The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานวิทยยยยยยย์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chakrit.sand, 2020-02-11 10:30:39

พลังงาน(เลขที่ 25)

รายงานวิทยยยยยยย์

รายงาน

เรอื่ ง งานและพลงั งาน
วชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน 4 (22102)

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปี ที่ 2

จดั ทาโดย

ด.ญ.ปิ ยวดี เกยี รตงิ าม
เลขที่ 25 ชนั้ ม.2/3

เสนอ

อ.นวชั ปานสวุ รรณ
รายงานนีเ้ ป็ นสว่ นหนึ่งของการศกึ ษาวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน

4 (22102)
ภาคเรยี นที่ 2 ปี การศกึ ษา2562

โรงเรยี นกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั นครปฐม(พระตาหนักสวน
กุหลาบมธั ยม)

คานา

รายงานเลม่ นีจ้ ดั ทาขนึ้ เพอื่ เป็ นส่วนหนึ่งของการศกึ ษาวชิ า
วทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน 4 (ว22102)

เรอื่ ง งานและพลงั งาน โดยมวี ตั ุประสงคเ์ พอื่ และไดศ้ กึ ษาอย่าง
เขา้ ใจเพอื่ เป็ นประโยชนก์ บั การเรยี น

ผูจ้ ดั ทาหวงั ว่า รายงานเล่มนีจ้ ะเป็ นประโยชนก์ บั ผูอ้ า่ น หรอื
นักเรยี น นักศกึ ษา ทกี่ าลงั หาขอ้ มูลเรอื่ งนีอ้ ยู่หากมขี อ้ แนะนาหรอื
ขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผูจ้ ดั ทาขอนอ้ มรบั ไวแ้ ละขออภยั มา ณ ทนี่ ี้
ดว้ ย

ผูจ้ ดั ทา ด.ญ.ปิ ยวดี เกยี รตงิ าม
วนั ที่ 11/2/2563

สารบญั

เรอื่ ง หนา้

งานและพลงั งาน
.........................................................................................................................................1

ประเภทของพลงั งาน
.................................................................................................................................. 2-4

พลงั งานกล
................................................................................................................................... ...5

กฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน
................................................................................................................................... 6-7

สมดลุ ความรอ้ น
................................................................................................................................... 8-9

การดูดกลนื แสงและการคายความรอ้ น
......................................................................................................................................10

งานและพลงั งาน

งาน (work) คอื ผลของแรงทกี่ ระทาต่อวตั ถแุ ลว้ ทาใหว้ ตั ถุ
เคลอื่ นทไี่ ปตามแนวราบ งานเป็ นปรมิ าณทสี่ ามารถคานวณได ้
จากความสมั พนั ธด์ งั ต่อไปนี้

งาน = แรง (นิวตนั )

x ระยะทาง (เมตร)
เมอื่ W คอื งาน มหี น่วยเป็ นจลู ( J ) หรอื นิวตนั

เมตร (N-m)
F คอื แรงทกี่ ระทา มนี หน่วยเป็ นนิวตนั ( N

)
s คอื ระยะทางทวี่ ตั ถเุ คลอื่ นทไี่ ปตาม

แนวราบ มหี น่วยเป็ นเมตร ( m )
จะไดส้ ูตรคานวณหางาน คอื F = W x

s

ตวั อย่าง วนิ ยั ออกแรงยกกล่องดว้ ยแรง 30 นิวตนั แลว้ เดนิ

ขนึ้ บนั ได 5 ขนั้ แต่ละขน้ั สงู 20 เซนตเิ มตรงานทวี่ นิ ัยทาจาก

การยกกล่องขนึ้ บนั ไดมคี า่ เท่าใด

วธิ ที า จากโจทยค์ วามสูงของขนั้ บนั ใด = 5 x 20

= 10

0 cm

=1

m

จากสตู ร W = Fx
s

x1 = 30
J = 30
ได ้ 30 จลู ตอบ วนิ ัยทางานจากการลากกลอ่ ง

พลงั งาน (energy) คอื ความสามารถในการทางานไดข้ อง
วตั ถุหรอื สสารต่าง ๆ พลงั งานสามารถทาใหส้ สารเกดิ การ
เปลยี่ นแปลงได ้ เชน่ ทาใหส้ สารรอ้ นขนึ้ เกดิ การเคลอื่ นที่ เปลยี่ น
สถานะเป็ นตน้

