The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.1 ภาคเรียนที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ฤทธิเดช สกุลซ้ง, 2022-11-06 06:02:26

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.1 ภาคเรียนที่ 2

แผนการจัดการเรียนรู้วิชาภาษาไทย ม.1 ภาคเรียนที่ 2

เกณฑ์การประเมิน เกณฑก์ ารตัดสินระดบั คณุ ภาพ ผลการประเมนิ

๙-๑๐ คะแนน ดมี าก ผ่าน
๗-๘ คะแนน ดี ผา่ น
๕-๖ คะแนน ผ่าน
๓-๔ คะแนน ปานกลาง ไมผ่ ่าน
๐-๒ คะแนน พอใช้ ไมผ่ า่ น
ปรบั ปรงุ

เกณฑก์ ารประเมินใบงาน

เร่อื ง “วิเคราะหค์ วามรู้ พจิ ารณาข้อคิดจากราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา”

รายการประเมนิ ระดับคะแนน
๑. ความร้คู วามเขา้ ใจการสรปุ
ความรูแ้ ละขอ้ คิดจากวรรณคดี ๒๑

๒. สามารถอธบิ ายความรู้และ มีความรคู้ วามเขา้ ใจการสรปุ ความรู้ ไมค่ อ่ ยมีความรู้ความเข้าใจการ
ขอ้ คดิ จากวรรณคดไี ด้
และขอ้ คดิ จากวรรณคดีเร่ือง สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คิดจาก
๓. เขียนสรุปความร้แู ละขอ้ คดิ
จากวรรณคดีตรงประเดน็ ราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา วรรณคดเี รอื่ งราชาธริ าช ตอนสมงิ

๔. สามารถใช้ภาษาไดถ้ กู ตอ้ ง เป็นอยา่ งดี พระรามอาสาเท่าที่ควร

๕. ความสะอาดเรียบรอ้ ย สามารถอธบิ ายความรแู้ ละขอ้ คิดที่ ไม่สามารถอธิบายความรูแ้ ละ

ได้จากการอ่านวรรณคดเี รือ่ ง ขอ้ คดิ ทีไ่ ด้จากการอา่ นวรรณคดี

ราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา เรือ่ งราชาธริ าช ตอนสมงิ พระราม

ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง อาสาไดอ้ ย่างถูกต้อง

สรุปความรแู้ ละขอ้ คิดท่ไี ด้จากการ สรปุ ความรู้และขอ้ คดิ ท่ีได้จากการ

อ่านวรรณคดเี ร่อื งราชาธิราช ตอน อา่ นวรรณคดีเรื่องราชาธริ าช ตอน

สมงิ พระรามอาสาได้ตรงประเด็นกบั สมงิ พระรามอาสาไม่ตรงประเด็น

บทประพนั ธท์ ค่ี รูกำหนดให้ กับบทประพนั ธท์ ค่ี รกู ำหนดให้

สามารถใช้ภาษาในการสรปุ ความรู้ ไม่สามารถใชภ้ าษาในการสรปุ

และข้อคดิ ได้อย่างถกู ต้องตรงตาม ความรูแ้ ละขอ้ คิดได้อย่างถูกตอ้ ง

หลักภาษาไทย อ่านแล้วเกิดเข้าใจ ตรงตามหลกั ภาษาไทย อา่ นแล้ว

งา่ ย เกิดความสบั สนในถ้อยคำ

ใบงานมคี วามสะอาดเรียบร้อย ใบงานมรี อยเปือ้ น ลายมอื อา่ นยาก

ลายมอื อา่ นงา่ ย

ใบความรู้
เรอ่ื ง การสรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากวรรณคดี

ความหมายของการสรุปความรแู้ ละขอ้ คิดจากวรรณคดี
การสรุปความรู้และข้อคดิ คอื การอา่ นวรรณคดีที่ใหค้ วามสำคัญในสว่ นของการพิจาณา

คำประพนั ธ์โดยจบั ใจความในส่วนของความรแู้ ละขอ้ คิดที่ปรากฏในเรอ่ื ง โดยควรอา่ นตั้งแตต่ น้ จนจบเรื่องแลว้ ทำ
ความเขา้ ใจเนอื้ เรอ่ื งเพ่ือจบั ใจความสำคญั หรือประเดน็ สำคญั ท่ผี ู้เขยี นตอ้ งการให้ความรแู้ ละขอ้ คดิ กับผูอ้ ่าน

หลกั และวธิ กี ารสรุปความรแู้ ละข้อคดิ จากวรรณคดี
๑. อ่านบทประพนั ธอ์ ย่างครา่ ว ๆ พอรู้เรอ่ื ง
๒. อา่ นอกี ครงั้ อยา่ งละเอียดเพื่อหาวรรคตอนทแ่ี สดงถึงความรหู้ รอื ขอ้ คดิ
๓. พิจารณาความรหู้ รือข้อคิดทไ่ี ด้จากการอา่ นวรรณคดวี ่ากล่าวถงึ ความรเู้ รือ่ งใดและให้ข้อคดิ ใด
๔. เขียนสรปุ ความร้หู รือขอ้ คิดท่ีไดใ้ นประเดน็ ทส่ี ำคัญ ๆ
๕. เรียบเรียงประโยคทีไ่ ด้จากการสรปุ ความร้หู รือข้อคดิ ให้ถกู ต้อง

ข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากเรอ่ื ง
๑. คนดมี ีความสามารถแมอ้ ยู่ในเมืองศตั รกู ย็ งั มคี นเชดิ ชไู ด้เสมอ
๒. ผู้เป็นกษตั รยิ ย์ อ่ ถือความสัตย์เปน็ ส่ิงประเสรฐิ ที่สดุ
๓. ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย เช่น กามะนี
๔. ผู้ทีทำกิจโดยอาศยั ปฏภิ าณไหวพรบิ และความสามารถเฉพาะตนจะประสบความสำเรจ็ ในชีวิตได้
๕. บา้ นเมืองทปี่ ระกอบไปดว้ ยกษตั ริย์ ทีอ่ ยใู่ นความสตั ย์ เสนาอำมาตยม์ คี วามสามัคคี เชื่อฟังผู้บังคับบญั ชา

และทหารท่ีมีความสามารถในการรบจดั เปน็ บา้ นเมอื งท่แี ข็งแกร่ง เป็นทเี่ กรงขามของ
ประเทศทวั่ ไป และจะสามารถดำรงเอกราชไว้ตราบนานเทา่ นาน

ใบงาน
เรอื่ ง วเิ คราะหค์ วามรู้ พิจารณาขอ้ คิดจากราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา

คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขยี นสรปุ ความร้แู ละขอ้ คดิ ที่ได้จากการอา่ นเร่อื งราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา

ความรู้ท่ไี ดร้ ับ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................. ......................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................... .....
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ข้อคิดทไี่ ด้รบั
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

แผนการจัดการเรียนรู้

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี ๕ วิเคราะหค์ ุณคา่ วรรณคดเี ร่ืองราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา

รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๒ ชื่อรายวิชา ภาษาไทย กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย

ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๑ ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยา่ งเห็นคณุ ค่า

และนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

ตัวชีว้ ัด
ท ๕.๑ ม.๑/๓ อธิบายคุณคา่ ของวรรณคดีและวรรณกรรมทอี่ า่ น

สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การวเิ คราะหค์ ณุ ค่าของวรรณคดี คือ การวิเคราะหส์ ่งิ ท่ีผูป้ ระพนั ธถ์ า่ ยทอดผ่านภาษาท่ีสละสลวยและ

การดำเนินเร่ืองราวทที่ ำใหผ้ ู้อ่านเกดิ ความซาบซง้ึ และประทับใจ ซึง่ คุณค่าของวรรณคดีสามารถแบ่งออกเป็น ๒
ดา้ นใหญ่ ๆ คอื ด้านสังคมและดา้ นวรรณศลิ ป์ คุณคา่ ด้านสงั คม เปน็ คุณค่าที่สะทอ้ นผ่านเรอื่ งราวของวรรณคดีที่
ผปู้ ระพนั ธ์ได้สอดแทรกค่านยิ ม ความเช่อื ขนบธรรมเนียมประเพณตี า่ ง ๆ ทำให้ผูอ้ า่ นซง่ึ เปน็ คนยุคปจั จบุ ันทราบ

สภาพของสงั คมไทยในอดีตได้เปน็ อยา่ งดี สว่ นคุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ เป็นการพิจารณาคณุ คา่ ด้านการใช้ภาษาและ
ลักษณะของคำประพนั ธ์ รวมถงึ การพิจารณาการใช้สำนวนโวหาร ภาพพจนร์ วมไปถงึ การเลือกสรรคำในรปู แบบ

ต่าง ๆ ซงึ่ สามารถบง่ บอกถึงความสามารถด้านการใชภ้ าษาของผู้ประพนั ธไ์ ด้เปน็ อยา่ งดี

สาระการเรยี นรู้/เนือ้ หาย่อย

ความรู้ (K)
๑. นกั เรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจเนือ้ หาวรรณคดีเร่ือง ราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา

๒. นกั เรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจหลักการวเิ คราะห์คณุ ค่าวรรณคดีได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
ทักษะ/กระบวนการ (P)
๑. นกั เรียนสามารถอธิบายหลักการวเิ คราะห์คณุ ค่าวรรณคดีได้

๒. นักเรียนสามารถวเิ คราะหค์ ุณค่าวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสาได้
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)

นักเรยี นสามารถนำความรทู้ ่ีไดจ้ ากการวิเคราะห์คุณค่าวรรณคดีเรือ่ งราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสาไปใช้
เปน็ แนวทางในการวิเคราะห์คณุ ค่าวรรณคดเี รอ่ื งอน่ื ๆ ได้

จดุ เน้นส่กู ารพัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน
ทักษะในศตวรรษท่ี 21 ( 3R8C )

Reading (อา่ นออก)

(W) Riting (เขยี นได)้

(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )

ทกั ษะด้านการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ไขปัญหา
(Critical Thinking and Problem Solving)

ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

ทกั ษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ตา่ งกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)

ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทมี และภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork
and Leadership)

ทักษะดา้ นการสอื่ สาร สารสนเทศและรเู้ ท่าทันสอื่ (Communications, Information, and
Media Literacy)

ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing and ICT

Literacy)

ทกั ษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

ทกั ษะการเปลีย่ นแปลง (Change)

การประเมินผลรวบยอด
ภาระงาน/ช้นิ งาน

ใบงาน “วเิ คราะห์คณุ ค่า พินจิ ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา”

กจิ กรรมการเรียนรู้
ข้นั นำ

๑. นกั เรียนรว่ มกนั ทบทวนเนอ้ื หาวรรณคดเี ร่ือง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา (K)
๒. ครแู จ้งใหน้ กั เรียนทราบว่า นักเรียนตอ้ งศึกษาวรรณคดีเรอื่ งราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา

เพื่อวเิ คราะห์รปู แบบและคุณค่าของเรอ่ื ง (K)
ขนั้ สอน
๑. ครูอธบิ ายเนื้อหาเรอ่ื ง การวิเคราะหค์ ุณค่าวรรณคดี โดยอธบิ ายในส่วนของความหมาย หลกั การ

วธิ ีการ และตัวอย่างการวิเคราะหว์ รรณคดี เร่ืองราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา (K)
๒. ครูใหน้ ักเรียนทำใบงาน “วเิ คราะห์คุณค่า พินจิ ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา” โดยให้

นักเรยี นวเิ คราะหค์ ณุ คา่ จากวรรณคดีเร่ืองราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา ในส่วนของคณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์และ
คณุ ค่าด้านสงั คม (K, P)

๓. ครูใหต้ ัวแทนนกั เรียน ๒ คนออกมานำเสนอผลงาน โดยนักเรียนคนที่ ๑ นำเสนอคณุ ค่าดา้ น

วรรณศิลป์ นักเรยี นคนท่ี ๒ นำเสนอคณุ คา่ ด้านสังคม ซงึ่ ในขณะท่ีนักเรยี นนำเสนองานจบ ครูจะให้ข้อเสนอแนะ
เพอ่ื ให้กำลงั ใจและช้ีแนะแนวทางการทำใบงานอย่างถกู ต้อง (K, P)

ขน้ั สรุป
ครูใหน้ กั เรียนรว่ มกันสรปุ การทำใบงานเร่ือง “วเิ คราะห์คณุ ค่า พนิ ิจราชาธิราช ตอนสมิงพระราม

อาสา” ซ่งึ เปน็ ใบงานทใ่ี หน้ ักเรียนแตล่ ะคนได้วิเคราะหใ์ นส่วนของลกั ษณะคำประพนั ธ์

โครงเรื่อง ตัวละคร ฉาก วธิ ีการแต่ง ลักษณะการเดินเร่ือง และจดุ มุ่งหมายของการราชาธิราช
ตอนสมงิ พระรามอาสาอยา่ งถูกตอ้ ง สะทอ้ นผลวา่ นกั เรียนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกับการวเิ คราะห์วรรณคดเี รอื่ ง
ราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสา และสามารถนำความรูไ้ ปเป็นแนวทางในการวเิ คราะห์วรรณคดเี รือ่ งราชาธริ าช
ตอนสมิงพระรามอาสาได้ (K, P, A)

การวัดผลประเมนิ ผล

วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน

ประเมนิ ใบงาน เรื่อง “วเิ คราะห์คณุ ค่า พนิ ิจ ใบงาน เร่ือง วิเคราะหค์ ณุ คา่ ผ่านเกณฑ์การประเมิน

ราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา” ใชว้ ธิ กี ารวดั ผล พินจิ ราชาธิราช ตอนสมงิ พระราม รอ้ ยละ ๕๐

จากการทำใบงานของนักเรียนแตล่ ะคน โดยมี อาสา

ประเด็นในการวดั ผล ได้แก่ มีความรคู้ วามเข้าใจการ

วเิ คราะหค์ ณุ คา่ วรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอนสมิง

พระรามอาสา สามารถอธบิ ายการวิเคราะหค์ ุณคา่

วรรณคดเี รอื่ งราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา

เขยี นวิเคราะหค์ ุณคา่ วรรณคดีตรงประเดน็

การใชภ้ าษาและความสะอาดเรียบรอ้ ย จากนัน้ นำผล

การประเมินไปเป็นข้อมลู ในการปรบั ปรงุ เพ่ือพัฒนา

นักเรยี นและการจดั การเรียนการสอนของครูในครง้ั

ตอ่ ๆ ไป

ส่อื การเรยี นรู้
๑. หนังสือเรียน วรรณคดีและวรรณกรรม ม. ๑
๒. ใบความรู้ การวเิ คราะหค์ ุณค่าวรรณคดี

ขอ้ เสนอแนะของหวั หน้าสถานศึกษาหรอื ผู้ทไ่ี ด้รับมอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รบั รอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................

ลงชือ่ ................................................................
(...............................................................)

วนั ท.่ี ........../...................../...........

บันทึกผลหลังการจดั การเรยี นรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
๒. ปญั หาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแกไ้ ขปญั หา
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื .................................................
(นายฤทธิเดช สกลุ ซ้ง)
วนั ท่ี............../......................./..............

แบบประเมินใบงาน ชนั้ ม.๑
เร่ือง “วิเคราะห์คณุ ค่า พินจิ ราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา”

รายการประเมนิ

ที่ ชอ่ื -สกุล ๑. ีมความรู้ความเข้าใจการวิเคราะ ์ห ุคณค่า รวม สรปุ ผล
วรรณค ีดเรื่องราชา ิธราช ตอนสมิงพระราม
อาสา

๒. สามารถอธิบายการ ิวเคราะ ์ห ุคณ ่คาวรรณค ีด
เรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสาได้

๓. เขียนวิเคราะ ์หคุณค่าวรรณค ีดตรงประเ ็ดน
๔. สามารถใช้ภาษาไ ้ด ูถก ้ตอง
๕. ความสะอาดเรียบร้อย

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ่าน ไม่ผา่ น

๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๗.
๘.
๙.
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๕๐ คอื ๕ คะแนนขน้ึ ไป จากคะแนนเต็ม ๑๐ จงึ จะถอื วา่
ผา่ นเกณฑ์

เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑก์ ารตัดสนิ ระดบั คุณภาพ ผลการประเมิน

๙-๑๐ คะแนน ดีมาก ผา่ น
๗-๘ คะแนน ดี ผา่ น
๕-๖ คะแนน ผา่ น
๓-๔ คะแนน ปานกลาง ไมผ่ า่ น
๐-๒ คะแนน พอใช้ ไม่ผา่ น
ปรบั ปรุง

เกณฑ์การประเมินใบงาน

เรอ่ื ง “วเิ คราะหค์ ุณคา่ พนิ ิจราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา”

รายการประเมิน ระดับคะแนน

๑. มีความรคู้ วามเขา้ ใจการ ๒๑
วเิ คราะห์คุณคา่ วรรณคดีเรื่อง
ราชาธริ าช ตอนสมงิ พระราม มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจการวเิ คราะห์ ไม่มีความรคู้ วามเข้าใจการ
อาสา
๒. สามารถอธบิ ายการ คุณคา่ วรรณคดีเรือ่ งราชาธริ าช ตอน วิเคราะห์คณุ ค่าวรรณคดเี ร่อื ง
วิเคราะห์คุณคา่ วรรณคดเี รอื่ ง
ราชาธริ าช ตอนสมิงพระราม สมิงพระรามอาสาเป็นอย่างดี ราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา
อาสา
เทา่ ทคี่ วร
๓. เขียนวิเคราะห์คณุ คา่
วรรณคดีตรงประเด็น สามารถวเิ คราะหค์ ุณคา่ วรรณคดี ไม่สามารถวิเคราะหค์ ุณค่า

๔. สามารถใช้ภาษาได้ถูกตอ้ ง เรอ่ื งราชาธริ าช ตอนสมิงพระราม วรรณคดีเรอื่ งราชาธริ าช ตอน

๕. ความสะอาดเรยี บรอ้ ย อาสาด้วยการอธบิ ายตามประเดน็ สมงิ พระรามอาสาได้ อีกทงั้ ไม่

หัวข้อทค่ี รกู ำหนดได้ถกู ตอ้ ง สามารถอธิบายตามประเด็น

หัวขอ้ ที่ครกู ำหนดได้

เขยี นวิเคราะหค์ ุณคา่ ได้ตรงประเด็น เขยี นวเิ คราะห์ไมต่ รงประเด็นกบั

กบั เรอื่ งท่อี า่ น คือเร่อื งราชาธิราช เรอ่ื งทอี่ า่ น

ตอนสมงิ พระรามอาสา

สามารถใช้ภาษาในการวเิ คราะห์ ไมส่ ามารถใช้ภาษาในการ

คุณคา่ ได้อย่างถกู ตอ้ งตรงตามหลกั วิเคราะหค์ ณุ คา่ ได้อย่างถูกตอ้ ง

ภาษาไทย อา่ นแลว้ เกิดเข้าใจงา่ ย ใช้ภาษาที่เข้าใจยาก

ใบงานมคี วามสะอาดเรยี บรอ้ ย ใบงานมรี อยเปอ้ื น ลายมืออา่ นยาก

ลายมอื อ่านงา่ ย

ใบความรู้
เรอ่ื ง การวิเคราะห์คุณคา่ ของวรรณคดี

ความหมายของการวเิ คราะห์คุณค่าวรรณคดี
การวเิ คราะหค์ ุณค่าของวรรณคดี คือ การวเิ คราะหส์ งิ่ ทีผ่ ู้ประพนั ธถ์ ่ายทอดผ่านภาษาท่ีสละสลวยและ

