คำนำ
งำนกิจกรรมพัฒนำผู้เรียนได้พัฒนำจัดทำหลักสูตรกิจกรรมกรรมพัฒนำผู้เรียนโรงเรียนเซกำ
พุทธศักรำช 2562 เพ่ือให้สอดคล้องกับกำรปรับปรุงหลักสูตรสถำนศึกษำโรงเรียนเซกำ พุทธศักรำช
2562 (ปรบั ปรุง 2560) และสอดคล้องกับจุดมุ่งหมำยของกจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน ตำมหลักสูตรแกนกลำง
กำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551 โดยมุ่งให้ผู้เรียนได้พัฒนำตนเองตำมศักยภำพพัฒนำอย่ำงรอบ
ด้ำนเพ่ือควำมเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่ำงกำยสติปัญญำ อำรมณ์ และสังคม เสริมสร้ำงให้เป็นผู้มีศีลธรรม
จริยธรรม มีระเบียบวินยั ปลูกฝังและสร้ำงจิตสำนึกของกำรทำประโยชน์เพ่อื สงั คม สำมำรถจัดกำรตนเองได้
และอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนอย่ำงมีควำมสุข กิจกรรมพัฒนำผู้เรียนมุ่งพัฒนำผู้เรียนให้ใช้องค์ควำมรู้ ทักษะและเจต
คติท่ีดีจำกกำรเรียนรู้ 8 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ และประสบกำรณ์ของผู้เรียนมำปฏิบัติกิจกรรมเพ่ือช่วยให้
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสำคัญ ได้แก่ ควำมสำมำรถในกำรส่ือสำร ควำมสำมำรถในกำรคิด ควำมสำมำรถใน
กำรแก้ปัญหำ ควำมสำมำรถในกำรใช้ทักษะชีวิต และควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี ซ่ึงจะส่งผลในกำร
พัฒนำผู้เรียนให้มคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ รักชำติ ศำสน์กษัตริย์ ซือ่ สัตย์สุจริต มีวินยั ใฝ่เรยี นรู้ อยู่
อย่ำงพอเพียง มุ่งมั่นในกำรทำงำน รักควำมเป็นไทยและมีจิตสำธำรณะ เกิดทักษะกำรทำงำน และอยู่
ร่วมกบั ผอู้ ื่นในสงั คมได้อย่ำงมีควำมสุขในฐำนะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก
ในกำรจัดทำหลักสูตรกิจกรรมพัฒนำผู้เรียนโรงเรียนเซกำ พุทธศักรำช 2562 ตำมแนวทำง
หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ ฉบับนี้ ได้รับควำมร่วมมือจำก
คณะกรรมกำรสถำนศึกษำขั้นพื้นฐำน คณะกรรมกำรบริหำรหลักสูตรและบริหำรงำนวิชำกำรสถำนศึกษำ
ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช ๒๕๕๑ เล่มนี้ จนสำเร็จลุล่วงเป็นอย่ำงดีและ
หวังว่ำเอกสำรหลกั สตู รกจิ กรรมพัฒนำผู้เรียนเลม่ น้ี คงจะเปน็ ประโยชนอย่ำงยง่ิ ตอ่ สถำนศึกษำ ครูผู้สอน ผู้
ท่ีเก่ียวขอ้ งและสำมำรถพัฒนำเยำวชนไทยให้มีควำมรู้ ควำมสำมำรถ มีควำมคิด เปน็ คนดมี ีคณุ ธรรม และ
ดำรงชีวติ อยูใ่ นสังคมไดอ้ ย่ำงมีควำมสุขตลอดไป
งำนกิจกรรมพฒั นำผเู้ รียน
สำรบญั หนำ้
เรือ่ ง
คำนำ 1
สำรบัญ 1
ควำมนำ 1
- บทนำ 1
- วิสัยทศั นง์ ำนกจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน 2
- ควำมหมำย 3
- ธรรมชำตแิ ละลกั ษณะวชิ ำ 3
- คณุ ภำพผ้เู รยี น 3
- เป้ำหมำย 4
- หลกั กำร 4
- แนวกำรจดั กิจกรรม 4
- ขอบข่ำยกำรจัดกิจกรรมพฒั นำผู้เรยี น 5
- สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 6
7
โครงสร้ำงเวลำ
- โครงสรำ้ งเวลำเรียนหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำข้นั พื้นฐำน 8 - 15
- โครงสร้ำงกำรจัดเวลำเรยี นหลกั สูตรกิจกรรมพัฒนำผู้เรยี นโรงเรยี นเซกำ 16
หลักสูตรกิจกรรมแนะแนว 16 - 23
กิจกรรมนกั เรยี น 23 - 26
26 - 36
- หลกั สูตรกิจกรรมลูกเสอื 36 - 37
- หลกั สตู รกจิ กรรมยุวกำชำด 38 - 40
- หลักสูตรกิจกรรมรกั ษำดินแดน 40 - 43
- หลักสตู รกิจกรรมชมุ นุม 44 - 81
หลกั สูตรกิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสำธำรณประโยชน์ 82 - 85
แนวทำงกำรประเมนิ ผลกจิ กรรมพัฒนำผู้เรียน 86 - 93
คำอธบิ ำยกิจกรรมพฒั นำผเู้ รียน กิจกรรมแนะแนว
คำอธิบำยกจิ กรรมพฒั นำผู้เรียน กิจกรรมลูกเสือ 95
คำอธบิ ำยกจิ กรรมพัฒนำผู้เรยี น กจิ กรรมยวุ กำชำด
ภำคผนวก
คำส่ังแต่งตงั้ คณะกรรมกำรบริหำรหลักสตู รสถำนศึกษำและบริหำรงำนวชิ ำกำร
๑
ความนา
1. บทนา
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นส่งเสริมความรู้ ทักษะและประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน
นอกเหนือจากการเรยี นในหอ้ งเรยี นตามปกติ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน เดิมเรยี กว่า กิจกรรมเสรมิ หลักสตู ร
(Co – Curriculum Activites) แต่ได้มีผู้ใช้ “กิจกรรมเสริมหลักสูตร” แตกต่างกันออกไปให้สอดคล้องกับ
ความหมายของคาวา่ “หลกั สตู ร” เช่นคาวา่ กจิ กรรมนักเรยี น ปัจจุบนั ความหมายของหลักสตู รได้เปล่ียนไป
ตามสภาพของสงั คม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางวิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดงั น้ันคา
วา่ “กจิ กรรมเสริมหลักสูตร” จึงเปลย่ี นไปเปน็ “กิจกรรมพัฒนาผ้เู รียน” ตามหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2551 (กระทรวงศึกษาธิการ 2551 : 16) ได้อ้างถึงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนว่า เป็นกิจกรรมท่ี
จดั อย่างเป็นกระบวนการด้วยรูปแบบวิธีการท่ีหลากหลาย เพ่ือให้ผู้เรียนพัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนา
อย่างรอบด้านเพ่ือความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้
ศลี ธรรมจรยิ ธรรม ระเบียบ วินยั ปลูกฝังและสร้างจิตสานึกของการทาประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการ
ตนเองได้และอยรู่ ่วมกบั ผอู้ นื่ อย่างมคึ วามสขุ
2. ความสาคัญ
กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 มุ่งให้เรียน
ได้พัฒนาตนเองตามศักยภาพ พัฒนาอย่างรอบด้านเพื่อความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย สติปัญญา
อารมณ์ และสังคม เสริมสร้างให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสานึกของ
การทาประโยชน์เพื่อสังคม สามารถจัดการตนเองได้ และอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนอย่างมีความสุข กิจกรรมพัฒนา
ผู้เรียนมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้ใช้องค์ความรู้ ทักษะและเจตคติจากการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ
ประสบการณ์ของผู้เรียนมาปฏิบัติกิจกรรมเพือ่ ช่วยใหผ้ ู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญ อันได้แก่ ความสามารถใน
การสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ และ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะส่งผลในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีทักษะ
การทางาน และอยูร่ ่วมกับผู้อ่ืนในสังคมได้อย่างมคี วามสุขในฐานะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก อันได้แก่รัก
ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย
และมีจติ สาธารณะ
3. วสิ ัยทศั น์งานกิจกรรมพัฒนาผเู้ รียน
วิสัยทัศน์ของกลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นกิจกรรมที่จัดอย่างเป็นกระบวนการ ด้วยรูปแบบ
วิธีการท่ีหลากหลาย ให้ได้รับประสบการณ์จากการปฏิบัติจริง มีความหมาย และมีคุณค่าในการพัฒนา
ผ้เู รยี นทง้ั ดา้ นร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุ่งเสริมเจตคติ คณุ ค่าชีวติ ปลกู ฝังคณุ ธรรมและ
ค่านิยมที่พ่ึงประสงค์ ส่งเสริมให้รู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง สร้างจิตสานึกในธรรมชาติและส่ิง แวดล้อม
ปรบั ตวั และปฏิบตั ติ นใหเ้ ป็นประโยชนต์ ่อสงั คม ประเทศชาติและดารงชวิ ีตไิ ด้อยา่ งมคี วามสขุ
7. ธรรมชาตแิ ละลักษณะวชิ า
กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเน้นการจัดกิจกรรมในลักษณะของการบูรณาการองค์ความรู้ต่างๆ
ที่เก้ือกูลส่งเสริมการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระให้มีความกว้างขาวงลึกซึ้งยิ่งข้ึน อีกท้ังให้ผู้เรียนได้ค้นพบและใช้
ศักยภาพท่ีมีในตนอย่างเต็มที่ เลือก ตัดสินใจ ได้อย่างมีเหตุผลเหมาะสมกับตนเอง สามารถวางแผนชีวิต
๒
และอาชีพได้อย่างมีคุณภาพ เน้นการเสริมสร้างทักษะชีวิต วุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรม และ
จรยิ ธรรม กจิ กรรมพัฒนาทักษะชวี ติ กิจกรรมสรา้ งเสรมิ ประสทิ ธิภาพทางการเรยี น เป็นตน้
8. คุณภาพของผเู้ รยี น
คณุ ภาพของผูเ้ รยี นเมอื่ จบหลักสตู ร
กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น มีวุฒิภาวะ
ทางอาร์ม มีกระบวนการคิด มีทักษะในการดาเนินชีวิตอย่างเหมาะสมและมีความสุข มีจิตสานึกในการ
รบั ผิดชอบต่อตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ
คุณภาพของผู้เรยี นเมอื่ จบแต่ละช่วงชั้น
ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลายต้น (ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1-3) เป็นระดับการศึกษาทมี่ ุ่งเนน้ ให้ผูเ้ รยี น
ได้สารวจความถนัด และความสนใจของตนเอง ส่งเสริมการพัฒนาบุคลิกภาพส่วนตน มีทักษะในการคิด
อยา่ งมีวจิ ารณญาณ คิดสรา้ งสรรค์ และคิดแก้ปัญหา มที ักษะในการดารงชีวิต มที ักษะการใช้เทคโนโลยีเพื่อ
เป็นเคร่ืองมือในการเรียนรู้ มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีความสมดุลทั้งด้านความรู้ ความคิด ความดีงาม
และมคี วามภมู ใิ จในความเปน็ ไทย ตลอดจนใชเ้ ปน็ พ้นื ฐาน ในการประกอบอาชีพ หรอื การศกึ ษาต่อ
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6) เป็นระดับการศึกษาท่ีมุ่งเน้น การเพิ่มพูน
ความรู้และทักษะเฉพาะด้าน สนองตอบความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคน ทั้ง
ด้านวิชาการ และวิชาชีพ มีทักษะ มีทักษะในการใช้วิทยาการและเทคโนโลยี ทักษะกระบวนการคิดขั้นสูง
สามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในการศึกษาต่อ และการประกอบอาชีพ มุ่งพัฒนาตนและ
ประเทศตามบทบาทของตน สามารถเป็นผู้นา และผู้ให้บริการชุมชนในด้านต่าง ๆ กรอบภาพรวมของการ
พฒั นาคณุ ภาพของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
9. เปา้ หมาย
การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาให้ ผู้เรียนเกิดสมรรถนะสาคัญ 5 ประการ ได้แก่
ความสามารถ ในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใช้
ทักษะชีวิต และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ ได้แก่ รักชาติ
ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทางาน รักความเป็นไทย และมี
จิตสาธารณะ
การจดั กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียนมุง่ พัฒนาใหบ้ ุคคลรูจ้ ักและเห็นคณุ ค่าในตนเองและผู้อ่นื มีวุฒิภาวะ
ทางอารมณ์ มีกระบวนการคดิ มที ักษะในการดาเนนิ ชบี ติ อย่างเหมาะสม และมคี วามสขุ มีจติ สานกึ ในการ
รับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ โดยกาหนดเปา้ หมายในการจดั กิจกรรมพัฒนา
ผู้เรียน ดงั นี้
1. ผเู้ รียนได้รบั ประสบการณท์ หี่ ลากหลาย เกดิ ความรูค้ วามชานาญ ท้ังวชิ าการดูแล
วชิ าชีพอย่างกวา้ งขวางมากย่งิ ข้ึน
2. ผเู้ รยี นคน้ พบความสนใจ ความถนดั และพัฒนาความสามารถพเิ ศษเฉพาะตัวมองเหน็
ช่องทางในการสรา้ งงาน อาชีพในอนาคตได้เหมาะสมกบั ตนเอง
3. ผเู้ รยี นเหน็ คุณคา่ ขององคค์ วามรู้ตา่ งๆ สามารถนาความรู้และประสบการณ์ไปใช้ใน
การพัฒนาตนเอง และประกอบอาชีพ
4. ผเู้ รียนพฒั นาบคุ ลิกภาพ เจตคติ ค่านิยมในการดารงชวี ิต และสรา้ งศีลธรรม
จรยิ ธรรม
๓
10. หลักการ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีหลักการสาคัญ ดงั น้ี
1. มีการกาหนดเปา้ หมายของการจัดกิจกรรมทชี่ ัดเจน เปน็ รูปธรรม และครอบคลมุ ผู้เรียนทุกคน
2. เปน็ กจิ กรรมทผ่ี ูเ้ รียนได้พัฒนาตนเองอยา่ งรอบด้านเตม็ ตามศกั ยภาพ ตามความสนใจ ความถนดั
ความต้องการ และเหมาะสมกบั วัยและวุฒิภาวะ
3.เป็นกจิ กรรมทป่ี ลูกฝังและส่งเสรมิ จิตสานกึ ในการบาเพญ็ ประโยชนต์ อ่ สังคมในลักษณะต่างๆ ที่
สอดคล้องกบั วถิ ชี วี ติ ประเพณี และวฒั นธรรมอยา่ งต่อเน่ืองและสม่าเสมอ
4. เป็นกจิ กรรมทีย่ ดึ หลักการมสี ่วนรว่ ม โดยเปดิ โอกาสให้ครู พ่อแม่ ผูป้ กครอง ผนู้ าชุมชน ปราชญ์
ชาวบา้ น องค์กร และหนว่ ยงานอืน่ มีสว่ นรว่ มในการจัดกจิ กรรม
11. แนวการจดั กจิ กรรม
สถานศึกษาจัดใหผ้ ู้เรยี นทุกคนต้องเข้าร่วมกจิ กรรม โดยมแี นวการจดั กิจกรรม ดงั น้ี
1. ใหผ้ ูเ้ รยี นปฏิบตั ิกจิ กรรมด้วยความสมคั รใจ
2.ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติกิจกรรมผ่านประสบการณ์ที่หลากหลาย ฝึกการทางานที่สอดคล้องกับชีวิตจริง
ตลอดจนสะทอ้ นความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ของผเู้ รยี น
3. จัดกิจกรมอย่างสมดุลทั้ง 3 กิจกรรม คือ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อ
สังคมและสาธารณประโยชน์ มีความสมดุลในการจัดกิจกรรมรายบุคคลและกิจกรรมกลุ่ม รวมทั้งมีการจัด
กิจกรรมในและนอกสถานศึกษา
4. จัดกิจกรรมโดยให้ผู้เรียนเป็นผู้ดาเนินการ โดยมีการสารวจ และใช้ข้อมูลประกอบ การวางแผน
อย่างเปน็ ระบบ เน้นการคิดวิเคราะหแ์ ละใช้ความคดิ สรา้ งสรรคใ์ นการดาเนินกิจกรรม
5. ใช้กระบวนการมีส่วนร่วมและการเรียนรู้แบบร่วมมือมากกว่าเน้นการแข่งขันบนพื้นฐาน การ
ปฏิบัตติ ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย
12. ขอบข่ายการจัดกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น
จดั กจิ กรรมให้ครบทงั้ 3 ลักษณะ คอื กจิ กรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรียนและกจิ กรรมเพ่ือสังคมและ
สาธารณประโยชน์ โดยมีขอบข่าย ดงั นี้
1. จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้กว้างขวางลึกซ้ึงยิ่งขึ้นในลักษณะเป็น
กระบวนการเชิงบูรณาการโดยยึดหลักคุณธรรมจริยธรรม ตลอดจนสามารถบูรณาการระหว่างกิจกรรมแนะ
แนว กจิ กรรมนักเรยี น และกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
2. จัดกิจกรรมที่ตอบสนองความสนใจ ความถนัด และความต้องการของผู้เรียนตามความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล เน้นการให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของวิชาความรู้ อาชีพ และการดาเนินชีวิตที่ดีงาม ตลอดจนเห็น
แนวทางในการศกึ ษาตอ่ และการประกอบอาชีพ
3. จัดกิจกรรมท่ีปลูกฝังและส่งเสริมจิตสานึกการทาประโยชน์ต่อสังคมในลักษณะต่างๆสนับสนุน
ค่านิยมที่ดีงามและเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551
4. จัดกิจกรรมท่ีฝึกการทางานและการให้บริการด้านต่าง ๆ ท้ังที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและต่อ
สว่ นรวม เพอ่ื เสริมสรา้ งความมนี า้ ใจ ความเอือ้ อาทร ความเปน็ พลเมืองดี และสังคม
13. โครงสร้างหลกั สตู รกิจกรรมพฒั นาผู้เรียนและเวลาเรยี น
๔
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโรงเรียนเซกา ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช
2551 ประกอบดว้ ยกจิ กรรม 3 ลกั ษณะ ดงั นี้
1. กจิ กรรมแนะแนว
เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ
คดิ แก้ปัญหา กาหนดเปา้ หมาย วางแผนชวี ติ ทางดา้ นการเรยี นและอาชพี สามารถปรับปรงุ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
นอกจากนีย้ ังชว่ ยให้ครูร้จู ักและเข้าใจผเู้ รียน ทัง้ ยังเป็นกจิ กรรมที่ช่วยเหลอื และใหค้ าปรึกษาแก่ผู้ปกครองใน
การมีส่วนร่วมพัฒนาผู้เรียน ส่งเสริมพัฒนาและสร้างภูมิคุ้มกันท่ีมั่นคง เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญตามความ
แตกตา่ งระหวา่ งบุคคลใหส้ ามารถค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเอง ประกอบด้วย
1.1 การแนะแนว ดา้ นบริการและให้คาปรกึ ษา
1.2 การแนะแนวการศึกษา
1.3 การแนะแนวอาชพี
1.4 การแนะแนวเพื่อพฒั นาบุคลิกภาพ
1.5 รู้จักเข้าใจและเห็นคณุ คา่ ในตนเองและผอู้ ืน่
1.6 การปรบั ตวั และดารงชีวติ
1.7 การแสวงหาและใชข้ ้อมลู สารสนเทศ
1.8 การตดั สินใจและแกป้ ัญหา
๒. กิจกรรมนกั เรยี น
เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามท่ีดี ความรับผิ ดชอบ
การทางานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกนั เอ้ือ
อาทร และสมานฉันท์ โดยจัดให้สอดคล้องกับความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียน ให้ได้
ปฏิบัติด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวิเคราะห์วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุง
การทางาน เน้นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวุฒิภาวะของผู้เรียน
บริบทของสถานศกึ ษาและทอ้ งถ่ิน กิจกรรมนักเรียนประกอบดว้ ย
๒.๑ กจิ กรรมลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด ผ้บู าเพญ็ ประโยชน์ และนักศกึ ษาวชิ าทหาร
๒.๒ กิจกรรมชมุ นุม ชมรม
๓. กิจกรรมเพือ่ สังคมและสาธารณประโยชน์
เป็นกจิ กรรมทีส่ ่งเสริมใหผ้ ู้เรยี นบาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ สงั คม ชมุ ชน และท้องถิ่นตาม
ความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพื่อแสดงถึงความรบั ผดิ ชอบ ความดงี าม ความเสยี สละตอ่ สังคม และการ
มีจติ สาธารณะ เชน่ กิจกรรมอาสาพฒั นาต่างๆ กิจกรรมสร้างสรรคส์ ังคม
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ทง้ั 3
ลักษณะ คอื กิจกรรมแนะแนว กจิ กรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชนเ์ มอ่ื ผู้เรียนได้
ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมแล้วนาไปสเู่ ป้าหมายเพื่อเสริมสรา้ งสมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอันพงึ่ ประสงค์ของผเู้ รยี น
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 มคี วามสมั พันธ์เชือ่ มโยงกนั
4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเซกาพุทธศักราช 2562 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะจาเป็นพ้ืนฐาน 5 ประการ ที่นักเรียนพึงมี ซึ่ง
๕
กาหนดไว้ในหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 สมรรถนะเหล่าน้ีได้หลอมรวมอยู่
ในมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ตา่ งๆ ทงั้ 8 กลุ่ม สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนท้ัง
5 ประการ ดงั น้ี
1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้
ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึกและทัศนะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร
และประสบการณฺ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัมนาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพ่ือขจัดและ
ลดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผลและความถูกต้อง
ตลอดจนเลอื กใช้วธิ กี ารส่ือสารทม่ี ีประสทิ ธิภาพ โดยคานึงถึงผลกระทบที่มตี อ่ ตนเองและสังคม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง
สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการคดิ เปน็ ระบบ เพอ่ื นาไปสกู่ ารสร้างองค์ความรหู้ รือสารสนเทศ
เพ่ือการตดั สินใจเก่ยี วกบั ตนเองและสงั คมได้อย่างเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหาเป็นความสามารถในการแก้ปญั หาและอุปสรรคตา่ งๆ ทเ่ี ผชญิ ได้
อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และ
การเปลี่ยนแปลงขแงเหตุการต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไข
ปัญหาและมีการตดั สินใจทีม่ ปี ระสิทธิภาพ โดยคานึงถึงผลกระทบทเี่ กดิ ข้นึ ตอ่ ตนเอง สงั คมและสงิ่ แวดลอ้ ม
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่างๆ ไปใชใ้ นการ
ดาเนินชีวิตประจาวนั การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรยี นรอู้ ย่างต่อเนื่อง การทางานและการอยรู่ ่วมกันในสงั คม
ด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่าง
เหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปล่ียนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมและการรู้จักหลีกเลี่ยง
พฤตกิ รรมไม่พงึ ประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อน่ื
5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ
และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคมในด้านการเรียนรู้ การส่ือสาร การ
ทางาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสร้างสรรค์ ถูกต้อง เหมาะสมและมคี ณุ ธรรม
5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนเซกาพุทธศักราช 2562 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ในสงั คมไดอ้ ย่างมีความสุข ในฐานะเป็นพลเมอื งและพลโลก ดังนี้
1.รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดีของชาติ ธารงไว้
ซึ่งความเปน็ ชาตไิ ทย ศรัทธา ยดึ ม่ันในศาสนาและเคารพเทดิ ทูนสถาบันพระมหากษัตรยิ ์
2.ซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการยึดม่ันในความถูกต้อง ประพฤติตรงตาม
ความเป็นจรงิ ตอ่ ตนเองและผ้อู นื่ ท้ังกาย วาจา ใจ
3.มีวินัย หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการยึดม่ันในข้อตกลง กฎเกณฑ์และระเบียบ
ขอ้ บงั คับของครอบครัว โรงเรยี นและสงั คม
4.ใฝ่เรียนรู้ หมายถึง คุณลักษณฝะท่ีแสดงออกถึงความตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียน แสวงหา
ความรู้ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรยี น
5.อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการดาเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มี
เหตผุ ล รอบคอบ มีคุณธรรม มีภูมิคุ้มกันในตวั ที่ดีและปรบั ตวั เพอ่ื อยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างมีความสขุ
๖
6.มุ่งมั่นในการทางาน หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่า ร่วม
อนรุ กั ษ์ สืบทอดภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศลิ ปะและวัฒนธรรม ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้
อย่างถูกต้องและเหมาะสม
7.รักความเป็นไทย หมายถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่าร่วมอนุรักษ์
สืบทอดภูมิปัญญาไทย ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่าง
ถกู ตอ้ งและเหมาะสม
8.มจี ิตสาธารณะ หมายถึง คุณลักษณะท่ีแสดงออกถึงการมสี ่วนร่วมในกจิ กรรมหรือสถานการณ์ที่
ก่อให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่ืน ชมุ ชนและสังคม ด้วยความเตม็ ใจกระตอื รือร้น โดยไมห่ วงั ผลตอบแทน
โครงสรา้ งเวลาเรยี น
1. โครงสรา้ งเวลาเรียนหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียน ดงั น้ี
กลมุ่ สาระการเรียนรู/้ เวลาเรียน
กจิ กรรม
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย
ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓ ม. ๔ – ๖
รายวิชา ๘ กลุ่มสาระ ๘8๐ ๘8๐ ๘8๐ ๑,640
รวมเวลาเรยี น (๒2 นก.) (๒2 นก.) (๒2 นก.) (41 นก.)
