การเลี้ยงกงุ
แบบองิ ธรรมชาติ (Biomimicry)
กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสตั วน ํา้ ชายฝง
กรมประมง
คาํ นาํ
ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณท มี่ อบหมาย
ใหห นว ยงานภายใตส งั กดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ ดาํ เนนิ การ
สง เสรมิ และถา ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร สง เสรมิ การผลติ สนิ คา
เกษตรใหม คี ณุ ภาพไดม าตรฐาน เพมิ่ ขดี ความสามารถในการแขง ขนั
ของสินคาเกษตร และเพ่ิมรายไดของเกษตรกร ตลอดจนดูแล
คณุ ภาพชวี ติ ของเกษตรกร โดยจดั ทาํ โครงการระบบสง เสรมิ เกษตร
แบบแปลงใหญเพื่อใหเกษตรกรสามารถเพิ่มศักยภาพการผลิต
ลดตนทุนการผลิต เพิ่มมูลคาสินคา และเช่ือมโยงสูการตลาดได
อยา งยง่ั ยนื
กรมประมงโดยกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตวนํ้า
ชายฝง ไดด าํ เนนิ งานโครงการระบบสง เสรมิ เกษตรแบบแปลงใหญ
(กลมุ สัตวน้ําชายฝง) เพือ่ ขับเคลอ่ื นนโยบายดงั กลา ว และไดถอด
องคความรูการเล้ียงกุงทะเลของ นายเดชา บรรลือเดช ซ่ึงเปน
เกษตรกรทเ่ี ขา รว มโครงการฯ และเปน ผคู ดิ คน แนวทางการเลยี้ งกงุ
แบบอิงธรรมชาติดวยระบบน้ําหมุนเวียนแบบปด เพื่อปองกัน
การเกดิ โรค ซงึ่ จะชว ยใหเ กษตรกรและผทู สี่ นใจการเพาะเลย้ี งกงุ ทะเล
สามารถนําไปประยุกตใช กอใหเกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรม
กุงทะเล และหวังวาหนังสือฉบับน้ีจะเปนประโยชนตอหนวยงาน
ภาครัฐ ภาคเอกชน และผูท ส่ี นใจทวั่ ไป
ท่ีปรึกษา
o ดร.สุทธินี ล้มิ ธรรมมหศิ ร ผอู าํ นวยการ
กองวิจัยและพฒั นาการเพาะเล้ยี งสตั วน า้ํ ชายฝง
o ดร.พทุ ธ สองแสงจินดา ผูเชีย่ วชาญดา นการเพาะเลี้ยงกงุ ทะเล
o นายยงยทุ ธ ปรดี าลมั พะบตุ ร ผูเชยี่ วชาญดา นการเพาะเลี้ยงสตั วนา้ํ ชายฝง
ผูจ ดั ทํา หวั หนา กลมุ วจิ ยั เทคโนโลยกี ารเพาะเลยี้ งสตั วน า้ํ ชายฝง
o ดร.ชยั วุฒิ สดุ ทองคง กองวจิ ัยและพฒั นาการเพาะเลย้ี งสตั วนาํ้ ชายฝง
o นางสาวประภาพร ดีมาก นกั วิชาการประมงปฏบิ ตั ิการ
o นายคมสัน ทองแถม กองวิจยั และพฒั นาการเพาะเลย้ี งสัตวนาํ้ ชายฝง
o นางสาวมณรี ัตน แซคู นกั วิชาการประมงปฏิบตั ิการ
o นางสาวธณฏั ฐา รตั นกรณั ฑ กองวจิ ยั และพัฒนาการเพาะเล้ียงสัตวนาํ้ ชายฝง
o นายวรงค คุณารกั ษ นักวชิ าการประมง
กองวจิ ัยและพฒั นาการเพาะเลยี้ งสัตวน้าํ ชายฝง
นกั วิชาการประมง
กองวจิ ยั และพัฒนาการเพาะเลย้ี งสัตวน ้าํ ชายฝง
นกั วิชาการประมง
กองวิจยั และพัฒนาการเพาะเลย้ี งสัตวนา้ํ ชายฝง
ขอขอบคณุ ประธานสหกรณผ เู ลยี้ งกงุ ลมุ นาํ้ สามรอ ยยอด - ปราณบรุ ี
o นายเดชา บรรลอื เดช จํากดั จงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ
พิมพค ร้งั ที่ 1 เมษายน 2563
สารบญั
• การเลีย้ งกุง แบบองิ ธรรมชาติ (Biomimicry)… 1
• หลักการและเหตผุ ลในการเล้ยี งกงุ แบบอิงธรรมชาต…ิ 3
• การแบงสดั สวนของบอเลีย้ งกุง แบบอิงธรรมชาติ… 4
