6. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเติมว่า“การรวบรวมขอ้ มูลและแนวคดิ ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
คณติ ศาสตร์ทีเ่ กย่ี วข้องกบั แนวทางการแก้ปญั หาและประเมนิ ความเปน็ ไปได้ ขอ้ ดีและข้อจำกัด
สามารถทำไดห้ ลายวิธี เชน่ การรวบรวมขอ้ มลู จากหนังสอื วารสาร การสืบคน้ จากบทความ
วิชาการ บทความวจิ ยั ทฤษฏีต่าง ๆ การสมั ภาษณ์ ระดมสมองหาความคดิ สืบคน้ จาก
อนิ เตอร์เน็ต เป็นต้น”
ชัว่ โมงท่ี 3
ขั้นท่ี 4 ข้นั แสวงหาความรู้
7. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดิม) เพื่อเก็บรวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดท่ีเกยี่ วข้องกับโครงงานสะเต็ม
ตามหัวข้อเร่ืองท่ีนักเรียนสนใจ ด้วยวธิ ีการต่าง ๆ และตอบบันทกึ ข้อมูลลงในใบงานที่ 2.3.2
เรื่อง การรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่ีเกี่ยวข้อง จากน้ันให้แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมา
นำเสนอวธิ กี ารเกบ็ รวบรวมข้อมลู และขอ้ มลู ทไี่ ด้หน้าช้นั เรียน
8. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ กบั นักเรยี นว่า“ข้ันตอนน้เี ป็นขนั้ ตอนทสี่ ำคญั มาก นำไปสกู่ ารไดว้ ิธีการ
แกป้ ญั หา และถือวา่ เปน็ ช่องทางของการบูรณาการความรู้ทงั้ 4 ด้าน ได้แก่ ความรู้ทาง
วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer) และ
คณิตศาสตร์(Mathematics) ไดด้ ที ีส่ ดุ ”
9. ครูอธิบายเกรด็ ความรู้ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั เน้อื หา (Design Focus) เรื่อง แผงวงจรหลัก IPST-SE
ของชดุ กล่องสมองกลว่า“แผงวงจรหลกั IPST-SE เป็นอุปกรณ์หลกั ท่ใี ชใ้ นการเรียนรู้กล่อง
สมองกลคือชุดกล่องสมองกล IPST-MicroBox(SE) เปน็ แผงทีว่ งจรหลกั ชอ่ื IPST-SE มหี นา้ ตา
แสดงดังรปู พร้อมคำอธบิ ายของส่วนประกอบตา่ ง ๆ แผงวงจร IPST-SE เปน็ แผงวงจรขนาด
เล็กทีม่ ีไมโครคอนโทรลเลอร์เบอร์ ATmega644P เปน็ หัวใจหลักในการควบคุมการทำงาน
โดยตวั ควบคมุ หลักหรือไมโ่ ครคอนโทรลเลอร์ไดร้ ับการโปรแกรมผา่ นทางพอรต์ USB ดว้ ย
ซอฟต์แวร์ Wiring IDE 1.0”
10. นักเรยี นศึกษาและพจิ ารณาแผนผงั แนวคดิ ของโครงงานสะเต็มเรอื่ ง กงั หนั ลมผลิตไฟฟ้า จาก
หนังสอื เรียน
ช่วั โมงท่ี 4
ข้ันที่ 4 ขน้ั แสวงหาความรู้
11. นักเรียนศกึ ษาเน้ือหาเก่ยี วกบั การออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหาจากหนงั สอื เรียน โดยนักเรยี น
อาจจะศกึ ษาการออกแบบวิธีการแก้ปัญหาจากตัวอย่างท่ี 3 ในหนงั สือเรียน
12. ครูอธิบายเพ่ิมเติมกับนกั เรยี นวา่ “หลงั จากรวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ในการแกป้ ัญหาเสร็จ
เรียบร้อยแล้ว ใหท้ ำการเลือกแนวคิดทีด่ ีที่สุด และออกแบบวิธแี ก้ปัญหาโดยประยกุ ต์ใช้
กระบวนการออกแบบทางวิศวกรรมหรอื วธิ ีการในการแก้ปัญหา โดยคำนึงถึงทรพั ยากร
ข้อจำกดั และเงื่อนไขตามสถานการณ์ท่ีกำหนด พร้อมระบุตัวแปรตน้ ตัวแปรตาม และ
ตวั แปรควบคมุ ให้ชดั เจน”
ชัว่ โมงที่ 5
ข้นั ที่ 4 ขนั้ แสวงหาความรู้
13. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม (กลมุ่ เดมิ ) เพื่อระดมความคดิ เห็นในการออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหาโครงงาน
สะเต็มตามหวั ขอ้ เรื่องทน่ี ักเรียนสนใจ และตอบคำถามลงในใบงานที่ 2.3.3 เรื่อง ออกแบบวธิ ี
การแก้ปญั หา จากนน้ั ใหแ้ ต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอการออกแบบวธิ กี ารแก้ปญั หา
หน้าชน้ั เรยี น
14. ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรยี นว่า“การนำขั้นตอนของวิศวกรรมการออกแบบมาใชแ้ ก้ปัญหา
ชว่ ยเพมิ่ การทำงานให้มปี ระสิทธภิ าพ และยังทำให้ทราบถึงความกา้ วหน้าของงานทก่ี ำลงั ทำอยู่
ได้ โดยกระบวนการย้อนกลบั ทำให้เราได้ทบทวนส่ิงที่กำลังปฏบิ ตั วิ ่ามที ิศทางตรงตามเป้าหมาย
ท่วี างไว้หรอื ไม่”
15. นกั เรยี นสงั เกตภาพรูปทรงของใบพัดกงั หันลมรูปแบบต่าง ๆ และภาพแผงวงจร IPST Link ที่
ใช้เช่อื มตอ่ ข้อมลู จากหนังสือเรียน
16. นกั เรยี นศึกษาเกร็ดเสรมิ ความร้ทู ่เี กี่ยวข้องกับเนื้อหา (Design Focus) เร่อื ง วศิ วกรรมการ
ออกแบบในชวี ติ จริงวา่ “การนำข้ันตอนของวิศวกรรมการออกแบบมาใช้ในชวี ติ จริง ทำให้เรา
สามารถทำงานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใชท้ ้ังท่เี ป็นตัวบคุ คลหรือ
องค์กรเพ่ือเพ่ิมประสิทธภิ าพในการทำงาน และยังทำใหท้ ราบถึงความก้าวหน้าของงานท่ีทำอยู่
ได้ โดยกระบวนการยอ้ นกลบั ยังทำให้เราไดท้ บทวนถึงสงิ่ ที่กำลังปฏบิ ตั ิ ซ่งึ มีทิศทางตรงตาม