(พื้นฐาน)
กิจกรรมพัฒนา ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๓๖๐
ผู้เรียน
รายวชิ า / กจิ กรรม
ท่ีสถานศกึ ษาจดั ปลี ะ ๒๔๐ ชว่ั โมง ไมน่ อ้ ยกวา่
เพิ่มเติมตามความ ๑,600 ช่วั โมง
พรอ้ มและจดุ เน้น
รวม ๓ ปี
รวมเวลาเรียนท้ังหมด ไม่น้อยกว่า ๑,๒๐๐ ช่ัวโมง/ปี ไม่น้อยกวา่
๓,๖๐๐ ช่วั โมง
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
โครงสร้างหลักสตู รการจัดกิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น กาหนดการจัดกจิ กรรมดังน้ี
1. ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น กาหนดจัดกจิ กรรม 120 ช่วั โมง / ปกี ารศกึ ษา โดยแยก
การจัดกิจกรรมเปน็ 4 กิจกรรมดงั นี้
1.1 กิจกรรมแนะแนว กาหนดจัดกิจกรรม 20 ชม. / ภาคเรียน
1.2 กิจกรรมนักเรยี น (ลส. ยว. ) กาหนดจดั กจิ กรรม 20 ชม./ ภาคเรียน
1.3 กิจกรรม ชุมนมุ กาหนดจดั กิจกรรม 20 ชม./ ภาคเรยี น
1.4 กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณะประโยชนร์ ะดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ จัด
กิจกรรมไม่น้อยกว่า 45 ชวั่ โมง ตลอดหลักสูตร
๗
2. ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย กาหนดจัดกจิ กรรม 120 ช่วั โมง / ปกี ารศึกษา โดย
แยกการจดั กิจกรรมเป็น 4 กิจกรรมดงั น้ี
2.1 กิจกรรมแนะแนว กาหนดจดั กิจกรรม 20 ชม. / ภาคเรียน
2.2 กจิ กรรมนักเรยี น (รกั ษาดนิ แดน)กาหนดจัดกิจกรรม 20 ชม./ ภาคเรยี น
2.3 กจิ กรรม ชุมนมุ กาหนดจัดกจิ กรรม 20 ชม./ ภาคเรยี น
2.4 กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณะประโยชนร์ ะดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลายจดั
กจิ กรรมไม่น้อยกว่า 60 ชัว่ โมง ตลอดหลักสตู ร
2. โครงสรา้ งการจัดเวลาเรียนหลักสตู รกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นโรงเรียนเซกา
ระดบั ชน้ั มัธยมศกึ ษาตอนตน้
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
1. กิจกรรมแนะแนว ๑๒๐ ชั่วโมง/ปี ๑๒๐ ช่วั โมง/ปี ๑๒๐ ชั่วโมง/ปี
ภาค ๑ ภาค ๒ ภาค ๑ ภาค ๒ ภาค ๑ ภาค ๒
๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
2. กิจกรรมนักเรียน ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
2.1 กจิ กรรม ลส./ยว.
๒.๒ กิจกรรมชุมนุม 20 20 20 20 20 20
รวม ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
ระดบั ช้นั มัธยมศึกษาตอนปลาย มธั ยมศึกษาปีท่ี ๔ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖
๑๒๐ชวั่ โมง/ปี ๑๒๐ชั่วโมง/ปี ๑๒๐ช่ัวโมง/ปี
กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น
ภาค ๑ ภาค ๒ ภาค ๑ ภาค ๒ ภาค ๑ ภาค ๒
1. กิจกรรมแนะแนว ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
2. กิจกรรมนักเรียน 20 20 20 20 20 20
2.1 กิจกรรมรกั ษา
ดนิ แดน 20 20 20 20 20 20
๒.๒ กิจกรรมชุมนมุ
๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
3. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
สาธารณประโยชน์
รวม
๘
หลกั สตู รกจิ กรรมแนะแนว
กิจกรรมแนะแนว การจัดกิจกรรมแนะแนวตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑
ความสาคญั
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มีความมุ่งหมายว่าการจัดการศึกษาต้องเป็นไป
เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และ คุณธรรม มีจริยธรรม
และวัฒนธรรม ในการดารงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข และกาหนดแนวการจัดการศึกษา
ต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรยี นมีความสาคัญที่สุด
ในกระบวนการจัดการศกึ ษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพฒั นาตามธรรมชาติและ เต็มตามศักยภาพ โดย
จัดเน้ือหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน คานึงถึงความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล ฝึกทักษะกระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้
ในการปอ้ งกัน แก้ไขปัญหา และเรยี นรจู้ ากประสบการณจ์ รงิ ดังน้นั หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ จึงกาหนดให้มีสาระการเรียนรู้ ๘ กลุ่มวิชา และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ท้ังน้ีกิจกรรม
พัฒนาผู้เรยี น แบ่งเป็น ๓ กิจกรรมคอื
๑. กจิ กรรมแนะแนว
๒. กิจกรรมนักเรียน เป็นกจิ กรรมท่ีผ้เู รียนเปน็ ผู้ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเองอยา่ งครบ
๓. กิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์
เน่ืองจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมและเทคโนโลยีท่ีก่อให้เกิดผลดี และผลเสียส่งผล
ให้การดาเนินชีวิต ให้สามารถดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณค่ามีศักดิ์ศรี การแนะแนวจึงมีความสาคัญ
ในการทาใหท้ ุกคนอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมอย่างมีความสุข บนปรชั ญา พ้ืนฐาน “การพ่ึงตัวเอง”
ขอบขา่ ย
การจัดกิจกรรมแนะแนว สถานศึกษาต้องจัดท้ังบริการ และจัดกิจกรรมให้ครอบคลุมท้ังด้าน
การศกึ ษา อาชพี ชีวติ และสังคม เป็นรายบคุ คลและรายกลุม่ โดยมีการดาเนนิ การดังนี้
๑. จดั บรกิ ารครบ ๕ งาน
งานศกึ ษา รวบรวมขอ้ มูล
งานสารสนเทศ
งานให้คาปรึกษา
งานกิจกรรมส่งเสริม พฒั นา ช่วยเหลือผู้เรยี น
งานติดตามประเมนิ ผล
มาตรฐานกิจกรรมแนะแนว
มาตรฐานท่ี ๑ รจู้ กั เข้าใจและเห็นคณุ ค่าในตนเองและผู้อน่ื
มาตรฐานที่ ๒ มีความสามารถแสวงหาและใช้ข้อมลู สารสนเทศ
มาตรฐานที่ ๓ มีความสามารถในการตดั สนิ ใจและแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม
มาตรฐานที่ ๔ มีความสามารถในการปรับตวั และการดารงชีวิตไดอ้ ยา่ งมีความสุข
มาตรฐานท่ี ๕ มีคา่ นิยมท่ีดี มวี ินยั มคี ณุ ธรรม จริยธรรม
๙
มาตรฐานที่ ๖ มีจิตสานกึ รับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครัว สงั คมและประเทศไทย
มาตรฐานท่ี ๑ รักและเหน็ คุณค่าในตนเองและผูอ้ น่ื หมายถงึ มีความสามารถในการร้จู กั เขา้ ใจ
ตวั เอง ท้ังในด้านความถนดั ความสนใจ ความสามารถ จุดเดน่ จุดดอ้ ย นิสัย อารมณ์ความ
ภมู ิใจ และเหน็ คุณคา่ ในตนเองและผูอ้ ืน่
มาตรฐานที่ ๒ รูจ้ กั แสวงหาและใช้ข้อมูลสารสนเทศ หมายถึง มที ักษะ และวิธกี ารในการแสวงหา
ขอ้ มลู จาก แหล่งต่าง ๆ รวบรวม และจัดระเบยี บขอ้ มลู สามารถจดั ระบบ กล่นั กรอง
เลือกใช้ข้อมูลอยา่ งฉลาด เหมาะสม และเห็นคุณคา่ ในการใช้ข้อมลู สารสนเทศ
มาตรฐานที่ ๓ สามารถพัฒนาบคุ ลิกภาพและปรับตัวอยู่ในสังคมได้อยา่ งมสี ุข หมายถงึ
สามารถกาหนดเปา้ หมาย วางแผน วเิ คราะห์ และประเมินผล ตลอดจนปรับปรุงแผนการ
ดาเนนิ งาน โดยใชข้ ้อมลู คุณธรรมและจรยิ ธรรมเป็นพื้นฐานในการตดั สนิ ใจ
มาตรฐานที่ ๔ มีเจตคติท่ดี ตี ่ออาชีพสุจริต หมายถงึ การเขา้ ใจยอมรับตนเองและผู้อื่น มวี ุฒิภาวะ
ทางอารมณ์ แสดงออกอย่างเหมาะสม มีมนุษยสัมพนั ธ์ สามารถทางานร่วมกบั ผู้อื่น และ
ดารงชีวติ อยใู่ นสังคมได้อยา่ งมีความสขุ
มาตรฐานที่ ๕ มีคา่ นิยมท่ีดี มวี ินยั มคี ณุ ธรรม จริยธรรม
มาตรฐานที่ ๖ มจี ิตสานึกรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั
มาตรฐานท่ี ๑ รักและเห็นคุณคา่ ในตนเองและผู้อนื่
ระดับช้ันมัธยมศกึ ษาตอนตน้ (ม.๑ – ๓ ) ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ – ๖ )
๑. รูแ้ ละเข้าใจสาเหตขุ องความต้องการและปญั หา ๑.รู้จักและเขา้ ใจความต้องการ และยอมรับ
- ระบสุ าเหตขุ องความต้องการปัญหาและวธิ ีให้ไดส้ ่งิ ปญั หามแี นวทางในการแก้ปญั หา
- ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการ
ที่ตอ้ งการและแกป้ ัญหาของตนเอง
- ตอบสนองความต้องการแก้ปัญหาของตนเองอย่าง แก้ปัญหา
เป็นข้ันตอน
๒.แสวงหาเอกลักษณท์ ่ีเปน็ แบบอย่างดี และเหมาะสม ๒.มีเอกลกั ษณข์ องตนเอง
กับตนเอง - บรู ณาการคุณลักษณะของต้นแบบและ
- เปรยี บเทียบแบบอย่างท่ีดแี ละไม่ดี คุณลักษณะของตนเองใหเ้ ป็นเอกลักษณ์ของ
- ระบุแบบอย่างท่ีตนเองชืน่ ชมและยึดถือ ตนเอง
- วเิ คราะห์และเลือกแบบอย่างที่ดีมคี วาม
เหมาะสมกับตนเอง
๓.รู้และเขา้ ใจความสนใจ ความถนัดความสามารถ ๓.รู้และเขา้ ใจลักษณะตนและศกั ยภาพของ
ด้านการเรยี น อาชีพ และบุคลิกภาพของตนเอง ตนเอง
- ตรวจสอบความสนใจ ความถนดั - แสดงลกั ษณะเฉพาะของตนและนามาใช้
ความสามารถและบุคลิกภาพของตนเอง ใหส้ อดคล้องกับการศึกษาและอาชีพ
๑๐
- ๔.รักและนับถือตนเองและผู้อื่น
- พฒั นาตนเองในส่ิงทส่ี นใจ ถนัดและสามารถ - แสดงความช่ืนชมถงึ คณุ ค่าของตนเอง
- นาคณุ คา่ ทมี่ ใี นตนเองมาพฒั นาตนเอง
เกิดเป็นลักษณะเฉพาะของตนตระหนกั รู้
ลกั ษณะเฉพาะของตนท่สี มั พันธ์กบั การศึกษา และสงั คม
งานและอาชพี - นาคณุ ค่าทมี่ ใี นตนเองและผู้อื่นรว่ มกนั
-
พฒั นาสงั คม
๔.รกั และนบั ถือตนเองและผู้อื่น -
- บอกเจตนาท่ีดขี องตนเองและผอู้ น่ื
- ยอมรบั คายกย่อง ชมเชยและซาบซึ้งถงึ ความดี
งามของตนเองและผูอ้ นื่
มาตรฐานท่ี ๒ ร้จู ักแสวงหาและใช้ขอ้ มลู สารสนเทศ
ระดบั ชั้นมธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ม.๑ – ๓ ) ระดับชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ – ๖ )
๑.สามารถคน้ คว้า รวบรวม วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ ๑. สามารถค้นคว้า รวบรวม วิเคราะห์ สงั เคราะห์
ขอ้ มลู เฉพาะดา้ นจากแหลง่ ต่าง ๆ ดว้ ยวธิ ีท่ี ขอ้ มลู เฉพาะดา่ นจากแหล่ง ตา่ ง ๆ ด้วยวิธีท่ี
หลากหลาย หลากหลายและทันสมัย
- รู้จักแสวงหาขอ้ มูลจากบุคคล/สถานที่/สอ่ื - รูจ้ กั แสวงหาข้อมลู จากแหลง่ ขอ้ มูลท่ี
เทคโนโลยีสารสนเทศที่จาเป็น และมวี ธิ ีการหา หลากหลายและปรบั ข้อมูลให้เป็นปจั จุบัน
ข้อมลู เฉพาะด้าน เสมอ
- สามารถวเิ คราะหข์ ้อมูลซบั ซ้อนไดอ้ ยา่ งถูกต้อง - สามารถสงั เคราะห์ และจัดระบบข้อมูล
สารสนเทศ
๒.สามารถเลือกสรรและใชข้ อ้ มลู สารสนเทศใหเ้ ป็น ๒.สามารถเลือกสรรและใชข้ ้อมลู สารสนเทศใหเ้ ป็น
ประโยชนต์ ่อตนเองและสงั คม ประโยชนต์ ่อตนเองและสงั คมจนเปน็ นิสยั
* สามารถเลือกใช้ขอ้ มลู เปน็ แนวทางประกอบการ * และนาไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กต่ นเองและสงั คม
วางแผน การเรียน อาชีพ และดาเนินชวี ติ ได้อยา่ ง
เหมาะสม
* สามารถนาข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชนต์ อ่ สังคม
๑๑
มาตรฐานที่ ๓ สามารถพฒั นาบคุ ลกิ ภาพและปรบั ตวั อยู่ในสังคมได้อย่างมสี ขุ
ระดบั ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.๑ – ๓ ) ช่วงชนั้ ท่ี ๔ (ม.๔ – ๖)
๑.สามารถตัดสนิ ใจและแกป้ ัญหาตนเอง และรว่ ม ๑.สามารถตดั สินใจและแกป้ ัญหาตนเอง และรว่ ม
ตดั สินใจแกป้ ัญหาเกยี่ วกับ ครอบครวั ตัดสนิ ใจแกป้ ัญหาทีเ่ กดิ ขึน้ ในสังคมและชุมชน
โรงเรยี น และชุมชน - มีการทางานโดยอาศัยการวางแผน อยา่ ง
- สามารถวางแผนการเรยี นอาชีพและชวี ิต สมา่ เสมอ
ใหส้ อดคล้องกบั ความสนใจ ความถนัด - ตดั สนิ ใจบนพื้นฐานบนข้อมลู อยา่ งเปน็ ระบบ
- ปฏบิ ัตติ ามแผนและรับผดิ ชอบผลที่จะ
- วเิ คราะห์ ประเมินผลดี ผลเสยี เพอ่ื ใช้
เกิดขน้ึ จากการตดั สนิ ใจ
ปรบั ปรุงพัฒนางาน
- ประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ติ ามแผนการเรียน - มีส่วนร่วมคดิ รว่ มทา ตัดสนิ ใจแก้ปัญหาที่เกิด
อาชีพและชวี ิต บอกแนวโน้มเหตกุ ารณ์
ขึ้นกับชมุ ชนและสังคม
สถานการณ์ และเหตผุ ลทีเ่ กิดขึ้นล่วงหนา้
- ปรับปรงุ แผนการเรียน อาชีพ และชวี ิต
- รว่ มตัดสนิ ใจเรื่องของตนเอง ครอบครัว
โรงเรยี นและชมุ ชน
มาตรฐานที่ ๔ มเี จตคตทิ ี่ดตี ่ออาชีพสุจริต
มาตรฐานท่ี ๕ มคี ่านยิ มทีด่ ี มีวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม
มาตรฐานท่ี ๖ มจี ติ สานึก รับผิดชอบตอ่ ตนเอง ครอบครวั สังคมและประเทศไทย
ระดบั ช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ม.๑ – ๓ ) ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม.๔ – ๖ )
๑.เขา้ ใจและยอมรับในศักดิ์ศรขี องแตล่ ะบุคคล
๑.เข้าใจและยอมรบั ความแตกต่างและความคิดเหน็ * เคารพศักดิศ์ รีในความแตกต่างระหว่างบคุ ล
ของผู้อ่นื อย่างมเี หตผุ ล
๒.สามารถสื่อสารความคิดความร้สู กึ ท่ีดีต่อผูอ้ ืน่
- ยอมรบั ความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล และเปน็ ประโยชนต์ ่อสว่ นรวม
- เคารพความคิดเหน็ และปฏิบัตติ าม กฎ กติกา
ของสงั คมดว้ ยความเต็มใจ
๒.สามารถสื่อสารความคิดความรู้สึกให้ ผ้อู ืน่ เข้าใจได้
เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล
- สามารถแสดงความคดิ ความรู้สึกอารมณ์ และ - สามารถแสดงความคิด ความรู้สกึ
พฤติกรรมในเชงิ สร้างสรรค์ได้อย่างเหมาะสม อารมณ์ และพฤติกรรมในเชิงสร้างสรรค์
กบั กาลเทศะและบุคคลในสถานการณ์ ที่ทาให้เกดิ สัมพนั ธภาพทดี่ ตี ่อผ้อู ่ืนและ
เปน็ ประโยชนต์ อ่ ส่วนรวม
๑๒
๓. สามารถจัดการกบั อารมณ์ และแสดงออกได้อยา่ ง ๓. สามารถจัดการกบั อารมณ์ และแสดงออกได้
เหมาะสมกบั วยั และสถานการณ์ อยา่ งสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและ
- ความมั่นคงทางอารมณแ์ ละแสดงออกได้อย่าง ส่วนรวม
เหมาะสม - มีความม่นั คงทางอารมณ์และแสดงออก
ไดอ้ ย่างเหมาะสม
- รจู้ ักนาพลงั แห่งความคิด ความรูส้ กึ
อารมณ์มาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ ตนเอง
และผู้อ่นื
๔. ปฏบิ ตั ิตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อสว่ นรวม ๔. ปฏบิ ัติใหเ้ ป็นแบบอย่างทดี่ ีและประโยชน์ต่อ
- เขา้ รว่ มกิจกรรมทเี่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม สงั คมและประเทศชาติ
- เห็นประโยชนแ์ ละร่วมกจิ กรรมทเ่ี ป็น
ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
๕. สามารถทางานตามบทบาทในฐานะผูน้ า และผู้ ๕. สามารถทางานตามบทบาทในฐานะผ้นู า และ
