สรุปวิทยาศาสตร์ ม.3 เทอม 1 ก่อนสอบปลายภาค

สรุปเนื้อหา

วิทยาศาสตร์

ก่อนสอบปลายภาค

เนื้อหาที่ใช้สอบ ม.3

แสงกับการมองเห็น
พันธุศาสตร์
ระบบสุริยะของเรา

By Kru Gam

แสงกับการมองเห็น

ออกสอบ!

การหักเหของแสง เกิดจากการที่แสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลาง
ต่างชนิดกัน มีความหนาแน่นต่างกัน ส่งผลให้แสงเคลื่อนที่ใน
อัตราเร็วที่ไม่เท่ากัน จึงเกิดการหักเห

ถ้าแสงเคลื่อนที่จากตัวกลางที่มีอัตราเร็ว ถ้าแสงเคลื่อนที่จากตัวกลางที่มี
มากไปตัวกลางที่มีอัตราเร็วน้อยกว่าแสง อัตราเร็วน้อยไปตัวกลางที่มีอัตราเร็ว
มากกว่า แสงจะหักเหแบบเบนออกจาก
จะหักเหแบบเบนเข้าจากเส้นปกติ
เส้นปออกกตสิอบ!

ตื้นกว่า
ความเป็นจริง!!

แสงจากดวงอาทิตย์ เรียกว่า แสงขาว เมื่อแสง
ขาวตกกระทบผิวด้านหนึ่งของปริซึมสามเหลี่ยม แสง
ที่หักเหผ่านออกมาทางผิวด้านตรงข้ามนั้นแยกออก
เป็นแสงสีต่าง ๆ เรียงชิดติดกันเป็นแถบสี เรียกว่า
สเปกตรัมของแสงขาว และเรียกปรากฏการณ์ที่เกิด
ขึ้นนี้ว่า การกระจายแสง (dispersion of light)

By Kru Gam

แสงกับการมองเห็น ออกสอบ!

รุ้ง (Rainbow) เกิดจากการที่แสง
อาทิตย์ส่องผ่านละอองน้ำหรือหยดน้ำ และเกิด
การกระจายแสงในหยดน้ำ จากนั้นแสงจะเกิด
การสะท้อนกลับหมดภายในหยดน้ำ และแสงจะ
หักเหออกจากหยดน้ำเข้าสู่ตา ทำให้เรามองเห็น
สีต่าง ๆ เกิดเป็นแถบสีรุ้ง

รุ้งปฐมภูมิ รุ้งทุติยภูมิ

มิราจ (mirage) คือ ภาพลวงตาที่เกิดขึ้น
ตามธรรมชาติเป็นปรากฏการณ์ชนิดหนึ่ง ซึ่ง
เกิดจากการที่อากาศด้านล่างมีอุณหภูมิสูง
กว่าอากาศด้านบน จึงทำให้อากาศด้านล่างมี
ความหนาแน่นน้อยกว่าและอัตราเร็วมากกว่า
แสงเบนออกจนเกิดการสะท้อนกลับหมด

By Kru Gam

แสงกับการมองเห็น

เครื่องมือที่ช่วยและขยายขอบเขตของประสาทสัมผัสทางตา โดยมีเลนส์และ
กระจกตาเป็นส่วนประกอบ เพื่อช่วยให้การมองเห็นวัตถุชัดเจนยิ่งขึ้น เรียกว่า
ทัศนอุปกรณ์ (optical instrument)

1. แว่นขยาย ประกอบด้วยเลนส์นูน การใช้ต้องให้ระยะวัตถุอยู่
ห่างจากแว่นขยายน้อยกว่าระยะความยาวโฟกัสของแว่นขยาย ช่วย
ทำให้เกิดภาพเสมือนหัวตั้งขนาดใหญ่กว่าวัตถุ

2. กระจกโค้งจราจร ประกอบด้วยกระจกนูน ช่วยทำให้
เกิดภาพเสมือนหัวตั้งขนาดเล็กกว่าวัตถุ

3. กล้องโทรทรรศน์ ใช้สำหรับส่องวัตถุบนท้องฟ้า ทำให้
เกิดภาพเสมือนหัวกลับขนาดใหญ่กว่าวัตถุ มี 2 ประเภท ได้แก่

