โครงการปริญญานพิ นธ์ทางดุริยางคศลิ ป์ไทย
เรอ่ื ง “เสนห่ บ์ างกอก เล่าบอกทา่ เตยี น”
วนั ท่ี 20 พฤษภาคม 2565 เวลา 19.00 น. เป็นตน้ ไป
ผา่ นทาง Page Facebook : CU FAA Thai Music Student
และ www.Charmofoldtown.com
สารคณบดี
ขอแสดงความยินดีกับนิสิตชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2564
ในการจัดแสดงผลงานโครงการปริญญานิพนธ์ทางดุริยางคศิลป์ไทย
เรื่อง “เสน่ห์บางกอก เล่าบอกท่าเตียน” โครงการดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้
รายวิชา 3503490 งานโครงการทางดุริยางคศิลป์ (SENIOR PROJECT
IN MUSIC) ผลงานที่นิสิตสร้างสรรค์ขึ้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ
“ว่าที่ศิลปินบัณฑิต” อันเป็นผู้ประกอบด้วยภูมิความรู้ สมดั่งคำว่า
“บณั ฑิตผูม้ ีความรู้ คคู่ ุณธรรม”
การจัดแสดงผลงานโครงการปริญญานิพนธ์ เป็นผลแห่งการบูรณา
การองค์ความรู้ตลอดการศึกษา สร้างสรรค์เป็นโครงการปริญญานิพนธ์ทาง
ดุริยางคศิลป์ไทยเรื่อง “เสน่ห์บางกอก เล่าบอกท่าเตียน” เพื่อเผยแพร่ความ
เป็นมาและความสำคัญของชุมชนท่าเตียน รวมถึงเรื่องเล่าคติชนของคน
ในชุมชน โดยสร้างสรรค์ในรูปแบบของดุริยางคศิลป์ไทยให้เป็นที่ปรากฏ
ในสังคม การดำเนินโครงการปริญญานิพนธ์นี้ คณะศิลปกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั ขอขอบพระคุณคณาจารย์และผู้ทรงคณุ วฒุ ิ
ทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนนิสิตในการให้ข้อมูลสัมภาษณ์
และการให้คำปรึกษา ตลอดจนสำนักบริหารศิลปวัฒนธรรมท่ีได้อำนวยความ
สะดวกสถานที่สำหรับบันทึกการแสดง และผู้สนับสนุนจากภาคเอกชน
ทกุ ทา่ น ณ โอกาสน้ี
สุดท้ายนี้ ขออาราธนาอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดปกปักรักษา
ดลบันดาลให้การแสดงประสบผลสำเร็จ และอำนวยพรให้ประสบโชค
รุ่งเรืองในกิจอันประสงค์ สมปรารถนาทกุ ประการเทอญ
ศาสตราจารย์ ดร.บษุ กร บณิ ฑสันต์
คณบดคี ณะศลิ ปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั
สารหวั หน้าภาควชิ าดรุ ยิ างคศลิ ป์
โครงการปริญญานิพนธ์ทางดุรยิ างคศลิ ปไ์ ทย ดำเนินการมาตัง้ แต่เปิดทำการเรียน
การสอนศาสตร์ด้านนี้มาพร้อมกับการก่อตั้งคณะศิลปกรรมศาสตร์ โดยนิสิตรุ่นที่ 1
ทำการแสดงผลงานเมื่อต้นปี พ.ศ. 2530 หลังจากนั้นมีการจัดการแสดงมาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อเป็นการบูรณาการศาสตร์ที่นิสิตได้ทำการศึกษามาตลอด 7 ภาคการศึกษานำมา
จัดการแสดงผลงานให้ประจักษ์กับสาธารณชน เนื้อหาการจัดการแสดงมีความ
หลากหลายแตกตา่ งกันออกไป
สำหรับปีการศึกษา 2564 นี้ นิสิตชั้นปีที่ 4 รุ่นที่ 36 ดำเนินการวิจัยและจัดการ
แสดงหัวข้อ “เสน่ห์บางกอก เล่าบอกท่าเตียน” ซึ่งเป็นการนำความเป็นมา
และความสำคัญของชุมชนท่าเตียน บริบททางสังคมของชุมชนท่าเตียน รวมถึงการนำ
เรื่องเล่าของคนในชุมชนท่าเตียนมาตีความ และจัดการแสดงในรูปแบบทางดุริยางคศิลป์
ไทยให้ปรากฏ ในนามสาขาวิชาดุริยางคศิลป์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย ขอกราบขอบพระคุณคณาจารย์สาขาวิชาดรุ ิยางคศลิ ป์ไทย คณะศิลปกรรม
ศาสตร์ และผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านที่ให้การสนับสนุน ตลอดจนให้คำปรึกษาชี้แนะแก่นิสิต
ทำให้การแสดงครง้ั นป้ี ระสบความสำเร็จได้อีกวาระหน่ึง
สุดท้ายนี้ ขออาราธนาอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บารมีแห่งเทพสังคีตาจารย์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โปรดดลบันดาลให้การแสดงประสบผลสำเร็จ
และคุ้มครองปกปักรักษาให้นิสิตของสาขาวิชาดุริยางคศิลป์ไทยทุกคนเป็นผู้คิดดี
ทำดี มีความตั้งใจเป็นคนดีของสังคม คิดประสงค์ทำสิ่งใดให้มีความสำเร็จไปในทิศทาง
