กฎหมาย
ลักษณะหน้ี
หนีค้ อื อะไร
ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา 194
บัญญัติวา่ ”ด้วยอานาจแห่งมูลหน้ี เจา้ หนย้ี อ่ มมีสิทธิ
จะเรียกให้ลกู หนี้ชาระหนไ้ี ด้ อนง่ึ การชาระหนด้ี ้วย
การงดเว้นการใดอนั หนึ่งก็ยอ่ มมไี ด้”
จากมาตราน้จี ะเหน็ ได้วา่ หนี้ คอื นติ ิสมั พนั ธร์ ะหว่า
บคุ คลสองฝ่าย ซงึ่ ฝา่ ยหน่งึ ต้องกระทาการอย่างใด
อย่างหน่งึ ใหแ้ กอ่ ีกฝา่ ยหนึ่ง ฝ่ายท่ีต้องกระทาการนนั้
เรียกว่า ลูกหน้ี สว่ นฝ่ายท่ไี ด้รับผลจากการกระทา
นนั้ เรียกวา่ เจ้าหน้ี สง่ิ ทลี่ กู หน้ีต้องกระทาแก่เจ้าหนี้
ได้แก่ การกระทาการ การงดเวน้ กระทาการ และ
การโอนกรรมสิทธส์ิ ง่ มอบทรพั ยส์ ิน
บ่อเกิดแหง่ หนี้
หนี้มบี อ่ เกิดหรือทีม่ า ดงั น้ี
1.สญั ญา คอื ความตกลระหวา่ งบุคคลตั้งแตส่ องฝา่ ยข้นึ ไป โดยมวี ัตถุประสงค์จะกอ่ ใหเ้ กดิ หนขี้ น้ึ ตาม
กฎหมายสัญญานัน้ อาจจะเปน็ สญั ญาต่างตอบแทน เชน่ สัญญาซื้อขาย แลกเปล่ียน เช่าทรพั ย์ เช่าซื้อ
จา้ งแรงงาน จ้างทาของ เปน็ ต้น หรอื อาจจะเปน็ สญั ญาไม่ต่างตอบแทน เชน่ สญั ญายืม ฝากทรพั ยใ์ ห้
โดยเสนห่ า เปน็ ต้น สญั ญาเปน็ บอ่ เกิดแห่งหนี้ที่สาคญั ท่ีสดุ
2.จัดการงานนอกส่ัง คอื การทบ่ี ุคคลใดเข้าจัดกิจการแทนผู้อน่ื โดยเขามไิ ดว้ านใชใ้ ห้ทา ถ้าการทที่ านัน้
เป็นการสมประโยชน์แกเ่ จ้าของกจิ การ ผเู้ ขา้ กิจการแทนผอู้ ืน่ นน้ั ยอ่ มมีสทิ ธิที่จะเรียกรอ้ งค่าใชจ้ า่ ยท่ี
ตนได้เสยี ไปจากเจา้ ของกิจการนั้นคืนได้ (มาตรา 395 และ 401)
บอ่ เกิดแหง่ หน้ี
3. ลาภมคิ วรได้ คอื การที่บุคคลใดไดม้ าซงึ่ ทรพั ย์สงิ่ ใดได้มาซึ่งทรพั ยส์ ง่ิ ใด โดยปราศจากมูลอันจะ
อ้างกฎหมายได้ และทาใหบ้ คุ คลอีกคนหน่ึงเสียเปรยี บ บคุ คลที่ได้รบั ทรัพย์นั้นไว้ตอ้ งคนื ทรัพย์นั้น
ใหแ้ กเ่ ขา (มาตรา 406)
4. ละเมิด คอื การท่ีบคุ คลใดจงใจหรอื ประมาทเลินเล่อ ทาต่อบุคคลอน่ื โดยผิดกฎหมายใหเ้ ขา
เสยี หายถึงแกช่ ีวิตรา่ งกาย อนามยั เสรภี าพ ทรพั ย์สนิ หรอื สิทธอิ ยา่ งหนึ่งอยา่ งใด ผู้กระทาละเมดิ
จะตอ้ งใชค้ า่ สนิ ไหมทดแทนใหแ้ ก่ผู้เสียหาย (มาตรา 420)
