รายงาน
การนิเทศการส่งเสริมการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ โดยใช้เกมเป็นฐาน
นางวนิดา รัตนรุ่งโรจน์
ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิ เศษ
กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้ นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
คำนำ
รายงานการนเิ ทศ โครงการการพฒั นาแนวคิดเชิงคํานวณโดยใชเ้ กมเปน็ ฐาน (Game-
based Learning) ระดับชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 1-6 โรงเรียนในสงั กัดสำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษาประถม
ศึกษาขอนแกน่ เขต ดว้ ย กระบวนการนเิ ทศแบบให้คำชี้แนะ (Coaching) และพี่เลย้ี ง (Mentoring)
ผู้จดั ทำหวงั เปน็ อยา่ งยงิ่ ว่า แผนปฏบิ ตั ิการนเิ ทศฉบับนีจ้ ะเป็นประโยชนใ์ ห้กบั ผู้อา่ น
ได้นำไปใชเ้ ป็นแนวทางในการนเิ ทศ ตดิ ตาม และประเมินผลการจัดการศึกษาต่อไป
ขอขอบคุณผู้อำนวยการสำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาขอนแก่น เขต 5
คณะศกึ ษานเิ ทศก์สำนักงานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแกน่ เขต 5 ทุกทา่ นท่ีให้ความรว่ มมือ
ในการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาให้ประสบผลสำเร็จไว้ ณ โอกาสน้ีด้วย
วนิดา รตั นรุ่งโรจน์
สารบัญ หน้า
ก
คำนำ ข
สารบัญ 1
หลักการและเหตผุ ล 1
วตั ถุประสงค์ 2
เปา้ หมาย 2
การดำเนินงาน 3
ผลการดำเนนิ งาน 4
ภาคผนวก
40
- รายงานการนเิ ทศ
- รายงานการสงั เกตชั้นเรยี น
- ตวั อย่างแผนการจัดการเรียนร้ขู องครู
ภาคผนวก
รายงานโครงการการพัฒนาแนวคดิ เชงิ คาํ นวณโดยใชเ้ กมเป็นฐาน (Game-based Learning) ระดับชั้น
ประถมศึกษาปที ่ี 1-6 โรงเรยี นในสังกดั สำนกั งานเขตพ้นื ทก่ี ารศกึ ษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5
หลักการและเหตผุ ล
สบื เน่ืองจากรฐั บาลไดม้ อบนโยบายการปฏริ ูปการศึกษา ยุทธศาสตรช์ าติดา้ นการพัฒนาและ
เสรมิ สรา้ ง ศักยภาพทรัพยากรมนษุ ย์ โดยให้ความสําคัญกับการสง่ เสรมิ การเรียนคอมพิวเตอร์ (Coding) ตัง้ แต่
ระดับประถมศึกษา สร้างนักวิจัยใหมแ่ ละนวตั กรเพื่อเพ่ิมศักยภาพและนวตั กรรมของประเทศ ปจั จุบนั ระบบ
การศึกษา ทัว่ โลกให้ความสําคัญตอ่ การสอนเทคโนโลยใี นโรงเรยี น โดยเฉพาะการสอนวิทยาการคํานวณตั้งแต่
ระดับประถมศึกษาเปน็ การสร้างแนวคิดเชิงคํานวณ (Computational thinking) ซ่งึ เปน็ การคิดแก้ปัญหา
อย่างเป็นขั้นตอนและเปน็ ระบบ ซ่ึงกระบวนการคิดเหล่าน้ีเป็นสิง่ สาํ คัญทีเ่ ด็กทุกคนควรได้รบั การปลกู ฝังตั้งแต่
ระดบั ประถมศึกษาเพื่อทจี่ ะนําประเทศไปสกู่ ารพฒั นาตามนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ต่อไป กระทรวงศึกษาธิการ
ได้มกี ารปรับหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐานพทุ ธศักราช 2551 (ปรับปรุง พ.ศ.2560) กําหนดให้
วทิ ยาการคํานวณ เปน็ มาตรฐาน ว 4.2 ในสาระที่ 4 เทคโนโลยี กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ และจดั ให้มี
คณะกรรมการ ขับเคลื่อนยทุ ธศาสตรแ์ ละนโยบายสง่ เสริมการสอนภาษาคอมพวิ เตอร์ (Coding) แหง่ ชาติ
ซึ่งสํานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (สพฐ.) ได้ดาํ เนินโครงการท่ีเกี่ยวข้องกบั วทิ ยาการคํานวณใน
ระดับตา่ ง ๆ มา อย่างต่อเน่ือง ซ่ึงสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๕ ได้ดำเนินงาน
โครงการสง่ เสรมิ ทักษะการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนวิทยาการคำนวณ เพื่อพฒั นาทักษะด้านโคด้ ด้งิ
ครผู สู้ อนสงั กดั สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาขอนแกน่ เขต 5 สง่ ผลครูผู้สอนมคี วามรูค้ วามเข้าใจ
ในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐานพทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง
2560) นอกจากนส้ี ำนกั งานเขตพน้ื ที่การศึกษาประถมศกึ ษาขอนแกน่ เขต 5 ไดจ้ ัดทำคมู่ ือการจดั การเรียน
การสอนวทิ ยาการคำนวณ ในระดับประถมศึกษาเพื่อเป็นแนวทางใหค้ รูสามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียน
การสอน
นกั เรียนระดบั ประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 เป็นวัยที่มีความสาํ คัญต่อการพฒั นาการคดิ โดยเฉพาะ
การคิดเชิงตรรกะ การคิดเป็นเหตเุ ปน็ ผล การตดั สนิ ใจ ซ่ึงจําเป็นตอ้ งปรับให้เหมาะกบั บริบทของสถานศึกษา
และสังคมทีน่ ักเรียนอาศัยอยู่ รวมท้ังการเรยี นรูท้ ่ดี ีทีส่ ุดสาํ หรับเด็กคือการเรยี นรผู้ ่านการลงมือทํา (เลน่ )
อย่างสนุกสนาน การ เรียนรโู้ ดยใช้เกมเปน็ ฐาน (Game-based Learning) สามารถทาํ ให้เด็กเปล่ยี นแนวคิด
เชิงนามธรรม เปน็ รปู ธรรม สร้างแรงจงู ใจใหผ้ ้เู รียนมสี ่วนร่วมในการเรียนรูท้ าํ ให้การเรียนรเู้ ปน็ ไปอย่างมี
ความหมาย (Meaningful Learning) ทําให้เกดิ องค์ความรู้ท่ีคงทน ผูเ้ รียนเข้าใจเห็นภาพ เชื่อมโยงกับชีวิตจรงิ
ได้พร้อมกับการพัฒนาทักษะในศตวรรษ ท่ี 21 ไปกับการเรยี นรรู้ ่วมกนั ผเู้ รยี นจงึ สามารถนําความร้แู ละทักษะ
ทไ่ี ด้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตและการทํางาน อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
วัตถุประสงค์
1. เพอื่ พัฒนาครใู ห้สามารถออกแบบชุดกิจกรรม และกระบวนการจัดการ เรียนรเู้ พ่ือพัฒนาแนวคดิ
เชิงคาํ นวณโดยใชเ้ กมเป็นฐาน (Game-based Learning) และใชเ้ กมเปน็ สอ่ื ในการจัด กิจกรรมสาํ หรับ
นักเรยี นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ทเ่ี หมาะสมกับบรบิ ทของโรงเรยี นได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
2. เพ่ือพัฒนาชดุ กจิ กรรมและกระบวนการจดั การเรียนรเู้ พ่ือพัฒนาแนวคิดเชงิ คํานวณโดยใช้ เกมเปน็
ฐาน (Game-based Learning) และคู่มือการออกแบบกระบวนการจัดการเรยี นรู้เพ่อื พฒั นาแนวคดิ เชิง
คํานวณโดยใชเ้ กมเปน็ ฐาน (Game-based Learning) สาํ หรบั นักเรียนประถมศึกษา ปีท่ี 1 - 6 ที่เหมาะสมกับ
บริบทของโรงเรยี น
3. เพื่อ นิเทศ ติดตามการจัดการรยี นรู้เพื่อพฒั นาแนวคิดเชิงคํานวณโดยใชเ้ กมเป็นฐาน (Game-
based Learning) ของโรงเรียนกลุม่ เป้าหมาย
เปา้ หมาย
เชิงปริมาณ
1. ผเู้ รยี นทุกคนของโรงเรยี นทเี่ ข้าร่วมโครงการ
2. ครูที่รบั ผดิ ชอบการจดั การเรียนรรู้ ายวิชาวทิ ยาการคาํ นวณในโรงเรยี นทเี่ ขา้ ร่วมโครงการ
จำนวน 3 โรงเรยี น
เชงิ คณุ ภาพ
ครูผู้สอนวทิ ยาการคำนวณ มีความรคู้ วามเข้าใจในการจัดการรียนรเู้ พ่อื พฒั นาแนวคิดเชิงคาํ นวณโดย
ใช้เกมเป็นฐาน (Game-based Learning)
การดาํ เนินงาน
1. การวางแผนประกอบด้วย
1.1 แผน Coaching เพ่อื พัฒนาครูใหส้ ามารถจดั การเรียนรู้ เพื่อพัฒนาแนวคิดเชิงคํานวณโดยใชเ้ กมเป็น
ฐาน (Game-based Learning) และใชเ้ กมเปน็ ส่ือในการจัดกิจกรรม ไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
1.2 แผนการจัดทําชุดกจิ กรรมและกระบวนการจดั การเรียนรเู้ พือ่ พฒั นาแนวคิดเชิงคํานวณ โดยใช้เกมเป็น
ฐาน (Game-based Learning) และค่มู ือการออกแบบกระบวนการจดั การเรยี นรู้เพอ่ื พฒั นา แนวคดิ เชงิ
คํานวณโดยใช้เกมเปน็ ฐาน (Game-based Learning) สาํ หรับนกั เรยี นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6
1.3 แผนการนเิ ทศ ตดิ ตามการจัดการรยี นร้เู พ่ือพัฒนาแนวคิดเชิงคาํ นวณโดยใชเ้ กมเปน็ ฐาน (Game-
based Learning)
2. นเิ ทศ ตดิ ตาม การจดั การเรยี นรูเ้ พ่ือพฒั นาแนวคดิ เชงิ คํานวณโดยใช้เกมเป็นฐาน (Game-based
Learning)
ระยะท่ี 1 นิเทศเตรยี มการ
1.1 พัฒนาความรู้ความสามารถครูผู้สอนทเ่ี ขา้ ร่วมโครงการ
1.2 จัดทำแผนการนิเทศ สรา้ งเคร่ืองมอื นิเทศ รว่ มกบั โรงเรยี น
ระยะที่ 2 นเิ ทศการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้เพื่อพฒั นาแนวคิดเชงิ คํานวณโดยใช้เกมเป็นฐาน (Game-based
Learning)
2.1 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้/การออกแบบการจัดการเรยี นรู้
2.2 นิเทศช้ันเรยี น
2.3 จัดทำคลปิ วดี ิโอตามแผนการจัดการเรียนรู้
ระยะที่ 3 การสรปุ และรายงานผลการนเิ ทศ
3.1 การสรปุ และรายงานผลการนิเทศ
ผลการดำเนนิ งาน
1. ครูผ้สู อนรอ้ ยละ 100 สามารถออกแบบชดุ กจิ กรรม และกระบวนการจัดการ เรยี นรูเ้ พอ่ื พฒั นา
แนวคิดเชงิ คาํ นวณโดยใช้เกมเป็นฐาน (Game-based Learning) และใช้เกมเป็นสื่อในการจัด กจิ กรรมสำหรับ
นักเรยี นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 ท่ีเหมาะสมกบั บริบทของโรงเรียนได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ
2. ครูผูส้ อนร้อยละ 100 มีความรู้ความเข้าใจ ในการจดั การเรียนรู้เพ่ือพฒั นาแนวคิดเชิงคํานวณโดยใช้เกม
เป็นฐาน (Game-based Learning) และสามารถนําไปประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน
3. ครผู ู้สอนรอ้ ยละ 100 มีการแลกเปลยี่ นเรียนรู้โดยใชแ้ พตฟอร์มออนไลน์
ภาคผนวก
- รายงานการนิเทศ
- รายงานการสังเกตชนั้ เรยี น
- ตัวอย่างแผนการจดั การเรียนร้ขู องครู
7 มกราคม 2564
วนั ท่ี 7 มกราคม 2564
เวลา 13.00 – 16.30 น.
