1.2 ผลกระทบในทางลบ --
1.2.4 ทาให้เกิดการเสี่ยงภยั ทางด้านธุรกิจ ธุรกิจในปัจจุบันจาเป็ นต้อง
พงึ่ พาอาศัยเทคโนโลยสี ารสนเทศมากขนึ้ ขอ้ มูลข่าวสารทงั้ หมดของธุรกจิ ฝาก
ไว้ในศูนยข์ ้อมูล เช่น ข้อมูลลูกหนีก้ ารค้า ข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ หาก
เกิดการสูญหายของข้อมูล อันเน่ืองมาจากเหตุอุบัติภัย เช่น ไฟไหม้ น้าท่วม
หรือด้วยสาเหตุใดก็ตามท่ีทาให้ข้อมูลหายหมด ย่อมทาให้เกิดผลกระทบต่อ
ธุรกจิ โดยตรง
1.2.5 ทาให้มีการพัฒนาอาวุธท่ีมีอานาจการทาลายล้างสูง ประเทศที่เป็ น
เจ้าของนวัตกรรมและการจัดการเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างอาวุธทีม่ ีอานุภาพ
การทาลายล้างสูง ทาใหเ้ ส่ียงตอ่ การเกดิ สงครามและมีการสูญเสียมากขึน้
1.2.6 ทาให้เกิดการแพร่วัฒนธรรมและกระจายข่าวสารที่ไม่เหมาะสม
อยา่ งรวดเร็ว คอมพิวเตอรเ์ ป็ นอุปกรณท์ ท่ี างานตามคาส่ังอย่างเคร่งครัด การ
นามาใช้ในทางใดจึงขึน้ อยู่กับผู้ใช้ จริยธรรมการใช้คอมพิวเตอร์เป็ นเรื่อง
สาคญั ดังเชน่ การใชง้ านอนิ เตอรเ์ น็ตมีผู้สร้างโฮมเพจหรือสร้างข้อมูลข่าวสาร
ในเรื่องภาพทไี่ ม่เหมาะสม
1.2.7 ทาใหข้ ้อมูลหรอื โปรแกรมถกู ทาลายได้ง่าย ดว้ ยเทคโนโลยีสารสนเทศ 47
มีการพัฒนามาก ข้อมูลก็มีความสาคัญมากขึน้ ตามไปด้วย เทคโนโลยีทาให้ข้อมูล
ถูกทาลายได้ง่าย อาจถูกทาลายด้วยไวรัสคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็ นโปรแกรม
คอมพวิ เตอรป์ ระเภทหนึ่งทส่ี ามารถทาสาเนาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์
อนื่ ๆได้โดยผ่านเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ ไวรัสคอมพวิ เตอรบ์ างชนิดทาลายโปรแกรม
หรือข้อมูลต่างๆ
2. การแกป้ ญั หาทางเทคนคิ ของการใชง้ านเทคโนโลยี
(Solve Technical Problems)
2.1 การใชก้ ระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศ เป็ นการนากระบวนการที่
เก่ียวข้องกับการบรรยาย การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล การ
ประมวลผล การจดั เก็บ การจดั การหรือการกระทากับขอ้ มูลข่าวสาร โดยใช้
อุปกรณค์ อมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณส์ านักงานตา่ ง ๆ ในการปฏิบัตงิ านเพอ่ื ให้ได้
สารสนเทศหรือความรู้ท่ีนามาใช้ในการตัดสินใจซ่ึงเป็ นประโยชน์ต่อการ
ดาเนินชีวิต และเผยแพร่แก่ผู้อื่นได้เกิดความรู้ความเข้าใจร่วมกัน
กระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ ใหไ้ ดม้ าซง่ึ สารสนเทศทดี่ นี ั้น มขี นั้ ตอน
ดังนี้
1) การรวบรวมข้อมูล
2) การตรวจสอบความถกู ต้องของข้อมูล
3) การประมวลผลขอ้ มูล
4) การจดั เกบ็
5) การทาสาเนา
6) การเผยแพร่สารสนเทศ
48
2.2 การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการ
เทคโนโลยีสารสนเทศ
การแก้ปั ญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศเหมาะกับ
ระบบงานท่ีต้องทางานอย่างใดอย่างหน่ึงซ้าซาก และมีปริมาณงานมาก หรือ
งานทต่ี อ้ งการความรวดเร็วในการคานวณเกินกวา่ คนธรรมดาจะทาได้ วธิ ีการ
โ ด ย ท่ั ว ไ ป ก็ คื อ ป รั บ เ ป ลี่ ย น วิ ธี ก า ร ห รื อ ร ะ บ บ ก า ร ท า ง า น แ บ บ เ ดิ ม ม า ใ ช้
ระบบงานทมี่ คี อมพวิ เตอรช์ ่วยทาเป็ นบางส่วนหรือทงั้ หมดเทา่ ทส่ี ามารถจะทา
แทนคนได้ ดังนั้น การแก้ปัญหาด้วยกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ จึง
ต้องมีการสร้างระบบงานคอมพิวเตอรข์ ึน้ มาช่วยทางานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ซ่ึงโดยท่ัวไปเราอาจไม่ต้องสร้างระบบงานทั้งหมดขึ้นใหม่ แต่พัฒนา
ระบบงานเดมิ ใหเ้ ป็ นระบบงานทที่ างานดว้ ยคอมพวิ เตอร์ นิยมเรียกกันว่า การ
พัฒนาระบบงานคอมพวิ เตอร์(Computerization) ดังนั้น การแก้ปัญหาในการ
ทางานในปัจจุบันท่ีมีขั้นตอนการทางานท่ีซา้ ซ้อน ส่วนมากมักใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ถูกต้องแม่นยา และ
สามารถทาซา้ ไดง้ า่ ย
2.3 หลักการแก้ปญั หาดว้ ย
กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ
การแก้ปัญหาดว้ ยกระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศ มีหลักการสาคัญ
คือ ปัญหาทุกปัญหาต้องสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือวธิ ีการให้เหมาะสม
โดยคานึงถงึ ความคุ้มค่าในการลงทุน ดา้ นเวลา ด้านแรงงาน และค่าใช้จา่ ย
49
2.3.1 การใชค้ อมพิวเตอรใ์ นการแก้ปญั หา
การใช้ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตใ์ นการแก้ปัญหา ได้แก่ ไมโครซอฟตเ์ วิรด์
ไมโครซอฟตเ์ พาเวอรพ์ อยต์ ไมโครซอฟตเ์ อกซเ์ ซล ไมโครซอฟตแ์ อกเซส
ซอฟตแ์ วรโ์ ปรเดสท็อบ เป็ นต้น ซ่ึงโปรแกรมต่าง ๆ เหล่านีจ้ ะสามารถช่วย
แก้ปัญหาในการทางานได้ ดงั นี้
1) ซอฟตแ์ วรไ์ มโครซอฟตเ์ วิร์ด (Microsoft Word)
ชว่ ยแก้ปัญหาในการจดั ทางานเอกสารต่าง ๆ เช่น ช่วยให้การพมิ พง์ าน
เอกสารทาได้รวดเร็วมากกวา่ การใชพ้ มิ พด์ ดี ไฟฟ้า มีการตรวจสอบการสะกด
ไวยากรณ์เพ่ือป้องกันการพิมพท์ ี่ผิดพลาด สามารถลบคาผิดและปรับปรุง
ข้อความในเอกสารได้ง่ายและสะอาดเรียบร้อย โดยไม่ต้องใช้น้ายาลบคาผิด
แก้ปั ญหาสิ้นเปลืองเวลาในการส่งจดหมายเวียนภายในองค์กรโดยพิมพ์
จดหมายต้นแบบเพยี งฉบับเดยี วแล้วส่งไปให้ทุกหน่วยงานในองคก์ รผ่านทาง
คอมพิวเตอร์แทนการถ่ายสาเนาเอกสาร แล้วให้คนส่งเอกสารนาส่งทีละ
หน่วยงาน เป็ นตน้
50
2) ซอฟต์แวร์ไมโครซอฟต์เอกซ์เซล(Microsoft Excel)
ช่วยแก้ปัญหาเก่ียวกับการคานวณตัวเลข จัดทาตารางข้อมูล แผนภูมิ
และกราฟ เช่น การคานวณตัวเลขหลายจานวนในตารางข้อมูล การใช้สูตร
คานวณแทนการใช้เครื่องคิดเลข การจัดทาตารางข้อมูลให้สวยงามเป็ น
ระเบียบเรียบร้อย การใช้ข้อมูลในตารางสร้างแผนภูมิแลกราฟได้อย่าง
งา่ ยดาย ถูกตอ้ งและแม่นยา เป็ นตน้
3) ซอฟตแ์ วรไ์ มโครซอฟตแ์ อกเซส (Microsoft Access)
ช่วยแก้ปัญหาการจัดเก็บข้อมูล โดยจัดเก็บ ข้อมูลจานวนมากให้เป็ น
ระเบยี บเรียบร้อย สะดวกต่อการค้นหาและนามาใช้
51
“ การเขยี นโปรแกรมเพอ่ื แก้ปัญหา เป็ นการใชค้ วามรู้ความสามารถด้าน
ภาษาคอมพิวเตอร์ และประสบการณก์ ารใช้งานคอมพิวเตอรแ์ ละซอฟตแ์ วร์
ในด้านตา่ ง ๆ มาประยุกตใ์ ชใ้ นการแก้ปัญหาดังตัวอย่าง “
ภำษำคอมพวิ เตอร์ กำรใชง้ ำน
ภาษาฟอรแ์ ทน (Fortran) ใช้แก้ปั ญหาด้านการคานวณทางวิทยาศาส ตร์
วิศวกรรมศาสตร์ และงานวจิ ัยตา่ ง ๆ
ภาษาโคบอล (COBOL) ใช้แกป้ ัญหาด้านงานธุรกจิ
ภาษาเบสิก (BASIC) ใช้แก้ปัญหาตา่ ง ๆ ไดท้ ุกสาขาวิชา
เหมาะสาหรับผู้ทไ่ี ม่ใช่นักเขยี นโปรแกรมอาชพี
ใชแ้ ก้ปญั หาตา่ ง ๆ ไดท้ ุกสาขาวชิ า เหมาะสาแหลระับผผู้ฝูท้ ึ กี่ไเมข่ใียชนน่ โกั ปเขรแียกนรโปมรใหแกมร่ ๆมอาชีพ และผฝู้ กึ เขยี น
