1
มนุษย์เราไปติดบ่วงความรู้ โดยเฉพาะความรู้แบบ
ตรรกะ แบบวิทยาศาสตร์ ตอ้ งแสวงหาปฐมเหตุ ก่ีชาติก่ีชาติ
ก็หาไม่เจอ หาในส่ิงท่ีมนั ไม่มี ชีวิตเรามีหนา้ ที่ปกป้องตวั เอง
เท่าน้ันเอง เราเปลี่ยนโลกเปล่ียนจกั รวาลไม่ได้ เราจะไป
เรียนรู้เพ่ือจะเปลี่ยนแปลงมนั หรือ มนุษยเ์ ราไม่ค่อยเปลี่ยน
หรอก มีแต่รู้เพ่ือจะไปทาลายมัน ชีวิตเรามีอยู่แค่น้ี เราก็รู้
เฉยๆ สิ่งกระทบภายนอกกบั อารมณ์ขา้ งใน มนั เกิดข้ึน เราก็รู้
ตอนน้ีเราเอาชีวิตเรา ไปเรียนรู้เร่ืองอะไรก็ไม่รู้ เพ่ือแสวงหา
ความจริงบางอยา่ ง ความจริงสูงสุด เรากไ็ ปแสวงหาขา้ งนอก
ไปศึกษาเร่ืองจกั รวาล เรื่องดาราศาสตร์ แลว้ พอไปรู้เร่ืองนิด
เดียว เราก็เอาความรู้มาทาลายมนั มาทาลายความสมดุลของ
มัน อันน้ีเค้าเรียกว่าความรู้ผิด ส่ิงที่เราต้องรู้พ้ืนฐานของ
มนุษยท์ ุกคน รู้ว่าเราเป็ นใคร โครงสร้างชีวิตเราเป็ นอย่างไร
อะไรคือสุข อะไรคือทุกข์ น่ีเป็นงานหลกั ที่เราตอ้ งเรียน
ถา้ ในแง่ชีวิตแล้ว ความจริงสูงสุดต้อง Search inside
yourself ตอ้ งเขา้ ไปขา้ งใน ความจริงสูงสุดมนั อยขู่ า้ งใน ไมไ่ ด้
อยู่ขา้ งนอก อนั น้ีคือความจริงสูงสุดเฉพาะตวั เราก่อน เมื่อ
ตวั เราเจอความจริงสูงสุดแลว้ คนอ่ืนก็เหมือนกนั ถา้ เราเขา้ ใจ
ตัวเอง คนอ่ืนเค้าก็เหมือนเรา โครงสร้างเค้าก็เหมือนเรา
2
ประกอบดว้ ยสิ่งเหมือนกนั ดิน น้า ลม ไฟ แต่ตอนน้ีเราเรียนรู้
วิชาขา้ งนอก อยากกา้ วหน้า ตอ้ งถอยหลงั ถอยมาอยู่ทานอง
คลองธรรมที่มนั ควรจะเป็ น ชีวิตเราเหมือนมดมอดตัวนิด
เดียวเอง เรายงั ไม่รู้เลยว่าเราเป็ นใคร เราจะไปแสวงหาส่ิงท่ี
ยิ่งใหญ่บนจกั รวาล ชีวิตเรามนั ส้ันเกินไป แลว้ ไม่มีวนั เห็น
ถึงจะเห็น มนั ก็ไม่เก่ียวกบั ชีวิตเรา ไม่เก่ียวกับการพน้ ทุกข์
ของเรา ปลาเป็ นทวนน้า ปลาตายตามน้า ปลาน้าจืดถา้ มนั
มกั ง่าย ข้ีเกียจวา่ ยทวนกระแส มนั ก็ตามกระแสไปเร่ือย ๆ ลง
ทะเลตายหมด
คนวิง่ ไปตามกระแสโลกตามแฟชน่ั ตามค่านิยม อนั น้ี
ถือวา่ ถา้ เป็นปลา กเ็ ป็นปลาตายท้งั เป็น มีแต่ปลาตายเทา่ น้นั ถึง
จะตามกระแส ในขณะน้ี ในเวลาน้ี จึงถือวา่ เป็นโอกาสดีใน
ชีวิตหน่ึง ที่เรามีโอกาสมาทวนกระแส Search inside yourself
มาศึกษาวเิ คราะห์เขา้ ไปในตวั เอง เรากาลงั ทวนกระแสโลก
เขา้ สู่กระแสธรรม กระแสธรรมไม่เก่ียวกบั ศาสนา ศาสนาพดู
ถึงเรื่องธรรมนน่ั แหละ แตล่ ะศาสนาก็มีอบุ ายวิธีที่ต่างกนั แต่
เป้าหมายไมไ่ ดต้ ่างกนั ถา้ พดู เร่ืองจิตวิญญาณ จิตวิญญาณมนั
อยขู่ า้ งใน อยใู่ นตวั เรา ไมไ่ ดอ้ ยขู่ า้ งนอก กระแสธรรมมนั กอ็ ยู่
ขา้ งใน
3
กระแสโลกเราตอ้ งลืมตา Open Mind เปิ ดตากวา้ ง ๆ
หูตากวา้ งไกล แคใ่ กล้ ๆ คนขา้ งตวั เราไดย้ นิ เสียงก็หงุดหงิด
ทะเลาะกนั ไม่หยดุ ไมห่ ยอ่ นแลว้ ยงั เปิ ดหู ไปดูเร่ืองปัญหายาก
ปัญหามากมาย เอาขยะเขา้ มาอีก เพมิ่ อารมณ์เครียด เพราะ
ความอยากของเรา แต่กระแสธรรม ความจริงที่เรากาลงั
แสวงหาอยู่ อยากกา้ วหนา้ ตอ้ งถอยหลงั ตอ้ งเร่ิมจากหลบั ตา
ก่อน เราจึงจะเห็นตวั เอง ทางโลกบอกใหล้ ืมตากวา้ ง ๆ มอง
ไกล ๆ ไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา จบปริญญาเอก เป็นด็อก-
เตอร์ ทางดา้ นภาษาศาสตร์กลบั มาบา้ น คุยกนั ไมร่ ู้ภาษา เพราะ
ไปมองไกล ๆ มองแตข่ า้ งนอก จนใกลต้ วั ก็มองไม่เห็น เราทา
อยา่ งไร เรากเ็ ป็นอยา่ งน้นั คุณคือสิ่งท่ีคุณทา You are what
you do อนั น้ีเป็นกรรม กรรมไมใ่ ช่เรื่องเหลวไหล ไมใ่ ช่เรื่อง
ไสยศาสตร์ กรรมคือการกระทา เราทาอยา่ งไร เราก็เป็นอยา่ ง
น้นั เราแบกเราก็หนกั เราวางเรากเ็ บา มนั กเ็ ป็นอะไรท่ี
ตรงไปตรงมา เราหลบั ตา โอกาสเห็นความจริงมี แตถ่ า้ เรา
ลืมตามีแตเ่ ห็นสิ่งปรุงแตง่ เป็นส่วนใหญ่ ถา้ เราไม่มีปัญญา เรา
ไมส่ ามารถเห็นความจริงได้ ทุกอยา่ งเป็นภาพมายาหมด
คาวา่ สารวมระวงั สญั ชาตญาณตามธรรมชาติเราไมม่ ี
การกระทาเลย การจอ้ งระวงั ถา้ ไมส่ ารวมระวงั เราจะเผลอ
4
เพราะกิเลสมนั ไมช่ อบใหเ้ รานง่ั อยเู่ ฉยๆอยแู่ ลว้ มีอะไรเกิดข้ึน
มนั จะดึงใหเ้ ราไปคิดวิเคราะห์ ทาไม ทาไม ทาไม พอคิดป๊ ุป
เราหลุดแลว้ เราเผลอไปสร้างมโนกรรม มีการกระทาเกิดข้ึน
แลว้ แต่เผลอป๊ ปุ ไดส้ ติคืนมา กด็ ึงกลบั มาเหมือนเก่า อนั น้นั
ถือวา่ เป็นบทเรียน ไมต่ อ้ งไปคิดเพ่ิมอีก เราไมน่ ่าเผลอเลย เม่ือ
ก้ีเผลอ 1 แลว้ พอคิดป๊ ปุ ..เราไม่น่าเผลอเลย อนั น้ีเผลอที่ 2
