e
Leaf
***ËÒ Á¹Ó仨ÓË¹Ò ÂáÅÐãªã ¹àªÔ§¾Ò³ÔªÂ***
สารบัญ
External structure of leaf 1
2
• Dicot 3
6
• Monocot
Internal structure of leaf
Types of leaf
ใบ (Leaf) 1
โครงสรา้ งระดับอวัยวะของใบพืชใบเลยี้ งคู่ O
แผน่ ใบ (blade)
• ปลายใบ (apex)
• ฐานใบ (base)
• ขอบใบ (margin)
• เสน้ กลางใบ (midrib) พบใน dicot เกอื บทุกชนดิ
• เสน้ ใบ (vein) แบบร่างแห (netted venation)
ท่อลำเลยี งสานกันเป็นตาข่ายทั้งแผน่ ใบ
ก้านใบ (petiole) เชอื่ มระหวา่ งแผ่นใบกบั ลำต้น/ก่งิ
• ใบติดกบั กา้ นใบ = petiolate leaf
• ไม่มกี า้ นใบตดิ กบั ใบ = sessile leaf
• แกนกลางของกา้ นใบของใบประกอบ = rachis
หใู บ (stipule) สว่ นท่ียน่ื ออกมาตรงโคนก้านใบ
• ใบที่มีหูใบ = stipulate leaf
• พบในเข็ม พุดน้ำบุษย์ กุหลาบ ชบา
0000
โครงสร้างระดบั อวัยวะของใบพืชใบเลี้ยงเดี่ยว 2
แผน่ ใบ สว่ นใหญม่ ลี กั ษณะแผแ่ บนเพ่อื รับแสง
• ปลายใบ
• ฐานใบ
• ขอบใบ
• เสน้ กลางใบ พบในพืชใบเลย้ี งเดี่ยวเกือบทกุ ชนิด
• เสน้ ใบ = แบบขนาน (parallel venation)
• ท่อลำเลยี งเรยี งตวั ขนานกนั ตลอด
• สามารถฉกี เปน็ เสน้ ได้
กา้ นใบ สว่ นทเี่ ชื่อมระหว่างแผ่นใบกบั ลำตน้
• กา้ นใบแผข่ ยายหุ้มลำต้น = กาบใบ (leaf sheath)
เขี้ยวใบ (auricle) ส่วนท่ียน่ื ออกมาตรงโคนใบทต่ี ิดกบั กาบใบ
• พบในพืชวงศ์หญา้
O
O LT
โครงสรา้ งภายในของใบ 3
(leaf internal structure)
epidermis • เน้อื เยื่อช้นั นอกสุด มักเรียงตวั ชน้ั เดียว
• ดา้ นหลงั ใบเรียก upper epidermis
• มี cuticle หนากวา่ ด้านท้องใบ
• ดา้ นท้องใบเรียก lower epidermis
• มปี ากใบจำนวนมาก ยกเว้นพืชปริ่มน้ำ
• guard cell เกดิ จาก epidermal cell
• cuticle ทำหนา้ ท่ีปอ้ งกันการสญู เสยี นำ้
หน้าที่ และสะทอ้ นแสงแดดไม่ให้ผา่ นเซลล์มากเกนิ ไป
• ปากใบทำหน้าท่ใี นการแลกเปลี่ยนแก๊ส
และคายน้ำของพชื
การแยกประเภทโดยใชต้ ำแหนง่ ของปากใบ
mesophyte xerophyte hydrophyte
• typical stomata • sunken stomata • raised stomata
(ปากใบอยู่ระดบั เดยี วกบั ผิวใบ) (ปากใบอยู่ตำ่ กว่าผวิ ใบ) (ปากใบอยู่เหนือกวา่ ผวิ ใบ)
• มกั มีขนป้องกันการระเหยของนำ้ • ไมพ่ บในพชื ท่อี ยูใ่ ต้น้ำ เชน่ สนั ตะวา
พลับพลึงธาร สาหร่ายหางกระรอก
โครงสรา้ งภายในของใบ 4
(leaf internal structure)
mesophyll • เน้อื เยือ่ parenchyma ทอ่ี ยู่ระหว่าง epidermis ท้งั สองด้าน
palisade mesophyll
• parenchyma ท่อี ยตู่ ิดกับช้นั upper
epidermis
• เซลลเ์ รียงตวั เป็นระเบยี บ อดั แนน่ รูปร่างเปน็
แท่งยาว
• ภายในมี chloroplast หนาแน่น ทำใหด้ ้าน
หลงั ใบมสี ีเขียวเขม้
spongy mesophyll
• parenchyma ท่เี รยี งตัวไมเ่ ป็นระเบยี บรูปร่างไมแ่ น่นอน
• เซลลเ์ รียงตัวหลวมๆ มชี อ่ งว่างระหวา่ งเซลลม์ าก
• ภายในมี chloroplast นอ้ ย ทำให้มีสเี ขียวนอ้ ยกวา่ palisade mesophyll
หน้าท่ี • palisade mesophyll ทำหน้าทห่ี ลกั ในการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสงเนือ่ งจากมปี ริมาณ
คลอโรฟิลล์หนาแนน่
