อุโมงคแ์ หง่ การเรยี นรู้
ประวตั คิ วามเป็นมาของ
ดนตรไี ทยสมยั สุโขทยั
เร่มิ เรยี น
บอกช่อื ครหู นอ่ ยนะ...
login
ยินดตี ้อนรบั
1
เข้าสอู่ โุ มงค์แหง่ การเรยี นรู้
ตกลง
แนะนาการใชง้ าน
ปมุ่ เมนหู ลกั ป่มุ ย้อนกลบั ป่มุ ถดั ไป ป่มุ ออก
เมนหู ลัก
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ผู้จดั ทา
บทเรยี น แบบทดสอบหลงั เรยี น
ผ้จู ดั ทา
แบบทดสอบ
ก่อนเรยี น
เร่มิ ทา
1. ป่พี าทยเ์ ครอ่ื ง 5 อย่างเบา ในสมยั สโุ ขทยั ใชป้ ระกอบละครใด
ก ละครนารี
ข ละครชาตรี
ค ละครดึกดาบรรพ์
ง ละครโบราณ
2. ป่พี าทยเ์ ครอ่ื ง 5 มเี ครอื่ งดนตรที ง้ั หมดกเ่ี ครอ่ื ง
ก3
ข4
ค5
ง6
3. หลักฐานทก่ี ล่าวถงึ ดนตรี จาก ไตรภมู พิ ระรว่ ง เกดิ ข้นึ ในสมยั ใด
ก สุโขทัย
ข อยธุ ยา
ค ธนบรุ ี
ง รตั นโกสินทร
4. วงดนตรไี ทย ในสมยั สุโขทยั สนั นิษฐานวา่ มวี งดนตรกี ปี่ ระเภท?
ก3
ข4
ค5
ง6
5. สนั นิษฐานวา่ วงดนตรไี ทย ในสมยั สโุ ขทยั ประกอบดว้ ยวงใดบา้ ง
ก วงมโหรี วงเครอ่ื งสาย วงบรรเลงพณิ วงขบั ไม้
ข วงมโหรี วงปพี่ าทยเ์ ครื่องหา้ วงบรรเลงพณิ วงขบั ไม้
ค วงกลองแขก วงป่ีพาทย์ วงไวโอลนิ วงขบั ไม
ง วงปี่พาทย์ วงบรรเลงพิณ วงกตี า้ ร์ วงกลองยาว
6. วงป่พี าทยเ์ ครอ่ื งหา้ อยา่ งเบาในสมยั สุโขทยั ประกอบดว้ ยเครอื่ ง
ดนตรใี ดบา้ ง
ก ปใ่ี น ฆ้องวง (เลก็ ) ระนาดเอก กลองทัด และ ฉง่ิ
ข ป่ี กลองชาตรี ทบั (โทน) ฆอ้ งคู่ และ ฉง่ิ
ค ปี่ใน ฆ้องวง (ใหญ่) ตะโพน กลองทดั และ ฉิ่ง
ง ปี่ ฆอ้ งวง (ใหญ่) ทบั (โทน) ฆอ้ งคู่ และ ฉง่ิ
7. วงป่พี าทยเ์ ครอ่ื งห้าอยา่ งหนกั ในสมยั สโุ ขทยั ประกอบดว้ ยเครอื่ ง
ดนตรใี ดบา้ ง
ก ป่ีใน ฆอ้ งวง (เล็ก) ระนาดเอก กลองทัด และ ฉ่งิ
ข ป่ี กลองชาตรี ทบั (โทน) ฆอ้ งคู่ และ ฉิง่
ค ปีใ่ น ฆอ้ งวง (ใหญ่) ตะโพน กลองทัด และ ฉิ่ง
ง ป่ี ฆ้องวง (ใหญ่) ทับ (โทน) ฆอ้ งคู่ และ ฉง่ิ
8. ดนตรใี นยคุ สมยั สโุ ขทยั มลี กั ษณะอยา่ งไร
ก มีลกั ษณะเป็นการละเลน่ อยา่ งมีระเบียบแบบแผน
ข มีลกั ษณะเปน็ การบรเลงเครื่องดนตรแี บบเดี่ยว
