
และประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรสถานศึกษาสาหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
๑๕๗
อภิธานศัพท์
การเดาความหมายจากบริบท (context clue)
การเดาความหมายของคาศัพทห์ รอื ขอ้ ความทีไ่ ม่ทราบความหมายโดยไมต่ ้องเปิดพจนานุกรม เป็นการ
เดาความหมายนนั้ โดยอาศัยการชแ้ี นะจากคาศัพท์หรอื ข้อความท่แี วดล้อมคาศัพท์หรือขอ้ ความที่อา่ น เพ่อื ชว่ ย
ในการทาความเข้าใจหรือตีความหมายของคาศพั ทห์ รือข้อความทไ่ี ม่เข้าใจความหมาย
การถา่ ยโอนข้อมูล
การแปลงข้อมูลที่ผู้ส่งสารต้องการจะสื่อสารให้ผู้รับสารเข้าใจความหมายในรูปแบบท่ีต้องการ เช่น
การถ่ายโอนข้อมูลทีเ่ ปน็ คา ประโยค หรอื ขอ้ ความไปเป็นขอ้ มูลท่เี ป็นกราฟ สญั ลกั ษณ์ รปู ภาพ แผนผงั แผนภูมิ
ตาราง ฯลฯ หรือการถ่ายโอนข้อมูลที่เป็นกราฟ สัญลักษณ์ รูปภาพ แผนผัง แผนภูมิ ตาราง ฯลฯ ไปเป็น
ขอ้ มลู ทเี่ ป็นคา ประโยค หรือข้อความ
ทกั ษะการสอ่ื สาร
ทกั ษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซึง่ เป็นเครือ่ งมอื ในการรับสารและส่งสารด้วยภาษานน้ั ๆ
ได้อยา่ งส่อื ความหมาย คล่องแคลว่ ถกู ต้อง เข้าถงึ สารไดอ้ ย่างชดั เจน
บทกลอน (nursery rhyme)
บทรอ้ ยกรองสาหรับเด็ก ทม่ี คี าคล้องจองและมีความไพเราะ เพื่อช่วยให้จดจาไดง้ ่าย
บทละครสนั้ (skit)
งานเขียนหรอื บทละครสั้นท่มี ีการแสดงออกดว้ ยท่าทางและคาพูด ทาให้เกิดความสนุกสนาน อาจเป็น
เรือ่ งทม่ี าจากนิทาน นิยาย ชีวิตของคน สัตว์ ส่งิ ของ หรือตดั ตอนมาจากงานเขียน
ภาษาทา่ ทาง
การส่ือสารโดยการแสดงท่าทางแทนคาพูดหรือการแสดงท่าทางประกอบคาพูด เพ่ือให้ความหมายมี
ความชดั เจนย่งิ ขน้ึ การแสดงทา่ ทางต่างๆ อาจแสดงได้ลักษณะ เช่น การแสดงออกทางสหี น้า การสบตา การ
เคลื่อนไหวศีรษะ มือ การยกมอื การพยักหน้า การเลิกคิว้ เป็นตน้
วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
วิถีการดาเนินชีวิตของคนในสังคมที่ใช้ภาษานั้น นับต้ังแต่วิธีการกินอยู่ การแต่งกาย การทางาน
การพักผ่อน การแสดงอารมณ์ การส่ือความ ค่านิยม ความคิด ความเช่ือ ทัศนคติ ขนบธรรมเนียมประเพณี
เทศกาล งานฉลอง และมารยาท เปน็ ตน้
สือ่ ที่ไม่ใช่ความเรียง (non-text information)
สิ่งท่ีใช้ส่ือสารแทนคา วลี ประโยค และข้อความ เช่น กราฟ สัญลักษณ์ รูปภาพ ส่ิงของ แผนผัง
แผนภมู ิ ตาราง เป็นตน้
๑๕๘
ภาคผนวก
๑๕๙
คาส่ังสานกั งานเขตพืน้ ทกี่ ารศกึ ษาประถมศึกษาอุดรธานี เขต 2
ท่ี 244 / 2563
เรอ่ื ง แต่งต้ังคณะกรรมการบริหารหลกั สตู รและวิชาการของสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน
-------------------------------------------------
เพ่ือให้การบริหารหลักสตู รและงานวิชาการสถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ
สอดคลอ้ งกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และทแี่ ก้ไขเพม่ิ เติม หมวด 4 มาตรา 27 ที่
กาหนดให้สถานศกึ ษา
ขัน้ พื้นฐานมีหนา้ ที่จัดทาสาระของหลักสูตรเพื่อความเป็นไทย ความเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ การดารงชวี ติ และ