เผลอคิดอีกแลว้ น่ีคือกิเลส แคน่ ง่ั เฉยๆ เราจะเห็นกิเลสเราชดั
ถา้ ไมร่ ู้เฉย ๆ แต่เผลอป๊ ุป รู้สึก รู้สึกน่ีดึงเขา้ มาแลว้ ดึงเขา้ มา
รู้สึกแลว้ เวทนาเกิดข้ึนทนั ที มนั บนั ทึกสญั ญาใหม่แลว้ วา่
เรารู้สึก “ดี” หรือ “ไมด่ ี” .. “รู้” เฉยๆ ไมต่ อ้ ง “สึก” พอเห็น
ความคิดตวั เอง พอเผลอป๊ ปุ เบ่ือความคิด อา้ ว โดนตีหวั อีก
รู้สึกเบ่ืออีกแลว้ เคา้ เอาทกุ ช่อง หนา้ ท่ีเรามีอยา่ งเดียว อยใู่ น
ทา่ นอน ทา่ นอนเฉยๆ ไมไ่ ดท้ ่านอนหลบั ถา้ นอนไปดว้ ยหลบั
ไปดว้ ย อนั น้ีไมใ่ ช่เฉย เราคอรัปชนั่ หนา้ ท่ีเราแลว้
ถา้ เวลานอนเราก็นอน ถา้ เวลากินเรากก็ ิน แต่ถา้ ไมใ่ ช่
เวลานอนเรานอน ไมใ่ ช่ธรรมะ ไม่ใช่หนา้ ที่ มนั เป็นกิเลส
ไม่ใช่เวลากินเราไปกิน เพราะมนั อร่อย อนั น้ีกไ็ มใ่ ช่หนา้ ที่ ก็
เป็นเพม่ิ อาการใหก้ ิเลส กิเลสเป็นกลางๆ มนั ไม่ใช่ส่ิงที่เลวร้าย
หรือส่ิงท่ีดีเลิศ อยทู่ ่ีวา่ เราจะบม่ เพาะกิเลสไปทางดา้ นใด กิเลส
5
คือความเคยชินเทา่ น้นั เอง เราบ่มเพาะแบบไหน เราก็เป็น
แบบน้นั ถา้ เราเขา้ ใจภาษาผดิ คาวา่ กรรมเหมอื นกนั กรรมป๊ ุป
เรามองในแง่ลบทนั ทีวา่ สร้างกรรม กรรมคือการกระทา เรา
กระทาดี กก็ ลายเป็นกรรมดี เราทาชว่ั ก็กลายเป็นกรรมชวั่
กรรมดี เรียก “กุศลกรรม” กรรมชว่ั เรียก “อกศุ ลกรรม” มนั มี
สองดา้ น
กิเลส ก็เหมือนกนั กิเลสที่ดี เราใฝ่ ดี กด็ ีแลว้ แต่ถา้ ไป
หลงดีเมื่อไหร่ กลายเป็นความชวั่ ร้ายอยา่ งยงิ่ หลงทาดีจน
ทรมานตวั เอง ไมห่ ลบั ไมน่ อน อยากใหม้ นั สาเร็จ อยากทา
ความดีจนตวั เองเด้ียง อนั น้ีกลายเป็นส่ิงชว่ั ร้าย ทาดี ก็ดีแลว้
ทาแค่พอดี แตไ่ ม่ตดิ ดี แลว้ กล็ ะชวั่ ละชว่ั ไมใ่ ช่รังเกียจชว่ั
มากมาย เราไปดูถูกคนอื่น ก็เป็นความชวั่ ร้ายอยา่ งยง่ิ เรา
ยอมรับวา่ ชวั่ เป็นแบบน้ี เราละ เราไม่ตอ้ งไปทามนั เท่าน้นั เอง
แต่เราทาลายมนั ไปจากโลกน้ีไมไ่ ด้ มนั เป็นของคู่ มนั มีไวใ้ ห้
เราเรียนรู้ เมื่อเรารู้แลว้ ท้งั ดี ท้งั ชว่ั เรากไ็ ม่ไปติดท้งั น้นั เราก็
ทาดี ทาแคพ่ อดี ไมต่ ิดดี แลว้ ก็ละชวั่ ไมไ่ ดป้ ฏิเสธชว่ั แลว้ กไ็ ม่
ไปหลงชวั่ แลว้ ถา้ เราเห็นตวั เอง เรากร็ ู้วา่ มนั เป้ื อน มนั เป้ื อน
มาแลว้ ต้งั นมนาน ไม่ตอ้ งรังเกียจตวั เองอีก เมอ่ื เรารู้เราก็ไมท่ า
ใหม้ นั เป้ื อน เมอื่ มนั เป้ื อนแลว้ เรากช็ าระลา้ ง ขดั มนั ใหม้ นั
6
สะอาด ไปเร่ือย ๆ ทาดี ละชวั่ แลว้ กข็ ดั เกลาใหม้ นั สะอาดไป
เรื่อย ๆ นี่คือหนา้ ที่หลกั ของมนุษยท์ ุกคน
ส่วนหนา้ ที่รองลงมา ทุกคนตอ้ งอยไู่ ด้ ตอ้ งดารงชีวติ
แลว้ ก็ตอ้ งมอี าชีพ อาชีพชอบ คือไมม่ ีการเบียดเบียนตวั เอง
และคนอ่ืน เป็นกลาง แคพ่ อดี ถา้ ทาเกินพอดีหรือข้ีเกียจ
เกินไปเรียกวา่ ไมช่ อบ ท้งั เกินไป ท้งั นอ้ ยไป เรียกวา่ ทุกข์
นอ้ ยไปมนั ไมพ่ อกิน เกินไปร่างกายทรุดโทรม ความเครียด
เกิดข้ึนมา โรคภยั ไขเ้ จบ็ กเ็ บียดเบียน
ถา้ เราแปลธรรมะวา่ มนั เป็นศาสนา ศาสนาไหนก็ช่าง
เราคิดวา่ เราปฏิบตั ิธรรม เรากป็ ฏิบตั ิศาสนา ไปจรรโลงศาสนา
ตวั เอง จนไปขดั กบั ศาสนาอ่ืน มนั เขา้ ใจผิด ถา้ เป็นธรรมะ
จริงๆ กต็ า่ งคนตา่ งอยู่ ลิงกอ็ ยอู่ ยา่ งลิง เสือกอ็ ยอู่ ยา่ งเสือ ชา้ งก็
อยอู่ ยา่ งชา้ ง อยรู่ ่วมกนั ตา่ งคนตา่ งอยู่ ท้งั หมดเป็นหน่ึงเดียว
ท้งั หมดไม่ตอ้ งเหมือนกนั
แต่ถา้ เราเขา้ ใจวา่ ธรรมะ ตอ้ งไปยดึ มน่ั ถอื มนั่ รูปแบบ
ศาสนาของแต่ละคน เรากไ็ ปหลงมนั แลว้ ความหลงน้นั เกิดทิฐิ
มานะ ขดั แยง้ กบั ศาสนาอ่ืน ทะเลาะกนั อนั น้นั ไม่ใช่ธรรมะ
นน่ั เป็นลทั ธิอดุ มการณ์ ผลคือเราตอ้ งทกุ ขแ์ น่ ๆ เรากท็ กุ ข์
7
เขาก็ทกุ ข์ ทุกขถ์ ว้ นหนา้ สาธารณทกุ ข์ เพราะเราไม่เคยศึกษา
ธรรม เราไม่เคยศึกษาความจริง เรามวั แตไ่ ปศึกษาลทั ธินิกาย
จริง ๆ แลว้ ทกุ ศาสนา สอนใหเ้ ราศึกษาความจริง แต่ทาไป
ทามา เรากไ็ ปยดึ มนั่ ถอื มนั่ ในความเช่ือของตวั เอง กลายเป็น
ลทั ธินิกายท่ีตา่ งกนั กเ็ ลยเขา้ ไมถ่ ึงความจริง แถมยงั สร้าง
กรรมใหมอ่ ีก ขดั แยง้ กนั ทะเลาะเบาะแวง้ กนั
อยากรู้ความจริง..เปล่ียนคาพดู ใหม่ คาวา่ อยาก มนั
หมิ่นแหม่ เอาเป็นวา่ “ตอ้ งการรู้ความจริง” ..มนั ออ่ นลงมา
หน่อยนึง ตอ้ งอยเู่ ฉย ๆ ไมต่ อ้ งผา่ นความคิดวเิ คราะห์ ถา้
คิดวเิ คราะหป์ ๊ ุป มนั ไมใ่ ช่ความจริง มนั เป็นสิ่งปรุงแต่งทนั ที ..