ของบุคคลท่เี ปน็ ผมู้ ีธรรมนิยมทุกประการเทอญ
รองศาสตราจารย์ ภทั ระ คมขำ
ประธานสาขาวชิ าดรุ ิยางคศลิ ปไ์ ทย คณะศิลปกรรมศาสตร์
โครงการปรญิ ญานิพนธ์ทางดุรยิ างคศิลป์ไทย เร่ือง “เสนห่ บ์ างกอก เลา่ บอกทา่ เตียน”
ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา
ท่าเตียนเป็นชื่อชุมชนการค้าและชุมชนทางการคมนาคมริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่เก่าแก่ เป็นพื้นที่ศูนย์กลางความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งของประชาชนจนถึง
ชนชั้นสูง นับตั้งแต่การก่อเกิดของชุมชน บางกอกจนถึงการก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์
ราชธานีไทย พื้นที่ท่าเตียนตั้งอยู่ในเขตพระนครและเขตของเกาะรัตนโกสินทร์
ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ใกล้กับปากคลองตลาด ถือเป็นทั้งย่านพาณิชยกรรมเป็นสัญลักษณ์
ของความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่ วิถีชุมชน วัฒนธรรม และการค้าของไทยที่มีความสัมพันธ์กับ
การคมนาคมทางนำ้ ซงึ่ เป็นการคมนาคมหลักในอดีต (ดำรงพล อินทรจ์ นั ทร์, 2558, น.10)
พื้นที่ท่าเตียนในอดีตนับตั้งแต่ในรัชสมัยพระไชยราชาธิราช ระหว่าง
พ.ศ.2077-2089 มีการขุดคลองลัดบางกอกน้อยทะลุออกปากคลองบางกอกใหญ่
หรือสามารถเรียกตามตำแหน่งปัจจุบัน คือ จากสถานีรถไฟบางกอกน้อยถึงบริเวณ
หน้าวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (ดำรงพล อินทร์จันทร์ , 2558, น.16)
จากการขุดคลองนี้ทำให้เกิดการขยายตัวของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสายเดิมจึงเกิด
การเปลี่ยนแปลงเป็นคลอง ชุมชนเดิมที่อาศัยบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมจึงขยับ
ขยายอยู่ปลาย คลองลัด พื้นที่บริเวณดังกล่าวจึงเรียกว่า “บางกอก” ชุมชนบางกอก
หรือธนบุรีจึงกลายเป็นชุมชนที่มี บทบาทสำคัญจากชุมชนที่อาศัยบริเวณริมแม่น้ำ
เจ้าพระยาสายเดิมเปลี่ยนแปลง เป็นเมืองด่านสำคัญ เป็นจุดบังคับให้เรือสำเภา
จอดทอดสมอ เพื่อแจ้งรายละเอียดของการเดนิ ทางเขา้ มาของสินคา้ ที่บรรทุก รวมทั้งเป็น
ดา่ นเก็บภาษอี ากรท้งั ขาขึน้ และขาลง
ในสมัยกรุงธนบุรีเป็นราชธานี พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ทรงตั้งราชธานีขึ้นที่ เมืองบางกอกหรือกรุงธนบุรีทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและได้มีการ
นำชาวจีนที่อพยพจากกรุงศรีอยุธยาติดตามมา จึงทำให้เกิดชุมชนชาวจีนขึ้นในรอบ
บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง พระบาทสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช
ได้พระราชทานพื้นที่ฟากตะวันตกของกรุงธนบุรีให้แก่พระยาราชาเศรษฐี หัวหน้าชาวจีน
และไพร่พลกองทัพจีนที่เคยช่วยรบพม่า (ดำรงพล อินทร์จันทร์ , 2558, น.21)
พื้นที่ท่าเตียนเดิมจึงเป็นที่ที่มีเศรษฐีและชาวจีนเข้ามาอาศัยอยู่จำนวนมากและเนื่องจาก
ที่ดินดังกล่าวติดกับริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเหมาะแก่การค้าขายและเป็นท่าเรือสำเภา
เรือสัญจร และเรือใบขนาดเล็กเข้ามาจอดขนถ่าย สินค้าในชุมชนได้อย่างสะดวก
อีกทั้งเป็นสถานที่สำหรับจอดเรือสำเภามาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา จึงส่งผล ดีต่อชุมชน
ชาวจีนและเมืองหลวงทำให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว บริเวณริมฝั่ง
เจ้าพระยา จึงมีเรือนแพอาศัยอยู่ท่ามกลางของเรือสำเภา เรือใบ เรือสัญจรหลากหลาย
ทำให้ได้รับสมญานามว่า เวนิสตะวันออก เพราะทั้งการค้าขาย ขนส่ง วิถีชีวิตนั้นดำเนิน
ภายใต้เส้นทางของลำน้ำ พื้นที่นั้นจึงเป็น พื้นที่เดิมของพื้นที่ชุมชนท่าเตียนในสมัยต่อมา
