วารสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ขนุ ช้างขนุ แผน
คณะผ้จู ดั ทา
๑. นางสาว กรรณิการ์ ภู่ระหงษ์ เลขท่ี ๒
๒. นางสาว กญั ญารัตน์ แสนไชย เลขท่ี ๔
๓. นางสาว ชาลิสา ขวญั งาม เลขท่ี ๙
๔. นางสาว ปิ ยะธิดา บุญยงั ไพศาล เลขท่ี ๑๗
๕. นางสาว พชั ริญา โหงอุม่ เลขท่ี ๑๙
๖. นางสาว ภรภทั ร หอมจนั ทร์ เลขท่ี ๒๑
๗. นางสาว ภานุมาศ สีเขียวสด เลขท่ี ๒๒
๘. นางสาว ยวุ ดี ทองลา เลขที่ ๒๔
๙. นางสาว วลยั พรรณ นนทภ์ ุตธนาธิป เลขที่ ๒๕
๑๐. นางสาว สิริรัตน์ คงควร เลขที่ ๒๖
๑๑. นางสาว สุภศั รา กิจสุนทร เลขท่ี ๒๗
๑๒. นางสาว วรณนั ถุงสุวรรณ เลขท่ี ๓๐
๑๓. นางสาว พยิ ดา คลงั สิริ เลขท่ี ๓๑
๑๔. นางสาว อโนชา กรรณศร เลขท่ี ๓๒
๑๕. นางสาว อรชพร ปานอาพนั ธ์ เลขท่ี ๓๓
๑๖. นาย กฤษณะ เดชวรรณ เลขท่ี ๓๔
๑๗. นาย เนติธร มา้ วไิ ล เลขที่ ๓๕
ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๖/๔
นาเสนอ
ครู ชมยั พร แกว้ ปานกนั
อี-บุค๊ น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าภาษาไทยพ้นื ฐาน ๕ ท ๓๓๑๐๒
ภาคเรียนที่ ๒ ปี การศึกษา ๒๕๖๓
โรงเรียนสงวนหญิง จงั หวดั สุพรรณบุรี
ก
คานา
คูม่ ือการใชห้ นงั สืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) เรื่อง ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน ขนุ ชา้ งถวายฎีกากลุ่มสาระ
ภาษาไทย สาหรับนกั เรียนชนั มธั ยมศึกษาปี ที6/4 จดั ทาข้ึนเพื่อใชเ้ ป็ นแนวทางในการ ใชห้ นงั สือ
อิเลก็ ทรอนิกส์ (E-Book) สาหรับครูผสู้ อน และนกั เรียนในการเรียนรู้ ในเร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน
ถวายฎีกา ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ คู่มือการใชห้ นงั สืออิเล็กทรอนิกส์ (EBook) ฉบบั น้ี จะเป็นประโยชนต์ ่อ
การเรียนรู้ของนกั เรียน และการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน สาหรับครูผสู้ อนในกลุมสาระ
ภาษาไทยต่อไปตอไป
คณะผจู้ ดั ทา
สารบญั
เรื่อง หน้า
คานา ก
ความเป็ นมา ๑-๒
๓
ประวตั ิผแู้ ตง่ ๔
๕
ลกั ษณะคาประพนั ธ์ ๒๑
๓๐
ตวั ละคร
๓๓
เน้ือเรื่องขนุ ชา้ งขนุ แผน(ฉบบั ยอ่ ) ๔๓
ค
เรื่องขนุ ชา้ ขนุ แผน ตอนขุนชา้ ถวายฏีกา(ฉบบั ยอ่ )
บทวเิ คราะห์
คาศพั ท์
บรรณานุกรม
๑
ความเป็นมาขนุ ชา้ งขนุ แผน
เร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผน มีเน้ือความปรากฏในหนงั สือคาใหก้ ารชาวกรุงเก่า ซ่ึงนบั เป็นเร่ืองในพระราช
พงศาวดาร เรื่องขนุ ชา้ งขนุ แผนน้ี เป็ นนิทานไทยพ้นื บา้ นของสุพรรณบุรีมาแต่ชา้ นาน เกิดข้ึนในสมยั กรุง
ศรีอยธุ ยาเป็นราชธานี ซ่ึงมีหลกั ฐานอยใู่ นหนงั สือคาใหก้ ารชาวกรุงเก่า โดยแตง่ เป็ นบทกลอนสาหรับขบั
เสภาใหป้ ระชาชนฟัง และเหลือมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์บางตอนเพราะถูกไฟไหมแ้ ละสูญหายไปหายไป เม่ือ
คร้ังเสียกรุงกบั พมา่ พระบาทสมเด็จพระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั รัชกาลที่ ๒ ทรงโปรดให้กวหี ลายท่าน เช่น
พระองค์ กรมหม่ืนเจษฎาบดินทร์ (รัชกาลที่ ๓ ) สุนทรภู่ ครูแจง้ เป็นตน้ ใหช้ ่วยกนั แต่งเพ่มิ เติมข้ึน โดยแบ่ง
กนั แตง่ เป็ นตอน ๆ ไปจนจบเร่ือง
เสภาเรื่องขนุ ชา้ งขนุ แผนฉบบั ท่ีรวบรวมในปัจจุบนั มีท้งั หมด ๔๓ ตอน แต่มีอยู่ ๘ ตอนท่ีวรรณคดี
สมาคม ซ่ึงมีพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอกรมพระยาดารงราชานุภาพทรงเป็นประธานไดล้ งมติไวใ้ น
พ.ศ.๒๔๗๔ วา่ แต่งดีเป็ นยอดเยย่ี ม ไดแ้ ก่
๑.ตอนพลายแกว้ เป็ นชูน้ างพิม ๕.ตอนกาเนิดพลายงาม
๒.ตอนขนุ ชา้ งขอนางพมิ ๖. ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา
๓.ตอนขุนแผนข้ึนเรือนขนุ ชา้ ง ๗.ตอนฆ่าวนั ทอง
๔.ตอนขนุ แผนพาวนั ทองหนี ๘.ตอนพระไวยถูกเสน่ห์
๒
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั โปรดการฟังขบั เสภามาก พระองคจ์ ึงโปรดเกลา้ ฯใหก้ วใี นราช
สานกั ช่วยกนั รวบรวมเรื่องขุนชา้ งขนุ แผน และช่วยกนั แต่งเสภาตอนท่ีขาดไปตามที่กวแี ต่ละคนถนดั
พระองคก์ ท็ รงพระราชนิพนธ์บทเสภาขนุ ชา้ งขนุ แผนท้งั หมด 4 ตอนคือ
ตอนที่ ๔ พลายแกว้ เป็นชูก้ บั นางพมิ
ตอนท่ี ๑๓ วนั ทองหึงลาวทอง
ตอนท่ี ๑๗ ขนุ แผนข้ึนเร่ืองขนุ ชา้ งไดน้ างแกว้ กิริยา
ตอนที่ ๑๘ ขุนแผนพาวนั ทองหนี
๓
ประวตั ิหน่ึงในผแู้ ต่ง ขนุ ชา้ งขนุ แผน
ผแู้ ต่งเร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผน คือ พระสุนทรโวหาร นามเดิม ภู่ หรือที่เรียกกนั ทว่ั ไปวา่ สุนทรภู่ เกิดในรัช
สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เม่ือวนั ที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ถึงแก่กรรมเม่ือ
พ.ศ. ๒๓๙๘
สุนทรภู่ไดเ้ ล่าเรียนหนงั สือในสานกั วดั ชีปะขาว ซ่ึงปัจจุบนั เรียกวา่ วดั ศรีสุดาราม ในคลองบางกอก
นอ้ ย ต่อมาไดเ้ ขา้ รับราชการเป็นเสมียน ในกรมพระคลงั สวน แตไ่ ม่ชอบทางานอื่นนอกจากแต่งบทกลอน
ซ่ึงสามารถแต่งไดด้ ี ต้งั แต่ยงั รุ่นหนุ่ม
ใน พ.ศ. ๒๓๕๙ในรัชกาลท่ี ๒ สุนทรภู่เขา้ รับราชการในกรมอาลกั ษณ์ไดเ้ ป็นขนุ สุนทรโวหาร ระหวา่ ง
รับราชการตอ้ งถูกจาคุกเพราะเมาสุราจนคลองสติไม่ได้ ภายหลงั พน้ โทษไดเ้ ป็นพระอาจารยถ์ วายอกั ษร
สมเด็จพระเจา้ ลูกยาเธอ เจา้ ฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสใน รัชกาลท่ี ๒
ในรัชกาลท่ี ๓ สุนทรภู่ออกจากราชการและออกบวช เมื่อลาสิกขาแลว้ ถวายตวั อยกู่ บั พระองคเ์ จา้
ลกั ขณานุคุณไดป้ ี หน่ึง คร้ันเจา้ นายพระองคน์ ้นั สิ้นพระชนม์ สุนทรภู่กข็ าดที่พ่ึงไดร้ ับความลาบากมาก ตอ้ ง
ลอยเรืออยแู่ ละแต่งหนงั สือขายเล้ียงชีวติ ตอ่ มาจึงไดร้ ับพระอุปถมั ภจ์ ากรมหมื่นอปั สรสุดาเทพ พระราชธิดา
ในสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั
พ.ศ. ๒๓๙๔ สุนทรภู่ไดเ้ ป็นเจา้ กรมอาลกั ษณ์ฝ่ ายพระราชวงั บวร มีบรรดาศกั ด์ิ เป็น พระสุนทรโวหาร
วรรณกรรมของสุนทรภู่ มีมากมายหลายประเภท คือมีท้งั นิราศ เช่น นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศ
ภูเขาทอง นิทานคากลอน เช่น พระอภยั มณี โคบุตร ลกั ษณะวงศ์ สุภาษิตคากลอน เช่น สวสั ดิรักษา เพลงยาว
ถวายโอวาท เสภา เช่น ขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอน กาเนิดพลายงาม บทเห่กล่อม เช่น เห่เรื่องจบั ระบา เห่เร่ืองกากี
เป็ นตน้
๔
ขนุ ชา้ งขนุ แผน
เป็นวรรณกรรมอมตะไทยมาชา้ นาน ตามประวตั ิกล่าววา่ นกั ขบั เสภาคร้ังกรุงศรีอยธุ ยาเป็นผแู้ ตง่ ( เสภาคือ
หนงั สือกลอนโบราณ ท่ีนาเอานิทานมาแต่งเป็นกลอนสาหรับขบั ลานา ) แต่เหลือมาถึงกรุงรัตนโกสินทร์
บางตอน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศลา้ นภาลยั รัชกาลที่ ๒ จึงโปรดใหเ้ หล่ากวใี นพระราชสานกั แตง่ ข้ึน
ใหม่ รวมท้งั พระองคท์ ่านเองทรงพระราชนิพนธ์ ตอน "พลายแกว้ เป็นชูก้ บั นางพิม" ตอน "ขนุ แผนข้ึนเรือน
ขนุ ชา้ ง" และตอน "เขา้ หอ้ งแกว้ กิริยาและพาวนั ทองหนี" รัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชนิพนธ์ตอน "ขนุ ชา้ งตาม
วนั ทอง" บรมครูสุนทรภู่แตง่ ตอน "กาเนิดพลายงาม" ต่อมาครูแจง้ ในรัชกาลท่ี ๔ แต่งตอน "กาเนิดกุมาร
ทอง" ตอน "ขนุ แผน พลายงามแกพ้ ระทา้ ยน้า" และตอน "ขนุ แผน พลายงามสะกดเจา้ เมืองเชียงใหม่"
ลกั ษณะคาประพนั ธ์
เร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผนเป็นคาประพนั ธ์ ประเภทกลอนเสภา ๔๓ ตอน ซ่ึงมีอยู่ ๘ ตอนที่ไดร้ ับการยกยอ่ ง
วา่ แตง่ ดียอดเยย่ี มจากวรรณคดีสมาคม อนั มีสมเด็จพระเจา้ บรมวงศ์ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงเป็ น
ประธานโดยลงมติเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๔ และตอน ขนุ ชา้ งถวายฎีกาเป็นหน่ึง ในแปดตอนที่ ไดร้ ับการยกยอ่ ง
ลกั ษณะคาประพนั ธ์กลอนเสภาเป็นกลอนสุภาพ เสภาเป็นกลอนข้นั เล่าเรื่องอยา่ งเล่านิทานจึงใชค้ ามาก
เพ่ือบรรจุขอ้ ความใหช้ ดั เจนแก่ผฟู้ ัง และมุ่งเอาการขบั ได้ ไพเราะเป็นสาคญั สมั ผสั ของคาประพนั ธ์ คือ คา
สุดทา้ ยของวรรคตน้ ส่งสัมผสั ไปยงั คาใดคาหน่ึงใน ๕ คาแรกของวรรคหลงั สมั ผสั วรรคอื่นและสัมผสั
ระหวา่ งบทเหมือนกลอนสุภาพ
๕
แนะนาตัวละคร
๑. ขนุ แผน
เดิมชื่อพลายแกว้ มีดาบฟ้าฟ้ื นเป็นอาวธุ ประจาตวั พาหนะคูใ่ จคือ มา้ สีหมอก พอ่ เป็นทหารชื่อ
ขนุ ไกรพลพา่ ย แม่ช่ือ นางทองประศรี ไดบ้ วชเณรและเรียนวชิ าที่วดั ส้มใหญ่ แลว้ ยา้ ยไปเรียนต่อท่ีวดั ป่ า
เรไลย์ สุดทา้ ยไปเป็นศิษยส์ มภารคง วดั แค จนมีความรู้ทางโหราศาสตร์ ปลุกผี อยยู่ งคงกระพนั คาถา
มหาละลวยทาใหผ้ หู้ ญิงรัก ตลอดจนวชิ าจากตารับพิชยั สงคราม และยงั มีความสามารถเทศน์ไดไ้ พเราะจบั ใจ
อีกดว้ ย ต่อมาสึกจากเณรแลว้ แต่งงานกบั นางพิมพลิ าไลย ไมน่ านกถ็ ูกเรียกตวั ไปเป็ นแม่ทพั รบกบั เชียงใหม่
คร้ันไดช้ นะกลบั มากไ็ ดเ้ ป็นขนุ แผนแสนสะทา้ น แต่ปรากฏวา่ ภรรยาแต่งงานใหมแ่ ลว้ ขนุ แผนตอ้ งโทษถูก
จาคุกถึง ๑๕ ปี จึงพน้ โทษ และทาสงครามกบั เชียงใหม่อีกคร้ัง เมื่อชนะกลบั มากไ็ ดต้ าแหน่งเป็ นพระสุริเย
นทรฤาไชย เจา้ เมืองกาญจนบุรี
ขนุ แผนมีภรรยาหลายคน คือ
๑. นางวนั ทอง มีลูกดว้ ยกนั คือ พลายงาม
๒. นางลาวทอง
๓. นางแกว้ กิริยา มีลูกดว้ ยกนั คือ พลายชุมพล
๔. นางสายทอง
๕. นางบวั คล่ี มีลูกดว้ ยกนั คือ กุมารทอง
๖
๒. ขนุ ชา้ ง
“ จะกล่าวถึงขนุ ชา้ งเม่ือรุ่นหนุ่ม หวั เหมือนนกตะกรุมลา้ นหนกั หนา
เคราคางขนอกรกกายา หนา้ ตาดงั ลิงค่างท่ีกลางไพร ”
ไดช้ ื่อวา่ ขนุ ชา้ งเพราะตอนคลอดน้นั มีผนู้ าชา้ งเผอื กมามอบใหส้ มเด็จพระพนั วษา พอ่ ช่ือ ขนุ ศรีวชิ ยั
แมช่ ื่อ นางเทพทอง มีฐานะร่ารวยมาก แมจ้ ะเกิดมาเป็นลูกเศรษฐี แต่กอ็ าภพั ถูกแม่เกลียดชงั เพราะอบั อายท่ี
มีลูกหวั ลา้ น พอเป็นหนุ่มก็ไดน้ างแก่นแกว้ เป็นภรรยา อยดู่ ว้ ยกนั ไดป้ ี กวา่ นางกต็ าย จึงหนั มาหมายปองนาง
พมิ พิลาไลย แต่งงานกบั นางสมใจปรารถนา
๗
๓. นางพิมพิลาไลย หรือ วนั ทอง
“ทรวดทรงส่งศรีไมม่ ีแมน้ อรชนออ้ นแอน้ ประหน่ึงเหลา
ผมสลวยสวยขาดาเป็ นเงา ใหช้ ื่อวา่ เจา้ พิมพลิ าไลย”
ชื่อเดิมนางพมิ พิลาไลย พอ่ ชื่อ พนั ศรโยธา แมช่ ่ือ นางศรีประจนั ต่อมารไดแ้ ตง่ งานกบั พลายแกว้ ซ่ึงภายหลงั
มีลูกชายดว้ ยกนั คือ พลายงาม คร้ันพลายแกว้ ไปทาสงคราม นางก็ป่ วยหนกั รักษาเทา่ ไรก็ไมห่ าย ขรัวตาจู วดั
ป่ าเลไลย ตรวจดูดวงชะตาและแนะนาใหเ้ ปลี่ยนช่ือเป็ น นางวนั ทอง อาการไขจ้ ึงหายต่อมานางถูกแม่บงั คบั
ใหแ้ ต่งงานใหม่กบั ขนุ ชา้ ง นางตอ้ งถูกประณามวา่ เป็นหญิงสองใจ เม่ือมีคดีฟ้องร้องถึงสมเดจ็ พระพนั วษา
และพระองคใ์ หน้ างเลือกวา่ จะอยกู่ บั ใคร แต่นางตดั สินใจไม่ถูกจึงถูกสง่ั ใหป้ ระหารชีวติ
๘
๔. พลายงาม
มีตาแหน่งทางราชการเป็นจม่ืนไวยวรนาถ ซ่ึงมกั เรียนกนั ส้ัน ๆ วา่ พระไวย หรือหม่ืนไวย เป็นลูก
ของขนุ แผนกบั นางวนั ทอง แตไ่ ปคลอดท่ีบา้ นของขนุ ชา้ ง เพราะนางถูกฉุดไปขณะที่ทอ้ งแก่ ทาใหข้ นุ ชา้ ง
เกลียดมาก จึงหลอกพลายงามไปฆา่ ในป่ า แต่โหงพรายของขนุ แผนมาช่วยไว้ นางวนั ทองจึงใหไ้ ปอยกู่ บั นาง
ทองประศรีท่ีกาญจนบุรี พลายงามไดเ้ รียนวชิ าจากตาราของพอ่ จนเช่ียวชาญ ตอ่ มาไดอ้ าสายกทพั ไปรบกบั
เชียงใหม่ เมื่อกลบั มาจากสงครามก็ไดต้ าแหน่งเป็ นจม่ืนไวยวรนาถ และมีภรรยาสองคน คือ นางศรีมาลา
และนางสร้อยฟ้า
๙
๕. นางลาวทอง
นางลาวทอง เป็นลูกของแสนคาแมน นายบา้ นจอมทอง แห่งเชียงใหม่ แม่ช่ือนางศรีเงินยวง พอ่ ยก
นางใหเ้ ป็นภรรยาของพลายแกว้ เพื่อตอบแทนบุญคุณท่ีกองทพั ของพลายแกว้ ไม่ไดร้ ุกรานผคู้ นในหมู่บา้ น
ใหเ้ ดือนร้อน พลายแกว้ พานางกลบั มาท่ีกรุงศรีอยธุ ยาดว้ ย เมื่อไดต้ าแหน่งขนุ แผนแสนสะทา้ นแลว้ ก็พานาง
ไปที่สุพรรณบุรี คร้ันไดพ้ บกบั นางวนั ทองก็โตเ้ ถียงกนั อยา่ งรุนแรง ขนุ แผนโกรธที่ถูกนางวนั ทองพูด
กา้ วร้าวล่วงเกิน จึงพานางลาวทองไปอยทู่ ี่กาญจนบุรี ต่อมานางป่ วยหนกั ขนุ แผนจึงออกจากวงั มาเยย่ี ม ทา
ใหข้ นุ ชา้ งมีโอกาสใส่ความขนุ แผน นางจึงถูกพรากเขา้ ไปอยใู่ นวงั ทาหนา้ ท่ีปักสะดึงกรึงไหม แต่เมื่อ
ขนุ แผนขออภยั โทษใหน้ างเป็นอิสระ สมเด็จพระพนั วษากไ็ มพ่ อใจสั่งจาคุกขนุ แผนไว้ นางลาวทองจึงตอ้ ง
พลดั พรากจากขนุ แผนเป็นเวลานานถึง ๑๖ ปี จนกระทง่ั ขุนแผนพน้ โทษจึงไดก้ ลบั มาอยดู่ ว้ ยกนั อีก
๑๐
๖. นางบวั คล่ี
นางบวั คลี่ เป็นลูกสาวของหม่ืนหาญกบั นางสีจนั ทร์ นางมีรูปโฉมงดงามราวกบั สาวชาววงั เจา้ เมือง
กรมการแห่งกาญจนบุรีรู้กิตติศพั ทค์ วามงามาของนางก็ส่งคนมาสู่ขอ แตพ่ ่อของนางไมย่ อมยกให้ เมื่อ
ขนุ แผนเดินทางไปเสาะหาของวเิ ศษ ๓ อยา่ ง คือ กมุ ารทอง ดาบ และมา้ ฝีเทา้ ดี ไดม้ าพบนางบวั คลี่เขา้ กม็ ี
ความพอใจ จึงฝากตวั เขา้ เป็นสมุนกบั พอ่ ของนาง และไดน้ างเป็นภรรยา จนนางต้งั ทอ้ ง ตอ่ มาพอ่ ของนาง
เห็นวา่ ขนุ แผนมีวชิ าอาคมเหนือกวา่ ก็เกรงวา่ จะถูกยดึ อานาจ จึงสงั่ ใหน้ างบวั คลี่วางยาพิษฆ่าขนุ แผนเสีย
นางกเ็ ชื่อฟังพอ่ ยอมกระทาตาม แตข่ นุ แผนรู้ตวั เสียก่อนกแ็ คน้ เคืองที่นางคิดไม่ซื่อ จึงแกลง้ ทาเป็นถูกพษิ
และไมส่ บาย คร้ันนางนอนหลบั ก็ใชม้ ีดผา่ ทอ้ งของนางควกั เอาลูกในทอ้ งออกมาทาพธิ ีปลุกเสกเป็นกมุ าร
ทอง
๑๑
๗. นางสายทอง
นางสายทอง เป็นพเี่ ล้ียงของนางพมิ พิลาไลย ไดเ้ ล้ียงดูอุม้ ชูกนั มาต้งั แต่เด็ก ๆ จึงมีความรักใคร่สนิทสนมกนั
มาก เหมือนเป็นพีน่ อ้ งกนั แท้ ๆ นางช่วยเป็นแมส่ ่ือใหพ้ ลายแกว้ กบั นางพมิ พิลาไลยรักกนั และรู้เห็นเป็นใจ
ใหค้ นท้งั สองแอบไปพบกนั หลายคร้ัง ต่อมานางก็ตกเป็นภรรยาของพลายแกว้ ดว้ ย นางสายทองเป็นเพื่อน
คอยปลอบใจยามท่ีนางพิมพลิ าไลยเศร้าโศก เพราะความอาลยั รักและห่วงไยพลายแกว้ ท่ีจากไปทาสงคราม
ในแดนไกล แต่นางไม่เคยมีโอกาสอยรู่ ่วมกบั พลายแกว้ อยา่ งใกลช้ ิดในฐานะสามีภรรยาเลย แมว้ า่ พลายแกว้
จะมีหนา้ ท่ีราชการสูงข้ึน ไดเ้ ป็นขนุ แผนแสนสะทา้ นและไดเ้ ล่ือนเป็นพระสุริเยนทรฤาไชย นางสายทองกย็ งั
อยกู่ บั นางศรีประจนั แมข่ องนางพิมพลิ าไลยเช่นเดิม
๑๒
๘. นางแกว้ กิริยา
นางแกว้ กิริยา เป็ นลูกของพระยาสุโขทยั กบั นางเพญ็ จนั ทร์ พอ่ พานางมาขายฝากใหเ้ ป็นทาสของ
ขนุ ชา้ งเพื่อนาเงินไปใชห้ น้ี ขนุ ชา้ งนึกเอ็นดูจึงเล้ียงนางไวเ้ ป็นเหมือนนอ้ งสาว คืนหน่ึงขนุ แผนแอบข้ึนบา้ น
ของขนุ ชา้ งเพ่ือลกั ตวั นางวนั ทองไป แต่เขา้ หอ้ งผดิ ไปเขา้ หอ้ งของนางแกว้ กิริยาและไดน้ างเป็นภรรยา ก่อน
จากกนั ขนุ แผนมอบแหวนให้นางไวด้ ูต่างหนา้ และใหเ้ งินไปไถ่ตวั จากขนุ ชา้ งดว้ ย ตลอดเวลานางเป็ นภรรยา
ท่ีดีและซ่ือสัตยต์ ่อขนุ แผนเสมอ ยามท่ีขนุ แผนมีเคราะห์ตอ้ งโทษถึงจาคุก นางกต็ ามไปคอยปรนนิบตั ิดูแลอยู่
จนพน้ โทษซ่ึงกินเวลาถึง ๑๕ ปี นางมีลูกชายกบั ขนุ แผนคือ พลายชุมพล
๑๓
๙. นางศรีมาลา
นางศรีมาลา เป็นลูกของพระพิจิตรกบั นางบุษบา นางเป็นหญิงที่งดงามท้งั รูปร่างหนนา้ ตา
กิริยามารยาท และงามน้าใจ นางไดพ้ บและรักกบั พลายงาม ตอนท่ีพลายงามกบั ขนุ แผนยกทพั ไปทาสงคราม
กบั เชียงใหม่แลว้ แวะเยยี่ มพอ่ แม่ของนาง หลงั จากเสร็จสงคราม นางไดแ้ ต่งงานกบั พลายงามพร้อมกบั นาง
