การอ่านเพื่อพจิ ารณาวรรณคดีประเภทร้อยแก้ว
การวจิ ารณ์วรรณกรรมร้อยแก้ว
ควรพจิ ารณาองค์ประกอบดังต่อไปนี้
สารคดี
๑. รูปแบบ ลกั ษณะการเขียนวรรณกรรมร้อยแกว้ ประเภทน้ีมีหลายรูปแบบ เช่น
เรียงความ ความเรียง บทความ เป็นตน้
๒. เนื้อหา ประกอบดว้ ยโครงเร่ืองและเน้ือเร่ือง
๒.๑ โครงเร่ือง คือ หวั ขอ้ ยอ่ ยที่สร้างข้ึนจากแนวคิดสาคญั จาก
โครงเร่ื องจะมีการต่อเติมเสริ มแต่งจนกลายเป็ นเน้ือเรื่ อง
๒.๒ เน้ือเร่ือง เป็นส่วนท่ีผเู้ ขียนกล่าวถึงเร่ืองอะไรบา้ ง มี
สาระสาคญั อะไร เน้ือเรื่องแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ดงั น้ี
ส่วนข้นั นา เป็นการกล่าวขอ้ ความที่จะนาไปสู่เร่ือง
ส่วนที่เป็นตวั เรื่อง เป็นส่วนเน้ือเร่ืองที่ผเู้ ขียนกล่าวถึงความ
เป็นจริง หรือเป็นขอ้ ความรู้
ส่วนทา้ ยเร่ือง เป็นการเนน้ ขอ้ คิดอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงใหผ้ อู้ ่าน
เห็นเด่นชดั อาจทิ้งทา้ ยดว้ ยปัญหาเพ่ือทา้ ทายใหผ้ อู้ ่านคิดต่อไป
๓. กลวธิ ี พิจารณาวา่ ผเู้ ขียนใชว้ ธิ ีแบบเรียบง่ายหรือ
ซบั ซอ้ น การลาดบั เป็นไปตามข้นั ตอนหรือไม่
๔. การใช้ภาษา พิจารณาสานวนภาษาที่ใชว้ า่ ใชภ้ าษาได้
เหมาะสมกบั เน้ือเร่ืองหรือไม่ สานวนภาษาท่ีใชเ้ ป็นภาษาที่
เป็นทางการ หรือภาษาไม่เป็นทางการ การเรียบเรียงขอ้ ความ
มีลกั ษณะท่ีชดั เจน เขา้ ใจง่าย หรือซบั ซอ้ นอยา่ งไร
บนั เทงิ คดี
๑. รูปแบบ
เร่ืองส้นั เร่ืองส้นั จะมีแนวคิดสาคญั เพียงแนวเดียว ตวั ละครมี
จานวนนอ้ ยประมาณ ๒ – ๓ ตวั เรื่องส้ันจะมีลกั ษณะเด่น คือ มีจุดแห่งความสนใจซ่ึง
สามารถดึงดูดผอู้ ่านใหเ้ กิดความเห็นคลอ้ ยตามหรือขดั แยง้ กไ็ ด้
นวนิยาย เป็นเรื่องสมมติที่แตง่ ข้ึนมีขนาดยาวเพยี งใดไม่จากดั มี
โครงเรื่องที่ดาเนินติดตอ่ และประสานกนั ตลอด ตวั ละครในเร่ืองแตล่ ะตวั มีลกั ษณะ
นิสยั ที่หลากหลายเพื่อความมุ่งหมายสาคญั คือ ใหม้ ีความสมจริง
๒. เนื้อหา คือ สาระสาคญั ท่ีทาใหเ้ กิดเป็นเร่ืองราวอนั ประกอบดว้ ย แก่นของเรื่อง
โครงเรื่อง ตวั ละคร ฉาก หรือบรรยากาศ ซ่ึงผเู้ ขียนจะประสมประสานส่ิงเหล่าน้ีเขา้
ดว้ ยกนั เป็นเรื่องราว