(พพิ ธิ ภัณฑ์การเรียนรแู้ หง่ ชาติ, 2559, น.7)
พื้นที่ท่าเตียนเป็นย่านของคนจีนอาศัยอย่างหนาแน่นมาตั้งแต่สมัยธนบุรีสืบเนื่อง
มาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ การสัญจรหลักของสังคมในสมัยรัตนโกสินทร์จึงคงการใช้แม่น้ำ
เป็นแหล่งสัญจรหลัก ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรของท่าเตียนต้องอยู่อาศัยรวมถึง
ประกอบการในพื้นที่ของแม่น้ำและตลอดริมฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ทางบก
ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของวัง วัด สถานที่ราชการ และบ้านขุนนาง (พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้
แห่งชาติ, 2559, น.8) ตลาดที่สำคัญในสมัยนั้นจึงเป็นตลาดที่มีลักษณะเป็นเรือนแพ
เรือเร่ ตั้งอยู่บริเวณริมน้ำ มีทั้งการขายปลีกและขายส่งอาหารแห้ง-สด หรือรับสินค้า
จากสถานที่ต่าง ๆ มาขายแก่ชาววังและชาวเมืองในพระนคร แหล่งส่งสินค้าดังกล่าว
จงึ เรยี กวา่ ย่ปี ั๊ว-ซาปว๊ั และโชหว่ ย
ในสมัยรัชกาลที่ 4 ภายหลังสนธิสัญญาเบาว์ริงเกิดการค้าขายกับต่างชาติมากขึ้น
ทำให้พื้นที่ท่าเตียนเกิดสถานที่ราชการขึ้น เช่น ศาลต่างประเทศ จากสนธิสัญญาเบาว์ริง
ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งรูปแบบของเศรษฐกิจและการพัฒนาความเจริญ
ของเมือง ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เริ่มมีการตัดถนนหลายสาย ทำให้วิถีชีวิตของผู้คน
จากเดิมที่เป็นการใช้วิถีชีวิตทางน้ำกลายเป็นการใช้ชีวิตทางบก ถนนหลายสายที่ถูกตัด
ผ่านพระบรมมหาราชวังจึงเป็นถนนที่มีความสำคัญ ตลาดท่าเตียนที่อยู่บริเวณน้ัน
จึงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์ เนื่องจากอยู่ใกล้พระบรมมหาราชวัง
อีกทั้งยังมีพื้นที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง รวมถึงการเป็นท่าเรือสำคัญในการขนถ่าย
สนิ ค้า เชน่ สินคา้ ท่ีบรรทกุ มาจากจนี สินคา้ ท่บี รรทกุ มาจากหัวเมืองเหนอื และใต้
นอกจากท่าเตียนจะเป็นท่าสำหรับการขึ้นและลงสินค้าที่สำคัญ กล่าวได้ว่าบริเวณ
นั้นเกิดตลาด เพื่อเป็นศูนย์กลางการค้าขายระหว่างชาวบ้าน ชาวต่างชาติ เจ้านาย
อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของ สถานที่ราชการ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
เช่น โรงละครปริ๊นซ์เธียเตอร์ กระทรวงพาณิชย์ วังเจ้านายต่าง ๆ อาทิ วังของเจ้าพระยา
มหินทรศกั ด์ิธำรง (เพ็ง เพญ็ กลุ ) วงั พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองค์ เจ้าจลุ จักรพงษ์ (บ้านจักร
พงษ)์ เป็นต้น เมือ่ มพี ระบรมมหาราชวงั วงั เจ้านาย และทา่ เรอื ความเจรญิ ใน ด้านต่าง ๆ
จึงเกิดขึ้นในท่าเตียนเป็นสถานที่เเรก ๆ ในกรุงเทพมหานคร พื้นที่บริเวณท่าเตียน
จึงเป็นแหล่งที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติพหุวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และเกิดเป็น
เร่ืองราวความเชือ่ ของผคู้ นในชมุ ชนท่าเตียน
หนึ่งเรื่องราวปรัมปราของชาวบ้านที่กล่าวถึงตำนานการเกิดพื้นที่ท่าเตี ยน
และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งสอดคล้องกับบริบทรอบด้านของพื้นที่ท่าเตียน
คือ เรื่องเล่ายักษ์วัดพระเชตุพนวิมล มังคลาราม ราชวรมหาวิหารและยักษ์
วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร หรือที่รู้จักกันในชื่อของตำนานยักษ์วัด แจ้ง
และยักษ์วัดโพธิ์ ที่ว่ากันว่ายักษ์วัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร)
กับยักษ์วัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร) ยกพวกมาต่อสู้กันที่ริมแม่น้ำ