สร้อยฟ้า นางไดร้ ับความรักจากพลายและนางทองประศรีมากกวา่ จึงทาใหน้ างสร้อยฟ้าอิจฉา นางสร้อยฟ้า
จึงทาเสน่ห์ใหพ้ ลายงามหลงใหลและเกลียดชงั นางศรีมาลา ทาใหน้ างปวดร้าวขมขื่นใจมากบางคร้ังก็ถูก
พลายงามทุบตีเพราะเชื่อที่นางสร้อยฟ้าใส่ความ คร้ันนางสร้อยฟ้าตอ้ งโทษประหารชีวติ นางศรีมาลากใ็ จ
อ่อน ช่วยขออภยั โทษให้ นางสร้อยฟ้าจึงเพียงแตถ่ ูกเนรเทศไป ตอ่ มานางศรีมาลาก็ใหก้ าเนิดลูกชาย ขนุ แผน
ต้งั ชื่อใหว้ า่ พลายเพชร
๑๔
๑๐. นางสร้อยฟ้า
นางสร้อยฟ้า เป็ นธิดาของพระเจา้ เชียงอินทร์ เจา้ เมืองเชียงใหม่กบั นางอปั สร นางสร้อยฟ้ามารูปโฉม
งดงามมาก แต่กิริยามารยาทไม่เรียบร้อย นิสยั ข้ีอิจฉา เมื่อเชียงใหมแ่ พส้ งคราม สมเดจ็ พระพนั วษากย็ กนาง
ใหแ้ ต่งงานกบั พลายงามพร้อมกบั นางศรีมาลา นางสร้อยฟ้าเจบ็ ใจที่พลายงามรักนางศรีมาลามากกวา่ จึงให้
เถรขวาดทาเสน่ห์ แลว้ แกลง้ หาเร่ืองใหน้ างศรีมาลาถูกพลายงามทุบตี ตอ่ มาพลอยชุมพลกแ็ กไ้ ขได้ หลงั จาก
ท่ีพิสูจนไ์ ดว้ า่ นางสร้อยฟ้าผดิ จริง กถ็ ูกสง่ั ใหป้ ระหารชีวติ แตน่ างออ้ นวอนใหน้ างศรีมาลาช่วย ขออภยั โทษ
โดยอา้ งอิงถึงลูกในทอ้ งที่จะตอ้ งตายไปกบั นางดว้ ย นางจึงเพยี งแตถ่ ูกเนรเทศไปอยทู่ ่ีเชียงใหมต่ ามเดิม ไม่
นานต่อมานางกค็ ลอดลูกชายชื่อ พลายยง
๑๕
๑๑. สมเด็จพระพนั วษา
สมเดจ็ พระพนั วษา เป็นพระมหากษตั ริยแ์ ห่งกรุงศรี ประเทศใกลเ้ คียงยอมอ่อนนอ้ ม เพราะยาเกรง
บารมี
๑๖
๑๒. ขนุ ไกร
ขนุ ไกรพลพา่ ย แตง่ งานกบั นางทองประศรี แลว้ มีลูกชายดว้ ยกนั ชื่อ พลายแกว้ ขนุ ไกรมีความรู้ทางคง
กระพนั ชาตรี รับราชการทหารมีไพร่พลในบงั คบั บญั ชา ๗๐๐ คน คราวหน่ึงสมเด็จพระพนั วษาประสงคจ์ ะ
ล่าควายป่ า ส่ังใหข้ นุ ไกรปลูกสร้างพลบั พลา และตอ้ นควายป่ าเขา้ คอกเตรียมไว้ แตค่ วายป่ าเหล่าน้นั พากนั
แตกตื่นไม่ยอมเขา้ คอก และยงั ไล่ขวดิ คนอีกดว้ ย ขนุ ไกรจึงควา้ หอกไล่แทงควายตายไปมากมาย ที่เหลือก็
หนีเขา้ ป่ าไป สมเด็จพระพนั วษาโกรธ หาวา่ ขุนไกรแกลง้ แทงควายเล่นสั่งใหป้ ระหารชีวติ ขนุ ไกรเสีย แลว้
ใหร้ ีบทรัพยส์ มบตั ิท้งั หมด รวมท้งั ภรยา ลูกและขา้ ทาสบริวารดว้ ยขนุ ไกรเป็นห่วงภรรยาและลูกจึงขอร้อง
ใหเ้ พ่ือนสนิทคือ หลวงฤทธานนทไ์ ปส่งขา่ วดว้ ย นางทองประศรีจึงพาลูกหนีไปไดก้ ่อนที่พวกทหารจะไป
จบั กมุ ตวั
๑๗
๑๓. นางทองประศรี
นางทองประศรี เดิมเป็ นชาวบา้ นวดั ตะไกร พอแต่งงานกบั ขนุ ไกรพลพา่ ยกย็ า้ ยไปอยกู่ ินดว้ ยกนั ท่ี
สุพรรณบุรี แลว้ ใหก้ าเนิดลูกชายคนหน่ึง คือ พลายแกว้ นางเป็นหญิงที่มีน้าใจเดด็ เดี่ยว ทรหดอดทน แต่
ปากร้าย ในคราวท่ีขนุ ไกรผเู้ ป็นสามีประสบเคราะห์กรรมถึงถูกประหารชีวติ นางทองประศรีรู้ขา่ วแลว้ กร็ ีบ
พาลูกหนีระหกระเหินเขา้ ป่ ามุง่ หนา้ ไปหาญาติของขนุ ไกรที่กาญจนบุรี แลว้ กต็ ้งั หนา้ ต้งั ตาทามาหากินอยา่ ง
ขยนั ขนั แขง็ คอ่ ยเกบ็ หอมรอมริม จนมีฐานะดีข้ึน และเล้ียงดูลูกชายคนเดียวอยา่ งเอาใจใส่คอยอบรมส่ังสอน
ใหเ้ ป็นคนดีอยเู่ สมอ
๑๘
๑๔. นางศรีประจนั
นางศรีประจนั เป็ นแม่ของนางพิมพิลาไลยหรือนางวนั ทองนน่ั เอง นางเป็ นคนปากจดั ด่าเก่ง และเอา
แตใ่ จตนเอง ขนุ ชา้ งมาบอกข่าววา่ พลายแกว้ ตาย และขวู่ า่ นางวนั ทองจะตอ้ งถูกจบั กมุ ตวั เขา้ วงั เป็ นมา่ ยหลวง
นอกจากรีบแตง่ งานใหมเ่ สีย แลว้ ขนุ ชา้ งกเ็ อาเงินทองมีคา่ มาล่อใจ นางศรีประจนั จึงคิดใหน้ างวนั ทอง
แตง่ งานกบั ขนุ ชา้ ง แมว้ า่ นางวนั ทองกบั คนอ่ืนๆ จุพยายามคดั คา้ นแต่นางศรีประจนั ใสใจ บงั คบั ใหน้ างวนั
ทองแต่งงานใหม่กบั ขนุ ชา้ งจนได้ การกระทาของนางทาใหล้ ูกสาวตอ้ งมีสามีถึงสองคน และมีเหตุวุน่ วาย
แยง่ ตวั นางวนั ทองกนั ผลสุดทา้ ยนางวนั ทองถูกประหารชีวติ
๑๘
๑๕. พลายชุมพล
พลายชุมพล เป็นลูกของขนุ แผนกบั นางแกว้ กิริยา เป็ นนอ้ งของพลายงาม เมื่อขนุ แผนเป็นเจา้ เมือง
กาญจนบุรี นางทองประศรีก็ขอมาเล้ียงไวท้ ่ีกรุงศรีอยธุ ยาต้งั แต่เดก็ ๆ คร้ันเกิดเร่ืองหึงหวงกนั ระหวา่ งนางศรี
มาลากบั นางสร้อยฟ้า พลายชุมพลกห็ นีไปหาพอ่ แมท่ ่ีกาญจนบุรี แลว้ หนีต่อไปหายายที่สุโขทยั ไดบ้ วชเณร
และเรียนวชิ าล่องหนหายตวั ดาดิน เสกหุ่นหญา้ อยยู่ งคงกระพนั สาเร็จวชิ าแลว้ ก็สึกจากเณรปลอมตวั เป็ น
มอญ ใชช้ ่ือวา่ สมิงมตั รา ยกทพั หุ่นหญา้ เสกมาสมทบกบั ขนุ แผนเพอ่ื จบั ตวั พลายงาม พลายงามรู้ตวั รีบหนี
ไปฟ้องสมเดจ็ พระพนั วษา พระองคจ์ ึงเรียกตวั มาสอบถามแลว้ มอบใหพ้ ลายชุมพลสืบหาคนทาเสน่ห์จน
สามารถแกไ้ ขไดส้ าเร็จ ต่อมาก็อาสาไปปราบเถรขวาดซ่ึงแปลงเป็นจระเขม้ าอาละวาดฆา่ คน และจบั ตวั เถร
ขวาดไดส้ มเด็จพระพนั วษาจึงแต่งต้งั ให้เป็นหลวงนายฤทธ์ิ
๒๐
๑๖. กมุ ารทอง
กุมารทอง คือ ผเี ด็ก ซ่ึงเป็นลูกของขนุ แผนกบั นางบวั คล่ี เม่ือขนุ แผนรู้ตวั วา่ นางบวั คลี่วางยาพษิ ฆา่ ตน
ก็ท้งั รักท้งั แคน้ พอนางนอนหลบั กใ็ ชม้ ีดผา่ ทอ้ งแลว้ อุม้ เด็กในทอ้ งของนางไปทาพิธียา่ งไฟใหแ้ หง้ สนิทใน
โบสถพ์ ระประธาน ปลุกเสกดว้ ยคาถาอาคมขลงั จนลุกข้ึนนงั่ ได้ ขนุ แผนต้งั ชื่อวา่ กมุ ารทอง กมุ ารทองน้ี
ติดตามขนุ แผนไปทุกหนทุกแห่ง โดยไม่มีใครมองเห็นตวั คอยรายงานเหตุการณ์ตา่ ง ๆ ใหข้ นุ แผนรู้อยูเ่ สมอ
บางคร้ังกแ็ ปลงร่างเป็ นคนไดอ้ ีกดว้ ย เช่น คราวที่พลายชุมพลหนียา่ ไปหาพอ่ แมท่ ่ีกาญจนบุรี กมุ ารทองก็
แปลงร่างเป็นเดก็ เดินไปเป็นเพ่อื นชวนคุย ชวนชมนกชมไมใ้ หเ้ พลิดเพลิน จนถึงบา้ นของขนุ แผนอยา่ ง
ปลอดภยั
๒๑
เรื่องยอ่ ฉบบั เตม็
เร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผนเขียนข้ึนโดยมีเคา้ โครงเร่ืองจริง ตามหนงั สือคาใหก้ ารชาวกรุงเก่า กล่าววา่ มีกษตั ริยใ์ น
สมยั กรุงศรีอยธุ ยาพระองคห์ น่ึง ทรงพระนามวา่ พระพนั วษา คร้ังหน่ึงเกิดสงครามกบั นครเชียงใหม่
เนื่องจากพระเจา้ โพธิสารราชกมุ าร เจา้ เมืองเชียงใหม่ ไมช่ อบท่ีพระเจา้ กรุงศรีสัตนาคนหุตลานชา้ ง มาเป็น
มิตรกบั อยธุ ยา จึงยกทพั มาแยง่ ชิงพระธิดาแห่งลานชา้ งไป พระพนั วษาทรงพระพิโรธ จึงมีราชโองการส่ังให้
เตรียมทพั และตรัสกบั พระหม่ืนศรีมหาดเล็ก ใหเ้ ลือกทหารที่มีฝีมือมารบ ซ่ึงในบดั น้นั ผทู้ ่ีจะเก่งกลา้ เกินกวา่
ขนุ แผนน้นั ไมม่ ี แต่พระหม่ืนศรีมหาดเล็กทูลพระพนั วษาวา่ ขนุ แผนยงั อยใู่ นคุก พระพนั วษาก็ทรงระลึกได้
ถึงขนุ แผนที่ถูกจองจาอยใู่ นคุก จึงทรงพระกรุณาโปรดให้ขนุ แผนพน้ โทษโดยเร็ว และแตง่ ต้งั ขนุ แผนเป็น
แม่ทพั ออกรบ ก่อนที่ขุนแผนจะออกรบไดแ้ วะท่ีเมืองพจิ ิตร เพอื่ รับดาบและมา้ วเิ ศษประจาตวั ขนุ แผน (ดาบ
ฟ้าฟ้ื นและมา้ สีหมอก) ที่ฝากไวก้ บั พระพิจิตร และขนุ แผนกส็ ามารถตีกองทพั เชียงใหม่จนแตกพา่ ย ใน
คาใหก้ ารชาวกรุงเก่า มีเรื่องขุนชา้ งขนุ แผนปรากฏอยเู่ ท่าน้ี เห็นไดว้ า่ ไม่ตรงกบั เรื่องขนุ ชา้ งขนุ แผนที่เราขบั
เสภากนั อยู่ เพราะเร่ืองน้ีนามาเล่าเป็นนิทานนานมาแลว้ และยงั แตง่ เป็นกลอนเสภาอีก สันนิษฐานไดว้ า่ คงมี
การตกแต่งเรื่องใหแ้ ปลกสนุกสนานและยาวยงิ่ ข้ึน
๒๒
ขนุ ชา้ งขนุ แผน
ณ เมืองสุพรรณบุรี กล่าวถึงครอบครัวสามครอบครัว คือ ครอบครัวของขนุ ไกรพลพา่ ย รับราชการทหาร มี
ภรรยาช่ือ นางทองประศรี มีลูกชายดว้ ยกนั ชื่อพลายแกว้ ครอบครัวของขนุ ศรีวชิ ยั เศรษฐีใหญ่ของเมือง
สุพรรณบุรี รับราชการเป็นนายกองกรมชา้ งนอก ภรรยาชื่อนางเทพทอง มีลูกชายช่ือขนุ ชา้่ ง ซ่ึงหวั ลา้ นมาแต่
กาหนิด และครอบครัวของพนั ศร โยธาเป็นพอ่ คา้ ภรรยาชื่อ ศรีประจนั มีลูกสาวรูปร่างหนา้ ตางดงามช่ือ
พมิ พลิ าไลย
วนั หน่ึงสมเดจ็ พระพนั วษา มีความประสงคจ์ ะล่าควายป่ า จึงสั่งใหข้ นุ ไกรปลูกพลบั พลาและตอ้ นควาย