ตามที่ดี และอยรู่ ่วมกับผู้อ่นื ได้อย่างมีความสขุ ผู้ตามทด่ี ี และอยู่ร่วมกับผู้อน่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข
- รแู้ ละแสดงบทบาทการเปน็ ผนู้ าและเป็นสมาชกิ ท่ีดี - ร้แู ละแสดงบทบาทการเป็นผูน้ าและเป็น
สมาชิกทดี่ ี
แนวการจดั กิจกรรมนักเรยี น
การจดั กิจกรรมแนะแนว สถานศกึ ษาต้องบริหารจัดการให้บุคลากรท่ีเก่ียวข้อง มีหน้าที่และมสี ว่ น
ร่วมในการพฒั นาผเู้ รียน ใหบ้ รรลจุ ดุ หมายของหลกั สตู ร และมาตรฐานการแนะแนวด้านผเู้ รียน โดยจดั เวลาให้
เปน็ ไปตามสดั ส่วนของการจัด กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียนในแตล่ ะชว่ งชั้น รวมท้งั การจัดบริการและกจิ กรรม
นอกห้องเรยี นให้ครอบคลุมทั้ง ๕ งาน และมกี จิ กรรมอย่างนอ้ ย ๙ กิจกรรม ตามแนวการจดั กจิ กรรมแนะ
แนวดงั น้ี
การจัดกิจกรรมแนะแนว มีภาระงาน ๒ ลกั ษณะ คือ
1. การจัดกจิ กรรมแนะแนว
2. การจดั กิจกรรมในและนอกห้องเรยี น
การจัดกจิ กรรมแนะแนว
ครทู กุ คน รวมถึง พระ ครแู นะแนวด้วย รว่ มรับผดิ ชอบ และมีหน้าท่ีในการจดั บริการแนะแนวโดยมี
ครูแนะแนวเป็นที่ปรกึ ษาเพ่ือประสานงานเพือ่ พฒั นาผู้เรยี นให้ไดม้ าตรฐานครอบคลุมบริการแนะแนวทัง้
๕ งานตามวิธีการทดลองนี้
งาน ๑๓
1. งานศกึ ษารวบรวมขอ้ มลู
2. งานสารสนเทศ วิธกี าร
3. งานให้คาปรึกษา - ศึกษา รวบรวม วิเคราะห์ สรุป และ
4. งานกจิ กรรมสง่ เสริม พฒั นา ชว่ ยเหลือ นาเสนอข้อมลู ผเู้ รยี น
ผู้เรยี น
- จดั ศนู ย์สารสนเทศทางการแนะแนวในรปู
5. งานติดตามประเมินผล ศูนย์การเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยครอบคลุม
ดา้ นการศึกษา อาชพี ชวี ิตและสงั คม
- อบรมทักษะการใหค้ าปรกึ ษาเบ้ืองตน้ แก่ครู
- ใหค้ าปรกึ ษาแกน่ ักเรยี นท้ังรายบุคคลและ
กลุม่
- ศึกษารายกรณี (CASE STUDY) และจัด
ประชมุ ปรกึ ษาปญั หา (CASE
CONFERENCE)
- ส่งตอ่ ผู้เช่ียวชาญในกรณที ี่ผ้เู รียนมีปญั หา
ยากแก่การแกไ้ ข
- จัดกลมุ่ พฒั นาผู้เรยี นดว้ ยเทคนิคทาง
จิตวทิ ยาและการแนะแนว
จัดบริการสรา้ งเสรมิ ประสบการณ์ รวมทัง้
ใหก้ ารสงเคราะห์ เพ่ือตอบสนองความถนัด
ความต้องการ และความสนใจของผูเ้ รียน
- ติดตามดแู ลพฤติกรรมและพัฒนาการของ
ผ้เู รยี น
- ตดิ ตามผลผเู้ รยี น
- ประเมนิ ผลการดาเนินงานแนะแนว
โดยดาเนินการตามกจิ กรรมอยา่ งนอ้ ย ๙ กจิ กรรม
1. ศึกษาและรวมรวมข้อมูลผเู้ รยี นทีต่ นเองรับผดิ ชอบเปน็ รายบุคคล
2. คัดกรองผู้เรียนเพ่ือจาแนกผเู้ รียนออกเปน็ ๒ กลุม่ คือ กลมุ่ ปกตแิ ละกลมุ่ พิเศษ
3. ดแู ลช่วยเหลือใหศ้ ึกษาปรกึ ษาเบื้องตน้ ในด้านต่าง ๆ ใหผ้ ้เู รยี นพัฒนาเตม็ ตามศักยภาพ
4. พัฒนาระบบข้อมลู และภมู ิความรทู้ ่ีทนั สมยั เปน็ ประโยชน์และจาเป็นในการดารงชีวิต
๑๔
5. ประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องภายในสถานศึกษา เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียน แนวทางการดูแล
ชว่ ยเหลอื และการส่งตอ่ ผู้เรยี น
6. ประสานงานกบั ผู้ปกครอง ชมุ ชน เพอื่ การรว่ มมอื ในการดูแลช่วยเหลอื ผ้เู รยี น
7. จดั กจิ กรรมทัง้ ในและนอกห้องเรียน เพื่อปอ้ งกัน แก้ไข และส่งเสรมิ พฒั นาผู้เรียนทุกคนรวมทง้ั ผ้ทู ่ีมี
ความสามารถพิเศษ ผู้ดอ้ ยโอกาส คนพิการ ตลอดจนผ้มู ีปัญหาชวี ิตและสังคมให้สามารถพัฒนาตน
ไดเ้ ต็มศกั ยภาพ
8. ร่วมจดั บรกิ ารตา่ ง ๆ
9. แนะแนวกลมุ่
10.จดั บรกิ ารดา้ นสุขภาพ
11.จดั หาทนุ และอาหารกลางวนั
12.จดั หางาน
13.จดั ใหม้ ีการฝกึ งานและหารายไดร้ ะหว่างเรียน
14.จดั ศนู ย์การเรยี นเพอ่ื การวางแผนชวี ติ
15.จดั บรกิ ารชว่ ยผเู้ รยี นท่มี ีปัญหา หรอื ความต้องการพิเศษ
16.ตดิ ตามผลผูเ้ รียนทั้งในปัจจุบัน และจบการศึกษาแลว้ ฯลฯ
17.นิเทศ ติดตาม ประเมนิ ผล และประชาสัมพันธ์
การจัดกจิ กรรมในและนอกห้องเรยี น
ครูทุกคนร่วมรับผิดชอบ และมีหน้าท่ีในการจัดกิจกรรมแนะแนว โดยมีครูแนะแนวเป็นท่ีปรึกษา
และประสานงาน รว่ มกันวางแผนและหาวธิ ีการทเ่ี หมาะสมมาใชพ้ ัฒนาผู้เรียน เช่น
ในหอ้ งเรยี น นอกห้องเรยี น
๑. กิจกรรมโฮมรูม ๑. กิจกรรมกลุ่มทางจิตวิทยาและการแนะแนว เช่น
๒. กจิ กรรมคาบแนะแนว โปรแกรมพัฒนาตนเองเกี่ยวกับการรักและเห็นคุณค่าใน
๓.การสอดแทรกกระบวนการแนะแนว ตนเอง
๒. การอบรมเชิงปฏิบัติการ เช่น โครงการ อบรมผู้นาใน
โรงเรยี นสหวิทยาเขต
๓. การทัศนศึกษาแหล่งวิทยาการ และสถานประกอบการ
๔. การเชิญวิทยากร ให้ความรู้ เช่น ผู้ปกครองนักเรียน
ศษิ ยเ์ ก่า ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น
๕. การจดั นิทรรศการ
๖. การจดั ปา้ ยนเิ ทศ
๗. การจัดปฐมนิเทศ
๘. การปจั ฉมิ นิเทศ
๙. การจัดเสียงตามสาย
๑๐. ชุมนุมแนะแนว
๑๑. กจิ กรรมผปู้ กครองพบครูของลกู รัก
๑๒. กจิ กรรมเพอ่ื นชว่ ยเพ่ือน
๑๕
ในการประเมินผลการจัดกิจกรรมแนะแนว ครูผูร้ บั ผดิ ชอบดงั น้ี
๑. ครูผู้จดั กิจกรรมแนะแนว
๑.๑ ต้องจัดกจิ กรรมเพื่อพฒั นาผูเ้ รียน ให้เกิดคุณลกั ษณะตามมาตรฐานการแนะแนว
๑.๒ ต้องรายงาน เวลาและพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม
๑.๓ ต้องศึกษา ตดิ ตาม และพฒั นาผ้เู รียน ในกรณที ่ผี เู้ รยี นไม่เข้ารว่ มกิจกรรม
๒. ผู้เรยี น
๒.๑ ต้องเข้าร่วมกิจกรรมแนะแนวตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๓๔ ช่ัวโมง/ปี โดยมี
หลกั ฐานการเข้าร่วมกิจกรรม
๒.๒ ต้องปฏิบัติกิจกรรมเพ่ิมตามท่ีครูผู้รับผิดชอบการจัดกิจกรรมมอบหมายถ้าไม่เกิด
คณุ ลักษณะตามมาตรฐานการแนะแนว
การประเมินผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น กจิ กรรมแนะแนว
กาหนดการวัดผลและประเมนิ ผลการจัดกิจกรรมแนะแนวโดยใช้ระเบยี บตามหลักสตู รการศึกษา
ขนั้ พื้นฐานว่าด้วยการวัดและประเมินผลการจดั กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน ซ่ึงมรี ายละเอยี ดดงั น้ี คือ
1. เกณฑแ์ ละวิธกี ารตัดสินผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรม โดยนกั เรยี นจะไดร้ ับการตัดสินผลวา่ ผ่าน (ผ)
การเขา้ รว่ มกจิ กรรมต้องผา่ นการประเมินดงั นี้
1.1 มีเวลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมตลอดปกี ารศกึ ษา ร้อยละ 80 ของเวลาทง้ั หมด
1.2 ผ่านการเข้าประเมินจุดประสงค์สาคัญของหลักสตู ร และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์จาก
การเข้ารว่ มกิจกรรม หรือมีผลการประเมินจากการเข้ารว่ มกิจกรรมตลอดปกี ารศกึ ษา ร้อยละ80 ขึ้นไป
1.3 นักเรียนที่มีผลการเข้าร่วมกิจกรรม ไมผ่ ่าน ( มผ ) จะต้องได้รับการพัฒนาจนกว่า
จะผา่ นการเข้ารว่ มกิจกรรม และปรับผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมเป็น ผ่าน (ผ ) ต่อไป
2. ครผู ู้จัดกจิ กรรมแนะแนว สามารถเลอื กใช้วธิ ีการประเมินผลตามความเหมาะสมดังต่อไปน้ี
1. แฟ้มผลงาน
2. การประเมนิ สภาพจริง
3. การประเมนิ ตนเอง
4. การประเมินโดยกลมุ่ / เพื่อน
5. การสงั เกต
6. การสัมภาษณ์
7. การเขียนรายงาน
8. หลักฐานการเข้าร่วมกิจกรรม
๑๖
หลกั สูตรกจิ กรรมนกั เรยี น
กิจกรรมนักเรยี น หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดกจิ กรรม
ไว้ ๒ ประเภท คือ
๑) กิจกรรมลกู เสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บาเพญ็ ประโยชน์ และนกั ศึกษาวชิ าทหาร
๒) กจิ กรรมชมุ นุม
โรงเรยี นเซกาได้จัดหลักสู้กิจกรรมผูเ้ รียน ไดแ้ ก่ ดังน้ี
ระดบั ช้ันมัธยมศึกษาตอนตน้ ได้แก่ ลกู เสอื ยวุ กาชาด และชุมนมุ
ระดบั ชน้ั มัธยมศึกษาตอนปลาย ไดแ้ ก่ นักศึกษาวชิ าทหารและชุมนุม
1. กจิ กรรมลูกเสือ
สาระของกจิ กรรมลกู เสือตามแนวหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑
สาระกิจกรรมลกู เสือสามัญรนุ่ ใหญ่
ลกู เสือสามัญรุ่นใหญ่ คือ ลูกเสือที่เรียนอย่ใู นระดบั ช่วงชั้นที่ ๓ (ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓) ซง่ึ
ต้องเรียนรูก้ จิ กรรมลูกเสือสามญั รุ่นใหญ่ ดังน้ี
ชน้ั ม.๑ เรียนรหู้ ลกั สตู รกจิ กรรมลูกเสอื โลก
ช้ัน ม.๒ เรยี นรหู้ ลกั สูตรกิจกรรมลกู เสือชัน้ พเิ ศษ
ชั้น ม.๓ เรียนรู้หลักสูตรกจิ กรรมลูกเสอื หลวง
สาระของหลกั สตู รกจิ กรรมลูกเสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ แบ่งออกเปน็ ๑๐ หนว่ ยกจิ กรรม
ตามช่วงช้ันท่ี ๓ ( ม.๑ – ๓ )
หนว่ ยกจิ กรรม สาระของกิจกรรมลูกเสือสามัญรนุ่ ใหญ่ ตามหลกั สตู ร ชว่ งช้ันท่ี 3 (ม.1 – 3)
หน่วยท่ี 1 ระเบยี บวินัย ม.1 (ลกู เสือโลก) ม.2 (ลกู เสือช้ันพเิ ศษ) ม.3 (ลกู เสือหลวง)
และทักษะทางลูกเสือ
1. ระเบยี บแถว ทา่ ตรง ทา่ 1. คาปฏญิ าณและกฎของ 1. การจัดทาโครงการ
พกั ซ้าย – ขวา หนั กลบั ลกู เสือสามญั รุ่นใหญ่ เดนิ ทางสารวจ ด้วยยาน
หลงั หนั ขณะอย่กู บั ท่ี 2. กฎของลกู เสือ พาหะ ระยะทาง 50-70
2.ซอยเท้าอยู่กับท่ี ซ้าย- กโิ ลเมตร
ขวาหนั กลบั หลงั หันขณะ 2. คาปฏญิ าณและกฏของ
เดิน ลูกเสือกับหลักธรรมทาง
3. การเรียนแถวตาม ศาสนา
สญั ญาณมือและสญั ญาณ กจิ กรรมเสนอแนะ
นกหวดี 1. การจัดกิจกรรมบาเพญ็ กจิ กรรมเสนอแนะ
4. การเดนิ สวนสนาม ประโยชน์ 1. การจัดกิจกรรมบาเพ็ญ
5. คาปฏญิ าณและคตพิ จน์ 2. จัดให้มีพิธที บทวนคา ประโยชน์
ของลกู เสอื ปฏิญาณและสวนสนาม 2. จดั ให้มพี ธิ ีทบทวยคา
6. กฎของลกู เสือ ของลกู เสือเนื่องในวัน ปฏญิ าณและสวนสนาม
๑๗ 24
7. ส่วนประกอบของเตน็ ท์ คล้ายวันสถาปนาคณะ ของลูกเสือเน่ืองในวนั
การกางและการเกบ็ เต็นท์ ลกู เสอื แหง่ ชาติ ฯลฯ คล้ายวันสถาปนาคณะ
8. การเสือไม้ฟืนและจุดกอง ลกู เสือแห่งชาติ ฯลฯ
ไฟกลางแจ้ง
9. การเลือกอาหารและปรุง
อาหารท่ีเหมาะสม
รับประทานได้
10. การอ่านแผนที่ และ
บอกชนดิ ของแผนที่ได้
11. ส่วนประกอบของเข็ม
ทศิ และการใชเ้ ข็มทศิ
12. การหาทิศโดยใช้
สงิ่ แวดล้อม
13.การผกู เง่นิ พิรอด
ขดั สมาธิ กระหวัดไม้ บว่ ง
สายธนู ตะกรดุ เบ็ด ประมง
ผกู ซงุ กระหวดั ไม้ ผูกร้งั ปม
ตาไก่ การผูกแนน่ (ผูกแยก/
ผกู กากบาท/ผกู ประกบ)
หนว่ ยกจิ กรรม สาระของกิจกรรมลูกเสือสามัญรุน่ ใหญ่ ตามหลักสูตร ช่วงช้นั ที่ 3 (ม.1 – 3)
หนว่ ยที่ 2 ชวี ิตต้องสู้
ม.1 (ลูกเสอื โลก) ม.2 (ลูกเสอื ชนั้ พิเศษ) ม.3 (ลกู เสือหลวง)
1. บทบาทของลูกเสือ 1. การเยือนสถานที่ 1. กฏหมายและระเบยี บ
สามัญรุ่นใหญ่ สาคญั ในท้องถนิ่ /สถานท่ี เกยี่ วกับการเลือกตั้ง กานัน
ราชการและเอกชน ผ้ใู หญบ่ า้ น สมาชิกเทศบาล
2. การจัดโครงการ สมาชกิ สภาจงั หวัด และ
เดนิ ทาง สารวจ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฏร
3. ภยั จากส่งิ เสพตดิ และ 2. การปกครองแบบ
อบายมุข ประชาธิปไตยท่ีมีพระหา
4. บรหิ ารรา่ งกาย กษัตรยิ ์
5. เลือกกิจกรรมหนงึ่
อยา่ งหมวดกาลงั กาย เป็นประมขุ และบทบาทของ
- ขี่จกั รยาน พรรคการเมือง
- เดินทางไกล 3. ดาเนินงานขององค์การ
สหประชาชาติ และนโยบาย
- เดินป่า ของรฐั บาลไทย
6. เลือกกจิ กรรม
๑๘
วทิ ยาศาสตร์ 4. บทบาทหน้าทีก่ รรมการ
ประวัตศิ าสตร์ ภาษาไทย กองลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่
ภาษาอังกฤษ ศลิ ปะ หรือกรรมการของโรงเรียน
คณติ ศาสตร์ 5. การบริหารรา่ งกาย
6. กฬี าประเภทบุคคล และ
ประเภททมี
7. เลอื กกจิ กรรมทีส่ นใจ
เปน็ พเิ ศษ 1 อยา่ ง จาก
หมวดทีใ่ ช้กาลังกายเปน็
สว่ นใหญ่
กิจกรรมเสนอแนะ กิจกรรมเสนอแนะ กจิ กรรมเสนอแนะ
1. การพฒั นาร่างกาย/
อนามัยส่วนบคุ คล 1. การปอ้ งกันและ 1. การป้องกันและแกไ้ ข
2. การป้องกนั และ
แก้ปัญหาสิง่ เสพตดิ และ แก้ปัญหาส่ิงเสพติดและ ส่งิ แวดลอ้ ม
อบายมุข
3. การประหยดั และอด อบายมุข 2. ทกั ษะการดารงชีวิตใน
ออม
2. โรคท่ีเปน็ อนั ตรายและ สังคม
หนว่ ยที่ 3 ศรัทธายึดมัน่ 1. กจิ กรรมคณะลกู เสือ
ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และ แหง่ ชาติ ป้องกนั โรค 3. การใฝ่รู้ และการเรยี นรู้
วัฒนธรรม
3. การใฝ่รแู้ ละการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง
ดว้ ยตนเอง
1. หลกั คาสอนที่สาคญั 1. หลักคาสอนทางศาสนา
ทางศาสนา 2. การอภปิ รายหลกั ธรรม
2. การแสดงความคดิ เหน็ ทางศาสนา
เรอ่ื งศิลธรรม และ
จริยธรรมในยุคปัจจุบนั
3. การปฏิบัติศาสนกจิ ท่ี
ตนเองนับถือ
4. การประกอบพธิ ีกรรม
ทางศาสนาที่ตนเองนบั ถือ
กิจกรรมเสนอแนะ
1. จดั กจิ กรรมและบาเพญ็
ประโยชน์ในวันสาคญั
เกย่ี วกับชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ เทศกาล
ประเพณีตา่ ง และของ
ลกู เสือ
๑๙
กิจกรรมเสนอแนะ กจิ กรรมเสนอแนะ กจิ กรรมเสนอแนะ
1. จัดกจิ กรรมและบาเพญ็ 1. จัดกิจกรรมและบาเพ็ญ 1. จัดกจิ กรรมและบาเพ็ญ
ประโยชน์ในวันสาคัญ ประโยชน์ในวันสาคญั ประโยชน์ในวันสาคญั
เกย่ี วกับชาติ ศาสนา เกีย่ วกับชาติ ศาสนา เกีย่ วกบั ชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ เทศกาล พระมหากษัตริย์ เทศกาล พระมหากษัตรยิ ์ เทศกาล
ประเพณตี ่างๆ และของ ประเพณตี า่ งๆ และของ ประเพณีต่างๆ และของ
ลกู เสอื ลกู เสอื ลกู เสือ
หน่วยกจิ กรรม สาระของกิจกรรมลกู เสือสามัญรุน่ ใหญ่ ตามหลกั สูตร ช่วงชั้นที่ 3 (ม.1 – 3)
ม.1 (ลกู เสือโลก) ม.2 (ลูกเสอื ชนั้ พิเศษ) ม.3 (ลกู เสือหลวง)
หน่วยท่ี 4 สนอง กิจกรรมเสนอแนะ กจิ กรรมเสนอแนะ กิจกรรมเสนอแนะ
พระคณุ บดิ า – มารดา 1. ช่วยงานบา้ น 1. ชว่ ยงานบ้าน 1. ชว่ ยงานบ้าน
และผู้มีพระคุณ 2. ปรับปรุงดแู ลบ้านให้ 2. ปรับปรงุ ดแู ลบา้ นให้ 2. ปรบั ปรุงดแู ลบา้ นให้
สะอาดเรยี นร้อย สะอาดเรียนร้อย สะอาดเรยี นร้อย
3. ชว่ ยงานอาชีพของบิดา 3. ช่วยงานอาชีพของบิดา 3. ชว่ ยงานอาชพี ของบิดา
มารดา และผู้มีพระคณุ มารดา และผมู้ ีพระคณุ มารดา และผู้มีพระคุณ
4.รับใช้ให้บริการบุคคลใน 4.รับใช้ใหบ้ รกิ ารบคุ คลใน 4.รับใชใ้ ห้บริการบุคคลใน
ครอบครัว และมพี ระคุณ ครอบครวั และมีพระคุณ ครอบครัว และมีพระคุณ
5. บนั ทึกคาสอน และผล 5. บันทึกคาสอน และผลการ
การปฏบิ ัติตามคาสอนของ ปฏบิ ัตติ ามคาสอนของบดิ า
บดิ ามารดา มารดา
6. จัดทาและจดั หาส่งิ ของให้
บิดา มารดา และผ้มู ีพระคณุ