มนั ง่วง เราก็รู้ รู้เฉยๆ ถา้ รู้สึกป๊ ุป น่ีมนั เผลอท่ีจะไปง่วงตามมนั
เราจะถูกอารมณ์ง่วงน้นั ดึงเขา้ ไปเป็นมนั มนั เบ่ือ เรากร็ ู้เฉยๆ
มนั เม่ือย สังเกตม้ยั นอนอยเู่ ฉยๆ มนั กบ็ อกวา่ เมื่อย เราลองใช้
วิจารณญาณเราเองนะ หลงั จากออกจากนี่ เอ๊ะ..นอนเฉย ๆ
มนั ทาไมเมื่อย ไมไ่ ดอ้ อกกาลงั กายอะไรเลย มนั เม่ือยจริงม้ยั
อนั น้ีเรียกวา่ ธรรมารมณ์ มนั ไม่ใช่เม่ือยจริงๆของกายภาพเรา
เด๋ียวน้ี มนั เป็นอารมณ์เก่า ท่มี นั สะสมความเมื่อยไวแ้ ลว้ พอ
เรานิ่ง ๆ มนั กแ็ สดงตวั ผดุ ข้ึนมาเลยวา่ ..โอ๊ยชีวิตเราน่ีทาตวั เอง
เมื๊อยเม่ือย แตเ่ นื่องจากเรามีความอยาก เราก็กลบเกลื่อนความ
8
เมื่อยน้นั ความเมื่อยเมอื่ มนั สะสมไปนาน ๆ จากความเมื่อย
กลายเป็นความเด้ียง ร่างกายเราเด้ียงหมด ดิน น้า ลม ไฟ เรา
แปรปรวน ลมปราณไมเ่ ดิน เด๋ียวโรคภยั ไขเ้ จบ็ กเ็ บียดเบียน
เรานอนอยเู่ ฉย ๆ เห็นความจริงแลว้ วา่ ตลอดชีวติ เรา
ใชร้ ่างกาย แลว้ กจ็ ิตใจมากมายมหาศาล เราไม่เคยดูแลเคา้
เทา่ ไหร่ ไปดูแลปัญหาแตข่ องนอกกาย เรานอนอยเู่ ฉย ๆ มนั
แสดงใหเ้ ห็นหมดวา่ มนั มีอะไรมงั่ เราเมื่อย ขากช็ า เห็นหมด
นอนอยเู่ ฉย ๆ มนั เมื่อยไดย้ งั ไง แต่เวลาเราออกกาลงั กาย วิ่งจน
เหง่ือไหลไคลยอ้ ย หอบแฮกๆ ตอนน้นั ถึงจะเมื่อยเรากไ็ ม่เม่ือย
เพราะเรามีความอยาก เราอยากแขง็ แรง อยากชนะ เราก็สะสม
ความเม่ือยน้นั อยใู่ นจิตใตส้ านึกเรา กลายเป็นสัญญา เรียกวา่
“ธรรมารมณ์” อารมณท์ างธรรมชาติที่เราบนั ทึกไว้ มนั ไมใ่ ช่
เม่ือยปัจจุบนั ไม่ใช่เมื่อยเดี๋ยวน้ี
ทำไมต้องฟิ ตเนส สั ญ ลัก ษ ณ์ พ่ อ ค รู อ อ ก ไป มัน
ปฏิเสธเรื่ องศาสนาไม่ได้ พ่อครูนี่พุทธ พุทธโดยท่ีเขา
กาหนดให้พ่อครูต้ังแต่เกิด โดยท่ีพ่อครูไม่รู้คืออะไร แต่
หลงั จากเขา้ ถึง พ่อครูไปศึกษา พุทธก็ดีไม่เสียหายอะไร ทุก
ศาสนาดีหมด แตพ่ ่อครูไม่เคยขดั แยง้ กบั ใคร
9
แต่จะทายงั ไง จะเดินยงั ไงใหม้ นั เป็นสากล ถา้ วนั ใด
พอ่ ครูไมอ่ ยู่ ส่ิงดี ๆ เหล่าน้ี มนั หายสาบสูญ จิตกพ็ จิ ารณา
ทาอยา่ งไร วนั ท่ีจะกลบั มาอบุ ลฯ ระหวา่ งทางไปดอนเมือง..
ขา้ งทางพอ่ ครูเห็นป้าย คาวา่ ฟิตเนส พอ่ ครูบอกใช่ละ เราจะ
เรียกอะไรกช็ ่างมนั ขอใหส้ ิ่งน้ี มนั มีประโยชนต์ อ่ มนุษยชาติ
นี่คือที่มา ทาไมตอ้ ง “ฟิตเนส” ไลฟ์ ฟิตเนส “กายฟิ ต จิตเฟิ ร์ม
อารมณ์ดี ชีวีมีสุข” เพอื่ ใหร้ ู้วา่ มนั ไมเ่ ก่ียวกบั ศาสนา กเ็ ปลี่ยน
ชื่อเลย พอ่ ครูเลยตอ้ งช้ีแจงพวกเรา เอ๊ะ..อยอู่ ยพู่ อ่ ครูจะเปลี่ยน
ไม่ใช่เพราะครูเปลี่ยนนะ อยู่ ๆ เขากม็ าเปล่ียนพอ่ ครู
ท่ีผา่ นมา 20 ปี อยเู่ ฉย ๆ กไ็ ด้ ทาไมอยอู่ ยู่ อยไู่ มไ่ ด้ แต่
พอเจอคาวา่ “ฟิ ตเนส” ความเมตตามนั ยงั มีอยู่ โอเคเรามีช่อง
ออกไปแลว้ ก็ใหท้ กุ คนเขา้ ใจ สูงสุดคืนสู่สามญั สุญตาเป็น
เรื่องจิตวิญญาณ แตพ่ อ่ ครูชดั เจนเลยวา่ ..ถา้ พูดภาษาพุทธนะ
นิพพานคือฟิ ตเนสอยา่ งยง่ิ fitness คือความสมบรู ณ์ เหมาะสม
เป็นกลาง ภาษามนั จะยงั ไงก็ช่างมนั ใหเ้ ป็นภาษาสากล พอใช้
เป็นฟิ ตเนส พอ่ ครูตอ้ งร้ือฟ้ื นภาษาองั กฤษตวั เอง มนั ลง
กระป๋ องหมดแลว้ มนั ลืมหมด ไปเปิ ด Dictionary ดู ท่ีเรา
Shake and Dance น่ี Shake up your mind เป็นการกระตนุ้ จิต
ใหต้ ่ืน ออกกาลงั กายโดยการเตน้ รา แลว้ กท็ ่ีเรายนื เดินนงั่ นอน
10
เป็นการ search inside yourself คือเขา้ ไปในตวั เองไปศึกษา
ตวั เอง ไปวจิ ยั ตวั เอง ที่ผา่ นมาเรา search หาขอ้ มลู ขา้ งนอก
ส่งออกตลอดเวลา จิตไม่สงบนิ่ง แลว้ พวกเราเขา้ ไปขา้ งใน
แลว้ ตอนบ่าย inside out เราสามารถเขา้ ไปในเวบ็ ไซตเ์ รา เอา
ปัญญาเก่าเราออกมาใช้ มนั อยใู่ นท้งั 4 โปรแกรมน้ี 4
โปรแกรมน้ีไมไ่ ดเ้ ปลี่ยน วธิ ีรักษาโรคที่ดีที่สุด คือ ป้องกนั
ไม่ใหเ้ กิดโรค วิธีป้องกนั ไม่ใหเ้ กิดโรคที่ดีท่ีสุด คือ รักษา
ความสะอาด สะอาดจิต สะอาดร่างกาย สะอาดสิ่งแวดลอ้ ม
สิ่งแวดลอ้ มท่ีสาคญั ที่สุด คือมนุษยข์ า้ งตวั เรา มนุษยท์ าให้
สิ่งแวดลอ้ มมนั ไมด่ ี เราตอ้ งทาความสะอาดมนุษยท์ ้งั หมด ก็
โดยโปรแกรมน้ี และมนั ง่ายท่ีสุดไม่ตอ้ งใชเ้ ทคโนโลยี
มนั ไมใ่ ช่ออกกาลงั กายอยา่ งเดียว มนั โฮลิสตกิ ท้งั หมด
คาวา่ ฟิ ตเนส เป็นใบเบิกทางใหพ้ ่อครูออกไปได้ อยา่ งไม่ตอ้ ง
ขดั แยง้ ใคร คือมนั งา่ ย ทาที่บา้ นทาที่ไหนกไ็ ด้ เคร่ืองมือเราคือ
กาย เวทนา จิต ธรรม เราไปไหนก็ไดแ้ ลว้ ก็เกิดมรรคผล
สาหรับชีวติ เรา ทาไมเราตอ้ งมีทิฐิมานะ ทาไมตอ้ งอายทาดี ถา้
ไมร่ ักตวั เอง ก็รักชาติบา้ นเมืองไดไ้ หม อนั น้ีไมเ่ กี่ยวกบั เร่ือง
ของใครคนใดคนหน่ึง เกี่ยวกบั บา้ นเมือง ท้งั องคก์ ร ท้งั โลก
พ่อครูไมร่ อแลว้ แตว่ า่ ไมค่ าดหวงั โลกน้ีมนั ไปไกล เรากท็ า
11
เทา่ ที่เราทาได้ พ่อครูตอ้ งช้ีแจงพวกเราวา่ อยอู่ ยคู่ ิดจะเปล่ียน
ช่ือก็เปลี่ยน ชื่อมนั ไมส่ าคญั หรอก ท่ีผา่ นมาพอ่ ครูไมม่ ีลทั ธิ
นิกาย พ่อครูไมเ่ คยรู้คาสอนศาสนา แตพ่ อมนั ระเบิดป๊ บุ มนั
เขา้ ใจพระพทุ ธเจา้ ท่ีน่ีดารงชีวิตแบบตามคาสอนพระพทุ ธเจา้
แตพ่ ่อครูไม่ใช่ลทั ธินิกาย แคบ่ งั เอิญเราแตง่ ตวั แปลกๆ เขาก็
มองวา่ เอ๊ะ..ลทั ธิไหน
ทาไมตอ้ งเป็นฟิ ตเนส นาฬิกาสูงที่สุด เขาบอกเป็นเลข
12 พอ่ ครูบอกใช่เหรอ ระหวา่ งเลข 6 กบั เลข 12 ก่ีนาที 30
นาที เลข 6 ถึงเลข 6 ก่ีนาที 60 นาทีสูงสุดคืนสู่สามญั อยา่ ไป
พูดสูงแลว้ ไปไมถ่ ึง เอามนั เริ่มตน้ อยา่ งน้ีแหละ ถา้ ไม่หยดุ
ปฏิบตั ิเราถึงขา้ งบนแน่ ๆ เสน้ ทางเสน้ น้ีไม่ตนั เพราะมนั ไมม่ ี
วิธี ถา้ มีวธิ ี มนั ก็จะมีขอ้ จากดั เราฝึกโยคะ ฝึกชี่กง ฝึกไทเก๊ก
อะไรก็ช่าง มนั มีขอ้ จากดั ของมนั วิธีน้ีไมม่ ีวธิ ี มาใหม่ใช่ไหม..
