The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chanisr.ton, 2020-03-13 05:57:30

สงครามการเมืองจีน

THE CHINESE CIVIL WAR
สงครามกลางเมืองจีน
กรกิจ ดิษฐาน: เขียน
ราคา 260 บาท

ขอมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแหงชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data
กรกิจ ดิษฐาน.

The Chinese Civil War สงครามกลางเมืองจีน.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุป, 2562.
304 หนา.
1. สงครามกลางเมือง. 2. จีน--ประวัติศาสตร. I. ชื่อเรื่อง.
951.042
ISBN 978-616-301-676-8

c ขอความในหนังสือเลมนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกสวนใดๆ ในหนังสือเลมนี้ไปเผยแพรไมวาในรูปแบบใดตองไดรับอนุญาตจากเจาของลิขสิทธิ์กอน
ยกเวนเพื่อการอางอิง การวิจารณ และประชาสัมพันธ
สงครามกลางเมืองจีน
บรรณาธิการอำนวยการ : คธาวุฒิ เกนุย THE CHINESE
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ CIVIL WAR
ผูชวยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน กรกิจ ดิษฐาน
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา ดารียา ครโสภา
เลขากองบรรณาธิการ : อรทัย ดีสวัสดิ์
พิสูจนอักษร : รีดเดอรปารตี
ศิลปกรรม : คีย ริชเนสส
ผูอำนวยการฝายการตลาด : นุชนันท ทักษิณาบัณฑิต
ผูจัดการฝายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผูจัดการทั่วไป : เวชพงษ รัตนมาลี
จัดพิมพโดย : บริษัท ยิปซี กรุป จำกัด เลขที่ 37/145 รามคำแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ตอ 108
www.gypsygroup.net
พิมพที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำกัด โทร. 0 2882 9981-2
จัดจำหนาย : บริษัท ยิปซี กรุป จำกัด โทร. 0 2728 0939
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID : @gypzy

สนใจสั่งซื้อหนังสือจำนวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำนักพิมพลดราคาพิเศษ ติดตอ โทร. 0 2728 0939

สงครามกลางเมืองจีน
THE CHINESE
CIVIL WAR
กรกิจ ดิษฐาน

ค�าน�าส�านักพิมพ์
THE CHINESE
CIVIL WAR









ประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี มีท้งยุคสมัยท่เป็น

ปึกแผ่นและยุคสมัยท่แผ่นดินแตกแยก เหมือนในบทแรกของนิยาย



สามก๊กกล่าวว่า “เดิมแผ่นดินเมืองจีนท้งปวงน้น เปนสุขมาช้านานแล้ว
ก็เปนศึก ครั้นศึกสงบแล้วก็เปนสุข” ความแตกแยกในจีนมักเกิดขึ้น
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางประวัติศาสตร์ เช่น ยุคสามก๊กเกิดขึ้นในช่วง





ท่ราชวงศ์ฮ่นกาลังล่มสลาย ยุคห้าชนเผ่าสิบหกแคว้นเกิดข้นในช่วง



ราชวงศ์จ้นกาลังพินาศ ยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักรเกิดข้นในยุค
ราชวงศ์ถังถึงกาลอวสาน


ยุคสมัยท่เกิดความแตกแยกคร้งล่าสุดในแผ่นดินจีนคือช่วง

หลังการโค่นล้มราชวงศ์ชิง ความแตกแยกคราน้ไม่เพียงเป็นการ

แก่งแย่งกันของผู้กระหายอานาจกลุ่มต่างๆ แต่ยังเป็นการต่อสู้กันใน









เชงอดมการณ์ และยงเป็นจดสนสดของระบอบศกดนาราชาธิปไตย
เข้าสู่ระบอบประชาชนเป็นใหญ่ จึงมีความแตกต่างจากยุคแตกแยกใน


อดีต สถานการณ์มีความซับซ้อน เก่ยวพันกับมหาอานาจภายนอก

ระดับความเสียหายรุนแรงเพราะเทคโนโลยีด้านสงครามท่ก้าวหน้าข้น


หากว่ากันด้วยช้นเชิงในทางยุทธศาสตร์แล้ว ความแตกแยกช่วง

สงครามกลางเมืองจีนอาจเทียบไม่ได้กับยุคสามก๊ก แต่ยุคสามก๊กก
ไม่อาจเทียบได้กับยุคสงครามกลางเมือง ในแง่การประชันอุดมการณ์




