The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Jitrawee Wongdee, 2020-09-16 00:47:35

แนวการจัดการเรียนรู้ ทักษะชีวิต สพฐ.

ทักษะ ชีวิต

แนวทางการพฒั นาทักษะชวี ิต บูรณาการการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระการเรยี นร
ู้

7.5 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพ่ือพัฒนาการคิด คาดคะเนความเส่ียงใน
สถานการณ์ทีเ่ ผชญิ ในชีวติ ประจำวันอยา่ งมเี หตุผล

คำถามเพ่อื การสะท้อน (R)

- นักเรียนรู้สึกอย่างไร เก่ียวกับความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและความรู้สึก


ต่อเพศตรงขา้ ม

คำถามเพอ่ื การเชอื่ มโยง (C)

1. เวลาทผ่ี ่านมานักเรียนเคยพบเหตกุ ารณ์ทีจ่ ะชักจูงใหม้ ีเพศสัมพนั ธ์หรอื ไม่?

อย่างไร

2. นักเรียนทำอย่างไรจึงไมค่ ล้อยตามการชักจูงนั้นเคยเอาตวั รอด

จากสถานการณ์ท่ีเสยี่ งไดอ้ ยา่ งไรบา้ ง?

คำถามเพ่ือการปรบั ใช้ (A)

- ในอนาคตหากนักเรียนตกอยใู่ นสถานการณ์เส่ยี งทางเพศในวยั เรียน

นักเรยี นจะทำอยา่ งไรใหต้ นเองรอดพน้ ความเสยี่ งนั้นได



8. สื่อการเรียนร
ู้
- ประเด็นคำถาม



9. การประเมินผล

9.1 ประเมนิ ผลงาน Mind Mapping

9.2 การตอบคำถาม


140

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551


แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้บรู ณาการทักษะชีวิตในกลุม่ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา


รายวชิ า สขุ ศึกษาและพลศึกษา ช้ัน มธั ยมศึกษาปีท่ี 3

เรือ่ ง พฒั นาการมนุษย์โลก เวลาจดั กิจกรรม 1 ชั่วโมง



1. มาตรฐานการเรยี นรู้

- พ 1.1 เข้าใจธรรมชาติของการเจริญเตบิ โตและพัฒนาการของมนษุ ย



2. สาระ/ตวั ชี้วัด

- เปรียบเทียบการเปล่ียนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา

แตล่ ะช่วงของชวี ิต



3. วัตถุประสงค

3.1 นกั เรียนสามารถสบื คน้ ข้อมูลพฒั นาการของมนษุ ย์ได้

3.2 นักเรียนสามารถเปรียบเทยี บการเปลีย่ นแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม
และสติปญั ญา แตล่ ะช่วงชวี ติ ของมนษุ ย์ได้



4. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวิต : การคดิ วิเคราะหต์ ดั สินใจและแก้ไขปัญหาอยา่ งสร้างสรรค

- มที ักษะในการแสวงหาและใชข้ ้อมูลจากแหลง่ เรยี นรูต้ ่าง ๆ ใหเ้ ป็นประโยชนก์ บั ตนเอง
และผ้อู นื่



5. สาระเนอ้ื หา

- การสบื ค้นขอ้ มูลการเจริญเติบโตของมนุษย



6. ภาระงาน/ช้นิ งาน

- ผลงาน Mind Mapping พฒั นาการของมนษุ ย์



7. กจิ กรรมการเรยี นรทู้ เ่ี สรมิ สรา้ ทักษะชวี ิต

7.1 ครูและนักเรียนร่วมสนทนาธรรมชาติของมนุษย์ว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง

ทัง้ ดา้ นร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และสตปิ ญั ญาไปแต่ละช่วงชวี ิต


141

แนวทางการพฒั นาทักษะชีวิต บูรณาการการเรยี นการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรียนร
ู้

7.2 แบง่ กลมุ่ นักเรยี น กลุ่มละ 5 คน สบื ค้นขอ้ มูลการเจริญเติบโตของมนุษย์ในแต่ละช่วง
ชีวิต ด้านตอ่ ไปนี

7.2.1 ดา้ นรา่ งกาย

7.2.2 ดา้ นจติ ใจ

7.2.3 ด้านอารมณ์

7.2.4 ด้านสงั คม

7.2.5 ดา้ นสตปิ ญั ญา

7.3 ตัวแทนกลมุ่ นำเสนอผลการสืบค้นในรปู Mind Mapping

7.4 ครแู ละนักเรียนร่วมเปรยี บเทยี บพฒั นาการดา้ นต่าง ๆ ของมนุษย




7.5 สนทนาด้วยคำถาม R - C - A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต วิเคราะห์ผลกระทบและ

หาทางป้องกันหรอื แกป้ ัญหาทีเ่ กิดจากพฤติกรรมไมพ่ ึงประสงค์

คำถามเพอ่ื การสะท้อน (R)

- นกั เรียนรสู้ ึกอยา่ งไรต่อรปู ร่างหรือรา่ งกายของตนเองในขณะน้ี

คำถามเพ่ือการเช่ือมโยง (C)

- หากย้อนกลบั ไปได้นกั เรยี นอยากแก้ไขตนเองในดา้ นใดบ้าง

- ถ้าแกไ้ ขตนเองได้จะเกิดผลการเปลย่ี นแปลงชีวติ ของตนเองอยา่ งไรบา้ ง

คำถามเพ่ือการปรับใช้ (A)

- เราไม่สามารถย้อนอดีตไดแ้ ต่เราพัฒนาตนเองได้ นกั เรียนคดิ ว่าจะพฒั นา

หรอื ปรบั ปรงุ ตัวเองอย่างไรบา้ ง ใหต้ นเองสมบรู ณ์ทสี่ ุด



8. ส่ือการเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู

8.1 Internet

8.2 หอ้ งสมุด



9. การประเมินผล

9.1 ผลงานการสืบคน้

9.2 ผลงานการเปรยี บเทยี บ


142

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551


แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรบู้ รู ณาการทักษะชีวติ ในกลุ่มสาระการเรียนรูส้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา


รายวชิ า สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 - 6

เร่อื ง ชีวติ และส่ิงแวดล้อม เวลาจดั กจิ กรรม 1 ชวั่ โมง



1. มาตรฐานการเรียนร
ู้
- พ 2.1 เขา้ ใจและเหน็ คุณค่าตนเอง ครอบครวั เพศศึกษา และมที ักษะในการดำเนนิ ชีวติ



2. สาระ/ตวั ช้วี ดั

- วเิ คราะหอ์ ิทธิพลของครอบครัว เพ่ือน สังคม และวัฒนธรรมทีม่ ีผลตอ่

พฤติกรรมทางเพศและการดำเนินชวี ติ



3. วตั ถุประสงค

3.1 เพื่อศึกษาส่งิ แวดล้อมท่ีมอี ทิ ธิพลต่อพฤติกรรมของมนุษย์

3.2 วิเคราะห์ผลกระทบและหาทางปอ้ งกันปญั หาทเ่ี กิดจากพฤตกิ รรมทไี่ มพ่ ึงประสงค



4. องคป์ ระกอบทกั ษะชวี ิต

- วิเคราะหผ์ ลกระทบและหาทางป้องกนั หรือแกป้ ญั หาทีเ่ กดิ จากพฤติกรรม

ท่ีไม่พงึ ประสงค



5. สาระเนือ้ หา

- อิทธพิ ลของสง่ิ แวดล้อมทม่ี ีตอ่ การดำเนินชีวิต



6. ช้ินงาน/ภาระงาน

6.1 ผลงานจากการสืบคน้ ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การดำเนินชีวิตของมนษุ ย์

6.2 ผลงานการวเิ คราะห์ ผลกระทบและวิธีการปอ้ งกันตนเองจากปญั หาพฤติกรรม



7. กจิ กรรมการเรยี นรู

7.1 ครูและนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศและการดำเนิน
ชวี ิตของมนษุ ย์


143

แนวทางการพฒั นาทักษะชีวิต บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กลุม่ สาระการเรียนร
ู้

7.2 แบง่ กลุ่มนกั เรยี นกลุ่มละ 5 คน ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดงั นี้

- สืบค้นหรือสำรวจสถานท่ีท่ีอยู่ใกล้บริเวณโรงเรียนหรืออยู่ในชุมชนท่ีมีอิทธิพลต่อ

พฤตกิ รรมของมนษุ ย์ เช่น รา้ นเกม ร้านคาราโอเกะ รา้ นอาหาร (มสี รุ าจำหน่าย) วัด มสั ยิด

7.3 ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มวิเคราะห์ว่าสถานที่ดังกล่าว

มอี ิทธิพลก่อใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมของผู้คนในสังคมอยา่ งไร และมีวธิ กี ารป้องกนั อยา่ งไร

7.4 ครแู ละนักเรยี นรว่ มสรปุ




7.5 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต การตัดสินใจใน
สถานการณ์ตา่ ง ๆ ทเี่ ผชิญอย่างมเี หตุผลและรอบคอบ

คำถามเพ่ือการสะทอ้ น (R)

- นกั เรียนมีความรสู้ ึกอยา่ งไรต่อปัญหาสงิ่ แวดล้อมที่พบเหน็ ในปจั จุบนั

คำถามเพ่ือการเชื่อมโยง (C)

- นักเรียนเคยรับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดจากความมักง่ายของคนในสังคม


ใกล้ตัวบา้ งหรอื ไม่ เชน่ เร่อื งอะไร อย่างไรบ้าง

คำถามเพอื่ การปรับใช้ (A)

- หากนกั เรยี นพบเหน็ การกระทำทม่ี ักงา่ ยของคน นกั เรียนจะมวี ิธีการปอ้ งกัน

หรือแกไ้ ขปัญหาการกระทำนอ้ี ย่างไรบ้าง? ท่ไี มท่ ำให้เสียสัมพนั ธภาพต่อกัน



8. ชนิ้ งานทีค่ วรปรากฏ

8.1 ผลงานการสืบคน้ ปัจจัยท่ีมผี ลต่อการดำเนนิ ชวี ติ ของมนุษย

8.2 ผลงานการวิเคราะห์ผลกระทบและหาทางป้องกันปัญหาท่ีเกิดจากพฤติกรรม

ทไี่ ม่พึงประสงค



9. สือ่ /แหลง่ เรียนรู้

9.1 หนังสือ

9.2 Internet



10. การประเมนิ ผล

10.1 ประเมินผลงานการสืบคน้

10.2 ประเมนิ ผลงานการวเิ คราะห์



144

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551


แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรบู้ ูรณาการทกั ษะชวี ติ ในกลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา


รายวชิ า สขุ ศกึ ษา และพลศกึ ษา ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4

เรื่อง การเคลอื่ นไหวและการเล่นเกม เวลาจดั กิจกรรม 1 ชว่ั โมง



1. มาตรฐานการเรยี นรู้

- พ 3.1 เข้าใจ มีทกั ษะในการเคลือ่ นไหว กิจกรรมทางกาย การเลน่ เกมและกีฬา



2. สาระ/ตัวชี้วัด

- เล่นเกมเลยี นแบบและกจิ กรรมวิ่งผลดั ได้



3. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวติ

- วิเคราะห์ความน่าเช่ือถือของข้อมูลข่าวสารได้สมเหตุสมผลและตัดสินใจเลือกอย่างมี
เหตผุ ล



4. สาระเน้ือหา

- การเล่นเกมแบบผลัด



5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน

- ว่งิ ผลดั ท่ตี ้องใช้ความเร็วและรบั รถู้ ึงตัวเลอื กทีด่ แี ละไม่ดีตอ่ สขุ ภาพในชีวติ



6. กิจกรรมการเรียนรู้

6.1 ครูเตรียมบัตรสุขภาพ 2 ลักษณะ คือบัตรสุขภาพดี และบัตรสุขภาพไม่ดี ไว้ให้

เพยี งพอกบั จำนวนผู้เลน่ เกม เชน่

บัตรสุขภาพดี ไดแ้ ก่

แปรงฟันทุกวนั ล้างมือหลังจากเขา้ หอ้ งนำ้

ด่มื น้ำวนั ละ 7 แกว้ รับประทานผลไม

รับประทานผกั ออกกำลังกายสมำ่ เสมอ

นอนในมงุ้ กันยงุ ลาย ไม่กินหวานและเคม็

ไม่เท่ียวกลางคนื นอนหลบั ให้เพยี งพอ

รับประทานอาหารทุกม้ือ ด่ืมนมทุกวนั






145

แนวทางการพฒั นาทักษะชวี ติ บูรณาการการเรียนการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรียนร
ู้

