The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการ การแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่าย

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2021-11-10 03:57:14

โครงการ การแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่าย

โครงการ การแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่าย

รายงานผลการประเมนิ โครงการฉบบั สมบรู ณ์
โครงการ การแปรรูปพรกิ ในรูปแบบขนมพริกทอดเพ่อื จำหนา่ ย

ประจำปีการศกึ ษา 2564

สดุ ารตั น์ อติชาต
ดรณุ ี ชนู อ้ ย

สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์
มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี

รายงานผลการประเมนิ โครงการฉบบั สมบูรณ์
โครงการ การแปรรูปพรกิ ในรูปแบบขนมพริกทอดเพอ่ื จำหน่าย

ประจำปกี ารศึกษา 2564

จัดทำโดย
นางสาว สดุ ารัตน์ อตชิ าต 62162091160
นางสาว ดรุณี ชนู ้อย 6216209001166

เสนอ
อาจารย์ อยบั ซาดคั คาน

สาขาวชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สรุ าษฎร์ธานี



คำนำ

โครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่ายจัดทำขึ้นโดยมี
วัตถุประสงค์เพือ่ ได้ศึกษาคน้ คว้าเกี่ยวกับขัน้ ตอนการทำพริกทอด เพื่อสร้างรายได้ใหแ้ ก่ตนเองในชว่ ง
สถานการณ์โควิด-19 และเพื่อทราบถึงวิธแี ปรรูปหรือถนอมอาหารของพริกโดยดำเนนิ โครงการอย่าง
เป็นระบบ นับตั้งแต่การศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการ การกำหนดจุดพัฒนา การ
วางแผน การปฏิบตั งิ านตามแผน การนเิ ทศตดิ ตามผล และประเมนิ โครงการ เพือ่ นำผลการประเมิน
โครงการไปใช้ในการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง และเป็นระบบ ผลการดำเนินงานช่วยให้นักศึกษาได้
พัฒนาตนเองในด้านการเรียนรู้ การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ส่งผลให้นักศึกษามีคุณภาพตาม
จุดหมายของหลกั สตู ร

ขอขอบคุณอาจารย์ อยับ ซาดัคคาน ที่ให้คำปรึกษา แนะนำ ท่ีให้ความร่วมมือในการดำเนิน
โครงการ การแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพรกิ ทอดเพื่อจำหน่ายและประเมินโครงการการแปรรูปพริก
ในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่ายทำให้การดำเนินงานบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งประ
ประโยชน์ที่ได้รับคือได้ทราบถึงการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับขั้นตอนการทำพริกทอด เพื่อสร้างรายได้
ให้แก่ตนเองในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และเพื่อทราบถึงวิธีแปรรูปหรือถนอมอาหารของพริกและ
ผู้เกี่ยวขอ้ ง สำหรบั ใชใ้ นการพัฒนางาน ใหม้ ีความก้าวหนา้ ตอ่ ไป

ดรุณี ชูนอ้ ย
( นางสาว ดรุณี ชูนอ้ ย )
ตำแหนง่ หวั หน้าโครงการ



สารบญั

เรือ่ ง หน้า
คำนำ………………………………………………………………………………………………………………………….....ก
สารบัญ........................................................................................................................................ข
สารบญั (ต่อ)……………………………………………………………………………………………………………….....ค
บทคัดยอ่ ………………………………………………………………………………………………………………………..1
บทท่ี 1 บทนำ…………………………………………………………………………………………………………………2

ความเปน็ มาของโครงการ.......................................................................................................2
หลกั การและเหตผุ ลของโครงการ…………………………………………………………………………………2
วัตถปุ ระสงค์โครงการ…………………………………………………………………………………………………3
ขอบเขตดำเนนิ เดนิ งานโครงการ………………………………………………………………………………….3
นิยามศพั ท์………………………………………………………………………………………………………………..3
ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ บั ………………………………………………………………………………………….3
เปา้ หมายของโครงการ……………………………………………………………………………………………….4
ปัจจัยในการดำเนนิ โครงการ...................................................................................................5
ระยะเวลาดำเนนิ งานตามโครงการ……………………………………………………………………………….6
กระบวนการการดำเนนิ โครงการ………………………………………………………………………………….7
บทที่ 2 รายละเอยี ดของโครงการ และวรรณกรรมท่เี ก่ียวข้อง……………………………………………..10
หลักการแนวคิด ทฤษฎีทเ่ี กี่ยวกับการดำเนินโครงการ………………………………………………….10
หลักการแนวคิดทฤษฎที ี่เกย่ี วกับการประเมนิ ผลโครงการ…………………………………………….16
บทท่ี 3 วธิ ีการประเมนิ โครงการ………………………………………………………………………………………25



สารบัญ(ต่อ)

เรอ่ื ง หนา้
รปู แบบการประเมนิ โครงการ…………………………………………………………………………………….25
วิธีการการประเมินโครงการ………………………………………………………………………………………26
เครอื่ งมือท่ีใช้ในการประเมนิ โครงการ…………………………………………………………………………27

บทท่ี 4 ผลการประเมนิ โครงการ……………………………………………………………………………………….30
ผลการประเมนิ ด้านสภาวะแวดลอ้ ม………………………………………………………………………….30
ผลการประเมินดา้ นปจั จยั ………………………………………………………………………………………..32
ผลการประเมนิ ด้านกระบวนการ………………………………………………………………………………34
ผลการประเมินดา้ นผลผลิต……………………………………………………………………………………...36

บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ…………………………………………………………………39
อภิปรายผล…………………………………………………………………………………………………………….39
ข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………40

บรรณนกุ รม………………………………………………………………………………………………………………….41
ภาคผนวก………………………………………………………………………………………………………………………….42

ภาคผนวก ก. แบบสอบถามของโครงการ………………………………………………………………….44
ภาคผนวก ข. ภาพข้นั ตอนการดำเนนิ โครงการ…………………………………………………………..50
ภาคผนวก ค. ภาพการจดั จำหน่ายสนิ คา้ .............................................................................52

1

บทคดั ย่อ

ช่ือเรอ่ื ง การประเมนิ โครงการ การแปรรูปพรกิ ในรปู แบบขนมพริกทอดเพ่ือจำหนา่ ย
ผู้รบั ผิดชอบ นางสาว สดุ ารัตน์ อติชาต

นางสาว ดรณุ ี ชูน้อย
ระยะเวลาการประเมินโครงการ

ระยะเวลาในการดำเนนิ โครงการและทำการประเมินโครงการ วันที่ 1 กันยายน 2564 ถึง
วันท่ี 25 ตลุ าคม 2564
วตั ถุประสงคโ์ ครงการ

1. เพื่อไดศ้ ึกษาคน้ ควา้ เกย่ี วกบั ข้ันตอนการทำพริกทอด
2. เพ่ือสรา้ งรายได้ให้แกต่ นเองในช่วงสถานการณ์โควิด-19
3. เพ่อื ทราบถงึ วิธแี ปรรูปหรือถนอมอาหารของพริก
วธิ ดี ำเนนิ โครงการ
การประเมินโครงการ การแปรรูปพริกในรปู แบบขนมพรกิ ทอดเพื่อจำหนา่ ย ดำเนินใน
ระหวา่ งวันท่ี 1 กันยายน 2564 – 25 ตุลาคม 2564 โดยใช้กลุม่ ตวั อย่างประกอบดว้ ยประชาชนใน
ชุมชนปลายราง อำเภอ บา้ นนาสาร จังหวดั สุราษฎร์ธานี จำนวน 10 คน
เคร่ืองมอื ทใ่ี ชป้ ระเมนิ โครงการ
การประเมณิ โครงการ การแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพรกิ ทอดเพื่อจำหน่าย ใชร้ ปู แบบการ
ประเมินแบบ CIPP Model

2

บทที่ 1

บทนำ

ความเปน็ มาและความสำคัญของโครงการ

พริกเปน็ เครอื่ งเทศที่มีความสำคญั ทางเศรษฐกิจชนิดหน่ึงและมีความสัมพนั ธ์ต่อความเป็นอยู่
ของชาวไทยเปน็ เวลาชา้ นาน เนื่องจากคนไทยนิยมรบั ประทานอาหารรสเผด็ พรกิ จงึ เป็นส่วนประกอบ
ของอาหารไทยหลายๆชนดิ นอกจากนยี้ ังใช้เปน็ ยาสมนุ ไพรได้อีกด้วย โดยช่วยรกั ษาโรคหดิ กลาก ลด
อาการปวดบวมเนื่องจากถูกความเย็นจัดและพริกก็ยังเป็นพืชผัดที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ
อยา่ งหน่ึงจะเห็นได้จากแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติฉบบั ท่ี 6 ปี 2530-2534 ระบใุ หพ้ ืชผัก
เป็นหนึ่งในบรรดาสินค้าที่ได้รับการเสนอไว้ในแผนพัฒนาระบบการผลิตการตลาดและการสร้างงาน
ซึ่งพริกเป็นพืชผักกินผลชนิดหนึ่งในโครงการส่งเสริมการผลิตพืชผักเพื่อการส่งออก และสามารถ
พัฒนาใหเ้ ปน็ อตุ สาหกรรมการเกษตร (บรษิ ัท อสี ท เวสท ซีด จำกัด, 2556)

ในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่นิยมปลูกพริกไว้ใช้รับประทานในครัวเรือนหรือนำไปขายเพื่อสร้าง
ผลกำไรเมือ่ พรกิ มีเยอะเกินไปอาจเป็นเพราะเก็บไม่ทนั ผู้คนสว่ นใหญม่ ักปล่อยทง้ิ ใหเ้ น่าหรือตายคาต้น
เพราะไมร่ วู้ ิธีแปรรูปหรอื ถนอมอาหารโดยพรกิ สามารถแปรรูปเป็นวตั ถุดบิ ในการผลติ อาหาร ตลอดจน
ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆเช่น พริกทอด พริกป่น เมื่อแปรรูปแล้วก็สามารถ
นำไปบรโิ ภคเองภายในครัวเรือนหรือนำไปจำหนา่ ยเพ่ือตอบสนองความต้องการที่ขยายตวั เพิ่มข้ึนของ
ผู้บริโภคในปัจจบุ ันและอนาคต

จากปัญหาดังกล่าวผู้จัดทำมีความสนใจและมองเห็นช่องว่างทางธุรกิจที่จะทำโครงการเรื่อง
การแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งหวังที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเป็นแนวทางในการวางกล
ยุทธิ์การตลาดให้เหมาะสม เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกรับประทานอีก
ดว้ ย

3

วตั ถุประสงคข์ องการประเมินโครงการ
1.เพื่อได้ศกึ ษาค้นควา้ เก่ียวกับขั้นตอนการทำพริกทอด
2.เพือ่ สรา้ งรายได้ใหแ้ ก่ตนเองในชว่ งสถานการณ์โควิด-19
3.เพ่ือทราบถึงวิธีแปรรูปหรือถนอมอาหารของพรกิ

ขอบเขตของโครงการ

สถานทด่ี ำเนนิ การ
บ้านพักของสมาชกิ ในกลมุ่ ชุมชนบา้ นปลายราง ตำบล นำพุ อำเภอ บ้านนาสาร จงั หวดั สุ

ราษฎร์ธานี
ระยะเวลาการประเมินโครงการ

วนั ท่ี 1 เดอื น กันยายน พ.ศ. 2564 ถงึ วนั ที่ 25 เดือน ตลุ าคม พ.ศ. 2564
นิยามศพั ท์

พรกิ หมายถึง ต้นไม้พวกหน่ึง มหี ลายชนดิ ผลมรี สเผ็ด พรกิ เป็นเคร่ืองเทศท่สี ำคัญและยังมี
คณุ สมบัติเปน็ ยาสมนุ ไพร

แปรรูป หมายถงึ การผสม ปรุง หรือแปรสภาพอืน่ ๆ ของวัตถดุ บิ เชน่ บดละเอียด หรือสกัด
จนไม่เห็นรูปแบบเดิมตามธรรมชาติ เพื่อผลติ เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ตา่ งๆ

ธุรกจิ หมายถึง การงานประจำเก่ยี วกับอาชีพคา้ ขาย หรอื กิจการอยา่ งอ่นื ท่สี ำคัญและไม่ใช่
ราชการ / การประกอบกิจการในทางเกษตรกรรมอตุ สาหกรรม หัตถกรรม พาณิชยกรรม การบรกิ าร
หรือกจิ การอย่างอืน่ เปน็ การค้า
ประโยชนท์ ่คี าดว่าจะได้รับ

1.เพื่อได้ศึกษาคน้ คว้าเกี่ยวกับขน้ั ตอนการทำพรกิ ทอด
2.เพอ่ื สรา้ งรายได้ให้แก่ตนเองในช่วงสถานการณโ์ ควิด-19
3.เพอื่ ทราบถึงวิธีแปรรูปหรือถนอมอาหารของพรกิ

4

เป้าหมายของโครงการ

ดา้ นปรมิ าณ มีการผลิตพริกทอดกรอบจำนวน 40 ห่อ

ด้านคุณภาพ มกี ารแปรรูปพรกิ เพื่อสรา้ งรายไดเ้ พิ่มขึ้นมากกว่าเดมิ และแปรรปู พริก
หรอื ถนอมอาหารของพริกเพื่อนำไว้บริโภค

งบประมาณ

งบประมาณในการดำเนนิ โครงการมาจากสมาชิกในกลุ่มรวมกนั เปน็ เงินจำนวน 1000 บาท
ในการปฏบิ ัติโครงการ โดยวสั ดอุ ุปกรณ์ในการดำเนนิ โครงการบางส่วนมีไวอ้ ยแู่ ล้ว ซึ่งสามารถจดั ทำ
เป็นตารางแจกแจงการใช้งบประมาณในการดำเนนิ โครงการไดด้ ังน้ี

ตารางแสดงการใชง้ บประมาณ

โครงการ “การแปรรปู พริกในรปู แบบขนมพริกทอดเพ่ือจำหนา่ ย”

รายการ รายจา่ ย
หนว่ ยล่ะ
จำนวน เปน็ เงนิ
180 (บาท)
วัสดอุ ุปกรณ์ 1 25
1.พรกิ ข้ีหนูแห้ง 2 กโิ ลกรัม 2 25 360
2.ผงหม่าลา่ / ผงวิงค์แซบ่ 1 20 50
3.แป้งทอดกรอบ 1 48 25
4.งาขาว (ควั่ ) 1 100 20
5.น้ำมันพชื 1 48
6.บรรจุภัณฑ์สำหรับใส่พรกิ 200 100
วสั ดอุ ุปกรณส์ ำหรับทำเล่มโครงการ 1 803
1.ค่าจดั ทำรายงานสรุปผลโครงการ 200
รวม

5

ปจั จัยในการดำเนนิ โครงการ
วสั ดอุ ุปกรณ์

1. พริกขห้ี นแู หง้ 2.น้ำสะอาด สำหรบั ตม้ พริก 3.เกลือป่น 4.ผงหมา่ ลา่ /ผงวงิ ค์
แซ่บ

5.แปง้ ทอดกรอบ 6.งาขาว (ควั่ ) 7.บรรจุภัณฑ์สำหรบั ใสพ่ ริก 8.น้ำมนั
เคร่อื งมอื เครื่องใช้ เครือ่ งอำนวยความสะดวก