ชนิดสะท้อนแสง (กระจกเว้า กระจกเงา และเลนส์นูน)
ชนิดหักเหแสง (เลนส์นูน 2 อัน)

4. กล้องจุลทรรศน์ ประกอบด้วยเลนส์นูน 2 อัน ช่วย
ทำให้เกิดภาพเสมือนหัวกลับขนาดใหญ่กว่าวัตถุ

5. กล้องส่องทางไกล ประกอบด้วยเลนส์วัตถุ เลนส์ตา
และปริซึม ช่วยทำให้เกิดภาพเสมือนตั้งขนาดใหญ่กว่าวัตถุ

6. แว่นสายตา คนสายตาสั้น ควรสวมด้วนเลนส์เว้า
คนสายตายาวควรสวมด้วยเลนส์นูน

7. เส้นใยนำแสง มีขนาดเล็กมาก แสงจะผ่านไปตาม
เส้นใยนำแสง และเกิดการสะท้อนกลับหมดภายในเส้นใย จน
กระทั่งแสงพุ่งออกที่ปลายอีกข้างหนึ่ง

By Kru Gam

ออกสอบ! แสงกับการมองเห็น

สั้นเว้า ยาวนูน

การใช้ประโยชน์จากเลนส์

สายตาสั้น สายตายาว

คนสายตาสั้นแสงจะหักเหแล้ว คนสายตายาวแสงจะหักเหแล้ว
ตกถึงก่อนจอภาพ (เรตินา) ตกเลยจอภาพ (เรตินา) ไป

วิธีแก้ ใช้เลนส์เว้าช่วยกระจายแสง วิธีแก้ ใช้เลนส์นูนช่วยรวมแสง
ให้ตกที่เรตินาพอดี ให้ตกที่เรตินาพอดี

ความสว่าง

ความสว่าง มีหน่วยเป็น ลักซ์ หรือ ลูเมน
อุปกรณ์ที่ใช้วัดความสว่าง คือ ลักซ์มิเตอร์
ควรจัดความสว่างให้เหมาะสมในการทำ
กิจกรรมต่าง ๆ

By Kru Gam

พันธุศาสตร์

ลักษณะทางพันธุกรรม คือ ลักษณะที่ถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่งได้ เช่น
การมีลักยิ้ม การห่อลิ้น ความสูง สีตา สีผิว เป็นต้น ลักษณะทางพันธุกรรมนี้ ถูก
กำหนดหรือควบคุมด้วย ยีน (gene)

องค์ประกอบของสารพันธุกรรม สามารถเรียงลำดับจาก ใหญ่ ไป เล็ก ได้ ดังนี้

สิ่งที่เล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตคือ เซลล์
ในเซลล์มี นิวเคลียส

นิวเคลียสเป็นที่อยู่ของโครโมโซม
โครโมโซมตอนที่ยังไม่แบ่งเซลล์
อยู่ในสภาพคลายตัว เรียกว่า โครมาทิน
ประกอบไปด้วย ดีเอ็นเอพันรอบโปรตีนฮิสโตน
ในสายดีเอ็นเอ จะมียีนคอยกำหนดลักษณะทางพันธุกรรม

เรียงใหญ่ เล็ก = เซลล์ นิวเคลียส โครโมโซม ดีเอ็นเอ ยีน

โครมาทิด เซนโทรเมียร์ โครโมโซมที่อยู่เป็นคู่ มีรูปร่าง
คล้ายกัน ขนาดเท่ากัน เรียกว่า

ฮอมอโลกัสโครโมโซม

พันธุศาสตร์เมนเดล ออกสอบ!