สถานท่ี โรงเรียนบา้ นซาํ ยาง
ผู้รบั การนิเทศ นายวุฒชิ ัย หงสใ์ หญ่ ตําแหนง่ ครู คศ. 1
เรื่อง การจัดการเรียนการสอนท่เี น้นการพัฒนาแนวคดิ เชงิ คํานวณโดยใช้เกมเปน็ ฐาน (Game base
learning) โรงเรียนนาฝายวิทยา
ประเด็นการนเิ ทศ
1. การวางแผนการนิเทศ
2. กํานดปฏทิ นิ การนเิ ทศ รว่ มกนั
ผลการนิเทศ
1. ผูบ้ รหิ าร ครผู สู้ อนทกุ คนของโรงเรียนมคี วามเข้าใจเกีย่ วกบั การดาํ เนนิ งานตามโครงการ จัดการเรียน
การสอนทีเ่ นน้ การพัฒนาแนวคิดเชงิ คาํ นวณโดยใช้เกมเปน็ ฐาน (Game Base Learning) สาํ หรับ
นกั เรียนชน้ั ประถมศกึ ษา
2. มีปฏิทนิ ในการดาํ เนนิ งานร่วมกัน ได้แก่
- การออกแบบการเรียนรู้
- การสงั เกตชน้ั เรยี น
- การจดั ทาํ คลิปการสอน
- การประเมินคลปิ การสอน
7 มกราคม 2564
วนั ที่ 7 มกราคม 2564
เวลา 09.00 – 12.00 น.
สถานท่ี โรงเรยี นนาฝายวิทยา
ผรู้ ับการนเิ ทศ นายนิพนธ์ หอมสมบัติ ตาํ แหน่ง ครู คศ. 1
เร่ือง การจัดการเรียนการสอนทเ่ี น้นการพัฒนาแนวคิดเชิงคํานวณโดยใช้เกมเปน็ ฐาน (Game base
learning) โรงเรียนนาฝายวทิ ยา
ประเด็นการนเิ ทศ
1. การวางแผนการนิเทศ
2. กํานดปฏทิ นิ การนิเทศ ร่วมกัน
ผลการนิเทศ
1. ผบู้ รหิ าร ครูผสู้ อน ทมี วชิ าการของโรงเรยี นมคี วามเขา้ ใจเก่ยี วกับการดําเนนิ งานตามโครงการ
จดั การเรยี นการสอนทีเ่ น้นการพฒั นาแนวคดิ เชิงคาํ นวณโดยใช้เกมเปน็ ฐาน (Game Base Learning)
สาํ หรบั นักเรียนชั้นประถมศกึ ษา
2. มปี ฏิทินในการดําเนินงานร่วมกนั ได้แก่
- การออกแบบการเรยี นรู้
- การสังเกตชนั้ เรียน
- การจดั ทาํ คลปิ การสอน
13 มกราคม 2564
วันที่ 13 มกราคม 2564
เวลา 09.00 – 12.00 น.
สถานท่ี โรงเรยี นนาฝายวทิ ยา
ผู้รบั การนิเทศ นายนิพนธ์ หอมสมบัติ ตาํ แหน่ง ครู คศ. 1
เรือ่ ง สงั เกตชนั้ เรยี น การจัดการเรียนการสอนทีเ่ นน้ การพฒั นาแนวคิดเชงิ คํานวณโดยใช้เกมเปน็ ฐาน
(Game base learning)
ประเด็นการนิเทศ
1. การเตรยี มการสอน 2. การจัดกจิ กรรมการจดั การเรียนรู้
3. ผลลัพธท์ เ่ี กดิ ขึ้นกับผเู้ รียน 4. การสะท้อนคดิ หลังการสงั เกตช้ันเรียน
ผลการนเิ ทศ
1. ครผู สู้ อนมีการจัดทําแผนการจดั การเรยี นรู้ เตรียมส่อื เครอื่ งมอื วัด
และประเมนิ ผล ใบความรู้ ใบกจิ กรรม
2. การจดั กิจกรรมการเรียนรูเ้ ปน็ ไปตามท่ีวางแผนไว้ ดังต่อไปนี้
2.1 ข้นั นําสู่บทเรยี น ครใู ช้คําถามในการกระตุ้นใหผ้ ูเ้ รียนได้ฝกึ คิด
และมีการสร้างสถานการณ์ใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรยี นรู้
2.2 ครูแจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ใู ห้ผเู้ รยี นทราบ
2.3 จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ โดยใชส้ ถานการณป์ ญั หาให้นักเรยี น
ไดเ้ รียนรู้ แกป้ ญั หา และทาํ งานร่วมกัน
2.4 นักเรียนมสี ่วนร่วมและไดน้ าํ เสนอผลงาน แสดงความคดิ เห็น
ตอ่ ผลงานของตนเองและผ้อู ื่น
3. ผลที่เกิดข้ึนกับผเู้ รียน ดังตอ่ ไปน้ี
- นักเรียนมสี ่วนรว่ มในการลงมอื ปฏบิ ตั ิ รว่ มคดิ วเิ คราะหส์ ถานการณ์ รว่ มแลกเปลยี่ นความคดิ
รว่ มเลน่ เกมทุกข้นั ตอน รว่ มสรุปบทเรยี นหลงั เลน่ เกม
- มคี วามสนุกสนานในการเรยี นรู้จากเกม เหน็ ไดจ้ าก นักเรียนมสี ว่ นร่วมด้วยใบหน้าทย่ี ม้ิ แยม้ แจ่มใส
มคี วามมงุ่ ม่นั ตง้ั ใจจนผลงานสาํ เร็จ
- ผลการพัฒนาแนวคดิ เชงิ คาํ นวณ นักเรียนสามารถแยกสถานการณไ์ ด้ สามารถหารปู แบบการ
แกป้ ัญหาได้ ใช้แนวคิดเชงิ นามธรรมในการแกป้ ญั หา และแสดงขัน้ ตอนวิธีในการแก้ปัญหาไดแ้ ตย่ งั ขาด
การนาํ เสนอที่เปน็ ขัน้ ตอนท่ีชัดเจน
4. การสะทอ้ นคิดหลงั การสงั เกตชัน้ เรียน
4.1 ครูสะทอ้ นการสอนของตนเอง ดังต่อไปนี้
4.1.1 ผลลัพธ์ท่เี กิดกบั ผู้เรียน พบว่า ผู้เรยี นมสี ่วนร่วมในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
ผเู้ รยี นมีความสนุกสนาน สามารถทํางานร่วมกันเพื่อแก้ปญั หา1จ3ากมสกถราานคกมาร2ณ56ท์ 4ก่ี ําหนด แต่ผ้เู รียนยัง
ขาดทกั ษะในการนาํ เสนอ การนแสดงความคดิ เหน็ ต่อผลงานของตนเอง และผอู้ ื่น ซง่ึ ต้องฝกึ บอ่ ย ๆ
4.1.2 กจิ กรรมทีต่ ้องปรับแกไ้ ข การสรปุ บทเรยี นควรปรบั กจิ กรรม และส่อื ทน่ี ักเรียนสามารถ
มองเหน็ กระบวนการของผูอ้ ื่น เพ่ือใหเ้ กดิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้
4.1.3 การวดั และประเมินผลทตี่ ้องปรับแก้ ควรให้ผ้เู รียนมีส่วนรว่ มในการประเมนิ ผลงาน
4.1.4 มีการนาํ เสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ เพ่ือให้นักเรียนมปี ระสบการณแ์ ละสรา้ งแรงบรรดาลใจให้
เกิดแนวคิด ตอ่ ยอดนวัตกรรมได้
4.2 ผูน้ ิเทศสะทอ้ นผลลพั ธ์ที่เกิดกบั ผูเ้ รยี น พบวา่ ผูเ้ รียนเกดิ การเรียนรู้ มีสว่ นรว่ มในการจดั กจิ กรรม
การเรียนการสอน
4.3 การสรปุ ประเด็นในการดําเนนิ การรว่ มกนั
- เป้าหมายการเรียนรู้ นกั เรยี นมที กั ษะการคิดเชงิ คาํ นวณ
และแสดงข้ันตอนวธิ ีในการแก้ปัญหาได้
- การออกแบบกจิ กรรม กิจกรรมการเรยี นรู้เน้น
การสรา้ งสถานการณเ์ พอื่ ใหน้ กั เรยี นคิดแก้ปญั า ทาํ งานร่วมกัน
- การเลอื กใชเ้ กม เหมาะกับความสามารถของผู้เรียน
ไม่ง่ายไมย่ ากเกนิ ไป สามารถกระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นเกิดการเรียนรู้
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
- การวดั และประเมนิ ผล ให้ผเู้ รียนมสี ่วนรว่ ม
ในการประเมนิ ผลงาน
14 มกราคม 2564
วนั ที่ 14 มกราคม 2564
เวลา 09.00 – 12.00 น.