บ่อเกิดแหง่ หนี้
5. บทบญั ญัตแิ หง่ กฎหมาย หนีอ้ าจเกิดโดยกฎหมายบญั ญัติไวเ้ ปน็ พเิ ศษ เชน่ รัษฏากรกาหนกให้
บคุ คลใหม้ หี นา้ ที่เสียภาษีให้รฐั ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชยบ์ ัญญตั ใิ หบ้ ตุ รมหี นา้ ทต่ี อ้ ง
อุปการะเล้ยี งดูบิดามารดา (มาตรา 1563) และบดิ ามารดามตี อ้ งอปุ การะเลี้ยงดแู ละใหก้ ารศึกษา
ตามสมควรแกบ่ ตุ รในระหว่างท่ีเปน็ ผเู้ ยาว์ (มาตรา 1564) เป็นต้น
วัตถุแหง่ หน้ี
วัตถุแห่งหนี้ คือ ข้อกาหนดถึงวิธีท่ีลูกหน้ีจะต้องปฏิบัติการชาระหนี้ให้แก่
เจ้าหนี้ หรือเป็นสิ่งท่ีเจ้าหน้ีเรียกให้ลูกหน้ีชาระหน้ี หนี้จะขาดซึ่งวัตถุแห่งหน้ี
ไม่ได้ เพราะเปน็ ส่วนประกอบอันสาคัญของหนี้
วัตถุแหง่ หนี้แบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คอื
1.การกระทาการ
2.การงดเว้นกระทาการ
3.การโอนกรรมสทิ ธิ์สง่ มอบทรพั ย์สนิ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ไดก้ ลา่ วถงึ วตั ถุแหง่ หน้ีไว้ดังนี้
● 1. ทรัพย์ซึ่งเป็นวัตถุแห่งหน้ีได้ระบุไว้เป็นประเภท เมื่อทรัพย์ซ่ึงเป็นวัตถุแห่งหน้ี
นั้น ได้ระบุไว้แต่เพียงเป็นประเภทและถ้าตามสภาพแห่งนิติกรรม หรือตาม
เจตนาของคู่กรณีไม่อาจจะกาหนดได้ว่าทรัพย์นั้นจะพึงเป็นชนิดอย่างไร ลูกหนี้
จะสง่ มอบทรัพยช์ นิดปานกลาง (มาตรา 195 วรรคหนงึ่ )
● 2. เงินตราซ่งึ เปน็ วตั ถแุ หง่ หน้ี
2.1 หนี้เงินได้แสดงไว้เป็นเงินตราต่างประเทศ ถ้าหนี้เงินได้แสดงไว้เป็นเงินตรา
ต่างประเทศ จะส่งใช้เป็นเงินไทยก็ได้ การเปล่ียนเงินน้ี ให้คิดตามอัตราแลกเปลี่ยน
เงิน ณ สถานที่และในเวลาท่ีใช้เงิน (มาตรา 196) เงินตราเป็นวัตถุกลางแห่งการ
แลกเปลี่ยน เป็นทรัพย์ที่ไมม่ ชี นิดดี ชนิดเลว หรอื ปานกลางอย่างทรพั ย์อื่น ๆ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ได้กลา่ วถึงวัตถุแห่งหนไี้ วด้ งั นี้
2.2 หนี้เงนิ ระบุให้ใช้เงนิ ตราชนดิ ทย่ี กเลกิ ไม่ใช้กนั แลว้ ถา้ หนี้เงนิ จะพ่งึ ส่งใช้
ดว้ ยเงนิ ตราชนิดหนึ่งชนดิ ใดโดยเฉพาะ
3. กรณีท่วี ัตถแุ หง่ หนม้ี ีหลายแบบ