เตรียมไว้ แต่ควายป่ าเหล่านั้นั แตกต่ืนไมย่ อมเขา้ คอก ขนุ ไกรจึงใชห้ อกแทงควายตายไปมากมาย ที่รอชีวติ ก็
หนีเขา้ ป่ าไป สมเด็จพระพนั วษาโกรธมากสงั่ ใหป้ ระหารชีวติ ขนุ ไกรเสีย นางทองประศรีรู้ขา่ วรีบพาพลาย
แกว้ หนีไปอยเู่ มืองกาญจนบุรี
ทางเมืองสุพรรณบุรี มีพวกโจรจนั ศรข้ึนปลน้ บา้ นของขนุ ศรีวชิ ยั และฆา่ ขนุ ศรีวชิ ยั ตาย ส่วนพนั ศร โยธา
เดินทางไปคา้ ขายต่างเมือง พอกลบั มาถึงบา้ นก็เป็นไขป้ ่ าตาย
เม่ือพลายแกว้ อายไุ ด้ ๑๕ ปี ก็บวชเณรเรียนวชิ าอยทู่ ี่วดั ส้มใหญ่ แลว้ ยา้ ยไปเรียนต่อท่ีวดั ป่ าเลไลย ต่อมาท่ีวดั
ป่ าเลไลยจดั ใหม้ ีเทศนม์ หาชาติ เณรพลายแกว้ เทศนก์ ณั ฑม์ ทั รี ซ่ึงนางพมิ พิลาไลยเป็นเจา้ ของกณั ฑเ์ ทศน์
นางพมิ พลิ าไลยเล่ือมใสมากจนเปล้ืองผา้ สไบบูชากณั ฑเ์ ทศ์ ขนุ ชา้ งเห็นเช่นน้นั ก็เปล้ืองผา้ ห่มของตนวาง
เคียงกบั ผา้ สไบของนางพิมพิลาไลย อธิฐานขอใหไ้ ดน้ างเป็นภรรยา ทาใหน้ างพิมพลิ าไลยโกรธมาก ต่อมา
เณรพลพลายแกว้ ก็สึก แลว้ ใหน้ างทองประศรีมาสู่ขอนางพมิ พลิ าไลยและแต่งงานกนั
๒๓
ทางกรุงศรีอยธุ ยาไดข้ า่ ววา่ กองทพั เชียงใหม่ตีไดเ้ มืองเชียงทอง ซ่ึงเป็นเมืองข้ึนของกรุงศรีอยธุ ยา สมเดจ็ พระ
พนั วษาจึงถามหาเช้ือสายของขนุ ไกร ขนุ ชา้ งซ่ึงเขา้ ไปรับราชการอยจู่ ึงเล่าเร่ืองราวความเก่งกลา้ สามารถของ
พลายแกว้ เพือ่ หวงั จะพรากพลายแกว้ ไปใหไ้ กลนางพมิ พลิ าไลย สมเดจ็ พระพนั วษาจึงใหไ้ ปตามตวั มา แลว้
แตง่ ต้งั ให้เป็นแมท่ พั ไปรบกบั เมืองเชียงใหม่และไดร้ ับชยั ชนะ นายบา้ นแสนคาแมนแห่งหมู่บา้ นจอมทอง
เห็นวา่ พลายแกว้ กบั พวกทหารไม่ไดเ้ บียดเบียนใหช้ าวบา้ นเดือดร้อน จึงยกนางลาวทองลูกสาวของตนให้
เป็ นภรรยาของพลายแกว้
ส่วนนางพมิ พิลาไลยเมื่อสามีไปทพั ไดไ้ มน่ านกป็ ่ วยหนกั รักษาเทา่ ไรกไ็ ม่หาย ขรัวตาจูวดั ป่ าเลไลยแนะนา
ใหเ้ ปล่ียนชื่อเป็นวนั ทอง อาการไขจ้ ึงหาย ขนุ ชา้ งทาอุบายนาหมอ้ ใส่กระดูกไปใหน้ างศรีประจนั กบั นางวนั
ทองดูวา่ พลายแกว้ ตายแลว้ และข่วู า่ นางวนั ทองจะตอ้ งถูกคุมตวั ไวเ้ ป็ นมา่ ยหลวงตามกฏหมาย นางวนั ทอง
ไม่เช่ือ
แต่นางศรีประจนั คิดวา่ จริง ประกอบกบั เห็นวา่ ขนุ ชา้ งเป็ นเศรษฐีจึงบงั คบั ให้นางวนั ทองแต่งงานกบั ขนุ ชา้ ง
นางวนั ทองจาตอ้ งตามใจแม่ แต่นางไมย่ อมเขา้ หอ
๒๔
ขณะน้นั พลายแกว้ กลบั มาถึงกรุงศรีอยธุ ยาและไดบ้ รรดาศกั ด์ิเป็นขนุ แผนแสนสะทา้ น จากน้นั ก็พานางลาว
ทองกลบั สุพรรณบุรี นางวนั ทองเห็นขนุ แผนพาภรรยาใหม่มาดว้ ยกโ็ กรธด่าทอโตต้ อบกบั นางลาวทองและ
ลืมตวั พดู กา้ วร้าวขุนแผน ทาใหข้ นุ แผนโมโหพานางลาวทองไปอยทู่ ่ีกาญจนบุรี ส่วนนางวนั ทองก็ตกเป็น
ภรรยาของขนุ ชา้ งอยา่ งจาใจ
ต่อมาขนุ ชา้ งและขนุ แผนเขา้ ไปรับการอบรมในวงั และไดเ้ ป็นมหาดเลก็ เวรท้งั ๒ คน วนั หน่ึงนางทองประ
ศรีใหค้ นมาส่งขา่ ววา่ นางลาวทองป่ วยหนกั ขนุ แผนจึงฝากเวรไวก้ บั ขนุ ชา้ งแลว้ ไปดูอาการของนางลาวทอง
ตอนเชา้ สมเด็จพระพนั วษาถามถึงขนุ แผนขนุ ชา้ งบอกวา่ ขุนแผนปี นกาแพงวงั หนีไปหาภรรยา สมเดจ็ พระ
พนั วษาโกรธตรัสใหข้ นุ แผนตระเวนด่านท่ีกาญจนบุรี หา้ มเขา้ เฝ้าและริบนางลาวทองเขา้ เป็นมา่ ยหลวง
ขนุ แผนไดท้ ราบเร่ืองก็โกรธขนุ ชา้ ง คิดจะแกแ้ คน้ แต่ยงั มีกาลงั ไม่พอ จึงออกตระเวนป่ าไปโดยลาพงั คิดจะ
หาอาวธุ มา้ และ กุมารทอง สาหรับป้องกนั ตวั ไดต้ ระเวนไปจนถึงถ่ินของหม่ืนหาญนกั เลงใหญ่ ไดเ้ ขา้
สมคั รเขา้ ไปอยดู่ ว้ ย เพราะหวงั จะไดบ้ วั คล่ีลูกสาวของหม่ืนหาญ ไดท้ าตวั นอบนอ้ มและต้งั ใจทางานเป็น
อยา่ งดีจนเป็นท่ีรักใคร่ของหม่ืนหาญถึงกบั ออกปากยกลูกสาวใหแ้ ต่งงานดว้ ย พอไดแ้ ต่งงานกบั บวั คล่ีแลว้
ขนุ แผนกไ็ มย่ อมทางานร่วมกบั หมื่นหาญ ทาใหห้ ม่ืนหาญโกรธคิดฆ่าขุนแผน เพราะขนุ แผนอยยู่ งคงกระพนั
จึงใหบ้ วั คล่ีใส่ยาพษิ ลงในอาหารใหข้ นุ แผนกิน แตผ่ พี รายมาบอกใหร้ ู้ตวั ขนุ แผนจึงทาอุบายเป็นไขไ้ ม่ยอม
กินอาหารแลว้ ออกปากขอลูกจากบวั คลี่ นางไมร่ ู้ความหมายก็ออกปากยกลูกใหข้ นุ แผน พอกลางคืนขณะที่
๒๕
บวั คลี่นอนหลบั ขนุ แผนก็ผา่ ทอ้ งนางแลว้ นาลูกไปทาพธิ ีตอนเชา้ หม่ืนหาญและภรรยารู้วา่ ลูกสาวถูกผา่ ทอ้ ง
ตายกต็ ิดตามขนุ แผนไป แตก่ ็สู้ขนุ แผนไมไ่ ด้ ขนุ แผนเสกกมุ ารทองสาเร็จ จึงออกเดินทางตอ่ ไป
แลว้ ไปหาช่างตีดาบ หาเหล็ก และเคร่ืองใชต้ ่าง ๆเตรียมไวต้ ้งั พธิ ีตีดาบจนสาเร็จ ดาบน้ีใหช้ ื่อวา่ ดาบฟ้าฟ้ื น
ใชเ้ ป็นอาวธุ ต่อไป
หลงั จากน้นั เดินทางไปหามา้ ไดไ้ ปพบคณะจดั ซ้ือมา้ หลวง ไดเ้ ห็นลูกมา้ ลูกมา้ ตวั หน่ึงมีลกั ษณะถูกตอ้ งตาม
ตารากช็ อบใจ ไดอ้ อกปากซ้ือ เจา้ หนา้ ที่กข็ ายใหใ้ นราคาถูก ขนุ แผนจึงเสกหญา้ ใหม้ า้ กิน และนามาฝึกจน
เป็นมา้ แสนรู้ใหช้ ่ือวา่ มา้ สีหมอก
๒๖
เมื่อไดก้ มุ ารทอง ดาบฟ้าฟ้ื นและมา้ สีหมอกครบตามความต้งั ใจแลว้ ก็เดินทางกลบั บา้ น คิดจะไปแกแ้ คน้ ขนุ
ชา้ ง นางทองประศรีมารดาหา้ มปรามกไ็ ม่ฟัง ไดเ้ ดินทางออกจากกาญจนบุรีไปยงั สุพรรณบุรีข้ึนเรือนขนุ ชา้ ง
ไดน้ างแกว้ กิริยาลูกสาวพระยาสุโขทยั ท่ีนามาเป็นตวั จานาไวใ้ นบา้ นขนุ ชา้ งเป็ นภรรยา แลว้ พาวนั ทองหนี
ออกจากบา้ น
ขนุ ชา้ งต่ืนไดอ้ อกติดตามแต่ตามไมท่ นั ไดไ้ ปทูลฟ้องสมเดจ็ พระพนั วษาใหก้ องทพั ออกติดตามขนุ แผน
ขนุ แผนไม่ยอมกลบั ไดต้ ่อสู้กบั กองทพั ทาใหข้ นุ เพชร ขนุ รามถึงแก่ความตาย กองทพั ตอ้ งถอยกลบั กรุง
ขนุ แผนจึงกลายเป็นกบฏ ตอ้ งเท่ียวเร่ร่อนอยใู่ นป่ า
๒๗
จนนางวนั ทองต้งั ทอ้ งแก่ใกลค้ ลอด ขนุ แผนสงสารกลวั นางจะเป็นอนั ตรายจึงยอมเขา้ มอบตวั กบั พระพิจิตร
พระพิจิตรไดส้ ่งตวั เขา้ สู้คดีในกรุง ขนุ แผนชนะคดีและไดน้ างวนั ทองคืน ขนุ แผนมีความคิดถึงลาวทอง ได้
ขอใหห้ ม่ืนศรีช่วยขอให้ ขนุ แผนถูกกริ้ว และถูกจาคุก แกว้ กิริยาจึงตามไปปรนนิบตั ิในคุก
วนั หน่ึงขณะท่ีนางวนั ทองมาเยย่ี มขนุ แผน ขนุ ชา้ งไดม้ าฉุดนางวนั ทองไปจนนางวนั ทองคลอดลูก
ใหช้ ่ือวา่ พลายงาม
เมื่อขนุ ชา้ งรู้วา่ ไม่ใช่ลูกของตวั เองจึงหลอกพลายงามไปฆ่าในป่ า แตผ่ พี รายของขนุ แผนช่วยไว้ นางวนั ทอง
บอกความจริงและไดใ้ หพ้ ลายงามเดินทางไปอยกู่ บั ยา่ ทองประศรีที่กาญจนบุรี พลายงามอยกู่ บั ยา่ จนโต ได้
บวชเป็นเณรและเล่าเรียนวชิ าความรู้เก่งกลา้ ท้งั เวทมนตร์ คาถา และการสงคราม
เมื่อมีโอกาสขนุ แผนไดใ้ หห้ ม่ืนศรีนาพลายงามเขา้ ถวายตวั เป็นมหาดเล็ก เมื่อมีศึกเชียงใหม่ พลายงามได้
อาสาออกรบและทูลขอประทานอภยั โทษใหพ้ อ่ เพื่อไปรบ ขนุ แผนและนางลาวทองจึงพน้ โทษ ขณะที่
เดินทางไปทาสงครามน้นั ผา่ นเมืองพจิ ิตร ขนุ แผนจึงแวะเยยี่ มพระพิจิตร เม่ือพลายงามไดพ้ บนางศรีมาลาลูก
สาวพระพิจิตรกห็ ลงรัก จึงไดล้ อบเขา้ หานาง ขนุ แผนจึงทาการหม้นั หมายไว้ เมื่อชนะศึก พระเจา้ เชียงใหม่
ไดส้ ่งสร้อยทอง และสร้อยฟ้ามาถวาย พระพนั วษาไดแ้ ตง่ ต้งั ขนุ แผนเป็นพระสุรินทรลือไชยมไหสูรยภ์ กั ดี
ไปร้ังเมืองกาญจนบุรี และไดแ้ ตง่ ต้งั พลายงามเป็น จม่ืนไวยวรนาถ และประทานสร้อยฟ้าใหแ้ ก่พลาย
๒๘
งาม จากน้นั ก็ทรงจดั งานแต่งงานใหก้ บั พลายงามขณะท่ีทาพธิ ีแต่งงานขนุ ชา้ งไดว้ วิ าทกบั พลายงาม ขนุ ชา้ ง
ไดท้ ูลฟ้อง จึงโปรดใหม้ ีการชาระความโดนการดาน้า
พิสูจน์ ขนุ ชา้ งแพค้ วาม พระพนั วษาโปรดใหป้ ระหารชีวติ แต่พระไวยขอชีวติ ไว้ ต่อมาพระไวยมีความคิดถึง
แม่จึงไปรับนางวนั ทองมาอยูด่ ว้ ย ขนุ ชา้ งติดตามไป แตพ่ ระไวยไมย่ อมใหข้ นุ ชา้ งจึงถวายฎีกา พระพนั วษา
จึงตรัสใหน้ างวนั ทองเลือกวา่ จะอยกู่ บั ใคร นางมีความลงั เล เลือกไมไ่ ดว้ า่ จะอยกู่ บั ใคร พระพนั วษาทรง
