คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 99 (๓) เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์และแนวคิดระหว่างผู้ปกครอง ครู และนักเรียนในสถานศึกษา ข้อ ๗ คณะกรรมการ คุณสมบัติของคณะกรรมการ (๑) เป็นบิดา มารดา หรือผู้ปกครองของนักเรียนปัจจุบัน (๒) ผู้ปกครองต้องเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะและต้องดูแลอุปการะนักเรียนที่แท้จริง โครงสร้าง องค์ประกอบ และจ�ำนวนของคณะกรรมการให้สถานศึกษาก�ำหนด ได้ตามความเหมาะสม การพ้นจากต�ำแหน่งของกรรมการ (๑) ตาย (๒) ลาออก (๓) ขาดคุณสมบัติตามที่ได้ก�ำหนดไว้ในข้อ ๗ (๔) มติที่ประชุมของคณะกรรมการร่วมกับผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาให้พ้นจาก สภาพเป็นคณะกรรมการ กรณีที่พบว่าคณะกรรมการได้ท�ำการส่อไปในทางเจตนา แสวงหาหรือได้มาซึ่ง ผลประโยชน์และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพื่อตนเองหรือผู้อื่น (๕) สิ้นสุดวาระ วาระการด�ำรงต�ำแหน่งของคณะกรรมการ ให้มีวาระคราวละ ๑ ปี ข้อ ๘ บทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการ (๑) ร่วมสนับสนุนกิจกรรมของสถานศึกษาด้านพัฒนาการเรียนรู้และพฤติกรรม นักเรียน โดยความเห็นชอบจากผู้บริหารสถานศึกษา (๒) ร่วมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างครูและผู้ปกครอง (๓) สนับสนุนพัฒนาการเรียนการสอนของสถานศึกษา (๔) เสนอข้อคิด ข้อเสนอแนะในการพัฒนาที่จะเป็นประโยชน์แก่นักเรียนและสถานศึกษา (๕) ร่วมกับสถานศึกษาจัดให้มีการประชุมระหว่างคณะกรรมการกับผู้ปกครองตาม ความเหมาะสมอย่างน้อยปีละ ๒ ครั้ง (๖) สรุปและรายงานผลการด�ำเนินการของคณะกรรมการอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง ในที่ประชุมใหญ่ของผู้ปกครองนักเรียน ข้อ ๙ ให้สถานศึกษาแต่งตั้งครูเป็นผู้ประสานงานกับคณะกรรมการตามความเหมาะสม ข้อ ๑๐ ให้สถานศึกษาด�ำเนินการให้ได้คณะกรรมการโดยเร็ว อย่างช้าภายในภาคเรียนที่ ๑ ของทุกปี
100 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ ข้อ ๑๑ ให้ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ ข้อ ๑๒ ให้ส�ำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสนับสนุนและพัฒนาการด�ำเนินการของคณะกรรมการ ข้อ ๑๓ คณะกรรมการที่สถานศึกษาจัดตั้งขึ้นหรือมีอยู่ก่อนระเบียบนี้ใช้บังคับให้ด�ำเนินการ ต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระ ข้อ ๑๔ ให้ผู้บริหารสถานศึกษาก�ำหนดระเบียบ วิธีการ เพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมแต่ต้อง ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา (คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา) เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 101 งานทะเบียนวัดผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียน เกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ การตัดสินผลการเรียน หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ก�ำหนดหลักเกณฑ์การวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อตัดสินผลการเรียนของผู้เรียน ดังนี้ ๑) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวิชา ผู้เรียนต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมดในรายวิชานั้น ๆ ๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวชี้วัดและผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด ๓) ผู้เรียนต้องได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา ๔) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การให้ระดับผลการเรียน การตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้ใช้ตัวเลข แสดงระดับ ผลการเรียนเป็น ๘ ระดับ การตัดสินผลการเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้ระบบผ่านและไม่ผ่าน โดยก�ำหนดเกณฑ์การตัดสินผ่านแต่ละรายวิชาที่ร้อยละ ๕๐ จากนั้นจึงให้ระดับผลการเรียนที่ผ่าน ส�ำหรับระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ใช้ตัวเลขแสดงระดับผลการเรียนเป็น ๘ ระดับ แนวการให้ระดับผลการเรียน ๘ ระดับ และความหมายของแต่ละระดับดังแสดงในตาราง ดังนี้ ระดับผลการเรียน ความหมาย ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๔ ดีเยี่ยม ๘๐ - ๑๐๐ ๓.๕ ดีมาก ๗๕ - ๗๙ ๓ ดี ๗๐ - ๗๔ ๒.๕ ค่อนข้างดี ๖๕ - ๖๙ ๒ ปานกลาง ๖๐ - ๖๔ ๑.๕ พอใช้ ๕๕ - ๕๙ ๑ ผ่านเกณฑ์ขั้นต�่ำ ๕๐ - ๕๔ ๐ ต�่ำกว่าเกณฑ์ ๐- ๔๙ ในกรณีที่ไม่สามารถให้ระดับผลการเรียนเป็น ๘ ระดับได้ ให้ใช้ตัวอักษรระบุเงื่อนไข ของผลการเรียน ดังนี้ “ร” หมายถึง รอการตัดสินผลและยังตัดสินผลการเรียนไม่ได้ เนื่องจากผู้เรียนมีข้อมูลผลการเรียน รายวิชานั้นครบถ้วนตามมาตรฐานการเรียนรู้หรือตัวชี้วัดที่ก�ำหนดไว้ ได้แก่ ไม่ได้วัดผลระหว่างภาคเรียน/
102 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ ปลายภาคเรียน ไม่ส่งงานที่มอบหมายให้ท�ำ ซึ่งงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินผลการเรียน หรือ มีเหตุสุดวิสัยที่ท�ำให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้ “มส” หมายถึง ผู้เรียนไม่มีสิทธิ์เข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผู้เรียนมีเวลาเรียน ไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแต่ละรายวิชา และไม่ได้รับการผ่อนผันให้เข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน การประเมินการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นการประเมินความ สามารถและพัฒนาการ ของผู้เรียน ในการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ในแต่ละภาคเรียน/ในแต่ละปีการศึกษา ใช้แบบบันทึก การสังเกตการเข้าร่วมกิจกรรม ตามเกณฑ์ ของแต่ละกิจกรรมและตัดสินผลการประเมินเป็น ๒ ระดับ ดังนี้ “ผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงานร้อยละ ๕๐ ขึ้นไป “มผ” หมายถึง ผู้เรียนมีเวลาเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมและมีผลงานต�่ำกว่า ร้อยละ ๕๐ ประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เป็นการประเมินพัฒนาทางด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียนตามคุณลักษณะที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ก�ำหนดการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ จะประเมินเป็นรายคุณลักษณะ ทุกภาคเรียนจากพฤติกรรมกิจวัตรประจ�ำวันในโรงเรียนของผู้เรียน และตัดสินผลการประเมินเป็น ๔ ระดับ ดังต่อไปนี้ ระดับ ๓ หมายถึง ดีเยี่ยม ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๘๐- ๑๐๐ ระดับ ๒ หมายถึง ดี ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๗๐- ๗๙ ระดับ ๑ หมายถึง พอใช้ ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๕๐- ๖๙ ระดับ ๐ หมายถึง ปรับปรุง ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๐- ๔๙ การประเมินความสามารถ อ่าน คิด วิเคราะห์และเขียน เป็นการประเมินทักษะการคิดและ การถ่ายทอดความคิดด้วยทักษะการอ่าน การคิดวิเคราะห์ และ เขียน โดยใช้แบบทดสอบมาตรฐาน วัดผลปลายภาคเรียนและปลายปี และตัดสินผลการประเมินเป็น ๔ ระดับ ดังต่อไปนี้ ระดับ ๓ หมายถึง ดีเยี่ยม ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๘๐- ๑๐๐ ระดับ ๒ หมายถึง ดี ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๗๐- ๗๙ ระดับ ๑ หมายถึง พอใช้ ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๕๐- ๖๙ ระดับ ๐ หมายถึง ปรับปรุง ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ ๐- ๔๙ การเปลี่ยนผลการเรียน การเปลี่ยนระดับผลการเรียนจาก “๐” ให้ผู้เรียนเรียนซ่อมเสริมเพื่อ “ปรับปรุง” แก้ไขผู้เรียน ในผลการเรียนรู้ที่คาดหวังที่ “ไม่ผ่าน” เกณฑ์ โดยการประเมินด้วยวิธีการที่มีประสิทธิภาพ จนผู้เรียน สามารถผ่านเกณฑ์การประเมินและให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกิน “๑” ตามเงื่อนไขที่สถานศึกษา ทั้งนี้ ก�ำหนดให้สอบแก้ตัวได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 103 การเปลี่ยนผลการเรียนจาก “ร” ให้ผู้เรียนด�ำเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ เมื่อผู้เรียนแก้ไข ปัญหาเสร็จแล้วให้ได้ระดับผลการเรียนตามปกติ (ตั้งแต่ ๐-๔) ถ้าผู้เรียนไม่ด�ำเนินการแก้ไข “ร” กรณี ที่ส่งงานไม่ครบแต่มีผลการประเมินระหว่างเรียนและปลายภาคให้ผู้สอนน�ำข้อมูลที่มีอยู่ตัดสินผลการเรียน ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน ส�ำหรับภาคเรียนที่ต้องด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น เมื่อพ้นก�ำหนดนี้แล้ว ให้เรียนซ�้ำ หากผลการเรียนเป็น “๐” ให้ด�ำเนินการแก้ไขตามหลักเกณฑ์ การเปลี่ยนผลการเรียน “มส” มี ๒ กรณี ๑) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ แต่มีเวลาเรียนไม่น้อย กว่าร้อยละ ๖๐ ของเวลาเรียนในรายวิชานั้น ให้ครูผู้สอนจัดให้เรียน ชั่วโมงสอนซ่อมเสริม หรือมอบหมาย งานให้ท�ำ จนมีเวลาเรียนครบตามที่ก�ำหนดไว้ส�ำหรับวิชานั้น แล้วจึงให้วัดผลปลายภาคเป็นกรณีพิเศษ ผลการแก้ “มส” ให้ได้ระดับผลการเรียนไม่เกิน “๑” การแก้ “มส” กรณีนี้ให้กระท�ำให้เสร็จสิ้นภายใน ปีการศึกษานั้น ถ้าผู้เรียนไม่มาด�ำเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาที่ก�ำหนดไว้นี้ให้เรียนซ�้ำ ยกเว้นมี เหตุสุดวิสัยให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน ๒) กรณีผู้เรียนได้ผลการเรียน “มส” เพราะมีเวลาน้อยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาทั้งหมด ให้ สถานศึกษาด�ำเนินการดังนี้ (๑) ถ้าเป็นรายวิชาพื้นฐาน ให้เรียนซ�้ำรายวิชานั้น (๒) ถ้าเป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาให้เรียนซ�้ำหรือเปลี่ยน รายวิชาใหม่ การเรียนซ�้ำรายวิชา ผู้เรียนที่ได้รับการสอนซ่อมเสริมและสอบแก้ตัวแล้ว ๒ ครั้งแล้วไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมิน ให้เรียนซ�้ำรายวิชานั้น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาให้เรียนซ�้ำในช่วงใด ช่วงหนึ่ง ที่สถานศึกษาเห็นว่าเหมาะสม เช่น พักกลางวัน วันหยุด ชั่วโมงว่างหลังเลิกเรียน เรียนภาค ฤดูร้อน เป็นต้น ในกรณีภาคเรียนที่ ๒ หากผู้เรียนยังมีผลการเรียน “๐” “ร” “มส” ให้ด�ำเนินการให้เสร็จสิ้น ก่อนเปิดเรียนปีการศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อน เพื่อแก้ไขผลการ เรียนของผู้เรียนทั้งนี้หากสถานศึกษาใดไม่สามารถได้ด�ำเนินการเปิดสอนภาคฤดูร้อนได้ให้ ส�ำนักงานเขต พื้นที่การศึกษา/ต้นสังกัดเป็นผู้พิจารณาประสานงานให้มีการด�ำเนินการเรียนการสอนในภาคฤดูร้อนเพื่อ แก้ไขผลการเรียน ของผู้เรียน การเปลี่ยนผล “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมให้ผู้เรียนท�ำกิจกรรมในส่วนที่ผู้เรียนไม่ได้ เข้าร่วมหรือไม่ได้ท�ำจนครบถ้วน แล้วจึงเปลี่ยนผลจากเรียนจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ทั้งนี้ด�ำเนินการ ให้เสร็จสิ้นภายในภาคเรียนนั้น ๆ ยกเว้นมีเหตุสุดวิสัย ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาที่จะพิจารณา ขยายเวลาออกไป อีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน ส�ำหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปี การศึกษานั้น
104 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ การเลื่อนชั้น เมื่อสิ้นปีการศึกษา ผู้เรียนจะได้รับการเลื่อนชั้น เมื่อมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๑. รายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมได้รับการตัดสินผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา ก�ำหนด ๒. ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนด ในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๓. ระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นควรได้ไม่ต�่ำกว่า ๑.๐๐ ทั้งนี้ รายวิชาใดที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับการ แก้ไขในภาคเรียนถัดไป ทั้งนี้ส�ำหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น การสอนซ่อมเสริม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช ๒๕๕๑ ก�ำหนดให้สถานศึกษาจัดสอน ซ่อมเสริมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนเต็มตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริมเป็นการสอนเพื่อแก้ไข ข้อบกพร่องกรณีที่ผู้เรียนมีความรู้ทักษะ กระบวนการหรือเจตคติ/คุณลักษณะไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่ สถานศึกษาก�ำหนด สถานศึกษาต้องจัดสอนซ่อมเสริมเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือไปจากการสอนตามปกติ เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดที่ก�ำหนดไว้ เป็นการให้โอกาสแก่ผู้เรียน ได้เรียนรู้และพัฒนา โดยจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล การสอนซ่อมเสริมสามารถด�ำเนินการได้ในกรณีดังต่อไปนี้ ๑) ผู้เรียนมีความรู้/ทักษะพื้นฐานไม่เพียงพอที่จะศึกษาในแต่ละรายวิชานั้นควรจัดการสอน ซ่อมเสริมปรับความรู้/ทักษะพื้นฐาน ๒) ผู้เรียนไม่สามารถแสดงความรู้ทักษะกระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะ ที่ก�ำหนดไว้ตาม มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัดในการประเมินผลระหว่างเรียน ๓) ผู้เรียนที่ได้ระดับผลการเรียน “๐” ให้จัดการสอนซ่อมเสริมก่อนสอบแก้ตัว ๔) กรณีผู้เรียนมีผลการเรียนไม่ผ่านสามารถจัดสอนซ่อมเสริมในภาคฤดูร้อน เพื่อแก้ไขผลการเรียน ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษา การเลื่อนชั้น เมื่อสิ้นปีการศึกษา ผู้เรียนจะได้รับการเลื่อนชั้น เมื่อมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๑) รายวิชาพื้นฐานและรายวิชาเพิ่มเติมได้รับการตัดสินผลการเรียนผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษา ก�ำหนด ๒) ผู้เรียนต้องได้รับการประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ที่สถานศึกษาก�ำหนดใน การอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 105 ๓) ระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นควรได้ไม่ต�่ำกว่า ๑.๐๐ ทั้งนี้รายวิชาใดที่ไม่ผ่าน เกณฑ์การประเมินสถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผู้เรียนให้ได้รับการแก้ไขในภาคเรียนถัดไป ทั้งนี้ส�ำหรับ ภาคเรียนที่ ๒ ต้องด�ำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปีการศึกษานั้น การเรียนซ�้ำชั้น ผู้เรียนที่ไม่ผ่านรายวิชาจ�ำนวนมากและมีแนวโน้มว่าจะ เป็นปัญหาต่อการเรียนในระดับชั้นที่สูง ขึ้นสถานศึกษาอาจตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ�้ำชั้นได้ ทั้งนี้ให้ค�ำนึงถึงวุฒิภาวะและความรู้ความ สามารถของผู้เรียนเป็นส�ำคัญ การเรียนซ�้ำชั้นมี ๒ ลักษณะคือ ๑) ผู้เรียนมีระดับผลการเรียนเฉลี่ยในปีการศึกษานั้นต�่ำกว่า ๑.