The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sureerat Homsuwan, 2022-06-22 21:47:11

เมนูยาพอกหัวเด็กและเมนูผักโขมปั้นก้อนอบ

หลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน





คำนำ

ด้วยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ จังหวัดอุทัยธานี เป็นศูนย์ฝึกอาชีพราษฎรตามพระราชดาริ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ
จัดฝึกอบรมด้านอาชพี ใหก้ ับประชาชนให้มรี ายได้ และเพื่อศกึ ษาค้นควา้ วจิ ยั พัฒนาความร้ดู า้ นอาชีพต่าง ๆ
จากภูมิปัญญาท้องถ่ินตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีสาคัญคือเป็นแหล่งเรียนรู้และจัดกิจกรรม
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในทุกรูปแบบ เป็นศูนย์สาธิต ทดลอง จัดแสดงและจัดจาหน่าย
ผลิตภัณฑ์ของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ และโครงการพระราชดาริ รวมถึงการสนับสนุนประสานงานร่วมกับ
ภาคีเครือข่ายในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทา สร้างรายได้ให้กับตนเอง
และครอบครวั

หลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกมุ ารี โดยศูนย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์ ศูนย์ฝกึ อาชีพราษฎรตามพระราชดาริ จงั หวดั อทุ ัยธานี
ดาเนินการศึกษาเอกสารหนังสือครัวสระปทุม และหนังสือเมนูพระราชทาน 60 พรรษา ซ่ึงนาหลักการ
เนื้อหา และวิธีการประกอบอาหารไปจัดทาเป็นหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น เพ่ือเป็นการเทิดพระเกียรติ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระปรีชาสามารถเร่ือง
การประกอบพระกระยาหาร และเผยแพร่อาหารสูตรพระราชทานให้กับประชาชน สามารถประกอบอาหาร
และขนมท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้หรือนาไปประกอบอาชีพสร้างรายได้
และพฒั นาคุณภาพชวี ติ ท่ีดีต่อไป

ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ ภูมิปัญญาท้องถิ่น วิทยากร ข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา และบุคลากรของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ท่ีได้ร่วมจัดทาและพัฒนา
หลกั สตู รวชิ าชีพระยะสั้น และจัดทาแผนการเรียนรู้รวมท้ังสื่อต่าง ๆ ให้สาเร็จไปด้วยดีและหวังเป็นอย่างย่ิงว่า
หลกั สูตรวชิ าชพี ระยะส้ัน ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวิทยากร ครูผู้สอน ผู้เรียน
และผทู้ ่ีสนใจได้นาไปใชใ้ หเ้ กิดประโยชนค์ ุ้มคา่ สูงสุด

ศูนยว์ งเดอื น อาคมสรุ ทณั ฑ์
ศูนยฝ์ กึ อาชพี ราษฎรตามพระราชดาริ จังหวดั อทุ ัยธานี



สำรบญั หนำ้

คำนำ 1
ควำมรูเ้ กี่ยวกับวัสดุ อปุ กรณ์ ท่ีใช้ในหลกั สูตรอำหำรสูตรพระรำชทำน 17
ควำมรู้พน้ื ฐำนในกำรจดั กำรเรียนร้ตู ำมหลักสตู รอำหำรสูตรพระรำชทำน 21
หลกั สูตรเมนูยำพอกหัวเด็ก และเมนผู ักโขมปนั้ ก้อนอบ
21
ความเป็นมา 21
หลักการของหลกั สูตร 22
จุดประสงคข์ องหลกั สูตร 22
จุดประสงค์การเรยี นรู้ 22
กลุ่มเปา้ หมาย 22
ระยะเวลา
โครงสรา้ งหลักสตู ร 22
การจดั การเรยี นรู้ 23
สอื่ การเรยี นรู้ 23
การจัดกระบวนการเรียนรู้ 23
การวดั และประเมนิ ผล 23
ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ
การจบหลกั สตู ร 23
เอกสารหลักฐานการศกึ ษา 24
แผนกำรจดั กระบวนกำรเรียนรู้หลักสตู รเมนยู ำพอกหวั เดก็ และเมนผู กั โขมปน้ั กอ้ นอบ 24
ใบความรู้ ความเป็นมาของเมนยู าพอกหวั เดก็ 25
ใบความรู้ วธิ กี ารทาเมนยู าพอกหวั เดก็ 30
ใบความรู้ ความเปน็ มาของเมนูผักโขมป้ันก้อนอบ 31
ใบความรู้ วธิ กี ารทาเมนูผกั โขมปัน้ ก้อนอบ
แบบบนั ทึกการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น 33
ใบความรู้ คณุ คา่ ทางโภชนาการ 32
ใบความรู้ บรรจภุ ัณฑ์ 36
ใบความรู้ การคานวณต้นทนุ กาไร 37
ใบงาน การคดิ ตน้ ทุน กาไร 38
ใบความรู้ ชอ่ งทางการตลาด 42
แบบทดสอบก่อนเรียน
แบบทดสอบหลงั เรียน 45
แบบประเมินผลการจดั การศกึ ษาและฝึกอบรมหลักสตู ระยะสน้ั 46
51
บรรณำนกุ รม 52
คณะผู้จดั ทำ 53

สำรบัญรูปภำพ ค

ภาพท่ี 1 เตาแก๊ส หนำ้
ภาพท่ี 2 เตาถ่าน
ภาพท่ี 3 เคร่ืองปั่น 2
ภาพท่ี 4 เตาอบไฟฟา้ 3
ภาพท่ี 5 เตาอบวาฟเฟลิ 3
ภาพท่ี 6 เครื่องชั่งขนาดใหญ่ 4
ภาพที่ 7 เคร่อื งชัง่ ขนาดเล็ก 5
ภาพที่ 8 เครื่องชัง่ ดจิ ิตอล 5
ภาพท่ี 9 ถ้วยตวงของแห้ง 6
ภาพท่ี 10 ถว้ ยตวงของเหลว 6
ภาพท่ี 11 ชอ้ นตวง 8
ภาพท่ี 12 มดี ชนิดตา่ ง ๆ 9
ภาพท่ี 13 เขียงไมแ้ ละเขยี งพลาสติก 9
ภาพที่ 14 เขียงพลาสติก 11
ภาพที่ 15 ชามผสมหรอื อา่ งผสม 12
ภาพที่ 16 กระชอน 12
ภาพที่ 17 อุปกรณ์ทใี่ ช้ในการหุงตม้ และนง่ึ 13
ภาพที่ 18 ถาดอลูมิเนยี ม 14
ภาพที่ 19 กระบวยสแตนเลส 14
ภาพที่ 20 ผ้าขาวบาง 15
ภาพที่ 21 ครกหนิ 15
ภาพท่ี 22 นา้ มันสลัดเมล็ดชา 16
ภาพท่ี 23 น้ามันเมล็ดงามอ้ น 16
ภาพท่ี 24 ยาพอกหวั เดก็ 20
ภาพท่ี 25 วตั ถดุ บิ และสว่ นผสมของเมนยู าพอกหวั เด็ก 20
ภาพท่ี 26 ผกั โขมปั้นกอ้ นอบ 30
ภาพที่ 27 วตั ถดุ บิ และสว่ นผสมของเมนผู กั โขมป้ันกอ้ นอบ 31
ภาพที่ 28 บรรจภุ ณั ฑ์จากกระดาษ 33
ภาพท่ี 29 บรรจภุ ณั ฑ์จากพลาสติก 34
ภาพท่ี 30 บรรจุภณั ฑจ์ ากป่นิ โต 39
ภาพที่ 31 บรรจภุ ณั ฑ์จากแก้ว 40
ภาพที่ 32 บรรจภุ ณั ฑ์จากวสั ดุธรรมชาติ 40
41
41

1

ควำมรู้เกยี่ วกับวสั ดุ และอปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นหลกั สตู รอำหำรสูตรพระรำชทำน
ศูนยว์ งเดือน อำคมสุรทณั ฑ์ ศนู ยฝ์ กึ อำชีพรำษฎรตำมพระรำชดำริ จงั หวดั อทุ ยั ธำนี

วัสดแุ ละอปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ นหลกั สตู รอำหำรสูตรพระรำชทำน
ในการจดั เตรียมวสั ดแุ ละอุปกรณ์ในการจัดทาหลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน จะต้องใช้วัสดุและ

อุปกรณ์หลากหลายชนิด ตั้งแต่เตาหุงต้ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เคร่ืองใช้ในครัวเรือน เพื่อประกอบการทา และ
การจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ให้พร้อม วัสดุและอุปกรณ์ทุกชนิดที่นามาใช้ต้องอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน
ซึ่งทาให้การประกอบอาหารได้ดี ไม่เสยี แรงงาน และประหยดั เวลา วัสดุและอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ประกอบด้วย

อุปกรณ์ในกำรหุงต้มประเภทเตำ
เตาท่ีใช้ในการหงุ ต้ม หรือประกอบอาหารและขนมมีหลากหลายชนิด เช่น เตาถ่าน เตาน้ามันก๊าด
เตาแกส๊ และเตาไฟฟา้ เปน็ ต้น ซ่ึงเตาบางชนดิ ไมไ่ ดม้ ีการใชง้ าน การเลอื กใชเ้ ตาในการประกอบอาหารและ
ขนมจะเลือกใช้เตาทใ่ี ห้ความสะดวกในการใชง้ านเพ่ือประกอบอาหารและขนม ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีในการ
ออกแบบเตาทาให้การใช้งานสะดวกและหลากหลายมากขึน้ รูปแบบของเตามีดังต่อไปน้ี
1. เตำแกส๊ (Gas Stove)
เตาแก๊ส มีหลักการทางานโดยท่อท่ีต่อพ่วงจากตัวถังมายังเตา ท่อท่ีแก๊สจากถังจะถูกส่งจ่ายเข้าไป
ภายในเตา เมื่อเปิดวาล์วควบคุมแก๊สเข้าหัวเตา แก๊สจากท่อนาแก๊สหลักจะไหลเข้าสู่ห้องผสม
อากาศ ความเร็วของแก๊สท่ีไหลเข้ามาในห้องผสมอากาศจะดึงดูดให้อากาศไหลเข้ามาผสมกัน ในขณะท่ี
ไหลเข้าสู่หัวเตา จนกระท่งั เมือ่ มาถึงหัวเตาจะมสี ่วนผสมสว่ นหน่ึงไหลเข้าไปในท่อเล็กด้านข้าง ซ่ึงภายในจะ
มหี วั จุดนาเพ่ือจุดส่วนผสมนี้ให้ติดไฟข้ึนได้ เตาแก๊สมีให้เลือกทั้งแบบเตาแก๊สต้ังโต๊ะ คือ เตาแบบเคล่ือนย้ายได้ และ
เตาฝงั ซ่ึงจะต้องทาการตดิ ต้งั แบบบ้ิวท์อินกบั เฟอร์นิเจอรท์ าใหม้ คี วามสวยงาม มขี อ้ เสียคอื เคล่อื นย้ายไมไ่ ด้
ซึ่งการเลอื กซอ้ื เตาแก๊สมาเพอ่ื การใชง้ าน ต้องพิจารณาถึงลักษณะครัว การใช้งาน ความต้องการด้านความสวยงาม
หรือการตกแตง่ ภายในใหเ้ ขา้ กับห้องครัว
วิธกี ำรเลือกซื้อ ใหค้ านงึ ถงึ ความสามารถในการทาความร้อน มีระบบความปลอดภัยในการตัดแกส๊
มีวัสดุท่ีใช้ในการผลิตท่ีทนทาน เลือกหัวเตาท่ีผลิตจากวัสดุท่ีทนความร้อนสูงโดยเลือกใช้หัวเตาแก๊สที่ผลิต
จากทองเหลอื ง เลือกระบบจุดติดของหัวเตาท่ีเหมาะสม และระบบการทางานของหัวเตาแก๊สแบบเผาไหม้
ที่สมบูรณ์ โดยวิธีสังเกตระบบการทางานของหัวแก๊ส คือ การดูสีของเปลวไฟ ต้องเลือกเปลวไฟท่ีเป็นสีฟ้า
และไม่มีสีแดงมาปะปน หากมีสีแดงมาปะปนจะแสดงว่ามีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เป็นเหตุให้ภาชนะทา
ความสะอาดยากและเก่าเรว็ กว่าปกติ และจะทาใหม้ ีความส้ินเปลืองแกส๊ มากกว่าปกติ
วิธีกำรใชง้ ำน จัดเตรียมอาหารและขนมที่จะหุงต้มไว้ให้เรียบร้อย เลือกขนาดของภาชนะท่ีจะใช้หุงต้ม
ให้เหมาะกับหัวเตา ทาการเปิดวาล์วที่ถังแก๊ส จุดไฟท่ีหัวเตาพร้อมกับเปิดวาล์วท่ีหัวเตา ให้หมุนเปิดวาล์ว
เพียงเล็กน้อยเพ่ือให้แก๊สออกมาน้อย ป้องกันไม่ให้เปลวไฟลุก เมื่อไฟท่ีหัวเตาติดจึงปรับเพิ่มไฟตามท่ี
ต้องการ เมือ่ หงุ ต้มอาหารและขนมเสร็จเรยี บร้อยจึงปิดวาลว์ ท่ีหวั เตา และถังแก๊ส
วิธีกำรเก็บรักษำ การทาความสะอาดส่วนที่เป็นโครงเหล็กและฝาหัวเตา ให้ถอดทาความสะอาด
โดยใช้ฟองน้าหรอื ผา้ น่มุ ชบุ น้าสบูเ่ ชด็ ใหส้ ะอาด และนาโครงเหลก็ ไปลา้ งด้วยน้าสะอาดผ่ึงให้แห้ง สาหรับฝาหัวเตา
เม่ือใช้งานเป็นระยะเวลานาน อาจมีเศษอาหารหรือเขม่าอุดตันตามรูช่องไฟได้ ให้ใช้ลวดหรือแปรงขัดทา
ความสะอาด และดา้ นขา้ งให้ใช้ฟองนา้ หรอื ผา้ นุม่ ชุบนา้ สบ่เู ชด็ นาผา้ สะอาดเช็ดอกี ครั้งให้แห้ง

