The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chanisr.ton, 2020-03-16 02:38:35

ประวัติศาสตร์ตุรกี

üćãðÐāòâŞÑüÖèĀÐùĀÜ×òéèúèśāÐòÿãāø
ëĈśíăùðĀñČùöÖúāÓöāðòĈśČôÿïĈðăêŠÜÜāĎúðŚðāéòòâāÐāòèĀÐüŚāè

Turkey A Short History ประวัติศาสตรตุรกี

นอรแมน สโตน: เขียน
ชาครียนรทิพย เสวิกุล: แปล
ราคา 390 บาท
All rights reserved.
c
Copyright Norman Stone 2011
c
Translation copyright 2019, by Gypsy Publishing Co.,Ltd.
Thai Translation edition first published in Thailand in 2019 by Gypsy Group Co.,Ltd.
This book is published through an arrangement with Bridge Communications Co.,Ltd.
Tel. 66 2645 4424 Email: [email protected]
c
ขอความในหนังสือเลมนี้ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558
การคัดลอกสวนใดๆ ในหนังสือเลมนี้ไปเผยแพรไมวาในรูปแบบใดตองไดรับอนุญาตจากเจาของลิขสิทธิ์กอน

ยกเวนเพื่อการอางอิง การวิจารณ และประชาสัมพันธ
ขอมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแหงชาติ
National Library of Thailand Cataloging in Publication Data

สโตน, นอรแมน.
Turkey A Short History ประวัติศาสตรตุรกี.-- กรุงเทพฯ : ยิปซี กรุป, 2562.
360 หนา.
1. ตุรกี--ประวัติศาสตร. l. ชาครียนรทิพย เสวิกุล, ผูแปล. II. ชื่อเรื่อง.
956.1
ISBN 978-616-301-678-2

บรรณาธิการอำนวยการ : คธาวุฒิ เกนุย
บรรณาธิการบริหาร : สุรชัย พิงชัยภูมิ
ผูชวยบรรณาธิการบริหาร : วาสนา ชูรัตน
บรรณาธิการเลม : สินีนาถ เศรษฐพิศาล
กองบรรณาธิการ : คณิตา สุตราม พรรณิกา ครโสภา ดารียา ครโสภา
เลขากองบรรณาธิการ : อรทัย ดีสวัสดิ์
พิสูจนอักษร : ภาณุพงศ เชยชื่น
รูปเลม : วีระวัฒน ปญญามัง
ออกแบบปก : Rabbithood Studio
ผูอำนวยการฝายการตลาด : นุชนันท ทักษิณาบัณฑิต
ผูจัดการฝายการตลาด : ชิตพล จันสด
ผูจัดการทั่วไป : เวชพงษ รัตนมาลี
จัดพิมพโดย : บริษัท ยิปซี กรุป จำกัด เลขที่ 37/145 รามคำแหง 98
แขวง/เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทร. 0 2728 0939 โทรสาร. 0 2728 0939 ตอ 108
www.gypsygroup.net
พิมพที่ : บริษัท วิชั่น พรีเพรส จำกัด โทร. 0 2882 9981-2
จัดจำหนาย : บริษัท ยิปซี กรุป จำกัด โทร. 0 2728 0939
www.facebook.com/gypsygroup.co.ltd
LINE ID : @gypzy

สนใจสั่งซื้อหนังสือจำนวนมากเพื่อสนับสนุนทางการศึกษา สำนักพิมพลดราคาพิเศษ ติดตอ โทร. 0 2728 0939

Turkey







ป ส า ศ ิ ต ั ว ะ ร ต ร ุ ต  ร ี ก
















นอรแมน สโตน: เขียน
ชาครียนรทิพย เสวิกุล: แปล

ค�ำน�ำส�ำนักพิมพ์


✧ ✧ ✧ ✧




ในยุคต้นศตวรรษท่ 21 น้ เม่อเอ่ยถึงตุรกีเราคงจินตนาการถึง
เมืองอิสตันบูล มัสยิดสีฟ้าอันอลังการ และบอสฟอรัส ช่องแคบเลื่องชื่อ

อันดับต้นๆ ซ่งเป็นเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างยุโรปและเอเชียท่เช่อมทะเล






มาร์มาราและทะเลดา ประเทศตุรกีท่เราๆ รู้จักกันน้นกาเนิดข้นเม่อร้อย



ปีเศษน่เอง ดินแดนตุรกีปัจจุบันน้นซ้อนทับด้วยประวัติศาสตร์ความเป็น


มายาวนานนับย้อนกลับไปไกลกว่าคร่งสหัสวรรษ ดินแดนท่ว่ารู้จักกันใน

ชื่ออะนาโตเลีย
ประมาณ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล แถบชายฝั่งตะวันตกของ
อะนาโตเลียเคยถูกครอบครองโดยกรีก ซ่งอยู่ภายใต้การปกครองของ

จักรวรรดิโรมัน จวบจนจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลายไปในคริสต์
ศตวรรษที่ 5 แต่ไบแซนไทน์ (โรมันตะวันออก) ยังรุ่งเรืองต่อมานับพันปี
โดยมีเมืองหลวงคือคอนสแตนติโนเปิล กระทั่งถูกโจมตีหลายครั้งหลาย
ครา และแล้วกาแพงเมืองคอนสแตนติโนเปิลก็ทลายลงใน ค.ศ. 1453

ด้วยนามือของจักรวรรดิออตโตมัน โดยมีสุลต่านเมห์เม็ตท่ 2 เป็นผู้พิชิต



คอนสแตนติโนเปิล จักรวรรดิโรมันท่รุ่งเรืองยาวนานมากว่าพันปีจึง

ปิดฉากลง
การเสียกรุงคอนสแตนติโนเปิลให้กับออตโตมันเท่ากับเป็นการ




ส้นสุดอานาจของไบแซนไทน์และนับเป็นการเปล่ยนแปลงประวัติศาสตร์
ครั้งส�าคัญ ยุคมืดเปลี่ยนผ่านสู่ยุคแห่งการฟื้นฟูในยุโรป (Renaissance)
ปราชญ์และนักคิดในคอนสแตนติโนเปิลเดินทางกระจัดกระจายไปยัง


แผ่นดินอ่นอย่างอิตาลี ส่งผลให้มีการเกิดใหม่ของแนวคิดและภูมิปัญญา



กลางคริสต์ศตวรรษท่ 15 จึงเป็นจุดเร่มต้นของการเคล่อนไหวทาง
วัฒนธรรมน�าไปสู่การสร้างสรรค์ทางปัญญาและวิทยาการในยุโรป
หลังพิชิตคอนสแตนติโนเปิล ออตโตมันรุ่งเรืองถึงขีดสุดในสมัย
ของสุลต่านสุไลมาน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของจักรวรรดิ เพราะ

ออตโตมันได้แผ่ขยายอาณาเขตออกไปอย่างไพศาล จวบจนส้นสมัยของ

สุไลมานมหาราช จักรวรรดิก็ค่อยๆ เส่อมลง ยุคเส่อมน้กินระยะเวลา



ยาวนานถึง 300 ปี
เหตุแห่งความเส่อมของจักรวรรดิเกิดด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง

แต่ที่ส�าคัญคือ ความอ่อนแอของเหล่าสุลต่านในยุคหลัง อีกทั้งการแย่ง


ชิงอานาจในราชสานักก็เป็นปัจจัยนาไปสู่ความถดถอยของจักรวรรดิด้วย


และนับแต่ศตวรรษท่ 17 เป็นต้นมา ออตโตมันก็อ่อนแอท้งทางเศรษฐกิจ



และการเมือง ขณะท่ยุโรปกลับประสบความสาเร็จในการปฏิวัต ิ
อุตสาหกรรม




กระท่งศตวรรษท่ 18 มหาอานาจในยุโรปเร่มเห็นถึงความ




อ่อนแอของออตโตมันและรอวันท่จักรวรรดิอันย่งใหญ่น้เส่อมสลาย
โดยมีความคิดว่าจะแบ่งสรรปันส่วนดินแดนภายใต้การปกครองของ
ออตโตมันกันอย่างไรดี มหาจักรวรรดิลากสังขารอันโรยราข้ามสู่ศตวรรษ
ที่ 19 มาอย่างสะบักสะบอม ออตโตมันกลายเป็น “คนป่วยแห่งยุโรป”
(Sick man of Europe—ตามฉายาที่พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 1 แห่งรัสเซีย

เป็นผู้ต้งให้ในเชิงเหยียดหยาม) จักรวรรดิเร่มเสียดินแดนใหญ่น้อยไป

เรื่อยๆ และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เปิดฉากขึ้น การร่วมเป็นพันธมิตร
กับเยอรมนีกลับท�าให้สถานการณ์ของออตโตมันเลวร้ายหนัก เพราะ
กลายเป็นชาติผู้แพ้สงคราม สัมพันธมิตรตัดแบ่งออตโตมันเฉกเช่นตัด











แบ่งจกรวรรดออสเตรีย-ฮงการ แต่กระนนกมกล่มทหารเตร์กทไม่




ยินยอม ปลุกระดมประชาชนข้นลุกฮือต่อต้านการห่นแบ่งประเทศของ

ตน ทหารกลุ่มน้นาโดยมุสตาฟา เคมาล (ต่อมารู้จักกันในนามอตาเติร์ก)