๐๐ ๒) ผู้เรียนมีผลการเรียน ๐, ร และ มส เกินครึ่งหนึ่งของรายวิชาที่ลงทะเบียนเรียนในปีการ ศึกษานั้นทั้งนี้หากเกิดลักษณะใดลักษณะหนึ่งหรือทั้ง ๒ ลักษณะให้สถานศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการ พิจารณา หากเห็นว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรก็ให้ซ�้ำชั้น โดยยกเลิกผลการเรียนเดิมและให้ใช้ผลการเรียน ใหม่แทน หากพิจารณาแล้วไม่ต้องเรียนซ�้ำชั้นให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการในการแก้ไขผลการเรียน เกณฑ์การจบหลักสูตรสถานศึกษา เกณฑ์การจบหลักสูตรสถานศึกษา หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ ก�ำหนดเกณฑ์ส�ำหรับการจบการศึกษาเป็น ๒ ระดับ คือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับมัธยมศึกษา ตอนปลาย ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติมโดยเป็นวิชาพื้นฐาน ๖๖ หน่วยกิตและรายวิชา เพิ่มเติมตามที่สถานศึกษากําหนด (๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิตตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับ “ดีเยี่ยม” “ดี” หรือ “ผ่าน” (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับ “ดีเยี่ยม” “ดี” หรือ “ผ่าน” (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินในระดับ “ผ่าน” ทุกกิจกรรม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพื้นฐานและเพิ่มเติม โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หน่วยกิต และ รายวิชาเพิ่มเติมตามที่สถานศึกษากําหนด (๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิต ตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา พื้นฐาน ๔๑ หน่วยกิต และรายวิชาเพิ่มเติม ไม่น้อยว่า ๓๖ หน่วยกิต (๓) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับ “ดีเยี่ยม” “ดี” หรือ “ผ่าน”
106 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ (๔) ผู้เรียนมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในระดับ “ดีเยี่ยม” “ดี” หรือ “ผ่าน” (๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินในระดับ “ผ่าน” ทุกกิจกรรม การอนุมัติการจบหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ นักเรียนที่จบชั้น มัธยมศึกษาปีที่ ๓ อนุมัติให้จบการศึกษาภาคบังคับ และนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ อนุมัติให้จบ การศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักฐานสําคัญทางการศึกษา โรงเรียนต้องจัดให้นักเรียนมีดังนี้ ๑. ระเบียนแสดงผลการเรียน (ปพ.๑) เป็นเอกสารบันทึกผลการเรียนของผู้เรียนตามสาระการเรียนรู้ กลุ่มวิชาและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ได้เรียนในแต่ละช่วงชั้นของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เป็น หลักฐานแสดงสถานภาพและความส�ำเร็จในการศึกษาของผู้เรียนแต่ละคนใช้เป็นหลักฐานในการสมัคร เข้าศึกษาต่อ สมัครท�ำงานหรือด�ำเนินการในเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้อง ๒. หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ปพ.๒) เป็นเอกสารที่สถานศึกษาออกให้กับผู้ส�ำเร็จการศึกษา และรับรองวุฒิการศึกษาของผู้เรียนให้ผู้เรียนน�ำไปใช้เป็นหลักฐานแสดงระดับวุฒิการศึกษาของตน ๓. แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนรายบุคคล (ปพ.๖) เป็นเอกสารส�ำหรับบันทึก ข้อมูลเกี่ยวกับผลการเรียน พัฒนาการในด้านต่าง ๆและข้อมูลอื่น ๆ ของผู้เรียน ๔. ใบรับรองผลการศึกษา (ปพ.๗) เป็นเอกสารที่สถานศึกษาออกให้ผู้เรียนเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อรับรองสถานภาพทางการศึกษาของผู้เรียนเป็นการชั่วคราว ทั้งกรณีผู้เรียนยังไม่ส�ำเร็จการศึกษาและ ส�ำเร็จการศึกษาแล้ว ๕. เอกสารหลักฐานอื่น ๆ เท่าที่จําเป็นที่สถานศึกษากําหนด
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 107 งานแนะแนว กลุ่มกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน งานแนะแนว เป็นกระบวนการส่งเสริมและช่วยเหลือให้นักเรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง รู้จัก สภาพแวดล้อม ด้วยกลวิธีและเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เป็นคนได้โดยสมบูรณ์ สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ตัดสินใจด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสม และอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ปรัชญาของการแนะแนว ๑. บุคคลแต่ละคนย่อมมีความแตกต่างกันทั้งทางร่างกาย สังคม อารมณ์ สติปัญญา ความสนใจ ความสามารถ ความถนัดและเจตคติ ๒. บุคคลเป็นทรัพยากรที่มีค่าและมีศักยภาพแฝงอยู่ในตน ควรพัฒนาให้เจริญขึ้นทุกด้าน ๓. บุคคลมีการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ๔. พฤติกรรมทุกอย่างของบุคคลย่อมมีสาเหตุ การที่บุคคลแสดงออกอย่างใดหรือเป็นเช่นไร ย่อมเกิดจากตนเองและสิ่งแวดล้อมเป็นเหตุ ๕. บุคคลย่อมมีศักดิ์ศรีและต้องการการยอมรับซึ่งกันและกัน ๖. ธรรมชาติของคนอยู่รวมกันเป็นสังคม จ�ำเป็นต้องมีความสัมพันธ์และพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน หลักการของการแนะแนว ๑. การแนะแนวควรจัดขึ้นเพื่อนักเรียนทุกคน ๒. การแนะแนวควรจะเป็นการช่วยให้นักเรียนสามารถน�ำตนเองได้ ๓. การแนะแนวจะต้องมีข้อมูลของนักเรียนในด้านต่าง ๆ ตรงตามข้อเท็จจริงและเป็นปัจจุบัน ๔. การแนะแนวจะต้องจัดอย่างต่อเนื่อง ๕. การจัดการแนะแนวจะต้องมีการประสานงาน และร่วมมือในระหว่างบุคลากรทุกคนที่ เกี่ยวข้องทั้งในและนอกโรงเรียน ๖. การแนะแนวจะต้องท�ำควบคู่กันไปกับการจัดการเรียนการสอน ๗. การแนะแนวควรจัดบริการต่าง ๆ ให้ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา ด้านอาชีพ ด้านส่วนตัว และสังคม เป้าหมายของการแนะแนว ๑. การป้องกันปัญหา ๒. การแก้ปัญหา ๓. การส่งเสริมพัฒนาการทุกด้าน
108 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ เหตุผลและความจ�ำเป็นในการพัฒนากิจกรรมแนะแนว ๑. เด็กต้องเผชิญสิ่งแวดล้อมใหม่ในโรงเรียน ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ๒. เด็กก�ำลังพัฒนาในทุกด้าน ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุน ๓. สภาพสังคมและเศรษฐกิจท�ำให้นักเรียนและผู้ปกครองห่างเหินกัน ๔. สภาพแวดล้อมทางสังคมท�ำให้นักเรียนเกิดความสับสน ๕. นักเรียนต้องดิ้นรนเพื่อการเรียนและการเตรียมตัวในอาชีพมากขึ้น ประโยชน์ที่จะได้รับจากบริการแนะแนว ประโยชน์แก่ผู้ปกครองหรือบิดามารดา ได้รับรู้และเข้าใจสถานภาพทางการเรียนของบุตรหลาน เมื่อได้มีโอกาสปรึกษาหารือกับ ครูแนะแนว ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสที่บุตรหลานของท่านจะได้เรียนต่อหรือออกไปประกอบอาชีพ รับรู้และเข้าใจสภาพปัญหาของเด็กวัยรุ่นเพื่อจะได้ให้ความร่วมมือกับโรงเรียนในการปรับปรุงพฤติกรรม ของบุตรหลานต่อไป ประโยชน์ต่อนักเรียน - ช่วยให้นักเรียนรู้จักตนเองดีขึ้นและสามารถปรับปรุงตนเองในด้านการเรียน สังคม อารมณ์ และสติปัญญา - ช่วยให้นักเรียนตัดสินใจได้ด้วยตนเองอย่างฉลาดและมีเหตุผล - ช่วยให้นักเรียนเข้าใจสาเหตุของปัญหาและวิธีแก้ปัญหาเพื่อสามารถด�ำเนินชีวิตอย่างมี จุดมุ่งหมายและอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข ประโยชน์แก่ครู - ช่วยครูให้เข้าใจถึงปัญหาและสาเหตุของปัญหารวมทั้งหาวิธีแก้ปัญหานั้น - ช่วยครูในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจ ของนักเรียน - ช่วยครูในการศึกษานักเรียนท�ำให้รู้จักนักเรียนดีขึ้น ประโยชน์แก่โรงเรียน - ช่วยโรงเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการและความสนใจ ของนักเรียน - ช่วยลดปัญหาต่าง ๆ เช่น ปัญหานักเรียนเรียนไม่จบหลักสูตร หรือปัญหานักเรียนหนีเรียน เป็นต้น บริการหลักของงานแนะแนว ๕ บริการ ได้แก่ ๑. บริการรวบรวมข้อมูลและศึกษานักเรียนเป็นรายบุคคล หมายถึง การศึกษา ส�ำรวจ รวบรวม ข้อมูลเกี่ยวกับตัวนักเรียนด้านการศึกษา อาชีพ บุคลิกภาพ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเมื่อน�ำข้อมูลมาวิเคราะห์ และจัดระบบแล้ว จ�ำท�ำให้ครูรู้จักนักเรียน และสามารถให้ความช่วยเหลือส่งเสริมและพัฒนาได้อย่าง