พลงั งานทนี่ ามาใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั มหี ลายรปู แบบ
เชน่ พลงั งานกล พลงั งานความรอ้ น พลงั งานไฟฟ้ า พลงั งาน
แสง พลงั งานเคมี พลงั งานนิวเคลยี ร ์ เป็ นตน้

หน่วยของพลงั งาน พลงั งานมหี น่วยเป็ นจลู (J)

ประเภทของพลงั งาน

พลงั งานแบ่งออกเป็ น 6 ประเภท ตามลกั ษณะทเี่ ห็นไดช้ ดั เจน ซงึ่

ไดแ้ ก่

1. พลงั งานเคมี (Chemical Energy)
พลงั งานเคมเี ป็ นพลงั งานทสี่ ะสมอยใู่ นสารต่าง ๆ โดยอยู่ในพนั ธะ

ระหวา่ งอะตอมในโมเลกุล เมอื่ พนั ธะแตกสลาย พลงั งานสะสม

จะถูกปลอ่ ยออกมาในรูปของความรอ้ นและแสงสว่าง
ตวั อยา่ งเชน่ พลงั งานทถี่ กู เก็บไวใ้ นแบตเตอร,ี่ พลงั งานในกอง
ฟื น, พลงั งานในขนมชอกโกแลต, พลงั งานในถงั นา้ มนั เมอื่ ไม ้

ลุกไหมแ้ ลว้ จะใหค้ ารบ์ อนไดออกไซดแ์ ละไอนา้ รวมถงึ ผลติ ของ
เสยี อนื่ ๆ เชน่ ขเี้ ถา้ เนื่องจากเชอื้ เพลงิ ทใี่ ชแ้ ตล่ ะชนิด มี
โครงสรา้ งทางเคมที ตี่ ่างกนั เมอื่ ใชใ้ นปรมิ าณเชอื้ เพลงิ ทเี่ ทา่ กนั
จงึ ใหค้ วามรอ้ นไม่เท่ากนั ซงึ่ กา๊ ซธรรมชาตนิ น้ั ใหค้ วามรอ้ น
มากกวา่ นา้ มนั และนา้ มนั น้ันก็ใหค้ วามรอ้ นมากกว่าถา่ นหนิ

2. พลงั งานความรอ้ น (Thermal Energy)
แหลง่ กาเนิดพลงั งานความรอ้ น มนุษยเ์ ราไดพ้ ลงั งานความรอ้ น

มาจากหลายแห่งดว้ ยกนั เชน่ จากดวงอาทติ ย,์ พลงั งานใน
ของเหลวรอ้ นใตพ้ นื้ พภิ พ , การเผาไหมข้ องเชอื้ เพลงิ , พลงั งาน
ไฟฟ้ า, พลงั งานนิวเคลยี ร,์ พลงั งานนา้ ในหมอ้ ตม้ นา้ , พลงั งาน
เปลวไฟ ผลของความรอ้ นทาใหส้ ารเกดิ การเปลยี่ นแปลง เชน่
อุณหภมู สิ ูงขนึ้ หรอื มกี ารเปลยี่ นสถานะไป และนอกจากนีแ้ ลว้
พลงั งานความรอ้ น ยงั สามารถทาใหเ้ กดิ การเปลยี่ นแปลงทาง
เคมไี ดอ้ กี ดว้ ย หน่วยทใี่ ชว้ ดั ปรมิ าณความรอ้ น คอื แคลอรี่
โดยใชเ้ ครอื่ งมอื ทเี่ รยี กวา่ แคลอรมี่ เิ ตอร ์

3. พลงั งานกล (Mechanical Energy)
พลงั งานกลเป็ นพลงั งานทเี่ กยี่ วขอ้ ง กบั การเคลอื่ นทโี่ ดยตรง เชน่

กอ้ นหนิ ทอี่ ยบู่ นยอดเนินจะมพี ลงั งานศกั ยก์ ล (Potential
mechanical energy) อยู่จานวนหนึ่ง ขณะทกี่ อ้ นหนิ กลงิ้ ลง
มาตามทางลาดของเนิน พลงั งานศกั ยจ์ ะลดลง และเกดิ พลงั งาน
จลนก์ ลของการเคลอื่ นที่ (Kinetic mechanical energy) ขนึ้
แทน สงิ่ มชี วี ติ อาศยั พลงั งานรปู นีใ้ นการทางานทตี่ อ้ งมกี าร

