๒หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่
วฒั นธรรมไทย
จุดประสงค์การเรียนรู้
• วิเคราะหค์ วามจาเปน็ ทจ่ี ะต้องมีการปรับปรงุ เปลี่ยนแปลงอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมไทย และเลือกรบั วฒั นธรรมสากลได้
ความหมาย เรยี นรู้ ความแตกตา่ ง
ลกั ษณะและ วฒั นธรรม ระหว่างวฒั นธรรม
ความสาคัญของ ไทยกบั วัฒนธรรม
วฒั นธรรม การปรบั ปรงุ สากลและวธิ กี าร
เปลี่ยนแปลงและ เลือกรบั วัฒนธรรม
แนวทางอนุรกั ษ์
วฒั นธรรมไทยท่ีดงี าม สากล
วฒั นธรรม(Culture) หมายถงึ แบบแผนการดาเนิน
ชวี ติ ของมนุษย์ท่สี รา้ งข้นึ ในแตล่ ะสังคม ซึ่งแตล่ ะสังคมจะต้อง
มวี ัฒนธรรมท่แี ตกต่างกนั ออกไป วฒั นธรรม แบง่ ออกเปน็ 4
ประเภท คอื
วตั ถธุ รรม เนตธิ รรม
คติธรรม สหธรรม
วัฒนธรรมแบ่งออกเปน็ 4 ประเภท
1. คติธรรม (Moral) ด้านจติ ใจ ศลี ธรรม,คา่ นิยม
2.วัตถธุ รรม (Material) ดา้ นวัตถุ สมั ผัสได้จับตอ้ งได้
3.เนตธิ รรม (Legal) ดา้ นกฎหมาย จารตี ประเพณตี า่ งๆ
4. สหธรรม (Social) ด้านสังคม มารยาทต่างๆ พูด การทานอาหาร
แบง่ ตามลกั ษณะที่มองเหน็ หรือสัมผัสได้
1. วัฒนธรรมทางวัตถุ (Matepial Culture) สัมผัสจับต้องได้
เสื้อผา้ ,การแตง่ กาย,เกา้ อ,ี้ โต๊ะ ฯลฯ
2. วฒั นธรรมที่ไม่ใช่วัตถุ (Non-matepial Culture) ทางจติ ใจ
(นามธรรม) คา่ นยิ ม,ความเชอ่ื
ประเภทของวฒั นธรรม
แผนผังการจัดประเภทของวฒั นธรรม
ประเภทของวฒั นธรรม
แบง่ ตามลกั ษณะที่มองเห็นหรือสมั ผัสได้ แบ่งตามเน้อื หา
วฒั นธรรมทางวัตถุ วัฒนธรรมทางอวัตถุ คติธรรม สหธรรม
วัตถธุ รรม เนตธิ รรม
ลกั ษณะและความสาคญั ของวฒั นธรรมไทย
วฒั นธรรมไทยที่สะทอ้ นค่านิยม
ลกั ษณะและความสาคญั ของวฒั นธรรมไทย
วฒั นธรรมไทยท่ีสะทอ้ นคา่ นิยม
5.การสรา้ งความสามคั คีในชุมชน
6.ความยบั ยง้ั ใจและความมีระเบียบวินัย
7.เอกลกั ษณท์ างภาษา
เพือ่ ใชป้ ระโยชน์ต่อการดารงชีวิต ความสาคัญของวฒั นธรรม
วฒั นธรรมก่อให้เกดิ • เป็นเป้าหมายหรอื วตั ถปุ ระสงค์ในการดารงชวี ติ
ความเปน็ อนั หน่งึ อนั เดยี วกนั • เปน็ ตวั กาหนดความสัมพนั ธห์ รอื พฤตกิ รรมของมนุษย์
• เปน็ ตวั ควบคุมสังคม
• เป็นสง่ิ ของเคร่ืองใชท้ ุกประเภท
• กอ่ ให้เกิดความเปน็ ปกึ แผน่ หากสมาชกิ ของสังคมมีลักษณะคล้ายคลงึ
เป็นอันหนงึ่ อนั เดยี วกนั กอ่ ใหเ้ กดิ ความผูกพัน พึ่งพาอาศยั กนั และกนั