โกรธจึงรับส่ังใหป้ ระหารชีวติ แมพ้ ระไวยจะขออภยั โทษไดแ้ ลว้ แตด่ ว้ ยเคราะห์ของนางวนั ทอง ทาให้
เพชรฆาตเขา้ ใจผดิ จึงประหารนางเสียก่อน
เม่ือจดั งานศพนางวนั ทองแลว้ ขนุ แผนไดเ้ ล่ือนเป็นพระกาญจนบุรี นางสร้อยฟ้าไดใ้ หเ้ ถรขวาดทาเสน่ห์ให้
พระไวยหลงใหลนางและเกลียดชงั นางศรีมาลา พระกาญจนบุรีมาเตือน พระไวยโกรธลาเลิกบุญคุณกบั พอ่
ทาใหพ้ ระกาญจนบุรีโกรธ คบคิดกบั พลายชุมพลลูกชายซ่ึงเกิดจากนางแกว้ กิริยาปลอมเป็นมอญยกทพั มาตี
กรุงศรีอยธุ ยา หวงั จะใหพ้ ระไวยออกต่อสู้ จะไดแ้ กแ้ คน้ ไดส้ าเร็จ พระไวยรู้ตวั เพราะผเี ปรตนางวนั ทองมา
บอก พระพนั วษาทรงทราบเรื่องโปรดใหม้ ีการไตส่ วน
๒๙
พลายชุมพลพสิ ูจนไ์ ดว้ า่ นางสร้อยฟ้ากบั เถรขวาดไดท้ าเสน่ห์จริงแต่นางสร้อยฟ้าไมร่ ับ จึงมีการพิสูจน์โดย
การลุยไฟ สร้อยฟ้าแพ้ พระพนั วษาสง่ั ใหป้ ระหาร แตน่ างศรีมาลาทูลขอไว้ นางสร้อยฟ้าจึงถูกเนรเทศ
กลบั ไปเชียงใหม่ และคลอดลูกช่ือ พลายยง
ต่อมานางศรีมาลาก็คลอดลูกชาย ขนุ แผนจึงต้งั ชื่อใหว้ า่ พลายเพชร เถรขวาดมีความแคน้ พลายชุมพล จึง
ปลอมเป็นจระเขไ้ ล่กดั กินคนมาจากทางเหนือหวงั จะแกแ้ คน้ พลายชุมพล พระพนั วษาโปรดใหพ้ ลายชุมพล
ไปปราบ จระเข้
เถรขวาดสู้ไม่ไดถ้ ูกจบั ตวั มาถวายพระพนั วษา และถูกประหารในท่ีสุด พลายชุมพลไดร้ ับแต่งต้งั เป็ นหลวง
นายฤทธ์ิ เหตุการณ์ร้ายแรงผา่ นไป ทุกคนกอ็ ยอู่ ยา่ งมีความสุข
๓๐
เร่ืองย่อ ตอนขนุ ช้างถวายฎกี า
ฝ่ ายพลายงาม เม่ือชนะความขนุ ชา้ งแลว้ กอ็ ยมู่ าดว้ ยความสุข แตม่ าคิดวา่ ยงั ขาดแต่มารดา เห็นวา่ ไม่ควรคู่กบั ขนุ ชา้ ง
แลว้ คิดวา่ จะรับแม่กลบั มาอยกู่ บั ขนุ แผน พอตกค่าจึงออกเดินทางไปบา้ นขนุ ชา้ ง สะกดผคู้ น ภูตพราย และแกอ้ าถรรพณ์
แลว้ สะเดาะกลอน เขา้ ไปถึงช้นั สามหอ้ งนอน ถอนสะกดนางวนั ทอง แลว้ เจรจากนั พระไวยแจง้ วา่ จะมารับนางวนั ทอง
กลบั ไปบา้ น นางวนั ทองแนะนาใหน้ าเรื่องข้ึนกราบทูลพระพนั วษา พลายงามไม่เห็นดว้ ยและจะพาไปใหไ้ ด้ นางวนั ทองจน
ใจจึงยอมไปกบั พระไวย ขนุ ชา้ งต่ืนข้ึนไม่พบนางวนั ทอง ใหบ้ ่าวไพร่คน้ หาไม่พบ ฝ่ ายพลายงามไดค้ ิดวา่ ถา้ ขนุ ชา้ งรู้วา่ ลกั
นางวนั ทองมา ก็คงจะนาความข้นึ กราบทูลสมเดจ็ พระพนั วษา มารดาก็จะตอ้ งโทษ คิดแลว้ จึงใหห้ มื่นวเิ ศษผล ไปหาขนุ ชา้ ง
ที่บา้ น ช่วยไกล่เกลี่ยเร่ืองราว อยา่ ใหข้ นุ ชา้ งโกรธ ดว้ ยเป็ นคนที่เคยชอบพอกนั โดยใหบ้ อกขนุ ชา้ งวา่ ตนจบั ไขอ้ ยหู่ ลายวนั
เกรงวา่ แมไ่ ม่ทนั จะเห็นหนา้ จึงใหค้ นไปพาแมม่ า พอใหต้ นหายไขแ้ ลว้ จะส่งมารดาคนื กลบั ไป หมื่นวเิ ศษรบั คาแลว้ ก็รีบ
ไปบา้ นขนุ ชา้ ง แจง้ เร่ืองตามที่พระไวยสง่ั มาทุกประการ ขนุ ชา้ งไดฟ้ ังกท็ ้งั โกรธและแคน้ เมื่อขม่ ความโกรธแลว้ กต็ อบไปวา่
ไมเ่ ป็ นไรเรื่องการเจบ็ ไข้ ถา้ ขดั สนส่ิงไรก็ขอใหม้ าเอาท่ีตนได้ วา่ แลว้ กป็ ิ ดหนา้ ต่างใส่ ดว้ ยความเดือดดาลและแคน้ ใจ ฝ่ าย
ขนุ ชา้ งร่างฟ้องเสร็จแลว้ กม็ าที่วงั ใน รออยทู่ ่ีใตต้ าหนกั น้า พอสมเด็จพระพนั วษาเสดจ็ กลบั วงั ทางเรือตอนจวนค่า ขนุ ชา้ งก็
ลงลอยคอเขา้ ถวายฎีกา สมเด็จพระพนั วษาเห็นเขา้ ก็ทรงพระพโิ รธ ใหร้ ับฎีกาไว้ แลว้ เอาตวั ไปเฆ่ียนสามสิบที จากน้นั ให้
ต้งั กฤษฎีกาวา่ ต้งั แตน่ ้ีไป ถา้ ใครปล่อยใหใ้ ครเขา้ มาในลอ้ มวง ตอ้ งระวางโทษเจด็ สถาน ถึงประหารชีวติ ฝ่ ายขนุ แผนไดอ้ ยู่
กบั นางแกว้ กิริยา และนางลาวทองมาดว้ ยความผาสุข ตกกลางคืนคดิ ถึงนางวนั ทอง จึงออกเดินมาท่ีหอ้ งนางวนั ทอง ที่เรือน
พระไวย ปลุกนางข้ึนมาสนทนาดว้ ย ไดพ้ ร่าราพนั ถึงความหลงั ที่ตกทุกขไ์ ดย้ ากดว้ ยกนั มา นางวนั ทองแนะนาขนุ แผน ให้
นาความข้ึนเพด็ ทูลพระพนั วษา และไม่ยอมตกเป็ นของขนุ แผน พอตกดึกกฝ็ ันไปวา่ ถกู พยคั ฆต์ ะครุบ คาบตวั ไปในป่ า
ตกใจต่ืน แกฝ้ ันใหข้ นุ แผนฟัง ขนุ แผนไดฟ้ ังกใ็ จหาย รู้วา่ ฝันร้ายมีอนั ตราย วนั รุ่งข้ึน สมเดจ็ พระพนั วษาเสดจ็ ออกวา่
ราชการ เห็นขนุ ชา้ งเขา้ เฝ้าอยู่ จึงตรัสวา่ เรื่องนางวนั ทองไมร่ ู้จบ เมื่อคร้ังก่อน เรื่องตกหนกั ที่นางศรีประจนั ก็ตดั สินไปอยู่
กบั ขนุ แผน แต่ทาไมกลบั มาอยกู่ บั ขนุ ชา้ ง แลว้ ใหห้ มื่นศรีไปเอาตวั นางวนั ทอง ขนุ แผนและพระไวยมาเฝ้า ท้งั สามคนไดฟ้ ัง
ความก็ตกใจ ขนุ แผนจึงจดั การช่วยเหลือนางวนั ทองดว้ ยเวทมนตร์ แลว้ จึงพากนั ไปเขา้ เฝ้าสมเดจ็ พระพนั วษาจึงตรัสถาม
นางวนั ทอง ถึงเรื่องราวแตห่ นหลงั นางวนั ทองก็กราบทูลใหท้ รงทราบ เม่ือทรงทราบแลว้ ก็กริ้วขนุ ชา้ งเป็ นกาลงั แลว้ ตรัส
ถามนางวนั ทองตอ่ ไปวา่ เวลาลว่ งไปแลว้ ถึงสิบแปดปี แตท่ าไมวนั น้ีจึงมาได้ นางวนั ทองก็กราบทูลวา่ พระไวยไปรับเมื่อ
ตอนกลางคืน สมเดจ็ พระพนั วษาไดฟ้ ัง กท็ รงขนุ่ เคืองพระไวย ท่ีทาตามอาเภอใจเพราะแยง่ ชิงนางวนั ทองกนั จึงใหน้ างวนั
ทองตดั สินใจวา่ จะอยกู่ บั ใคร หรือถา้ ไม่อยากอยกู่ บั ท้งั สองคน จะเลือกอยกู่ บั ลกู ก็ได้ นางวนั ทองเมอื่ ถึงคราวจะสิ้นอายุ ไม่
สามารถตดั สินใจได้ จึงกราบทูลเป็ นกลางไป หวงั จะใหส้ มเดจ็ พนะพนั วษาตดั สินใหส้ มเดจ็ พระพนั วษาไดท้ รงฟังนางวนั
ทองพดู แลว้ กพ็ โิ รธยง่ิ นกั ตรัสประนามนางวนั ทองวา่ เป็ นหญิงหลายใจ อยา่ อยใู่ หห้ นกั แผน่ ดิน ใหเ้ อาตวั ไปฆ่า
เสีย
๓๑
บทเสภาเร่ือง ขุนช้างขนุ แผน ตอนขนุ ช้าง
ถวายฎกี า เมื่อเป็ นความชนะขนุ ชา้ งนนั่
เกษมสันตส์ องสมภิรมยย์ วน
จะกล่าวถึงโฉมเจา้ พลายงาม นึกนึกตรึกตราละหอ้ ยหวน
กลบั มาอยบู่ า้ นสาราญครัน
พร้อมญาติขาดอยแู่ ตม่ ารดา
โอว้ า่ แมว่ นั ทองช่างหมองนวล ไมส่ มควรเคียงคูก่ บั ขนุ ชา้ ง
เออน่ีเน้ือเคราะห์กรรมมานาผดิ น่าอายมิตรหมองใจไมห่ ายหมาง
ฝ่ ายพอ่ มีบุญเป็ นขนุ นาง แต่แม่ไปแนบขา้ งคนจญั ไร
รูปร่างวปิ ริตผดิ กวา่ คน ทรพลอปั รียไ์ ม่ดีได้
ท้งั ใจคอชวั่ โฉดโหดไร้ ช่างไปหลงรักใคร่ไดเ้ ป็ นดี
วนั น้นั แพก้ ูเมื่อดาน้า กก็ ริ้วซ้าจะฆา่ ใหเ้ ป็นผี
แสนแคน้ ดว้ ยมารดายงั ปรานี ใหไ้ ปขอชีวขี นุ ชา้ งไว้
แคน้ แมจ่ าจะแกใ้ หห้ ายแคน้ ไม่ทดแทนอา้ ยขนุ ชา้ งบา้ งไม่ได้
หมายจิตคิดจะใหม้ นั บรรลยั ไม่สมใจจาเพาะเคราะห์มนั ดี
อยา่ เลยจะรับแมก่ ลบั มา ใหอ้ ยดู่ ว้ ยบิดาเกษมศรี
พรากใหพ้ น้ คนอุบาทวช์ าติอปั รีย์ ยงิ่ คิดกย็ งิ่ มีความโกรธา
อดั อึดฮึดฮดั ดว้ ยขดั ใจ เม่ือไรตะวนั จะลบั หลา้
เขา้ หอ้ งหวนละหอ้ ยคอยเวลา จนสุริยาเล้ียวลบั เมรุไกร
เงียบสัตวจ์ ตั ุบททวบิ าท ดาวดาษเดือนสวา่ งกระจ่างไข
น้าคา้ งตกกระเซ็นเยน็ เยอื กใจ สงดั เสียงคนใครไมพ่ ดู จา
ไดย้ นิ เสียงฆอ้ งยา่ ประจาวงั ลอยลมล่องดงั ถึงเคหา
คะเนนบั ยา่ ยามไดส้ ามครา ดูเวลาปลอดห่วงทกั ทิน
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสวา่ ง จนั ทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น
จึงเซ่นเหลา้ ขา้ วปลาใหพ้ รายกิน เสกขมิ้นวา่ นยาเขา้ ทาตวั
ลงยนั ตร์ าชะเอาปะอก หยบิ ยกมงคลข้ึนใส่หวั
เป่ ามนตร์เบ้ืองบนชอุ่มมวั พรายยวั่ ยวนใจใหไ้ คลคลา
จบั ดาบเคยปราบณรงคร์ บ
เสร็จครบบริกรรมพระคาถา
ลงจากเรือนไปมิไดช้ า้ รีบมาถึงบา้ นขนุ ชา้ งพลนั
เห็นคนนอนลอ้ มออ้ มเป็ นวง ประตูลน่ั มน่ั คงขอบร้ัวก้นั
กองไฟสวา่ งดงั กลางวนั หมายสาคญั ตรงมาหนา้ ประตู
จึงร่ายมนตรามหาสะกด เส่ือมหมดอาถรรพณ์ท่ีฝังอยู่
ภูตพรายนายขนุ ชา้ งวางวงิ่ พรู คนผใู้ นบา้ นกซ็ านเซอะ
ท้งั ชายหญิงง่วงงมลม้ หลบั นอนทบั ควา่ หงายก่ายกนั เปรอะ
๓๒
จ่ีปลาคาไฟมนั ไหลเลอะ โงกเงอะงุยงมไม่สมประดี
