The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chanisr.ton, 2020-03-13 00:29:42

ซอลาฮุดดีน วีรบุรุษแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์

ซอลาฮุดดีน
วีรบุรุษแหงสงครามศักดิ์สิทธ ิ์
ภาสพันธ ปานสีดา: เขียน
ราคา 195 บาท

ขอมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแหงชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
ภาสพันธ ปานสีดา.
ซอลาฮุดดีน วีรบุรุษแหงสงครามศักดิ์สิทธิ์.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุป, 2562.
180 หนา.
1. ซอลาฮุดดีน. 2. อียิปต--ประวัติศาสตร. I. ชื่อเรื่อง.
923.262
ISBN 978-616-301-686-7


© ขอความในหนังสือเลมนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกสวนใดๆ ในหนังสือเลมนี้ไปเผยแพรไมวาในรูปแบบใดตองไดรับอนุญาตจากเจาของลิขสิทธิ์กอน
ยกเวนเพื่อการอางอิง การวิจารณ และประชาสัมพันธ
บรรณาธิการอำนวยการ : คธาวุฒิ เกนุย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผูชวยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา ดารียา ครโสภา
นักศึกษาฝกงานกองบรรณาธิการ : วันวิสา เขตรดง ทีฆทัศน มณีฉาย
เลขากองบรรณาธิการ : อรทัย ดีสวัสดิ์
พิสูจนอักษร : วนัชพร เขียวชอุม สวภัทร เพ็ชรรัตน
รูปเลม : วีระวัฒน ปญญามัง
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผูอำนวยการฝายการตลาด : นุชนันท ทักษิณาบัณฑิต
ผูจัดการฝายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผูจัดการทั่วไป : เวชพงษ รัตนมาลี
จัดพิมพโดย : บริษัท ยิปซี กรุป จำกัด เลขที่ 37/145 รามคำแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ตอ 108
www.gypsygroup.net
พิมพที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำกัด โทร. 0 2147 3175-6
จัดจำหนาย : บริษัท ยิปซี กรุป จำกัด โทร. 0 2728 0939
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID : @gypzy
สนใจสั่งซื้อหนังสือจำนวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำนักพิมพลดราคาพิเศษ ติดตอ โทร. 0 2728 0939

ซอลาฮุดดีน




วีรบุรุษแห่ง



สงครามศกด์สทธ์ ิ







ภาสพันธ์ ปานสีดา เขียน



ค�าน�าสานักพมพ ์













ส�าหรับนามของ “ซอลาฮุดดีน” หรือ “ซาลาดิน” นั้น ไม่เพียงแต่










จะเป็นนามของกษตรย์มสลมในฐานะจอมทพผ้กอบก้กรงเยรซาเลมมา


จากชาวครสต์ในช่วงสงครามครเสด จนกลายเป็นหนงในวรบรษตลอด







กาลของชาวมุสลิมเท่าน้น หากแต่ซอลาฮุดดีนยังมีช่อเสียงและกิตติศัพท์


ในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของยุโรป ในฐานะผู้นาท่มีเมตตาธรรม
ความสัตย์ซ่อและความยุติธรรมแม้แต่กับศัตรูผู้รุกราน จนได้รับการ

ขนานนามว่า “สุภาพบุรุษนักรบ” จากเหล่าอัศวินครูเสดและอัศวินยุโรป
คริสเตียนในยุคหลัง

หากแต่เบ้องหลังของวีรบุรุษผู้เกรียงไกรคนน้ หลายคนอาจยัง

ไม่รู้ว่าในวัยท่ยังเป็นหนุ่มน้อยอยู่น้น ซอลาฮุดดีนมิได้คิดเอาดีจะมาเป็น


นักรบหรือทหารแต่แรก เพราะเขาได้รับการสั่งสอนจากเหล่านักปราชญ์
และบัณฑิตระดับหัวกะทิในสาขาวิชาต่างๆ ของโลกอิสลามมาตั้งแต่ยัง
เยาว์วัย จนทาให้ซอลาฮุดดีนได้เติบโตมาเป็นผู้คงแก่เรียนท่มีความสุภาพ


นอบน้อม และคิดเอาดีในทางเป็นอุลามะห์ (ครูสอนศาสนา) หรือกอฎี
(ผู้พิพากษา)