• จดุ เดนและขอดีของการเลยี้ งกุงแบบอิงธรรมชาต…ิ 7
• วิธีการเลย้ี งกุง แบบอิงธรรมชาต…ิ 8
• การใหอ าหาร… 15
• การใชจุลินทรีย ปม.1 ของกรมประมง… 16
• ปจจัยทีท่ ําใหก ารเลย้ี งกงุ ประสบผลสําเร็จ… 18
• คุณภาพนํ้าทเี่ หมาะสมสําหรับการเล้ียงกุง … 19
การเลีย้ งกงุ แบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry” • 1
การเลี้ยงกุงแบบอิงธรรมชาติ
(Biomimicry)
นายเดชา บรรลือเดช
ผทู รงคุณวฒุ ิดา นประมง สมาชิกสภาเกษตรกรแหงชาติ
และประธานกรรมการศนู ยเ รียนรูการเล้ยี งกุงแบบองิ ธรรมชาติ
ผลกระทบของโรคตายดวนหรือโรค EMS (Early Mortality Syndrome)
ท่เี กิดจากเช้ือ Vibrio parahaemolyticus (VpAHPND) ทเ่ี กดิ ขน้ึ กบั เกษตรกรผเู ล้ยี งกงุ
ของประเทศไทย ทําใหเกษตรกรผูเล้ียงกุงประสบปญหาขาดทุน มีภาระหน้ีสิน
สวนหนึ่งจําเปนตองหยุดเลี้ยงกุง ทําใหผลผลิตกุงทะเลของประเทศไทยลดลง
เปนจํานวนมาก สรางความเสียหายใหกับอุตสาหกรรมกุงของประเทศไทย
จากความเสียหายท่ีเกิดข้ึนทําใหนักวิชาการและเกษตรกรผูเลี้ยงกุงพยายาม
หาทางแกปญหาโรคตายดวน นายเดชา บรรลือเดช ผูทรงคุณวุฒิดานประมง
สมาชิกสภาเกษตรกรแหงชาติ ประธานสหกรณผูเล้ียงกุงลุมนํ้าสามรอยยอด -
ปราณบุรี จํากัด ผูจัดการแปลงใหญภาคเกษตรกร ของสหกรณผูเลี้ยงกุงลุมนํ้า
สามรอ ยยอด - ปราณบรุ ี จาํ กดั (แปลงป 2560) ซง่ึ เปนผูม ีประสบการณด า นการ
เล้ยี งกงุ ทะเลมากกวา 30 ป ไดพ ยายามหาแนวทางการแกปญ หาท่เี กิดข้ึนใหกบั
สมาชกิ และเกษตรกรผเู ลย้ี งกงุ ทว่ั ประเทศ จากการศกึ ษาขอ มลู และทดลองรปู แบบ
การเลย้ี งหลายวธิ ี พบวา รปู แบบการเลย้ี งกงุ โดยการเลยี นแบบธรรมชาตเิ พอ่ื สรา ง
สงิ่ มชี วี ติ ใหเ กดิ ขน้ึ สาํ หรบั เกอ้ื หนนุ การดาํ รงชวี ติ ของสตั วน า้ํ อยา งยงั่ ยนื สามารถ
ลดความเสยี หายทเี่ กดิ จากโรคตายดว นไดอ ยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพม่ิ ผลผลติ ปลอดภยั
จากยาและสารเคมตี กคา ง ถอื เปน การพฒั นาเทคนคิ การเลย้ี งทสี่ ามารถแกป ญ หา
การเล้ียงกุงได สภาเกษตรกรแหงชาติจึงไดดําเนินการย่ืนคําขอจดอนุสิทธิบัตร
การประดษิ ฐใ นชอื่ “บอ เลยี้ งกงุ และกระบวนการเลยี้ งกงุ แบบองิ ธรรมชาตริ ะบบนา้ํ
หมุนเวียนแบบปด” ตอกรมทรัพยสินทางปญญา กระทรวงพาณิชย โดยมี
2 • การเล้ียงกงุ แบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry”
นายเดชา บรรลือเดช เปนผูประดิษฐ อีกทั้งการเลี้ยงกุงรูปแบบการเลียนแบบ
ธรรมชาตินี้ยงั มคี วามเหมาะสมกบั เกษตรกรรายยอย เนือ่ งจากลงทนุ ตํ่า ชว ยลด
ความเสยี่ งของการเกดิ โรค และสามารถสรา งผลตอบแทนทส่ี งู ขนึ้ โดยมแี นวคดิ คอื
1. เล้ียงกงุ อยา งไรไมใหเ ปน โรคตายดว น
2. เล้ียงกุงอยา งไรใหกุงโต
3. เลีย้ งกุง อยา งไรใหต น ทุนตํ่า
4. เลี้ยงกุงอยา งไรใหเ ปน อาชพี ที่ยง่ั ยนื
5. เลย้ี งกงุ อยางไรใหปลอดภยั ตอ ผูบ ริโภคและมตี ลาดรองรบั
ภายใตแนวทางดังกลาวยังมีวิธีปฏิบัติเชิงลึกท่ีสําคัญอีกหลายอยาง เชน