และแสวงหาแนวร่วมในหมู่มวลชน เป็นคร้งแรกท่ข้วอานาจต่างๆ

พยายามดึงมหาชนเข้ามาเป็นพวก เพราะในยุคนี้ผู้ที่ได้รับการยอมรับ


จากมหาชนต่างหากท่จะครองแผ่นดินได้ หาใช่ผู้ท่แก่งแย่งตราหยก
และอาณัติสวรรค์เพื่อแสวงหาความชอบธรรมเหมือนเมื่อเกือบ 2,000
ปีก่อน
นี่คือเสน่ห์ของยุคสงครามกลางเมืองจีน
หนังสือ “สงครามกลางเมืองจีน” เล่มนี้จะพาท่านผู้อ่านสาวไป




ถึงท่มาของความขัดแย้งตงแต่เรมต้นจนถึงจุดจบของสงคราม ซ่งม ี


ความซับซ้อน ยากท่จะสรุปได้ง่ายๆ ว่า ใครคือผู้ร้าย หรือใครคือ

พระเอก
เพราะประวัติศาสตร์ท่แท้จริงน้นจะไม่พยายามช้ชัดว่าผู้ใดคือ



ตัวร้าย ผู้ใดคือคนด เพราะในโลกเทาๆ ท่เราอยู่น ทุกคนล้วนแต่ทา �




ผิดพลาดไปพร้อมกับท�าในสิ่งที่ดีงาม
บุคคลในอดีตก็เช่นเดียวกัน…

ส�านักพิมพ์ยิปซี

ค�าน�าผู้เขียน
THE CHINESE
CIVIL WAR








ประวัติศาสตร์ยุคสงครามกลางเมืองมีความซับซ้อนท้งในแง่ล�าดับ

เหตุการณ์ แนวคิดเบ้องหลัง หรือแม้แต่บุคลิกของบุคคลสาคัญใน




เหตุการณ์ ท่สาคัญก็คือสงครามคร้งน้ยังไม่จบส้นลงในทางนิตินัย








ความสมพันธ์ระหว่างจีนแผ่นดนใหญ่กบจนไต้หวนยังเป็นความ

สัมพันธ์ของคู่ตรงข้าม พร้อมท่จะประจันหน้าได้ทุกเมื่อ หากเง่อนไข

และปัจจัยบีบบังคับให้สงครามเกิดขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่การเผชิญหน้า


ระหว่าง “จีนท้งสอง” ไม่ได้คุกรุ่นเหมือนกรณีเกาหลีท้งสอง อีกท้ง

รัฐบาลทั่วโลกต่างก็ยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วว่า รัฐบาลจีนมีเพียง
หนึ่งเดียว นั่นคือรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนที่แผ่นดินใหญ่

แต่อย่างท่กล่าวไว้ข้างต้น แม้ชาวโลกจะยอมรับจีนเดียว แต่
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของสงครามกลางเมืองมีมุมมองท่ต่างกันถึง

3 มุมมอง คือประวัติศาสตร์นิพนธ์ของสาธารณรัฐประชาชน ประวัติ
ศาสตร์นิพนธ์ของสาธารณรัฐจีน และประวัติศาสตร์นิพนธ์ของบุคคล



ท่อยู่นอกเหตุการณ์น แต่ละฝ่ายมีความโน้มเอียงท่จะมองเหตุการณ์

ผ่าน “แว่นขยาย” ของตัวเอง ดังนั้น การเขียนประวัติศาสตร์ช่วงนี้

จึงต้องถ่วงดุลข้อมูลอย่างละเอียดท่สุดเท่าท่จะทาได้ เพ่อให้ความ



เป็นธรรมกับทุกฝ่าย






หนังสือเล่มน้ เส้นเวลาท่ยาวนานต้งแต่ก่อนส้นราชวงศ์ชิง
และไปจบลงตอนท่เจียงไคเช็กหนีไปต้งหลักท่ไต้หวัน อันท่จริงแล้ว







