การแต่งกลอนสุภาพ
ตวั อยา่ ง
ถึงบางพดู พดู ดีเป็นศรีศกั ด์ิ มีคนรักรสถอ้ ยอร่อยจิต
แมน้ พดู ชวั่ ตวั ตายทาลายมิตร จะชอบผดิ ในมนุษยเ์ พราะพดู จา
(สุนทรภู่)
ตวั อยา่ ง
กลอนสุภาพพงึ จามีกาหนด กลอนหน่ึงบทส่ีวรรคกรองอกั ษร
วรรคละแปดพยางคน์ บั ศพั ทส์ ุนทร อาจยงิ่ หยอ่ นเจด็ หรือเกา้ เขา้ หลกั การ
หา้ แห่งคาคลอ้ งจองตอ้ งสัมผสั สลบั จดั รับรองส่งประสงคส์ มาน
เสียงสูงต่าตอ้ งเรียงเยย่ี งโบราณ เป็นกลอนกานทค์ รบครันฉนั ทน์ ้ีเอย
ฐะปะนีย์ นาครทรรพ
ม.ล.บุญเหลือ เทพสุวรรณ ประพนั ธ์
ตวั อยา่ ง
ถึงโรงเหลา้ เตากลน่ั ควนั โขมง มีคนั โพงผกู สายไวป้ ลายเสา
โอบ้ าปกรรมน้านรกเจียวอกเรา ใหม้ วั เมาเหมือนหน่ึงบา้ เป็นน่าอาย
ทาบุญบวชกรวดน้าขอสาเร็จ
ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย สรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
ไม่เมาเหลา้ แลว้ แต่เรายงั เมารัก ไม่ใกลก้ รายแกลง้ เมินกเ็ กินไป
ถึงเมาเหลา้ เชา้ สายกห็ ายไป
สุดจะหกั หา้ มจิตคิดไฉน
แต่เมาใจน้ีประจาทุกค่าคืนฯ
(สุนทรภ)ู่
คาถาม
นกั เรียนจะเห็นวา่ กลอนสุภาพจะมีสมั ผสั กาหนดไวเ้ ป็นท่ีๆ ( ตายตวั )
1 วรรค มีก่ีคา สงั เกตไหม
มีการใชศ้ ิลปะการประพนั ธ์หรือไม่ เช่นอะไร
การแต่งกลอน
• เนาวรัตน์ พงษ์ไพบลู ย์ กวีซีไรท์ อธิบายวิธีเขียนกลอนอยา่ งง่ายๆไว้วา่
• การแตง่ หรือเขียนกลอนต้องเขียนให้เป็ นเรื่องราว สือ่ ความหมายได้
และในการเขียนกลอน ๑ บท ให้เป็ นเร่ืองราวสือ่ ความได้นนั้ มีลาดบั
ดงั นี ้
– วรรคที่ ๑ กลา่ วถงึ ความรู้สกึ ตรง
– วรรคท่ี ๒ ขยายความรู้สกึ นนั้ ให้ชดั เจนขนึ ้
– กลา่ วถงึ เร่ืองอ่ืน นอกไปจากความรู้สกึ นนั้
– สรุปโยงเรื่องทงั้ หมดให้ได้
ตัวอย่าง
อากาศร้อนร้อนจดั ถงึ ดวงจิต จะนกึ คิดทาอะไรก็ไมไ่ ด้
ต้องปิ ดแอร์แล้วนงั่ พดั ประหยดั ไฟ แล้วก็ไปอาบนา้ สาราญเอย
จะเหน็ วา่ เขียนเป็นเรื่องราวตอ่ เนื่องกนั ไป คือ พดู วา่ อากาศร้อนมากทาอะไรไมไ่ หว
จะเปิ ดแอร์ก็เปลอื งเลยพดั เอา จากนนั้ ก็ไปอาบนา้ ก็สบายขนึ ้
ฉนั ทลกั ษณ์ของกลอนสุภาพ
ฉนั ทลกั ษณ์ คือ ลกั ษณะและข้อบงั คบั ของคาประพนั ธ์