1.กะละมงั 2.กระทะ 3. เตาแก๊ส
บคุ คลที่ร่วมดำเนินโครงการ
สมาชกิ ในกลมุ่ ประกอบดว้ ย นางสาว สุดารตั น์ อตชิ าต และ นางสาว ดรุณี ชูน้อย
เอกสาร แหล่งเรยี นรู้ สถานประกอบการ
สมาชิกในกลุ่มได้ทำการศึกษาจากอินเตอร์เน็ตในการใชป้ ระกอบข้อมูล และศึกษาความรู้ใน
การทำพรกิ ทอดกรอบจากมารดาของสมาชกิ ภายในกลุ่ม
อาคารสถานท่ี
ท่พี ักอาศัยของสมาชกิ ในกล่มุ ตั้งอยทู่ ีช่ ุมชนบา้ นปลายราง หมูท่ ่ี 2 ตำบลน้ำพุ อำเภอบ้านนา
สาร จังหวัดสุราษฎรธ์ านี
กิจกรรมในการดำเนินงานโครงการ
กิจกรรม การทำพริกทอด
รายละเอียดกิจกรรมการดำเนินโครงการ
1. กจิ กรรม การทำพริกทอด

1.1 วตั ถุประสงค์
1.1.1 เพ่อื ใชเ้ วลาวา่ งให้เกดิ ประโยชน์
1.1.2 เพื่อแปรรปู หรอื ถนอมอาหารของพรกิ

1.2 การดำเนนิ โครงการ
1.2.1 นำเมลด็ พรกิ และไส้ออกท้ังหมด

6

1.2.2 ตง้ั น้ำใหเ้ ดอื ด แลว้ นำพริกลงไปต้ม ใสเ่ กลอื ลงไปพอประมาณ ใชเ้ วลาต้ม
15 นาที ให้พริกสุกพองนม่ิ ตักพริกพักไวใ้ ห้สะเดด็ น้ำ

1.2.3 ต้งั กระทะ ให้นำ้ มนั รอ้ น นำพรกิ ลงไปทอดให้กรอบ แล้วตักขนึ้ ไวใ้ หส้ ะเด็ด
น้ำมันปรุงรสด้วยผงวงิ คแ์ ซ่บ หรอื พริกหม่าลา่ คลุกเคล้าใหเ้ ขา้ กนั

1.2.4 ปรุงรสด้วยผงวงิ คแ์ ซบ่ หรอื พรกิ หม่าลา่ คลกุ เคล้าใหเ้ ขา้ กัน
1.2.5 นำผลิตภณั ฑใ์ นแพคเกจจ้ิง
1.3 เคร่อื งมือในการประเมนิ ผล
1.3.1 ใช้รปู แบบการประเมินโครงการแบบ CIPP MODEL
1.4 ผลทคี่ าดว่าจะไดร้ ับ
1.4.1 เพื่อใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์
1.4.2 เพือ่ แปรรูปหรอื ถนอมอาหารของพริก

ระยะเวลาดำเนนิ งานตามโครงการ
ระหวา่ งวันที่ 1 เดือน กันยายน พ.ศ.2564 ถึงวันท่ี 25 เดือน ตลุ าคม พ.ศ. 2564 โดยมี
ปฏิทินปฏิบัตงิ านตามโครงการดังนี้

ระยะเวลา กจิ กรรม ผ้รู ับผิดชอบ
5 กนั ยายน 2564 ศึกษาการทำพรกิ ทอดและศกึ ษาการนำพริกมา สมาชิกในกลุ่ม
15 กันยายน 2564 พัฒนาเปน็ พริกทอดกรอบ สมาชิกในกลุ่ม
3 ตลุ าคม 2564 จดั เตรยี ม จดั หาวสั ดอุ ุปกรณ์ สถานทใี่ น สมาชิกในกลมุ่
การทำพรกิ ทอดกรอบ
11 ตุลาคม 2564 ดำเนนิ การทำพรกิ ทอดกรอบ โดยการนำพรกิ มา สมาชิกในกลุม่
ผสมกับสว่ นผสมตา่ งๆ พร้อมท้งั บรรจุภัณฑล์ งใน
ซองเพ่อื นำไปสูก่ ารจัดจำหนา่ ย
ทำการจำหนา่ ยพรกิ ทอดกรอบให้ประชาชนใน
ชมุ ชนและผทู้ ส่ี นใจ

7

กระบวนการการดำเนนิ โครงการ
รายงานผลการจัดทำโครงการ “การแปรรูปพริกในรปู แบบขนมพริกทอดเพ่ือจำหน่าย” ได้มี

การนำหลักการคณุ ภาพของเดมมิ่ง “PDCA” มาใชใ้ นการดำเนนิ การ 4 ขนั้ ตอนดังน้ี
1. ข้นั ตอนการร่วมกนั วางแผน (Plan)
2. ขน้ั ตอนการร่วมกันปฏบิ ัติ (Do)
3. ขั้นตอนการร่วมกันประเมิน (Check)
4. ขั้นตอนการร่วมปรับปรุง (Act)

1.ข้ันตอนการรว่ มกนั วางแผน (Plan)
ข้นั ตอนนเี้ ปน็ การวางแผนในการดำเนินโครงการ โดยมีขัน้ ตอนดังน้ี
1.1 สมาชกิ ในกลุ่มรว่ มกันประชุมปรกึ ษากนั ในการเสนอช่อื โครงการ พร้อมทงั้ ร่วมกันศกึ ษา
ขอ้ มูลทีเ่ กยี่ วข้องกับช่ือโครงการ และศึกษาถงึ ปจั จัยตา่ ง ๆ
1.2 สมาชิกในกลุ่มได้จัดทำโครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่าย
พร้อมทั้งวางแผนและแนวทางขัน้ ตอนในการดำเนนิ โครงการ พร้อมทั้งจดั เตรียมงบประมาณ
ในการดำเนนิ โครงการ
1.3 สมาชกิ ในกลุ่มได้มกี ารประสานงานไปยังสถานท่ใี นการจดั ทำโครงการ
1.4 สมาชิกในกลุ่มจัดเตรียมจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ในการดำเนิน

โครงการ
2.ขั้นตอนการรว่ มกนั ปฏิบัติ (Do)

ขัน้ ตอนนเี้ ป็นการลงมือปฏบิ ัติดำเนินโครงการ โดยมีขนั้ ตอนดงั น้ี
2.1 สมาชิกในกลุ่มไดท้ ำการเสนอโครงการตอ่ อาจารย์ท่ปี รกึ ษา เพอื่ ขออนมุ ัติในการดำเนนิ
โครงการ

8

2.2 ดำเนินโครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่ายในช่วงเวลาตาม
ปฏิทินที่ทางโครงการได้กำหนดไวโ้ ดยสมาชิกในกลมุ่ ได้ลงมือปฏิบัตโิ ครงการ โดยมกี ารปฏิบัติ
ดังนี้

• ศกึ ษาขอ้ มลู ของพรกิ รวมถงึ การนำพรกิ มาแปรรูปเปน็ ผลติ ภณั ฑ์พรกิ ทอด
• สมาชิกในกลุ่มร่วมลงมือปฏบิ ตั ิการทำพริกทอดพร้อมท้ังได้รับฟังและรับคำแนะนำ
จากผู้มีความรู้
• ทำการนำพริกทอดทแ่ี ปรรูปเสรจ็ แล้ว นำมาบรรจภุ ณั ฑเ์ พ่อื ทำการจัดจำหนา่ ย
• สมาชิกในกลุ่มได้นำพริกทอดกรอบ ทำการจำหน่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่หรือผู้
ท่ีสนใจ
3.ข้นั ตอนการรว่ มกนั ประเมิน (Check)
โครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่ายได้จัดทำแบบประเมินในด้าน
ต่าง ๆ ซึ่งเป็นแบบประเมินเชิงคุณภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับวตั ถุประสงค์ เป้าหมาย และผลที่คาดว่า
จะได้รบั จากโครงการ เพ่อื ประเมินโครงการและวัดผลของการดำเนนิ โครงการ
4.ขัน้ ตอนการร่วมกนั ปรับปรุง (Act)
สมาชิกในกลุ่มได้ทำการติดตาม ประเมินผลโครงการ แล้วรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่จัดทำ
โครงการ รวมไปจนถึงความสำเร็จ ปัญหาและอุปสรรค ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ในการดำเนินโครงการ
ครั้งนี้ มาสรปุ ผล เพื่อนำไปปรับปรงุ และพฒั นาในการดำเนนิ โครงการในครัง้ ถัดไปจากท่ีได้นำหลักการ
คุณภาพของวงจรคุณภาพเดมม่ิง “PDCA” มาใช้ในการดำเนินโครงการสามารถแจกแจงเป็นตารางได้
ดงั น้ี

9

ขั้นตอน/วธิ ีการดำเนนิ งาน (ตามกระบวนการ PDCA)

ข้ันตอน รายละเอียดกิจกรรม
P = Plan ระยะที่ 1 (ตน้ ทาง) (1 ก.ย. 2564 – 10 ก.ย. 2564)
การวางแผน -สมาชกิ ในกลุ่มคิดโครงการ ประชุมวางแผนขัน้ ตอนการดำเนินโครงการ
-สมาชิกในกลุ่มศึกษาถึงปัจจัยสภาพแวดล้อมต่าง ๆ และข้อมูลที่เกี่ยวกับ
D = Do โครงการ
การปฏิบตั ิ -สมาชิกในกลมุ่ ไดเ้ สนอโครงการตอ่ อาจารย์ทีป่ รึกษา เพ่ือขออนุมัตโิ ครงการ
และเพอื่ ดำเนินโครงการใน
C = Check ข้นั ตอนต่อไป
การตรวจสอบ ระยะท่ี 2 (กลางทาง) ( 11 ก.ย. 2564 – 30 ก.ย. 2564)
-ทำการลงพื้นที่สำรวจสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกของพื้นที่ที่จะ
A = Action ดำเนินโครงการ เพ่อื มาจัดทำแผนปฏบิ ัติ
การปรับปรงุ -นำแผนมาปฏิบตั ิโดยการศึกษาขอ้ มูลในการนำพรกิ มาแปรรปู เป็นพริกทอด
-ลงมือปฏิบตั ินำพรกิ มาแปรรปู เป็นพริกทอด
พัฒนา -ทำการนำพริกทอดที่แปรรูปเสร็จแล้ว นำมาบรรจุภัณฑ์เพื่อทำการจัด
จำหนา่ ย
-นำพริกทอดที่เสร็จสิ้นทุกกระบวนการ ทำการจำหน่ายแก่ประชาชนใน
พ้ืนที่ชุมชนหรอื ผู้ทีส่ นใจ
ระยะท่ี 3 (กลางทาง) (1 ต.ค. 2564 – 10 ต.ค. 2564)
-จัดทำแบบประเมินผลโครงการในเชิงคณุ ภาพดา้ นตา่ ง ๆ เพื่อให้สอดคล้อง
กบั วัตถปุ ระสงคข์ องโครงการ
-เป้าหมายและผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการ เพื่อใช้สำหรับการประเมนิ
ผบโครงการและวัดผลการดำเนินโครงการ
ระยะท่ี 4 (ปลายทาง) (11 ต.ค. 2564 – 20 ต.ค. 2564)
-ทำการติดตามผลการดำเนินโครงการ การแก้ไขปัญหา ในระหว่างการ
ดำเนินโครงการ
-รวบรวมข้อมูลความสำเร็จของโครงการในด้านต่าง ๆ รวมถึงปัญหาและ
อุปสรรค ข้อเสนอแนะอ่ืน ๆ ในระหวา่ งการดำเนนิ โครงการ มาสรปุ ผล
-พัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างความเข้มแข็งของโครงการและสร้า งความสำเร็จ
ของโครงการ และเพื่อยกระดับในการดำเนนิ การโครงการในครั้งต่อไป

10

บทที่ 2

เอกสารและแนวคิดทฤษฎที ่เี กย่ี วขอ้ ง

1.หลกั การแนวคิด ทฤษฎที เี่ กย่ี วกับการดำเนนิ โครงการ
2.หลักการแนวคดิ ทฤษฎีทีเ่ กีย่ วกับการประเมินผลโครงการ

1. หลกั การแนวคิด ทฤษฎที ี่เก่ียวกับการดำเนินโครงการ
ขอ้ มูลท่ัวไปของพริก

พริก เป็นพืชในวงศ์ Solanaceae สกุล Capsicum ชื่อภาษาอังกฤษว่า Chilli peppers,
chili, chile หรือ chilli มาจากคำภาษาสเปน ว่า chile โดยส่วนมากแล้ว ชอ่ื เหลา่ น้ีมกั หมายถึง พริก
ที่มีขนาดเล็ก ส่วนพริกขนาดใหญ่ที่มีรสอ่อนกว่าจะเรียกว่า Bell Pepper ในสหรัฐอเมริกา Pepper
ในประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์, capsicum ในประเทศอินเดียกับออสเตรเลีย และ Paprika ใน
ประเทศทวีปยโุ รปหลายประเทศ พริกชนดิ ต่าง ๆ มตี ้นกำเนิดมาจากทวีปอเมรกิ า ซึ่งในปัจจุบันน้ีได้มี
ปลูกกันในหลายประเทศทั่วโลก เพราะพริกเป็นเครื่องเทศที่สำคัญและยังมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพร
(วิกิพเี ดีย,2564)

สรรพคุณของพริกคือมีวิตามินซี สูง เป็นแหล่งของกรด ascorbic ซึ่งสารเหล่านี้ ช่วยขยาย
เส้นโลหิตในลำไส้และกระเพาะอาหารเพื่อให้ดูดซึมอาหารดีขึ้น ช่วยร่างกายขับถ่าย ของเสียและนำ
ธาตุอาหารไปยังเนื้อเยื่อของร่างกาย (tissue) สำหรับพริกขี้หนูสดและพริกชี้ฟ้าของไทย มีปริมาณ
วิตามิน ซี 87.0 - 90 มิลลิกรัม / 100 g นอกจากนี้พริกยังมีสารเบต้า - แคโรทีนหรือวิตามินเอ สูง
(พริกขี้หนูสด 140.77 RE )พริกยังมีสารสำคัญอีก 2 ชนิด ได้แก่ Capsaicin และ Oleoresin
โดยเฉพาะสาร Capsaicin ที่ นำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร และผลิตภัณฑ์รักษาโรค ในอเมริกามี
ผลติ ภัณฑจ์ ำหน่ายในช่ือ Cayenne สำหรบั ฆา่ เช้ือแบคทีเรยี ในกระเพาะอาหาร สาร Capsaicin ยังมี
คุณสมบัติทำให้เกิดรสเผ็ด ลดความเจ็บปวดของกลา้ มเน้ือ หัวไหล่ แขน บั้นเอว และส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกาย และมีผลิตภัณฑ์จำหน่ายทั้งชนิดเป็นโลชั่นและครีม ( Thaxtra - P Capsaicin) แต่การใช้ใน
ปริมาณที่มากเกินไป อาจมีผลกระทบต่ออาการหยุดชะงักการทำงานของกล้ามเนื้อได้เช่นกัน (วิกิพี
เดีย,2564)

11

หลักการแนวคดิ และทฤษฎที ่เี กีย่ วกบั การดำเนินโครงการ
หลักการ แนวคดิ เก่ียวกับต้นทนุ

ต้นทุน (Cost) หมายถึง มูลค่าของทรัพยากรที่องค์กรใช้ประโยชน์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
ตามที่ได้กำหนดไว้เช่น ต้น ทุนของวัตถุดิบและแรงงานที่เกิดขึ้นเพื่อผลิตสินค้าหรือบริการ และเมื่อ
ตน้ ทุนได้ก่อให้เกิดประโยชนต์ ่อธุรกจิ แลว้ ตน้ ทุนส่วนน้นั จะเปลี่ยนสภาพไปเปน็ ค่าใช้จา่ ย (Expense)
ซ่งึ จะนำ ไปหักจากรายได้ในแตล่ ะงวดบญั ชี (สุพาดา สริ กิ ตุ ตา,2559)