หน่วยที่ 5 เทิดทูน กิจกรรมเสนอแนะ กจิ กรรมเสนอแนะ กจิ กรรมเสนอแนะ
เกยี รติคณู สถานศึกษา 1. ร่วมงานของ 1. ร่วมงานของ 1. ร่วมงานของสถานศึกษา
บชู าพระคุณครู สถานศึกษา สถานศึกษา 2. ปฏิบัติงานและประพฤติ
อาจารย์ 2. ปฏิบตั งิ านและ 2. ปฏิบตั งิ านและ ตนนาช่อื เสียงเกยี รติยศมาสู่
ประพฤติตนนาชือ่ เสยี ง ประพฤติตนนาช่ือเสียง สถาบัน
เกยี รตยิ ศมาสสู่ ถาบัน เกียรติยศมาสสู่ ถาบัน 3. คนดศี รโี รงเรยี น
3. คนดศี รโี รงเรยี น 3. คนดีศรีโรงเรียน 4. สมุดบันทกึ ความดี
4. สมดุ บนั ทึกความดี 4. สมุดบันทึกความดี 5. ชว่ ยงานครูอาจารย์
5. ชว่ ยงานครูอาจารย์ 5. ชว่ ยงานครูอาจารย์ 6. จดั กิจกรรมเผยแพร่เกยี รติ
6. จดั กิจกรรมเผยแพร่ คณุ ของสถานศึกษา
เกียรตคิ ณุ ของสถานศึกษา 7.ปรับปรุงพฒั นาทา
7.ปรับปรงุ พัฒนาทา
๒๐
หนว่ ยท่ี 6 เพ่อื นชว่ ย กจิ กรรมเสนอแนะ 1. การทาโครงการบริหาร 8. คือสู่เหยา้ เชดิ ชศู ิษยเ์ ก่า
เพอื่ น 1. พฒั นาระบบหมูล่ ูกเสือ ชุมชน เร่อื งการพยาบาล ดเี ดน่
ใหเ้ ขม็ แข็ง กจิ กรรมเสนอแนะ 9. การแสดงมทุ ติ าจิตต่อครู
2. นาเสนอผลงานความดี 1. พัฒนาระบบหมู่ลกู เสือ
และยกย่องความสามารถ ใหเ้ ข้าแข็ง กิจกรรมเสนอแนะ
ของสมาชิกภายในหมู่ 2. นาเสนอผลงานความดี 1. พัฒนาระบบหมลู่ กู เสือให้
3. กจิ กรรมพัฒนาชมุ ชน และยกยา่ งความสามารถ เขา้ แข็ง
ของสมาชิกภายในหมู่ 2. นาเสนอผลงานความดีและ
3. กิจกรรมพฒั นาชมุ ชน ยกย่างความสามารถของ
สมาชิกภายในหมู่
3. กิจกรรมพฒั นาชมุ ชน
4. ฝึกแกป้ ญั หาซึง่ กนั และกัน
5. ชว่ ยแกป้ ญั หาของเพ่ือน
(ระบุปัญหา วิเคราะห์
สาเหตุ วางแผน ดาเนินการ
รายงาน
หนว่ ยท่ี 7 ลกู เสือโลก 1. กจิ การขององคก์ าร 1.ประวัตแิ ละขบวนการ 1. การดาเนินงานของกอง
พน่ี อ้ งกนั ลกู เสือโลกและ ลูกเสือไทย ลูกเสือสารอง
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2. การดาเนินงานของกอง
ลกู เสอื นานาชาติ กจิ กรรมเสนอแนะ ลูกเสือสามญั
กจิ กรรมเสนอแนะ 1. กิจกรรมสรา้ ง กิจกรรมสรา้ งความสมั พันธ์
1. กจิ กรรมสรา้ ง ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง ระหว่างลกู เสือ
ความสัมพนั ธร์ ะหว่าง ลกู เสือ
ลกู เสอื
หมายเหตุ
1. ให้บรู ณาการเน้ือหาเชงิ วชิ าการของลูกเสือ กับเนื้อหาของ ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ เพ่ือเน้น
การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม รวมท้ังการเรียนการสอนวิชาชีพพเิ ศษลูกเสอื ๗๖ วิชา และ
เคร่อื งหมายลูกเสือหลวง
2. ลูกเสอื สามัญรนุ่ ใหญ่ท่กี าลงั เรียนตามหลกั สตู รในแต่ละช่วงชน้ั อาจสอบวิชาพิเศษลูกเสือได้
ตามจานวนวิชาท่ีเหมาะสม
3. วิชาพเิ ศษลูกเสือสามญั รนุ่ ใหญ่ ๗๖ วชิ า
การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้
หลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน กาหนดใหก้ ิจกรรมลูกเสอื เปน็ ส่วนหนึ่งของกจิ กรรมพัฒนา
ผู้เรียน ที่สถานศึกษาต้องจัดให้กับผู้เรียน ท่ีสถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนอย่างเป็นระบบ ประกอบด้วย
รูปแบบกระบวนการ วิธีการท่ีหลากหลาย ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์จาการปฎิบัติจริง มีความสามารถ
และมีคุณค่ามุ่งให้เกดิ การพัฒนาผเู้ รียนท้ังทางดา้ นรา่ งกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคมมุ่งสร้างเจต
๒๑
คติคุณค่าชีวิต ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมที่พึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง
สร้างจิตสานึกในธรรมชาติส่ิงแวดล้อม ปรับตัวและปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติ และ
ดารงชีวติ อยู่ได้อย่างมีความสุข ซงึ่ สถานศึกษาจะต้องดาเนนิ การอยา่ งมีเป้าหมายและมีรูปแบบและวิธกี ารที่
เหมาะสม
กิจกรรมลูกเสือเป็นกิจกรรมท่ีผู้เรียนเป็นผู้ปฏิบัติด้วยตนเองอย่างครบวงจรต้ังแต่ศึกษา วิเคราะห์
วางแผนปฏิบัติตามแผน ประเมินและปรับปรุงการทางาน โดยเน้นการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม และมุ่งให้
ลกู เสอื มคี ณุ ลกั ษณะที่พึงประสงคต์ ามวตั ถปุ ระสงค์ของคณะลูกเสือแห่งชาติ ดังน้ี
คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์
กิจกรรมลกู เสือมงุ่ เนน้ พฒั นาผเู้ รียน ใหม้ ีคุณลกั ษณะดงั ต่อไปน้ี
1. คุณลกั ษณะตามวตั ถปุ ระสงค์ของคณะลกู เสือแหง่ ชาติ
สังเกต จดจา เช่อื ฟังและพึ่งตนเอง
ซอ่ื สัตว์ สุจรติ มีระเบียบวนิ ัย และเหน็ อกเห็นใจผู้อ่นื
บาเพญ็ ตนเพอื่ สาธารณประโยชน์
รจู้ กั ทาการฝมี ือ และทากิจกรรมต่างๆ ตามความเหมาะสม
ร้จู ักรักษาส่งเสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรมและความม่นั คงของประเทศชาติ ทั้งนี้โดยไม่เก่ยี วขอ้ ง
กบั ลัทธทิ างการเมืองใดๆ
2. คณุ ลกั ษณะตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน
2.1 รักและเห็นคุณคา่ ในตนเอง
2.2 มวี ินยั
2.3 ประหยดั
2.4 ซอื่ สตั ว์ สจุ ริต
2.5 พึ่งตนเอง อตุ สาหะ รักการทางาน
2.6 อดทน อดกลน้ั
2.7 กตญั ญูกตเวที
2.8 กระตอื รือรน้ ใฝร่ ู้มีความคิดสรา้ งสรรค์
2.9 เสยี สละ เหน็ ประโยชนส์ ่วนรวม
2.10 มคี วามเป็นประชาธิปไตย
2.11 รกั สามคั คี รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
2.12 มพี ลานามยั สมบูรณ์ ท้ังรา่ งกาย จิตใจ
3. คณุ ลักษณะท่ีเป็นผลการเรียนรแู้ ละพฤติกรรมท่ีคาดหวงั ของหลักสตู รลูกเสอื ตาม
พระราชบญั ญตั ลิ ูกเสอื และข้อบงั คบั คณะลกู เสือแหง่ ชาติกาหนด มดี ังนี้
3.1 มีความรู้ ความเขา้ ใจ และสามารถปฏบิ ตั ิตามคาปฏญิ าณ กฎ และคติพจน์ ของลกู เสอื
สารอง / สามญั / สามัญรุน่ ใหญ่ / วสิ ามัญ
3.2 มที กั ษะการสังเกต จดจา การใชม้ ือ เคร่อื งมือ การแกไ้ ขปญั หา และทกั ษะในการทางาน
รว่ มกับผูอ้ ืน่
3.3 มคี วามซ่ือสัตว์ สุจริต ความกล้าหาญ อดทน เช่อื ม่ันในตนเอง มรี ะเบียบวินัยมีความ
สามคั คี เหน็ อกเหน็ ใจผู้อ่นื มีความเสยี สละ บาเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์
3.4 มีการพฒั นาตนเองอยู่เสมอ สร้างสรรคง์ านฝมี ือ สนใจและพฒั นาเรอ่ื งของธรรมชาติ
๒๒
ดังน้นั การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ใหก้ บั ลูกเสอื จึงต้องคานงึ ถึงผลลพั ธ์ที่ควรจะปรากฏกับผู้เรียนตาม
แนวทางของอุดมการณ์และกระบวนการลูกเสือ
การวดั และประเมนิ ผลกิจกรรมลูกเสือ
การวัดและการประเมนิ ผลกจิ กรรมของลกู เสือ เป็นกระบวนการทดสอบความสามารถตาม
กระบวนการของลูกเสอื และพฒั นาทางด้านคณุ ธรรม ความมีระเบยี บวนิ ัยของลูกเสอื การปฏบิ ตั ิตนอยู่ใน
กรอบประเพณีอันดีงานและไมก่ ่อใหเ้ กดิ ความยงุ่ ยากใดๆ ในการเมืองเพราะการลูกเสือเป็นกาลังสว่ นหน่งึ ใน
การสร้างความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติ ดงั นน้ั การวัดและประเมินผลกิจกรรมลกู เสือ จึงควรกระทาควบคูไ่ ป
กบั การพฒั นาหรอื สร้างคุณธรรมและวินัยใหล้ ูกเสือ และตรวจสอบการการปฏิบตั ิตนตามกฎของลูกเสอื 10
ประการอย่างสมา่ เสมอและต่อเน่อื งตลอดปีการศึกษา
กาหนดการวัดผลและประเมนิ ผลการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญ ร่นุ ใหญ่ โดยใช้ระเบียบตามหลกั สูตร
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ว่าดว้ ยการวดั และประเมินผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผูเ้ รียนซึ่งมี
รายละเอียดคือ
1. เกณฑแ์ ละวิธกี ารตัดสินผลการเข้ารว่ มกิจกรรม โดยนกั เรียนจะได้รบั การตัดสินผลการเรียนว่า
ผา่ น (ผ) การเข้าร่วมกจิ กรรมตอ้ งผ่านการประเมนิ ดงั น้ี
1.1 มเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมตลอดภาคเรียน ร้อยละ 80 ของเวลาเรียนท้ังหมด
1.2 ผ่านการเข้าประเมนิ จุดประสงค์สาคัญของหลกั สูตรและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
จากการเข้ารว่ มกิจกรรมระดับคณุ ภาพ 2 ข้ึนไปหรือมีผลการประเมินการเขา้ รว่ มกิจกรรมตลอดภาคเรียน
ร้อยละ60 ข้นึ ไป
1.3 นักเรยี นทม่ี ผี ลการเข้ารว่ มกิจกรรม ไม่ผ่าน (มผ)จะต้องได้รบั การพัฒนาจนกว่าจะ
ผา่ นการเขา้ ร่วมกิจกรรมและปรบั ผลการเขา้ ร่วมกจิ กรรมเป็นผ่าน (ผ)ต่อไป
2. การประเมนิ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ในการจดั กจิ กรรมลูกเสอื / เนตรนารี สามัญรุ่นใหญ่
กาหนดการการประเมนิ คุณลักษณะที่พงึ ประสงคด์ งั ตอ่ ไปน้ี
2.1 สนใจใฝ่รู้ ประเมินจากการเข้ารว่ มกจิ กรรมอยา่ งสม่าเสมอ มีความสนใจใน
การปฏิบัตงิ านท่ีได้รบั มอบหมาย
2.2 ประพฤติตนดี มสี ัมมาคารวะ ประเมนิ จากพฤติกรรมท้งั ในชวั่ โมงการเข้าร่วม
กจิ กรรมและนอกเวลาการเข้ารว่ มกิจกรรม
2.3 เสยี สละและบาเพ็ญประโยชน์ต่อสงั คม ประเมินจากการเข้ารว่ มกิจกรรมของโรงเรยี น
และช่วยเหลืองานชุมชนอยู่เสมอ
2.4 รบั ผิดชอบ ประเมินจากความรับผดิ ชอบในการทางานทไ่ี ดร้ บั มอบหมายทัง้ ในระบบ
กลมุ่ และรายบุคคล
2.5 ความมีระเบยี บวินยั ในการแต่งเครื่องแบบทง้ั เคร่ืองแบบนกั เรียนและการแตง่ กาย
เครือ่ งแบบลกู เสือ / เนตรนารี สามญั ร่นุ ใหญ่
3. การวางแผนการวัดและประเมินผลการจัดกิจกรรม กาหนดแผนการวดั ผลและประเมินผลตาม
หลักสตู ร การจัดกิจกรรมลูกเสอื / เนตรนารี สามัญรุน่ ใหญ่ โดยกาหนดการประเมิน เกณฑ์วธิ กี ารและ
เคร่ืองมอื
วดั ประเมินผลดงั น้ี
3.1 การวดั ผลและประเมนิ ผลตลอดปีการศึกษา กาหนดการประเมินคือ
๒๓
1) การวัดและประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
2) การวัดและประเมนิ จุดประสงคส์ าคัญของหลกั สตู ร
3.2 เกณฑ์การประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์และผลการปฏิบตั งิ านตามเกณฑ์ระดับ
คุณภาพดังน้ี
1) ระดับ 4 หมายถึง คณุ ภาพระดับ ดีมาก
หมายถงึ การปฏิบัติงานท่มี ีคุณภาพจากผลการประเมินรอ้ ยละ 80 ขนึ้ ไป
2) ระดับ 3 หมายถึง คณุ ภาพระดบั ดี
หมายถึง การปฏิบตั ิงานท่มี ีคณุ ภาพจากผลการประเมนิ ร้อยละ 70 – 79
3) ระดบั 2 หมายถึง คุณภาพระดบั พอใช้
หมายถึง การปฏบิ ัติงานทมี่ ีคณุ ภาพจากผลการประเมิน ร้อยละ 60 – 69
4) ระดับ 1 หมายถงึ คุณภาพระดับ ปรับปรุง
หมายถึงการปฏบิ ตั ิงานที่มีระดับคุณภาพจากผลการประเมิน ตา่ กว่าร้อยละ 60
นักเรียนทผ่ี ่าน (ผ) การประเมินต้องมีผลการประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 2 ข้นึ ไป
การสรปุ ผลการดาเนนิ กิจกรรมลูกเสอื ในสถานศกึ ษา
การจัดกจิ กรรมลูกเสอื จะประสบผลสาเร็จไดน้ นั้ ผ้บู รหิ ารควรมีบทบาทสาคญั ในการวางระบบ
บรหิ ารจัดการด้ายการสรา้ งวิสัยทศั น์ กาหนดนโยบาย การวางแผนการจัดกจิ กรรม โดยการพัฒนาทมี งาน
ผบู้ งั คบั บัญชาลูกเสือ หรือผูส้ อนลกู เสอื รวมท้ังสนบั สนนุ ดา้ นงบประมาณวัสดุอปุ กรณ์ และบุคลากรทาง
ลูกเสือ โดยมีการนิเทศติดตาม ประเมนิ รายงานผล และปรบั ปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การจดั กจิ กรรม
ลูกเสือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกบั มาตรฐาน และพฒั นาไปสูร่ ะบบการประกนั คณุ ภาพลูกเสอื
ในทส่ี ุด
2.หลกั สูตรกจิ กรรมยุวกาชาด
เพือ่ ใหก้ ิจกรรมยวุ กาชาดเป็นไปตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
ในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จึงกาหนดหลกั การของกิจกรรมยวุ กาชาดไว้ดงั นี้
1. เป็นกจิ กรรมที่สรา้ งพน้ื ฐานในการคิด ปฏบิ ตั ิตามหลักการกาชาดและยุวกาชาด
กฎหมายมนุษยธรรม และสิทธมิ นษุ ยชน รวมท้งั ทกั ษะในการจดั การ ทักษะในการดาเนนิ ชวี ิต
สามารถคดิ เป็น ทาเปน็ และแกป้ ัญหาได้
2. มคี วามเป็นเอกภาพและมีความหลากหลายในกิจกรรม กล่าวคอื เปน็ กจิ กรรมทม่ี ี
โครงสรา้ งหลกั สูตรยืดหยุ่น ทั้งนเ้ี พื่อความจาเป็นและความสอดคล้องสาหรบั การพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ความ
เป็นไทย และความเป็นพลเมืองดีของชาติ
3. สามารถสนองตอบต่อสภาพความต้องการท่แี ทจ้ ริงของสถานศกึ ษาและท้องถ่ิน
วตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรมยุวกาชาด
1. มคี วามรู้ ความเข้าใจ และทักษะตามหลกั การของกาชาดและยวุ กาชาด
2. มีสุขภาพ และสมรรถภาพทีด่ ี สามารถนาความรู้ไปใช้เป็นประโยชนต์ ่อตนเองแลผู้อื่น
3. มีเมตตา กรุณา และมีไมตรจี ิตตอ่ บคุ คลท่วั ไป
4. บาเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ตอ่ สังคม และเห็นคุณค่าในการอนุรักษ์สิง่ แวดลอ้ ม
๒๔
5. มีทักษะในการปฏิบตั ิกจิ กรรมและอยรู่ ่วมกับผูอ้ น่ื ได้อย่างมคี วามสขุ
หลกั สตู รของกิจกรรมยุวกาชาด
หลักสตู รกิจกรรมยุวกาชาด แบง่ เปน็ กจิ กรรมบังคับและกิจกรรมพเิ ศษ
1. กิจกรรมบังคบั ประกอบดว้ ย 4 กลุม่ กจิ กรรม คอื
1. กลุ่มกิจกรรมกาชาดและยุวกาชาด
2. กลุ่มกิจกรรมสุขภาพ
3. กลุม่ กจิ กรรมสมั พันธภาพและความเขา้ ใจอันดี
4. กลมุ่ กิจกรรมบาเพญ็ ประโยชน์
1. กลมุ่ กจิ กรรมกาชาดและยวุ กาชาด ประกอบดว้ ย
1.1 กาชาดสากล
1.2 สภากาชาดไทย
1.3 ยวุ กาชาด
กลุ่มกิจกรรมนี้เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้สมาชิกยุวกาชาดมีความรู้ ความเข้าใจใน
หลักการและอุดมการณ์ของกาชาด มีศรัทธาในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วยความเสียสละ เป็นคนดี มี
คุณธรรม ช่วยสร้างสรรค์สังคมเป็นผู้นาในการเผยแพร่กิจกรรมกาชาดและยุวกาชาด ส่งเสริม สันติภาพ
และคุณคา่ ของความเป็นมนษุ ย์ รวมทง้ั กฎหมายมนษุ ยธรรมระหวา่ งประเทศ
2. กล่มุ กิจกรรมสุขภาพ ประกอบดว้ ย
2.1 สขุ ภาพ
2.2 การปอ้ งกันชีวิตและสุขภาพ
กลุ่มกิจกรรมน้ีเป็นการจัดกิจกรรมให้สมาชิกยุวกาชาดได้ศึกษาและฝึกทักษะในการป้องกัน
ชีวติ และสุขภาพ การเสริมสรา้ งสมรรถภาพ มีความรู้และทักษะในการรักษาอนามัยของตนเองและสง่ เสริม
อนามัยของผอู้ ื่น การปฐมพยาบาลและเคหะพยาบาล การเตรียมตัวป้องกันอุบัติเหตุและภยันตรายต่าง ๆ
เชน่ เอดส์ สารเสพตดิ ฯลฯ
3. กลมุ่ กจิ กรรมสมั พนั ธภาพและความเขา้ ใจอนั ดี ประกอบด้วย