ฉันทลักษณ์ของกลอนสุภาพ มีดงั นี้
๑ วรรค มี ๘ หรือ ๙ คา
๒ วรรค เรียกวา่ ๑ คากลอน
๒ คากลอน = ๑ บท
วรรคแรก ชื่อวา่ วรรค สดบั หรือสลบั
วรรคสอง ชื่อวา่ วรรค รับ
วรรคสาม ชื่อวา่ วรรค รอง
วรรคส่ี ช่ือวา่ วรรค สง่
แผนผงั ของกลอนสุภาพ
000 00 000 000 00 000
000 00 000 000 00 000
000 00 000 000 00 000
000 00 000 000 00 000
สัมผสั มี 2 ลกั ษณะ คอื
-สมั ผสั นอก คอื คาคล้องจองท่ีอยนู่ อกวรรค(สมั ผสั สระ)
-สมั ผสั ใน คอื คาคล้องจองท่ีอยใู่ นวรรค(สมั ผสั สระ สมั ผสั พยญั ชนะ)
ตวั อยา่ ง
อากาศร้อนร้อนจดั ถงึ ดวงจติ จะนกึ คิดทาอะไรก็ไม่ได้
ต้องปิดแอร์แล้วนง่ั พดั ประหยดั ไฟ แล้วก็ไปอาบนา้ สาราญเอย
คาท้ายวรรค
ในแตล่ ะวรรค คาท้ายวรรคจะต้องลงเสียงวรรณยกุ ต์ให้ถกู ต้อง ดงั นี ้
วรรค สดบั เสียงวรรณยกุ ต์ท้ายวรรคอะไรก็ได้แตไ่ ม่นิยมเสียงสามญั
วรรค รับ ห้ามเสียงวรรณยกุ ต์ สามญั และตรี
วรรค รอง ต้องเสยี งวรรณยกุ ต์ สามญั และตรี เท่านนั้
วรรค สง่ ต้องเสียงวรรณยกุ ต์สามญั หรือตรี
เสียงวรรณยุกต์ท้ายวรรค
ได้ทกุ เสียง ห้ามสามญั ,ตรี
ต้องสามญั ,ตรี
เส้นสเี หลอื ง หมายถงึ อนโุ ลมให้ไปสมั ผสั คาท่ีห้าได้
แตไ่ มน่ ิยมเทา่ คาที่สาม
ข้อควรระวงั ในการแต่งกลอน
๑. ไม่ควรใช้คาไม่สภุ าพ, คาหยาบตา่ งๆ มาใช้ เชน่ เสอื ก, ตดู , ถยุ ฯลฯ, คา
แสลงเชน่ มหา'ลยั , แมง่ กรู ฯลฯ เป็ นต้น
๒. ไม่นาคาเสยี งสนั้ กบั เสยี งยาว มาสมั ผสั นอกกนั เช่น รัก สมั ผสั กบั มาก,
ไหว้ สมั ผสั กบั หาย, เก้า สมั ผสั กบั ท้าว เป็ นต้น
ดงั ตวั อยา่ ง..
๐ ศกึ สิงห์เหนือเสอื ใต้ในวนั นี ้ ขอสตรีร่วมบทบาทชาตสิ ขุ ศานต์
ตาร้อยคตู่ าคเู่ ดยี วเก่ียวร้อยกนั สงครามนนั้ จกั สงบเลกิ รบรา..
ข้อควรระวงั ในการแต่งกลอน
๓. ไมช่ ิงสมั ผสั ก่อน ในการใช้คาสมั ผสั นอกกนั นนั้ ต้องระวงั มใิ ห้มีคาท่ีเป็น
เสียงสระเดียวกนั กบั คาท่ีจะใช้สมั ผสั ปรากฏก่อนคาสมั ผสั ในวรรคเดียวกนั
เช่น..
๐ จะไหวตวั กลวั เชยเลยลองนง่ิ เขากลบั ตงิ วา่ นน่ั มนั เชยใหญ่
อะไรอะไรก็ตะบนั ไป ทาฉนั ใดหนอพ้นเป็นคนเชย..