การดำเนนิ เรือ่ งราวทที่ ำให้ผู้อ่านเกดิ ความซาบซงึ้ และประทบั ใจ ซึ่งคุณคา่ ของวรรณคดีสามารถแบ่งออกเป็น ๒
ด้านใหญ่ ๆ คอื ด้านสงั คมและด้านวรรณศิลป์ คุณคา่ ด้านสังคม เป็นคุณค่าที่สะทอ้ นผ่านเร่อื งราวของวรรณคดีท่ี
ผู้ประพันธไ์ ด้สอดแทรกคา่ นยิ ม ความเชือ่ ขนบธรรมเนยี มประเพณีต่าง ๆ ทำให้ผ้อู า่ นซง่ึ เป็นคนยุคปจั จบุ นั ทราบ
สภาพของสงั คมไทยในอดตี ได้เป็นอย่างดี สว่ นคุณค่าด้านวรรณศิลป์ เปน็ การพิจารณาคณุ ค่าด้านการใช้ภาษาและ
ลักษณะของคำประพนั ธ์ รวมถงึ การพจิ ารณาการใชส้ ำนวนโวหาร ภาพพจนร์ วมไปถึงการเลอื กสรรคำในรปู แบบ
ต่าง ๆ ซงึ่ สามารถบง่ บอกถงึ ความสามารถด้านการใช้ภาษาของผู้ประพันธ์ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
หลกั การวเิ คราะห์คณุ ค่าวรรณคดี

การวเิ คราะหค์ ณุ ค่าของวรรณคดี แบ่งเปน็ ๒ ประเภท คือ คุณคา่ ด้านเน้ือหาและคุณคา่ ด้านวรรณศิลป์
๑) คุณคา่ ด้านเนอื้ หา คอื การพจิ ารณาเน้อื หาท่ีให้คุณประโยชน์ ซง่ึ ผอู้ า่ นควรอ่านอย่างมี

วจิ ารณญาณ หาคุณคา่ ของวรรณคดอี ย่างมีหลักเกณฑ์ สำหรบั แนวทางในการวิเคราะหค์ ณุ คา่ ด้านเน้ือหา มีหลาย
ประการ ดงั น้ี

๑.๑ ควรพิจารณาวา่ ผแู้ ต่งมจี ุดม่งุ หมายอยา่ งไร เนื้อเรอ่ื งมีแนวคิดใหค้ ำสอน คตธิ รรม ขอ้ เตอื นใจ
หรอื ใหแ้ นวทางในการดำเนินชีวิตอยา่ งไร

๑.๒ พจิ ารณาภาพสะท้อนของสังคม วถิ ีชีวติ ความเปน็ อยู่ วฒั นธรรม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี
ความเชื่อและคา่ นยิ มตา่ ง ๆ ในสมัยของผู้แตง่

๑.๓ พิจารณาคุณค่าในด้านความรทู้ ่ีจะชว่ ยเสรมิ สร้างสตปิ ญั ญาแก่ผอู้ า่ น
๒) คุณค่าด้านวรรณศลิ ป์ เปน็ การพิจารณาการใช้ถ้อยคำ สำนวนโวหารทแ่ี สดงความสามารถของผู้
แตง่ ว่าใชศ้ ิลปะทางภาษาในการเรียบเรียง คัดสรรถอ้ ยคำ สำนวนโวหาร เพื่อสอื่ สารใหผ้ ูอ้ า่ นไดร้ ับความเพลิดเพลนิ
และเกดิ สนุ ทรียะทางอารมณอ์ ย่างไร
วิธกี ารวิเคราะห์วรรณคดี
๑. อ่านเร่อื งราวใหช้ ัดเจนและเข้าใจ
๒. กำหนดประเดน็ ทีต่ ้องการว่าจะวเิ คราะหค์ ุณคา่ ด้านใดและสว่ นใดบา้ ง
๓. พิจารณาบทประพนั ธอ์ ยา่ งถถ่ี ว้ นและเขียนบนั ทึกคุณค่าของวรรณคดีในแต่ละดา้ นทว่ี เิ คราะห์
การพจิ ารณาคุณค่าเร่ืองราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา
๑. คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์ มีการใช้สำนวนโวหารสงู แมจ้ ะใชป้ ระโยคยาวแตใ่ ช้ถ้อยคำภาษาและ
การเข้าประโยคท่ีสละสลวย
๑.๑ การใชส้ ำนวนเปรยี บเทยี บท่ีคมคาย เชน่
" พระเจา้ กรงุ จีนยกมาคร้งั น้ีอุปมาดังฝนตกหา่ ใหญต่ กลงนำ้ นองทว่ มป่าไหลเชีย่ วมาเม่อื
วสนั ตฤดนู ัน้ หาสิง่ ใดจะตา้ นทานมิได้"

หมายถงึ กองทพั ของพระเจา้ กรุงจนี เป็นกองทัพทยี่ ิ่งใหญ่ไม่มีใครสามารถตา้ นทานได้ แต่
๑.๒ ใช้คำคมให้คติเตอื นใจ เชน่

"เรารกั สัตย์ยงิ่ กวา่ ทรพั ย์ อย่าว่าแตส่ มบัตมิ นุษยน์ เ้ี ลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของ
สมเด็จอมรินทรม์ ายกใหเ้ รา เรากม็ ไิ ดป้ รารถนา"

หมายถงึ คนท่ีรักษาคำพูดถงึ แม้จะนำทรพั ยอ์ นั มคี า่ มาให้ก็ไม่สามารถเปลยี่ นแปลงคำพูด
ทเี่ คยให้ไว้ได้"

๒. คุณคา่ ด้านสังคม ค่านยิ ม และความเชอ่ื

๒.๑ ความเช่ือถือในเรือ่ งฤกษ์ เชน่ ตอนพระเจา้ กงุ ต้าฉิงยกทัมายงั กรงุ รตั นบุระอังวะกต็ อ้ งรอให้
ฤกษด์ ีกอ่ นจะยกทพั มาใด้

๒.๒ ขนบธรรมเนียมในการส่งเคร่ืองราชบรรณาการไปเพอ่ื ตอบแทน เมื่ออีกฝ่ายหนง่ึ ปรัพฤติ
ปฏบิ ัตติ ามที่ฝา่ ยตนรอ้ งขอ หรือส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพ่ือขอให้อีกฝ่ายหนงึ่ ทำตามทต่ี นเองขอ
เชน่ การส่งพระราชสาสน์ จากพระเจา้ กรงุ ต้าฉงิ เพ่ือจะใหพ้ ระเจ้าอังวะอยู่ในอำนาจออกมาถวายบงั คม

และตอ้ งการจะดูทหารรำทวนขมี่ า้ ส้กู นั
๒.๓ การรักษาสัจจะของบุคคลทอี่ ยใู่ นฐานะกษัตริย์ เชน่ การรกั ษาคำพูดของพระเจ้ากรงุ ต้าฉิง

เม่อื กามะนแี พ้กย็ กทัพกลบั ไปโดยไมท่ ำอันตรายแกผ่ ใู้ ดเลย ตามที่ไดพ้ ดู ไว้
๒.๔ ความจงรักภกั ดตี อ่ พระมหากษัตรยิ ์ เช่น สมิงพระรามแมจ้ ะอาสารบให้กับพระเจา้ องั วะ

โดยใจจรงิ แลว้ ก็ทำเพื่อบา้ นเมอื งของตน และยังคงจงรักภักดีต่อพระมหากษตั รยิ ข์ องตน

๒.๕ การปนู บำเหน็จรางวลั ใหแ้ ก่ผู้ทำคณุ ประโยชน์ต่อประเทศชาติ เปน็ การสร้างกำลงั ใจและ
ผูกใจคนไวไ้ ด้ ดังตอนทีพ่ ระเจ้าอังวะให้เหตผุ ลตอ่ สมงิ พระราม เมอ่ื สมิงพระรามไมร่ บั บำเหนจ็ จาก

การอาสารบ"อนงึ่ เราเกรงคนท้งั ปวงจะครหานนิ ทาได้ ท่านรับอาสากูพ้ ระนครไว้มีความชอบเปน็ อนั มาก
มิได้รบั บำเหนจ็ รางวลั สง่ิ ใด นานไปเบื้องหน้าถา้ บ้านเมืองเกดิ การจราจล หรอื ข้าศึกมาย่ำยีเหลอื กำลงั
กจ็ ะไม่มผี ใู้ ดรับอาสาอีกแล้ว"ด้วยเหตุผลของพระเจา้ องั วะข้างตน้ สมิงพระรามจงึ ต้องรับรางวลั ในครง้ั นี้

ใบงาน
เร่ือง วิเคราะห์คณุ ค่า พนิ ิจราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา

คำชแ้ี จง ให้นักเรียนอา่ นวรรณคดีเรือ่ ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา แลว้ วิเคราะหแ์ ละอธิบายคุณค่า
๑. วเิ คราะหร์ ปู แบบ เน้อื หา และลักษณะการประพนั ธ์ของเร่ือง
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................... ๒.
อธบิ ายคณุ คา่ ของเร่อื งตอนท่นี ่าประทบั ใจและมีคุณคา่
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๓. อธบิ ายคณุ คา่ ด้านวรรณศิลป์
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. อธิบายคุณคา่ ด้านสงั คม
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

เฉลยใบงาน
เร่ือง วิเคราะห์คุณคา่ พนิ จิ ราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา

คำช้แี จง ให้นักเรียนอา่ นวรรณคดเี รื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา แลว้ วิเคราะห์และอธิบายคุณค่า

๑. วิเคราะห์รูปแบบ เนอ้ื หา และลกั ษณะการประพนั ธ์ของเรอื่ ง

รปู แบบ วรรณคดีเรอื่ ง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เป็นวรรณคดีเกยี่ วกบั เหตุการณป์ ระวตั ิศาสตร์

เขียนข้ึนจากพงศาวดารของชนชาติมอญ เล่าถงึ ราชวงศข์ องมอญ และการทำสงครามระหว่างมอญกบั พม่าในสมยั

พระเจา้ ราชาธิราช

เนือ้ หา ตอน สมิงพระรามอาสา เปน็ ตอนทส่ี มงิ พระรามทหารเอกของมอญถกู พม่าจบั ตัวไปขงั ท่ีเมืองอังวะ

กองทพั จนี ยกมาท้าใหส้ ่งทหารพม่ามาตอ่ สู้กับทหารเอกของจีนตัวต่อตัว ไม่มีทหารพม่าอาสาออกไปรบ สมิง

พระรามจงึ ได้อาสาออกไปรบแทน เม่อื สมิงพระรามเอาชนะทหารเอกของจนี ได้ พระเจา้ กรุงอังวะจงึ ตอบแทนด้วย