เกรเกอร์ เมนเดล บิดาแห่งพันธุศาสตร์ ผู้ค้นพบลักษณะที่ปรากฎ
ในรุ่นลูก จากการทดลองปลูก ถั่วลันเตา ทั้งหมด 7 ลักษณะ
ได้แก่ รูปร่างของเมล็ด สีของเมล็ด สีของฝัก รูปร่างของฝัก สีของดอก
ตำแหน่งของดอก ความสูงของลำต้น

By Kru Gam

การทดลองของเมนเดล

เมนเดลทดลองปลูกถั่วลันเตา 7 ลักษณะ
พบว่า รุ่นลูก F1 ปรากฎลักษณะเด่นออกมา
เพียงอย่างเดียว เมื่อนำลูกรุ่น F1 มาผสม
กันเอง ได้หลานรุ่น F2 ที่มีทั้งลักษณะเด่นและ
ลักษณะด้อย ในอัตราส่วน เด่น : ด้อย = 3:1

คำศัพท์พันธุศาสตร์ อย่าสับสนนะคะ

1. แอลลีล คือ รูปแบบต่าง ๆ ของยีน มักเขียนแทนด้วยอักษรภาษาอังกฤษ เช่น T ต้นสูง
2. จีโนไทป์ คือ แอลลีลที่อยู่เป็นคู่ เช่น TT, Aa, Ss, bb มี 2 รูปแบบ คือ

2.1 ฮอมอไซกัส หรือ พันธุ์แท้ ได้แก่ คู่แอลลีลที่เหมือนกัน เช่น TT AA bb ss (ใหญ่ทั้งคู่ เล็กทั้งคู่)
2.2 เฮเทอโรไซกัส หรือ พันธุ์ทาง ได้แก่ คู่แอลลีลที่ต่างกัน เช่น Tt Aa Rr (ทั้งใหญ่และเล็ก)
3. ฟีโนไทป์ คือ ลักษณะที่ปรากฎออกมาให้เห็น เช่น ดอกสีม่วง ผมหยิก มีหาง มีลักยิ้ม

ตัวอย่าง กำหนดให้ A เป็นแอลลีลเด่นที่ควบคุมลักษณะมีลักยิ้ม
a เป็นแอลลีลด้อยที่ควบคุมลักษณะไม่มีลักยิ้ม

พันธุ์แท้ คือ เด่นพันธุ์แท้ AA (มีลักยิ้ม) และ
ด้อยพันธุ์แท้ aa (ไม่มีลักยิ้ม)

พันธุ์ทาง คือ Aa (มีลักยิ้ม) แม้มีแอลลีลเด่นเพียงตัวเดียวสามารถแสดงลักษณะเด่นออกมาได้

การแสดงออกของด้อย การแสดงออกของเด่น ออกสอบ!!
แอลลีลต้องด้อยทั้งคู่ หรือ แม้มีแอลลีลเด่นเพียงตัว

เล็กทั้งคู่ จึงจะแสดง เดียว ก็สามารถแสดง
ลักษณะด้อยออกมาได้ ลักษณะเด่นออกมาได้
เช่น Aa มีลักยิ้ม Tt ต้นสูง
เช่น aa ไม่มีลักยิ้ม คือ การข่มอย่างสมบูรณ์
tt ต้นเตี้ย

กฎของเมนเดล

1.กฎการแยกตัว คือ แอลลีลอยู่กันเป็นคู่ ๆ เมื่อถึงเวลาสร้างเซลล์สืบพันธุ์จะแยกตัวออกจากกัน
2.กฎการรวมกลุ่มอย่างอิสระ แอลลีลที่แยกกัน จะสามารถมารวมกันได้อย่างอิสระเมื่อมีการปฏิสนธิ

By Kru Gam

ออกสอบ การเขียนแผนภาพการผสมพันธุ์ เน้น ๆ !
ทั้งหน้า!

ตัวอย่าง น้องแก้มทดลองผสมพันธุ์ พ่อวัวมีเขาพันธุ์ทาง กับ แม่วัวไม่มีเขา
จงหาอัตราส่วนจีโนไทป์ และฟีโนไทป์ของรุ่นลูก

กำหนดให้ B เป็นแอลลีลเด่นที่ควบคุมลักษณะมีเขา
b เป็นแอลลีลด้อยที่ควบคุมลักษณะไม่มีเขา

จีโนไทป์ของพ่อ ต้องวิเคราะห์ก่อน พ่อมีเขาพันธุ์ทาง แสดงว่าพ่อเป็นลักษณะเด่น
แต่เด่นแบบพันธุ์ทาง ดังนั้น จีโนไทป์ของพ่อ คือ Bb

จีโนไทป์ของแม่ ต้องวิเคราะห์ก่อน แม่ไม่มีเขา แสดงว่าแม่เป็นลักษณะด้อย
ต้องด้อยทั้งคู่จึงจะแสดงลักษณะด้อยออกมาได้ ดังนั้น จีโนไทป์ของแม่คือ bb