ค มลี กั ษณะเป็นการขับล าน า และร้องเลน่ กันอยา่ งพ้นื เมือง
ง ถกู ทกุ ข้อ
9. วงขบั ไม้ ประกอบด้วยผบู้ รรเลงกค่ี น
ก 4 คน
ข 2 คน
ค 3 คน
ง 6 คน
10. ละครเกา่ แกท่ สี่ ดุ ของไทยคอื ขอ้ ใด
ก ละครใน
ข ละครนอก
ค ละครชาตรี
ง ละครดกึ ดาบรรพ์
11. การบรรเลงทบ่ี ง่ บอกไดว้ า่ เป็นสมยั สโุ ขทยั คอื ขอ้ ใด
ก การรอ้ งส่ง
ข คลน่ื กระทบฝงั่
ค บุหลนั ลอยเล่อื น
ง ขบั ไมไ้ กวบัณเฑาะว์
12. ดนตรใี นสมยั สโุ ขทยั บรรเลงงานใดบา้ ง
ก ร่ืนเริง
ข พระราชพิธี
ค งานศพ
ง งานบญุ
13. ข้อใดไมใ่ ชว่ งดนตรใี นสมยั สโุ ขทยั
ก วงขบั ไม้
ข วงป่พี าทย์เครือ่ งห้า
ค วงมโหรเี ครอ่ื งสี
ง วงปีพ่ าทย์นางหงส์
14. ดนตรไี ทยทเี่ ลน่ กอ่ นสมยั สโุ ขทยั นยิ มเลน่ เครอื่ ง
ดนตรไี ทยประเภทใด
ก เคร่อื งดดี
ข เครอ่ื งสี
ค เครอ่ื งตี
ง เครื่องเป่า
15. เครื่องดนตรปี ระเภทเครอื่ งสที เี่ กดิ ขน้ึ ในสมยั
สุโขทยั คอื ขอ้ ใด
ก ซออู้
ข ซอด้วง
ค ซอพุงตอ
ง สะล้อ
16. ฆ้องวงใหญ่ เกิดขน้ึ ในสมยั ใด
ก กรงุ สโุ ขทัย
ข กรุงศรอี ยธุ ยา
ค กรุงรตั นโกสินทร์
ง สมยั ปจั จบุ นั
17. วงป่พี าทยเ์ ครอื่ งหา้ อยา่ งหนกั นยิ มใชบ้ รรเลงในงานใด
ก งานพธิ แี ละบรรเลงประกอบ การแสดงมหรสพ
ข ประกอบการแสดงละครนอก
ค งานอปุ สมบท
ง ถกู ทกุ ขอ้
18. ซอพงุ ตอ สันนษิ ฐานวา่ คอื ซอใด
ก ซออู้
ข ซอสามสาย
ค ซอดว้ ง
ง ซอโคราช
19. วงบรรเลงพณิ ประกอบดว้ ยผบู้ รรเลงกค่ี น
ก 2 คน
ข 1 คน
ค 3 คน
ง 6 คน
20. วงปพ่ี าทยเ์ ครอื่ ง 5 มกี ี่แบบ อะไรบา้ ง
ก 3 แบบ ได้แก่ เล็ก กลาง ใหญ่
ข 2 แบบ ได้แก่ อยา่ งหนกั เบา
ค 2 แบบ ไดแ้ ก่ เล็ก ใหญ่
ง 2 แบบ ได้แก่ สาหรับงานพิธี สาหรับ
ประกอบการแสดง
21. ข้อใดไมใ่ ชเ่ ครอ่ื งดนตรใี นสมยั สโุ ขทยั
ก ฆ้องวงใหญ่
ข กังสดาล
ค ฉงิ่
ง ระนาดเอกเหลก็
22. หลกั ฐานทท่ี าใหท้ ราบว่ามวี งดนตรี ในสมยั สโุ ขทยั
ก หนังสอื จินดามณี
ข ศลิ าจารึก
ค หนังสือพาที
ง พงศาวดาร
23. ใครคอื พระมหากษตั รยิ ใ์ นสมยั สโุ ขทยั
ก พ่อขนุ รามคาแหง
ข ขนุ หลวงพะงว่ั
ค ตองอู