ภาษาปาสคาล (Pascal) โปรใแชก้ใรนมกใหามร่เๆรยี นเขียนโปรแกรมคอมพวิ เตอร์
ภาษาซีและซีพลัสพลัส (C และ C++) ใช้ในการเขยี นโปรแกรมควบคุมการทางานของ
อุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ และเขียนโปรแกรมเชงิ วัตถุ
ภาษาวิชวลเบสิก (Visual Basic) ใช้สรา้ งโปรแกรมประยุกตท์ ่ใี ชง้ านไดห้ ลากหลายบนระบบ
ปฎิบัติการวนิ โดวส์ และใชเ้ ป็ นโปรแกรมแบบรูปภาพ เชน่
ภาษาจาวา (Java) ป่ ุมคาส่งั ตา่ ง ๆ
ภาษาเดลไฟ (Delphi)
ใช้เขียนโปรแกรมประยกุ ตส์ าหรับเช่อื มต่อเข้าสู่
อินเทอรเ์ น็ต และซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ช้ในอินเทอรเ์ น็ต
ใช้ในการเขียนโปรแกรมเชิงจนิ ตภาพเพอ่ื สร้างส่วน
ตดิ ต่อผู้ใช้ทเ่ี ป็ นแบบรูปภาพ เช่น ป่ ุมคาส่ังตา่ ง ๆ
52
2.4 วธิ ีการแกป้ ัญหา
มนุษยท์ ุกคนต้องเคยพบกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็ นปัญหาด้านสุขภาพ
ปัญหาการเรียน ปัญหาการทางาน ปัญหาครอบครัว ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการ
แก้ปัญหาแตกต่างกันไป ตามความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ โดย
ใช้วิธีการแก้ปั ญหาท่ีเคยศึกษาผ่านมาหรือเคยทดลองใช้แล้วประสบ
ความสาเร็จ เช่น วิธีลองผิดลองถูก วิธีการขจัด วธิ ีการใช้เหตุผล เป็ นต้น
ซึ่งเม่ือพิจารณาอย่างละเอยี ดจะพบว่า วธิ ีการแก้ปัญหาเหล่านีต้ ่างมีขัน้ ตอน
ที่เหมือนกัน วิธีการแก้ปั ญหาเป็ นหน่ึงในขั้นตอนการประมวลผลของ
กระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศซึ่งแบง่ ได้ 4 ขนั้ ตอน ดังนี้
53
1.การวิเคราะหแ์ ละกาหนดรายละเอียดของปัญหา เป็ นขัน้ ตอนการทา
ความเข้าใจกับปัญหา เพอื่ แบ่งแยกให้ชดั เจนโดยใชค้ าถามตอ่ ไปนี้
ระบปุ ัญหำ วตั ถปุ ระสงค์
1.ข้อมูลที่กาหนดมาในปั ญหา เพอ่ื ระบุข้อมูลเข้า Input
หรือเงอ่ื นไขของปัญหาคอื อะไร
2.สิง่ ทต่ี ้องการคอื อะไร เพอ่ื ระบุข้อมูลออก Output
3.วธิ ีการทใี่ ช้ประมวลผลคอื อะไร เพอ่ื กาหนดวิธีการประมวลผล Process
ใช้แกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ไดท้ ุกสาขาวิชา เหมาะสาหรบั ผทู้ ไ่ี มใ่ ช่นกั เขียนโปรแกรมอาชีพ และผู้ฝกึ เขยี น
ตวั อยา่ ง การวิเคราะหแ์ ละกาหนดรายละเอียโปดขรอแงกปรัญมใหหามเก่ ่ียๆวกบั การหาพืน้ ท่ีส่ีเหล่ียมผืนผา
ระบุข้อมูลเข้า : ความกวางและความยาวของส่ีเหล่ียมผืนผา
ระบุข้อมูลออก : พืน้ ท่ีส่ีเหล่ียมผืนผา
วธิ ีการประมวลผล : นาความกวางและความยาวของส่ีเหล่ียมผืนผามาหาพืน้ ท่ีโดยการคณู
1. การวางแผนในการแกปัญหาและถ่ายทอดความคิดอย่างมีขั้นตอน เป็นขั้นตอนกา ร
จาลองความคดิ ในการแกปัญหาท่ียงุ่ ยากซบั ซอน โดยผทู ่ีเก่ียวของในการแกปัญหาสามารถเขาใจและปฎิบตั ิ
ตามไปในแนวทางเดียวกนั ซ่งึ ทาได 2 รูปแบบดงั นี้
1.1) การใชขอความหรือคาบรรยาย เป็นการเขียนเคาโครงแผนงานดวยขอความหรือ
คาบรรยายท่ีมนษุ ยใ์ ชส่ือสารกนั หรอื ภาษาคอมพิวเตอร์ เพ่ือใหทราบขนั้ ตอนการทางานของการแกปัญหาแต่
ละขนั้ ตอน
1.2 )การใชสญั ลกั ษณ์ เป็นการใชสญั ลกั ษณร์ ูปแบบตา่ ง ๆ มาเรยี งตอ่ กนั เป็นแผนภาพ
เพ่ือส่ือสารใหผทู ่ีพบเห็นเขาใจตรงกนั ซ่งึ สญั ลกั ษณท์ ่ีกลา่ วถึงนีไ้ ดกาหนดขึน้ โดยสถาบนั มาตรฐานแห่งชาติ
อเมรกิ า (ANSI : The American National Standard Institute)
54
ตำรำงแสดงสัญลกั ษณ์และควำมหมำย
ระบปุ ัญหำ วตั ถปุ ระสงค์
Start /End symbol เริ่มตน้ สนิ้ สุดการเริ่มต้นหรอื การลงทา้ ย
Connection symbol จุดเช่อื มต่อในหน้าเดยี วกัน
ใชแ้ ก้ปญั หาตCา่ งonๆnไeดc้ทtกุioสnาขsาyวmิชาboเlหมาะสาหรับผจูท้ ุดไี่ เมชใ่ อ่ื ชมน่ ตักอ่เขคียนนลโะปหรนแ้ากรมอาชพี และผู้ฝึกเขียน
โปรแกรมใหม่ ๆ
การประมวลผลท่วั ไปยกเว้นการอ่านข้อมูล
Monitor และการแสดงผลลัพธ์
Processing รับหรอื แสดงข้อมูลโดยไม่ระบุชนิดอุปกรณ์
Input/Output Data
การตัดสนิ ใจการเปรยี บเทยี บจะมีทศิ
ทางออก 2 ทศิ ทาง คือกรณีทผี่ ลตรวจสอบ
เงอ่ื นไขเป็ นเทจ็ และเป็ นจริง
55
ตำรำงแสดงสัญลักษณแ์ ละควำมหมำย
ระบุปญั หำ วัตถปุ ระสงค์
Decision
การตัดสนิ ใจการเปรยี บเทยี บจะมีทศิ ทางออก
Manual Input 2 ทศิ ทาง คอื กรณีทผ่ี ลตรวจสอบเงอื่ นไขเป็ น
เทจ็ และเป็ นจริง
การรับข้อมูลเข้าทางแป้นพมิ พ์
เอกสารแสดงผลการแสดงผลทางเครื่องพมิ พ์
ใชแ้ กป้ ญั หาตา่Dงoๆcuไดmท้ eุกnสtาขOาuวtชิ pาutเหมาะสาหรบั ผทู้ ไี่ ม่ใช่นักเขยี นโปรแกรมอาชพี และผู้ฝึกเขยี น
โปรแกรมใใหช้มกา่ ๆหนดค่าต่างๆล่วงหน้าซึ่งเป็ นการทางาน
Preparation ภายในช่วงหน่ึงทซี่ า้ ๆกัน
เส้นแสดงลาดบั กจิ กรรม
Flow line
56
2.การดาเนินการแก้ปัญหา เป็ นขั้นตอนการลงมอื แก้ปัญหาตามทว่ี างแผนไว้ โดยอาศัย
ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตห์ รือใช้การเขียนโปรแกรมภาษาคอมพวิ เตอรเ์ ขยี นโปรแกรมแก้ปัญหา ซง่ึ ผู้
แก้ปัญหาตอ้ งศึกษาวธิ ีใช้ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกตห์ รือการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพวิ เตอรใ์ หเ้ ข้าใจ
และเชีย่ วชาญตลอดจนรู้จักปรับเปลย่ี นแนวทางการแก้ปัญหาทด่ี กี ว่าเสมอ
3.การตรวจสอบและปรับปรุง เป็ นขั้นตอนการตรวจสอบผลลัพธท์ ไี่ ด้จากการดาเนนิ การ
แก้ปัญหาว่าถกู ตอ้ งสอดคล้องกับข้อมูลเข้า ข้อมูลออก และวิธีการประมวลผลหรอื ไม่ ถ้ายงั พบ
ข้อบกพร่องตอ้ งปรับปรุงแก้ไขใหไ้ ด้ผลลัพธท์ ด่ี ที สี่ ุด การใช้ข้ันตอนท้งั 4 นีเ้ พอ่ื แก้ปัญหาตา่ ง ๆ
รวมถงึ การเขยี นหรือพัฒนาโปรแกรมคอมพวิ เตอรจ์ ะช่วยให้สามารถเข้าถงึ ปัญหาและแนว
ทางแก้ไขปัญหาหรอื การพัฒนางานได้อย่างครอบคลุมตรงตามวัตถุประสงคท์ ต่ี ้องการได้เป็ น
อยา่ งดี
3.1)กซารอปฟรบัตเ์แปวลรยี่ ์ไนมทโคักษระซใอนฟยคุ ตดเ์ จิวริิต์ดอ(ลM(iDcrigoistaolftRWesokridll))
Reskill หมายถงึ การเพมิ่ ทกั ษะใหม่ท่ีไม่เคยมีมาก่อน เช่น การจัด
ข้อมูลจานวนมหาศาล การใช้นวัตกรรมต่างๆเพือ่ สามารถทางานสอดคล้อง
กับเทคโนโลยี และแนวโน้มการทางานในอนาคต
Upskill หมายถึง การพัฒนาทักษะเดิมท่ีมีอยู่ให้แม่นยามากขึน้ และ
สามารถปรับใช้ในบริบทใหม่ท่ี
เกิดขนึ้ ได้
57
ในการปรับเปลี่ยนทักษะในยุคดจิ ทิ ลั (Digital literacy) คอื ทกั ษะ
ความเข้าใจและใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั หรอื Digital literacy หมายถงึ ทกั ษะในการ
นาเครอื่ งมอื อุปกรณ์ และเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ทม่ี อี ยใู่ นปัจจุบัน อาทิ คอมพวิ เตอร์
โทรศัพท์ แทปเลต โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ และสอื่ ออนไลน์ มาใช้อย่างถูกต้อง
ตามคุณธรรมจริยธรรมใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุด ในการสอื่ สาร การปฏบิ ตั งิ าน การ
ทางานร่วมกัน หรือใช้เพอ่ื พฒั นากระบวนการทางาน หรือระบบงานในองคก์ รให้
มีความทนั สมัยและมีประสิทธิภาพ ซง่ึ ทกั ษะดงั กล่าวครอบคลุมความสามารถ 4
มิติ ซงึ่ แต่ละมติ มิ ีรายละเอียดดงั นี้
3.1 การเข้าใจดจิ ิทลั หมายถงึ การมีสมรรถนะในการใช้ข้อมูลเพ่ือ
ส่ือสารในสังคมดิจิทัล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีจริยธรรม ซ่ึง
ประกอบด้วย ความสามารถในการเข้าใจดิจิทัล ที่ทาให้เกิดความ
คล่องแคล่วทางเทคนิคท่ีจาเป็ นในการใช้งานคอมพิวเตอร์และ
อินเทอรเ์ น็ต ความเข้าใจสารสนเทศและสามารถประเมินสื่อดิจิทัล
เพื่อสามารถนาไปเข้าสู่กระบวนการตัดสินใจในการดาเนินการ
กิจกรรมต่างๆ รวมทั้ง สามารถผลิตเนื้อหาและการสื่อสารอย่างมี
ประสิทธิภาพผ่านเคร่อื งมอื ดจิ ทิ ลั
3.2
การใช้ดจิ ทิ ลั หมายถงึ บคุ คลสามารถเข้าถงึ โลกดจิ ทิ ลั สามารถ
ใช้เคร่ืองมือต่าง ๆ ด้านดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง ถูกกฎหมายหมาย ได้
หลากหลายและประยกุ ตใ์ ช้ในงานไดม้ ากขึน้
58
3.3
การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา หมายถึง บุคคล
สามารถใช้ความรู้ ข้อเท็จจริงและข้อมูลเพ่ือแก้ปั ญหาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ สามารถคิด ประเมินผลของปัญหา และหาวิธีแก้ปัญหา
ไดด้ ้วยตนเองไดอ้ ยา่ งเหมาะสมทสี่ ุดภายใต้กรอบเวลาทกี่ าหนด
3.4
การปรับตวั และเรยี นรู้ หมายถงึ บุคคลสามารถอยู่ภายในสังคม
และส่ิงแวดล้อมการทางานที่ซับซ้อนได้ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์
รวมถงึ สามารถพัฒนาทกั ษะชีวิตและการประกอบอาชีพใหเ้ หมาะสม
วธิ ีการประเมนิ สมมรรถนะดจิ ทิ ลั ของตนเอง
59
4.1)กซารอจฟดั กตาแ์ รสวริ่งแ์ไมวดโคล้อรซมอดฟิจทิตัลเ์ ว(ิรDด์ ig(iMtaicl rEonsvoirfotnWmoerndt))
ส่ิงแวดล้อมดจิ ทิ ลั (Digital Environment) หรือไซเบอรส์ เปซ
(Cyberspace) หากคดิ ง่ายๆ ให้ลองนึกถงึ โลกทถี่ กู สร้าง ขนึ้ มาใหเ้ สมอื นจริง
โดยการทางานร่วมกันของเทคโนโลยดี า้ นขอ้ มูลและการสื่อสาร (Information
and Communication Technologies) แต่แตกตา่ งจากสงิ่ แวดล้อมจริงตาม
ธรรมชาตติ รงทไี่ ม่มสี ่งิ ใดอาศัยอยู่ ส่ิงแวดล้อมดจิ ทิ ลั หรือไซเบอรส์ เปซ มี
องคป์ ระกอบเบอื้ งต้นที่ สาคัญ ไดแ้ ก่ โครงสร้างพนื้ ฐาน (IT Infrastructure)
และข้อมูล (Information) รวมถงึ องคค์ วามรู้ บริบท เนือ้ หา และความคดิ เช่น
บริการ Internet Banking , Appส่ังอาหาร-ขนส่ง, การจัดการเรียนการสอน
ออนไลน์
60
1) ซ5อ.ฟกตาร์แใชวเ้รท์ไคมโโนคโลรซยสีอาฟรสตนเ์ วเทริ ศ์ดอ(ยMา่ iงcสrรo้าsงสoรfรtคW์ ord)
การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศเป็ นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน บางครั้ง
การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน ดังนั้นการ
เรียนรู้ การทาความเข้าใจเงอื่ นไขการใชง้ านจงึ เป็ นสง่ิ สาคัญ
5.1
การศึกษาเงื่อนไขการใช้งาน มีการกาหนดเง่ือนไขในการใช้
งานทัง้ สิน้ เว็บไซตแ์ ละแอพพลิเคช่ันต่าง ๆ ทใ่ี ห้บริการจะมีการแจ้ง
เงอื่ นไขการตดิ ตั้งและใช้งานใหผ้ ู้ใช้ทราบก่อนเสมอ รวมถงึ ค่าใช้จ่าย
ในการใช้งานซึ่งชาระด้วยเงินหรือต้องกรอกข้อมูล ตอบคาถามเป็ น
การแลกเปลย่ี น
5.2 การป้องกันความเป็ นส่วนตัว (Privacy) เป็ นลิขสิทธิ์พืน้ ฐานท่ี
สาคัญของมนุษยท์ ุกคนความเป็ นส่วนตัวของข้อมูลและสารสนเทศ
เจ้าของสามารถปกป้องและควบคุมการเปิ ดเผยข้อมูลของตนเอง
ให้กับผู้อื่นและสาธารณะได้ โดยเจ้าของสิทธิ นอกจากจะเป็ นบุคคล
แล้วอาจเป็ นกลุ่มบคุ คลหรือองคก์ รกไ็ ด้
61
5.3
แนวทางการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั การใช้งาน
ไอทีเป็ นส่วนหน่ึงในการดาเนินกิจกรรมต่างๆ และส่งผลกระทบต่อ
ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะอย่างย่ิงการใช้งานไอทีผ่านสมารท์ โฟนที่มักมี
แอพพลิเคช่ันจานวนมาก ให้เลือกติดตั้งได้ฟรีภายใต้เงื่อนไขบาง
ประการ ผู้ใช้งานจาเป็ นต้องเข้าใจในประเดน็ ต่างๆ ดังนี้
1) ศกึ ษาเงอื่ นไขและข้อตกลง ก่อนการตดิ ตัง้ หรือใช้งานไอที
2) มคี วามรู้ความเข้าใจ และความสามารถในการใช้ไอที เพอ่ื ใหใ้ ช้งานได้อย่างถูกตอ้ ง
3) ไม่ใช่บญั ชีผูใ้ ช้ร่วมกบั ผอู้ น่ื เสยี่ งต่อการร่ัวไหลของรหสั ผา่ นและข้อมูลสว่ นตวั
4) สารองข้อมลู อยา่ งสมา่ เสมอ
5) ตดิ ตงั้ ซอฟตแ์ วรเ์ ท่าทจ่ี าเป็ น และไมต่ ดิ ตงั้ โปรแกรม ทดี่ าวนโ์ หลดจากแหล่งทไ่ี ม่
น่าเชอื่ ถอื
6) เข้าใจกฎ กตกิ า และมารยาททางสงั คมในการใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ
7) หลีกเลยี่ งการใช้งานเวบ็ ไซตท์ ไ่ี มเ่ หมาะสมหรอื ไม่แน่ใจว่าเป็ นของหนว่ ยงานใด
8) ปรับปรุงระบบปฏบิ ตั กิ ารและโปรแกรมตา่ ง ๆ ใหท้ ันสมัยอยูเ่ สมอ
9) สังเกตส่ิงผดิ ปกตทิ เี่ กดิ จากการใช้งาน เช่นได้รับอเี มลจากคนทไ่ี ม่รจู้ กั
10) ระวังการใช้งานไอทเี มอื่ อยใู่ นทสี่ าธารณะ เช่น ไม่เชอื่ มตอ่ ไวไฟโดยอัตโนมตั ิ
62
การสร้างสรรคด์ ้วยการใชง้ านเทคโนโลยี
1. โลกจาลองเสมอื นจริง
โลกจาลองเสมือนจริง (Virtual Reality Simulator) คอื การใช้เทคโนโลยี
สื่อการเรียนรู้ที่การ โต้ตอบกับผู้ใช้งาน ซ่ึงเน้นการศึกษาด้วยตนเอง และ
มักจะเกี่ยวข้องกับอาชีพที่ต้องใช้ความรู้และ ทักษะขันสูง เช่น การขับ
เครื่องบิน การประกอบอุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกส์ การผ่าตัด ฯลฯ ซึ่งผู้ศึกษาจะ
ได้ศึกษาตามความสนใจของตนเองเนื้อหาของบทเรียนประกอบด้วย
ภาพเคล่อื นไหว 3 มิติ ขอ้ ความ และเสยี งประกอบซงึ่ จะถูกส่งไปให้ผู้เรียนโดย
ผ่านหน้าจอคอมพวิ เตอร์ โดยผู้เรียนสามารถตดิ ตอ่ และ โตต้ อบกับโลกจาลอง
เสมือนจริงได้ ประโยชนข์ องโคกจาลองเสมือนจริงคือสามารถศึกษาได้ทุกท่ี
ทุกเวลาและผู้เรียนได้ฝึ กหดั ปฏิบัติเพอื่ ทางานต่างๆในสถานการณท์ ี่ใกล้เคยี ง
กับความจริง
63
2. ซดี ีรอมมลั ติมเี ดีย
ซีดรี อมมัลตมิ ีเดยี หมายถงึ ซีดรี อมทบ่ี ันทึกแอพพลิเคช่ันมัลติมีเดยี และ
สามารถเปิ ดแอพพลิเค ชันดงั กล่าวได้โดยใช้เครื่องอ่านซีดรี อมท่ีสนับสนุนมัล
ตเิ ดยี สาหรับแอพพลิเคชนั มัลตมิ ีเดยี นั้น หมายถงึ โปรแกรมประยุกตท์ ่ีมีสื่อ
ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป (ตัวหนั งสือ กราฟิ ก เสียง วิดีโอ ภาพน่ิ งและ
ภาพเคลื่อนไหว) และผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับโปรแกรมได้ปัจจุบันได้มีผู้ผลิต