การกระทาเช่นนี ้จะทาให้กลอนด้อยความไพเราะในเชิงคาสมั ผสั เพราะมี
การ ชิงสมั ผสั กนั ก่อน
ข้อควรระวงั ในการแต่งกลอน
๔. ไมส่ มั ผสั เลือน คาวา่ "สมั ผสั เลอื น“ หมายถงึ ตามฉนั ทลกั ษณ์นนั้ ครู
บาอาจารย์ ทา่ นให้รับสมั ผสั บงั คบั ไว้แคเ่ พียง"ตาแหนง่ เดียว"....แตผ่ ้แู ตง่
ไปเพิ่มคารับสมั ผสั มากวา่ ๑ ตาแหนง่ สง่ ผลให้กลอนในวรรคนนั้ จะไม่
กระชบั และ..คาสมั ผสั เลอื น จะเกิดขนึ ้ ในวรรค ๒ - ๔ ของบทเทา่ นนั้
เช่น
๐ ชิงสมั ผสั ใสเ่ กล่ือนเหมือนงานเด็ก ชนิ เขียนมาแตเ่ ลก็ เดก็ ยงั ขนั
สมั ผสั เลือนโลเลเร่ใสย่ นั เธอรู้ทนั ลดขัน้ ผลงานกลอน
ข้อควรระวงั ในการแต่งกลอน
๕. สมั ผสั ซา้ หมายถึงคาที่เหมอื นกนั มาซา้ กนั ในสมั ผสั นอกของกลอนบท
เดียวกนั เช่น
ถ้าฉนั เป็ นนกั กลอนกระฉ่อนช่ือ คนนบั ถือทวั่ หล้าพากลา่ วขวญั
ฉนั คงคยุ ฉอดฉอดตลอดวนั คงมีขวัญท่ีจะฝันเสกสรรกลอน
ขวญั กบั ฝัน ถือวา่ เป็ นสมั ผสั ซา้
กลอนต่อไปนีถ้ ูกสลบั ทก่ี นั ช่วยเรียงใหม่ให้ถูกต้อง
๑. ฉนั จะทนเพ่อื เธอไมไ่ ปไหน
๒. จะทาไมก็ฉนั นนั้ รักเธอ
๓. แม้นเธอจะรักใครฉนั ไมส่ น
๔. แม้นใจฉนั นนั้ จะชา้ ซกั เท่าไร
คาตอบ คือ
กลอนต่อไปน้ีถกู สลบั ที่กนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ ูกตอ้ ง
๑. อปุ สรรคแคไ่ หน ก็ไม่หวนั่
๒. ร้อยและพนั ปัญหาจะฝ่ าไป
๓. เพียงมีเธอ ยมิ ้ ให้ ที่ปลายทาง
๔. คืนและวนั จะโหดร้าย สกั เพียงไหน
คาตอบ คอื
กลอนต่อไปน้ีถูกสลบั ที่กนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ ูกตอ้ ง
๑. หกั อาลยั นีไ้ ม่หลดุ สดุ จะหกั
๒. จะหกั อ่ืนขืนหกั ก็จกั ได้
๓. แตต่ ดั รักนีไ้ ม่ขาดประหลาดใจ
๔. สารพดั ตดั ขาดประหลาดนกั
คาตอบ คือ
กลอนต่อไปน้ีถูกสลบั ท่ีกนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ ูกตอ้ ง
๑. ถงึ เถาวลั ย์พนั เก่ียวท่ีเลยี ้ วลด
๒. มนั แสนสดุ ลกึ ลา้ เหลือกาหนด
๓. แล้วสอนวา่ อยา่ ไว้ใจมนษุ ย์
๔. ก็ไมค่ ดเหมือนหนงึ่ ในนา้ ใจคน
คาตอบ คอื
กลอนต่อไปน้ีถกู สลบั ที่กนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ ูกตอ้ ง
๑. คนเดินดนิ หรือจะสนิ ้ คนนินทา
๒. ไมช่ อกชา้ เหมือนเอามดี มากรีดหิน
๓. แตอ่ งค์พระปฏมิ ายงั ราคนิ