การแต่งตง้ั ใหเ้ ป็นอปุ ราช และยกพระธิดาให้ สมิงพระรามขอคำสัญญาจากพระเจ้ากรุงองั วะวา่ จะไม่เรียกสมิง

พระรามวา่ เชลย ตอ่ มาพระเจ้ากรุงอังวะเผลอเรยี กหลานชายซึ่งเป็นลกู ของพระธิดากับสมงิ พระรามวา่ ลูกเชลย

สมงิ พระรามจึงกลบั กรุงหงสาวดี

ลักษณะการประพันธ์ ราชาธริ าชเปน็ วรรณคดีร้อยแกว้ คลา้ ยกับนวนิยายไทยสมยั ปัจจุบนั มีการ

ดำเนินเร่ืองตัวละครทีม่ ลี กั ษณะเป็นมนษุ ย์มีความสามารถด้านการศกึ ษาเล่าเรียน ไมม่ อี ทิ ธฤิ ทธ์ิหรอื อำนาจพเิ ศษใด

ๆ มีบทสนทนาใหร้ ู้ว่าเป็นการพูดคุยโต้ตอบของตวั ละคร มีฉากที่สัมพนั ธก์ บั เรอื่ ง

๒. อธิบายคณุ คา่ ของเรื่องตอนที่นา่ ประทับใจและมคี ณุ ค่า

(พจิ ารณาตามคำตอบของนักเรยี น โดยให้อยู่ในดุลยพินจิ ของครผู สู้ อน)

๓. อธบิ ายคุณคา่ ด้านวรรณศิลป์

วรรณคดีเรอ่ื ง ราชาธริ าช ตอน สมิงพระรามอาสา มคี วามดีเด่นในด้านการใชโ้ วหาร เชน่ การเล่าเรื่องใช้

บรรยายโวหาร ภาษาที่ใช้สละสลวย ทำใหผ้ ู้อ่านเกิดจินตภาพ เชน่ การบรรยายรูปรา่ งลกั ษณะของมา้ แต่บางตอน

กใ็ ชค้ ำโบราณที่จะตอ้ งศึกษาความหมาย การเปรียบเทยี บใชอ้ ปุ มาโวหารซ่งึ มีความโดดเดน่ ตลอดทั้งเร่ือง

๔. อธบิ ายคณุ คา่ ด้านสงั คม

วรรณคดเี รื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา สะทอ้ นให้เหน็ ค่านยิ มและความเช่ือของคน

ในสงั คม สมัยรชั กาลที่ 1 แห่งกรงุ รัตนโกสินทร์ ซึง่ เปน็ สมยั ทแ่ี ต่งวรรณคดี เร่ืองราชาธริ าช เช่น

- ความเชื่อเรอ่ื งฤกษย์ ามก่อนทีจ่ ะทำสิง่ ใดก็ตอ้ งให้โหรหาฤกษ์ยาม

- ความจงรกั ภกั ดีตอ่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ซ่ึงเป็นศนู ยร์ วมจติ ใจของคนในสังคม

- การรักษาสัจจะ เช่น พระเจ้ากรุงจนี รักษาสจั จะเมอ่ื กามะนที หารเอกแพ้สมงิ พระราม พระองค์กย็ อม

ยกทัพกลบั ตามสญั ญาทั้งๆ ท่ีทหารจีนจะให้สู้ต่อ พระเจ้ากรุงอังวะไม่รกั ษาสัจจะเรยี กสมงิ พระรามว่า เชลย ดว้ ย

ความพลง้ั เผลอ สมงิ พระรามจึงหนีกรุงหงสาวดี

แผนการจัดการเรยี นรู้

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๕ สรุปความรู้และข้อคิดจากวรรณคดเี รอ่ื งราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา

รหัสวชิ า ท ๒๑๑๐๒ ชื่อรายวชิ า ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ภาษาไทย

ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๑ ชว่ั โมง

มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ท ๕.๑ เขา้ ใจและแสดงความคดิ เหน็ วิจารณว์ รรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเหน็ คุณค่า

และนำมาประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตจรงิ

ตวั ช้วี ัด
ท ๕.๑ ม.๑/๔ สรปุ ความร้แู ละขอ้ คดิ จากการอา่ นเพื่อประยุกต์ใชใ้ นชีวติ จรงิ

สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
สรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากวรรณคดี คือ การอ่านวรรณคดีที่ให้ความสำคญั ในสว่ นของการพจิ าณา คำ

ประพันธ์โดยจับใจความในส่วนของความรแู้ ละข้อคดิ ท่ปี รากฏในเรือ่ ง โดยควรอา่ นตงั้ แตต่ น้ จนจบเรื่องแล้วทำ
ความเขา้ ใจเนือ้ เรอื่ งเพอื่ จับใจความสำคญั หรอื ประเด็นสำคญั ท่ผี ู้เขียนตอ้ งการให้ความรู้และข้อคิดกับผ้อู ่าน

สาระการเรยี นร/ู้ เนอื้ หาย่อย
ความรู้ (K)

๑. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจเน้ือหาวรรณคดเี ร่ืองราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา
๒. นกั เรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจหลักการสรปุ ความรูแ้ ละข้อคดิ

ทกั ษะ/กระบวนการ (P)

๑. นักเรียนสามารถอธบิ ายหลกั การสรุปความรแู้ ละขอ้ คดิ ของวรรณคดีได้
๒. นกั เรียนสามารถสรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากวรรณคดีเรื่องราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสาได้

คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
นกั เรียนสามารถนำความรทู้ ีไ่ ด้จากการสรปุ ความรู้และข้อคิดจากวรรณคดีเรือ่ งราชาธริ าช ตอนสมิงพระราม

อาสาไปใช้เป็นแนวทางในการสรุปความรู้และข้อคิดจากวรรณคดีเรอ่ื งอ่นื ๆ ได้

จุดเนน้ สกู่ ารพัฒนาคุณภาพผู้เรยี น
ทักษะในศตวรรษท่ี 21 ( 3R8C )

Reading (อ่านออก)

(W) Riting (เขียนได้)

(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )

ทกั ษะด้านการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณและทกั ษะในการแกไ้ ขปญั หา
(Critical Thinking and Problem Solving)

ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)

ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork
and Leadership)

ทักษะด้านการสื่อสาร สารสนเทศและร้เู ท่าทนั สื่อ (Communications, Information, and
Media Literacy)

ทักษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สาร (Computing and ICT

Literacy)

ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and Learning)

ทกั ษะการเปล่ยี นแปลง (Change)

การประเมนิ ผลรวบยอด
ภาระงาน/ช้นิ งาน

ใบงาน “วิเคราะห์ความรู้ พิจารณาขอ้ คิดจากราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา”

กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขนั้ นำ
๑. นักเรยี นรว่ มกนั ทบทวนวรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา (K)
๒. ครถู ามคำถามนักเรยี นว่าตัวละครในเรอื่ งตวั ใดทคี่ วรเอาเปน็ แบบอย่าง จากน้นั ให้นักเรียนรว่ มกนั

แสดงความคิดเห็น (K, P, A)
ขนั้ สอน
๑. ครอู ธิบายเนือ้ หาเร่ือง การสรุปความร้แู ละขอ้ คิดจากวรรณคดี โดยอธิบายในสว่ นของความหมาย

หลักการและวธิ ีการสรปุ ความรู้และขอ้ คดิ จากวรรณคดี (K)
๒. ครใู หน้ กั เรยี นทำใบงาน “วเิ คราะห์ความรู้ พจิ ารณาข้อคิดจากราชาธิราช ตอนสมิงพระราม

อาสา” โดยให้นกั เรยี นอ่านเนอื้ เรอื่ งในหนงั สือวรรณคดแี ละวรรณกรรมและพิจารณาว่าปรากฏความรแู้ ละขอ้ คดิ
ใดบ้าง (K, P)

๓. ครใู ห้ตวั แทนนักเรยี น ๒ คนออกมานำเสนอผลงาน ซึ่งในขณะทนี่ ักเรียนนำเสนองานจบครจู ะให้
ขอ้ เสนอแนะเพ่อื ให้กำลงั ใจและชีแ้ นะแนวทางการทำใบงานอย่างถกู ต้อง (K, P)

ขน้ั สรปุ
ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันสรปุ การทำใบงานเรอ่ื ง “วิเคราะหค์ วามรู้ พจิ ารณาข้อคิดจากราชาธริ าช ตอน

สมงิ พระรามอาสา” ซึง่ เปน็ ใบงานทใี่ ห้นักเรียนแต่ละคนไดว้ เิ คราะห์ในสว่ นของความรู้และข้อคิดที่ปรากฏใน

ราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสา สะท้อนผลว่านักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั การสรุปความร้แู ละขอ้ คดิ
วรรณคดีเรอื่ งโคลงโลกนิติ และสามารถนำความรู้ไปเป็นแนวทางในการวิเคราะหว์ รรณคดเี รื่องราชาธิราช ตอนสมิง
พระรามอาสาและวรรณคดเี รือ่ งอน่ื ๆ ได้ (K, P, A)

การวดั ผลประเมินผล

วธิ กี าร เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมิน

ประเมนิ ใบงาน เรอื่ ง “วิเคราะห์ความรู้ พิจารณา ใบงาน เร่อื ง วเิ คราะหค์ วามรู้ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ
ร้อยละ ๕๐
ขอ้ คิดจากราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา” พจิ ารณาข้อคดิ จากราชาธิราช

ใช้วิธกี ารวัดผลจากการทำใบงานของนกั เรียนแต่ละ ตอนสมิงพระรามอาสา

คน โดยมีประเด็นในการวดั ผล ได้แก่ มีความรคู้ วาม

เข้าใจการสรุปความรู้และข้อคดิ จากวรรณคดี

สามารถอธบิ ายความร้แู ละขอ้ คิดจากวรรณคดี เขียน

สรุปความร้แู ละขอ้ คิดจากวรรณคดีตรงประเดน็ การ

ใช้ภาษาและความสะอาดเรยี บร้อย จากนั้นนำผลการ

ประเมนิ ไปเปน็ ข้อมูลในการปรบั ปรงุ เพื่อพฒั นา

นกั เรยี นและการจดั การเรียนการสอนของครูในครง้ั

ตอ่ ๆ ไป

สอ่ื การเรยี นรู้
๑. หนังสอื เรยี น วรรณคดีและวรรณกรรม ม. ๑
๒. ใบความรู้ การสรุปความรู้และขอ้ คดิ จากวรรณคดี

ข้อเสนอแนะของหวั หนา้ สถานศกึ ษาหรือผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รับรอง)
....................................................................................................................................................................................