ซีดรี อมมัลตมิ ีเดยี สาหรับ การพัฒนาการเรียนรู้ขนึ้ มาจานวนมาก เชน่ ซีดรี อม
การสอนทาเว็บไซต์ การใช้งานคอมพิวเตอร์ การ สอนเนือ้ หาวชิ าต่าง ๆ เป็ น
ตน้
3. ซอฟตแ์ วร์
ซอฟตแ์ วร์ คอื โปรแกรมคอมพวิ เตอรห์ รือชุดคาส่ังทเี่ ขยี นขนึ้ มาเพอื่ ให้
เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ ทางานตามทต่ี อ้ งการ ซง่ึ หากนามาใชเ้ พอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธิภาพ
ในการเรียนรู้ก็จะเรียกว่า ซอฟตแ์ วรเ์ พอื่ การเรียนรู้ การใช้ซอฟตแ์ วรด์ ังกล่าว
จะต้องดาวนโ์ หลดจากเวบ็ ไซตเ์ จ้าของซอฟตแ์ วร์ ซึ่งบางชนิดกไ็ ม่ เสียคา่ ใช้จ่าย
และเพอื่ การเรียนรู้ทน่ี ่าสนใจ ซึ่งมโี ครงการมหาวทิ ยาลัยราชภฏั สนอง
พระราชดาริ : เทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื การศกึ ษา ภายใตโ้ ครงการเทคโนโลยี
สารสนเทศตาม พระราชดาริ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช
กุมารี ได้รวบรวมไวแ้ ละมี link สาหรับ ดาวนโ์ หลด
64
4. เวบ็ ไซต์
เว็บไซต์ที่มีช่ือเสียงในการนิยมใช้ และเป็ นแหล่งการเรียนรู้ท่ีมี
ประสิทธิภาพ ไดแ้ ก่
4.1 กูเกลิ (Google)
4.2 ทวติ เตอร์ (Twitter)
4.3 บลอ็ ก (Blog)
4.4 วกิ พิ เี ดยี (Wikipedia)
4.5 ยูทบู (Youtube)
5. การเรยี นการสอนบนเวบ็ (Web-based learning)
การเรียนการสอนบนเว็บเป็ น นวัตกรรมทางการศึกษาท่ีบูรณาการ
เทคโนโลยีเว็บหรือเวิลดไ์ วดเ์ ว็บ โดยเป็ นการจัดสถานการณ์ให้ ผู้เรียนและ
ผู้สอนซ่ึงอยู่กันคนละท่ีสามารถเช่ือมต่อเข้าหากันด้วยเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต
และเว็บ (Davidson-Shivers and Rasmussen,2006) เนื้อหาของบทเรียน
ประกอบไปด้วยข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคล่ือนไหว เสียง วดี ทิ ัศนแ์ ละมัลติมีเดีย
ต่างๆ ซึ่งส่งผ่าน web browser ไปยังผู้เรียน และทุกคน ในชั้นเรียนสามารถ
ติดต่อ ปรึกษา แลกเปล่ียนความคิดระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้น
เรียน ปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารท่ีทันสมัย อาทิ ไปรษณีย์
อเิ ล็กทรอนิกส์ กระดานสนทนา
65
6. เวบ็ เควสท์ (WebQuest)
เวบ็ เควสทเ์ ป็ นนวัตกรรมทางการศึกษาทใี่ ช้ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยเี วบ็
ในการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นการสืบสอบ โดยมีแหล่ง
สารสนเทศต่างๆ ท่ีผู้สอนจัดหาให้บนเว็บ โดยมุ่งเน้นการใช้สารสนเทศ
มากกว่าเน้นการค้นหา และส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะการคิดขึน้ เองอย่าง
การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินค่า (Dodge.1997)ผู้เรียน
สามารถเข้าไปสืบเสาะหา ความรู้จากเว็บเควสทแ์ ละทากิจกรรมออนไลน์ ซ่ึง
เนือ้ หาทผ่ี ู้สอนเลอื กจะต้องสอดคล้องกับหลักสูตร เป็ นเร่ืองทเ่ี หมาะสมในการ
ช่วยให้ผู้เรียนรับความรู้ใหม่
7. เทคโนโลยี 5G
5G คอื Generation ใหม่ของเทคโนโลยเี ครือขา่ ยไร้สายทจี่ ะมาแทนที่
ระบบ 4G ทเ่ี รากาลังใชอ้ ยูใ่ นปัจจบุ นั ซง่ึ มันจะไม่จากัดแค่มือถอื เทา่ นั้น แต่
รวมถงึ อุปกรณท์ ุกชนิดทเ่ี ชอื่ มอนิ เตอรเ์ น็ตได้ (Internet of Things หรือ IOT)
หมายถงึ ยุคทเ่ี ป็ นการ ผสมผสาน การนาเสนอข้อมูลและเทคโนโลยเี พอ่ื ให้
บริการมัลตมิ เี ดยี หรือส่งผ่านขอ้ มูลในระบบไร้สาย ดว้ ยอัตราความเร็วท่ี
สูงขนึ้ ลักษณะการทางานของ 5G ไดแ้ ก่ สามารถรับส่งข้อมูลในความเร็วสูง
ทาใหก้ ารตดิ ต่อสือ่ สารเป็ นไปอยา่ งรวดเร็วและมีรูปแบบใหม่ๆ มากขนึ้
สามารถให้บริการระบบเสยี งและ แอพพลิเคช่นั รูปแบบใหม่
66
8. พัฒนาทักษะเทคโนโลยดี จิ ทิ ัล
การเรียนในปั จจุบัน ได้ดาเนินการตามแผนปฏิรู ปประเทศด้าน
การศึกษาได้กาหนดให้ หลักสูตรฐานสมรรถนะนั้นเป็ นแนวทางในการปฏิรูป
หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน เพ่ือมุ่งให้เกิดการตอบสนองต่อการ
เปลี่ยนแปลงในศตวรรษท่ี 21 โดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะหลักท่ี
จาเป็ นสาหรับการทางาน การแก้ปัญหา และการดารงชีวติ สมรรถนะหลักซึ่ง
มีแนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ได้มีการกล่าวถึง การนาเทคโนโลยี
ดิจิทัลมาใช้เป็ นเคร่ืองมือสาคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจท่ีตั้งอยู่บน
พื้นฐานของการใช้นวัตกรรม การปฏิรูปกระบวนการทางธุรกิจ การผลิต
การค้า และการบริการ การปรับปรุง ประสิทธิภาพการบริหารราชการ
แผ่นดนิ และการยกระดับคุณภาพชวี ิตของประชาชนซ่ึงสานักงาน ก.พ. จึงได้
มีการกาหนดให้ข้าราชการและบุคลากรภาครั ฐจะต้องมีทักษะด้านดิจิ ทัล
สาหรับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพ่ือให้สอดคล้องกับนโยบาย
ดังนี้
67
8.1 ทกั ษะความเขา้ ใจและใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ลั 9 ดา้ น
1) การใช้งานคอมพวิ เตอร์
2) การใชง้ านอนิ เทอรเ์ น็ต
3) การใชง้ านเพอ่ื ความม่ันคงปลอดภยั
4) การใชโ้ ปรแกรมประมวลคา
5) การใชโ้ ปรแกรมตารางคานวณ
6) การใช้โปรแกรมนาเสนองาน
7) การใช้โปรแกรมสร้างส่ือดจิ ทิ ลั
8) การทางานร่วมกันแบบออนไลน์
9) การใช้ดจิ ทิ ลั เพอ่ื ความม่ันคงปลอดภยั
68
8.2 ภัยคกุ คามจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการปอ้ งกนั
การเชื่อมต่อกับอินเตอรเ์ น็ตในยุคนี้ มีความเร็วอย่างมากสามารถ
ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูล ทอ่ี ยู่ท่ัวโลก และติดต่อสื่อสารได้
สะดวก รวดเร็ว แตใ่ นทางกลับกันหากใชง้ านโดยไม่ระมัดระวงั
ขาดความรอบคอบ อาจก่อให้เกิดปัญหาการถูกคุกคาม ถูกหลอกลวงผ่าน
เครือข่ายได้ ซง่ึ สามารถจาแนกประเภทของภยั คุกคามและแนวทางป้องกัน
ดังนี้
8.2.1 การคกุ คามโดยใช้หลักจิตวิทยา
เป็ นการคุกคามที่ใช้การหลอกลวงเพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีต้องการโดยไม่
ต้องใชค้ วามรู้ความชานาญดา้ นไอที เช่น การใช้กลวิธีในการหลอกเพือ่ ให้
ไดร้ หสั ผ่านหรือส่งขอ้ มูลทส่ี าคัญให้ โดยหลอกว่าจะได้รับรางวัลแต่ต้องทา
ตามเง่ือนไขที่กาหนด แต่ต้องป้องกันได้โดยให้นักเรียนระมัดระวังในการ
ใหข้ อ้ มูลส่วนตัวกับบุคคลใกล้ชดิ หรือบุคคลอนื่
69
8.2.2 การคกุ คามดว้ ยเนือ้ หาท่ไี ม่เหมาะสม
ข้อมูลและเนือ้ หาทีม่ ีอยู่ในแหล่งต่างๆบนอนิ เตอรเ์ น็ตมีจานวนมาก
เพราะสามารถสร้าง และเผยแพร่ได้ง่ายทาให้ข้อมูลอาจไม่ได้รับการ
ตรวจสอบความ ถูกต้องและความเหมาะสม ดังนั้นข้อมูลบางส่วนอาจ
ก่อให้เกดิ ปัญหากับนักเรียน นักศกึ ษาได้
8.2.3. การคุกคามโดยใชโ้ ปรแกรม