บตั รสขุ ภาพไมด่ ี ไดแ้ ก่

สูบบหุ รี่ รบั ประทานของหวานมาก ๆ

กินขนมกรุบกรอบทุกวัน ชกตอ่ ยคนอ่นื

ข้โี มโห มทุ ะลุดุดนั

ทิง้ ขยะลงพื้น ดทู ีวที ่ีชอบตอนดึกทุกคนื

ทำรา้ ยสตั ว ์ ขโมยของคนอืน่

ข้ามถนนโดยไม่มองรถ เทีย่ วกลางคนื

6.2 แบง่ ผู้เรยี นออกเปน็ กลุ่ม ๆ ละ 3 - 6 คน ให้แต่ละกลุ่มเขา้ แถวตอนลกึ

6.3 วางกลอ่ งกระดาษ 2 กล่อง ไว้ขา้ งหน้าแถวผเู้ รียนห่างจากหัวแถวประมาณ 10 เมตร

กล่องที่ 1 ตดิ ป้ายคำว่า สุขภาพด

กลอ่ งที่ 2 ตดิ ป้ายคำว่า สุขภาพไม่ด

6.4 ครูนำบตั รสขุ ภาพวางไวห้ วั แถวของกลุ่มแต่ละกล่มุ โดยควำ่ บตั รไว้

6.5 อธบิ ายวิธกี ารเลน่ เกม กติกา และจดุ ประสงคใ์ ห้ผเู้ รียนรู้วา่ เปน็ การเลน่ เกมวิง่ ผลดั

6.6 ครสู าธิตการเลน่ เกม และกตกิ าโดยผู้เรียนเป็นผู้เล่นสาธติ ดงั น
ี้


เมื่อไดย้ ินสญั ญาณ

6.6.1 ผเู้ ลน่ แต่ละแถววงิ่ ไปหยิบบัตรสขุ ภาพ คนละ 1 บตั ร โดยคนอยู่หวั แถววิง่ ไปกอ่ น

เปิดบัตรดูแล้วนำบัตรใส่ลงในกล่องสุขภาพดีหรือกล่องสุขภาพไม่ดีตามความหมายในบัตร

ด้วยการตดั สินใจด้วยตนเอง ไมถ่ ามผอู้ ่ืนใด ๆ ทั้งสน้ิ

- เม่ือหย่อนบัตรลงกล่องแล้วให้วิ่งกลับไปยังแถวแตะมือกับคนต่อไปในแถว

และวิ่งไปอยทู่ ้ายแถวของตนเอง

6.6.2 ผู้เล่นคนต่อไปก็จะทำเช่นเดียวกับคนแรก เม่ือครบทุกคนแล้ว เกมจะสิ้นสุดลง

และบัตรทุกใบจะอยใู่ นกล่องท้ังสองกลอ่ ง

6.6.3 ให้แต่ละกลุ่มอ่านบัตรในกล่องสุขภาพดีทีละใบแล้วช่วยกันตัดสินว่า เป็นบัตรสุขภาพ

ดีหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ใหเ้ หตผุ ลจนทกุ คนเหน็ ด้วยกับเหตผุ ล จากนั้นก็อ่านบตั รจากกลอ่ งสขุ ภาพไมด่ ี
โดยให้ช่วยกันใหเ้ หตุผลวา่ บัตรน้ันควรจะอยู่สขุ ภาพดหี รือไม่ดเี พราะเหตใุ ด




146

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551


6.7 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต การวิเคราะห์ความ


นา่ เชื่อถอื ของขอ้ มูลและตัดสนิ ใจเลอื กอย่างมเี หตผุ ล

คำถามเพ่อื การสะท้อน (R)

- นกั เรียนร้ไู ด้อย่างไรวา่ กล่องใบไหนท่เี ราควรใสบ่ ตั รสุขภาพลงไป

- ขณะทใี่ สบ่ ตั รลงไปในกล่องใช้ความรู้สึกหรือความรู้ในการตดั สนิ ใจ

หยอ่ นบตั รสขุ ภาพ

คำถามเพ่ือการเชอื่ มโยง (C)

- ในชวี ติ ที่ผ่านมานกั เรยี นมเี หตผุ ลอะไรบา้ งในการเลอื กส่งิ ทีด่ ีหรือไม่ดี

ต่อสขุ ภาพ เชน่ เลอื กซ้ืออาหาร เลือกซอื้ ขนม เลอื กซอื้ น้ำดื่ม ฯลฯ

คำถามเพอื่ การปรับใช้ (A)

- ในชวี ติ จริงของเราถ้าเราตดั สินใจไม่ไดว้ า่ จะทำอย่างไรหรือจะเลอื ก

ปฏิบัตเิ พ่ือสุขภาพทด่ี ี นักเรยี นจะให้ใครเปน็ ตวั ชว่ ยหรอื จะปรึกษาใคร

- นกั เรียนจะใชเ้ หตุผลอะไรบ้างในการเลอื กปฏบิ ัติ เลือกกระทำ เพอ่ื การ

มีสุขภาพทีด่ ีของตัวเอง



7. สือ่ /แหล่งเรียนรู

7.1 กล่อง 2 กลอ่ งตอ่ 1 ทมี

7.2 บัตรสุภาพ ทมี ละ 1 ชดุ (สขุ ภาพดีและสุขภาพไม่ด)ี



8. การประเมินผล

สังเกต

8.1 ผู้เรียนมีท่าทางมั่นใจในการเลือกหย่อนบัตรสุขภาพลงในกล่องแต่ละใบ จำนวนมาก

นอ้ ยเทา่ ใด

8.2 ผเู้ รยี นใชเ้ วลาตดั สินใจในการเลือกหย่อนบัตรสขุ ภาพลงในกลอ่ งแต่ละใบ จำนวนมาก

น้อยเท่าใด เพื่อดวู า่ ผเู้ รยี นใช้เหตผุ ลความรู้ความเขา้ ใจหรอื ความรสู้ กึ ท่คี าดเดา

8.3 สังเกตการแสดงความคดิ เห็นของผเู้ รยี นในการตอบคำถาม R - C - A




147

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชวี ติ บูรณาการการเรยี นการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรยี นร
ู้

9. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม

9.1 ในการเล่นเกมครั้งต่อไป บัตรสุขภาพดี/ไม่ดีจะต้องใช้การตัดสินใจ วินิจฉัยด้วย
เหตุผลทย่ี ากขึน้

9.2 ใช้บัตรคำหรือบัตรข้อความอื่น ๆ ก็ได้ เพื่อการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้อง
เชน่ เรือ่ งสารเสพติด เรือ่ งโรคเอดส์ เรื่องอุบัติเหตุ อบุ ตั ิภัย เปน็ ตน้


148

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551


แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรบู้ รู ณาการทักษะชีวิตในกลุ่มสาระการเรยี นรู้สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา


รายวิชา สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6

เรอ่ื ง เกมนำ้ ดีไมซ่ ่อนพิษ เวลาจัดกจิ กรรม 1 ช่ัวโมง



1. มาตรฐานการเรยี นรู้

- พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำอย่าง
สม่ำเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้ำใจนักกีฬา มีจิตวิญญาณในการแข่งขัน และชื่นชม

ในสุนทรยี ภาพของการกฬี า



2. สาระ/ตัวชว้ี ัด

- เลน่ เกมและกีฬา ด้วยความสามคั คแี ละมีนำ้ ใจนักกีฬา



3. วัตถปุ ระสงค

3.1 ฝกึ ความอดทนเพ่ือความสำเรจ็ ของทีม

3.2 ฝกึ ฝนการควบคุมอารมณ

3.3 เสริมสร้างบรรยากาศสนุกสนานรว่ มกนั



4. องค์ประกอบทักษะชวี ติ : การสร้างสมั พันธภาพท่ดี กี ับผูอ้ ื่น

- ปฏิบัตติ ามกฎ ข้อตกลงของกล่มุ /ชั้นเรียน/สงั คม



5. สาระเนือ้ หา

5.1 วิธีการกตกิ าการเล่นเกมนำ้ ด่มื ซอ่ นพษิ

5.2 ข้อคดิ จากการเล่นเกม



6. กิจกรรมการเรียนรู้

6.1 แบ่งนกั เรียนออกเปน็ 3 - 4 ทมี ๆ ละ 10 คน

6.2 ครูเตรียมแก้วน้ำใส่นำ้ ไว้ 10 ใบ ซ่งึ ในจำนวน 9 ใบ เป็นแกว้ น้ำหวาน หรือน้ำอดั ลม

ก็ได้ ส่วนอีก 1 แก้ว เป็นน้ำที่ผสมด้วยเกลือให้เค็ม หรือเป็นน้ำรสขมก็ได้ ครูนำแก้วน้ำทั้ง 10 ใบ

วางไว้ปะปนกนั

6.3 ครชู ้แี จงวธิ เี ลน่ และกตกิ าให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิ ดังน้ี


149

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชีวิต บรู ณาการการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระการเรยี นร
ู้

6.3.1 นักเรียนทุกคนจะต้องถูกสอบสวนหาผู้ร้ายโดยวิธีการด่ืมน้ำสาบาน ใครท่

ด่มื น้ำทม่ี รี สขมหรอื รสเคม็ คอื ผ้รู ้าย

6.3.2 ใครก็ตามท่ีได้ด่ืมน้ำในแก้วรสขม/รสเค็ม จะต้องไม่แสดงออกให้ผู้อื่นรู้

หรือจับผิดได้ ต้องแสดงกิริยาอาการนิ่งท่ีสุดไม่ให้ใครรู้ว่าตัวเราดื่มน้ำขม/เค็ม โดยถือว่าเป็นผู้ท่ีได้ดื่ม
ยาพิษ ผู้ท่ีไม่ได้ดื่มน้ำขมหรือน้ำเค็มก็แสดงกิริยานิ่งตามจริงไม่หลอกให้ผู้อ่ืนไขว้เขว และกติกาไม่พูด
ออกเสยี งขณะร่วมกิจกรรม

6.3.3 ใหแ้ ตล่ ะทีมเดินออกมาดืม่ นำ้ จากแกว้ จนครบทุกคน

6.3.4 ให้หัวหน้าทีมสังเกตว่าในทมี ของเพือ่ นว่าลูกทีมคนใดเปน็ ผู้ดืม่ ยาพษิ (น้ำขม/

น้ำเคม็ ) แล้วเรยี กชื่อเพื่อนคนนั้นออกมา

6.3.5 ครเู รยี กรวมแถวนักเรยี น




6.4 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพ่ือพฒั นาทักษะชีวิต ความสามารถในการ


ตั้งคำถามที่นำไปสูค่ ำตอบท่เี ปน็ แนวทางในการแก้ไขปญั หาในสถานการณ์ต่าง ๆ

คำถามเพือ่ การสะทอ้ น (R)

- นกั เรยี นคนทีด่ ม่ื นำ้ ขม/นำ้ เคม็ หรอื ทีค่ รบู อกว่าเปน็ ยาพษิ มีความรูส้ ึกอย่างไร

เมือ่ รู้วา่ ตนเองได้ดื่มยาพิษลงไป

- นักเรียนมคี วามรสู้ ึกอย่างไรขณะครอู ธิบายเรื่องนำ้ ในแกว้ มีน้ำดีกบั น้ำพษิ

- มผี ้ทู ไี่ ม่ปฏิบตั ติ ามกติกาขอ้ ตกลงบ้างหรือไม่

คำถามเพอ่ื การเช่ือมโยง (C)

- หัวหน้าทมี ทำอยา่ งไรจงึ ทายคนด่ืมนำ้ ขม/นำ้ เค็มได้ถกู ตอ้ งและไม่ถูกตอ้ ง

(สงั เกตกิรยิ า สีหน้า แววตา ทา่ ทาง)

- การมองคนจากภายนอกจะมองเหน็ ความรูส้ ึกหรอื ยาพษิ ทอี่ ยภู่ ายในตัวคนได ้
หรอื ไม่ (ได้ เพราะเหตุใด/ไม่ได้เพราะเหตุใด)

- ที่ผ่านมานักเรียนเคยคิดแทนผอู้ นื่ หรอื คาดว่าเพื่อนคนอนื่ จะคิด ทำอะไร

เหมอื นเราหรือไม่ การคดิ แทนเพื่อนเปน็ การกระทำท่ีผดิ หรอื ถูก

คำถามเพื่อการปรับใช้ (A)

- การเช่อื ถอื ผูอ้ ืน่ จากภายนอกกอ่ ให้เกดิ ความผิดพลาดไดห้ รอื ไม่เพราะเหตุใด

- ในโอกาสต่อไป นกั เรียนจะมีวิธีการใดบ้างทีจ่ ะทำใหร้ จู้ ักผ้อู ่ืนมากขน้ึ

- ถ้ามีผอู้ น่ื มาพูดคุย โฆษณาชักชวนนกั เรยี นใหเ้ ช่ือหรือกระทำอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง
นกั เรียนจะทำอยา่ งไร จงึ จะไมถ่ ูกหลอก



150

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551


7. สอื่ การเรยี นร
ู้
7.1 แกว้ น้ำ

7.2 น้ำอัดลมหรือน้ำหวาน

7.3 นำ้ ยาขม หรือเค็ม สีเดยี วกับนำ้ อัดลมหรือนำ้ หวาน



8. การประเมินผล

8.1 สงั เกตการปฏบิ ัติตามกติกาของนักเรียน

8.2 การตอบคำถาม R - C - A


151

แนวทางการพฒั นาทกั ษะชวี ติ บูรณาการการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระการเรยี นร
ู้

แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรบู้ ูรณาการทกั ษะชวี ติ ในกลุ่มสาระการเรียนร้สู ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา


รายวชิ า สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1

เรอื่ ง เกมนำ้ ดไี ม่ซ่อนพิษ เวลาจัดกจิ กรรม 1 ชวั่ โมง



1. มาตรฐานการเรยี นรู้

- พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำ

อยา่ งสม่ำเสมอ มีวนิ ัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มนี ้ำใจนกั กฬี า มจี ิตวิญญาณในการแขง่ ขัน และชื่นชม