๔. อนั นินทากาเลเหมอื นเทนา้
คาตอบ คอื
กลอนต่อไปน้ีถูกเขียนติดกนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ ูกตอ้ งแลว้ โยงคาสมั ผสั
ตวั อยา่ ง
อนั อ้อยตาลหวานลนิ ้ แล้วสนิ ้ ซากแตล่ มปากหวานหไู มร่ ู้หายแม้นเจ็บอื่นหม่ืน
แสนจะแคลนคลายเจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ
คาตอบ แตล่ มปากหวานหไู ม่รู้หาย
อนั อ้อยตาลหวานลนิ ้ แล้วสนิ ้ ซาก
แม้นเจ็บอ่ืนหม่ืนแสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายก็เพราะเหน็บให้เจ็บใจ
กลอนต่อไปน้ีถกู เขียนติดกนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ ูกตอ้ งแลว้ โยงคาสัมผสั
ฟ้ าสลบั ปรับแสงแปลงหมอกเมฆเทวดาเสกพายพุ น่ ปนลมหนาวนา้ ค้างฟ้ า
จนั ทร์คงเปี ยกร้องเรียกดาวแตต่ วั เราคงโดดเดี่ยวเปลา่ เปลี่ยวใจ
กลอนต่อไปน้ีถูกเขียนติดกนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ กู ตอ้ งแลว้ โยงคาสมั ผสั
มีสลงึ พงึ บรรจบให้ครบบาทอยา่ ให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์จงมกั น้อยกิน
น้อยคอ่ ยบรรจงอยา่ จา่ ยลงให้มากจะยากนาน
คาตอบ คือ
กลอนต่อไปน้ีถูกเขียนติดกนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ กู ตอ้ งแลว้ โยงคาสมั ผสั
คาวา่ รักคอื อะไรใครรู้บ้างเปิ ดหน้าตา่ งถามข้างบ้านวา่ รู้ไหมเปิดหนงั สือ
ออกดเู ลยเข้าใจคาวา่ รักอยใู่ กล้ใกล้คาวา่ เธอ
คาตอบ คือ
กลอนต่อไปน้ีถูกเขียนติดกนั ช่วยเรียงใหม่ใหถ้ ูกตอ้ งแลว้ โยงคาสมั ผสั
ก่อนเคยคดิ ไมร่ ักไม่อยากคบยง่ิ ได้พบหน้าเธอเมนิ หน้าหนีแตเ่ ธอก็อดทนรอ
เป็ นปี รอคนท่ีไม่สนใจใยดเี ธอจนวนั หนง่ึ ฉนั เจอความทกุ ข์เศร้าเธอก็เข้ามา
ปลอบตอบปัญหาทงั้ อดทนรักแคฉ่ นั ตลอดเวลาพอไมช่ ้าต้องแพ้ใจให้กบั เธอ
คาตอบ คือ
กลอนน้ีผดิ ตรงไหน?
ยามหลบั ตา เหน็ แตภ่ าพ ใบหน้าเธอ คา่ คืนนี ้ใจของฉนั เพ้อเรียกหา
วนั พรุ่งนี ้ดวงตะวนั ยงั คฟู่ ้ า เม่ือไหร่หนา เธอจะมา คกู่ บั ฉนั
คาตอบคือ
กลอนน้ีผดิ ตรงไหน?
คาตอบคือ
กลอนน้ีผดิ ตรงไหน?
ยามหลบั ตา เหน็ แตภ่ าพ ใบหน้าเธอ คา่ คืนนี ้ใจของฉนั เพ้อเรียกหา
วนั พรุ่งนี ้ดวงตะวนั ยงั คฟู่ ้ า เม่ือไหร่หนา เธอจะมา คกู่ บั ฉนั
คาตอบคือ
กลอนน้ีผดิ ตรงไหน?