เดินทางดว้ ยกนั เลน่ กีฬาดว้ ยกนั ไดก้ ีฬาเป็นยาวิเศษ ไมต่ อ้ งฝึก
มาจ๊อกกิ้งดว้ ยกนั ส่วนใครวิ่งชา้ วงิ่ เร็วแลว้ แตส่ ถานะภาพ ทุก
คนแขง็ แรงหมด
12
13
ถา้ คนเราไม่รู้ว่า ชีวิตคืออะไร เราจะบริหารชีวิต
ไม่ถูกตอ้ ง มนั มีเข็มทิศชีวิต เป้าหมายชีวิต ถา้ คุณไม่รู้ว่าชีวิต
คืออะไร คุณจะไปวางเข็มทิศถูกได้อย่างไร Mind Map ก็
เช่นเดียวกัน เป็ นเทคนิคอย่างหน่ึงเสริมอาวุธทางปัญญา
ทางดา้ นสมอง จริง ๆ แลว้ ไม่ควรจะเรียก Mind ด้วย แต่ก็
ไม่เป็ นไร เพราะคนที่ทาก็ไม่รู้ว่า Mind คืออะไร จดั ระบบ
สมองความคิดอะไรนี่ เป็นเขียนแผนที่กบั เร่ืองวิชาการ เพื่อ
เสริมอาวุธทางปัญญา เอาไปทาไม เอาไปทาร้ายคู่ต่อสู้ เอาไป
ทาให้ตวั เองเครียดมากข้ึน อนั น้ีในแง่ชีวิตแลว้ ขาดทุน พ่อครู
จึงเขียนแผนท่ีชีวติ ง่าย ๆ แก่นมนั มีอยแู่ คน่ ้ี
หลกั การกค็ ือ
1. การพ่งึ ตนเอง (to rely on yourself)
2. การเตน้ ราเพื่อออกกาลงั กาย (Dancercise)
3. การบาบดั ทางจิตดว้ ยการเคล่ือนไหวและเตน้ รา (Dance
Therapy)
4. การสารวจตวั เอง (Search inside yourself)
5. การนาประสบการณ์เดิมมาใชป้ ระโยชน์ (Inside-out)
6. การกระตนุ้ จิตใหต้ ื่น (Shake up your mind)
7. การบาบดั โดยใชล้ มปราณ (Energy Therapy)
14
8. การลา้ งพษิ ทางอารมณ์ (Emotion Detoxification)
9. การเพิ่มภูมิคุม้ กนั โรค (Immunize)
หลกั การคร่าวๆมีอยู่ 9 อยา่ ง ก็คงเหลือเฟื อแลว้ สาหรับ
มนุษยชาติ มนั พร้อมทจ่ี ะไปทวั่ โลก เรารู้ก่อนวา่ ทาไมเราตอ้ ง
ทาแบบน้ี เราตอ้ งดูผงั ชีวติ
15
1. ชีวติ เกดิ ขนึ้ ได้อย่ำงไร วิทยาศาสตร์บอก เราเกิดมา
จากการปฏิสนธิ มีการผสมพนั ธุก์ นั ถา้ เด็กทารก 2 คน เป็น
ฝาแฝดมี DNA เหมอื นกนั เลย เรียกวา่ พนั ธุกรรมไดไ้ หม
ออกมาจากพนั ธุกรรมของพอ่ แม่ ทาไมคนน้ีข้ีแย คนน้ีไม่ข้ีแย
คนน้ีไอคิวสูง คนน้ีไอคิวต่า อนั น้ีเกิดมาจากอะไร แขง็ แรง
16
ไมแ่ ขง็ แรง วทิ ยาศาสตร์ตอบซิ มนั เรียกวา่ อะไร..กรรมพนั ธุ์
ในที่น้ีไมใ่ ช่ไดพ้ นั ธุจ์ ากพ่อแม่ พอ่ แมส่ ่งผลแคพ่ นั ธุกรรมทาง
กายภาพ หนา้ ตาคลา้ ยพอ่ แม่ DNA เหมือนกนั ในเรื่องทาง
กายภาพ ในเรื่องรูปธรรมเรื่องนามธรรมแลว้ มนั เกี่ยวกบั เรื่อง
กรรมพนั ธุ์ เรามีกรรมเป็นทายาท เรามีกรรมเป็นเผา่ พนั ธุ์
ท่ีมาของมนุษย์ กบั สัตวโ์ ลกท้งั หมด เกิดมาจาก กรรม
จิต อุตุคืออุณหภูมิ และอาหาร สี่อยา่ งน้ีทาให้ความมีชีวิต
เกิดข้ึน ถา้ ไม่มีจิตวิญญาณความมีชีวิตเกิดข้ึนไม่ได้ เดก็ สอง
คน DNA เหมือนกนั เลย ทาไมต่างกนั มนั เกี่ยวกบั กรรมที่
สร้างมาไม่เหมือนกนั ท่ีบนั ทึกสัญญาอยู่ใน DNA น้นั ทีน้ี
อุณหภูมิร้อนทาให้พอง เจริญวยั เยน็ น้ีทาให้ยบุ นี่เป็ นตวั
เปลี่ยนแปลง ทาไมเราไม่หนุ่มสาวตลอดเวลา เซลล์เรา
เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็ นเร่ืองอุตุ ระหว่างอยู่ในทอ้ งแม่
ปฏิสนธิแลว้ ตอ้ งอาศยั อาหารของแม่ ไม่อยา่ งน้นั อยู่ไม่ได้
นี่คือที่มาของชีวิต เมื่อกลายเป็ นชีวิตมนุษย์แล้ว คลอด
ออกมาแลว้ ตอ้ งอยไู่ ดด้ ว้ ยปัจจยั สี่
ชีวิตประกอบข้ึนดว้ ย รูปกบั นาม คือ กาย อารมณ์ จิต
สามอย่างรวมกัน ถึงจะกลายเป็ นชี วิตข้ึนมาได้ แต่
17
วิทยาศาสตร์ไปวิจยั แต่เรื่องกายอยา่ งเดียว รูปธรรมอยา่ งเดียว
ปฏิเสธนามธรรม เราจึงแกป้ ัญหาชีวิตเราไม่ได้ มนั เป็ นความ
จริงที่มีอยแู่ ลว้ มีท้งั รูป ท้งั นาม
ส่วนกายภาพน้นั ประกอบข้ึนดว้ ยอะไร ประกอบดว้ ย
ดิน น้า ลม ไฟ คือธาต๔ุ ดิน-น้า-ลม-ไฟ ถา้ ไมเ่ รียกวา่ ธาตุ๔
จะเรียกวา่ อะไร มีภาษากลางกลางอยไู่ หม เพราะเรียกธาตุ๔
เดี๋ยวบอกเป็นพทุ ธ รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วญิ ญาณ ถา้ ไม่
เรียกวา่ ขนั ธ์๕ ใชภ้ าษาอะไร วทิ ยาศาสตร์เขาไม่มีภาษา
เหล่าน้ี เพราะเขาไม่เคยวจิ ยั เลย แต่มนั เป็นความจริงท่ีมีอยแู่ ลว้
แลว้ พอ่ ครูจะพูดภาษากลางไดย้ งั ไง กาลงั หาอยู่ ไมอ่ ยากเปล่ง
ป๊ บุ จะไปขดั แยง้ กบั คนอ่ืน ทางศาสนาเขาวิจยั เรื่องนามธรรม
เขาไปเจอสิ่งน้ี เขาก็ต้งั สมมติฐานชื่อเรียกง่าย ตา หู จมกู ลิน้
กาย ใจ เรียกวา่ อะไรทกุ คนเขา้ ใจ ภาษาสากลยงั ไมม่ ี เพราะ
วิทยาศาสตร์ไม่เคยวิจยั เรื่องน้ี เอาแตเ่ ร่ืองรูปธรรมเอาแต่กาย
อยา่ งเดียว แต่ศาสดาเขา้ ไปเห็นเร่ืองน้ี เขาเรียกวา่ “อายตนะ”
ทางบาลีเขาศึกษาทางจิตวญิ ญาณ เคา้ เรียก “อายตนะ” พอ่ ครู
จะไปพูดภาษาสากล กไ็ มร่ ู้จะเรียกวา่ อะไร ตา หู จมูก ลิ้น กาย