การประกอบอาชีพตลอดจนเพอื่ การศึกษาตอ่ ในสว่ นทเี่ กย่ี วกบั สภาพปัญหา ในชุมชน และสงั คม ภมู ปิ ัญญา
ทอ้ งถิ่น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคเ์ พ่ือเปน็ สมาชกิ ทีด่ ขี องครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ
อาศัย ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการ วา่ ดว้ ยคณะกรรมการบรหิ ารหลกั สูตรและงานวชิ าการ
สถานศึกษา
ขน้ั พื้นฐาน พ.ศ. 2544 ข้อ 5 และประกาศการใช้หลกั สูตรแกนกลางสถานศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
เม่ือวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 สานกั งานเขตพนื้ ที่การศึกษาประถมศึกษาอดุ รธานี เขต 2 จงึ แต่งตง้ั
คณะกรรมการการบรหิ ารหลกั สตู รและงานวิชาการโรงเรยี นบ้านนาตาดนาโปร่ง ดงั น้ี
1. คณะกรรมการท่ีปรึกษา ประกอบดว้ ยผูท้ รงคณุ วฒุ ดิ ังนี้
1.1 นายกัว่ วะเศษสรอ้ ย ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษา
1.2นายสาคร คามงคล กรรมการ
1.3 นายคาผนั วจั นพันธ์ กรรมการ
1.4 นายตนั คาฤาชยั กรรมการ
1.5 นายบญุ ทนั ไชยราช กรรมการ
1.6 นายจานง ชาตมิ นตรี กรรมการ
1.7 นายธุรี อ่อนศลิ า กรรมการ
1.8 นางดษุ ฎี แคว้นอนิ ทร์ กรรมการ
1.9 วา่ ทื่ ร.ต.วิรชั พรหมกุล กรรมการและเลานุการ
มีหน้าท่ี ให้คาปรึกษาเกีย่ วกับนโยบายการจัดการศึกษาของโรงเรียนบา้ นนาตาดนาโปร่ง
2. คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและงานวชิ าการ ประกอบดว้ ย
2.1 ว่าทื่ ร.ต.วิรชั พรหมกลุ ผู้อานวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ
2.2 นางสาวนงนชุ จันทร์รกั ษ์ หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย กรรมการ
2.3 นางขวญั นภา ราชชมภู หวั หน้ากล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรรมการ
2.4 นางขวัญนภา ราชชมภู หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ กรรมการ
2.5 นายสราวธุ รงุ่ แสง หวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรูส้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา กรรมการ
2.6 นางสาวเพ็ญนภา ผ่านชมภู หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนาฯ กรรมการ
๑๖๐
2.7 นางดษุ ฎี แควน้ อนิ ทร์ หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพ กรรมการ
2.8 นางเรวดี ไชยราช หวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ิลปะ กรรมการ
2.9 นางสาวสพุ ชิ ญากร จารุพงษ์ทวิช หัวหนา้ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ กรรมการ
2.10 นางขวัญนภา ราชชมภู หวั หนา้ กลุ่มบริหารงานวชิ าการและกลุ่มพัฒนา กรรมการ/เลขานกุ าร
คณะกรรมการบริหารหลักสูตร มหี น้าที่
1. วางแผนการดาเนนิ งานวชิ าการ กาหนดสาระรายละเอยี ดของหลักสตู รระดับสถานศึกษา และแนว
การจดั สัดส่วนสาระการเรยี นรู้ และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียนของสถานศึกษาให้สอดคลอ้ งกับหลักสูตรการศกึ ษา
ขน้ั พนื้ ฐาน สภาพเศรษฐกจิ สังคม ศลิ ปวฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ
2. จดั ทาคู่มือบรหิ ารหลักสตู รและงานวชิ าการของสถานศึกษา นเิ ทศ กากับ ติดตาม ใหค้ าปรกึ ษา
เก่ยี วกับการพัฒนาหลักสตู ร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และการแนะแนวให้สอดคล้อง
และเปน็ ไปตามมาตรฐานหลักสูตรการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน
3. สง่ เสริมและสนับสนนุ การพฒั นาบุคลากรเกยี่ วกับการพฒั นาหลกั สูตร การจดั กระบวนการเรียนรู้
การวดั และประเมนิ ผลและการแนะแนวให้เป็นไปตามจุดหมายและแนวทางการดาเนินการของหลักสตู ร
4. ประสานความร่วมมือจากบคุ คล หน่วยงาน องค์กรตา่ ง ๆ และชมุ ชนเพอื่ ใหก้ ารใช้หลกั สูตรเป็นไป
อย่างมีประสิทธิภาพและคณุ ภาพ
5. ประชาสมั พันธ์หลกั สูตรและการใช้หลักสตู รแก่นักเรยี น ผปู้ กครอง ชุมชน และผู้ที่เกยี่ วขอ้ ง และนา
ข้อมูลปอ้ นกลบั จากฝา่ ยต่าง ๆ มาพจิ ารณาเพื่อการปรบั ปรุงและพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา
6. สง่ เสรมิ และสนับสนุนการวจิ ัยเก่ียวกับการพฒั นาหลกั สตู รและกระบวนการเรียนรู้
7. ตดิ ตามผลการเรียนของนักเรยี นรายบคุ คล ระดับช้นั ระดบั ช่วงช้ันและระดบั กลุ่มวชิ า ในแตล่ ะปี
การศกึ ษาเพอื่ ปรบั ปรุง แกไ้ ขและพัฒนาการดาเนินงานด้านตา่ ง ๆ ของสถานศกึ ษา
8. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมนิ มาตรฐานการปฏิบัตงิ านของครูและบริหารหลกั สูตรระดับสถานศกึ ษา
ในรอบปที ่ีผ่านมา แลว้ ใช้ผลการประเมินเพอื่ วางแผนพฒั นาการปฏบิ ัตงิ านของครูและการบริหารหลกั สูตรปี
การศกึ ษาต่อไป
9. รายงานผลการปฏิบตั ิงานและผลการบรหิ ารหลกั สตู รของสถานศกึ ษา โดยเน้นผลการพัฒนา
คณุ ภาพนกั เรยี นตอ่ คณะกรรมการสถานศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รระดับเหนือ
สถานศึกษา สาธารณชนและผู้ทีเ่ กีย่ วข้อง
10. ใหด้ าเนนิ การประชมุ อย่างนอ้ ยภาคเรยี นละ 2 ครง้ั
ทั้งนีใ้ หผ้ ้ไู ดร้ ับการแตง่ ต้ังปฏบิ ัติหนา้ ท่ีทีไ่ ด้รบั มอบหมายอย่างมีประสิทธภิ าพและบรรลุวัตถุประสงค์
ตามที่ ตัง้ ไว้ ต้ังแตบ่ ดั นเี้ ป็นตน้ ไป
ท้ังน้ี ต้งั แต่บัดนี้เป็นต้นไป
สงั่ ณ วนั ท่ี 8 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2563
๑๖๑
(นายบูรพา พรหมสงิ ห)์
ผ้อู านวยการสานักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศกึ ษาอดุ รธานี เขต 2
๑๖๒
คณะกรมการบรหิ ารจัดการหลักสูตร
คณะกรรมการท่ีปรึกษา
1. ว่าท่ี ร.ต.วริ ชั พรหมกลุ ผอู้ านวยการโรงเรียนบ้านนาตาดนาโปรง่
๒. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพืน้ ฐานโรงเรียนบา้ นนาตาดนาโปร่ง
๓.นางขวัญนภา ราชชมภู หวั หน้าฝา่ ยบริหารวชิ าการ
๔.นางสาวเพญ็ นภา ผา่ นชมภู หวั หน้าฝ่ายบริหารงบประมาณ
๕.นางเรวดี ไชยราช หัวหนา้ ฝา่ ยบริหารบุคคล
๖.นางพิสมัย จนั ทรก์ าจร หัวหน้าฝ่ายบริหารทัว่ ไป
คณะกรรมการจดั ทาหลักสูตรสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
1.นางสาวสพุ ชิ ญากร จารพุ งษท์ วชิ ครู ประธานกรรมการ
กรรมการ
๒.นางขวัญนภา ราชมมภู ครู กรรมการ
๓.นายสราวุธ รุ่งแสง ครู
๑๖๓
๑๖๔
๑๖๕
๑๖๖
๑๖๗
๑๖๘
๑๖๙
๑๗๐
๑๗๑
๑๗๒
๑๗๓
๑๗๔
๑๗๕
๑๗๖