ในสุนทรียภาพของการกีฬา



2. สาระ/ตวั ช้วี ัด

- มวี ินัย ปฏิบตั ติ ามกฎ กติกา และข้อตกลงในการเล่นกีฬาทเี่ ลอื ก



3. วัตถปุ ระสงค

3.1 เพอ่ื ให้การเคลื่อนไหวของร่างกายมีความคล่องแคลว่ วอ่ งไวและมคี วามเรว็

3.2 เพอ่ื ให้นกั เรยี นเป็นผมู้ ีวินยั ปฏิบตั ติ ามกฎ กติกา และข้อตกลง

3.3 รู้จักเคารพสทิ ธิของตนเองและผอู้ ื่นในการเล่นกีฬา



4. องค์ประกอบทกั ษะชวี ติ : การตระหนกั รแู้ ละเหน็ คุณค่าในตนเองและผู้อื่น



5. สาระเนอ้ื หา

5.1 วิธกี าร กฎ กตกิ าการเล่นเกมวงิ่ 4 ขา

5.2 ขอ้ คดิ ทไี่ ด้จากการเลน่ เกม



6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

6.1 แบ่งผู้เล่นออกเปน็ ทมี ๆ ละ 3 คน

6.2 ใชเ้ ชือกผูกข้อเทา้ คนกลางทัง้ สองขา้ งกับขอ้ เท้าคนที่ยืนดา้ นซ้ายและขวา

6.3 เม่ือได้ยินสัญญานกหวีด เริ่มออกให้เท้าพร้อมกัน เดินไปอ้อมหลักแล้วกลับมาถึงเส้นเร่ิม

ทมี ใดถึงก่อนถือว่าทีมนั้นชนะ




152

หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551


6.4 สนทนาดว้ ยเทคนคิ คำถาม R - C - A เพอื่ พฒั นาทักษะชีวิต คุณลักษณะการทำงาน
ร่วมกับผู้อ่นื บนพน้ื ฐานความเป็นประชาธปิ ไตย “สามัคคธี รรม”

คำถามเพอ่ื การสะท้อน (R)

- นกั เรียนรู้สกึ อยา่ งไรในการวงิ่ 4 ขา

- นกั เรยี นนดั หมายพูดคุยกันหรอื วางแผนกันหรือไม

คำถามเพอื่ การเช่อื มโยง (C)

- มปี ญั หาอะไรบ้างที่เกิดขน้ึ ในการแข่งขัน เพราะอะไร

- นักเรียนคลี่คลายปัญหาน้นั ได้อยา่ งไร

- มสี ถานการณ์ใดบา้ งทีน่ ักเรยี นต้องทำงานรว่ มกบั เพอ่ื นภายใต้ขอ้ จำกดั

และทุกคนเปน็ ส่วนหนงึ่ ของกันและกนั หากคนใดคนหนึง่ หยดุ กจ็ ะทำใหท้ ีมงาน
ทุกคนทำงานต่อไปไมไ่ ดห้ รอื ล้มเหลวไป

คำถามเพ่ือการปรบั ใช้ (A)

- ในโอกาสต่อไปถ้าได้ทำงานรว่ มกันในสถานการณ์ที่มขี อ้ จำกัดอย่างนอ้ี ีก นักเรยี น
จะมแี นวทางการทำงานกนั อยา่ งไร หรอื นกั เรียนคดิ ว่าจะตอ้ งปรบั ปรุงส่ิงใด

อีกบา้ ง



7. สอ่ื การเรียนรู้

7.1 นกหวดี

7.2 ผ้าสำหรบั ผูกขอ้ เท้า

7.3 หลกั ทรงกรวยสีส้ม



8. การประเมนิ ผล

8.1 ประเมนิ ผลงาน Mind Mapping

8.2 การตอบคำถาม



9. ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติมในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

9.1 อาจใชค้ ำถาม R - C - A เพอ่ื สรา้ งความคดิ รวบยอดในเรอ่ื งการปฏบิ ตั ิตามกฎ กตกิ า
ขอ้ ตกลง และการไมล่ ่วงละเมดิ สิทธขิ องผ้อู นื่ เช่น

9.1.1 นักเรียนเคยเล่นเกมอะไรบ้างท่ีเพ่ือนไม่ปฏิบัติตามกฎ กติกาและข้อตกลง

ในการเลน่ ผลของการเล่นเป็นอยา่ งไร?

9.1.2 ในการเล่นเกม หรือกีฬาแต่ละคร้ังนักเรียนควรปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อไม่ให้
ล่วงละเมิดสิทธิของผอู้ นื่ ?


153

แนวทางการพฒั นาทกั ษะชีวติ บูรณาการการเรียนการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรียนร
ู้

แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรบู้ ูรณาการทกั ษะชวี ิตในกลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ุขศกึ ษาและพลศึกษา


รายวชิ า สขุ ภาพและพลศกึ ษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4

เรือ่ ง เกมยงิ เรอื เวลาจดั กจิ กรรม 1 ชัว่ โมง



1. มาตรฐานการเรยี นรู้

- พ 3.2 รักการออกกำลังกาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจำ

อย่างสม่ำเสมอ มวี ินัย เคารพสทิ ธิ กฎ กตกิ า มีน้ำใจนักกีฬา มจี ติ วญิ ญาณในการแขง่ ขนั และชนื่ ชม

ในสนุ ทรยี ภาพของการกีฬา



2. สาระ/ตวั ชวี้ ดั

- อธบิ ายและปฏบิ ัตเิ กย่ี วกบั สิทธิ กฎ กติกา กลวธิ ีตา่ ง ๆ ในระหว่างการเลน่ การแข่งขนั
กีฬา กับผูอ้ ่ืนและนำไปสรุปเป็นแนวปฏิบัตแิ ละใช้ในชีวิตประจำวนั อย่างต่อเนือ่ ง



3. วตั ถุประสงค

- การสร้างสัมพันธภาพทดี่ กี ับผอู้ นื่



4. องคป์ ระกอบทักษะชวี ิต

- ปฏบิ ตั ิตนตามกฎกตกิ าของสงั คมอยา่ งเตม็ ใจทุกสถานการณ



5. สาระเน้ือหา

5.1 วิธีการและกตกิ าการเล่นเกมยิงเรอื

5.2 ขอ้ คดิ จากการเล่นเกม



6. กจิ กรรมการเรียนรู้

6.1 ให้จับกลุ่ม กล่มุ ละ 3 คน และไมค่ วรเกิน 12 กลุ่ม

6.2 ใหแ้ ต่ละกลุม่ ตั้งช่อื กลุ่มของตนเป็นชือ่ เรอื ทไ่ี มเ่ กิน 3 พยางค

6.3 ใหแ้ ตล่ ะกลุม่ จำช่อื เรือของกลุ่มตา่ ง ๆ ใหไ้ ดท้ กุ กลุม่

6.4 ผนู้ ำกจิ กรรมกำหนดใหก้ ลุ่มหน่ึงเร่มิ เล่น

6.5 คนทห่ี น่ึงของกลุม่ พูด ปิ๊ก คนท่ี 2 พดู ป๊อก คนสุดทา้ ยพูด โปง้ พรอ้ มชีม้ อื ไปยงั เรอื
ลำใดลำหนง่ึ แล้วเอ่ยช่ืนเรือลำนน้ั ใหถ้ ูกตอ้ ง เชน่ โป้งเรือครุฑ โป้งเรอื นาค โปง้ เรือแจว เปน็ ตน้


154

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551


6.6 เรือลำทถี่ กู ยิงใหเ้ ริม่ เล่นเชน่ เดียวกันทนั ท

6.7 เรือลำใดท่ีเล่นติดขัด ออกคำสั่งไม่เป็นไปตามลำดับ เรียกช่ือเรือที่ต้องการยิงผิดหรือ
ยิงผิดลำ ยิงยอ้ นกลับไปยังเรอื ทเ่ี พิง่ ยงิ มา ถอื วา่ ผดิ กติกาใหเ้ รอื ลำน้นั ยตุ ิการเล่น

6.8 ผู้นำควรสังเกตการเล่นให้ดำเนินไปอย่างต่อเน่ือง ถ้ากลุ่มใดติดขัดก็ให้กลุ่มใดก็ได้เร่ิม
เกมใหม่อยา่ ใหก้ ารเล่นตอ้ งสะดุด เมือ่ เหลือเรือ 3 ลำ คือปญั หาท่จี ะตอ้ งตัดสิน เพราะถา้ ใหเ้ ล่นตอ่ ไป
ก็จะยิงเรอื วนกนั อยแู่ ค่ 3 ลำเท่านน้ั

6.9 เพื่อความสนุกสนานทีมท่ีถูกตัดสินแพ้ควรมีบทลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นเกมหรือให้ทำ
อะไรก็ได้ทีค่ ิดว่าเกดิ ความสนุกสนาน




6.10 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพื่อพัฒนาทักษะชีวิต การรู้จักเอาใจเขา


มาใส่ใจเรา หรอื เหน็ ใจผู้อ่ืน

คำถามเพอื่ การสะท้อน (R)

- นกั เรียนมคี วามรสู้ ึกอย่างไรขณะทีเ่ ตรยี มพร้อมรอการถกู ปิ๊ก ป๊อก โป้ง

- นกั เรียนมีความรู้สกึ อยา่ งไรทย่ี งิ เรอื ของกลุ่มอืน่ ไม่ได้ ทำให้กลมุ่ ตอ้ งออกจาก
การแขง่ ขนั

คำถามเพ่ือการเชือ่ มโยง (C)

- กลมุ่ มปี ญั หาอะไรบ้างทเี่ กดิ ขึน้ ขณะแขง่ ยงิ เรือ เพราะอะไร?

- มใี ครบ้างที่จำชอื่ เรอื ได้ทกุ ลำ

- ถา้ ให้ทกุ คนมาอยใู่ นตำแหน่งออกเสยี ง “โป้ง” จะเรียกชอ่ื เรียกถกู ต้องทกุ คน

หรือไม่ (นั่นแสดงวา่ ทกุ คนสามารถผิดพลาดได้เสมอ)

คำถามเพ่อื การปรบั ใช้ (A)

- หากไดเ้ ลน่ เกมทีต่ ้องอาศัยความเรว็ และความจำลักษณะนอี้ กี นกั เรยี นคิดว่า

จะมีความผิดพลาดอกี หรอื ไม?่

- หากมีความผดิ พลาดเกดิ ข้ึนจะกลา่ วโทษกนั อีกหรอื ไม่ และควรมีแนวทาง

การปฏบิ ัตติ นอยา่ งไร? (ให้อภยั ถือว่าเป็นเกมรจู้ ักเอาใจเขามาใสใ่ จเรา

เห็นใจกันและกัน พูดปลอบใจ) ฯลฯ



7. สอ่ื การเรียนรู้

-




155

แนวทางการพฒั นาทักษะชวี ิต บรู ณาการการเรียนการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรียนร
ู้

8. การประเมนิ ผล

8.1 สังเกตปฏิกิริยาหรือการแสดงออกที่สร้างหรือไม่สร้างมิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันด

ต่อกัน

8.2 การแสดงความคิดเห็น/การเปิดเผยความรู้สึกสะท้อน ความคิดเช่ือมโยง และ

การกำหนดแนวทางการปฏบิ ัตเิ พอ่ื ปรับใช




156

ตัวอยา่ ง



การพัฒนาทักษะชวี ติ บูรณาการการเรยี นการสอน

กล่มุ สาระการเรียนร
ู้

ศิลปะ

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชีวติ บูรณาการการเรยี นการสอน 8 กลุ่มสาระการเรียนร
ู้

พฤติกรรมทกั ษะชีวติ ทส่ี อดคลอ้ งกบั ตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรียนรู้กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551


(สาระท่ี 1 ทศั นศิลป์ สาระท่ี 2 ดนตรี สาระท่ี 3 นาฏศิลป)์


องค์ประกอบ
รายละเอยี ดองค์ประกอบทกั ษะชีวติ

ทสี่ อดคลอ้ ง
ที่สอดคลอ้ งกับตัวชีว้ ดั มาตรฐานการเรียนร้


ช้ัน
1 2 3 4
1. ตระหนักรแู้ ละ 2. คดิ วิเคราะห์ 3. การจดั การกบั 4. การสรา้ ง
เหน็ คุณค่า
ตัดสินใจและ
อารมณแ์ ละ สัมพนั ธภาพท่ีด

ความเครียด

ในตนเองและผูอ้ น่ื
แกป้ ญั หาอย่าง กบั ผอู้ นื่

สร้างสรรค


ป.1 ✓ - - -
1. บอกส่งิ ท่ตี นเองช่ืนชอบ
-
-
-


และภาคภมู ิใจ






2. แสดงความ





สามารถของตนเอง




ให้ผอู้ น่ื รับรู้





-
ใช้ภาษาพดู ภาษา
ป.2 ✓ ✓ - ✓
1. บอกจุดเดน่ จุดด้อย วิเคราะหค์ วามนา่ เชื่อถือ
กายทีท่ ำให้ผู้อื่น