ใจ เราเรียกอายตนะภายใน ทีน้ีอายตนะภายนอก รูป รส กลิน่
เสียง สัมผสั อารมณ์ ถา้ เราไม่เรียกวา่ อายตนะภายนอก เราจะ
18
ใชช้ ่ืออะไร เราไม่เคยวจิ ยั เลย วิทยาศาสตร์ปฏิเสธส่ิงน้ี ปฏิเสธ
ความจริง เอาแตเ่ ร่ืองท่ีเราชงั่ ตวงวดั ได้
แลว้ ตอนน้ีความสุขเราเกิดข้ึนจากอะไร จากไปทาอะไร
ที่เราพอใจ พอ่ ครูผา่ นมาแลว้ อยากรวยกร็ วยแลว้ เอาเงินซ้ือ
ทุกอยา่ งท่ีขวางหนา้ มนั กส็ นุกสนาน เพลดิ เพลิน เจริญใจ
ชวั่ คราว พอเสร็จแลว้ มนั ก็เบ่ืออีก มนั ไมใ่ ช่ความสุข มนั เป็น
ความหลงวา่ มนั สุขเท่าน้นั เอง ฉนั พอใจฉนั ไปเล่นดนตรี เล่น
กีฬา เล่นเรือใบ ฉนั กส็ ุข ความสุขมนั เกิดจากเราตอ้ งสร้าง
ความพอใจก่อน มนั สุขจริงหรือ เราไปหลงวา่ มนั สุขเฉยเฉย
จริงๆแลว้ มนั ไมไ่ ดส้ ุข มนั เป็นความสะใจ ความพงึ พอใจ
พอแลว้ พงึ พอใจอยกู่ าลงั ฟังเพลงเพราะเพราะ มีคนโยนขวด
มาเปร้ียง ตกใจเลย ไมใ่ ช่สุขหายไปนะ ความโกรธมาแทนที่
มนั สุขจริงเหรอ พ่อครูเจออยา่ งน้นั มาแลว้ 26 ปี น้ีพ่อครูเจอ
ความสุขจริงๆ มนั ไมต่ อ้ งไดอ้ ะไรเลย ไม่ตอ้ งทาอะไรเลยกส็ ุข
ท่ีมนั สุข เพราะวา่ มนั ไมท่ ุกขเ์ ทา่ น้นั เอง ไม่มคี วามกงั วลอะไร
เลย ไม่ตอ้ งหาอะไรชดเชย ความสุขที่แทจ้ ริง คือความไมม่ ี
ทกุ ข์ ความไม่มีทกุ ขท์ ่ีแทจ้ ริง คือความอิสระ
19
2. ชีวติ ประกอบขนึ้ ด้วยอะไร ดว้ ยรูปนาม 2 อยา่ ง กาย
กบั จิต มนั กม็ ีรูปมีกาย กบั อารมณ์กบั จิต รวมเป็นชีวติ เกิดข้ึน
สรุปง่ายๆวา่ มี รูป กบั นาม แต่วทิ ยาศาสตร์เอาแต่รูปธรรม
นามธรรมมนั ชง่ั ตวงวดั ไม่ได้ ใหค้ ะแนนไมไ่ ด้ เขาไม่เอา ก็เลย
เอาวชิ าวิทยาศาสตร์น้ี มาสร้างวตั ถมุ าแข่งกนั มาซ้ือมาขาย
แลว้ ก็ไมแ่ กป้ ัญหาชีวิตใหค้ วามรู้สึกสุข รู้สึกทกุ ข์ มนั มีไง เรา
นอนไมห่ ลบั ใครนอนไม่หลบั กินยานอนหลบั เอาอีกแลว้ เอา
ยาไปกดประสาทใหน้ อนหลบั แกป้ ลายเหตแุ ลว้ สุดทา้ ยกเ็ ด้ียง
มนั เป็นนามธรรม อนั น้ีคือมนุษยไ์ ม่ยอมรับเร่ืองนามธรรม
3. ชีวติ ดำรงอย่ไู ด้อย่ำงไร ตอบส้นั ๆเราอยดู่ ว้ ยปัจจยั สี่
เราตอ้ งมีอาหาร มีท่ีอยอู่ าศยั มียารักษาโรค มเี ครื่องนุ่งห่ม มี
แค่ 4 อยา่ งน้ีชีวติ กส็ มบูรณ์แลว้ แตถ่ งึ ตอนน้ีจะเอา 5 ปัจจยั 6
ปัจจยั 7 พอ่ ครูพูดมาต้งั นานแลว้ ความสุขที่แทจ้ ริงน่ี รวย
แปลวา่ มีเยอะ ไมไ่ ดแ้ ปลวา่ สุข จนแปลวา่ ไมม่ ี ไม่ไดแ้ ปลวา่
ทุกข์ แตต่ อนน้ีเขาสรุปดว้ ยวิทยาศาสตร์ พอ่ ครูก็ตอ้ งอา้ งอิง
เพราะคนทุกวนั น้ีเชื่อวทิ ยาศาสตร์ ซ่ึงเคา้ วจิ ยั มาสรุปวา่ รวย
ไมใ่ ช่ความสุข ความมีชื่อเสียงไม่ใช่ความสุข ความสุขเกิดข้ึน
แค่สงั คมชุมชนคุยกนั รู้เร่ือง ไม่ขดั แยง้ แลว้ ก็เป็นจิตอาสา
20
ถา้ ความสุขมีอยแู่ ค่น้ี แลว้ เราจะไปดิ้นรนอะไรมากมายทาไม
เรากส็ ุขไดเ้ ลยเดี๋ยวน้ี
เวบ็ ไซตข์ อง Bloomberg ไดป้ ระกาศดชั นีเศรษฐกิจตวั
ใหม่เรียกวา่ “ดชั นีความทุกขเวทนา” มนั ก็เกิดมาในยคุ น้ี อนั น้ี
เป็นดชั นีเศรษฐกิจตวั ใหม่ ไม่ใช่ความสุขมวลรวม อนั น้ีมนั
บอกวา่ ความทกุ ขเวทนา Misery Index ไปวดั ความทกุ ขเวทนา
ที่มากบั เศรษฐกิจ ทุกขจ์ ากภาวะเงินเฟ้อ ทุกขจ์ ากภาวะตกงาน
ประเทศไหนมี Misery Index ต่า หรือกลบั กนั ไมม่ ีความทุกข์
จากสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ไดม้ ีการวเิ คราะห์ Misery Index
ของชาวโลกแลว้ พบวา่ 15 เขตเศรษฐกิจ ที่มีความทุกขจ์ าก
สภาพเศรษฐกิจนอ้ ยทส่ี ุดในโลก อนั ดบั ท่ี 1 Thailand เรา
สุดยอดเลย เรามีทุกขเวทนานอ้ ยท่ีสุด เช่ือไหม แลว้ ถา้ ดูตวั เลข
พอ่ ครูไม่คอ่ ยเชื่อตวั เลข คือเราห่างเขามากๆ เรามีทุกขเวทนา
แค่ 1.6 ในขณะที่ GDP เรานี่อนั ดบั 44 ของโลก แสดงวา่ GDP
ไม่ใช่ความสุขใช่ไหม
เขาสุ่มตวั อยา่ ง พ่อครูรู้อยู่ พ่อครูอยชู่ นบท เมอื งไทยเรา
มีหลากหลายอาชีพ อยา่ งเกษตรกร คนยาก คนจน กรรมกร ยงั
ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นกลมุ่ สารวจขอ้ มูลของเขา เขาบอกวา่ คนไทยถึงจะ
21
ไม่มีงานกช็ ่าง ก็เป็นจิตอาสา มีวดั มีวาเขากม็ ีความสุข เขาไป
เก็บผกั ขา้ งบา้ น เขากไ็ ม่เดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ แตพ่ ่อครูเห็น
ทุกขถ์ ว้ นหนา้ ในสงั คมชนบท ณ ตอนน้ี อนั น้ีเขาสรุปเม่ือปี 58
ขนาดวา่ เราทกุ ขซ์ ะ แสดงวา่ ประเทศอื่นเขาทกุ ขก์ วา่ เรา เรา
ทุกขน์ อ้ ยท่ีสุด อนั ดบั 2 คือสวิตเซอร์แลนด์ 2.4 อเมริกา
อนั ดบั 8 ดชั นี 5.85 เศรษฐกิจอนั ดบั 1 ของโลก แต่วา่ มนั ไมใ่ ช่