หลงจากนนสงครามยงไม่จบเรยบร้อย แต่การอพยพไปไต้หวนของ



ก๊กมินต๋งเป็นประหน่งสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้ และคือชัยชนะ


อันเด็ดขาดของสาธารณรัฐประชาชนจีน

ท่ผู้เขียนเลือกท่จะนาเสนอเหตุการณ์ต้งแต่ปลายยุคชิงลงมาก ็



เพ่อจะให้ผู้อ่านมองเห็นเง่อนไขและปัจจัยท่ทาให้จีนเผชิญความขัดแย้ง




ยาวนานกว่า 4 ทศวรรษ ทั้งการแย่งชิงอ�านาจภายใน และเหตุที่ท�าให้
อ�านาจภายนอก (เช่น ญี่ปุ่น) เข้ามาแทรกแซงจนกระทั่งลุกลามกลาย
เป็นสงครามใหญ่
เพียงแต่ “สงครามกลางเมืองจีน” หรือ “การปฏิวัติจีน” มีข้อมูล



และเร่องราวมากมายมหาศาล เป็นเร่องยากท่จะลงรายละเอียดได้
ท้งหมด บทตอนต่างๆ ในหนังสือท้ง 7 บทสามารถเขียนเป็นเล่ม


ต่างหากได้ในขนาดใหญ่โต ผู้เขียนจึงเน้นเอ่ยถึงเหตุการณ์โดยสังเขป


และเรียบเรียงเน้อหาเป็นลาดับเวลาเพ่อความสะดวกในการย่อย

ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ และเป็นพื้นฐานในการศึกษาอย่างละเอียดต่อไป
ส�าหรับผู้สนใจ

ผู้เขียนพยายามท่จะลดทอนตัวละครทางประวัติศาสตร์ออกให้
เหลือเพียงบุคคลท่สาคัญจรงๆ เพ่อป้องกันความสับสนของผู้อ่านท ่ ี




อาจหงุดหงิดกับการจดจาช่อภาษาจีน ดังน้น ในหลายกรณีจึงเลือกใช้




คาแทนช่อของบุคคลในเหตุการณ์เป็นสรรพนามบุคคลท่สาม เหลือ


เพียงเสาหลักของเหตุการณ์นั้นๆ

ยุคสงครามกลางเมืองจีนนั้นมีขุนศึก พลเรือน ผู้น�า กุนซือ ที่
มากมายหลายคน เช่นเดียวกับยุคสามก๊กหรือเลียดก๊ก การจะเอ่ยถึง





ทุกคนอย่างละเล็กอย่างละน้อยจะเป็นเร่องท่น่าเหน็ดเหน่อยใจสาหรับ
การเขียนและอ่านจนเกินไป ขอเพียงติดตามเรื่องราวหลักในประวัติ-
ศาสตร์ ก็สามารถเข้าดื่มด�่ากับฉากหน้าในอดีตช่วงนี้ได้โดยไม่รู้สึกว่า
มันซับซ้อนจนเกินความเข้าใจ


ด้วยจิตคารวะ
กรกิจ ดิษฐาน

สารบัญ

THE CHINESE
CIVIL WAR




บทที่ 1
ปฐมบทแห่งหายนะ
-11-
บทที่ 2
แผ่นดินแตกเป็นเสี่ยง
-55-

บทที่ 3
ยุคสมัยแห่งขุนศึก
-101-

บทที่ 4
สมรภูมิแห่งจงหยวน

-147-

บทที่ 5
สงครามต่อต้านญี่ปุ่น

-193-
บทที่ 6
กั๋วหมินต่าง VS ก้งฉานต่าง
-241-

บทที่ 7
จุดจบของประวัติศาสตร์
-287-



บทที่ 1

ปฐมบทแห่งหายนะ
THE CHINESE
CIVIL WAR








คนป่วยแห่งเอเชีย



สาหรับนักอุดมคต การปฏิวัติซินไฮ่ในปี 1911 เปรียบเสมือน


ชัยชนะของประชาชนจีนต่อระบบศักดินา เป็นการสลัดโซ่ตรวนของ
ระบอบเก่า เป็นคบเพลิงแห่งยุคสมัยใหม่ท่จะพาจีนพ้นจากความ