ของตนเอง
ของขอ้ มูลข่าวสาร
ผอ่ นคลายสบายใจ


2. ยอมรบั ความ
อย่างสมเหตุสมผล

ไมก่ อ่ ให้เกิดความขัด

แตกต่างระหวา่ ง

แยง้ หรือความรนุ แรง


ตนเองกบั ผอู้ ่ืน

-
-

ป.3 - ✓ - -
-
ประเมนิ สถานการณ์




และนำไปประยุกต์ใช้




ในชีวติ ประจำวนั




(คาดคะเนความเสี่ยง




จากสถานการณท์ ่ี




เผชิญจากชวี ิตประจำวัน




อย่างมเี หตผุ ล)


158

หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551


องค์ประกอบ
รายละเอียดองค์ประกอบทกั ษะชีวิต

ที่สอดคลอ้ ง
ท่สี อดคล้องกบั ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานการเรียนร
ู้

ชน้ั
1 2 3 4
1. ตระหนกั รู้และ 2. คิดวิเคราะห์ 3. การจัดการกบั 4. การสรา้ ง
เห็นคณุ คา่
ตัดสินใจและ
อารมณแ์ ละ สัมพันธภาพทด่ี ี

ความเครยี ด

ในตนเองและผ้อู นื่
แกป้ ัญหาอย่าง กับผูอ้ ่นื

สร้างสรรค์


ป.4 - ✓ - -
-
มจี นิ ตน
าการและ -
1. ช่นื ชมความสำเร็จ


สามารถ
คดิ ไดอ้ ยา่ ง
ความสามารถและ


เช่อื มโย
ง (แสดงผลงาน
การกระทำทดี่ ขี อง


จทิน่ีเกตดิ นจาา
กกากราแรลคะิดความ
เพ่ือนด้วยคำพูด



ภาษากายหรอื


คิดเช่อื มโยง)

สญั ลักษณ์





2. กล้ายืนยนั ความคดิ




ความรูส้ กึ และ




เหตุผลที่ดีใหผ้ ู้อน่ื




ได้รับร
ู้
ป.5 - ✓ - -
-
วพิ ากษว์ ิจารณบ์ น
-
-



พน้ื ฐานของข้อมลู




สารสนเทศท่ถี กู ตอ้ ง





(วิพากษ์วิจารณ์ดว้ ย




หลกั การเหตุผลและ




ใช้ข้อมูลสารสนเทศที่




ถูกตอ้ งสนบั สนนุ )




159

แนวทางการพฒั นาทักษะชวี ิต บูรณาการการเรียนการสอน 8 กล่มุ สาระการเรียนร
ู้

องค์ประกอบ
รายละเอยี ดองคป์ ระกอบทกั ษะชวี ิต

ทีส่ อดคล้อง
ท่สี อดคลอ้ งกับตัวช้ีวดั มาตรฐานการเรียนรู้


ช้นั
1 2 3 4
1. ตระหนักรูแ้ ละ 2. คิดวิเคราะห์ 3. การจดั การกับ 4. การสรา้ ง
เหน็ คณุ คา่
ตดั สนิ ใจและ
อารมณแ์ ละ สมั พนั ธภาพทดี่ ี

ความเครยี ด

ในตนเองและผ้อู ืน่
แก้ปัญหาอย่าง กับผูอ้ ่ืน

สร้างสรรค


ป.6 ✓ - - -
มีความภาคภูมิใจ
รบั รปู้ ัญ
หาและ -
1. ใหค้ วามรว่ มมอื กบั

ในตนเองและผู้อื่น สาเหตุข
องปัญหา

ผูอ้ ่นื อยา่ ง

(แสดงออกในสง่ิ ท่ี ทางเลือ
กและตัดสนิ ใจ
สร้างสรรค์และ

ตนเองภมู ิใจบอก
ในการแ
กไ้ ขปัญหา

ทำงานร่วมกับ


บรรยาย เล่าความดี
ผู้อ่นื ได้


ความภมู ิใจของเพื่อน

2. ปฏิบตั ิตามกฎ

ใหผ้ ูอ้ ื่นรับรู้) มคี วาม

กติกา ขอ้ ตกลง


เช่ือม่ันในตนเองและ

ของกลุ่มช้ันเรียน

ผอู้ ่ืน (กลา้ แสดงความ

และสังคม


คดิ ความรูส้ กึ และ





การกระทำของตน




ดว้ ยความม่ันใจ





- ยอมรับในความคิด




ความรสู้ กึ และการ




กระทำทีด่ ีของผอู้ ่นื




ม.1 - ✓ ✓ ✓
-
1. มีทกั ษะในการ 1. ประเมินและรู้เท่าทนั 1. ยืนยนั ความ


แสวงหาและใช้ อารมณ์ตนเอง
ต้องการของตนเอง


ขอ้ มูลจากแหลง่ 2. จัดการหรอื ควบคุม บนพ้ืนฐานของ


เรียนรู้ตา่ ง ๆ ให้ อารมณข์ องตนเอง ความถกู ต้อง



เปน็ ประโยชน์ต่อ ได้อย่างเหมาะสม
2. ปฏิเสธตอ่ รองและ


ตนเองและผ้อู ่ืน
3. มวี ธิ ีจดั การกับ เตอื นเพื่อนได้


2. เลือกรบั ขอ้ มลู
ความขัดแย้งต่าง ๆ เหมาะสมตามฃ


ขา่ วสารอยา่ งไตรต่ รอง ได้อย่างเหมาะสม
ขัน้ ตอน



และรเู้ ท่าทันชวี ติ
3. กล้าแสดงความคดิ เห็น


และสงั คมท่ี
ของตนและ



เปล่ียนแปลง

ยอมรบั ความคิดเห็น




ของผู้อื่นอยา่ งมี




เหตุผล


160

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551


องคป์ ระกอบ
รายละเอยี ดองค์ประกอบทกั ษะชวี ติ

ท่ีสอดคล้อง
ที่สอดคลอ้ งกับตวั ช้วี ดั มาตรฐานการเรยี นร
ู้

ชน้ั
1 2 3 4
1. ตระหนักร้แู ละ 2. คิดวิเคราะห์ 3. การจัดการกับ 4. การสร้าง
เหน็ คณุ คา่
ตัดสนิ ใจและ
อารมณแ์ ละ สมั พนั ธภาพทด่ี

ความเครยี ด

ในตนเองและผ้อู ่นื
แกป้ ญั หาอย่าง กบั ผอู้ น่ื

สรา้ งสรรค์


ม.2 - ✓ - ✓
รคู้ วามถนดั และ
1. มีจนิ
ตนาการและ -
1. ทำงานร่วมกับผูอ้ ืน่
ความสามารถของ คิดร
ิเรม่ิ สร้างสรรค์

บนพ้ืนฐานของ




ตนเอง แสดงความ 2. ประ
เมินและสรปุ
ความเปน็


สามารถของตนเอง
กกาารรตก
รัดะสทินำใจ
และ
ประชาธิปไตยได้

ใหผ้ ้อู ่นื รบั ร
ู้ อยา่ งราบร่นื




การแก้ไขปัญหา

2. อาสาช่วยเหลือ




ในสถานการณ์
ผูอ้ ืน่ โดยไม่หวัง




ประสบการณ์เป็น
ผลตอบแทน




บทเรียนชีวิตของ





ตนเอง




3. วเิ คราะห์








ผลกระทบและหาทาง





ป้องกันแกไ้ ข





ปัญหาการกระทำ





หรอื พฤติกรรมที่





กอ่ ให้เกิดปญั หา






4. มวี ธิ ีการท่ี



แสดงออกถึงการรู้







เท่าทันชวี ิต




ม.3 - ✓ - ✓
-
มที ักษะในการ -
1. ใช้การสอ่ื สาร


แสวงหาและใช้ข้อมลู
เชิงบวกทส่ี ร้าง





จากแหลง่ เรียนร้

สัมพันธภาพท่ดี ี




ต่าง ๆ ให้เปน็
2. เคารพและปฏบิ ตั ติ น



ประโยชน์กบั ตนเอง
ตามกตกิ า


และผู้อ่นื

ของสังคม




161

แนวทางการพฒั นาทักษะชีวติ บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรียนร
ู้

องค์ประกอบ
รายละเอยี ดองค์ประกอบทักษะชีวิต

ท่ีสอดคล้อง
ทีส่ อดคล้องกบั ตวั ชวี้ ัด มาตรฐานการเรียนร้


ชนั้
1 2 3 4
1. ตระหนกั รแู้ ละ 2. คิดวเิ คราะห์ 3. การจัดการกบั 4. การสร้าง
เหน็ คณุ คา่
ตดั สินใจและ
อารมณ์และ สัมพนั ธภาพท่ีดี

ความเครยี ด

ในตนเองและผอู้ ื่น
แกป้ ัญหาอยา่ ง กบั ผู้อนื่

สร้างสรรค


ม.4-6 - ✓ ✓ ✓
รคู้ วามถนัดและ
1. ประ
เมนิ และสรุป 1. สร้างความสขุ ให้ ใชก้ ารสอ่ื สารเชงิ บวก
ความสามารถของ ผลก
ารกระทำ
กับตนเองและผู้อ่นื ทสี่ ร้างสัมพนั ธภาพ

ตนเอง แสดงความ การต
ดั สินใจและ ไดเ้ หมาะสมกับ ที่ด

สามารถของตนเอง
กในาสรแถ
กาน้ไขกปาัญรณห์า
เหตุการณ์

ใหผ้ ู้อนื่ รับร้
ู 2. ปรบั ความคดิ

ประสบการณ์เปน็ ความรู้สึกอารมณ์
บทเรยี นชีวิต ท่เี กดิ ขึ้น

ตนเอง
ในสถานการณ์

2. สร้างสรรค์ผลงาน ตา่ ง ๆ ได้อยา่ ง
ได้เป็นที่ยอมรับ
เหมาะสม

3. มองโลกในแง่ดี

มีความยดื หยนุ่
ทางความคดิ


162

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551


แผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรบู้ รู ณาการทักษะชวี ิตในสาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ


รายวชิ า ศลิ ปะ (ทศั นศลิ ป)์ ช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 1

เรอ่ื ง การระบายสีตามความรสู้ กึ เวลา 2 ชวั่ โมง



1. มาตรฐานการเรียนร
ู้
ศ 1.1 สร้างสรรคง์ านทศั นศลิ ปต์ ามจินตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์
วิจารณ์ คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึกความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชม และ
ประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวัน



2. สาระ/ตัวชวี้ ดั

- วาดภาพระบายสธี รรมชาติตามความรู้สึกของตนเอง



3. วตั ถปุ ระสงค

เขยี นภาพระบายสเี ปน็ ภาพเรือ่ งราวจากประสบการณไ์ ด



4. องคป์ ระกอบทักษะชีวติ : การตระหนกั รูแ้ ละเห็นคุณค่าในตนเองและผอู้ น่ื

4.1 บอกสิ่งทีต่ นเองชืน่ ชอบและภาคภูมิใจ

4.2 แสดงความสามารถของตนเองให้ผอู้ ื่นรบั รู้



5. สาระเน้ือหา

5.1 การระบายสีตามความร้สู ึก

5.2 การฝึกระบายสีตามขั้นตอน



6. กจิ กรรมการเรยี นร้

6.1 การฝกึ วาดภาพ ฝกึ ระบายสภี าพตามความรู้สึกจากประสบการณข์ องตนเอง






163

แนวทางการพัฒนาทักษะชวี ติ บูรณาการการเรียนการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรยี นร
ู้

6.2 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพ่ือพัฒนาทักษะชีวติ การรจู้ กั ตนเอง :
แสดงความสามารถและความภาคภูมิใจใหผ้ ้อู ่ืนรบั รู

คำถามเพือ่ การผลสะทอ้ น (R)

- นักเรียนได้เห็นภาพของตวั เองและเพื่อน ๆ แล้ว รู้สึกอยา่ งไร ชอบภาพไหนทส่ี ุด

- เวลานกั เรยี นวาดภาพนกั เรยี นคิดอะไรอยากใหภ้ าพเป็นอย่างไร

- เห็นภาพแลว้ สบายใจไหม

คำถามเพ่อื การเชือ่ มโยง (C)

- นักเรยี นเคยเหน็ ภาพวาดระบายสที ี่ไหนบ้าง (ในวัด ประดบั บ้าน ตามรา้ นคา้
รา้ นอาหาร ฯลฯ)

- เขาให้ภาพเหลา่ น้นั เพ่ืออะไร ใชป้ ระโยชนอ์ ย่างไร (จำหน่าย เพอื่ สวยงาม
ตกแต่งบา้ น เพลดิ เพลิน)

คำถามเพื่อการปรับใช้ (A)

- ถ้านักเรียนมีเวลาวา่ งหรอื มีโอกาสวาดรปู จะวาดรูปอะไร และจะวาดใหใ้ ครดู
หรอื วาดแล้วเอาไปโชว์ไว้ทไ่ี หน



7. ชิ้นงานที่ควรปรากฏ

- ภาพวาดเป็นเรอ่ื งราวจากประสบการณ์ของนกั เรยี นแต่ละคน



8. สื่อการเรยี นร้

8.1 ครูสาธิตข้ันตอนการปฏบิ ัติการวาดภาพ

8.2 ภาพผลงานสำเร็จ

8.3 การจดั สภาพแวดล้อม บรรยากาศใหเ้ ออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ศลิ ปะ