ต้นทุนการผลิต คือ ต้นทุนที่ทำให้ได้สินค้าสำเร็จรูปใดๆประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรงที่เบิก
ใช้ในการผลิต แรงงานทางตรงที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการผลิตเมื่อทั้ง 3
ส่วนประกอบ ได้เข้าสู่ขั้นตอนต่างๆของการผลิตก็จะถูกแปรสภาพเป็นสินค้าสำเร็จรูปต่อไป (ดวงมณี
โกมารทตั ,2560)
การจำแนกประเภทตน้ ทนุ แบง่ ออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่
1.1 การจำแนกตน้ ทุนตามระยะเวลา
1.2 การจำแนกตน้ ทนุ ตามลักษณะการดำเนนิ งาน
1.3 การจำแนกตน้ ทุนตามสว่ นประกอบของผลิตภัณฑ์
1.4 การจำแนกต้นทนุ ตามปรมิ าณกิจกรรม
1.5 การจำแนกตน้ ทนุ เพอื่ การควบคุมและวดั ผลการปฏบิ ัติงาน
1.6 การจำแนกต้นทุนเพอื่ การตดั สนิ ใจ
ซง่ึ มีรายละเอียดของการจำแนกต้นทนุ แตล่ ะประเภท ดงั ต่อไปนี้
1.1 การจำแนกตน้ ทนุ ตามระยะเวลา
เป็นการพิจารณาตน้ ทุนในการจดั หาสินทรัพย์และบริการต่างๆซึ่งจะต้องสัมพันธ์กับระยะเวลาใน
การดำเนินธุรกจิ ของกิจการโดยสามารถแบง่ ต้นทุนออกได้เปน็ 3 ประเภท คือ
1.1.1 ต้นทุนที่เกิดข้ึนในอดตี (Historical Cost) คือต้น ทุนที่เกิดขึน้ เมื่อได้มาซึ่งสินทรพั ย์หรือบริการ
ตา่ ง ๆ และกิจการไดจ้ า่ ยชำระเงินสด สินทรัพย์อน่ื ใดหรอื รายการเทยี บเท่าเงนิ สดโดยปกตจิ ะใช้ต้นทุน
ประเภทนี้ในการบันทึกบัญชีประกอบกบัการจัดทางงบการเงิน แต่ไม่นิยมนำไปใช้ประกอบการ

12

ตัดสินใจปัญหาหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอนาคต เนื่องจากสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีการ
เปลย่ี นแปลงไปตามกาลเวลา

1.1.2 ต้นทนุ ทดแทนหรอื ตน้ ทุนเปลีย่ นแทน (Replacement Cost) คือต้น ทนุ ทีจ่ า่ ยไปเพื่อใช้ในการ
จัดหาสินทรัพย์มาเปล่ียนแทนหรือทดแทนสินทรัพย์เดิม ซึ่งสินทรัพย์ที่จัดหามานั้นต้องมีลักษณะ
คล้ายคลึงกับสินทรัพย์เดิม เพื่อนำมาเปรียบเทียบต้นทุนประกอบการตัดสินใจในการเลือกทางเลือก
ต่าง ๆ ว่าควรเปลี่ยนแทนหรือปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิมหรือควรซื้อสินทรัพย์ใหม่เพื่อทดแทน
สนิ ทรัพย์เดิม โดยเปรียบเทียบจากราคาตลาดของสนิ ทรัพย์น้นั ๆ

1.1.3 ต้นทุนในอนาคต (Future Cost) คือตน้ ทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตเมื่อกิจการต้อง
ตดั สนิ ใจเลอื กโครงการใดโครงการหน่งึ ในอนาคต ซึง่ กิจการต้องพยากรณ์ตน้ ทนุ ทคี่ าดว่าจะเกดิ ข้ึนเพื่อ
ใช้ในการตดสั นิ ใจเลือกลงทุนในโครงการจากแนวโนม้ ของต้นทุนจริงในอดตี หรือจากระบบงบประมาณ
ของกิจการ

1.2 การจำแนกต้นทนุ ตามลักษณะการดำเนินงาน

เป็นการพิจารณาต้นทุนที่เกิดจากดำเนินงานหรือปฏิบัติงานของธุรกิจซึ่งแบ่งได้2 ประเภทใหญ่ๆ
ดงั ต่อไปน้ี

1.2.1 ต้นทุนการผลิต (Manufacturing Cost) คือ ต้นทุนที่เกิดขึ้นทั้งหมดในกระบวนการ
ผลิตเพื่อแปรสภาพวัตถุดิบให้เป็นสินค้า ซึ่งปกติต้นทุนการผลิตจะเกิดขึ้นในธุรกิจผลิตสินค้าเท่านั้น
เชน่ วัตถุดบิ ทางตรง ค่าแรงงานทางตรง และค่าใชจ้ า่ ยการผลติ เป็นต้น

1.2.2 ต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต (Nonmanufacturing Cost) คือ ต้นทุนอื่น ๆที่ไม่
เก่ียวของ้ กบัการผลิตสนิ ค้าซึง่ จะจำแนกตน้ ทุนโดยพิจารณาตามหนา้ ที่หรือลักษณะของการปฏิบัติงาน
ดงั นี้

1) ต้นทุนในการจัดซื้อหรือจัดหาสินค้า (Merchandise Cost) ซึ่งเป็นต้นทุนในการจัดหาสินค้า เช่น
ค่าขนส่งขาเขา้ เป็นต้น

2) ต้นทุนทางการตลาด (Marketing Cost) เป็นต้น ทุนที่เกิดจากการส่งเสริมการขาย หรือแนะนำ
ผลิตภณั ฑ์เข้าส่ตู ลาด เชน่ ค่าโฆษณาประชาสัมพนั ธ์ เป็นตน้

3) ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการบริหาร (Administrative Cost of Expense) เป็นต้น ทุนจากการ
บริหารงานโดยรวม เช่น เงินเดอื นฝ่ายบรหิ าร คา่ ใช้จ่ายแผนกบญั ชี

13

4) ต้นทุนทางการเงิน (Financing Cost) คือ ต้นทุนจากการจัดหาเงินทุนมาดำเนินงาน เช่น ดอกเบี้ย
คา่ ธรรมเนยี มตา่ ง ๆ เป็นตน้

5) ต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development Cost) เป็นต้นทุนจาก
การวิจัยหาสินค้าใหม่ๆ หรือพัฒนาสินคา้ที่มีอยู่ให้ทันสมัยจากเดิมเพื่อตอบสนองความต้องการของ
ทางการตลาดของลกู ค้า

หลกั การ แนวคดิ เกี่ยวกบั ผลตอบแทน

การวิเคราะห์การลงทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการใด ๆ โดยเป็นการ
เปรียบเทียบผลตอบแทนและตน้ ทุนของโครงการนั้นๆ ซึ่งผลตอบแทนและต้นทุนของโครงการจะ
เกิดข้ึนในระยะเวลาตา่ ง ๆ กันตลอดอายขุ องโครงการ ดงั น้นั จึงจา เปน็ ต้องมีการปรับคา่ ของเวลาของ
โครงการเพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับและต้นทุนที่เสียไปช่วงในระยะเวลาที่ต่างกันให้เป็นเวลา
ปัจจุบันกอ่ นแลว้ จงึ จะสามารถทำการเปรียบเทียบกนั ได้อย่างถูกต้องแนน่ อนชดั เจนมาก การวเิ คราะห์
ทางด้านการเงินเป็นการวเิคราะห์ค่าใช้จ่ายหรือเงินลงทุนและผลตอบแทนหรือ ผลกำไรทางการเงิน
ของรายงานโครงการ เพื่อวิเคราะห์ว่าโครงการที่จัดทำขึ้นนั้นมีความคุ้มค่ากับการลงทุน หรือไม่
โดยทั่วไปแล้วแบ่งการวิเคราะห์เป็น2 ประเภท คือ 1) วิธีการวิเคราะห์โดยไม่มีการคิดลด
(Undiscounted Approach) คือการวดั ค่าของต้นทุน และ ผลตอบแทนจากโครงการ โดยไม่คำนึงถึง
ค่าเงินที่ได้มาหรือใช้ไปในช่วงเวลาที่ต่างกัน เช่น เงินสดรับในปีที่ 1 จา นวนหนึ่งกับเงินจำนวน
เดียวกันนั้นที่จะได้รับในปีที่ 5 จะถือว่ามีมูลค่าที่เท่ากันการ วิเคราะห์วิธีนี้เช่น การหาระยะเวลาคืน
ทนุ (Playback Period) ซึ่งเปน็ การคำนวณว่านับจาก จดุ เริ่มต้นโครงการจะใช้ระยะเวลาอีกเท่าไร จึง
จะมีกระแสเงินสดรับสุทธิจากโครงการรวมกันเท่ากับมูลค่าในการลงทุน ( Total Capital
Investment) 2) วิธีการวิเคราะห์โดยมีการคิดลด (Discounted Approach) วิธีการวิเคราะห์โดยมี
การคิด ลดเป็นวิธีการวัดค่าของผลตอบแทน้และตนทุนหรือค่าใช่จ่ายที่เกิดจากโครงการโดยคำนึงถึง
ค่าเสีย โอกาสผ่านวิธีการคิดลด (Discounted Method) ซึ่งวิธิีที่นิยมใช้ได้แก่มูลค่าปัจจุบัน สุทธิ
(NPV) อัตรา ตอบแทนภายในจากการลงทุน (IRR) วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ทางการเงิน
โดยทั่วไปการวิเคราะห์ทางการเงินมีวัตถุประสงค์4 ประการดังนี้1) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ทาง
การเงิน วัตถุประสงค์สำคัญของการวิเคราะห์ทางการเงิน คือการประเมินความสามารถในการทาง
โครงการนน่ั คือโครงการสามารถก่อให้เกิดรายได้ท่คี ุ้มค่ากบั คา่ ใชจ้ า่ ยตา่ ง ๆ และมีอัตราผลตอบแทน
ที่ดีการประเมินส่วนนี้จะต้องมีการประมาณต้นทุนและผลตอบแทนทั้งสิ้น เพื่อศึกษาหาผลตอบแทน
สุทธิของโครงการ 2) เพื่อประเมินแรงจูงใจการวิเคราะห์ทางการเงินจะมีความสำคัญต่อการประเมิน

14

แรงจูงใจที่มีต่อเจา้ของโครงการและผู้มีส่วนร่วมกับโครงการ หรือถ้าเป็นโครงการรัฐวิสาหกิจหรือ ที่
รัฐบาลให้การสนับสนุน ก็พิจารณาว่าผลตอบแทนที่ได้รับจะเพียงพอต่อการเลี้ยงตัวเอง และบรรลุ
วัตถุประสงค์ ทางการเงินตามที่ต้องการหรือไม่ 3) เพื่อจัดให้มีแผนการเงินที่ดีเพื่อให้โครงการมีกำไร
และผลตอบแทนที่ดกี ็จะต้องมีแผนการเงินที่ดีดว้ ยโดยเฉพาะการวางแผนจดั หาเงินทนุ เพือ่ ให้ได้มาซึ่ง
เงินทุนในจำนวนและในเวลาตามที่ต้องการโดยเสียค่าใช้จ่ายต่ำ สุดรวมทั้งเพื่อให้ข้อเสนอแนะถึง
วิธกี ารปรบั ปรุงความเป็นไปได้ทางการเงนิ ของโครงงาน โดยเฉพาะความเหมาะสมของอตั ราค่าบริการ
ราคา และปริมาณการผลิตที่คุ้มทุน 4) เพื่อประเมินขีดความสามารถในการบริหารการเงิน สำหรับ
โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีการบริหารการเงินที่สลับซับซ้อน ก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงระบบการ
จัดการด้านการเงินและความสามารถของผู้ที่จะบริหารการเงินด้วยในการนี้ก็อาจมีการพิจารณาว่า
ควรจะมีการปรับปรุงและ เปลี่ยนแปลงองค์กรและการจัดการอย่างไร ควรจัดให้มีระบบการควบคุม
และการตรวจสอบการเงินอย่างไร รวมทั้งการฝึกอบรมทักษะเฉพาะทางเรื่องอะไร เพื่อให้โครงการ
เดินหนา้ ไปตามแผนย่ิงขนึ้ (เสถยี ร ศรบี ุญเรอื ง, 2542)

แนวคิดทฤษฎกี ารพฒั นาตนเอง

ความต้องการในการพฒั นาตนเอง เพ่ือให้เพ่มิ พนู ความรู้ ทำใหม้ กี ารเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมตา่ ง ๆ ไป
ตามวัตถุประสงค์ของแต่ละบุคคล รวมทั้งสามารถดำรงอยู่ในสังคมหรือประสบความสำเร็จในชีวิต
หน้าทีก่ ารงาน ควรมแี นวคิดเกีย่ วกับความต้องการในการพฒั นาตนเอง โดยมีผู้ให้นยิ ามของทฤษฎีการ
พฒั นาตนเอง ดังนี้

กรกนก วงศ์พันธุเศรษฐ์ (อ้างถึงในเกศรินทร์ วิริยะอาภรณ์, 2545) ได้กล่าวว่า การพัฒนา
ตนเอง หมายถึง การขยายขอบเขตความสามารถในการใช้ความรู้ความสามารถของบุคคลได้อย่าง
เต็มที่และประยุกต์ใช้ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับมา เพื่อแก้ปัญหาหรือหาข้อยุติปัญหาใน
สถานการณใ์ หมๆ่ ท่ีแตกต่างออกไป

ศศลกั ษณ์ ทองปานดี(2551) การพฒั นาตนเอง หมายถงึ การดำเนนิ การเก่ียวกับการส่งเสริม
บุคคลให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะการทำงานดีขึ้น ตลอดจนมีทัศนคติที่ดีในการทำงานอันจะ
เป็นผลให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และการพัฒนาบุคคลควรส่งเสริม และพัฒนาทั้ง
ร่างกาย อารมณ์ สงั คม และสตปิ ญั ญาอยา่ งทัว่ ถงึ สม่ำเสมอและต่อเนอ่ื ง

15

ความสำคญั ของการพฒั นาตนเอง

ในปัจจุบันการศึกษาเร่ืองการพัฒนาตนเองเป็นสิง่ สำคัญอย่างย่ิงเน่ืองจากสภาพของโลกและ
เหตุการณ์ในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อย่างเข้าสู่ยุคของข่าวสาร
ขอ้ มูล (Information Era) หรือที่เรยี กว่าเปน็ ยุคของโลกคล่ืนทส่ี าม (Third Wave) ให้เกิดการรวมตัว
ของทรัพยากรขึ้น เมื่อโลกอยู่ในสภาวะที่ไร้พรมแดนการแขง่ ขันเพื่อช่วงชงิ ทรัพยากรจึงมีมากขึ้นเป็น
ทวคี ณู ซง่ึ อาจเปรียบได้ว่าเป็นสงครามขา่ วสารในดา้ นข้อมลู ความรู้จะเหน็ ได้ว่าการเปล่ียนแปลงเช่นนี้
ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดำเนินไปโดยไม่พยายามก้าวให้ทันจะกลายเป็นผู้ล้าหลังและเสยี ประโยชน์
ในเวลาอันรวดเร็ว ดังนน้ั การพัฒนาตนเองเพื่อให้เรยี นรู้ได้เท่าทันการเปล่ียนแปลงของโลกยุคโลกาภิ
วัตน์เพื่อความอยูร่ อดของชวี ติ จงึ เปน็ สิ่งท่จี ำเป็น (ศศนิ า ปาละสงิ ห์, 2547)