เคลอื่ นไหวเป็ นประจา เชน่ การเดนิ การขยบั แขนขา การหยบิ
วตั ถุ เป็ นตน้

4. พลงั งานจากการแผ่รงั สี (Radiant Energy)
พลงั งานทมี่ าในรูปของคลนื่ เชน่ แสง ความรอ้ น คลนื่ วทิ ยุ อนิ

ฟาเรด อลั ตราไวโอเลต รงั สเี อกซ ์รงั สคี อสมกิ สงิ่ มชี วี ติ ตอ้ ง
อาศยั พลงั งานรปู นี้ ในกระบวนการทสี่ าคญั ต่าง ๆ เชน่ การ
มองเห็นภาพ การสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง การขยายพนั ธชุ ์ นิดที่
ขนึ้ อยูก่ บั ชว่ งแสง อาจสรุปไดว้ า่ เป็ นพลงั งานจากคลนื่
แม่เหล็กไฟฟ้ านัน้ เอง ซงึ่ พลงั งานรูปนีม้ บี ทบาทต่อความเป็ นอยู่
ปกตขิ องสงิ่ มชี วี ติ และอาจจะไดพ้ ลงั งานทไี่ ดร้ บั จากดวงอาทติ ย ์
, พลงั งานจากเสาสง่ สญั ญาณทวี ี, พลงั งานจากหลอดไฟ,
พลงั งานจากเตาไมโครเวฟ, พลงั งานจากเลเซอรท์ ใี่ ชอ้ า่ นแผ่น
ซดี ี ฯลฯ

ทมี่ าภาพ : https://static.trueplookpanya.com/tppy/member/m.jpg
เขา้ ถงึ เมอื่ วนั ที่ 11 กุมภาพนั ธ ์ พ.ศ.2563
จาก : https://www.google.com/search?q=รงั สเี อกซ ์

5. พลงั งานไฟฟ้ า (Electrical Energy)

พลงั งานทไี่ ดจ้ ากปฏกิ ริ ยิ าเคมแี บบหนึ่งอนั มผี ลใหเ้ กดิ
กระแสไฟฟ้ าขนึ้ ได ้ และกระแสไฟฟ้ าทเี่ กดิ ขนึ้ นีจ้ ะไหลผ่าน
ความตา้ นทานไฟฟ้ าไดถ้ า้ ต่อใหเ้ ป็ นวงจร ผลจากกระแสไฟฟ้ า
ดงั กล่าวอาจทาใหเ้ กดิ ผลต่าง ๆ เชน่ กอ่ ใหเ้ กดิ อานาจแม่เหล็ก
เกดิ ความรอ้ นหรอื แสงสว่าง พลงั งานทเี่ กดิ จากการผ่านขดลวด
ไปในสนามแม่เหล็ก, พลงั งานทใี่ ชข้ บั เครอื่ งคอมพวิ เตอร,์
พลงั งานทไี่ ดจ้ ากเซลลแ์ สงอาทติ ย ์ เป็ นตน้

6. พลงั งานนิวเคลยี ร ์ (Nuclear Energy)
พลงั งานทถี่ ูกปลอ่ ยออกจากสารกมั มนั ตภาพรงั สี ทมี่ อี ยู่ใน

ธรรมชาตหิ รอื ทเี่ กดิ ในเตาปฏกิ รณป์ รมาณูหรอื ระเบดิ ปรมาณู
การเกดิ fusion ของนิวเคลยี รเ์ล็ก มหี ลกั อยูว่ า่ ถา้ นาเอาธาตุ
เบาๆ ตง้ั แต่ 2 ธาตขุ นึ้ ไป มารวมกนั โดยมพี ลงั งานความรอ้ น
อย่างสูงเขา้ ชว่ ย จะทาใหธ้ าตเุ บาๆ นีร้ วมกนั กลายเป็ นธาตใุ หม่
ซงึ่ หนักกวา่ เดมิ ส่วน fission เกดิ จากปฏกิ ริ ยิ าระหวา่ งการยงิ
อนุภาคบางชนิดกบั นิวเคลยี สของธาตุหนักๆ ทาใหน้ ิวเคลยี ส
ของธาตุหนักแตกแยกออกเป็ น 2 สว่ น ซงึ่ แต่ละส่วนเป็ นธาตุที่
เบากว่าเดมิ และขนาดเกอื บเทา่ ๆ กนั พลงั งานรูปนีม้ บี ทบาทต่อ
ความเป็ นอยู่ปกตขิ องสงิ่ มชี วี ติ นอ้ ย