ใชพ้ รายถอดกลอนถอนลิ่ม รอยทิ่มถอดหลุดไปจากที่
ยา่ งเทา้ กา้ วไปในทนั ที มิไดม้ ีใครทกั แตส่ ักคน
มีแตห่ ลบั เพอ้ มะเมอฝัน ท้งั ไฟกองป้องกนั ทุกแห่งหน
ผคู้ นเงียบสาเนียงเสียงแต่กรน มาจนถึงเรือนเจา้ ขนุ ชา้ ง
จุดเทียนสะกดขา้ วสารปราย ภูตพรายโดดเรือนสะเทือนผาง
สะเดาะดาลบานเปิ ดหนา้ ตา่ งกาง ยา่ งเทา้ กา้ วข้ึนร้านดอกไม้
หอมหวนอวลอบบุปผชาติ เบิกบานกา้ นกลาดกิ่งไสว
เรณูฟูร่อนขจรใจ ยา่ งเทา้ กา้ วไปไมโ่ ครมคราม
ขา้ ไทนอนหลบั ลงทบั กนั สะเดาะกลอนถอนลน่ั ถึงช้นั สาม
กระจกฉากหลากสลบั วบั แวมวาม อร่ามแสงโคมแกว้ แววจบั ตา
มา่ นมู่ลี่มีฉากประจาก้นั อฒั จนั ทร์เครื่องแกว้ ก็หนกั หนา
ชมพลางยา่ งเย้อื งชาเลืองมา เปิ ดมุง้ เห็นหนา้ แม่วนั ทอง
น่ิงนอนอยบู่ นเตียงเคียงขนุ ชา้ ง มนั แนบขา้ งกอดกลมประสมสอง
เจบ็ ใจดงั หวั ใจจะพงั พอง ขยบั จอ้ งดาบง่าอยากฆา่ ฟัน
จะใคร่ถีบขนุ ชา้ งท่ีกลางตวั นึกกลวั จะถูกแม่วนั ทองนนั่
พลางนงั่ ลงนอบนบอภิวนั ทน์ สะอ้ืนอ้นั อกแคน้ น้าตาคลอ
โอแ้ ม่เจา้ ประคุณของลูกเอ๋ย ไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพอ่
เวรกรรมนาไปไมร่ ้ังรอ มิพอท่ีจะตอ้ งพรากก็จากมา
มนั ไปฉุดมารดาเอามาไว้ อา้ ยหวั ใสข่มเหงไม่เกรงหนา้
ท่ีทาแคน้ กูจะแทนใหท้ นั ตา ขอษมาแม่แลว้ ก็ขบั พราย
เป่ าลงดว้ ยพระเวทวทิ ยา
ดาบใส่ฝักไวไ้ ม่เคล่ือนคลาย มารดาก็ฟ้ื นต่ืนโดยง่าย
คราน้นั จึงโฉมเจา้ วนั ทอง วนั ทองรู้สึกกายกล็ ืมตา
ตื่นพลางทางชาเลืองนยั น์ตามา ตอ้ งมนตร์มวั หมองเป็ นหนกั หนา
สาคญั คิดวา่ ผูร้ ้ายใหน้ ึกกลวั เห็นลูกยาน้นั ยนื อยรู่ ิมเตียง
ซวนซบหลบลงมาหมอบเมียง กอดผวั ร้องดิ้นจนสิ้นเสียง
อะไรแมแ่ ซ่ร้องท้งั หอ้ งนอน พระหม่ืนไวยเขา้ เคียงหา้ มมารดา
จะร้องไยใช่โจรผูร้ ้ายมา ลูกร้อนราคาญใจจึงมาหา
คราน้นั วนั ทองผอ่ งโสภา สนทนาดว้ ยลูกอยา่ ตกใจ
ลุกออกมาพลนั ดว้ ยทนั ใด คร้ันรู้วา่ ลูกยาหากลวั ไม่
พระหมื่นไวยเขา้ กอดเอาบาทา
๓๓
บทวเิ คราะห์
ตวั ละคร
ขนุ ชา้ ง
มีลกั ษณะรูปชวั่ ตวั ดาหวั ลา้ นมาแตก่ าเนิด นิสยั เจา้ เล่ห์เพทุบาย มีฐานะร่ารวยมาก ขนุ ชา้ งแมจ้ ะเกิด
มาเป็นลูกเศรษฐีแตก่ ็อาภพั ถูกแมเ่ กลียดชงั เพราะอบั อายที่มี ลูกหวั ลา้ น จึงมกั ถูกแมด่ ่าวา่ อยเู่ สมอและไม่วา่
จะเดินไปทางใดกจ็ ะเป็ นท่ีขบขนั ลอ้ เลียน ของชาวบา้ นทว่ั ไปเสมอ พอเป็นหนุ่มกไ็ ดน้ างแก่นแกว้ เป็นภรรยา
อยดู่ ว้ ยกนั ไดป้ ี กวา่ นางก็ตาย
ขนุ แผน
มีรูปร่าง หนา้ ตางดงามคมสัน สติปัญญาเฉลียวฉลาด ดว้ ยลกั ษณะนิสัยเป็นคนเจา้ ชูแ้ ละมีคารมคม
คาย จึงง่ายตอ่ การพิชิตใจหญิง มีดาบฟ้าฟ้ื นเป็นอาวธุ ประจาตวั พาหนะคู่ใจคือมา้ สีหมอก ไดบ้ วชเณรและ
เรียนวชิ าที่วดั ส้มใหญ่ แลว้ ยา้ ยไปเรียนต่อท่ีวดั ป่ าเลไลยจนสุดทา้ ยไปเป็นศิษยส์ มภารคง วดั แค มีความรู้ทาง
โหราศาสตร์ ปลุกผี อยยู่ งคงกระพนั คาถามหาละลวยทาใหผ้ หู้ ญิงรักตลอดจนวชิ าจากตารับพชิ ยั
สงคราม และยงั มีความสามารถเทศนไดไ้ พเราะจบั ใจอีกดว้ ย
นางวนั ทอง
เป็นหญิงรูปงามแตป่ ากจดั นางวนั ทองเป็นคนท่ีไมก่ ลา้ ที่จะตดั สินใจ เม่ือมีคดีฟ้องร้องถึง
สมเด็จพระพนั วษา พระองคใ์ หน้ างเลือกวา่ จะอยกู่ บั ใคร แตน่ างตดั สินใจไมถ่ ูกจึงถูกสั่งประหารชีวติ นางวนั
ทองมีลกั ษณะสาวชาวบา้ น เป็นคนซื่อ ไมค่ อ่ ยฉลาดเทา่ ใดนกั ทาอะไรตามประสาหญิงชาวบา้ น แต่
สังคมไทยเนน้ ใหผ้ หู้ ญิงอยใู่ นกรอบของประเพณี จึงทาใหด้ ูเหมือนวา่ นางวนั ทองไมร่ ักนวลสงวนตวั
อยา่ งไรกต็ าม นางวนั ทองก็ยงั มีภาพลกั ษณ์ดา้ นดีที่เห็นไดช้ ดั คือ ความละเอียดอ่อน ไม่วา่ จะเป็นในเร่ืองการ
รับรู้ถึงความดีของผูอ้ ื่นท่ีปฏิบตั ิตอ่ นาง นอกจากน้ีนางวนั ทองยงั เป็นคนกลา้ ที่จะยอมรับชะตากรรมของ
ตวั เอง มีน้าใจเมตตา และใหอ้ ภยั โดยไม่เคียดแคน้
พลายงาม
พลายงาม มีตาแหน่งราชการเป็น จม่ืนไวยวรนาถ ซ่ึงมกั เรียกส้นั ๆ วา่ พระไวย พลายงามไดเ้ รียน
วชิ าจากตาราของพอ่ จนเชี่ยวชาญมีความสามารถเช่นเดียวกบั ขนุ แผน ต่อมาไดอ้ าสายกทพั ไปรบกบั
เชียงใหม่ แลว้ ถือโอกาสขออภยั โทษใหข้ นุ แผนออกจากคุกได(้ มีความกตญั ญู)
๓๔
สมเดจ็ พระพนั วษา
เป็นพระมหากษตั ริยแ์ ห่งกรุงศรีอยธุ ยา ยคุ ท่ีบา้ นเมืองเจริญรุ่งรือง มีความอุดมสมบูรณ์ราษฎร
ท้งั หลายอยกู่ นั อยา่ งร่มเยน็ เป็ นสุข บรรดาประเทศใกลเ้ คียงก็ออ่ นนอ้ ม เพราะยาเกรงบารมี สมเด็จพระ
พนั วษามีนิสยั โกรธง่าย แต่พระองคก์ ็นบั วา่ เป็นพระมหากษตั ริยท์ ี่มีความยตุ ิธรรมต่อพวกทหารเสนา
อามาตย์ และราษฎรพอสมควร เม่ือมี คดีฟ้องร้องกนั ก็จะใหม้ ีการไตส่ วน และพิสูจน์ความจริง
ฉากและบรรยากาศ
สถานที่และเวลาที่เกิดข้ึนในเร่ืองขุนชา้ งขนุ แผน โดยพดู ถึงสภาพสงั คมของชาวบา้ น ชาววงั ผแู้ ตง่
ได้ บรรยายฉากและบรรยากาศต่างๆ ไดส้ มจริง เช่นเรือนของขนุ ชา้ งท่ีแสดงถึงความร่ารวย เห็นไดจ้ ากบท
ประพนั ธ์ ขา้ ไทนอนหลบั ลงทบั กนั กระจกฉากหลากสลบั วบั แวมวาม มา่ นมูล่ ่ีมีฉากประจาก้นั ชมพลางยา่ ง
เย้อื งชาเลืองมา สะเดาะกลอนถอนลนั่ ถึงช้นั สาม อร่ามแสงโคมแกว้ แววจบั ตา อฒั จนั ทร์เครื่องแกว้ ก็หนกั
หนา เปิ ดมุง่ เห็นหนา้ แมว่ นั ทอง
คุณค่าด้านเนื้อหา
รูปแบบการประพนั ธ์
รูปแบบการประพนั ธ์เป็นคาประพนั ธ์ประเภทกลอนเสภา เสภาแต่ถา้ เป็นกลอนข้นั เล่าเรื่องอยา่ งเล่า
นิทานจึงใชค้ ามากเพ่ือบรรจุขอ้ ความใหช้ ดั เจนแก่ผฟู้ ังและมุ่งเอาการขบั ไดไ้ พเราะเป็ นสาคญั สมั ผสั ของคา
ประพนั ธ์คือคาสุดทา้ ยของวรรคตน้ ส่งสมั ผสั ไปยงั คาใดคาหน่ึงใน ๕ คาแรกของวรรคหลงั สัมผสั วรรคอื่น
และสัมผสั ระหวา่ งบทเหมือนกลอนสุภาพ
๓๕
คุณค่าด้านวรรณศิลป์ (โวหารลลี าภาพพจน์)
เสภาเร่ืองขนุ ชา้ งขุนแผนเสภาเร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผนไมป่ รากฏนามผแู้ ต่งจะเด่นในดา้ นบรรยายโวหาร
พรรณนาโวหารและอุปมาโวหาร
การใช้โวหารภาพพจน์
อุปมา
คือการเปรียบเทียบวา่ ส่ิงหน่ึงเหมือนกบั ส่ิงหน่ึงโดยใชค้ าเชื่อมที่มีความหมายเช่นเดียวกบั คาวา่ “
เหมือน "เช่นดุจดงั ราวราวกบั เปรียบประดุจเฉกเล่ห์ปานประหน่ึงเพยี งเพ้ยี งพา่ งปูน ฯลฯ เช่น
เหมือนแมลงวนั วอ่ นเคลา้ ท่ีเน่าชว่ั มาเกลือกกล้วั ปทุมมาลยท์ ี่หวานหอม
ดอกมะเดื่อฤาจะเจือดอกพะยอม วา่ นกั แม่จะตรอมระกาใจ
เปรียบขุนข้างทมี่ ายุ่งเกย่ี วกบั นางวนั ทองเหมือนกบั แมลงวนั ทม่ี าตอมดอกไม้
คิดคะนึงตะถึงคะลานอก ดงั ตวั ตกพระสุเมรุฏผา
ใหอ้ ุทิจอดั อ้นั ตนั อุรา เกรงผดิ ภายหนา้ กส็ ุดคิด
เปรียบอาการตกใจของนางวันทองเหมือนดังกบั การตกจากเขาพระสุเมรุ
อีแสนถ่อยจญั ไรใจทมิฬ ดงั เพชรนิลเกิดข้ึนในอาจม
รูปงามนามเพราะนอ้ ยไปฤา ใจไมซ่ ้ือสมศกั ติเทา่ เส้นผม
เปรียบว่าจิตใจของนางวนั ทองน้ันสกปรกเหมือนกบั เพชรทอี่ ย่ใู นมูล
ใครจะเอาเป็นผวั เขากลวั อาย หวั หูดูเหมือนควายท่ีตกปลกั
คราวน้นั เป็นความรักกูถามซกั ตกหนกั อยกู่ บั เหล่าศรีประจนั
เปรียบว่าหน้าตาของขุนข้างน่าเกลยี ดเหมือนกบั ควายทตี่ กปลกั
คราวน้นั เมื่อตามไปกลางป่ า หนา้ ดาเหมือนหน่ึงทามินหมอ้ ไหม้
ชนะความงามหนา้ ดงั เทียนชยั เขาฉุดไปเหมือนลงทะเลลึก
เปรียบเทยี บความรู้สึกของนางวนั ทองในแต่ละช่วงเหตุหารณ์
เจา้ พลายงามตามรับเอากลบั มา ทีน้ีหนา้ จะดาเป็นน้าหมึก
กาเริบใจดว้ ยเจา้ ไวยกาลงั ฮึก จะพาแม่ตกลึกใหจ้ าตาย
เจ้าพลายงามเปรียบว่าตนน้ันทุกข์อย่างยิง่
อธิพจน์ (อตพิ จน์)
คือ การเปรียบเทียบเกินความจริง หรือนอ้ ยกวา่ ความเป็นจริง มกั ใชเ้ ปรียบเทียบในเร่ืองปริมาณวา่ มี
มากมาย มีเจตนาท่ีจะเนน้ ความรู้สึก เนน้ การแสดงอารมณ์และสภาพต่าง ๆ