3.1 ถ้าการอนั มีกาหนดพง่ึ กระทาเพื่อชาระหนี้นน้ั มีหลายอยา่ ง แต่จะต้อง
กระทาเพยี งใดเพยี งการหนึ่งแตอ่ ยา่ งเดยี วสทิ ธทิ จ่ี ะเลือกทาการอย่างใดน้นั
ตกอยู่แกฝ่ ่ายลกู หนี้
3.2 ถา้ การอนั พง่ึ มตี ้องชาระหนี้นั้นมหี ลายอยา่ ง และอย่างใดอยา่ งหน่งึ ตก
เป็นอนั พ้นวสิ ยั จะทาได้มาแตต่ ้นก็ดี หรอื กลายเปน็ พ้นวิสัยในภายหลังกด็ ี
ผลแหง่ หนี้
เมื่อเกดิ หน้ขี นึ้ แลว้ กฎหมายใหส้ ิทธแิ กเ่ จา้ หนี้ทจ่ี ะเรยี กให้ลูกหน้ชี าระหน้ีได้ หากลกู หน้ไี มช่ าระหนเ้ี ลย
หรอื ชาระหนลี้ า่ ชา้ หรอื ชาระหน้ีผิดประสงคแ์ ห่งหนีแ้ ลว้ เจา้ หนมี้ ีสทิ ธฟิ ้องร้องตอ่ ศาลใหล้ ูกหนช้ี าระหน้ีถึง
กาหนดชาระเมอื่ ใด
1.ถ้าเวลาอนั จะพงึ ชาระหนี้นั้นไดก้ าหนดกันไวต้ ามวันแห่งปฏทิ ิน
2.ถ้าเวลาอนั จะพึงชาระหนี้น้นั มิได้กาหนดกันไว้ตามวันแห่งปฏทิ นิ แตพ่ ออนุมานจากพฤตกิ ารณ์ท้ังปวง
ไดว้ า่ จะเรียกใหล้ ูกหน้ีไดเ้ ม่อื ใด
3.ถา้ เวลาอนั จะพึงชาระหน้ีนนั้ มิได้กาหนดกันไว้ตามวันแหง่ ปฏทิ นิ และจะอนุมานจากพฤตกิ ารณ์ทงั้ ปวง
กไ็ มไ่ ดแ้ ล้วดี
การผดิ นดั ของลกู หนี้
ผลแห่งการลกู หน้ผี ดิ นดั
ผลแห่งการลูกหน้ผี ิดนดั
ความระงบั แหง่ หน้ี
การชาระหน้ี
ผ้รู บั ชาระหน้ี
ผูร้ ับชาระหนี้ผู้ทีส่ ามารถรบั ชาระหนไี้ ดม้ ีดังน้ี
1. เจ้าหน้เี จ้าหนเ้ี ปน็ ผมู้ สี ิทธเิ รียกรอ้ งให้ลกู หนช้ี าระหนีไ้ ดโ้ ดยตรงในการ
รับชาระหน้นี ้ันเจา้ หนผ้ี รู้ ับชาระหนี้จะต้องมีความสามารถตามกฎหมายด้วย
2. ผู้มีอานาจรบั ชาระหน้ีแทน (มาตรา 315)
3. บคุ คลซึง่ ไม่มีอานาจรบั ชาระหน้ีได้รบั ชาระหนไี้ วแ้ ละเจา้ หน้ีไดใ้ ห้สัตยาบัน
(มาตรา 315) ก็ถอื วา่ เปน็ การชาระหนท้ี ่ีสมบูรณก์ ารให้สตั ยาบันของเจ้าหน้คี ือ
การที่เจา้ หนร้ี ับรองวา่ เป็นการชาระหนีท้ ถ่ี ูกต้องแลว้ เชน่ การที่เจ้าหนอี้ อก
ใบเสร็จรบั เงินมอบให้บุคคลซึง่ ไมม่ อี านาจรบั ชาระหนี้
4. ผูค้ รองตามปรากฏแหง่ สทิ ธถิ า้ การชาระหน้ีนนั้ ได้ทาแกผ่ ้คู รองตามปรากฏ
แห่งสทิ ธิในมลู หน้ีการชาระหนนี้ ัน้ จะสมบรู ณก์ ็ แตเ่ ม่ือบคุ คลผ้ชู าระหนไี้ ดก้ ระทา