ล้าหลัง และนับแต่น้ปวงประชาจะไม่ถูกระบอบท่คนไม่เท่ากันกดข ี ่

อีกต่อไป
แต่ในความเป็นจรงการปฏิวติไม่ได้สวยหรเหมือนในทฤษฎ ี




ตรงกันข้ามมันคือจุดเร่มของความแตกแยกยาวนานของแผ่นดินจีน

เป็นมูลเหตุของภัยพิบัตินานา ท้งการแก่งแย่งชิงดีของเหล่านักปฏิวัต ิ
นักฉวยโอกาส ขุนศึกผู้ละโมบ ผู้รุกรานต่างชาติท่แสนจะเห้ยมโหด




คนทรยศขายชาต และนักเซ็งล้สงคราม มันคือมูลเหตุท่ทาให้ผู้คน


ล้มตายหลายสิบล้านคน ในเวลากว่า 30 ปี หลังการปฏิวัติโค่นล้ม
ราชวงศ์ชิง คนจีนแทบไม่เคยได้อยู่อย่างผาสุก
ต้นสายของความหายนะเหล่าน้ต้องย้อนกลับไปช่วงปลาย

ราชวงศ์ชิงก่อนการปฏิวัติซินไฮ่





THE CHINESE CIVIL WAR

12


ช่วงปลายราชวงศ์ชิง ขณะท่โลกตะวันตกปฏิวัติอุตสาหกรรม

ก่อร่างสร้างระบบทุนนิยม และปฏิรูป (และปฏิวัติ) การปกครองให้

เป็นไปตามเสียงประชาชน จีนกลับยังมะงุมมะงาหรากับโลกทัศน์แบบ


เก่า เย่อหย่งว่าตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล มองฝร่งเป็นเพียง
พวกป่าเถื่อน และจีนคือแดนศิวิไลซ์ที่สุดในโลกหล้า

ทัศนะแบบจีนโบราณท่มองตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก เรียก






ว่า ระบบอารยชนคนเถ่อน หรือ หัวอ จ้อซว (華夷秩序) คาว่า หัว




มาจากคาว่า หัวเซ่ย (華夏) ท่หมายถึงคนจีนและอารยธรรมจีน ส่วน







คาว่า อ มาจากคาว่า หมันอ (蠻夷) ท่แปลว่าคนต่างชาติท่มิใช่คนจีน



หรือคนท่รับวัฒนธรรมจีน ถูกดูแคลนว่าเป็นคนเถ่อน คนท่ถูกมองว่า


เป็นคนเถ่อนนอกวงวัฒนธรรมจีน ก็เช่น คนในเอเชียตะวันออกเฉียง
ใต้ ชาวเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือ คนเผ่าทางภาคตะวันตก เป็นต้น

ต่อมาเมื่อจีนคบค้ากับชาวตะวันตก ก็ยังไม่วายเหมารวมฝร่งว่าเป็น
พวกคนเถื่อนไปด้วย ทั้งๆ ที่อารยธรรมของชาวตะวันตกไม่ยิ่งหย่อน
ไปกว่าจีน และนับวันยิ่งจะเหนือกว่า “หัวเซี่ย” ในทุกๆ ด้าน