แนวคดิ ทฤษฎีแรงจงู ใจ
แรงจูงใจ คือ พลังผลักดันให้คนมีพฤติกรรม และยังมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมาย

ทิศทางของพฤติกรรมนั้นอีกด้วย คนที่มีแรงจูงใจสูง จะมีการใช้ความพยายามในการกระทำไปสู่
เป้าหมายโดยไม่ลดละ แต่คนที่มีแรงจูงใจต่ำจะไม่มีการแสดงพฤติกรรม หรือไม่ก็ล้มเลิกการกระทำ
กอ่ นบรรลุเป้าหมาย โดยมีผู้ให้นยิ ามของทฤษฎแี รงจงู ใจไว้ดงั นี้

ชาญศิลป์วาสบุญมา (2546, หน้า 26) กล่าวว่า แรงจูงใจในการทำงาน หมายถึง พลังทั้งจาก
ภายในและภายนอก ซึ่งช่วยกระตุ้นพฤติกรรมให้บุคคลทำในสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จและบรรลุตาม
เป้าหมายด้วยความเต็มใจ และเป็นไปตามกระบวนการจงู ใจของแต่ละบุคคล

ธิดา สุขใจ (2548, หน้า 8) กล่าวว่า แรงจูงใจในการทำงาน หมายถึง สิ่งใด ๆ ที่เป็น
แรงผลักดันหรือกระตุ้น ให้บุคคลปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมด้วยความเต็มใจ เพื่อที่จะนำมาซึ่งการ
ทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีมูลเหตุจูงใจที่สำคัญคือ ความต้องการ ความพึงพอใจในการทำงาน จะ
นำมาซึ่งการปฏิบัติที่ดีของบุคลากร ทำให้บุคลากรมีความและจงรักภักดีต่อองค์กร ซึ่งเป็นเงื่อนไข
สำคัญตอ่ ตวามสำเร็จขององค์กรในระยะยาว

การจูงใจมีความสำคัญต่อการทำงานของบุคคล เพราะแรงจูงใจกระตุ้นให้การทำงานของแต่
ละคนจะผลักดันใหเ้ ปน็ ไปตามเป้าหมายทต่ี ้องการได้ โดยทั่วไปมนุษย์มิไดท้ ำงานเต็มความสามารถที่มี
อยู่ของตนเอง ซึ่งการจูงใจด้วยแรงกระตุ้นจากภายใน และสิ่งจูงใจจากภายนอกตัวบุคคล เช่นรางวลั
หรอื คำชมเชยต่าง ๆ เปน็ ต้น จะทำใหม้ นุษย์ตอบสนองต่อสิง่ กระต้นุ เหลา่ น้นั ธร สุนทรา

ยุทธ (2551, หน้า 295) กล่าวว่าแรงจูงใจเป็นพลังผลักดันให้มนุษย์มีการเคลื่อนไหวไปสู่
เปา้ หมายท่ีแตล่ ะคนต้องการ หากขาดแรงจูงใจมนุษย์อาจเปรียบได้กบั หุ่นยนต์ตัวหน่ึงท่ีเคลื่อนไหวได้
ตามคำสั่งหรือความต้องการของคนอื่น และพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างของมนุษย์จะไม่เกิดขึ้นถ้า
ปราศจากแรงจูงใจ ซึ่งแรงจูงใจมีลักษณะสำคัญ 2 ประการคือ 1) แรงจูงใจส่งเสริมให้ทำงานสำเร็จ

16

เป็นแรงผลักดันให้แสดงพฤติกรรม แรงผลกั ดนั นนั้ ๆ อาจเกิดจากภายในหรอื ภายนอกกไ็ ด้2) แรงจงู ใจ
กำหนดแนวทางของพฤติกรรมชี้ว่าควรเป็นไปในรูปแบบใดนำพฤติกรรมให้ตรงทิศทางเพื่อที่จะบรรลุ
เปา้ ประสงค์คือความสำเร็จของหนว่ ยงานหรือองค์การ (ภารดี อนันตน์ าวี, 2555,หนา้ 113; จอมพงศ์
มงคลวนชิ , 2555, หนา้ 217) การสรา้ งแรงจูงใจใหเ้ กดิ กับสมาชิกในองคก์ าร เป็นทกั ษะสำคญั ประการ
หนึ่งของผู้บริหาร ต้องเรียนรู้และฝึกฝน และนำไปปฏิบัติให้เกิดประสิทธิผลแก่องค์การ (จันทรานี
สงวนนาม, 2553, หน้า 252)

2.หลักการแนวคดิ ทฤษฎที ่เี ก่ียวกับการประเมนิ ผลโครงการ
3.หลกั การแนวคิดทฤษฎีท่ีเกีย่ วกบั การประเมินผลโครงการ

แนวคดิ ความหมาย และความสำคัญของประเมนิ โครงการ

พิสณุ ฟองศรีได้กล่าวว่า การประเมินหมายถึง กระบวนการตัดสินคุณค่าของสิ่งหนึ่งสิ่งใด
โดยการนำสารสนเทศหรือผลจากการวัดมาเปรียบเทียบกับเกณฑท์ ่ีกำหนด (พิสณุ ฟองศรี, 2550 : น.
4 อา้ งถึงใน เชาว์ อนิ ใย, 2553 : น. 3)

สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ได้กล่าวว่า การประเมินค่าหรือการประเมินผลหมายถึง การตัดสิน
คุณค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นนิยามพื้นฐานในทางการจัดการ นิยมนิยามการประเมินค่าหรอื การ
ประเมินผลว่า เป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ การตัดสินใจเลือกทางเลือก
โดยอาศัยสารสนเทศท่ีถูกต้องเหมาะสม เมื่อผ่านการสังเคราะห์ใหเ้ ปน็ องคค์ วามรู้จะทำให้เกิดปญั ญา
ได(้ สมหวัง พธิ ิยานวุ ัฒน์, 2549 : น. 6 อา้ งถงึ ใน เชาว์ อนิ ใย, 2553 : น. 3)

ความสำคัญของการประเมินโครงการ

เชาว์ อินใย ได้อธิบายความสำคัญของการประเมินโครงการไว้ว่า การประเมินโครงการเป็น
ส่วนหนึ่งของการวิจัย เป็นกระบวนการทีม่ ีระบบเพื่อค้นหาข้อเทจ็ จริงหรือกฎเกณฑ์ตา่ ง ๆ ทั้งยังเปน็
กระบวนการที่มีระบบเพื่อตัดสินความสำเร็จของโครงการอีกด้วย การประเมินโครงการเป็นการ
ดำเนินงานที่ไม่ใช้ความพยายามในการสร้างทฤษฎีหรือพัฒนาองค์ความรู้ทางสังคมศาสตร์การ
ประเมินโครงการที่นำมาใช้ในทางสังคมศาสตร์นั้น เป็นการเตรียมสารสนเทศเพื่อใช้ในการปรับปรุง
โครงการทางสังคม เหตุผลประการสำคญั ทจี่ ำเป็นต้องประเมินโครงการกค็ ือ มีทางเลอื กในการดำเนิน
โครงการได้มากมายที่จะทำให้การดำเนินงานโครงการมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องประเมิน
โครงการว่า ประสบความสำเร็จหรอื ไม่ (เชาว์ อินใย, 2553 : น. 12)

17

แนวคดิ ทฤษฎเี กย่ี วกบั การประเมนิ ผลโครงการ

1.CIPP Model ในปี ค.ศ. 1971 สตฟั เฟิลบีมและคณะไดเ้ ขียนหนังสือที่เกยี่ วกับการประเมิน
หนึ่งเล่มซึ่งเปน็ ที่ยอมรับกันอย่างกวา้ งขวางช่ือ“Educational Evaluation and Decision Making”
รวมทั้งเขียนหนังสือเกี่ยวกับการ ประเมินและรูปแบบของการประเมินอีกหลายเล่มอย่างตอ่ เนื่อง จึง
กลา่ วไดว้ า่ เปน็ ผู้มีบทบาทสำคญั ในการพัฒนา ทฤษฎกี ารประเมนิ จนเป็นท่ยี อมรบั กันท่ัวไปในปัจจุบัน
เรยี กวา่ CIPP Model (Context-Input-ProcessProduct Model) (สุนีรัตน์ จนั ทร์รกั ,2564 )

1) ประเมนิ สภาวะแวดล้อม (Context Evaluation) เป็นการประเมินเกีย่ วกับการกำหนดวัตถุประสงค์
เพื่อพิจารณาหลักการและเหตุผล ความจำเป็นในการดำเนินโครงการ ประเด็นปัญหา และความ
เหมาะสมของ เป้าหมายโครงการ โดยทั่วไปจะประเมินโดยการเปรียบเทียบกับการปฏิบตั ิงานจริงกบั
วตั ถุประสงคท์ ีว่ างไว้

2)การประเมินปัจจยั เบื้องตน้ (Input Evaluation) เป็นการตรวจสอบความพรอ้ ม ความพอเพียงของ
ปจั จัยนำเข้าหรือการประเมินทรพั ยากรทจ่ี ำเปน็ สำหรบั การดำเนินงาน เชน่ คน เงนิ วสั ดุอุปกรณ์ การ
จัดการ เป็นต้น รวมทงั้ เทคโนโลยแี ละแผนการดำเนินงาน

3) การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) เป็นการติดตามความก้าวหน้า หรือหา
ข้อบกพร่อง และแนวทางการแก้ไข เพื่อจะใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนา แก้ไข ปรับปรุง ให้การ
ดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเป็นการตรวจสอบกิจกรรมค้นหาจุดอ่อนและจุดแข็งของ
นโยบาย แผนงาน โครงการ ดว้ ย

4) การประเมินผลผลิต (Product Evaluation) เพื่อวัดและประเมินผลสำเร็จ เป็นการ
ประเมินผลท่ี ไดท้ ้งั หมดว่าเปน็ ไปตามวตั ถุประสงคท์ ี่ต้ังไวห้ รือไม่ เพือ่ พิจารณาในประเด็นการตัดสินใจ
ยบุ ขยาย เลิก หรอื ปรับเปลีย่ นโครงการ

18

ตารางที่ สรุปการใชป้ ระโยชน์จากแบบจำลอง CIPP ในบทบาทของการประเมนิ ผล

บทบาท บริบท ปจั จัยเบอ้ื งตน้ กระบวนการ ผลผลติ
การประเมิน (Context) (Input)
การประเมนิ ใช้เป็นคำแนะนำ (Process) (Product)
ความก้าวหนา้ เลอื กเป้าหมาย ใชส้ ำหรบั การ
ของโครงการ ตามลำดบั เลอื กวิธแี ละ การดำเนนิ การ ใชเ้ ป็นคำแนะนำ
(Formative ความสำคญั ตาม แผนการและ
Evaluation) ความต้องการ ตรวจสอบ ข้นึ อยู่กับการ ว่าควรนำมา
และโอกาส แผนการ
การประเมินผล เปรยี บเทียบกับ ดำเนนิ งาน ตรวจสอบและ ปรบั เปลีย่ นหรือ
สรุปของ เป้าหมายและ เปรยี บเทียบ
โครงการ ความต้องการ แผนการและ การตัดสนิ รว่ มกนั ยุติ ยกเลิก
และโอกาส งบประมาณและ
หลงั จากสน้ิ สุด ความตอ้ งการที่ ของโครงการ ข้นึ อยู่กับผลการ
การดำเนิน ใชก้ ำหนด
โครงการ เป้าหมายกบั ประเมนิ
(Summative ผลประโยชน์
Evaluation) เปรยี บเทยี บกับ เปรียบเทียบ

กระบวนการและ ผลผลติ กับความ

คา่ ใช้จ่ายท่ี ตอ้ งการ

เกิดข้นึ จริง เป้าหมาย บรบิ ท

และกระบวนการ

2. Balance Score Card Balanced Scorecard เป็นกลยุทธ์ในการบริหารงานสมัยใหม่
และได้รับความนิยมทั่วไป Balanced Scorecard ได้ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อปี 1990 โดย Drs. Robert
Kaplan จ า ก Harvard Business School แ ล ะ David Norton จ า ก Balanced Scorecard
Collaborative โดยตั้งชื่อระบบนี้ว่า “Balanced Scorecard : BSC” เพื่อที่ผู้บริหารขององค์กรจะ
ได้รบั รถู้ ึงจดุ ออ่ น และความไม่ชัดเจนของการบริหารงานท่ีผา่ นมา Balanced Scorecard ชว่ ยในการ
กำหนดกลยทุ ธ์ในการจัดการองค์กรได้ชัดเจน โดยดูจากผลของการวัดค่าไดจ้ ากทกุ มุมมอง เพ่ือให้เกิด
ดลุ ยภาพในทุก ๆ ด้าน มากกวา่ ท่จี ะใช้มุมมองด้านการเงินเพยี งด้านเดียว อย่างทอ่ี งค์กรธุรกิจ 6 ส่วน
ใหญ่คำนึงถึง เช่น รายได้ กำไร ผลตอบแทนจากเงินปันผล และราคาหุ้นในตลาด เป็นต้น การนำ
Balanced Scorecard มาใช้ จะทำให้ผู้บริหารมองเห็นภาพขององค์กรชัดเจนยิ่งขึ้น Balanced
Scorecard คือระบบการบริหารงานและประเมินผลทั่วทั้งองค์กร และไม่ใช่เฉพาะเป็น ระบบการ
วัดผลเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นการกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) และแผนกลยุทธ์ (Strategic Plan)

19

แลว้ แปลผลลงไปส่ทู กุ จุดขององค์กรเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนนิ งานของแต่ละฝ่ายงานและแต่ละ
คน โดย ระบบของ Balanced Scorecard จะเป็นการจัดหาแนวทางแก้ไขและปรับปรุงการ
ดำเนินงาน โดยพิจารณา จากผลที่เกิดขึ้นของกระบวนการทำงานภายในองค์กร และผลกระทบจาก
ลูกค้าภายนอกองค์กรมานามาปรบั ปรงุ สร้างกลยุทธ์ใหม้ ีประสิทธิภาพดีและประสิทธิผลดียิ่งข้ึน เมื่อ
องค์กรได้ปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบ Balanced Scorecard เต็มระบบแล้ว Balanced Scorecard จะ
ช่วยปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์ขององค์กรจากระบบ “การ ทำงานตามคำสั่งหรือสิ่งที่ได้เรียนรู้สืบทอด
กันมา (Academic Exercise)” ไปสรู่ ะบบ “การร่วมใจเป็นหนึ่ง เดยี วขององค์กร (Nerve Center of
an Enterprise)” Balance Scorecard ทำให้เห็นภาพขององค์กรใน 4 มุมมอง และนำไปสู่การ
พัฒนาเครื่องมือวัดผล โดยวิธีการรวบรวมข้อมูลและนำผลที่ได้มาวิเคราะห์ มุมมองทั้ง 4 ดังกล่าว
ประกอบด้วย

1. The Learning and Growth Perspective เป็นมุมมองด้านการเรียนรู้และการเติบโต เช่น การ
พัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงาน ความพึงพอใจของพนักงาน การพัฒนาระบบอำนวยความ
สะดวกในการทำงาน เป็นต้น