เป้าหมายที่วางไวห้ รือไม่ ทั้งนี้การทำงานโดยวศิ วกรรมการออกแบบในชวี ิตจรงิ ยังไมป่ จั จัยอืน่
เข้ามาเก่ยี วข้องระหว่างการดำเนนิ งาน ดงั น้ันจงึ ยังมีสิง่ ที่ต้องเรยี นรู้อีกมากจากการลงมือปฏบิ ัติ
ในชวี ิตจริง เชน่ การทำงานกับคนจำนวนมาก ความสามารถในการทำงานแต่ละบุคคล เวลาท่ี
ถูกกำหนด ซึง่ การลงมอื ปฏิบัตใิ นชีวิตจรงิ ยังเปน็ การเพม่ิ พูนประสบกรณเ์ พื่อที่จะสามารถนำ
ขัน้ ตอนของวศิ วกรรมการออกแบบไปใช้ให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสุด”
ชั่วโมงที่ 6
ขัน้ ที่ 4 ขัน้ แสวงหาความรู้
17. นักเรียนศกึ ษาเนื้อหาเกยี่ วกับการวางแผนและดำเนินการแกป้ ัญหาจากหนังสือเรยี น
โดยนกั เรียนอาจจะศกึ ษาการออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หาจากตวั อย่างท่ี 4 ในหนังสือเรียน
18. ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ กบั นักเรยี นวา่ “ขนั้ ตอนการวางแผนและดำเนนิ การแก้ปญั หาเปน็ ข้นั ตอนการ
สรา้ งชิน้ งานหรอื พัฒนาวิธีการทใี่ ช้ในการแกไ้ ขปญั หา”
19. นักเรียนศกึ ษาความรู้เพิ่มเตมิ เกยี่ วกบั ขนั้ ตอนการประกอบกังหันกับอปุ กรณ์ IPST Link
จากหนงั สอื เรียน
ช่ัวโมงท่ี 7
ขั้นที่ 4 ข้ันแสวงหาความรู้
20. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม (กล่มุ เดิม) เพ่ือร่วมกนั วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหาโครงงานสะเต็ม
ตามหัวข้อเร่ืองทนี่ ักเรียนสนใจ และตอบคำถามลงในใบงานท่ี 2.3.4 เรื่อง การวางแผนและ
ดำเนนิ การแกป้ ัญหา จากนน้ั ให้นกั เรยี นแต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนออกมานำเสนอการวางแผนและ
ดำเนนิ การแกป้ ัญหาหนา้ ชนั้ เรียน
ขั้นที่ 4 ขน้ั แสวงหาความรู้ ชั่วโมงที่ 8
21. นักเรียนศึกษาเนื้อหาเกีย่ วกับการทดสอบ ประเมนิ ผลและปรับปรงุ แก้ไขวธิ ีการแก้ปัญหาหรอื
ช้นิ งานจากหนังสือเรียน
22. ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ กบั นกั เรียนว่า“ในขนั้ ตอนนี้ผลทไี่ ด้อาจนำมาใช้ในการปรบั ปรงุ และพัฒนาให้
มีประสิทธภิ าพในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสมทีส่ ุด”
23. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มเดมิ ) เพ่ือร่วมกนั ทดสอบ ประเมินผลและปรบั ปรุงแกไ้ ขวิธีการ
แกป้ ญั หาโครงงานสะเต็มตามหัวข้อเรอื่ งทน่ี กั เรียนสนใจ และตอบคำถามลงใน
ใบงานท่ี 2.3.5 เร่ือง ทดสอบ ประเมินผลและปรบั ปรุงแก้ไขวธิ ีการแก้ปญั หา จากนั้นให้
นกั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรยี น
24. ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ กับนกั เรียนว่า“ในข้นั ตอนนี้ผลทีไ่ ด้อาจนำมาใช้ในการปรบั ปรุงและพฒั นาให้
มปี ระสิทธิภาพในการแกป้ ญั หาได้อย่างเหมาะสมทสี่ ดุ ”
ชั่วโมงท่ี 9
ข้ันที่ 4 ข้นั แสวงหาความรู้
25. นักเรยี นศกึ ษาเน้ือหาเกี่ยวกบั การนำเสนอวธิ กี ารแกป้ ญั หา ผลการแก้ปญั หาหรือชิน้ งาน
จากหนงั สือเรียน
26. ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ กบั นักเรียนวา่ “การนำเสนอแนวคดิ และข้ันตอนการแก้ปัญหาของการสร้าง
ช้ินงานหรอื การพฒั นาวิธีการให้ผูอ้ น่ื เขา้ ใจและไดข้ ้อเสนอแนะเพื่อการพฒั นาต่อไป”
27. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม (กลมุ่ เดมิ ) เพือ่ เตรยี มความพร้อมในการนำเสนอวธิ ีการแก้ปัญหา ผลการ
แกป้ ญั หาหรือชิ้นงาน โครงงานสะเต็มตามหัวข้อเร่ืองทน่ี ักเรยี นสนใจ และตอบคำถามลงใน
ใบงานท่ี 2.3.6 เรอ่ื ง นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแกป้ ัญหา จากนั้นใหน้ ักเรยี นแต่ละ
กลุ่มส่งตวั แทนออกมานำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น
28. ครูอธบิ ายเพิ่มเติมกับนักเรียนวา่ “เม่ือปรบั ปรุงชิ้นงานเสรจ็ แล้วควรทดสอบผลหาประสทิ ธภิ าพ
จากตัวแปรทก่ี ำหนด และสรุปอภปิ รายผลการทดสอบ”
ชว่ั โมงที่ 10
ขั้นท่ี 5 ขั้นสรุปสิ่งทเ่ี รยี นรู้
29. ครูถามคำถามกระต้นุ ความคิดของนักเรียนว่า“การทำโครงงานสะเตม็ ศึกษาทน่ี ักเรยี นได้ลง
มอื ปฏบิ ัตปิ ระกอบดว้ ยขัน้ ตอนการทำโครงงานก่ขี ั้นตอนประกอบด้วยอะไรบา้ ง”
(แนวตอบ : ขั้นตอนการทำโครงงานสะเต็มศึกษาประกอบด้วย 6 ขัน้ คือ
ข้นั ตอนท่ี 1 ระบปุ ญั หาในชีวิตจริงหรอื นวตั กรรมท่ีตอ้ งการพฒั นา
ข้นั ตอนท่ี 2 รวบรวมขอ้ มูลและแนวคดิ ทีเ่ ก่ยี วข้อง
ขัน้ ตอนท่ี 3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา
ขน้ั ตอนท่ี 4 วางแผนและดำเนินการแกป้ ัญหา
ข้ันตอนท่ี 5 ทดสอบ ประเมนิ ผล และปรับปรงุ แก้ไขวธิ กี ารแก้ปัญหาหรือชน้ิ งาน
ขนั้ ตอนท่ี 6 นำเสนอวธิ ีการแก้ปญั หา ผลการแก้ปญั หาหรือชน้ิ งาน)
ขัน้ ที่ 6 ขนั้ นำเสนอผลงาน
30. เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานหน้าชนั้ เรียนโดยครกู ำหนดเวลาใหต้ าม
ความเหมาะสม โดยครแู ละเพ่ือนร่วมชน้ั รว่ มกนั ประเมินผลจากการนำเสนอผลงานของ
นักเรียนแต่ละกลุ่ม
Note
วตั ถปุ ระสงคข์ องกิจกรรมเพอื่ ให้นักเรียน
- มีทักษะการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกล่มุ ในการทำงานหรือการทำ
กิจกรรมเพอื่ ให้เกดิ การส่อื สารและแลกเปล่ียนข้อมลู ร่วมกันภายในกลุม่
- มที ักษะการสืบคน้ ข้อมูล โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะคนสบื ค้นข้อมูลจากอนิ เทอรเ์ นต็
เพอ่ื สบื เสาะหาความร้ตู ามหัวข้อท่ีไดร้ บั มอบหมาย
- มที ักษะการสังเกต โดยให้นักเรียนสงั เกตตารางเปรียบเทียบแนวปฏบิ ตั ิทาง
วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และคณติ ศาสตร์จากหนังสือเรยี น
เพอื่ นำไปปรับใชใ้ นการเรยี นได้อยา่ งเหมาะสม
- มที กั ษะการคดิ วเิ คราะห์ โดยให้นกั เรียนพจิ ารณาเน้ือหาจากการสืบคน้ หรือศึกษา
ข้อมลู จากแหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ เชน่ หนังสือเรยี น อนิ เทอรเ์ น็ต เป็นตน้
ข้นั สรุป
1. เปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสยั โดยครูให้ความรู้เพม่ิ เตมิ ตามความเหมาะสม
2. นักเรียนและครูร่วมกันสรปุ เก่ียวกบั การจัดทำโครงงานสะเต็ม
3. นกั เรยี นแต่ละคนทำกจิ กรรมทส่ี อดคล้องกบั เน้อื หาโดยผเู้ รียนฝกึ ปฏบิ ตั เิ พื่อพัฒนาความรู้และ
ทกั ษะ (Design Activity)
4. นกั เรยี นแต่ละคนทำแบบฝกึ หัด (Unit Question) ทบทวนความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาทักษะ
การคดิ ของผู้เรียน โดยการตอบคำถามเพื่อพัฒนาความรู้เกี่ยวกบั โครงงานการออกแบบและ
เทคโนโลยีลงในสมุดประจำตัว
5. นักเรยี นตรวจสอบระดับความสามารถของตนเองจากหนงั สือเรยี น โดยพจิ ารณาขอ้ ความว่าถูก
หรอื ผิด หากนกั เรยี นพจิ ารณาข้อความไม่ถูกตอ้ งใหน้ กั เรียนกลบั ไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อ
ทีก่ ำหนดให้
6. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 2 เร่อื ง โครงงานการออกแบบและ
เทคโนโลยีเพ่ือวดั ความรู้ทนี่ ักเรียนไดร้ บั หลังจากผา่ นการเรียนรู้
7. นกั เรยี นทำช้ินงาน/ภาระงาน(รวบยอด) เรื่อง โครงงานการออกแบบและเทคโนโลยเี ป็นการบา้ น
และนำมาส่งในชวั่ โมงถัดไป
7. การวดั และประเมนิ ผล วิธีวัด เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน
รายการวดั - ตรวจใบงานที่ 2.3.1 - ใบงานท่ี 2.3.1 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
7.1 ประเมินระหว่างการจัดกิจกรรม - ตรวจใบงานท่ี 2.3.2 - ใบงานท่ี 2.3.2 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การเรียนรู้
1) การระบปุ ัญหา
2) การรวบรวมข้อมลู
และแนวคิดทเ่ี ก่ียวข้อง
3) ออกแบบวธิ ีการ - ตรวจใบงานที่ 2.3.3 - ใบงานท่ี 2.3.3 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
แกป้ ญั หา - ตรวจใบงานที่ 2.3.4 - ใบงานที่ 2.3.4 ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- ตรวจใบงานที่ 2.3.5 - ใบงานท่ี 2.3.5 ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
4) วางแผนและดำเนนิ การ
แกป้ ัญหา - ตรวจใบงานท่ี 2.3.6 - ใบงานท่ี 2.3.6 รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
5) ทดสอบ ประเมินผลและ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ ระดับคุณภาพ 2
ปรบั ปรงุ แกไ้ ขวธิ ีการ ผลงาน นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
แก้ปญั หา
- สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ 2
6) นำเสนอวธิ กี ารแก้ปญั หา การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
ผลการแกป้ ัญหา
- สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ 2
7) การนำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
8) พฤติกรรมการทำงาน
รายบคุ คล
9) พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม
การทำงานกลมุ่ การทำงานกลุ่ม
10) คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ - สังเกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 2
คณุ ลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
ความรับผิดชอบ อันพงึ ประสงค์
ประเมนิ ตามสภาพจริง
ใฝเ่ รยี นรู้ และม่งุ มนั่ - แบบทดสอบหลังเรยี น
ในการทำงาน
7.2 การประเมินหลังเรียน
1) แบบทดสอบหลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 หลงั เรียน
เร่ือง โครงงานการออกแบบ
และเทคโนโลยี
รายการวดั วธิ ีวัด เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน
- ตรวจชิน้ งาน/ภาระ - แบบประเมนิ ชิน้ งาน ระดับคุณภาพ 2
2) การประเมนิ ชิ้นงาน งาน (รวบยอด) /ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์
/ภาระงาน (รวบยอด)
เรอื่ ง โครงงานการออกแบบ
และเทคโนโลยี
8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ม.5 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 2
เรื่อง โครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี
2) ใบงานที่ 2.3.1 เรอ่ื ง การระบุปัญหา
3) ใบงานที่ 2.3.2 เรอ่ื ง การรวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
4) ใบงานที่ 2.3.3 เรอ่ื ง ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา
5) ใบงานที่ 2.3.4 เรื่อง วางแผนและดำเนนิ การแก้ปัญหา
6) ใบงานที่ 2.3.5 เร่ือง ทดสอบ ประเมนิ ผลและปรับปรุงแก้ไขวิธีการแก้ปัญหา
7) ใบงานที่ 2.3.6 เรื่อง นำเสนอวิธกี ารแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ัญหา
8) เครื่องคอมพวิ เตอร์
8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งคอมพิวเตอร์
2) อินเทอร์เนต็
ใบงานที่ 2.3.1
การระบปุ ญั หา
คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนออกแบบโครงงานสะเต็มเก่ยี วกบั เร่ืองทส่ี นใจในขน้ั ตอนการระบปุ ัญหา โดยตอบคำถาม
ดงั น้ีตอ่ ไปนี้
1. โครงงานสะเต็ม เรื่อง …………………………………………………………………………………………………………………..…
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. วัตถุประสงค์ของโครงการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. ความรทู้ ีต่ ้องศึกษาเพม่ิ เติม
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 2.3.1 เฉลย
การระบุปญั หา
คำชี้แจง : ให้นักเรียนออกแบบโครงงานสะเต็มเก่ยี วกับเร่ืองท่ีสนใจในข้ันตอนการระบุปัญหา โดยตอบคำถาม
ดงั นต้ี อ่ ไปน้ี
1. โครงงานสะเต็ม เร่อื ง การสรา้ งและทดสอบกงั หนั ลมแกนนอนขนาดเล็ก
2. ทม่ี าและความสำคัญของโครงงาน
พลังงานลมถูกนำไปใชใ้ นการแล่นเรือและเป็นกงั หนั ลมในการถ่ายทอดพลงั งาน ซง่ึ แบ่งออกเปน็ 2
ชนดิ คอื กงั หนั ลมแกนตัง้ และกังหันลมแกนนอน โดยกังหันลมสามารถเปลย่ี นเปน็ พลังงานไฟฟ้าโดยการใช้
พลงั งานลมในการหมุนไดนาโมหรอื เครื่องกำเนิดไฟฟา้ ให้เกิดเปน็ พลงั งานไฟฟ้า ในการทดลองจะทำการ
สรา้ งกงั หันลมขนาดเล็กสามารถใชร้ ว่ มกบั ชุดแผงวงจร IPST Link ซึ่งเป็นชดุ อปุ กรณ์ที่ใช้ประกอบกบั การ
เขยี นโปรแกรม Scratch ทีส่ ามารถนำไปสรา้ งชิ้นงานทบ่ี ูรณาการกับวิชาวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
คณติ ศาสตร์ได้
3. วัตถปุ ระสงค์ของโครงการ
1. เพอื่ ศึกษาการออกแบบกังหนั ลมแกนนอนขนาดเล็ก
2. เพื่อศึกษาปจั จัยท่มี ีผลต่อประสทิ ธิภาพการผลิตพลงั งานไฟฟ้าของกงั หันลมแกนนอนขนาดเล็ก
ทงั้ จำนวนใบพดั และรูปแบบของใบพดั ของกังหนั ลมแกนนอนขนาดเล็ก
4. ความรทู้ ต่ี ้องศกึ ษาเพม่ิ เติม
1. ความรู้เรื่องกงั หนั ลม
2. ความรู้เรื่องชดุ แผงวงจร IPST Link
3. ความรูเ้ รอื่ งโปรแกรม Scratch และสคริปตช์ ดุ คำสงั่
4. ความรเู้ รอ่ื งไดนาโมหรือเครอ่ื งกำเนิดไฟฟ้าพลงั งานจลน์
ใบงานท่ี 2.3.2
การรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่เี ก่ียวขอ้ ง
คำช้ีแจง : ใหน้ กั เรยี นออกแบบโครงงานสะเต็มในขัน้ ตอนการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดทเ่ี กย่ี วข้อง
โดยตอบคำถาม ดังตอ่ ไปน้ี
1. จงบอกวิธกี ารรวบรวมข้อมูลความรู้ว่าขอ้ มูลทีไ่ ด้รวบรวมมาอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ขอ้ มลู ความรู้ทีเ่ กี่ยวข้องกับปญั หา (อธบิ ายโดยละเอียด)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 2.3.2 เฉลย
การรวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดท่ีเกยี่ วขอ้ ง
คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นออกแบบโครงงานสะเต็มในขนั้ ตอนการรวบรวมข้อมูลและแนวคดิ ท่ีเกีย่ วข้อง
โดยตอบคำถาม ดังตอ่ ไปน้ี
1. จงบอกวธิ ีการรวบรวมขอ้ มูลความรู้ว่าขอ้ มูลท่ีไดร้ วบรวมมาอยา่ งไร
1. รวบรวมขอ้ มลู จากหนังสือ วารสารต่างๆ
2. สำรวจตวั อย่างในทอ้ งตลาด
3. สมั ภาษณพ์ ดู คุยกบั คนอื่น
4. ระดมสมองหาความคิด
5. สืบค้นจากอนิ เทอร์เน็ต และจากแผ่นซีดเี สรมิ ความรู้
2. ขอ้ มูลความรู้ที่เกี่ยวข้องกบั ปญั หา (อธบิ ายโดยละเอียด)
ข้อมูลท่ี 1 ความรู้เรอื่ งกังหันลม
กงั หันลมเปน็ เครื่องจักรกลอย่างหน่งึ ท่สี ามารถรบั พลังงานจลนจ์ ากการเคลื่อนท่ีของลมแล้ว
เปลี่ยนเปน็ พลงั งานกลได้ จากนัน้ จึงนำพลังงานกลมาใช้ประโยชน์ เช่น ใชใ้ นการสูบน้ำ การผลติ พลังงาน