....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................

ลงช่อื ................................................................

(...............................................................)
วนั ท.ี่ ........../...................../...........

บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
๒. ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแก้ไขปัญหา
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงช่อื .................................................
(นายฤทธเิ ดช สกลุ ซง้ )
วันท.ี่ ............./......................./..............

แบบประเมินใบงาน ม.๑
เร่ือง “วิเคราะห์ความรู้ พิจารณาข้อคิดจากราชาธริ าช ตอนสมงิ พระรามอาสา”

รายการประเมนิ

ท่ี ชอ่ื -สกลุ ๑. ีมความ ู้รความเ ้ขาใจการสรุปความ ู้ร รวม สรปุ ผล
และ ้ขอคิดจากวรรณค ีด
๒. สามารถอ ิธบายความ ู้รและ ้ขอคิด
จากวรรณค ีดไ ้ด
๓. เ ีขยนส ุรปความ ู้รและ ้ขอคิดจาก
วรรณค ีดตรงประเ ็ดน
๔. สามารถใ ้ชภาษาไ ้ด ูถก ้ตอง
๕. ความสะอาดเ ีรยบ ้รอย

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไม่ผา่ น

๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๗.
๘.
๙.
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ตอ้ งได้คะแนนร้อยละ ๕๐ คอื ๕ คะแนนขนึ้ ไป จากคะแนนเตม็ ๑๐ จงึ จะถอื วา่
ผา่ นเกณฑ์

เกณฑ์การประเมิน เกณฑก์ ารตัดสินระดบั คณุ ภาพ ผลการประเมนิ

๙-๑๐ คะแนน ดมี าก ผ่าน
๗-๘ คะแนน ดี ผา่ น
๕-๖ คะแนน ผ่าน
๓-๔ คะแนน ปานกลาง ไมผ่ ่าน
๐-๒ คะแนน พอใช้ ไมผ่ า่ น
ปรบั ปรงุ

เกณฑก์ ารประเมินใบงาน

เร่อื ง “วิเคราะหค์ วามรู้ พจิ ารณาข้อคิดจากราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา”

รายการประเมนิ ระดับคะแนน
๑. ความร้คู วามเขา้ ใจการสรปุ
ความรูแ้ ละขอ้ คิดจากวรรณคดี ๒๑

๒. สามารถอธบิ ายความรูแ้ ละ มีความรคู้ วามเขา้ ใจการสรปุ ความรู้ ไมค่ อ่ ยมีความรู้ความเข้าใจการ
ขอ้ คดิ จากวรรณคดไี ด้
และขอ้ คดิ จากวรรณคดีเร่ือง สรปุ ความรแู้ ละขอ้ คิดจาก
๓. เขียนสรุปความร้แู ละขอ้ คดิ
จากวรรณคดีตรงประเดน็ ราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา วรรณคดเี รอื่ งราชาธริ าช ตอนสมงิ

๔. สามารถใช้ภาษาไดถ้ กู ตอ้ ง เป็นอยา่ งดี พระรามอาสาเท่าที่ควร

๕. ความสะอาดเรียบรอ้ ย สามารถอธบิ ายความรแู้ ละขอ้ คิดที่ ไม่สามารถอธิบายความรูแ้ ละ

ได้จากการอ่านวรรณคดเี รือ่ ง ขอ้ คดิ ทีไ่ ด้จากการอา่ นวรรณคดี

ราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา เรือ่ งราชาธริ าช ตอนสมงิ พระราม

ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง อาสาไดอ้ ย่างถูกต้อง

สรุปความรแู้ ละขอ้ คิดท่ไี ด้จากการ สรปุ ความรู้และขอ้ คดิ ท่ีได้จากการ

อ่านวรรณคดเี ร่อื งราชาธิราช ตอน อา่ นวรรณคดีเรื่องราชาธริ าช ตอน

สมงิ พระรามอาสาได้ตรงประเด็นกบั สมงิ พระรามอาสาไม่ตรงประเด็น

บทประพนั ธท์ ค่ี รูกำหนดให้ กับบทประพนั ธท์ ค่ี รกู ำหนดให้

สามารถใช้ภาษาในการสรปุ ความรู้ ไม่สามารถใชภ้ าษาในการสรปุ

และข้อคดิ ได้อย่างถกู ต้องตรงตาม ความรูแ้ ละขอ้ คิดได้อย่างถูกตอ้ ง

หลักภาษาไทย อ่านแล้วเกิดเข้าใจ ตรงตามหลกั ภาษาไทย อา่ นแล้ว

งา่ ย เกิดความสบั สนในถ้อยคำ

ใบงานมคี วามสะอาดเรียบร้อย ใบงานมรี อยเปือ้ น ลายมอื อา่ นยาก

ลายมอื อา่ นงา่ ย

ใบความรู้
เรอ่ื ง การสรปุ ความรแู้ ละข้อคิดจากวรรณคดี

ความหมายของการสรุปความรแู้ ละขอ้ คิดจากวรรณคดี
การสรุปความรู้และข้อคดิ คอื การอา่ นวรรณคดีที่ใหค้ วามสำคัญในสว่ นของการพิจาณา

คำประพนั ธ์โดยจบั ใจความในส่วนของความรแู้ ละขอ้ คิดที่ปรากฏในเรอ่ื ง โดยควรอา่ นตั้งแตต่ น้ จนจบเรื่องแลว้ ทำ
ความเขา้ ใจเนอื้ เรอ่ื งเพ่ือจบั ใจความสำคญั หรือประเดน็ สำคัญท่ผี ู้เขยี นตอ้ งการให้ความรแู้ ละขอ้ คดิ กับผูอ้ ่าน

หลกั และวธิ กี ารสรุปความรแู้ ละข้อคดิ จากวรรณคดี
๑. อ่านบทประพนั ธอ์ ย่างครา่ ว ๆ พอรู้เรอ่ื ง
๒. อา่ นอกี ครงั้ อยา่ งละเอียดเพื่อหาวรรคตอนทแ่ี สดงถึงความรหู้ รอื ขอ้ คดิ
๓. พิจารณาความรหู้ รือข้อคิดทไ่ี ด้จากการอา่ นวรรณคดวี ่ากล่าวถงึ ความรเู้ รือ่ งใดและให้ข้อคดิ ใด
๔. เขียนสรปุ ความร้หู รือขอ้ คิดท่ีไดใ้ นประเดน็ ทส่ี ำคัญ ๆ
๕. เรียบเรียงประโยคทีไ่ ด้จากการสรปุ ความร้หู รือข้อคดิ ให้ถกู ต้อง

ข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากเรอ่ื ง
๑. คนดมี ีความสามารถแมอ้ ยู่ในเมืองศตั รกู ย็ งั มคี นเชดิ ชไู ด้เสมอ
๒. ผู้เป็นกษตั รยิ ย์ อ่ ถือความสัตย์เปน็ ส่ิงประเสรฐิ ที่สดุ
๓. ความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย เช่น กามะนี
๔. ผู้ทีทำกิจโดยอาศยั ปฏภิ าณไหวพรบิ และความสามารถเฉพาะตนจะประสบความสำเรจ็ ในชีวิตได้
๕. บา้ นเมืองทปี่ ระกอบไปดว้ ยกษตั ริย์ ทีอ่ ยใู่ นความสตั ย์ เสนาอำมาตยม์ คี วามสามัคคี เชื่อฟังผู้บังคับบญั ชา

และทหารท่ีมีความสามารถในการรบจดั เปน็ บา้ นเมอื งท่แี ข็งแกร่ง เป็นทเี่ กรงขามของ
ประเทศทวั่ ไป และจะสามารถดำรงเอกราชไว้ตราบนานเทา่ นาน

ใบงาน
เรอื่ ง วเิ คราะหค์ วามรู้ พิจารณาขอ้ คิดจากราชาธริ าช ตอนสมิงพระรามอาสา

คำชี้แจง ใหน้ กั เรียนเขยี นสรปุ ความร้แู ละขอ้ คดิ ที่ได้จากการอา่ นเร่อื งราชาธิราช ตอนสมงิ พระรามอาสา

ความรู้ท่ไี ดร้ ับ
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................. ......................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................... .....
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
ข้อคิดทไี่ ด้รบั
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................

แผนการจดั การเรยี นรู้

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๔ หลกั การเขยี นเรียงความ

รหสั วิชา ท ๒๑๑๐๒ ช่ือรายวชิ า ภาษาไทย กล่มุ สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย
ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑
ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง

มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนส่ือสาร เขยี นเรยี งความ ยอ่ ความ และเขยี นเร่ืองราวใน

รูปแบบตา่ ง ๆ เขียนรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาคน้ คว้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ตวั ช้ีวัด
ท ๒.๑ ม.๑/๔ เขยี นเรยี งความ

สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การเขียนเรียงความ คือ เป็นงานเขียนชนิดหนึ่งที่ผู้เขียนมีจุดประสงค์จะถ่ายทอด

ความรู้ ความคิด ทรรศนะ ความรู้สึก ความเข้าใจออกมาเป็นเรื่องราว ด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรียบเรียงอย่าง
ชัดเจนและทว่ งทำนองการเขยี นท่ีนา่ อา่ น

สาระการเรยี นรู้/เน้อื หายอ่ ย
ความรู้(K)
นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับหลักการเขยี นเรียงความ
ทักษะ/กระบวนการ (P)
นักเรยี นสามารถอธิบายหลกั การเขียนเรียงความได้
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A)
นักเรียนสามารถนำความร้จู ากการเรียนหลกั การเขียนเรยี งความไปเปน็ แนวทางในการเขยี นงาน

ประเภทอน่ื ๆ ได้

จุดเน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผเู้ รยี น
ทักษะในศตวรรษท่ี 21 ( 3R8C )
Reading (อา่ นออก)
(W) Riting (เขียนได้)
(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )
ทกั ษะดา้ นการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแกไ้ ขปัญหา
(Critical Thinking and Problem Solving)