๒.๑ แก่นของเร่ืองหรือแนวคิด คือ จุดสาคญั ท่ีผเู้ ขียนตอ้ งการจะส่ือสาร
กบั ผอู้ ่าน เช่น ค่านิยม อารมณ์ต่างๆ แก่นของเรื่องจะเชื่อมโยงเรื่องท้งั หมดเขา้ ดว้ ยกนั โดยเสนอ
ทรรศนะที่ผเู้ ขียนตอ้ งการผา่ นพฤติกรรมของตวั ละครออกมาเป็นลกั ษณะนิสยั ของตวั ละครใน
เรื่อง
๒.๒ โครงเรื่อง คือ การลาดบั เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่อง
เชื่อมโยงเหตุการณ์ในเรื่องใหด้ าเนินต่อไปต่อเนื่องเป็นเร่ืองราวต้งั แต่ตน้ จนจบ
๒.๓ ตวั ละคร คือ ผปู้ ระกอบพฤติกรรมตามเหตุการณ์ในเรื่อง ตวั ละคร
แบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือ ตวั ละครท่ีเปล่ียนแปลงไม่ได้ กบั ตวั ละครที่เปลี่ยนแปลงได้
๒.๔ บทสนทนา บทสนทนาท่ีดีตอ้ งง่ายและเหมาะสมกบั
บุคลิกลกั ษณะนิสัยของตวั ละคร
๒.๕ ฉาก บรรยากาศ หรือสถานที่ บรรยากาศคือรายละเอียดในเรื่องท่ี
ก่อใหเ้ กิดอารมณ์อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เป็นพลงั ใหเ้ กิดพฤติกรรมตามโครงเร่ือง
๓. กลวธิ ี กลวิธีที่ผเู้ ขียนใชใ้ นการดาเนินเร่ือง เช่น เล่าไปตามลาดบั เวลา หรือเล่ายอ้ นกลบั
๔. การใช้ภาษา ผเู้ ขียนจะใชล้ กั ษณะการเขียนดว้ ยศิลปะเฉพาะตน จึงควรพจิ ารณาโดยรวม
ดงั น้ี
๔.๑ การเลือกใชค้ า ถอ้ ยคาที่ใชค้ วรมีความหมายเหมาะสมกบั ทานอง
เรื่องที่เขียนและลกั ษณะของตวั ละคร
๔.๒ การใชโ้ วหารในการเขียน ดงั น้ี
- บรรยายโวหาร มีจุดมุ่งหมายเพื่อเล่าเร่ืองอธิบาย
เร่ืองราวเพ่อื ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจ บรรยายโวหารจะใชถ้ อ้ ยคาตรงไปตรงมา รวบรัด ไม่เยนิ่ เยอ้
- พรรณนาโวหาร ใชเ้ พอ่ื ถ่านทอดเร่ืองราวหรือความรู้สึก
เก่ียวกบั เหตุการณ์ อารมณ์ และจินตนาการ เพอ่ื ใหผ้ อู้ ่านเกิดความซาบซ้ึง
- อุปมาโวหาร เป็นการเขียนโดยใชถ้ อ้ ยคาแสดงการ
เปรียบเทียบเพ่ือใหเ้ ขา้ ใจหรือเห็นภาพชดั เจน
- สาธกโวหาร เป็นการเขียนโดยใชถ้ อ้ ยคาที่มุ่งใหค้ วาม
ชดั เจน โดยยกตวั อยา่ งอธิบายใหแ้ จ่มแจง้
- เทศนาโวหาร เป็นการเขียนท่ีใชถ้ อ้ ยคาเพ่อื การสงั่ สอน
ชกั จูง โนม้ นา้ ว
โวหาร
โวหาร หมายถึง ถอ้ ยคาที่พดู กนั เป็นช้นั เชิง ไม่พดู