3.1 ความสามคั คแี ละความพรอ้ มเพรียง
3.2 ความมีระเบียบวนิ ยั
3.3 สัมพนั ธภาพและความเขา้ ใจอันดี
กลุ่มกิจกรรมน้ีเป็นการจัดกิจกรรมให้สมาชิกยุวกาชาดได้รู้จักตนเอง มีระเบียบวินัย มี
บุคลิกภาพที่ดี รู้จักการปรับตัวเข้ากับผู้อื่นและสังคมได้ดี มีความสามัคคี มีสัมพันธภาพและความเข้าใจ
อันดกี ับบุคคลทั่วไป ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคลท่ีมีพ้ืนฐานการดารงชีวติ และวัฒนธรรมท่ีแตกต่าง
กัน สามารถทางานร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข มีการพบปะแลกเปล่ียนความคิดเห็นประสบการณ์ของ
ยุวกาชาดท่ีปฏบิ ตั ิงาน สร้างเสริมสนั ติภาพ ซ่งึ เป็นพ้นื ฐานการทางานในดา้ นอืน่
4. กลุม่ กจิ กรรมบาเพ็ญประโยชน์ ประกอบด้วย
4.1 การบาเพ็ญประโยชน์
4.2 การอนุรกั ษ์ส่งิ แวดล้อม
กลุ่มกิจกรรมน้ีเป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกยุวกาชาดปฏิบัติตนสนอง
ต่ออุดมการณ์และวัตถุประสงค์ของยุวกาชาด มีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี
๒๕
และมรดกของชาติ พร้อมท่ีจะอนุรักษ์สภาพแวดล้อมและธรรมชาติ ปลูกฝังและฝึกฝนให้เป็นผู้มีความ
เสยี สละ บาเพญ็ ตนให้เปน็ ประโยชน์ต่อสว่ นรวม
2. กิจกรรมพิเศษ หมายถึง กิจกรรมที่เสริมสร้างกิจกรรมหลัก ทั้งนี้เพื่อสร้างทักษะ ความสามารถ ความ
ถนัด และความสนใจของผู้เรียนโดยเฉพาะ ซ่ึงผเู้ รียนสามารถเอกเข้าร่วมกจิ กรรมและเม่ือผ่านเกณฑ์การให้
เครื่องหมาย ผู้เรียนจึงมีสิทธิประดับเคร่ืองหมายกิจกรรมพิเศษน้ัน ๆ สถานศึกษาจะต้องกาหนดกิจกรรม
เวลา จานวนครง้ั จานวนคน ตามความเหมาะสมกบั ระดับของสมาชกิ ยุวกาชาด กิจกรรมมีดังนี้
- กิจกรรมลา่ ม - กิจกรรมยุวกาชาดสขี าว
- กิจกรรมสิทธเิ ดก็ - กิจกรรมสมุนไพรไทย
- กจิ กรรมกฎหมายมนุษยธรรม ระหว่างประเทศ - กิจกรรมรู้ทนั ปอ้ งกันเอดส์
- กจิ กรรมนักคอมพวิ เตอร์ - กิจกรรมยุวกาชาดรักษ์สขุ ภาพ
- กิจกรรมนกั ขา่ ว - กจิ กรรมเคหพยาบาล
- กจิ กรรมนักประชาสมั พนั ธ์ - กจิ กรรมมติ รสัมพันธ์
- กิจกรรมศลิ ปะการวาดภาพ - กจิ กรรมนักสะสม
- กจิ กรรมงานประดษิ ฐ์ - กจิ กรรมนักถ่ายภาพ
- กจิ กรรมวจิ ติ รฝมี อื - กิจกรรมทกั ษะการเขยี น
- กิจกรรมงานบ้าน - กจิ กรรมทกั ษะการพูด
- กิจกรรมงานผา้ - กิจกรรมงานชา่ ง
- กิจกรรมการนวดเพอ่ื สขุ ภาพ - กิจกรรมงานไฟฟา้
- กิจกรรมนักโภชนาการ - กิจกรรมอารยธรรมไทย
- กจิ กรรมงานครัว - กจิ กรรมจักรยาน
- กจิ กรรมชว่ ยคนตกน้า - กิจกรรมการเล่นเกม
- กจิ กรรมปลอดภัยวยั รุ่น
การวัดผลและประเมินผลกจิ กรรมยวุ กาชาด
การวัดผลและประเมนิ ผลกิจกรรมยุวกาชาด มี 2 ส่วนคอื
1. การวดั และประเมินผลกจิ กรรมบังคับ เปน็ การวัดและประเมนิ ผลเพ่ือใหส้ มาชกิ ยุวกาชาดผา่ น
ช่วงช้ันหรอื จบหลกั สตู ร โดยการเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนและผ่านการประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา
กาหนด และมีการประเมนิ ผลตลอดภาคเรียน โดยแบง่ ออกเปน็ 3 ระยะ คือ
ระยะท่ี 1 ประเมินก่อนจดั กจิ กรรม เพ่ือทราบคุณลักษณะและลกั ษณะนสิ ัยพ้ืนฐานของสมาชกิ ยุว
กาชาดแต่ละคน
ระยะที่ 2 ประเมนิ ระหว่างจดั กิจกรรม เพอ่ื ประเมนิ คุณลักษณะลักษณะนิสยั และพฤติกรรมที่
สมาชกิ ยุวกาชาดแสดงออกเป็นประจาและต่อเนื่อง
ระยะท่ี 3 ประเมนิ หลักการจัดกจิ กรรม เพ่อื ทราบผลการพัฒนาพฤติกรรมของสมาชิกยุวกาชาด
2. การวัดผลและประเมินผลกจิ กรรมพิเศษ เป็นการวดั และประเมนิ ผลเพื่อให้สมาชกิ ยุวกาชาดมี
สทิ ธ์ปิ ระดับเคร่ืองหมายกิจกรรมพิเศษได้ เม่ือสมาชกิ ยุวกาชาดสามารถสอบผา่ นเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษา
กาหนด
๒๖
เกณฑก์ ารผา่ นกิจกรรม
1. กิจกรรมบงั คับ เกณฑ์การผา่ นกิจกรรมบงั คับ มี 2 ขอ้
1. เขา้ รว่ มกิจกรรมไมน่ อ้ ยกวา่ 80 % หรือตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด
2. ผ่านจดุ ประสงค์ที่สาคญั ของแตล่ ะกจิ กรรม
2. กิจกรรมพเิ ศษ เกณฑ์การผา่ นกจิ กรรมพิเศษศกึ ษาไดจ้ ากคมู่ ือการจดั กิจกรรมพเิ ศษยุวกาชาด
3. กิจกรรมนักศกึ ษาวิชาทหาร
การฝึกศึกษาของนกั ศกึ ษาวิชาทหาร
รายละเอียดการใหค้ ะแนน
๑. คะแนนสอบภาคปฏบิ ัติ ๖๐ คะแนน นศท. ทม่ี ีเวลาเข้ารบั การฝกึ วชิ าทหาร ไมต่ ่ากว่าร้อยละ
๘๐ของเวลาเรียน ท้งั หมดท้ังหมด ๘๐ ชวั้ โมง คือเวลาเรียนทงั้ หมด ๘๐ ชัว่ โมง คือเวลาเรียนไมต่ ่ากวา่ ๖๔
ชวั่ โมง จึงมสี ทิ ธิในการสอบ ภาคปฏิบตั ิ ถา้ นศท.คนใดขาดสอบภาคปฏิบตั ิจะไม่ได้คะแนนนี้และไมม่ สี ทิ ธิใน
การสอบภาคทฤษฏี รวมทงั้ หมดสทิ ธิในการฝึกภาคสนามด้วย
๒. คะแนนสอบภาคทฤษฏี ๕๔๐ คะแนน แบง่ การดาเนนิ การดงั น้ี
๒.๑ คะแนนเฉพาะวชิ าระหว่างปี ๑๘๐ คะแนน เปน็ คะแนนท่ี นศท. ทาการสอบชว่ั โมง
สุดท้ายของแตล่ ะวชิ า หรอื การทารายงานเป็นคะแนนเก็บสะสมไว้
๒.๒ คะแนนความขยนั หมัน่ เพยี ร ๖๐ คะแนน เป็นคะแนนท่ี นศท. เขา้ รับการฝึกวชิ า
ทหารครบ ๒๐ ครงั้ กจ็ ะได้คะแนนเต็ม ๖๐ คะแนน ถ้าขาด ๑ ครง้ั ( ๔ ช้ัวโมง ) จะถูกตัด ๑๒ คะแนน แต่
ถา้ ขาดถงึ ๕ ครัง้ ( ๒๐ ช่วั โมง ) จะถูกตัดคะแนน ๖๐ คะแนน และหมดสิทธิในการสอบภาคปฏบิ ตั แิ ละการ
สอบทฤษฎี
๒.๓ คะแนนกิจกรรมพิเศษ ๖๐ คะแนน ได้แก่ การรบั ฟังปฐมนิเทศ การทากจิ กรรมในชั่วโมง
การทากิจกรรมพิเศษ เชน่ การบรจิ าคโลหิต การบาเพญ็ สาธารณประโยชน์ การพัฒนาความสะอาดสถานที่
๒.๔ ต่างๆ รวมการเขา้ ร่วมในพธิ ชี มุ นุมสวนสนาม เป็นตน้ คะแนนสอบภาคทฤษฎปี ลายปี
๒๔๐ คะแนน นศท. จะเข้าสอบภาคทฤษฎีปลายปีการศึกษาได้ จะต้องมีเวลาเข้าการฝึกวชิ าทหารไมต่ า่ กวา่
รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด ( คือต้องเขา้ รบั การฝกึ วิชาทหาร๖๔ ชว่ั โมง ) และตอ้ งผา่ นการสอบ
ภาคปฏิบัตแิ ลว้ หาก นศท. คนใดขาดการสอบภาคทฤษฏี ไมว่ ่ากรณีใดๆจะหมดสิทธิการฝกึ ภาคสนามและ
ถือว่าสอบตกในปีการศึกษาน้ัน ๆ
๓. คะแนนยิงปืน ๕๐ คะแนน นศท. ชัน้ ปที ่ี ๑ และ ๒ ทาการยงิ ปืนในการฝึกปกติ สาหรับ นศท.
ชั้นปที ี่ ๓ - ๕ ทาการยิงปืนในการฝึกภาคสนาม
๔. คะแนนฝกึ ภาคสนาม ๓๕๐ คะแนน นศท. ต้องผ่านการสอบภาคปฏบิ ัตกิ ารสบิ ภาคทฤษฎีและ
มีคุณสมบัติตามทีร่ ะเบยี บกาหนดจึงจะเขา้ รับการฝึกภาคสนามได้
การศึกษา ตามระเบยี บและหลกั สูตรการฝึกวชิ าทหารสาหรับ นศท. ( ชาย, หญิง ) ชน้ั ปที ี่ ๑ - ๕ ปี
พ.ศ. ๒๕๓๗ ของกระทรวงกลาโหม กาหนดคะแนนเต็มตลอดปีการศึกษาไว้ ๑,๐๐๐ คะแนน แยกออกเปน็
- คะแนนสอบภาคปฏิบัติ ๖๐ คะแนน
- คะแนนสอบภาคทฤษฏี ๕๔๐ คะแนน
- - คะแนนเฉพาะวชิ าระหวา่ งปี ๑๘๐ คะแนน
- - คะแนนความขยันหมั่นเพียร ๖๐ คะแนน
๒๗
- - คะแนนกิจกรรมพิเศษ ๖๐ คะแนน
- - คะแนนสอบข้อเขยี นปลายปี ๒๔๐ คะแนน
- คะแนนยิงปืน ๕๐ คะแนน
- คะแนนการฝึกภาคสนาม ๓๕๐ คะแนน
รวม ๑,๐๐๐ คะแนน
ผลการสอบ
นศท.ชาย หญงิ ชน้ั ปีท่ี ๑ - ๕ จะต้องผ่านการสอบตามขัน้ ตอน จะขาดข้ันตอนใดตอนหนึ่งไม่ได้ คือ
- ไมถ่ กู ตัดคะแนนคะแนนความประพฤติในความผดิ สถานต่าง ๆ เกินกว่า ๕๐ คะแนนขน้ึ ไปจาก
๑๐๐ คะแนน
- มีเวลาเรยี นในการฝกึ ภาคปกตไิ มน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาการเรยี นท้ังหมด ( เวลาท้ังหมด
๘๐ คะแนน )
- ต้องผ่านการสอบภาคปฏิบัติ
- ตอ้ งผา่ นการสอบภาคทฤษฎีปลายปี
- ผ่านการฝกึ ภาคสนาม
- มีคะแนนรวมทงั้ หมด ร้อยละ ๖๐ ข้นึ ไป ( คะแนนทั้งหมด ๑๐๐๐ คะแนน ) จึงจะมีสิทธเิ ลือ่ น
สทิ ธขิ ณะเปน็ นกั ศึกษาวิชาทหาร
- นศท. ที่มอี ายุครบ ๑๗ ปบี ริบรู ณอ์ ยา่ งเขา้ ๑๘ ปี ในพทุ ธศกั ราชใดให้ไปแสดงตนเพ่ือลงบญั ชเี ปน็
ทหารกองเกนิ ในพทุ ธศักราชนั้น
- นศท.ชน้ั ปที ี่ ๑ - ๓ ถา้ ผใู้ ดมีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณแ์ ละจะต้องเขา้ รับการตรวจเลือกเข้ารบั ราชการ
ทหารกองประจาการ ในปีถดั ไปตอ้ งแจง้ ให้สถานศึกษาดาเนนิ การขอยกเวน้ ฯ โดยตอ้ งนาสาเนา สด.๙ และ
สาเนาทะเบียนบ้านให้สถานศึกษาดาเนนิ การ
- นศท. ชั้นปีท่ี ๑ - ๓ เคยขอยกเว้นฯ ไวแ้ ล้ว แต่เม่อื โอนย้ายสถานศกึ ษาต้องดาเนินการขอยกเวน้
ฯ ใหม่- นศท. ชนั้ ปที ี่ ๔ - ๕ มสี ิทธิขอผ่อนผนั การเรยี กพล โดยนาสาเนา สด.๘ ( สมดุ ประจาตัวทหาร
กองหนุน ) หรอื สาเนาหนังสือสาคัญประจาตวั แสดงวิทยฐานะสาเร็จการฝกึ วิชาทหารชน้ั ปีท่ี ๓ หรอื สาเนา
คาสั่งแตง่ ต้งั ยศ, สาเนาทะเบียนบา้ น เพ่ือดาเนินการขอผ่อนผันไปยัง จทบ.ตน้ สงั กัด- การแตง่ กาย
เครอ่ื งแบบ นศท. บคุ คลที่ รด. ,มทบ..จทบ.. ประกาศมีสภาพเปน็ นศท. หลงั จากได้รบั การฝกึ วชิ าทหารไม่
น้อย ๑๖ ช่ัวโมง มีสทิ ธิแตง่ เครื่องแบบนักศกึ ษาวชิ าทหารได้ตาม พ.ร.บ. เคร่ืองแบบนักศึกษาวชิ าทหาร
และเครื่องแบบนักศึกษาวิชาทหาร และเครื่องแบบผู้กากบั นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร พ.ศ. ๒๕๒๑
- การเพมิ่ คะแนนพิเศษ นศท. ที่สาเร็จการฝึกวชิ าทหารตงั้ แตช่ ้ันปีท่ี ๑ ขน้ึ ไปมสี ทิ ธใิ นการเพิม่
คะแนนตามชน้ั ปีทีส่ าเรจ็ การฝกึ วชิ าทหาร เมื่อสอบคดั เข้าต่อโรงเรียน ตามข้อบงั คบั กห.วา่ ด้วย โรงเรียน
ทหาร พ.ศ.๒๔๙๒ คือ
- - สาเรจ็ การฝกึ วิชาทหารชน้ั ปที ี่ ๑ เพมิ่ ให้ ๓ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมท้งั สิ้น
- - สาเรจ็ การฝกึ วิชาทหารชั้นปที ่ี ๒ เพ่ิมให้ ๔ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมท้ังสน้ิ
- - สาเรจ็ การฝกึ วิชาทหารชั้นปีท่ี ๓ เพม่ิ ให้ ๕ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมทัง้ สิน้
๒๘
- - สาเรจ็ การฝึกวชิ าทหารชนั้ ปีที่ ๔ เพิม่ ให้ ๖ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมทง้ั สิ้น
- - สาเรจ็ การฝกึ วิชาทหารชั้นปีที่ ๕ เพิม่ ให้ ๗ ใน ๑๐๐ คะแนนรวมทัง้ สน้ิ
-- การยกเว้นการเรยี กมาตรวจเลือกเขา้ รับราชการทหารกองประจาการ นศท. ท่อี ย่ใู น
ระหวา่ งการเข้ารับการฝึกวชิ าทหารกองประจาการในยามปกติ พ.ร.บ. รับราชการทหาร พ.ศ. ๒๔๙๗
ขอ้ ผกู พนั ต่อทางราชการ
- เมอื่ สาเรจ็ การฝึกวชิ าทหารตามหลกั สูตรการฝึกวิชาทหาร ชัน้ ปที ่ี ๓ หรอื ช้นั ปีท่ี ๕ แล้วจะตอ้ ง
เข้ารับราชาการ ทหารในการเรยี กพล เพื่อตรวจสอบ เพ่ือฝึกวิชาทหารทดสอบความพร่ังพร้อม เพ่ือ
ตรวจสอบ เพื่อฝึกวิชาทหาร ทดสอบความพรง่ั พรอ้ ม หรอื การระดมพลดังกลา่ ว มีกาหนดเวลา ๑๐ ปี ตาม
ระบบความควบคุมกาลงั สารอง นบั ต้ังแตว่ ันท่สี าเร็จการฝกึ วชิ าทหารช้นั ปีท่ี ๓ และเมอ่ื ถูกเรยี กพลใหถ้ ือ
วา่ เปน็ ปีแรกตามเง่ือนไขทผี่ ูกพนั หากหลีกเลี่ยง, ขัดขืน ไม่ปฏิบตั ิตามจะได้รับโทษ ตาม พ.ร.บ. รับราชการ
ทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๔๖, ๔๗
การขอรบั หนังสอื สาคญั ประจาตวั
การขอรับหนงั สือสาคัญประจาตวั วิทนฐานะการฝกึ วิชาทหารชั้นปีที่ ๓ และสมุดประจาตวั ทหารกองหนนุ
ประเภทท่ี ๑ ( สด.๘ ) ผทู้ ่มี สี ทิ ธิ์ไดร้ บั คือผู้สาเร็จการฝกึ วชิ าทหารชนั้ ปที่ ่ี ๓ และดาเนนิ การขนึ้ ทะเบียนกอง
ประจาการและปลดเปน็ ทหารกองหนนุ แลว้
- การขอรบั หนังสือสาคญั ประจาตัวแสดงวทิ ยฐานะสาเร็จการฝึกวชิ าทหารช้นั ปีท่ี ๓ จาก รด. หรือ
ศฝ.นศท.จทบ. ประมาณเดือน พ.ย. ของปที ี่ไปเข้ารับการฝึกภาคสนาม
- นาหนังสอื สาคัญฯ ตามข้อ ๕.๑ ไปตดิ ต่อขอรบั สมดุ ประจาตัวทหารกองหนนุ ( สด.๘ ) ท่ีสสั ดี
อาเภอ/ เขตตามภูมิลาเนาทหาร ทีล่ งชือ่ เป็นทหารกองเกิน
การขอเลอ่ื นยศ/ปรับยศใหต้ รงตามคุณวฒุ ิ
-นศท.ชาย ทส่ี าเร็จการฝกึ ช้นั ปที ่ี ๓ ไม่รายงานตัวเข้ารับการฝกึ ชนั้ ปที ี่ ๔ และสาเรจ็ ช้นั ปที ่ี ๔ ไม่
รายงานตัวเขา้ รบั การฝึกชัน้ ปที ี่ ๕ ถ้ามวี ุฒิการศึกษาเพมิ่ ขึ้น ให้ตดิ ตอ่ ขอปรบั ยศใหต้ รงตามคุณวฒุ ิได้ จทฐ
ต้นสงั กดั หรือ เมอ่ื ถูกเรียกพล
- นศท. หญงิ ทสี่ าเร็จการฝกึ ชั้นปที ่ี ๓ ไม่รายงานตัวเข้ารับการฝึกชน้ั ปที ่ี ๔ ไท่รายงานตัวเขา้ รับ
การฝึกช้ันปีท่ี ๕ ถ้ามีคุณวุฒิการศึกษาระดบั อนุปริญญา หรือเทยี บเท่าขน้ึ ไป กด็ าเนนิ การปรบั ยศให้ตรง
ตามคณุ วุฒิ( เปน็ ว่าท่ี ร.ต. ) โดยส่งหลกั ฐานไดท้ ่ี ศฝ.นศท.มทบ. / นฝ.นศท.จทบ. ที่ นศท. สาเรจ็ การฝกึ
วิชาทหารหรือส่งท่ี รด. ก็ได้
สทิ ธเิ มื่อสาเรจ็ การฝึกวชิ าทหาร
- การขอลดวนั รบั ราชการกองประจาการ สาหรบั ผู้สาเร็จการฝึกวชิ าทหารชัน้ ปีที่ ๑ - ๒ โดยต้อง
มาขอใบรับรองการฝกึ หรือ หนังสอื สาคัญประจาตวั แสดงวิทยฐานะสาเร็จการฝึกวชิ าทหาร จาก รด. หรอื
ศูนย์การฝกึ นศท. หรือหน่วยฝกึ นศท. เพอ่ื นาไปสดงต่อคณะกรรมการการตรวจเลือก
- สาเรจ็ การฝึกชนั้ ปที ี่ ๒ ถา้ สมคั รเข้ารับราชการกองประจาการ ๖ เดือน ถา้ จบั ฉลากแดง เข้ารบั
ราชการกองประจาการ ๑ ปี
- นศท. ที่สาเรจ็ การฝึกวชิ าทหาร เมื่อสาเรจ็ การศึกษาจะไดร้ ับการแตง่ ตั้งยศตามระเบียบ กห. วา่ ดว้ ย
การแต่งตง้ั ยศผู้สาเร็จการฝึกวิชาทหาร ตามหลักสตู ร กห. วา่ ดว้ ยการสง่ เสริมการฝึกวชิ าทหาร พ.ศ. ๒๕๓๘
๒๙
การขึ้นทะเบียนกองประจาการและนาปลด นกั ศกึ ษาวชิ าทหาร เป็นทหารกองหนนุ สาหรับผูส้ าเรจ็
การฝกึ วชิ าทหารช้ันปีท่ี ๓ ต้องส่งหลกั ฐานการขอขนึ้ ทะเบยี นกองประจาการและปลดเป็นทหื ารกองหนุน
ระหว่างรับการฝึกดังนี้.
- สาเนาทะเบียนบา้ น ๒ ฉบบั
- สด.๙ ฉบับจริง พร้อมสาเนา สด.๙ ๒ ฉบบั
- รูปถ่าย ขาว/ดา แต่งเครื่องแบบ นศท. หนา้ ตรงไม่สวมหมวก ขนาด ๓ X ๔ ซม. ๒ รปู
- หนังสือรับรองจากสถานศึกษา " กาลงั ศึกษา" หรอื สาเนาใบ รบ. และแต่กรณกี ารขอแตง่ ตง้ั ยศ
- สาเรจ็ การฝึกช้ันปีท่ี ๑ - ๒ เมื่อเข้ารบั ราชการกองประจาการครบกาหนดแลว้ จทบ. ตน้ สังกัด
เปน็ ผู้ดาเนินการให้ได้รับยศตามที่ ทบ. กาหนด
- นศท.ชาย สาเรจ็ การฝกึ ช้ันปที ่ี ๓ ส่งหลักฐานระหว่างเขา้ รับราชการฝกึ หลักฐานเชน่ เดยี วกบั การ
ข้ึนทะเบียนกองประจาการและนาปลดและส่งหลักฐานเชน่ เดยี วกับการขึ้นทะเบยี นกองประจาการและนา
ปลดและสง่ หลกั ฐานพร้อมกนั
- นศท. ชาย สาเรจ็ การฝกึ ชั้นปที ่ี๔-๕ ส่งหลกั ฐานการแตง่ ตั้งยศเม่ือสาเรจ็ การฝกึ แลว้ ที่ รด. ศฝ.