9. การประเมนิ ผล

9.1 ประเมนิ จากผลการทำกิจกรรม

9.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ การฝึกทักษะ การวาดภาพเป็นกลมุ่

9.3 สงั เกตพฤติกรรมเปน็ รายบคุ คล




164

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551


10. ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติมในการจดั กิจกรรมการเรียนร
ู้
10.1 การเสนอแนะแหลง่ เรียนรใู้ นการฝึกปฏิบตั ิ

10.2 การจัดกจิ กรรมต้องเน้นผู้เรียนเป็นสำคญั ทกุ กิจกรรม

10.3 แนะนำแหลง่ เรียนรศู้ ิลปะในการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเองได้


165

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชวี ิต บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรยี นร
ู้

แผนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้บูรณาการทกั ษะชีวติ ในกลมุ่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ


รายวิชา ศลิ ปะ (ทัศนศิลป์) ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4

เรอ่ื ง ทศั นะธาตเุ รอื่ งสวี รรณะ สีอนุ่ -สีเยน็ เวลา 2 ชั่วโมง



1. มาตรฐานการเรียนร้

- ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์

วิพากษ์ วิจารณ์ คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึกความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชม
และประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจำวัน



2. สาระ/ตัวชีว้ ัด

- เลอื กใช้วรรณะสเี พ่อื ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกในการสรา้ งงานทศั นศลิ ป



3. วัตถปุ ระสงค

3.1 อธิบายทศั นะธาตุเรือ่ งสีและวงจรสธี รรมชาติได

3.2 วาดภาพดว้ ยวรรณะสที ก่ี ำหนดได

3.3 มคี วามรกั ช่ืนชม ภาคภูมิใจเหน็ คณุ คา่ ในงานศลิ ปะ



4. องค์ประกอบทักษะชีวิต : การคิด วเิ คราะห์ ตดั สนิ ใจ และการแก้ไขปญั หาอย่างสร้างสรรค์

- แสดงผลงานท่ีเกิดจากการคิดจินตนาการและความคิดเช่ือมโยง สร้างผลงานที่เกิดจาก
จนิ ตนาการและความคดิ



5. สาระเน้อื หา

5.1 ทัศนะธาตเุ ร่ืองสี สีขั้นที่ 1 - 2 และ 3

5.2 วงจรสธี รรมชาต

5.3 วรรณสอี ุน่ วรรณะสีเย็น




166

หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551


6. กิจกรรมการเรียนรู้

6.1 อธิบายสร้างความเข้าใจเร่ืองวงจรสีธรรมชาติ 12 สี พร้อมกับยกตัวอย่างและให้
วิเคราะห์สแี ตล่ ะขั้นจากวงจรสีธรรมชาต

6.2 อธิบายและให้ผเู้ รียนฝกึ เทียบสีตามวรรณะของสี สตี รงกนั ข้าม สีใกลเ้ คียง สอี นุ่ - สีเย็น

6.3 ฝึกระบายสตี ามวรรณะของสีในภาพทีน่ ักเรียนวาดข้นึ หรอื เลือกหามากไ็ ด้ โดยครเู ปน็

ผ้สู าธติ และอธิบายประกอบตามข้นั ตอนวงจรส

6.4 นำผลงานการระบายสีมาแสดงให้เพื่อน ๆ ดู พร้อมกับอธิบายหรือชี้แจงให้เพื่อน ๆ
ได้เข้าใจความรู้สกึ และจนิ ตนาการของตนเองจากภาพระบายสี




6.5 สนทนาดว้ ยเทคนิคคำถาม R - C - A เพอื่ พฒั นาทกั ษะชีวติ การจดั การกับอารมณ์
และความเครียด

คำถามเพ่อื การสะทอ้ น (R)

- มีใครระบายสไี ม่เสร็จบา้ ง

- ขณะที่ดคู รูสาธติ และทำตาม นกั เรยี นมคี วามรู้สกึ กังวลหรอื ทกุ ขใ์ จหรอื สงสยั

ทำไม่เปน็ บา้ งหรอื เปล่า

- แล้วนกั เรยี นทำอย่างไรให้หายกังวลและทำใหร้ ะบายสสี ำเรจ็

คำถามเพ่ือการเชอื่ มโยง (C)

- ท่ีผา่ นมาเคยมีเพ่ือนมาทำให้ภาพของนกั เรียนเลอะเทอะบา้ งไหม

- มเี พือ่ น ๆ มากวนใจหรือแกล้งเราขณะกำลงั ทำงานบา้ งไหม

- นักเรียนทำอยา่ งไรกบั เพอื่ นบ้าง

คำถามเพอื่ การปรับใช้ (A)

- ในการทำงานครั้งตอ่ ไปถา้ มเี พอ่ื นแกล้งหรือกวนใจ นักเรียนอยากบอกหรอื พูด
อะไรกับเพอ่ื น ๆ คนนน้ั ดว้ ยความเปน็ มิตรไมใ่ หโ้ กรธกนั

- ถ้านกั เรยี นเป็นเพ่ือนที่ชอบกวนเพอ่ื น หรืออาจไมต่ ั้งใจกวนเพ่อื น อยากอธิบาย
หรือบอกเพื่อนไหม วา่ นกั เรยี นคดิ อะไร หรอื รสู้ ึกอยา่ งไร อยากปรบั ปรุงตวั เอง
อย่างไรบา้ ง



7. ช้นิ งานทีค่ วรปรากฏ

- ภาพระบายสวี รรณะอุ่น - เย็น ในวงจรสธี รรมชาตขิ องผ้เู รยี น




167

แนวทางการพฒั นาทักษะชีวติ บูรณาการการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระการเรียนร
ู้

8. สื่อการเรียนรู้

8.1 ครสู าธิตพร้อมอธิบายขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ าน “วงจรสีธรรมชาต”ิ

8.2 ภาพผลงานตวั อย่างทสี่ ำเร็จแล้ว

8.3 สภาพแวดล้อมทีเ่ อ้อื อำนวยตอ่ การเรยี นร้ศู ลิ ปะ



9. การประเมนิ ผล

9.1 ประเมินจากผลงานการปฏบิ ตั ิกิจกรรม “วงจรสธี รรมชาติ”

9.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ฝึกทกั ษะปฏบิ ัตเิ ปน็ กลุม่

9.3 สังเกตพฤติกรรมเปน็ รายบคุ คล



10. ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเติมในการจดั กิจกรรมการเรียนร้

10.1 การเสนอแนะแหล่งเรยี นรู้ในการฝกึ ปฏิบตั ิ ประกอบการทำงาน

10.2 การจดั กิจกรรมตอ้ งเน้นกระบวนการใหผ้ เู้ รยี นเป็นสำคญั ทส่ี ุด

10.3 แนะนำแหลง่ เรียนรู้ทางศลิ ปะ เพอ่ื การศกึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเองไดต้ อ่ ไป


168

หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551


แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรูบ้ รู ณาการทกั ษะชวี ติ ในกล่มุ สาระการเรยี นรู้ ศิลปะ


รายวชิ า ศิลปะ (ทศั นศิลป)์ ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5

เร่ือง ลกั ษณะเสยี งในการรอ้ งเพลง เวลา 2 ชว่ั โมง



1. มาตรฐานการเรยี นร
ู้
- ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรอี ย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษว์ จิ ารณค์ ณุ ค่า
ดนตรี ถา่ ยทอดความร้สู กึ ความคิดต่อดนตรีอยา่ งอสิ ระ ช่นื ชม และประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวัน



2. สาระ/ตวั ชีว้ ัด

- จำแนกลักษณะของเสยี งขบั ร้องและเสียงดนตรีที่อยู่ในวงดนตรปี ระเภทต่าง ๆ



3. วัตถุประสงค์

- การออกเสียงและปฏิบตั ิการออกเสยี งร้องตามสัญญาณมอื ได้อย่างถูกต้อง ตามจังหวะเพลง
ที่ร้อง



4. องค์ประกอบทกั ษะชีวิต : การคดิ วิเคราะห์ ตดั สินใจและแกไ้ ขปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์

- วพิ ากษว์ จิ ารณบ์ นพน้ื ฐานของขอ้ มูลทถี่ กู ตอ้ งและเหมาะสม



5. สาระเนอ้ื หา

- ลกั ษณะเสยี งดนตรี จงั หวะดนตรปี ระกอบกบั ลกั ษณะเสยี งในการรอ้ งเพลง



6. กิจกรรมการเรียนรู้

6.1 สร้างความรู้ความเข้าใจด้วยการอธิบายประกอบเอกสารความรู้ ส่ือตัวอย่างและ

การอภิปรายแสดงความคิดเหน็ ในเร่ือง

6.1.1 ลักษณะของเสยี งดนตรี (ทบทวนจากทเี่ รยี นมาแลว้ )

6.1.2 จงั หวะดนตร

6.1.3 การออกเสียงในการขบั รอ้ งเพลงตามจงั หวะดนตรีและหอ้ งจงั หวะเพลง


169

แนวทางการพฒั นาทักษะชีวิต บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กล่มุ สาระการเรยี นร
ู้

6.2 เปิดเพลงใหผ้ เู้ รียนฟังในจังหวะเพลงช้า - เพลงเร็ว

6.2.1 เพลงฮิต (Popular Song)

6.2.2 เพลงประกอบละคร (มนตร์รกั ลกู ทงุ่ ) หรืออืน่ ๆ

6.2.3 เพลงสตริง


ฯลฯ

ผเู้ รียนวิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณก์ ารขับร้อง เน้อื หาของเพลง จังหวะลลี า น้ำเสียง การใช้
เสยี งดงั ค่อย เสียงสูง ต่ำและการใช้พลงั เสียงของผู้ขบั ร้อง

6.3 ผู้เรียนฝึกขับร้องเพลงตามทำนอง จังหวะลีลา น้ำเสียงและอักขระให้ถูกต้อง โดยฝึก
เปน็ กลมุ่ และฝกึ เป็นรายบุคคล

6.4 ฝึกผู้เรียนให้ใช้สัญญาณมือในการควบคุมลีลาน้ำเสียงตามแผนภูมิการใช้สัญญาณมือ
ควบคุมเสยี งรอ้ งและจังหวะเพลง

6.5 ทบทวนจุดอ่อน จดุ บกพร่องในการขับร้องเพลงและปรับปรุง




6.6 สนทนาดว้ ยเทคนิคคำถาม R - C - A เพ่ือพฒั นาทกั ษะชีวิต การเคารพสทิ ธติ นเอง
และผู้อ่นื

คำถามเพือ่ การสะทอ้ น (R)

- นักเรยี นมคี วามรสู้ กึ อยา่ งไรในบรรยากาศของการขับร้องเพลงของแตล่ ะกล่มุ

(ทีร่ อ้ งผดิ บ้าง - ถูกบา้ ง รอ้ งตะโกนใสก่ ันบ้าง)

คำถามเพ่ือการเชอ่ื มโยง (C)

- ในชวี ิตของนกั เรยี นเคยมีบา้ งไหมทน่ี กั เรียนเกดิ ความรำคาญเพ่ือนบา้ น

หรือเพือ่ น ๆ ที่เปิดเพลงดงั สง่ เสยี งดงั ไมเ่ กรงใจผู้อน่ื

- นักเรยี นคิดว่า การส่งเสยี งดัง เปดิ เพลงดัง รบกวนผอู้ ่นื เป็นการกระทำทถี่ ูกต้อง
เหมาะสมหรอื ไม่ เพราะเหตุใด (เป็นสทิ ธิสว่ นบุคคล แต่ก่อใหเ้ กดิ ความเดือดรอ้ น
แกผ่ อู้ ืน่ ถือวา่ เป็นการละเมดิ ความเปน็ สว่ นตัวของผูอ้ นื่ เปน็ การไม่เหมาะสม)

คำถามเพ่อื การปรับใช้ (A)

- ในโอกาสต่อไป ถา้ นักเรียนจะร้องเพลง เลน่ ดนตรี เปดิ เพลงเสยี งดังในท่ี ๆ

มีผูอ้ นื่ อยดู่ ว้ ย จะคำนงึ ถึงสิ่งใดบา้ ง และนกั เรยี นจะปฏิบตั อิ ย่างไรจงึ เป็น

การไมล่ ะเมดิ สิทธขิ องผอู้ น่ื



7. ภาระงาน/ช้ินงานท่คี วรปรากฏ

- ร้องเพลงตามจงั หวะพนื้ ฐานตามระดบั เสียงดนตรี



170

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551


8. ส่อื การเรียนร
ู้
8.1 ครสู าธิตพร้อมยกตวั อย่างสาธิตการร้องเพลงด้วยลักษณะเสยี งต่าง ๆ ทถ่ี กู ต้อง

8.2 เคร่อื งดนตรีใชป้ ระกอบจงั หวะในการร้องเพลง

8.3 เทป, ซดี ภี าพ, หนังสอื สื่อประกอบการเรียนเร่ืองลกั ษณะเสยี งในการร้องเพลง



9. การประเมินผล

9.1 ประเมินผลจากการปฏิบตั ิการร้องเพลงดว้ ยลักษณะเสียงตา่ ง ๆ

9.2 สังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ การรอ้ งเพลงจากการปฏิบตั ิเป็นกลุ่ม

9.3 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ การรอ้ งเพลงจากการปฏบิ ัติเปน็ รายบคุ คล