ซึ่งต่อสู้ขับไล่กองก�าลังต่างชาติได้ส�าเร็จ
จักรวรรดิออตโตมันล่มสลายลงในปี ค.ศ. 1923 มีการสถาปนา


สาธารณรัฐตุรกีข้น โดย มุสตาฟา เคมาล ข้นเป็นประธานาธิบดีคนแรก

และน่คือจุดเร่มต้นในการปกครองระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตยแบบ

รัฐสภาของตุรก ี
ตุรกีในต้นยุคทศวรรษ 1900 เป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงทาง

วัฒนธรรมและสังคม ณ ช่วงเวลาน้ตุรกีพลิกหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม
เกิดการปฏิรูปสู่การเป็นรัฐโลกวิสัยภายใต้การนาของอตาเติร์ก และผล



พวงจากการเปล่ยนแปลงคร้งน้ยังคงทงร่องรอยของการแบ่งขวระหว่าง





การเป็นรัฐศาสนาและโลกวิสัยมากระทั่งปัจจุบัน
ตลอดเวลากว่า 80 ปี รัฐบาลตุรกียังคงความเป็นรัฐโลกวิสัย


อย่างเหนียวแน่น ความพยายามท่จะทาให้รัฐอิงกับศาสนาอิสลามต้อง




พบกบการต่อต้านจากกองทพ ซงตงตนเป็นผ้พทกษ์แนวคดโลกวสย








ของอตาเติร์กมาโดยตลอด





ใบหน้าของตรกใหม่กบความเป็นอสลามในประวตศาสตร์อน



ยาวนานน้นซับซ้อน หลายส่วนในสังคมถือข้างอุดมการณ์ของอตาเติร์ก
อย่างเข้มแข็ง ทว่าอีกหลายส่วนในสังคมก็วาดฝันท่จะคืนกลับสู่การเป็น

รัฐอิสลาม กระทั่งการก้าวเข้ามาของเรเจป ทายยิป แอร์โดอัน หัวหน้า
พรรค AKP ผู้ส่งเสริมความเป็นอนุรักษนิยมและสนับสนุนนโยบาย


เศรษฐกิจแบบเสรีนิยม แอร์โดอันนาพรรคชนะการเลือกต้งท่วไปติดต่อ



กันสามสมัย นับแต่ปี ค.ศ. 2003-2014 หลังจากน้นเขาลงสมัครรับเลือก



ต้งเป็นประธานาธิบดีในปี ค.ศ. 2014 และชนะคะแนนเสียงซาเป็นสมัย
ที่สองในการเลือกตั้งปี ค.ศ. 2018 ครองต�าแหน่งเก้าอี้ประธานาธิบดี
ซึ่งเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล
อนาคตตุรกีใหม่ในทศวรรษ 2020 ภายใต้การนาของแอร์โดอัน


เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขากาลังชักตุรกีกลับไปสู่การปกครอง
แบบอ�านาจนิยมในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน


ประวัติศาสตร์ตุรกีน้นมีเส้นทางอันยาวนาน ท้งการเปล่ยนผ่าน


จุดหักเห และเปล่ยนถ่ายอานาจ แต่ในทุกช่วงเวลาล้วนเต็มไปด้วยรอย

ต่อที่ท�าให้ดินแดนแห่งนี้มีความโดดเด่นทางประวัติศาสตร์


สานักพิมพ์ยิปซี ขอนาท่านผู้อ่านสู่เร่องราวความเป็นมาของ

ชาติตุรกีซ่งเต็มไปด้วยร่องรอยทางประวัติศาสตร์นับเน่องยาวนานกว่า


สหัสวรรษ


ด้วยมิตรภาพ
ส�ำนักพิมพ์ยิปซี

ค�ำน�ำผู้แปล






ความผูกพันของผมกับประเทศตุรกีเร่มข้นคร้งแรกในช่วงปี ค.ศ.


1986–1990 เม่อผมได้มีโอกาสติดตามคุณพ่อ (ประภัสสร เสวิกุล) ไป

ประจ�าการที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ซึ่งในตอนนั้นผมอายุ

10 ขวบ จึงถือได้ว่าช่วงเวลา 4 ปีท่ใช้ชีวิตอยู่ในตุรกีดังกล่าว เป็นการเปิด



โลกทัศน์คร้งสาคัญ เพราะผมได้เห็น ได้สัมผัส และได้เรียนรู้เก่ยวกับ

ส่งใหม่ๆ รวมถึงความแตกต่างทางประวัติศาสตร์ เช้อชาติและภาษา


ระหว่างไทยกับตุรกี รวมถึงขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมท่แตกต่าง


ของศาสนาพุทธและอิสลามอย่างจริงจัง ซ่งทาให้ความหลงใหลใน






ประวตศาสตร์ วฒนธรรมอสลามและการเมองภูมิภาคตะวนออกกลาง
ของผมเริ่มต้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อีกทั้งเป็นเรื่องบังเอิญไม่น้อยเมื่อ
ผมได้กลับมายังประเทศตุรกีอีกครั้งเกือบ 30 ปีให้หลัง เมื่อได้รับค�าสั่ง
ให้มาประจ�าการที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอังการา ในปี ค.ศ. 2017


ซงแม้บางสงบางอย่างในตุรกีจะมีบรรยากาศและกล่นอายด้งเดิมอยู่บ้าง







แตขอเทจจรงก็คือตุรกีในทุกวันน้ แตกต่างจากตุรกีท่ผมรู้จักก่อนหน้าน้น








มากทเดยว ทาให้ผมต้องพยายามเรียนรู้และศึกษาเก่ยวกับประวัติศาสตร์
ตุรกีเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจตุรกีในยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

ดังน้น ผมจึงประหลาดใจไม่น้อย เม่อได้รับการติดต่อจาก


สานักพิมพ์ยิปซี ว่าอยากให้ผมแปลหนังสือเร่อง “Turkey A Short

History” ผลงานของคุณนอร์แมน สโตน โดยหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือ
เก่ยวกับประวัติศาสตร์ตุรกีท่ได้รับการกล่าวถึงและแนะนากันปากต่อปาก



ในหมู่นักการทูตต่างประเทศและชาวต่างชาติในตุรกี อีกท้งยังได้รับ


การยอมรับว่า เป็นหนังสือที่ให้ข้อมูล ความรู้และภูมิหลังประวัติศาสตร์
ตุรกีได้ดีมากเล่มหนึ่ง และทุกวันนี้ก็ยังมีวางขายตามร้านหนังสือในตุรกี
อย่างแพร่หลาย

เมื่อผมเริ่มอ่าน “Turkey A Short History” ต้องยอมรับว่า แม้

ผมจะค่อนข้างคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์ของตุรกีอยู่แล้วในระดับหน่งจาก

การท่เคยใช้ชีวิตอยู่ในตุรกี รวมถึงการได้ศึกษาเพ่มเติม แต่ก็ยังพบว่า

หนังสือเล่มนี้มีความน่าสนใจและมีคุณภาพคับแก้ว

แน่นอนว่า ประเทศตุรกีมีประวัติท่ยาวนาน และในแต่ละห้วง
เวลาก็สามารถท่จะเจาะลึกลงไปทาการศึกษาวิเคราะห์และเขียนหนังสือ


ออกมาได้เป็นเล่มๆ ไม่ว่าจะเป็นยุคไบแซนไทน์ ยุคออตโตมัน ยุค
สาธารณรัฐ หรือยุคร่วมสมัย โดยลาพังเพียงแค่ประวัติของสุลต่าน

ออตโตมันแต่ละองค์ หรือประวัติของอตาเติร์กก็เปี่ยมล้นไปด้วยเร่องราว




และแง่มุมมองท่น่าสนใจอยู่แล้ว แต่เร่องราวท่คุณนอร์แมน สโตนได้
ค้นคว้า รวบรวมน�าเสนออย่างตั้งใจและพิถีพิถัน ในรูปแบบที่อ่านสบาย
สนุก และเข้าถึงได้ง่าย โดยไม่ได้มุ่งแต่ยัดเยียดข้อมูลให้ผู้อ่านอย่าง
ท่วมท้น ซึ่งนอกจากความบันเทิงแล้ว ยังให้สาระ ให้ประโยชน์และให้แง่



คิดท่น่าสนใจมากมาย ทาให้หนังสือเล่มน้เป็นจุดเร่มต้นท่ดีสาหรับผู้ท ี ่




สนใจประวัติศาสตร์ตุรกี สมกับค�าร�่าลือและความชื่นชมที่ได้รับ โดยผม


หวังว่าการทาหน้าท่ผู้แปลของผมพอจะถ่ายทอดเจตนารมณ์และความ
ตั้งใจของคุณนอร์แมน สโตนได้บ้างไม่มากก็น้อย
ท้ายนี้ ผมขอขอบคุณส�านักพิมพ์ยิปซี ที่ให้โอกาสและไว้วางใจ



ให้ผมแปลหนังสอเล่มน โดยเฉพาะการท่หนังสือเล่มน้สาเรจลุล่วงและ




ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ออกสู่สายตาสาธารณชนไทยและในปี ค.ศ. 2018 ก ็
เป็นวาระครบรอบ 60 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต

ระหว่างไทยและตุรกี ซึ่งท�าให้ผมรู้สึกภาคภูมิใจและตื่นเต้นเป็นทวีคูณ



ผมหวังเป็นอย่างย่งว่าหนังสือเล่มน้จะช่วยทาให้ผู้อ่านชาวไทยได้รู้จัก


ตุรกีมากข้น อีกท้งส่งเสริมและเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจอันด ี

ระหว่างชาวไทยและชาวตุรกีต่อไป



ชาครีย์นรทิพย์ เสวิกุล
กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี
กุมภาพันธ์ 2561



สำรบัญ






16 ❘ บทน�ำ



28 ❘ อำรัมภบท



36 ❘ หนึ่ง จุดเริ่มต้น


68 ❘ สอง จักรวรรดิโลก



96 ❘ สำม จุดสูงสุด



112 ❘ สี่ เงำอดีต


140 ❘ ห้ำ ดุลยภำพที่แปรเปลี่ยน



156 ❘ หก กำรตั้งรับที่ยำวนำน

196 ❘ เจ็ด จุดจบจักรวรรดิ



232 ❘ แปด ควำมพังพินำศ



264 ❘ บทส่งท้ำย สำธำรณรัฐตุรกี


308 ❘ ล�ำดับเหตุกำรณ์ที่ส�ำคัญ



316 ❘ อ่ำนเพิ่มเติม



332 ❘ เชิงอรรถ


339 ❘ ดัชนี



364 ❘ ประวัติผู้แปลท้ำยเล่ม

บทนำ

Turkey




A Short History









ประวัติ

ศาสตร์

ตุรกี

บทน�ำ




คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) เมืองหลวงของจักรวรรดิ
โรมันในช่วงท้าย มีสถานะเป็นศูนย์กลางการค้าขายของโลก เพราะม ี

ท่าเรือธรรมชาติท่ดีท่สุดระหว่างยุโรปและเอเชีย ด้วยเหตุผลดังกล่าว



มหานครแห่งน้จึงได้กลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิท่ผงาดข้นมา

แทนที่จักรวรรดิโรมัน นั่นก็คือ จักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empire)

ของชาวเติร์กในปี ค.ศ. 1453 และตาแหน่งทางภูมิศาสตร์อันโดดเด่นของ



มหานครแห่งน้ก็ยังคงประจักษ์ชัด ตอนท่ผมกาลังเขียนหนังสือเล่มน ้ ี
อยู่ในแฟลตท่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของช่องแคบบอสฟอรัส ผมสามารถ




มองเห็นเรือนับร้อยลาล่องผ่านช่องแคบดังกล่าวทุกว่วัน บางลาเป็น
เรือเดินสมุทรขนาดมหึมาขนสินค้าจากจีนมาจากทางทะเลดา หรือไม่ก ็


กาลังมุ่งหน้าไปทางน้น รอบๆ กายของผมเต็มไปด้วยหลักฐานทาง

ประวัตศาสตร์จากอดีตอันรุ่งเรืองของมหานครแห่งน้ ไม่ว่าจะเป็น



อายาโซเฟยโบสถอนยงใหญแห่งครสตจกรโรมนทสรางขนในครสตศกราช


















ท่ 6 หรือสุเหร่าสวยงามเด่นตระหง่านท่ก่อสร้างข้นในยุคสมัยของสุลต่าน
เติร์ก
จักรวรรดิออตโตมันเป็นเสมือนวิญญาณท่ยังคงหลอกหลอน

โลกในปัจจุบัน เพราะแม้ว่าจักรวรรดิดังกล่าวจะหายไปจากแผนท่โลก


ในช่วงปลายสงครามโลกคร้งท่หน่ง แต่ยังคงมีปัญหามากมายเกิดข้นใน






ดินแดนท่เคยเป็นอาณาเขตของจกรวรรดออตโตมัน ซ่งได้ขยายอาณาเขต

นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา จากจุดเริ่มต้นในฐานที่มั่นพื้นที่ทาง

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตุรกีปัจจุบัน โดยพรมแดนด้านหน่งเร่มจาก



ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของโมร็อกโกไปจนถึงแม่นาวอลกาใน



รัสเซีย และจากพ้นท่ท่เป็นชายแดนออสเตรีย–ฮังการีในปัจจุบัน ไปจนถึง
เยเมนหรือแม้กระทั่งเอธิโอเปีย ท�าให้กลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของ
18
Turkey A Short History

บทน�ำ






โลก แต่ในช่วงศตวรรษท่ 18 จักรวรรดิออตโตมันก็ได้สูญเสียอานาจเหนือ
พื้นที่ในเขตทะเลด�าและคอเคซัสให้แก่รัสเซีย ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19


ก็ได้สูญเสียอานาจให้แก่ประเทศบอลข่าน ซ่งกลุ่มดังกล่าวในช่วงน้น กรีก



ถือว่าเป็นประเทศท่ทรงอิทธิพลท่สุด ก่อนจะสูญเสียดินแดนให้กับการ
แย่งชิงจากกลุ่มประเทศอาหรับในช่วงศตวรรษท่ 20 โดยนับตั้งแต่ช่วง

เวลาดังกล่าว กลุ่มประเทศในบอลข่านและภูมิภาคตะวันออกกลางได้
สร้างปัญหาให้กับโลกอย่างไม่ร้จักหมดส้น ทาให้ในปัจจุบนมีกระแสท ่ ี




หวนระลึกถึงอิทธิพลของจักรวรรดิออตโตมันไม่น้อยทีเดียว
บุรุษชาวอังกฤษเจ้าของสมญานาม “ลอว์เรนซ์แห่งอาระเบีย”
(Lawrence of Arabia) คือผู้ที่มีบทบาทส�าคัญในการผลักดันให้เกิดกบฏ
อาหรับ (Arab Revolt) ในปี ค.ศ. 1916 ซึ่งเป็นศัพท์ที่ชาวต่างชาติใช้เรียก



เหตุการณ์ดังกล่าวในยามน้น แต่ชาวอาหรับเพ่งมาใช้คานั้นในระยะหลัง

ลอว์เรนซ์มองดูประเทศอิรักซ่งถูกอังกฤษเข้ายึดครองในปี ค.ศ. 1919



แล้วฉงนใจว่า เหตุใดพ้นท่แห่งน้จึงได้กลายเป็นสมรภูมิท่ทุกฝ่ายมุ่งเป้า



เข่นฆ่ากันอย่างเอาจริงเอาจัง ท้งๆ ท่อังกฤษได้ส่งกองกาลัง 100,000


นาย รวมถึงยุทโธปกรณ์มากมาย ทั้งรถถัง เครื่องบิน และก๊าซพิษ แต่ก็
ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในขณะที่ก่อนหน้านั้น พวกเติร์กกลับ
สามารถรักษาสันติภาพในบัสรา (Basra) โมซุล (Mosul) และ เคอร์คุก
(Kirkuk) สามจังหวัดของอิรักที่อยู่ภายใต้จักรวรรดิออตโตมัน โดยอาศัย



กองกาลังของคนในพ้นท่เพียง 14,000 คน และมีการลงโทษประหารชีวิต
เพียงปีละ 90 รายเท่านั้น ซึ่งค�าถามเดียวกันนั้น ก็สามารถหมายรวมไป
ถึงปาเลสไตน์ด้วยก็ได้ เพราะหลังจากท่อังกฤษได้ใช้เวลา 30 ปีในการ



พยายามเจรจาสันตภาพระหว่างชาวยิวและชาวอาหรบโดยไม่ประสบ
ความสาเร็จ ในท่สุดอังกฤษก็ได้วางมือและปล่อยให้สหประชาชาติเข้ามา


19
Turkey A Short History

บทน�ำ






ทาหน้าท่แทน ขณะเดียวกันภูมิภาคบอลข่าน (หรือแม้แต่ภูมิภาคคอเคซัส
ก็ตาม) ก็เป็นอีกหนึ่งมิติของปัญหาเดียวกัน เพราะจักรวรรดิออตโตมัน
สามารถรักษาความสงบ หรืออย่างน้อยก็สามารถควบคุมสถานการณ์

ต่างๆ เอาไว้ได้อย่างดี โดยเฉพาะอย่างย่งเม่อเทียบกับบริติชราช ซึ่ง


อังกฤษได้แต่งตั้งอุปราชขึ้นดูแลทวีปดังกล่าวในปี ค.ศ. 1904 โดยคิดฝัน
ว่าจะสามารถรักษาอาณานิคมดังกล่าวได้ “ตลอดไป” แต่แท้จริงแล้ว

บริติชราชกลับมีอายุไม่ถึงหนึ่งร้อยปีด้วยซ�้า
บริติชราชต้องพบกับจุดจบด้วยการถูกแบ่งแยกดินแดน ส่งผลให้

เกิดประเทศปากีสถานและรัฐอิสลามแห่งหน่งท่ถูกแบ่งออกไปอีกเม่อ


บังกลาเทศแยกตัวออกไป และในขณะน้นหากปากีสถานถูกแยกย่อย

ออกไปอีกก็คงไม่มีใครในโลกแปลกใจสักเท่าไหร่นัก เพราะสถานการณ์





ท่ค่อนข้างล่อแหลมในอัฟกานิสถานและส่งต่างๆ เหล่าน้ทาให้เกิดคาถาม


หลักเก่ยวกับตุรกีในยุคปัจจุบัน ซ่งแน่นอนว่าประวัติศาสตร์ของศาสนา
อิสลามในการสร้างรัฐต่างๆ ก็มีจุดบกพร่องไม่น้อย โดยนักประวัติศาสตร์
เอเชียกลางของตุรกีชื่อ ฮัสซาน อาลี คาราซาร์ (Hasan Ali Karasar) เคย