พ่อแม่ Bb bb
กฎการแยกตัว

เซลล์สืบพันธุ์ B bb b
กฎการรวมตัวอย่างอิสระ

ลูก F1 Bb Bb bb bb

มีเขา มีเขา ไม่มีเขา ไม่มีเขา

จีโนไทป์ของลูก ได้แก่ Bb, bb อัตราส่วน จาก 2 : 2
อัตราส่วนจีโนไทป์ เท่ากับ 1 : 1 ทำให้เป็นอัตราส่วน
ฟีโนไทป์ของลูก ได้แก่ มีเขา, ไม่มีเขา อย่างต่ำ เหลือ 1 : 1 ค่ะ
อัตราส่วนฟีโนไทป์ เท่ากับ 1 : 1
ฝึกทำบ่อย ๆ สู้ ๆ นะคะ

แม่ พ่อ B b ใช้ตารางพันเนตต์

b Bb bb ช่วยตรวจสอบ

ความถูกต้องก็ได้นะคะ

b Bb bb

By Kru Gam

โครโมโซมมนุษย์

โครโมโซมในเซลล์ร่างกายของมนุษย์มี 46 แท่ง หรือ 23 คู่ แบ่งออกเป็น
ออโตโซม (autosome) คือ โครโมโซมร่างกาย 44 แท่ง 22 คู่ ออกสอบ!
โครโมโซมเพศ (sex chromosome) โครโมโซมกำหนดเพศ 1 คู่

เพศชายและเพศหญิงจะมี 22 คู่แรกเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงคู่ที่ 23
โดยเพศชายจะเป็น XY และเพศหญิงจะเป็น XX

ออกสอบ! การแบ่งเซลล์

การแบ่งนิวเคลียสของเซลล์ มี 2 แบบ คือ
การแบ่งแบบไมโทซิส (mitosis) เป็นการแบ่งเพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ร่างกาย
ทดแทนเซลล์ที่สูญเสียหรือตายไป เซลล์ใหม่ที่ได้ 4 เซลล์ จำนวนโครโมโซม
เท่าเดิมเหมือนเซลล์ตั้งต้น
การแบ่งแบบไมโอซิส (meiosis) เป็นการแบ่งเพื่อสร้างเซลล์สืบพันธุ์ เช่น
เซลล์ไข่ เซลล์อสุจิ เซลล์ใหม่ที่ได้ 2 เซลล์ จำนวนโครโมโซมลดลงครึ่งหนึ่ง
จากเซลล์ตั้งต้น

ไมโท โต เติบโต
ไมโอ โอ้ว สืบพันธุ์

By Kru Gam

โรคทางพันธุกรรม

โรคทางพันธุกรรม คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซมหรือความผิดปกติ
ของยีน ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้สามารถ ถ่ายทอดไปสู่รุ่นลูกหลานได้

ความผิดปกติบนออโตโซม เช่น

กลุ่มอาการคริดูชาต์ หรือ แคทครายซินโดรม โครโมโซมคู่ที่ 5 ขาดหายไป 1 แท่ง

กลุ่มอาการพาเทา เกิดจาก โครโมโซมคู่ที่ 13 เกินมา 1 แท่ง ทริคการจำ!
กลุ่มอาการเอ็ดเวิร์ด เกิดจาก โครโมโซมคู่ที่ 18 เกินมา 1 แท่ง 13 พาเทา

กลุ่มอาการดาวน์ เกิดจาก โครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง ดาว 21

ความผิดปกติบนโครโมโซมเพศ เช่น ออกสอบ! เอ็ดเวิร์ด 18

อาการเทอร์เนอร์ (44+X)เพศหญิง X หายไป 1 ตัว แคทคราย 5

อาการไคลน์เฟลเตอร์ (44+XXY) เพศชาย X เกินมา 1 แท่ง

อาการทริปเปิลเอ็กซ์ซินโดรม (44+XXX) เพศหญิง X เกินมา 1 แท่ง

อาการเอ็กซ์วายวายซินโดรม (44+XYY) เพศชาย Y เกินมา 1 แท่ง
ความผิดปกติบนยีน เช่น

โรคตาบอดสี โรคฮีโมฟีเลีย โรคผิวเผือก ภาวะนิ้วเกิน โรคธาลัสซีเมีย

สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม

สิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม (genetically modified organism; GMO) เป็นสิ่ง