9.4 สงั เกตการแสดงความคิดของผ้เู รียนตามคำถาม R - C - A



10. ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู

10.1 การแนะนำแหลง่ ศึกษาเรียนรูท้ างการขับรอ้ งเพลงดว้ ยลักษณะเสียงต่าง ๆ

10.2 การจัดกิจกรรมดนตรตี ้องเน้นผู้เรยี นเปน็ สำคัญท่สี ดุ

10.3 แนะนำแหล่งสืบคน้ ภมู ิปัญญาท้องถนิ่ ทางการขบั ร้องเพลงเสียงต่าง ๆ


171

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชวี ิต บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กลุ่มสาระการเรยี นร
ู้

แผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้บูรณาการทักษะชีวติ ในกลุ่มสาระการเรยี นรูศ้ ิลปะ


รายวชิ า ศลิ ปะ (สาระดนตรี) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1

เร่ือง ลกั ษณะเสียงในการรอ้ งเพลง เวลา 2 ช่ัวโมง



1. มาตรฐานการเรียนร้

- ศ 2.1 เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์วจิ ารณค์ ุณคา่
ดนตรี ถา่ ยทอดความรู้สกึ ความคิดตอ่ ดนตรีอยา่ งอสิ ระ ชน่ื ชม และประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ิตประจำวัน



2. สาระ/ตวั ชี้วดั

- รอ้ งเพลงและใช้เครื่องดนตรีประกอบการร้องเพลงดว้ ยบทเพลงท่หี ลากหลายรปู แบบ



3. วตั ถปุ ระสงค

3.1 ขับรอ้ งเพลงประสานเสียงแบบแชนท์ ได้ด้วยความถกู ตอ้ งสนกุ สนาน

3.2 อธิบายความหมาย ลีลา จังหวะ และอา่ นจงั หวะหารขบั ร้องประสานเสียงได้



4. องคป์ ระกอบทกั ษะชวี ติ : การคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจและแก้ปญั หาอย่างสร้างสรรค์

- มีทกั ษะในการแสวงหาและใช้ขอ้ มลู จากแหล่งเรยี นรตู้ า่ ง ๆ ให้เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเอง
และผู้อื่น



5. สาระเนอ้ื หา

- การขับร้องเพลงประสานเสยี ง (ประโยชน/์ ประเภท/หลกั การขับรอ้ ง ฯลฯ)

ประโยชนข์ องการขบั รอ้ งเพลงประสานเสียง

ลักษณะของเพลงประเภทตา่ ง ๆ

หลกั การขับร้องเพลงประสานเสียง



6. กิจกรรมการเรยี นรู้

6.1 อภิปรายซักถามประสบการณ์และพื้นฐานความสามารถในการฟังและการขับร้อง
เพลงประสานเสยี งทีน่ ักเรียนเคยฟังหรือเคยร้อง


172

หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551


6.2 สนทนาถงึ ลักษณะของเพลงประสานเสียงและโอกาสการขับรอ้ งเพลงประสานเสียง

6.3 ครูใหค้ วามรูเ้ กีย่ วกบั ระดับเสียงในการขบั รอ้ งเพลง 4 ระดบั เสียง

6.4 สาธติ การออกเสยี งตามระดับเสยี ง 4 ระดับในการประสานเสียง

6.5 สาธติ และใหผ้ ้เู รยี นฝึกการขับร้องเพลงประสานเสียง

6.6 ผู้เรียนฝกึ การขับร้องเพลงประสานเสยี ง

6.7 อภิปรายสรุปถึงการนำการขับร้องเพลงประสานเสียงให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง เช่น
เปน็ การฝกึ สมาธิ ฝึกการฟัง ฝึกการจำแนกเสียง




6.8 สนทนาดว้ ยเทคนคิ คำถาม R - C - A เพอ่ื พฒั นาทักษะชีวิต ร้เู ท่าทนั สภาวการณ์


ทีเ่ กดิ ข้ึนกบั ตนเอง (สำรวจและประเมนิ อารมณท์ มี่ อี ิทธพิ ลต่อพฤติกรรมของตนเอง)

คำถามเพ่อื การสะท้อน (R)

- ในการประสานเสยี งยอ่ มมีความผิดพลาดท่อี าจเกิดจากความไมพ่ รอ้ มเพรยี ง

ทง้ั โดยตนเองและผู้อืน่ นักเรยี นมคี วามรูส้ ึกอย่างไรตอ่ ความผดิ พลาดนั้น

- มีเหตุการณ์การต่อวา่ หรือกล่าวโทษกันท่ที ำใหเ้ กดิ ความผิดพลาดในการ
ประสานเสียงบ้างหรือไม

คำถามเพอื่ การเชือ่ มโยง (C)

- ความร้สู ึกหรอื อารมณท์ ี่เกิดขึน้ กบั ตนเอง มอี ิทธพิ ลทำให้ตนเองขาดสตไิ ปต่อว่า

ผอู้ ื่น กลา่ วโทษผอู้ ่นื จรงิ หรือไม

- การฝกึ การประสานเสียงทีท่ ำไดร้ าบรน่ื ประสานเสียงไดเ้ ป็นเพลงต่อเน่ือง

เปน็ เพราะอะไร

- ในการเกดิ ความรู้สึกหรืออารมณ์แต่ละครัง้ นักเรียนมีวิธีการอยา่ งไรท่ีจะร้วู ่า

เรามคี วามรโู้ กรธ ไม่พอใจ โมโห ฯลฯ รูไ้ ด้อย่าง มอี ะไรเป็นส่ิงบ่งบอก

คำถามเพ่ือการปรับใช้ (A)

- ในการฝกึ ความพรอ้ มเพรยี งในการประสานเสยี งหรอื ทำงานอนื่ ๆ ต้องเกดิ
อารมณ์ความรสู้ ึกแน่นอนนกั เรียนจะจบั ถูกความรสู้ ึกของตนเองได้อยา่ งไร

หรือควบคุมมันไว้ไมใ่ ห้ส่งผลตอ่ การแสดงออกทางกิรยิ าทา่ ทางได้อยา่ งไร



7. ภาระงาน/ช้ินงานทคี่ วรปรากฏ

- ปฏิบัติการร้องเพลงประสานเสียง “แบบแชนท์”




173

แนวทางการพฒั นาทกั ษะชีวิต บรู ณาการการเรียนการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรียนร
ู้

8. สือ่ การเรียนรู้

8.1 เครอื่ งดนตรที ่ใี ชป้ ระกอบจังหวะ

8.2 เทป, ซีดีเพลง

8.3 แผนภมู กิ ารฝึกขอ้ ร้องเพลงประสานเสยี ง

8.4 ครูสาธติ



9. การประเมนิ ผล

9.1 ประเมินผลจากการปฏิบัติการขบั ร้องเพลงประสานเสยี ง

9.2 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรใู้ นการฝกึ ปฏบิ ัตขิ บั รอ้ งเพลงประสานเสียงเปน็ กลุม่

9.3 สังเกตพฤติกรรมการเรียนรใู้ นการฝกึ ปฏบิ ตั ขิ ับร้องเพลงประสานเสยี งเป็นรายบุคคล

9.4 สังเกตประเด็นการตอบคำถาม R - C - A ท่เี หมาะสม



10. ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติมในการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้

10.1 แนะนำแหลง่ ศึกษาเรียนรูท้ างการขบั ร้องเพลงประสานเสียง

10.2 ในโอกาสสำคญั ๆ ใหผ้ ู้เรยี นได้สัมผสั และเรยี นรหู้ รือฝกึ ประสบการณ์

10.3 แนะนำแหลง่ สบื คน้ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถ่ินในการขบั ร้องเพลงประสานเสยี ง


174

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551


แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูบ้ รู ณาการทกั ษะชีวติ ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ


รายวชิ า ศลิ ปะ (สาระทัศนศลิ ป)์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 2

เรอ่ื ง การออแบบโฆษณา เวลา 2 ชั่วโมง



1. มาตรฐานการเรียนร
ู้
- ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจิตนาการและความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์

วิพากษ์ วิจารณ์ คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึกความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชม
และประยุกตใ์ ช้ในชีวติ ประจำวนั



2. สาระ/ตวั ชว้ี ดั

- บรรยายวิธีการใช้งานทัศนศิลป์ในการโฆษณาเพ่ือโน้มน้าวใจและนำเสนอตัวอย่าง
ประกอบ



3. วตั ถุประสงค์

3.1 บอกความหมายการออกแบบโฆษณา

3.2 ออกแบบจัดภาพแบบโฆษณาจากความคดิ สร้างสรรคไ์ ด้



4. องคป์ ระกอบทกั ษะชีวติ : การสร้างสมั พนั ธภาพทีด่ ีกบั ผู้อน่ื



5. สาระเน้อื หา

5.1 การออกแบบโฆษณาและการจัดการเพื่อออกแบบโฆษณา

5.2 หลกั การ ความหมายและประเภทของการออกแบบโฆษณา

5.3 หลกั การจดั การออกแบบโฆษณา



6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

6.1 สนทนาให้ความรูเ้ กีย่ วกบั การเขียนภาพระบายสี และการออกแบบโฆษณา

6.1.1 การจดั การ ความหมาย หลกั การจัดการทีด่ ี เพอ่ื การออกแบบโฆษณา

6.1.2 จุดเดน่ จุดสนใจ และเอกภาพในแบบทต่ี อ้ งการโฆษณา ความสมดุลของภาพ
จากภาพโฆษณาตวั อย่าง

6.1.3 หลักการออกแบบโฆษณา การจัดวางภาพในแบบโฆษณา


175

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชีวิต บรู ณาการการเรียนการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรียนร
ู้

6.2 ผู้เรียนวิเคราะห์ภาพการออกแบบโฆษณาโดยการวิพากษ์ วิจารณ์ งานโฆษณาที่
อาศัยหลกั การความรู้เรอ่ื งองคป์ ระกอบศลิ ปะ (แสง เงา รปู ทรง พนื้ หลงั ความสมดลุ พื้นผิว น้ำหนกั )

6.3 ผู้เรียนจับคู่กันหรือจับกลุ่มไม่เกิน 3 คน ร่วมกันออกแบบภาพโฆษณาที่เป็น
ประโยชน์เหมาะสมท่ีกลุ่มเหน็ ชอบ 1 โฆษณา

6.4 กลมุ่ นำภาพโฆษณามานำเสนอ อธิบายถงึ หลกั การจดั ภาพ จดุ เด่น จุดสนใจ และการ
สอ่ื ความหมายของการโฆษณาประกอบภาพที่สรา้ งสรรค์ขึน้

6.5 ผูเ้ รยี นอ่นื ๆ ร่วมกันวิพากษ์ วจิ ารณ์ ภาพโฆษณาของเพ่อื น บนพื้นฐานของหลกั การ
จัดการ การจดั วางภาพและ “ภาพนส้ี ื่อโฆษณาได้น่าสนใจอยา่ งไร” พรอ้ มบอกข้อเสนอแนะ

6.6 กลมุ่ แต่ละกลมุ่ ปรบั ปรุงภาพโฆษณาของตนเองตามขอ้ เสนอแนะท่ีได้รับจากกลุม่ อื่น

6.7 นำภาพติดบอร์ด เพื่อแสดงความภาคภูมใิ จของตนเองให้ผอู้ ่นื ชน่ื ชม




6.8 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพือ่ พฒั นาทักษะชีวติ รจู้ ักการคลายเครยี ด
ด้วยวิธกี ารท่ีสรา้ งสรรค

คำถามเพอื่ การสะท้อน (R)

- นกั เรยี นมีความรสู้ กึ อยา่ งไรทีภ่ าพของตนเองถูกวิพากษ์ วจิ ารณ์

คำถามเพ่ือการเช่อื มโยง (C)

- ท่ผี า่ นมาเคยถูกวพิ ากษว์ จิ ารณแ์ ละไม่ยอมรบั คำวิพากษ์วิจารณ์ แกแ้ คน้ คืน

บ้างหรือไม่ เพราะเหตุใด

- การทีม่ ีผ้วู ิพากษ์วจิ ารณ์ผลงานของเราอยา่ งตรงไปตรงมา กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน ์
อย่างไรบ้าง

- การวพิ ากษว์ ิจารณ์ท่ดี ีควรเปน็ อยา่ งไร

- ที่ผา่ นมาเวลาเครียดหรอื อึดอดั ที่ถูกครู พอ่ แม่ เพ่ือน ฯลฯ วิพากษ์วิจารณ์
นักเรียนทำอยา่ งไรจึงก้าวพ้นจากความเครยี ดหรือความรู้สึกอึดอดั นน้ั ไปได้

คำถามเพือ่ การปรบั ใช้ (A)

- ในโอกาสตอ่ ไปหากเราจะตอ้ งวิพากษ์วิจารณ์เพ่อื นจะมวี ิธกี ารวพิ ากษ์วิจารณ์

อย่างไรจงึ จะสมเหตสุ มผล

- ในโอกาสตอ่ ไปหากผลงานของเราถูกวิพากษว์ จิ ารณ์ เราจะมีวิธีการ

ปรบั ความคิด ปรบั อารมณ์อย่างไรจึงจะไม่ทำให้เกิดผลเสียตอ่ สุขภาพจติ ตนเอง
(การหายใจลกึ ๆ การต้งั สติ มองบวก การวิเคราะห์ภาพตามท่ีถกู วิจารณ์