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 109 ถูกต้องเป็นบริการที่จ�ำเป็นพื้นฐานในการที่จะให้ความช่วยเหลือนักเรียนได้ถูกต้อง เพราะจะท�ำให้ทราบ ปัญหา หรือข้อบกพร่องในตัวนักเรียน เพื่อด�ำเนินการแก้ไขได้ถูกต้องและน�ำข้อมูลที่ได้ศึกษามาเป็นองค์ ประกอบในการจัดบริการอื่น ๆ ต่อไป งานบริการด้านนี้ได้แก่ บันทึกประวัตินักเรียนทุกคนไว้ในระเบียน สะสม ทดสอบความถนัดความสนใจของนักเรียน ส�ำรวจพฤติกรรมที่มีปัญหาของนักเรียน ๒. บริการสนเทศ หมายถึง การให้ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้รับข้อมูล ข่าวสารความรู้ที่ตรงกับความต้องการในการส่งเสริมพัฒนาตลอดจนแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม เพื่อช่วย ให้นักเรียนสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ รู้จักตัดสินใจ และวางแผนอนาคตอย่างฉลาด ได้แก่ การจัดสอนให้ความรู้ต่าง ๆ ในคาบกิจกรรมแนะแนว การแนะแนวการศึกษาต่อและอาชีพ เป็นต้น ๓. บริการให้ค�ำปรึกษา หมายถึง การให้ความช่วยเหลือ ความใกล้ชิด ความอบอุ่น ความมั่นใจ อันจะช่วยให้นักเรียนสามารถตัดสินใจและเลือกได้อย่างฉลาด ถูกต้อง เหมาะสมกับสภาพปัญหาความ ต้องการ เป็นบริการที่นับว่าเป็นหัวใจส�ำคัญของงานแนะแนว โดยเฉพาะการเรียนการสอนตามหลักสูตรใหม่ และในสภาวะเศรษฐกิจและสังคมยุคปัจจุบันงานบริการในด้านนี้คือให้ค�ำปรึกษานักเรียนที่มีปัญหา ส่วนตัว การเรียน และอาชีพ ศึกษาและหาทางช่วยให้นักเรียนแก้ปัญหาของตนเองได้อย่างถูกต้องและ เหมาะสม ๔. บริการจัดวางตัวบุคคล หมายถึง การให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรง หรือฝึกฝนทักษะ ในเรื่องที่ตนสนใจ การจัดบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม ตลอดจนกิจกรรมให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ ดังกล่าวนั้น โดยจัดให้สอดคล้อง ต่อเนื่องกับกระบวนการเรียนการสอน ทั้งสอดคล้องกับผลจากการ วิเคราะห์ข้อมูล ความสนใจ ความต้องการ เช่น การจัดกิจกรรมจิตอาสา พัฒนาภาวะผู้น�ำ การหารายได้ ระหว่างเรียน เป็นต้น ๕. บริการติดตามประเมินผล หมายถึง การปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องจากกิจการต่าง ๆ ที่ก�ำหนด เพื่อติดตาม ดูแลว่านักเรียนมีสิ่งใดที่ต้องปรับปรุง แก้ไข พัฒนา ตลอดจนติดตามการจัดกิจการต่าง ๆ ว่า สัมฤทธิ์ผลเพียงใด มีสิ่งใดต้องปรับปรุงให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น เช่น การติดตามผลนักเรียนที่จบการศึกษา เป็นต้น งานทุนการศึกษา โรงเรียนตระหนักถึงความส�ำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ สนับสนุนส่งเสริมและให้ขวัญก�ำลังใจให้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน โรงเรียนถือว่าเป็นเรื่องที่ส�ำคัญมาก ในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน ส่งเสริม พัฒนา ช่วยเหลือผู้เรียนด้าน เศรษฐกิจ การด�ำเนินชีวิตให้มีความสุข ซึ่งการด�ำเนินงานทุนการศึกษา มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ ๑. เพื่อส่งเสริมและเป็นก�ำลังใจให้นักเรียนที่เรียนดี มีความประพฤติดี มีคุณธรรม รวมทั้ง นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ๒. เพื่อเสริมสร้างให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองด้านการเรียน ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน
110 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ ๓. เพื่อเป็นขวัญก�ำลังใจให้นักเรียนสามารถฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรคในชีวิต ๔. เพื่อเป็นการปลูกฝังค่านิยมด้านความกตัญญู การรู้จักการอดออม เห็นคุณค่าของการใช้จ่าย เงินอย่างประหยัดและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียนโรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ การพิจารณาจัดสรรทุนการศึกษา ประเภทต่างๆ ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้ ๑. รับนโยบายและแนวปฏิบัติเรื่องทุนการศึกษา ๒. วางแผนและก�ำหนดแนวปฏิบัติเรื่องทุนการศึกษา ๓. ครูแนะแนว ครูที่ปรึกษา ประชาสัมพันธ์เรื่องทุนการศึกษาให้กับนักเรียนในความดูแลทราบ และรับสมัครนักเรียนเพื่อรับทุนการศึกษาประจ�ำปี ๔. ครูที่ปรึกษา ครูแนะแนวศึกษานักเรียนตามสภาพความจ�ำเป็นของนักเรียนที่สมัครขอรับทุน การศึกษาด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นจริง เช่น การสัมภาษณ์ การสอบถาม สังเกต การเยี่ยม บ้าน และบันทึกข้อมูลลงในแบบฟอร์มสรุปข้อมูลนักเรียนขอรับทุนการศึกษา ๕. รวบรวมใบสมัครขอรับทุนและแบบเยี่ยมบ้านของนักเรียนส่งหัวหน้าระดับชั้น เพื่อพิจารณา คัดเลือกนักเรียนเรียงล�ำดับก่อน-หลัง ตามความจ�ำเป็นในแต่ละระดับชั้นเพื่อรับทุนการศึกษา ๖. น�ำผลการพิจารณาคัดเลือกเสนอที่ประชุมคณะกรรมการด�ำเนินงาน เพื่อพิจารณาตัดสิน ตามล�ำดับความจ�ำเป็น
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 111 ห้องสมุดและห้องศึกษาค้นคว้า สถานที่ตั้งห้องสมุด ครุภัณฑ์และอุปกรณ์อื่น ๆ ห้องสมุด ตั้งอยู่ชั้น ๒ อาคาร ๓ มีพื้นที่ประมาณ ๖ ห้องเรียน แบ่งส่วนด�ำเนินงานเป็น ๒ ส่วน คือ ๑. ห้องสมุดกลาง และมุม INTERNET ๑.๑ ห้องอ่านหนังสือ เป็นส่วนที่ส�ำคัญที่สุดของห้องสมุด ใช้เป็นที่ให้บริการอ่านหนังสือและ รับบริการอื่นๆ ของห้องสมุด ประกอบด้วยโต๊ะอ่านหนังสือ ๘ ตัว และเก้าอี้ประมาณ ๖๐ ตัว ๑.๒ เคาน์เตอร์จ่ายหนังสือ เป็นที่ซึ่งนักเรียนจะมารับบริการต่าง ๆ จากห้องสมุด และเป็นที่ ท�ำงานของบรรณารักษ์ ๑.๓ ตู้หนังสือที่มีระบการจัดหมวดหมู่แบบ DC. โดยแบ่งเป็น ๑๐ หมวดใหญ่คือ ๐๐๐-๙๐๐ ๑.๔ ตู้บัตรรายการอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องสมุด ใช้ในการค้นหาหนังสือ ๑.๕ มุม INTERNET อยู่ภายในห้องสมุด จ�ำนวน ๒๘ เครื่อง เพื่อใช้ในการค้นคว้าโดยสามารถ ให้บริการแก่ครูและนักเรียนในการสอนแบบค้นคว้าด้วยตนเอง และให้บริการแก่นักเรียนในการใช้เครื่อง เพื่อท�ำงานและค้นคว้าด้วยตนเอง ๑.๖ จัดมุมหนังสืออ้างอิง ๑.๗ มุมหนังสืออาเซียน ให้บริการหนังสือให้ความรู้เกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา ในประชาคมอาเซียน ๒. มุมเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก รวบรวมหนังสือพระราชประวัติพระราชนิพนธ์ของ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ และพระราชวงศ์ฯ ฯลฯ มุมหนังสืออ้างอิง และมุมหนังสือวารสาร นิตยสาร หนังสือเยาวชน เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้และสืบค้นทางวิชาการของบุคลากรภายในโรงเรียน วัตถุประสงค์ของห้องสมุด ๑. สนับสนุนให้นักเรียนรักการอ่าน รักการค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง รู้จักแสวงหาข้อมูล ความรู้จากเอกสาร หนังสือพิมพ์ และโสตทัศนูปกรณ์ต่าง ๆ ๒. เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ และซ่อมเสริมทักษะในการเรียนวิชาต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น ๓. เพื่อฝึกให้นักเรียนรู้จักวิธีการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เรียนรู้ด้วยการเรียนแบบต่าง ๆ และ ส่งเสริมสร้างนิสัยรักการอ่าน ประเภทของหนังสือที่จัดให้บริการในห้องสมุด ๑. หนังสือแบบเรียน และหนังสือส่งเสริมการเรียนรูของกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ ๒. หนังสือภาษาไทย และหนังสือภาษาต่างประเทศ ตลอดจนหนังสือสารคดี หนังสือบันเทิงคดี และนวนิยาย ประเภทต่าง ๆ ฯลฯ