ทักษะดา้ นการสรา้ งสรรค์ และนวตั กรรม (Creativity and Innovation)

ทกั ษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural
Understanding)

ทักษะด้านความร่วมมอื การทำงานเปน็ ทีมและภาวะผ้นู ำ (Collaboration, Teamwork
and Leadership)

ทักษะดา้ นการสือ่ สาร สารสนเทศและรู้เท่าทนั ส่อื (Communications, Information, and
Media Literacy)

ทักษะดา้ นคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT

Literacy)

ทกั ษะอาชีพ และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)

ทักษะการเปล่ยี นแปลง (Change)

การประเมินผลรวบยอด
ช้ินงานหรอื ภาระงาน
ใบงาน เรือ่ ง หลกั การเขยี นเรียงความ

กิจกรรมการเรียนรู้

ขัน้ นำ
ครกู ลา่ วทกั ทายนกั เรยี น พร้อมกบั ซกั ถามในประเด็นหลักการเขยี นเรยี งความ (K, P)

เพือ่ สร้างความกระตอื รือร้นให้แกน่ ักเรยี น เมื่อเสรจ็ ส้นิ จากนัน้ ครโู ยงเขา้ สูบ่ ทเรียน (K, P)
ข้ันสอน
๑. ครูแจกใบความรู้ เรื่อง หลักการเขียนเรียงความ พรอ้ มใหค้ วามรเู้ กย่ี วกับความหมาย

วตั ถปุ ระสงคข์ องการโน้มนา้ วใจ (K) ประกอบกบั ยกตัวอย่าง พร้อมท้ังสอดแทรกคำถาม เพ่ือให้นกั เรียนมีความ
กระตอื รอื รน้ (P)

๒. ครูแจกใบงาน เรอ่ื ง หลกั การเขียนเรยี งความความ ซ่ึงเป็นใบงานรายบคุ คล จากน้ันครูอธบิ ายคำ
ช้แี จงใหร้ กั เรยี น (K, P)

๓. ครแู ละนักเรียนร่วมกันเฉลยใบงาน หลกั การเขียนย่อความ จากนั้นครคู ำแนะนำเพ่ิมเติมเก่ียวกับ

หลักการเขยี นเรยี งความเพ่ือเกิดความเขา้ ใจเพม่ิ มากขึ้น
ขั้นสรปุ

ครูและนักเรียนรว่ มกนั สรุปกิจกรรมเรอ่ื ง หลกั การเขยี นเรยี งความ ซ่ึงเป็นใบงานท่ใี ห้นักเรยี นปฏบิ ัติ
ได้อย่างถกู ต้อง พร้อมทั้งนำความรู้ท่ีได้มาใช้ในการทำกจิ กรรม ท้งั ยังฝกึ ฝนและทำความเข้าใจอยา่ งแท้จรงิ จากนน้ั
ครสู รุปเพมิ่ เตมิ วา่ กิจกรรมทน่ี ักเรียนไดท้ ำนน้ั ถกู ตอ้ ง สะทอ้ นใหเ้ หน็ ว่านักเรียนมีความเขา้ ใจในเนอื้ หาการเขยี น

เรยี งความ และสามารถนำความรู้ เรอื่ ง หลกั การเขยี นเรยี งความเปน็ แนวทางในการเขยี นประเภทอ่ืน ๆ ได้ (K, P,
A)

การวัดผลประเมินผล เกณฑก์ ารประเมิน

วธิ กี าร เครือ่ งมือ ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ
รอ้ ยละ ๕๐
ประเมนิ ใบงาน เรอ่ื ง “หลกั การเขียนเรียงความ”ใช้ ใบงาน เรอ่ื ง “หลักการเขียน
วิธกี ารวดั ผลจากการทำใบงานของนักเรียนแต่ละคน เรียงความ”
โดยมีประเดน็ ในการวัดผล ไดแ้ ก่ ความรูค้ วามเข้าใจ
เรอื่ งหลกั การเขยี นเรียงความ สามารถเขยี นหลกั การ
เขยี นเรยี งความได้ ตรงประเด็น การใช้ภาษา และ
ความสะอาดเรียบรอ้ ย จากน้ันนำผลการประเมนิ ไป
เป็นขอ้ มลู ในการปรับปรงุ เพ่อื พฒั นานกั เรียนและการ
จดั การเรยี นการสอนของครใู นครัง้ ตอ่ ๆ ไป

ส่ือการเรยี นรู้
ใบความรู้เร่อื ง หลกั การเขียนเรียงความ

ข้อเสนอแนะของหวั หน้าสถานศึกษาหรือผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รบั รอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................

ลงช่ือ................................................................
(...............................................................)
วันที่.........../...................../...........

บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรียนรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
๒. ปญั หาและอุปสรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแกไ้ ขปญั หา
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.................................................
(นายฤทธเิ ดช สกุลซง้ )
วนั ท่.ี ............./......................./..............

แบบประเมินใบงาน ชั้น ม.๑
เร่อื ง “หลกั การเขียนเรียงความ”

รายการประเมิน

ท่ี ชอ่ื -สกลุ ความ ู้รความเข้าใจเ ่ืรองหลักการ รวม สรุปผล
เขียนเ ีรยงความ

สามารถเขียนห ัลกการเขียน
เ ีรยงความไ ้ด
ตรงประเด็น
การใช้ภาษา

ความสะอาดเ ีรยบ ้รอย

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผ่าน ไม่ผ่าน

๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๗.
๘.
๙.
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐

หมายเหตุ : เกณฑก์ ารทำใบงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนร้อยละ ๕๐ คอื ๕ คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเตม็ ๑๐ จงึ จะถอื วา่
ผา่ นเกณฑ์

ใบความรู้ เร่ือง หลกั การเขยี นเรยี งความ

ความหมายของเรียงความ
เรียงความ เปน็ งานเขียนชนิดหน่งึ ที่ผูเ้ ขียนมจี ุดประสงคจ์ ะถา่ ยทอด

ความรู้ ความคดิ ทรรศนะ ความรสู้ กึ ความเข้าใจออกมาเปน็ เรอื่ งราว ดว้ ยถอ้ ยคำสำนวนที่เรียบเรียงอยา่ ง
ชดั เจนและทว่ งทำนองการเขียนทน่ี ่าอา่ น

การเลือกเรื่องท่จี ะเขียนเรียงความ
หากจะต้องเป็นผู้เลือกเร่ืองเอง ควรเลอื กตามความชอบหรอื ความถนัดของตนเอง

การค้นคว้าหาข้อมูลอาจทำได้โดยการคน้ คว้าจากหนังสือ นิตยสาร วารสาร อนิ เทอร์เน็ต หรือสอ่ื อื่น ๆ

ประเภทของเรื่องท่จี ะเขยี นเรียงความ
๑.เรอื่ งที่เขยี นเพื่อความรู้
๒.เรอ่ื งทีเ่ ขยี นเพื่อความเขา้ ใจ
๓.เร่อื งท่เี ขียนเพอื่ โน้มนา้ วใจ

องค์ประกอบของเรียงความ
เรียงความมอี งคป์ ระกอบ ๓ ส่วน คือ คำนำ เน้ือเรือ่ ง และสรปุ งานเขยี นทุกประเภทจะต้อง

ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบสามสว่ นนี้ ดังจะได้กล่าวถึงรายละเอยี ดขององค์ประกอบพรอ้ มกบั กลวธิ กี ารเขียน
ตอ่ ไปนี้

๑. คำนำ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของเรียงความสว่ นแรกท่ีมหี น้าที่เปิดประเด็นเข้าส้เู ร่อื ง เป็นการบอกใหผ้ ู้อา่ น
ทราบวา่ ผ้เู ขยี นจะเขียนเรอ่ื งอะไร เพอ่ื ชักนำให้คนสนใจอา่ นเนอ้ื เร่ืองตอ่ ไป คำนำเปน็ ส่วนท่ีสำคญั ส่วนหน่ึงของ
เรยี งความเพราะเป็นสว่ นช่วยดงึ ดูดใหผ้ อู้ ่านหันมาสนใจเร่อื งราวที่เขยี น ผู้อ่านจะอา่ นเร่อื งต่อไปหรือไมก่ ็อย่ทู ่ีคำนำ
นั้นเอง

๒. เนื้อเรื่อง หรอื เนอื้ ความ เปน็ ส่วนท่สี ำคัญท่ีสุดของการเขียนเรยี งความ เพราะเป็นสว่ นท่เี สนอ
ความรคู้ วามคิดความเขา้ ใจทรรศนะหรอื ความร้สู ึกของผูเ้ ขียนให้แจม่ แจ้งโดยอาจจะยกอทุ าหรณ์ สุภาษติ และ
ประสบการณข์ องผ้เู ขียนมาสนับสนนุ เร่อื งทเี่ ขียนได้

นักเรยี นจะตอ้ งคิดกอ่ นเปน็ ข้ันแรกวา่ จะเลือกเขยี นเรอ่ื งอะไร มวี ัตถปุ ระสงคแ์ ละมขี อบเขตในการเขียน
กว้างหรอื แคบเพียงใด เมอ่ื คิดวางแผนเปน็ ลำดบั ดังกล่าวแลว้ ก็เรม่ิ เขียนโครงเร่ืองเพือ่ เป็นแนวทางในการเขยี น

ข้นั ตอนตอ่ ไปคอื การเรียงเนื้อหาไปตามโครงเรอ่ื งทไ่ี ดก้ ำหนดไว้ โครงเร่อื งทกี่ ำหนดไว้เปน็ ขอ้ ๆ นนั้ ก็คอื
เนื้อหาในยอ่ หน้าหน่ึง ๆ นัน้ เอง เมื่อจะขยายความแต่ละหัวข้อกย็ อ่ มจะไดย้ ่อหนา้ ทมี่ เี นื้อหาเปน็ เอกภาพและมี
น้ำหนกั และถ้าเขยี นแต่ละยอ่ หน้ามีประโยคใจความสำคญั และมปี ระโยคขยายความทส่ี นับสนุนประโยคใจความ
สำคัญอย่างชดั เจนแลว้ เรียงความเร่ืองน้นั กจ็ ะเปน็ เรยี งความท่มี ีเนอื้ หาสมบรู ณ์เรยี งความแตล่ ะเร่ืองจะมียอ่ หน้า
เรื่องเท่าใดก็ได้ แต่เปน็ ไปไม่ได้ทเ่ี รียงความเรือ่ งหนึง่
จะมียอ่ หนา้ เนื้อเรือ่ งเพยี งยอ่ หนา้ เดียว