การสรางฟล็อก (Floc) แบบแขวนลอย (Suspend Floc) การลากโซ (Chain
Dragging) การใชโพรไบโอติก (Probiotic) การเลือกลูกพันธุ (Seed Selection)
โดยรวมแลวสามารถกลาวไดวา เปนกระบวนการของการเลี้ยงสัตวนํ้าแบบใหม
ท่ีคิดคน โดยเกษตรกร (Farmer Knowledge) ของไทย และไดพฒั นาไปสกู ารเปน
นวัตกรรม (Innovation) ซึ่งอาจกลาวไดวาเปนนวัตกรรมเชิงปฏิวัติ (Radical
Innovation)
เกษตรกรทเี่ ขา สรู ะบบการเลย้ี งสตั วน าํ้ ดว ยแนวคดิ นี้ จะทาํ ใหก งุ ทเ่ี ลย้ี งอยู
ในสภาพแวดลอมท่ีใกลเคียงกับในธรรมชาติมากที่สุด ทําใหเกิดการจัดการ
การเลี้ยงกุงเลียนแบบธรรมชาติซึ่งเรียกวา Biomimicry หรือการเล้ียงกุงแบบ
องิ ธรรมชาติ โดยการสรา งสภาวะแวดลอ มใหเ หมาะสมกบั แพลงกต อน โดยเฉพาะ
แพลงกตอนสัตว ซ่ึงสวนใหญ คือ โคพีพอด (Copepod) ท่ีเปนอาหารเสริม
ทีม่ ีประโยชนสําหรบั กงุ
การเล้ียงกุงแบบองิ ธรรมชาติมี 3 หลกั เกณฑในการดาํ เนนิ การที่สําคัญ คอื
1. เปนระบบปดน้ําแบบหมุนเวียน ผานการกรองดวยส่ิงมีชีวิต (Closed
Recirculation Aquaculture System : RAS ; Bio filtration)
2. มรี ะบบกําจัดของเสยี ออกจากบอ
3. มีกระบวนการสรา งอาหารธรรมชาติในบอ เลี้ยง
การเลี้ยงกงุ แบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry” • 3
หลักการและเหตผุ ล
ในการเล้ียงกงุ แบบอิงธรรมชาติ
หลักการ เหตุผล
1. เล้ียงระบบปด แบบ ลดการเปลยี่ นถา ยนาํ้ เมอื่ มคี วามจาํ เปน ตอ งขจดั สารอนิ ทรยี
นํ้าหมุนเวียนผา นระบบ แอมโมเนียออกจากระบบ ลดผลกระทบตอสิ่งแวดลอม
การกรองดว ยส่ิงมชี วี ิต เปนการใชทรัพยากรน้ําอยางประหยดั
2. มีระบบขจดั ของเสีย ของเสียท่ีเกิดขึ้นในบอที่เปนสารอินทรีย จะถูกรวบรวมไว
ออกจากบอ ในบอตกตะกอนและนําออก เพ่ือไมใหเปนอาหารและ
แหลงอาศัยของเชอ้ื แบคทีเรียทก่ี อ โรค
3. มรี ะบบการสรางอาหาร ชวงแรก มีความสําคัญในการสรางภูมิคุมกันใหกับลูกกุง
ธรรมชาตใิ นบอ เลยี้ ง จงึ จาํ เปน ตอ งมกี ารสรา งอาหารธรรมชาตใิ นบอ เลยี้ งใหล กู กงุ กนิ
ในขณะเดยี วกนั กระบวนการสรา งอาหารธรรมชาตใิ นบอ จะขจดั
กาซไขเ นา (H2S) และกา ซมเี ทน (CH4) ไปพรอ มๆ กนั
4. กระบวนการสรา งตะกอน รําขา วจะเปนตะกอนแขวนลอยเบา (Suspend Floc) เพือ่ ใช
แขวนลอย (Suspend Floc) พลางแสงอาทติ ยท ที่ าํ ใหแ พลงกต อนพชื ขยายตวั ชา ลง ซง่ึ จะ
จากรําขาวหมกั กับจลุ นิ ทรยี มผี ลทาํ ใหค า pH ในรอบวนั คอ นขา งเสถยี ร และเปน ทอ่ี ยอู าศยั
ท่มี ปี ระสทิ ธิภาพ ของจุลนิ ทรียดว ยเชนกัน
5. กระบวนการลากโซ เพ่ือขจัด ไบโอฟลม (Biofilm) ท่ีเกิดข้ึนบริเวณผิวพื้นบอ
(Chain Dragging) ซึง่ เปน ทอี่ ยูอาศัยของเชื้อโรคตา งๆ เมือ่ Biofilm ถกู ทาํ ลาย
จากการลากโซแ ละถูกยอ ยสลาย เช้ือโรคตา งๆ กไ็ มส ามารถ
เพ่มิ จํานวนไดอ ยา งรวดเรว็ จนเปน ภัยตอกงุ ได
6. เลอื กใชจ ลุ นิ ทรยี ท เ่ี หมาะสม เพื่อใชในการปรับปรุงดิน ตั้งแตเริ่มตนของกระบวนการ
(Suitable Probiotic) การเลยี้ ง : สรา งสตั วห นา ดนิ ขจดั สารอนิ ทรยี ควบคมุ แบคทเี รยี