สถานท่ี โรงเรียนบ้านซํายาง
ผู้รับการนเิ ทศ นายวฒุ ิชยั หงส์ใหญ่ ตาํ แหน่ง ครู คศ. 1
เรือ่ ง สงั เกตชน้ั เรียน การจัดการเรียนการสอนทเ่ี น้นการพฒั นาแนวคดิ เชงิ คาํ นวณโดยใช้เกมเป็นฐาน
(Game base learning)
ประเดน็ การนเิ ทศ
1. การเตรยี มการสอน 2. การจดั กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้
3. ผลลัพธท์ เี่ กิดข้นึ กับผู้เรียน 4. การสะท้อนคิดหลงั การสงั เกตชัน้ เรยี น
ผลการนเิ ทศ
1. ครผู ู้สอนมีการจัดทาํ แผนการจัดการเรยี นรู้ เตรยี มส่อื เครอื่ งมอื วัด
และประเมินผล ใบความรู้ ใบกจิ กรรม
2. การจัดกิจกรรมการเรยี นรเู้ ป็นไปตามท่วี างแผนไว้ ดังตอ่ ไปน้ี
2.1 ข้ันนําส่บู ทเรียน ครูใช้คาํ ถามในการกระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนได้ฝึกคดิ
และมกี ารสรา้ งสถานการณ์ใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนรู้
2.2 ครูแจง้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ให้ผูเ้ รียนทราบ
2.3 จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใชค้ ําถามกระตุน้ ให้นักเรียนไดเ้ รยี นรู้ แก้ปัญหา
3. ผลที่เกดิ ขนึ้ กบั ผู้เรยี น ดงั ตอ่ ไปนี้
- นกั เรียนได้ลงมือปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง
- นกั เรยี นมีความมงุ่ ม่นั ตั้งใจจนผลงานสาํ เร็จ
- ผลการพัฒนาแนวคิดเชิงคาํ นวณ นกั เรยี นสามารถแยกสถานการณไ์ ด้ สามารถหารูปแบบการ
แก้ปญั หาได้ ใชแ้ นวคิดเชิงนามธรรมในการแกป้ ัญหา และแสดงขัน้ ตอนวธิ ใี นการแกป้ ญั หาไดแ้ ตย่ ังขาด
การนําเสนอท่ีเปน็ ขนั้ ตอนทช่ี ดั เจน
4. การสะท้อนคดิ หลงั การสงั เกตชัน้ เรียน
4.1 ครูสะท้อนการสอนของตนเอง ดังต่อไปน้ี
4.1.1 ผลลพั ธ์ทเ่ี กดิ กบั ผเู้ รยี น พบวา่ ผเู้ รียนได้ลงมือปฏิบัตกิ จิ กรรม แต่ยงั ขาดกระบวนการ
ทาํ งานรว่ มกัน 13 มกราคม 2564
4.1.2 กิจกรรมท่ตี อ้ งปรับแกไ้ ข จดั กจิ กรรมทส่ี ง่ เสริมใหผ้ เู้ รียนมีการทํางานรว่ มกัน หรอื
แลกเปลย่ี นเรียนรู้ ใชส้ ่ือ อุปกรณท์ เ่ี ออ้ื ตอ่ การเรียนรขู้ องนกั เรยี น
4.1.3 การวัดและประเมินผลท่ตี ้องปรับแก้ ควรใหผ้ เู้ รยี นมีสว่ นรว่ มในการประเมินผลงาน
4.2 ผู้นเิ ทศสะทอ้ นผลลพั ธท์ เ่ี กิดกับผูเ้ รียน พบวา่ ผูเ้ รียนเกิดการเรยี นรู้ กิจกรรมทจี่ ดั ขึ้นนกั เรยี น
ไมไ่ ดท้ าํ กจิ กรรมรว่ มกัน หรอื แลกเปล่ียนเรียนรูก้ นั
4.3 การสรุปประเดน็ ในการดาํ เนนิ การรว่ มกัน
- เป้าหมายการเรียนรู้ นักเรยี นมีทกั ษะการคิดเชงิ คํานวณและแสดงข้นั ตอนวธิ ีในการแก้ปญั หาได้
- การออกแบบกจิ กรรม กจิ กรรมการเรยี นรู้ดําเนินการตามกจิ กรรมในใบงาน ใบความรู้
- การเลอื กใชเ้ กม เกมทเี่ ลือกค่อนขา้ งง่ายสาํ หรบั นกั เรียนชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ดังน้นั จงึ ควร
ปรบั กจิ กรรมให้มคี วามเหมาะสมกับความสามารถของผู้เรียน
- การวดั และประเมินผล ใหผ้ ู้เรียนมีส่วนร่วม
20 มกราคม 2564
วนั ที่ 20 มกราคม 2564 เวลา 09.00 – 16.30 น.
สถานท่ี โรงเรียนหนองแสงวิทยาสรรค์
ผรู้ บั การนเิ ทศ นางสาวฉัตรดาว สาคาํ ตําแหนง่ ครู คศ. 3
นางสาวรัชฎาภรณ์ ภกู องพลอย ตาํ แหน่ง ครู คศ. 3
เร่อื ง สงั เกตชน้ั เรียน การจัดการเรียนการสอนท่เี นน้ การพฒั นาแนวคดิ เชิงคํานวณโดยใช้เกมเปน็ ฐาน
(Game base learning)
ประเดน็ การนิเทศ
1. การเตรยี มการสอน 2. การจัดกิจกรรมการจัดการเรยี นรู้
3. ผลลัพธ์ท่เี กิดข้นึ กับผู้เรยี น 4. การสะทอ้ นคดิ หลังการสงั เกตชน้ั เรียน
ผลการนเิ ทศ
1. ครผู สู้ อนมกี ารจัดทําแผนการจัดการเรียนรู้ เตรียมสื่อ เครอื่ งมอื วัด
และประเมนิ ผล ใบความรู้ ใบกิจกรรม
2. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรเู้ ปน็ ไปตามทีว่ างแผนไว้ ดังตอ่ ไปน้ี
2.1 ข้ันนําสูบ่ ทเรียน ครใู ชเ้ พลง รปู ภาพ และคาํ ถามในการกระตนุ้ ให้ผู้เรยี นไดฝ้ ึกคิดตาม เพ่ือเป็น
การทบทวนความร้เู ดิม เชอ่ื มโยงเข้าสูค่ วามรู้ใหม่
2.2 ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ให้ผูเ้ รียนทราบ
2.3 จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ โดยใช้คาํ ถามในการกระตนุ้ ใหผ้ ูเ้ รียนไดค้ ิดตาม
2.4 นกั เรยี นได้เรียนรู้จากการลงมือปฏบิ ัติ นักเรียนได้นําเสนอผลงาน แสดงความคดิ เหน็
ต่อผลงานของตนเองและผู้อืน่
3. ผลที่เกดิ ขนึ้ กบั ผูเ้ รยี น ดังต่อไปน้ี
- นกั เรยี นมสี ่วนร่วมในการลงมอื ปฏิบตั ิ ร่วมคิดวเิ คราะห์สถานการณ์ รว่ มแลกเปล่ยี นความคิด
ร่วมเล่นเกมทกุ ขน้ั ตอน ร่วมสรุปบทเรียนหลังเลน่ เกม
- มีความสนุกสนานในการเรยี นรู้จากเกม เห็นได้จาก นกั เรยี นมสี ่วนรว่ มด้วยใบหนา้ ทยี่ มิ้ แย้มแจ่มใส
มคี วามม่งุ มั่นต้งั ใจจนผลงานสาํ เรจ็
- ผลการพฒั นาแนวคิดเชิงคาํ นวณ นกั เรยี นสามารถแยกสถานการณ์ได้ สามารถหารปู แบบการ
แกป้ ัญหาได้ ใช้แนวคิดเชงิ นามธรรมในการแก้ปญั หา และแสดงข้ันตอนวธิ ีในการแกป้ ัญหาไดแ้ ตย่ ังขาด
การนาํ เสนอที่เป็นขัน้ ตอนที่ชัดเจน
4. การสะทอ้ นคิดหลงั การสงั เกตชนั้ เรียน
4.1 ครสู ะทอ้ นการสอนของตนเอง ดังต่อไปน้ี
4.1.1 ผลลพั ธ์ทเี่ กดิ กบั ผ้เู รียน พบวา่ ผ้เู รยี นมีส่วนร่วมในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ผู้เรียน
มีความสนกุ สนาน ผู้เรยี นกลา้ แสดงออก สามารถนําเสนอผลงานของตนเอง และแสดงความคิดเห็นท่ีมี
ตอ่ ผลงานของผอู้ ่นื ได้
4.1.2 กิจกรรมที่ต้องปรบั แก้ไข
- การจัดบรรยากาศในหอ้ งเรียน ควรจัดโตะ๊ ให้นักเรียนไดใ้ ชใ้ นการทาํ กิจกรรม เชน่ โต๊ะ
เก้าอี้
- เพ่มิ กิจกรรมทใี่ ห้นักเรียนไดท้ าํ ร่วมกัน
- ส่อื ท่ีใช้ในขน้ั สรุปควรปรับใช้ส่ือทน่ี กั เรียนสามารถมองเหน็ ไดช้ ัดเจน
4.1.3 การวัดและประเมนิ ผลทตี่ อ้ งปรับแก้ ควรใหผ้ ้เู รยี นมีสว่ นร่วมในการประเมินผลงาน
4.1.4 มีการนาํ เสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ เพ่อื ให้นักเรียนมีประสบการณแ์ ละสรา้ งแรงบรรดาลใจให้
เกิดแนวคิด ต่อยอดนวตั กรรมได้
4.2 ผนู้ เิ ทศสะทอ้ นผลลัพธท์ เี่ กดิ กับผเู้ รยี น พบวา่ ผ้เู รียนเกิดการเรยี นรู้ ไดล้ งมือปฏิบตั ิ จริงไดม้ ี
ประสบการณ์แห่งความสําเร็จ
4.3 การสรุปประเดน็ ในการดําเนินการร่วมกนั
- เปา้ หมายการเรยี นรู้ นักเรียนมที กั ษะการคิดเชงิ คํานวณ
และแสดงข้ันตอนวธิ ีในการแก้ปัญหาได้
- การออกแบบกจิ กรรม
ใชค้ ําถามประต้นุ ใหผ้ ู้เรียนได้คดิ แกป้ ัญหา
การสร้างสถานการณเ์ พอื่ ใหน้ ักเรยี นคิดแก้ปัญา
ทาํ งานรว่ มกนั
- การเลือกใช้เกม เหมาะกับความสามารถของผเู้ รียน ไมง่ า่ ยไมย่ ากเกนิ ไป สามารถกระตุ้นให้
ผเู้ รยี นเกดิ การเรียนรไู้ ด้อย่างเหมาะสม
- การวดั และประเมินผล ให้ผเู้ รียนมีส่วนร่วม
ในการประเมินผลงาน
25 มกราคม 2564
วนั ท่ี 25 มกราคม 2564 เวลา 09.00 – 12.00 น.