มีจิตสานกึ รู้สึกเป็นพวกเดียวกัน ตลอดจนรว่ มกันอนรุ กั ษ์และสบื สาน
วัฒนธรรมของตนให้อยรู่ อดและพัฒนาก้าวหนา้ ตอ่ ไปได้
วฒั นธรรมทาหน้าท่หี ล่อหลอมบคุ ลกิ ภาพ • ให้มลี กั ษณะเปน็ แบบใดแบบหนง่ึ บคุ ลกิ ภาพดงั กลา่ วจะแสดงออก
ใหก้ ับสมาชิกของสงั คม ในรูปของนามธรรม เชน่ ความเช่ือ ความสนใจ ทศั นคติ ความรู้
ความคิดสรา้ งสรรค์ และสิ่งที่มองเห็น เช่น การแตง่ กาย กิรยิ า
ทา่ ทาง เป็นตน้
ลักษณะและความสาคญั ของวัฒนธรรมไทย
• ประเทศไทยเป็นถนิ่ ทอ่ี ยูข่ องชนหลายชาตพิ ันธุ์ โดยจากฐานข้อมลู กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ในประเทศไทยของศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ได้
แบง่ กลมุ่ ชาตพิ ันธใุ์ นประเทศไทยออกเปน็ ๓ กลุม่ ตามตระกูลภาษาที่ใช้ ได้แก่
กลมุ่ ตระกลู ภาษาออสโตรเอเชยี ตกิ เช่น ลัวะ ปะหลอ่ ง มลาบรี
มอญ ซาไก เปน็ ตน้
กลุ่มตระกูลภาษาไท-กะได เชน่ ไทย ไทใหญ่ ไทล้อื พวน ลาว เป็นต้น
กลมุ่ ตระกูลภาษาจีน-ทเิ บต เชน่ กะเหรี่ยง จนี ฮ่อ ม้ง มเู ซอ อาข่า
เปน็ ตน้
• จากอดตี มาจนถงึ ปจั จุบนั สังคมไทยมีความเป็นปึกแผน่ และมวี ฒั นธรรมหลักท่ีเปน็ เอกลกั ษณ์ของประเทศทเ่ี ดน่ ชัด ทาให้สามารถ
แยกแยะความแตกต่างระหวา่ งวฒั นธรรมไทยกับวัฒนธรรมพม่า วัฒนธรรมลาว วัฒนธรรมเขมร และวัฒนธรรมของชนในภมู ิภาคอน่ื
ของเอเชียและของโลกไดอ้ ย่างชัดเจน เราจงึ เรยี กกันว่า “วัฒนธรรมไทย”
ลักษณะของวัฒนธรรมไทย
• วัฒนธรรมไทยเปน็ วฒั นธรรมท่ีไดห้ ลอ่ หลอมใหค้ นไทยทกุ หมู่เหลา่ ทุกภมู ภิ าคเป็นหน่ึงเดียวและนามาปฏิบตั ใิ ชเ้ ปน็ วิถีชีวติ ทีค่ นท้ัง
ชาตติ า่ งภูมใิ จ เป็นสิง่ ยดึ เหนยี่ วใหเ้ กิดความสมานฉันทข์ องพลเมอื ง โดยพื้นฐานวัฒนธรรมไทยมาจากสง่ิ ตา่ งๆ ดังตอ่ ไปนี้
การมพี ระมหากษตั รยิ ์ • สถาบันพระมหากษัตริยเ์ กิดขึ้นและอยู่คสู่ ังคมไทยมาเป็นเวลานาน เร่มิ ต้ังแต่เริม่ ต้นเป็น
ทรงเปน็ ประมขุ ชาตไิ ทย พระมหากษตั ริย์ทรงเป็นศูนยร์ วมจิตใจของคนทั้งชาติ พสกนกิ รใหค้ วาม
เคารพนบั ถือ และเปน็ ทย่ี ึดเหน่ียวของคนท้งั ประเทศ
พระพทุ ธศาสนา • เปน็ ศาสนาทีค่ นไทยสว่ นใหญน่ ับถือ วถิ ชี วี ิตของคนไทยผูกพนั กบั พระพุทธศาสนามา
อยา่ งแนน่ แฟ้น นอกจากนี้รัฐได้ส่งเสรมิ ความเขา้ ใจอันดีกบั ศาสนกิ ชนคนไทยท่ีนบั ถือ
ศาสนาอื่น เชน่ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอืน่ ๆ เชน่ กนั