ต้งคาถามว่า “อิสลาม หรือ การเมือง หรือ เศรษฐกิจ–ลองเลือกมา





สองขอ” ซงเปนคาถามท่มนยสาคญ และจักรวรรดออตโตมนซงถูกแทนท ี ่











โดยสาธารณรัฐตุรกีท่ก่อตัวข้นในพ้นท่อะนาโตเลีย ก็ทาให้ต้องมีการ






พิจารณาคาตอบอย่างจริงจังว่า แท้จริงแล้วความสาเร็จของจักรวรรด ิ
ออตโตมันมีพ้นฐานมาจากอิสลาม หรือเป็นเพราะชาวเติร์กไม่ได้ให้ความ

ส�าคัญกับศาสนากันแน่
กลุ่มชาวเติร์กที่สนับสนุนการก่อตั้งสาธารณรัฐ ค่อนข้างเชื่อมั่น

ว่าจะต้องแยกศาสนาและรัฐออกจากกัน โดยมองว่าศาสนาเป็นส่ง
กีดขวางการพัฒนาประเทศ ดังนั้น เมื่อพวกเขาก่อตั้งระบบสาธารณรัฐ
20
Turkey A Short History

บทน�ำ




ในปี ค.ศ. 1923 จึงได้ยึดฝรั่งเศสเป็นแบบอย่าง ซึ่งแม้ว่าในฝรั่งเศสจะมี
กระแสต่อต้านศาสนาอย่างยาวนาน และกลุ่มผู้สนับสนุนระบบ

สาธารณรัฐมองว่าศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกคือผู้อยู่เบ้องหลังท ี ่



ต้องรับผิดชอบต่อความเส่อมถอยของฝร่งเศส ถึงขนาดทาให้ประเทศ

ต้องตกเป็นเบ้ยล่างของอังกฤษและเยอรมัน ประชาชนบางส่วนในอิตาลี
และสเปนก็มีความคิดเช่นน้นเหมือนกัน หากแต่จุดพลิกผันสาคัญคือการ










ทโบสถคาทอลกไดออกโรงใหความเหนชอบการลงโทษอลเฟรด เดรยฟส


(Alfred Dreyfus) ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับยิว (อย่างผิดๆ) ส่งผลให้


สถานการณ์นาไปสู่การท่รัฐบาลฝร่งเศสร่างกฎหมายแยกรัฐและ

ศาสนจักรออกจากกันในปี ค.ศ. 1905 ซึ่งในช่วงดังกล่าวถึงขนาดมีการ
ใช้ปืนจ่อขับไล่แม่ชีออกจากคอนแวนต์เลยทีเดียว ปัจจุบันตุรกีอยู่ระหว่าง
การรอคอยการยอมรับสถานะสมาชิกสหภาพยุโรป หากจะมีประเทศใด



ท่ตุรกีอาจมองเป็นแบบอย่างก็ควรจะเป็นสเปน ซ่งคร้งหน่งก็เคยเป็น








อาณาจกรทมความยงใหญ่ระดบโลก โดยมประวตและอทธพลของ






ศาสนาอิสลามในประเทศยาวนานกว่า 7 ศตวรรษ อีกท้งยังเป็นประเทศ
ท่ฝ่ายทหารมีบทบาทสาคัญอยู่เสมออีกด้วย และแม้ว่าตุรกีจะไม่เคย


ประสบปัญหาสงครามภายในประเทศเหมือนสเปน แต่ประสบการณ์ของ
สเปนในช่วงสงครามโลกคร้งท่หน่งน้นก็มีความใกล้เคียงกันอย่างน่า




หวาดหวั่นใจ



ผู้ท่อยู่เบ้องหลังการก่อต้งสาธารณรัฐต่อต้านการสืบทอดอานาจ

ของจักรวรรดิออตโตมัน และได้เนรเทศสมาชิกของราชวงศ์หลายร้อย
องค์ออกนอกประเทศ พร้อมเงินคนละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี ค.ศ.
1924 โดยราชวงศ์ท่เป็นชายไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับเข้าประเทศ

ตุรกีจนกระท่งยุคทศวรรษ 1970 ซ่งตอนน้นกลุ่มผู้สนับสนุนระบบ



21
Turkey A Short History

บทน�ำ





สาธารณรัฐเพ่งได้รับชัยชนะในสงครามอิสรภาพ นับเป็นชัยชนะจริงจัง
ครั้งแรกของตุรกีนับตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 17 และเป็นชัยชนะที่ต้องฝ่าฟัน
ความทุกข์ยากไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะแท้จริงแล้วสุลต่านแห่งออตโตมัน



ในตอนน้นพร้อมท่จะบรรลุข้อตกลงกับประเทศมหาอานาจตะวันตก โดย



เฉพาะอังกฤษและรับตาแหน่งท่มีอานาจเป็นเพียงหัวโขนแบบ อากา ข่าน

1
(‘Aga Khan’) กลุ่มผู้สนับสนุนระบบสาธารณรัฐจึงละท้งสุลต่านและ

ตานานของพระองค์ โบสถ์อายาโซเฟียถูกแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ในขณะ


เดียวกันกับท่ผู้ฝักใฝ่และเคร่งศาสนาอิสลามถูกผลักไสออกจาก
มหาวิทยาลัยต่างๆ และถูกแทนท่โดยผู้อพยพจานวนมหาศาลท่หลบหน ี



ออกมาจากเยอรมนีท่อยู่ภายใต้เง้อมมือของฮิตเลอร์ คงเหมือนกับท ่ ี


มาร์แซล พรุสต์ (Marcel Proust) นักเขียนและนักวิพากษ์วรรณกรรมคน

สาคัญของฝร่งเศสเคยเขียนไว้ว่า คนส่วนใหญ่มองประวัติศาสตร์เฉกเช่น


เดียวกับลูกไก่เกิดใหม่แล้วหันกลับไปมองดูเปลือกไข่ท่มันเพ่งก้าวออกมา

สาธารณรัฐถือได้ว่าประสบความสาเร็จไม่น้อย โดยเฉพาะอย่าง




ย่งภายหลังทศวรรษ 1980 เม่อทหารก่อรัฐประหารท่ไม่ได้ย่งหย่อนไป

กว่าการก่อรัฐประหารของนายพลเอากุสโต ปิโนเชต์ (Augusto Pinochet)



ผู้ก่อรัฐประหารโค่นรัฐบาลมาร์กซิสต์ท่มาจากการเลือกต้งเม่อปี ค.ศ.




1973 ในชิลี ซ่งระหว่างท่ผมกาลังเขียนหนังสือเล่มน้อยู่ ตุรกีก็กาลังม ี

โครงการก่อสร้างทางวิศวกรรมระดับโลกสองโครงการ โดยโครงการท ่ ี


หน่งคือการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟใต้นาลอดช่องแคบบอสฟอรัส ซ่งจะ



เช่อมรถไฟความเร็วสูงจากกรุงอังการาไปยังยุโรปในรูปแบบเดียวกันกับ
อุโมงค์ช่องแคบอังกฤษ ส่วนโครงการที่สองนั้นมีความยิ่งใหญ่กว่า ตุรกี
2

ฝั่งตะวันออกเป็นส่วนท่ไม่ได้รับการพัฒนาสักเท่าไหร่นัก ยกเว้นพ้นท ่ ี

บางส่วนเท่านั้น แต่การก่อสร้างเขื่อนขนาดใหญ่บนแม่น�้าไทกริส (Tigris)
22
Turkey A Short History

บทน�ำ









และแม่นายูเฟรทีส (Euphrates) สองแม่นาในตานานไบเบิลซ่งไม่เพียง

ท�าให้เกิดการพัฒนาด้วยระบบชลประทานและไฟฟ้าเท่านั้น หากแต่ยัง
จะท�าให้เกิดการปฏิวัติทางสังคมอีกด้วย เพราะความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นใหม่






จะทาให้พ้นท่ในแถบน้น โดยเฉพาะอย่างย่งพ้นท่ของชาวเคิร์ด ใน




ดินแดนอะนาโตเลีย เปล่ยนแปลงไปอย่างส้นเชิง และทาให้แตกต่างจาก






หน้ามอเป็นหลังมอเม่อเทยบกบเพอนบ้านทางทศตะวนตกและทศใต้





อย่างไรก็ดี สาธารณรัฐกาลังเผชิญหน้ากับปัญหาท่ทุกยุคศิวิไลซ์ต้อง





ประสบ น่นก็คอผลลัพธ์กาลังกลืนกินต้นกาเนิด ซ่งปัจจุบนผู้สนับสนุน


แนวคิดโลกวิสัยกาลังถูกแทนท่ด้วยชาวอะนาโตเลีย ท่ส่วนใหญ่เป็นผู้






เคร่งศาสนา ทาให้เกดคาถามสาคญถงแก่นแท้และอตลกษณ์ทแท้จรง








ของชาวเติร์ก









หากคณเป็นคนตรก คณต้องถามตวเองว่าคณเป็นหนบญคณ

อะไรบ้าง ระหว่าง 1) ธรรมเนียมประเพณีตุรกีโบราณ 2) เปอร์เซีย
3) บิแซนเทียม 4) อิสลาม 5) อิสลามแบบไหน และ 6) แนวคิดแบบตะวัน