ท่ที าํ ใหเกิดโรค
7. การคดั เลอื กลูกพนั ธุ คดั กรองลกู กงุ ทต่ี ดิ เชอ้ื ออกจากระบบโรงเพาะฟก (Hatchery)
(Seed Selection) เพอื่ ยน ระยะเวลาการเลย้ี ง เพมิ่ อตั รารอด และลดความเสยี่ ง
ใหกับเกษตรกร
8. ปรบั โครงสรา งบอเล้ยี งให เพอื่ ใหง า ยตอ การควบคมุ คณุ ภาพนา้ํ ใหอ ยใู นเกณฑท เี่ หมาะสม
เลก็ ลง (2.5 - 3 ไร) ออกแบบ ในทกุ พารามเิ ตอร ใหส อดรบั กับความเคม็ และสามารถรวม
ใหมีระบบนาํ้ หมนุ เวยี น ตะกอนสารอนิ ทรียไ ดงายขึน้
อยา งนอ ย 2 ขัน้ ตอน
4 • การเลย้ี งกุง แบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry”
การแบง สดั สวนของบอเลี้ยงกุง
แบบองิ ธรรมชาติ
1. บอเลี้ยง มีลักษณะลาดเอียงลงสูจุดศูนยกลาง มีการขุดหลุมลึก
ทม่ี ขี นาดประมาณ 10 - 15% ของพน้ื ทบ่ี อ โดยใหม คี วามลาดชนั ของหลมุ (Slope)
ประมาณ 45 องศา พรอมวางทอเพื่อดูดของเสียและสิ่งตกคางตาง ๆ ท่ีอยูใน
บอ เลย้ี งออกไปสูบอตกตะกอน
การเล้ยี งกงุ แบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry” • 5
2. บอ ตกตะกอน คอื บอ ทบ่ี าํ บดั นาํ้ ดว ย
วิธีธรรมชาติ โดยการขุดบอตกตะกอนชั้นใน
ตลอดความยาวของบอ ความลึกประมาณ
50 เซนติเมตร เพ่ือใหสารแขวนลอย ของเสีย
และสง่ิ ตกคา งตกตะกอนไปอยตู รงกน บอ โดยนาํ้
จากบอ ตกตะกอนจะถูกสง ไปยงั บอบําบัด
6 • การเลยี้ งกุงแบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry”
3. บอบาํ บดั และบอ พกั คอื บอท่ีรับน้ําจากบอ ตกตะกอน
จะถูกสงมาบําบัดตามธรรมชาติ ซงึ่ ในบอ บําบัด จะมีการเล้ียงปลา
ชนดิ ตา ง ๆ และอาจมรี ะบบเตมิ อากาศ เพ่อื ชว ยในการบาํ บดั นา้ํ
โดยนา้ํ ทบ่ี าํ บดั แลว จะถกู สง เขา บอ พกั กอ นจะถกู หมนุ เวยี นกลับสู
บอเลี้ยงอกี คร้ังหนงึ่
การเลีย้ งกุง แบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry” • 7
จุดเดน และขอดีของการเล้ยี งกุงแบบองิ ธรรมชาติ
1. ไมม กี ารนาํ ตะกอนเลนหรอื สารอนิ ทรยี ท เ่ี กดิ ขนึ้ ในระบบการเลยี้ งภายในบอ
ท้ิงภายนอกฟารม แตระบบนี้สามารถนําตะกอนเลนและสารอินทรียท่ีเกิดข้ึน
ไปใชประโยชน โดยสามารถแปรเปล่ียนเปนหวงโซอาหารธรรมชาติท่ีสามารถ
เกดิ ข้ึนเองไดอ ยางครบถวน เหมอื นสิง่ แวดลอ มในธรรมชาตติ ามท่กี ุงตอ งการ
2. เกษตรกรสามารถลงทนุ ไดด ว ยตัวเอง โดยระบบ Biomimicry มีตนทนุ
ที่ไมสูงมาก โดยการใชวัตถุดิบและจุลินทรียท่ีไดมาจากธรรมชาติ ไมมีสวนผสม
ของสารเคมี จึงทําใหสามารถสรางระบบการเล้ียงไดโดยไมต อ งลงทนุ สงู อกี ทงั้
ระบบดงั กลา วยงั ไมต อ งกงั วลในเรอื่ งของปจ จยั เสยี่ งตา ง ๆ ที่อาจพบเหมือนใน
ระบบการเลย้ี งทวั่ ๆ ไป
3. สามารถนํากุงท่ีเลี้ยงในระบบ Biomimicry ข้ึนมาใชเปนพอแมพันธุ
ท่ีมีประสิทธิภาพ โดยจากการทดสอบดวยการเล้ียงกุงในระบบ Biomimicry
แบบเตม็ ระบบจากลกู กงุ จนโตเปน พอ แมพ นั ธพุ บวา พอ แมพ นั ธนุ นั้ สามารถผลติ
ลูกพันธทุ ม่ี ีความสมบูรณแข็งแรง
4. มีความย่ังยืนในการประกอบอาชีพเลี้ยงกุง เพราะเปนระบบท่ีไมมี
