เค้าโครงวิจัยในชั้นเรียน
เรื่อง
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มนมของนักเรียนชั้นอนุบาล 1
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ลำพะยา โดยใช้เทคนิคการเล่านิทาน
ประกอบสื่อหุ่นกระดาษ
จัดทำโดย
นางหนึ่งฤทัย วงศ์เจริญรัตนา
รหัส 571501321095 (ห้อง 2)
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
เด็กเป็นทรัพยากรบุคคลที่สําคัญของประเทศ การพัฒนาประเทศให้เจริญจําเป็นต้อง
พัฒนาเด็ก ซึ่งเป็นอนาคตของชาติให้มีความพร้อมในทุกๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน
สุขภาพอนามัย ภาวะโภชนาการ เป็นดัชนีบ่งชี้ท่ีดีของภาวะสุขภาพโดยรวมของเด็ก และภาวะ
โภชนาการท่ีดีเป็นต้นทุนสําคัญที่ส่งเสริม ให้เด็กเจริญเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ ปัจจุบัน
ภาวะโภชนาการยังเป็นปัญหาสําคัญในเด็กวัยเรียน ทั้งโภชนาการเกิน นำ้หนักตัวเกิน
มาตรฐาน (เริ่มอ้วนและอ้วน)และภาวะโภชนาการขาด(ผอม) นำ้หนักตัวตำ่กว่ามาตรฐาน
นมเป็นส่วนหน่ึงของอาหารที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกายมนุษย์โดยปกติคน
ไทยจะให้ความสำคัญ ในการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เป็นหลักจากสถิติการดื่มนม
ของคนไทยที่ดื่มนมค่อนข้างน้อยมาก ทั้งที่ในน้ำนมเป็นแหล่งอาหารท่ีมีคุณค่าอนันต์ อุดมไป
ด้วยโปรตีน วิตามิน เกลือแร่และแร่ธาตุต่างๆมากมาย ย่อยง่าย นมช่วยเสริมสร้างกระดูกและ
ฟันให้แข็งแรง ทั้งยังส่งผลทำให้เพิ่มความสูงในวัยเด็กกำลังเจริญเติบโตเป็นอย่างดี พ่อแม่
หรือผู้ปกครองและครูในโรงเรียนควรช่วยกันปลูกฝังให้เด็กดื่มนมเป็นประจำทุกวันเพื่อ เสริม
สร้างลักษณะนิสัยที่ดีต่อการดื่มนมให้ติดเป็นนิสัยตลอดจนถึงเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกและ
ยูนิเซฟ แนะนำให้แม่เลี้ยงลูกด้วยนมตนเองอย่างเดียว 6 เดือนเต็ม และหลังจากนั้นเลี้ยงควบคู่
อาหารที่เหมาะสมตามวัยจนลูกอายุครบ 2 ปี เพราะนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ลูก
ได้สารอาหารครบถ้วนทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยการพัฒนาเซลล์สมอง เส้นใยประสาท และ
จอประสาทตา เด็กที่ได้กินนมแม่ มีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ ได้เร็ว ส่งผลให้มีไอ
คิวดีกว่าเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ 2-11 จุด ร่างกายแข็งแรง ว่องไว อารมณ์ดี ลูกไม่ป่วยบ่อย
นอกจากนี้ นมแม่ในระยะสัปดาห์แรก จะมียอดน้ำนมที่เรียกว่า หัวน้ำนม หรือ โคลอสตรัม ถือ
เป็นยอดอาหารที่อุดมไปด้วยสารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ครบถ้วน และมี
ภูมิคุ้มกันสูงสุด เปรียบเสมือนได้รับวัคซีนหยดแรกของชีวิต เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ
จากการสังเกตพฤติกรรมการดื่มนมในช่วงบ่ายหลังจากนักเรียนตื่นนอน ของนักเรียน
ชั้นอนุบาล 1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ลำพะยา พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ไม่สนใจจะดื่มนม และ
บางคนดื่มนมไม่หมดถุง จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียนเหล่านั้นด้วย เนื่องจากจะไม่ได้
รับสารอาหารที่ทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเสริมให้ระหว่างวันอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อความ
ต้องการตามวัยจากพฤติกรรมของนักเรียนที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้วิจัยในฐานะครูและผู้มีส่วนรับผิด
ชอบดูแลงานด้านโภชนาการภายในศูนย์มีความสนใจที่จะร่วมสร้างเสริมปลูกฝังและปูพื้นฐาน
คุณลักษณะที่ดีให้กับนักเรียนตั้งแต่วัยเรียน เพราะการเริ่มปลูกฝังได้เร็วเท่าไรนักเรียนก็จะปรับ
เปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยชินได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้น ผู้วิจัยจึงได้นำเอาเทคนิคการเล่านิทานประกอบสื่อหุ่น
กระดาษมาใช้ประกอบเพื่อเป็นแรงจูงใจและเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มนมของนักเรียน
ชั้นบริบาล 1/1 ให้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการดื่มนมและส่งผลให้มีพฤติกรรมการดื่มนมไป
ในทางที่ดีขึ้น จากการศึกษาในครั้งนี้จะทำให้ผู้วิจัยสามารถนำมาพัฒนาและปรับปรุงในการ
ทำงานในครั้งต่อไป
วัตถุประสงค์การวิจัย
1.เพื่อหาประสิทธิภาพของเครื่องมือวิจัยให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ค่า E1 / E2 = 75/75
2.เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการดื่มนมของนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ระหว่างก่อนและ
หลังการทดลอง
3.เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเล่า
นิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ
สมมติฐาน
1.ประสิทธภาพของเครื่องมือวิจัยมีประสิทธิภาพ ค่า E1/ E2 = 75/75
2.หลังการเล่านิทานโดยใช้นิทานสื่อหุ่นกระดาษ นักเรียนชั้นอนุบาล 1 มีพฤติกรรม
การดื่มนมสูงกว่าก่อนการเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ
3.หลังการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ นักเรียนชั้นอนุบาล 1
มีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมอยู่ในระดับมาก
กรอบแนวคิดในการวิจัย
ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม
การเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ พฤติกรรมการดื่มนม
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1.นักเรียนชั้นอนุบาล 1 มีพฤติกรรมการดื่มนมที่ดีขึ้นทำให้นักเรียนมีส่วนสูง
ตามเกณฑ์และมีพัฒนาการสมวัย
2.ครูได้นวัตกรรมที่ส่งเสริมด้านภาวะโภชนาการที่มีประสิทธิภาพและสามารถ
เผยแพร่เพื่อนครูในโรงเรียนได้
ขอบเขตของการวิจัย
กลุ่มตัวอย่างประชากร
กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชาย - หญิง จำนวน 9 คน ที่กำลังศึกษา
อยู่ชั้นอนุบาล 1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ลำพะยา ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560
ขอบเขตด้านเวลา
ระยะเวลาดำเนินการศึกษาใช้ระยะเวลาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ใช้
เวลาสอน 3 วัน วันละ 30 นาที
นิยามศัพท์เฉพาะ
1.พฤติกรรมการดื่มนม หมายถึง การแสดงออกถึงลักษณะและพฤติกรรมการดื่มนม
ของนักเรียน เช่น การดื่มนมหมดถุง , การไม่ทานนมหกเลอะเทอะ , การทิ้งถุงนมลงในถังขยะ
และการรู้จักการรอคอย
2.นิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ หมายถึง นิทานที่เล่าประกอบสื่อที่จัดสร้างขึ้น โดย
สร้างสรรค์จากกระดาษแล้วระบายสี ทั้งฉากและตัวละครหุ่นกระดาษของเรื่องที่ผู้เล่าเลือกนำ
มาเล่าแก่ผู้ฟัง
3.นักเรียนชั้นอนุบาล หมายถึง เด็กที่มีอายุตั้งแต่ปฏิสนธิถึง 6 ปีบริบูรณ์ การอบรม
และเลี้ยงดูแก่เด็กปฐมวัยมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเด็กวัยนี้ต้องการการเรียนรู้ ในสิ่ง
แวดล้อมรอบๆตัว ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ด้าน จากบิดา มารดา คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดพัฒนาการที่เป็นรากฐานของ บุคลิกภาพ อุปนิสัย และการเจริญเติบโตทั้ง
ทางร่างกายและจิตใจ สมอง สติปัญญา ความสามารถ เพราะเด็กในช่วงตั้งแต่ปฏิสนธิใน
ครรภ์แม่จนถึง 4 ปี ระบบประสาทและสมองจะเจริญเติบโตในอัตราสูงสุด (ประมาณ 80 %
ของผู้ใหญ่) การอบรมปลูกฝังสร้างเสริมพัฒนาการทุกด้านให้แก่เด็กปฐมวัยได้เจริญ เติบโต