มีชีวิตที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่อาศัยกระบวนการทางพันธุวิศวกรรม โดยการนำ

ยีนของสิ่งมีชีวิตอื่นมาใส่ลงในสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการ

ตัวอย่างสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม เช่น

การสกัดอินซูลินจากแบคทีเรีย

ข้าวโพด GMOs ออกสอบ!
มะละกอ Gmos

ข้าวสีทอง

By Kru Gam

แรงโน้มถ่วงระหว่าง
ดวงอาทิตย์กับดาวบริวาร

การกำเนิดระบบสุริยะ กลุ่มฝุ่นและก๊าซในอวกาศซึ่งเรียกว่า “โซลาร์เนบิวลา”
(Solar Nebula) ส่วนใหญ่เป็นไฮโดรเจน ฮีเลียมและฝุ่นเมฆ รวม
กันเป็นกลุ่มด้วยแรงดึงดูดร่วมกันเมื่อประมาณ 4.6 พันล้านปีมาแล้ว

ต่อมาเมื่อมีมวลมากขึ้น แรงดึงดูดมากขึ้น มีการบีบอัดกัน
เป็นรูปจาน ทำให้ความดันเพิ่มขึ้นมากที่ใจกลางมีความร้อนมหาศาล
และเกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ฟิวชัน หลอมรวมอะตอมไฮโดรเจน
เป็นฮีเลียม เกิดดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์เกิดขึ้น

มวลสารและกลุ่มก๊าซเศษโลหะ เศษหิน ที่เล็กกว่าและ
อุณหภูมิต่ำกว่ารวมตัวกันกลายเป็นดาวเคราะห์ โคจรรอบดวงอาทิตย์

ดวงอาทิตย์และวัตถุเหล่านี้ต่างยึดเหนี่ยวกันด้วย

“ แรงโน้มถ่วง (gravitational force)”

และมีอัตราเร็วที่เหมาะสมค่าหนึ่ง ทำให้วัตถุ

ทั้งหมดโคจรรอบดวงอาทิตย์ได้

ค่าของแรงโน้มถ่วงขึ้นอยู่กับ

1.ขนาดของมวล (มวลมาก แรงโน้มถ่วงมาก) จำสูตรให้ได้
นะครับ!
2.ระยะห่างระหว่างวัตถุทั้งสอง (ระยะห่างมาก แรงโน้มถ่วงน้อยลง) ดังสมการ

เซอร์ ไอแซ็ก นิวตัน ผู้คิดค้นแรงโน้มถ่วง


ออกสอบ!

โลกหมุนรอบตัวเองทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ดังนี้
การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์
การกำหนดทิศ
กลางวัน กลางคืน

กลางวัน กลางคืน

โลกหมุนรอบตัวเองใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง หมุนในทิศทวนเข็มนาฬิกา
ทำให้ซีกหนึ่งได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ เป็นช่วงกลางวัน
อีกซีกที่ไม่ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ เป็นช่วงกลางคืน

By Kru Gam

ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์

การเกิดฤดูกาล

ฤดูเกิดจากที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
และมีแกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา ทำให้
พื้นที่ต่าง ๆ บนโลก ได้รับแสงที่ไม่เท่ากัน

ออกสอบ!

ถ้าซีกโลกเหนือเอนเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้แสงตกตรง ได้รับความร้อนมาก ซีกโลกเหนือจะเป็น
ฤดูร้อน ส่วนซีกโลกใต้จะเป็นฤดูหนาว
ถ้าซีกโลกใต้เอนเข้าหาดวงอาทิตย์ ทำให้แสงตกตรง ได้รับความร้อนมาก ซีกโลกใต้จะเป็นฤดูร้อน
ส่วนซีกโลกหนือจะเป็นฤดูหนาว
ถ้าซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้เอาเข้าหาดวงอาทิตย์เท่า ๆ กัน จะเกิดฤดูใบไม้ร่วง และฤดูใบไม้ผลิ

ประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน หรือบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร
จึงมีเพียง 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว

ออกสอบ! การเกิดข้างขึ้น ข้างแรม

ดวงจันทร์มีการหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบโลก ซึ่ง
ดวงจันทร์รับแสงจากดวงอาทิตย์ครึ่งดวงตลอดเวลา ทำให้เกิด
ด้านสว่าง แต่อีกด้านจะถูกบังด้วยเงาของตัวเอง เกิดด้านมืด
ดวงจันทร์หันหน้าที่ดวงจันทร์ได้รับแสงมายังโลกแตกต่างกัน
ทำให้คนบนโลกมองเห็นแสงสว่างแตกต่างกันออกไป

By Kru Gam

ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์

น้ำขึ้น น้ำลง ขณะที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก จะมีแรงดึงดูดระหว่างมวล
ของดวงจันทร์และโลก เรียกว่า “แรงไทดัล” ออกสอบ!
น้ำลง

น้ำขึ้น น้ำขึ้น
น้ำขึ้นจะเกิดบนผิวโลกด้านที่หันเข้าหาดวงจันทร์ และ
น้ำลง ด้านตรงข้ามของดวงจันทร์

ดวงอาทิตย์ แม้อยู่ไกลจากโลก แต่มีมวลมาก แรงโน้มถ่วงจึงมีผลต่อระดับน้ำเช่นกันถ้าดวงจันทร์

โคจรมาในแนวเดียวกับดวงอาทิตย์จะเสริมแรงไทดัลกัน

วันน้ำเกิด

ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ใน

แนวเดียวกับดวงอาทิตย์

เสริมแรงไทดัล ทำให้เป็นวันที่

ระดับน้ำสูงที่สุดและต่ำที่สุด

มีความแตกต่างกันมาก

วันน้ำตาย

ดวงจันทร์โคจรมาอยู่แนว
ตั้งฉากกับดวงอาทิตย์
แรงไทดัลไม่เสริมกัน ทำให้ระดับ
น้ำสูงและต่ำ ไม่ต่างกันมาก

เทคโนโลยีอวกาศ

เทคโนโลยีอวกาศ คือ การนำความรู้และวิธีการต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีมาใช้ให้เหมาะสมในการศึกษาทางดาราศาสตร์และอวกาศ ตลอดจนนำ

มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับทรัพยากรธรรมชาติและการดำรงชีวิตของมนุษย์
ตัวอย่าง เทคโนโลยีอวกาศ เช่น
กล้องโทรทรรศน์ กระสวยอวกาศ จรวด ดาวเทียม

By Kru Gam

ความก้าวหน้า
เทคโนโลยีอวกาศ

ออกสอบ! จุดเริ่มต้นมาจาก ที่สหภาพโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 ในปี พ.ศ. 2500
ออกนอกโลกเป็นครั้งแรก ทำให้เริ่มมีการศึกษาอวกาศอย่างจริงจัง

โครงการสำรวจอวกาศ

โครงการสำรวจดวงจันทร์

โครงการลูนา ของสหภาพโซเวียต (แต่ไม่สามารถนำมนุษย์ลงสู่ดวงจันทร์ได้)
โครงการอพอลโล 11 ของ NASA ในปี พ.ศ. 2512 นำมนุษย์ลงสู่ดวงจันทร์ได้เป็นครั้งแรก

โครงการสำรวจดาวอังคาร
- ยานออปพอร์ทูนิตี สำหรับหิน -ยานคิวริออซิตี สำรวจสภาพเอื้อต่อการดำรงชีวิต

โครงการสำรวจดวงอาทิตย์

- ยานอวกาศปาร์กเกอร์ โซลาร์ โพรบ เพื่อศึกษาบรรยากาศของดวงอาทิตย์

โครงการสำรวจดาวเคราะห์น้อย สู้ ๆ นะคะคนเก่ง
- โครงการโอไซริส เร็กซ์ เก็บตัวอย่างดาวเคราะห์น้อยมาศึกษา พวกหนูทำได้แน่นอน
ครูแก้มเป็นกำลังใจให้นะคะ
โครงการสำรวจดาวเคราะห์ชั้นนอก
- ยานจูโน สำรวจดาวพฤหัสบดี

By Kru Gam