ตัวอย่างการดูหม่นฝร่งท่เห็นได้ชัดคือ กรณีคณะทูตอังกฤษท ่ ี



นาโดยจอร์จ แมคาร์ทนีย์ ผู้แทนของราชสานักพระเจ้าจอร์จท 3 หรือ

Macartney Embassy เดินทางมายังราชสานักของพระเจ้าเฉียนหลง

แห่งราชวงศ์ชิง หมายจะขอให้จีนเปิดประเทศค้าขาย แต่การเจรจายัง


ไม่ทันเร่มก็เกิดปัญหาข้น เพราะฝ่ายจีนเรียกร้องให้คณะทูตต้องหมอบ









กราบถวายบงคมจกรพรรด 9 ครงตามธรรมเนยม และเปนสญลกษณ ์

ของการยอมศิโรราบของพวก “หมันอ๋” จากแดนตะวันตกต่อโอรส

สวรรค์ ผู้ปกครองแผ่นดินใจกลางโลก (จงก๋ว) แต่คณะราชทูตไม่

ยินยอม แม้จะมีการเจรจาให้หมอบกราบแค่คร้งเดียวก็ตาม จนเจรจา
สงครามกลางเมืองจีน

13






























ป้อมต้าก ระหว่างทางจากเทียนจินไปปักก่ง หลังถูกกองทัพอังกฤษ-ฝร่งเศสโจมต ใน




สมรภูมิที่ป้อมต้ากู จะเห็นศพทหารต้าชิงที่นอนกลาดเกลื่อน, ภาพโดย Felice Beato
ช่างภาพชาวอังกฤษ เมื่อปี 1860
(ภาพ public domain)
กันให้ถวายบังคมแบบฝรั่งด้วยการคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วค้อมศีรษะลง



การกระทาต่อคณะทูตแมคาร์ทนีย์ เป็นตัวอย่างท่ดีท่แสดงให้

เห็นถึงทัศนะท่จีนมองตัวเองเป็นศูนย์กลางโลก และประเทศอ่นๆ จาก

แดนไกลเป็นเพียงพวกชายขอบไร้อารยธรรม

ไม่เพียงเท่าน้น ในเอกสารทางการของจีนยังมักเรียกผู้แทนหรือ

คู่กรณีต่างชาติจากโลกตะวันตกว่า “พวกอ๋” เช่น การเรียกพวกรัสเซีย



ว่า “อ๋” ในช่วงท่มีการตกลงแบ่งพรมแดนกันสมัยพระเจ้าเฉียนหลง หรอ
แม้แต่ในเอกสารทางการทูตและเอกสารอ่นๆ ท่เก่ยวข้องกับชาวอังกฤษ



THE CHINESE CIVIL WAR

14





ก็เรียกพวกเขาว่า “อ๋” ซ่งเร่องน้อังกฤษทราบในกาลต่อมาและเป็นเหต ุ

ให้มีการกดดันให้จีนผ่านสนธิสัญญาให้หยุดเรียกพวกเขาเป็นคนเถ่อน

ทัศนคติน้เร่มถูกบดจนป่นปี้ทีละน้อย หลังจากจีนพ่ายแพ้


อังกฤษในสงครามฝิ่น 2 ครั้ง

สงครามฝิ่นคร้งแรกในปี 1842 พระเจ้าต้าวกวงทรงวิตกกับการ


ระบาดของฝิ่นท่พวกอังกฤษนามาขายให้คนจีนเสพติด ท้งยังดูดเงิน

ทองออกไปจากระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงทรงส่งให้ปราบการค้าฝิ่น

ให้สิ้น แล้วท�าลายสินค้าอันตรายเสียโดยไม่ได้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับ


อังกฤษ โดยหาได้แยแสว่าฝิ่นเป็นสินค้าอันลาค่าของอังกฤษ หาไม่



แล้วคงไม่มีฉายาว่า “ทองคาสดา” และหาได้สาเหนยกว่าอังกฤษท ี ่





กาลังด่มดากับความสาเร็จของระบอบทุนนิยม มีกองกาลังอันแข็งแกร่ง



ที่พร้อมจะปกป้องระบอบทุนนิยมที่ไร้หัวใจได้ทุกเมื่อ



เม่อสงครามระเบิดข้น สาเภาไม้เก่าๆ ของจีนจึงพ่ายยับเยินให้
กับกองเรืออันเกรียงไกรของอังกฤษ จนจีนต้องยอมลงนามในสนธ ิ
สัญญาหนานจิง สูญเสียอธิปไตยบางส่วนให้ต่างชาต ต้องเปิดเมืองท่า


กว่างโจว, เซ่ยเหมิน, ฝูโจว, หนิงป่อ และเซ่ยงไฮ้ให้กับชาวตะวันตก

เท่ากับเสียการควบคุมจุดยุทธศาสตร์ทางทะเลไปโดยปริยาย และยัง
ต้องยกเกาะฮ่องกงให้กับอังกฤษ ถือเป็นการสูญเสียดินแดนให้กับฝร่ง ั
คร้งแรกของจีน ท่สาคัญจีนต้องอนุญาตให้ค้าขายฝิ่นได้อย่างเสร