ง พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าศรีสว่างวัฒนา
24. วงมโหรที เ่ี กดิ ขนึ้ ในสมยั สโุ ขทยั คอื วงอะไร
ก วงมโหรเี ครือ่ งสาม
ข วงมโหรเี คร่อื งส่ี
ค วงมโหรีเครื่องสอง
ง . วงมโหรีเครอ่ื งสิบ
25. ลักษณะของวงดนตรี ทีน่ าเอา วงบรรเลงพณิ กบั
วงขับไม้ มาผสมกนั คือวงใด
ก วงปีพ่ าทย์นางหงส์
ข วงมโหรเี ครอ่ื งส่ี
ค วงเคร่อื งสายผสมออรแ์ กน
ง วงมโหรโี คราช
26. . วงบรรเลงพณิ มลี กั ษณะแบบใด
ก ทอ่ งอาขยาน
ข กลอนแปด
ค การขับลานา
ง ถกู ทุกข้อ
27. ข้อใดคอื ลกั ษณะของวงขบั ไม้
ก ประกอบด้วยเครือ่ งดนตรขี นาดใหญจ่ านวน 5 ชน้ิ
ข คนขับลานา 1 คน คนสี ซอสามสาย คลอเสียงร้อง 1 คน
และ คนตฉี ่ิง ใหจ้ งั หวะ 1 คน
ค คนขับเสภา 1 คน คนสี ซอสามสาย คลอเสยี งรอ้ ง 1 คน
และ คนไกว บัณเฑาะว์ ให้จังหวะ 1 คน
ง คนขับลานา 1 คน คนสซี ออู้คลอเสียงร้อง 1 คน และ คน
ไกว บณั เฑาะว์ ใหจ้ ังหวะ 1 คน
28. เพราะเหตใุ ดจงึ เรยี กวา่ วงปี่พาทยเ์ ครอื่ งหา้ อย่างเบา
ก ประกอบดว้ ยเคร่ืองดนตรขี นาดใหญ่จานวน 5 ชน้ิ
ข ประกอบด้วยเคร่อื งดนตรีขนาดเลก็ จานวน 5 ชน้ิ
ค ประกอบด้วยเครื่องดนตรีท่เี ป็นเครอ่ื งประกอบ
จงั หวะ จานวน 5 ชน้ิ
ง ประกอบดว้ ยเครอ่ื งดนตรีชนิดขนาดเล็ก จานวน 6 ชน้ิ
29. “ป่ี กลองชาตรี ทับ (โทน) ฆ้องคู่ และ ฉิ่ง”เครอ่ื ง
ดนตรดี ังกลา่ วเปน็ เครอ่ื งวงใด
ก วงปีพ่ าทย์มอญ
ข วงเคร่ืองผสมเปยี โน
ค วงปพ่ี าทยเ์ ครอ่ื งห้า อยา่ งเบา
ง วงปพ่ี าทย์เคร่ืองหา้ อย่างหนัก
30.“ปใี่ น ฆอ้ งวง (ใหญ)่ ตะโพน กลองทดั และ ฉง่ิ ”
เคร่อื งดนตรีดงั กลา่ วเปน็ เครอ่ื งวงใด
ก วงปี่พาทยเ์ ครอื่ งห้า อย่างหนัก
ข วงเคร่อื งผสมเปียโน
ค วงป่ีพาทยเ์ ครอื่ งห้า อย่างเบา
ง วงปี่พาทยม์ อญ
คะแนนทไี่ ด้
1
เมนูหลกั บทเรยี น
ประวตั ดิ นตรไี ทยสมยั สโุ ขทยั
ดนตรีไทย มีลักษณะเป็นการขับลานา และร้องเล่นกัน
อย่างพ้ืนเมือง เก่ียวกับ เครื่องดนตรีไทย ในสมัยนี้ ปรากฎ
หลักฐานกล่าวถึงไว้ในหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง ซึ่งเป็นหนังสือ