ในการเขียนเรยี งความน้ัน การใช้ถอ้ ยคำภาษาเป็นสิ่งสำคัญมาก นกั เรยี นจะตอ้ งพิถพี ิถันในการใช้

ภาษา ภาษาทใ่ี ชต้ อ้ งเป็นภาษาแบบเปน็ ทางการ กล่าวคือภาษาจะถูกตอ้ งตามหลักการเขยี น
มีการเลอื กสรรถ้อยคำมาเรยี บเรียงให้กะทัดรัด ชัดเจนอ่านเข้าใจงา่ ย ราบร่นื สละสลวย และมีลีลา

การเขยี นท่นี า่ สนใจ
๓. สรุป เปน็ ส่วนสุดทา้ ยของเรยี งความที่ผู้เขยี นจะเน้นความรู้ ความคดิ หลักหรือประเด็นสำคญั ของเร่ือง

ที่เขียนอีกครงั้ หนึง่ การสรปุ นับว่ามสี ่วนสำคญั เท่ากบั คำนำ เพราะเป็นส่วนชว่ ยเสริมให้เรียงความมีคณุ ค่าข้ึน

การวางโครงเรอ่ื งกอ่ นเขยี น
เมือ่ ได้หวั ข้อเรื่องแล้ว ตอ้ งวางโครงเร่อื งโดยคำนงึ ถงึ การจดั การจดั ลำดบั หวั ข้อเร่อื งท่จี ะเขียนใหส้ ัมพนั ธ์

ตอ่ เน่อื งกัน เช่น
- จดั ลำดบั หัวข้อตามเวลาท่เี กิด
- จดั ลำดบั หัวขอ้ จากหน่วยเลก็ ไปสู่หนว่ ยใหญ่

- จัดลำดบั ตามความนยิ ม
โครงเร่ืองของงานเขยี นควรจดั หมวดหมูข่ องแนวคดิ สำคัญเพ่ือเปน็ แนวทางในการเขียน โครงเรอ่ื ง

เปรียบเสมือนแปลนบา้ นผู้สรา้ งบา้ นจะตอ้ งใช้แปลนบ้านเปน็ แนวทางในการสร้างบา้ น การเขียนโครงเรอื่ งจงึ มี
ความสำคญั ทำให้ผเู้ ขยี นเรียงความเขยี นได้ตรงตามจดุ ประสงคท์ ตี่ งั้ ไว้ ถา้ ไม่เขยี นโครงเร่ืองหรือไม่วางโครงเรื่อง
เรียงความอาจจะออกมาไมต่ รงตามทผี่ ูเ้ ขยี นตอ้ งการ

การเขยี นยอ่ หนา้
การย่อหนา้ เป็นส่ิงจำเปน็ อีกอย่างหนง่ึ เพราะจะช่วยใหผ้ อู้ า่ นอ่านเขา้ ใจง่ายและอา่ นได้เรว็ มชี ่องวา่ งให้

ได้พักสายตา ผู้เขยี นเรียงความไดด้ ตี ้องร้หู ลักในการเขยี นย่อหนา้ และนำย่อหน้าแต่ละยอ่ หน้ามาเช่ือมโยงให้
สมั พนั ธก์ ัน ในย่อหนา้ หนงึ่ ๆ ตอ้ งมสี าระเพียงประการเดยี ว ถ้าจะขน้ึ สาระสำคัญใหมใ่ ห้เขียนในยอ่ หนา้
ตอ่ ไป ดังน้ันการยอ่ หน้าจะมากหรอื น้อย ขน้ึ อยกู่ บั สาระสำคัญท่ีต้องการเขียนถงึ ในเนอ้ื เรื่อง แตอ่ ยา่ งน้อย

เรียงความต้องมี ๓ ย่อหน้า คอื ย่อหน้าท่ีเปน็ คำนำ เนอ้ื เรอื่ ง และสรุป
การเชอื่ มโยงย่อหน้า

การเชือ่ มโยงย่อหน้าทำให้เกิดสมั พนั ธภาพระหว่างย่อหน้าเรยี งความเร่ืองหนงึ่ ย่อมประกอบด้วยยอ่ หน้า
หลายยอ่ หนา้ การเรยี งลำดับยอ่ หน้าตามความเหมาะสมจะทำให้ขอ้ ความเกี่ยวเนือ่ งเปน็ เร่อื งเดยี วกนั วธิ ีการ
เชื่อมโยงย่อหนา้ แต่ละย่อหนา้ กเ็ ชน่ เดียวกันกับการจัดระเบยี บความคิดในการวางโครงเร่อื งซงึ่ มดี ้วยกนั ๔ วธิ คี ือ

๑. การลำดบั ยอ่ หนา้ ตามเวลาอาจลำดับตามเวลาในปฏทิ ินหรือตามเหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ขนึ้ กอ่ นไปยงั
เหตกุ ารณท์ ี่เกิดข้นึ ภายหลงั

๒. การลำดับยอ่ หนา้ ตามสถานที่เรยี งลำดบั ขอ้ มูลตามสถานท่ีหรอื ตามความเป็นจริงทีเ่ กิดขน้ึ
๓. การลำดับยอ่ หนา้ ตามความสำคญั เรียงลำดบั ตามความสำคญั มากท่ีสดุ สำคญั รองลงมาไปถึงสำคญั
นอ้ ยทสี่ ุด

๔. การลำดบั ย่อหนา้ ตามเหตผุ ล อาจเรียงลำดับจากเหตไุ ปหาผลหรอื ผลไปเหตุ

ใบงาน เรอื่ ง หลักการเขยี นเรยี งความ

คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนอธบิ ายข้อความต่อไปน้ีมาพอสงั เขป

1. ความหมายของเรยี งความ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................

2. การเขียนคำนำ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................

3. การเขียนเนอื้ เรอ่ื ง
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................

4. การเขียนสรปุ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................

ชอ่ื -สกลุ ................................................................................................... ช้ัน ............. เลขที่ .............

เฉลยใบงาน เรอ่ื ง หลักการเขียนเรยี งความ

คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนอธิบายข้อความต่อไปนีม้ าพอสงั เขป
1. ความหมายของเรียงความ

เรยี งความ เปน็ งานเขียนชนิดหน่ึงท่ผี ู้เขียนมจี ุดประสงคจ์ ะถา่ ยทอดความรู้ ความคิด
ทรรศนะ ความรู้สกึ ความเข้าใจออกมาเปน็ เร่อื งราว ด้วยถอ้ ยคำสำนวนทเ่ี รยี บเรยี งอย่างชัดเจนและทว่ งทำนอง
การเขยี นทนี่ า่ อ่าน

2. การเขยี นคำนำ
คำนำ เปน็ สว่ นหนง่ึ ของเรียงความสว่ นแรกทม่ี ีหน้าที่เปิดประเด็นเขา้ สูเ้ รื่อง เป็นการบอกให้ผู้อา่ นทราบ

วา่ ผเู้ ขียนจะเขียนเร่ืองอะไร เพ่ือชักนำให้คนสนใจอา่ นเน้ือเร่ืองตอ่ ไป คำนำเป็นส่วนทีส่ ำคญั ส่วนหนึง่ ของ
เรยี งความเพราะเปน็ สว่ นชว่ ยดงึ ดดู ให้ผู้อ่านหนั มาสนใจเรือ่ งราวท่ีเขียน ผอู้ ่านจะอ่านเรือ่ งตอ่ ไปหรือไมก่ อ็ ยทู่ ีค่ ำนำ
นนั้ เอง

3. การเขยี นเน้ือเรื่อง
เนือ้ เรอื่ ง หรอื เนื้อความ เปน็ สว่ นทส่ี ำคัญที่สดุ ของการเขียนเรียงความ เพราะเปน็ สว่ นทเี่ สนอความรู้

ความคิดความเข้าใจทรรศนะหรอื ความรสู้ กึ ของผเู้ ขียนใหแ้ จ่มแจง้ โดยอาจจะยกอทุ าหรณ์ สุภาษิต และ
ประสบการณข์ องผเู้ ขียนมาสนบั สนนุ เรือ่ งท่ีเขียนได้

4. การเขยี นสรปุ
สรปุ เปน็ สว่ นสดุ ทา้ ยของเรียงความทีผ่ ู้เขียนจะเน้นความรู้ ความคดิ หลกั หรือประเดน็ สำคญั ของเรื่องท่ี

เขยี นอกี คร้ังหนง่ึ การสรุปนับวา่ มีส่วนสำคัญเท่ากบั คำนำ เพราะเป็นสว่ นช่วยเสรมิ ใหเ้ รียงความมีคุณค่าขนึ้

ชอ่ื -สกุล ................................................................................................... ช้ัน ............. เลขท่ี .............