112 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ ๓. หนังสือจองที่จัดแยกไว้เพื่อการค้นคว้าท�ำรายงานเฉพาะเรื่อง ได้แก่ หนังสืออ้างอิงต่าง ๆ เช่น พจนานุกรม สารานุกรม สิ่งพิมพ์รัฐบาล วารสาร และหนังสือที่ครูผู้สอนได้แจ้งสั่งจองเพื่อใช้ประกอบ การสอนในวิชานั้น ๆ ระเบียบการใช้ห้องสมุด ห้องสมุด เปิดให้บริการ ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ - ๑๖.๒๐ น. ทุกวัน เว้นวันหยุดราชการ วันเสาร์ วันอาทิตย์และวันปิดภาคเรียน ผู้มีสิทธิ์ยืมหนังสือ คือ นักเรียนโรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ ที่ก�ำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษา เท่านั้น โดยผู้มีสิทธิ์จะต้องมีบัตรสมาชิกห้องสมุดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่หรือบรรณารักษ์ เพื่อใช้ในการยืม หนังสือด้วยตนเองจากเครื่องบริการยืม-คืน หนังสืออัตโนมัติภายในห้องสมุด กฎ ระเบียบและข้อปฏิบัติ ของผู้เข้าใช้บริการห้องสมุด มีดังนี้ ๑. ห้ามน�ำกระเป๋า ถุงย่าม อาหาร น�้ำ เครื่องดื่ม และขนม ทุกชนิดเข้าห้องสมุด ๒. ห้ามน�ำหนังสือออกจากห้องสมุดก่อนได้รับอนุญาต ๓. ในการเข้าใช้บริการยืม-คืน หนังสือจากห้องสมุดต้องใช้บัตรของตนเองเท่านั้น ๔. เมื่อเลิกอ่านหนังสือแล้วให้น�ำหนังสือเก็บเข้าตู้ที่ตนเองหยิบหนังสือมา และเก็บเก้าอี้เข้าที่ ให้เรียบร้อย ๕. ห้ามส่งเสียงดังหรือวิ่งเล่นภายในห้องสมุด ระเบียบการยืมหนังสือ ๑. ผู้ยืมต้องใช้บัตรสมาชิกห้องสมุดของตนเองเท่านั้น และสามารถยืมหนังสือได้ครั้งละ ๒ เล่ม/ สัปดาห์ และต้องส่งคืนหนังสือภายใน ๗ วัน ถ้าเกินก�ำหนดการส่งคืนจะเสียค่าปรับเล่มละ ๒ บาท/วัน (นับรวมวันหยุดด้วย) ๒. การยืมหนังสือจอง ก�ำหนดให้ยืมเพื่อถ่ายเอกสารได้ในช่วงเวลาที่ก�ำหนด หรือถ้ายืมหนังสือ กลับบ้านให้ยืมได้ครั้งละไม่เกิน ๑ เล่ม และยืมได้ไม่เกิน ๑ วัน ถ้าเกินก�ำหนดส่งคืนหนังสือต้องเสียค่าปรับ เล่มละ ๕ บาท/วัน (นับรวมวันหยุดด้วย) ๓. บัตรสมาชิกห้องสมุดจะใช้ยืม-คืน หน้งสือได้เฉพาะเจ้าของบัตรเท่านั้น (กรณีให้บัตรผู้อื่นมา ใช้ยืมหนังสือ ถ้าเกิดกรณีหนังสือสูญหายหรือช�ำรุดให้ถือว่าเจ้าของบัตรต้องรับผิดชอบ) ๔. กรณีผู้ยืมท�ำหนังสือหายหรือช�ำรุด ต้องซื้อหนังสือมาให้ห้องสมุดแทนเล่มเดิมที่ตนยืมไป โดยต้องมาติดต่อแจ้งให้บรรณารักษ์ทราบว่าตนได้ท�ำหนังสือหาย ๕. ครูและบุคลากรสามารถยืมหนังสือได้ครั้งละ ๓ เล่ม/๓๐ วัน โดยไม่ต้องใช้บัตรสมาชิก ห้องสมุดเป็นของเราชาว “สายน�้ำผึ้ง” ทุกคน โปรดร่วมมือ ร่วมใจกัน รักษาหนังสือและ ทรัพย์สินในห้องสมุดเพื่อให้สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด......
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 113 ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ การพัฒนานักเรียนให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความสามารถ มีคุณธรรมจริยธรรม และมีวิถีชีวิตที่เป็นสุขตามที่สังคมมุ่งหวัง โดยผ่านกระบวนการทางการศึกษานั้น นอกจากจะด�ำเนินการ ด้วยการส่งเสริมสนับสนุนนักเรียนแล้ว การป้องกันและการช่วยเหลือแก้ปัญหา ต่าง ๆ ที่เกิดกับนักเรียนก็เป็นสิ่งส�ำคัญ เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ ทั้งด้าน การสื่อสาร เทคโนโลยี ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการระบาดของสารเสพติด ปัญหาครอบครัว ปัญหาการ แข่งขันทุกรูปแบบ ก่อให้เกิดความทุกข์ ความวิตกกังวล ความเครียด ซึ่งล้วนแต่เป็นผลเสียต่อสุขภาพจิต และสุขภาพกาย ของทุกคน จนน�ำไปสู่การเกิดปัญหาและสภาวะวิกฤติทางสังคม ดังนั้น ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียน ให้มีความสมบูรณ์พร้อมอย่างเป็นองค์รวมทั้ง ด้านร่างกาย สติปัญญา ความรู้ความสามารถ คุณธรรมจริยธรรม ตลอดจนให้มีทักษะในการด�ำรงชีวิต จึงจ�ำเป็นที่ต้องด�ำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตของนักเรียนให้เหมาะสมกับบริบท ของโรงเรียน วัตถุประสงค์ของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ๑. เพื่อให้การด�ำเนินงานดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็นไปอย่างมีระบบ มีประสิทธิภาพ ๒. เพื่อให้โรงเรียน กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการท�ำงานร่วมกัน โดยผ่านกระบวนการท�ำงานที่ชัดเจน มีร่องรอยหลักฐานการปฏิบัติงาน สามารถ ตรวจสอบและประเมินผลได้ ประโยชน์และคุณค่าของระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ๑. นักเรียนได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างทั่วถึง และตรงตามสภาพปัญหา ๒. สัมพันธภาพระหว่างครูกับนักเรียนเป็นไปด้วยดี และอบอุ่น ๓. นักเรียนรู้จักตนเอง และควบคุมตนเองได้ ๔. นักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข และได้รับการส่งเสริมพัฒนาเต็มตามศักยภาพอย่างรอบด้าน ๕. ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพนักเรียนอย่างเข้มแข็ง จริงจัง ด้วยความเสียสละ เอาใจใส่
114 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 115 GSB Digital School Bank โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ GSB Digital School Bank โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ เป็นธนาคารจ�ำลอง ที่ด�ำเนินการ โดยนักเรียนโรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ มีครูเป็นที่ปรึกษา และพนักงานธนาออมสิน สาขา พร้อมพงษ์ เป็นพี่เลี้ยง โดยความร่วมมือระหว่างธนาคารออมสิน และโรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ เปิดท�ำการครั้งแรกเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ต่อมาวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๔ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น GSB Digital School Bank โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ เพื่อยกระดับธนาคารโรงเรียนสู่ยุคดิจิทัล มีการปรับรูปแบบการให้บริการให้มีความทันสมัย และอ�ำนวยการสะดวกต่อผู้รับบริการ นักเรียนผู้ปฏิบัติงานเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย ที่มีความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ มีความรอบคอบ มีผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี มีมนุษย์สัมพันธ์โดยได้รับการสนับสนุน จากโรงเรียนและผู้ปกครอง ธนาคารออมสินให้การสนับสนุนในด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ส�ำนักงาน การฝึกอบรมนักเรียนผู้ปฏิบัติงาน GSB Digital School Bank วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อปลูกฝังและส่งเสริมวินัยทางการออมให้กับนักเรียน ๒. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนบริหารการเงินของตนเอง ๓. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักการท�ำงานในรูปแบบธนาคารผ่าน GSB Digital School ๔. เพื่อเสริมสร้างลักษณะนิสัย ด้านความรับผิดชอบให้กับนักเรียน ๕. เพื่อปลูกฝังเจตคติที่ดีต่อผู้รับบริการ ต�ำแหน่งหน้าที่ของนักเรียนผู้ปฏิบัติงาน GSB Digital School Bank คณะกรรมการธนาคารฝ่ายนักเรียน ปฏิบัติงานหมุนเวียนสับเปลี่ยนกัน ดังรายละเอียด ดังนี้ ๑. พนักงานประชาสัมพันธ์ ๒. ผู้รับฝากเงิน ๓. ผู้บันทึกข้อมูล ๔. ผู้ตรวจสอบบัญชี ควบคุมดูแลโดยคุณครูคณะกรรมการธนาคารโรงเรียนที่โรงเรียนจัดตั้งโดยกลุ่มบริหาร งบประมาณ นักเรียนผู้ปฏิบัติงานธนาคารโรงเรียนจะได้รับเกียรติบัตรจากธนาคารออมสิน ได้รับทุน การศึกษา และได้รับการสนับสนุนให้เข้าร่วมกิจกรรมกับธนาคารออมสิน
116 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ การฝากเงิน นักเรียนสามารถท�ำรายการฝากโดยใช้เลขบัญชีเงินฝากกับธนาคารออมสินโดยตรง ธนาคาร โรงเรียนน�ำรายการฝากเงินผ่านระบบงานบริการ GSB Corparate Internet Banking (GSB CoIB) เงื่อนไขในการฝาก ๑. ชื่อเจ้าของบัญชีเป็นชื่อนักเรียนเท่านั้น ๒. ฝากได้ขั้นต�่ำ ๑๐ สูงสุด ๒๐๐ บาทต่อหนึ่งรายการ ๓. ฝากได้เฉพาะเงินสด การถอนเงิน นักเรียนสามารถท�ำรายการถอนได้ที่ ธนาคารออมสิน ทุกสาขา หรือผ่านแอปพรีเคชั่น Mymo ส�ำหรับนักเรียนที่อายุ ๑๕ ปีขี้นไป การรับรู้ความเคลื่อนไหวของบัญชี - นักเรียนที่อายุต�่ำกว่า ๑๔ ปี เปิดใช้แอปพรีเคชั่น GSB Now - นักเรียนที่อายุ ๑๕ ปีขึ้นไป เปิดใช้แอปพรีเคชั่น My Mo เวลาเปิดท�ำการ เปิดท�ำการทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เวลาเช้า ๐๖.๓๐ - ๐๗.๓๐ น. เวลาเย็น ๑๕.๓๐- ๑๖.๓๐ น.