ทมี่ าภาพ : https://supakitdodo.files.wordpress.com/2016/02/topolm.jpg?w=1000

เขา้ ถงึ เมอื่ วนั ที่ 11 กุมภาพนั ธ ์ พ.ศ.2563

จาก : https://www.google.com/search?q=ปรมาณู

พลงั งานกล
พลงั งานกลเป็ นพลงั งานทเี่ กยี่ วขอ้ งกบั วตั ถทุ กี่ าลงั เคลอื่ นที่

หรอื พรอ้ มทจี่ ะเคลอื่ นที่ แบง่ ออกเป็ น 2 อยา่ ง คอื พลงั งานศกั ย ์

และพลงั งานจลน์
1. พลงั งานศกั ย ์ (potential energy : Ep ) คอื พลงั งานที่

สะสมอยู่ในตวั วตั ถหุ รอื สสารทหี่ ยดุ นิ่งอยู่กบั ทยี่ งั ไม่เกดิ การเคลอื่ นที่
ถา้ วตั ถุอย่บู นพนื้ ทสี่ ูงจากระดบั พนื้ ดนิ ขนึ้ ไป พลงั งานทสี่ ะสมอยู่ใน
ตวั ของวตั ถนุ ีจ้ ะเกดิ จากแรงดงึ ดดู ของโลกจงึ เรยี กวา่ "พลงั งานศกั ย ์

โนม้ ถว่ ง"
การคานวณพลงั งานศกั ยโ์ นม้ ถ่วงใชส้ ตู รดงั นี้

Ep = mgh
2. พลงั งานจลน์ ( kinetic energy : Ek ) คอื คอื พลงั งานที่
เกดิ กบั วตั ถุทกี่ าลงั เคลอื่ นที่ เชน่ รถยนตก์ าลงั แล่น เครอื่ งบนิ กาลงั
บนิ พดั ลมกาลงั หมุน นา้ กาลงั ไหลหรอื นา้ ตกจากหนา้ ผา ธนูทพี่ ุ่ง
ออกจากคนั ศร จกั รยานทกี่ าลงั เคลอื่ นที่ เป็ นตน้ จงึ กล่าวไดว้ ่า
พลงั งานจลนล์ ว้ นเป็ นพลงั งานกลทสี่ ามารถเปลยี่ นรปู กลบั ไปกลบั มา

ได ้
การคานวณพลงั งานจลนใ์ ชส้ ตู รดงั นี้

Ek = 1/2mv2

ทมี่ าภาพ : https://slideplayer.in.th/slide/16169925/95/images/55.jpg
เขา้ ถงึ เมอื่ วนั ที่ 11 กุมภาพนั ธ ์ พ.ศ.2563

จาก : https://www.google.com/search?q=พลงั งานจลน+์ ตวั อย่าง

กฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน
กฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งาน (Law of conservation of
energy) กลา่ วไวว้ า่ "พลงั งานรวมของวตั ถจุ ะไม่สญู หายไปไหน แต่

สามารถเปลย่ี นจากรปู หน่ึงไปเป็ นอกี รปู หนึ่งได"้

พลงั งานความรอ้ น
พลงั งานความรอ้ นเป็ นพลงั งานรปู หนึ่งทสี่ ามารถทางานไดแ้ ละ

เปลยี่ นรปู มาจากการเผาไหมข้ องเชอื้ เพลงิ จากดวง
อาทติ ย ์ พลงั งานไฟฟ้ า พลงั งานความรอ้ นใตพ้ ภิ พ หรอื เกดิ จาก
ปฏกิ ริ ยิ าเคมี พลงั งานเหลา่ นีล้ ว้ นแต่มคี วามสาคญั ในการทา
กจิ กรรมต่าง ๆ ของสงิ่ มชี วี ติ
อุณหภูมิ

การบอกค่าพลงั งานความรอ้ นของสารต่าง ๆ วา่ รอ้ นมาหรอื
นอ้ ยเพยี งใดนัน้ นกั วทิ ยาศาสตรเ์รยี กนะดบั ความรอ้ นของสาร
เหลา่ นั้นวา่ อุณหภูมิ (temperature) เครอื่ งมอื ทใี่ ชส้ าหรบั วดั

อุณหภูมเิ รยี กว่า เทอรม์ อมเิ ตอร ์ (thermometer) เทอรโ์ มมเิ ตอร ์
มกั ผลติ มาจากปรอทหรอื แอลกอฮอล ์ เมอื่ ของเหลวไดร้ บั ความรอ้ น
จะมกี ารขยายตวั ไปตามชอ่ งเล็กๆ ซงึ่ มสี เกลบอกอุณหภูมเิ ป็ นตวั เลข