• spongy mesophyll ชว่ ยในการสงั เคราะห์ด้วยแสง ถา่ ยเทอากาศ และแลกเปลี่ยนแกส๊
พชื ใบเลีย้ งคู่ การแยกประเภทโดยใช้รปู แบบของ mesophyll
• palisade mesophyll อยตู่ ิดกับด้าน พชื ใบเลย้ี งเด่ียว
dorsal แยกช้ันกับ spongy
mesophyll ท่ีอยทู่ างด้าน ventral • ไมม่ ี palisade mesophyll ท่ีเดน่ ชดั
อยา่ งชดั เจน • พบ spongy mesophyll กระจายอยู่
ทัว่ ใบ
ดา้ นหลงั ใบจะมสี ีเขยี วเขม้ กวา่ ดา้ นทอ้ งใบชัดเจน
ด้านหลงั ใบสเี ขยี วใกลเ้ คียงกับดา้ นทอ้ งใบ
โครงสร้างภายในของใบ 5
(leaf internal structure) ลำเลยี งน้ำและแรธ่ าตุ
vascular เส้นใบ/กลุม่ ท่อลำเลยี ง
bundle
หน้าท่ี
• xylem วางตัวทางดา้ น upper epidermis
• phloem วางตัวทางดา้ น lower epidermis
• bundle sheath (parenchyma cell)
เรยี งตัวลอ้ มรอบท่อลำเลยี ง
• collenchyma cell พบบริเวณด้าน
ventral ของเส้นกลางใบ
การแยกประเภทโดยใช้องคป์ ระกอบภายใน bundle sheath C₃ plant
bundle sheath บาง
ไมม่ ี chloroplast
C₄ plant
bundle sheath หนา
มี chloroplast
มี mesophyll หอ่ หมุ้ อีกชน้ั
รปู แบบของใบ 6
1. ใบเดยี่ ว (simple leaf) 6. storage leaf
• ใบท่ีมแี ผ่นใบเพียงแผน่ เดียวบนกา้ นใบ • ใบมีลักษณะอวบนำ้
ท่ีแตกออกจากกิ่งหรือลำตน้ ทำหนา้ ท่ีสะสมน้ำ
• พบในมะมว่ ง ขนนุ น้อยหนา่ มงั คดุ • พบในพชื อวบนำ้
2. ใบประกอบ (compound leaf) (succulent plant)
• ใบที่มใี บย่อย (leaflet) มากกว่าหนึง่ ใบ • พืชทนแลง้ กุหลาบหิน
บนแกนกลาง (rachis) เดียวกัน 7. scale leaf
• ชนดิ ของใบประกอบ • ใบเปลีย่ นเปน็ เกลด็ เลก็ ๆ
หนาหรอื บาง
• ใบประกอบแบบนิ้วมอื
(palmately compound leaf) • มกั ไมม่ ีคลอโรฟลิ ล์
• ใบประกอบทใี่ บย่อยแตกออกจากปลายของ • พบในหอม กระเทยี ม
กา้ นใบในลักษณะแบบนิ้วมอื 8. reproductive leaf
• พบในนุ่น • ตาของใบสามารถสรา้ งตน้ ออ่ นได้
• ใบประกอบแบบขนนก • พบในเศรษฐเี งนิ ลา้ น ควำ่ ตายหงายเปน็
(pinnately compound leaf) 9. bract
• ใบประกอบทใี่ บยอ่ ยเรยี งออกจากแกนกลาง • ใบมีลกั ษณะสสี ดใสคลา้ ย
เปน็ คู่ตรงข้ามหรอื สลบั กลีบดอก ทำหนา้ ทลี่ อ่ แมลง
• ใบประกอบแบบขนนกสองชัน้ • พบในเฟ่ืองฟ้า คริสต์มาส หน้าวัว
(bipinnately compound leaf) 10. carnivorous leaf
• พบในนนทรี หางนกยูงไทย • ใบเปลี่ยนเป็นโครงสรา้ ง
ดักจบั แมลง
• ใบประกอบแบบขนนกสามชัน้
(tripinnately compound leaf) • สามารถผลติ เอนไซม์ pepsin
เพอ่ื ยอ่ ยโปรตนี ได้
• พบในมะรมุ ปบี
3. leaf tendril • พบในหยาดนำ้ คา้ ง หม้อข้าวหมอ้ แกง
ลิง กาบหอยแครง
• ใบท่ีเปล่ยี นไปทำหน้าที่ยึดเกาะ อย่บู ริเวณปลายสุด
ของกา้ นใบ
• ตอบสนองตามทศิ ทางของการเจรญิ เตบิ โต
• สามารถสังเคราะหด์ ้วยแสงได้ (มสี เี ขียว)
• พบในถวั่ ลนั เตา
4. floating leaf
• ก้านใบมลี ักษณะโปง่ ออก
ภายในเนื้อเย่อื มี air space เยอะ
• พบในผักตบชวา
5. leaf spine
• ใบลดรปู ไปเปน็ หนาม เพื่อลดการคายนำ้
และป้องกนั อันตรายแก่พชื
• ไมส่ ามารถสังเคราะหด์ ว้ ยแสงได้
• พบในพชื อวบนำ้ พชื ทนแลง้
กระบองเพชร