ตก การสมัครเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปของตุรกีท่ยืดยาวและยุ่งยาก








ทาให้ประเดนเหล่านล้วนมนยสาคญ และปัจจบนมมมองในประเดน





ดังกล่าวแปรเปล่ยนไป เพราะสถานะทางเศรษฐกิจของตุรกีมีความม่งค่ง


กว่าเดิมมากมายหลายเท่านัก (เม่อเปรียบเทียบกันแล้ว มูลค่าทาง

เศรษฐกจของตรกมมากกว่าประเทศอดตคอมมวนสต์ในสหภาพยโรป








เสียอีก เม่อเทียบกับสเปนแล้ว เศรษฐกิจของตุรกีเรียกได้ว่าติดจรวดเลย

ทีเดียว) กลุ่มผู้ก่อต้งสาธารณรัฐน้นมีความคิดเป็นตะวันตกสุดโต่ง โดยม ี





คตินิยมต้งอยู่บนรากฐานแห่งความรักชาติและความมุ่งม่นท่จะแยก

อิทธิพลของศาสนาออกจากชีวิตของสาธารณชน เพราะมองว่าน่นเป็น
เสมือนสิ่งกีดขวางความความเจริญ แต่แท้จริงแล้ว เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้
23
Turkey A Short History

บทน�ำ








ง่ายดายเพียงน้น โดยเฉพาะเม่อความม่งค่งทางเศรษฐกิจแพร่กระจาย
ออกไปท่วประเทศ ปลุกให้หมู่บ้านเล็กหมู่บ้านน้อยในดินแดนอะนาโตเลีย


ต่นจากความหลับใหล ในตุรกีการเมืองและศาสนามีความเช่อมโยงเก่ยว


พันกัน และรัฐบาลตุรกีหลายยุคสมัยก็ยึดถือพรรคการเมืองศาสนา ของ
ยุโรปเป็นแบบอย่าง อาทิ พรรคคริสเตียนเดโมแครตซึ่งสามารถบริหาร


ประเทศได้ดีไม่น้อย แต่การบริหารประเทศดังกล่าวทาให้เกิดความส่น





คลอน ทกวันน้ยงมีความห่วงกังวลเก่ยวกับประวติศาสตร์ของประเทศ
แม้แต่คนขับรถแท็กซี่ยังขบคิดเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง


ในฐานะคนนอก ผมคงไม่ควรจะพูดอะไรมาก ผมต้งใจท่จะไม่
แสดงความเห็นอะไร ยกเว้นเสียแต่จะบอกว่า ตุรกีในยุคปัจจุบันราวกับ

เป็นอีกฉากหน่งของการพัฒนาแบบไม่รู้จะไปทางไหนในช่วงปลายยุค
สมัยของสุลต่านอับดุลฮามิตท่ 2 (Abdülhamit II) แน่นอน ผมไม่รู้ว่า

ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร และประวัติของสุลต่านอับดุลฮามิตที่ 2 ก็ก�าลัง
ได้รับความสนใจศึกษาใหม่อีกครั้ง แต่ข้อเท็จจริงก็คือ แม้ว่าจักรวรรดิใน
ยุคสมัยของสุลต่านอับดุลฮามิตที่ 2 จะมีพื้นฐานเป็นรัฐศาสนา (อย่าง
น้อยก็ในทฤษฎี) แต่ก็มีความร่วมมือกับประเทศตะวันตกค่อนข้างมาก

นอกจากน้ ยังมีการส่งเสริมการศึกษาและการเติบโตข้นของกลุ่มปัญญาชน




รวมถึงนักวิชาการ ต่อมาจะกลายเป็นกาลังสาคัญในการก่อต้งสาธารณรัฐ

โดยกลุ่มปัญญาชน นักวิชาการและกองทัพกบฏต่อสุลต่านอับดุลฮามิต
ที่ 2 และความขัดแย้งดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ในปัจจุบัน




ผมหวังว่าหนงสือเล่มน้จะสามารถเช่อมโยงปัจจัยทงหกท่ได้เกรน





ถึงข้างต้นซ่งส่งผลให้ตุรกีกลายเป็นตุรกีในวันนี้ ทุกประเด็นล้วนยาก
ล�าบาก แม้ส�าหรับชาวต่างชาติที่พ�านักอาศัยอยู่ในตุรกีมาเป็นเวลานาน
เช่นผมและเพื่อนๆ ชาวตุรกีของผมก็บอกเช่นนั้น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือ
24
Turkey A Short History

บทน�ำ




ไม่ก็ตาม ผมจะไม่สาธยายเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ ให้ยืดยาว แต่จะ
กล่าวเพียงแค่ว่า ผมสนุกกับการสอนในมหาวิทยาลัยบิลเคนท์ (Bilkent



University) เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างย่งการสอนนกศกษาระดบ


ปริญญาตรี ถึงทุกวันน้ก็ยังคงติดต่อกับนักศึกษาหลายๆ คนอยู่ หรือ
เหล่าคนขับแท็กซ่ท่พากันอ้าปากค้างเพราะงุนงงกับระดับการใช้ภาษา






ตุรกีท่มีสาเนียงสกอตติชของผม นอกจากน้ ผมยังจาช่วงท่จัดการสัมมนา


รายสัปดาห์เก่ยวกับประวัติศาสตร์ยุโรปท่มหาวิทยาลัยโบอาซิจิ (Boğaziçi

University) ด้วยความต้นตันใจ ผมโชคดีท่อดีตลูกศิษย์สองคนคือ ฮัสซาน


อาลี คาราซาร์ (Hasan Ali Karasar) ซึ่งปัจจุบันเป็นเพื่อนร่วมงานของ


ผมท่มหาวิทยาลัยบิลเคนท์ และมูรัต สิวิลโอก์ลู (Murat Siviloğlu) ซ่ง






ทางานทวทยาลยปีเตอรเฮาส์ เคมบรดจ์ (Peterhouse, Cambridge) อาน


ต้นฉบับให้ผม ร่วมกับแอนดริว แมงโก (Andrew Mango) นักประวัติศาสตร์
ตุรกีผู้โด่งดัง ในขณะเดียวกัน ฟาห์ริ ดิคคายา (Fahri Dikkaya) นัก
โบราณคดีที่มหาวิทยาลัยบิลเคนท์ได้ช่วยตรวจสอบข้อมูลไม่ให้ผมเขียน

ผิดพลาดเก่ยวกับยุคออตโตมันช่วงต้น แต่ความผิดพลาดก็ยังอาจเกิดข้น

ได้อยู่ดี ท้ายน้ผมขอถือโอกาสขอบคุณทีมงานเปี่ยคุณภาพของสานัก


พิมพ์ เทมส์ แอนด์ ฮัดสัน และแคโรไลน์ มิเชล (Caroline Michel) เอเย่นต์
ของผมที่ช่วยจัดการบริหารภารกิจในครั้งนี้ อีกทั้งยังสอนให้ผมได้เรียนรู้
อะไรมากมาย

หมำยเหตุเกี่ยวกับกำรออกเสียงและเรียกชื่อต่ำงๆ


ผมมีความเช่อม่นว่าหนังสือประวัติศาสตร์ควรต้องใช้ช่อ

ประวัติศาสตร์ของสถานที่และผู้คนต่างๆ แน่นอนว่า ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะ
ลบหลู่ใคร ดังนั้น ผมจึงใช้ชื่อ คอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) และ
25
Turkey A Short History

บทน�ำ




สเมอร์นา (Smyrna) จนกระทั่งถึงจุดอวสานของจักรวรรดิ เช่นเดียวกับ
ที่ผมใช้ชื่อ อเลปโป (Aleppo) และซาโลนิก้า (Salonica) เป็นมาตรฐาน




นอกจากน้ ผมเลือกท่จะไม่ใส่เคร่องหมายแสดงการออกเสียงสาหรับ
คาศัพท์ออตโตมัน เพราะมันจะมีความหมายก็ต่อเม่อคุณอ่านภาษา


ออตโตมันได้เท่านั้น












































26
Turkey A Short History



บทน�ำ




































อารัมภบท
























28
Turkey A Short History

บทน�ำ






























































29
Turkey A Short History

อารัมภบท




ฟริทซ์ น็อยมาร์ค (Fritz Neumark) นักเศรษฐศาสตร์ชาวเยอรมัน


เคยเขียนผลงานช้นสาคัญเป็นภาษาเยอรมัน น่นคือหนังสือบันทึกความ





ทรงจาของเขาในตุรกีช่อ “Zuflucht am Bosporus” (ล้ภัยท่ช่องแคบบอส-
ฟอรัส) เขาไม่ใช่คนโรแมนติก แต่บรรยายถึงการที่เรือของเขาเดินทางมา
ถึงอิสตันบูลในช่วงปลายฤดูร้อนปี ค.ศ. 1933 ได้อย่างเห็นภาพ ในสมัย

น้นบ้านเรือนส่วนใหญ่ทาจากไม้และทาสีเขียว คุณเดินผ่านสุเหร่า

สีน�้าเงิน (Blue Mosque) โบสถ์ อายาโซเฟีย (Aya Sofya) และพระราช



วงโทปคาปึ (Topkapı Palace) โดยเรอของคณเทยบท่าอยท่ทาเรือในย่าน



ู่
กาลาตา (Galata) ซ่งเป็นท่ต้งของหอคอยอิตาเลียนโบราณอันโดดเด่น



และเห็นได้ท่วไปในภาพวาดยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา เรอเนซ็องส์