ความเสี่ยงและเปนท่ียอมรับจากตางประเทศ เมื่อนําระบบดังกลาวไปใช
อยางมีประสิทธิภาพ สามารถผลิตกุงไดโดยไมพบปญหาเร่ืองโรคระบาดและ
ปจจัยเสี่ยงอ่ืน ๆ และสามารถผลิตกุงไดในปริมาณที่ตองการเชนเดิม ทําให
ประเทศไทยเปนท่ยี อมรับในเร่อื งการพัฒนาเทคโนโลยีการเล้ยี งกงุ โดยประเทศ
ที่ไดนาํ ระบบ Biomimicry ไปใชม หี ลายประเทศ เชน ประเทศเวยี ดนาม อินเดีย
มาเลเซยี เม็กซโิ ก และเอกวาดอร เปน ตน
5. นอกจากการวางระบบการเลี้ยงภายในฟารมแลว อาหารก็เปนปจจัย
ทสี่ าํ คญั โดยในการเลยี้ งระบบนจ้ี ะใชอ าหารแบบธรรมชาติ ดว ยการนาํ ราํ ละเอยี ด
มาหมกั กับจุลินทรีย ทิง้ ไว 48 ช่วั โมง แลวจงึ นาํ ไปสาดลงในบอ เลี้ยง กอ ใหเกดิ
สัตวหนาดินและแพลงกตอนสัตวท่ีเปนอาหารตามธรรมชาติของลูกกุงตอไป
ซึง่ นายเดชาไดกลา วไวว า “หวั ใจของการเลย้ี งกงุ คอื พื้นสะอาด แรธาตุเพียงพอ
กจ็ ะสามารถทําใหการเลย้ี งกุงประสบความสําเร็จได”
8 • การเลย้ี งกุง แบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry”
วิธีการเลี้ยงกุงแบบอิงธรรมชาติ
1. ปรับขนาดบอ เล้ยี งใหเลก็ ลง โดยมีขนาดต้งั แต 2.5 - 3 ไร รูปทรงบอ
ใหเ ปน รปู สเ่ี หลยี่ มจตั รุ สั และใหล บมมุ บอ ทกุ มมุ ซง่ึ จะทาํ ใหบ อ มลี กั ษณะใกลเ คยี ง
กบั บอ กลม ซง่ึ บอ ขนาดเลก็ สามารถบรหิ ารจดั การนา้ํ ไดง า ยกวา ทมี่ ขี นาดบอ ใหญ
มปี ระสิทธิภาพมากกวา และสามารถจัดการไดในเวลาอันรวดเร็วและทนั ทวงที
2. กลางบอ ขดุ หลมุ กลมขนาด 10 - 15% ของพนื้ ทบี่ อ โดยมคี วามลาดชนั
ของหลมุ กลางบอ ประมาณ 45 องศา กน หลมุ ฝง ทอ ซเี มนต (วงสว ม) ขนาดเสน ผา น
ศูนยกลาง 80 เซนตเิ มตร 2 ทอ วางซอ นกัน พน้ื ที่รอบๆ หลมุ กลางบอใหท าํ แนว
ลาดเอยี งเขา หาหลมุ กลางบอ ทกุ ดา น เพอ่ื ใชเ ปน ทร่ี วมเลน ในการเลย้ี งจะดดู เลน
ออกจากหลุมบอเลีย้ งทกุ วนั วันละ 1 ชวั่ โมงเปนอยางนอ ย หรอื จนกวานํ้าทด่ี ูด
ออกมาจะใส
3. ติดตงั้ ทอดดู เลนขนาด 4 น้ิว กลางหลุมและฝง ทอวางตามพ้นื บอ ไปยัง
บรเิ วณขอบบอ ทเ่ี ปน ทตี่ งั้ ของปม ทจ่ี ะใชด ดู เลนจากบอ เลยี้ งไปยงั บอ ตกตะกอน และ
จดั วางใบพดั ตนี า้ํ ในตาํ แหนง ทสี่ ามารถรวมตะกอนเลนมายงั หลมุ กลางบอ ไดด ี ตะกอน
เลนขก้ี งุ และเศษอาหารจะถกู สง เขา บอ ตกตะกอนเพอ่ื เปน อาหารปลา ในขณะเดยี วกนั
นํ้าจะตกตะกอนเม่ือทิ้งไวระยะเวลาหนง่ึ นาํ้ ใสสว นบนจะไหลเขา บอ บาํ บดั ท่ี 1
และ 2 กอ นไหลเขา สบู อ พกั กอ นจะหมนุ เวยี นกลบั มายงั บอ เลย้ี ง ซง่ึ นาํ้ จากบอ พกั
จะมคี ุณภาพดี มปี ริมาณ NH4 และ NO2 คอ นขา งต่ําหรอื อาจตรวจไมพ บเลย
4. จดั ใหม บี อ พกั นา้ํ ขนาดเทา กบั บอ เลยี้ งหรอื ใหญก วา กไ็ ด โดยแบง เปน 3 สว น
(อาจแบง โดยใชก บั บอ ดนิ หรอื บอ ปพู ลาสตกิ กไ็ ด) ใหน า้ํ สามารถไหลผา นเขา หากนั ได
ซงึ่ อาจเปน การวางทอ ขวางและรดั ปลายทอ ดว ยตาขา ยเพอื่ กรองสงิ่ ทไี่ มต อ งการออก
ตะกอนเลน ขกี้ งุ และเศษอาหารจากบอ เลยี้ งทถ่ี กู รวมไวใ นหลมุ กลางบอ จะถกู ดดู