มหี น่วยเป็ นองศาเซลเซยี ส หรอื องศาฟาเรนไฮต ์
หน่วยทใี่ ชว้ ดั อณุ หภมู ิ
1. องศาเซลเซยี ส ( oC )
2. องศาฟาเรนไฮต ์ ( oF)

3. เคลวนิ ( K )
ในการเปลยี่ นแปลงหน่วยวดั อณุ หภมู จิ ากหน่วยหนึ่งไปยงั อกี
หน่วยหนึ่งใชส้ ตู รความสมั พนั ธด์ งั นี้

oC/5 = oF -32/9 = K -

273/5

ตวั อย่าง อณุ หภมู ริ า่ งกายของคนเราปกตคิ อื 37 องศาเซลเซยี ส จะ

มคี า่ เท่าใดในหน่วยองศาฟาเรนไฮต ์

วธิ ที า จากสตู ร oC/5 = oF-32/9

37/5 = oF-32/9

7.4 x 9 = oF - 32

66.6 = oF - 32

oF = 66.6 + 32
= 98.6 o

F
ดงั น้ันอณุ หภมู ริ า่ งกายของคนปกตจิ ะ

เทา่ กบั 98.6 ฟาเรนไฮต ์

การถา่ ยโอนพลงั งานความรอ้ น
การถา่ ยเทหรอื ถา่ ยโอนพลงั งานความรอ้ นมหี ลายแบบดงั นี้

1. การนาความรอ้ น
การนาความรอ้ นเป็ นการสง่ ผา่ นความรอ้ นทตี่ อ้ งมตี วั กลาง ตวั กลางจะ

ไมเ่ คลอ่ื นที่ แตค่ วามรอ้ นจะเคลอ่ื นทไี่ ปตามเนือ้ ของตวั กลาง เชน่ การเผา
ดา้ นหนึ่งของแทง่ เหล็ก ความรอ้ นจะเคลอื่ นทไี่ ปตามเนือ้ ของแทง่ เหล็กจนทา

ใหป้ ลายอกี ขา้ งรอ้ นตามไปดว้ ย การนาความรอ้ นของวตั ถแุ ตล่ ะชนิดไม่
เทา่ กนั เชน่ เหล็กจะนาความรอ้ นไดด้ กี วา่ แทง่ แกว้ วตั ถทุ น่ี าความรอ้ นได ้
เรว็ เรยี กวา่ ตวั นาความรอ้ น วตั ถทุ น่ี าความรอ้ นไดไ้ มด่ หี รอื ชา้ เรยี กวา่

ฉนวนความรอ้ น

2. การพาความรอ้ น
การพาความรอ้ นเป็ นการสง่ ผ่านความรอ้ นทม่ี กี ารเคลอื่ นทขี่ อง

ตวั กลาง เชน่ การทเี่ ราน่ังรอบกองไฟแลว้ รสู ้ กึ รอ้ น กเ็ พราะอากาศไดพ้ าเอา
ความรอ้ นเคลอ่ื นทม่ี ถี กู ตวั เรา

3. การแผร่ งั สคี วามรอ้ น
การแผ่รงั สคี วามรอ้ น เป็ นการถา่ ยโอนพลงั งานความรอ้ นจากจดุ หนึ่ง

ไปอกี จดุ หนึ่ง ซงึ่ ความรอ้ นทอ่ี อกจากแหลง่ กาเนิดจะอยใู่ นรปู คลน่ื
แม่เหล็กไฟฟ้ าทสี่ ามารถ เคลอื่ นทไ่ี ปยงั อกี จดุ หนึ่งโดยไมต่ อ้ งอาศยั ตวั กลาง
และมอี ตั ราเรว็ ในการ เคลอื่ นทสี่ งู มาก

สมดลุ ความรอ้ น
สมดลุ ความรอ้ น หมายถงึ การทว่ี ตั ถมุ อี ณุ หภมู สิ งู ถา่ ยโอนพลงั งาน

ความรอ้ นใหก้ บั วตั ถทุ มี่ อี ณุ หภมู ิ ต่าจนกระทง่ั วตั ถทุ งั้ สองมอี ุณหภมู เิ ทา่ กนั
แลว้ จงึ จะหยดุ การถา่ ยโอนพลงั งาน
การขยายตวั ของวตั ถุ