๓๖
นิ่งนอนอยบู่ นเตียงเคียงขนุ ชา้ ง มนั แนบขา้ งกอดกลมประสมสอง
เจบ็ ใจดงั หวั ใจจะพงั พอง ขยบั จอ้ งดาบง่าอยากฆ่าฟัน
กล่าวถึงความทุกข์ของพลายงามทตี่ ้องเห็นนางวันทองนอนกอดกบั ขนุ ช้าง
คราน้นั ขุนชา้ งไดฟ้ ังวา่ แคน้ ดงั เลือดตาจะหลงั่ ไหล
ดบั โมโหโกรธาทาวา่ ไป เรากไ็ มว่ า่ ไรสุดแต่ดี
กล่าวถึงความเคียดแค้นของขุนช้างทม่ี ีต่อขุนแผนและพลายงาม
รูปงามนามเพราะนอ้ ยไปหรือ ใจไมซ่ ื่อสมศกั ด์ิเทา่ เส้นผม
แตใ่ จสตั วม์ นั ยงั มีท่ีนิยม สมาคมก็แต่ถึงฤดูมนั
กล่าวถึงนางวนั ทองทไ่ี ม่สามารถตัดสินใจว่าจะเลือกขนุ ช้างหรือขนุ แผน พระพนั วษาจึง ด่านางว่าหน้าตา
สวยงามช่ือเพราะน้อยไปหรือถงึ ได้จิตใจไม่ซื่อเท่ากบั เส้นผม
คาอพั ภาส คือ คาซ้าชนิดหน่ึง ที่กร่อนเสียงของคาขา้ งหนา้ ใหส้ ้ันลงเหลือเพยี งเสียง อะ เช่น
มีแต่หลบั เพอ้ มะเมอฝัน ท้งั ไฟกองป้องกนั ทุกแห่งหน
มาจากคาวา่ ละเมอ
คราน้นั วนั ทองไดร้ ับสง่ั ละลา้ ละลงั ประนมกม้ เกศี
มาจากคาว่า ลงั เล ลุกลาน หรือมอี กี ความหมายหน่ึงคือห่วงหน้าพะวงหลัง
ทูลพลางตวั นางเร่ิมระรัว ความกลวั อาญาเป็ นพน้ ไป
มาจากคาว่า ส่ันระรัว นางวนั ทองทูลไปตวั กเ็ ริ่มสั่นไปด้วยความกลวั
นามนัย
คือ การเปรียบเทียบโดยการใชค้ าหรือวลีซ่ึงบง่ ลกั ษณะหรือคุณสมบตั ิท่ีเป็ นจุดเด่น หรือ ลกั ษณะ
สาคญั ของสิ่งใดส่ิงหน่ึง หรือการกล่าวถึงส่วนใดส่วนหน่ึงของส่ิงใด ๆ มากล่าวแทนคาที่ใชเ้ รียก ส่ิงน้นั
โดยตรง เช่น
มาอยไู่ ยกบั อา้ ยหินชาติ แสนอุบาทวใ์ จจิตริษยา
ในที่น้ีอา้ ยหินชาติ หมายถึง ขุนชา้ ง
จงเร่งกลบั ไปคิดกบั บิดา ฟ้องหากราบทูลพระทรงธรรม์
ในที่น้ีพระทรงธรรมห์ มายถึง พระพนั วษาที่เป็นพระเจา้ แผน่ ดิน
สองหนสามหนก่นแต่หนี พล้งั ทีลงไม่รอดนางยอดหญิง
ในท่ีน้ี นางยอดหญิง หมายถึง นางวนั ทอง
วนั น้นั พอป่ิ นนรินทร์ราช เสดจ็ ประพาสบวั ยงั หากลบั ไม่
ในที่น้ี ป่ิ นนรินทร์ราช หมายถึง พระพนั วษาท่ียงั ไมเ่ สด็จกลบั จากประพาสบวั
๓๗
เขา้ ตรงบโทนอน้ ตน้ กญั ญา เพ่อื นโขกลงดว้ ยกะลาวา่ ผเี ส้ือ
ในที่น้ี ผเี ส้ือ หมายถึง เทวดาที่รักษาน่านน้า ในที่น้ีหมายถึงผนี ้า
เหมือนแมลงวนั วอ่ นเคลา้ ที่เน่าชว่ั มาเกลือกกล้วั ปทุมมาลยท์ ่ีหวานหอม
ในที่น้ี แมลงวนั หมายถึงขนุ ชา้ งและ ปทุมมาลย์ หมายถึงนางวนั ทอง
สัทพจน์ คือ การใชถ้ อ้ ยคาที่เลียนเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงดนตรีเสียงร้องของสตั ว์ หรือ เลียนเสียงกิริยา
อาการต่าง ๆ ของคน เช่น
ใตเ้ ตียงเสียงหนูกุกกก แมงมุมทุ่มอกท่ีริมฝา
ฆานพจน์คือ ใช้อธิบายลกั ษณะของกลนิ่
หอมหวนอวลอบบุปผาชาติเบิกบานกา้ นกลาดก่ิงไสว
นาฏการ การใช้คาทแ่ี สดงการเคล่ือนไหว เช่น
โดดตะครุบคาบค้นั ในทนั แลว้ ฉุดคร่าพาร่ีไปในไพร
บา่ วผหู้ ญิงวงิ่ ไปอยงู่ กงนั เห็นนายน้นั แกผ้ า้ กางขาอยู่
อกเอาขวานผา่ อยา่ ปรานี อยา่ ใหม้ ีโลหิตติดดินกู
ชอบตบใหส้ ลบลงกบั ที่ เฆ่ียนตีเสียใหย้ บั ไม่นบั ได้
จินตภาพ คือ ภาพทเ่ี กดิ จากจนิ ตนาการ
จินตภาพดา้ นภาพ
คร้ันจะทูลกลวั พระราชอาญา ขนุ ชา้ งแลดูตายกั คิว้ ลน
พระหมื่นไวยใชใ้ บใ้ หแ้ มว่ า่ บุย้ ปากตรงบิดาเป็ นหลายหน
จินตภาพดา้ นเสียง
ขา้ ไทนอนหลบั ลงทบั กนั สะเดาะกลอนถอนลนั่ ถึงช้นั สาม
ดุเหวา่ เร้าเสียงสาเนียงกอ้ ง ระฆงั ฆอ้ งขานแขง่ ในวงั หลวง
จินตภาพดา้ นแสง
คร้ันวา่ รุ่งสางสวา่ งฟ้า สุริยาแยม้ เยย่ี มเหลี่ยมไศล
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสวา่ ง จนั ทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น
สมั ผสั พยญั ชนะ หรือสมั ผสั อกั ษร หมายถึงคาาคลอ้ งจองที่มีพยญั ชนะตวั หลกั เป็นตวั เดียวกนั เช่น
ไดย้ นิ เสียงฆอ้ งย่าประจาวงั ลอยลมล่องดงั ถึงเคหา
หอมหวนอวลอบบุปผาชาติ เบิกบานกา้ นกลาดก่ิงไสว
พลางนงั่ ลงนอบนบอภิวนั ทน์ สะอ้ืนอ้นั อกแคน้ น้าตาคลอ
ขอเดชะละอองธุลีบาท องคห์ ริรักษร์ าชรังสรรค
เงียบสตั วจ์ ตั ุบททวบิ าท ดาวดาษเดือนสวา่ งกระจา่ งไข
สัมผสั สระ หมายถึง สัมผสั ที่มีเสียงสระหรือเสียงสระกบั ตวั สะกดในมาตราเดียวกนั เช่น
๓๘
ท้งั หนา้ หลงั เบียดเสียดเยยี ดยดั หมอบอดั ถดั กนั หลน่ั ไป
ลุกข้ึนโขยง่ โกง้ โคง้ คลาน ซมซานโฮกฮากอา้ ปาก
คิดคะนึงตะลึงตะลานอก ดงั ตวั ตกพระสุเมรุภูผา
ระวางโทษเบด็ เสร็จเจด็ สถาน ถึงประหารชีวิตเป็ นผยุ ผง
คิดบา่ ยเบี่ยงเลี่ยงเล้ียวเบ้ียวบิดไป เพราะรักอา้ ยขนุ ชา้ งกวา่ บิดา
การซ้าคา หมายถึง กลวธิ ีในการแตง่ ท่ีกวีนามาใชเ้ พือ่ ให้เกิดความงามแห่งวรรณศิลป์
พร้อมญาติขาดอยแู่ ต่มารดา นึกนึกตรึกตราละหอ้ ยหวน
ประเภทของโวหาร
บรรยายโวหาร
คือ โวหารที่ใชใ้ นการอธิบาย เล่าเร่ืองราวเหตุการณ์ เพ่ือใหผ้ อู้ ่านไดร้ ับความรู้ ความเขา้ ใจใน เร่ือง
น้นั ๆ อยา่ งละเอียด การเรียบเรียง และการใชถ้ อ้ ยคา จึงมกั เลือกใชถ้ อ้ ยคาท่ีสื่อความหมาย ตรงไปตรงมา
กะทดั รัด ชดั เจน เช่น
จึงเซ่นเหลา้ ขา้ วปลาใหพ้ รายกิน เสกขมิน้ วา่ นยาเขา้ ทาตวั
ลงยนั ตร์ าชะเอาปะอก หยบิ ยกมงคลข้ึนใส่หวั
เป่ ามนตร์เบ้ืองบนชอุ่มมวั พรายยวั่ ยวนใจใหไ้ คลคลา
คิดพลางจดั แจงแต่งกายา น้าอบทาหอมฟุ้งจรุงใจ
ออกจากห้องยอ่ งเดินดาเนินมา ถึงเรือนลูกยาหาชา้ ไม่
เขา้ หอ้ งวนั ทองในทนั ใด เห็นนางหลบั ใหลน่ิงนิทรา
ลดตวั ลงนงั่ ขา้ งวนั ทอง เตือนตอ้ งดว้ ยความเสน่หา
ส่ันปลุกลุกข้ึนเถิดนอ้ งอา พมี่ าหาแลว้ อยา่ นอนเลย
คร้ันวา่ รุ่งสางสวา่ งฟ้า สุริยาแยม้ เยยี่ มเหลี่ยมไศล
จะกล่าวถึงพระองคผ์ ทู้ รงชยั เนาในพระที่นงั่ บลั ลงั กร์ ัตน
พร้อมดว้ ยพระกานลั นกั สนม หมอบประนมเฝ้าแหนแน่นขนดั
พรรณนาโวหาร
คือ โวหารที่กล่าวถึงความงามของธรรมชาติ สถานที่ หรือ ความรู้สึกนึกคิดอยา่ งละเอียด เพอ่ื ให้
ผอู้ า่ นเกิดความซาบซ้ึง และเกิดอารมณ์ความรู้สึก คลอ้ ยตาม โดยใชถ้ อ้ ยคาท่ีมีความไพเราะ และ ความหมาย
ที่ลึกซ้ึง น่าสนใจ ใหผ้ อู้ ่าน ประทบั ใจเช่น
๓๙
เขา้ หอ้ งหวนละหอ้ ยคอยเวลา จวนสุริยาเล้ียวลบั เมรุไกร
เงียบสตั วจ์ ตั ุบททวบิ าท ดาวดาษเดือนสวา่ งกระจา่ งไข
น้าคา้ งตกกระเซ็นเยน็ เยอื กใจ สงดั เสียงคนใครไม่พดู จา
ไดย้ นิ เสียงฆอ้ งย่าประจาวงั ลอยลมล่องดงั ถึงเคหา
คะเนนบั ยา่ ยามไดส้ ามครา ดูเวลาปลอดห่วงทกั ทิน
ฟ้าขาวดาวเด่นดวงสวา่ ง จนั ทร์กระจ่างทรงกลดหมดเมฆสิ้น
คร้ันเวลาดึกกาดดั สงดั เงียบ ใบไมแ้ หง้ แกร่งเกรียบระรุบร่อน
พระพายโชยเสาวรสขจายขจร พระจนั ทรแจ่มแจง้ กระจ่างดวง
ดุเหวา่ เร้าเสียงสาเนียงกอ้ ง ระฆงั ฆอ้ งขานแขง่ ในวงั หลวง
อีแสนถ่อยจญั ไรใจทมิฬ ดงั เพชรนิลเกิดข้ึนในอาจม
รูปงามนามเพราะนอ้ ยไปหรือ ใจไม่ซื่อสมศกั ด์ิเท่าเส้นผม
แตใ่ จสัตวม์ นั ยงั มีท่ีนิยม สมาคมก็แตถ่ ึงฤดูมนั
มึงน่ีถ่อยยงิ่ กวา่ ถ่อยอีทา้ ยเมือง จะเอาเร่ืองไมไ่ ดส้ ักสิ่งสรรพ์
ละโมบมากตณั หาตาเป็นมนั สกั ร้อยพนั ใหม้ ึงไม่ถึงใจ
วา่ หญิงชวั่ ผวั ยงั คราวละคนเดียว หาตามตอมกนั เกรียวเหมือนมึงไม่
หนกั แผน่ ดินกจู ะอยไู่ ย อา้ ยไวยมึงอยา่ นบั วา่ มารดา
อุปมาโวหาร
คือ การใชโ้ วหารเปรียบเทียบ ประกอบขอ้ ความ เพอ่ื ให้ผอู้ ่าน เขา้ ใจชดั เจนยง่ิ ข้ึน ทาใหเ้ ขา้ ใจ
เร่ืองราวไดแ้ จม่ แจง้ การใชอ้ ุปมาโวหารน้ีมีลกั ษณะการใชห้ ลายลกั ษณะเช่น
อีวนั ทองตวั มนั เหมือนรากแกว้ ถา้ ตดั โคนขาดแลว้ ก็ใบเห่ียว
ใครจะควรสู่สมอยกู่ ลมเกลียว ใหเ้ ด็ดเด่ียวรู้กนั แต่วนั น้ี
คราน้นั พระองคผ์ ทู้ รงภพ ฟังจบแคน้ คลง่ั ดงั เพลิงไหม้
เหมือนดินประสิวปลิวติดกบั เปลวไฟ ดูดู๋เป็นไดอ้ ีวนั ทอง