ไฟฟ้า โดยในการใชพ้ ลังงานลมเพื่อการผลิตไฟฟา้ จะต้องมีความเรว็ ลมสมำ่ เสมอ หรือมีกำลังลมเฉล่ยี ท้งั ปี
ไม่นอ้ ยกวา่ ระดับ 6:4-70 เมตรต่อวินาที ท่คี วามสงู 50 เมตร จึงจะสามารถผลิตไฟฟ้าจากกังหนั ลมได้ดี ซง่ึ
กังหนั ลมสามารถจำแนกตามลักษณะแนวแกนหมนุ ของกังหันจะได้ 2 แบบ คอื กังหันลมแนวแกนนอน
(Horizontal Axis Wind Turbine) และกังหันลมแนวแกนตง้ั (Vertical Axis Wind Turbine)
ปจั จยั ทีม่ ผี ลต่อการออกแบบกงั หนั ลมแกนนอนเพ่อื ผลติ ไฟฟ้า มี 2 ประการได้แก่ จำนวนใบและ
รปู แบบหรอื รปู ทรงของใบ
1.1) จำนวนใบ ถ้าหากจำนวนใบของกงั หนั ลมย่ิงมีจำนวนมาก จะทำให้พื้นท่ีของใบมาก
ขึ้นและจะตา้ นทานการหมนุ ของกังหันสง่ ผลให้ความเร็วรอบของกงั หนั ลดลง แตจ่ ะสร้างกำลังได้มาก
1.2) รปู แบบหรอื รูปทรงของใบกงั หันลม หากทำการออกแบบให้ใบกงั หันลมมรี ปู ทรง
เสมอกนั ต้ังแต่โคนจนถึงปลายของใบกังหนั ลมหรือปลายใบกงั หนั ลมใหญ่กวา่ โคนใบกงั หันลมพ้ืนทใ่ี นการรบั
ลมมมี าก เหมาะสำหรบั การฉุดเครอื่ งสูบนำ้ ในทางการเกษตร และหากออกแบบรูปทรงใบกังหันลมแบบ
โคนใบใหญ่กวา่ ปลายใบกงั หนั ความเร็วลมจะมาก เหมาะสำหรบั การผลติ กระแสไฟฟา้
ขอ้ มูลที่ 2 ความรเู้ รอื่ งโปรแกรม Scratch และสคริปต์ชุดคำสัง่
โปรแกรม Scratch คอื โปรแกรมภาษา ท่ผี ู้เรยี นสามารถสร้างชน้ิ งานได้อย่างง่ายเช่น นทิ านที่
สามารถโตต้ อบกับผู้อ่านได้ ภาพเคลื่อนไหว เกมดนตรี และศลิ ปะ และเม่อื สรา้ งเป็นชิ้นงานเสร็จ
แล้วสามารถนำช้ินงานทสี่ ร้างสรรคน์ ี้ แสดง และแลกเปล่ียนความคิดเหน็ รว่ มกบั ผอู้ น่ื บนเวบ็ ไซตไ์ ด้
ทำใหผ้ ูเ้ รียนไดเ้ รยี นรู้หลกั การทางคณิตศาสตร์ และแนวคิดการโปรแกรมไปพร้อมๆ กบั การคดิ อย่าง
สรา้ งสรรค์ มเี หตผุ ลเป็นระบบ และเกิดการทำงานรว่ มกนั
สครปิ ต์ คือชุดคำสัง่ สำหรบั ตัวละครหรือเวที เพื่อส่ังใหต้ วั ละครหรือเวทีทำงานตามวัตถุประสงค์ท่ี
ตอ้ งการโดยการเลือกสครปิ ต์จากกลุ่มบล็อก ซึง่ แบง่ เปน็ กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มบลอ็ ก การทำงาน
Motion การเคล่อื นไหว เช่น เคลื่อนที่ไปข้างหน้า หมุนไปทางซา้ ยหรือขวา
Control การควบคุม เชน่ การวนซำ้ การตรวจสอบเงอ่ื นไข
Looks การแสดง เช่น พูด คดิ เปลีย่ นขนาด
Sensing การรับรู้ เช่น สัมผสั กบั ขอบ คลกิ เมาส์ จบั เวลา
Sound การแสดงเสียง เช่น เล่นเสียงสตั ว์ กลอง โน้ต
Operators ตัวดำเนินการ เช่น บวก และ หรอื
Pen ปากกา เชน่ ยกปากกาขึน้ ต้ังค่าสปี ากกา
Variable ตวั แปร เชน่ สร้างค่าตวั แปร
ข้อมูลท่ี 3 ความร้เู ร่ืองชุดแผงวงจร IPST Link
เปน็ แผงวงจรสำหรบั การควบคุมหลักมีไมโครคอนโทรลเลอร์เบอร์ ATmega644P เป็นหัวใจใน
การควบคมุ การทำงานโดยการเขยี นโปรแกรม จะทำงานผา่ นคอมพิวเตอรด์ ้วยโปรแกรมภาษา
C/C++ จากซอฟต์แวร์ Arduino IDE สง่ ขอ้ มลู มายังตวั บอร์ดดว้ ยพอร์ต USB บนแผงวงจรควบคมุ น้ี
มีจดุ ตอ่ เพอื่ รบั สัญญาณจากตัวตรวจจบั ภายนอกทั้งแบบแอนะลอ็ กและดิจิทลั เพอื่ ชว่ ยให้แผงวงจร
สามารถรบั ข้อมูลจากส่งิ แวดล้อม เช่น แสง อณุ หภูมิ ระยะหา่ งจากวัตถขุ องตัวตรวจจับ เปน็ ตน้
นอกจากน้นั ยงั มีจุดต่อเพอ่ื ส่งสญั ญาณออกไปควบคมุ อปุ กรณ์ภายนอก เช่น ไดโอดเปล่งแสง ลำโพง
มอเตอรไ์ ฟฟ้ากระแสตรง และเซอรโ์ วมอเตอร์ ในดา้ นการแสดงผล แผงวงจร IPST-SE มจี อแสดงผล
แบบกราฟกิ LCD สี ขนาด 1.8 นิว้ ในตัว มีความละเอียด 128 x 160 จดุ แสดงตวั อกั ษรได้สูงสุด 21
ตวั อกั ษร 16 บรรทัด แสดงภาพกราฟิกสีได้ และเลือกทศิ ทางในการแสดงผลได้
ข้อมูลท่ี 4 ความร้เู รอ่ื งไดนาโมหรอื เครื่องกำเนดิ ไฟฟ้าพลังงานจลน์
ไดนาโม (Dynamo) หรอื เคร่ืองกำเนิดไฟฟ้าพลังงานจลน์คืออุปกรณ์ทเ่ี ปลี่ยนพลังงานจลน์ให้
เป็นพลงั งานไฟฟา้ โดยอาศัยหลกั การ คือ ให้ขดลวดเหน่ียวนำเคล่อื นที่ตดั สนามแม่เหล็ก ทำใหเ้ กิด
กระแสไฟฟา้ เคล่ือนทใี่ นขดลวดตัวนำได้ ซง่ึ ไดนาโมจะทำงานตรงกนั ขา้ มกับมอเตอร์ คือมอเตอร์ จะ
ทำหนา้ ท่เี ปลี่ยนพลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลังงานจลน์ ไดนาโมถกู นำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่างๆ
เช่น เคร่อื งกำเนิดไฟฟ้าตดิ รถยนต์ เพื่อจา่ ยไฟฟ้ากระแสตรงให้กับรถยนต์ เคร่อื งกำเนดิ ไฟฟ้า
พลังงานลมจากกังหนั ลม เป็นต้น
ใบงานท่ี 2.3.3
ออกแบบวิธีการแกป้ ญั หา
คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นออกแบบโครงงานสะเต็มในข้ันตอนออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หา โดยตอบคำถาม ดังต่อไปน้ี
1. แผนผงั กรอบแนวคิดของโครงงานสะเต็ม (STEM) T : เทคโนโลยี
S : วิทยาศาสตร์ ...............................................................