การคุกคามโดยใชโ้ ปรแกรม เป็ นการคุกคามโดยใช้โปรแกรม
เป็ นเครื่องมือสาหรับก่อปัญหาด้านไอที โปรแกรมดังกล่าวเรียกว่า
มัลแวร์ (malicious software : malware) ซ่งึ มีหลายประเภท เช่น
ไวรัสคอมพวิ เตอร์ (Computer Virus) เวริ ม์ (Worm) ประตกู ล
(Backdoor/Trapdoor) ม้าโทรจนั (Trojan Horse Virus) ระเบดิ เวลา
(Logic Bomb) โปรแกรมเรียกค่าไถ่ (Ransomware) โปรแกรมดกั จบั
ขอ้ มูลหรือ สปายแ์ วร์ (Spyware) โปรแกรมโฆษณาหรือแอดแวร์
(Advertising Supported Software: Adware)
70
9. AI Literacy ปญั ญาประดษิ ฐ์
“ AI Literacy ปัญญาประดษิ ฐ์ คอื วธิ ีการทาให้คอมพวิ เตอรม์ ี
ความสามารถคล้ายมนุษยห์ รอื เลยี นแบบพฤตกิ รรมมนุษย์ ปัญญานีม้ นุษย์
เป็ นผู้สร้างใหค้ อมพวิ เตอร์ จงึ เรียกวา่ ปัญญาประดษิ ฐ์ “
9.1 การนาระบบในการคิดมาใช้ได้ ดังน้ี
1) ระบบที่คดิ เหมือนมนุษย์ (Systems that think like humans) การวิเคราะห์
ลักษณะการคดิ ของมนุษย์
2) ระบบท่ีกระทาหมือนมนุษย์ (Systems that act like humans) สื่อสารได้ด้วย
ภาษาทม่ี นุษยใ์ ช้ เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ การแปลงข้อความเป็ นคาพูด มี
3) ระบบทค่ี ดิ อย่างมีเหตุผล (Systems that think rationally) ใชห้ ลักตรรกศาสตร์
ในการคดิ หาคาตอบอยา่ งมีเหตุผล เช่น ระบบผู้เชย่ี วชาญในการวนิ ิจฉัยโรค
4) ระบบท่กี ระทาอย่างมีเหตุผล (Systems that act rationally) กระทาอย่างมี
เหตุผล โปรแกรมที่มีความสามารถในการกระทาหรือเป็ นตัวแทนในระบบ
อตั โนมัตติ า่ ง ๆ เช่น เอเจนตใ์ นระบบขับรถอัตโนมัติ ที่มีเป้าหมายว่าต้องไปถึง
เป้าหมายทถี่ ูกตอ้ ง โดยใช้ระยะทางทส่ี ัน้ ทสี่ ุด
71
9.2 การประยุกตใ์ ช้ปัญญาประดิษฐ์ ได้มกี ารนาปัญญาประดิษฐ์
มาใช้งานโดยท่ัวไป ได้แก่
1) งานดา้ นการวางแผนและการจดั ตารางเวลาอัตโนมัติ (autonomous planning
andscheduling) เช่น โปรแกรมควบคุมยานอวกาศระยะไกลขององคก์ ารนาซา
(NASA)
2) เกม (game playing) เชน่ โปรแกรมเล่นเกมหมากรุก สามารถเอาชนะคนท่ี
เล่นหมากรุกไดเ้ ก่งทส่ี ุดคอื GarryKasparov ด้วยคะแนน 3.5 ตอ่ 2.5
3) การควบคุมอัตโนมัติ (autonomous control) เช่น ระบบขบั รถอตั โนมัติ
4) การวนิ ิจฉัย (diagnosis) เชน่ โปรแกรมการวนิ ิจฉัยโรคหรอื ระบบผู้เชยี่ วชาญ
MYCIN
สาหรับโรคทต่ี ดิ เชอื้ ทางเลอื ด
5) การวางแผนปัญหาทซี่ ับซ้อน (logistics planning) เชน่ โปรแกรมซอื้ ขายจัดส่ง
สนิ คา้ ออนไลน์
6) หุ่นยนต์ (robotics) เชน่ หุ่นยนตจ์ ว๋ิ ชว่ ยในการผ่าตดั
7) ความเข้าใจในภาษามนุษย์ (language understanding) เช่น Chatbot: ระบบ
ลูกคา้ สัมพนั ธใ์ น Line
8) การแก้โจทยป์ ัญหา (problem solving) เช่น โปรแกรม PROVERB ท่ี
แก้ปัญหาเกมปริศนาอกั ษรไขว้
72
บทท่ี 7
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและดิจทิ ลั ในการ
จดั การเรียนรู้
การใช้คอมพวิ เตอร์ (Computer Usage)
ผู้ใช้ (Use) แสดงถงึ ความคล่องแคล่วทางเทคนิคทีจ่ าเป็ นในการใช้
กับคอมพิวเตอรแ์ ละอินเทอร์เน็ตชุดรูปแบบพืน้ ฐานสาหรับการพัฒนา
ทักษะทางเทคนิคท่ีจาเป็ น รวมถึงความสามารถในการใช้โปรแกรม
คอมพวิ เตอร์ เชน่ โปรแกรมประมวลผลคา เวบ็ เบราเซอร์ E-mail และการ
ส่ือสารอนื่ ๆ เครื่องมือคน้ หาและฐานข้อมูล
รู้เข้าใจ (Understand) คือความสามารถทจ่ี ะเข้าใจบริบทที่เกี่ยวข้อง
และประเมนิ สื่อดจิ ทิ ลั ตระหนักถงึ ความสาคัญของการประเมินผลทีส่ าคัญ
ในการทาความเข้าใจดิจิทัลเนื้อหาของสื่อ และการประยุกตใ์ ช้สามารถ
สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ รูปร่างการเพมิ่ หรือจดั การกับความรู้สึกความเชอ่ื ของเรา
และความรู้สึกเกี่ยวกับโลกรอบตัวเราความเข้าใจความสาคัญของส่ือ
ดจิ ิทัลที่ช่วยให้บุคคลเก็บเก่ียวผลประโยชนแ์ ละลดความเส่ียง การมีส่วน
ร่วมในสังคมเตม็ รูปแบบดจิ ทิ ลั
74
รู้สร้างสรรค์ (Create)ความสามารถในการสร้างเนื้อหาและมี
ประสิทธิภาพ การตดิ ตอ่ ส่ือสารโดยใชค้ วามหลากหลายของส่ือดิจิทัลเป็ น
เครื่องมอื การสร้างสือ่ ดจิ ทิ ลั มคี วามหมายมากกว่าความสามารถในการใช้
โปรแกรมประมวลผลหรือเขยี นอเี มล์ รวมถงึ ความสามารถในการปรับการ
ส่ือสารกับสถานการณ์และผู้รับสารการสร้างและติดต่อสื่อสารโดยใช้
สอื่ ผสม เชน่ ภาพวดี โิ อและเสยี งประกอบอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและมีความ
รับผิดชอบ ประกอบกับเนื้อหาเว็บไซตท์ ผ่ี ู้เรียนสร้าง เช่น บล็อกและเวที
สนทนา วีดิโอและภาพถ่ายร่วมกัน เล่นเกมทางสังคม และรูปแบบอ่ืนๆ
ของสื่อสังคม ท่องเทย่ี ว ก็ให้บริการข้อมูลข่าวสาร และบริการลูกค้าผ่าน
ทางระบบอนิ เทอรเ์ น็ต ทาได้อยา่ งสะดวกรวดเร็วทนั เหตุการณข์ อ้ มูล
1.1 ความหมายและความสาคญั ในการนาเทคโนโลยี
สารสนเทศและดิจิทัลมาใช้ในการเรยี นรู้
โดยความเป็ นจริงแล้ว ครูเราใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล
จัดการเรียนการสอนมานานแล้ว เพยี งแต่ยังใช้รูปแบบเดิม ซ่ึงหากมีการ
พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้องตั้งแต่การรวบรวมการจัดเก็บข้อมูล
การประมวลผล การพมิ พ์ การสร้างงาน การส่ือสารข้อมูล ฯลฯ ซ่ึงรวมไป
ถงึ การใหบ้ ริการ การใช้ และการดูแลข้อมูล จะทาให้การจัดการเรียนการ
สอนมีประสิทธิภาพมากขึน้ นักเรียนสามารถค้นคว้าหาความรู้จากแหล่ง
ความรู้ทหี่ ลากหลายมากยงิ่ ขนึ้
เทคโนโลยสี ารสนเทศและดจิ ทิ ลั หมายถงึ การนาเทคโนโลยดี จิ ิทลั
เครื่องมือสื่อสาร หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ มาใช้ในการเข้าถึง จัดการ
บรู ณาการ ประเมนิ ผล และสร้างขอ้ มูล
75
เปา้ หมายของการใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศและดิจทิ ัล เพอ่ื การเรียนรู้
– เป็ นเคร่ืองมือช่วยเพม่ิ ผลงาน และการตดิ ตอ่ สือ่ สาร
– ความร่วมมอื ของนักเรียน โดยการวเิ คราะหข์ ้อมูลร่วมกัน
– บริหารจดั การข้อมูล โดยการค้นคว้าข้อมูล
– ความร่วมมือของครู โดยครูทางานร่วมกันเอง
ทางานร่วมกับนักเรียน และเพอื่ นภายนอก
โรงเรียน
– ความร่วมมอื ระหว่างโรงเรียน โดยนักเรียนทางานร่วมกับผู้อนื่ ทอ่ี ยู่
นอกโรงเรียน
– การสร้างงาน โดยการจัดทาชนิ้ งาน การเผยแพร่ผลงาน
– ชว่ ยบททวนบทเรียน โดยซอรฟ์ แวรเ์ สริมการเรียน
76
การใชอ้ ินเทอร์เนต็ เพ่ือการเรยี นการสอน
อนิ เทอรเ์ น็ตเป็ นเครือข่าย ICT ทเ่ี ชอื่ มโยงแผ่ขยายครอบคลุมท่วั โลก
เป็ นทัง้ สง่ิ แวดล้อมและเครื่องมือสาคญั ในการพฒั นาผู้เรียนใหม้ ีศักยภาพเป็ น
พลโลก การประยุกตใ์ ช้อนิ เทอรเ์ น็ตเพอ่ื การเรียนการสอน กระทาได้สอง
ลักษณะดังนี้
1. แนวทางการประยกุ ตใ์ ช้อินเทอร์เน็ตในด้านนักเรยี น