ออกนนั่ เขา้ น่ีมีสารอง ยงิ่ กวา่ ทอ้ งทะเลอนั ล้าลึก
จอกแหนแพเสาสาเภาใหญ่ จะทอดถมเท่าไรไม่รู้สึก
เหมือนมหาสมุทรสุดซ้ึงซึก น้าลึกเหลือจะหยงั่ กระทง่ั ดิน
อิฐผาหาหาบมาทุ่มถม ก็จอ่ มจมสูญหายไปหมดสิ้น
อีแสนถ่อยจญั ไรใจทมิฬ ดงั เพชรนิลเกิดข้ึนในอาจม
๔๐
เทศนาโวหาร
คือ โวหารท่ีแสดงการสง่ั สอน หรือชกั จูงใหผ้ ูอ้ า่ นเห็นคลอ้ ยตาม ช้ีแนะคุณและโทษส่ิงท่ีควร
ปฏิบตั ิ หรือแสดงทศั นะในขอ้ สังเกต ในการเขียนผเู้ ขียนตอ้ งใช้ เหตุผลมาประกอบใหผ้ อู้ ่านเกิดความเช่ือมนั่
เกิดความรู้สึกดว้ ยตนเอง เช่น
คราน้นั วนั ทองผอ่ งโสภา เห็นลูกยากดั ฟันมนั ไส้
ถือดาบฟ้าฟ้ื นยนื แกวง่ ไกว ตกใจกลวั วา่ จะฆ่าฟัน
จึงปลอบวา่ พลายงามพอ่ ทรามรัก อยา่ ฮึกฮกั วา่ วนุ่ ทาหุนหนั
จงครวญใคร่ให้เห็นขอ้ สาคญั แมน่ ้ีพร่ันกลวั แต่จะเกิดความ
ดว้ ยเป็นขา้ ลกั ไปไทลกั มา เห็นเบ้ืองหนา้ จะอึงแมจ่ ึงหา้ ม
ถา้ เจา้ เห็นเป็นสุขไม่ลุกลาม กต็ ามเถิดมารดาจะคลาไคล
คุณค่าทางสังคม
ดว้ ยขนุ ชา้ งอา้ งวา่ รับส่งั ให้ ใครจะขดั ขืนไวก้ ก็ ลวั ผดิ
จนใจมิไปก็สุดฤทธ์ิ ชีวติ อยใู่ ตพ้ ระบาทาฯ
คาพูดของนางวนั ทองท่ีเล่าถึงขนุ ชา้ งตอนมาแอบอา้ งฉุดนางไป สะทอ้ นระบบสังคมเจา้ ชีวติ
มหาดเล็กก็รับเอาฟ้องมา ตารวจควา้ ขุนชา้ งหางวางไม่
ลงพระราชอาญาตามวา่ ไว้ พระจึงใหต้ ้งั กฤษฎีกา
สะทอ้ นระบบสังคมสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ชอบผดิ พอ่ จงคิดคะนึงตรอง อนั ตวั นอ้ งมลทินหาสิ้นไม่
ประหน่ึงวา่ วนั ทองน้ีสองใจ พบไหนก็เป็นแต่เช่นน้นั
สะทอ้ นสังคมที่วา่ ผหู้ ญิงจะตอ้ งมีผวั เดียว แต่ผชู้ ายสามารถมีเมียหลายคนได้
ฐานะและบทบาทของสตรีในสังคม นางวนั ทองเป็ นตวั อยา่ งของสตรีไทยสมยั โบราณโดยแท้ คือเกิดมา
เพ่ือรับบทของบุตรี ภรรยาและมารดา ตามที่ธรรมชาติและสังคมเป็นผกู้ าหนด และเม่ือตอ้ งรับบทพลเมือง
ก็เป็นพลเมืองตามที่ผปู้ กครองพึงปรารถนาใหเ้ ป็น เนื่องจากนางวนั ทองไม่มีโอกาสเลือก อาจไดแ้ ต่เพียงคิด
แตไ่ มเ่ คยไดป้ ฏิบตั ิตามที่คิด นางวนั ทองถูกกาหนด เส้นทางของชีวติ ใหเ้ ป็นไปตามความตอ้ งการของคน
๔๑
อ่ืนท้งั สิ้น ความเคยชินจากการเป็นผปู้ ฏิบตั ิตาม เม่ือสมเด็จพระพนั วษาทรง เปิ ดโอกาสใหน้ างเลือก
ทางเดินของชีวติ ตนเอง นางกว็ า้ วนุ่ ใจไม่อาจตดั สินใจได้ จึงก่อใหเ้ กิดเหตุการณือนั เสร้าสะเทือนใจในท่ีสุด
บทบาทของกษตั ริย์ต่อประชาชนในสังคมไทย สมเด็จพระพนั วษาน้นั ถา้ จะพจิ ารณาอยา่ ง
ละเอียด ก็จะเห็นไดว้ า่ แมจ้ ะทรงเป็นเจา้ ชีวติ มีพระราชอานาจอนั ลน้ พน้ แต่ก็มิไดท้ รงใชอ้ านาจอยา่ ง
ปราศจากเหตุผลหรือดว้ ยพระอารมณ์ หากได้ ทรงปฏิบตั ิอยา่ งเหมาะสม และทรงมีพฤติกรรมไปในทางท่ี
สมเหตุสมผลที่สุด เน่ืองจากตอ้ งแกไ้ ขปัญหาระดบั ประเทศแลว้ ยงั ตอ้ งแกไ้ ขปัญหาระดบั ครอบครัวของ
ประชาชน เปรียบเหมือนพอ่ หรือผใู้ หญใ่ นครอบครัว เวลาคนในครอบครัวมีเร่ืองเดือดร้อนหรือ เกิด
เหตุการณ์วนุ่ วายและมาฟ้อง ก็ตอ้ งทรงเป็นราชธุระ
ค่านิยมและความเชื่อเกยี่ วกบั สตรี สงั คมไทยไมน่ ิยมสตรีเยย่ี งนางวนั ทอง คือมีสามีสองคน ใน
เวลาเดียวกนั แมโ้ ดยแทจ้ ริงแลว้ การที่มีสามีสองคนน้นั มิใช่เกิดจากความปรารถนาของนางเอง แต่จุกน้ี
สังคมกลบั มองขา้ ม เห็นแต่เพยี งผวิ เผนิ วา่ นางน่ารังเกียจ
ในทางตรงกนั ขา้ ม คา่ นิยมเกี่ยวกบั การมีภรรยาหลายคนในเวลาเดียวกนั กลบั ปรากฎในหมู่คน
ช้นั สูง โดยฌฉพาะ ผมู้ ียศฐาบรรดาศกั ด์ิของไทย แต่สังคมไม่รังเกียจ กลบั นิยมยกยอ่ ง เพราะคา่ นิยม
กาหนดวา่ ลกั ษระเช่นน้ีเป็นเครื่องเสริมบารมีและความเป็ นบุรุษอาชาไนยใหม้ ากยง่ิ ข้ึน
ความกตัญญู
ความกตญั ญูเป็นเคร่ืองหมายของคนดี สงั คมจะยกยอ่ งผทู้ ่ีรู้จกั บุญคุณคน นางวนั ทอง เป็นผทู้ ่ีมี
ความกตญั ญู นางมกั จะกล่าวอา้ งเสมอวา่ ขนุ ชา้ งมีบุญคุณตอ่ ตน แมว้ า่ วนั ทองไมไ่ ดร้ ักขนุ ชา้ งเลยแตเ่ มื่อตก
เป็นเมียของขนุ ชา้ งนางก็ประพฤติตนเป็ นเมียที่ดี นางวนั ทองเป็นหญิงที่มีใจละเอียดอ่อน เม่ือไดร้ ับการดูแล
ที่ดีจากขนุ ชา้ งนางก็มีความสานึกท่ีจะทดแทนบุญคุณ เช่น ตอนที่ขุนชา้ งมีเร่ืองกบั จม่ืนไวยจนขนุ ชา้ งตอ้ งติด
คุก นางก็จดั หาขา้ วปลาอาหารไปส่งใหใ้ นคุกดว้ ยตนเอง และยงั รับปากจะเอาเงินทองไปช่วยติดสินบนคน
ขา้ งในใหช้ ่วยทูลผอ่ นปรนโทษ
ความอดทนอดกล้นั
คุณสมบตั ิน้ีเป็นลกั ษณะท่ีทาใหส้ ามารถฟันฝ่ าอุปสรรคต่างๆไปไดอ้ ยา่ งราบรื่น ความอดทนของ
นางวนั ทอง เห็นไดจ้ ากการที่นางยอมไปทนทุกขย์ ากลาบากกบั ขนุ แผนในป่ า นางกย็ อมทิง้ ความ
สะดวกสบายในการอยกู่ บั ขนุ ชา้ ง เพราะคิดวา่ ขนุ แผนพามาดว้ ยความรัก ถึงแมว้ า่ นางวนั ทองจะอาลยั
อาวรณ์ในความสุขสาราญซ่ึงความสุขอนั น้ียอ่ มมีอยใู่ นปุถุชนทุกผทู้ ุกนามแต่ก็สามารถเอาอานาจความรักมา
ข่มความอาลยั ในความสุขอนั น้ีเสีย เพอ่ื ความสุขทางใจอนั เป็นสิ่งท่ีนางปรารถนามากกวา่
ความเชื่อในเร่ืองกฎแห่งกรรมของนางวนั ทอง
๔๒
นางวนั ทองยอมรับความทุกขย์ ากท่ีตนไดร้ ับโดยไมป่ ริปาก และไมโ่ ทษวา่ เป็นความผิดของผอู้ ่ืน
เพราะนางเชื่อวา่ ความทุกขท์ ้งั หมดเป็นผลมาจากกรรมท่ีนางเคยทาไว้ เมื่อขุนแผนพานางหนีเขา้ ป่ า และตอ้ ง
ตกระกาลาบาก นางกไ็ ม่โทษขนุ แผนแตอ่ ยา่ งใด แตน่ างคิดวา่ ขนุ แผนพามาดว้ ยความรัก ในเร่ืองน้ีน้นั ผอู้ า่ น
สามารถนามาใชใ้ นเวลาที่มีความทุกข์ โดยอาจคิดวา่ เป็นผลมาจากกรรมที่เคยทาไว้ จะไดไ้ มย่ ดึ มน่ั ถือมนั่
จนเกินไป รู้จกั ปลง แตก่ ไ็ ม่ใช่งอมืองอเทา้ รอรับผลกรรม โดยไมค่ ิดท่ีจะทาความดีเพ่มิ ข้ึน
เออน่ีเน้ือเคราะห์กรรมมานาผดิ น่าอายมิตรหมองใจไม่หายหมาง
ฝ่ ายพอ่ มีบุญเป็ นขนุ นาง แต่แม่ไปแนบขา้ งคนจญั ไร
โอแ้ ม่เจา้ ประคุณของลูกเอ๋ย ไควรเลยจะพรากจากคุณพอ่
เวรกรรมนาไปไมร่ ้ังรอ มิพอที่จะตอ้ งพรากก็จากมา
พดู ถึงวา่ เวรกรรมทาใหว้ นั ทองตอ้ งจากไป
ความเชื่อเรื่องฤกษ์ยาม
คะเนนบั ย่ายามไดส้ ามครา ดูเวลาปลอดห่วงทกั ทิน
พิเคราะห์ดูท้งั ยามอฐั กาล ก็บนั ดาลฤกษแ์ รงเป็นหนกั หนา
มิรู้ที่จะแถลงแจง้ กิจจา กอดเมียเมินหนา้ น้าตากระเด็น
จึงแกลง้ เพทุบายทานายไป ฝันอยา่ งน้ีมิใช่จะเกิดเขญ็
การนบั ช่วงเวลาดูวนั ชวั่ ร้าย
ความเชื่อในเร่ืองไสยศาสตร์
จึงเซ่นเหลา้ ขา้ วปลาใหพ้ รายกิน เสกขมิ้นวา่ นยาเขา้ ทาตวั
ลงยนั ตร์ าชะเอาปะอก หยบิ ยกมงคลข้ึนใส่หวั
เป้ามนตร์เบ้ืองบนชอุม่ มวั พรายยวั่ ยวนใจใหไ้ คลคลา
-พูดถึงการเล้ียงผพี รายไวค้ อยดูแลอารักขา-
๔๓
เมรุ - ภูเขา คาศัพท์
ทวบิ าท - สองเทา้
ทกั ทิน - ชวั่ ร้าย นิเวศน์ - วงั บา้ น
หินชาติ - ช้นั ต่า เพรางาย - เชา้ เยน็
จตั ุบาท - สัตว์ 4 เทา้ อฐั กาล - ยามแปด
วางบท - กาหนด คล่องใจ - ไมน่ ่าเกลียด
เสาแรก - เสาเอก ข้ีครอก - ลูกของทาส
ทรามสวาดิ - ท่ีรัก รากใหญ่ - ตน้ เหตุของปัญหา
ร้องเกน - ตะโกนดงั ๆ กระแจะ - ผงเครื่องหอม
กินใจ - แหนงใจ สงสยั ลุแก่โทษ - เขา้ มอบตวั เพ่ือสู้คดี
ฉวยสบเพลง - บงั เอิญถูกจงั หวะ
ตราสิน- แจง้ ความไวเ้ ป็น
หลกั ฐาน
ค
บรรณานุกรม
EBOOKขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา Pages 1 - 13 - Text Version | Anyflip.///
(2563).///EBOOKขนุ ชา้ งขนุ แผน ตอนขนุ ชา้ งถวายฎีกา.//สืบคน้ เมื่อ 30 พฤสจิกายน 2563./จาก/
http://anyflip.com/ythx/lxzw/basic
ขนุ ชา้ งขนุ แผน (เรื่องยอ่ และขอ้ คิด) | TruePlookpanya.///(2559).//ขุนชา้ งขนุ แผน.//สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี 30
พฤศจิกายน 2563./จาก/http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/528#