โดยสุจรติ (มาตรา 316)
5. บุคคลผถู้ อื ใบเสรจ็ (มาตรา 318) ใบเสรจ็ เป็นเอกสารที่แสดงวา่ เจ้าหนี้ได้รับ
ชาระหนี้แล้วผูถ้ อื ใบเสรจ็
สถานทช่ี าระหนส้ี ถานที่ชาระหนีแ้ ยกพจิ ารณาไดด้ ังน้ี
1. ลูกหน้แี ละเจา้ หนีอ้ าจจะตกลงกนั ใหช้ าระหนี้ ณ สถานทใี่ ดสถานที่
หนึ่งกไ็ ดเ้ มอ่ื ลูกหนช้ี าระหนีใ้ หก้ ับเจ้าหน้ี ณ สถานทท่ี ่ีตกลงกนั แล้วก็ทา
ให้หน้รี ะงับไป
2. ถา้ ลกู หนแ้ี ละเจ้าหนี้มไิ ด้ตกลงกนั วา่ ให้ชาระหน้ี ณ สถานที่ใดในกรณี
ทีเ่ ปน็ ทรัพย์เฉพาะส่งิ ใหล้ กู หน้ีชาระหนใ้ี หแ้ ก่เจา้ หน้ี ณ สถานท่ซี ึ่งทรัพย์
นนั้ ได้อยใู่ นเวลาท่ีก่อให้เกดิ หนนี้ ้นั (มาตรา 324)
3. ถา้ ลูกหนแ้ี ละเจ้าหน้มี ไิ ด้ตกลงกนั วา่ ใหช้ าระหน้ี ณ สถานที่ใดในกรณี
ที่ไมใ่ ชท่ รพั ยเ์ ฉพาะส่งิ ใหล้ ูกหน้ชี าระหนี้ใหแ้ ก่เจ้าหน้ี ณ สถานทซ่ี ึ่ง
เป็นภมู ิลาเนาปจั จบุ นั ของเจา้ หน้ี (มาตรา 324)
วธิ ีชาระหน้ี
วิธีชาระหนีว้ ิธีชาระหนี้แยกพจิ ารณาไดด้ งั นี้
1. ลกู หนจ้ี ะต้องชาระหนใี้ ห้ต้องตามความประสงคอ์ ันแทจ้ ริงแห่งมูลหน้ี
ลกู หนจ้ี ะบงั คบั ใหเ้ จ้าหนี้รบั ชาระหน้ี แต่เพยี งบางสว่ นหรือให้รับชาระหนี้เป็น
อย่างอืน่ ผิดไปจากทจี่ ะตอ้ งชาระหนี้ใหแ้ ก่เจา้ หนี้ไมไ่ ด้ (มาตรา 320) ถา้
เจ้าหนย้ี อมรับการชาระหนีอ้ ย่างอนื่ แทนการชาระหนี้ทีไ่ ด้ตกลงกันไว้หนี้นนั้ ก็
2. ลกู หนจ้ี าตอ้ งรกั ษาทรัพย์ไว้ดว้ ยความระมดั ระวงั อย่างเชน่ วญิ ญูชนจะพึง
สงวนทรัพยส์ ินของตนจนกวา่ จะไดส้ ง่ มอบทรัพยน์ ้ัน (มาตรา 323 วรรคสอง)
เป็นอนั ระงบั สน้ิ ไป (มาตรา 321 วรรคหน่ึง)
การชาระหนด้ี ว้ ยตว๋ั เงิน
การชาระหนี้ด้วยตวั เงนิ ถา้ ชาระหนี้ดว้ ยออกดว้ ยโอน
หรือด้วยสลักหลงั ตว๋ั เงนิ หรือประทวนสนิ ค้าหนนี้ ้นั จะระงับสิน้
ไปต่อเมอ่ื ตัวเงินหรือประทวนสนิ คา้ น้นั ได้ใช้เงนิ แลว้ (มาตรา
321 วรรคสาม) ตั๋วเงินมี 3 ประเภท คือ
1.ตั๋วแลกเงิน 2. ตัว๋ สญั ญาใชเ้ งิน 3. เช็ค
หลักฐานแหง่ การชาระหน้ี
หลักฐานแห่งการชาระหน้ีหลักฐานแห่งการชาระหน้ีมีบัญญัติไว้ในมาตรา 326 ซ่ึงแยก