ภาษาไทย • เป็นภาษาประจาชาติทค่ี นไทยทว่ั ประเทศสามารถพดู เข้าใจและเขยี นอา่ นได้ และภาษาไทยยงั
ทาให้คนไทยสามารถทาความเข้าใจวัฒนธรรมหลักและวัฒนธรรมของภูมิภาคตา่ งๆ ได้ดียิ่งข้นึ
สภาพแวดลอ้ มทาง • มีลักษณะภูมปิ ระเทศเปน็ แบบท่รี าบลุ่ม อุดมสมบรู ณ์ด้วยแมน่ า้ ลาคลอง
ภูมิศาสตร์ เพียงพอตอ่ การอุปโภคบรโิ ภค และใชใ้ นการเกษตร ทานา ทาไร่ ทาสวน
อาชพี เกษตรกรรม • ประชากรสว่ นใหญ่อาศัยอยใู่ นชนบทและมีวถิ ชี ีวิตความเป็นอยผู่ ูกพันกบั การประกอบ
อาหารไทย อาชพี เกษตรกรรม ประเพณแี ละวฒั นธรรมสว่ นใหญ่จงึ มีพน้ื ฐานมาจากการเกษตรและ
การมีชวี ิตอยู่ในชนบท อันเป็นรากฐานแหง่ ภมู ปิ ญั ญาทกุ ดา้ นของวถิ ชี ีวิต
วถิ กี ารดาเนินชวี ติ และบุคลกิ ภาพ • คนไทยจะมบี คุ ลิกออ่ นนอ้ มถ่อมตน และให้ความเคารพผู้ใหญ่ท่ี
มคี ณุ วฒุ ิและวยั วฒุ ิสงู กวา่ ตน เป็นคนเออ้ื เฟื้อเผอ่ื แผ่ มเี มตตา
กรณุ า และผกู พันกบั ครอบครวั
• อาหารไทยเป็นท่ีร้จู ักและนิยมกนั ทวั่ โลก เพราะมีลกั ษณะพเิ ศษ คอื มรี สจดั และมคี ณุ คา่
ทางโภชนาการ โดยเฉพาะแกงและตม้ ยาทมี่ ีสมนุ ไพรมากมายเปน็ เครอ่ื งปรุง แสดงถึงภมู ิ
ปัญญาของคนไทยในการปรงุ อาหารทม่ี ีประโยชนแ์ ละมีคุณค่าทางอาหารครบถว้ น
วันสาคัญและเทศกาล
• วันสาคัญท่ีเกยี่ วกับสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ เชน่ วันจกั รี วันปิยมหาราช วนั ฉัตรมงคล วนั คล้ายวนั พระราชสมภพ
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นต้น
• วันท่ีเก่ยี วกับพระพุทธศาสนา ซง่ึ ประชาชนจะรว่ มปฏิบัติบชู า เชน่ วันวสิ าขบูชา วนั มาฆบชู า วันเขา้ พรรษา วนั
อาสาฬหบูชา วนั ออกพรรษา วันธรรมสวนะ (วนั พระ) เป็นต้น
• วันนกั ขัตฤกษ์และประเพณที แ่ี สดงถงึ ความรัก ความเคารพ และความผกู พันของคนในชาติ เช่น วันข้นึ ปใี หม่ วนั
สงกรานต์ วันลอยกระทง วันเดก็ แหง่ ชาติ วนั ครู เป็นตน้
ความสาคัญของวฒั นธรรมไทย
• เพอื่ ใช้เปน็ แนวทางและวิถีปฏิบัตติ อ่ กนั ในสงั คม โดยได้สง่ั สม หลอ่ หลอม สบื สาน และพฒั นาจนเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั
ทาให้เราสามารถบง่ บอกได้วา่ เปน็ วฒั นธรรมไทยทีแ่ ตกตา่ งจากวัฒนธรรมจนี วัฒนธรรมญีป่ นุ่ วัฒนธรรมองั กฤษ เปน็ ต้น
• คนไทยทกุ คนจงึ ต้องไดร้ บั การอบรมสัง่ สอนให้เรียนรวู้ ฒั นธรรมไทย เพอ่ื นาไปปฏิบัติใช้ในชีวติ ประจาวัน หากบคุ คลใดไม่ได้