แผนการจดั การเรียนรู้

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ หลกั การพูดรายงาน

รหัสวิชา ท ๒๑๑๐๒ ชื่อรายวชิ า ภาษาไทย กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย

ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๑ ช่ัวโมง

มาตรฐานการเรยี นรู้

มาตรฐาน ท.๓.๑ สามารถเลอื กฟงั และดอู ยา่ งมีวจิ ารณญาณ และพดู แสดงความรู้ ความคดิ และ
ความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อยา่ งมวี ิจารณญาณและสร้างสรรค์

ตวั ช้ีวัด
ท ๓.๑ ม.๑/๕ พดู รายงานเร่อื งหรือประเดน็ ที่ศึกษาคน้ คว้าจากการฟัง การดแู ละการสนทนา

สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

การพดู รายงาน คือ การพดู รายงานเรอ่ื งหรอื ประเด็นที่ศึกษาค้นควา้ จากการฟงั การดู และ

การสนทนา เป็นวธิ กี ารท่เี หมาะสำหรับแลกเปลี่ยนความรู้ การพูดรายงานอาจพูดเพื่อนำเสนอทฤษฎี นำเสนอ

วิธีการ นำเสนอเร่ืองราวต่าง ๆ

สาระการเรียนรู/้ เน้ือหายอ่ ย
ความรู้ (K)

นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจหลักการพดู รายงาน
ทกั ษะ/กระบวนการ (P)
นกั เรียนสามารถอธบิ ายหลักการพูดรายงานได้

คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
นกั เรยี นสามารถนำความรทู้ ่ีได้จากการหลกั การพูดรายงานไปใช้พดู รายงานเร่อื งตา่ ง ๆ ได้

จุดเน้นสกู่ ารพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน
ทักษะในศตวรรษที่ 21 ( 3R8C )

Reading (อ่านออก)

(W) Riting (เขยี นได้)

(A) Rithemetics (คิดเลขเปน็ )

ทกั ษะดา้ นการคดิ อยา่ งมวี ิจารณญาณและทกั ษะในการแกไ้ ขปัญหา
(Critical Thinking and Problem Solving)

ทกั ษะดา้ นการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)

ทักษะดา้ นความเข้าใจความต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural
Understanding)

ทกั ษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเป็นทีมและภาวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork
and Leadership)

ทักษะด้านการสอ่ื สาร สารสนเทศและรู้เท่าทันสือ่ (Communications, Information, and
Media Literacy)

ทกั ษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing and ICT

Literacy)

ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้ (Career and Learning)

ทกั ษะการเปลย่ี นแปลง (Change

การประเมินผลรวบยอด

ภาระงาน/ชิ้นงาน
ใบงาน “หลกั การพูดรายงาน”

กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ นำ

๑. ครสู นทนากับนักเรียนเกย่ี วกบั การพดู ในชวี ิตประจำวนั วา่ พูดในลกั ษณะใดบา้ งจากน้นั ให้นกั เรียน
ร่วมกันแสดงความคิดเหน็ (K, P)

๒. ครูสรปุ ข้อคิดเหน็ ของนกั เรียน จากนั้นเชื่อมโยงเขา้ สเู่ นือ้ หาการพดู รายงานในขนั้ ต่อไป (K, P)
ขน้ั สอน

๑. ครูแจกใบความร้เู รอื่ ง หลกั การพูดรายงาน จากนัน้ อธบิ ายถงึ ความหมาย และหลักการพดู รายงาน

(K, P)
๒. ครูใหน้ ักเรียนทำใบงาน “หลักการพูดรายงาน” โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละคนตอบคำถามหลกั การพดู

รายงาน และใหต้ ัวแทนนกั เรียน ๒ คนออกมานำเสนองานหน้าช้นั เรียนซงึ่ ในขณะทีน่ กั เรียนนำเสนองานจบ ครูจะ
ใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ือให้กำลังใจและชแี้ นะแนวทางการทำใบงานอยา่ งถกู ตอ้ ง(K, P)

ขัน้ สรปุ

ครใู ห้นกั เรียนร่วมกนั สรุปการทำใบงานเรื่อง “หลกั การพูดรายงาน” ซง่ึ เป็นใบงานทีใ่ ห้นักเรียนแตล่ ะ
คนตอบคำถามหลักการพูดรายงานไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง สะทอ้ นผลว่านักเรียนมีความรูค้ วามเข้าใจเกย่ี วกับเนอื้ หา

หลกั การพดู รายงาน และสามารถนำความรูไ้ ปเป็นแนวทางในการพูดรายงานได้
(K, P, A)

การวัดผลประเมินผล เกณฑ์การประเมนิ

วิธกี าร เคร่ืองมอื ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ ๕๐
ประเมินใบงาน เร่อื ง “หลกั การพูดรายงาน” ใช้ ใบงาน เร่อื ง “หลักการพดู
วิธกี ารวดั ผลจากการทำใบงานของนักเรยี นแตล่ ะคน รายงาน”
โดยมปี ระเด็นในการวัดผล ไดแ้ ก่ มีความรคู้ วาม
เข้าใจหลักการพูดรายงาน สามารถอธบิ ายหลกั การ
พูดรายงาน ตอบคำถามตรงประเด็น การใช้ภาษา
และความสะอาดเรียบร้อย จากนัน้ นำผลการประเมนิ
ไปเป็นข้อมลู ในการปรับปรงุ เพอ่ื พฒั นานกั เรียนและ
การจัดการเรียนการสอนของครูในคร้ังต่อ ๆ ไป

สื่อการเรียนรู้
๑. ใบความรู้เรอื่ ง หลักการพดู รายงาน

ขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ สถานศึกษาหรือผู้ท่ไี ด้รับมอบหมาย (ตรวจสอบ,นเิ ทศ,เสนอแนะ,รับรอง)
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................

ลงชอ่ื ................................................................
(...............................................................)
วนั ที่.........../...................../...........

บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้
๑. ผลการจัดการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
๒. ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................
๓. แนวทางการแก้ไขปัญหา
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................
๔. ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................
....................................................................................................................................................................

ลงช่อื .................................................
(นายฤทธเิ ดช สกลุ ซง้ )
วันท.ี่ ............./......................./..............

แบบประเมนิ กจิ กรรม ชน้ั ม.๑
เร่อื ง “หลักการพูดรายงาน”

รายการประเมนิ

ที่ ชอ่ื -สกุล ๑. ีมความ ู้รความเ ้ขาใจ รวม สรปุ ผล
ห ัลกการพูดรายงาน
๒. สามารถอ ิธบาย
หลักการพูดรายงานไ ้ด
๓. ตอบคำถามตรง
ประเ ็ดน
๔. การใ ้ชภาษา
๕. ความสะอาดเรียบ ้รอย

๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๑๐ ผา่ น ไมผ่ า่ น

๑.
๒.
๓.
๔.
๕.
๖.
๗.
๘.
๙.
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐

หมายเหตุ : เกณฑ์การทำใบงาน ต้องได้คะแนนร้อยละ ๕๐ คือ ๕ คะแนนขึ้นไป จากคะแนนเตม็ ๑๐ จงึ จะถอื ว่า
ผา่ นเกณฑ์

เกณฑ์การประเมนิ เกณฑ์การตัดสนิ ระดับคณุ ภาพ ผลการประเมิน

๙-๑๐ คะแนน ดีมาก ผา่ น
๗-๘ คะแนน ดี ผา่ น
๕-๖ คะแนน ผ่าน
๓-๔ คะแนน ปานกลาง ไม่ผา่ น
๐-๒ คะแนน พอใช้ ไมผ่ ่าน
ปรบั ปรงุ

เกณฑ์การประเมนิ ใบงาน
เรื่อง “หลักการพดู รายงาน”

รายการประเมิน ระดับคะแนน

๑. มีความรู้ความเข้าใจ ๒๑
หลักการพูดรายงาน
นกั เรยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจ นักเรยี นไม่มคี วามร้คู วามเข้าใจ

หลกั การพูดรายงานเป็นอย่างดี หลักการพดู รายงานเท่าท่ีควร

๒. สามารถอธบิ ายหลกั การพูด นักเรียนสามารถอธิบายหลักการ นกั เรียนสามารถอธบิ ายหลกั การ
รายงาน พูดรายงานได้อย่างถกู ต้อง พดู รายงานไดไ้ ม่ถูกต้อง
๓. ตอบคำถามตรงประเดน็ สามารถตอบคำถามหลักการพูดรา ไม่สามารถตอบคำถามหลักการ
งานได้ตรงประเด็นทกุ ข้อ พูดรางานได้ตรงประเดน็ ทุกข้อ
๔. การใช้ภาษา
นกั เรยี นสามารถใช้ภาษาในการ นกั เรยี นไมส่ ามารถใช้ภาษาใน
๕. ความสะอาดเรียบรอ้ ย เขียนอธิบายไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง การเขยี นอธบิ ายไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง
ใบงานมีความสะอาดเรยี บร้อย ใบงานคอ่ ยข้างสกปรก ตัวหนังสือ
ตัวหนงั สอื เปน็ ระเบยี บอา่ นง่าย อา่ นยาก

ใบความรู้
เรอื่ ง หลกั การพูดรายงาน

การพดู รายงาน คือการพูดเร่ืองหรอื ประเด็นทศี่ ึกษาคน้ คว้าจากการฟัง การดู และการสนทนา
เป็นวิธกี ารท่เี หมาะสำหรับแลกเปล่ยี นความรู้ การพูดรายงานอาจพูดเพื่อนำเสนอทฤษฎี นำเสนอ
วธิ กี าร นำเนอเรอ่ื งราวต่าง ๆ

หลกั การพดู รายงาน
๑. เรม่ิ พูดรายงานด้วยการกล่าวนำ เชน่ ผูร้ ว่ มงาน จุดประสงค์ แหล่งขอ้ มูล
๒. ในขณะเรมิ่ รายงานควรพดู ใหช้ ัดเจน ออกเสยี งถกู ตอ้ ง เสียงดังพอประมาณ นำ้ เสียงนุ่มนวล

น่าฟงั
๓. รายงานเรอ่ื งตามลำดบั เนื้อหา ลำดับขั้นตอน หรอื ลำดับเหตกุ ารณใ์ ห้ถกู ต้องและต่อเนื่อง

สมั พนั ธ์กัน
๔. มบี ุคลิกภาพทด่ี ี ยืนหรือนง่ั อย่างสำรวม
๕. รักษาเวลาในการพดู ตามที่กำหนด ไม่พูดยดื เย้ือวกวน
๖. เมอื่ พูดรายงานจบ ควรเปดิ โอกาสใหผ้ ู้ฟงั ซักถามหรอื แสดงความคดิ เห็น
๗. กลา่ วขอบคณุ เมือ่ ไดร้ บั คำชมเชย หรอื ข้อคิดเห็นเรื่องต่าง ๆ

ใบงาน
เรอ่ื ง หลกั การพดู รายงาน

คำชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนใ้ี หถ้ ูกตอ้ ง

๑. จงอธบิ ายความหมายของการพูดรายงาน
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
๒. จงอธิบายหลักการพูดรายงานมาพอสังเขป
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
๓. หากนกั เรียนไดพ้ ูดรายงาน นกั เรียนจะเลือกพูดในหัวขอ้ ใด เพราะเหตใุ ด
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................


Click to View FlipBook Version