พจิ ารณาได้ดงั นี้
1.บุคคลผูช้ าระหน้ีชอบทจ่ี ะได้รับใบเสร็จเป็นสาคัญจากผู้รับชาระหนี้โดยไม่ จากัด ว่าหนี้น้ัน
จะเป็นหนี้ที่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือไม่เช่นหนี้อันเกิดจากมูลละเมิดใบเสร็จแสดงการรับ
ชาระหนี้เป็นหลักฐานแห่งการชาระหนี้ทน่ี ยิ มใช้กันโดยทั่วไป
2. ถ้าหนี้นั้นได้ทาเอกสารกันไว้และได้มีการชาระหนี้โดยสิ้นเชิงแล้วผู้ชาระหนี้ชอบท่ีจะ
ไดร้ ับเอกสารอันเป็นหลกั ฐานแห่งหนีห้ รือให้ขีดฆา่ เอกสารนั้นเสยี
หลักฐานแหง่ การชาระหน้ี
3. ถา้ เอกสารอนั เป็นหลกั ฐานแห่งหนีน้ ้นั สูญหายบคุ คลผ้ชู าระหน้ีชอบทจ่ี ะใหจ้ ดแจ้งการ
ชาระหน้ลี งไวใ้ นใบเสร็จหรอื ในเอกสารอกี ฉบบั หนงึ่ ตา่ งหากกไ็ ด้
4. ถา้ หนน้ี นั้ ได้ชาระ แตบ่ างสว่ นก็ดีหรือถ้าเอกสารนั้นยงั ให้สิทธอิ ยา่ งอนื่ ใดแกเ่ จ้าหนี้อย่กู ็ดี
ลูกหนช้ี อบ แต่ที่จะไดร้ ับใบเสร็จไวเ้ ปน็ คมู่ ือและให้จดแจง้ การชาระหน้นี น้ั ลงไวใ้ นเอกสาร
การปลดหนี้
การปลดหนกี้ ารปลดหนเี้ ป็นกรณีทเี่ จา้ หนย้ี ินยอมให้หน้ีระงบั ลงโดย
มิไดเ้ รยี กร้องประโยชน์ตอบแทนจากลูกหน้ี แต่อยา่ งใดการปลดหนม้ี ี
บัญญตั ไิ วใ้ นมาตรา 340 ซ่งึ แยกพิจารณาไดด้ ังน้ี
1. การปลดหนี้กระทาโดยเจา้ หนีแ้ สดงเจตนาต่อลูกหนวี้ ่าจะปลดหน้ี
ให้ซึง่ เป็นนติ ิกรรมฝา่ ยเดยี ว
2. เจ้าหนี้อาจจะปลดหนี้ให้ทัง้ หมดหรอื บางสว่ นกไ็ ด้
3. การแสดงเจตนาปลดหนอ้ี าจจะกระทาด้วยวาจากไ็ ดเ้ ว้นแตถ่ า้ หนี้
นนั้ มหี นังสือเป็นหลกั ฐานการปลดหน้ี
การหกั กลบลบหน้ี
การหักกลบลบหนห้ี ลกั เกณฑใ์ นการหกั กลบลบหนมี้ ดี งั นี้
1. บคุ คลสองคนต้องมคี วามผกู พันซึง่ กันและกนั ในมลู หนค้ี อื เปน็ ลกู หน้ีและเจา้ หนซ้ี ่งึ กันและกัน (มาตรา 341)
2. หนท้ี ง้ั สองรายน้ตี อ้ งมวี ตั ถเุ ปน็ อยา่ งเดียวกนั (มาตรา 341)
3. หนที้ ั้งสองรายนถ้ี ึงกาหนดชาระแล้ว (มาตรา 341)
4. การหักกลบลบหน้ีทาได้ดว้ ยการทค่ี กู่ รณฝี ่ายหน่ึงแสดงเจตนาแก่อีกฝ่ายหนึง่ และการหกั กลบลบหนน้ี ั้นมผี ลย้อนหลังไป