และอยู่ตรงข้ามกับอ่าวโกลเดนฮอร์น (Golden horn) ซ่งเป็นปากนาท ่ ี


แยกออกมาจากช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus) มีคนงานชาวเคิร์ดยก










กระเป๋าสมภาระของคณขนบนหลง นาคณเดนไปตามเส้นทางทเตมไป

ด้วยบันไดในย่านสกาลาเคีย (Skalakia) ของชาวกรีก ก่อนพาคุณเข้าพัก
ในโรงแรมปาร์ค (Park Hotel) อันเป็นตึกเป็นทรงอาร์ตเดโคสีหวานเหมือน
เค้กแต่งงานซ่งต้งอยู่ข้างสถานเอกอัครราชทูตเยอรมันแห่งเก่า หลังจาก



ท่มาถึงได้ไม่นาน น็อยมาร์คต้องเข้าร่วมงานเล้ยงรับรองท่รัฐมนตรีว่าการ


กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ เม่อคุณต้องการชุดออกงานก็ม ี

ช่างเยบเสอผ้าชาวกรกทสามารถตดสทให้คณได้ภายในสามวน










น็อยมาร์คเป็นผู้ลี้ภัยจากเยอรมันที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของฮิตเลอร์ และ
ได้งานทาเป็นครูสอนวิชาบัญชของมหาวิทยาลยแห่งใหม่ในอิสตันบูล




ช่วงน้นมีชาวเยอรมันนับพันคนท่เดินทางมาตุรกีในลักษณะเดียวกัน และ


ตอนน้น ดูเสมือนว่ากลุ่มผู้อพยพจะมีอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)


เป็นผู้นา เพราะไอน์สไตน์ได้ตอบรับตาแหน่งศาสตรเมธาจารย์ทางทฤษฎ ี
30
Turkey A Short History

อารัมภบท















ฟสิกสแลว (แตทายที่สุด ไอนสไตนก็ไมไดรับต�าแหนง เพราะต�าแหนงดัง
กล่าวได้รับความคาดหวังว่าต้องสอนด้วย แต่เขาไม่อยากสอน เขาจึงตอบ


รับตาแหน่งท่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตันในสหรัฐฯ แทน) กระน้นก็ดี ผู้อพยพ

ชาวเยอรมันคนอ่นๆ ก็ล้วนเป็นผู้มากความสามารถ และในช่วงทศวรรษ

นับจากนั้นก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า มหาวิทยาลัยอิสตันบูลแห่ง
ใหม่เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก

อาจารย์ผู้สอนเศรษฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยแห่งน้นคือ วิลเฮล์ม
โรพเกอ (Wilhelm Röpke) ซ่งเป็นผู้สร้างปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจใน

เยอรมันช่วงหลังสงครามโลก ส่วนปรัชญาคณิตศาสตร์ มีอาจารย์ผู้สอน
คือ ฮันส์ ไรเชนบาค (Hans Reichenbach) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสกีทีมชาติของ












ตรกด้วย แต่ผ้ทเรยกได้ว่าโดดเด่นทสดในกล่มผ้อพยพชาวเยอรมน ใน
รูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเองก็คือ เฮลมุทท์ ริทเทอร์ (Hellmut
Ritter) เป็นคนท่เข้าถึงยาก โหดร้ายและเหยมโหด เขาเคยทางานเป็น







สายลับในหน่วยข่าวกรองเยอรมันในช่วงสงครามโลกคร้งท่หน่ง ริทเทอร์


รู้ภาษาอาหรับและเปอร์เซียอย่างลึกซ้งถึงขนาดเป็นผู้เช่ยวชาญด้านกว ี


ของศาสนาอิสลามนิกายท่เน้นการภาวนาจิตเพ่อเข้าถึงพระเจ้า แต่ถูกไล่
ออกจากงานที่สถาบันตะวันออกศึกษาในเมืองฮัมบูร์ก โทษฐานรักร่วม

เพศ (นับว่าเป็นเร่องแปลกใหม่และใหญ่มากในยุคน้น) เขาจึงเดินทางมา

หางานท�าที่ตุรกี โดยในช่วงต้น เขาควบคุมจิตใจด้วยการเล่นเชลโลในวง
สตริงควอเต็ท วงดนตรีเครื่องสี 4 ชิ้นในกรุงอังการา ก่อนที่ต่อมาจะได้

งานทาเป็นบรรณารักษ์ในมหาวิทยาลัยอิสตันบูล และเป็นผู้จัดซ้อหนังสือ



ใหม่เข้ามาเสริมห้องสมุดท่ก่อนหน้าน้นมีบรรณารักษ์เป็นชายแก่ๆ คน

หน่งท่มีหนวด ซ่งเขียนรายช่อหนังสือใส่แผ่นกระดาษและยัดมันไว้ในล้นชัก






ผู้อพยพชาวเยอรมันคนอ่นๆ ก็เป็นบุคคลท่มีคุณภาพสูงเช่นกัน
31
Turkey A Short History

อารัมภบท




อาทิ คาร์ล อีเบิร์ท (Carl Ebert) เป็นผู้ก�ากับศิลปะ ผู้ก่อตั้งคณะโอเปร่า

กลินเดบูรน์ ก่อต้งคณะโอเปร่าและโรงเรียนการแสดงของโรงเรียนสอน
ดนตรีแห่งกรุงอังการาในปี ค.ศ. 1936 นอกจากนี้ยังมี เพาล์ ฮินเดมิท

(Paul Hindemith) คีตกวีผู้ช่วยวางรากฐานระบบการศึกษาด้านดนตรีใน


ตุรกี ขณะท่ดาวเด่นของกลุ่มคนเหล่าน้คือ แอนส์ท รอยเตอร์ (Ernst
Reuter) ผู้ท่ต่อมาได้ดารงตาแหน่งผู้ว่านครเบอร์ลินตะวันตก ช่วงท่รัสเซีย




















เรมทาการปดกนเบอรลนและอยในเหตการณการรวมจดตงการขนสงทาง

อากาศท่เบอร์ลินในปี ค.ศ. 1948 ซ่งรอยเตอร์ได้รับความช่วยเหลือออก


มาจากค่ายกักกันโดยชาวอังกฤษนิกายเควกเกอร์ และเดินทางไปกรุง
3
อังการาเพื่อสอนการวางผังเมืองในปี ค.ศ. 1935 เขาช�่าชองภาษาตุรกี
มากจนได้รับความไว้วางใจให้เป็นหน่งในคณะกรรมาธิการปฏิรูปภาษา




มีเป้าหมายในการสรรหาคาศัพท์ตุรกีโบราณเพ่อมาแทนท่ศัพท์อารบิก
และเปอร์เซีย ทุกคนคิดว่ารอยเตอร์ควรต้องมีความรู้ในเร่องดังกล่าว

เนื่องจากเขาเคยเป็นเชลยศึกในเอเชียกลางช่วงปี ค.ศ. 1917 ซึ่งอาจจะ
เกิดข้นจริงหรืออาจเป็นเร่องแต่งก็เป็นได้ อย่างไรก็ดี ผู้คนในกรุงอังการา


จดจ�าเขาด้วยความรักว่าเขาเป็นผู้ชายที่สูงมาก สวมหมวกกลม เดินทาง

ไปไหนมาไหนด้วยจักรยานคันเก่าๆ ซึ่งมีคนพูดถึงเขาในแง่น้เสมอ ใน

ขณะท่กรุงอังการาเองได้รับการเตรียมการให้เป็นเมืองหลวงโดยชาวยุโรป
กลางนั่นคือ ศาสตราจารย์เฮอร์แมน เจนเซน (Hermann Jansen) ที่รับ
ผิดชอบด้านการออกแบบ (ท่ชาญฉลาด) และศาสตราจารย์เคลเมนส์

โฮลซ์ไมส์เตอร์ (Clemens Holzmeister) ผู้รับผิดชอบด้านการก่อสร้าง (ที่
ชาญฉลาดไม่น้อยไปกว่ากัน แต่ก็ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้สักเท่าไหร่)

ประเทศตุรกีต้องการบุคคลเหล่าน้ เพราะประเทศได้ก่อต้งข้น


ใหม่ภายใต้แผนการพัฒนาด้านวัฒนธรรมเศรษฐกิจ การทหารแบบเร่ง
32
Turkey A Short History

อารัมภบท






ด่วนเพ่อยกมาตรฐานต่างๆ ให้เท่าเทียมกับประเทศตะวันตก ซ่งประเทศ



ตุรกีในวันน้คือสาธารณรัฐท่ก่อต้งข้นในปี ค.ศ. 1923 ด้วยพรมแดนท่ใกล้





เคียงกับปัจจุบันมาก ดินแดนแห่งน้เคยเป็นฐานท่ม่นของจักรวรรด ิ





ออตโตมันซ่งเม่อคร้งท่ย่งใหญ่ท่สุดน้นครอบครองพ้นท่ในสามทวีป




เลยทีเดียว แต่จักรวรรดิออตโตมันต้องเผชิญกับความเส่อมถอยตกตา นา




ไปสู่ความล่มสลายภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซึ่งตุรกีก็ก้าวออกมา