2

ภาพท่ี 1 : เตาแกส๊
โดย ศูนย์วงเดอื น อาคมสรุ ทณั ฑ์

2. เตำถำ่ น
เตาถา่ น เปน็ เตาทใ่ี ช้ถา่ นไมโ้ ดยผา่ นการเผาใหไ้ ม้สกุ ดี และนามาใชเ้ ป็นเชอ้ื เพลิงหงุ ต้มไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ
ดีกว่าเตาประเภทอ่ืน ๆ ให้ความร้อนสูง ทาให้การหุงต้มสุกเร็ว ท้ังยังมีควันน้อยไม่ทาความรวบกวนผู้ใช้
หรือควันไปติดภายในอาคารบ้านเรือน อาจเรียกว่าช่ืออีกอย่างหนึ่ง คือ เตาอั้งโล่ ภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า
เตาสีแดง ลักษณะของเตาถ่านมีลักษณะที่แตกต่างกันตามแบบของแต่ละท้องถ่ินท่ีนิยมใช้ ส่วนใหญ่ข้ึนอยู่กับ
ช่างประดิษฐ์จะมคี วามรแู้ ละฝีมอื เพียงใด เตาถา่ นมผี ้ผู ลติ ออกจาหน่ายมากกว่าเตาฟืน เน่ืองจากเป็นที่นิยม
ของผูใ้ ชง้ านทั่วไป
วิธีกำรเลือกซื้อ ให้คานึงถึงความทนทานของเตา เตาทุกชนิดที่ออกแบบหรือพัฒนาเพ่ือใช้งาน
สาหรับหุงต้มในครัวเรือน เตาต้องมีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพการใช้งาน ความสะดวกในการ
เคลื่อนย้าย ตัวเตาจะต้องมีน้าหนักพอประมาณเพ่ือสามารถเคล่ือนย้ายได้โดยง่าย การใช้งานง่ายเตาท่ีใช้
จะต้องเป็นเตาท่ีจุดไฟติดได้ง่ายให้ความร้อนได้เร็วไม่ต้องเติมเช้ือเพลิงบ่อย ๆ ปากเตารับภาชนะได้หลาย
ชนดิ และหลายขนาด เพอ่ื สะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะการหุงต้มของครัวเรือนไทยจะมีภาชนะและชนิด
ต่าง ๆ กันจึงจาเป็นต้องมีปากเตาให้เหมาะสมกับประโยชน์การใช้งาน เตาจะต้องประหยัดเชื้อเพลิงให้
พลังงานความร้อนท่ีเกิดขึน้ ในชอ่ งเผาไหมข้ องเตา สามารถถา่ ยเทให้แก่ภาชนะได้เต็มท่ีความร้อนจะสูญเสีย
น้อยทส่ี ดุ
วิธีกำรใช้งำน ก่อนติดไฟในเตา ควรเตรียมเคร่ืองประกอบอาหารให้พร้อมและจัดลาดับการหุงต้มให้
เรียบร้อย ไมค่ วรติดไฟรอไว้ก่อนนาน ๆ เพราะเปน็ การสิน้ เปลืองเช้อื เพลงิ เลือกใช้ภาชนะ และขนาดของหม้อให้
พอเหมาะกับปริมาณอาหารที่จะปรุง เตรียมก้อนถ่านควรทุบให้มีขนาดประมาณ 2 – 4 เซนติเมตร ถ่านที่ใช้ไม่
ควรเปียกน้า เพราะจะทาให้ติดไฟยากท้ังเป็นการสิ้นเปลืองเช้ือเพลิงจากการเผาไหม้ท่ีไม่สมบูรณ์ ไม่ควรใส่ถ่าน
จนล้นและดันก้นหม้อลอยจากเส้า จะทาให้รังผ้ึงแตกได้ง่ายและถ่านติดไฟได้ช้า เตาใหม่ที่เร่ิมใช้งานไม่ควรใส่
ถ่านในเตามากเกินไป เพราะฉนวนบุฉนวนทนไฟและรังผึ้งยังไม่สุกและอยู่ตัวดี เมื่อกระทบความร้อนจัด
ทนั ทีในตอนแรกอาจทาให้เตาแตกรา้ วได้ ก่อนเริ่มติดไฟในเตาทุกคร้ังควรเข่ียขี้เถ้าในรังผึ้งและใต้รังผึ้งออก
ให้หมดเพ่ือให้อากาศเข้าเผาไหม้ได้สะดวก ควรปิดประตูลมเม่ือต้องการลดความร้อนภายในเตา เช่น
ในขณะดงข้าวเพ่ือมิให้อาหารไหม้และเป็นการประหยัดถ่าน ถ่านท่ีเหลือจากการหุงต้มไม่ควรท้ิงไว้ให้สูญ
เปลา่ ควรรีบตักเก็บใสใ่ นภาชนะอบั อากาศหรอื กลบดว้ ยทราย ขี้เถ้าไวใ้ ช้ในคราวต่อไป
วธิ กี ำรเก็บรกั ษำ อยา่ ให้อาหารหรือน้าหกรดเตาขณะร้อนจัดเพื่อป้องกันเตาแตก เก็บรักษาเตาไว้
ในท่ีร่ม ไม่เปียกฝนหรือในท่ีที่มีความชื้นสูง หมั่นทาความสะอาดเปลือกตาและทาด้วยน้ามันเล็กน้อยเพ่ือ
ป้องกันสนมิ ในการเคลอื่ นยา้ ยเตา อยา่ วางเตากระแทกเพราะจะทาให้ฉนวนบุเตาไม่ติดแน่นกับตัวถังเตาท่ี
ใช้จะไม่ทน การเปล่ียนรังผ้ึงและฉนวนทนไฟให้ใช้ดินผสมขี้เถ้าแกลบ 1 ต่อ 5 โดยปริมาตร เมื่อดินยาปาก
ถังแตกร้าวมากให้ใช้ดินผสมข้ีเถ้าแกลบ 1 ต่อ 3 หรือใช้ปูนซีเมนต์ยาให้สนิท เพ่ือป้องกันมิให้ปากเตา
แตกร้าว และปอ้ งกันไมใ่ หน้ า้ และความช้ืนเข้าไปภายในเนือ้ เตาได้

3

ภาพท่ี 2 : เตาถา่ น
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

อปุ กรณ์เครอื่ งใช้ไฟฟำ้
เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นเครื่องทุ่นแรงในการประกอบอาหารและขนม มีบทบาทท่ีสาคัญในด้านต่าง ๆ
ได้แก่ การประหยดั แรงงาน สร้างความสะดวกสบายให้กบั ผู้ประกอบอาหาร ดังน้ัน ผู้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าควรมี
ความรใู้ นการเลอื กใช้เครือ่ งใช้ไฟฟ้าในการประกอบอาหาร เพื่อจะได้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับประเภท
ของการทาอาหารและขนม ประกอบด้วย
1. เครือ่ งปนั่ (Blender)
เครอ่ื งปนั่ เปน็ เครอื่ งปนั่ ละเอียด และเครอื่ งป่นั ผสม ประกอบด้วยโถแก้ว มีใบมีดเล็กแตค่ ม และแขง็ แรง
3 - 4 ใบ ทกี่ ้นโถมีปุ่มบังคบั ความเรว็ แตกต่างกัน แบง่ เปน็ ประเภท 2 ประเภท คอื แบบใบมดี ใหญแ่ ต่ไม่คม ใช้ปั่น
หรอื ผสมอาหารที่มลี ักษณะเหนยี วขน้ และแบบใบมดี เล็กแตค่ ม ใช้ปัน่ อาหารประเภทตา่ ง ๆ ทต่ี อ้ งการใหล้ ะเอยี ด
วิธีกำรเลือกซื้อ เครื่องป่ันพิจารณาเลือกซื้อชนิดท่ีเชื่อถือได้ คือ เคร่ืองปั่นผลิตโดยบริษัทที่น่าเชื่อถือ
ในการผลิต และมีการรบั ประกันสินคา้
วิธกี ำรใช้งำน นาวัตถุดิบหรือส่วนผสมใส่ลงในโถป่ัน และเปิดสวิทซ์ไฟ กรณีใช้เคร่ืองป่ันติดต่อกัน
เป็นเวลานานอาจจะทาให้เครื่องร้อนไหม้ได้ หากต้องการปั่นอาหารจานวนมากและนาน ควรพักเครื่องให้
เย็นลง เมื่อป่ันของเหลวไม่ให้ใส่ปริมาณเกินคร่ึงภาชนะ อาจทาให้ไหลซึมจากฝาลงไปยังเครื่อง ทาให้เกิด
ไฟฟ้าช๊อตได้ ในระหว่างเครื่องปั่นทางานไม่ควรคน อาจถูกใบมีดทาให้เกิดอันตรายได้ เม่ือปั่นอาหารที่แห้ง
ให้เติมของเหลวลงไปเล็กน้อย เพราะจะทาให้ปั่นง่ายเครื่องไม่ร้อนเร็ว และป่ันอาหารเร่ิมต้นด้วยความเร็วต่า
ก่อนเสมอ จึงเพิ่มความเร็วภายหลัง ถ้าเป็นการตีอาหารให้ข้ึนฟูไม่ต้องตีนานเพราะเคร่ืองป่ันทางานเร็วมาก
และหา้ มใช้ผสมอาหารทเ่ี หนยี วเกนิ ไป
วธิ ีกำรดแู ลรักษำ เม่ือเลกิ ใช้งานควรทาความสะอาดโถปั่น นาไปตากให้แห้ง และใช้ผ้าสะอาดเช็ด
บริเวณเครือ่ งป่นั ใหส้ ะอาด

ภาพท่ี 3 : เคร่ืองป่ัน
โดย ศนู ยว์ งเดือน อาคมสุรทณั ฑ์

4

2. เตำอบไฟฟำ้
เตาอบไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ในการทาอาหารและขนมประเภทอบด้วยความรู้ของคนสมัยโบราณก็
สามารถประดิษฐ์เตาอบแบบง่าย ๆ ใช้งานกัน ชาวอียิปต์ใช้เตาอบแบบง่ายที่ไม่มีปล่องสาหรับอบขนมปัง
หลงั จากน้ันชาวกรีกไดด้ ัดแปลงเตาอบให้มีประสิทธิภาพย่ิงกว่าเดิม โดยทาเป็นเตาอบที่ก่ออิฐรูปโดม ส่งผล
ให้อาหารท่ีได้มีคุณภาพดีขึ้น เตาอบได้รับการพัฒนาจนถึงศตวรรษที่ 18 ชาวอังกฤษและอเมริกานิยมใช้
เตาอบในการประกอบอาหารมากย่ิงข้นึ จนเมอื่ มาถงึ ยคุ ปจั จุบนั ศตวรรษ 20 แก๊สและไฟฟ้าเร่ิมมีบทบาทใน
การทาอาหารมากยิ่งขึ้น ทาให้เตาอบยิ่งได้รับการพัฒนาโดยเทคโนโลยีเหล่าน้ีให้สามารถใช้งานได้อย่าง
มีประสทิ ธภิ าพ งา่ ย และสะดวก จนสามารถควบคุมอุณหภูมิในการอบอาหารได้ดขี นึ้
วิธีกำรเลือกซื้อ เตาอบไฟฟ้าสามารถใช้งานง่าย ตั้งอุณหภูมิตามท่ีต้องการได้แม่นยา มีระดับ
อุณหภูมิที่ค่อนข้างเสถียร อบอาหารได้ออกมาสวยงาม และรวดเร็วกว่าเตาอบแบบแก๊ส มีขนาดเครื่อง
เล็กกวา่ ประหยดั พืน้ ท่ตี ดิ ตัง้ สามารถตดิ ตัง้ ในครวั เรอื นทัว่ ไปได้ ดแู ลรักษาไดง้ ่ายกว่าทาให้มีอายุการใช้งาน
ที่ยาวนาน แต่เตาอบไฟฟ้ามีข้อเสียคือความส้ินเปลืองพลังงาน และต้องมีการเดินสายไฟและระบบเบรกเกอร์ท่ีดี
นอกจากนีอ้ าจจะมีข้อจากัดในเร่อื งพลงั ของกระแสไฟตามอาคารทวั่ ไปไม่พอใชส้ าหรบั เตาอบไฟฟา้
วธิ ีกำรใช้งำน ศกึ ษาคมู่ ือการใช้งานเตาอบไฟฟา้ เปดิ เตาอบและต้ังอุณหภูมิตามการใช้งาน อาจใช้
เทอร์โมมเิ ตอรว์ ัดอณุ หภูมเิ ตาอบ เปดิ ฝาเตาอบเป็นระยะและหมนุ ถาดระหวา่ งอบ หากเป็นถาดเคก้ ขนมปัง
และมัฟฟินใหก้ ลบั ถาด 90 องศา หลงั จากอบไปคร่ึงทางหากอบโดยใช้ตะแกรงมากกว่า 1 ช้ัน เช่น อบคุกกี้
ให้สบับถาดบนและล่าง ถาดอบก้นลึกให้หมุนเล็กน้อยหลายรอบระหว่างอบ หากต้องการให้หน้าเป็นสี
น้าตาลให้นาของท่ีอบเล่ือนขึ้น ห้ามใช้ภาชนะท่ีเป็นโลหะสีเข้มหรือสีดา จะทาให้ความร้อนแผ่มาจาก
ดา้ นลา่ งของเตา ซง่ึ ภาชนะโลหะสเี ข้มจะดูดซบั ความรอ้ นง่ายทาให้ขนมกน้ ถาดเป็นสนี า้ ตาลหรือไหม้
วิธีกำรดูแลรักษำ เม่ือเลิกใช้งานให้ตั้งอุณหภูมิเตาอบไว้ท่ีประมาณ 180 – 200 องศาเซลเซียส
และให้เตาอบทางานประมาณ 3 นาที จึงปิดเคร่ือง นาหม้อใส่น้าเดือดต้ังไว้ในเตาอบ จากน้ันนาภาชนะที่
ทนความร้อนใบเล็กใส่แอมโมเนียวางในเตาอบให้อยู่เหนือหม้อน้าเดือด หรือใช้เบกกิ้งโซดาผสมน้าใส่ขวด
สเปรย์นาไปฉีดให้ทั่วเตาอบ ท้ิงไว้ 1 วันจากนั้นใช้แปรงขัดคราบสกปรกในเตาอบ นาผ้าชุบน้ามาเช็ดให้
สะอาดและปล่อยใหแ้ ห้ง ฝานมะนาวใสใ่ นเตาอบ และเปิดไฟอ่อนประมาณ 1 – 2 นาทจี งึ นามะนาวออก