อีกครงั้ หนึง่ ฯลฯ)



176

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551


7. ภาระงาน/ช้นิ งานท่คี วรปรากฏ

- ภาพการออกแบบโฆษณา ที่มีความถูกต้องตามหลกั การจัดภาพโฆษณา



8. สอ่ื การเรยี นรู้

8.1 ครูสาธิตพรอ้ มอธบิ ายขัน้ ตอนการฝึกปฏบิ ตั ิงานออกแบบโฆษณาจากโจทย์ทก่ี ำหนด

8.2 ภาพผลงานการออกแบบโฆษณาเป็นตัวอยา่ ง

8.3 จัดสภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมเอ้ืออำนวยตอ่ การจดั การเรยี นรู้ศิลปะ



9. การประเมินผล

9.1 ประเมินผลจากงานท่ีฝึกปฏบิ ัติการออกแบบโฆษณาทีก่ ำหนด

9.2 สงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรู้การฝกึ ปฏิบัตทิ ำงานเปน็ กลมุ่

9.3 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนร้กู ารฝึกทักษะการทำงานเป็นรายบุคคล

9.4 สังเกตการตอบคำถามการสนทนาจากคำถาม R - C - A



10. ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติมในการจดั กจิ กรรมการเรียนร
ู้
10.1 เสนอแนะแหล่งเรยี นรู้ในการฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารออกแบบโฆษณา

10.2 จัดกจิ กรรมการเรยี นที่ให้ผเู้ รียนแสดงความสามารถทางดา้ นศลิ ปะการออกแบบ

ภาพโฆษณา

10.3 แนะนำแหล่งเรียนรู้ แหลง่ สบื ค้นขอ้ มลู การออกแบบโฆษณาทกุ ชอ่ งทาง


177

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชวี ิต บูรณาการการเรียนการสอน 8 กล่มุ สาระการเรยี นร
ู้

แผนการจัดกจิ กรรมการเรยี นรบู้ ูรณาการทกั ษะชวี ิตในกลุม่ สาระการเรยี นรู้ศิลปะ


รายวิชา ศลิ ปะ (สาระทศั นศลิ ป์) ชั้น มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4-6

เร่อื ง การเขยี นภาพการ์ตนู (ภาพล้อเลยี น) เวลา 1 ชว่ั โมง



1. มาตรฐานการเรียนร
ู้
- ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจิตนาการและความคิดสร้างสรรค์ วิเคราะห์

วิพากษ์ วิจารณ์ คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึกความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ช่ืนชม
และประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั



2. สาระ/ตัวชว้ี ดั

- วาดภาพระบายสีเป็นภาพล้อเลียน หรือภาพการ์ตูน เพื่อแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ

สภาพสงั คมในปจั จบุ ัน



3. วัตถุประสงค์

3.1 บอกอธิบาย ความหมาย ประเภทของงานการเขยี นภาพการต์ นู ภาพล้อเลยี นได

3.2 เขยี นภาพการ์ตนู หรอื ภาพลอ้ เลยี น เพือ่ แสดงความคิดเห็นได

3.3 แสดงความช่ืนชมเห็นคณุ ค่าในการวาดภาพการ์ตูน



4. องคป์ ระกอบทักษะชีวติ : การคดิ วิเคราะห์ ตัดสินใจ และการแกไ้ ขปญั หาอยา่ งสรา้ งสรรค์

4.1 มคี วามคดิ รเิ ร่มิ สร้างสรรค์และจินตนาการ

4.2 มองโลกในแง่ดีและแก้ปัญหาอย่างสรา้ งสรรค



5. สาระเนือ้ หา

5.1 ความรคู้ วามเข้าใจในการเขียนภาพการ์ตูน ภาพลอ้ เลียน

5.2 หลักในการเขียนภาพการ์ตนู ขนั้ พืน้ ฐาน

5.3 ขนั้ ตอนในการออกแบบภาพการต์ ูน



6. กิจกรรมการเรียนรู้

6.1 อธบิ ายประกอบการศึกษาความรเู้ ก่ียวกับการเขียนภาพการ์ตนู ภาพล้อเลียน

6.1.1 ความเป็นมา ความหมาย


178

หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551


6.1.2 ประเภทของการต์ นู การเมอื ง การ์ตนู เรื่องราว การ์ตนู ขำขัน การ์ตนู ประกอบเสียง
เปน็ ตน้

6.1.3 หลกั การเขียนภาพการต์ นู การสร้างภาพการต์ ูนด้วยโปรแกรมเทคโนโลย

6.2 นำภาพการต์ ูน ภาพลอ้ เลยี นมาใหน้ ักเรยี นดูแลว้ วเิ คราะห

6.2.1 ลักษณะของภาพการต์ ูนประเภทต่าง ๆ

6.2.2 การส่ือความหรือถ่ายทอดเรอื่ งราวเปน็ ภาพการต์ ูน ภาพลอ้ เลยี น

6.2.3 ความถกู ต้องเหมาะสมของการเขยี นภาพการต์ ูน ภาพล้อเลยี น

6.2.4 ประโยชนแ์ ละการนำภาพการ์ตนู และภาพลอ้ เลยี นไปใช้

6.3 ครูสาธิต นักเรียนวาดโครงร่างภาพการ์ตูน ภาพล้อเลียนให้ผู้เรียนวิเคราะห์ซักถาม
และฝึกการสรา้ งโครงร่างภาพ

6.4 ผู้เรียนฝึกเขียนภาพการ์ตูน ภาพล้อเลียน ตามจินตนาการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อ

ศีลธรรม วัฒนธรรม ประเพณีอันดีงาม ไม่ล่อแหลม ลามกอนาจาร แต่ล้อเลียนเพื่อให้เกิดความคิด
ความรสู้ ึกในทางสร้างสรรค์

6.5 นำภาพมาให้เพื่อน ๆ ได้วิพากษ์ วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นตามหลักการวิจารณ์

งานศลิ ป

6.6 นำภาพการต์ ูนติดบอรด์ ผลงานศิลปส์ ร้างสรรค




6.7 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพ่อื พฒั นาทักษะชวี ิต ความรับผดิ ชอบ
ต่อสังคม

คำถามเพ่ือการสะท้อน (R)

- นักเรยี นเคยถกู เพื่อนลอ้ เลียนบา้ งหรอื ไม

- การล้อเลยี นเรอ่ื งใดบ้างทส่ี ง่ ผลกระทบกับจิตใจและความรสู้ กึ มากทีส่ ุด

- นกั เรียนไมอ่ ยากให้เพอ่ื น ๆ ล้อเลียนเร่อื งใดบ้างเกย่ี วกับตนเอง

คำถามเพ่อื การเชอ่ื มโยง (C)

- นักเรยี นคิดว่าการลอ้ เลยี นทไ่ี ม่เหมาะสมในกล่มุ เพ่ือนจะทำให้เกดิ ปญั หา
มติ รภาพความเป็นเพ่ือนทีร่ นุ แรงอยา่ งไรบา้ ง

- นักเรียนคิดวา่ การลอ้ เลียนก่อใหเ้ กดิ ปัญหาทะเลาะเบาะแว้งหรอื การอาฆาต

เอาคนื ตอ่ กนั ตดิ ตามมามากนอ้ ยแค่ไหน เพราะเหตุใด

- การลอ้ เลียนเพอ่ื นร่วมชนั้ เพ่อื นรนุ่ พ่หี รือบคุ คลในสถาบนั อืน่ ทไี่ มเ่ หมาะสม

เปน็ ปญั หาสังคมหรอื ไม่อย่างไร


179

แนวทางการพัฒนาทักษะชวี ิต บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กลุ่มสาระการเรียนร
ู้

คำถามเพอื่ การปรับใช้ (A)

- หากมกี ารลอ้ เลยี นเกิดข้นึ ในวิถีชวี ติ ของนกั เรยี นไม่ว่ากบั เพอื่ น กับสถาบันอน่ื
นักเรียนจะปฏิบัติอยา่ งไรจงึ ไม่เกดิ เป็นปญั หากระทบสงั คมใกล้ตวั หรือไกลออกไป
อยา่ งกวา้ งขวาง

- หากไม่ล้อเลียนกันแต่พูดจาทีเ่ ป็นมิตรจะดีกว่าหรือไม่ และพดู แบบไหนที่ลอ้ เลียน
พูดแบบไหนท่ีเป็นมติ ร นกั เรยี นช่วยกันบอกเพ่ือน



7. ภาระงาน/ชน้ิ งานท่ีควรปรากฏ

- ภาพการต์ ูน ภาพล้อเลยี น ทมี่ คี วามถูกต้องตามหลกั การเขียนภาพการ์ตูนขัน้ พน้ื ฐาน



8. ส่ือการเรยี นร
ู้
8.1 ครสู าธติ อธบิ ายพรอ้ มยกตวั อย่างข้ันตอนการฝึกปฏบิ ัติการวาดภาพการต์ ูน

8.2 ภาพผลงานการวาดภาพการต์ ูน ภาพล้อเลยี นนำมาเป็นตวั อยา่ ง

8.3 การจัดสภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสมเออ้ื อำนวยต่อการจัดการเรียนรศู้ ิลปะ



9. การประเมนิ ผล

9.1 ประเมินผลจากงานการ์ตนู ท่ฝี กึ ปฏิบัติตามโจทยท์ ีก่ ำหนด

9.2 สังเกตพฤติกรรมการเรียนการฝกึ ทักษะปฏบิ ตั งิ านเป็นกลุม่

9.3 สังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้การฝึกปฏิบัติงานเปน็ รายบคุ คล

9.4 สังเกตประเด็นคำตอบของผู้เรยี นจากการตอบคำถาม R - C - A



10. ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นร้

10.1 เสนอแหลง่ เรยี นร้ใู นการฝกึ ปฏบิ ตั ิการเขยี นภาพการต์ นู ภาพลอ้ เลยี น

10.2 สง่ เสริมใหผ้ ูเ้ รยี นได้แสดงออกในความสามารถในการวาดการต์ ูนหรอื ทำหนงั สือการ์ตนู
การทำวารสารโรงเรียน เป็นตน้

10.3 แนะนำแหลง่ เรยี นรู้ แหล่งสืบคน้ หาข้อมลู การเขยี นภาพการต์ ูนตา่ ง ๆ มาประกอบ






180

ตัวอย่าง



การพัฒนาทักษะชีวติ บูรณาการการเรยี นการสอน

กลุม่ สาระการเรยี นร
ู้

การงานอาชพี และเทคโนโลย


แนวทางการพัฒนาทักษะชวี ิต บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กล่มุ สาระการเรียนร
ู้

พฤตกิ รรมทกั ษะชีวติ ที่สอดคล้องกบั ตวั ชวี้ ัด มาตรฐานการเรียนรู

กลมุ่ สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี


หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551


(สาระที่ 1 การดำรงชีวติ และครอบครวั สาระที่ 2 การออกแบบและเทคโนโลยี สาระท่ี 3 เทคโนโลยีสารสนเทศ
และการส่ือสาร สาระท่ี 4 การอาชพี )


องคป์ ระกอบ
รายละเอยี ดองค์ประกอบทกั ษะชีวิต

ท่สี อดคลอ้ ง
ทส่ี อดคล้องกับตัวชวี้ ดั มาตรฐานการเรยี นร
ู้

ชั้น
1 2 3 4
1. ตระหนักรูแ้ ละ 2. คิดวเิ คราะห์ 3. การจดั การกับ 4. การสรา้ ง
เห็นคุณค่า
ตัดสินใจและ
อารมณ์และ สัมพนั ธภาพท่ดี

ความเครียด

ในตนเองและผูอ้ น่ื
แกป้ ญั หาอย่าง กบั ผู้อ่นื

สร้างสรรค


ป.1 ✓ - - -
รจู้ กั ความถนดั และ
-
-
-


ความสามารถของ





ตนเอง (แสดงความ





สามารถของตนเอง





ใหผ้ ้อู ่ืนรบั รู้)





-

ป.2 ✓ ✓ - -
ยอมรับความแตกต่าง สรา้ งและแสดง
-



ระหว่างตนเอง
ผลงานท่เี กิดจาก




กับผอู้ น่ื
การคดิ เช่อื มโยง

-

ป.3 ✓ ✓ ✓ -
มองตนเองและผูอ้ ่ืน 1. มีทกั ษะการสงั เกต
- จดั การกับอารมณ์


ในแง่บวก
2. มจี นิ ตนาการและ ตนเองได้อยา่ ง



มีความสามารถคิด เหมาะสม




เชื่อมโยง

-

ป.4 ✓ ✓ - -
เคารพสทิ ธิของตนเอง มีจินตนาการและ -



และผู้อื่น
สามารถคิดไดอ้ ย่าง




เชือ่ มโยง (แสดง





ผลงานทีเ่ กิดจาก





การคิดจนิ ตนาการและ





ความคดิ เชื่อมโยง)



182

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551


องค์ประกอบ
รายละเอยี ดองค์ประกอบทักษะชวี ติ

ท่ีสอดคลอ้ ง
ทีส่ อดคล้องกับตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนร
ู้

ชนั้
1 2 3 4
1. ตระหนักรู้และ 2. คิดวิเคราะห์ 3. การจดั การกับ 4. การสร้าง
เหน็ คณุ ค่า
ตัดสินใจและ
อารมณแ์ ละ สัมพันธภาพที่ดี