เจ้าพระยา จนทำให้บริเวณนั้นราบเตียนไปหมด (พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้, 2559, น.15)
นับเป็นหนึ่งเรื่องราว ที่มีคุณค่าทางจิตใจ สอดแทรกคติคำสอนให้แก่ผู้คน ชาวบ้าน
ในชุมชนทา่ เตยี นจงึ นยิ มเล่าสืบตอ่ กันมาร่นุ สู่รุน่
ปัจจุบันชุมชนท่าเตียนได้เกิดการเปลี่ยนแปลงต ามพหุวัฒนธรรมความเจริญ
ของความเปน็ เมอื ง เชน่ การมีรถไฟฟ้า การเขา้ มาของนายทนุ ใหญ่ซ่ึงทำใหช้ ุมชนท่าเตียน
กลายเป็นย่านพาณิชยกรรมเต็มรูปแบบ โดยคุณค่าของชุมชน ประวัติศาสตร์ และผู้คน
ได้เลือนหายไป (ฆัสรา ขมะวรรณ มุกดาวิจิตร, สัมภาษณ์, 2 กุมภาพันธ์ 2565)
ชุมชนท่าเตียนจึงมิได้เป็นเพียงแค่ชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย หรือ เพียงแค่เป็น
ชุมชนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ชุมชนท่าเตียนเป็นชุมชนที่มีความหลากหลาย
ของผู้คนและจิตใจอนั หนง่ึ อนั เดียวกันจึงรวมกันเปน็ ชุมชน
จากที่ข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าชุมชนท่าเตียนเป็นชุมชนที่มีความสำคัญทาง
ประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เป็นแหล่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่มีความสัมพันธ์
กับสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัด วัง ชุมชน หรือแม้แต่ตลาดที่เป็นศูนย์กลางการค้าขาย
ที่สำคัญตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวคณะผู้จัดทำ
โครงการฯ มีความประสงค์ที่จะนำเสนอประวัติความเป็นมาและความสำคัญของชุมชน
ท่าเตียน บริบททางสังคมของชุมชนท่าเตียน รวมถึงการนำเรื่องเล่าปรัมปราระหว่าง
การสู้กันของยักษ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหารและยักษ์
วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวความเชื่อของชาวบ้าน
ที่เชื่อมโยง กับการเกิดขึ้นของชุมชนท่าเตียน มาสร้างสรรค์เป็นโครงการปริญญานิพนธ์
ทางดรุ ยิ างคศลิ ปไ์ ทย เพอ่ื ส่งเสริมและอนรุ ักษ์ ความเป็นชมุ ชนทา่ เตยี น ตลอดจนเผยเเพร่
ท่าเตยี นใหเ้ ปน็ ทรี่ จู้ กั แก่สาธารณชน
วตั ถุประสงค์การวจิ ัย
1. เพอื่ ศึกษาประวตั แิ ละความสำคัญของชุมชนทา่ เตียน
2. เพอื่ ศกึ ษาบริบททเี่ ก่ยี วขอ้ งดา้ นดรุ ยิ างคศิลป์ไทย
3. เพื่อนำองค์ความรู้มาสร้างสรรค์เป็นผลงานในโครงการปริญญานิพนธ์
ทางดุรยิ างคศลิ ป์ไทย เรอื่ ง “เสนห่ ์บางกอก เลา่ บอกทา่ เตยี น” และเผยแพรส่ ู่สาธารณชน
ประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะได้รบั
1. ทราบประวตั ิและความสำคัญของชมุ ชนทา่ เตยี น
2. ทราบบริบททเ่ี กี่ยวขอ้ งด้านดรุ ิยางคศลิ ป์ไทย
3. สามารถนำองค์ความรู้มาสร้างสรรค์เป็นผลงานในโครงการปริญญานิพนธ์
ทางดุรยิ างคศิลป์ไทย เรอ่ื ง “เสน่ห์บางกอก เล่าบอกทา่ เตียน” และเผยแพร่ส่สู าธารณชน
การแสดงท่ี 1 เพลงโหมโรงบำเรอบรมบาท
วงมโหรีเคร่ืองคู่
การประพันธ์เพลงโหมโรงบำเรอบรมบาท สามชั้น ได้รับแรงบันดาลใจ
จากการศึกษา เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ท่าเตียนในสมัยกรุงธนบุรี
แสดงถึงแนวคิดเนื่องด้วย สมัยกรุงธนบุรีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ยกพื้นท่ี
บางส่วนในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทิศตะวันออก ซึ่งเป็นบริเวณท่าเตียนในปัจจุบัน
ให้เป็นที่พักอาศัยแก่ชาวจีนในกลุ่มของพระยาราชาเศรษฐี หัวหน้าจีนและลูกน้อง
ในกองทัพจีนที่เคยช่วยรบในศึกพม่าและติดตามมาจากกรุงศรีอยุธยา จึงส่งผลให้ชาวจีน
ได้รับความดีความชอบและเข้ามามีบทบาทสำคัญกับระบบต่าง ๆ ในประเทศมากขึ้น
อีกท้ังยงั สือ่ ถึงการเขา้ มาเพ่ือพึ่งพระบรมสมโพธสิ มภารต่อพระมหากษตั ริยไ์ ทย
จึงได้นำแรงบันดาลใจดังกล่าวมาประพันธ์เพลงโหมโรงจีนบำเรอบรมบาท สามชั้น