หากแต่ด้วยสงครามในดินแดนปาเลสไตน์ท่กาลังคุกรุ่นข้นมาอีก


ครั้ง กลับท�าให้โชคชะตาที่แท้จริงซอลาฮุดดีนได้ปรากฏ เพราะเขาได้ถูก


เลือกตัวให้เข้าร่วมกองทัพเพ่อไปทาศึกชิงชัยกับพวกครูเสดในแผ่นดิน


อียิปต์ ซ่งแม้ซอลาฮุดดีนไม่ได้มีความปรารถนาท่จะเข้าร่วมสงคราม
ในคราวนั้นเลยก็ตาม ดังที่เขาได้เขียนไว้ในบันทึกส่วนตัวถึงผู้เป็นลุงว่า
“ในนามแห่งอัลเลาะห์ แม้ว่าหลานจะได้สมบัติท้งแผ่นดินอียิปต์

หลานก็จะไม่ยอมไปเด็ดขาด!”
แม้ซอลาฮุดดีนจะปฏิเสธและยืนยันเสียงแข็งเพียงใด เขาก็มิอาจ


จะฝืนต่อคาส่งแห่งกองทัพและโชคชะตา เพราะนับแต่เขาจาต้องตัดสินใจ


ร่วมกองทัพในวันน้น โชคชะตาของซอลาฮุดดีนและโลกมุสลิมก็เปล่ยนไป

ตลอดกาล...
หนังสือ “ซอลาฮุดดีน วีรบุรุษแห่งสงครามศักดิ์สิทธิ์” ที่อยู่ในมือ


ท่านผู้อ่านเล่มน้ ด้วยฝีมือการถ่ายทอดเร่องราวของ “ภาสพันธ์ ปานสีดา”


นอกจากจะนาเสนอเร่องราวพระประวัติของสุลต่านซอลาฮุดดีนแล้ว
เขายังได้บอกเล่าความเป็นมาของสงครามครูเสด และเหตุการณ์ต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ยุคกลาง รวมไปถึงชีวประวัติของบุคคลส�าคัญ
ในห้วงเวลาเดียวกันทั้งฝ่ายยุโรปและตะวันออกกลาง เพื่อที่ผู้อ่านจะได้



เข้าใจว่าอะไรคือปัจจัยท่ทาให้สุลต่านซอลาฮุดดีนได้ก้าวเข้ามามีบทบาท
ในสงครามครูเสด และทาไมเขาจึงเป็นท่ยกย่องสรรเสริญในหมู่มวล


ชาวมุสลิมทั่วทั้งโลกตราบจนทุกวันนี้
หวังเป็นอย่างย่งว่าท่านผู้อ่านจะได้รับอรรถรส ความรู้ และความ

สนุกจากเร่องราวของ “ซอลาฮุดดีน” ผู้ปกครองท่เป็นนักรบอัจฉริยะและ


มีคุณธรรมในโลกมุสลิม


ส�ำนักพิมพ์ยิปซี

ค�าน�าผู้เขียน
















ในบรรดายคสมยแหงประวตศาสตรทผคนนยมชมชอบมากทสด













ผมคิดว่าคงไม่พ้นประวัติศาสตร์ช่วงยุคกลางนี่เอง เพราะนี่คือยุคสมัยที่
บรรดาประชาคมยุโรปและตะวันออกกลางเร่มมีพัฒนาการท่เป็นลักษณะ


แห่งยุคสมัยของตนเองอย่างชัดเจน คือเป็นยุคสมัยท่บรรดารัฐใหญ่น้อย



ต่างๆ เร่มก่อร่างสร้างตัวเป็นรัฐอิสระท่ไม่ข้นตรงต่อกันดังเช่นในยุค

จักรวรรดิโรมัน จนกลายมาเป็นรากฐานให้กับประเทศต่างๆ ในทุกวันนี้


และผลพวงจากความเล่อมใสในศาสนาท่ผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรม
ของชนชาติต่างๆ ที่เข้ามานั้นได้ท�าให้ทิศทางด้านสังคมในยุคสมัยกลาง
กลายเป็นยุคสมัยท่มีมนต์เสน่ห์ท่โดดเด่นย่งกว่ายุคสมัยก่อนๆ ท่เคยม ี