2. The Business Process Perspective เป็นมุมมองด้านกระบวนการทำงานภายในองคก์ รเอง เชน่
การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ การจัดโครงสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพ การประสานงานภายในองค์กร
การจัดการ ดา้ นสายงานผลิตทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพ เปน็ ตน้

3. The Customer Perspective เป็นมุมมองด้านลูกค้า เช่น ความพึงพอของลูกค้า ภาพลักษณ์
กระบวนการดา้ นการตลาด การจดั การด้านลูกคา้ สัมพนั ธ์ เป็นตน้

4. The Financial Perspective เป็นมุมมองด้านการเงิน เช่น การเพิ่มรายได้ประสิทธิภาพในการ
ผลิตท่มี ีตน้ ทนุ ตำ่ และมกี ารสญู เสียระหวา่ งผลติ น้อย การหาแหล่งเงินทนุ ทม่ี ีตน้ ทุนต่ำ เป็นตน้

ดังนั้น Balanced Scorecard จึงเป็นเสมือนเครื่องมือหรือกลไกในการวางแผนและบริหาร
กลยุทธ์ท่ี เพื่อให้เกิดความสมดุลในการพัฒนาองค์กรทั้ง 4 ด้าน จนบรรลุแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ใน
ที่สุด ซึ่งในแต่ละด้าน ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) วัตถุประสงค์(Objective) คือ สิ่งที่
องค์กรมุ่งหวังหรือต้องการที่จะบรรลุในแต่ละด้าน 2) ตัวชี้วัด (Measures หรือ Key Performance
Indicators) คือ ตัวชี้วัดของวัตถุประสงค์ในแต่ละ ด้านและตัวชี้วัดเหล่าน้ีจะเป็นเคร่ืองมอื ที่ใช้ในการ
วัดว่าองค์กรบรรลุวตั ถุประสงคใ์ นแตล่ ะดา้ นหรือไม่ 3) เปา้ หมาย (Target) คอื เปา้ หมายหรือตัวเลขท่ี
องค์กรต้องการจะบรรลใุ นตัวชี้วดั แต่ละประการ 4) แผนงาน โครงการ หรือ กิจกรรม (Initiatives) ท่ี

20

องค์กรจะจัดทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดขึ้น โดยในขั้นนี้ยังไม่ใช่แผนปฏิบัติการที่จะทำแต่เป็น
เพียงแผนงาน โครงการ หรือกิจกรรม เบื้องต้นที่ต้องทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ นอกจาก
องค์ประกอบทั้ง 4 แล้ว ในทางปฏิบัติมักจะเพิ่มอีก 1 องค์ประกอบ คือ ข้อมูลในปัจจุบัน (Baseline
Data) ของตัวชี้วัดแต่ละตัว ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการกำหนดเป้าหมายของตัวชี้วัดแต่ละตัวให้มีความ
ชดั เจนมากขึน้ (กฤษณี มหาวิรฬุ ห,2546)

3. ระบบติดตามและประเมินผลขององคก์ าร CARE (Monitoring & Evaluation System)
องค์กรแคร์นานาชาติ(CARE International) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดรอ้ นของผู้ที่เป็นเหยื่อของสงคราม โดยเฉพาะเหยื่อที่อยู่ในทวีป
ยโุ รป หลงั จากน้นั สำนักงานขององคก์ รแคร์ในประเทศต่างๆ กร็ วมตัวกนั และจัดต้ังเป็นองค์กรเดียว มี
สำนักงาน ตั้งอยู่ในประเทศอเมริกา แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน นอร์เวย์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น
เดนมาร์ก และ เนเธอร์แลนด์สำหรับประเทศไทยก่อตั้งมูลนิธิรักษ์ไทย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.
2540 เพ่ือสานตอ่ งานของ องค์การแคร์นานาชาตใิ นการสร้างชุมชนทีเ่ ข้มแขง็ และชว่ ยเหลือคนท่ีด้อย
โอกาส และผู้คนที่ได้รับผลกระทบ จากภัยธรรมชาติในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ กว่า 80
ประเทศทั่วโลก 3.1 การติดตามผล (Monitoring) การติดตามผล คือ การรวบรวมและบรหิ ารจัดการ
ข้อมูลที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับตัวชี้วัด ความสำเร็จของโครงการ โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด
ระยะเวลาดำเนินงานโครงการ แบง่ การติดตาม ผลได้เปน็ 4 ประเภท ดงั น้ี

1) การติดตามองค์กร (Institutional Monitoring) เป็นการติดตามปัจจัยนำเข้า เช่น งบประมาณ
เพื่อดูเส้นทางการจัดสรรและการเบิกจ่าย ติดตามทางกายภาพ (Physical Monitoring) ซึ่งเป็น การ
ติดตามความกา้ วหนา้ ของกิจกรรมในเชิงปรมิ าณและเวลา เช่น เปน็ ไปตามกำหนดเวลาหรอื ไม่ มีความ
เท่าเทียมในกลุ่มเปา้ หมายหรือไม่ และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เปน็ ตน้ ขอ้ มูลเหล่าน้ีจะได้จาก
รายงาน ประจำเดือนของเจา้ หน้าที่ในพ้ืนที่ และขอ้ มูลทุตยิ ภมู ิจากหนว่ ยงานท่ีเขา้ รว่ มโครงการ

2) การติดตามบริบท/ปัจจัยแวดล้อม (Context Monitoring) เพื่อให้รู้ภาวะวิกฤติหรือความ เสี่ยงใด
ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในปัจจัย/บริบทที่กล่าวมาแล้วในข้อ 1) รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่อยู่นอกเหนือความ
ควบคุมและมีผลต่อความสำเร็จของโครงการ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ควรได้รับการติดตามอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อจะได้ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์หรือส่ิงแทรกแซง (Interventions) ให้เหมาะสมก่อนปัญหาจะขยายตวั
ตัวอย่างปัจจัยแวดล้อม เช่น สภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และนโยบายต่าง ๆ ที่มีผลต่อโครงการ
หรือกระทบต่อศักยภาพของ กลุ่มเป้าหมาย เป็นต้น ท้ังนี้ สิ่งแทรกแซง (Interventions) มีหลาย
ลักษณะ ในรูปของแผนงาน โครงการ กิจกรรมหรือในรูปของความช่วยเหลือที่จับต้องไม่ได้ (Soft

21

Assistance) เช่น การให้คำแนะนำ การชี้นำการ ชีแ้ จงนโยบาย การแลกเปล่ียนความคิดเห็นและปรับ
ความเข้าใจให้ตรงกันในประเด็นนโยบาย เป็นต้น โดย ทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายทำงาน
สอดประสานกนั และนำไปสู่ผลลัพธ์หรือการพัฒนาที่ตอ้ งการ ท้งั น้ี องคก์ าร UNDP ให้ความสำคัญกับ
Soft Assistance ไมน่ ้อยไปกวา่ การสนับสนุนทีเ่ ปน็ รูปธรรม

3) การติดตามผลของโครงการ (Results Monitoring) ซึ่งเป็นผลกระทบระยะส้ัน (Effect) ท่ี เกิดข้ึน
โดยตรงกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการ และผลกระทบระยะยาว (Impact) ที่เกิดขึ้นในวงกว้าง เช่น
ระดับ ครัวเรือน ระดับชุมชน เป็นต้น การประเมินผลกระทบระยะสั้นเป็นการประเมินความคิดเห็น
ปฏิกิริยาและ การตอบรับของกลุ่มเป้าหมายทีม่ ีต่อผลผลิตโครงการซึง่ จะช่วยใหเ้ จา้ หนา้ ที่/ผู้บริหารรู้
ถึงระดับการยอมรับ ของประชากรเป้าหมาย ตัวชี้วัดดูได้จากทัศนคติและพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น
เกษตรกรเปลี่ยนจากการใช้ ปุ๋ยเคมีมาใช้ปุ๋ยชีวภาพ หรือ เด็กนักเรียนแปรงฟันหลังอาหารกลางวัน
ลดการกินหวานและออกก าลังกาย มากขึน้ เป็นต้น ส่วนการประเมนิ ผลกระทบระยะยาว ชว่ ยให้รู้ว่า
กลยุทธ์ที่ใช้นั้นจะนำไปสู่จุดมุ่งหมายสุดท้าย (Final Goal) ของโครงการหรือไม่ โดยวัดจากความ
เป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น รายได้ของครัวเรือน แบบแผนการบริโภค ความสามารถในการ
พึ่งตนเอง หรอื ศักยภาพในการสร้างผลผลติ ทางการเกษตรในสภาพดนิ ฟ้า อากาศทไ่ี ม่แน่นอน เป็นต้น
ข้อมูลสารสนเทศในระดับนี้เป็นได้ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ ส่วนวิธีการ เก็บข้อมูลส่วน
ใหญใ่ ช้การสมั ภาษณแ์ ละการสังเกต และอาจใชข้ ้อมลู เสรมิ จากรายงานของหนว่ ยงานท่เี ก่ียวข้อง 8

4) การตดิ ตามวัตถุประสงค์ (Objectives Monitoring) เพ่อื ตรวจสอบว่าในสถานการณ์ที่เปน็ อยู่น้ัน
โครงการจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ ส่วนใหญ่เป็นการหาอุปสรรคหรือสิ่งนอกเหนือความ
คาดหมายท่กี ่อผลขา้ งเคยี ง (ในทางลบ) ให้กับโครงการ การประเมินผล (Evaluation) การประเมินผล
เปน็ การวัดตามระยะเวลา (Periodic Assessment) ดงั น้ี

1) การศึกษาพื้นฐาน (Baseline Study) เป็นการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลตัวชี้วัดก่อนการ
แทรกแซงของโครงการ (Interventions) เพื่อใช้เป็นตัวเปรียบเทียบ (Benchmark) ตอนกลาง
เทอมและเมื่อ โครงการส้ินสุด นอกจากนี้การวิเคราะห์ข้อมูลตัวชี้วัดกอ่ นเริ่มโครงการยังบอกใหร้ ู้
แต่เนิ่น ๆว่าตัวชี้วัดที่โครงการ กำหนดนั้น สามารถวัดได้หรือไม่ (Measurability) เพื่อปรับให้
เหมาะสมสำหรับการประเมินระยะต่อไป ทั้งนี้ หากประชากรเป้าหมายมีโอกาสเข้าร่วมในการ
วางแผนการศึกษาพื้นฐาน ได้ร่วมออกแบบ เก็บข้อมูล และ วิเคราะห์ข้อมูล จะทำให้ประชากร
เป้าหมายเหล่านี้มคี วามรสู้ กึ รว่ มกบั โครงการและกระบวนการแทรกแซงที่ จะเกดิ ตามมามากข้นึ

22

2) การทบทวนประจำปี (Annual Review) เป็นการประเมินภายในโดยทีมบริหารโครงการ
ซึ่งจะทำอย่างต่อเนื่องทุกปีตลอดอายุโครงการ ข้อมูลที่ใช้ส่วนใหญ่ได้จากการติดตามผล เช่น
งบประมาณ ข้อมูล ทางกายภาพ ผลกระทบระยะสั้น และข้อสันนิษฐาน วัตถุประสงค์เพื่อวัด
ความกา้ วหนา้ โครงการ ทบทวนกลยุทธ์ รวมถึงเปรยี บเทยี บผลงานกบั เป้าหมายทีร่ ะบุในแผน

3) การศกึ ษาเชงิ วิเคราะห์ (Diagnostic Study) เมือ่ ต้องการข้อมลู เจาะลึกเกี่ยวกบั ข้อจ ากัด
และ/หรอื โอกาสของโครงการ การศึกษาชนดิ นไ้ี ม่ตอ้ งท าเปน็ ประจำแต่จะให้ข้อมูลท่ีรวดเร็วและ
มีประโยชน์ ตอ่ การวางแผนและบรหิ ารจดั การโครงการ

4) การประเมินผลกลางเทอม (Mid-term Evaluation) เป็นการประเมินภายนอกและให้
ข้อเสนอแนะซึ่งเป็นการประเมินในประเดน็ ผลงาน ผลการเบิกจ่ายงบประมาณ โครงสร้างองค์กร
การพัฒนา องค์กร การพัฒนาบุคลากรเพื่อเสริมงานโครงการ รูปแบบโครงการ ความเชื่อมโยง
ระหว่างกลยทุ ธ์ ความสัมพันธ์ กับภาคี ผลกระทบที่เกิดขึน้ การตอบรับของกลุ่มเป้าหมาย ปัจจยั
เสี่ยงและข้อสันนิษฐาน รวมถึงข้อมูลที่ได้ จากรายงานประจำปีและการศึกษาเชิงวิเคราะห์
(โครงการมีระยะเวลาดำเนินการมากกว่า 1 ปีขึ้นไป การประเมินผลกลางเทอมจึงไม่ใช่การ
ประเมินรอบ 6 เดือนหรือการประเมินกลางปี ) 5) การประเมินเมื่อสิ้นสุดโครงการ (Final
Evaluation) สามารถทำได้เปน็ การภายในหรอื มี บุคคลภายนอกร่วมคณะประเมนิ ข้อมูลเพือ่ การ
วิเคราะห์จะเหมือนกับข้อมูลที่ใช้ในการประเมินกลางเทอมแต่ อาจเพิ่มประเด็นความคุ้มค่า
แหล่งข้อมลู มาจากเอกสารโครงการ การดูงานในพื้นท่ี การประชุม/การแลกเปลี่ยน ความคิดเห็น
กับกลมุ่ คนท่เี กย่ี วข้องในโครงการ เชน่ ประชากรเปา้ หมาย เจา้ หนา้ ทีโ่ ครงการ ผู้บริหาร และผู้ให้
ทุนสนับสนุน เป็นต้น วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำในการประเมินเมื่อสิ้นสุดโครงการมี 2 วิธีหลัก
ได้แก่ -Before and After เปรียบเทียบผลการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวชี้วัดก่อนเริ่มโครงการ
โดย ดูจาก Baseline Study และเมื่อโครงการสิ้นสุด ข้อจำกัดของวิธีนี้คือ ไม่สามารถบอกได้ว่า
เมื่อโครงการ สิ้นสุดไปแล้ว ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับจะยังคงอยู่อย่างยั่งยืนหรือไม่ และอะไร
คือปัจจัยที่ทำให้ยั่งยืน (หรือไม่ ยั่งยืน) - With and Without เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงที่
เกิดขนึ้ ระหว่างกลุ่มท่ีได้รับผลจาก กิจกรรมการแทรกแซงของโครงการและกลุ่มท่ีไม่มีโครงการ 9
6) การประเมินหลังการสิ้นสุดโครงการ (Ex-post Evaluation) ดำเนินการภายหลังโครงการ
สิ้นสุดแล้ว 5 – 10 ปี โดยคณะประเมินจากภายนอก เพื่อประเมินความยั่งยืนของผลการพัฒนา
ตามโครงการ โดยดทู ั้งผลทเ่ี กิดกับครัวเรือนและหรือชุมชน และผลทเี่ กดิ กบั หนว่ ยงานของรัฐและ
ภาคีที่เกี่ยวข้องในแง่ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและผลกระทบในองค์กร (เช่น ศักยภาพของ

23

บุคลากรสามารถดำเนินงานต่อไป หรือ หน่วยงานยังคงจัดสรรงบประมาณสนบั สนุนแม้โครงการ
สิ้นสุดลงแล้ว เป็นต้น) แหล่งข้อมูลจะมาจากการ สัมภาษณ์ การสังเกต เอกสารรายงานและ
เอกสารผลการประเมนิ โครงการ (วชญิ าดา ชนุ เชิด,2563)

4. ระบบติดตามและประเมินผลแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ของ UNDP (Results-Based Monitoring
& Evaluation System) ระบบติดตามและประเมินผลของ UNDP เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ควรเรียนรู้
เพราะองค์กรใหญ่ระดับโลก แห่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงระบบของตนเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จาก
รูปแบบเดิมที่เน้นปัจจัยนำเข้า กระบวนการดำเนินงาน และผลผลิตโครงการ (Programme and
Project-based Monitoring and Evaluation System) เป็นระบบติดตามและประเมินผลแบบมุ่ง
ผลสัมฤทธิ์ (Results-based Monitoring and Evaluation System) โดยให้ความสำคัญกับปัจจัย
ต่าง ๆ ที่มีต่อผลลัพธ์ไม่ว่าจะเป็นผลผลิต การมีส่วนร่วมของพันธมิตร การชี้แจงนโยบายและการ
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว (Soft Assistance) นอกจากนี้ UNDP ยังให้
ความสำคญั กับการสรุปบทเรยี นท่ีได้จากการดำเนินงาน (Lesson Learned) โดยถอื เป็นความรู้ท่ีผ่าน
การประเมินแล้ว (Evaluative Knowledge) ซึ่งในบทเรียนนั้นอาจรวมถึง “รูปแบบที่ดี - Good
Practices” ท่ี สมควรบันทึกไว้ การติดตามและประเมินผลแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ของ UNDP จะวัดที่
ความก้าวหน้าของผลผลิตซึ่งน าไปสู่ ความสำเร็จระดับผลลัพธ์หรืออีกนัยหนึ่งคือการเปลี่ยนแปลงที่
เกดิ จากการพฒั นา (Development Change) แผนภาพข้างลา่ งน้แี สดงใหเ้ ห็นความเชื่อมโยงระหว่าง
ผลผลิตและผลลพั ธ์ในหว่ งโซ่แหง่ ผลสมั ฤทธท์ิ ีเ่ ริม่ จาก ปัจจยั นำเขา้ จนถงึ โซห่ ่วงสดุ ท้ายคอื คุณภาพชีวิต
ของประชาชน (ธานี ภาคอทุ ยั ,2562)

5.รูปแบบการประเมินของราล์ฟ ดับบลิว ไทเลอร์ (Ralph W. Tyler) ไทเลอร์ (Tyler, 1969)
เป็นผู้เสนอแนวคดิ รูปแบบการประเมินไว้ และให้ให้ความหมายของ การประเมินโครงการ ไว้ว่า เป็น
การเปรียบเทียบพฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมท่ี กำหนดไว้ โดยมีความเชื่อว่า
จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้อย่างชัดเจน รัดกุม และเฉพาะเจาะจงแล้ว และไทเลอร์ ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับ
การประเมนิ ให้เป็นกรอบความคิด ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1943 โดยเรม่ิ จากการ กำหนดวัตถปุ ระสงค์ของ
โครงการ ให้เป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม และให้สามารถนำมาปฏิบัติได้ แล้วจึงประเมิน
ความสำเร็จของวัตถุประสงค์เหล่านั้น ทำให้แนวคิดนี้เป็นแบบจำลองที่ยึดเอา ความสำเร็จของ
จดุ มุ่งหมายเป็นหลัก เพราะไทเลอร์เช่ือว่าการประเมินโครงการเป็นสว่ นหน่ึงของการ เรียนการสอนที่
ต้องมีล าดับขั้นตอนของการประเมินการเรียนการสอน มีการกำหนดจุดมุ่งหมายเชิง พฤติกรรม
กำหนดเน้อื หาหรือประสบการณ์ และวัตถปุ ระสงคโ์ ครงการท่เี ปน็ แบบเชิงพฤติกรรมจะทำให้สามารถ

24

ประเมินได้ว่าโครงการประสบความความสำเร็จหรือไม่ มีกิจกรรมหรืองานใดที่ไม่สำเร็จ ต้อง แก้ไข
ปรบั ปรงุ ในปี 1986 ไทเลอรไ์ ดเ้ สนอกรอบแนวคิดการประเมินโครงการใหม่ (New Tyler, 1986) โดย
แบ่งการประเมนิ ออกเป็น 6 ส่วนคอื (1) การประเมนิ วตั ถุประสงค์ (Appraising Objectives) (2) การ
ประเมนิ แผนการเรียนรู้ (Evaluating the learning Plan) (3) การประเมนิ เพือ่ แนะแนวในการพัฒนา
โครงการ (Evaluation to Guild Program Development) (4) การประเมินเพื่อนำโครงการไป
ปฏิบัติ (Evaluation Program Implement) (5) การประเมินผลลัพธ์ของโครงการทางการศึกษา
(Evaluating the Outcome of an Educational Program) และ (6) การติดตาม (Follow up)
และการประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation) (คณะครศุ าสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย,2561)

กรอบแนวคดิ การประเมินผลโครงการ

ตวั แปรต้น ตัวแปรตาม

ข้อมลู ส่วนบคุ คล ประเมนิ ผลโครงการตามวงจรเดมมงิ่ PDCA
ตามแนวคดิ CIPP ของของสตัฟเฟลบมี
1. เพศ
2. อายุ 1. การประเมนิ บริบทหรือสภาวะแวดล้อม
3. อาชพี 2. การประเมินปจั จยั เบ้ืองตน้
4. การศกึ ษา 3. การประเมนิ กระบวนการ
5. รายได้ 4. การประเมนิ ผลผลิต

ภาพท่ี 2.1 กรอบแนวคดิ การประเมนิ ผลโครงการ

25

บทท3ี่

วิธีการประเมินโครงการ

วิธีการประเมินของโครงการ การแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพรกิ ทอดเพื่อจำหนา่ ย มี
กระบวนการขั้นตอนในการวิเคราะห์ ข้อมูล ดังน้ี
1. รปู แบบการประเมินโครงการ
2. วิธีการประเมินโครงการ
3. ประชากรกลุ่มตวั อย่าง
4. เครื่องมือท่ใี ชใ้ นการประเมินโครงการ
5. การเก็บรวบรวมข้อมูล
6. การวิเคราะหผ์ ลการประเมินงาน
รูปแบบการประเมินโครงการ

การประเมินโครงการการแปรรปู พรกิ ในรูปแบบขนมพรกิ ทอดเพ่ือจำหน่ายใชร้ ูปแบบการ
ประเมินโครงการแบบ CIPP MODEL ของสตัฟเฟลบีม ( D.L. Stufflebeam, 1997 , P. 261-265 )
ดงั นี้

ประเมนิ สภาวะแวดลอ้ ม • หลกั การ
( Context Evaluation ) • วตั ถปุ ระสงค์ของโครงการ
• เป้าหมายของโครงการ
• การเตรยี มการภายในโครงการ

ประเมนิ การปัจจยั เบอ้ื งตน้ • บคุ ลากร
( Input Evaluation ) • วัสดุอปุ กรณ์
• เครอ่ื งมอื เคร่อื งใช้
• งบประมาณ

26

ประเมินกระบวนการ • การดำเนินโครงการ
( Process Evaluation ) • กจิ กรรมการดำเนนิ งานตามโครงการ
• การนิเทศติดตามกำกับ
• การประเมินผล

การประเมินผลผลิต • ผลการดำเนินโครงการ
( Product Evaluation )

ภาพที่ 3.1 รปู แบบการประเมินโครงการแบบ CIPP MODEL

วธิ ีการประเมินโครงการ

โครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่าย มีวิธีการประเมินโครงการ
แบบเชิงคุณภาพ โดยใช้หลกั การวงจรเดมมิ่ง “PDCA” ตามแนวคิด “CIPP” ของสตัฟเฟลบีม ในการ
ตดิ ตาม และประเมินผลโครงการ

ประชากรและกลมุ่ ตัวอย่าง

ประชากรและกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการติดตามและประเมินผลโครงการการแปรรูปพริกใน
รูปแบบขนมพรกิ ทอดเพ่อื จำหนา่ ย มดี งั น้ี

ประชากร คือ ประชาชนในพื้นที่ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการและคณะผู้จัดทำ
โครงการ จำนวน 10 คน

กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนในพื้นที่ผู้ที่เก่ียวข้องกับการดำเนินโครงการและคณะผู้จัดทำ
โครงการ จำนวน 10 คน

โดยใช้วธิ ีสุ่มตวั อยา่ งแบบ แบบสอบถามเชงิ คุณภาพ

27

เครือ่ งมือที่ใช้ในการประเมินโครงการ
การประเมินโครงการใช้กระบวนการศึกษาเชิงคุณภาพ จึงมีเครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน
โครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่าย ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ การ
สงั เกต
โดยเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพ่ือ
จำหนา่ ย มีจำนวน 10 ฉบับ ดังน้ี
ส่วนที่1 เป็นแบบสอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ
การศึกษา และรายไดโ้ ดยเป็นแบบปลายเปิดให้เลือกตอบในช่องที่กำหนด
ส่วนที่2 เป็นแบบสัมภาษณ์ประเมินโครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อ
จำหน่าย โดยใช้แบบประเมนิ CIPP MODEL มี 4 ดา้ น จำนวน 12 ข้อ ดังนี้
1.1 การประเมินสภาวะแวดล้อม ( Context) เกยี่ วกบั หลักการ วัตถปุ ระสงค์ เป้าหมายของ
โครงการ และการเตรียมการดำเนินโครงการ จำนวน 3 ขอ้
1.2 การประเมินปัจจัยนำ ( Input) เกี่ยวกับ บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้และ
งบประมาณ จำนวน 3 ข้อ
1.3 การประเมินกระบวนการ ( Process) เกี่ยวกับ การดำเนินงาน กิจกรรมการดำเนนิ งาน
ตามโครงการ การนิเทศติดตามผล และการประเมนิ ผลจำนวน 3 ข้อ
1.4 การประเมินผลผลิตผลิต ( product ) เกี่ยวกับ ผลการดำเนินงานตามโครงการ จำนวน
3 ขอ้
ส่วนที่3 ปัญหาหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานในการจัดทำโครงการ โดยเป็นแบบ
ปลายเปดิ ใหต้ อบแบบบรรยาย
การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้จัดทำได้ทำหน้าที่ในการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง โดยมี
รายละเอียดในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู ดงั น้ี
1. แจง้ ใหท้ ราบล่วงหนา้ ว่าจะทำการติดตอ่ สัมภาษณเ์ พ่ือในการประเมนิ ผลโครงการ

28

2. ใชเ้ วลาสมั ภาษณ5์ -10 นาทตี อ่ คนโดยประมาณ

3. ผู้สัมภาษณ์ทำการตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์เพื่อนำไปใช้ในการเคราะห์ข้อมูลของ
โครงการตอ่ ไป

4.นำขอ้ มูลท่ีได้จากการสมั ภาษณ์มาเรียบเรียงเป็นความเรยี งเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการประเมิณ
โครงการ

การวเิ คราะหผ์ ลการประเมินโครงการ

วิเคราะหผ์ ลการประเมินโครงการ โดยใช้การวิเคราะห์เชงิ คุณภาพ

การวิเคราะห์ขอ้ มูลเชงิ คณุ ภาพ

ขั้นตอนที่1 การทำให้ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มาอยู่ในสภาพที่สะดวกและง่ายต่อการนำไป
วเิ คราะห์

ข้ันตอนท่ี 2 ทำดชั นีหรือกำหนดรหัสของข้อมูล ซึ่งเป็นการจดั ระเบยี บของเน้อื หา คอื การจัด
ข้อมูล โดยการใช้คำหลักซึ่งอาจมีลักษณะเป็นวลีหรือข้อความหนึ่งมาแทนข้อมูลที่บันทึกไว้ในบันทึก
ภาคสนาม สว่ นที่เปน็ การบันทึกพรรณนา หรือบันทึกละเอียดส่วนใดสว่ นหนง่ึ เพื่อแสดงให้เห็นข้อมูล
ในการบันทึกพรรณนาส่วนน้ันเป็นเร่ืองเกี่ยวกับอะไร คำหลัก (วลีหรือข้อความ) ที่กำหนดขึ้นนั้นจะมี
ลักษณะเป็นมโนทัศน์(concep) ซึ่งมีความหมายแทนข้อมูลบันทึกละเอียดส่วนนั้น การจัดทำดัชนี
หรือกำหนดรหัสของข้อมูลนั้น สามารถทำได้สองลักษณะคือ จัดทำไว้ล่วงหน้าก่อนเช้า สนามวิจัย
และจัดทำตามข้อมูลที่ปรากฎในบันทึกภาคสนาม หรือบางครั้งเรียกว่า การจัดทำดัชนีข้อมูลแบบนิร
นัย (deductive coding) และแบบอุปนยั (inductive coding)

ขนั้ ตอนที่ 3 การกำจัดขอ้ มลู หรือสร้างข้อสรุปชั่วคราว น้ีคอื การสรปุ เช่อื มโยงดัชนีคำหลักเข้า
ด้วยกัน ภายหลังจากผ่านกระบวนการทำดัชนีหรือกำหนดรหัส ข้อมูลแล้ว การเชื่อมโยงคำหลักเข้า
ดว้ ยกันจะ เขยี นเปน็ ประโยคข้อความท่ีแสดงความสมั พันธ์ระหว่างคำหลัก และจากการเช่ือมโยงดัชนี
คำหลักใน 38 ตัวอย่างเข้าด้วยกันจะเห็นว่าทำให้ข้อมูลในส่วนที่เป็นบนั ทึกละเอียดที่มีอยู่มากนั้นถูก
ลดทอนหรอื ตัดทง้ิ ไปจนกระทงั่ เหลือเฉพาะประเด็นหลักๆ ท่ีนำมาผูกโยงกนั เทา่ นนั้

ขั้นตอนที่ 4 สร้างบทสรุป คือ การเขียนเชื่อมโยงข้อสรปุ ชั่วคราวที่ผา่ นการตรวจสอบยืนยัน
แล้วเข้า ด้วยกัน การเชื่อมข้อสรปุ ชั่วคราวน้ันจะเชื่อมโยงตามลำดับข้อสรุปแต่ละข้อสรุปเป็นบทสรปุ
ยอ่ ยและ เชือ่ มโยงบทสรุปยอ่ ยแต่ละบทสรปุ เขา้ ดว้ ยกันเปน็ บทสรปุ สดุ ทา้ ย

29

ข้นั ตอนท่ี 5 พิสูจน์ความนา่ เชอื่ ถอื ของผลการวิเคราะห์เพอื่ พสิ ูจน์วา่ บทสรุป น้นั สอดคล้องกัน
หรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการพิสูจน์นับทสรุปก็มักจะเป็นการพิจารณาวิธีการเก็บข้อมูลนั้นว่า
ดำเนินการอย่าง รอบคอบหรือไม่เพียงไร และข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้มานั้นเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ
นา่ เชื่อถือหรือไม่

30

บทท่ี 4

ผลการประเมินโครงการ

การนำเสนอผลการประเมินโครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพื่อจำหน่าย
ผู้รับผิดชอบโครงการได้นำเสนอผลการประเมนิ โครงการ ดังน้ี