โดยอาศัยทำนองต้นรากจาก เพลงจีนบำเรอบรมบาท สองชั้น ประพันธ์ตามขนบดุริยางค
ศิลป์ไทย โดยใช้รูปแบบการประพันธ์ ด้วยวิธีการขยายทำนอง ลงจบด้วยทำนองวา
ตามขนบครบกระบวนการบรรเลงเพลงโหมโรง
การแสดงที่ 2 เพลงเชตุพน เถา
วงปพ่ี าย์ไม้แข็งเคร่อื งคู่
“วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม” หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “วัดโพธิ์” เป็นวัดท่ี
บูรพกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีได้โปรดเกล้า ฯ ให้มีการสถาปนาก่อสร้างพระอุโบสถ
พระระเบียง พระวิหาร อีกทั้งบูรณะของที่มีมาแต่เดิม ตลอดจนให้จารึกสรรพตำรา
วิทยาการมากมายลงบนหินอ่อนประดิษฐ์ไว้ตามศาลารายต่าง ๆ ดังที่ปรากฏเห็น
ในปัจจุบัน ด้วยวิทยาการความรู้ต่าง ๆ มากมายที่ปรากฏภายในบริเวณวัดแห่งนีท้ ำให้วดั
นี้เปรียบได้กับ มหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรกของประเทศไทย และภายในวัดนี้ยังมีการ
ประดษิ ฐาน สงิ่ ศักดิส์ ทิ ธิ์มากมาย หน่ึงในนัน้ คือ พระพทุ ธไสยาสน์ เปน็ พระพุทธรูปท่ีผู้คน
ทั่วไป กราบไหว้และสักการะบูชา จึงได้นำแรงบันดาลใจ จากการรวบรวมวิทยาการ
ความรู้ต่าง ๆ ในวัดโพธ์ิ มาประพันธเ์ ป็นเพลงเถา โดยประพนั ธจ์ ากทำนองเพลงต้นราก 2
เพลง คือ เพลงเอกบทและเพลงโปรยข้าวตอก วงที่ใช้นำเสนอผลงาน คือ วงปี่พาทย์ไม้
แข็งเครื่องคู่
สามชน้ั ไทป้ ระสทิ ธิ์วดั เวียงวงั ด่ังสวรรค์
๐ เอกองค์อคั รราชบพติ ร ทรงเสกสรรค์วดั โพธิเ์ พี้ยงเพยี งเมืองแมน
จตรุ าชเจดีย์ทห่ี วงแหน
อุปถัมป์ค้ำพระศาสน์ปราชญ์อนนั ต์ งามสุดแสนศลิ ปจ์ นี ไทยได้ระคน
๐ ล้ำเลิศศลิ ปส์ ถาปตั ยส์ มบตั ชิ าติ
องค์พระพุทธไสยาสนว์ ิลาสแดน
สองช้นั ทั้งกลอนกานท์เกริกไกรไปทุกหน
๐ แหลง่ รวมสรรพวชิ ามหาศาล สยามชนนับมโี ชคโลกยลยิน
ศาสตรก์ ารแพทยร์ ูปฤๅษีทดี่ ัดตน พระผา่ นเผา้ ชเู ชิดประเสรฐิ ศลิ ป์
มสิ ุดส้ินสรรพศาสตรแ์ ห่งชาตไิ ทย
ชั้นเดียว
๐ ดว้ ยพระบารมที ่ปี กเกลา้
ปรัชญาแห่งพุทธาวาสปราชญช์ า่ งจนิ ต์
การแสดงท่ี 3 ตับเรื่อง ชมุ ชนท่าเตียน
วงปพี่ าทย์ไม้นวมเคร่อื งคู่ วงเคร่อื งสายผสมขมิ
ตับเรื่อง ชุมชนท่าเตียน คณะนิสิตผู้ดำเนินโครงการได้ประพันธ์บทร้องขึ้นใหม่
โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการศึกษาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนชุมชนท่าเตียน
บรรยายเรื่องราวเก่ียวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในชมุ ชนตัง้ แต่สมยั กรุงธนบุรจี นถงึ
ช่วงราวสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ นำเรื่องราวข้างต้นมาเรียบเรียง
และสร้างสรรคเ์ ป็นผลงานทางดุรยิ างคศลิ ป์ไทย
เพลงที่นำมาบรรจุในตับเรื่องมีหลายประเภท อาทิ เพลงหน้าพาทย์ เพลงอัตราสองช้ัน
หน้าทับปรบไก่ เพลงอัตราสองชั้นหน้าทับสองไม้ เพลงฉิ่งอัตราจังหวะชั้นเดียว
เพลงอัตราจังหวะชั้นเดียวประเภทหน้าทับสองไม้ (เพลงเร็ว) เพลงภาษาต่าง ๆ เป็นต้น
รองศาสตราจารย์ ดร.ภัทระ คมขำ เป็นผู้บรรจุเพลง อาจารย์ ดร.ดุษฎี สว่างวิบูลย์พงษ์
เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านทางขับร้อง อีกทั้งยังได้รับคำแนะนำเพิ่มเติม จากอาจารย์พัฒนี
พร้อมสมบตั ิ อาจารย์สมชาย ทบั พร อาจารยศ์ ักดช์ิ ยั ลดั ดาอ่อน อาจารยไ์ ชยยะ ทางมีศรี
และครทู ัศนยี ์ ขนุ ทอง (ศลิ ปินแหง่ ชาต)ิ
ในโอกาสพิเศษครั้งน้ี คณะนิสิตผู้ดำเนินโครงการจึงอยากให้รับผู้ฟังได้รับอรรถรส
โดยที่นำวงเครื่องสายผสมขิมเข้ามามีบทบาทในการแสดงเนื่องจากมีบทเพลงที่แสดงถึง
สำเนียงจีน และยังปรากฏสำเนียงฝรั่งเข้ามาด้วย ดังนั้นจึงใช้วงดนตรีพิเศษมา
ประกอบการบรรเลงเพลงตบั เรอื่ งชุมชนท่าเตียนในคร้ังนี้
วา
พากย์