ภาพที่ 4 : เตาอบไฟฟา้
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

3. เครอ่ื งอบวำฟเฟลิ
เครื่องอบวาฟเฟิล เป็นเคร่ืองอบขนมวาฟเฟิล มีฟังก์ชั่นการทางานที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย
สะดวก และช่วยประหยัดเวลาในการอบให้ความร้อนท้ัง 2 ด้าน ตัวพิมพ์เป็นแบบเคลือบทาให้ตัวแป้ง
วาฟเฟิลไมต่ ิดพมิ พ์ สามารถล้างออกหรอื ทาความสะอาดไดง้ า่ ย ตัวเคร่ืองกระจายความรอ้ นอย่างสม่าเสมอ

5

วิธกี ำรเลอื กซ้อื เคร่อื งอบวาฟเฟิลมีประสิทธิภาพแตกต่างกันตามราคา เลือกซ้ือเคร่ืองที่ทามาจาก
วัสดุทีม่ คี ุณภาพ แขง็ แรง ทนทาน และมกี ารรบั ประกนั สนิ คา้

วิธีกำรใช้งำน ศึกษาคู่มือการใช้งานเคร่ืองอบวาฟเฟิล เปิดเคร่ืองอบวาฟเฟิลและต้ังอุณหภูมิ
ตามการใชง้ าน

วิธีกำรดูแลรักษำ เม่ือเลิกใช้งานให้เช็ดทาความสะอาดด้วยผ้าชุบน้า และรอให้แห้ง เคร่ืองอบ
วาฟเฟิลทไี่ ม่มีแผ่นยึดทถี่ อดออกไดน้ ัน้ อาจจะทาความสะอาดยาก ใหร้ ีบทาความสะอาดเม่อื ใชง้ านเสรจ็ ทนั ที

ภาพท่ี 5 : เตาอบวาฟเฟลิ
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

อุปกรณเ์ ครอื่ งใช้ในครัว
อุปกรณ์เคร่ืองใช้ในครัวมีมากมายหลายชนิด การรู้จักอุปกรณ์เคร่ืองใช้และวิธีการให้อย่างถูกต้อง
จะช่วยในการประกอบอาหารให้มีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาและแรงงาน และช่วยให้ขนมที่ประกอบ
สาเร็จมีลกั ษณะทดี่ ีมคี ณุ ภาพ ประกอบด้วย
1. เคร่อื งช่ัง (Scale) เคร่ืองช่งั ท่ีใชก้ นั อยทู่ วั่ ไปมี 3 ขนำด คือ
1.1 เคร่ืองช่ังขนาดใหญ่ สาหรับช่ังส่วนผสมท่ีมีจานวนมาก ซ่ึงในการประกอบอาหารในปัจจุบัน
นิยมใช้การช่ังมากกว่าการตวง การชั่งจะช่วยในการประหยัดเวลา และมีความเท่ียงตรงได้เป็นอย่างดี เคร่ืองชั่ง
ขนาดใหญ่มีน้าหนักตั้งแต่ 15 – 30 กิโลกรัม วัสดุเคลือบสีป้องกันสนิม การเคลื่อนย้ายไม่ควรหิ้วเพราะจะ
ทาให้เกิดการคลาดเคลื่อนไม่เทยี่ งตรง

ภาพท่ี 6 : เครือ่ งชั่งขนาดใหญ่
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

6

1.2 เคร่ืองช่ังขนาดเล็ก เหมาะสาหรับการช่ังเครื่องปรุงจานวนน้อย น้าหนักต้ังแต่ 500 – 1,000 กรัม
ไม่เกนิ 2,000 กรมั ทาด้วยโลหะหรอื พลาสติกเหนียว สาหรบั เครื่องชั่งบางชนดิ สามารถแยกจานออกเพื่อเท
ส่วนผสม เชน่ เกลือ ผงฟู การดูแลเครอื่ งช่ัง ควรระมดั ระวงั การตกหล่นอาจจะทาให้เครอ่ื งชั่งแตกหักไดง้ า่ ย

ภาพที่ 7 : เครอื่ งชัง่ ขนาดเลก็
โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

1.3 เคร่ืองช่ังดิจิตอล เป็นเคร่ืองมือที่ใช้วัดน้าหนักของวัตถุหรือสิ่งของต่าง ๆ ซึ่งสามารถแสดง
หนว่ ยวัดได้หลากหลาย เช่น กรัม (g) ออนซ์ (oz) ปอนด์ (Ib) กิโลกรัม (Kg) กะรัต (ct) เป็นต้น ช่วยในการ
วัดปริมาณน้าหนักได้อย่างละเอียดแม่นยา และรวดเร็ว ซ่ึงแต่ละชนิดมีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน
เชน่ มรี ะบบปดิ เคร่ืองอัตโนมัติ คานวณปริมาณการชงั่ ได้ละเอยี ดและชัดเจน คุณสมบัติของเคร่ืองชั่งดิจิตอล
ทีด่ ี ต้องมีความแข็งแรง สามารถกนั นา้ ฝนุ่ ละออง ความรอ้ นได้ และมอี ายุการใชง้ านทย่ี าวนาน

ภาพท่ี 8 : เครอ่ื งชงั่ ดจิ ติ อล
โดย ศูนยว์ งเดอื น อาคมสรุ ทณั ฑ์

วธิ กี ำรเลือกซ้อื
1. ต้องทราบถึงวัตถุประสงค์ ว่าจะนาไปใช้ช่ังอะไร น้าหนักที่ชั่งไม่เกินเท่าไร และค่าอ่านละเอียด
ของเครื่องช่ังเท่าไหร่ ส่วนผสมที่จะใช้ชั่งมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ปริมาณเท่าไหร่ จะต้องใช้เครื่องชั่งแบบ
ดจิ ิตอล หรือเครอื่ งชัง่ แบบเข็ม เปน็ ตน้
2. ศึกษาทีม่ าหรือแหล่งผลติ วา่ สินคา้ นาเขา้ หรือผลติ ในประเทศ ถ้าสินค้าผลิตในประเทศจะมีน้อย
สว่ นมากจะเป็นสินคา้ นาเขา้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญป่ี ุ่น เกาหลี ไตห้ วัน และจีน
3. ศึกษาข้อมูลการใช้งาน เครื่องช่ังแต่ละชนิดจะมีข้อมูลการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป การเลือก
ข้อมูลของเครื่องช่ังควรจะเหมาะสมกับความต้องการของผใู้ ช้
4. ศึกษาโครงสรา้ งและอปุ กรณเ์ ครอื่ งช่งั ผ้ใู ช้งานควรคานงึ ถงึ สภาวะแวดล้อมทจ่ี ะใช้เครอื่ งชง่ั และ
ลกั ษณะการชง่ั ทง้ั นเี้ พอ่ื อายุการใชง้ านที่นานขน้ึ โดยเช็คส่วนประกอบเครอ่ื งช่ัง ดังนี้

4.1 จอแสดงน้าหนัก พลาสตกิ เอบเี อส หรือสแตนเลส มีการป้องกนั ฝนุ่ และนา้ หรอื ไม่
4.2 วิธีการเปล่ยี นแบตเตอร่ี และการซ่อมแซม

7

4.3 แท่นชั่งโครงสร้างเหล็กแข็งแรงหรือไม่ จุดเช่ือม ความหนาของแท่นช่ัง โหลดเซลล์ มีคุณภาพดี
หรอื ไม่ และป้องกนั ความชืน้ ได้หรือไม่

5. บรกิ ารหลังการขาย เปน็ ส่งิ สาคญั ในการบารุงรกั ษา ตรวจเช็คคา่ น้าหนกั อยา่ งสม่าเสมอ หรือหากชารุด
เสียหาย สามารถหาซ้ืออะไหล่ได้งา่ ย

6. เคร่ืองช่ังควรไดร้ ับมาตรฐาน และต้องผ่านการตรวจรับรองจากกองชั่งตวงวดั กรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์

วิธีกำรใชง้ ำน
1. เครื่องช่ังมีท้ังขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก เครื่องชั่งมีตั้งแต่ขนาด 500 กรัม 1 กิโลกรัม และ 7 กิโลกรัม
เป็นต้นไป ทาจากพลาสติก โลหะ ชนดิ ท่ีทาจากโลหะมีความทนทานกว่าพลาสติก การเลอื กเครื่องช่ังที่ใช้ใน
ครัวเรอื นควรเลือกเครอื่ งชั่งทม่ี ีความละเอียดขนาด 500 กรัม หรอื 1 กิโลกรัม (สมบูรณ์ มนั่ ความดี, 2558)
2. โต๊ะสาหรับวางเครอื่ งชงั่ จะต้องมนั่ คงแขง็ แรงไม่สน่ั ไมแ่ อ่นตัว
3. เครื่องชงั่ จะตอ้ งตง้ั ระดับลูกนา้ เพ่อื ให้เคร่ืองช่งั สมดลุ
4. ขาของเคร่อื งชั่งทกุ ขาจะตอ้ งต้งั บนพ้ืนตลอดเวลา
5. เปิดเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 15 – 30 นาที ก่อนใช้งานดูค่าเร่ิมต้นของเครื่องช่ัง โดยเครื่องชั่ง
ดจิ ิตอลใหเ้ ริ่มจาก 0.00 หรือเครอ่ื งชงั่ แบบเข็มใหเ้ ข็มชไี้ ปทเี่ ลข 0 เท่าน้ัน
6. การชั่งนา้ หนกั ตอ้ งวางสิ่งทีต่ ้องการชั่งตรงกลางจานชง่ั
7. ควรรีบนาสิ่งของที่ช่ังออกจากจานช่ังเมื่อชั่งเสร็จแล้ว เพ่ือหลีกเลี่ยงการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิ
และความชืน้ ภายในเครือ่ งชัง่
8. อุณหภูมิภายในห้องเคร่ืองช่ังควรคงท่ี เนื่องจากอุณหภูมิที่เปล่ียนไป 1 องศาจะทาให้เคร่ืองช่ัง
อา่ นคา่ ผดิ ไป 1 - 2 ส่วนในล้านสว่ น และไม่ควรชั่งของขณะร้อน ต้องรอให้เยน็ ลงจนถึงอณุ หภมู ิหอ้ งเสยี ก่อน
9. ปอ้ งกนั กระแสลมจากเครื่องปรับอากาศหรอื เครือ่ งมือทีท่ าใหเ้ กิดกระแสลม ซง่ึ จะรบกวนการช่ัง
10. การชง่ั น้าหนกั ควรช่ังในชว่ ง 1/3 - 2/3 ของค่าพิกดั สงู สดุ ของเครอื่ งช่ัง
11. ไมค่ วรชัง่ นา้ หนกั เกินคา่ พิกัดสงู สุดของเครือ่ งช่งั
12. หา้ มชงั่ สารเคมีหรอื วัสดตุ า่ ง ๆ บนจานช่ังโดยตรง
13. วางเครอ่ื งชัง่ ให้หา่ งจากหนา้ ตา่ ง เพราะแสงสวา่ งจากดวงอาทติ ย์อาจทาใหค้ า่ น้าหนกั ไม่แม่นยา
วิธีกำรดแู ลรกั ษำ
1. เก็บในอณุ หภูมทิ ่เี หมาะสม ไมร่ ้อน หรอื ช้ืนจนเกนิ ไป
2. ไม่ควรช่งั ของท่ีมีนา้ หนกั เกินพกิ ัดของเครือ่ งชั่ง
3. ปดิ รูเพอื่ ปอ้ งกันหนูและแมลงสาบเขา้ ไปทาลายแผงวงจร
4. ไมค่ วรเสียบชาร์จแบตเตอร่ีในระหวา่ งการใช้งาน
5. ทาความสะอาดเคร่อื งช่ังอย่เู สมอ หรอื ทุกคร้ังหลงั ใช้งาน