ความเครยี ด

ในตนเองและผูอ้ ื่น
แกป้ ญั หาอย่าง กับผ้อู น่ื

สรา้ งสรรค


ป.5 ✓ ✓ - -
1. รักและเหน็ คณุ คา่ 1. มีจิน
ตนาการและ -
-


ในตนเองและผอู้ ่นื
มีคว
ามสามารถคดิ



2. ยอมรบั ความ
เช่อื ม
โยง (สรา้ ง



แตกตา่ งระหวา่ ง ทแลเี่ กะิด
แจสาดกงผลงาน




ตนเองกบั ผู้อืน่





จินตนาการและ




การคิดเช่อื มโยง)





2. มีทักษะในการ




แสวงหาขอ้ มูลจาก




แหลง่ เรยี นรู้ต่าง ๆ



ป.6 ✓ ✓ - ✓
1. เคารพสทิ ธิของ 1. มีทกั ษะในการ -
1. ทำงานรว่ วมกบั


ตนเองและผอู้ ื่น
แสวงหาขอ้ มลู จาก ผอู้ ื่นบนพืน้ ฐาน

2. มองตนเองและ
แหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ
ความเปน็

ผอู้ น่ื ในแงบ่ วก
2. มจี ินตนาการและ ประชาธปิ ไตย

มีความสามารถคิด 2. ทำงานร่วมกบั ผูอ้ ่นื
เช่ือมโยง (สร้าง ไดร้ าบรืน่ และ

และแสดงผลงาน
มีความสำเร็จหรอื
ท่เี กิดจาก มผี ลงานจากการ
จนิ ตนาการและ สร้างสรรคร์ ว่ มกนั

การคดิ เช่อื มโยง


3. รับรู้ปัญหา

หนทางเลือกและ
ตดั สนิ ใจทางเลอื ก
ในการแก้ปญั หา

4. ประเมนิ
สถานการณ์และ
นำไปประยกุ ต์ใช้
ในชีวิตประจำวนั


183

แนวทางการพัฒนาทักษะชวี ิต บรู ณาการการเรยี นการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรยี นร
ู้

องคป์ ระกอบ
รายละเอียดองคป์ ระกอบทกั ษะชวี ิต

ที่สอดคลอ้ ง
ทีส่ อดคล้องกับตัวช้วี ดั มาตรฐานการเรียนรู


ช้ัน
1 2 3 4
1. ตระหนกั รแู้ ละ 2. คิดวเิ คราะห์ 3. การจดั การกบั 4. การสร้าง
เหน็ คุณค่า
ตดั สนิ ใจและ
อารมณแ์ ละ สมั พันธภาพทดี่ ี

ความเครียด

ในตนเองและผอู้ ่นื
แก้ปัญหาอยา่ ง กับผู้อนื่

สร้างสรรค์


ม.1 ✓ ✓ - ✓
ร้จู ักจดุ เดน่ จุดด้อย 1. วิเคร
าะห์
-
- ทำงานร่วมกบั ผอู้ ่ืน

ของตนเอง
ผลก
ระทบและ

บนพื้นฐานของ


หาท
างป้องกันหรือ
ความเปน็


แจากกป้ พ
ญั ฤหตาิกทรีเ่ รกมิด

ประชาธปิ ไตยได้



อยา่ งราบรนื่



ไม่พงึ ประสงคแ์ ละ




สถานการณ์ตา่ ง ๆ





2. มจี ินตนาการและ




ความคิดรเิ ร่ิม




สร้างสรรค์ (สรา้ ง




สรรค์ผลงานและ




แสดงพฤตกิ รรมได้




เป็นท่ียอมรับ)



ม.3 - ✓ - -
-
- มีทกั ษะในการ -
-



แสวงหาและใช้




ข้อมูลจากแหล่ง




เรยี นร้ใู หเ้ ป็น




ประโยชนก์ ับ




ตนเองและผอู้ น่ื





- สร้างสรรค์ผลงาน




และแสดง




พฤติกรรมได้





เป็นทย่ี อมรบั




184

หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551


องคป์ ระกอบ
รายละเอยี ดองค์ประกอบทักษะชีวติ

ที่สอดคลอ้ ง
ที่สอดคล้องกับตวั ช้วี ดั มาตรฐานการเรียนร
ู้

ช้ัน
1 2 3 4
1. ตระหนักรแู้ ละ 2. คดิ วเิ คราะห์ 3. การจดั การกับ 4. การสรา้ ง
เห็นคณุ คา่
ตัดสนิ ใจและ
อารมณแ์ ละ สมั พันธภาพทด่ี ี

ความเครียด

ในตนเองและผู้อ่นื
แกป้ ญั หาอยา่ ง กับผอู้ น่ื

สร้างสรรค


ม.4- ✓ - - -
1. กำหนดทิศทาง - มที ัก
ษะในการ -
-

ม.6
และวางแผน
แสวง
หาและใช้



การดำเนนิ ชวี ติ
ขอ้ ม
ลู จากแหลง่

ไปสเู่ ป้าหมายหรอื ปเรรียะน
โรยู้ใชหนเ้ ปก์ บั็น

ความสำเร็จที่
ตนเองคาดหวัง
ตนเอง

2. ปฏิบัติตามแผน (ด้านการเรียน
และปรับปรุงให้มี การศกึ ษาต่อ

โอกาสประสบ และการอาชพี )

ความสำเร็จ

ตามเป้าหมาย


185

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชีวิต บรู ณาการการเรียนการสอน 8 กลุ่มสาระการเรยี นร
ู้

แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรบู้ ูรณาการทกั ษะชวี ติ


ในกล่มุ สาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี


รายวิชา การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้ัน ประถมศึกษาปที ี่ 1

เร่อื ง การพบั จรวจกระดาษ เวลา 1 ชัว่ โมง



1. มาตรฐานการเรียนร
ู้
- ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะ

การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้

มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการใช้พลังงาน ทรัพยากร และ

สิง่ แวดลอ้ ม เพือ่ การดำรงชวี ติ และครอบครัว



2. สาระ/ตัวชีว้ ัด

- การดำรงชวี ติ และครอบครัว

ทำงานเพ่อื ชว่ ยเหลอื ตนเองอยา่ งกระตอื รอื ร้นและตรงเวลา



3. วตั ถปุ ระสงค์

พบั จรวดกระดาษและใชไ้ ดด้ ี (พุ่งได้ไกลลอยในอากาศไดน้ าน)



4. องค์ประกอบทักษะชวี ิต : การตระหนกั รู้และเหน็ คุณคา่ ในตนเอง

- แสดงความสามารถของตนเองใหผ้ ้อู ่นื รบั ร้



5. สาระการเรยี นร
ู้
การพบั จรวดกระดาษ



6. ภาระงาน/ชิ้น

- พบั จรวดด้วยตนเองและสามารถพ่งุ จรวดให้ลอยบนอากาศไดต้ ามทตี่ งั้ ใจ




186

หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551


7. กจิ กรรมการเรยี นรู

7.1 ครูนำจรวดจากการพบั กระดาษใหน้ ักเรยี นดู และร่วมกนั สนทนาซกั ถาม

- ส่ิงทค่ี รูนำมาให้ดู คอื อะไร

- วสั ดุทใ่ี ชท้ ำมีอะไรบา้ ง

7.2 อาสาสมัครนักเรยี นท่ีเคยพับจรวดมาสาธติ การพบั จรวดใหเ้ พอ่ื นดู (ถา้ ไม่มใี หค้ รูสาธิต)

7.3 นกั เรยี นทกุ คนพับจรวด และทดลองเลน่

7.4 ครูสุ่มถามนักเรียนท่ีพุ่งจรวดได้ไกลท่ีสุดเพราะอะไร และนักเรียนท่ีพุ่งจรวดได้

ใกลท้ ่ีสุดเพราะอะไร




7.5 สนทนาด้วยเทคนิคคำถาม R - C - A เพ่ือพัฒนาทักษะชีวิต การค้นพบจุดเด่น


จุดดอ้ ยของตนเอง และความภาคภมู ิใจในตนเอง

คำถามเพ่อื การสะท้อน (R)

- ตอนท่จี รวดของนักเรยี นพงุ่ ไปลอยในอากาศนักเรยี นมคี วามรูส้ ึกอย่างไร

- นกั เรียนรู้สึกอย่างไรที่จรวดของตัวเองพุ่งไปไดไ้ กล

- นกั เรียนรู้สกึ อย่างไรท่จี รวดของตวั เองพุง่ ไปได้ไมไ่ กลหรอื ไมย่ อมพุง่

คำถามเพือ่ การเช่ือมโยง (C)

- คนทจ่ี รวดของตนเองพุง่ ไปไกลท่สี ดุ มีวธิ ีการอยา่ งไร จึงพุ่งไปไดไ้ กล

- การทำงานของนกั เรยี นทผ่ี า่ นมาเคยมีไหม ท่ีต้องทำใหม่ แก้ไข ทำแลว้ ทำอีก
แกไ้ ขไปหลาย ๆ หน เพ่อื ใหง้ านของตนเองดจี นเปน็ ทีพ่ อใจ เช่นงานอะไร

- การท่ีเราทำงานอะไรซกั อย่างอย่างมุ่งมั่นพยายาม แม้จะลำบากแตเ่ มอ่ื สำเร็จ

ดงั ท่ีตงั้ ใจ ดงั การพบั และพงุ่ จรวด สง่ ผลตอ่ ความรสู้ กึ และจติ ใจของนักเรยี น
อย่างไรบา้ ง

คำถามเพอ่ื การปรบั ใช้ (A)

- ในโอกาสตอ่ ไปนกั เรยี นอยากทำอะไรทท่ี า้ ทายความสามารถของเรา หรอื อยาก
ทำอะไรทเี่ ราคิดวา่ ทำไดแ้ น่นอนและแสดงให้ผ้อู ื่นได้รไู้ ดเ้ ห็นไดอ้ ยา่ งมน่ั ใจบา้ ง



8. สอ่ื การเรยี นร
ู้
8.1 จรวดตวั อยา่ ง

8.2 กระดาษ A 4 เท่าจำนวนนกั เรยี น




187

แนวทางการพัฒนาทกั ษะชวี ติ บรู ณาการการเรียนการสอน 8 กลมุ่ สาระการเรยี นร
ู้

9. การประเมินผล

9.1 สังเกตนกั เรียนท่ีมคี วามพยายามในการพบั จรวดและพงุ่ จรวดให้ไกล

9.2 นักเรยี นทใี่ จรอ้ นหงดุ หงิดท้อแทไ้ ม่พยายามแกไ้ ขปรับปรุงจรวดและการพุ่งจรวด

9.2 การสนทนาตอบคำถาม R - C - A



10. ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติมในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้

อาจจะถามเช่อื มโยงไปถงึ ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคมหรือการไม่ละเมิดสทิ ธผิ ู้อื่น เช่น

10.1 ถา้ มผี ูพ้ ุ่งจรวดเขา้ มาในบ้านเรา หรอื พงุ่ ถูกศีรษะของเราเราจะมีความรูส้ ึกอย่างไร

10.2 การท่ีเราพุ่งจรวดโดยไม่พึงระวังหรือพุ่งตามใจตัวเองไปโดนผู้อื่นเป็นความผิดหรือไม่

หรือเป็นการละเมิดสทิ ธผิ ู้อ่ืนหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด

10.3 ถ้าพุ่งจรวดไปโดนผู้อ่ืนจะพูดกับผู้น้ันอย่างไรบ้าง เพ่ือไม่ให้เกิดความผิดพ้อง

หมองใจกนั หรอื ทะเลาะกัน

10.4 ในโอกาสตอ่ ไปถ้านกั เรยี นจะเลน่ พุ่งจรวดจะตอ้ งพงึ ระวงั เร่ืองใดบ้าง


188

หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551


แผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรบู้ รู ณาการทักษะชวี ิต


ในกล่มุ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี


รายวชิ า การงานอาชีพและเทคโนโลย ี ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4

เรอ่ื ง การประดิษฐด์ อกตะขาบ เวลา 2 ชั่วโมง



1. มาตรฐานการเรียนร้

- ง 1.1 เข้าใจการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะ

การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะการทำงานร่วมกัน และทักษะการแสวงหาความรู้

มีคุณธรรม และลักษณะนิสัยในการทำงาน มีจิตสำนึกในการใช้พลังงาน ทรัพยากร และ

สงิ่ แวดลอ้ ม เพอ่ื การดำรงชีวติ และครอบครวั



2. สาระ/ตวั ชีว้ ดั

- การดำรงชวี ติ และครอบครวั

อธิบายเหตผุ ลในการทำงานให้บรรลเุ ปา้ หมาย



3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

- ประดษิ ฐด์ อกตะขาบได้สวยงาม



4. องค์ประกอบทกั ษะชวี ิต : การจัดการกับอารมณ์และความเครยี ด



5. สาระการเรยี นรู

- การประดษิ ฐ์ดอกตะขาบ



6. ภาระงาน/ช้นิ งาน

6.1 ประดษิ ฐ์ดอกตะขาบจากเชอื กปอหรือกก

6.2 ดอกตะขาบคนละ 1 ดอก




189


Click to View FlipBook Version