1) การศกึ ษาค้นคว้านักเรียนจะสามารถใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตเป็ นเครื่องมือในการ
สืบคน้ ศกึ ษาวจิ ยั และจัดทารายงานเวบ็ ไซตท์ เี่ ป็ นแหล่งทรัพยากร เพอ่ื การ
ค้นคว้ามีมากมายซ่งึ อาจจัดประเภทงา่ ยๆ ดงั นี้
● ห้องสมุดและแหล่งอ้างองิ ทางการศกึ ษา
● แหล่งทัศนศึกษาทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์
● เอกสารตาราเรียน
● ขอ้ มูลพนื้ ฐานและเหตุการณป์ ัจจุบัน
● การตดิ ตอ่ ผู้รู้และผู้เชย่ี วชาญ มีแหล่งขอ้ มูลทใ่ี ห้บริการตอบคาถาม
77
การใช้อนิ เทอร์เน็ตเพ่ือการเรียนการสอน
อนิ เทอรเ์ น็ตเป็ นเครือข่าย ICT ทเี่ ชอ่ื มโยงแผ่ขยายครอบคลุมท่วั โลก
เป็ นทงั้ สง่ิ แวดล้อมและเคร่ืองมือสาคัญในการพฒั นาผู้เรียนใหม้ ีศักยภาพเป็ น
พลโลก การประยุกตใ์ ช้อนิ เทอรเ์ น็ตเพอ่ื การเรียนการสอน กระทาได้สอง
ลักษณะดงั นี้
1. แนวทางการประยกุ ตใ์ ชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ในดา้ นนกั เรยี น
1) การศกึ ษาคน้ คว้านักเรียนจะสามารถใช้อนิ เทอรเ์ น็ตเป็ นเครื่องมือในการ
สบื ค้น ศึกษาวจิ ยั และจัดทารายงานเวบ็ ไซตท์ เ่ี ป็ นแหล่งทรัพยากร เพอ่ื การ
คน้ ควา้ มีมากมายซึง่ อาจจดั ประเภทงา่ ยๆ ดังนี้
● หอ้ งสมุดและแหล่งอ้างองิ ทางการศึกษา
● แหล่งทศั นศกึ ษาทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์
● เอกสารตาราเรียน
● ข้อมูลพนื้ ฐานและเหตุการณป์ ัจจุบัน
● การตดิ ต่อผู้รู้และผู้เชย่ี วชาญ มีแหล่งขอ้ มูลทใ่ี ห้บริการตอบคาถาม
78
2) กจิ กรรมเชงิ ปฏิสัมพนั ธ์ (Interactive Activities)
เวบ็ ไซตจ์ านวนมากทเี่ ปิ ดใหม้ กี ิจกรรมแบบโตต้ อบไดร้ ะหว่างเวบ็ ไซต์
กับผู้ใช้ เชน่ โปรแกรมสนทนาเกมออนไลน์ ทสี่ าคัญและเป็ นประโยชนก์ ับ
ผู้เรียนอาจจาแนกเวบ็ ไซตจ์ าพวกนีไ้ ด้ดังนี้
สถานการณจ์ าลอง (Simulations)
เป็ นเวบ็ ไซตท์ น่ี าเสนอขอ้ มูลแบบมัลตมิ ีเดยี มีการเคล่ือนไหวทัง้ ภาพและ
เสยี ง และผู้เรียนสามารถตอบโตไ้ ด้ เชน่ หอ้ งทดลองเสมอื นจริงในวชิ าต่างๆ
(Virtual Lab)
บทเรยี นและแบบทดสอบ
เป็ นเวบ็ ไซตป์ ระเภทบทเรียนหรือแบบฝึ กออนไลน์ ซึ่งมหี ลายสาขาวชิ า
รวมทัง้ แบบทดสอบออนไลนท์ มี่ ที งั้ การวัดผลสัมฤทธิ์ วัดความรู้ความสามารถ
วัดบุคลกิ ภาพและสตปิ ัญญา
79
โครงงานบนเว็บ (Web-Based Project)
ไดม้ ีการจัดทาโครงงานในชนั้ เรียนทงั้ ระยะสัน้ และระยะยาวเผยแพร่บน
อนิ เทอรเ์ น็ต ซึ่งนักเรียนจะเข้าไปมีส่วนร่วมไดจ้ านวนมาก และสามารถผนวก
หรือจัดเข้าเป็ นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรเก่ียวกับแหล่ง
รวบรวมโครงงานทส่ี าคัญ
การสร้างสรรค์งาน
นักเรียนทเี่ ป็ นรายบุคคล เป็ นกลุ่มหรือครูทด่ี าเนินการร่วมกับนักเรียน
สามารถสร้างหรือจดั ทาเนือ้ หาสาระเป็ นเวบ็ ไซตเ์ ผยแพร่แก่สาธารณชนไดม้ ี
เวบ็ ไซตล์ ักษณะนีห้ ลายประเภท ได้แก่
● วารสาร หนังสือพมิ พข์ องนักเรียน
● ผลงาน นิทรรศการด้านศิลปะ และวรรณกรรม
● ผลงานการศึกษาค้นควา้ เร่ืองตา่ งๆ
● การทอ่ งเทย่ี วเสมอื นจริง (Virtual Tours)
● การสะสม (Collections)
● การสร้างโฮมเพจ
● การจัดทา web log
ฯลฯ
ประโยชน์สาหรับผู้เรยี น
● นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบตั ใิ นสภาพจริงมากขนึ้
● นักเรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการคดิ และวธิ ีการเรียนรู้
● นักเรียนไดพ้ ัฒนาทกั ษะในโลกแหง่ ความเป็ นจริง
● เสริมสร้างพหปุ ัญญาตามศักยภาพของนักเรียน
● คน้ หาและใช้ประโยชนจ์ ากแหล่งข้อมูลข่าวสารในวชิ าทเี่ รียน
● คน้ หาขอ้ มูลความรู้ทเี่ ป็ นปัจจุบนั ทันสมัย
80
2. แนวทางการประยุกต์ใชอ้ นิ เทอร์เน็ตในดา้ นของครู
1) การตดิ ตอ่ สอื่ สาร
ครูสามารถใช้อนิ เทอรเ์ น็ต เพอื่ การตดิ ตอ่ สื่อสารกับกลุ่มครูหรอื
ผู้เชยี่ วชาญในสาขาวชิ าการทเ่ี กย่ี วกับงานในหน้าทหี่ รือตามความสนใจ โดย
ใช้ E-mail หรือ List serve ตลอดจนสมัครเข้าร่วมเป็ นสมาชกิ ขององคก์ ร
วชิ าชพี หรือกลุ่มสนใจใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ต ซง่ึ มีใหบ้ ริการหลายเวบ็ ไซต์ เช่น
Global Schoolhouse, 21th Century Teachers.Net
2) การคน้ ควา้ วจิ ัย
ครูสามารถใช้อนิ เทอรเ์ น็ตเป็ นเคร่ืองมือสืบค้น ค้นควา้ วจิ ัย เพอ่ื การ
เตรียมการสอน การจดั หาสื่อนวตั กรรมการเรียนการสอน โดยท่ัวไปเวบ็ ไซต์
ลักษณะนีอ้ าจจาแนกประเภทได้เป็ น
● แผนการสอน
● สารสนเทศและขอ้ มูลความรู้สาหรับชัน้ เรียน
● แนวคดิ และเทคนิคการจัดการเรียนการสอน
● เวบ็ ไซตท์ างการศกึ ษา
● เวบ็ ไซตเ์ ฉพาะวชิ า
● เวบ็ ไซตอ์ า้ งองิ และหอ้ งสมุด
● แหล่งทรัพยากรทางการศกึ ษา
● เวบ็ ไซตร์ วมผลงานวจิ ยั
81
3) การสร้างงาน
ครูสามารถใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตสร้างเวบ็ ไซตเ์ พอ่ื การจดั การเรยี นการ
สอนของตนเอง นอกจากนีค้ รูยงั ใชป้ ระโยชนใ์ นการแลกเปลย่ี นเรียนรู้
เผยแพร่ผลงานแนวคดิ กับเพอ่ื นร่วมวชิ าชพี และผสู้ นใจท่วั ไป เช่น การใช้
โปรแกรมการสอื่ สาร การใช้ Blog เป็ นตน้
อินเทอรเ์ น็ตได้กอ่ ให้เกิดนวัตกรรมการศกึ ษาทางไกล
ในด้านสถาบันการศกึ ษาดจิ ิทัล (DigitalAcademy)
โดยใชส้ ื่ออเิ ล็กทรอนิกสท์ าใหร้ ะยะทางไม่มคี วามสาคญั นวัตกรรมดังกล่าวจงึ
นิยมเรียกกันวา่ “E-learning” (การเรียนรู้ทางอเิ ลก็ ทรอนิกส)์ หรือ “E-school”
(โรงเรียนอเิ ล็กทรอนิกส)์ เป็ นรูปแบบ การศึกษาทเ่ี ป็ น “โรงเรียนเสมอื นจริง”
(Virtual School) ทค่ี รู ผู้เรียนสามารแลกเปล่ียนเรียนรู้และโตต้ อบกันได้
(Interactivity) มีรูปแบบโดยท่วั ไป คอื
1. การสมัครและลงทะเบยี นเขา้ เรียน
2. การเรียกค้น ดาวนโ์ หลด หลักสูตร เนือ้ หาสาระทางวชิ าการ สือ่ การ
เรียนการสอน ทงั้ ทเ่ี ป็ นตาราและมัลตมิ ีเดยี
3. การใช้จดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพอื่ ส่งส่อื เอกสารทใ่ี ช้ประกอบการเรียน
การสอน การส่งงานรายงาน การบ้าน ตลอดจนการซักถามระหว่างผู้เรียนและ
ผู้สอนและระหวา่ งผู้เรียนดว้ ยกัน
4. การใชป้ ้ายประกาศ (Web Board/BulletinBoard) เพอื่ ถาม-ตอบ หรือ
แสดงความคดิ เหน็ แลกเปลย่ี นข้อมูลตามประเดน็ ทส่ี นใจศึกษา
82
5. การคน้ ควา้ วจิ ยั จากคลังข้อมูล (Archives) และหอ้ งสมุดดจิ ทิ ัล
6. การตวิ ความรู้แบบตอบโตผ้ ่านเวบ็ (InteractiveTutorials on the Web)
7. การสอนหรือฝึ กอบรมผ่านเวบ็ ไซตบ์ นเครือข่าย (E-trainning)
8. การศึกษาทดลองในรูปแบบสถานการณจ์ าลอง (Simulation) และ
หอ้ งทดลองดจิ ทิ ลั (DigitalLaboratory)
9. การประชุมสนทนาทางไกล
10. การทดสอบวัดประเมินผล และแจ้งผลการสอบโดยใช้โปรแกรม