2. ถ้วยตวงของแห้ง (Measuring Cup)
ถ้วยตวง ใช้สาหรับตวงส่วนผสมที่เป็นของแห้งชนิดต่าง ๆ เช่น แป้ง น้าตาล เนื้อสัตว์ ผัก ถั่ว เป็นต้น
มี 4 ขนาด เรยี กวา่ 1 ชดุ ประกอบดว้ ย

- ขนาด 1 ถว้ ยตวง (One cup)
- ขนาด 1/2 ถ้วยตวง (One half measuring cup)
- ขนาด 1/3 ถว้ ยตวง (One third measuring cup)
- ขนาด 1/4 ถว้ ยตวง (One fourth measuring cup)

8

โดยท่ีบริเวณของก้นถ้วยตวงแต่ละใบ จะบอกขนาดของถ้วยตวงไว้อย่างชัดเจน ถ้วยตวงของแห้ง
มกั ทาจากวัสดุ เชน่ อลูมิเนยี ม พลาสตกิ และ สเตนเลส ซ่ึงมรี ปู ทรง และขนาดมาตรฐานของถ้วยตวงเหมือนกัน

วิธีกำรเลือกซ้ือ ควรเลือกซื้อชนิดที่หาซื้อง่าย ทนต่อการใช้งาน น้าหนักเบา และราคาประหยัด
มีที่จบั ยน่ื ออกมา และติดแนน่ กบั ถ้วยตวง งา่ ยต่อการดแู ลรกั ษา และทาความสะอาด ทาให้มีอายุการใช้งาน
ทน่ี านย่งิ ขนึ้

วธิ กี ำรใชง้ ำน ใชต้ วงส่วนผสมประเภทของแห้งชนิดตา่ ง ๆ เช่น แป้ง น้าตาล ถั่ว เน้ือสัตว์ เลือกใช้
ให้เหมาะสมกับขนาดที่ต้องการ โดยวางถ้วยตวงขนาดท่ีต้องการบนโต๊ะพ้ืนราบเรียบใช้มือข้างหนึ่งจับถ้วย
ตวงไว้ ส่วนอีกมือหน่ึงตักส่วนผสมของแห้งที่ต้องการตวงใส่ลงในตวงให้พูนถ้วย (ห้ามเขย่า หรือ เคาะถ้วยตวง)
ใช้ทป่ี าด (สปาตลู า่ – Spatula) หรอื วัสดทุ ีม่ ีสันเรียบตรงปาดส่วนท่ีพนู ออก

วธิ ีกำรดแู ลรักษำ
- เมื่อเลกิ ใชง้ านควรล้างใหส้ ะอาด เชด็ ให้แหง้ สนิท เกบ็ เข้าที่ให้เรยี บร้อย
- ถ้วยตวงที่ทาจากวัสดุพลาสติก ควรทาความสะอาดโดยใช้ฟองน้า หรือ ผ้านุ่ม ๆ เช็ดถูขณะล้าง
ทาความสะอาด เพื่อไม่ให้พลาสตกิ เปน็ ร้วิ รอยการขีดข่วน
- ควรระวังอย่าใหห้ ว่ งสาหรับถ้วยตวงหลุดหาย เพื่อท่ีจะไดด้ แู ลรกั ษาให้ถว้ ยตวงอยู่ครบชดุ

ภาพท่ี 9 : ถ้วยตวงของแหง้
โดย ศูนยว์ งเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

3. ถ้วยตวงของเหลว (Liquid measuring cup)
ถ้วยตวงของเหลว ใช้สาหรับตวงส่วนผสมท่ีเป็นน้า หรือของเหลวที่สามารถไหลรินได้ เช่น น้า นม
น้ามัน น้าเชื่อม น้ากะทิ เป็นต้น ถ้วยตวงทามาจากวัสดุที่โปร่งใส เช่น แก้ว หรือพลาสติกใส เพื่อสามารถ
มองเห็นของท่ีนามาตวงได้ชัดเจน ผิวด้านนอกของถ้วยตวงชนิดนี้ จะมีขีดแสดงเครื่องหมาย และตัวเลข
กากับติดอยู่เพ่ือบอกค่าปริมาตรถ้วยตวง 1 ใบ สามารถบอกค่าปริมาตรไว้หลายมาตรา เช่น 1 ถ้วยตวง มีขีด
แสดงเครื่องหมาย และมเี ลขกากบั บอกปรมิ าตรเป็นถ้วยตวง เช่น 1/4 1/3 1/2 2/3 3/4 และ 1 ถ้วยตวง ไว้ด้านหนึ่ง
อีกด้านหน่ึงบอกปริมาตรเป็นออนซ์ เช่น 2 4 6 และ 8 ออนซ์ หรือบอกปริมาตรเป็นลิตร ปอนด์ ไปน์ เป็นต้น
ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หากต้องการตวงของเหลวเป็นจานวนมาก อาจใช้ถ้วยตวงขนาดใหญ่ท่ีมีขนาดบอก
ปรมิ าตรมากกว่า 1 ถ้วย จะสะดวกและรวดเร็วกวา่
วิธีกำรเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อถ้วยตวงที่มีขีดบอกปริมาตรได้ง่าย และชัดเจน ทาจากวัสดุโปร่งใส
และทนความรอ้ นได้ดี
วธิ กี ำรใช้งำน ใช้ตวงส่วนผสมประเภทของเหลว เช่น น้า นม น้ามัน น้าเช่ือม น้ากะทิ โดยวางถ้วยตวง
บนพืน้ ราบเรยี บ เทส่วนผสมทต่ี อ้ งการตวงลงในถว้ ยตวงใหไ้ ดป้ รมิ าตรพอดกี บั ปากถ้วยตวง
วิธกี ำรดแู ลรักษำ
- หา้ มให้ถ้วยตวงแกว้ ตกพ้นื เพราะจะทาใหแ้ ตกรา้ ว หรือบิ่นได้
- ใช้ผา้ นุม่ ๆ หรอื ฟองนา้ จมุ่ นา้ ยาล้างจานเช็ดถใู หท้ ่ัว ลา้ งดว้ ยนา้ สะอาด 2-3 ครงั้ หรอื จนกว่าจะสะอาด

9

- คว่าให้สะเด็ดน้า และแห้งสนิท นาเก็บเข้าท่ีให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง
เพราะจะทาใหแ้ กว้ ขนุ่ มัว ไม่ใสสะอาด

ภาพท่ี 10 : ถ้วยตวงของเหลว
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

4. ช้อนตวง (Measuring spoon)
ช้อนตวง ทาด้วยวัสดุท่ีเป็นอลูมิเนียม สเตนเลส และพลาสติก ใช้สาหรับตวงของแห้ง และของเหลว
ทม่ี ปี ริมาณเพยี งเล็กน้อย มดี ้วยกัน 4 ขนาด เรียกว่า 1 ชุด ประกอบดว้ ย
- ขนาด 1 ชอ้ นโตะ๊ (1 Table spoon)
- ขนาด 1 ช้อนชา (1 Tea spoon)
- ขนาด 1/2 ช้อนชา (1/2 Tea spoon)
- ขนาด 1/4 ชอ้ นชา (1/4 Tea spoon)
วธิ กี ำรเลอื กซื้อ ควรเลือกซอ้ื ชอ้ นตวง ชนดิ ที่ทาดว้ ยวสั ดุที่แข็งแรง ทนต่อการใช้งาน มีตัวเลขบอก
ขนาดให้เห็นชดั เจนท่ดี า้ มจับช้อนตวง
วธิ กี ำรใช้งำน ใชต้ วงส่วนผสมท่ีเป็นของแห้งและของเหลวในปริมาณไม่มาก ในกรณีตวงส่วนผสม
ท่ีเป็นของเหลว ตักส่วนผสมท่ีต้องการตวงให้เต็มพอดีกับขอบช้อนตวงขนาดท่ีต้องการ สาหรับส่วนผสมท่ี
เปน็ ของแห้ง ให้ใชช้ อ้ นตวงขนาดท่ตี อ้ งการตกั ของแห้งให้พูนช้อน ใช้ท่ีปาด (สปาตูล่า - Spatula) หรือวัสดุ
ทีเ่ รยี บตรง ปาดสว่ นผสมที่เกินพนู ช้อนตวงออก ให้เหลือสว่ นผสมทีต่ ้องการอย่ใู นช้อนตวงเรียบเสมอปากขอบช้อนตวง
วธิ ีกำรดแู ลรกั ษำ ดูแลอยา่ ให้ชอ้ นตวงแยกหลุดออกจากหว่ งคลอ้ ง เพือ่ จะไดอ้ ย่คู รบชดุ ไม่สูญหาย
เม่อื เลิกใช้งานควรลา้ งทาความสะอาดทันที และใชผ้ ้าสะอาดเช็ดใหแ้ หง้ สนิทนาเก็บเข้าท่ีใหเ้ รยี บรอ้ ย

ภาพที่ 11 : ชอ้ นตวง
โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

10

5. มดี (Knife)
มดี เป็นเคร่ืองมือชนิดแรกที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพ่ือใช้ในชีวิตประจาวันมาอย่างยาวนาน เกี่ยวข้อง
สัมพันธ์กับแทบจะทุกกิจกรรมในการดาเนินชีวิต มีดเป็นเครื่องมือตัดเฉือนชนิดมีคมสาหรับใช้ สับ ห่ัน
เฉือน ปาด บางชนดิ อาจมปี ลายแหลมสาหรบั กรีด หรอื แทง มักมีขนาดเหมาะสมสาหรับจับถือด้วยมือเดียว
วัสดทุ ใี่ ช้ผลติ ใบมีดและด้ามจบั มคี ุณสมบัตทิ ี่แตกต่างกนั ออกไป
วิธกี ำรเลือกซือ้
- มีดสเตนเลส หรือเรียกว่าโลหะทรานซิชั่น มีข้อดีหลายประการ จึงนิยมเลือกมาใช้รวมถึงอาชีพเชฟ
เช่น มีความแข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่าเหล็ก High Carbon มีน้าหนักพอเหมาะ ไม่ขึ้นสนิม สามารถ
นาไปลบั คมไดง้ ่าย แต่ก็ทาให้เสียความคมได้เร็ว นอกจากนี้ผิวสเตนเลสที่มีความมันวาวทาให้สิ่งสกปรกติด
ยากจงึ ปลอดภัยจากการปนเป้อื นในอาหารได้
- มีดเหล็ก High Carbon คนส่วนใหญ่นิยมใช้มีดที่ทาจากเหล็ก ใช้ถนัดกระชับมือ หาซื้อง่าย
มีความแข็งแกร่งคงทน หนาหนักใช้ได้นาน แม้เกิดสนิมง่าย แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่บางย่ีห้อมีสาร
ตา้ นสนมิ มากขน้ึ แตก่ ย็ ังต้องหมัน่ ลับคมเป็นประจา
- มีดเซรามิก ทาจาก Zirconium Dioxide (เซอร์โคเนียม ไดออกไซด์) ซ่ึงมีความแข็งแรงและคม
ด้วยคณุ สมบัตทิ ี่แกร่งรองจากเพชร จงึ สามารถใชไ้ ด้นานโดยไมต่ ้องลบั คม น้าหนักเบาหยบิ ใชง้ ่าย แต่มีความ
เปราะบาง แตกหักได้จึงไม่เหมาะกับงานสับของท่ีมีความแข็งมาก ๆ เช่น กระดูก ก้อนน้าแข็ง อาหารแช่แข็งท่ี
ยงั ไมล่ ะลายน้าแขง็ เปน็ ตน้
วิธกี ำรใชง้ ำน
- มีดห่ัน ใช้หั่นของทั่วไป ตัวมีดยาวกว่ามีดปอก ยาวประมาณ 5 นิ้วฟุต ไม่รวมด้ามปลายแหลม
จะสะดวกในการเลาะกระดูก มีดหนั่ มีความคมบาง ถ้าหนาเกนิ ไปจะหน่ั ลาบากของทห่ี น่ั ออกมาจะไม่สวย
- มีดปอก ตัวมีดสั้นประมาณ 3 นิ้ว ใบมีดเล็กกว่ามีดหั่น มีท้ังชนิดปลายแหลมและปลายมน
ใชป้ อกเปลือกผกั ผลไม้ ปลายมีดแหลมเพื่อเจาะหรอื แซะ
- มดี สบั ตวั มดี กว้างมสี ันหนา เพ่อื ให้มนี า้ หนักมาก ใช้สบั อาหารให้ละเอยี ดเทา่ ทตี่ ้องการ
- มีดคว้าน ใบมีดเรียว ปลายแหลมเรียวเล็ก โค้งเล็กน้อย ใช้สาหรับเซาะหรือคว้านผลไม้หรือ
แกะสลักผกั
- มีดแล่ ใบมีดค่อนข้างโค้งและหนา มีหยักฟันปลาใช้เน้ือสัตว์ ออกจากกระดูกได้ ใช้แล่เลาะ
เนอ้ื สตั วท์ ีป่ รงุ รอ้ น ๆ ออกจากกระดกู
- ท่ปี อก ใชป้ ลอกเปลือกโดยเฉพาะ ลักษณะคมมีดหันเขา้ หากันและมดี า้ มถอื มีดทาจากโลหะต่าง ๆ กนั
วิธีกำรดูแลรักษำ เลือกใช้มีดให้ถูกวัตถุประสงค์ในการเตรียมอาหาร เช่น ไม่ใช้มีดสับมาห่ัน
หรือไม่ใช้มีดคว้านมาปอก เป็นต้น เม่ือเลิกใช้งานควรทาความสะอาดเช็ดให้แห้ง เก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็ก
และลับมดี ให้คมอยู่ตลอดเวลา