จนถึงเวลาท่หี น้ีท้ังสองรายนี้จะอาจหกั กลบลบหน้กี ันได้เปน็ คร้ังแรก (มาตรา 342)
5. การแสดงเจตนาหักกลบลบหนีน้ นั้ จะมเี ง่ือนไขหรือเง่อื นเวลาเริ่มตน้ หรือเงอื่ นเวลาสนิ้ สุดไมไ่ ด้ (มาตรา 342) เพราะจะ
ทาให้การหักกลบลบหนี้ล่าช้าและไมส่ ะดวก
6. แมส้ ถานท่ีซง่ึ จะต้องชาระหนี้ทงั้ สองรายจะตา่ งกัน ก็สามารถหักกลบลบหนี้กนั ได้ (มาตรา343)
ผลการหักกลบลบหนี้
ถา้ หนท้ี ั้ง 2 รายมจี านวนเท่ากนั เม่ือหกั กลบลบหนีก้ ันแลว้ หนย้ี ่อมระงับไปดว้ ยกนั ท้งั คแู่ ตถ่ า้ น่ที ง้ั 2 รายน้ี
จานวนไม่เทา่ กนั ยอ่ มสามารถหักกลบลบหนีก้ ันไดเ้ ทา่ สว่ นจานวนท่ตี รงกนั (มาตรา 341 )
การแปลงหนี้ใหม่
การแปลงหนใี้ หม่ ได้แก่การระงบั หนีเ้ ดิมโดยมหี นี้ใหม่
ขน้ึ มาแทนดว้ ยการเปลีย่ นสิง่ ซึ่งเปน็ สาระสาคัญแหง่ หน้ี
มาตรา 349 หลกั เกณฑใ์ นการแปลงหนีใ้ หมม่ ีดงั นี้
1. คกู่ รณีท่เี กี่ยวข้องทาสญั ญาระงบั หนี้เดิมโดยการกอ่ หน้ี
ใหมข่ ึ้นจะตอ้ งมีหน้เี ดมิ อยกู่ ่อนแล้วหากไม่มหี นเ้ี ดมิ อยู่เลย
กไ็ มส่ ามารถแปลงหนใี้ หม่ไดท้ ง้ั หนเ้ี ดมิ และหนี้ใหมต่ ้องเปน็
การอนั ชอบดว้ ยกฎหมาย
2.2 การแปลงหนี้ใหม่โดยการเปลีย่ นตัวลูกหนี้จะทาเปน็ สัญญาระหว่างเจ้าหนีแ้ ละลกู หนี้คนใหม่ก็
ได้แตจ่ ะทาโดยขืนใจลกู หนี้เดมิ ไม่ได้มาตรา 350
2.3 การแปลงหนี้ใหมโ่ ดยการเปลีย่ นวตั ถุแหง่ หน้ี
2.4 การแปลงหนี้ใหม่โดยทาน่ที ่ีมเี ง่อื นไขให้กลายเป็นหนที้ ปี่ ราศจากเงอ่ื นไข
2.5 การแปลงหนี้ใหมโ่ ดยเพ่มิ เตมิ เงนิ ใครเขา้ ไปในนี่ทปี่ ราศจากเงอ่ื นไข
2.6 การแปลงหน้ีใหม่โดยการเปล่ยี นเงือ่ นไขเสยี งใหม่
2.7 การแปลงหนีใ้ หม่โดยการเปลี่ยนประเภทของสัญญาเสียใหม่
3 . เมอ่ื มีการเปลีย่ นแปลงหนี้ใหม่แลว้ นหนเ้ี ดิมยอ่ มระงบั ไปเกิดใหม่ขนึ้ คู่สญั ญาตอ้ งผกู พนั กนั ตาม
หนใ้ี หม่
กรณที ีห่ น้ไี มเ่ กล่ือนกลืนกัน
มขี ้อยกเว้นที่ไมถ่ ือว่าหน้เี กลื่อนกลืนกนั หนีจ้ ึงไมร่ ะงบั ไปดังนี้
1. เมื่อหน้นี ั้นตกอยู่ในบงั คับแห่งสทิ ธิของบคุ คลภายนอกแล้ว
2. เมื่อสลกั หลงั ตั๋วเงินกลับคืนมาตามมาตรา 917 วรรค 3