เต็มศักยภาพในช่วงอายุนี้ จะเป็นรากฐานที่ดีจะให้เขาเติบโตเป็นเยาวชนและพลเมืองที่ดี
เฉลียวฉลาด คิดเป็น ทำเป็น และมีความสุข เด็กปฐมวัยจะมีชีวิต รอดและเติบโตได้ก็ด้วยการ
พึ่งพาพ่อแม่ และผู้ใหญ่ที่ช่วยเลี้ยงดู ปกป้องจากอันตราย หากผู้ใหญ่ให้ความรักเอาใจใส่ใกล้
ชิด อบรมเลี้ยงดูโดยเข้าใจเด็กพร้อมจะ ตอบสนองความต้องการพื้นฐานที่เปลี่ยนไปตามวัยได้
อย่างเหมาะสมให้สมดุลย์กันทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สติปัญญา และสังคมแล้ว เด็กจะ
เติบโตแข็งแรง แจ่มใส มีความมั่นคงทางใจ รู้ภาษา ใฝ่รู้ และใฝ่ดี พร้อมที่จะพัฒนาตนเองใน
ขั้นต่อไป ให้เป็นคนเก่งและคนดีอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุขและมีประโยชน์
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มนมของนักเรียนชั้น
อนุบาล 1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ลำพะยา โดยใช้เทคนิคการเล่านิทานหุ่นมือ มี
วัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการดื่มนมของนักเรียน ก่อนและหลังการใช้เทคนิค
การเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษประกอบการจัดกิจกรรม ในการศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัยได้
ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
1. ทฤษฎีพัฒนาการของกีเซล (Gesell)
อาร์โนลด์ กีเซล (Arnold Gesell. 1880-1961) (อ้างถึงใน สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์,
2547 : 35) เป็นนักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ผู้เริ่มก่อตั้งสถาบันพัฒนาการเด็ก (Institute of
Child Development) ณ มหาวิทยาลัยเยล ระหว่างปี ค.ศ. 1930-1940 อธิบายทฤษฎีเกี่ยวกับ
การเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กว่าการเจริญเติบโตของเด็กทางร่างกาย เนื้อเยื่อ อวัยวะ
หน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ และพฤติกรรมที่ปรากฏขึ้นเป็นรูปแบบที่แน่นอนและเกิดขึ้นเป็นลำดับ
ขั้น ประสบการณ์ และสภาพแวดล้อมเป็นองค์ประกอบรองที่ต่อเติมเต็มเสริมพัฒนาการต่าง ๆ
กีเซลเชื่อว่าวุฒิภาวะจะถูกกำหนดโดยพันธุกรรม และมีในเด็กแต่ละคนมาตั้งแต่เกิด ซึ่งเป็นสิ่ง
สำคัญที่ทำให้เด็กแต่ละวัยมีความพร้อมทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ถ้าวุฒิภาวะหรือความพร้อมยังไม่เกิด
ขึ้นตามปกติในวัยนั้น สภาพแวดล้อมจะไม่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการของเด็กการนำไปใช้ในการ
เรียนรู้
2. ทฤษฎีพัฒนาการทางบุคลิกภาพของซิกมันต์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)
ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud. 1856-1939) ได้ให้ความสำคัญของเด็กวัย 5 ปี
แรกของชีวิต ซึ่งเป็นวัยที่สำคัญที่สุดของชีวิตเขาเชื่อว่าวัยนี้เป็นรากฐานของพัฒนาการด้าน
บุคลิกภาพ และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเด็กที่สุดคือ แม่จะเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างสูงต่อ
บุคลิกภาพและสุขภาพจิตของเด็ก ฟรอยด์ได้พัฒนาทฤษฎีที่เกี่ยวกับพัฒนาการของเด็กตั้งแต่
แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น โดยให้ชื่อว่าทฤษฎีพัฒนาการทางเพศ (Psychosexual Development)
ซึ่งทฤษฎีนี้เชื่อว่า พัฒนาการทางบุคลิกภาพของเด็กแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลง
ชีวภาพของร่างกาย โดยร่างกายจะเปลี่ยนแปลงบริเวณแห่งความพึงพอใจเป็นระยะ ๆ ในช่วง
อายุต่าง ๆ กัน และถ้าบริเวณแห่งความพึงพอใจต่าง ๆ นี้ได้รับการตอบสนองเต็มที่ เด็กจะมี
พัฒนาการที่ดีและสมบูรณ์ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่ได้รับการตอบสนองเต็มที่ก็จะทำให้เกิด
การสะสมปัญหาและแสดงออกเมื่อเด็กโตขึ้น
3. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
1. ชื่อเรื่องวิจัย : การสร้างแรงจูงใจเพื่อปรับพฤติกรรมการดื่มนมของนักเรียนชั้นประถมปีที่ 2
โดยใช้สื่อวีดีโอ ผู้วิจัยคือ : มิสวรรณพิมล ยุนทยะพัธน์ ทดลองโดยการใช้สื่อวีดีโอเพื่อเป็น
แรงจูงใจให้เด็กเห็นถึงความสำคัญของการดื่มนม
2. ชื่อเรื่องวิจัย : เรื่อง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การดื่มนมของเด็กปฐมวัย โดยการจัด
กิจกรรมการเคลื่อนไหวประกอบเพลง (กายบริหาร)
ผู้วิจัย คือ : นางรจนา มีแสง ทดลองโดยการใช้กิจกรรมเคลื่อนไหวประกอบเพลง (กาย
บริหาร)
3. ชื่อเรื่องวิจัย : การศึกษาพฤติกรรมการบริโภคนมพร้อมดื่มและปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสิน
ใจซื้อผลิตภัณฑ์ของ นักศึกษา คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขต
สารสนเทศเพชรบุรี
ชื่อผู้วิจัย : นางสาวขนิษฐา. เกื้อขนุน
ทดลองโดยการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคนม ของนักศึกษาโดยการใช้แบบสอบถาม และ
สถิตเป็นเครื่องมือในการวิจัย
บทที่ 3
วิธีดำเนินการวิจัยชั้นเรียน
การศึกษาวิจัยชั้นเรียนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1)เพื่อหาประสิทธิภาพของเครื่องมือวิจัยให้ได้
ตามเกณฑ์มาตรฐาน ค่า E1/E2 = 75/75 2)เพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการดื่มนมของนักเรียน
ชั้นอนุบาล 1 ระหว่างก่อนและหลังการทดลอง 3)เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้น
อนุบาล 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ ในการศึกษาครั้งนี้ผู้วิจัย
ดำเนินการศึกษาตามขั้นตอนดังนี้
1.ประชากร
2.ตัวแปรที่ศึกษา
3.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
4.การเก็บรวบรวมข้อมูล
5.สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1.กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาได้แก่ เด็กนักเรียนชาย - หญิง อายุระหว่าง 2 - 3 ปี ชั้นอนุบาล 1
จำนวน 9 คน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อบต.ลำพะยา สังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลลำพะยา
อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
2.ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรต้น ได้แก่ การเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ
ตัวแปรตาม ได้แก่ พฤติกรรมการดื่มนม
3.แบบแผนการวิจัย
แบบแผนการทดลอง
การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi-experimental Design) ผู้วิจัยได้
ดำเนินการทดลองโดย ใช้การทดลองกลุ่มเดียว วัดผลก่อนและหลังการทดลอง One Group
Pretest Posttest Design (พวงรัตน์ ทวีรัตน์. 2536: 65) ดังตารางที่ 1
ความหมายของสัญลักษณ์
E แทน กลุ่มทดลอง
T1 แทน คะแนนจากแบบทดสอบก่อนการทดลอง (Pretest)
T2 แทน คะแนนจากแบบทดสอบหลังการทดลอง (Posttest)
X แทน การจัดกิจกรรมการเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ
4.เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูล
1.แผนการจัดประสบการณ์
2.แบบบันทึกพฤติกรรมการสังเกตการดื่มนมของนักเรียน
3.แบบบันทึกความพึงพอใจของเด็กนักเรียน
แผนการจัดประสบการณ์
ขั้นตอนการสร้างแผนการจัดประสบการณ์
1.ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 เอกสารการจัดกิจกรรม เอกสารตำรา
และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.จัดทำแผนการจัดประสบการณ์เทคนิคการเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ จำนวน 3 แผน
3.นำแผนการจัดประสบการณ์ที่สร้างขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ เพื่อพิจราณามีความตรงตาม
โครงสร้างทฤษฎี (Construct Validity) โดยหาค่าดัชนีความสอดคล้อง ระหว่างแผนการจัด