11

ภาพท่ี 12 : มดี ชนดิ ต่าง ๆ
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

6. เขยี ง (Cutting Board)
เขียง ประกอบไปด้วยเขียงไม้ และเขียงพลาสติก มีท้ังท่ีทาด้วยไม้และพลาสติก เขียงที่ทาจากไม้
เน้ือแข็งสามารถสับอาหารบนเขียงได้ แต่เขียงที่ทาจากไม้เน้ืออ่อน และเขียงที่ทาจากพลาสติก เหมาะสาหรับ
ใช้หน่ั หรือซอยอาหารเท่านนั้
เขียงพลาสติก มีน้าหนักเบา พื้นผิวเรียบสะดวกต่อการใช้งาน มีให้เลือกหลายสี สามารถแยก
ประเภทการใชง้ านไดอ้ ย่างชดั เจน หาซือ้ ได้งา่ ย และท่ีสาคัญคอื ทาความสะอาดง่าย ไม่เกบ็ กลิน่ ซ่งึ สามารถ
แบ่งแยกสีของเขียงตามชนิดของวัตถุดิบ และแบ่งประเภทตามการใช้งาน เพื่อป้องกันสารปนเป้ือนจาก
วัตถดุ บิ ที่ใช้ เขียงมที ง้ั หมด 6 สี ได้แก่
เขียงสีแดง ใช้กับเนื้อสัตว์ดิบ เพราะอาหารที่เป็นเน้ือมีสีแดง เช่น เน้ือวัว ดังน้ันเพ่ือให้ง่ายต่อการ
ทาอาหารประเภทเดียวกันควรใชเ้ ขียงสเี ดยี วกนั
เขยี งสีเหลอื ง ใชส้ าหรับห่นั เน้อื สตั ว์ปกี ดบิ เพราะสเี หลอื งเป็นสขี องลูกไก่และลกู เป็ด จึงง่ายต่อการ
จาวา่ สเี หลอื งคอื สตั วป์ กี
เขียงสีนา้ ตาล ใช้กบั เน้อื สัตวป์ รงุ สุก เพราะเนอื้ ท่ปี รงุ สกุ และจาเป็นตอ้ งห่ันจะมสี ีน้าตาล ทาให้ง่าย
ตอ่ การจดจาว่าสีนา้ ตาลต้องคู่กบั เน้ือท่ปี รุงสุกแลว้
เขียงสีฟ้า ใช้กับเน้ือปลาหรืออาหารทะเลดิบ เพราะสีฟ้าเป็นสีของท้องทะเล จดจาได้ง่ายว่าสีฟ้า
ทะเลต้องคูก่ ับปลา
เขียงสีเขียว ใช้กับผักและผลไม้ เพราะสีเขียวเป็นสีของผัก เหมาะกับการจาว่าสีเขียวคือความสด
เป็นสขี องสลดั และผกั สด
เขียงสีขาว ใช้กับขนมปังและผลิตภัณฑ์จากนม เพราะสีขาวจะง่ายต่อการจาว่า คือ ผลิตภัณฑ์จากนม
ทาจากนม
วิธีกำรเลอื กซอ้ื ควรเลอื กซื้อเขยี งเป็นไม้เน้อื แขง็ ทาจากไมม้ ะขาม ไม่มีรอยร้าวหรือเขียงพลาสติก
เน้ือแข็ง ลักษณะจะดูสวยงาม มีราคาแพงกว่าเขียงไม้ เลือกเขียงพลาสติกตามประเภทสีของการใช้งาน
เพ่อื ป้องกันสารปนเป้ือนจากวัตถดุ บิ ทใี่ ช้
วธิ กี ำรใช้งำน การใช้เขียงเป็นทรี่ องสาหรับหัน่ สบั ซอย ควรเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะกับงานนั้น เช่น การ
หั่น ซอยใชเ้ ขยี งพลาสติกไดด้ ี แต่ไมค่ วรนาเขียงพลาสตกิ มาสบั อาหาร การใช้เขียงอย่าใช้รวมกับอาหารคาว
จะทาใหอ้ าหารหวานมมี กี ลิน่ คาวได้
วิธีกำรดูแลรักษำ เมื่อเลิกใช้งานควรล้างทาความสะอาด เช็ดให้แห้ง หรือตากแดดเก็บในที่โปร่ง
อากาศถา่ ยเทเพ่ือไม่ให้เขยี งมกี ลนิ่ และเป็นราได้

12

ภาพท่ี 13 : เขียงไมแ้ ละเขียงพลาสติก
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสรุ ทณั ฑ์

ภาพท่ี 14 : เขยี งพลาสตกิ
ที่มา https://thai.alibaba.com

7. ชำมผสมหรืออ่ำงผสม (Mixing Bowls)
ชามผสม หรอื อา่ งผสม (นรารตั น์ เล็กสิงห์โต, ม.ป.ป.) กล่าวว่า อ่างผสมมีหลายขนาด ทาด้วยวัสดุ
หลายชนิด เช่น สแตนเลส อลูมิเนียม แก้ว พลาสติก เป็นต้น ใช้สาหรับคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน
มหี ลายชนดิ และหลายขนาด แบง่ ตามวัสดแุ ละการใชง้ านได้ ดังน้ี
- อ่างสแตนเลส มีความหนา หนัก และทนทาน เหมาะสาหรับผสมอาหาร หรือใช้เป็นภาชนะ
สาหรบั การจดั เตรียมอาหาร เช่น ลา้ งผัก ผลไม้ หรือเปน็ ภาชนะสาหรับใสอ่ าหาร เป็นต้น
- อ่างผสมแก้ว มีความหนา ใส และมีน้าหนัก มีทั้งแก้วทนไฟและแก้วใส เหมาะสาหรับการ
ทาอาหารเพอ่ื การสาธติ ซงึ่ ทาใหเ้ ห็นอาหารได้ชดั เจน ทาความสะอาดไดง้ ่าย
- อ่างผสมเคลือบ การผสมอาหารบางชนิดควรใช้อ่างผสมเคลือบในการประกอบอาหาร เช่น
อาหารที่มีส่วนผสม น้าปูนใส เกลือ ไข่ ถ้าเป็นภาชนะประเภทโลหะ เหล็ก หรืออลูมิเนียม ซึ่งสารประกอบ
โลหะอาจทาให้เกิดการปนเป้ือนลงในอาหารก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนนั้ การใชช้ ามผสมหรืออ่างผสมเคลือบ
ใหเ้ หมาะสมกบั อาหารที่เปน็ กรด ควรระมัดระวงั ห้ามไมใ่ หต้ กอาจทาใหส้ ่วนที่เคลอื บกะเทาะออก
- อา่ งผสมอลมู เิ นียม ไมเ่ หมาะสมสาหรับนามาอาหารท่ีมีรสเปรี้ยวหรือนามาตไี ข่
- อ่างผสมพลาสติก เป็นภาชนะท่ีเหมาะสมกับการเตรียมอาหารท่ีหมัก สะดวกสบายในการหยิบจับ
อา่ งพลาสตกิ ไมเ่ หมาะสาหรับการตไี ขห่ รอื นามาผสมอาหาร
- อ่างผสมกระเบ้ือง เหมาะสาหรับกับการผสมอาหารทุกชนิด ภาชนะกระเบื้องทนต่อความเป็น
กรดและด่างได้ดี

13

วิธีกำรเลือกซื้อ ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับชนิดปริมาณของอาหารและขนม และการใช้งาน
ข้อสาคัญไม่ควรเป็นสนิม เลือกซื้อตามวัตถุประสงค์การใช้สอย ควรเลือกอ่างที่มีรูปร่างโค้งเรียบไม่หักมุม
เพ่ือช่วยในการผสมและทาความสะอาดได้ง่าย

วิธีกำรใช้งำน การใช้งานของอ่างผสมแต่ละชนิดควรใช้ให้เหมาะสมกับงานหรือชนิดของอาหารและ
ขนมท่ีจะเตรียมหรือปรุง ตลอดจนปริมาณของอาหาร เพราะอ่างมีขนาดใหญ่เกินไปอาหารก็จะดูน้อยใน
ภาชนะ หรืออ่างเล็กเกินไปอาหารกจ็ ะลน้ โดยมีหลักพจิ ารณา ดงั นี้

1. อา่ งผสมเคลอื บ แกว้ สแตนเลส เหมาะสาหรับอาหารที่มีสภาพเป็นกรด
2. อ่างผสมอะลูมเิ นียมไม่เหมาะสาหรบั อาหารทีม่ ีสภาพเป็นด่าง - กรด เม่ืออาหารทาปฏิกิริยากับ
อะลูมิเนยี ม ทาให้อาหารมีสีคล้าไม่น่ารับประทานอาหาร ข้อสังเกตอ่างผสมที่เป็นเครื่องแก้ว เครื่องเคลือบ
จะใช้ในการตีไข่ไดข้ ้นึ กว่าท่ที าด้วยอะลมู ิเนยี ม เพราะไข่มฤี ทธ์เิ ป็นดา่ งจะไม่ทาปฏกิ ิรยิ ากบั ภาชนะอนื่ ยกเวน้
อะลูมิเนยี ม
วิธีกำรดูแลรักษำ เมื่อเลิกใช้งานควรล้างทาความสะอาด เช็ดให้แห้ง หรือตากแดดเก็บในที่โปร่ง
และอากาศถา่ ยเท

ภาพท่ี 15 : ชามผสมหรอื อ่างผสม
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

8. กระชอน (Colander)
กระชอน เป็นเครื่องกรองเพื่อแยกน้าและกากจากกัน เช่น แยกน้ากะทิออกจากเน้ือมะพร้าว
ป้องกันส่ิงที่ไม่ต้องการหลุดลอดลงไปในน้ากะทิ ซึ่งมีลักษณะคล้ายตะแกรงรูโปร่งเล็ก สาหรับกระชอนคั้น
กะทิทาด้วยอลูมิเนียม หรือไม้ไผ่แผ่นเล็กสานเป็นรูเล็ก ๆ และมีหูสองข้างเล็ก สาหรับพาดเกาะปากหม้อ
หรอื อา่ งผสมเวลาท่จี ะคัน้ กะทิ
วิธีกำรเลือกซ้ือ กระชอนมีท้ังขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์
ของการใช้งาน
วิธีกำรใช้งำน กระชอนใช้สาหรับการคั้นกะทิ หรือกรองอาหารให้แยกส่วนเนื้อและส่วนน้าออก
จากกนั ตลอดจนใชส้ าหรบั การพกั อาหารให้สะเด็ดน้า มที ้ังรปู ทรงกลมและสเ่ี หลี่ยมมีหูยาวยื่นออกมาสาหรับ
พาดกับปากภาชนะ สาหรบั กระชอนอลมู เิ นยี มมีด้ามจับ
วิธีกำรดูแลรักษำ เม่ือเลิกใช้งานควรล้างทาความสะอาด เช็ดให้แห้ง หรือตากแดดเก็บในท่ีโปร่ง
และอากาศถ่ายเท

14

ภาพที่ 16 : กระชอน
โดย ศนู ยว์ งเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

9. อุปกรณท์ ่ใี ช้ในกำรหุงต้มและน่ึง (Boilers and Steamers)
อุปกรณ์หุงต้มและนึ่ง ทามาจากวัสดุหลายชนิดด้วยกัน วัสดุที่มีความแตกต่างชนิดกัน จะมีคุณสมบัติ
การนาความรอ้ นท่ีแตกตา่ งกนั ไป ทามาจากวัสดุประเภท ทองเหลอื ง สแตนเลสและอลูมเิ นยี ม โลหะชนิดตา่ ง ๆ
วิธีกำรเลือกซื้อ เลือกตามคุณสมบัติชนิดของวัสดุท่ีนามาทาภาชนะพ้ืนฐาน ขนาดของภาชนะ
ปริมาณความจุ รูปทรงของหม้อแต่ละประเภทให้เหมาะสมกบั การประกอบอาหารและขนม
วิธกี ำรใชง้ ำน เลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับการทางาน โดยดูจากขนาดในการบรรจุ ความสะดวกในการ
ใช้งานและความเหมาะสมของอปุ กรณ์ชนิดนน้ั ทตี่ อ้ งใช้ร่วมกนั เชน่ ขนาดของเตาสมั พนั ธก์ บั ขนาดของหม้อ
ความร้อนกับวัสดุที่นามาทาภาชนะนั้น ๆ หม้อท่ีทาจากอลูมิเนียมจะนาความร้อนได้ดี ส่วนภาชนะที่ทา
จากสแตนเลสสตีลจะนาความรอ้ นไมท่ ว่ั ถงึ ทาให้อาหารบางสว่ นไหม้ หรือบางสว่ นดบิ
วิธีกำรดูแลรักษำ เมื่อเลิกใช้งานควรทาความสะอาดโดยใช้ครีมออฟทาร์ทาร์ 2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้า
4 ถ้วย หรือ น้าส้มสายชู 1 ถ้วย ต่อน้าเปล่า 4 ถ้วย นาไปให้ความร้อนพออุ่นแช่ภาชนะอลูมิเนียมล้างทา
ความสะอาด เชด็ ให้แหง้ หรอื ตากแดดเกบ็ ในทโี่ ปรง่ และอากาศถ่ายเท