ตรงๆ เเต่มีความหมายแฝงอยใู่ นคาพดู น้นั ๆ และผฟู้ ังยอ่ ม
เขา้ ใจความหมายไดท้ นั ที ถา้ คาพดู น้นั เป็นที่รู้จกั และใชก้ นั
อยา่ งเเพร่หลายจนอยตู่ วั เเลว้
๑. สาธกโวหาร เป็นขอ้ ความท่ีใชเ้ ขียนอธิบายแสดงความคิดเห็น และ
วจิ ารณ์เกี่ยวกบั เรื่องใดเรื่องหน่ึง โดยยกตวั อยา่ งมากล่าวอา้ งเพอื่ ใหเ้ กิด
ความเขา้ ใจยงิ่ ข้ึน
ตวั อย่าง สาธกโวหาร
ผคู้ นชอบที่จะยอ้ นคิดถึงอดีต ยกตวั อยา่ งเช่น เมื่อเรายา้ ยบา้ นใหม่ ไม่
วา่ บา้ นใหม่ของเราจะดีอยา่ งไรเรากม็ กั จะคิดถึงท่ีเก่าเเละอยากกลบั ไปดู
เมื่อเราซ้ือส่ิงอนั ใหม่ เรามกั ยงั คงจาของชิ้นเก่าที่มีคุณภาพดีได้ เเละ
เม่ือเราซ้ือเส้ือผา้ ชุดใหม่หรือรองเทา้ คู่ใหม่ เรามกั จะรู้สึกวา่ มนั ใส่ไม่สบาย
เทาของเก่าของเรา
เรารู้สึกเช่นน้ีกบั สิ่งของ และยง่ิ ไปกวา่ น้นั แมก้ บั ผคู้ น เราทกั จะคิดถึง
เพ่อื นร่วมช้นั เรียนเก่าๆ กลุ่มเพื่อนเก่า เเละเพอื่ นสนิทคนเก่า และหวงั ให้
ทุกคนมีโอกาสไดม้ ารวมกนั อีกคร้ัง
การยอ้ นคิดถึงอดีตเป็นส่ิงท่ีดี และยงั เป็นจิตสานึกของการไม่ลืม
รากฐานความเป็นมาของเราดว้ ย
๒. พรรณาโวหาร เป็นขอ้ ความท่ีใชเ้ ล่าเร่ืองราวให้
รายละเอียดจนผอู้ ื่นสามารถนึกเห็นภาพได้ หรือเกิด
จินตนาการจากเร่ืองท่ีอา่ นได้
ตวั อย่าง พรรณาโวหาร
แม่นกและพอ่ นกบินถลาเขา้ มาดว้ ยความโกรธ มนั
บินวนเวยี นเหนือยอดไมแ้ ละส่งเสียงร้องดงั สะทา้ นคลา้ ย
หวั ใจจะเเตกสลาย
๓. บรรยายโวหาร เป็นขอ้ ความที่เล่าหรือช้ีเเจงเก่ียวกบั การสังเกตการเล่า
เรื่อง การรายงาน และวธิ ีการทา เป็นการใชภ้ าษาที่ทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจ
ง่าย
ตวั อย่าง บรรยายโวหาร
โครงเร่ืองของเรื่องรามเกียรต์ิกล่าวถึง ทา้ วทศรถกษตั ริยผ์ คู้ รอง
กรุงอโยธยาไดเ้ คยทรงสญั ญาตอ่ นางไกยเกษี พระมเหสีองคห์ น่ึงวา่ จะทูล
ขออะไรกไ็ ด้ เพราะคร้ังหน่ึงนางไดช้ ่วยพระองคใ์ หร้ อดพน้ จากอนั ตราย
ในสงคราม เมื่อทา้ วทศรถจะอภิเษกใหพ้ ระรามซ่ึงเป็นโอรสที่เกิดจากพระ
มเหสีกองคห์ น่ึงข้ึนครองราชยต์ อ่ จากพระองค์ นางไกยเกษีจึงทูลขอให้