GDP นอร์เวยม์ ี GDP อนั ดบั 1 ของโลกแต่เร่ืองทกุ ขน์ อ้ ย เป็น
อนั ดบั 9 ดชั นี 5.95 มนั พิสูจนแ์ ลว้ วา่ เงินไมใ่ ช่ความสุข พ่อครู
ช้ีใหเ้ ห็นประเทศท่ีทุกขท์ ี่สุดใน 51 ประเทศ เวเนซูเอล่า ระดบั
เศรษฐกิจของเคา้ GDP อยอู่ นั ดบั 42 ประเทศไทย 44
ใกลเ้ คียงกนั แตเ่ ขาทกุ ข์ 86.5 ของเรา 1.6 มนั ตา่ งกนั มาก
แสดงวา่ พวกเรายงั บุญเยอะ ที่เราไม่รวย อนั น้ีเป็นตวั เลขระดบั
สากล เอามาประกอบคาพูด ไม่ใช่คาพดู พอ่ ครูนะ
พ่อครูเอาชีวิตพอ่ ครู ไปผา่ นการทดสอบแลว้ วา่ อยาก
รวยก็รวย ใหร้ วยใหเ้ ขด็ เลย มนั หาความสุขไมเ่ จอ ฮาร์วาร์ด
เขา้ เพง่ิ สรุปผล 70 ปี วา่ ความรวย ความมีชื่อเสียง ไม่ใช่
ความสุข ความสุขเกิดแคว่ า่ สงั คมมนุษย์ โดยเฉพาะมนุษยใ์ น
ครอบครัวคุยกนั รู้เร่ือง ทาไมตอ้ งไปทะเลาะกนั ใหเ้ ราเขา้ ใจ
ชีวิต แคน่ ้ีปัจจยั สี่ แลว้ เรากม็ ีความสุขตามอตั ภาพ ตอนน้ีเรา
22
สุขเพราะเราตอ้ งไดเ้ ยอะๆ ความหลงผดิ ทาใหต้ ้งั โจทยโ์ ลกผิด
มนั ผดิ ไปหมดเลย มนั กเ็ ครียด แต่ความคิดผดิ มนั ทาใหเ้ รา
หลงทางกนั ไปหมด ทาลายโลกจนไม่เหลืออะไรเลย แลว้ ทกุ
คนกม็ าเครียดกนั
4. สิ่งทชี่ ีวติ ของเรำต้องสัมพนั ธ์ด้วยคืออะไร เพราะเรา
เป็นชีวิตแลว้ เรามีตา มีหู มีจมูก มีลิน้ มีกาย มใี จ พ่อครูขอยมื
ภาษาด้งั เดิมที่เขาเรียกวา่ อายตนะ เรามีตาเรากม็ องเห็นรูป เรา
มีหูเรากไ็ ดย้ นิ เสียง จมกู กไ็ ดด้ มกลิ่น ปากก็ลมิ้ รส เขาตีเราก็
เจบ็ มนั เยน็ ร้อนออ่ นแขง็ เราสมั ผสั มนั ตลอดเวลา มนั เป็น
เคร่ืองมือในการดารงชีวิตเรา แตถ่ า้ เราไม่ระวงั เราจะเอาตาหู
จมกู ลิน้ กายใจมาเสพ อนั น้ีสวย อนั น้ีเพราะ อนั น้ีหอม อนั น้ี
อร่อย ฉนั ช๊อบชอบ พอเจอของไม่อร่อย ฉนั ไม่ชอบ ฉนั ทุกข์
พอเคา้ ด่ามาฉนั ไม่ชอบ ฉนั ทกุ้ ขท์ กุ ข์ สุขทุกขม์ นั เกิดจากเรา
ไม่รู้เท่าทนั อายตนะ โปรแกรมที่เราทาอยู่ ทาไมสกั แตว่ า่ รู้
สักแตว่ า่ เห็น สกั แต่วา่ ไดย้ นิ น่ีแหละคือเครื่องมือ ใครทาให้
เราทุกขก์ ไ็ ม่ได้ มนั อยใู่ นน้ีหมด
ทาไมพฒั นากายจิต น่ีคือโฮลิสติก คาวา่ “Holistic” มนั
ตอ้ งรวมกาย อารมณ์ของเรา คือ กายฟิ ต จิตเฟิร์ม อารมณ์ดี ชีวี
23
มีสุข กอ็ ยใู่ นหลกั แผนที่ชีวิต เพราะเราประกอบดว้ ย กาย
อารมณ์ จิตวญิ ญาณ มนั อยใู่ นโปรแกรมน้ีท้งั หมดเลย ถา้ เราทา
ไปไดเ้ รื่อยเร่ือย มนั จะแขง็ แรงท้งั กาย จิต และไดล้ า้ งพษิ ทาง
อารมณ์ ชีวติ เราดีข้ึนโดยไม่ตอ้ งไปเพ่มิ เติมอะไรเลย เคยมี
คาถามวา่ ลาพงั เตน้ เก่งน่ีมนั จะเกิดปัญญาไดย้ งั ไง เขาเขา้ ใจวา่
มนั ตอ้ งอา่ นเยอะๆ มนั ตอ้ งไปหอ้ งแลป็ หอ้ งสมุด นน่ั มนั เป็น
แค่ความรู้ มนั ไม่ใช่ปัญญา เป็นแค่ความรู้ของคนอื่น เราแค่
ขยนั ไป copy เราเป็นแคน่ กั เลียนแบบ ไมใ่ ช่นกั เรียนรู้ เราไม่รู้
อะไรเลย..เป็นแคข่ ยะ
เตน้ เตน้ เตน้ ไปเตน้ มาเราก็รู้วา่ เราเป็นไง เรากเ็ ห็นวา่
เราคิด เรากเ็ ห็นอารมณ์เรา คือตวั ปัญญาอยา่ งยง่ิ พอ่ ครูกถ็ าม
เดก็ มธั ยม บอกวา่ ลกู เคยโกรธไหม เขาบอกเคย เวลาโกรธนี่
สนุกไหม เขาบอกไม่มคี วามสุข ไม่ดี ไม่ดีแลว้ ลูกโกรธทาไม
เรารู้จริงไหม เรารู้วา่ ไมด่ ี เราโกรธทาไม สมองรู้ แต่จิตไมร่ ู้
ท่ีเราเตน้ ๆ เราก็เห็นอารมณ์โกรธใช่ไหม เราเห็นมนั แลว้
ตอ่ ไปเราไมโ่ กรธตามมนั น่ีแหละคือปัญญาอยา่ งยง่ิ ทาไมจะ
ไมม่ ีปัญญา มาร้อง ร้อง มนั จะเอากิเลสออก อยา่ ไปมองแค่
ภาพขา้ งนอก อารมณ์ที่เราเห็นอารมณ์ที่เราร้อง ทีแรกกแ็ กลง้
24
ร้องก่อน จากน้นั อารมณ์ท่ีสะสมมา มนั กอ็ อกหมดเลย เราเห็น
อารมณ์เรานะ เป็นปัญญาอยา่ งยงิ่
เราไปเขา้ ใจวา่ ความรู้มนั ตอ้ งวิจยั ในหอ้ งแลป็ น่ีแหละ
หอ้ งแลป็ วจิ ยั โดยไมต่ อ้ งวจิ ยั วจิ ยั โดยไม่ตอ้ งอยากรู้ เด๋ียวมนั
รู้เอง แคม่ าเตน้ มาเช็ค มาสลดั แรกๆใครมา อาย ทาทาไม เสีย
บุคลิกภาพ เสียศกั ด์ิศรี ต้งั แตย่ งั ไม่ทา เราก็เห็นแลว้ เห็นวา่ เรา
มีศกั ด์ิศรี มีหวั โขน มนั จะไมร่ ากร็ า เราก็ทาลายตวั กิเลสแลว้
กลบั คืนสู่ธรรมชาติเดิมเป็นเดก็ ๆ เวลาเดก็ เลน่ กนั มนั ชนกนั ลม้
มนั ก็ร้องไห้ แต่มนั ลุกข้ึนมา มนั ก็เลน่ กนั ตอ่ เห็นไหม ผใู้ หญ่
เราน่ีแคน้ น้ีตอ้ งชาระ สิบปี ยงั ไม่สาย แบกไป 9 ปี 11 เดือน 29
วนั อีกวนั หน่ึงจะหมดแลว้ คืนน้นั จะหลบั ตาคิดถึงหนา้ มนั อีก
ต่อวีซ่ามีอีก 10 ปี แลว้ มนั ดีหรือ นี่คืออตั ตา เรามาเตน้ นี่ ทาลาย
อตั ตา