สถานที่ โรงเรยี นหนองมว่ งประชานกุ ลู
ผู้รับการนเิ ทศ นางสาวอริสรา พิมพแ์ หวน ตาํ แหนง่ ครูผูช้ ว่ ย
เรื่อง สงั เกตชัน้ เรียน การจดั การเรียนการสอนกลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย เร่ือง การอ่านออกเสยี ง
ประเด็นการนิเทศ
1. การเตรียมการสอน 2. การจดั กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้
3. ผลลัพธท์ ่ีเกิดข้นึ กับผู้เรยี น 4. การสะทอ้ นคดิ หลงั การสังเกตช้ันเรียน
ผลการนเิ ทศ
1. ครผู สู้ อนมกี ารจดั ทาํ แผนการจัดการเรียนรู้ เตรียมสอ่ื เคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผล ใบความรู้
ใบกิจกรรม ส่ือเทคโนโลยีในการจัดการเรยี นรู้
2. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้เป็นไปตามท่วี างแผนไว้ ดังตอ่ ไปนี้
2.1 ข้ันนาํ เข้าสู่บทเรียน ครใู ชเ้ พลง กจิ กรรมเข้าจงั หวะรปู ภาพ และคําถามในการกระต้นุ ใหผ้ เู้ รียนได้
ฝกึ คิดตาม เพอ่ื เป็นการทบทวนความรเู้ ดิม เชอื่ มโยงเขา้ สคู่ วามรใู้ หม่
2.2 ครูแจง้ จุดประสงค์การเรยี นร้ใู หผ้ ู้เรียนทราบ
2.3 จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ใช้สอ่ื เทคโนโลยี(เกมเปิดภาพทายคาํ ) เปน็ สอื่ ใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รียนรูค้ ําศพั ท์ใน
บทเรยี น ใช้ส่อื หนุ่ ตัวละครในการเล่าเรอ่ื งราวให้นักเรียนฟงั ฝกึ ทักษะการอา่ น และตอบคําถามเก่ียวกบั
เร่ือง
2.4 นกั เรียนได้มีสว่ นร่วมในการเรยี นรู้ ไดฝ้ ึกทักษะการฟัง พดู อ่าน และการเขยี น
3. ผลที่เกิดข้ึนกับผ้เู รียน ดังตอ่ ไปนี้
- นักเรยี นมีไดร้ ับประสบการณท์ ีห่ ลากหลายจากการจดั กิจกรรมของครู สง่ ผลให้นักเรียนบรรลตุ าม
วัตถุประสงค์ ดังตอ่ ไปน้ี
1. นักเรียนบอกความหมายของคาํ ในบทเรียนได้
2. นกั เรยี นอา่ นออกเสยี งบทเรยี นได้ถกู ตอ้ ง ชัดเจน
3. นักเรียนมีมารยาทในการฟงั การพูด และการดู
4. การสะท้อนคิดหลงั การสงั เกตชน้ั เรยี น
4. การสะทอ้ นคดิ หลังการสงั เกตชั้นเรยี น
4.1 ครสู ะทอ้ นการสอนของตนเอง ดังตอ่ ไปน้ี
4.1.1 ผลลพั ธ์ทีเ่ กดิ กบั ผเู้ รียน พบว่า ผเู้ รียนมสี ่วนรว่ มในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ สามารถเล่น
เกมทายคําได้ อา่ นออกเสียงบทรอ้ ยกรองได้ และสามารถตอบคําถามจากเร่อื งทอ่ี า่ นได้
4.1.2 กจิ กรรมทตี่ อ้ งปรบั แก้ไข
- ในช่วงการจดั กิจกรรมการอา่ น ครูควรไดเ้ ดนิ สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรยี นวา่ สามารถอ่าน
ออกเสียงบทร้อยกรองไดห้ รอื ไม่
- ควรปรบั กจิ กรรมใหน้ ักเรียนไดฝ้ กึ ทักษะการฟัง พูด อา่ น และ เขียน ใหค้ รบทกุ ทษั ะ
- ควรเปิดโอกาสนักเรียนไดแ้ สดงแนวคิด และแปลความหมายของบทร้อยกรอง
4.1.3 การวัดและประเมินผลที่ต้องปรับแก้ ควรใหผ้ เู้ รียนมสี ่วนร่วมในการประเมินผลงาน
4.2 ผู้นเิ ทศสะท้อนผลลพั ธท์ ี่เกดิ กบั ผ้เู รยี น พบว่า ผู้เรยี นไดร้ ่วมกิจกรรม การตอบคาํ ถาม ฝกึ ทักษะ
การอา่ นออกเสยี ง
4.3 การสรุปประเดน็ ในการดาํ เนินการร่วมกัน
วิเคราะหผ์ ูเ้ รียนและหาแนวทางในการแก้ปัญหา ซ่งึ พบว่าผู้เรยี นขาดทักษะในการสรุปความ
26 มกราคม 2564
วนั ท่ี 26 มกราคม 2564 เวลา 09.00 – 16.00 น.
สถานที่ โรงเรียนหนองขามวทิ ยาคาร โรงเรียนชมุ ชนนองคะเน
ผรู้ ับการนิเทศ ครผู ู้สอนชั้นอนบุ าล ถงึ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 6
เรอ่ื ง การนเิ ทศ ติดตาม การดาํ เนนิ งานหอ้ งเรยี นคณุ ภาพ และนโยบายจดุ เนน้ คณุ ภาพผเู้ รียน ของ
สํานักงานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5
ประเดน็ การนิเทศ
ระดับการศกึ ษาปฐมวัย จํานวน 3 องค์ประกอบ ไดแ้ ก่
องค์ประกอบที่ 1 บรรยากาศและสภาพแวดล้อม
หอ้ งเรียนคณุ ภาพปฐมวยั
องค์ประกอบที่ 2 การบรหิ ารจดั การและการจัด
การเรยี นร้หู ้องเรยี นคุณภาพ
องคป์ ระกอบที่ 3 คณุ ภาพนกั เรยี นปฐมวัย
ระดบั การศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน จํานวน 5 องคป์ ระกอบ ได้แก่
องค์ประกอบท่ี 1 ด้านกายภาพ
องค์ประกอบท่ี 2 ด้านคณุ ภาพครู
องคป์ ระกอบที่ 3 บรรยากาศการเรยี นรู้
องค์ประกอบที่ 4 ดา้ นคณุ ภาพผู้เรยี น
องค์ประกอบที่ 5 สื่อ เทคโนโลยี
ผลการนเิ ทศ
โรงเรยี นหนองขามวิทยาคาร
หอ้ งเรียนระดับอนุบาล 1 – 3 สามารถบริหารจัดการชน้ั เรียนไดต้ ามเกณฑ์ครอบคลมุ ท้ัง 3 องค์ประกอบ
ห้องเรยี นระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 – 3 สามารถบรหิ ารจดั การช้ันเรียนไดต้ ามเกณฑ์ครอบคลมุ ท้ัง 5
องค์ประกอบ
หอ้ งเรียนระดับชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 – 6 การบรหิ ารจดั การชั้นเรยี นยงั ต้องปรับปรงุ ในดา้ นกายภาพ
โรงเรยี นชุมชนหนองคะเน
ห้องเรยี นระดับอนุบาล ควรมีการปรับปรงุ ในด้านบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มหอ้ งเรยี นคุณภาพ
ปฐมวัย ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – 6 ควรมีการปรับปรุงในด้านกายภาพ ในเร่อื งความเปน็ ระเบยี บของ
หอ้ งเรยี น และการจดั บรรยากาศที่เอื้อต่อการเรยี นรู้
27 มกราคม 2564
วนั ที่ 27 มกราคม 2564 เวลา 09.00 – 12.00 น.