มาไปโดยปริยายด้วยเช่นกัน

แน่นอนทีเดียวว่าตลอดหน้าประวัติศาสตร์ยุคสมัยกลางน้ก็ย่อม

มีเหตุการณ์สาคัญเกิดข้นอยู่หลายคร้ง แต่คงจะไม่มีเหตุการณ์คร้งไหนท ี ่




จะทาให้ประชาคมยุโรปและเอเชียตะวันออกกลางมาบรรจบพบเจอกัน
ได้เท่ากับ “สงครามครูเสด” อีกแล้ว
เพราะสงครามครูเสดไม่เพียงแต่จะกินเวลายาวนานกว่า 200 ปี
จนกลายเป็น “สงครามศาสนา” อย่างเป็นทางการครั้งแรกใน

ประวัติศาสตร์โลก หากแต่ยังเป็นหนึ่งในสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุด
ในประวัติศาสตร์โลกอีกด้วยเช่นกัน และตลอดห้วงเวลากว่า 200 ปีน ้ ี






นเองกได้ปรากฏเร่องราวของเหล่าวรบรุษผู้กล้ามากมาย ซ่งบรรดา





วีรบุรุษท่มีช่อเสียงและเป็นท่จดจาก็ล้วนแล้วแต่เป็นเร่องราวของวีรบุรุษ

ของฝั่งคริสเตียนยุโรปเสียมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของโกเดอฟรัวแห่งบุยยง ขุนนางฝรั่งเศสผู้
กลายมาเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรละตินเยรูซาเลม กษัตริย์ริชาร์ด

ใจสิงห์แห่งอังกฤษ จักรพรรดิเฮนรีท่ 4 ผู้ทรงธรรมแห่งโรมันอันศักด์สิทธ ิ ์






และโดยเฉพาะกษัตรย์หลุยส์ท 9 แห่งฝรงเศส ผ้ซงต่อมาจะกลายเป็น



นักบุญคนส�าคัญของคริสต์ศาสนาในนิกายโรมันคาทอลิก

ในขณะท่กระแสสังคมในยุคปัจจุบันโดยมากให้การยกย่อง
ผู้เปิดฉากสงครามครูเสดอย่างฝ่ายกองทัพคริสเตียนจากฝั่งยุโรปมากกว่า




แต่กลับมิได้ให้นาหนักในการนาเสนอเร่องราวหรือให้การยกย่องวีรบุรุษ







ของฝงมสลมเทาท่ควร ซงผมเกรงว่าจะเปนความลาเอยงเกนไปสกหนอย







ผมจึงหวังจะแสดงความเป็นธรรมให้กับฝั่งมุสลิมเขาเสียบ้าง ด้วยการ

เลือกนาเสนอเร่องราววีรบุรุษคนสาคัญอย่าง “ซอลาฮุดดีน” หรือ


“ซาลาดิน” ผู้โด่งดังคนนี้


ผมเช่อว่าหลายท่านคงจะเพ่งมาได้ยินช่อเสียงของสุลต่าน

พระองค์นี้จากภาพยนตร์เรื่อง “Kingdom of Heaven” ที่ฉายในปี พ.ศ.


2548 ท้งท่ในความเป็นจริงแล้วพระองค์ทรงเป็นพระประมุขมุสลิมท่ม ี



ช่อเสียงเล่องลืออยู่ในประวัติศาสตร์โลกยุโรปยุคกลางมาอย่างช้านาน



เพราะไม่เพียงแต่พระองค์จะทรงเป็นพระประมขมุสลิมทสามารถแย่งชง



กรุงเยรูซาเลมกลับมาได้เป็นพระองค์แรกเท่าน้น หากแต่ช่อเสียงและ
กิตติศัพท์ท่แท้จริงของพระองค์น้นคือความสัตย์ซ่อและความยุติธรรม





แม้แต่กับศัตรูผู้รุกราน จนทาให้เหล่าอัศวินครูเสดและอัศวินยุโรป

คริสเตียนในยุคหลังต่างก็ให้การขนานนามสุลต่านมุสลิมผู้น้ว่า “สุภาพ
บุรุษนักรบ” เลยทีเดียว