ภาพท่ี 17 : อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการหงุ ต้มและนงึ่ ไดแ้ ก่ หมอ้ ลังถงึ หม้อแขก
โดย ศูนยว์ งเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

10. ถำด (Tray)
ถาด ทาด้วยวัสดุเหล็กผสมดีบุก ภาชนะเคลือบ สังกะสี และอลูมิเนียม มีรูปร่างลักษณะต่าง ๆ กัน เช่น
รูปส่ีเหลี่ยม กลมลึก รูปไข่ เป็นต้น การใช้งานส่วนใหญ่ใช้วางวัตถุดิบ และส่วนผสมสาหรับเตรียมก่อน
ขน้ั ตอนการทา หรอื นาเข้าเตาอบตามวตั ถุประสงคใ์ นการใชง้ าน
วิธกี ำรเลอื กซือ้ ควรเลือกซอ้ื ให้เหมาะสมตามประโยชน์ใช้งาน
วิธีกำรใช้งำน ถาดใช้สาหรบั วางอาหารและขนมเพ่ือพักรอกอ่ นขนั้ ตอนการทาต่อไป
กำรเกบ็ รกั ษำ เมื่อเลิกใช้งานควรลา้ งใหส้ ะอาด ผ่ึงใหแ้ หง้ หรอื เชด็ ใหแ้ ห้ง

15

ภาพท่ี 18 : ถาดอลมู เิ นยี ม
โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

11. กระบวยสแตนเลส (Stainless Steel Dipper)
กระบวย เป็นภาชนะตักน้า สมัยโบราณทาด้วยกะลามีด้ามถือ กระบวยในปัจจุบันทาจากสังกะสี
อะลูมิเนยี ม ทองแดง หรือพลาสตกิ เปน็ ต้น บางชนิดมกี ระบวยขนาดพเิ ศษยาว 1.2 เมตร
วิธีกำรเลอื กซอ้ื การเลอื กกระบวยสแตนเลส ให้คานงึ ถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เช่น ใช้สาหรับ
ทาอาหาร ทอด ผดั เจยี ว คัว่ หรือใช้สาหรับตักน้าซปุ นา้ แกง หรือ น้าจิ้ม เลือกตัวด้ามที่ทาจากแบ็กกาไลท์
ทนต่อความร้อน ทาให้จับได้ถนัดมือ หัวกระบวยเป็นสแตนเลสเน้ือดี แข็งแรงทนทาน เนื้อสแตนเลสทาให้
ทนทานต่อความร้อน และทาความสะอาดง่าย ไม่เป็นสนมิ
วิธีกำรใช้งำน ใช้สาหรับตัก ลวก ต้ม จุ่ม โดยมีหลายชนิดตามการใช้งาน เช่น กระบวยตักแกง
กระบวยโปร่ง กระบวยตักน้าจิ้ม กระบวยน้าซุป กระบวยสุกี้ กระบวยหม้อไฟ กระบวยด้ามไม้ กระบวยด้ามงอ
กระบวยตวง เป็นต้น
วธิ กี ำรเกบ็ รกั ษำ เม่อื ใชง้ านแลว้ ควรลา้ งทาความสะอาดด้วยนา้ ยาลา้ งจานทวั่ ไป เชด็ หรอื ผึ่งใหแ้ หง้
ก่อนจดั เกบ็

ภาพที่ 19 : กระบวยสแตนเลส
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

12. ผ้ำขำวบำง
ผา้ ขาวบาง มลี ักษณะเป็นผา้ สขี าว บาง โปร่ง คล้ายผ้ามงุ้ แต่มคี วามสะอาด ความกวา้ งของผ้าขาวบาง
จะมีขนาดไม่เท่ากัน ตามสภาพการใช้งาน ส่วนใหญ่จะนามากรองสิ่งท่ีไม่พึงประสงค์ไม่ให้เข้าลงไปผสมกับ
อาหาร ขนม หรือนา้ ทจี่ ะรับประทาน
วธิ ีกำรเลอื กซ้ือ ควรเลือกซ้ือผ้าขาวบางทีม่ ีลักษณะสะอาดใหม่ ไมม่ ีส่งิ สกปรกตดิ อยู่
วิธีกำรใช้งำน ผ้าขาวบางใช้สาหรับกรองส่วนผสมเพื่อแยกกากหรือสิ่งต่าง ๆ ออกจากส่วนที่เป็น
ของเหลว หรอื คลมุ อาหารและขนมเพ่อื ป้องกันสงิ่ สกปรก หรอื ไม่ใหข้ นมแหง้
วิธกี ำรเก็บรักษำ เม่อื เลิกใช้งานควรซักทาความสะอาดสิ่งสกปรก และผึ่งใหแ้ หง้ ก่อนจัดเก็บ

16

ภาพท่ี 20 : ผา้ ขาวบาง
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

13. ครก
ครก เปน็ เครอื่ งบดประจาครวั ไทยท่สี าคัญ ทาจากวสั ดุประเภทหิน ดิน และไม้ ครกหินมีคุณภาพดี
เนื้อหินจะมีความแข็ง สีออกเขียว หากเน้ือครกหยาบขณะที่โขลก เนื้อหินจะติดปนมากับอาหารท่ีโขลก
การใช้ครกแตล่ ะชนิดขึ้นอยู่กับส่งิ ท่ีต้องการ เชน่ ถา้ ตอ้ งการความละเอียดใช้ครกหินดีท่ีสุด แต่ถ้าใช้ครกดิน
เผาจะทาใหอ้ าหารเขา้ กนั แตไ่ มต่ ้องการละเอียดสามารถใชด้ ินเผาหรอื ครกไมจ้ ะเหมาะสมกับการใช้งานได้ดีกว่า
วธิ ีกำรเลือกซอ้ื ให้เลือกซือ้ ตามความเหมาะสมกบั การใช้งาน
วิธีกำรใช้งำน ใช้สาหรับโขลกอาหารให้ละเอียดมากน้อยตามต้องการ เช่น การโขลกน้าพริก
ถ่วั ลิสง บดเผือก การโขลกเคร่ืองแกงใหล้ ะเอียดควรใช้ครกหนิ จะไดเ้ ครือ่ งแกงที่ละเอยี ดผสมเข้ากันเป็นเน้ือ
เดียวกัน
วิธีกำรเก็บรักษำ เมื่อเลิกใช้งานแล้วควรล้างทาความสะอาด เช็ดให้แห้ง หรือตากแดดเก็บในท่ีโปร่ง
อากาศถา่ ยเทเพื่อไม่ให้ครกมีกลน่ิ

ภาพที่ 21 : ครกหิน
โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทณั ฑ์

17

ควำมรูพ้ ้ืนฐำนในกำรจัดกำรเรยี นรู้ตำมหลกั สูตรอำหำรสตู รพระรำชทำน
สมเดจ็ พระกนษิ ฐำธิรำชเจ้ำ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสดุ ำ ฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี

หลักสตู รวิชำชพี ระยะส้ัน รปู แบบกลมุ่ สนใจ
ศูนย์วงเดอื น อำคมสุรทณั ฑ์ ศูนย์ฝกึ อำชีพรำษฎรตำมพระรำชดำริ จงั หวดั อุทัยธำนี

บทนำ
สมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงกล่าวไว้

ในไดอารี่ว่า “ข้าพเจ้ามีของขวัญพิเศษ คือตารากับข้าว 10 อย่างท่ีข้าพเจ้าเขียนเอง ทั้งภาษาไทย และ
ภาษาอังกฤษ กับข้าวเหล่านี้ ข้าพเจ้าทาเอง ชิมเอง ถ่ายรูปเอง บางรูป รูปที่ไม่ได้ถ่ายเป็นฝีมือพวกผู้ช่วย
ในครัว ไม่ใช่ชา่ งภาพอาชีพ” เมื่อทรงนึกตารับอาหารได้แต่ละตารับ ก็ทรง “เข้าครัว” ทดลองต้ังแต่ต้นปีที่
ผา่ นมา ทรงทดลองประกอบพระกระยาหารทลี ะตารับในวนั อาทติ ยท์ ่จี ะพอทรงมเี วลาว่าง มีท่านผู้หญิงจันทิมา
พึงบารมี ผู้ดูแลพระกระยาหารเป็นผู้ช่วย และมีกลุ่มพระสหายเป็นผู้คอยติชม ทรงกล่าวไว้ในคานาว่า
“ความท่ีไมค่ ่อยมปี ระสบการณ์ในการเขียนตารากับข้าว จึงอาจจะใช้คาพูดไม่ถูกต้อง แต่รับรองว่าอาหารท่ี
เขียนไว้น้ันอร่อยทุกอย่าง” และยังทรงเสริมด้วยพระอารมณ์ขันว่า “ถ้าท่านทาแล้วไม่อร่อยเป็นความผิด
ของท่านเองท่ีทาไม่อร่อย” (เชียงใหม่นิวส์, 2549, น. 7) การประกอบพระกระยาหารซึ่งถือเป็นหนึ่งใน
พระปรีชาสามารถของสมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ทปี่ ระชาชนตา่ งประจักษแ์ จ้งและประทบั ใจ ด้วยอาหารท่ีทรงปรุงน้ันมีข้ันตอนท่ีไม่ยุ่งยาก และอร่อยมากด้วย
คณุ ประโยชน์ (มูลนธิ ชิ ยั พัฒนา, 2558, น.4) การประกอบพระกระยาหารทรงงานอดิเรกที่โปรด ซึ่งมีทั้งท่ีทรงคิด
ตารับอาหารเอง และทรงประยุกต์จากสูตรอาหารที่มีอยู่แล้ว มีท้ังอาหารไทยและอาหารฝรั่ง ส่วนใหญ่เป็น
อาหารเพ่ือสุขภาพ ทรงจดบันทึกสูตรอาหารและวิธีทาไว้ทุกคร้ัง และได้พระราชทานสูตรอาหารให้ผู้สนใจ
หรือหน่วยงานต่าง ๆ นาไปเผยแพร่เพื่อสาธารณประโยชน์ต่อไป ตาราอาหารพระราชทานที่ได้มีการตีพิมพ์
มหี ลายเล่ม เช่น ครวั สระปทมุ เมนพู ระราชทาน 60 พรรษา อร่อยชัยพฒั น์ อรอ่ ยอทุ ยาน เป็นตน้

หลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกมุ ารี โดยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทณั ฑ์ ศนู ย์ฝกึ อาชพี ราษฎรตามพระราชดาริ จงั หวดั อุทัยธานี
ดาเนินการศึกษาเอกสารหนังสือครัวสระปทุม และหนังสือเมนูพระราชทาน 60 พรรษา ซ่ึงนาหลักการ
เนื้อหา และวิธีการประกอบอาหารไปทดลองฝึกปฏิบัติกับวิทยากรและครูผู้สอน รวบรวมเป็น 16 เมนู
ประกอบด้วย ยาพอกหัวเด็ก มัตสยาเกษียรสมุทร (ปลาช่อนอบ) กุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) ผัดพริกอ่อน ผัก
โขมปั้นก้อนอบ ซุปฟักทอง วัตเตนเมียร์ พายฟักทอง ขนมรวงผ้ึง หมูเสียบไม้ปิ้ง ไก่นาบกระทะ ซุปมะเขือเทศ
มันฝรั่งบดทอด น้าสลัดเมล็ดชา ข้าวตังน้ามันเมล็ดชา ยาสตรอเบอรี่น้ามันเมล็ดงาม้อน น้าพริกใบชา
งาม้อน จึงได้จัดทาหลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน เพ่ือเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระปรีชาสามารถเรื่องการประกอบพระกระยาหาร
และเผยแพร่อาหารสูตรพระราชทานให้กับประชาชน โดยมีจุดมุ่งหมายในการสร้างอาชีพเพื่อการมีงานทา
การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมที่กาลังจะสูญหาย และท่ีสาคัญยิ่ง ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ดาเนินการจัด
กจิ กรรมตามพระราชดาริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
เพ่ือให้มีการจัดทาและพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพตามพระราชดาริเพื่อการมีงานทาตามความต้องการของ
ประชาชนและชุมชน และใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรดู้ า้ นอาชพี ใหเ้ ปน็ ไปตามพระราชประสงค์

18

โครงสรำ้ งเน้ือหำ
อาหารสูตรพระราชทาน เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย นอกเหนือจาก

สารอาหารหลักท่ีจาเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้อาจช่วยลดอัตราเส่ียงต่อโรคต่าง ๆ และท่ีสาคัญคือการ
รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะจะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายท่ีแข็งแรง และส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดี
ประเภทของอาหารเพื่อสุขภาพ ได้แก่ อาหารธรรมชาติ อาหารออแกนิก และอาหารเสริม เป็นอาหาร
ทางเลือกเพ่ือให้มีสุขภาพดี ปัจจัยสาคัญของอาหารท่ีดีคือ ความหลากหลาย ซ่ึงจะทาให้ได้รับสารอาหาร
อย่างครบถ้วน หลักการที่จะช่วยให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน คือ การเลือกรับประทานอาหารหลากสีให้
มากท่ีสุดเท่าท่ีจะเป็นไปได้ อาหารท่ีมีสีสันจะมีสารอาหารอยู่มากมาย เช่น สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีส้ม
เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะมีวิตามินป้องกันอนุมูลอิสระ สามารถปกป้องร่างกายจากโรคร้าย และได้รับวิตามินและ
เกลอื แรท่ ห่ี ลากหลาย