มาลงทีบ่ อ ตกตะกอน ในบอนใี้ ชปลาเปนตวั กรองกินสารอินทรีย สาหรา ย และ
แพลงกต อน (ปลานวลจนั ทรท ะเล ปลานลิ ) ไปยงั บอ บาํ บดั ท่ี 1 บอ บาํ บดั ท่ี 2 และ
เขา บอ พกั นา้ํ กอ นหมนุ เวยี นกลบั มาทบี่ อ เลย้ี ง ทกุ บอ จะมปี ลาทท่ี าํ หนา ทเี่ ปน ตวั กรอง
ตามธรรมชาติ โดยกําหนดความหนาแนนของปลาใหเ หมาะสมกับพน้ื ท่บี อ
การเลย้ี งกงุ แบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry” • 9
ตวั อยา ง การวางรูปแบบบอ
การออกแบบบอเลย้ี งกงุ บอพกั บอบาํ บดั 2
แบบอิงธรรมชาติ บอเลยี้ ง บอบาํ บดั 1
ระบบน้ําหมุนเวียน บอ ตกตะกอน
แบบบอ เลยี้ ง 1 บอ
การออกแบบบอเลย้ี งกงุ
แบบอิงธรรมชาตริ ะบบนา้ํ หมุนเวียน แบบบอเล้ยี ง 2 บอ
บอ พัก บอบาํ บดั 2 บอพกั
บอ เลี้ยง 1 บอบําบดั 1 บอ เล้ยี ง 2
บอ ตกตะกอน
10 • การเลีย้ งกงุ แบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry”
บอ ตกตะกอน
บอพัก/บอ บาํ บดั
บอเลยี้ ง 2 ไร
บอ ตกตะกอน
บอ เลย้ี ง 3 ไร
บอ บาํ บัด บอ พกั
บอตกตะกอน
บอ บาํ บัด บอ พัก
บอเลี้ยง 2.25 ไร
การเลี้ยงกุงแบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry” • 11
5. สมุ วดั คา pH ของดนิ พน้ื บอ 8 ถงึ 10 จดุ โดยใหอ ยใู นทศิ ทางตรงขา มกนั
และหา งกนั อยา งนอ ย 10 เมตร หรอื ตรงขา มหลมุ คา เฉลย่ี ทไ่ี ดจ ะตอ งอยรู ะหวา ง
6.8 - 7.0 ซึ่งถือวา เปน คา pH ของดนิ ทเี่ หมาะสมสําหรับการสรา งสัตวห นาดิน
เพอื่ เปน อาหารลกู กงุ หากคา pH ตาํ่ กวา 6.8 ใหป รบั ปรงุ pH ของดนิ ดว ยวสั ดปุ นู
เพ่อื ใหไ ดคา pH ทีเ่ หมาะสม
6. ปลอ ยนํ้าเขาบอ เล้ยี งใหม ีความลกึ ประมาณ 1.5 เมตร
• วันที่ 1 ลงกากชา 2 ถุง (20 กิโลกรัม)/ไร (กากชาผานการแชน้ํา
เปน เวลา 1 คืน) ตามดวยหวั เช้อื จลุ ินทรีย Bacillus spp. ปริมาณ 150 กรมั หรอื
150 มลิ ลลิ ติ ร/ไร หรอื บาซลิ ลสั ทขี่ ยายเพม่ิ จาํ นวนแลว (สตู รขยายหวั เชอื้ จลุ นิ ทรยี
ปม.1) 100 ลติ ร/ไร จากนัน้ ทําการลากโซเ พ่อื บําบดั สารอินทรียทตี่ กคางบรเิ วณ
พ้ืนบอ เสรจ็ แลว เปด เครอ่ื งตีนํา้ ทาํ การลากโซทกุ วัน ประมาณ 2 - 3 วัน
12 • การเล้ียงกุงแบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry”
• วนั ที่ 4 ใชร าํ หมกั 100 กโิ ลกรมั /ไร สาดใหท วั่ บอ หรอื สาดหนา ใบพดั ตนี า้ํ
• วนั ท่ี 5, 6, 7 และ 8 ทาํ การหมกั ราํ วนั ละ 20 กโิ ลกรมั /ไร (เรม่ิ หมกั ราํ
วันที่ 5) หมักไว 48 ชั่วโมง เพื่อนําไปใชในวันที่ 7, 8, 9 และ 10 วันละ
20 กโิ ลกรัม/ไร (เริม่ พบโคพีพอด)
• กรณีสีนํ้าในบอใส มีความขุนนอยกวา 60 เซนติเมตร อาจเติม
รําหมัก ประมาณ 5 กโิ ลกรมั /ไร วนั ละ 1 ครงั้ จนมีสนี ้ําท่เี หมาะสม
สูตรหมกั รํา
1. ราํ ละเอยี ดทผี่ า นการรอ นดว ยมงุ ไนลอนสฟี า (มงุ ฟา ) ขนาด 24 ตา
(1 ตารางน้ิว มีเสนไนลอนในแนวนอนแนวขวางดานละ 24 เสน) ปรมิ าณ
100 กโิ ลกรมั
2. โซเดยี มไบคารบ อเนต (Sodium bicarbonate) ปรมิ าณ 20 กโิ ลกรมั