สิ่งที่เราสมั ผสั ทุกวนั กค็ ือรูป รส กล่ิน เสียง สมั ผสั แลว้
ก็อารมณ์รู้ที่ใจ ถา้ เรารู้เท่าทนั มนั ตลอดเวลา เวลาทางานเรากร็ ู้
แตช่ ่วงท่ีเรามาเตน้ มาทาแบบน้ี เรากย็ อ่ เวลาส้นั ๆหน่อยนึง
มนั เร็วเราจะเห็นอารมณ์เยอะๆเลย เม่ือเราฝึกแลว้ ต่อไป ชีวติ
จริงเรา กระทบไม่กระเทือน นนั่ แหละคือ Protection มนั เป็น
25
สิ่งง่ายๆ แตม่ นั แยบยล แลว้ กไ็ ดก้ ายภาพบาบดั เป็นของแถม
เลือดลมก็วงิ่ ยส่ี ิบหกปี ของพอ่ ครูนี่ไม่เคยกินยาแกป้ วดหวั
แมแ้ ตน่ ิดนึง เพราะมนั ไมเ่ ผลอท่ีจะไปคิด เห็นไหม มนั ก็
เกิดผลแลว้ มนั ไมใ่ ช่เร่ืองเช่ือ หรือไม่เชื่อ มนั เป็นความจริง
มนั เป็นเช่นน้นั เอง
5. จุดจบของชีวติ คืออะไร ทกุ คนก็รู้ คาวา่ ชีวิตถา้ รวม
กาย อารมณ์ จิต ถา้ มนั ไมห่ ายใจ จบแลว้ คือตาย อนั น้ีจุดจบ
ของชีวติ น้ี แต่ไมใ่ ช่จบถาวร ธรรมชาติบอกอยา่ คา้ กาไรเกิน
ควร หนีหน้ีหรือ ตวั ตาย แตจ่ ิตไมม่ ีวนั ตาย จิตมนั กบ็ นั ทึก
โปรแกรมกรรมชาติน้ีบวกกบั ของเก่า บวกลบคูณหาร ก็ไป
เกิดอยใู่ นร่างดีข้ึน หรือเลวลง นกั วทิ ยาศาสตร์ตอ้ งศึกษาวา่ ไม่
มีเบ้ืองตน้ ไม่มีเบ้ืองปลาย ไม่มีปฐมเหตุ แมก้ ระทงั่ เราบรรลุ
นิพพานแลว้ ก็ช่าง เราบรรลนุ ิพพานแลว้ เราไม่ตอ้ งเวียนวา่ ย
ตายเกิดในสามโลกธาตนุ ้ี แต่ไม่ไดห้ นีไปไหน จิตยงั อยู่ แต่ไม่
มีอตั ตา หลุดออกจากเกมส์น้ีเท่าน้นั เอง
พระพทุ ธเจา้ ยงั อยู่ ตวั รู้น้นั ยงั อยู่ ไมม่ ีปฐมเหตุ มีเหตุ
สาเหตุ ตน้ เหตุ ไม่มีปฐมเหตุ เดก็ ชายแดง เด็กชายดอน ว่ิง
ร้อยเมตรแขง่ กนั ว่งิ ไปถึง 50 เมตร เดก็ ชายแดงลม้ ลงไปหวั เขา่
26
แตกร้องไห้ คุณแมร่ ักลกู วิง่ มา คุณแม่ก็ใจจะขาด จะดบั ทกุ ข์
ใหล้ กู ลกู หยดุ ร้องไหเ้ ด๋ียวแมซ่ ้ือขนมใหก้ ิน ซ้ือจกั รยานให้
คุณแม่ดบั ท่ีปลายเหตุ เด็กคนหน่ึงวงิ่ มา คุณแม่คุณแม่ ไอแ้ ดง
ที่มนั ร้องไห้ หวั เข่ามนั แตกเห็นไหม โอย๊ เจบ็ ใหญ่ กร็ ีบมา
รักษาหวั เข่าลูก เมอื่ ก้ีไปแกท้ ี่อยากใหล้ กู หยดุ ร้องไห้ เดก็ อีก
คนหน่ึงวิง่ มา คุณแมค่ ุณแม่ท่ีหวั เขามนั แตก สาเหตเุ พราะมนั
ลม้ อีกคนหน่ึงวง่ิ มา ฉนั เห็นมากกวา่ เธออกี ท่ีแดงมนั ลม้
สาเหตุคือมนั ขดั ขาตวั เอง ไมม่ ีใครผลกั อีกคนหน่ึงวงิ่ มา ฉนั รู้
มากกวา่ ทุกคนอีก ท่ีมนั ขดั ขาตวั เองเพราะมนั วิ่งไวเกินไป อีก
คนหน่ึงว่ิงมา นี่ฉนั รู้มากกวา่ เธออีก เพราะวา่ ฉนั เป็นเพ่อื น
สนิทมนั ก่อนท่ีมนั จะว่งิ มนั บอกฉนั วา่ มนั อยากชนะ ตน้ เหตุ
คือมนั 'อยาก' ชนะ ตอ้ งดบั ท่ี 'ความอยาก' ตน้ เหตุ ไม่ใช่
ปฐมเหตุ ตน้ เหตุมนั มาจากกิเลส ทาใหเ้ กิดตณั หา ตณั หาก็
ไม่ใช่ปฐมเหตุ คือ มีคนปรุงแตง่ ใหม้ นั เกิด สร้างกรรมใหม้ นั
เกิดกิเลสข้ึน
คาน้ีนกั ปรัชญาฝรั่งเศสใชค้ าพดู ไปทวั่ โลก ทกุ คนก็
เขา้ ใจวา่ ตอ้ งเป็นแบบน้นั “I think, therefore I am” คุณคิด
คุณถึงมีตวั ตน เรามาแกท้ ่ีความคิด เราตอ้ งคิดบวกสิ คิดบวก
เราไปแกท้ ่ีปลายเหตอุ ีกแลว้ คิดบวกก็เพือ่ สนองตณั หาความ
27
อยากอีกแลว้ เลวร้ายยง่ิ กวา่ คิดลบอีก คิดเพราะความอยาก
พอไดม้ ากด็ ีใจ พอเสียไปบางทีฆา่ ตวั ตาย จริงๆแลว้ ความเป็น
จริงคือ “I am, therefore I think.” ถา้ ไม่มีเรา ใครจะเป็นคนคิด
ถา้ ไมม่ ีเรา ไม่มีความคิด ไม่มีการสร้างมโนกรรม เพราะเรามี
เราจึงสร้างกิเลสข้ึนมา เราจึงมีความอยาก เราถึงไปสร้างกรรม
เราถึงวงิ่ เร็วเกินไป ขาดสติ หวั เข่าแตกถึงร้องไห้ พรุ่งน้ีมาเขา
ถามวา่ วง่ิ กนั อีก วงิ่ ฉนั สูเ้ ธอไม่ได้ มาชกมวยกนั ดีกวา่ ไปชก
มวยมา บงั เอิญถูกเขาน็อคอีก กร็ ้องไห้ เพราะเราอยากชนะ
แต่จริงๆ เราแพ้
ดบั ทกุ ข์ ดบั ท่ีตน้ เหตุแห่งทกุ ข์ คือ ตวั ตณั หา ตวั ตณั หา
ดบั ยงั ไง..ตอ้ งรู้เท่าทนั กิเลส รู้เทา่ ทนั กิเลส กิเลสก็พฒั นาไปสู่
ตณั หาไมไ่ ด้ อุปาทานกไ็ มเ่ กิด ทกุ ขก์ ็ไมเ่ กิด น่ีแหละเราเห็น
กิเลส เราสกั แตว่ า่ รู้ สกั แตว่ า่ เห็น เรากาลงั ดบั ตณั หา โดยท่ี
รู้เท่าทนั กิเลส ไมใ่ ช่ไปนงั่ สมาธิกดมนั สงบ สงบ สงบ อนั น้นั
ยาพารา กดสปริง กดสปริง สงบ สงบ แตเ่ ราตอ้ งทาลายสปริง
ทาลายมนั ดึงไป ดึงไปเร่ือย ๆ พอมนั ทาลายแลว้ ก็เป็น
เหลก็ เส้นหน่ึง ไม่ตอ้ งกดเลย สงบตลอดกาล ถา้ เราเขา้ ถึง
อริยสัจ๔ เราจะรู้วา่ เหตุ สาเหตุ ตน้ เหตุ เราไม่แกท้ ่ีปลายเหตุ
ปวดหวั กินยาพารา พอฤทธ์ิยาหมดกป็ วดอีก ถา้ เราไม่เลิกคิด
28
ทาไมพ่อครูไม่ปวด ยสี่ ิบหกปี ไม่ตอ้ งคิดเลย มนั ไม่มีอนาคต