แบบทดสอบทใ่ี ช้ระบบตอบโต้ด้วยรหัสผ่านของผู้เรียน
ประโยชนส์ าหรับครู
● เปลยี่ นแปลงบรรยากาศและความเคลอ่ื นไหวของหอ้ งเรียน ทาให้
หอ้ งเรียนไม่ใช่ส่งิ แวดล้อมทซี่ า้ ซากจาเจอกี ตอ่ ไป
● ครูและนักเรียนจะเรียนรู้ไปด้วยกันในสภาพหอ้ งเรียนเครือข่าย ซงึ่
ครูจะไม่ใชผ่ ู้รู้เพยี งคนเดยี วในหอ้ งเรียน
● คน้ หาข้อมูลขา่ วสารทางการศึกษาและสารสนเทศทเ่ี กยี่ วขอ้ งกับ
วชิ าชพี ตลอดจนแหล่งวทิ ยาการ
● ค้นหาและแลกเปล่ียนแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน
● ขอ้ มูลพนื้ ฐานและแหล่งค้นควา้ เพอื่ การวจิ ัยเฉพาะเร่ือง/วชิ า/สาระ
การเรียนรู้
● นาขอ้ มูล เช่น รูปภาพ ภาพยนตร์ วดี ทิ ศั นเ์ อกสาร ตารา
อเิ ล็กทรอนิกส์ มาใช้ประกอบการจดั ตาราเรียน/ผลติ ส่อื
● สอบถาม ขอคาปรึกษาแนะนาจากผู้รู้ผู้เชย่ี วชาญ เพอื่ นร่วมอาชพี
จากทุกมุมโลก
● แลกเปลีย่ นแบ่งปันประสบการณผ์ ลงานการสอน/วชิ าชพี เขา้ เป็ น
ส่วนหน่ึงของประชาคมวชิ าชพี ครูและวงการทางการศึกษาทก่ี ว้างขวางขนึ้
83
ข้อเสนอแนะทศิ ทาง
และยุทธศาสตรก์ ารวิจยั ในอนาคต
“ 1. ซอฟต์แวร์ท่ีมีลขิ สิทธิ์ ”
จัดเป็ นซอฟตแ์ วรส์ ่วนใหญ่ทมี่ ีในท้องตลาด ผู้ผลิตจะอนุญาตให้เฉพาะผู้
ทซ่ี ือ้ ผลิตภณั ฑเ์ ท่านั้นทม่ี ีสิทธิใช้งานได้ โดยอาจมีการให้ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์
หรือการบันทึกหมายเลขสาคัญประจาผลิตภณั ฑ์ (CD-Key) ก่อนจึงจะสามารถ
ติดตั้งและใช้งานซอฟตแ์ วรไ์ ด้ นอกจากนั้นยังอาจมีการจากัดจานวนผู้ใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ได้อีก ตัวอย่างของซอฟต์แวร์ได้แก่ ซอฟต์แวร์ของบริษั ท
ไมโครซอฟตท์ ัง้ หมด เป็ นต้น และนอกจากนั้นแล้วก็ไม่มกี ารเผยแพร่วธิ ีการหรือ
ห ลั ก ก า ร ใ น ก า ร ส ร้ า ง ซ อ ฟ ต์แ ว ร์จึ ง ท า ใ ห้ ไ ม่ มี ผู้ ท่ี จ ะ ส า ม า ร ถ น า ไ ป พั ฒ น า
ซอฟตแ์ วรต์ ่อได้
84
2. ซอฟตแ์ วรแ์ ชร์แวร์ (Share Ware)
หมายถงึ ซอฟตแ์ วรท์ อ่ี นุญาตให้บุคคลต่างๆสามารถนาไปใช้งานได้แต่จะ
มีข้อจากัดบางประการ เช่น การจากัดจานวนผู้ใช้งาน การจากัดคณุ สมบัติใน
การใช้งานบางอย่าง หรือการจากัดจานวนครั้งหรือจานวนวันทสี่ ามารถใช้งาน
ได้ ซ่ึงถ้าผู้ใช้ต้องการที่จะใช้งานต่อก็จะต้องจ่ายเงินเพ่ือซอื้ ผลิตภัณฑน์ ั้นใน
ภายหลัง ซอฟตแ์ วรก์ ลุ่มนีโ้ ดยส่วนใหญ่จะไม่เปิ ดเผยวธิ ีการหรือหลกั การในการ
ผลติ เชน่ เดยี วกัน
3. ซอฟตแ์ วรฟ์ รีแวร(์ Free Ware)
เป็ นซอฟตแ์ วรท์ ี่พัฒนาขึน้ โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการเผยแพร่ให้ผู้ใช้
ต่างๆสามารถนาไปใช้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย สาหรับซอฟตแ์ วรฟ์ รีแวรน์ ั้น
อาจแบ่งเป็ น 2 กลุ่มหลักๆได้อกี คอื
85
3.1 ซอฟตแ์ วรฟ์ รีแวรท์ ไี่ ม่เปิ ดเผยวธิ ีในการผลติ มุ่งเน้นใหผ้ ู้ใช้
สามารถนาไปใช้ได้เพยี งอย่างเดยี ว ไม่สามารถนาไปพฒั นาต่อได้
3.2 ซอฟตแ์ วรท์ เี่ ปิ ดเผยวธิ ีการผลติ เรียกอกี ชอื่ วา่ ซอฟตแ์ วรโ์ อเพน
ซอรส์ ( Open Source Software) หรือ ซอฟตแ์ วรร์ หัสเปิ ด ซอฟตแ์ วรใ์ น
กลุ่มนีม้ ีแนวคดิ ว่า ซอฟตแ์ วรโ์ อเพนซอรส์ เป็ นสมบตั ขิ องทุกคนทสี่ ามารถ
นาไปใชง้ าน ทาซา้ เรียนรู้ ปรับปรุง แก้ไขเพม่ิ เตมิ และเผยแพร่ได้
ซอฟตแ์ วรโ์ อเพนซอรส์ นั้นมที ัง้ ทเ่ี ป็ นระบบปฏบิ ัตกิ าร เชน่ ลีนุกซ์ และ
ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ เช่น ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ชใ้ นการพัฒนาเวปแอพพริเคชัน
อยา่ งเช่น พเี อชพี (PHP) ซอฟตแ์ วรจ์ ดั การฐานขอ้ มูลอยา่ งเชน่ มายเอสควิ
แอล (MySQL) หรือแม้แต่ซอฟตแ์ วรส์ านักงานได้แก่ ปลาดาวออฟฟิ ส และ
ออฟฟิ สทะเล เป็ นตน้
86
การประยกุ ต์ใช้ซอฟตแ์ วร์คอมพิวเตอร์พืน้ ฐาน
ไมโครซอฟทเ์ วิรด์
เป็ นโปรแกรมประมวลคาเพอ่ื การค้า ออกแบบโดยไมโครซอฟท์ เปิ ดตัว
เป็ นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1983 ภายใต้ชอ่ื มัลต-ิ ทูล เวริ ด์ สาหรับระบบปฏบิ ตั กิ าร
Xenix โดยมีเวอรช์ ันอนื่ ๆ ออกมาอกี ภายหลังเพอื่ ทางานเขยี นสาหรับ
แพลตฟอรม์ อน่ื ๆ อาทเิ ชน่ ไอบเี อม็ พซี ีรันบนดอส (1983), แอปเปิ ล แมคอนิ
ทอช (1984), เอท&ี ที Unix PC (1985), Atari ST (1986), SCO UNIX, โอเอส/2,
และไมโครซอฟท์ วนิ โดวส์ (1989) โดยเป็ นองคก์ อบหน่ึงของซอฟตแ์ วรร์ ะบบ
ไมโครซอฟท์ ออฟฟิ ศ ซ่งึ เป็ นผลติ ภณั ฑท์ ขี่ ายแยกตา่ งหาก และรวมอยู่ใน
ไมโครซอฟท์ เวริ ก์ สูท เวอรช์ นั ปัจจุบนั คอื ไมโครซอฟท์ เวริ ด์ 2016 สาหรับ
วนิ โดว์ และ 2016 สาหรับแมค (Microsoft Office 2016 for Mac) นอกจากนีย้ งั มี
ใน Word Mobile ซ่ึงเป็ น freeware ในกลุ่ม ไมโครซอฟท์ ออฟฟิ ส โมบายล์ ใน
ระบบปฏิบตั กิ าร Windows 10, Windows Phone, iOS และ Android
87
ส่วนประกอบ
- มีระบบอตั โนมัตติ า่ งๆ ทช่ี ว่ ยในการทางานสะดวกขนึ้ เชน่ การตรวจ
คาสะกด การใส่ขอ้ ความอตั โนมัติ เป็ นตน้
- สามารถใช้ Word สร้างตารางทสี่ ลับซับซ้อนยา่ งไรก็ได้
- สามารถใช้สร้างจดหมายไดอ้ ย่างรวดเร็ว โดยสามารถกาหนดใหผ้ ู้วเิ ศษ
(Wizard) ใน Word สร้างแบบฟอรม์ ของจดหมายได้ หลายรูปแบบตาม
ต้องการ
- ตกแตง่ เอกสารไดง้ า่ ยและรวดเร็วสามารถตกแต่งเอกสารหรอื เพอื่ ความ
สะดวกจะให้ Wordตกแตง่ ให้กไ็ ด้โดยทส่ี ามารถเป็ นผู้
- กาหนดรูปแบบของเอกสารเอง
- สามารถแทรกรูปภาพ กราฟ หรือผังองคก์ รลงในเอกสารได้
- เป็ นโปรแกรมทที่ างานบนวนิ โดว์ ดงั คุณสมบตั ติ ่างๆของวนิ โดวจ์ ะมีอยู่
ใน Word ดว้ ย เชน่ สามารถยอ่ ขยายขนาดหน้าต่างได้ สามารถเรียกใช้
รุปแบบอกั ษรทมี่ อี ย่มู ากมายในวนิ โดวไ์ ด้
- ความสามารถในการเชอื่ มตอ่ กับโปรแกรมอน่ื ๆในชุดโปรแกรม
Microsoft Office สามารถโอนย้ายข้อมูลตา่ งๆระหวา่ งโปรแกรม ได้ เชน่
สามารถดงึ ขอ้ มูลใน Excel มาใส่ใน Word ได้
- อยากทราบอะไรเก่ียวกับ Word ถามผู้ชว่ ยเหลอื ทม่ี ีชอื่ ว่า " Office
Assistance" ตลอดเวลาขณะทใี่ ชง้ าน Word
- สร้างเอกสารใหใ้ ช้งานในอนิ เตอรเ์ น็ตได้อยา่ งงา่ ยๆ
88
โปรแกรมไมโครซอฟต์เวริ ์ด ( Microsoft Word ) สามารถทางานต่าง ๆ ท่ี
เกย่ี วข้องกบั งานประมวลคาได้ดังนี้
1. สามารถพมิ พแ์ ละแก้ไขเอกสาร
2. สามารถลบ โยกย้าย และสาเนาข้อความ
3. สามารถพมิ พต์ ัวอกั ษรประเภทต่าง ๆ
4. สามารถขยายขนาดตัวอกั ษร
5. สามารถจัดตวั อักษรให้เป็ นตัวหนา ตัวเอยี ง และ ขดี เส้นใต้ได้
6. สามารถใส่เครื่องหมายและตวั เลขลาดับหน้าหวั ขอ้
7. สามารถแบ่งคอลัมน์
8. สามารถตกี รอบและแรเงา
9. สามารถตรวจการสะกดและแก้ไขให้ถกู ต้อง
10. สามารถคน้ หาและเปล่ียนแปลงขอ้ ความทพ่ี มิ พผ์ ดิ