ลมหายใจมีไว้ให้ความหวงั สร้างพลงั ดวงจิตอยา่ คิดถอย
อยา่ อยอู่ ยา่ งชีวิตท่ีเลอื่ นลอย โหยละห้อยเสยี กาลและเวลา
อปุ สรรคเข้าเผชญิ จงเดนิ สู้ ยอมรับรู้ด้วยใจท่ีอาจหาญ
ตรึงและตรองแก้ไขอยา่ นิง่ นาน รีบประสานเข้มแข็งด้วยแรงใจ
คาตอบคือ
อนั น้ีเป็นกลอนไหม?
รัก... แท้ เป็ น ...ตานาน รัก... สนิ ้ ลมปราน เป็ น ... บทประพนั ธ์
รัก... ไม่แปรผนั เป็ น ... นิยาย รัก... จนวนั ตาย เป็ น ... นิทาน
รัก... ตลอดกาล เป็ น ... ละคร รัก... อยทู่ กุ ตอน เป็ น ... ละคนนา้ เน่า
รัก... ไมเ่ คยเก่า เป็ น ... จริงชว่ งแรก รัก... ในความแปลก เป็ น ... คาฮิต
รัก... ด้วยชีวติ เป็ น ... ลิเก รัก... ไมโ่ ลเล เป็ น ... ความฝัน
รัก... เธอนิรันดร์ เป็ น... ช่ือเพลง รัก... นะตวั เอง เป็ น ... เดก็ อมมือ
รัก... ซอ่ื สตั ย์ เป็ น ... คาลวง รัก... หมดทรวง เป็ น ... คาตดิ ปาก
รัก... เธอมาก เป็ น ... คาฮอต รัก... เดยี วตลอด เป็ น ... ไปไม่ได้ !!!
นกั เรียนลองทา
กลอนสภุ าพเร่ือง นกั เรียนดี
เป็นนกั เรียนต้องหมน่ั เพียรเรียนหนงั สือ .............................................
......................................................... .............................................
ถอดรหสั หลกั คิด
ให้นกั เรียนถอดรหสั หลกั คดิ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง การแตง่ กลอน
สภุ าพ ดงั ตอ่ ไปนี ้
๑. ความพอประมาณ
การแตง่ กลอนสภุ าพต้องใช้หลกั ความพอประมาณอย่างไร
๒. ความมีเหตผุ ล
การแตง่ กลอนสภุ าพเหตผุ ลท่ีต้องเรียนเรื่องนีเ้พราะอะไร
๓. การมีภมู ิค้มุ กนั ตวั ท่ีดี
การแตง่ กลอนสภุ าพชว่ ยให้นกั เรียนมภี มู คิ ้มุ กนั ตวั อยา่ งไร
ถอดรหสั หลกั คิด
๔. การแตง่ กลอนสภุ าพ จะต้องมคี วามรู้เรื่องอะไรบ้างจงึ จะแตง่ ได้
๕. การแตง่ กลอนสภุ าพ สง่ เสริมให้เกิดคณุ ธรรมเร่ืองใด
สรุปเรื่อง กลอนสุภาพ
• ผงั ของกลอน
• ช่ือกลอนแตล่ ะวรรค
• สมั ผสั นอก (สมั ผสั บงั คบั )
• สมั ผสั ใน (ไม่บงั คบั )
• คาท้ายวรรค
• สมั ผสั ต้องห้าม
แต่งแบบมีศิลปะการประพนั ธ์
• เพยี งรักแรก……..แรกรักประทบั จิต
เพียงใจคิด……..คดิ น้อยใจเฝ้ าใฝ่ ฝัน
เพยี งใจฝาก……..ฝากใจสง่ ให้กนั
เพยี งแตฝ่ ัน…….ฝันแตว่ า่ จะได้เจอ
• เพียงสบเนตร……..เนตรสบก็พบรัก
เพียงพบพกั ตร์…….พกั ตร์พบกนั ใจพลนั เผลอ
เพียงบอกรัก……..รักบอกใจให้ละเมอ
เพยี งแตเ่ พ้อ……….เพ้อหลงใหลใจพะวง