...............................................................
............................................................... ..............................................................
...............................................................
...............................................................
................................
M : คณติ ศาสตร์ E : วิศวกรรมศาสตร์
............................................................... ...............................................................
............................................................... ...............................................................
.............................................................. ..............................................................
2. ตวั แปรทศี่ กึ ษา
1) ตัวแปรต้น คือ……………………………………………………………………………………………………………..............
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
2) ตวั แปรตาม คือ ……….………………………………………………………………………………………………..................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3) ตวั แปรควบคุม คอื …………………………………………………………………………………………..……….....................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ขน้ั ตอนการออกแบบวิธีแกป้ ัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 2.3.3 เฉลย
ออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหา
คำช้แี จง : ให้นักเรยี นออกแบบโครงงานสะเต็มในขั้นตอนออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา โดยตอบคำถาม ดังต่อไปนี้
1. แผนผงั กรอบแนวคดิ ของโครงงานสะเต็ม (STEM)
S : วทิ ยาศาสตร์ T : เทคโนโลยี
การเปลย่ี นพลงั งานกลเป็นพลงั งานไฟฟ้า โปรแกรม Scratch
แผงวงจร IPST Link
กังหันลมผลติ ไฟฟา้ ทักษะการสรา้ งชน้ิ งาน
M : คณิตศาสตร์ E : วศิ วกรรมศาสตร์
- ประพจนแ์ ละตวั เช่อื ม กระบวนการออกแบบเชิงวศิ วกรรม
- การนาเสนอขอ้ มูลเชงิ คณุ ภาพและปริมาณ
- การวเิ คราะห์และแปลความหมายผลลัพธ์ (การออกแบบและสรา้ งกังหันลมผลิตไฟฟ้า
ไดม้ ากท่ีสดุ )
2. ตัวแปรท่ีศึกษา
1) ตัวแปรต้น คอื ………-…จ…ำ…น…วน…ใ…บพ…ดั…………………………………………………………………………………...............
………………………………-…ร…ูปท…ร…ง…ขอ…ง…ใบ…พ…ดั …ก…ังห…ัน…ล…ม……………………………………………………………………………
2) ตวั แปรตาม คือ ………พ.…ล…ังง…าน…ไ…ฟ…ฟ…้า……………………………………………………………………………..................
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3) ตัวแปรควบคมุ คอื ……-…ค…ว…าม…เ…รว็…ล…ม…………………………………………………………………..………...................
……………………………………- ร…ะ…ย…ะห…่า…ง…ใน…ก…าร…ว…าง…ก…ังห…นั…ล…ม………………………………………………………………………
3. ข้ันตอนการออกแบบวธิ แี กป้ ัญหา
………1)……ออ…ก…แ…บ…บ…ใบ…พ…ดั …ขอ…ง…ก…ังห…ัน…ล…ม…แ…นว…น…อ…น…แบ…บ……3…แ…บ…บ…ค…ือ…………………………………………………………………
……………แบ…บ……A…ใ…บ…พ…ดั จ…า…ก…กร…ะ…ด…าษ…แ…ข…็ง…………………………………………………………………………………………………
……………แบ…บ……B…ใ…บ…พ…ัดพ…ล…า…ส…ติก……แบ…บ……3…ใบ……(ใ…บ…ให…ญ…)่ ………………………………………………………………………………
……………แบ…บ……C…ใ…บ…พ…ดั พ…ล…า…ส…ติก……แ…บบ……3…ใบ……(ใ…บ…เล…ก็ …) ………………………………………………………………………………
………2)…อ…อ…ก…แบ…บ…โ…ป…รแ…ก…ร…มน…ำ…เส…น…อ…พ…ล…งั ง…าน…ไ…ฟ…ฟ…า้ จ…า…ก…กัง…ห…นั …ล…ม…………………………………………………………………
……………เพ…อ่ื …ต…่อเ…ข…้าก…บั …ช…ดุ …แผ…ง…วง…จ…ร…IP…S…T…L…in…k…………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 2.3.4
วางแผนและดำเนนิ การแกป้ ญั หา
คำชีแ้ จง : ใหน้ กั เรียนออกแบบโครงงานสะเต็มในขัน้ ตอนวางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา โดยตอบคำถาม
ดงั ตอ่ ไปนี้
1. รายการวสั ดุอุปกรณ์ทีใ่ ชใ้ นโครงงาน จำนวนต่อกลุ่ม
ที่ รายการ
-
2. ข้นั ตอนการดำเนนิ งาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 2.3.4 เฉลย
วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา
คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นออกแบบโครงงานสะเต็มในขน้ั ตอนวางแผนและดำเนนิ การแกป้ ญั หา โดยตอบคำถาม
ดงั ต่อไปน้ี
1. รายการวสั ดุอปุ กรณ์ที่ใช้ในโครงงาน
ท่ี รายการ จำนวนต่อกลมุ่
1 ชดุ อปุ กรณ์ IPST Link 1 ชดุ
2 คอมพิวเตอร์ทตี่ ิดตัง้ โปรแกรม Scratch และโปรแกรมวดั พลงั งาน 1 เคร่ือง
ไฟฟา้ stdWindpower.sb
3 สายตอ่ UCON-2F สำหรบั เช่อื มต่อกบั คอมพวิ เตอร์ ผา่ นพอร์ต 1 เส้น
USB
4 ไดนาโมขนาดเล็ก 1 ตวั
5 ใบพัด 3 แบบ 1 ชดุ
แบบ A ใบพัดจากกระดาษแขง็
แบบ B ใบพดั พลาสตกิ แบบ 3 ใบ (ใบใหญ)่
แบบ C ใบพดั พลาสติก แบบ 3 ใบ (ใบเล็ก)
6 กรรไกร 1 เลม่
7 คัตเตอร์ 1 อัน
8 แผน่ รองตดั 1 แผน่
9 พัดลมตัง้ โต๊ะ 1 ตวั
2. ข้นั ตอนการดำเนินงาน
ขัน้ ตอนการประกอบกงั หันลมกบั อุปกรณ์ IPST Link
1) นำสายไฟจากไดนาโมเสียบต่อกบั แผงวงจร ช่อง A ของอปุ กรณ์ IPST Link และใชไ้ ขควงหมนุ ให
แน่น
2) นำใบพัดเสยี บเข้ากบั ไดนาโม
3) ทดสอบโดยหมนุ ใบพดั โดยโปรแกรม Scratch จะแสดงผลคา่ พลังงาน และค่าพลงั งานสูงสุด