เพราะฉะน้นผมจึงตัดสินใจนาเร่องราวท่แท้จริงของสุลต่าน



ซอลาฮุดดีนท่อยู่นอกเหนือบทบาทในภาพยนตร์มาแบ่งปันให้ทุกท่าน


ได้ติดตามรับชมกันในเพจ “ประวัติศาสตร์ฮาเฮ” ซ่งก็แน่นอนว่ามีเสียง

เรียกร้องจากเพ่อนๆ สมาชิกบางส่วนท่ต้องการให้มีการรวมเล่มบทความ

นี้เป็นรูปเล่มอย่างเช่นบทความเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมาอีกเช่นเคย
จนกระท่งกลายมาเป็น “ซอลาฮุดดีน วีรบุรุษแห่งศรัทธา” เล่มน ้ ี



ท่เกิดจากการรวบรวมบทความและชาระเน้อหาจากบทความด้งเดิมใหม่


ท้งหมดอีกคร้ง เพ่อทุกท่านจะได้รับอรรถรส ความรู้ ความสนุกสนาน และ






ความถูกต้องท่แม่นยาย่งกว่าฉบับเดิม ท่ไม่เพียงท่านท้งหลายจะได้


ติดตามเรื่องราวความเป็นมาของสุลต่านซอลาฮุดดีนเท่านั้น หากแต่ยัง
จะได้รับรู้ถึงความเป็นมาของศาสนาอิสลามและสงครามครูเสดในเบ้อง


ต้น เพ่อท่ท่านท้งหลายจะได้เข้าใจว่าอะไรคือปัจจัยท่ทาให้สุลต่าน




ซอลาฮุดดีนเข้ามามีบทบาทในสงครามครูเสด และทาไมพระองค์จึงเป็น

ที่ยกย่องสรรเสริญในหมู่มวลชาวมุสลิมทั่วทั้งโลกตราบจนทุกวันนี้
ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรท่านทั้งหลาย
ภาสพันธ์ ปานสีดา

ค�าน�าผู้เขียน


(วาระที่สอง)












หลังจากท่ผมได้จัดพิมพ์ “วีรบุรุษแห่งศรัทธา: ซอลาฮุดดีน”




ด้วยตนเองไปเม่อปีกลายน้นก็ได้รับผลตอบรับท่ดีเกินคาดเป็นอย่างมาก


จนทาให้บรรดาผู้อ่านในเพจของผมเรียกร้องให้มีการจัดพิมพ์ใหม่อีกคร้ง
หนึ่ง แต่ผมก็มาพิจารณาดูแล้ว ด้วยก�าลังของผมเองก็คงจะจัดจ�าหน่าย
ได้ไม่ท่วถึงเป็นแน่ ผมจึงได้ลอง ‘วัดดวง’ เสนอส่งกับทางสานักพิมพ์ยิปซ ี





ด้วยว่าหนงสือเล่มน้จะได้รับการตีพิมพ์และจัดจาหน่ายในวงกว้างย่งกว่า





เดิม ซ่งก็เป็นเร่องน่ายินดีท่หนังสือเล่มน้ได้รับการพิจารณาให้ตีพิมพ์
ใหม่อีกครั้งในที่สุด


แน่นอนว่าในการจัดพิมพ์หนังสือเล่มน้ข้นมาใหม่อีกคร้งน้น




นอกจากหนังสือเล่มน้จะได้รับการเปล่ยนช่อใหม่จากทางสานักพิมพ์สัก



เล็กน้อยแล้ว ผมก็ได้มีการปรับปรุงแก้ไขเน้อหาภายในหนังสือเสียใหม่
ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อผมได้มาตรวจทานอีกรอบหนึ่งแล้ว นอกจากจะ






มปัญหาเร่องคาผดอย่บ้างแล้ว หากแต่ผมยงพบว่าเน้อหาบางส่วนม ี

เนื้อความก�ากวม ซ�้าซ้อน และแม้แต่วกไปวนมาอยู่บ้าง ผมจึงได้ท�าการ
ชาระเน้อหาส่วนน้นออกไป และพร้อมกันน้นก็ได้มีการเพ่มเติมเน้อหา






ใหม่ๆ เข้าไปเพื่อให้เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งกว่าเดิม

และเพื่อที่จะให้สมกับที่ได้รับการตีพิมพ์ใหม่อีกครั้ง
ผมจึงต้องขอขอบพระคุณสานักพิมพ์ยิปซีท่ได้ให้โอกาสในการ


ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ใหม่อีกครั้ง และหวังว่าท่านผู้อ่าน (ทั้งหน้าใหม่และ