๐ ศรสี ทิ ธสิ์ รวงบวร มงิ่ เมืองมหานคร
เทียมเทพวิมานเมอื งแมน
พสุธาผุดผาดแผน เยีย่ งเวนิสวิสิษฐ์แดน
ทวยไทท้ ้าวประสิทธน์ิ ครา
ซอสามสายบรรเลงเพลงขบั ไม้บัณเฑาะว์
รา่ ยสุภาพ
สขุ สนองนานัปการ สมสถานไทยถน่ิ เทิดพระปิ่นปกด้าว
เมอื งอขู่ ้าวอู่นำ้ พสิ ุทธ์ิลำ้ จำเนียร นามท่าเตยี นสถาน
เอกโอฬารโลกหล้า ประหนึง่ สรวงเมอื งฟ้า ฝากฟา้ มาประทาน โลกเฮย
เพลงชำนาญ - รัว
เพลงนกจาก สองช้ัน
๐ จากบางจีนสทู่ ่าเตยี นเวียนบรรจบ หลักฐานพบครงั้ กรุงเกา่ คนเล่าขาน
ครนั้ กรุงเทพถกู สร้างเสกเอกโอฬาร ภาพสถานทา่ เตียนกเ็ ปลย่ี นไป
เพลงฉิ่งช้างประสานงา ออกเพลงลา
เพลงไทยน้อย สองชนั้
๐ เร่ิมประกอบการค้าขายหลายอาชีพ นั่นเรอื แจวเร่งรีบจะไปไหน
โนน่ เรอื จา้ งลอ่ งลอยจอดคอยใคร มผี คู้ นมากหลายในสายชล
เพลงกระทงนอ้ ย ชน้ั เดียว
๐ ดูคกึ คักค้าขายหลากหลายอย่าง เชน่ ปลาย่างแตงอลุ ดิ ผลิตผล
ทงั้ เรือนแพแลรายในสายชล เดิมดำกลคสู่ ยามว่าทา่ เตียน
ความเจริญรุดหน้าเขา้ มาแล้ว เรอื กำปัน่ เรือเเจวก็ปรบั เปล่ยี น
เรือสำเภาเรอื ใบไดแ้ วะเวียน เข้าเย่ียมเยียนดจุ ญาติมิตรสนิทใจ
เพลงจนี ขิมเลก็ สองช้นั
๐ เกดิ พนั ธสัญญาท่เี ก่ยี วขอ้ ง ภาษีตอ้ งวดั ปากเรอื ทา่ นเช่อื ไหม
การค้าขายหลายหลากมากกำไร ตลาดใหญท่ า่ เตียนเขียนเร่ืองราว
เพลงจนี ฮอ่ แฮ ช้นั เดยี ว
เพลงตกุ๊ ตา สองชนั้
๐ เศรษฐกจิ ดีเยยี่ มเปย่ี มการคา้ คนเขา้ มาหลายชาติอาจจะกล่าว
ท้งั ชาวจนี คนฝรั่งมที ุกคราว องั กฤษก้าวเข้ามาค้ากับไทย
เพลงจนี หุยฮา
เพลงฝร่งั ควง สองชั้น
๐ เกิดพันธเบาวร์ ิ่งยงิ่ ยุ่งยาก ตอ้ งลำบากวกเวียนเปล่ียนสมยั
ท่าเตียนตอ้ งดำเนินเผชิญภยั ท้ังภายในภายนอกบอกวันวาน
เรือใหญแ่ ล่นทำคลื่นซาดฝาดลูกบวบ เรอื นเล็กยวบลอยลำน่าสงสาร
จากเรือนแพแลรายในสายธาร กต็ ้องพานขึ้นตง้ั ยงั แผน่ ดนิ
เพลงโล้ ออกเพลงรัว
เพลงมารช์ ชิ่งทรูยอเยยี
๐ เปลี่ยนวถิ ชี ุมชนคนแปรผนั บา้ นเรอื นสรรค์อย่างวริ ัชประภัสศิลป์
จากเรือนไทยเปน็ ตกึ แถวประเทืองประทิน วถิ ถี น่ิ คงตอ้ งเปลย่ี นหมนุ เวยี นไป
เพลงกลอ่ มพญา สองช้ัน
๐ เจ้าพระยาคทู่ ่าเตียนเขียนบอกเล่า เป็นภาพเกา่ ความทรงจำนำวิสัย
เมอื่ กาลเปลย่ี นคนตอ้ งปรับจับจติ ใจ คงเหลอื ไว้เปน็ ภาพจำนำสงั คม
เพลงเรว็ เหมราช
เพลงเชิด
การแสดงท่ี 4 ขบั เสภา ออกเดย่ี วกราวใน
วง
การแสดงท่ี 5 ระบำเพ็ญพัฒน์
วงปี่พาทยไ์ มน้ วมเคร่อื งคู่
ค ณ ะ ผ ู ้ ว ิ จ ั ย ไ ด ้ ร ั บ แ ร ง บ ั น ด า ล ใ จ ใ น ก า ร ป ร ะ พ ั น ธ ์ เ พ ล ง ร ะ บ ำ เ พ ็ ญ พ ั ฒ น์
ความงดงามและความเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ท่าเตียนนั้นอยู่ในช่วงรัชสมัย
ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งมีการพัฒนาบ้านเมือง
ปรับเปลี่ยนการแต่งกาย และวิถีชีวิต ของผู้คนในชุมชนอย่างเห็นได้ชัดจากการ
รับ อิทธิพลตะวันตก รวมถึงเรื่องวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างวังที่ประทับและพระราชทานให้แก่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม หรือพระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพียงวังเดียว
ในพืน้ ท่ที า่ เตยี นในช่วงรัชกาลที่ 5
โดยได้นำทำนองเพลงต้นราก 3 เพลง มาประพันธ์เป็นเพลงระบำ เพื่อสื่อถึง
ความงดงามและความเจริญของท่าเตียนดังที่กล่าวข้างต้น คือ เพลงเหมราช สองชั้น
เพลงสาวคำ สองชั้น และเพลงสีนวลนอก สอง ช ั้น รอง ศ าสตราจ า ร ย์
ดร.ภัทระ คมขำ ให้คำปรึกษาด้านการประพันธ์เพลง วงดนตรีที่ใช้นำเสนอผลงาน
คือ วงปีพ่ าทยไ์ ม้นวมเคร่ืองคู่
รายนามผ้บู รรเลงดนตรวี งมโหรีเคร่ืองคู่
เพลงโหมโรงบำเรอบรมบาท
จะเข้ นางสาวสจุ ติ รา อว่ มสวสั ดิ นางสาวจตุพร ไชยยา