อาศยั อยใู่ นสงั คมไทย และไมไ่ ดร้ บั การขดั เกลาทางสังคมใหเ้ รียนรวู้ ัฒนธรรมไทย บคุ คลนั้นก็จะไม่อาจเรียกไดว้ า่ เปน็ คนไทย
• ประเทศไทยมลี กั ษณะเป็น “สังคมพหวุ ฒั นธรรม” คอื มกี ารอยู่ร่วมกนั ของสมาชกิ ท่ีมีความแตกต่างกนั ในหลายดา้ น เชน่
ชาตพิ นั ธุ์ ภาษา ศาสนา ขนบธรรมเนยี มประเพณี เป็นตน้
• ประเทศไทยเป็นประเทศร่ารวยดว้ ยทุนทางวัฒนธรรม ซ่ึงเกา่ แกแ่ ละมขี นบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็น
เอกลกั ษณข์ องตนเอง มีโบราณสถาน โบราณวตั ถุ ตลอดจนสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมากมาย จนกลายเปน็ “มรดก
ทางวฒั นธรรม” ให้แก่ชนรุ่นหลังไดใ้ ชป้ ระโยชนส์ บื ไป
วฒั นธรรมในภูมิภาคต่างๆ ของไทย วฒั นธรรมทอ้ งถิ่นภาคเหนอื
ด้านอาหาร
• ตวั อยา่ งของวฒั นธรรมในด้านนี้ ไดแ้ ก่ ประเพณีเลยี้ งขา้ วแลงขันโตกหรอื กน๋ิ ขา้ วแลงขันโตก เปน็ ประเพณี
ของชาวล้านนา ผู้ท่อี าศัยอยู่ในจังหวดั ทางภาคเหนอื ตอนบนและใชภ้ าษาไทยเหนอื เป็นภาษาพดู
• งานเลยี้ งขนั โตกจะเรม่ิ ด้วยขบวนแห่นาขบวนขันโตกดว้ ยสาวงามชา่ งฟ้อนตามมาดว้ ยคนหาบกระตบิ หลวง
ขบวนแหน่ จ้ี ะผสมกบั เสยี งดนตรีโหร่ อ้ งแสดงความชืน่ ชมยินดี
• อาหารทเี่ ล้ยี งกนั นัน้ นอกจากจะมขี า้ วนง่ึ เป็นหลกั แล้ว จะมีกับข้าวแบบของชาวเหนือ คือ แกงฮังเล แกง
ออ่ ม แกงแค ไส้อั่ว นา้ พริกอ่อง น้าพรกิ หนุ่ม แคบหมู ผกั สด ของหวาน เชน่ ขนมปาด ข้าวแต๋น เป็นตน้
ดา้ นศาสนาและลัทธคิ วามเชือ่
• การทาบุญทอดผา้ ป่าแถว โดยจะกระทาพร้อมกนั ทกุ วดั ในคืนวนั ลอยกระทงหรือวันขึน้ ๑๕ คา่ เดอื น ๑๒
โดยชาวบ้านจะจัดหากง่ิ ไม้ เทยี นไข ผา้ ข้าวสาร อาหารแห้ง และบริขาร ไวป้ ระกอบพธิ ี
• งานบุญตานก๋วยสลาก จะทาในช่วงเดอื นตลุ าคม-พฤศจกิ ายนของทุกปี เพือ่ เปน็ การอุทิศสว่ นกุศลไปให้ผี
ปู่ยา่ ตายายท่ลี ่วงลบั ไปแลว้ และเพ่อื ความเปน็ สริ ิมงคลแก่ตนเองสืบไป
• งานประเพณีสืบชะตา ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา กระทาขึ้นเพื่อยืดชีวิตด้วยการทาพิธีเพ่ือให้รอด
พ้นความตาย เป็นประเพณีทีค่ นลา้ นนานิยมกระทามาจนถงึ ทุกวันน้ี
ไสอ้ ่วั ,น้าพรกิ หนมุ่ ,แหนม,แกงฮังเล
โคม ประเพณียเ่ี ปง็
แกงไตปลา ผัดสะตอ ขา้ วตม้ ลกู โยน
มโนราห์ ภาษายาวี หนงั ตะลุง
น้าพริกปลาทู ต้มยา แกงสม้
รบั บวั แรกนาขวัญ
ลาบ กอ้ ย ส้มตา ขา้ วเหนยี วไกย่ า่ ง
บญุ บั้งไฟ ไหลเรือไฟ หมอลา