3. แบคทีเรียบาซิลลัส 200 - 400 กรมั หรือ 800 มลิ ลลิ ติ ร เชน
Bacillus subtilis, B. amyloliquefaiens, B. vallismortis หรอื B. licheniformis
อาจใชผลิตภัณฑที่มีจุลินทรียหลายชนิด หรืออยางนอยควรมี B. subtilis
และ B. lichenifomis
4. นา้ํ สะอาด (น้ําจืด) 200 - 250 ลติ ร หมกั นาน 48 ช่วั โมง
การเลี้ยงกุง แบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry” • 13
การสรางอาหารธรรมชาตเิ ปนสิง่ จําเปน สําหรับลูกกงุ วัยออ น
เพ่อื สรางภมู ิคมุ กันใหกบั ลกู กุง ระยะ 10 - 15 วันแรกท่ลี งบอ เลี้ยง
หมกั ราํ
โคพีพอด
7. เม่ือกระบวนการเตรียมน้ําเสร็จแลว คุณภาพนํ้าควรอยูในเกณฑ
ท่ีเหมาะสมสําหรบั การปลอ ยลกู กงุ ลงเลี้ยง โดยมีคาพารามเิ ตอรตางๆ ดงั นี้
• คา pH นํ้า 7.5 - 8.0
• คาอลั คาไลน 90 - 120 mg/l
• คา แคลเซยี ม 15 - 20 mg/ความเค็ม 1 ppt
• คา แมกนเี ซียม 40 - 50 mg/ความเค็ม 1 ppt
• คาโพแทสเซียม 12 - 15 mg/ความเคม็ 1 ppt
• คาแอมโมเนยี 0 mg/l
• คาไนไตรท 0 mg/l
และเมื่อไดคาใกลเ คยี งตามเกณฑแลวใหเ รมิ่ ปลอยลูกกงุ ลงบอ
14 • การเล้ยี งกุงแบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry”
8. การคัดเลือกลูกกุงลงบอ
เพอ่ื เลย้ี งน้ันมีเกณฑ กําหนดดงั น้ี
เปน ลกู กงุ จากฟารม ทไี่ ดร บั
มาตรฐาน GAP กรมประมง เทยี บเทา
หรือสูงกวา และลูกกุงผานการตรวจ
วาปลอดเชื้อกอโรคในกุงทะเล คือ
WSSV, IHHNV, YHV, TSV, IMNV,
DIV1 (SHIV), EHP และ Vibrio
parahaemolyticus (VpAHPND) ลูกกุง
แขง็ แรง ไมม ลี กั ษณะกลา มเนอื้ ขาวขนุ
และผา นการทดสอบ Stress Test
การเลย้ี งกงุ แบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry” • 15
การใหอ าหาร
หลงั จากปลอ ยกงุ 10 - 15 วนั ยงั ไมจ าํ เปน ตอ งใหอ าหาร โดยชว งระยะเวลา
ทจ่ี าํ เปน ตอ งใหอ าหารเมด็ สาํ เรจ็ รปู จะขน้ึ อยกู บั ความหนาแนน ของกงุ และปรมิ าณ
อาหารธรรมชาติหรือโคพีพอด (Copepod) ท่ีอยูในบอ ซึ่งสามารถตรวจสอบ
ปรมิ าณโคพพี อดทเ่ี หลอื โดยใชก รวยอมิ ฮอฟฟ (Imhoff cone) หรอื บกี เกอร 1 ลติ ร
หรือภาชนะแกวใส ตักนํ้าตั้งท้ิงไวประมาณ 30 นาที จะสังเกตเห็นโคพีพอด
รวมตัวกันที่กนภาชนะ และเมื่อพบวาปริมาณอาหารธรรมชาติเริ่มลดลงและ
ไมเ พยี งพอ โดยสามารถตรวจสอบดว ยการนาํ อาหารกงุ เบอร 2 ผสมกบั นาํ้ หมกั ปลา
ใสยอในปริมาณ 20 กรมั ถาหมด ใหเพมิ่ เปน 50 กรัม และ 100 กรมั ตามลาํ ดบั
เชก็ ยอ 2 - 3 ชวั่ โมง ถา อาหารในยอหมดภายใน 2 - 3 ช่ัวโมง วันถดั ไปใหเริ่ม
ใหอาหารเม็ดสําเร็จรูปผสมกับนํ้าหมักปลา (ผสมทุกม้ือ) โดยใชสัดสวนอาหาร
1 กิโลกรัม/กุง 100,000 ตัว เช็กยอท่ีเวลา 3 ช่ัวโมง (กุงอายุไมเกิน 45 วัน)
สําหรับกงุ อายุ 45 วันขึ้นไป ถาอาหารหมด 100% ใหเพิ่มวันละ 1,000 กรมั /กุง
100,000 ตวั /วนั ใสอ าหารในยอ 3 - 5 กรมั /อาหาร 1 กโิ ลกรัม เช็กยอท่ีเวลา
2.5 ช่ัวโมง หลังใหอาหารทําการสุมเช็กน้ําหนักกุงและอัตรารอด เม่ือกุงมีอายุ