จากเงาของจักรวรรดิด้วยความมุ่งม่นของกลุ่มผู้นาท่ต่อต้านไม่ให้ประเทศ
ของพวกตนตกตาไปมากกว่าท่เป็นอยู่โดยอาศัยการพัฒนาประเทศ ท ี ่



น�าไปสู่การปฏิรูปครั้งส�าคัญในปี ค.ศ. 1928 ซึ่งก็คือ การปฏิรูปภาษา ใน



ช่วงเวลาน้นภาษาเขียนของตุรกีใช้อักษรอาหรับและมคาศพท์อาหรับ

จานวนมาก และจะใช้ภาษาเปอร์เซียสาหรับคาศัพท์ท่เก่ยวกับความรู้สึก







หรืออาหาร อยางไรก็ดี ภาษาอาหรับเปนภาษาที่ออกเสียงมาจากล�าคอ



และมสระเพยงสามตว แต่ภาษาตุรกมีสระแปดตว อกท้งยงประสบปัญหา








อย่างมากเกยวกบพยญชนะ เพราะในภาษาตรกมเสยง “ซ” ถงสแบบ








ดังนั้น การใช้อักษรลาตินหรือแม้แต่อักษรซีริลลิก (Cyrillic alphabet–ตัว







อกษรทใช้เป็นตวเขียนสาหรบภาษาในกล่มภาษาสลาวก–ผ้แปล) จงม ี




ความเหมาะสมมากกว่า โดยเฉพาะอย่างย่งหากเป้าหมายของการปฏิรูป

คือการทาให้คนท้งประเทศอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว และเหมือน


กับทุกๆ เร่องในตุรกี กองทัพก็กลายเป็นแรงผลักดันท่สร้างสรรค์ใน

ประเด็นนี้เช่นกัน เช่นเดียวกับกรณีการส่งสารลับในช่วงสงครามโลกครั้ง


ท่หน่ง ซ่งหากมีใครต้องการท่จะส่งสารลับโดยใส่รหัส ก็ต้องแปลสารเป็น


ภาษาฝร่งเศสเสียก่อน จากน้นจึงนาส่งโดยใช้จุดและขีดของรหัสมอร์ส




แล้วจึงรอให้ฝ่ายผู้รับถอดรหัสสาร ซ่งเหล่าทหารก็พยายามเสนอให้มีการ


ลดข้นตอนและกระบวนการดังกล่าวมาเป็นเวลานานแล้ว ในท่สุดหลังจาก
33
Turkey A Short History

อารัมภบท




สงครามยุติลงสิบปีจึงได้มีการปรับระบบโดยหันมาใช้อักษรลาตินแทน

การอ่านออกเขียนได้ขยายตัวออกไปท่วประเทศในท่สุด และ

ปัจจุบันตุรกีมีการแปลหนังสือต่างประเทศเป็นภาษาตุรกีกว่า 11,000
เล่มทุกปี ขณะที่ตัวเลขในตะวันออกกลางนั้นอยู่ที่ 300 เล่มเท่านั้น และ








นกเขยนตรกกประกาศตวบนเวทโลกอย่างรวดเรวโดย “ชาวประมงแห่ง
ฮาลิคาร์นัสเซิส–the Fisherman of Halicarnassus” (นามปากกาของ
เชวัต ชาเคอร์ คาบาอัชลึ–Cevat Şakir Kabaağaçlı นักเขียนนวนิยาย


และเร่องส้นชาวตุรกีท่เป็นท้งนักชาติพันธุ์วิทยาและนักเขียนบันทึกการ


เดินทางอีกด้วย–ผู้แปล) นักเขียนระดับเบสต์เซลเลอร์ในอังกฤษมาต้งแต่

ช่วงยุค ค.ศ. 1940 เช่นเดียวกันกับที่ออร์ฮาน ปามุก (Orhan Pamuk) ได้
รับความนิยมในทุกวันนี้ อย่างไรก็ดี การปฏิรูปมีข้อเสียอยู่มาก เพราะ
วัฒนธรรมทางวรรณกรรมของประเทศส่วนใหญ่สูญหายไป ส่งผลให้นัก

วิชาการพากันปฏิเสธการปฏิรูปและปล่อยเกียร์ว่าง ดังน้นในปี ค.ศ.1932
สถาบันวิทยาศาสตร์ประยุกต์หลวง (Imperial House of Applied Scienc-

es—เป็นช่อท่เรียกมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการ) ได้ถูกปิดลงไปเสีย



เฉยๆ ท้งน้เน่องจากมีชาวต่างชาติ รวมท้งชาวเยอรมันระดับมันสมอง



จานวนมากท่ถูกฮิตเลอร์ขับไล่ออกนอกประเทศอพยพมายังตุรกี ซ่ง


ถือว่าเป็นโชคดีของตุรกีท่บุคคลเหล่าน้ได้เข้ามาสร้างสรรค์ผลงานและ


แสดงบทบาทที่ส�าคัญในประเทศเหมือนดังอดีตที่ผ่านมา ไม่ต่างไปจาก
นาซึม ฮิคเมท (Nâzım Hikmet) กวีตุรกีผู้โดดเด่นในช่วงยุคศตวรรษท่ย่สิบ




ผู้เขียนบทกวีท่โด่งดังเก่ยวกับตุรกีและประวัติการยึดครองอะนาโตเลีย
โดยชาวเติร์ก ก็เป็นหลานของผู้อพยพจากโปแลนด์ ซึ่งบทกวีดังกล่าว มี
โคลงบรรทัดหนึ่งว่า “ดั่งอาชาชาญที่พุ่งทะยานออกมาจากเอเชีย พวก
เขาเข้ายึดครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียน”
34
Turkey A Short History





หนึ่ง จุดเริ่มต้น

จุดเร่มต้น








✧ จุดเริ่มต้น ✧




หัวใจของอาณาจักรออตโตมันคือ พระราชวังโทปคาปึ ต้งอยู่บน
คาบสมุทรขนาดเล็กท่เรือของฟริทซ์ น็อยมาร์ค (Fritz Neumark) อ้อม

ไปก่อนจะเข้าไปเทียบท่าท่แหลมโกลเดนฮอร์น โดยพระราชวังโทปคาปึ


มีความแตกต่างจากพระราชวังท่วๆ ไป เพราะแม้จะมีพ้นท่กว้างขวาง




แต่ตัวพระราชวังเองกลับมิได้มีความสูงใหญ่ อีกท้งยังต้งอยู่ในสวนท ่ ี
รายล้อมไปด้วยอาคารหลังเล็กท่งดงามมากมาย เรียกว่า คอชค์ [Köşk–เป็น



ท่มาของคาว่าคิออซค์ (kiosk)] สะท้อนถึงความเข้าใจอย่างลึกซ้งของเหล่า

ผู้น�าในยุคนั้นเกี่ยวกับประวัติของชนชาติพวกเขา เพราะพระราชวังเป็น



เสมือนอีกรูปแบบหน่งของการต้งเต็นท์ของหัวหน้าเผ่านักรบเร่ร่อนท่ม ี

ความอลังการ โดยสัญลักษณ์ของออตโตมันคือ ตราหางม้า ย่งเต็นท์ไหน

มีตราหางม้ามากเท่าไหร่ก็หมายความว่าเจ้าของเต็นท์มียศสูงมากเท่าน้น









เม่อกองทพออตโตมนยกทัพ เตนทเหล่าน้ถอเป็นศลปะท่น่าอศจรรย์ใจ




ไม่น้อย ตัวอย่างเต็นท์ท่ดีท่สุดอยู่ท่เมืองกรากุฟในโปแลนด์ซ่งถูกยึดไว้

ภายหลังจากกองทัพออตโตมันบุกล้อมกรุงเวียนนาในปี ค.ศ. 1683
ชาวเติร์กยุคแรกมาจากพ้นท่แถบเทือกเขาอัลไตในภูมิภาคเอเชีย


กลาง ทางพรมแดนทิศตะวันตกของมองโกเลียในปัจจุบันและอาจมีส่วน
เกี่ยวพันห่างๆ กับชนพื้นเมืองในแถบอลาสกา (Alasks) ที่อยู่อีกฟากฝั่ง
หนึ่งของช่องแคบเบริงด้วย (ภาษาเอสกิโมเรียก ‘หมี’ ว่า ‘อายู’ ซึ่งเป็น

ภาษาเตอร์กิช) หลักฐานทางประวัติศาสตร์เป็นลายลักษณ์อักษรท่ปรากฏ

ประปรายเอ่ยถึงชาวเติร์กเป็นคร้งแรก ในเอกสารของจีนจากยุคศตวรรษ
38
Turkey A Short History