หลกั ในกำรบริโภคอำหำรเพอ่ื สขุ ภำพ
1. รับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ แตล่ ะหมู่ให้หลากหลาย และหม่ันดแู ลนา้ หนกั ตวั ใหป้ กติ
2. รบั ประทานขา้ วให้เปน็ อาหารหลัก ขา้ วควรรับประทานเป็นข้าวกลอ้ งหรอื ข้าวซอ้ มมือ
3. รับประทานพชื ผกั ผลไมเ้ ปน็ ประจา เพราะพืชผักผลไม้มีทั้งสีเขียว สเี หลอื ง เป็นต้น
4. รับประทานปลาและเนอื้ สตั วท์ ่ไี ม่ติดมนั ไข่ และถว่ั เหลอื งเปน็ ประจา ดม่ื นมให้พอเหมาะตามวยั
5. รับประทานอาหารทมี่ ไี ขมนั แตพ่ อควร
6. หลีกเล่ียงการรบั ประทานอาหารทมี่ ีรสหวานจดั และเคม็ จัด
7. หลกี เลย่ี งการรับประทานอาหารถนอม เชน่ อาหารหมกั ดอง อาหารกระปอ๋ ง เปน็ ตน้
8. งดหรือลดเครื่องด่มื ท่ีเปน็ อันตรายตอ่ สุขภาพเช่น เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ เปน็ ตน้
ประโยชนข์ องกำรรบั ประทำนอำหำรเพอื่ สขุ ภำพ
อาหารเพ่ือสุขภาพ ช่วยในการส่งเสริมสุขภาพ และลดความเส่ียงของการเกิดโรคต่าง ๆ สามารถ
รบั ประทานได้ในคนปกติ รวมทั้งคนป่วย เพราะอาจลดความเส่ียงในโรคที่จะเกิดข้ึน หรือป้องกันโรคแทรก
ซ้อนหรือทาให้สุขภาพดีข้ึน ได้ประโยชน์มากข้ึนกว่าผู้ท่ีไม่ได้รับประทานอาหาร เพ่ือสุขภาพ เช่น
เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค เพิ่มศักยภาพให้ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ลดความเสี่ยงต่อการเกิด
โรคหวั ใจและหลอดเลือด ลดความเส่ยี งต่อโรคลมปัจจบุ นั ลดความเส่ยี งต่อการเป็นมะเรง็ และลดความเส่ียงต่อ
การเป็นอัลไซเมอร์ พากินสัน โรคหืดหอบ โรคปอด และโรคท่ีเกิดจากความเสื่อมชนิดเรื้อรังอื่น ๆ เป็นต้น
ซ่งึ เปน็ อาหารธรรมชาติทผี่ ่านการแปรรปู น้อยทีส่ ดุ เพ่อื คงไวซ้ ่ึงองค์ประกอบทางธรรมชาติของอาหารให้มาก
ท่ีสุด และขึ้นอยู่กับการเลือกรับประทานการผสมผสานให้ได้สัดส่วนท่ีเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้รับ
ประโยชน์มากท่ีสุด อาหารเพ่ือสุขภาพท่ีดีควรยึดหลักความสมดุลหลากหลาย และปริมาณท่ีเหมาะสมกับ
กิจกรรมการดารงชีวิตเปน็ หลัก สารอาหารทจี่ าเปน็ สาหรบั รา่ งกายมี 6 ชนิด แต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกัน
ไป ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และน้า หลักท่ีต้องคานึงในการประกอบ
อาหารเพื่อสุขภาพ ประกอบดว้ ย
1. รบั รู้พลังงานจากสารอาหาร (ปริมาณแคลอร่ีทไ่ี ดร้ ับในแต่ละมอ้ื ) สารอาหารแต่ละประเภทจะให้
พลงั งานทไี่ ม่เท่ากัน เชน่ คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลงั งาน 4 แคลอรี โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี
และไขมัน 1 กรัม ให้พลงั งาน 9 แคลอรี เปน็ ตน้
2. เลือกวัตถุดิบทนี่ ามาปรงุ เปน็ อย่างดี วตั ถุดิบท่ีดีไม่จาเป็นต้องเป็นของราคาแพง เน้นท่ีวัตถุดิบที่
ใหส้ ารอาหารจาเป็นต่อร่างกาย คมุ้ คา่ กบั จานวนเงิน เชน่
- เลอื กคาร์โบไฮเดรตชนิดดีทม่ี กี ากใยอาหารสงู เชน่ ขา้ วซ้อมมือ ข้าวหอมนลิ ข้าวสังข์หยด ธัญพืช
ไม่ขัดสี ผกั และผลไม้ ให้หลีกเลยี่ งคารโ์ บไฮเดรตท่ไี ม่ดที ่ีอยู่ในรปู ของนา้ ตาล ขนม และของหวานต่าง ๆ

19

- เลอื กโปรตีนจากเน้อื ปลา หรอื โปรตนี จากพืช เช่น ถ่ัว เพ่ือช่วยลดไขมันในเลือด และยังสามารถ
ป้องกนั โรคหวั ใจได้ โปรตนี ทีม่ าจากเนอ้ื ตา่ ง ๆ ไก่ ปลา ไข่ และถั่วลว้ นเปน็ แหล่งโปรตีน วิตามินเอ วิตามินบี
1 วิตามินบี 6 วติ ามนิ บี 12 วิตามินดี วิตามินเค เหล็ก สังกะสีและฟอสฟอรัส นอกจากน้ันหากรับประทาน
โปรตนี จากพชื เช่น ถั่วต่าง ๆ ยงั มีองคป์ ระกอบของวิตามนิ อี กรดโฟลกิ เสน้ ใยอาหารเพม่ิ ขน้ึ

- ไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ และอาหารทอดกรอบ นมไขมันเต็ม เนื้อสัตว์ติดมัน เป็นส่ิงท่ีต้อง
หลีกเลี่ยงอย่างมาก เพราะหากรับประทานทานในปริมาณมากจะไปเพ่ิมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและ
เพ่ิมการอักเสบของหลอดเลือดได้ สาหรับไขมนั ดสี ามารถหาได้จากปลาทะเล และถ่วั เปลอื กแข็ง นกั วิชาการ
ทางด้านโภชนาการแนะนาว่าอาหารทุก 2,000 แคลอรีที่รับประทานเข้าไป ควรจะมีไขมันดีประมาณ 27
กรัม (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) เช่น น้ามันมะกอก น้ามันเมล็ดชา น้ามันเมล็ดงาม้อน น้ามันราข้าว น้ามันถั่ว
เหลอื ง น้ามันเมลด็ ทานตะวนั เป็นตน้

3. เนน้ การบรโิ ภคอาหารจาพวกผกั ผลไม้ ธญั พชื ไม่ขัดสี และผลิตภณั ฑน์ มไขมนั ต่า
4. รบั ประทานอาหารทม่ี ปี ริมาณเกลอื หรือโซเดียมต่า แมโ้ ซเดียมจะเปน็ แร่ธาตทุ ี่จาเป็นสาหรบั ชวี ติ
จาเป็นต่อการรักษาความสมดุลของของเหลวในร่างกาย นาสื่อประสาทถ่ายทอดไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วย
ในการย่อยอาหาร โดยปกติร่างกายเราควรได้รับโซเดียมอย่างน้อย 500 มิลลิกรัม สูงสุดไม่เกิน 2,300
มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา น้าปลาหรือซีอ๊ิว 1 ช้อนชา จะมีโซเดียมเฉล่ีย 400 มิลลิกรัม
หากสามารถลดปรมิ าณลงได้ก็จะลดความเสีย่ งการเพม่ิ ความดนั โลหิตไดม้ ากขึน้
น้ำมนั เมลด็ ชำ (Camellia Oleifera Seed Oil)
นา้ มนั เมลด็ ชา เป็นทางเลือกหนงึ่ ท่ีดมี ปี ระโยชนต์ ่อสุขภาพเปน็ ทรี่ ู้จกั และนามาประกอบอาหารกัน
แพร่หลาย จากคุณประโยชน์ที่มีอยู่ในตัวของน้ามัน ทาให้ได้รับสมญานามว่าน้ามันชาน้ันเป็นเสมือน
“น้ามนั มะกอกแหง่ โลกตะวนั ออก” และสามารถนามาใชใ้ นการผลิตเครอ่ื งสาอาง สบู่ ผลติ ภัณฑบ์ ารงุ เสน้ ผม
ประโยชนข์ องนำ้ มนั เมล็ดชำ
น้ามันเมล็ดชา มีสารอาหารหลายชนิด ช่วยบารุงร่างกายและป้องกันโรคบางชนิดได้ โดยน้ามันเมล็ด
ชา มปี ระโยชน์ต่อสุขภาพ ดงั นี้
1. นา้ มนั เมลด็ ชามีส่วนชว่ ยลดคอเลสเตอรอลชนดิ ท่ไี ม่ดี คอเลสเตอรอลชนิดท่ีไม่ดี (Low-Density
Lipoproteins: LDL) เป็นคอเลสเตอรอลท่ีไม่ดีต่อร่างกาย หากมีคอเลสเตอรอลชนิดน้ีมากเกินไปอาจ
นาไปสู่การเกดิ โรคเกยี่ วกบั ระบบหัวใจและหลอดเลือด
2. น้ามันเมล็ดชา ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค
ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ
3. น้ามนั เมล็ดชา อดุ มไปดว้ ยสารต้านอนุมลู อสิ ระท่ีมฤี ทธส์ิ งู อย่างวติ ามนิ อีและสารคาเทชนิ
4. น้ามันเมลด็ ชา มีจดุ เกิดควนั สูงถึง 252 องศาเซลเซยี ส

20

ภาพท่ี 22 : นา้ มนั เมลด็ ชา
ที่มา : https://www.teaoilcenter.org
น้ามันเมล็ดชา มีองค์ประกอบของไขมันที่ดีต่อร่างกายไม่มีกรดไขมันทรานส์ ซี่งทาให้ร่างกาย
สามารถดูดซมึ วติ ามินเอ วิตามนิ ดี วิตามินอี และวิตามินเค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ามันเมล็ดชา
จะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระท่ีมีฤทธ์ิสูงอย่างวิตามินอี และสารคาเทชิน ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของ
น้ามันให้นานข้ึน น้ามันเมล็ดชายังมีจุดเดือดเป็นควันสูงถึง 252 องศาเซลเซียส (486 ฟาเรนไฮต์) ทาให้
สามารถประกอบอาหารได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทอดหรือการผัดในอุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก หรือ
เปน็ ส่วนผสมของนา้ สลัดหรือซอสหมักเนอื้ สัตว์
นำ้ มนั เมลด็ งำม้อน (Perilla Seed Oil)
น้ามันเมล็ดงาม้อน มีส่วนช่วยในเรื่องความจาและลดความเส่ียงของโรคความจาเส่ือม มีฤทธิ์ต้าน
การอักเสบ มผี ลดีต่อเรตนิ าในดวงตา และลดความเส่ียงของการเกิดหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ เป็นแหล่ง
ของกรดไขมันไม่อ่ิมตัวที่มีประโยชน์และจาเป็นต่อร่างกาย ประกอบด้วยโอเมก้า 3 ร้อยละ 55 - 60 ของ
กรดไขมันทัง้ หมดซ่ึงมบี ทบาทสาคัญตอ่ ระบบประสาทและสมองทเ่ี กี่ยวกบั การเรียนรู้ นอกจากน้ีน้ามันเมล็ด
งาม้อน ยงั ประกอบด้วย โอเมก้า 6 ร้อยละ 18 - 22 ของกรดไขมันท้ังหมด และโอเมก้า 9 ร้อยละ 11 - 13
ของกรดไขมันท้ังหมด ทั้งยังพบสาร Luteolin ซ่ึงเป็นสารในกลุ่ม flavonoids ที่มีฤทธ์ิต้านภูมิแพ้
(Anti- allergy) และต้านการอกั เสบ (Anti-inflammatory) ทงั้ ยังอดุ มไปดว้ ยธาตุฟอสฟอรัส และแคลเซยี ม

ภาพที่ 23 : น้ามันเมล็ดงาม้อน
ท่มี า : https://www.patpat9.com

21

หลกั สูตรอำหำรสตู รพระรำชทำน
สมเดจ็ พระกนษิ ฐำธิรำชเจำ้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสดุ ำ ฯ สยำมบรมรำชกุมำรี

เมนูยำพอกหัวเดก็ และเมนูผักโขมป้ันอบ

1. ควำมเปน็ มำ
พระราชนิพนธ์ครัวสระปทุม ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ

สยามบรมราชกุมารี มีใจความว่า “วันหนึ่งไปเฝ้าสมเด็จแม่ ห้องเคร่ืองทาขนมปังหน้าผักโขมถวาย
ทรงรับสั่งว่า “แห้งเกินไป” ทางห้องเครื่องจึงทูลถามว่า “ทรงโปรดอย่างไร” พระองค์ท่านจึงรับสั่งว่า
“สมัยก่อนคุณยายเคยทาให้ทาน เป็นเมนูท่ีออกอุบายให้เด็กรับประทานผัก ซึ่งมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต
เกลอื แร่ และใยอาหารครบถ้วน” ยาพอกหัวเดก็ เปน็ สูตรอาหารสตู รพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นอุบายให้เด็กสามารถรับประทานผักได้ง่ายขึ้น
โดยการทารูปร่างอาหารให้น่ารับประทานมากยิ่งข้ึน และมีรสชาติอร่อยคล้ายผักโขมอบชีส เมื่อมีการนา
ผักโขมไปต้มบดละเอียดแล้วจงึ ไมม่ รี สขม ทัง้ ยงั มกี ารปรงุ รสทาใหก้ ลมกลอ่ มย่งิ ขน้ึ