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 117 งานเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา งานเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา เป็นงานสนับสนุนการเรียนรู้และให้บริการโสตทัศนูปกรณ์ ซึ่งอยู่ภายใต้ขอบข่ายกลุ่มบริหารงานทั่วไป ประกอบด้วยงาน ๒ ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้ ๑. งานเทคโนโลยีการเรียนรู้ ลักษณะของงาน คือ ๑.๑ ให้ค�ำแนะน�ำการออกแบบการสอนและการจัดการสื่อการเรียนรู้แก่ครู นักเรียน และ บุคลากรในโรงเรียน ๑.๒ ให้ค�ำแนะน�ำวิธีการสร้างสื่อประกอบการเรียนรู้แก่ครู นักเรียน และบุคลากร เช่น การถ่ายภาพนิ่ง วีดิทัศน์ การแปลงไฟล์ข้อมูล การใช้โปรแกรมน�ำเสนอคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นต้น ๑.๓ อบรมและให้ค�ำแนะน�ำวิธีการใช้โสตทัศนูปกรณ์ และเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อการเรียนรู้ เช่น โปรเจคเตอร์ เครื่องเสียง การเชื่อมสายคอมพิวเตอร์กับเครื่องฉายภาพแบบทึบแสง (Visualizer) กล้องถ่ายภาพ DSLR เป็นต้น ๒. งานโสตทัศนศึกษา ลักษณะของงาน คือ ๒.๑ ควบคุมดูแลรักษาโสตทัศนูปกรณ์ของโรงเรียน เช่น เครื่องเสียงห้องประชาสัมพันธ์ หน้าเสาธง ใต้อาคาร ๘ ห้องโสตทัศนศึกษา ห้องประชุมหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ห้องประชุมเพชรรัตน เฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น ๒.๒ ควบคุมดูแลและให้บริการ การใช้ห้องโสตทัศนศึกษา ห้องประชุมหม่อมหลวง ปิ่น มาลากุล ห้องประชุมเพชรรัตนเฉลิมพระเกียรติ ๒.๓ ให้บริการงานโสตทัศนศึกษาและทัศนูปกรณ์ในกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน เช่น ถ่ายภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว จัดท�ำวีดิทัศน์กิจกรรมของโรงเรียน ประชาสัมพันธ์ภาพกิจกรรมของโรงเรียน ในสื่อสังคมออนไลน์ และออกแบบปก/ป้ายกิจกรรมของโรงเรียน เป็นต้น สถานที่ท�ำการของงานโสตทัศนศึกษา คือ ห้องควบคุมภายในห้องโสตทัศนศึกษา ๘๑๐๖ อาคาร เฉลิมพระเกียรติ ชั้น ๑
118 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ งานสัมพันธ์ชุมชนและประชาสัมพันธ์ งานสัมพันธ์ชุมชน ๑. ส่งเสริมนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรต่าง ๆ เช่น การแสดงดนตรีและนาฏศิลป์ การประกวด งานศิลปะ และการขับร้องดนตรี การแข่งขันกีฬา ฯลฯ ตามที่ชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ ๒. ประสานขอความร่วมมือชุมชนและภาคีเครือข่ายในการช่วยเหลือและแก้ไขพฤติกรรมเสี่ยง ของนักเรียน ๓. เปิดบริการให้ชุมชน องค์กรเครือข่ายและหน่วยงานต่าง ๆ มาใช้สถานที่ของโรงเรียน เช่น จัดอบรม สัมมนา จัดงานมงคลสมรส ฝึกซ้อมกีฬา จัดการแข่งขันกีฬา และใช้เป็นสถานที่จอดรถ ๔. จัดนักเรียนเข้าร่วมเดินรณรงค์ในงานต่อต้านภัยเอดส์และสารเสพติด รวมทั้งเผยแพร่เอกสาร ต่าง ๆ ให้กับชุมชนรอบ ๆ โรงเรียน ๕. ออกเยี่ยมเยียนและให้ความช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบอุบัติเหตุและอุบัติเหตุ เป็นกรณีไป ตามความเหมาะสม งานประชาสัมพันธ์ ๑. ด้านเครื่องขยายเสียง ๑.๑ แจ้งข่าวสารข้อมูลความรู้ทั่วไปโดยการจัดรายการเสียงตามสายช่วงเช้า เวลา ๐๗.๐๐ - ๐๗.๓๐ น. ช่วงเย็น เวลา ๑๖.๐๐ - ๑๗.๐๐ น. ๑.๒ เปิดสัญญาณเพลงอัตโนมัติเพื่อให้นักเรียนมาเข้าแถวเวลา ๐๗.๓๐ น. ๑.๓ ประกาศข่าวสารต่าง ๆ ที่หน่วยงานในโรงเรียนต้องการแจ้งให้นักเรียนทราบ ในช่วงเร่งด่วน ๑.๔ เป็นศูนย์บริการแจ้งข่าวสารการขอพบหรือการมารับนักเรียนให้กับผู้ปกครอง ๑.๕ เป็นศูนย์บริการแจ้งข่าวสารแก่บุคคลในโรงเรียนในช่วงเวลา พักกลางวัน และ หลังเลิกเรียน ๑.๖ เป็นศูนย์กลางการติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ระหว่างหน่วยงานภายนอกกับภายใน โรงเรียน และให้ข้อมูลแก่ผู้ปกครองในช่วงรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนชั้น ม.๑ และ ม.๔ ๑.๗ เป็นศูนย์บริการรับ - ฝากของให้กับผู้ปกครองและครู ๑.๘ จัดท�ำป้ายนิเทศต่าง ๆ รวมถึงป้ายต้อนรับคณะผู้ศึกษาดูงานและเยี่ยมชมโรงเรียน ตามวาระของกิจกรรม
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 119 ๒. ด้านวารสารและจดหมายข่าว ๒.๑ ให้บริการข่าวสาร ข้อมูล ความรู้ ความบันเทิง และประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนแก่ครู บุคลากร ผู้ปกครอง นักเรียน ตลอดจนชุมชนในท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง โดยจัดท�ำวารสาร “น�้ำผึ้งสาร” เผยแพร่ปีละ ๑ ฉบับ ๒.๒ จัดท�ำจดหมายข่าวแจ้งเรื่องราวความเคลื่อนไหวการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์และ กิจกรรมต่าง ๆ ของหน่วยงานในโรงเรียน โดยนักเรียน ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง และผู้ที่สนใจสามารถ ส่งข้อมูลข่าวสารและคอลัมน์อันเป็นประโยชน์มาเผยแพร่ได้ตามความสนใจ ๓. งานต้อนรับ ท�ำหน้าที่ต้อนรับและจัดเตรียมแฟ้มที่ระลึกแก่แขกที่มาเยี่ยมชมโรงเรียน ๔. งานพิธีกร จัดหาพิธีกรฝ่ายครูและนักเรียนด�ำเนินรายการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียนให้ลุล่วงไปด้วยดี