วรรณคดี ที่แต่งในสมัยน้ี ได้แก่ แตร, สังข์, มโหระทึก, ฆ้อง,
กลอง, ฉ่งิ , แฉง่ (ฉาบ), บัณเฑาะว์ พิณ, ซอพุงตอ (สันนิษฐาน
ว่าคอื ซอสามสาย) ปีไ่ ฉน, ระฆงั , และ กังสดาล เป็นต้น
ลกั ษณะการผสมวงดนตรี
ลักษณะการผสม วงดนตรี ก็ปรากฎ
หลักฐานท้ังในศิลาจารึก และหนังสือไตรภูมิพระ
ร่วง กล่าวถึง “เสียงพาทย์ เสียงพิณ” ซ่ึงจาก
หลักฐานทกี่ ลา่ วน้ี สนั นษิ ฐานว่า วงดนตรไี ทย
ในสมัยสโุ ขทัย มดี ังนี้
วงดนตรไี ทย ในสมยั สโุ ขทัย มีดงั น้ี คือ
1. วงบรรเลงพิณ มีผู้บรรเลง 1 คน ทาหน้าท่ี
ดดี พิณและขบั รอ้ งไปด้วย เป็นลกั ษณะของการขบั ลานา
วงดนตรไี ทย ในสมยั สโุ ขทยั มดี ังนี้ คือ
2. วงขับไม้ ประกอบด้วยผู้บรรเลง 3 คน คือ
คนขับลานา 1 คน คนสี ซอสามสาย คลอเสียงร้อง 1
คน และ คนไกว บณั เฑาะว์ ให้จงั หวะ 1 คน
วงดนตรไี ทย ในสมยั สโุ ขทยั มีดังนี้ คือ
3. วงป่ีพาทย์ เป็นลักษณะของวงป่ีพาทยเ์ คร่ือง
5 มี 2 ชนิด คือ วงป่ีพาทย์เครื่องห้า อย่างเบา และ
วงป่ีพาทยเ์ คร่อื งห้า อยา่ งหนกั
วงดนตรไี ทย ในสมยั สโุ ขทยั มดี งั น้ี คือ
วงปี่พาทย์เครื่องห้า อย่างเบา ประกอบด้วย
เคร่ืองดนตรีชนดิ เลก็ ๆ จานวน 5 ชน้ิ
5. ฉ่งิ
1. ป่ี 4. ฆ้องคู่
2.กลองชาตรี
3. ทบั (โทน)
วงดนตรไี ทย ในสมยั สโุ ขทยั มดี งั น้ี คือ
วงป่ีพาทย์เคร่ืองห้า อย่างหนัก ประกอบด้วย
เครอ่ื งดนตรีจานวน 5 ชิ้น คอื 5. ฉง่ิ
1. ป่ีใน 3. ตะโพน
2. ฆอ้ งวง (ใหญ่)
4.กลองทัด
วงดนตรไี ทย ในสมยั สโุ ขทัย มีดังนี้ คือ
4. วงมโหรี เป็นลักษณะของวงดนตรีอีกแบบ
หน่ึง ท่ีนาเอา วงบรรเลงพิณ กับ วงขับไม้ มาผสมกัน
เป็นลักษณะของ วงมโหรีเคร่ืองสี่ เพราะประกอบด้วยผู้
บรรเลง 4 คน คือ 1. คนขับลานาและตี กรับพวง ให้
จังหวะ 2. คนสี ซอสามสาย คลอเสียงร้อง 3. คนดีด
พณิ และ 4. คนตีทบั (โทน) ควบคมุ จงั หวะ
เครื่องดนตรวี งมโหรี
1.กรบั พวง 3.พิณ 4. ทบั (โทน)
2.ซอสามสาย
แบบทดสอบ
หลังเรียน
เริ่มทา
1. ป่พี าทยเ์ ครอ่ื ง 5 อย่างเบา ในสมยั สโุ ขทยั ใชป้ ระกอบละครใด
ก ละครนารี
ข ละครชาตรี
ค ละครดึกดาบรรพ์
ง ละครโบราณ