สถานที่ โรงเรยี นนาหนองทุ่มวิทยาคม ห้องเรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6
ผู้รับการนเิ ทศ นางสาวฤทัยรตั น์ ทิพยร์ กั ษ์
เรอื่ ง การสังเกตชั้นเรยี น การจดั การเรียนการสอนภาษาไทย เรื่อง คาํ กรยิ า
ประเด็นการนเิ ทศ
1. การเตรยี มการสอน 2. การจัดกจิ กรรมการจัดการเรยี นรู้
3. ผลลัพธ์ทเ่ี กิดขนึ้ กับผเู้ รยี น 4. การสะท้อนคิดหลงั การสังเกตช้นั เรียน
ผลการนเิ ทศ
1. ครูผูส้ อนมกี ารจดั ทาํ แผนการจดั การเรียนรู้ เตรียมส่อื เครื่องมอื วัดและประเมินผล บัตรคํา บัตรภาพ
ใบงาน แบบฝกึ หัด
2. การจดั กจิ กรรมการเรียนรูเ้ ป็นไปตามทีว่ างแผนไว้ ดังตอ่ ไปน้ี
2.1 ขัน้ นําเขา้ ส่บู ทเรยี น ครใู ช้เพลง กิจกรรมเข้าจังหวะรูปภาพ
2.2 ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ให้ผู้เรยี นทราบ
2.3 จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใชบ้ ัตรภาพนักเรยี นบอกคํากริยาทเี่ กี่ยวกับภาพ ใช้เกมแข่งขนั การบอก
คํากริยาที่อยใู่ นประโยค และครสู รุปการเรียนรู้โดยการบอกความหมายของคาํ กรยิ า
2.4 นกั เรยี นได้มีสว่ นรว่ มในการเรียนรใู้ นกิจกรรมการตอบคําถามจากภาพ การบอกคาํ กริยาใน
ประโยค การทาํ แบบฝกึ ดั
3. ผลท่เี กดิ ข้ึนกับผ้เู รยี น ดงั ตอ่ ไปน้ี
- นกั เรียนสามารถบอกคาํ กรยิ าได้ นักเรียนบอกคํากริยาท่ีอยู่ในประโยคได้
4. การสะทอ้ นคิดหลงั การสงั เกตชนั้ เรียน
4.1 ครสู ะทอ้ นการสอนของตนเอง ดงั ต่อไปนี้
4.1.1 ผลลพั ธท์ ่เี กดิ กบั ผู้เรียน พบวา่ ผเู้ รยี นมีส่วนร่วมในการตอบคาํ ถามจากกิจกรรมการเรียนรู้
โดยครเู ปน็ ผ้นู ํา
4.1.2 กจิ กรรมท่ตี อ้ งปรับแก้ไข - กิจกรรมการนําเข้าสูบ่ ทเรียน ควรจดั กิจกรรมประมาณ 5 – 10
นาที เพื่อใหผ้ ู้เรยี นพร้อมท่จี ะเรียนร้แู ละเช่ือมโยงความรุ้เก่าสคู่ วามรใู้ หม่ - กิจกรรมการเรยี นการสอน
ปรับให้ผ้เู รียนไดม้ สี ว่ นรว่ มและเกดิ จากผู้เรยี นเอง ไมใ่ ช้ครูเป็นผู้กาํ หนด - เพ่ิมกิจกรรมทใ่ี ห้นักเรยี นได้
ทํารว่ มกนั
4.1.3 การวดั และประเมินผลทต่ี อ้ งปรับแก้ ควรให้ผ้เู รียนมสี ่วนรว่ มในการประเมนิ ผลงาน
4.2 ผู้นิเทศสะท้อนผลลพั ธ์ที่เกิดกับผู้เรยี น พบว่า ผู้เรียนสามารถยกตัวอยา่ งคํากรยิ าได้ และสามารถ
ตอบคาํ ถามจากใบกจิ กรรมไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง
4.3 การสรุปประเดน็ ในการดาํ เนินการรว่ มกนั
- ครูลดบทบาทจากการเป็นผู้นาํ การสอน เป็นผอู้ ํานวยการสอน ใหน้ ักเรยี นเป้าหมายการเรยี นรู้
นกั เรียนมีทักษะการคดิ เชงิ คาํ นวณ
และแสดงขัน้ ตอนวิธีในการแก้ปัญหาได้
- การออกแบบกิจกรรม
ใชค้ าํ ถามประต้นุ ใหผ้ ูเ้ รียนได้คดิ แก้ปัญหา
การสร้างสถานการณ์เพอื่ ให้นักเรยี นคดิ แก้ปญั า
ทํางานร่วมกนั
- การเลอื กใช้เกม เหมาะกบั ความสามารถของผู้เรียน ไม่งา่ ยไมย่ ากเกินไป สามารถกระตุ้นให้
ผูเ้ รียนเกดิ การเรียนรไู้ ด้อย่างเหมาะสม
- การวัดและประเมนิ ผล ให้ผู้เรยี นมสี ่วนร่วม
ในการประเมินผลงาน
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวชิ า วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 5
ชนั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 1 ชัว่ โมง
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 6 แหลง่ นา้ และลมฟ้าอากาศ โรงเรียนนาฝายวิทยา
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1 เร่ือง การอนุรักษน์ า้
ครผู ้สู อน นายนพิ นธ์ หอมสมบัติ
1. สาระส้าคญั 2. ผลการเรียนรู้
1.โลกมที งั้ น้ำจดื และนำ้ เค็มซึง่ อยู่ในแหล่งนำ้ ต่ำงๆ ท่ี 1. เปรยี บเทียบปรมิ ำณน้ำในแต่ละแหลง่ และระบุ
มที งั้ แหลง่ นำ้ ผิวดิน เช่น ทะเล มหำสมทุ ร บึง แมน่ ้ำ ปรมิ ำณนำ้ ท่ีมนษุ ยส์ ำมำรถน้ำมำใช้ประโยชนไ์ ด้
และแหลง่ น้ำใต้ดิน เชน่ น้ำในดนิ และน้ำบำดำลนำ้ จำกขอ้ มลู ท่ีรวบรวมได้
ท้ังหมดของโล แบ่งเปน็ น้ำเค็มประมำณรอ้ ยละ 2. ตระหนักถงึ คณุ ค่ำของน้ำโดยนำ้ เสนอแนวทำง
๙๗.๕ ซง่ึ อยูใ่ นมหำสมทุ รและแหล่งน้ำอ่นื ๆ และที่ กำรใช้น้ำอย่ำงประหยัดและกำรอนุรกั ษ์น้ำ
เหลอื อีกประมำณร้อยละ ๒.๕ เป็นน้ำจดื ถ้ำ 3. ใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะในกำรแกป้ ญั หำกำรอธิบำย
เรียงล้ำดบั ปรมิ ำณนำ้ จืดจำกมำกไปน้อยจะอยู่ท่ีธำร กำรท้ำงำนกำรคำดกำรณผ์ ลลัพธ์ จำกปัญหำอย่ำงง่ำย
น้ำแขง็ และพืดน้ำแข็ง น้ำใตด้ ิน ช้ันดินเยือกแข็ง 4.ออกแบบและเขียนโปรแกรมทีม่ กี ำรใชเ้ หตผุ ล
คงตัวและน้ำแข็งใต้ดิน ทะเลสำบ ควำมชน้ื ในดนิ เชงิ ตรรกะอย่ำงง่ำย ตรวจหำขอ้ ผดิ พลำดและแก้ไข
ควำมช้นื ในบรรยำกำศบึง แม่นำ้ และน้ำในส่ิงมีชีวติ 5.ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหำข้อมูลติดตอ่ สอ่ื สำรและท้ำงำน
2. น้ำจืดทม่ี นุษย์น้ำมำใช้ไดม้ ีปรมิ ำณนอ้ ยมำกจึงควร รว่ มกนั ประเมนิ ควำมน่ำเชอ่ื ถือของข้อมูล
ใชน้ ำ้ อย่ำงประหยดั และรว่ มกันอนุรักษน์ ้ำ
3.กำรใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะเป็นกำรน้ำกฎเกณฑ์หรือ 4. ชนิ งาน/ภาระงาน
เง่อื นไขที่ครอบคลมุ ทุกกรณีมำใชพ้ จิ ำรณำในกำร 1. ชิน้ งำน Idea kit ทปี่ ระดิษฐข์ ึ้นเพ่อื เก็บขยะในแหลง่ น้ำ
แกป้ ญั หำ กำรอธบิ ำยกำรทำ้ งำนหรือกำร 2. กำรน้ำเสนอผลงำนช้นิ งำน Idea kit ทป่ี ระดิษฐ์ขน้ึ เพื่อ
คำดกำรณผ์ ลลัพธ์ เกบ็ ขยะในแหล่งนำ้
4. กำรค้นหำข้อมูลในอินเทอร์เน็ต และกำรพจิ ำรณำ 3. Mind Mapping แสดงแหลง่ น้ำทม่ี บี นโลกและแนว
ผลกำรค้นหำ ทำงกำรใชน้ ้ำอยำ่ งประหยดั และกำรอนุรกั ษ์น้ำ
3. เนอื หา/สาระการเรียนรู้
1. แหล่งน้ำเพื่อชีวิตและแนวทำงกำรใช้น้ำอย่ำง
ประหยดั และกำรอนรุ ักษ์นำ้
5. เครื่องมือ Idea kit และ ใบกิจกรรม Bright Activity Cards
6. กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ การประเมนิ ผล
Do now ( 10 นาที) 1. เคร่อื งมือ 1. ประเมนิ ชิน้ งำน