นศท.มทบ./นฝ.นศท.จทบ. ท่ี นศท. สาเรจ็ การฝึกวิชาทหาร ดังน้.ี -
- - สาเนาหลังสือสาคญั แสดงวทยฐานะการฝึกวชิ าทหารช้ันปที ่ี ๔ หรือ ๕
- - สาเนาทะเบยี นบ้าน
- - สาเนาวฒุ ิการศกึ ษา ที่สาเรจ็ คร้ังสดุ ทา้ ย
- - สาเนา สด.๘
- - สาเนาคาสัง่ แต่งต้ังยศครัง้ สดุ ทา้ ย ( ถ้ามี )
- นศท. หญิง สาเรจ็ การฝึกช้ันปที ี่ ๓ - ๕ สง่ หลักฐานการแต่งตง้ั ยศเมื่อสาเรจ็ การฝกึ แลว้ ท่ี
รด. ศฝ.นศท.มทบ./นฝ. นศท. จทบ. ท่ี นศท. สาเรจ็ การฝกึ วิชาทหาร ดังน.ี้ -
- - สาเนาหนงั สอื สาคัญแสดงวิทยฐานะสาเร็จการฝึกวชิ าทหารช้ันปี ๓ หรือปี ๔ หรอื ปี ๕
- - สาเนาวุฒิการศกึ ษาที่สาเร็จครังสุดทา้ ย
- - สาเนาทะเบียนบา้ น
หลักเกณฑ์การแตง่ ตงั้ ยศ นักศกึ ษาวชิ าทหาร
๓๐
สาเรจ็ การศกึ ษาวิชาทหาร สาเร็จการศึกษา แต่งตัง้ ยศเป็น
ชน้ั ปีที่ ๑ - ม.๖ หรอ่ื เทยี บเทา่ สิบตรี, จ่าตรี ,จ่าอากาศตรี
ชน้ั ปีที่ ๑
ช้ันปที ่ี ๒ - วิชาชีพไมน่ อ้ ยกวา่ ๒ ปี สบิ ตรี, จ่าตรี ,จ่าอากาศตรี
ชน้ั ปีที่ ๑
ชน้ั ปีที่ ๒ - ไม่สาเรจ็ การศึกษาตามหลักสตู ร สิบตรี, จา่ ตรี ,จา่ อากาศตรี
ชั้นปที ่ี ๒
ช้ันปที ่ี ๓ - อนุปริญญาขึ้นไป สบิ โท, จ่าโท ,จ่าอากาศโท
ชั้นปีที่ ๓
ชั้นปีท่ี ๓ - ม.ปลายหรือเทียบเทา่ สบิ โท, จ่าโท ,จา่ อากาศโท
ชน้ั ปที ี่ ๔
- วชิ าชพี ๒ ปตี อ่ จาก ม.๓ สิบโท, จา่ โท ,จา่ อากาศโท
ชนั้ ปีที่ ๔
- ไม่สาเร็จการศึกษาตามหลกั สตู ร
ชั้นปที ่ี ๔
- ม.๖ หรอื ปวช.๓ สิบเอก,จ่าเอก,จา่ อากาศเอก
ชน้ั ปที ี่ ๕
- ปรญิ ญา,อนุปรญิ ญา จา่ สบิ ตรี,พันจา่ ตรี,พันจา่ อากาศตรี
ชั้นปที ี่ ๕
- ไมส่ าเรจ็ การศึกษาระดับ จ่าสบิ ตรี,พนั จา่ ตรี,พนั จ่าอากาศตรี
ปรญิ ญาตรี อนุปริญญา
- สาเร็จการศกึ ษาอนุปริญญา จ่าสบิ โท,พันจ่าโท,พันจ่าอากาศโท
หรือเทียบเทา่
- ปริญญาตรี หรอื เทียบเท่าปริญญา จ่าสิบเอก,พนั จ่าเอก,พันจ่าอากาศ
ตรี เอก
- ไม่สาเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จ่าสบิ เอก,พนั จา่ เอก,พันจา่ อากาศ
เอก
- สาเรจ็ การศึกษาระดับปริญญาตรี, ว่าท่ี ร้อยตรี , วา่ ที่ เรอื ตรี,
อนุปริญญาตรี หรือ เทียบเทา่ วา่ ที่ เรืออากาศตรี
อนปุ ริญญา
การปกครองบังคับบญั ชา
การตัดคะแนนความประพฤตินักศึกษาวิชาทหารสถานหนกั (ตง้ั แต่ ๕๐ คะแนน ข้ึนไป)
๑. การปฏบิ ัติหนา้ ท่ี
- ละทิง้ หนา้ ท่ีในขณะเป็นเจา้ หน้าที่รกั ษาการหรือเขา้ เวรยามหรือปฏิบตั หิ นา้ ทจ่ี นเกิดผลเสยี หาย
- ขาดการรวมพลเพ่อื ความพรั่งพรอ้ มตามคาสง่ั จนเกิดผลเสียหาย
๒. การปกครองและความสามคั คี
- เจตนาขัดคาส่งั หน้านักศึกษาวชิ าทหารคนอ่นื ๆ
- เจตนากอ่ การววิ าทกบั นักศึกษาวชิ าทหารคนอ่นื ๆ ด้วยกัน จนเกดิ ผลเสียหายตอ่ ส่วนรวม
๓. การปฏิบัติ
- รายงานเท็จ
- เสพยห์ รอื มีไวซ้ ่งึ ยาเสพย์ติดให้โทษ
- เลน่ การพนนั
- ให้รา้ ย ขู่ว่าทาร้ายผู้บงั คับัญชาหรือผู้ทาการฝึก
- ปลอมแปลงเอกสารหรือลายมือชื่อ
- ทุจริตอยา่ งรา้ ยแรงเชน่ การเปล่ียนตัวสอบหรือเปล่ยี นตวั ฝกึ
๓๑
- ไมร่ ักษาความลับของ ทางราชการ
- พกพาหรือครอบครองอาวุธ
- เจตนากระทาความผิดกฏหมายอาญาอนื่ ๆ เชน่ ลักทรพั ย์ฯ
- เจตนาทาลายสิง่ ของทางราชการ เช่น ขีด,เขยี น,โต๊ะ,ฝาผนัง ฯลฯ
- แสดงกิรยิ าวาจาโอหงั ต่อผบู้ งั คบั บัญชาหรือผทู้ าการฝึก
- กลนั่ แกลง้ ผ้บู ังคับบญั ชาหรือครูฝกึ
- ปฏบิ ตั ิตนไมเ่ หมาะสมจนเกิดผลเสียหายตอ่ หน่วยบัญชาการกาลังสารองหรือนศท. เป็นส่วนรวม
อยา่ งร้ายแรง
- ทาใหข้ องทางราชการสูญหาย
สถานกลาง (ครงั้ ละตง้ั แต่ ๒๑-๔๙ คะแนน)
๑. การปฏิบัตหิ น้าท่ี
- ละทง้ิ หนา้ ท่ใี นขณะเป็นเจา้ หนา้ ทีร่ ักษาการหรอื เขา้ เวรยามหรอื ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี
- ขาดการรวมพลเพอ่ื ความพรงั่ พร้อมตามคาส่งั
๒. การปกครองและความสามัคคี
- ขดั คาส่งั หรือไมป่ ฏิบตั ติ ามคาสั่ง
- ก่อความวุน่ วายในขณะทาการฝึก
- ไม่รักษาความสามัคภี ายในหม่คู ณะ
๓. การปฏบิ ัติ
- กล่าวคาเท็จ
- ทจุ ริตการสอบหรือฝ่าฝืนระเบียบการสอบ
- ทาให้ส่ิงของทางราชการเสยี หาย
- แสดงกิริยาวาจาไม่เคารพผู้บังคบั บญั ชาหรือครฝู กึ
- หลีกเลยี่ งการฝึก
- แสดงความเห็นแก่ตัวไมเ่ สียสละให่หม่คู ณะ
- เสพย์สรุ าหรอื ของมนึ เมา
สถานเบา (ครั้งละไมเ่ กิน ๒๐ คะแนน)
๑. การปฏบิ ตั หิ น้าที่
- คุยกันในเวลารักษาการณ์หรือเข้าเวรยามปฏบิ ตั หิ นา้ ที่
- หลกี เลีย่ งการรวมพล
๒. การปกครองและความสามคั คี
- ไมป่ ฏิบตั ิตามคาสง่ั คาชแี้ จงโดยไมเ่ จตนา
- ไม่ปฏบิ ัติใหถ้ กู ตอ้ งตามระเบียบและแบบธรรมเนยี ม
๓. การปฏิบตั ิ
- เลบ็ ยาว เล็บไมส่ ะอาด ฟันไมส่ ะอาด
- ผมยาว
- - ปี ๑-๓ ด้านขา้ งเกรียน ๓ ดา้ นดา้ นบนไม่เกิน ๔ ซม.
- - ปี ๔-๕ ทรงสงู ด้านบนไม่เกิน ๗ ซม.
๓๒
- มีหนวด, เครา
- เครื่องหมายสกปรก
- แตง่ กายไม่เรียบร้อย
๔. การปฏบิ ัติตน
- ไม่แสดงความเคารพตอ่ ผู้บังคับบญั ชาหรือผู้ทาการฝึกสอน
- แสดงกิรยิ าวาจาไมส่ ภุ าพ
- ไม่มาเข้ารับการฝกึ ให้ทันตามกาหนดเวลา
- ไม่มีระเบยี บในการเดนิ ขึน้ หรือลงรถ
- หลับในขณะทาากรฝกึ ศกึ ษา
- คยุ กันหรือเลน่ กันในขณะทาการฝกึ หรือเขา้ แถวหรอื รวมพล
- ไม่ยอมเขา้ แถวหรอื เข้าแถวช้าเมือ่ เรยี กแถว
- ปัสสาวะไมถ่ กู ท่ี
- ไมร่ ักษามารยาทในการรับประทานอาหาร
- สูบบุหรีใ่ นระหว่างการฝกึ ศึกษา
การปกครองบังคบั บญั ชาของผู้บังคับบญั ชา ผ้บู งั คับบัญชาของ นศท. ระหว่างการฝกึ คือ
- ผูบ้ ังคับบัญชาในสถานศึกษา ได้แก่ ผช.ผกท. , และ ผกท.พ.
- ผบู้ งั คบั บัญชาในระหว่างฝึกฝ่ายทหาร ได้แก่
- - ครฝู ึก, ผ้บู งั คบั หนว่ ยฝึก, หวั หน้าแผนกการฝกึ , ผอู้ านวยการกองการฝึก , ผู้บญั ชาการ
ฝึกกาลังสารองเจ้ากรมการรกั ษาดินแดน, ผู้บัญชาการทหารบก
- - ผูช้ ว่ ยในการปกครองบังคับบญั ชา นศท. ในเวลาฝึกหรือชุมนมุ นศท. คือ ผกท. พ.,
ผช.ผกท.
- การแต่งต้ัง นศท. ดาเนินการโดย ศฝ.รด. กับสถานศึกษาวชิ าทหาร หรือ ศฝ./นฝ.นศท. มทบ./
จทบ.ในสว่ นภมู ภิ าคกบั สถานศกึ ษาวชิ าทหาร พิจารณาแต่ต้งั นศท. ทมี่ คี วามประพฤตดิ ีมวี ินยั เปน็ สารวัตร
นศท. ตาแหน่ง หน.หมู่ หน.หมวด, หน.กองร้อย เพ่ือทาหน้าทชี่ ่วยเหลอื ผ้บู ังคับบญั ชา ควบคมุ ระเบียบวนิ ยั
ในระหวา่ งนศท. ดว้ ยกนั โดยจะดาเนินการคดั เลอื กภายในวันทาการฝกึ คร้ังที่ ๔ นับจากวนั เปิดการฝึก โดย
ใหป้ ฏบิ ัตหิ น้าที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา
การตดั คะแนนความประพฤติ ในรอบปกี ารศกึ ษา นศท. จะมีคะแนนประพฤติ คนละ ๑๐๐
คะแนน ผบู้ งั คับบญั ชา ตามข้อ ๑ มสี ิทธิตดั คะแนนความประพฤติตามระเบียบท่ี รด. กาหนดผู้ท่ถี ูก ตัด
คะแนนเกิน ๕๐ คะแนน จะหมดสทิ ธสิ อบ ถูกตัดคะแนน ๑๐๐ คะแนน หมดสภาพการเปน็ นศท.
แนวทางปฏิบตั ขิ องนกั ศกึ ษาวิชาทหาร
การโอนย้ายสถานศกึ ษา มี 2 กรณี คอื
- - โอนยา้ ยสถานศึกษากอ่ นการายงานตวั
- - โอนยา้ ยสถานศึกษาหลงั เสร็จสนิ้ การรับสมัคร ( ระหว่างปีการศึกษา )
- โอนย้ายสถานศึกษาก่อนรายงาน นศท. ตดิ ตอ่ ขอรบั หนงั สอื รบั ร้องการฝึกวิชาทหารจากแผนกวธิ ที ะเบียน
พลกองกาลังพล กรมการรักษาดนิ แดน ถนนเจรญิ กรุง หรอื ศฝ./นฝ.นศท. มทล./จทบ. แล้วนาหนงั สือ
๓๓
รับรองการฝึกวิชาทหารไปย่นื ใหผ้ ูแ้ ทนสถานศึกษา ( ผกท. ) ณ สถานศึกษาที่ นศท.ยา้ ยไปอยูใ่ หม่
ต่อจากนน้ั สถานศึกษาใหม่ จะรวบรวมทาบญั ชีรายชือ่ รายงานตัวประเภทโอนยา้ ยสถานศึกษา โดยแยกกับ
บญั ชีรายชอ่ื รายงานตวั มาถึง รด. หรือ ศฝ./นฝ. นศท.มทบ.จทบ. เพ่อื ตรวจสอบวา่ ถูกต้องหรอื ไม่ และส่ง
หลกั ฐานประเภทเลือ่ นชน้ั มาถึง รด. เพอื่ ตรวจสอบบัญชรี ายชื่อ นศท. กบั ประกาศผลการสอบว่าถกู ต้อง
หรือไม่และนาหลักฐานดังกลา่ วมายน่ื ในวันรายงานตัวพร้อมกับ นศท.
- โอนยา้ ยสถานศึกษาระหว่างปีการศกึ ษา
- - ในสว่ นกลาง นศท. ท่ียา้ ยสถานศึกษาให้ตดิ ต่อกับ ผกท. จากสถานศึกษา ( เดิม ) จะพมิ พ์
รายละเอยี ดตามแบบพิมพ์ ตอนที่ 1 จานวน 4 ชดุ ขอ้ ความตรงกนั ( แบบพิมพ์ขอรับได้ท่ี กทพ.กกพ.รด. )
แลว้ นาเอกสารดังกลา่ วสง่ ให้ กฝ.ศฝ.รด. บันทึกและลงเวลาการเรียนการสอน ตอนท่ี 3 แลว้ นาเอกสารทง้ั
4 ชุด น้ัน ไปใหก้ ทพ.กกพ.รด. บันทึกรับรองสภาพการเปน็ นศท. ตอนที่ 2 เสรจ็ ส่งคืนสถานศกึ ษา ( เดมิ )
จะแยกสง่ ดังนี้
- กทพ.กกพ.รด. 1 ฉบบั
- ศฝ.รด. 1 ฉบับ
- สถานศึกษาใหม่ 1 ฉบับ ( สถานศึกษาใหม่จะทาเรอื่ งรบั นศท. เขา้ สง่ ให้ รด.ภายใน 7
วนั นบั จากวนั ทร่ี บั ตัวไว้
- สถานศึกษาเดิมเก็บเปน็ หลักฐาน 1 ฉบบั และขอจาหน่ายการพ้นสภาพภานใน 7 วนั
นับแตว่ ันทพี่ ้นสภาพจากสถานศึกษาวิชาทหารนน้ั
- กทพ.กกพ.รด. เมือ่ ได้รบั หนังสอื จากสถานศกึ ษาใหม่ท่รี บั เขา้ เปน็ นศท. แลว้ จานาเรยี น
เพื่อขออนุมตั ิการโอนย้ายดังกลา่ วและสาเนาแจกจา่ ย ศฝ.รด. ( ปส.กฝ. ) รวม 2 ชดุ ,
คส. กกพ.รด. 1 ชุด เพือ่ บันทึกแกไ้ ขตอ่ ไป
- - ในสว่ นภูมิภาค นศท. ตดิ ตอ่ ผกท.จากสถานศกึ ษาเดิมเชน่ เดยี วกับ ข้อ 2.3.1 และให้ ศฝ./
นฝ.นศท.มทบ./จทบ. ( เดมิ ) ดาเนินการบนั ทึกรับรองการฝกึ และการมีสภาพเป็น นศท. และส่งคนื
สถานศกึ ษา ( เดมิ ) เพ่ือทาเร่ืองสง่ ให้ สถานศึกษา ( ใหม่ ) โดยสถานศึกษา ( ใหม่ ) จาทาเรอื่ งไปที่ ศฝ./
นฝ.นศท.มทบ./จทบ.เพ่ือแจ้ง รด. ทราบถายใน 7 วัน เช่นกนั เมื่อ รด. ( คส.กกพ.รด. ) ไดร้ ับหนงั สือจาก
ศฝ./นฝ.นศท.มทบ./จทบ. ทรี่ ับการเขา้ เป็น นศท. แล้วนาเรียน จก.รด. เพ่ือ ขออนมุ ตั ิการโอนย้าย ดังกลา่ ว
และสาเนาแจกจ่าย ศฝ.รด., กทพกกพ.รด. เพอ่ื บันทึกแก้ไขต่อไป.
การเปลย่ี นชอ่ื ตัว - ช่ือสกุล
- นศท.ต้องรายงานสถานศึกษาวิชาทหารพร้อมดว้ ยหลกั ฐาน ( กรณี ) นศท. มีอายุต้ังแต่ 18 ปขี นึ้ ไป และ
ได้ขนึ้ ไปและได้ลงบัญชที หารกองเกินได้รับหนังสอื สาคัญ ( แบบ สด.๙ ) แล้ว ตอ้ งนาหลักฐานการเปล่ียนช่อื
ตัว - ชอื่ สกุล ไปขอแกห้ นังสอื สาคญั ( แบบ สด.๙ ) ท่สี สั ดอี าเภอภูมิลาเนาทาหารด้วย
- สถานศึกษา เม่อื ได้รบั การร้องขอการเปลย่ี นช่ือตัว - ชือ่ สกลุ จาก นศท. พร้อมสาเนาหนังสอื สาคญั การ
เปลี่ยนช่อื ตวั - ช่อื สกุล ( ช.1, ช.2, ช.3. หรือ ช.4 ) และ สด.๙รวมทั้งสาเนาทะเบียน
บา้ นคนละ 1 ฉบบั ก็จะรายงานถึง รด. พรอ้ มแบบหลักฐานการเปล่ยี นช่อื ตวั - ช่อื สกลุ จานวน 1 ชดุ
- ในสว่ นกลาง ( กทพ.กกพ.รด. ) เมื่อไดร้ ับหนังสือ ตามขอ้ 3.2 แลว้ จะปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
- ตรวจสอบรายช่ือจากบญั ชรี ายช่ือ ( รด.25 ) ว่า นศท. ทีส่ ถานศึกษาทาเร่ืองขอเปลีย่ นชือตวั -
ชือ่ สกุลมานน้ั มีสภาพเป็น นศท.หรอื ไม่
- บันทกึ การเปลี่ยนชือ่ ตัว - ชอ่ื สกลุ ลงบัญชี ตามหลักฐานทีส่ ถานศึกษาแนบมากับตวั เรอื่ ง
๓๔
- ทาหนงั สอื นาเรียน จก.รด. เพ่ือขออนมุ ตั ิการเปล่ยี นชอ่ื ตวั - ชอ่ื สกลุ แล้วสาเนาแจกจ่าย ศฝ.รด.
( ปส.- กฝ. ) จานวน 2 ชุด และ สส.กกพ.รด. จานวน 1 ชดุ เพอื่ บันทกึ แก้ไขต่อไป
- ในสว่ นภมู ิภาค ศนุ ยก์ ารฝกึ นักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกหรอื หน่วยฝึกนกั ศกึ ษาวชิ าทหารจังหวดั
ทหารบก หรือหน่วยฝกึ นักศึกษาวชิ าทหารจงั หวัดทหารบก เมอื่ ได้รับหนงั สือตามข้อ 3.2 แล้วปฏิบัติดังนี้
- ตรวจสอบรายช่อื จากบญั ชรี ายชือ่ ( รด.25 ) ว่า นศท. ที่สถานศึกษาทาเร่ืองขอเปลยี่ นมานนั้ มี
สภาพเป็น นศท. จริงหรือไม่
- บันทกึ การเปล่ียนช่อื ตัว - ชอ่ื สกลุ ลงในบัญชตี ามหลักฐานท่สี ถานศึกษาแนบกับตัวเรอ่ื ง
- มีหนังสือรายงาน รด. เพือ่ ขอแจง้ การเปลีย่ นชื่อตัว - ช่ือสกุล ของ นศท.
- รด. ( คส.กกพ.รด. ) ทาหนังสือนาเรยี น จก.รด. เพือ่ ขออนุมัตกิ ารเปลยี่ นช่อื ตัว - ชอื่ สกุล แลว้
สาเนาแจกจา่ ยศนู ย์าการฝึกนักศกึ ษาวชิ าทหารจงั หวดั ทหารบก ,ศฝ.รด. และ กทพ.กกพ.รด. เพ่ือบันทึก
แกไ้ ขตอ่ ไป
การขอใบรบั รองการฝกึ วชิ าทหาร หนังสือรบั รอง
- แผนกกรรมวิธีทะเบียนพล กองกาลังพล กรมการักษาดินแดน หรอื ศฝ.นศท.มทบ./นฝ.นศท.จทบ.จะออก
หรอื ศฝ.นศท.มทบ./นฝ.นศท.จทบ. จะออกหนงั สอื รับรองให้ นศท. ท่ตี ้องนาไปใช้สทิ ธติ ่างๆ เช่นสมัคร
สอบคดั เลอื กโรงเรยี น ทหาร ตารวจ เพอื่ ขอคะแนนเพมิ่ , การสมัครงาน, ศกึ ษาตอ่ วชิ าทหาร ( โอนยา้ ย
สถานศึกษา ), แสดงต่อสสั ดใี นกรณีที่ไม่ไดท้ าเรื่องขอยกเวน้ ฯ รวมท้งั การออกหนังสือรับรองแสดงต่อ
กระทรวงการต่างประเทศเพ่ือทาหนงั สือเดนิ ทาง
- กรณี นศท. หรอื ผ้ทู ข่ี อหนังสือรับรองทุกคน ประสงค์จะติดตอ่ ขอรบั ที่ กทพ.กกพ.รด. ลาดับแรกจะตอ้ งลง
ช่อื ในสมุดผู้มาตดิ ตอ่ ประจาวนั ระบสุ ถานศึกษาให้ถูกต้อง แลว้ ขอรับแบบพมิ พ์จากเจา้ หน้าที่ไปกรอก
ข้อความลงในแบบพิมพซ์ งึ่ จะแบ่งการกรอกข้อความเป็น 2 ส่วน คอื ดา้ นท่เี ปน็ คาร้องให้ระบุชอื่ นศท. ผู้ขอ
รายละเอียดลาดบั ทใี่ นผลสอบ หมายเลขประจาตวั นศท., สถานศกึ ษา ชั้นปี/ปกี ารศกึ ษา. ที่อยู่ ของผู้ขอ
หลกั ฐาน,จุดประประสงค์ ท่จี ะนาไปใช้ และลงชอ่ื ผขู้ อ หรือผูแ้ ทน อกี ด้านหนึ่ง ลงชือ่ ผู้ขอ ฯ รายละเอียด
เช่นเดียวกนั นศท.ตอ้ งกรอกข้อความขอ้ ความในแบบพมิ พท์ ั้งสองด้านให้ถูกต้องเรียบร้อย ( จะมตี วั อย่าง
แสดงวิธีการกรอกไวใ้ ห้ )เมื่อเสรจ็ เรยี บร้อย แล้วสง่ ให้เจ้าหน้าทีผ่ ู้ตรวจ และคอยฟังเรียกรับตอ่ ไป
- กรณี นศท. ตอ้ งการใชส้ มคั รสอบคดั เลือกหลายแห่งให้ถ่ายเอกสาร ไปแสดงต่อเจ้าหน้าทไ่ี ดแ้ สดงต่อ
เจา้ หนา้ ทไ่ี ด้พรอ้ มแสดงหนงั สือฉบบั จรงิ ใหเ้ จ้าหน้าทีต่ รวจสอบดว้ ย- หาก ชื่อตัว , ชอ่ื สกลุ ของ นศท.