ผลการประเมินโครงการด้านสภาพแวดลอ้ ม

ผลการประเมินโครงการดา้ นปจั จยั

ผลการประเมินโครงการดา้ นกระบวนการ

ผลการประเมินโครงการดา้ นผลผลิต

ผลการประเมนิ โครงการดา้ นสภาพแวดล้อม

ตารางที่ 4.1

ผู้สัมภาษณ์ ข้อคำถาม1.1 ท่านคิดว่าหลักการ วัตถุประสงค์และเปา้ หมายของโครงการมี
ความเหมาะสม และสอดคล้องกันหรือไม่ เพราะเหตุใด?
คนท1ี่ สอดคล้องกนั เพราะ คำวา่ เป้าหมายคือคำอธิบายว่าเป็นเป้าหมายสงู สดุ ซึ่งบุคคล
หรอื นติ บิ คุ คลพยายามท่จี ะบรรลุ วัตถุประสงค์คือส่ิงทบ่ี ุคคล / องคก์ รพยายามทีจ่ ะ
คนท2่ี บรรลโุ ดยไล่ตามอย่างต่อเนื่อง
คนท3่ี มคี วามเหมาะสมและสอดคล้อง เพราะผูด้ ำเนนิ โครงการทำออกมาตามที่กำหนด
สอดคลอ้ งกนั เพราะในการจะจำหน่ายสินค้าจะต้องมีการวางแผนหลายๆอยา่ ง ทำ
คนท4ี่ ใหต้ วั นักศกึ ษาได้คิดวเิ คราะห์มากขึน้
คนท5่ี สอดคล้อง เพราะ เปน็ การจำหน่ายเพ่ือให้เกิดรายได้
คนท6่ี เหมาะ เพราะทนั สมัย
คนท7่ี สอดคล้องกนั มาก
คนท8่ี เหมาะสม
คนท9่ี สอดคลอ้ งเพราะผู้ดำเนินโครงการทำออกมาตามที่กำหนด
คนท1ี่ 0 สอดคล้องเพราะมีการดำเนนิ งนตามเปา้ หมาย
สอดคลอ้ งเพราะผลตอบรบั ตรงตอ่ เปา้ หมายและวตั ถุประสงค์

31

จากตารางที่ 4.1 ข้อคำถามที่ 1.1 ผู้สัมภาษณ์มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่าเป็นโครงการที่
วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการมีความเหมาะสม และสอดคล้องกันมีผลตอบรับตรงต่อ
เป้าหมายและวัตถปุ ระสงค์

ตารางท่ี 4.2

ผสู้ ัมภาษณ์ ข้อคำถาม1.2 ท่านคิดวา่ การกำหนดเป้าหมาย วิธีการดำเนนิ การและระยะเวลา
ดำเนนิ การมีความเหมาะสมกันหรอื ไม่ เพราะเหตุใด?
คนท1่ี เหมาะสม เพราะงานจะได้เป็นไปตามระบบ
คนท2ี่ มคี วามเหมาะสม เพราะไดร้ ู้ถึงระยะเวลาดำเนนิ การและร้ขู ้อมูลไดล้ ะเอียด
คนท3่ี เหมาะสม เพราะ เป็นการขายเพ่อื ให้เกดิ รายได้
คนท4่ี เหมาะสมไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
คนท5ี่ เหมาะสม
คนท6ี่ เหมาะสมมากค่ะ
คนท7่ี เหมาะสมตรงตอ่ เป้าหมายค่ะ
คนท8ี่ เหมาะสมกนั ดีค่ะ
คนท9่ี เหมาะสมเพราะช่วยให้การดำเนนิ งานเป็นไปได้ดี
คนท1ี่ 0 เหมาะสมเพราะได้ทราบถึงกระบวนการทำงานในดา้ นต่างๆ

จากตารางที่ 4.2 ข้อคำถามที่ 1.2 ผู้สัมภาษณ์มีความคิดเห็นว่าการกำหนดเป้าหมาย วิธีการ
ดำเนนิ การและระยะเวลาดำเนนิ การมคี วามเหมาะสมกนั เพราะได้ทราบถึงการทำงานท่ีเปน็ ระบบและ
การดำเนินการของการจดั ทำโครงการได้ละเอยี ด

ตารางท่ี 4.3

ผสู้ ัมภาษณ์ ขอ้ คำถาม1.3 ท่านคดิ ว่าการจดั บรรยากาศในการดำเนนิ งานเหมาะสมและ
สอดคล้องกับการดำเนินโครงการหรือไม่ เพราะเหตุใด?
คนท1่ี เหมาะสมเพราะในการดำเนนิ เหมาะสมเพราะในการดำเนินโครงการตอ้ งสอดคลอ้ ง
กบั การจัดบรรยากาศในการดำเนินงานเพ่ือให้การดำเนนิ โครงการเปน็ ไปไดด้ ้วยดี
คนท2่ี สอดคลอ้ งกนั กับโครงการได้ดี
คนท3ี่ เหมาะสม เพราะบรรยากาศเปน็ สงิ่ สำคญั
คนท4่ี เหมาะสมและสอดคล้อง จดั บรรยากาศออกมานา่ ชม

32

คนท5่ี สอดคล้องกบั โครงการได้ดี
คนท6่ี เหมาะสมเพราะในการดำเนนิ เหมาะสมเพราะ
คนท7ี่ เหมาะสมเพราะเปน็ ไปตามแผนที่วางไว้
คนท8ี่ เหมาะสมเพราะสอดคล้องกับเปา้ หมายทต่ี ง้ั ไว้
คนท9่ี สอดคล้องกบั โครงการได้ดมี ากๆ
คนท1ี่ 0 สอดคล้องค่ะ

จากตารางที่ 4.3 ข้อคำถามที่ 1.3 ผู้สัมภาษณ์มีความคิดเห็นว่าการจัดบรรยากาศในการ
ดำเนนิ งานเหมาะสมและสอดคล้องกบั การดำเนินโครงการเพอื่ ใหก้ ารดำเนนิ โครงการเป็นไปได้ด้วยดี

ผลการประเมนิ โครงการด้านปัจจัย

ตารางท่ี 4.4

ผ้สู ัมภาษณ์ ข้อคำถาม2.1 ทา่ นคิดวา่ มจี ำนวนบคุ ลากรที่ร่วมดำเนินการโครงการ มคี วาม
เหมาะสมและเพยี งพอหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด?
คนที่1 เหมาะสมเพราะจำนวนบคุ ลากรท่ีร่วมดำเนนิ การโครงการต้องเพยี งพอในการจัด
โครงการ
คนท2่ี เหมาะสม เพราะปจั จบุ ันมีการแพรเ่ ชอ้ื ของโรคระบาด จำนวนบคุ ลากรแค2่ คนจึง
เหมาะสมแกก่ ารดำเนินโครงการ
คนท3ี่ มีความเหมาะสมมาก เพราะตอ้ งให้คนเข้ามามีสว่ นร่วมและ ไดร้ ู้ถึงข้อมูลที่เรา
ตอ้ งการให้เขารับรู้
คนท4่ี เหมาะสมและเพยี งพอ
คนท5่ี เหมาะสม
คนท6่ี เหมาะสมและเพียงพอแลว้
คนท7่ี เหมาะสมเพียงพอแล้ว
คนท8ี่ เหมาะสมคะ่
คนท9ี่ เหมาะสมเพียงพอต่อการดำเนนิ โครงการ
คนท1่ี 0 เพียงพอแล้วครับ

33

จากตารางที่4.4 ขอ้ คำถามที่ 2.1 ผูส้ ัมภาษณม์ คี วามคดิ เหน็ วา่ มจี ำนวนบุคลากรทรี่ ่วม
ดำเนนิ การโครงการ มคี วามเหมาะสมและเพียงพอ

ตารางท่ี 4.5

ผู้สัมภาษณ์ ขอ้ คำถาม2.2 ท่านคิดว่ามีวัสดอุ ปุ กรณ์ เครื่องมือเคร่อื งใชใ้ นการดำเนิน
โครงการมเี พียงพอหรือไม่ เพราะเหตุใด?
คนท1่ี เพยี งพอเพราะการมวี สั ดปุ กรณเ์ ครอ่ื งมือในการดำเนินโครงการจะทำใหก้ ารดำเนนิ
โครงการเป็นไปได้ดว้ ยดี
คนท2ี่ เพียงพอ เน่ืองจากชว่ งน้ีเศรษฐกิจไมค่ ่อยดี ผู้ดำเนินใชง้ บประมาณน้อย แต่ของมี
คุณภาพ
คนท3ี่ มีเพียงพอ เพราะ เคร่ืองมือได้มาตราฐาน และทันสมัย
คนท4่ี เพียงพอเพราะไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งฟุ่มเฟือย
คนท5ี่ มเี พียงพอ
คนท6่ี เพียงพอ
คนท7ี่ เพยี งพอครับ
คนท8ี่ เพียงพอค่ะ
คนท9ี่ เพยี งพอค่ะเพราะใช้วัสดอุ ปุ กรณ์ท่ีมีอยแู่ ลว้ เป็นส่วนมาก
คนท1่ี 0 เพียงพอเพราะการมวี สั ดปุ กรณเ์ ครือ่ งมือในการดำเนินโครงการจะทำให้การดำเนิน
โครงการเปน็ ไปได้ด้วยดี

จากตารางที่ 4.5 ขอ้ คำถามท่ี 2.2 ผู้สัมภาษณม์ ีความคิดเห็นวา่ วสั ดุอปุ กรณ์ เคร่ืองมือ
เครอ่ื งใช้ในการดำเนนิ โครงการมีเพียงพอ

ตารางท่ี 4.6

ผ้สู ัมภาษณ์ ข้อคำถาม2.3 ทา่ นคิดวา่ อาคารสถานทใ่ี นการปฏิบตั งิ านของโครงการมคี วาม
เหมาะสมและเพียงพอหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด?
คนท1่ี เหมาะสมและเพยี งพอเพราะอาคารสถานท่ใี นการปฎบิ ัตงิ านของโครงการ ตอ้ งมี
ความสมบูรณ์และรองรบั บคุ ลากรได้ดี
คนท2ี่ เพียงพอ สามารถทำได้ท่ีบา้ น ไมต่ ้องออกไปเสย่ี ง
คนท3ี่ มคี วามเหมาะสม เพราะ สะ อาดแหละ สบายในการปฏบิ ัตโิ ครงการ

34

คนท4่ี เหมาะสมกนั
คนท5่ี เหมาะสม ไมจ่ ำเป็นต้องหรูหรา
คนท6ี่ เหมาะสมแล้ว
คนท7่ี เหมาะสมเพยี งพอ
คนท8ี่ เหมาะสมครับ
คนท9ี่ เหมาะสมมคี วามสมบูรณ์
คนท1่ี 0 เหมาะสมเพราะใชส้ ภานท่ีดำเนินโครงการทบี่ ้าน

จากตารางที่ 4.6 ขอ้ คำถามที่ 2.3 ผสู้ ัมภาษณ์มีความคิดเหน็ ว่าอาคารสถานท่ีในการ
ปฏิบตั งิ านของโครงการมคี วามเหมาะสมและเพียงพอต่อการดำเนนิ โครงการ

ผลการประเมนิ โครงการด้านกระบวนการ

ตารางที่ 4.7

ผ้สู ัมภาษณ์ ขอ้ คำถาม3.1 ท่านคิดวา่ การศึกษาสภาพปญั หาและความต้องการในการพฒั นา
มีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด?
คนท่1ี เหมาะสมเพราะสภาพปัญหาและความต้องการในการพฒั นาของโครงการต้องมี
ความสมบูรณ์
คนท2่ี เหมาะสมถา้ หากเราทราบถึงปญั หาและรู้จักแก้ไขและพฒั นาได้ ก็จะดี
คนท3่ี มคี วามเหมาะสมเพราะได้รูถึงสภาพและความตอ้ งการในการทีจ่ ะพัฒนาให้ เกดิ
ประโยช์ และ ได้มาตรฐานมากท่สี ุด
คนท4ี่ เหมาะสมครับสภาพ ปัญหาที่เกดิ ขึ้นเราต้องหาทางแก้ไขเราต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ
ครบั
คนท5ี่ มคี วามเหมาะสม
คนท6ี่ เหมาะสม
คนท7ี่ เหมาะสมถา้ หากเราทราบถึงปญั หาและรูจ้ ักแก้ไขและพัฒนาได้ กจ็ ะดี
คนท8ี่ เหมาะสมคะ่
คนท9ี่ เหมาะสม
คนท1ี่ 0 มคี วามเหมาะสม

35

จากตารางที่ 4.7 ข้อคำถามที่ 3.1 ผูส้ มั ภาษณ์มีความคิดเห็นว่าการศกึ ษาสภาพปัญหาและ
ความตอ้ งการในการพฒั นามีความเหมาะสม

ตารางท่ี 4.8

ผู้สมั ภาษณ์ ข้อคำถาม3.2 ทา่ นคิดว่าการวางแผนดำเนินโครงการมคี วามเหมาะสมหรือไม่
เพราะเหตุใด?
คนที่1 เหมาะสมเพราะการดำเนนิ โครงการต้องมแี ผนดำเนนิ โครงการถึงจะเปน็ โครงการท่ี
สมบรู ณ์
คนท2่ี เหมาะสม เพราะผดู้ ำเนนิ โครงการคดิ ไตรต่ รองทุกข้ันตอน
คนท3่ี มีความเหมาะสม เพราะ การวางแผนงาน เปน็ ขอ้ สำคัญท่สี ุดในการทำงาน ตอ้ ง
ดำเนนิ การวางแผนใหล้ ะเอยี ดครบถว้ น และ รดั กุมเพราะเป็นสง่ิ สำคญั ท่สี ดุ ในการ
คนท4ี่ ดำเนนิ โครงการ
คนท5ี่ เป็นขนั้ ตอน มีการวางแผนกอ่ นลงมอื ทำ
คนท6ี่ การวางแผนการทำงานมีขั้นตอนการจัดการทเี่ หมาะสม
คนท7ี่ เปน็ โครงการท่ีมีการวางแผนเป็นขัน้ ตอนอยา่ งเหมาะสม
คนท8่ี วางแผนดมี ีขั้นตอน
คนท9ี่ เหมาะสมวางเเผนและทำงานอยา่ งเปน็ ขั้นตอน
เหมาะสมมีการวางแผนและกิจกรรมตามขั้นตอนเพ่ือนำไปเป็นแนวทางในการ
คนท1่ี 0 ปฏิบัติ
เหมาะสมมกี ารคุยวางแผนกนั ดีในกลุม่

จากตารางที่ 4.8 ขอ้ คำถามที่ 3.2 ผสู้ มั ภาษณ์มคี วามคดิ เหน็ ว่าการวางแผนดำเนนิ โครงการมี
ความเหมาะสมเพราะ การวางแผนงาน เปน็ ข้อสำคัญทีส่ ดุ ในการทำงาน ต้องดำเนนิ การวางแผนให้
ละเอยี ดครบถ้วน และ รัดกมุ เพราะเปน็ สิง่ สำคัญท่สี ดุ ในการดำเนนิ โครงการ

ตารางท่ี 4.9

ผู้สัมภาษณ์ ขอ้ คำถาม3.3 ท่านคิดว่าการดำเนินกิจกรรมที่กำหนดในโครงการตามขั้นตอน
คนที1่ ทุกกิจกรรมมีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะเหตุใด?
เหมาะสมเพราะการดำเนนิ กิจการทก่ี ำหนดในโครงการตามขนั้ ตอนนั้นๆ จะเปน็ ไป
ตามขน้ั ตอนของโครงการ

36

คนท2่ี เหมาะสมเพราะ ราคาของวัตถดุ บิ เฉล่ียเเล้วเหมาะสมกับปริมาณสนิ คา้
คนท3ี่ มคี วามเหมาะสม เพราะ ทุกกิจกรรมสำคัญมากในโครงการ ขาดขัน้ ตอนใดขันตอน