แจกกระดำษใหน้ ักเรียนคนละ 1 แผน่ แล้วให้หลับตำนึกถึงอำชีพท่ี Idea kit และ และแนวทำงกำร
นักเรียนอยำกท้ำในอนำคตมำกท่ีสุดมำ 5 อำชพี แลว้ ตัง้ สถำนกำรณใ์ นครั้ง ใบกิจกรรม แกป้ ญั หำจำก
ที่ 1 ใหน้ ักเรียนตดั อำชีพใดอำชีพหน่งึ ออก 1 อำชีพ ครั้งที่ 2 ใหน้ ักเรียนตัด Bright กจิ กรรม
อำชพี ออกอีก 2 อำชีพ ครัง้ ที่ 3 ใหน้ กั เรยี นตัดออกอีก 1 อำชีพ จะเหลอื 1 Activity 2. กำรสงั เกต
อำชีพที่ไมโ่ ดนตัดออก แล้วถำมนักเรยี นต่อว่ำอำชพี ที่เหลือ 1 อำชีพ เปน็ Cards พฤติกรรม
อำชีพที่นักเรยี นอยำกท้ำมำกทส่ี ุดหรอื เปล่ำ แลว้ อำชพี ทีเ่ หลอื สดุ ท้ำยเม่ือ 2. ใบควำมรู้
เทยี บกับอำชีพแรกทีโ่ ดนตัดออกอำชีพไหนที่นกั เรยี นอยำกท้ำในอนำคต เรื่องแหล่งน้ำ
มำกกว่ำกันแล้วนกั เรยี นมีแนวทำงอยำ่ งไรเพื่อท่จี ะได้ท้ำอำชีพทีต่ นเองฝัน เพ่ือชวี ติ และ
เอำไว้ แนวทำงกำร
Purpose ( 1 นาท)ี ใช้น้ำอยำ่ ง
วันน้ีนักเรียนจะได้เรียนเร่ือง กำรอนุรักษ์น้ำเพื่อให้นักเรียน ประหยดั กำร
ตระหนกั ถงึ คุณค่ำของน้ำ น้ำเสนอแนวทำงกำรใช้น้ำอย่ำงประหยัดและกำร อนรุ กั ษน์ ้ำ
อนุรักษ์น้ำรวมท้ังออกแบบสร้ำงช้ินงำนกำรอนุรักษ์น้ำจำกกิจกรรม Bright 3.คำ้ ถำม
Activity Cards และ Idea kit และอธิบำยขนั้ ตอนกำรใช้งำนชิน้ งำนได้ สถำนกำรณ์
Work mode ( 45 นาท)ี เพอ่ื สร้ำง
ขนั น้า เคร่ืองมอื
ขนั้ น้ำเสนอเกม 4.หนงั สอื
1. ครเู ปดิ วดิ ีโอ ขยะที่เตม็ แมน่ ้ำลำ้ คลองใหน้ กั เรยี นดู แล้วถำม เรยี น
นักเรยี นวำ่ จำกวิดโี อนกั เรียนเหน็ แลว้ รสู้ กึ อย่ำงไร วทิ ยำศำสตร์
2. ถ้ำขยะเต็มแมน่ ้ำแบบนน้ั จะสง่ ผลอย่ำงไรกับแม่น้ำและส่ิงมีชวี ติ และ
ต่ำงๆ เทคโนโลยี
3. นักเรียนร่วมแสดงควำมคดิ เห็น ป.5 เล่ม 2
4. แล้วครใู หน้ ักเรยี นศึกษำแนวทำงในกำรแกไ้ ขขยะและอนรุ ักษ์น้ำ
ทเ่ี หน็ จำกวิดีโอจำกหนังสือเรียนและใบควำมรู้ แล้วนำ้ ควำมรู้ท่ไี ด้นน้ั มำมำ
เตรียมเพ่ือเลน่ เกมกนั
ขัน้ ชี้แจงวิธกี ำรเลน่ และกติกำกำรเลน่
ครูอธิบำยวิธีกำรเล่นเกมให้นักเรยี นฟงั โดยมวี ธิ ีกำรเลน่ ดังน้ี
1. แบ่งนกั เรยี นออกเปน็ 3 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน พร้อมกับแจก
กระดำษ A4 กลมุ่ ละ 2 แผ่น
2. ให้นักเรียนแตล่ ะดูบัตรภำพกจิ กรรมและครถู ำมคำ้ จำกบตั รภำพ
จำกใบกิจกรรม Bright Activity Cards ฉลำดรู้ ฉลำดคิด ฉลำดเชื่อมโยง
อยำ่ งละ 3 ภำพ เพื่อใหน้ กั เรียนเข้ำใจกำรใชง้ ำนของชดุ โครงสรำ้ งพ้ืนฐำน
Idea kit โดยตอบค้ำถำมแต่ละคำ้ ถำมลงในกระดำษ A4 ท่ีครูแจกให้
3. ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกล่มุ สรำ้ งชน้ิ งำนกำรกำ้ จัดขยะในแมน่ ำ้
4. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมำน้ำเสนอชน้ิ งำนโดยกำรจกั สลำก
ล้ำดบั กอ่ นหลัง
ชันสอน
ขน้ั เลน่ เกม
1. ครูเตรยี มอปุ กรณ์กำรเล่นเกม ใบกิจกรรม Bright Activity
Cards ฉลำดรู้ ฉลำดคดิ ฉลำดเชอ่ื มโยงและชุดโครงสรำ้ งพื้นฐำน Idea kit
2. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ มำหยบิ ใบกิจกรรมBright Activity
Cards ฉลำดรู้ ฉลำดคิด ฉลำดเช่อื มโยง แต่ละกลมุ่ อย่ำงละ 1 ใบ รวม 3
ชดุ 9 ใบ แล้วใหนักเรยี นกลับไปนงั่ ที่ เพอื่ จะดใู บกิจกรรมและตอบค้ำถำม
จำกใบกจิ กรรมที่นักเรยี นเลอื กไว้
3. ครูให้รักเรียนสรำ้ งช้นิ งำนกำรกำ้ จัดขยะทีอ่ ย่ใู นแมน่ ้ำตำม
ควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ของนักเรียน
4. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ออกมำนำ้ เสนอหนำ้ ช้นั เรยี นโดยกำรจกั
สลำกล้ำดับกอ่ นหลัง โดยกำรน้ำเสนอตอ้ งเสนอตำมหัวขอ้ ดังนี้
4.1 ชอ่ื ช้นิ งำนชื่อวำ่ อย่ำงไร
4.2 ประโยชน์ของชิ้นงำน
4.3 วิธกี ำรใช้ช้นิ งำนในกำรก้ำจัดขยะในแมน่ ้ำอย่ำงชดั เจนและมี
ควำมเปน็ ไปได้
สรุป
ข้ันอภปิ รำยหลงั กำรเลน่
1. ครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสรุปเนื้อหำจำกกำรเล่นเกมเปน็ Mind
Mapping ลงในกระดำษ A4 ทีค่ รูแจกให้
2. ครถู ำมนกั เรียนวำ่ ไดเ้ รียนร้อู ะไรจำกกำรเลน่ เกมน้ี นกั เรยี น
ตอบค้ำถำม(แนวค้ำตอบ ได้กระบวนกำรคิด)ซึ่งครอู ธบิ ำยเพม่ิ เตมิ ในสงิ่ ที่
ขำด
Reflective ( 5 นาที)
1. ให้นกั เรียนบอกส่งิ ทนี่ ักเรียนอยำกรเู้ พิม่ เติมจำกเรื่องทีน่ ักเรยี น
ไดศ้ ึกษำมำกลมุ่ ละ 3 ข้อ
2. นกั เรยี นบอกประโยชนท์ ่ีไดจ้ ำกกำรเรยี นและเลน่ เกมในครง้ั นี้
ผลกำรสอน ปัญหำกำรสอน
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................ ............................................................................
............................................................................. .............................................................................
แนวทำงกำรแกไ้ ขปญั หำ
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ควำมคิดเห็นของหัวหนำ้ กลุ่มสำระ (ก่อนกำรนำ้ แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ไปใช้)
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ .................................................หัวหน้ำกลมุ่ สำระ
(…………………………………………………)
ควำมคดิ เหน็ ของหัวหนำ้ กลุ่มสำระ (หลังกำรน้ำแผนกำรจดั กำรเรียนรู้ไปใช้)
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .................................................หัวหน้ำกลมุ่ สำระ
(……………………………………………………..)
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชา วิทยาการคำนวณ
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 - 6
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 สารอาหารและระบบย่อยอาหาร เล่ม 1 หน้า 1 เวลา 1 ชัว่ โมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เกมมอ้ื เท่ียงแสนอร่อย ครผู สู้ อน นายวุฒชิ ยั หงษใ์ หญ่
วันท่ี..........เดือน................................พ.ศ...................
มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตัวชีวัด
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชีวิตจริงอยา่ งเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ
ใช้ เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ รเู้ ท่าทันและมี
จรยิ ธรรม
ตวั ช้วี ัด
ว 4.2 ป.1/1 แก้ปัญหาอยา่ งง่ายโดยใชก้ ารลองผดิ ลองถกู การเปรยี บเทียบ
ว 4.2 ป.1/2 แสดงลำดบั ขัน้ ตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างงา่ ยโดยใช้ภาพ สญั ลักษณ์ หรือขอความ
ว 4.2 ป.2/1 แสดงลำดับข้ันตอนการทำงานหรือการแกป้ ัญหาอยา่ งง่ายโดยใช้ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ
ว 4.2 ป.4/1 ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธบิ ายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปญั หาอยา่ ง
ง่าย
ว 4.2 ป.5/1 ใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแก้ปญั หา การอธบิ ายการทำงาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ จากปัญหา อย่าง
ง่าย
ว 4.2 ป.6/1 ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธบิ ายการทำงาน การคาดการณ์ผลลพั ธ์ จากปัญหา อยา่ ง
ง่าย
ความสามารถในการเรียนรู้
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแกป้ ัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
ความสามารถในการสื่อสาร
จุดประสงค์การเรียนรู้
1. แกป้ ัญหาโดยการฝกึ แบ่งแยกย่อยปญั หา (Decomposition) ตามแนวคิดเชงิ คำนวณ
2. นำเสนอวธิ กี ารแกป้ ญั หาอยา่ งเป็นขน้ั ตอนได้
3. มสี ่วนร่วมและรับฟงั ความคิดเห็นของผ้อู ่ืนได้
โรงเรียนบ้านซำยาง
สาระการเรียนรู้
กจิ กรรมนีเ้ ป็นการฝึกใช้หลักการแบง่ แยกย่อยปัญหา (Decomposition) ตามแนวคิดเชิงคำนวณ
ในการแก้ปญั หา โดยการย่อยส่วนประกอบและการย่อยปัญหา ในกจิ กรรมนี้ปัญหา “จัดอาหารใสถ่ าดหลมุ อยา่ งไร
ให้มีระดบั ความอิ่มท่เี พยี งพอและได้อาหาร หลกั ครบ 5 หม”ู่ สามารถแบ่งแยกออกเปน็ ปญั หาย่อย ๆ คือ
- การระบหุ มูอ่ าหารของอาหารแตล่ ะชนิด
- การหาอาหารใหค้ รบตามหมู่ของเด็กแต่ละคน
- การหาอาหารให้พอกบั ระดับความอ่ิมของเด็กแต่ละคน
การใชห้ ลักการแบ่งแยกย่อยปัญหาตามแนวคิดเชงิ คำนวณในกิจกรรมน้ี ชว่ ยในการแกป้ ัญหาทมี่ ี ความซับซอ้ น
โดยฝกึ ให้วิเคราะห์แยกปัญหาใหญ่หรอื มีความซับซ้อนออกเปน็ ปัญหาย่อย ๆ เพ่ือให้ สามารถแก้ปญั หาได้ง่ายขนึ้ และเม่ือ
นำเอาขัน้ ตอนแก้ปญั หาย่อย ๆ มารวมกนั ก็จะทำให้ได้ขน้ั ตอนรวมท่ี สามารถแกป้ ัญหาใหญ่ได้
การแนะนำให้นักเรียนฝึกวเิ คราะห์ในการแยกย่อยปญั หา ไมค่ วรใชก้ ารยกตวั อยา่ งปญั หายอ่ ยให้ นักเรียนทนั ที แต่
ควรเรม่ิ จากการใหแ้ ยกแยะองค์ประกอบที่เก่ยี วข้องกบั ปัญหาก่อน เชน่ ในกิจกรรมนมี้ ี องคป์ ระกอบทเ่ี กย่ี วข้องในปัญหา 2
องค์ประกอบคือ หมู่อาหาร และระดบั ความอ่ิม แลว้ จึงเช่ือมโยง องคป์ ระกอบไปสปู่ ญั หาย่อยทจี่ ะทำให้ไดค้ ำตอบของ
ปัญหาทตี่ ั้งไว้ในท่ีสดุ
ขั้นตอนการแก้ปญั หานกั เรียนควรสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความสามารถในการแบง่ แยกย่อยปัญหา ซง่ึ แตล่ ะคนอาจมี
วธิ ีการในการแบ่งแยกย่อยปัญหาทีแ่ ตกตา่ งกันและในลำดับทแ่ี ตกต่างกนั ได้ โดยในการแกป้ ัญหาย่อยแต่ละส่วนในกิจกรรม
น้ี นักเรยี นสามารถใช้การลองผดิ ลองถูกและการเปรยี บเทยี บ ในการแกป้ ัญหา เชน่ การลองหยบิ เลอื กอาหารให้ครบหมู่
การเปรยี บเทียบระดับความอิ่มของอาหาร แตล่ ะชนดิ
กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นนำ (ประมาณ 5 นาที)
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนาเก่ยี วกบั การรบั ประทานอาหาร ในแตล่ ะวันนกั เรยี นต้องรับประทานอาหาร
ทง้ั หมดก่ีม้อื (แนวคำตอบ 3 มื้อ) ในแตล่ ะม้ือ ถ้านักเรียนรับประทานอาหารน้อยเกนิ ไปหรอื เยอะเกินไปจะเกดิ อะไรขึ้น
(แนวคำตอบ ถ้ารบั ประทานน้อยเกินไปจะทำให้ไมอ่ ิ่ม ถา้ รบั ประทานมากเกินไปจะทำให้ อ่มิ เกินไป จกุ และแน่นท้อง)
2. ครูและนกั เรยี นได้ข้อสรปุ จากการสนทนาว่า “ในการรบั ประทานอาหารควรรับประทานให้อม่ิ อย่างพอดี”
3. ครูเสริมประเดน็ เรื่อง การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพ่อื สุขภาพท่ีแข็งแรง
4. ครูบอกนักเรยี นว่า “จะให้นักเรียนทำภารกจิ สำคัญ” จากนนั้ ครูอ่านสถานการณ์ วิธเี ลน่ และ ส่ิงทต่ี ้องเตรยี มให้
นักเรียนฟงั พร้อมท้งั ใหน้ ักเรียนเปดิ ในสมุดบนั ทึกความคดิ หนา้ 11
5. นักเรยี นฟงั สถานการณ์ วธิ ีเลน่ และสิ่งทีต่ อ้ งเตรยี มแล้ว ครถู ามนักเรยี นวา่ นกั เรยี นจะเลอื ก อะไรให้เพื่อนบ้าง
ส่งิ ทนี่ ักเรยี นเลอื กมีอาหารครบ 5 หมูแ่ ลว้ หรอื ยัง นกั เรยี นจะใชแ้ ทง่ วัดระดับความอม่ิ รว่ มกับการเลือกอาหารอยา่ งไร
โรงเรียนบ้านซำยาง
6. ครอู ธบิ ายวิธกี ารเลน่ ให้นกั เรยี นฟงั โดยมวี ิธกี ารเลน่ เกม ดังนี้
6.1 เด็ก ๆ เลือกเพื่อน วา่ จะจัดอาหารใหเ้ พ่ือนคนไหน
6.2 เดก็ ๆ ดูรายการอาหารว่ามีอาหารใดใหเ้ ลอื กบ้าง อาหารแตล่ ะชนดิ อยู่ในหมใู่ ด
6.3 เลือกอาหารให้เพอ่ื นรับประทานในมื้อเทีย่ งใหม้ รี ะดับความอม่ิ ตามที่กำหนด และต้องได้รับ
สารอาหารครบ 5 หมู่เพ่อื สุขภาพท่แี ข็งแรง
6.4 สามารถเลือกอาหารชนิดเดิมซำ้ อีกครง้ั ได้
6.5 เดก็ ๆ สามารถใชแ้ ท่งวัดระดบั ความอ่มิ เป็นตวั ช่วยในการเลน่ เกมนี้ได้
ขนั สอน (ประมาณ 40 นาท)ี
1. หลงั จากทนี่ ักเรยี นฟังสถานการณแ์ ละวธิ ีเล่นเกมจากคุณครูแล้ว ใหน้ กั เรียนตอบคำถามใน สมุดบนั ทึกความคดิ
หนา้ 12
2. ครถู ามนักเรียนเก่ียวกับคำถามในสมดุ บันทึกความคิด จากสถานการณข์ า้ งต้น นักเรยี นไดร้ ับมอบหมายให้ทำ
อะไร (แนวคำตอบ จดั อาหารใส่ ถาดหลมุ ให้เพื่อน) จากสงิ่ ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย นักเรียนตอ้ งคำนึงถึงสิง่ ใดมากท่ีสุด (แนว
คำตอบ ระดับความอ่ิม ของเพ่ือน ระดับความอ่ิมของอาหารแต่ละชนิด และสารอาหารที่ได้รับจากอาหารแตล่ ะชนดิ )
นกั เรยี นเลือกทจ่ี ะจัดอาหารใหเ้ พ่ือนคนใด (คำตอบขึน้ อยกู่ ับนักเรียน)
3. ครูอธิบายเพิม่ เติมเก่ยี วกบั ประเดน็ คำถามวา่ ช่ือเพื่อนที่เราเลอื ก หรือจำนวนของหลุมใน ถาดหลมุ น้ัน ไมม่ ผี ลต่อ
การทำภารกิจของเรา เพราะต่อใหเ้ พอื่ นชอ่ื ฟา้ ใส ออก้า หรอื แบมบูม สดุ ท้ายแล้ว สงิ่ ทีเ่ ราสนใจคือระดบั ความอ่ิมท่ีเพ่ือน
ต้องการ และต่อใหจ้ ำนวนหลมุ ในถาดหลมุ มีเพยี งแค่ 1 หลุม เรากย็ งั สามารถจดั อาหารใสถ่ าดหลุมใหเ้ พ่ือนได้เหมือนกัน ส่งิ
ทส่ี ำคญั ทสี่ ุดคอื ระดับความอิ่มที่อยู่ใน ระดบั ที่ต้องการและหมู่อาหารที่ไดร้ ับ เพราะนน่ั คือเป้าหมายทจ่ี ะทำใหเ้ ราทำ
ภารกจิ ได้สำเรจ็
4. หลังจากนักเรียนเข้าใจปัญหาและเห็นถงึ สง่ิ ท่ีตอ้ งคำนึงที่สุดแลว้ ครใู หน้ ักเรียนสำรวจว่ามี อาหารใดบ้าง และ
อาหารแต่ละชนิดมีระดับความอิ่มเท่าใดในสมดุ บนั ทึกความคดิ หน้า 13
5. นักเรียนจดั กลมุ่ อาหารตามหมูล่ งในสมดุ บันทึกความคิดหนา้ 14 โดยครูอธิบายเพิม่ เตมิ เก่ียวกับ อาหารในหมู่
ไขมนั ว่าไขมนั จะแทรกอยู่ตามเน้ือสตั ว์หรือพชื บางชนิด รวมถงึ น้ำมนั ทใี่ ชใ้ นการปรงุ อาหาร เช่น การทอด, ผัด ดงั นัน้ เราจะ
ไม่พิจารณาไขมันในเกมน้ีเนอ่ื งจากไขมนั ถูกแทรกอยู่ในอาหารหมู่อนื่ ๆ แล้ว
6. เมอื่ นักเรยี นจดั อาหารตามหม่แู ลว้ ใหน้ กั เรยี นเรยี งลำดับความอิ่มของอาหารแต่ละชนิด จากน้อยไปมาก เพื่อ
ความงา่ ยในการทำงานในขั้นถัดไปในสมุดบันทึกความคิดหนา้ 15 - 16
7. ครใู หน้ ักเรียนนำสอ่ื กิจกรรม CT in Action ชื่อเกมมื้อเท่ียงแสนอร่อยขน้ึ มา ดึงชิ้นสว่ น ออกมาเตรียมให้
เรยี บร้อย ชิน้ สว่ นประกอบด้วย ถาดหลุม อาหารชนิดต่าง ๆ และแท่งวัดระดับความอ่ิม (แท่งวัดระดบั ความอิ่มจะต้องนำ
แถบสเี ขยี วสอดเข้าไปในแท่งวดั ระดบั ความอิม่ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นสามารถ เล่ือนขึ้นลงได้)
8. นักเรียนแตล่ ะคนลงมอื ทำกจิ กรรมโดยเลือกหยิบอาหารใส่ลงในถาดหลุมและใชแ้ ท่งวัด ระดับความอ่ิมเป็นตัว
ชว่ ย
โรงเรยี นบา้ นซำยาง
9. นักเรยี นตอบคำถามในสมุดบันทึกความคิดหน้า 16 ว่ามรี ูปแบบวิธกี ารเลอื กอาหารใส่ถาดหลมุ อย่างไร โดยใน
สมดุ บนั ทึกความคิดมรี ูปแบบให้เลอื ก 2 รปู แบบ ครสู ามารถสอบถามนกั เรียนเพิ่มเติมว่า มนี กั เรยี นคนโต ใช้รปู แบบอื่นใน