120 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ งานโภชนาการ ระเบียบการใช้โรงอาหาร เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการรับประทานอาหารที่ทางโรงเรียนจัดบริการจ�ำหน่าย นักเรียนต้องปฏิบัติดังนี้ ๑. การใช้โรงอาหารในช่วงเวลาพักแต่ละระดับ ๑.๑ นักเรียนระดับชั้น ม.๑ - ม.๓ พักรับประทานอาหารเวลา ๑๐.๔๐ - ๑๑.๓๐ น. ๑.๒ นักเรียนระดับชั้น ม.๔ - ม.๖ พักรับประทานอาหารเวลา ๑๑.๓๐ - ๑๒.๒๐ น. ๒. ข้อปฏิบัติในการซื้ออาหาร ๒.๑ ให้เข้าแถวซื้ออาหารตามล�ำดับก่อนหลัง ๒.๒ ห้ามซื้ออาหารนอกเวลาพักที่ก�ำหนดไว้แต่ละระดับ ๒.๓ อาหารทุกประเภทต้องรับประทานในโรงอาหารเท่านั้น ห้ามน�ำอาหารและภาชนะ ออกจากโรงอาหารโดยเด็ดขาด ๒.๔ ไม่ส่งเสียงดังหรือกระท�ำการใด ๆ อันอาจเป็นที่ร�ำคาญของผู้อื่น ๒.๕ ช่วยกันรักษาความสะอาดในบริเวณโรงอาหาร ๒.๖ เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ ให้น�ำภาชนะที่ใช้แล้วเก็บไว้บริเวณที่โรงอาหารจัดให้ เท่านั้น ๒.๗ ในกรณีที่จ�ำเป็นต้องรับประทานอาหารก่อนหรือหลังช่วงที่ตนพัก ให้ขอใบอนุญาต จากงานกิจการนักเรียน กลุ่มบริหารทั่วไป มาแสดงต่ออาจารย์เวรโรงอาหารในช่วงนั้น หรืออาจารย์ ฝ่ายโภชนาการก่อน ๒.๘ หากจ�ำเป็นต้องใช้โรงอาหารเป็นสถานที่จัดกิจกรรมอย่างอื่น ต้องขออนุญาตต่อหัวหน้า โภชนาการก่อนเสมอ ในกรณีที่ไม่สบายต้องรับประทานอาหารก่อนเวลาให้ขอใบอนุญาตจากห้องพยาบาล ๒.๙ ไม่ท�ำให้ภาชนะจาน ชาม อุปกรณ์และสิ่งต่าง ๆ บริเวณโรงอาหารเสียหาย ๓. สัญญาณก�ำหนดเวลา ๓.๑ การกดสัญญาณ ๑ ครั้ง หมายความว่า เหลือเวลารับประทานอาหาร ๕ นาที นักเรียนในระดับชั้นนั้น ๆ ต้องเตรียมตัวเก็บภาชนะ ตรวจสอบสัมภาระของตนเองก่อนออกจากโรงอาหาร ๓.๒ การกดสัญญาณ ๒ ครั้ง หมายความว่า หมดเวลารับประทานอาหาร ในช่วงเวลาพัก ของแต่ละระดับต้องออกจากโรงอาหารทันที
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 121 งานพยาบาล โรงเรียนสานน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ จัดให้มีบริการทางด้านสุขภาพอนามัยแก่นักเรียน ครู และ บุคลากรของโรงเรียน เปิดให้บริการด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น การดูแลผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเล็กน้อย ห้องพยาบาลต้องเงียบสงบ ๑. เปิดให้บริการเวลา ๐๗.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. โดยไม่มีการพักกลางวัน ๒. นักเรียน ครูและบุคลากรของโรงเรียนที่ป่วย มารับบริการให้ลงชื่อในสมุดบันทึกสถิติ การใช้บริการทุกครั้ง ๓. ผู้มาใช้บริการแจ้งอาการป่วย เพื่อวิเคราะห์อาการป่วยก่อนจ่ายยา/ปฐมพยาบาลเบื้องต้น หากจ�ำเป็นต้องให้นอนพัก สามารถนอนพักได้ไม่เกิน ๑-๒ คาบ ขึ้นอยู่กับอาการป่วย ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบเพื่อรับไปพบแพทย์ท�ำการรักษาต่อไป ๔. ผู้มาใช้บริการจะต้องแจ้งอาการแพ้ยา และชื่อยาที่แพ้ทุกครั้ง หากมีโรคประจ�ำตัวต้องแจ้ง ให้ทราบทุกครั้ง ๕. ไม่อนุญาตให้รับยาแทนบุคคลอื่น ๖. ห้ามหยิบยารับประทานเอง ๗. ห้ามนักเรียนเข้าเยี่ยมนักเรียนที่นอนพักในห้องพยาบาล ๘. ห้ามส่งเสียงดังรบกวนผู้ป่วย
122 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ ระเบียบการใช้ห้องพยาบาล ๑. ประสงค์ขอรับยา ให้ติดช่องผ่านทางช่องรับยา (ช่องหน้าต่าง) แจ้งอาการป่วยเพื่อวิเคราะห์อาการป่วย ก่อนจ่ายยา หากมีโรคประจ�ำตัว หรือมีประวัติการแพ้ยา ต้องแจ้งให้ทราบทุกครั้ง ลงชื่อในสมุดบันทึก การใช้บริการทุกครั้ง และไม่อนุญาตให้รับยาแทนบุคคลอื่น ๒. ประสงค์ขอนอนพัก ให้นักเรียนถอดรองเท้า วางในชั้นวางรองเท้าหน้าห้อง แจ้งอาการป่วย และขออนุญาต นอนพัก แจ้งครูผู้สอนในคาบเรียนที่นักเรียนมานอนพักที่ห้องพยาบาล หลังใช้บริการนักเรียนต้องเก็บขยะ คลุมเตียง และส�ำรวจของมีค่าให้เรียบร้อย ๓. ประสงค์ท�ำแผล การท�ำแผลจะท�ำเฉพาะอุบัติเหตุ และฉุกเฉินเท่านั้น แผลเก่านักเรียนจะต้องมาท�ำแผล ช่วงเช้าก่อนคาบเรียนที่ ๑ คาบพัก และหลังเลิกเรียนเท่านั้น ห้ามนักเรียนท�ำแผลเอง ห้ามหยิบ จับ อุปกรณ์และเครื่องมือบนรถท�ำแผล ก่อนได้รับอนุญาต เนื่องจากอุปกรณ์และเครื่องมือทุกชิ้นผ่านการอบ ฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว ๔. จ�ำเป็นต้องส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล นักเรียนที่มีอาการป่วยมาก แจ้งให้ผู้ปกครองทราบเพื่อรับไปพบแพทย์ท�ำการรักษาต่อไป หากได้รับอุบัติเหตุรุนแรงภายในโรงเรียน แจ้งให้ผู้ปกครอง และครูที่ปรึกษาทราบ เพื่อส่งต่อไปรักษา ที่โรงพยาบาล ๕. วิธีการเบิกค่าสินไหมทดแทนประกันภัยอุบัติเหตุ ใช้บัตรประกันภัยอุบัติเหตุคู่กับบัตรประชาชนของนักเรียน ยืนที่โรงพยาบาลในเครือของ บริษัทประกันภัย ตามที่งานพยาบาลแจ้งในแต่ละปี หากเกิดอุบัติเหตุทางจราจร ให้นักเรียนใช้ พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์/รถยนต์ ของคู่กรณีหรือของนักเรียนเองก่อน กรณีนักเรียนท�ำบัตรประกันภัยอุบัติเหตุหาย นักเรียนจะต้องส�ำรองเงินจ่ายก่อน แล้วน�ำ เอกสารมายื่นที่ห้องพยาบาล เพื่อยื่นเบิกกับบริษัทประกันภัย เอกสารประกอบการเบิกค่าสินไหมทดแทนประกันภัยอุบัติเหตุ - ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาลต้นฉบับ - ใบรับรองแพทย์ต้นฉบับ - ส�ำเนาบัตรประชาชนของนักเรียน พร้อมรับรองส�ำเนาถูกต้อง - ส�ำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง กรณีนักเรียนอายุต�่ำกว่า ๑๕ ปี บริบูรณ์ พร้อมรับรองส�ำเนาถูกต้อง