ทา้ วทศรถยกราชสมบตั ิใหพ้ ระพรตโอรสของนาง และขอใหพ้ ระราม
ออกไปบาเพญ็ พรตอยใู่ นป่ า ๑๔ ปี
๔. อปุ มาโวหาร เป็นขอ้ ความท่ีกลา่ วเปรียบเทียบของสองสิ่งวา่ เหมือนกนั มกั ใชค้ า
วา่ เหมือน คลา้ ย ดุจ ดูราว กล ประหน่ึง เพยี ง ดงั่ ราวกบั เฉก เช่น
ตัวอย่าง อุปมาโวหาร เเค้นโอรสราวกบั ไฟไหมม้ งั สา
เเมน้ จะวา่ โดยดีมิเห็นฟัง
อสุรีผเี ส้ือเหลือจะอด
ช่างหลอกหลอนผอ่ นผนั จานรรจา
จาก พระอภยั มณี ตอน หนีนางผเี ส้ือ ของสุนทรภู่
๕. เทศนาโวหาร เป็นขอ้ ความที่ใหข้ อ้ คิดเตือนสติและทาใหเ้ กิดความจรรโลงใจ
ตวั อย่าง เทศนาโวหาร
งานไม่ใช่เงนิ
การประกอบธุรกิจต่างๆ เรียกวา่ งาน คือหนา้ ท่ีหรือกิจการท่ีตอ้ งทา หมายความวา่ การ
ทางานกค็ ือ การทาหนา้ ที่
หนา้ ที่ของคนมีอะไรบา้ งเป็นเร่ืองที่ตอบยากดว้ ยคาจากดั เพราะหนา้ ที่ของคนใน
ครอบครัว พอ่ อยา่ งหน่ึง เเม่อยา่ งหน่ึง ลูกอยา่ งหน่ึง คนใชก้ อ็ ีกอยา่ งหน่ึง ขยายออกไปถึงคนท้งั
ประเทศ หนา้ ที่กข็ ยายออกไปอีก ซ่ึงแยกประเภทของงานกไ็ ด้ ๒ ประเภท คือ งานส่วนตวั กบั งาน
ส่วนรวม
ส่วนตวั ทาเพ่ือหารายไดเ้ ล้ียงตวั และครอบครัว ส่วนรวมเป็นงานสาธารณะเพ่ือหมู่คณะ
เพือ่ ประเทศชาติ งานบางอยา่ งทาเพ่ือไดม้ า บางอยางทาเพื่อเสียสละ งานเพ่อื เสียสละ เป็นงานสนั ติ
โดยส่วนเดียว งานส่วนตวั ไม่ใช่สนั ติโดยตรง แต่ถา้ เป็นงานดีกเ็ ป็นท้งั สนั ติส่วนตวั เเละส่วนรวมคู่
กนั ไป
ผลงานน้นั เป็นเคร่ืองวดั ระดบั ของคน บอกใหร้ ู้วา่ เป็นคนดีหรือเลวมากนอ้ ยเพียงไร ไม่
ปรากฎหลกั การใดวา่ งานคือเงิน เพราะเงินเป็นเพยี งผลพลอยไดจ้ ากงานเท่าน้นั
ทางานทุกอยา่ งจงนึกถึงผลงานโดยตรง อยา่ คานึงเฉพาะเเต่เงินเท่าน้นั
เพราะคนตื่นเงินน้นั ยอ่ มประพฤติตนจนเป็นที่ดูหม่ินของคนท้งั ปวง
โวหารสาธก
หยิบยกตวั อยา่ ง นามากลา่ วอา้ ง กระจ่างแจม่ ชดั
บรรยายโวหาร
เลา่ ขานเรอ่ื งราว ชีแ้ จงบอกกลา่ ว ใหเ้ ขา้ ใจกนั
พรรณนาโวหาร
จินตนาการฝัน รายละเอียดครบครนั สรา้ งสรรคภ์ าษา
อปุ มาโวหาร
แตกฉานความคิด ชีแ้ จงประดิษฐ์ สิง่ หนง่ึ เหมือนอีกสง่ิ หน่ึง
เทศนาโวหาร
เสรมิ สรา้ งปลกู จิต ส่งั สอนเพ่ือนมิตร รูท้ างผิดชอบ
จบแลว้ จา้
........