น่คือมูลเหตุท่ทาให้ระบบเศรษฐกิจของจีนย่งตกเป็นทาสทุนนิยม
ตะวันตก ประชาชนติดฝิ่นจนไร้สมรรถภาพ
แต่พวกฝร่งยังไม่ยอมพอและจีนยังไม่ยอมแพ้ จนท้งสอง





กระทบกระท่งกันอีก สงครามฝิ่นคร้งท่สองในปี 1856 คราวน้อังกฤษ


ไม่ได้เล่นคนเดียว แต่ฝร่งเศส สหรัฐอเมริกา และรัสเซียพากันอ้าง
สงครามกลางเมืองจีน

15






เหตุเพ่อรวมหัวกันรุมท้งจีน เพราะสบโอกาสท่จะขย้จีนให้ลงนามใน
สนธิสัญญาท่เป็นคุณกับพวกเขา (บนความเสียหายของอีกฝ่าย)




สงครามคร้งน้กินเวลา 2 ปี ไปส้นสุดในปี 1858 ด้วยความพ่ายแพ้
ของราชวงศ์ชิง ต้องยอมลงนามในสนธิสัญญาเทียนจิน อนุญาตให้

ชาติตะวันตกต้งสถานทูตในกรุงปักก่ง อนุญาตให้คนต่างชาติเดินทาง




ในจีนได้อย่างเสรีจากเดิมท่เคยห้ามกระทาเช่นน้น บีบให้เปิดเมืองท่า
เพิ่มเติม และเสียดินแดนเหนือแม่น�้าเฮยหลงเจียงให้กับรัสเซีย
แต่อีก 1 ปีต่อมา กองทัพต้าชิงเกิดความขัดแย้งกับกองทัพฝร่ง

อีกท่ป้อมต้ากูใกล้กับเมืองเทียนจิน เน่องจากผู้บัญชาการป้อมไม่ยอม




ให้กองทัพติดตามขบวนทูตอังกฤษมุ่งหน้าเข้าไปยังปักก่ง ทาให้ท้ง

2 ฝ่ายปะทะกัน ยกแรกทัพต้าชิงสกัดทัพอังกฤษเอาไว้ได้ สร้างความ



ยินดีปรีดาให้กับราชสานักย่งนักเพราะถือเป็นชัยชนะแรกๆ ต่อฝร่ง

หลังจากพ่ายรวดมาเกือบทุกคร้ง แต่พวกชิงดีใจได้ไม่นาน ในปีถัดมา

อังกฤษกลับมาอีกพร้อมด้วยกองกาลังผสมฝร่งเศส พยายามตีป้อม





ต้ากูให้ได้ แล้วก็ทาได้สาเร็จ ขณะน้นเองราชสานักชิงพยายามเจรจา



กบทูตองกฤษ แต่ทตอังกฤษหยามหม่นฝ่ายจน จงถูกจบกุมตวไว แต่







ระหว่างน้นมีข่าวลือว่าทูตถูกลงโทษประหารด้วยการ “เฉือนพันคร้ง”


คือการประหารด้วยการตัดช้นเน้อทีละช้นๆ จนกว่านักโทษจะตาย เป็น








โทษททรมานและโหดเหยมยง ข่าวลอนยงทาให้องกฤษโกรธแค้น







ฝ่ายจีนเป็นอันมาก


ในท่สุดกองทัพอังกฤษ-ฝร่งเศสก็รุกคืบถึงกรุงปักก่ง พระเจ้า


เสียนเฟิงทรงตกพระทัยรีบหนีไปล้ภัยท่มณฑลเร่อเหอ กองทัพฝร่งจึง


จัดการควบคุมปักก่ง ทาการปล้นชิงและเผาพระราชวังฤดูร้อนอัน



งดงามตระการตา 2 แห่ง คือพระราชวังอ้เหอหยวน และพระราชวัง
THE CHINESE CIVIL WAR


Click to View FlipBook Version