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 123 ส�ำนักงานกลุ่มบริหาร ส�ำนักงานผู้อ�ำนวยการโรงเรียน ๑๒๘ ส�ำนักงานกลุ่มบริหารงบประมาณ ๑๒๗ ส�ำนักงานกลุ่มบริหารวิชาการ ๑๔๕ ส�ำนักงานกลุ่มบริหารทั่วไป ๑๑๖ ส�ำนักงานกลุ่มบริหารงานบุคคล ๑๓๘ อาคาร ๓ ห้องสมุด ๑๓๕ ศูนย์คอมพิวเตอร์ ๑ ๑๓๔ อาคาร ๔ ห้องพยาบาล ๑๐๗ กลุ่มบริหารงานบุคคล ๑๓๘ งานกิจการนักเรียน ๑๑๒ อาคาร ๕ (เพชรรัตนเฉลิมพระเกียรติ) ห้องควบคุมเสียง ๑๓๙ กลุ่มสาระการงานอาชีพและโทคโนโลยี ๑๔๐ อาคารเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ โรงอาหาร ๑๔๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ๑๔๓ อาคาร ๘ ห้องประชุม ๘๑๐๓ ๑๑๔ ห้องโสตทัศนศึกษา ๑๑๗ งานแนะแนว ๑๑๘ งานทะเบียนวัดผล ๑๒๐ งานการเงิน ๑๒๔ งานสารบรรณ ๑๒๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ ๑๒๙ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ๑๘๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ๑๓๐ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ๑๑๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ๑๓๒ ศูนย์คอมพิวเตอร์ ๒ ๑๒๒ อาคาร ๓๖ ปี(สายน�้ำผึ้ง) ส�ำนักงานประชาสัมพันธ์ ๑๐๑ ป้อมยาม ๑๔๔ หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อภายใน โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ เบอร์โทรศัพท์โอนสายอัตโนมัติ๐๒-๒๕๘-๒๒๓๔ FAX : ๐๒-๒๕๘-๓๓๔๗, ๐๒-๒๖๑-๖๔๗๗, www.sainampeung.ac.th
124 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 125 เพลงประจ�ำโรงเรียน สายน�้ำผึ้งที่รัก สายน�้ำผึ้งเพียงหยดรดดวงจิต เหมือนมวลมิตรชิดชื่นกลืนรสหวาน ดั่งความรักหมู่เราเนาเนิ่นนาน สมัครสมานสามัคคีไม่มีคลาย สายน�้ำผึ้งสถาบันอันสูงส่ง เกียรติด�ำรงคงไว้ให้ถวิล แหล่งศึกษาที่ร�่ำเรียนเป็นอาจิณ เหมือนแดนดินทิพย์วิมานประทานมา ค�ำขวัญยึดมั่นใจ มาเถิดมามาร่วมมือกัน (ซ�้ำ) ผูกสัมพันธ์ใจเป็นดวงหนึ่ง (ซ�้ำ) เพื่อชื่อเสียงของสายน�้ำผึ้ง ดังค�ำขวัญของสายน�้ำผึ้ง พวกเราจึงยึดมั่นในใจ (ซ�้ำ) จรรยางาม ตามนิยม เพื่อคงความเป็นกุลสตรี กิริยามารยาทเรียบร้อยดี ทั้งท่วงทีวาจาก็น่าชม ความรู้ดีมีปัญญา จะช่วยพาชีวิตสุขสม ทั้งครอบครัวตัวเองได้รื่นรมย์ ช่วยสังคมชาติไทยให้รุ่งเรือง (สร้อย) กีฬาเลิศเชิดชูให้ พลานามัย ร่างกายดูงดงาม เทิดวัฒนธรรมของไทยในทุกยาม เพื่อคงความเป็นไทยแก่ก่อนมา อีกสัมพันธ์ชุมชนคนรอบข้าง เพื่อสร้างความกลมเกลียวกับประชา ให้โรงเรียนของเราได้วัฒนา เป็นศรีสง่าแก่บ้านเมือง
126 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ มาร์ชสายน�้ำผึ้ง สายน�้ำผึ้งงดงามนามก็หวานสนิท สมานสมัครรักมิตรและสามัคคี เกียรติคุณบุญส่งหนุนเลิศทวี พวกเรารักศักดิ์ศรีแสนสง่า สายน�้ำผึ้ง ตรึงหทัยล�้ำเลิศค่า สถิตย์ธรรมาศรัทธาสู้ทั่วทุกคน สายน�้ำผึ้ง สายน�้ำผึ้ง ซึ้งกมล น�้ำตาลเหลือง น�้ำตาลเหลือง เฟื่องสกล ร่วมแรงร่วมกมล เทิดไว้ซึ่งเกียรตินิยม ของชาวประชา สายน�้ำผึ้ง สายน�้ำผึ้ง สายน�้ำผึ้ง มาร์ชเกียรติภูมิ ร่วมรวมก�ำลัง พร้อมพลัง สามัคคี เพิ่มพูนทวี ชื่อเสียงส�ำเนียงลือชา ทั้งไทย-รัฐ ปรากฎ เกียรติยศสง่า พร้อมบูชาสถาบัน มุ่งจรรยางาม ความรู้ดี กีฬาเลิศ ร่วมรวมชุมชน ชูเชิดความสัมพันธ์ วัฒนธรรมไทย เทิดทูนไว้คงมั่น พร้อมใจกัน เพื่อเขตคาม เราชาวสายน�้ำผึ้ง เกียรติก้องตราตรึง คนระบือ ลือนาม เรามั่นในความรักภักดี เพื่อศาสน์-ชาติพลี พร้อมทุกยาม สัจธรรมน�ำน้อมดวงใจ จากรวงเป็นรัง พร้องพลังสามัคคี เพิ่มพูนทวี ชื่อเสียงส�ำเนียงอวยชัย น�้ำตาล-เหลือง โชยสะบัด โบกโบยพัดเกรียงไกร พร้อมน�ำชัยให้กับเรา
คู่มือนักเรียน ผู้ปกครองและครู 127 บันทึก
128 โรงเรียนสายน�้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ จัดพิมพ์โดย : บริษัท อินเตอร์-เทค พริ้นติ้ง จ�ำกัด โทร. ๐-๒๕๘๗-๕๓๗๙ บันทึก
สสภภาานนกก ัั เเรร ี ยี ยนน โรงเร ี ยนสายน ํ ้ าผ ึ ง ้ ในพระอ ุ ปภมัภฯ์ รรอองงปปรระะธธาานนฝฝาายยงงบบปปรระะมมาาณณ นนาางงสสาาววปปรรียียาากกรรณณบบุญุญลลักักขขะะ ชชั้นั้นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง88 ปปรระะธธาานนนนักักเเรรียียนน นนาางงสสาาววขขววัญัญจจิริราา ฟฟอองงศศรรีจีจันันททรร ชช ั้ น ั้ นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง99 รรอองงปปรระะธธาานนนนักักเเรรียียนน นนาางงสสาาววภภัทัทรรจจิติต สสุทุทธธิโิโออภภาาสส ชช ั้ น ั้ นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง99 เเลลขขาานนุกุกาารร นนาางงสสาาววรรจจนนาา ชชาารริโิโทท ชช ั้ น ั้ นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง99 รรอองงปปรระะธธาานนฝฝาายยววิชิชาากกาารร นนาางงสสาาววณณัชัชชชาานนันันททรราางงเเลล็ก็ก ชชั้นั้นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง99 ผผูชูชววยยรรอองงปปรระะธธาานนฝฝาายยววิชิชาากกาารร นนาางงสสาาววสสุกุกฤฤตตาายยออมมินิน ชชั้นั้นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง99 รรอองงปปรระะธธาานนฝฝาายยททั่วั่วไไปป นนาางงสสาาววแแพพรรพพลลออยยสสุขุขยยาานนีี ชชั้นั้นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง44 ผผูชูชววยยรรอองงปปรระะธธาานนฝฝาายยททั่วั่วไไปป นนาางงสสาาววพพิชิชาามมญญชชุุชชูศูศรรีี ชชั้นั้นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง99 รรอองงปปรระะธธาานนฝฝาายยสสาารรววัตัตรรนนักักเเรรียียนน นนาางงสสาาววพพิลิลาาศศลลักักษษณณพพรรคคงงธธววัชัช ชชั้นั้นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง99 ผผูชูชววยยรรอองงปปรระะธธาานนฝฝาายยงงบบปปรระะมมาาณณ นนาางงสสาาววออนนุธุธิดิดาา นนุยุยมมัยัย ชชั้นั้นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง88 ผผูชูชววยยรรอองงปปรระะธธาานนฝฝาายยสสาารรววัตัตรรนนักักเเรรียียนน นนาางงสสาาววเเจจตตนนิพิพิฐิฐ ฉฉัพัพพพรรรรณณรรังังษษีี ชชั้นั้นมมัธัธยยมมศศึกึกษษาาปปทที่ี่55 หหอองง1111 ประจา ํ ปี การศก ึ ษา 2567
02-258-2234 โรงเร ี ยนสายน ํ ้ าผ ึ ง ้ ในพระอ ุ ปถมัภฯ์ 186 ซอยส ุ ข ุ มวิท 22 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กร ุ งเทพฯ 10110