จุดเร่มต้น



ท่ 2 ซ่งเรียกชนเผ่าน้ว่า ทยู-คยู (tyu-kyu) หลังจากน้นก็ปรากฏอีกใน









เอกสารของจีนยุคศตวรรษท่ 6 ช่อน้ใช้เรียกชนเผ่านักรบเร่ร่อนท่ชานาญ



การบุกโจมตีอารยธรรมท่เจริญกว่า ก่อนท่คาว่า เติร์ก ซ่งมีความหมายว่า



ผู้แข็งแรง จะกลายเป็นช่อของเผ่าท่ทรงอิทธิพลท่สุดโดยนักรบเร่ร่อน





เหล่าน้ ซ่งมีความเก่ยวพันกับชาวมองโกล รวมท้งอาจเก่ยวพันกับชาวฮ่น


เช่นกัน ได้ขยายตัวออกไปในพ้นท่อันกว้างใหญ่ไพศาลของเอเชียกลาง




สร้างความลาบากให้ชาวจีนเป็นอย่างมาก เพราะบางคร้งพวกเขาได้




ก่อต้งอาณาจักรบนท่ราบท่มีอายุยืนยาวเท่าช่วอายุคนก่อนท่จะถูกกลืน

โดยชาวเผ่าท้องถิ่นที่ตั้งรกรากในแถบนั้น ซึ่งประวัติศาสตร์จีนส่วนใหญ่



กของเกยวและกลาวถงการสรบอนยาวนานบนพรมแดนน จนทาใหเหน












ถึงความจาเป็นท่ต้องก่อสร้างกาแพงเมืองจีนข้นปกป้องตนเอง โดย



อาณาจักรบนพื้นที่ราบที่โดดเด่นที่สุดเป็นของชาวอุยกูร์ในยุค ค.ศ. 800

ซ่งได้เรียนรู้ท้งภาษาและวิชาการอ่นๆ จากจีน นอกจากน้ยังมีราชวงศ์



อื่นๆ ที่มีบรรพบุรุษเป็นชาวเติร์ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กุบไลข่าน (Kublai




Khan และชอกุบไลก็เป็นช่อภาษาตุรกีซ่งเป็นทนิยม) สมเด็จพระ




จักรพรรดิในตานานผู้ย่งใหญ่ผู้ก่อต้งฮานบาลึค หรือข่านบาลิค “มหานคร

แห่งผู้น�า” ซึ่งก็คือกรุงปักกิ่งในปัจจุบัน

ความเช่อมโยงกับภาษาตุรกีในหลายกรณีดูเสมือนเป็นการ
คาดเดาที่เปี่ยมจินตนาการและความโรแมนติก เพราะแท้จริงแล้วค�าว่า
เคิร์กกิซ (Kirghiz) หมายถึง 42 ในภาษาตุรกี จะหมายถึงชนเผ่า 42 เผ่า
หรือหมายถึงอะไรอย่างอื่นกันแน่ เช่น “ชนเผ่าเร่ร่อน” ในยุคศตวรรษที่
12 และ 13 มาร์โค โปโลกล่าวถงเตอร์กสถาน (เตร์กสถานตะวนออก




หรือเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ในปัจจุบัน–ผู้แปล) ว่าเป็น “ตุรกีที่
ย่งใหญ่” ซ่งช่อสถานท่ต่างๆ ในแถบน้นมีความเช่อมโยงกับภาษาตุรก ี






39
Turkey A Short History


จุดเร่มต้น




อย่างชัดเจนอยู่แล้ว อย่างเช่นแม่นาเยนิเซ (Yenisei) ในรัสเซีย มาจากคา


ภาษาตุรกีว่า เยนิเชย์ (yeni çay) แปลว่า แม่นาแห่งใหม่ หรือเมืองสตา-



ลินกราด (Stalingrad) ช่อเดิมคือ ซาลิทซีน (Tsaritsyn) น้น ไม่ได้เก่ยวข้อง


อะไรกับพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซียแต่อย่างใด หากแต่มาจากค�าว่า “ซาลิ ซู”



(sari su) แปลว่านาสีเหลืองในภาษาตุรกีน่นเอง นอกจากนี้ยังมีเร่องแปลก


ประหลาดอีกมาก อาทิ ทุนดรา (Tundra–ท่ราบท่ไม่มีต้นไม้ในรัสเซียตอน


เหนือเป็นเขตท่มีฤดูหนาวยาวนาน) คือรากศัพท์ของคาว่า ดอนดูร์มา

(dondurma) แปลว่าไอศกรีมในภาษาตุรกี ซึ่งภาษาตุรกีในปัจจุบันที่เป็น
มรดกตกทอดมาจากภาษาตุรกีโบราณนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่
กระนั้นชาวเติร์กในภูมิภาคอะนาโตเลียก็บอกว่า พวกเขาสามารถเข้าใจ
ภาษาคร์กซของชาวคร์กซสถานได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าประเทศทงสอง








จะห่างไกลกันหลายพันไมล์ ซ่งไวยากรณ์ภาษาตุรกีน้นมีรูประเบียบ
แบบแผน แต่ก็ต่างจากไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพราะบุพบทและเทนส์


จะถูกเสริมเข้ากับคาหลัก และสระแปรเปล่ยนไปตามสระเด่นของคาดัง

กล่าว ตัวอย่างท่ดีท่สุดน่าจะเป็นคาว่า พาสตรามี (pastrami) เป็นคาหน่ง





ในบรรดาค�ามากมายที่โลกปัจจุบันรับมาจากภาษาตุรกีโบราณ พาสตรา




มีเป็นคาศัพท์ภาษาอิตาเลียนท่เพ้ยนมาจากคาตุรกีด้งเดิมคือ พาสตูรมา

(pastırma) ซึ่งก็คือ เนื้อตากแห้งหมักและโปะด้วยเครื่องเทศหลากหลาย
ที่ใช้ขมิ้น (หรือ เชเมน–çemen–ในภาษาตุรกี) เป็นส่วนประกอบหลัก หั่น
เป็นช้นบางๆ โดยคาว่า พาส (pas) มาจากคาท่มีความหมายว่า กด ขณะท ่ ี




ค�าว่า ตูร (Tır–ตัว ı ที่ไม่มีจุดออกเสียงเหมือนค�าว่า ‘eu’ ในภาษาฝรั่งเศส

และผันเสียงเม่อใช้หลังพยัญชนะ a) หมายความว่า การก่อให้เกิดบางส่ง ิ
บางอย่าง และค�าว่า มา (ma ซึ่งเป็นสระเหมือนกัน และสามารถเปลี่ยน
เป็น me ได้เช่นกัน) ท�าให้ค�านี้กลายเป็นนาม ซึ่งอาหารชนิดนี้เก็บไว้ใต้
40
Turkey A Short History


จุดเร่มต้น



อานม้า สามารถให้พลังงานแก่พลธนูในการขี่ม้าข้ามทุ่งกว้างของเอเชีย
กลางได้คราวละหลายร้อยไมล์
ภาษาเขียนที่เก่าแก่ที่สุดในภาษาตุรกี (โดยใช้อักษรรูนิก) มีอายุ

ต้งแต่ศตวรรษท่แปด ถูกพบใกล้ทะเลสาบไบคาล (Lake Baikal ทะเลสาบ


ท่เก่าแก่และลึกท่สุดในโลก ต้งอยู่ในประเทศรัสเซีย–ผู้แปล) กล่าวถึง



โดกุส โออุซ (dokuz oğuz) หรือเผ่าทั้งเก้า แต่หลังจากนั้นไม่นานภาษา

ในรูปแบบของชนเผ่าอุยกูร์ท่เขียนในแบบอักษรจีนและเขียนจากบนลง
ล่างได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ถูกใช้ในการสื่อสารทางการทูตของ
เจงกิสข่าน (Genghis Khan–มีอายุอยู่ประมาณปี ค.ศ. 1167–1227) ผู้นา

ที่ยิ่งใหญ่แห่งชนชาติมองโกล (1)
นอกเหนือจากเอกสารท่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ชาวเติร์กในช่วงแรก







ไม่ได้มหลกฐานทางประวตศาสตร์เป็นลายลกษณ์ให้ชนรุ่นหลงได้ศกษา

สักเท่าไหร่ ท�าให้ต้องอาศัยเอกสารจากชนชาติอื่นแทน ไม่ว่าจะเป็นจีน

เปอร์เซย อาหรบ และไบแซนไทน์ ชาวเผ่าเตร์กเคล่อนยายไปยงฝงตะวนตก





ั่


และตะวันตกเฉียงใต้ มุ่งหน้าไปสู่อารยธรรมท่ย่งใหญ่ในเอเชียกลาง โดย

ชาวเผ่าเหล่านี้ยกพลมาราวระลอกคลื่น มีสองครั้งที่เปรียบดั่งคลื่นยักษ์
ที่จะพูดถึงในช่วงถัดไป เจงกิสข่านเป็นผู้รวบรวมและเป็นผู้น�าเผ่าต่างๆ
ทั้งมองโกลและเติร์ก (หรือตาตาร์) ช่วงต้นศตวรรษที่ 13 ทายาทของเขา
(1) อักษร ğ เป็นอักษรเงียบทาหน้าท่ขยายความยาวของเสียงพยัญชนะตัวท่อยู่



ข้างหน้า การเขียนเสียงในภาษาตุรกีเหล่านี้ เช่นเดียวกับกรณีของ ı ไม่มีจุด ท�าให้ผู้
ปฏิรูปภาษาในช่วงปี ค.ศ. 1920 ต้องใช้เวลาพิจารณาอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุด พวกเขา
ได้รับความช่วยเหลือจากชาวฮังการีท่มีประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับปัญหาใน

ลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน และตัว gy ในภาษาฮังการีที่ออกเสียงว่า ดจี (dj) ในภาษา
อังกฤษ ถูกน�ามาดัดแปลงเป็นตัว c ในภาษาตุรกี
41
Turkey A Short History


Click to View FlipBook Version