ซอสามสาย นายกันตพงศ์ นิลายน
ซอด้วง นายอัครพล จนั ทคลา้ ย นายจิรภัทร พลศักด์ิ
ซออู้ นางสาวศริ นภา ชยั ประภา นายศุภวิชญ์ สขุ เกษม
ขลุ่ยเพยี งออ นายธีระรัตน์ คมขำ
ขลุ่ยหลีบ นายปรมะ ศรีกลดั
ระนาดเอก นายณรากรณ์ ดวงสวุ รรณ
ระนาดทุม้ นายธนญชยั วงศ์ใหญ่
ฆอ้ งวงใหญ่ นายธชั พล ทรรทรานนท์
ฆ้องวงเลก็ นายพฒุ ลกั ษณ์ กองวงษ์
โทน-รำมะนา นางสาวสภุ ณดิ า ขุนภักนา
ฉิ่ง นางสาวปรณี าภา ไชยวฒุ ิ
ฉาบ นางสาวศรสั นันท์ แสวงฟองคำ
โหม่ง นางสาวปิยะนันท์ พูนดี
กรับพวง นางสาวชุติกาญจน์ จริ ะราชวโร
รายนามผบู้ รรเลงดนตรวี งป่พี าย์ไมแ้ ข็งเคร่ืองคู่
เพลงเชตุพน เถา
ปใี่ น นายทศพล คมขำ นายพรรษพงศ์ สขิ ณั ฑกนาค
ระนาดเอก นายธติ วิ ฒุ ิ โกมุทรัตนานนท์
ระนาดทมุ้ นายกฤติน คชคีรเี ดชไกร
ฆ้องวงใหญ่ นายธัชพล ทรรทรานนท์
ฆอ้ งวงเลก็ นายวรนิ ทร หอ้ ยโกศล
กลองแขก นายเมธพี ัฒน์ ชุ่มชื่น
ฉิ่ง นายวรกฤต เทยี มรัตน์
ฉาบ นางสาวดษุ ฎี ศรเี กื้อกลนิ่
กรับเสภา นางสาวปรีณาภา ไชยวฒุ ิ
นักร้อง นายนัทธวัฒน์ สมภกั ดี
รายนามผู้บรรเลงดนตรวี งพ่พี าทยไ์ มน้ วมเครื่องคู่
ตบั เรอ่ื ง ชมุ ชนท่าเตียน
ขลยุ่ เพียงออ นายธรี รตั น์ คมขำ นายพรรษพงศ์ สิขัณฑกนาค
ซออู้ นางสาวชตุ ิกาญจน์ กลนั่ ฤทธ์ิ
ระนาดเอก นายวรกฤต เทียมรัตน์ นางสาวจนั จริ า ละมา้ ยเมอื ง
ระนาดทมุ้ นายธนญชยั วงศใ์ หญ นางสาวกชกร เรื่องทุง่
ฆอ้ งวงใหญ่ นายกติ ติ พลู สารกิ จิ นายณฐวตร บุษประทุม
ฆ้องวงเลก็ นางสาวปรณี าภา ไชยวุฒิ
ตะโพน นายพรรษพงศ์ สขิ ัณฑกนาค
กลองทัด, กลองจนี นายเมธีพฒั น์ ชุ่มช่นื
กลองแขก นายเมธพี ัฒน์ ชมุ่ ช่ืน
บณั เฑาะว์ นายพรรษพงศ์ สิขัณฑกนาค
ฉิ่ง นายณรากรณ์ ดวงสวุ รรณ
สแนร์, ผ่าง นายธัชพล ทรรทรานนท์
กรบั พวง นางสาวสจุ ิตรา อว่ มสวัสดิ์
กรบั พวง, ฉาบเลก็ นางสาวศรัสนนั ท์ แสวงฟองคำ
กรบั พวง, แตว๋ นางสาวจตพุ ร ไชยยา
กรบั พวง, ม้าลอ่ นางสาวดุษฎี ศรเี กอื้ กลนิ่
ฉาบใหญ่, ฉาบฝร่งั นายพฒุ ลกั ษณ์ กองวงษ์
มูอ่ ๋วี , หยุ่ นายอคั รพล จันทรคล้าย
นักรอ้ ง นายนทั ธวฒั น์ สมภกั ดี
นางสาวอนุสรา กาหลง
นางสาวเมษา หิว้ พมิ าย
รายนามผบู้ รรเลงดนตรวี งเครอื่ งสายผสมขิม
ตบั เร่อื ง ชุมชนทา่ เตยี น
ซอสามสาย นางสาวณัฐกานต์ พุ่มเรยี บ
จะเข้ นางสาวปยิ ะนันท์ พนู ดี
ซอดว้ ง นายธรี ะภัทร บุตรเทศย์
ซออู้ นายวโรตม์ เทศทอง
ขลยุ่ เพียงออ นายฉตั รชยั เทียมแสน
ขมิ นางสาวชุตกิ าญจน์ จริ ะราชวโร
รายนามผู้บรรเลงดนตรีวง
ขับเสภา ออกเพลงเด่ยี วกราวใน
รายนามผบู้ รรเลงดนตรีวงปพ่ี าทย์ไมน้ วมเครือ่ งคู่
เพลงระบำเพญ็ พฒั น์
ขลุ่ยเพียงออ นายฉัตรชัย เทียมแสน นางสาวปรีณาภา ไชยวุฒิ
ซออู้ นายประสิทธิ์ ทมิ สีคร้าม
ระนาดเอก นายปรเมศวร์ วนะรมย์
ระนาดท้มุ นางสาวปาณศิ า ขำสุวรรณ
ฆ้องวงใหญ่ นางสาวจิณหว์ รา ดอนคงดี
ฆอ้ งวงเล็ก นางสาวจฑุ ามาศ ภริ มยเ์ ลศิ
ตะโพน นายเมธพี ฒั น์ ชุม่ ช่นื
ฉิ่ง นายณรากรณ์ ดวงสุวรรณ
ฉาบ นายศวิ กร บัวดำ
กรบั พวง นายอคั รพล จันทคลา้ ย
โหมง่ นางสาวนพวรรณ จนั ทร์แสงสุก
คณะนสิ ิตผ้ดู ำเนินโครงการปริญญานิพนธ์ทางดรุ ยิ างคศิลปไ์ ทย
เร่อื ง “เสน่หบ์ างกอก เลา่ บอกทา่ เตียน”
รปู เดีย่ ว ประธานโครงการ
รปู เด่ยี ว ช่ือ : นายวรกฤต เทยี มรตั น์
รูปเดี่ยว รหัสนสิ ิต : 614 67739 35
เครอ่ื งมอื เอก : ระนาดเอก
รองประธาน
ชื่อ : นายธิติวุฒิ โกมทุ รตั นานนท์
รหสั นิสติ : 614 67613 35
เครอ่ื งมือเอก : ระนาดเอก
เลขานกุ าร
ช่อื : นายนทั ธวฒั น์ สมภกั ดี
รหสั นสิ ิต : 614 67620 35
เครื่องมือเอก : ขบั ร้อง
รูปเดย่ี ว ฝา่ ยงบประมาณ
รูปเดี่ยว ช่ือ : นางสาวชุตกิ าญจน์ จิระราชวโร
รูปเดี่ยว รหสั นสิ ติ : 614 67562 35