การเลือกหรือไม่ ถา้ มีใหบ้ นั ทึกเพ่มิ เตมิ ได้ จากนั้นให้นักเรยี นรว่ มกนั วเิ คราะหว์ ่าวธิ ีใหน คือวธิ ีทดี่ ที ่ีสุด (แนวคำตอบใน
กิจกรรมน้ีมีองค์ประกอบท่ีเก่ียวข้องกับปัญหา 2 องค์ประกอบ คือ ระดับความอิ่มและหมูอ่ าหาร)
10. นกั เรยี นวาดภาพผลลัพธท์ ่ไี ด้ และตอบคำถามว่าได้รับอาหารครบ 5 หมู่และมีความอ่ิมท่ี พอดหี รือไม่ลงใน
สมดุ บนั ทกึ ความคิดหน้า 17
11. ครูสำรวจนกั เรียนในหอ้ งว่ามีนกั เรียนคนใดได้รบั สารอาหารไมค่ รบ 5 หมู่ หรอื มีระดับความ อิ่มที่มากหรอื น้อย
เกนิ ไป หากมีให้ครูถามถงึ เหตุผล
12. นักเรียนเขียนสรุปขัน้ ตอนการจัดอาหารใส่ถาดหลดุ โดยจะเขยี นเปน็ ข้อความหรือแผนผงั ก็ได้ในสมดุ บนั ทึก
ความคดิ หน้า 18
13. นกั เรยี นจบั คู่กันกับเพอื่ นและเปรยี บเทยี บวา่ แต่ละคนสรุปขั้นตอนการจดั อาหารใสถ่ าดหลมุ เหมอื นหรอื
แตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร ในสมดุ บนั ทึกความคดิ หน้า 19
14. นกั เรยี นตอบคำถามวา่ “เราสามารถนำขั้นตอนการจดั อาหารน้ีไปปรบั ใชก้ บั การจดั อาหาร ใหเ้ ดก็ คนอื่นได้
หรือไม่ โดยตง้ั ขอ้ สงั เกตว่าท่ีผ่านมาอะไรคอื เหตผุ ลของการเลอื กอาหารในแต่ละหมู่ และ ถ้าระดับความอิ่มนอ้ ยหรือมากไป
นกั เรียนจะจัดการอย่างไร” (แนวคำตอบ สามารถนำไปใช้กบั การจัด อาหารใหก้ ับเดก็ คนอื่น ๆ ได้ เน่ืองจากแกน่ สำคัญของ
ขัน้ ตอนในการเลือกอาหารคือสารอาหารที่ได้อยู่ใน หมวดหม่ใู ดและให้ระดับความอม่ิ ท่ีเท่าไร เมื่อเรามีแก่นทช่ี ัดเจนแล้วเรา
สามารถนำไปใชก้ ับอาหารใดและ กบั ใครก็ได้)
ขนั้ สรปุ (ประมาณ 5 นาที)
1. ครทู บทวนและให้นักเรียนอภิปรายสง่ิ ทเี่ รียนรู้ร่วมกัน รวมถึงเป้าหมายของเกม ประเด็นสำคญั ในการแกป้ ญั หา
การวางแผนแก้ปัญหาผลลัพธจ์ ากการแก้ปัญหาในเกมและสิ่งทีไ่ ดจ้ ากการแลกเปลย่ี น เรียนรู้รว่ มกัน
2. นกั เรียนบันทกึ สงิ่ ที่ไดร้ บั จากการเลน่ เกม และประเมนิ การเรียนรู้ท่ไี ด้จากการเล่นเกม ลงใน พื้นทีก่ ารเรียนรใู้ น
สมุดบนั ทกึ ความคดิ หนา้ 20
ขั้นประเมนิ
ครปู ระเมนิ ผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤตกิ รรมการ
ทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ขั้นเรยี น ตรวจสมุดบนั ทึกความคิด
ส่อื /แหล่งเรียนรู้
1. หนังสอื เรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2. ชดุ การจดั กจิ กรรมเกมม้ือเที่ยงแสนอรอ่ ย
3. สมดุ บนั ทึกความคดิ
โรงเรยี นบ้านซำยาง
แบบบันทกึ การสังเกตและประเมนิ ผลพฤติกรรมรายบุคคล
โรงเรยี นบ้านซำยาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563
คำชแี้ จง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งว่างที่ตรงกับ
ระดับคะแนน
พฤติกรรม / ระดบั คะแนน
ลำดับ ชอ่ื – สกุล ความสนใจใน การมสี ว่ นร่วม การตอบ การยอมรบั ฟัง ทำงานตามที่ รวม
ที่ การทำ คำถาม ได้รับ
กจิ กรรม ในการแสดง ความคิดเหน็
1 เด็กชายเฉลิมชาติ เร็วสา ความคดิ เหน็ ผู้อ่นื มอบหมาย
2 เด็กชายพชรดนยั วงศรลี า 321
3 เด็กชายอนสุ รณ์ ลคี ะ 321321321 321
4 เด็กชายธนายทุ ธ์ กุลแสง
5 เด็กชายเดชนภุ าพ สะคำพา
6 เด็กชายชนิ วตั ร โยทะพล
7 เดก็ ชายจิรวัฒน์ สงิ ห์พนั ธ์
8 เดก็ ชายสรุ ิยะ แสงเหลา
9 เด็กชายรุ่งนภา กลางสุโพธิ์
10 เดก็ ชายพงศธร โคตรฮยุ
11 เดก็ ชายไกรวิช รตั ราช
12 เด็กชายฐติ พิ งศ์ คำเวียง
13 เดก็ ชายธนธสั โพธา
14 เดก็ ชายเทพทตั ฮยุ ทา
15 เด็กหญงิ ธญั ชนก ธฤตรธนนันท์
16 เด็กหญงิ อริษา ชาวนาแปน
17 เด็กหญิงพรรณปพร ทองชาลี
18 เด็กหญงิ วรสิ รา แซงจำปา
โรงเรียนบ้านซำยาง
19 เด็กหญิงนติ ยา จติ รพไิ ล
20 เด็กหญิงชลชนก เพช็ รหลา้ โง๊ะ
21 เด็กหญิงธนารีย์ คำเหลก็
22 เดก็ หญงิ เจวลิน พักตะดนิ
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ระดบั 3 หมายถงึ มีพฤติกรรมในระดบั ดี
ระดับ 2 หมายถึง มพี ฤติกรรมในระดับ ปานกลาง
ระดับ 1 หมายถึง มีพฤติกรรมในระดบั ปรับปรงุ
เกณฑ์การประเมิน คะแนนเต็ม 15 คะแนน
คะแนน 13 - 15 หมายถงึ ดี
คะแนน 9 - 12 หมายถึง ปานกลาง
คะแนน 5 - 8 หมายถึง ปรับปรงุ
เกณฑ์การผา่ น
รอ้ ยละ 60 ( 9 คะแนน )
ลงชื่อ................................................
(นายวฒุ ิชยั หงษใ์ หญ่)
ครผู สู้ อน / ผปู้ ระเมิน
โรงเรยี นบา้ นซำยาง
แบบบันทึกหลงั แผนการจัดการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้
............................................................................................................................. .....................................................................
.............................................................. ............................................................................................................................. .......
ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
............................................................................................... ...................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึ่งประสงค์
............................................................................................................................. .....................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
ดา้ นความสามารถทางเทคโนโลยี
........................................................................................................................................................... .......................................
............................................................................................ ......................................................................................................
ด้านอน่ื ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤติกรรมทม่ี ปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายยุคคล (ถ้ามี))
..................................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
............................................................................................................................. .....................................................................
............................................................................................................................. .....................................................................
แนวทางการแกไ้ ข
............................................................................................................................................................... ...................................
................................................................................................ ..................................................................................................
ลงช่ือ..........................................................ผบู้ นั ทกึ
(นายวุฒิชยั หงษใ์ หญ)่
ความคิดเหน็ ผู้บริหารสถานศกึ ษา
............................................................................................................................. .....................................................................
............................................................................................................................................................. .....................................
.............................................................................................. ....................................................................................................
ลงช่ือ..........................................................
(นายสุราษฎร์ จันผาผาย)
ผ้อู ำนวยการโรงเรียนบา้ นซำยาง
โรงเรยี นบา้ นซำยาง
กลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 5
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้ นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