หนง่ึ โครงการกจ็ ะไมส่ มบูรณ์
คนท4ี่ มคี วามเหมาะสมเป็นขน้ั เปน็ ตอนดีครบั
คนท5ี่ เหมาะสม เพราะดำเนินงานเปน็ ขัน้ ตอน
คนท6ี่ เหมาะสมเพราะการดำเนนิ กิจการท่กี ำหนดในโครงการตามขนั้ ตอนนน้ั ๆ
คนท7่ี มคี วามเหมาะสมเป็นขัน้ เป็นตอนดี
คนท8ี่ มคี วามเหมาะสม เพราะ ทุกกิจกรรมสำคญั มากในโครงการ
คนท9่ี เป็นไปตามขน้ั ตอนของโครงการ
คนท1่ี 0 เหมาะสมค่ะ

จากตารางที่ 4.9 ข้อคำถามท่ี 3.3 ผูส้ ัมภาษณ์มคี วามคิดเหน็ วา่ การดำเนินกิจกรรมที่กำหนด
ในโครงการตามขั้นตอนทุกกิจกรรมมีความเหมาะสมมคี วามเหมาะสม เพราะ ทกุ กจิ กรรมสำคัญมาก
ในโครงการ ขาดขั้นตอนใดขันตอนหนึ่งโครงการกจ็ ะไมส่ มบูรณ์

ผลการประเมนิ โครงการดา้ นผลผลติ

ตารางท่ี 4.10

ผสู้ มั ภาษณ์ ขอ้ คำถาม4.1 ท่านคดิ ว่าปริมาณสนิ ค้าและราคาเหมาะสมกนั หรือไม่ เพราะเหตุ
ใด?
คนที1่ เหมาะสมเพราะ ราคาของวัตถุดิบเฉลย่ี เเลว้ เหมาะสมกบั ปริมาณสินคา้
คนท2่ี เหมาะสม ปรมิ าณสินคา้ สมดุลตอ่ ราคา
คนท3่ี เหมาะสมแลว้ แต่ควรมีหลากหลายปรมิ าณให้เลือกมากข้นึ
คนท4ี่ มคี ุณภาพเพราะวัสดุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการทำสินคา้ มคี ุณภาพที่ดี จงึ เหมาะสมในการ
จำหน่ายสินค้าท่ีมีคณุ ภาพ
คนท5่ี เหมาะสมกัน เพราะ ไดป้ ริมาณของที่พอๆดีกัน เทา่ ๆกันกับของ
คนท6่ี เหมาะสมกบั คุณภาพสินคา้ เหมาะสมกับราคามาก
คนท7ี่ เหมาะสม
คนท8ี่ คณุ ภาพสินค้าเหมาะสมกบั ราคาค่ะ
คนท9่ี เหมาะสมกับคุณภาพสนิ ค้าเหมาะสมกับราคา

37

คนท1่ี 0 เหมาะสมคะ่

จากตารางท่ี 4.10 ข้อคำถามท่ี 4.1 ผูส้ ัมภาษณ์มีความคดิ เหน็ ว่าปริมาณสินคา้ และราคา
เหมาะสมมคี ณุ ภาพเพราะวัสดุปกรณท์ ่ีใช้ในการทำสนิ ค้ามีคุณภาพทีด่ ี จึงเหมาะสมในการจำหนา่ ย
สินค้าทมี่ คี ุณภาพ

ตารางที่ 4.11

ผู้สมั ภาษณ์ ขอ้ คำถาม4.2 ท่านคิดว่าสินค้าที่นำมาจำหน่ายมีคุณภาพหรือไม่ เพราะเหตุใด?
คนที่1 มคี ณุ ภาพเพราะวัสดปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการทำสินค้ามคี ุณภาพท่ดี ี จึงเหมาะสมในการ
จำหน่ายสินคา้ ทมี่ ีคุณภาพ
คนท2ี่ มีคณุ ภาพ เพราะผ้ดู ำเนินโครงการใส่ใจรายละเอยี ด และรักษาความสะอาด
คนท3่ี มีคุณภาพและเจาะกลุ่มลกู คา้ ไดด้ ี เพราะกำลงั เปน็ ทีน่ ิยม
คนท4ี่ ตรงตอ่ ความต้องการเพราะสินค้าทผ่ี ลิตมีความตรงต่อความต้องการของผ้ผู ลติ เเละ
ผู้บริโภค
คนท5ี่ มคี ณุ ภาพเพราะ ก่อนออกมาจำหนา่ ย ตรวจเช็ค และทดลอง ก่อนทกุ ครงั้ ก่อน
จำหนา่ ย
คนท6่ี มี เพราะคนสนใจมาก
คนท7ี่ มีคุณภาพ
คนท8ี่ ตรงต่อความตอ้ งการเพราะสินค้าที่ผลติ มีความตรงต่อความตอ้ งการของผู้ผลิตเเละ
ผ้บู ริโภค
คนท9่ี มคี ุณภาพค่ะ
คนท1่ี 0 มคี ุณภาพและเจาะกลุ่มลูกคา้ ไดด้ ี

จากตารางที่ 4.11 ขอ้ คำถามท่ี 4.2 ผู้สัมภาษณม์ คี วามคดิ เหน็ วา่ สินค้าที่นำมาจำหน่ายมี
คุณภาพเพราะวัสดุปกรณ์ท่ีใช้ในการทำสินค้ามีคุณภาพที่ดี จึงเหมาะสมในการจำหน่ายสินค้าท่ีมี
คุณภาพและเจาะกล่มุ ลูกคา้ ไดด้ ี เพราะกำลงั เปน็ ทน่ี ยิ ม

38

ตารางที่ 4.12

ผ้สู มั ภาษณ์ ขอ้ คำถาม4.3 ท่านคิดว่าคุณภาพของสินค้าตรงต่อความต้องการของคุณหรือไม่
เพราะเหตุใด?
คนท1่ี ตรงต่อความต้องการ
คนท2่ี ตรงตอ่ ความต้องการเพราะสินคา้ ทผ่ี ลติ มคี วามตรงต่อความตอ้ งการของผูผ้ ลติ เเละ
ผู้บรโิ ภค
คนท3ี่ ตรงต่อความต้องการ อร่อย มีคุณภาพ และราคาไม่แพง
คนท4่ี ตรงเพราะตัวสนิ ค้าตอบโจทย์มากๆ
คนท5ี่ สนิ ค้ามคี ุณภาพ เหมาะสมต่อราคา มคี วามต้องการในวยั รุ่นนักศึกษาที่ประสงค์ต่อ
การบรโิ ภคสนิ คา้
คนท6่ี ตรง เพราะแปลกใหม่
คนท7่ี ตรงตอ่ ความตอ้ งการ เพราะ สง่ิ ท่อี ยากไดต้ รงตามความตอ้ งการที่อยากได้
คนท8่ี มคี วามต้องการในการบริการสินคา้
คนท9ี่ ตรงต่อความต้องการค่ะ
คนท1ี่ 0 ตรงตอ่ ความต้องการ

จากตารางท่ี 4.12 ข้อคำถามที่ 4.3 ผ้สู ัมภาษณม์ คี วามคดิ เหน็ วา่ คุณภาพของสนิ ค้าตรงต่อ
ความต้องการของผบู้ ริโภคสินค้ามคี ุณภาพ เหมาะสมต่อราคา มีความต้องการในวยั รนุ่ นักศึกษาที่
ประสงคต์ ่อการบรโิ ภคสินค้า

39

บทท่ี 5
สรปุ ผลอภิปรายและขอ้ เสนอแนะ

สรุปผลอภิปราย

1.ด้านสภาพแวดล้อม
ผลการประเมิณด้านสภาพแวดล้อมของโครงการการแปรรูปพริกในรปู แบบขนมพริกทอดเพ่ือ

จำหน่ายเป็นโครงการที่วัตถุประสงคแ์ ละเปา้ หมายของโครงการมีความเหมาะสม และสอดคล้องกนั มี
ผลตอบรับตรงต่อเป้าหมายและวัตถุประสงค์มีการกำหนดเปา้ หมาย วิธีการดำเนนิ การและระยะเวลา
ดำเนินการมีความเหมาะสมกันเพราะได้ทราบถึงการทำงานที่เป็นระบบและการดำเนินการของการ
จัดทำโครงการได้ละเอียด
2.ดา้ นปัจจัยเบอ้ื งต้น

ผลการประเมิณดา้ นปัจจัยเบื้องต้นของโครงการการแปรรูปพริกในรปู แบบขนมพริกทอดเพือ่
จำหน่ายเป็นโครงการท่ีมจี ำนวนบุคลากรท่รี ว่ มดำเนนิ การโครงการมีความเหมาะสมและเพียงพอมี
วัสดอุ ุปกรณ์ เคร่ืองมือเครือ่ งใชใ้ นการดำเนินโครงการที่พอดี
3. ด้านกระบวนการ

ผลการประเมิณดา้ นกระบวนการของโครงการการแปรรปู พริกในรปู แบบขนมพริกทอดเพ่ือ
จำหน่ายเปน็ โครงการการทมี่ ีวางแผนดำเนนิ โครงการมีความเหมาะสมเพราะ การวางแผนงาน เป็นขอ้
สำคญั ที่สุดในการทำงาน ต้องดำเนินการวางแผนให้ละเอยี ดครบถว้ น และ รดั กุมเพราะเป็นสิง่ สำคญั
ท่สี ุดในการดำเนินโครงการ
4.ด้านผลผลติ

ผลการประเมนิ โครงการด้านผลผลิตของโครงการการแปรรปู พริกในรูปแบบขนมพรกิ ทอด
เพอ่ื จำหน่ายเปน็ โครงการการที่สนิ คา้ ทน่ี ำมาจำหน่ายมีคุณภาพเพราะวสั ดุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการทำสนิ ค้า
มคี ณุ ภาพทด่ี ี จงึ เหมาะสมในการจำหนา่ ยสนิ ค้าที่มคี ุณภาพและเจาะกลุ่มลูกค้าได้ดี เพราะกำลงั เป็นท่ี

40

นยิ มและคุณภาพของสินคา้ ตรงตอ่ ความต้องการของผู้บรโิ ภคสินค้ามีคุณภาพ เหมาะสมตอ่ ราคา มี
ความต้องการในวัยรุน่ นักศึกษาท่ปี ระสงค์ต่อการบริโภคสินค้า
ขอ้ เสนอแนะ

นักศึกษาได้มีการเรยี นรู้การทำงานภายในกลุ่มในรูปแบบการทำงานทบ่ี ้าน มีการแบ่งงานตาม
ความเหมาะสมและจดั ทาโครงการไดด้ ีและมีความเหมาะสม สามารถเป็นประโยชนต์ ่อทกุ คนและ
สามารถนามาเป็นแนวทางของโครงการอ่ืนๆได้

41

บรรณานุกรม

Guru การแปรรปู ผลิตภณั ฑ์. “การแปรรูป ” [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก:
https://guru.sanook.com/13943/ [สืบคน้ วันท่ี 9 ตลุ าคม 2564]

ความหมายของธรุ กจิ “ธุรกจิ ”[ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก:
http://www.thaiall.com/business/syllabus.htm [สบื ค้นวันที่ 9 ตลุ าคม 2564]

สุพาดา สิริกุตตา“ต้นทุนการผลิตและแนวคิดเกี่ยวกับต้นทุน” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
http://iknomanagementaccounting.blogspot.com/2010/12/4.html [สืบค้นวันที่ 9 ตุลาคม
2564]

สุนีรตั น์ จนั ทรร์ ัก “แบบจำลองการประเมนิ ผลตาม CIPP Model” [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก
https://www.gotoknow.org/posts/453748 [สืบคน้ วันท่ี 22 ตลุ าคม 2564]

กฤษณี มหาวริ ุฬห “BSC : Balanced Scorecard” [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก
https://www.goodmaterial.co/balanced-scorecard/ [สบื คน้ วนั ท่ี 22 ตลุ าคม 2564]

ธานี ภาคอุทัย “ระบบติดตามและประเมินผลแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ของ UNDP” [ออนไลน์].
เข้าถึงได้จาก http://nlrc.mol.go.th/research/SK47043/01SK47043.pdf [สืบค้นวันที่ 22
ตลุ าคม 2564]

คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “รูปแบบการประเมินของราล์ฟ ดับบลิว ไท”
[ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://nlrc.mol.go.th/research/SK47043/01SK47043.pdf [สืบค้น
วันท่ี 22 ตลุ าคม 2564]

แน่งน้อย ย่านวารี “การวิเคราะห์ข้อมูลในงานวิจัยเชิงคุณภาพ” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก
http://ismbas.blogspot.com/2010/09/blog-post_14.html [สบื คน้ วนั ท่ี 26 ตลุ าคม 2564]

42

ภาคผนวก

43

ภาคผนวก ก

แบบสอบถามของโครงการ

44

แบบประเมนิ
โครงการการแปรรปู พรกิ ในรปู แบบขนมพริกทอดเพ่อื จำหน่าย

คำชแ้ี จง 1. แบบประเมนิ โครงการการแปรรูปพริกในรูปแบบขนมพริกทอดเพอ่ื จำหน่าย มีจำนวน 3
ตอน ดังน้ี
ตอนท่ี 1 เป็นแบบสอบถามข้อมูลทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสัมภาษณ์ได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ การศกึ ษา
และรายได้ โดยให้เลือกตอบในชอ่ งทีก่ ำหนด
ตอนท่ี 2 เป็นแบบสมั ภาษณ์ประเมินโครงการ โดยใชแ้ บบประเมิน CIPP MODEL มี 4 ดา้ น จำนวน
12 ขอ้ ดงั นี้

1. ดา้ นสภาวะด้านแวดล้อม ( Context ) จำนวน 3 ข้อ
2. ด้านปจั จัย ( Input ) จำนวน 3 ข้อ
3. ดา้ นกระบวนการ ( Process ) จำนวน 3 ขอ้
4. ดา้ นผลผลติ ( Product ) จำนวน 3 ขอ้
โดยในท้ัง 4 ด้าน ผู้ตอบสามารถเขยี นได้อย่างอิสระ
ตอนท่ี 3 ปญั หาหรือข้อเสนอแนะเก่ียวกบั การดำเนนิ งานในการจดั ทำโครงการ โดยเป็นแบบ
ปลายเปดิ ให้เลอื กเขยี นบรรยายในการตอบ

45

แบบประเมนิ

โครงการ การแปรรูปพริกในรปู แบบขนมพรกิ ทอดเพอื่ จำหน่าย

ตอนที่1 ขอ้ มูลทวั่ ไป

1. เพศ

ชาย หญิง

2. อายุ ............ ปี

3. อาชีพ เกษตรกร
ไม่ไดป้ ระกอบอาชีพ พนกั งานบริษัทเอกชน /

ข้าราชการ ค้าขาย / ธุรกจิ ส่วนตวั
รฐั วิสาหกจิ อื่นๆ โปรดระบ.ุ ...................

รับจ้าง

นกั เรียน / นักศกึ ษา

4. การศึกษาสูงสุด

ต่ำกวา่ ประถมศึกษา ประถมศกึ ษา
มัธยมศึกษาตอนปลาย /ปวช.
มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ปริญญาตรี

อนุปริญญา / ปวส. 10,001-20,000 บาท
30,001-40,000 บาท
สูงกวา่ ปริญญาตรี

5. รายได้

ต่ำกวา่ 10,000 บาท
20,001-30,000 บาท
มากกว่า 40,000 บาท


Click to View FlipBook Version