มนั ไมม่ ีความอยาก มนั จึงไม่ตอ้ งคิด ที่เราคิด เพราะเรามี
ความอยาก เราคิดวางแผน คิดกเ็ ป็นการสร้างมโนกรรม เราใช้
ความคิดมากเกินไป ตอนน้ีเราเขา้ ใจกนั ผิด
มีคุณยายท่านนึงมาท่ีน่ี เราทาพิธีกนั อยฐู่ านพระใหญ่
เสร็จแลว้ คุณยายก็กด กด กด กด เลน่ เกมส์ แกบอกลกู หลาน
บอกวา่ ถา้ ไม่เลน่ เดี๋ยวยายเป็นอลั ไซเมอร์ พอ่ ครูไม่เห็นดว้ ย
ประธานาธิบดีเรแกนกเ็ ป็นอลั ไซเมอร์ เพราะวา่ คิดมาก เราใช้
มนั มากตา่ งหาก เขา้ ใจกนั ผิด ใชม้ นั มากมนั โทรมตามอายขุ ยั
ของมนั คนโบราณสมยั ก่อนเขาไม่เคยคิดเลย อายยุ นื เขาจาได้
หมด น่ีวทิ ยาศาสตร์ไปคิดแบบตรรกะ คุณจะให้คนแก่พฒั นา
สมองหรือ จะใหเ้ คา้ เตน้ เตน้ เตน้ ใหเ้ ขาสาวข้ึนมาหรือ มีแต่
โทรมข้ึนไปอีก ไม่ใช่ใชจ้ ิตเตน้ ถา้ เตน้ เพราะอยากแขง็ แรง
“อยาก” น้ีแหละมนั จะทาใหเ้ ราโทรม
จุดจบของชีวติ ก็คือความตาย แตเ่ ราตายในชาติน้ี จุดจบ
ในชาติน้ีคือ ตาย มนั ดบั สูญในแง่ชีวติ แต่จิตไมม่ ีวนั ตาย นี่
แหละไมม่ ีปฐมเหตุ มนั เวียนวา่ ยตายเกิด
29
6. เป้ำหมำยของชีวติ คืออะไร ความสุขไหม? ชื่อเสียง
ไหม? ความรวยไหม? ถา้ เราบอกความสุขไม่ผิด แตถ่ า้
ความสุขเราหมายถึง ความรวย ความมีชื่อเสียง เขาสรุปแลว้
วทิ ยาศาสตร์สรุปแลว้ เจด็ สิบปี อยากไดอ้ ะไร กไ็ ด้ เพราะคน
ในชุมชนน้นั มหาเศรษฐีก็มี แลว้ เคา้ สรุปวา่ มนั ไมใ่ ช่สุข ถา้ เรา
เขา้ ใจตอนน้ีแลว้ เราจะไมห่ ลงทางชีวติ พอ่ ครูถึงเนน้ บอกวา่
อยา่ อดทนทางานเพื่อความสุข จงทาตนใหม้ สี ุขเมื่อไดท้ างาน
เมลด็ พนั ธุ์เราเอาไปปลกู ถา้ มนั มอี ณุ หภูมิที่เหมาะสม มีอาหาร
ท่ีเหมาะสม มนั ก็จะโตข้ึนเป็นตน้ ไม้ เมลด็ พนั ธุ์น่ี “พนั ธุ์” คือ
พนั ธุกรรมของมนั แตถ่ า้ เมลด็ พนั ธุน์ ้ีมนั แหง้ มนั ตายแลว้ มนั
ไม่เกิด ถา้ มนั ไม่มีจิต ไม่มีวญิ ญาณ มนั ตอ้ งผสมกบั พวกน้ี
บวกกบั อุณหภูมิท่ีเหมาะสม พอมนั โตป๊ ปุ ฤดูกาล..ถา้ ไม่ถึง
ฤดูกาลอณุ หภมู ิไม่คงที่ มนั ไม่ออกดอก ไม่ออกผล มนั ไม่ตอ้ ง
เขา้ มหาวทิ ยาลยั มนั รู้ชีวติ มนั ก็ออกผล พอถึงฤดูใบไมร้ ่วง มนั
กร็ ่วงผลดั ใบมาปกคลุมดิน รักษาความช้ืน แลว้ ก็คอ่ ย ๆ ยอ่ ย
สลายกลายเป็นป๋ ุยเล้ียงตน้ แมม่ นั อีก ลกู ผลไมถ้ า้ มนั หลน่ ลงมา
ผลไมห้ ล่นไมไ่ กลตน้ ถา้ อณุ หภมู ิเหมาะสม มีอาหาร มนั ก็โต
อีก มนั ไม่เร่ืองมาก นี่คือระบบชีวติ ในวฏั สงสาร ถา้ เราปลอ่ ย
ไปตามกระแสกรรม มนั ก็ไปเรื่อย ๆ
30
ทีน้ีผู้รู้เค้าไปเจอการตัดกระแสกรรม กรรมเป็ น
ตวั กาหนดท้งั หมด เปลี่ยนบนั ทึกกรรมใหม่ เรามาลา้ งมนั ออก
แลว้ ก็เวลาที่เหลือหลีกเล่ียงการสร้างกรรมใหม่ เราทาได้
แคน่ ้นั เมื่อไหร่ความพร้อมมนั พอ มนั กจ็ ดั สรรโดยตวั มนั เอง
เม่ือไหร่พร้อมป๊ ุป มนั ก็ออกดอก เม่ือไหร่พร้อมป๊ ุป มนั กอ็ อก
ผล น่ีคือระบบธรรมชาติ แต่เนื่องจากวิทยาศาสตร์ เราเอา
ความเก่งไปวจิ ยั แบบแยกส่วน จาแนกแยกแยะเป็นหลายแขนง
ทุกคนรู้เรื่องเดียว ถา้ รู้เร่ืองเดียวมีเศรษฐกิจอยา่ งเดียว มนั อยู่
ไดม้ ้ยั ..ไม่ ถา้ ไม่มีเส้ือผา้ ใส่น่ีมนั หนาวตายเลย แต่เมล็ดพนั ธุ์
มนั รู้ เมล็ดพนั ธุ์เปรียบเสมือนตัวจิต ส่วนพนั ธุกรรมมันก็
เปรียบเสมือนกรรม เมล็ดปลูกข้ึนมา ทาไมกลายเป็ นมะม่วง
มนั มีพนั ธุกรรมเป็นมะม่วง มนั กอ็ อกตามกรรมของมนั
ชีวิตเรากเ็ หมอื นกนั ถา้ เราเขา้ ใจ เราจะเขา้ ใจสรรพสิ่ง
แตต่ อนน้ีวิทยาศาสตร์ทาใหม้ นั เพ้ยี น เพราะเราอยากเอาชนะ
ธรรมชาติ เราก็สร้างองคค์ วามรู้ตา่ ง ๆ แตส่ ุดทา้ ยเราก็ชนะ
ไม่ได้ เก่งแคไ่ หนก็ตาย วนั น้ีพอ่ ครูเนน้ เรื่องน้ี ใหเ้ ราเขา้ ใจวา่
อะไรคือความสุข สาหรับพ่อครูพดู ดงั ๆ วา่ ความสุขที่แทจ้ ริง
คือความไมม่ ีทกุ ข์ ความไม่มีทกุ ขท์ ี่แทจ้ ริง คือความอิสระ
อิสระจากอะไร เสรีจากอะไร จากของคู่ จากความสุขกบั ความ
31
ทกุ ข์ จากความดีกบั ความชวั่ เรายอมรับมนั ท้งั หมด แต่เราไม่
ไปติดมนั เท่าน้นั เอง เพราะของคู่เราหนีมนั ไม่พน้ มีผหู้ ญงิ -
ผชู้ าย มีหยนิ -มีหยาง มีข้วั บวก-ข้วั ลบ เพยี งแตเ่ รารู้เทา่ ทนั มนั
ไมไ่ ปหลงติดฝ่ ายใดฝ่ายหน่ึง นนั่ แหละคือ ความ Peaceful
ไมไ่ ดย้ ากอะไร งา่ ยท่สี ุด แต่เป็นเรื่องยากท่สี ุด เพราะกิเลส
ความเคยชินเราไมย่ อม อตั ตา ทิฐิมานะเราไมย่ อม
32
ทมี่ ำ : เรื่อง แผนท่ชี ีวติ
บรรยำยโดย พ่อครูบญั ชำ ต้ังวงษ์ไชย
ศูนย์พลำญข่อย 24 มกรำคม 2559
YouTube แผนทช่ี ีวิต24มค59
www.plarnkhoi.com
Facebook ศนู ยพ์ ลาญขอ่ ย