เมอื่ วตั ถไุ ดร้ บั พลงั งานความรอ้ น ทาใหอ้ ณุ หภมู ใิ นวตั ถุ
เพมิ่ ขนึ้ วตั ถจุ ะขยายตวั และเมอ่ื วตั ถุคายพลงั งานความรอ้ นทาใหอ้ ณุ หภมู ิ
ของวตั ถลุ ดลง วตั ถจุ ะหดตวั
การนาความรเู ้กยี่ วกบั การขยายตวั ของวตั ถไุ ปใชป้ ระโยชน์

1. การออกแบบบา้ นใหร้ ะบายความรอ้ นไดด้ ี
จากการขยายตวั ของแกส๊ ไดน้ ามาใชใ้ นการออกแบบบา้ นทรงไทยให ้

มใี ตถ้ นุ สงู หนา้ จว่ั หลงั คาสงู มากและมชี อ่ งอากาศเพอื่ ใหอ้ ากาศรอ้ นที่
ลอยตวั สงู ขนึ้ ระบายออกมาจากบา้ นไดด้ ี ทาใหม้ อี ากาศเย็นจากภายนอก
เคลอื่ นเขา้ มาแทนท่ี

ทมี่ าภาพ: https://www.homenayoo.com/wp-content/uploads/2015/08/popup-pic-2.jpg

เขา้ ถงึ เมอื่ วนั ที่ 11 กมุ ภาพนั ธ ์ พ.ศ.2563
จาก https://www.google.com/search?q=แบบบา้ นโบราณภาคกลาง

2. การสรา้ งบอลลนู
การเป่ าลมรอ้ นเขา้ ไปในบอลลนู ทาใหอ้ ากาศทอ่ี ยภู่ ายในบอลลนู

รอ้ นและลอยสงู ขนึ้ เมอ่ื มปี รมิ าณมากจะทาใหบ้ อลลนู สามารถลอยตวั ได ้

3. การสรา้ งตวั ควบคมุ อณุ หภมู ิ
จากความรเู ้ กย่ี วกบั ขยายตวั ของของแข็งไดน้ ามาใชใ้ นการสรา้ ง

ตวั ควบคมุ อณุ หภมู ิ เพอ่ื ใชใ้ นการทางานของเครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้ าตา่ ง ๆ เชน่
เครอื่ งปรบั อากาศ เตารดี ไฟฟ้ า หมอ้ หงุ ขา้ วไฟฟ้ า เป็ นตน้

ทมี่ าภาพ : https://lh3.googleusercontent.com/proxy/.jpg

เขา้ ถงึ เมอื่ วนั ที่ 11 กมุ ภาพนั ธ ์ พ.ศ.2563

จาก https://www.google.com/search?q=ตวั ควบคุม

อณุ หภมู +ิ แอร ์

4. การสรา้ งสะพานหรอื รางรถไฟ

การสรา้ งสะพานหรอื รางรถไฟมกั จะเวน้ ระยะหา่ งระหวา่ งรอยตอ่

ของสะพานหรอื รางรถไฟเล็กนอ้ ย เพอื่ ป้ องกนั การขยายตวั ของเหล็กเมอ่ื
อากาศรอ้ นจดั หรอื เมอ่ื เกดิ การเสยี ดสกี บั ลอ้ รถจนทาใหเ้ กดิ ความรอ้ น

การดดู กลนื แสงและการคายความรอ้ น
เมอื่ พลงั งานความรอ้ นตกกระทบวตั ถตุ ่าง ๆ วตั ถุ

เหล่านน้ั จะมกี ารดดุ กลนื พลงั งานความรอ้ นเอาไวโ้ ดยวตั ถแุ ต่
ละชนิดจะมี ความสามารถในการดูดกลนื พลงั งานความรอ้ น
ไดไ้ ม่เทา่ กนั ซงึ่ วตั ถสุ ดี าหรอื สเี ขม้ จะสามารถดดู กลนื พลงั งาน
ความรอ้ นไดม้ ากกว่าวตั ถสุ ี ขาวหรอื สอี ่อน

ทมี่ าภาพ : https://slideplayer.in.th/slide/2180137/9/images/13.jpg
เขา้ ถงึ เมอื่ วนั ที่ 11 กุมภาพนั ธ ์ พ.ศ.2563

จาก https:// www.google.com/search?q=การดูดกลนื แสงและการคายความรอ้ น


Click to View FlipBook Version