หน้าเดิม) ท่เลือกหยิบหนังสือเล่มน้ไปอ่านคงจะได้รับสาระความรู้เพ่ม

เติมไม่มากก็น้อย



ขอให้พระเจ้าทรงอวยพร

ภาสพันธ์ ปานสีดา

สารบัญ







14 ❘ บทที่ 1 จุดเริ่มต้น



34 ❘ บทที่ 2 สงครามศกดิ์สทธิ์


48 ❘ บทที่ 3 วีรบุรุษผู้กอบกู้



60 ❘ บทที่ 4 วีรบุรุษแห่งซีเรีย



76 ❘ บทที่ 5 พชิตแผ่นดินอียิปต์


98 ❘ บทที่ 6 สลต่านผู้ยิ่งใหญ่



120 ❘ บทที่ 7 พชิตดินแดนศกดิ์สทธิ์




140 ❘ บทที่ 8 สงครามครั้งใหม่




160 ❘ บทที่ 9 จุดส้นสด

172 ❘ ภาคผนวก



177 ❘ บรรณานุกรม

บทที่ 1


จุดเริ่มต้น
















ในเม่อจะเล่าเร่องของซอลาฮุดดีนกันแล้วก็ต้องขอเท้าความ


ถึงประวัติความเป็นมาของดินแดนปาเลสไตน์และศาสนาอิสลามอัน




เป็นพ้นท่แห่งความขัดแย้งของสงครามครูเสดกันสักนิด เพอท่เราท้ง



หลายจะได้เข้าใจสถานการณ์และเร่องราวของสงครามครูเสดในยุคของ
ซอลาฮุดดีนกันมากขึ้น


สาหรับดินแดนท่เป็นประเทศอิสราเอลและปาเลสไตน์ในทุก





วันน้ นอกจากจะเป็นจุดกาเนิดศาสนาท่สาคัญท่สุดของโลกคือศาสนา



ยดาห์และครสต์ศาสนาแล้ว ยงเป็นดนแดนทอย่ในเขตรอยต่อระหว่าง






ภูมิภาคเอเชียตะวนออกกลางกับภูมิภาคแอฟริกาเหนืออีกด้วย ซ่งถือว่า


เป็นดินแดนท่มีความสาคัญทางยุทธศาสตร์การทหารและเศรษฐกิจ
ระหว่างสองทวีปมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแล้ว

เพราะเหตุน้เหล่าชาติมหาอานาจต่างๆ จึงหมายมุ่งเข้าครอบ


ครองมาต้งแต่ยุคบรรพกาล ไม่ว่าจะเป็นพวกเปอร์เซีย กรีก และเรื่อยมา

จนถึงยุคสาธารณรัฐโรมัน และคร้นเม่อสาธารณรัฐโรมันได้ยกระดับข้น



เป็นจักรวรรดิอย่างเป็นทางการแล้ว กองทัพโรมันกลับทาลายล้างกรุง
14
จุดเร่มต้น


ภาพจิตรกรรม “ต�าหนักแห่งภูมิปัญญา” อันเป็นหอสมุดในกรุงแบกแดด วาดขึ้นใน
ศตวรรษที่ 13 โดยยะยาห์ อัล-วาสิติ



15
ซอลาฮุดดีน

เยรูซาเลมในปี ค.ศ. 71 จนท�าให้ดินแดนอิสราเอลกลายเป็นเพียงเขต
การปกครองส่วนหนึ่งของจักรวรรดิและไม่อาจหวนกลับมาเป็นรัฐอิสระ
ได้อีกเลยนับตั้งแต่นั้น


อย่างไรก็ตาม คร้นเม่อจักรวรรดิโรมันหันมายอมรับคริสต์ศาสนา

ในรัชสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราชแล้ว ดินแดนแห่งนี้จึงได้กลับ




มามีความสาคัญอีกคร้งในฐานะ “แผ่นดินศักด์สิทธ์” ของคริสต์ศาสนา
และผลพวงจากการท่ราชสานักโรมันได้สถาปนาเมืองหลวงใหม่ข้นท่ฝั่ง




ตะวันออก ณ กรุงคอนสแตนติโนเปิลด้วยแล้ว นอกจากจะทาให้จักรวรรด ิ

โรมันฝั่งตะวันออกกลายเป็นดินแดนท่มีความม่งค่งทางเศรษฐกิจมาก



กว่าจักรวรรดิฝั่งตะวันตกแล้ว ยังส่งผลให้จักรวรรดิตะวันออกกลายเป็น
ดินแดนมีความส�าคัญทางศาสนามากกว่าฝั่งตะวันตกด้วยเช่นกัน