เครื่องมอื เอก : จะเข้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์/โสต
ชอ่ื : นางสาวจตุพร ไชยยา
รหัสนิสิต : 614 67533 35
เครือ่ งมือเอก : จะเข้
ฝา่ ยประชาสัมพนั ธ/์ โสต
ช่ือ : นายกนั ตพงศ์ นลิ ายน
รหสั นสิ ติ : 614 67527 35
เครื่องมอื เอก : ซอสามสาย
รปู เดีย่ ว ฝา่ ยประชาสัมพันธ์/โสต
รูปเดี่ยว ชื่อ : นายณรากรณ์ ดวงสวุ รรณ
รูปเดี่ยว รหสั นิสิต : 614 67579 35
เครื่องมอื เอก : ระนาดเอก
ฝ่ายขอ้ มูล/งานวจิ ยั
ชอ่ื : นางสาวศริ นภา ชยั ประภา
รหสั นสิ ิต : 614 67751 35
เคร่ืองมอื เอก : ซออู้
ฝ่ายขอ้ มลู /งานวิจัย
ชือ่ : นางสาวปยิ ะนนั ท์ พูนดี
รหสั นสิ ติ : 614 67665 35
เครื่องมอื เอก : จะเข้
รูปเดย่ี ว ฝ่ายขอ้ มูล/งานวจิ ัย
รูปเดี่ยว ชื่อ : นางสาวปรีณาภา ไชยวุฒิ
รปู เดี่ยว รหสั นิสิต : 614 67642 35
เครื่องมอื เอก : ฆ้องวงเล็ก
ฝ่ายสวัสดิการ
ชือ่ : นางสาวดษุ ฎี ศรีเกือ้ กล่นิ
รหสั นสิ ติ : 614 67585 35
เคร่ืองมือเอก : จะเข้
ฝา่ ยสวสั ดิการ
ชอ่ื : นางสาวสจุ ิตรา อว่ มสวสั ดิ์
รหัสนิสิต : 614 67768 35
เครื่องมอื เอก : จะเข้
รปู เด่ยี ว ฝ่ายการแสดง
รูปเดีย่ ว ช่ือ : นายอัครพล จนั ทรคลา้ ย
รูปเด่ียว รหสั นสิ ติ : 614 67774 35
เครอ่ื งมือเอก : ซอด้วง
ฝา่ ยการแสดง
ชื่อ : นายธชั พล ทรรทรานนท์
รหัสนิสติ : 614 67607 35
เครอ่ื งมือเอก : ฆอ้ งวงใหญ่
ฝ่ายการแสดง
ช่อื : นายธนญชัย วงศ์ใหญ่
รหสั นิสิต : 614 67591 35
เครือ่ งมือเอก : ระนาดทุ้ม
รปู เด่ยี ว ฝ่ายประสานงาน
รปู เดยี่ ว ชือ่ : นายพุฒลกั ษณ์ กองวงษ์
รหัสนสิ ติ : 614 67688 35
เครื่องมอื เอก : ฆ้องวงเล็ก
ฝา่ ยประสานงาน
ชอ่ื : นางสาวจนั จิรา ละมา้ ยเมอื ง
รหัสนสิ ติ : 614 67540 35
เคร่อื งมือเอก : ขบั รอ้ ง
ภาพถ่ายรวม
ขอขอบคุณ
คณะศิลปกรรมศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
สำนักบรหิ ารศิลปวัฒนธรรม จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
หอสมุดดนตรไี ทย จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
สำนักหอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ กรมศลิ ปากร
ศาสตราจารย์ ดร.บษุ กร บิณฑสันต์ คณบดคี ณะศิลปกรรมศาสตร์
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั
รองศาสตราจารย์ ดร.ภัทระ คมขำ หัวหน้าภาควิชาดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์
จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
นายกรรชติ จติ ระทาน ผ้อู ำนวยการสำนักบรหิ ารศลิ ปวัฒนธรรม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั
อาจารย์พัฒนี พร้อมสมบัติ
อาจารยท์ ศั นีย์ ขุนทอง (ศลิ ปนิ แห่งชาต)ิ
อาจารยส์ มชาย ทับพร ดุรยิ างคศิลปินอาวุโส สำนักการสังคีต กรมศลิ ปากร
รองศาสตราจารย์พชิ ิต ชัยเสรี
อาจารย์ศกั ด์ชิ ยั ลดั ดาออ่ น
อาจารย์ดษุ ฎี สว่างวบิ ูลยพ์ งษ์
อาจารยว์ ิรชั สงเคราะห์
ศาสตราจารย์ ดร.ขำคม พรประสิทธ์ิ
รองศาสตราจารย์ ดร.ภทั รวดี ภชู ฎาภริ มย์
รองศาสตราจารย์ ดร.พรประพติ ร์ เผา่ สวสั ด์ิ
ผชู้ ่วยศาสตราจารยด์ ำรงพล อนิ จนั ทร์
อาจารย์พัชรา บัวทอง นาฏยศิลปินอาวุโส ข้าราชการบำนาญ สำนักการสังคีต
กรมศิลปากร
นางฆสั รา ฆมะวรรณ มกุ ดาวิจติ ร ผ้อู ำนวยการฝา่ ยวชิ าการ พิพธิ ภณั ฑ์การเรยี นรูแ้ ห่งชาติ
นายทวศี กั ด์ิ วรฤทธิ์เรอื งอุไร นักจัดนิทรรศการ และผู้ชว่ ยฝา่ ยวชิ าการ
พพิ ธิ ภณั ฑ์การเรยี นรู้แหง่ ชาติ
คุณพจตะวนั ชินนาสวสั ดิ์
นายชัยทตั โสพระขรรค์
ชาวบ้านชุมชนท่าเตยี น
นสิ ติ สาขาวชิ าดุรยิ างคศลิ ปไ์ ทย คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั
นสิ ติ สาขาวิชานาฏยศิลปไ์ ทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
ขอขอบพระคุณ