ผิดพลาดไม่ตรงตามผลการสอบไม่สามารถรับรองได้ จะต้องหนังสอื ขอแก้ใหถ้ กู ตอ้ งจากสถานศกึ ษาก่อน
หนังสอื รับรองไปต่างประเทศ
- สว่ นมากจะออกให้กบั นศท. ทีส่ าเร็จการฝึกวชิ าทหารช้ันปีท่ี 3 ซ่ึงส่งหลกั ฐานการข้ึนทะเบียนกอง
ประจาการและนาปลดเป็นทหารกองหนนุ เรยี บร้อยแลว้ แต่ยังไม่ไดร้ ับหนงั สือสาคญั ประจาตวั แสดง
วิทยาฐานะสาเรจ็ การฝึกวิชาทหารชนั้ ปที ่ี 3 และสมุดประจาตวั ทหารกองหนนุ ประเภทท่ี 1 ( สด.๘ )
ผ้ขู อต้องยืน่ คาร้อง ขอ โดยกรอกข้อความการสอบได้วชิ าทหาร ( แบบพิมพ์คาร้อง ขอรับไดท้ ี่เจา้ หน้าที่
กทพ.กกพ.รด. ) กรอกรายละเอียด ชื่อตัว - สกุลท่อี ยทู่ ่ีสามารถตดิ ตอ่ ได้จุดประสงค์ท่ีจะนาไปใชเ้ จ้า
หนา้ ท่ีจะตรวจจากผลการสอบบันทกึ วันท่ขี อรับฯ ในผลการสอบและกรอกรายละเอียดในคารอ้ งตอน
ที่ 2 ( สว่ นน้ีเปน็ หน้าที่ของเจ้าหนา้ ที่ และตรวจสอบการสง่ หลักฐานขนึ้ ทะเบียนกองประจาการและ
ปลดดว้ ย ) การพิมพห์ นังสือขึ้นรับรองจะพิมพ์เป็นหนังสือราชการแสดงต่อกระทรวงการตา่ งประเทศ
๓๕
ซึ่งจะมีนายทหารตรวจสอบลงนามในสาเนาคู่ฉบบั และ หน.กทพ.กกพ.รด. ลงนามดว้ ย
- ผู้ขอหนงั สอื รบั รอง จะต้องลงช่อื การับหลกั ฐานในสาเนาคู่ฉบับและสมุดออกหนงั สือรบั รองดว้ ย
( เจา้ หนา้ ที่จะบันทึกทห่ี นังสือ, ผูข้ อ, สถานศกึ ษา และปกี ารศึกษา , รวมทั้งชือ่ ผู้ทพี่ มิ พ์ )
การขอผ่อนผันและการขอรับสิทธน์ิ กั ศึกษาวิชาทหาร
สามารถดาเนนิ การไดโ้ ดยรายงานสถานศึกษาวิชาทหารเพอื่ ดาเนนิ กรรมวธิ ีเปน็ รวมในห้วงเดือน กค. - ส.ค.
- การขอผ่อนผนั หมายถึงการท่ี นกั เรยี น, นสิ ิต, นกั ศึกษา มาสมคั รเปน็ นกั ศึกษาวิชาทหารไม่ได้เนือ่ งจาก
ร่างกายไม่ไดเ้ น่ืองจากร่างกาบไมไ่ ดข้ นาดตามระเบียบท่ี รด. กาหนดไว้ หรือทดสอบสมรรถภาพรา่ งกายไม่
ผ่าน สามารถผ่อนผนั ไว้เพ่อื สมัครในปถี ัดไปได้อีก 1 คร้ัง
- การขอรอรับสิทธิ์ หมายถงึ การที่ นศท. ขอพกั การเข้ารับการฝึกวชิ าทหาร เนอื่ งจากเรยี นไมต่ รงช้นั ปี เช่น
นศท.ทีเ่ รยี นอยชู่ นั้ ม.5 จะเรียนวชิ าทหารช้ันปที ่ี 3 ไมไ่ ด้
- หลงั จากเสร็จส้นิ การรับสมคั รและรายงานตัว นศท. ประจาปกี ารศึกษาแลว้ สถานศึกษาจะรวบรมรายชื่อ
และสารวจรายชือ่ นักเรยี น, นสิ ติ , นกั ศึกษา และ นศท. ท่ีไมส่ ามารถสมัครหรอื รายงานตัวเพื่อศึกษาในปี
นัน้ ๆ ได้สง่ ให้ รด. หรือ ศฝ.นศท. มทบ./นฝ.นศท.จทบ. เพื่อออกหนังสือรับรองไว้เปน็ หลักฐานนาไปแสดง
ตอ่ เจ้าหน้าท่ี
- การขอรับเอกสารขอผ่อนผนั และขอรอรบั สิทธิ์ สถานศกึ ษาสามารถติดตอ่ ขอรบั ไดท้ ี่ กทพ.กกพ.รด. หรอื
ศฝ.นศท.มทบ./ นฝ.นศท.จทบ. หลงั จากรายงานถงึ รด. หรอื ศฝ.นศท.มทบ./นฝ.นศท.จทบ. แลว้ ภายใน 7
วัน เพ่อื นาหนังสือรบั รองไปแจกจ่ายให้กนั นักเรียน, นิสิต, นกั ศึกษา และ นศท. นามาแสดงต่อเจ้าหนา้ ทร่ี ับ
สมคั รและรายงานตัวในปีถัดไปหมายเหตุ การขอผอ่ นผัน และขอรอรบั สิทธิจ์ ะขอติดต่อกันไดไ้ ม่เกนิ 2 ปี
กรณี นศท. โอนย้ายสถานศกึ ษาแตไ่ ดต้ ดิ ต่อขอผ่อนผัน และขอรอรบั สทิ ธิจ์ ากสถานศึกษาเดิมไว้แลว้ เม่ือ
ยา้ ยสถานศึกษาให้ นศท.มาติดตอ่ ขอรับหนังสอื รับรองไดท้ ่ี กทพ.กกพ.รด. หรอื ศฝ.นศท.มทบ./
นฝ.นศท.จทบ.
การขอยกเว้นไม่เรียกมาตรวจเลือกเขา้ รบั ราชการทหารกองประจาการ ของนักศกึ ษาวชิ าทหาร
- หว้ งเวลาการสง่ บัญชีขอยกเว้น ฯ ของสถานศึกษาตา่ งๆ ใน ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่ส่ง ให้ รด.
ประมาณเดอื น ก.ค. - ต.ค. และ รด. จะดาเนินการให้เสร็จภายในเดนื อน ธ.ค. ( อย่างชา้ ไม่เกินเดือน ก.พ.
ของปีถดั ไป )
- สถานศึกษาในสว่ ยภมู ภิ คจะส่งผ่าน ศฝ./นฝ. นศท. มทบ./จทบ. ทร่ี บั ผดิ ชอบจงั หวัดน้ันๆ เพอื่ ตรวจสอบ
บญั ชีขอยกเวน้ ฯ วา่ ถูกต้องหรือไม่ เม่อื ถูกต้องใหด้ าเนินการสง่ ให้ รด. ต่อไป
- การดาเนินการ
- หว้ งระยะเวลาตามข้อ 7.1 นศท. ชั้นปที ่ี 1, 2 , 3 ผู้ทอี่ ายคุ รบ 20 ปบี รบิ รู ณ์ กาหนดการเกณฑ์
ทหารในปีถัดไปจะตอ้ งดาเนนิ การขอยกเวน้ การเรยี นมาตรวจเลือก, ใหร้ บี แจง้ สถานศึกษา และสถานศึกษา
จะตอ้ งรวบรวมหลักฐานของ นศท. ทีข่ อยกเวน้ ฯ การเกณฑท์ หารนาสง่ ปล.กห., รด. และเก็บไว้หลักฐาน
- รด. ( กทพ.กกพ.รด. ) จะตรวจสอบบญั ชขี อยกเวน้ ฯ กับบัญชสี ภาพเป็น นศท. ลและขอรบั รอง
ทา้ ยบญั ชี
ขอยกเว้นวา่ " รับรองว่าเป็นนกั ศึกษาวิชาทหารจริง " แลว้ นาเรยี นขออนมุ ัติ จก.รด. สง่ ไปยงั ทบ.( ผ่าน -
กสร.ทบ. ) เพอ่ื กสร.ทบ. จะไดด้ าเนินการ การต่อไปตามภูมิลาเนาทหารของ นศท. แตล่ ะคนต่อไป
- นศท. สามารถตรวจสอบการขอยกเว้นฯ ไดจ้ ากสถานศึกษาขอตนเองว่าได้ดาเนนิ การให้หรือไม่
๓๖
การพน้ สภาพการเปน็ นักศึกษาวชิ าทหาร
- ตาย
- ลาออกจาการเป็น นศท.
- สาเร็จจาการเปน็ นศท.
- พน้ หรือออกจากสถานศกึ ษาวิชาทหารทกี่ าลังศึกษาอยู่
- ไมม่ ารายงานตวั ขอรบั การฝึก หรอื ไมข่ อรอรบั สทิ ธ์ิ
- อายุเกิน 26 ปบี รบิ รู ณ์
- พน้ สภาพโดยถกู ถอนสภาพตามระเบียบ รด. กาหนด เช่น ถกู ตดั คะแนนความประพฤตติ ัง้ แต่ 100
คะแนนข้ึนไป, ไม่ไดร้ ายงานตัวเขา้ รับการฝึก 3 ปี ติดตอ่ กัน สอบตกในชน้ั เดียวกัน 2 ปี
การทาบตั รประจาตัวนกั ศึกษาวิชาทหาร
- ผ้สู มคั รใหม่เปน็ นศท.ชน้ั ป่ที ี่ 1 ตอ้ งทาบัตรทุกคน จดั ทาพร้อมกับการรบั สมคั ร ( ใชไ้ ด้ถึงชั้นปีที่ 5 )
คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั ทาคนละ 30 บาท
- นศท. ทโ่ี อนยา้ ยจากส่วนภมู ภิ าคมาสว่ นกลางหรือระหว่าง ศฝ./นฝ.นศท./จทบ. ตอ้ งทาบตั รใหม่ทกุ คน
- นศท.ท่ีโอนย้ายสถานศึกษาในส่วนกลางต้องเปลยี่ นรหัสใหม่
- นศท. ทโ่ี อนยา้ ยสถานศึกษาและ นศท. ท่บี ตั รชารดุ สูญหายในหว้ งการรับสมัครและรายงานตวั ประจาปใี ห้
ดาเนนิ การ คือ
- กรณีบตั รชารดุ , สญู หาย หรอื โอนยา้ ยสถานศกึ ษา นศท. สามารถตดิ ต่อขอทาบตั ร ดังน้ี
- ในสว่ นกลางที่ แผนกควบคุมและสถิติ กองกาลงั พล กรมการรักษาดนิ แดน เลขที่ 2 ถนนเจริญกรงุ
- ในส่วนภมู ิภาค ที่ ศฝ./นฝ.นศท. มทบ./จทบ. วงึ่ นศท. เข้ารับการฝึก
- กรณีบตั รชารุด, สูญหาย ตอ้ งแจ้งความต่อสถานตี ารวจทันที พร้อมขอสาเนา ใบแจง้ ความและนาไปเปน็
หลกั ฐาน ขอทาบัตรใหม่ตามสถานที่ ในข้อ 1.5
- นศท. ทาบตั รใหม่ จะต้องจาและบนั ทึกหมายเลขประจาตัว 10 ตวั ในบตั รของตนเองและบันทึกไว้ ณ ท่ี
จะหาได้ง่าย เชน่ สมดุ คมู่ ือเป็นต้น ทงั้ นีเ้ พ่ือสะดวกแก่ นศท. เองเมื่อไปขอทาบัตรใหม่ เมื่อเกิดชารุดหรือ
สญู หาย
- กรณี นศท. เปลย่ี นช่ือตวั , ชอื่ สกลุ แลว้ ขอมาบตั รใหม่ นศท. ตอ้ งให้สถานศึกษารายงานขอเปล่ยี นชอ่ื ตัว
,ชือ่ สกลุ ใหเ้ รยี บร้อยก่อนแล้วจึงทาบตั รใหม่ได้
4. กิจกรรมชุมนุม
กิจกรรมชุมนุม เป็นกิจกรรมท่ีผู้เรียนรวมกลุ่มกันจัดข้ึนตามความสามารถ ความถนัดและความ
สนใจของผู้เรียน เพ่ือเติมเต็มความรู้ ความชานาญ ประสบการณ์ ทักษะ เจตคติเพ่ือพัฒนาตนเองตาม
ศักยภาพ
หลกั การ
กิจกรรมชุมนุม มีหลักการท่สี าคญั ดงั นี้
1. เป็นกิจกรรมท่เี กดิ จากการสร้างสรรค์และออกแบบกจิ กรรมของผู้เรียนตามความสมัครใจ
๓๗
2. เปน็ กิจกรรมทีผ่ เู้ รยี นรว่ มกันทางานเปน็ ทีม ช่วยกันคดิ ชว่ ยกนั ทา และช่วยกนั แกป้ ัญหา
3. เปน็ กจิ กรรมท่สี ง่ เสรมิ และพัฒนาศกั ยภาพของผูเ้ รียน
4. เป็นกิจกรรมทเ่ี หมาะสมกับวยั และวฒุ ภิ าวะของผู้เรยี น รวมท้ังบรบิ ทของสถานศกึ ษาและ
ท้องถิ่น
วตั ถุประสงค์
1. เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนไดป้ ฏิบตั กิ จิ กรรมตามความสนใจ ความถนัด และความต้องการของตน
2. เพื่อใหผ้ เู้ รยี นได้พฒั นาความรู้ ความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เกดิ
ประสบการณ์ทัง้ ทางวิชาการและวชิ าชพี ตามศกั ยภาพ
3. เพื่อส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนใช้เวลาใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อตนเองและส่วนรวม
4. เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นทางานร่วมกับผู้อ่นื ไดต้ ามวถิ ปี ระชาธปิ ไตย
ขอบข่าย
กจิ กรรมชมุ นุม มีขอบข่ายดังน้ี
1. เป็นกิจกรรมจดั ตามความสนใจของผเู้ รียน
2. เป็นกจิ กรรมที่จัดเสริมหลักสตู รสถานศึกษาในด้านความรแู้ ละทักษะปฏบิ ตั ิ ของผู้เรียน
3. สามารถจดั ไดท้ ัง้ ในและนอกสถานศึกษา และท้งั ในเวลาและนอกเวลาเรียน
แนวทางการจัดกิจกรรมชุมนุม
จดุ หมาย ของกจิ กรรมชมุ นุม
1. เพอื่ ใหส้ อดคลอ้ งกับหลกั สตู รพืน้ ฐานสถานศึกษา
2. เพื่อใหม้ ที ักษะในการทางานรว่ มกนั
3. เพ่ือให้นักเรยี นมีทักษะกระบวนการในการทางาน
4. เพอื่ ให้รจู้ กั การใชเ้ วลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์
5. เพื่อให้มีความรับผดิ ชอบ ขยนั ประหยัด อดทน และมจี ติ ใจเอื้อเฟื้อเผอื่ แผ่
ข้ันตอนการจดั ต้ังชุมนุม
1. รบั สมัครสมาชกิ ชมุ นมุ ตามความสนใจ
2. ปฐมนิเทศนกั เรียน
3. เลอื กต้งั กรรมการ ชมุ นมุ
4. สง่ ผู้แทนร่างระเบียบ การจดั ชุมนมุ
5. ขออนมุ ัติ ผูบ้ ริหาร
6. ประชาสมั พันธ์ / เผยแพร่
ประเภทของกจิ กรรมชมุ นุม
กิจกรรมชุมนุมมี 2 ประเภท ดงั นี้
1. กจิ กรรมกลมุ่ เสริมทักษะดา้ นวิชาการ ไดแ้ ก่ กลมุ่ สาระ 8 สาระ
2. กิจกรรมชมุ นมุ เลือกตามความถนัด และความสนใจ เชน่ ชุมนุมส่งเสรมิ
วฒั นธรรมไทย ชุมนมุ สง่ เสริมอาชีพ
๓๘
หลักสูตรกจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ท่ีกาหนดไว้ในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ปีละ ๑๒๐
ช่ัวโมง และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๖ จานวน ๓๖๐ ชั่วโมงน้ัน เป็นเวลาสาหรับปฏิบัติกิจกรรมแนะแนว
กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ ในส่วนกิจกรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์ใหส้ ถานศึกษาจดั สรรเวลาใหผ้ เู้ รยี นได้ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดังนี้
ระดับประถมศกึ ษา (ป.๑-๖) รวม ๖ ปี จานวน ๖๐ ชวั่ โมง
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ (ม.๑-๓) รวม ๓ ปี จานวน ๔๕ ชั่วโมง
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ม.๔-๖) รวม ๓ ปี จานวน ๖๐ ช่วั โมง
แนวทางการจดั กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
มัธยมศกึ ษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย
1. ช่วยงานจาจร 1. ชว่ ยงานจาจร
2. บริจาคโลหิต 2. บรจิ าคโลหติ
3. รว่ มงานรฐั พิธี 3. ร่วมงานรฐั พธิ ี
4. ร่วมงานประเพณที ้องถ่นิ 4. รว่ มงานประเพณีท้องถิ่น
5. รว่ มรณรงคเ์ ชน่ โรคเอดส์ ยาเสพติด 5. รว่ มรณรงค์เชน่ โรคเอดส์ ยาเสพตดิ เป็น
เป็นต้น ตน้
6. เก็บกวาด/ซ่อมแซม สถานทีส่ าธารณะ 6. เก็บกวาด/ซ่อมแซม สถานทีส่ าธารณะ
7. ช่วยเหลอื อทุ กภยั วาตภยั ฯ 7. ช่วยเหลืออทุ กภยั วาตภัย ฯ
มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย
8. ยวุ ทตู /มคั เุ ทศกน์ ้อย 8. ยุวทตู /มัคเุ ทศก์น้อย
9. อย.นอ้ ย 9. อย.นอ้ ย
10.อาสาสมัคร 10.อาสาสมัคร
11.เสยี งตามสายของชมุ ชน 11.เสยี งตามสายของชมุ ชน
12.ยวุ อนามยั 12.ยวุ อนามยั
13.อนรุ กั ษ์และส่งเสรมิ สงิ่ แวดล้อม 13.อนรุ กั ษ์และสง่ เสรมิ สิง่ แวดล้อม
ฯลฯ ฯลฯ
หมายเหตุ ผ้เู รยี นจะต้องขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียนอย่างนอ้ ย ๕ กิจกรรมขึน้ ไปต่อภาคเรียน
๓๙
ตัวอย่าง การสร้างเครอื่ งมือ วธิ วี ัด และเกณฑ์การประเมิน กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น
(กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน)์
กิจกรรม การวดั เครอ่ื งมือวดั และเกณฑก์ ารประเมนิ
14. ชว่ ยงานจาจร
วธิ วี ัด เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ ารประเมนิ
15. บริจาคโลหิต
16. ร่วมงานรัฐพิธี สารวจการเขา้ แบบสารวจการ เขา้ ร่วมกิจกรรมอยา่ งน้อย ๒
17. รว่ มงานประเพณี รว่ มกจิ กรรม เขา้ รว่ ม กจิ กรรมต่อภาคเรียน
ท้องถิ่น
กิจกรรม
18. รว่ มรณรงค์ เช่น โรค
เอดส์ ยาเสพตดิ เปน็ ต้น การบนั ทึกการ แบบบนั ทึกการ บริจาคโลหติ อยา่ งน้อย ๑
19. เก็บกวาด/ซ่อมแซม บรจิ าคโลหิต บริจาคโลหิต คร้งั ตอ่ ปี
สถานที่สาธารณะ
การสารวจการ แบบสารวจการ เข้ารว่ มกจิ กรรมอย่างนอ้ ย ๒
เข้าร่วม เข้าร่วม กจิ กรรมต่อภาคเรียน
กิจกรรม กิจกรรม
การสารวจการ แบบสารวจการ เขา้ ร่วมกิจกรรมอยา่ งนอ้ ย ๒
เขา้ ร่วม เข้ารว่ ม กจิ กรรมต่อภาคเรยี น
กจิ กรรม กิจกรรม
การสารวจการ แบบสารวจการ เขา้ ร่วมกจิ กรรมอยา่ งนอ้ ย ๓
เข้ารว่ ม เข้าร่วม กิจกรรมต่อภาคเรียน
กิจกรรม กิจกรรม
การสารวจการ แบบสารวจการ เข้ารว่ มกจิ กรรมอย่างน้อย ๒
เขา้ รว่ ม เข้าร่วม กจิ กรรมต่อภาคเรยี น
กิจกรรม กิจกรรม
20. ช่วยเหลืออทุ กภัย การบนั ทึกการ แบบบนั ทกึ การ เข้ารว่ มกิจกรรมอยา่ งนอ้ ย ๓
วาตภยั ฯ
เข้ารว่ ม เขา้ รว่ ม ชว่ั โมงต่อภาคเรยี น
กจิ กรรม กจิ กรรม
21. ยุวทตู /มัคเุ ทศกน์ ้อย การบันทกึ การ แบบบนั ทกึ การ เขา้ ร่วมกิจกรรมอย่างนอ้ ย ๑
เขา้ ร่วม เขา้ รว่ ม คร้ังต่อภาคเรียน
กิจกรรม กจิ กรรม
22. อย.น้อย การบนั ทึกการ แบบบนั ทกึ การ เข้าร่วมกจิ กรรมอย่างนอ้ ย ๑
เข้ารว่ ม เขา้ รว่ ม ครง้ั ต่อภาคเรยี น
กิจกรรม กิจกรรม
๔๐
23. อาสาสมัคร ตรวจแบบ แบบบันทึกการ เขา้ รว่ มกิจกรรมอย่างนอ้ ย ๕
24. เสียงตามสายของชุมชน บนั ทึกการลง ลงเวลา ชว่ั โมงต่อภาคเรยี น
25. ยวุ อนามยั
เวลา แบบบันทกึ การ เข้ารว่ มเปน็ นกั จดั รายการใน
26. อนรุ กั ษ์และสง่ เสริม จัดรายการ สถานีวิทยุชมุ ชนอยา่ งน้อย ๑
ส่งิ แวดลอ้ ม การตรวจแบบ
บนั ทึกการจดั แบบบนั ทึกการ ครงั้ ต่อภาคเรียน
เข้ารว่ ม เขา้ รว่ มกจิ กรรมอยา่ งนอ้ ย ๑
รายการ กจิ กรรม
ครั้งตอ่ ภาคเรยี น
การตรวจแบบ แบบบนั ทกึ การ
บนั ทกึ การการ เขา้ ร่วม เข้าร่วมกิจกรรมอนรุ ักษแ์ ละ
กิจกรรม ส่งเสริมส่ิงแวดลอ้ มอยา่ งน้อย
เขา้ รว่ ม
กจิ กรรม ๑ คร้งั ต่อภาคเรยี น
การตรวจแบบ
บันทึกการการ
เขา้ รว่ ม
กจิ กรรม
ในส่วนของกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด ผู้บาเพ็ญประโยชน์ และกิจกรรมรักษา
ดินแดน กิจกรรมชุมนุม ให้ โรงเรียนสามารถดาเนินการออกแบบกิจกรรมตามลักษณะรูปแบบวิธีการตาม
ธรรมชาตขิ องแต่ละกจิ กรรมไดต้ ามความเหมาะสม
การตดั สนิ การเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น เป็นกจิ กรรมส่งเสริมการเรียนรูแ้ ละพฒั นาการของผู้เรียนตามมาตรฐานการ
เรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ย่ิงข้ึน และเป็นเง่ือนไขสาคัญอีกประการหนึ่งของ