เพราะว่าบรรดานครสาคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรุงเยรูซาเลม
อันติโอค ดามัสกัส หรือแม้แต่นครอเล็กซานเดรียในอียิปต์ ที่เป็นเมือง

ต้นกาเนิดและเมืองสาคัญของคริสต์ศาสนาก็ล้วนแต่อยู่ในฝั่งตะวันออก

ทั้งหมด


เพราะเหตุน้สถานะของจักรวรรดิฝั่งตะวันออกจึงเร่มมีความ
ส�าคัญเหนือกว่าจักรวรรดิฝั่งตะวันตก ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การเมือง และ
ศาสนาไปโดยปริยาย และเมื่อจักรวรรดิโรมันฝั่งตะวันตกถึงกาลล่มสลาย
1
ลงในปี ค.ศ. 480 แล้ว จักรวรรดิโรมันตะวันออก ก็ยังด�ารงความเกรียง
ไกรของจักรวรรดิโรมันสืบต่อมาได้อีกนับพันปี โดยที่ดินแดนปาเลสไตน์

ยังคงเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาของคริสต์ศาสนาและศาสนายูดาห์เร่อย


1 ต่อมาจะถูกเรียกในชื่อว่า “จักรวรรดิไบแซนไทน์” (Byzantine Empire) เพื่อเป็นการ
แยกแยะออกจากจักรวรรดิโรมันเดิมในฝั่งตะวันตกนั่นเอง




16

จุดเร่มต้น


มา จนกระท่งโลกจะได้พบกับความเช่อใหม่ท่กาลังจะถือกาเนิดข้นใน





ศตวรรษถัดไป...
ยุคแห่งความเชื่อใหม่
ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษท่ 7 มูฮัมหมัดแห่งเผ่ากุรอยซ์ได้

2
ประกาศว่าตนได้รับโองการจากเทวทูตญิบรีล ให้น�าโองการแห่งสวรรค์

ไปประกาศแก่มวลมนุษย์ มูฮัมหมัดจึงได้ต้งตนเป็นศาสดาหรือ “นบี” และ
ได้สถาปนาศาสนาใหม่ขึ้นมา อันมีนามว่า “อิสลาม” โดยได้อ้างสิทธิ์ที่







สบเนองจากเหล่าผ้เผยพระวจนะในศาสนายดาห์จนถงพระเยซูครสต์





แห่งคริสต์ศาสนา เพ่อนาหลักค�าสอนใหม่ไปประกาศส่งสอนแก่ผ้คน จน
น�าไปสู่สงครามในการรวบรวมชนเผ่ากลุ่มต่างๆ ในคาบสมุทรอาระเบีย
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันในที่สุด







คร้นเมอนบมฮมหมดไดจากไปแลว เหล่าผ้สบทอดตาแหนงผ้นา








ทางศาสนาหรือที่เรียกว่า “คอลิฟะห์” (Khalifah) หรือคอลิฟทั้งสี่ท่านคือ
อะบูบักร์ (Abu Bakr), อุมัร (Umar), อุสมาน (Uthman) และอาลี (Ali) 3

ล้วนต่างสืบทอดเจตนารมณ์ของนบีมูฮัมหมัดด้วยการทา

สงครามเผยแผ่ศาสนาออกไปพิชิตดินแดนต่างๆ ซ่งภายในยุคสมัยการ


ปกครองของคอลิฟท้งส่ท่านน้ กองทัพมุสลิมได้ครอบครองดินแดนใน

2 นับเป็นเทพองค์เดียวกับทูตสวรรค์กาเบรียลในคติยิวและคริสต์
3 ในช่วงเวลาการปกครองคอลิฟท้งสี่น้ได้รับการยกย่องในภายหลังว่า “อัลลุคะ


ฟาอ์ อัรรอชิดูน” อันแปลว่า “ยุคแห่งความเที่ยงธรรม” เพราะนี่คือยุคที่คอลิฟทั้ง
ส่พระองค์ทรงเป็นพระประมุขผู้ทรงธรรมและเคร่งครัดในหลักศาสนา และยังให้

เกียรติกับเสรีภาพต่อศาสนิกชนอื่นๆ อีกด้วย
17
ซอลาฮุดดีน


Click to View FlipBook Version