45 วนั และสมุ เชก็ ทกุ ๆ 7 วัน นาํ คา ที่ไดมาปรบั ปริมาณการใหอาหาร (ซึ่งอาจ
เปรียบเทียบกับตารางอาหารของบริษัท หรือตารางอาหาร Feed Application
ของกรมประมง) เม่อื กุง อายุ 60 วนั ข้ึนไป ใหเชก็ ยอท่ีเวลา 2 ชั่วโมง หลังการ
ใหอ าหาร
กรวยอิมฮอฟฟ
(Imhoff cone)
16 • การเลี้ยงกุงแบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry”
การใชจลุ ินทรยี ปม.1 ของกรมประมง
ขยายหัวเชื้อจุลินทรีย ปม.1 ใสลง
ในบอเลีย้ งประมาณ 20 - 50 ลติ ร/ไร วันละ
1 ครงั้ ทุกวนั ตลอดระยะเวลาของการเลีย้ ง
สตู รน้าํ หมกั ปลาสําหรับคลกุ อาหาร (ผสมกบั อาหารเมด็ ทกุ ม้ือ)
1. กากน้าํ ตาล 25 ลิตร
2. สับปะรดสุก 50 กโิ ลกรมั
3. ปลา 50 กิโลกรัม
4. สารเรง ซุปเปอร พด.2 ของกรมพฒั นาที่ดนิ 1 ซอง (ถา มี)
5. เตมิ น้าํ จืดท่สี ะอาดพอทวมปลาและสบั ปะรด
6. ปด ฝาหมกั ไวประมาณ 15 วนั
7. ผสมอาหารพอหมาดๆ หมักไวป ระมาณ 30 นาที ผสมใหกุง
กินทุกม้อื ตลอดชวงระยะเวลาของการเลี้ยง
หมายเหตุ : ปลาและสบั ปะรด ถา สบั หรอื บด จะทาํ ใหป ระสทิ ธภิ าพ
การหมักดียิ่งขนึ้
การเลี้ยงกงุ แบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry” • 17
การเลี้ยงกุงในแบบอิงธรรมชาติ (Biomimicry)
ไมไ ดท าํ ใหผ ลผลติ ลดลงแตป ระการใด การเลยี้ งกงุ 1 ไร
สามารถผลิตกุงไดถึง 2 ตันหรือมากกวา โดยการใช
ทรพั ยากรตา ง ๆ ลดลง พน้ื ทฟี่ ารม จะถกู จดั แบง ใหเ ปน
พื้นท่ีเลี้ยง 40% และพ้ืนท่ีเก็บนํ้าสําหรับหมุนเวียน
ในระบบ 60% ทําใหค วามเส่ยี งจากโรคตางๆ ลดลง
เปนอันมาก ระบบน้ีสามารถนําไปประยุกตใชไดทั้ง
ฟารม ขนาดเล็กและฟารมขนาดใหญ
18 • การเลยี้ งกงุ แบบอิงธรรมชาติ “Biomimicry”
ปจ จยั ท่ีทาํ ใหก ารเลยี้ งกุงประสบผลสําเรจ็
ลกู กุง เลอื กลูกกงุ จากฟารม ที่ไดม าตรฐาน สามารถเชื่อถือได
อาหารกงุ เลือกอาหารกงุ ทีด่ ีมคี ณุ ภาพและมาตรฐานการผลติ
สง่ิ แวดลอ ม ฤดกู าล ส่ิงแวดลอมท่ีเปลยี่ นแปลง
การจัดการ การเอาใจใสในทุก ๆ เรอ่ื ง เชน คณุ ภาพ สขุ ภาพกงุ
การเล้ยี งกุงแบบองิ ธรรมชาติ “Biomimicry” • 19
คุณภาพนา้ํ ทเี่ หมาะสมสาํ หรับการเลย้ี งกุง
ความเคม็ 10 ppt แอมโมเนยี 0.0 ppm
พเี อช 7.6 - 7.8
อัลคาไลน 120 - 150 ppm ไนไตรท 0.0 ppm
ฮารดเนต 2,500 ppm
แคลเซยี ม 150 - 250 ppm ไนเตรท 0.0 ppm
แมกนเี ซียม 400 - 500 ppm
โพแทสเซยี ม 120 - 150 ppm ออกซเิ จน ไมน อยกวา 4 mg/l
อณุ หภูมิ 28 - 32 °c
ความขนุ ใส 25 - 35 cm
การนํานวัตกรรมการเล้ียงกุงแบบอิงธรรมชาติ มาสงเสริมใหเกษตรกร
ไดป ระยุกตใ ช ทาํ ใหสามารถประกอบอาชีพการเล้ียงกุงไดอ ยางมนั่ คงและยั่งยืน
ตอไป
หากเกษตรกรหรือผปู ระกอบการสนใจ
สามารถเขาไปเรียนรเู พ่มิ เติมไดท ี่
ศูนยเ รียนรูก ารเล้ียงกุง แบบองิ ธรรมชาติ
สหกรณผูเลี้ยงกุงลุม นา้ํ สามรอ ยยอด - ปราณบุรี จํากดั
39 หมู 2 ตาํ บลไรเ กา อาํ เภอสามรอ ยยอด
จังหวดั ประจวบคีรีขันธ 77180
โทรศพั ท 0 3268 8789, 08 6368 7762
หรอื นายเดชา บรรลอื เดช 08 9836 4133