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน ที่ผู้เรียนทุกคนจะต้องเข้าร่วมกิจกรรมให้ครบถ้วนถ้วน และผ่าน
การประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด จึงจะได้รับการพิจารณาตัดสินให้ผ่านช่วงช้ัน การประเมิน
กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น มีแนวทางในการดาเนินการ ดังนี้
1. การประเมนิ ผเู้ รยี นในการปฏิบตั กิ จิ กรรม ผูร้ ับผดิ ชอบกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนแต่ละ
กิจกรรม และผู้เก่ียวข้องดาเนินการประเมินการเข้าร่วมกิจกรรมของผู้เรียนตามจุดประสงค์ของกิจกรรม
อย่างต่อเน่ืองตลอดช่วงเวลาของการจัดกิจกรรม โดยรวบรวมจากบันทึกการเข้าร่วมกิจกรรมและผลการ
ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และตัดสนิ การเข้ารว่ มกจิ กรรมเมอ่ื สิ้นสุดระยะเวลาปฏิบตั ิกจิ กรรม
2. การตดั สนิ ผลการเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ให้ประเมินและตัดสินเปน็ รายกจิ กรรม
โดยพิจารณาจากผลการประเมินตามจุดประสงค์สาคัญของกิจกรรมกับเวลาท่ีเข้าร่วมกิจกรรมแล้วตัดสิน
ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด
3. การแจ้งผลการประเมนิ การประเมนิ ใหร้ ะดับผลการเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นให้
เป็นไปตามแนวทางทสี่ ถานศกึ ษากาหนด เมอื่ ให้ระดับผลการเขา้ รว่ มกิจกรรมแตล่ ะกิจกรรมแลว้ ควรแจง้ ให้
ผู้เรียนทราบโดยเร็ว และให้ผู้เรียนท่ีไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินทาการซ่อมเสริมให้ผ่านทุกๆกิจกรรม ใน
ขณะเดียวกันให้แจ้งผลการประเมินให้ฝ่ายทะเบียนของสถานศึกษาบันทึกผลการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนา
ผ้เู รียนของผู้เรียนแต่ละคนสะสมไวเ้ ป็นหลกั ฐาน
4. การสรปุ ผลการประเมนิ ผา่ นช่วงช้ัน เมอ่ื จบชว่ งช้นั นายทะเบยี นจะรวบรวมผลการเข้า
๔๑
ร่วมกิจกรรมของผู้เรียนแต่ละคนตลอดช่วงช้ัน ผู้เรียนท่ีมีผลการประเมินการเข้าร่วมกิจกรรมได้ครบตาม
เกณฑ์ทสี่ ถานศึกษากาหนด จะได้รับการพิจารณาให้ผ่านชว่ งชั้นรว่ มกับเกณฑ์มาตรฐานการผา่ นชว่ งช้ันอื่นๆ
ผู้เรียนท่ีผลการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนไม่ครบตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด จะต้องเข้าร่วม
กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนตอ่ ไป ใหค้ รบตามเกณฑจ์ งึ จะได้รบั การพจิ ารณาใหผ้ ่านช่วงชน้ั
เกณฑก์ ารผา่ นกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนทโี่ รงเรยี นกาหนด มีดังนี้
1. ผ้เู รยี นต้องเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียนไม่น้อยกวา่ ร้อยละ 80
2. ผ้เู รียนตอ้ งเข้าร่วมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี นในขณะเรียนอย่างต่อเน่ืองตามช่วงเวลาท่จี ดั กิจกรรมนั้นๆ
3. ระดบั ผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมมี 3 ระดบั ดงั น้ี
3.1 ผ่าน ( ผ) หมายถึง ผู้เรียนได้คะแนนรวมร้อยละ 50 - 100 และมีเวลาเข้า ร่วม
กิจกรรม 80 %
3.2 ไม่ผา่ น (มผ ) หมายถึง ผู้เรียนได้คะแนนรวมต่ากวา่ ร้อยละ 50 และมีเวลาเข้าร่วม
กจิ กรรมนอ้ ยกว่า 80 %
3.3 ปรับปรุง ( ปป ) หมายถึง ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ต้องได้รับการ
ปรับปรุงแกไ้ ขเพ่ือใหผ้ ่านกจิ กรรม
แนวทางการประเมนิ ผลกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน
กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี น กิจกรรมเพ่อื สังคมและ
ซ่อมเสรมิ สาธารณประโยชน์
ไมผ่ ่าน
ประเมิน เกณฑ์การประเมิน
ผา่ น 1. เวลาเข้ารว่ มกจิ กรรม
2. การปฏิบตั ิกิจกรรม
3. ผลงาน/ช้นิ งาน/
คุณลกั ษณะของผ้เู รยี น
สง่ ผลการประเมนิ
การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นมี 2 แนวทาง คือ
๔๒
๑. การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนรายกิจกรรม มีแนวปฏิบตั ิดังน้ี
1.1 ตรวจสอบเวลาเข้าร่วมกจิ กรรมของผูเ้ รยี นใหเ้ ป็นไปตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนด
1.2 ประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี นจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมและผลงาน/ช้ินงาน/
คุณลักษณะของผ้เู รียนตามเกณฑท์ สี่ ถานศึกษากาหนดด้วยวธิ กี ารทหี่ ลากหลาย เนน้ การมีส่วนรว่ มในการ
ปฏิบตั ิกจิ กรรม
1.3 ผู้เรียนทมี่ เี วลาการเข้ารว่ มกิจกรรม มีการปฏิบตั ิกิจกรรมและผลงาน/ชน้ิ งาน/
คุณลักษณะตามเกณฑท์ ส่ี ถานศกึ ษากาหนดเป็นผผู้ า่ นการประเมินกิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี นรายกจิ กรรม และนา
ผลการประเมิน ไปบนั ทึกในระเบียนแสดงผลการเรียน
1.4 ผเู้ รยี นที่มีผลการประเมนิ ไมผ่ ่านในเกณฑเ์ วลาการเข้าร่วมกจิ กรรม การปฏบิ ัติ
กจิ กรรมและผลงาน/ช้นิ งาน/คุณลักษณะตามทส่ี ถานศึกษากาหนดการประเมนิ ผลกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน ครู
หรอื ผูร้ บั ผดิ ชอบตอ้ งดาเนนิ การซอ่ มเสริมและประเมนิ จนผ่าน ทัง้ นค้ี วรดาเนนิ การให้เสร็จส้นิ ในปีการศึกษา
นัน้ ๆ ยกเวน้ มีเหตุสดุ วิสยั ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษา
๒. การประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รียนเพอ่ื การตดั สิน
การประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนเพอ่ื ตัดสินเล่ือนชน้ั และจบการศกึ ษาเปน็ การประเมนิ การ
ผา่ นกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี นเป็นรายปี/รายภาค เพื่อสรปุ ผลการผา่ นในแตล่ ะกจิ กรรม สรปุ ผลรวมเพื่อสรุปผล
การผ่านในแต่ละกจิ กรรม สรปุ ผลรวมเพอื่ เลือ่ นชัน้ และประมวลผลรวมในปีสดุ ทา้ ยเพ่ือการจบแตล่ ะระดับ
การศกึ ษา โดยการดาเนินการดงั กลา่ วมีแนวทางปฏิบตั ิ ดังนี้
2.1 กาหนดใหม้ ีผู้รับผดิ ชอบในการรวบรวมข้อมลู เก่ียวกับการร่วมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนของ
ผเู้ รยี นทุกคนตลอดระดับการศกึ ษา
2.2 ผู้รับผิดชอบสรุปและตัดสนิ ผลการร่วมกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี นของผ้เู รียนเป็นรายบุคคล
ตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนด เกณฑ์การจบแตล่ ะระดับการศกึ ษาทีส่ ถานศึกษากาหนด ผู้เรยี นต้องผ่าน
กิจกรรม 3 กจิ กรรมสาคัญดงั นี้
2.1.1 กิจกรรมแนะแนว
2.2.2 กจิ กรรมนกั เรียน ได้แก่ กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี ยุวกาชาด ผบู้ าเพ็ญประโยชน์
และนกั ศึกษาวชิ าการทหาร และกิจกรรมชุมนุม ชมรม
2.2.3 กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์
2.3 ผรู้ ับผดิ ชอบเสนอผลการประเมนิ ต่อคณะอนุกรรมการกลุม่ สาระการเรียนรแู้ ละกจิ กรรม
พัฒนาผู้เรียนเพื่อให้ความเห็นชอบ
2.4 ผูร้ ับผดิ ชอบเสนอผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาพจิ ารณาเพื่ออนุมัตผิ ลการประเมินกิจกรรม
พฒั นาผู้เรยี นผ่านเกณฑ์การจบแตล่ ะระดบั การศึกษา
เกณฑก์ ารตดั สิน
๑) กาหนดเกณฑ์การประเมนิ ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐานกาหนดไว้ 2 ระดบั คือ
ผ่าน และ ไม่ผา่ น
๒) เกณฑ์การตัดสนิ ผลการประเมินรายกิจกรรม
ผา่ น หมายถึง ผู้เรยี นมเี วลาเขา้ รว่ มกจิ กรรมครบตามเกณฑ์ ปฏบิ ตั ิกิจกรรม และมผี ลงาน/
ชน้ิ งาน/คณุ ลกั ษณะตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด
ไมผ่ า่ น หมายถึง ผู้เรยี นมเี วลาเข้าร่วมกจิ กรรมไม่ครบตามเกณฑ์ ไมผ่ ่านการปฏิบัตกิ จิ กรรม
หรอื มผี ลงาน/ช้นิ งาน/คุณลักษณะไม่เปน็ ไปตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด
๔๓
๓) เกณฑ์การตดั สนิ ผลการประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียนรายปี/รายภาค
ผา่ น หมายถงึ ผูเ้ รยี นมผี ลการประเมินระดับ “ผา่ น” ในกิจกรรมสาคัญท้ัง 3 กิจกรรม คือ
กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนกั เรียน และกจิ กรรมเพื่อสังคมและ
สาธารณประโยชน์
ไมผ่ ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมินระดับ “ไม่ผา่ น” ในกิจกรรมสาคัญใดกิจกรรมหนง่ึ
ใน 3 กจิ กรรม คือ กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน และกิจกรรมเพื่อ
สงั คมและสาธารณประโยชน์
๔) เกณฑ์การตดั สินผลการประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี นเพือ่ จบระดับการศึกษา
ผา่ น หมายถึง ผ้เู รยี นมผี ลการประเมินระดับ “ผา่ น” ทุกชน้ั ปีในระดับการศกึ ษา นนั้
ไม่ผ่าน หมายถึง ผู้เรียนมีผลการประเมนิ ระดับ “ไมผ่ ่าน” บางชนั้ ปีในระดบั การศึกษานน้ั
( หมายเหตุ การประเมินผลอาจเขยี นแยกการประเมนิ ผลแต่ละกิจกรรม หรอื เขยี นรวมในภาพรวมของ
กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนก็ได้ )
๔๔
คาอธิบายกจิ กรรมพัฒนาผูเ้ รียน
กจิ กรรมแนะแนว
๔๕
คาอธิบายกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น
กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน รายวิชา แนะแนว
จานวน 0.5 หนว่ ยกติ
ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 1 เวลา 20 ชั่วโมง
นกั เรยี นได้เรยี นรูเ้ ก่ยี วกับสาเหตุของปัญหา การตดั สินใจ และแก้ปัญหาของตนเอง การสารวจ
จดุ เดน่ และความสามารถพิเศษของตนเอง การสารวจความถนดั ความสามารถ ความสนใจ บคุ ลิกภาพ
การใช้ห้องสมุด การจาแนกข้อมูลข่าวสาร การรู้จักตนเองและผู้อนื่ การใชภ้ าษาไทยอยา่ งถูกต้องชดั เจน
การจาแนกอารมณ์ การแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสม การใช้สาธารณสมบัติ การอยรู่ ว่ มกันและทางานเปน็
กล่มุ โดยมีวัตถปุ ระสงคใ์ ห้นักเรยี นเกดิ ความรกั และเหน็ คุณค่าของตนเองและผูอ้ ื่น การสารวจตนเองใน
ดา้ นต่างๆ สามารถตัดสนิ ใจและแก้ไขปญั หาของตนเองได้ รจู้ กั วิธีการแสวงหาและนาเสนอข้อมลู
สารสนเทศและสามารถดารงชีวิตอยใู่ นสงั คมได้อย่างมคี วามสุข
จดุ ประสงคช์ ั้นปี
1. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนค้นพบความถนัด ความสามารถ ความสนใจของตนเอง รกั และเหน็ คุณค่า
ในตนเองและผู้อืน่
2. เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนรูจ้ ักการแสวงหาความรจู้ ากข้อมลู ขา่ วสาร แหล่งเรยี นรู้ ทงั้ ด้านการศึกษา
อาชพี ส่วนตวั สงั คม เพอ่ื นาไปใช้ในการวางแผนเลอื กแนวทางการศึกษาอาชพี ได้อยา่ งเหมาะสม
สอดคล้องกับศักยภาพของตนเอง
3. เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นได้พัฒนาบุคลิกภาพและปรบั ปรุงตัวอย่ใู นสังคมได้อย่างมคี วามสขุ
4. เพื่อให้ผ้เู รยี น มคี วามรู้ มที กั ษะ มีความคดิ สรา้ งสรรค์ ในงานอาชีพและมเี จตคติท่ีดีต่ออาชพี
สุจริต
5. เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นมีคา่ นยิ มที่ดีงามในการดาเนนิ ชีวติ เสรมิ สร้างวินยั คุณธรรมและจริยธรรมแก่
ผู้เรยี น
6. เพื่อให้ผเู้ รยี นมจี ติ สานึกในการรับผดิ ชอบต่อตนเอง ครอบครัว สงั คมและประเทศชาติ
๔๖
โครงสร้างการจดั กจิ กรรมแนะแนว
ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1
ลาดับ วัตถุประสงค์ หนว่ ยการ สาระสาคญั สาระการเรยี นร(ู้ เนือ้ หา) จานวน
ที่ จัดกจิ กรรม (ความคิดรวบยอด) เวลา
(ชม.)
1 นักเรยี นร้จู ัก ฉันพอใจ บุคคลย่อมมที ั้งความพงึ 1. คณุ ค่ารูปลักษณข์ องตนเอง 3
เข้าใจ เห็น พอใจและไม่พึงพอใจใน ทงั้ ส่วนทพี่ อใจและไม่พอใจ
คุณคา่ ใน รปู ลกั ษณข์ องตน อย่างไร 2. วิธกี ารปฏิบตั ติ นที่แสดงถึง
ตนเองและ กต็ ามรูปลักษณเ์ หล่านั้น การยอมรบั และเหน็ คณุ ค่าใน
พัฒนา เป็นสว่ นหนึ่งทีใ่ ชใ้ นการ รปู ลกั ษณ์ของตนเอง
ตนเองได้ ดาเนินชีวิต การรจู้ กั
เตม็ ตาม เขา้ ใจและเหน็ คณุ ค่าใน
ศกั ยภาพ ตนเองตามความเป็นจริง
จะทานกั เรยี นยอมรับ
ตนเองและพร้อมท่ีจะ
พฒั นาตนตามศกั ยภาพ
2 นกั เรียนรู้จกั ฉันกับคนอื่น สรรพส่ิงล้วนมีส่วนเกื้อกูล 1. ความสัมพันธแ์ ละคุณคา่ 3
เขา้ ใจ เห็น ๆ รอบตวั ฉัน ต่อการดารงชีวิตของ ของบุคคลอน่ื และสงิ่ ตา่ งๆ ท่ีมี
คณุ ค่าของ สว่ นเก้อื กลู ต่อชวี ิตตน
ผู้อืน่ และ มนษุ ย์ 2. วิธกี ารปฏิบัติต่อผู้อ่ืนและ
ปฏบิ ัติต่อ การตระหนักรู้และเห็น ส่ิงตา่ ง ๆท่ีมสี ว่ นเกื้อกลู ต่อ
ผอู้ ่ืนอยา่ ง คณุ ค่าของบคุ คลและ ชวี ติ ตน อยา่ งเหน็ คณุ คา่ และ
เหมาะสม สรรพสงิ่ รอบตัว ย่อมทาให้ กตัญญู
นกั เรียนปฏบิ ัตติ อ่ ผู้อ่นื
และสรรพส่งิ อย่าง
เหมาะสม
3 นกั เรยี น ฉลาดเรยี น การร้จู กั และเขา้ ใจ 1.หลกั สูตร การวดั และ 8
สามารถคิด เพียรส่คู วาม ประเมินผล
วิเคราะห์ สาเร็จ หลกั สูตร การวดั 2. คณุ ค่าของการเรียน คณุ ค่า
ตดั สินใจ ประเมินผล อกี ทั้งการเห็น รายวชิ าท่ีจดั ใหเ้ รียนตาม
แก้ปัญหา คณุ คา่ การเรยี น คุณคา่ หลักสูตร
และวางแผน รายวิชาตามหลกั สูตรและ 3. วธิ กี ารปฏบิ ัตติ นเพื่อ
ดา้ น พัฒนาทักษะการเรียนที่มี
การศึกษา การเรียนร้วู ธิ กี ารเรียน ประสิทธภิ าพ
อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ย่อม 4.การแสวงหาข้อมูลจาก
ทาให้นักเรียนมีแนวทางใน แหล่งเรยี นรู้ตา่ งๆ ท้งั ภายใน
การปรับตวั ดา้ นการเรยี น และภายนอกโรงเรียน
เกิดแรงจงู ใจในการเรียน
สามารถนาไปใชใ้ นการ
๔๗
ปรับปรุงและพฒั นาตนเอง
เพือ่ ความสาเรจ็ ด้านการ
เรยี น และเปน็ ประโยชน์
ตอ่ การดารงชีวิต
4 นักเรียนมี โลกของการ ภาษาท่ใี ชใ้ นการสื่อสาร 1. รูปแบบการส่ือสารแบบใช้ 3
ทักษะการ สือ่ สาร และสร้างสมั พันธภาพกับ ภาษาและทา่ ทางได้
สอื่ สารและ 2. ความสาคญั ของการ
สรา้ ง ผูอ้ น่ื มีทั้งภาษาพูดและ สื่อสารเพื่อสรา้ งสมั พนั ธภาพ
สัมพนั ธภาพ ภาษาท่าทาง ความเขา้ ใจ กับผอู้ ืน่
ในการส่อื สารท้ังสอง 3.การฝึกส่ือสารแบบใช้ภาษา
รปู แบบและการพฒั นา และท่าทางที่เหมาะสม
ทักษะการสื่อสารดังกลา่ ว
ย่อมทาให้นักเรยี นสื่อสาร
ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมและมี
สมั พันธภาพที่ดีต่อผู้อื่น
5 นกั เรียนมี กนิ อยู่ การเลอื กอปุ โภคบรโิ ภคใน 1. คณุ ค่าแท้ คุณค่าเทยี มของ 3
ทักษะการ คือ.... สงิ่ ต่างๆ ทเ่ี กยี่ วข้องกับ
ดารงชีวิต ชีวิตประจาวนั ควร ชีวิตประจาวนั
อยา่ งเป็น เลอื กสรรตามความจาเปน็ 2. การเลือกบรโิ ภคและ
ประโยชน์ และเหมาะแก่อัตภาพของ อุปโภคส่งิ ตา่ งๆ อย่าง
และ ตน การสรา้ งความเข้าใจ เหมาะสมและพอเพียง
ปลอดภยั แนวคดิ เรอ่ื งคณุ ค่าแท้
และคณุ ค่าเทียมของส่ิง
ต่างๆ จะช่วยใหน้ กั เรียน
ดารงชีวติ อยา่ งพอเพียง
รวมเวลา(ชม.) 20