4) ตอ่ สายต่อ UCON-2F กบั คอมพวิ เตอร์ ผ่านพอรต์ USB และเสียบหัวตอ่ เข้ากับอุปกรณ์ IPST Link
เมื่อตดิ ตั้งเรยี บร้อยจะมีไฟสีแดงและไฟสีฟา้ ติด
5) ติดตัง้ ไดนาโมพร้อมใบพัดกบั แทน่ เพ่ือทดสอบ
ใบงานท่ี 2.3.5
ทดสอบ ประเมนิ ผลและปรบั ปรงุ แก้ไขวิธกี ารแกป้ ญั หา
คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรียนออกแบบโครงงานสะเต็มในขัน้ ตอนทดสอบ ประเมนิ ผลและปรบั ปรุงแกไ้ ขวิธีการ
แกป้ ัญหาโดยตอบคำถาม ดังต่อไปนี้
1. ขนั้ ตอนการทดสอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. แสดงผลการทดสอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานที่ 2.3.5 เฉลย
ทดสอบ ประเมินผลและปรบั ปรุงแกไ้ ขวธิ กี ารแก้ปญั หา
คำชีแ้ จง : ให้นกั เรียนออกแบบโครงงานสะเต็มในข้ันตอนทดสอบ ประเมินผลและปรบั ปรุงแก้ไขวิธกี าร
แกป้ ญั หาโดยตอบคำถาม ดงั ต่อไปน้ี
1. ขัน้ ตอนการทดสอบ
ประกอบกังหนั ลมกบั อปุ กรณ์ PST Link โดยใหม้ ีการทดสอบ ดังน้ี
1) เปิดพัดลมตั้งโตะ๊ ท่รี ะดับ 1 หา่ งจากกังหันลมผลิตไฟฟา้ ประมาณ 1 ฟตุ
2) บนั ทกึ คา่ พลงั งานไฟฟ้าสงู สดุ ทไี่ ดจ้ ากโปรแกรม Scratch
3) เปล่ยี นใบพัดเป็นแบบ B และ C ทำข้อ 1) และ 2) ซ้ำ บันทกึ ค่าพลังงาน
2. แสดงผลการทดสอบ
ลำดบั ที่ แบบใบพดั ของกังหันลม คา่ พลังงานไฟฟา้ สูงสุด
xxx
1A yyy
zzz
2B
3C
ใบงานท่ี 2.3.6
นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหา
คำชีแ้ จง: ใหน้ กั เรียนออกแบบโครงงานสะเต็ม ในขนั้ ตอนนำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแกป้ ญั หา โดยตอบ
คำถาม ดงั ต่อไปน้ี
1. ประเด็นในการนำเสนอวิธกี ารแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ัญหาหรือช้ินงาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ภาพชิน้ งานท่ปี รบั ปรงุ ใหม่
2. ผลการทดสอบช้ินงานทป่ี รับปรงุ ใหม่
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ใบงานท่ี 2.3.6 เฉลย
นำเสนอวธิ ีการแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ญั หา
คำชีแ้ จง: ใหน้ กั เรียนออกแบบโครงงานสะเต็ม ในข้ันตอนนำเสนอวธิ ีการแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ญั หา โดยตอบ
คำถาม ดงั ต่อไปน้ี
1. ประเดน็ ในการนำเสนอวิธีการแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ัญหาหรอื ช้นิ งาน
อภปิ รายเกย่ี วกับการทดสอบใบพดั กังหันลมทั้ง 3 แบบ ในประเดน็ ตา่ งๆ ดังน้ี
1) จำนวนใบพัดท่ีมีผลตอ่ คา่ พลงั งานไฟฟ้า
2) รูปทรงของใบพัดกงั หันลมที่มีผลตอ่ ค่าพลังงานไฟฟา้
3) ทิศทางและตำแหน่งการรบั ลมมีผลตอ่ ค่าพลังงานไฟฟา้
4) ปัญหาท่ีเกิดข้นึ ของชน้ิ งาน
5) การปรับชนิ้ งานเพื่อแกป้ ญั หาที่เกดิ ขนึ้ และผลติ คา่ พลังงานไฟฟา้ ไดส้ งู ข้นึ
ภาพช้นิ งานทป่ี รับปรงุ ใหม่
2. ผลการทดสอบชิ้นงานที่ปรับปรงุ ใหม่
ลำดบั ที่ แบบใบพดั ของกังหันลม คา่ พลงั งานไฟฟ้าสงู สุด
xxx
1A yyy
zzz
2B www
3C
4 ชน้ิ งานท่ปี รับปรุงใหม่
ช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เร่อื ง โครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี
คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนออกแบบแผนผงั กรอบแนวคดิ ของโครงงานสะเตม็ (STEM) ทเ่ี กยี่ วข้องกับ
“อินเตอร์เนต็ ทุกสรรพส่ิง (IoT : Internet of Thing)”
S : วิทยาศาสตร์ T : เทคโนโลยี
โครงงานสะเตม็
เรื่อง...................................................
...........................................................
M : คณติ ศาสตร์ E : วศิ วกรรมศาสตร์
ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เฉลย
เรอ่ื ง โครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นออกแบบแผนผงั กรอบแนวคิดของโครงงานสะเตม็ (STEM) ท่ีเกีย่ วข้องกับ
“อินเตอร์เนต็ ทุกสรรพสิ่ง (IoT : Internet of Thing)”
S : วทิ ยาศาสตร์ T : เทคโนโลยี
เร่ือง ไฟฟ้ากระแสตรง - บอรด์ ไมโครคอนโทรเลอร์ Raspberry Pi
- กฎของโอหม์ V = IR , R = V/I - ระบบปฏบิ ตั กิ าร Raspbian
- การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม - การเขียนโปรแกรมภาษา Python
- กำลงั ไฟฟา้ (วัตต์) = แรงดนั ไฟฟ้า (V)
x กระแสไฟฟา้ (I)
โครงงานสะเตม็
เรือ่ ง ระบบแจ้งเตอื นเปดิ ปิดประตู
M : คณติ ศาสตร์ ปอ้ งกันขโมยแบบประหยัดคา่ ไฟE : วิศวกรรมศาสตร์
การคำนวณคา่ ไฟฟ้า - สวิทซ์แม่เหลก็ แบบ NO (Normal Open)
- การออกแบบแผงวงจรไฟฟา้ สำหรับระบบ
กำลังไฟฟ้า (วัตต์) x จำนวนเคร่อื งใช้ไฟฟา้ ควบคมุ แจง้ เตือน
÷ 1000 x จำนวนช่ัวโมงทใี่ ชใ้ น 1 วนั
= จำนวนหนว่ ยตอ่ วัน (ยนู ิต)
แบบประเมินการนำเสนอผลงาน
คำชแี้ จง:ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในช่องที่
ตรงกับระดับคะแนน
ลำดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32
1 ความถกู ต้องของเน้ือหา
2 ความคิดสรา้ งสรรค์
3 วิธีการนำเสนอผลงาน
4 การนำไปใชป้ ระโยชน์
5 การตรงต่อเวลา
รวม
ลงช่ือ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............/................./...................
เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
คำช้แี จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกบั ระดับคะแนน
ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32
1 การแสดงความคดิ เห็น
2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผ้อู นื่
3 การทำงานตามหนา้ ท่ีทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย
4 ความมนี ้ำใจ
5 การตรงต่อเวลา
รวม
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ...................................................ผูป้ ระเมิน
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครัง้
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดมี าก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่
คำชี้แจง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี
ตรงกับระดับคะแนน
การมี
ลำดับที่ ชอ่ื –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม
ของนักเรียน ความ ฟังคนอน่ื ตามทไ่ี ดร้ ับ น้ำใจ การ 15
คดิ เห็น มอบหมาย คะแนน
ปรับปรุง
ผลงานกล่มุ
321321321321321
ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมิน
............./.................../...............
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งที่
ตรงกบั ระดับคะแนน
คณุ ลักษณะ รายการประเมิน ระดับคะแนน
อันพึงประสงค์ด้าน 32 1
1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้
กษัตรยิ ์ 1.2 เขา้ รว่ มกิจกรรมทสี่ รา้ งความสามัคคีปรองดอง และเปน็ ประโยชนต์ ่อ
โรงเรยี น
1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถอื ปฏิบัติตามหลกั ศาสนา
1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมท่เี กย่ี วกบั สถาบันพระมหากษัตริย์ตามท่ีโรงเรียนจัดขึ้น
2. ซอื่ สัตย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมลู ทถี่ กู ตอ้ งและเปน็ จรงิ
2.2 ปฏบิ ัติในสงิ่ ทถี่ ูกตอ้ ง
3. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏบิ ตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บังคบั ของครอบครัว
มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวนั
4. ใฝเ่ รยี นรู้ 4.1 รูจ้ กั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้
4.2 รจู้ กั จัดสรรเวลาให้เหมาะสม
4.3 เช่อื ฟังคำสัง่ สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โตแ้ ย้ง
4.4 ตง้ั ใจเรียน
5. อยอู่ ย่างพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรัพย์สินและส่งิ ของของโรงเรียนอย่างประหยัด
5.2 ใชอ้ ปุ กรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรู้คุณค่า
5.3 ใชจ้ ่ายอยา่ งประหยดั และมีการเกบ็ ออมเงิน
6. มุ่งม่ันในการทำงาน 6.1 มีความตง้ั ใจและพยายามในการทำงานท่ีไดร้ บั มอบหมาย
6.2 มีความอดทนและไมท่ ้อแทต้ ่ออุปสรรคเพื่อใหง้ านสำเร็จ
7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย
7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทย
8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน
8.2 ร้จู กั การดูแลรกั ษาทรพั ย์สมบัตแิ ละส่ิงแวดล้อมของหอ้ งเรยี นและ
โรงเรียน
ลงชื่อ..................................................ผู้ประเมิน
............/.................../................
เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน 51–60 ดีมาก
พฤติกรรมท่ปี ฏิบตั ิชัดเจนและบอ่ ยครง้ั ให้ 1 คะแนน 41–50 ดี
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั บิ างครง้ั 30–40 พอใช้
ตำ่ กว่า 30 ปรับปรุง
แบบประเมนิ ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)
ว 4.1 ม.5/1 ประยุกตใ์ ช้ความรแู้ ละทกั ษะจากศาสตร์ต่าง ๆ รวมทัง้ ทรัพยากรในการทำ
โครงงานเพื่อแก้ปญั หาหรือพัฒนางาน
รายการ เกณฑก์ ารประเมิน (ระดับคุณภาพ) ระดบั
ประเมนิ คุณภาพ
ดีมาก (4) ดี (3) พอใช้ (2) ปรบั ปรุง (1)
1. ความถูกตอ้ งของการ ดีมาก
ออกแบบกรอบแนวคดิ ออกแบบกรอบแนวคิด ออกแบบกรอบแนวคดิ ออกแบบกรอบแนวคิด ไม่สามารถออกแบบ
โครงงานสะเตม็ โครงงานสะเต็มได้ กรอบแนวคดิ โครงงาน ดี
ถูกตอ้ งดีมาก โครงงานสะเตม็ ได้ โครงงานสะเตม็ ได้ สะเต็มได้ถูกต้อง
พอใช้
ถกู ตอ้ งดี ถูกตอ้ งพอใช้
ปรับปรงุ
2. โครงงานสะเต็มท่ี โครงงานสะเต็มท่ี โครงงานสะเตม็ ท่ี โครงงานสะเต็มที่ โครงงานสะเตม็ ที่
ออกแบบเกยี่ วขอ้ งกับ ออกแบบมีความ ออกแบบมคี วาม ออกแบบมคี วาม ออกแบบไม่มีความ
หัวข้ออินเตอร์เนต็ ทุก เกย่ี วข้องกบั หัวขอ้ ดี เกี่ยวขอ้ งกบั หัวข้อดี เกยี่ วขอ้ งกบั หัวข้อ เกยี่ วข้องกบั หัวขอ้
สรรพสง่ิ (IoT) มาก บางสว่ น
ผลงานมคี วามครบถว้ น ผลงานมีความครบถว้ น ผลงานมคี วามครบถว้ น ผลงานมคี วามครบถ้วน
3. ความสมบรู ณข์ องผลงาน สมบรู ณด์ มี าก สมบรู ณ์ค่อนข้างดี สมบูรณด์ เี ป็นบางส่วน สมบรู ณน์ อ้ ย
4. ส่งงานตรงเวลา สง่ ภาระงานภายในเวลา สง่ ภาระงานช้ากว่า สง่ ภาระงานชา้ กวา่ สง่ ภาระงานชา้ กว่า
กำหนด 2 วัน กำหนดเกนิ 3 วนั ขึน้ ไป
ที่กำหนด กำหนด 1 วนั
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
14 - 16 ดีมาก
10 - 13 ดี
7 - 9 พอใช้
1 - 6 ปรับปรุง