กิจกรรมวัตถุประสงค์การวิจัย (Index of Item - Objective Congrucnce - IOC)
4.ปรับปรุงแก้ไขตามข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
5.นำแผนการจัดประสบการณ์ไปทดลองใช้กับเด็กที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 3 คน เพื่อหาข้อ
บกพร่องของแผนแล้วปรับปรุงแก้ไข ก่อนนำไปใช้จริง
6.นำแผนการจัดประสบการณ์ที่ปรับปรุงแล้วไปดำเนินกิจกรรมกับเด็กนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง
ตั้งแต่วันที่ 20-30 กรกฎาคม พ.ศ.2560
แบบบันทึกพฤติกรรมการสังเกตการดื่มนมของนักเรียน
ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ
1.ศึกษาอ่านเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาพฤติกรรมการดื่มนม
2.สร้างแบบบันทึกพฤติกรรมการดื่มนมเพื่อมาสังเกตพฤติกรรมการดื่มนมของนักเรียน
3.นำแบบบันทึกพฤติกรรมที่สร้างขึ้นโดยให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่านตรวจสอบความเที่ยง
ตรงเชิงเนื้อหา (Construct Validity) โดยหาค่าดัชนีความสอดคล้อง ระหว่างแบบบันทึก
พฤติกรรมกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย (Index of Item - Objective Congrucnce - IOC)
4.ปรับปรุงแก้ไขตามข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
5.นำแบบบันทึกพฤติกรรมทดลองใช้กับเด็กที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 3 คน เพื่อหาข้อ
บกพร่องของแบบบันทึกพฤติกรรมแล้วปรับปรุงแก้ไข ก่อนนำไปใช้จริง
6.นำแบบบันทึกพฤติกรรม ที่ปรับปรุงแล้วไปดำเนินการทดสอบกับเด็กนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง
ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดประสบการณ์
แบบบันทึกความพึงพอใจของเด็กนักเรียน
ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือ
1.ศึกษาอ่านเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.สร้างแบบบันทึกความพึงพอใจของเด็กนักเรียน
3.นำแบบบันทึกพฤติกรรมที่สร้างขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 3 ท่านตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิง
เนื้อหา (Construct Validity) โดยหาค่าดัชนีความสอดคล้อง ระหว่างแบบบันทึกความพึง
พอใจกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย (Index of Item - Objective Congrucnce - IOC)
4.ปรับปรุงแก้ไขตามข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
5.นำแบบบันทึกความพึงพอใจทดลองใช้กับเด็กที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างจำนวน 3 คน เพื่อหาข้อ
บกพร่องของแบบบันทึกแล้วปรับปรุงแก้ไข ก่อนนำไปใช้จริง
6.นำแบบบันทึกความพึงพอใจที่ปรับปรุงแล้วไปดำเนินการทดสอบกับเด็กนักเรียนกลุ่ม
ตัวอย่างหลังการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดประสบการณ์
5.การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยดำเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 ทำการทดลองเป็นเวลา 3 วัน
วันละ 30 นาที ทำการทดลองในช่วงเวลา 10.00 น. - 10.30 น. รวมทั้งหมด 3 ครั้ง
ดำเนินการดังนี้
1.การประเมินความสามารถด้านการปรับพฤติกรรมการดื่มนมก่อนการทดลองเป็นราย
บุคคล
2.ดำเนินการจัดประสบการณ์กิจกรรมการเล่านิทานประกอบสื่อหุ่นกระดาษ วันจันทร์,วัน
อังคาร และวันพฤหัสบดี วันละ 30 นาที จำนวน 3 วัน
3.ประเมินความสามารถด้านการปรับพฤติกรรมการดื่มนมช่วงระยะระหว่างการทดลองใน
วันสุดท้าย
4.ประเมินความสามารถด้านการปรับพฤติกรรมการดื่มนมหลังการทดลอง
5.เก็บรวบรวมข้อมูลทั้งก่อน ระหว่างและหลังการทดลองเพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูลหาค่า
ร้อยละความก้าวหน้าของเด็กทุกคนและทั้งชั้นเรียน