11. สามารถจัดขอ้ ความในเอกสารใหพ้ มิ พช์ ดิ ซ้าย ชดิ ขวาและกง่ึ กลางบรรทดั
12. สามารถใส่รูปภาพในเอกสาร
13. สามารถประดษิ ฐต์ วั อักษร
14. สามารถพมิ พต์ าราง
15. สามารถพมิ พจ์ ดหมายเวยี น ซองจดหมายและป้ายผนึก
89
ไมโครซอฟท์ เอกซเ์ ซล Microsoft Excel
เป็ นโปรแกรมประเภทตารางการคานวณ (สเปรดชตี ) พัฒนาโดยบริษัท
ไมโครซอฟท์ และเป็ นโปรแกรมหน่ึงในชุดไมโครซอฟท์ ออฟฟิ ศ สาหรับ
จดั การและคานวณขอ้ มูลในรูปแบบตาราง อกี ทงั้ สามารถจัดทากราฟ แผนภมู ิ
เพอ่ื แสดงผลขอ้ มูลได้ โดยเวอรช์ นั ล่าสุดคอื ไมโครซอฟท์ เอกซเ์ ซล
(Microsoft Excel)
ไมโครซอฟท์ เอกซเ์ ซล เป็ นโปรแกรมทไ่ี ด้รับความนิยมในด้านการการ
คานวณทางคณิตศาสตรโ์ ดยใช้ฟังกช์ นั พนื้ ฐาน บวก ลบ คณู หาร ยกกาลัง
รวมถงึ ฟังกช์ ันทางคณิตศาสตรร์ ะดบั สูง เช่น Modulo, ตรีโกณมิติ (Sin Cos
Tan) ฟังกช์ ันทางสถติ ิ เช่น ค่าเบยี่ งเบนมาตรฐาน ฟังกช์ ันทางการเงนิ เช่น
การคดิ ค่าเสือ่ มราคา, การคานวณคา่
ประโยชน์ของ Microsoft Excel
- สร้างตารางทางาน จัดตารางสวยงาม ในรูปแบบต่างๆ 90
- สร้างเอกสารทต่ี อ้ งมกี ารคานวณ เชอ่ื มโยงสูตร (สามารถ
เชอ่ื มโยงในไฟลเ์ ดยี วกัน ข้ามไฟล์ หรือ ขา้ มเคร่ืองกไ็ ด้)
- งานจัดเก็บข้อมูลเบอื้ งตน้ ทจี่ านวนขอ้ มูลไม่เกิน 1 ล้านแถว
(ในทางปฏบิ ตั ิ แนะนาว่าไม่เกิน หลักแสน จะทางานได้คล่องตวั )
- สร้างรายงานสรุปผลในมุมมองตา่ งๆ เชน่ ตารางสรุปยอดขาย
ตารางสรุปข้อมูลสินคา้ สรุปงบดุล สรุปแผนการผลิต
สรุปขอ้ มูล ขาดลามาสาย ของพนักงาน เป็ นตน้
- สร้างกราฟ นาเสนอข้อมูล ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นกราฟ
แทง่ กราฟเส้น วงกลม จุด ทงั้ 2 มติ ิ และ 3 มิติ มีรูปแบบต่างๆ มากมาย
ลกั ษณะงานเหมาะกับ Excel
- งานดา้ นบญั ชี (Accounting)
- งานดา้ นการเงนิ (Financial)
- งานด้านการวางแผน (Planning)
- งานด้านงบประมาณ (Budgeting)
- งานด้านสถติ ิ (Statistic)
- งานด้านวศิ วกรรมศาตร์ (Engineering)
ข้อจากัดของ Excel (.xlsx)
- จานวน Sheets ใน Workbook = ไม่จากัด
- รายการทจ่ี ะอยู่ใน Dropdown = 10,000
- ฟังกช์ ่ัน ซ้อนกันได้ = 64 ชัน้
- ตวั แปรสูงสุดในฟังกช์ ่ัน = 255 ตวั แปร
- จานวนคนทเี่ ปิ ดพร้อมกัน = 256 คน
- จานวนขัน้ ของการ Undo = 100 ขัน้
- จานวน คอลัมน์ ใน Pivot = 16,384
- จานวน แถว ใน Pivot = 1,048,576
91
ไมโครซอฟท์ พาวเวอร์พอยต์
PowerPoint เป็ นโปรเเกรมในการนาเสอนไดใ้ นหลายรูปเเบบ ไม่วา่ จะเป็ น
นาเสนอ เเบบเป็ นอักษร ภาพ หรือเสยี ง โดยตวั โปรเเกรมนั้นสามารถนาสอื เหล่า
นีม้ าผสมผานได้ อยา่ บงลงตัวเเละมีประสทิ ธิภาพมากทส่ี ุด
ลักษณะการของโปรเเกรม Power Point
การทางานในรูปของภาพน่ิง (slide) คอื เเผ่นเอกสารเดย่ี ว ๆ ทเ่ี เสดงสิ่งต่าง
ๆ ตวั อกั ษร กราฟตาราง รูปภาพ หรืออนื่ ๆ เเละสามารถเเสดงไลดล์ งบน
แผ่นกระดาษหรอื เครืองฉานข้ามศรีษ หรือหน้าจอคอมพวิ เตอร์ หรือเคร่ืองฉาย
โปรแกรม Microsoft PowerPoint เป็ นโปรแกรมส่ังงานคอมพวิ เตอรท์ ถี่ ูก
ออกแบบมาใหใ้ ช้กับงานดา้ น การนาเสนอเรื่องราวตา่ ง ๆ (Presentation)ใน
ลักษณะคล้าย ๆ กับการฉายสไลด์ (Slide Show) โดยเราสามารถใชค้ าส่ังของ
PowerPoint สร้างแผ่นสไลดท์ ม่ี รี ูปภาพและข้อความบรรยายเร่ืองราวทตี่ ้องการจะ
นาเสนอไดอ้ ย่างรวดเร็ว พร้อมทงั้ กาหนดลักษณะแสงเงา และลวดลายสีพนื้ ให้
สไลดแ์ ต่ละแผ่นมคี วามสวยงามน่าสนใจยง่ิ ขนึ้
ความหมายของการนาเสนอข้อมลู
การนาเสนอข้อมูล หมายถงึ การสื่อสารเพอ่ื เสนอขอ้ มูล ความรู้
ความคดิ เหน็ หรือความต้องการไปสู่ผู้รับสาร โดยใช้เทคนิคหรือวธิ ีการ
ต่าง ๆ อันจะทาใหบ้ รรลุผลสาเร็จตามจุดมุ่งหมายของการนาเสนอ
92
ประโยชนข์ องโปรแกรม PowerPoint
1
สามารถสร้างงานนาเสนอได้ แม้ว่าจะไม่เคยสร้างงานนาเสนอมา
ก่อน เนื่องจากจะมรี ะบบชว่ ยเหลอื (Office Assistant) ใน PowerPoint ซึ่ง
จะคอยแนะนาหลักการในการสร้างงานนาเสนออยา่ งเป็ นขนั้ ตอน การ
เลอื กสีมาใช้กับสไลด์ และจัดองคป์ ระกอบทางศลิ ป์ ได้โดยอตั โนมตั ิ
2
ในส่วนการนาเสนอภาพนิ่ง สามารถทจ่ี ะนาองคป์ ระกอบมัลตมิ เี ดยี
เช่น การนาเอฟเฟค เสยี ง ดนตรีและวดี โี อ มาใช้ประกอบร่วมได้
3 นอกจากส่งิ ทไี่ ด้เตรียมมานาเสนอแล้ว ยงั สามารถใช้ PowerPoint
เตรียมเอกสารประกอบคาบรรยายและในขณะทม่ี กี ารนาเสนองาน ก็
สามารถใชเ้ มาสว์ าดเส้นบนสไลดท์ แี่ สดงอย่ใู นขณะนั้นเพอ่ื เน้นประเดน็
สาคญั ได้
4 สามารถทจี่ ะดดั แปลงงานนาเสนอทเี่ ป็ นไฟล์ PowerPoint เป็ นสไลด์
35 ม.ม. เพอ่ื ใช้นาเสนอผ่านเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ต หรือเครือขา่ ย
อนิ ทราเน็ตภายในองคก์ รได้
93
แนวทางการสรา้ งงานนาเสนอ
การนาเสนอทด่ี คี วรทาอยา่ งเป็ นขนั้ ตอน โดยเร่ิมจากการวางโครงร่างของ
งาน จากนั้นจงึ ลงรายละเอยี ดและจัดทาสไลดเ์ พอ่ื นาเสนองานเป็ นไปอย่าง
รวดเร็ว จงึ ควรทาตามขนั้ ตอนดังตอ่ ไปนี้
1 การวางโครงรา่ ง
2 การลงรายละเอียดเน้ือหา
3 การใสข่ อ้ ความ รูปภาพ กราฟ หรอื อ่นื ๆ ในสไลด์
4 การปรับแต่งสไลดใ์ ห้มสี สี นั สวยงาม
5 การเพ่มิ ความนา่ สนใจให้กับสไลด์ในขณะนาเสนอ
6 เตรียมการนาเสนองานจริง
7 การเตรยี มเอกสารประกอบการบรรยายแจกผู้เข้ารับฟงั
94
หลกั การทางานของโปรแกรม Microsoft PowerPoint
จะสร้างเอกสารเป็ นแผ่น ๆ คล้ายกับแผ่นโปร่งใส โดยในแผ่นงานนั้น
สามารถพมิ พข์ อ้ ความ แทรกภาพประกอบ แทรกตาราง เตมิ สี และออกแบบ
องคป์ ระกอบแผ่นงานให้สวยงามได้หลากหลายรูปแบบ แผ่นงานแตล่ ะแผ่นจะ
เรียกว่าสไลด์ (Slide) โดยแต่ละไฟลส์ ามารถสร้างสไลดไ์ ด้จานวนมากเพยี ง
พอทจี่ ะสร้างงานนาเสนอได้ เราสามารถจะลบ เพม่ิ แทรก หรือเคล่ือนยา้ ยสลับ
หน้ากันไปมาได้
95
ตัวอย่างซอฟตแ์ วร์คอมพิวเตอร์ ประยกุ ตใ์ ช้เพ่ือ
การเรียนร้ตู ามศาสตรส์ าขาวชิ าภาษาไทย
I Love Library
เป็ นโปรแกรมสร้างหนังสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ โดย
โปรแกรมจะจัดแบง่ หน้าอัตโนมัติ พลกิ อา่ นทลี ะหน้าตาม
ต้องการ สามารถปรับแตง่ หนังสือโดยการนาไฟลม์ ัลตมิ ีเดยี
เช่น AVI, MPEG, MP3, WAV, WMA ไฟลร์ ูปภาพ เช่นJIF,
BMP, PDF การเชอื่ มโยงหน้าหนังสอื ออกแบบปกหนังสอื
และสันหนังสือ เมอ่ื เสร็จแล้วสามารถนาไปจัดหมวดหมู่ใน
หอ้ งสมุดอเิ ล็กทรอนิกส์ บุคคลอน่ื สามารถเข้าไปอ่านหนังสือ
ได้ เหมาะสาหรับทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ทุกระดับชัน้ เพอื่ ฝึ ก
ทกั ษะในการอา่ นของนักเรียน และการเขยี นหรือสร้างสรรค์
งานเพอ่ื นาเสนอ นักเรียนสามารถเรียนรู้ดว้ ยตนเอง
96