ผักโขมป้ันก้อนอบ เป็นเมนูสุขภาพท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการท่ีมีส่วนผสมของผักโขม มันต้มบด
เน้ือไก่บด ขนมปัง นม เนย เกลือ และพริกไทย พร้อมทั้งให้คุณค่าทางโภชนาการท่ีมีสารอาหารที่เป็น
ประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ เป็นต้น ผักโขมให้รสชาติท่ีมัน
อร่อย และไม่มีความขมถือว่าเป็นหนึ่งในวัตถุดิบทาอาหารท่ีมีคุณค่าทางสารอาหารสูงให้ประโยชน์ต่อ
ร่างกาย และสามารถทามาเปน็ เมนูอาหารคลีน หรืออาหารเพอื่ สขุ ภาพได้โดยไมท่ าให้เสียรสชาติ

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมี
พระราชดารใิ ห้ประชาชนคนไทย สบื สาน อนุรักษ์ รักษา ตอ่ ยอดการทาอาหารเพ่ือสุขภาพ เนื่องจากสภาพ
วิถีการดารงชีวิตของประชาชนในปัจจุบันเปล่ียนไป การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพท่ีดี และสามารถ
ป้องกันโรคได้ เพื่อเป็นการสนองพระราชดาริในการพัฒนาประชาชนให้มีทักษะความรู้ในด้านอาชีพ
ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ในด้านการพัฒนาอาชีพ
และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ได้ตระหนักถึงการบริโภคอาหารท่ีมีคุณค่า เป็นประโยชน์ต่อ
ร่างกาย และเล็งเห็นถึงความสาคัญของอาหารเพื่อสุขภาพ เมนูอาหารสูตรพระราชทานของสมเด็จ
พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้ดาเนินการจัดทา
หลักสูตรเมนูยาพอกหัวเด็ก และหลักสูตรเมนูผักโขมป้ันก้อนอบ เพ่ือส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้วิธีการ
ประกอบอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ท่ีได้รับไปประกอบอาหารบริโภคภายใน
ครวั เรือน หรอื นาไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพ สรา้ งรายได้ และพฒั นาคุณภาพชีวติ ใหด้ ีขนึ้ ตอ่ ไป

2. หลกั กำรของหลักสตู ร
2.1 เปน็ หลักสตู รทีม่ ีความยดื หย่นุ ในการจัดกระบวนการเรยี นร้ใู หเ้ ขา้ กบั กลมุ่ เปา้ หมาย ระยะเวลา

การวัดและการประเมนิ ผล
2.2 มุ่งพัฒนาประชาชนให้ได้รับการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพ และการมีงานทาอย่างมีคุณภาพ

ท่ัวถึงและเท่าเทียม สามารถลดรายจา่ ย เพ่ิมรายได้ใหก้ ับตนเองและครอบครวั
2.3 มุ่งเน้นพัฒนาประชาชนให้เป็นบุคคลที่มีวินัย เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม มีจิตอาสา

มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ รับผดิ ชอบต่อตนเองและสงั คม
2.4 มุ่งเน้นกระบวนการกล่มุ ฝึกปฏบิ ัตจิ รงิ ของผู้เรยี น

22

3. จดุ ประสงคข์ องหลักสตู ร
3.1 เพือ่ ให้ประชาชนมคี วามรู้ และความเขา้ ใจในเมนูยาพอกหวั เด็ก และเมนผู ักโขมปน้ั กอ้ นอบ
3.2 เพอื่ ให้ประชาชนมที ักษะในการทาเมนยู าพอกหวั เด็ก และเมนูผกั โขมป้นั ก้อนอบ
3.3 เพื่อใหป้ ระชาชนสามารถนาความรู้ที่ได้รบั ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการดารงชีวิต และนาไปประยกุ ตใ์ ช้

ในการประกอบอาชพี ได้

4. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ เพื่อใหผ้ เู้ รียน
4.1 อธบิ ายความเปน็ มาของเมนูยาพอกหวั เด็ก และเมนผู ักโขมปั้นก้อนอบได้
4.2 อธบิ ายวัสดุ อุปกรณ์ และเลือกใชไ้ ด้อยา่ งถูกต้อง
4.3 อธบิ ายขนั้ ตอนการทาเมนยู าพอกหัวเดก็ และเมนูผกั โขมปั้นก้อนอบได้

4.4 ปฏิบัตกิ ารทาเมนูยาพอกหัวเดก็ และเมนูผักโขมปัน้ ก้อนอบได้
4.5 อธบิ ายคุณคา่ อาหารทางโภชนาการของเมนยู าพอกหัวเดก็ และเมนผู กั โขมป้นั กอ้ นอบได้
4.6 จดั หาหรือจัดทาการบรรจุหีบห่อไดอ้ ย่างเหมาะสม
4.7 คิดต้นทนุ กาไรจากการจาหนา่ ยยาพอกหัวเดก็ และผกั โขมป้ันก้อนอบได้
4.8 อธิบายชอ่ งทางการจัดการการตลาดของยาพอกหัวเดก็ และผกั โขมปั้นกอ้ นอบได้

5. กล่มุ เป้ำหมำย ไม่นอ้ ยกว่า 6 คน
ประชาชนทัว่ ไป

6. ระยะเวลำ 6 ชั่วโมง
รวมจานวน 1 ช่ัวโมง
ภาคทฤษฎี 5 ชวั่ โมง
ภาคปฏิบัติ

7. โครงสร้ำงหลกั สูตร

เรอื่ ง หัวเรอื่ ง เวลำเรยี น
ท่ี ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ รวม
15 - 15
1 ช่องทางการประกอบอาชีพการทาเมนูยาพอกหัวเดก็ และเมนูผกั โขมปนั้ ก้อนอบ นาที นาที

1. ความเปน็ มาของการทาเมนยู าพอกหวั เด็ก และเมนูผกั โขมปนั้ กอ้ นอบ 30 4.30 5.00
นาที ชวั่ โมง ชว่ั โมง
2. ความเป็นไปไดแ้ ละการตดั สินใจในการประกอบอาชพี การทา

เมนยู าพอกหัวเดก็ และเมนูผกั โขมปนั้ ก้อนอบ

2 การจดั กระบวนการเรียนรู้ เมนูยาพอกหวั เดก็ และเมนผู ักโขมปน้ั ก้อนอบ

1. การทาเมนยู าพอกหวั เด็ก และเมนผู กั โขมปนั้ กอ้ นอบ

2. วัสดุ อุปกรณ์ และการเลือกใช้

3. ขน้ั ตอนการทาเมนูยาพอกหวั เดก็ และเมนผู ักโขมป้นั กอ้ นอบ

4. การปฏบิ ตั กิ ารทาเมนูยาพอกหวั เด็ก และเมนูผักโขมป้นั กอ้ นอบ

5. คณุ ค่าอาหารทางโภชนาการของเมนูยาพอกหวั เด็ก

และเมนผู ักโขมปนั้ ก้อนอบ

23

เรื่อง หัวเรอื่ ง เวลำเรยี น
ท่ี ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ รวม
15 30 45
3 การบรหิ ารจดั การในการประกอบอาชพี การทาเมนูยาพอกหัวเด็ก นาที นาที นาที

และเมนผู ักโขมปนั้ กอ้ นอบ 1.00 5.00 6.00
ช่วั โมง ชัว่ โมง ชัว่ โมง
1. การจัดหาหรอื จัดทาการบรรจุหีบหอ่

2. การคิดตน้ ทุน กาไรจากการจาหน่ายยาพอกหัวเดก็ และผักโขมปัน้ ก้อนอบ

3. ช่องทางการจดั การการตลาดของยาพอกหัวเด็ก และผักโขมปั้นกอ้ นอบ

รวมทั้งสิน้

8. กำรจัดกำรเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการบรรยายให้ความรู้/แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน การสาธิต

การลงมือปฏิบัติ/ฝึกปฏิบัติ การอภิปรายแลกเปล่ียนประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีครอบคลุมเนื้อหาตาม
โครงสรา้ งหลักสตู ร

9. สอ่ื กำรเรยี นรู้
9.1 สือ่ สงิ่ พิมพ์ เชน่ หนงั สือ ใบความรู้ เป็นตน้
9.2 ส่อื อเิ ล็กทรอนิกส์ เช่น คลปิ วดี โิ อ เป็นตน้
9.3 สอ่ื บุคคล เช่น วิทยากร ครผู ูส้ อน ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น เป็นตน้
9.4 สื่อของจริง เชน่ ผลงาน ตัวอยา่ งช้นิ งาน เป็นต้น

9.5 แหล่งเรยี นรู้ในชุมชน

10. กำรจดั กระบวนกำรเรยี นรู้
10.1 วิทยากรบรรยายใหค้ วามรู้ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบตั ิ
10.2 วิทยากรใหผ้ ้เู รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น และหลงั เรยี น

10.3 วทิ ยากรสาธิตวธิ ีการทาในแต่ละข้ันตอน และใหผ้ ู้เรยี นลงมอื ปฏบิ ตั ิ
10.4 วิทยากรประเมินผลงานของผู้เรยี น และผ้เู รียนร่วมแลกเปลีย่ นเรยี นรใู้ นการประเมนิ ผลงาน

11. กำรวดั และประเมินผล
ประเมนิ ความรู้ภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติจากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน การสอบถาม

การสังเกต การมีสว่ นรว่ ม และจากชนิ้ งาน/ผลงาน

12. ประโยชน์ทค่ี ำดว่ำจะได้รบั
12.1 กล่มุ เป้าหมายมคี วามรู้ และความเข้าใจหลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน เมนูยาพอกหัวเด็ก

และเมนูผกั โขมปั้นก้อนอบ
12.2 กล่มุ เปา้ หมายมที ักษะในการทาสูตรอาหารสตู รพระราชทาน เมนูยาพอกหัวเด็ก และเมนูผักโขม

ปน้ั กอ้ นอบ

12.3 กล่มุ เป้าหมายสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการดารงชีวิต และนาไปประยุกต์ใช้
ในการประกอบอาชพี ได้

24

13. กำรจบหลักสตู ร
13.1 มีเวลาเรียนและฝกึ ปฏบิ ตั ิตามหลักสูตรไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
13.2 มผี ลการประเมินผา่ นตลอดหลกั สตู รไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 60
13.3 มผี ลงาน/ช้นิ งาน ผา่ นการประเมนิ ตามมาตรฐานและคณุ ภาพ

14. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำ
14.1 หลักฐานการประเมนิ ผล
14.2 วฒุ บิ ตั รออกโดยสถานศึกษา

กำรประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื
วิธกี ำร แบบทดสอบกอ่ นเรยี น และหลงั เรียน
แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
ทดสอบความรู้ ความเขา้ ใจของผเู้ รียน แบบประเมินผลงาน/ชิ้นงานของผู้เรยี น
ทดสอบคณุ ธรรม จริยธรรมของผเู้ รยี น แบบประเมินความพึงพอใจ
นเิ ทศ ติดตาม และประเมนิ ผเู้ รยี น
ประเมินผลความพงึ พอใจในการจัดกจิ กรรม

แนวทำงกำรประเมนิ ผลกำรเรยี น (รวบยอด) เกณฑก์ ำรจบหลกั สูตร
วิธีกำร เคร่ืองมือ
มผี ลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน
1. ประเมินผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน ไมน่ อ้ ยกวา่ รอ้ ยละ 60
1.1 ประเมินความรทู้ างภาคทฤษฎี แบบทดสอบ มีผลงาน/ชิ้นงานทีม่ คี ุณภาพ

1.2 ประเมินทกั ษะการปฏิบตั ิ ผลงาน/ชิ้นงาน

25

แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้ หลักสูตรอำหำรสตู รพระรำชทำน
สมเดจ็ พระกนษิ ฐำธิรำชเจำ้ กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสดุ ำ ฯ สยำมบรมรำชกุมำรี

เมนูยำพอกหัวเดก็ และเมนูผักโขมปนั้ ก้อนอบ

สำระสำคญั
หลักสูตรอาหารสูตรพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ

สยามบรมราชกุมารี เมนูยาพอกหัวเด็ก และเมนูผักโขมป้ันก้อนอบ เป็นการจัดการศึกษาและฝึกอบรม
หลกั สตู รระยะสนั้ เพ่ือมุ่งเนน้ การจัดการเรียนรใู้ หก้ บั กลมุ่ เปา้ หมายสามารถเรียนรู้วิธีการประกอบอาหารที่มี
คุณค่าทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาหารบริโภคภายในครัวเรือน หรือนาไป
ประยกุ ต์ใช้ในการประกอบอาชพี สร้างรายได้ และพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ที่ดี

เน้ือหำ
1. ชอ่ งทางการประกอบอาชพี การทาเมนูยาพอกหัวเดก็ และเมนผู กั โขมป้ันกอ้ นอบ
1.1 ความเปน็ มาของการทาเมนยู าพอกหัวเด็ก และเมนูผกั โขมปนั้ กอ้ นอบ
1.2 ความเป็นไปได้และการตัดสินใจในการประกอบอาชีพการทาเมนูยาพอกหัวเด็ก และเมนู

ผกั โขมปน้ั กอ้ นอบ
2. การจัดกระบวนการเรยี นรู้ เมนูยาพอกหวั เดก็ และเมนผู ักโขมปั้นกอ้ นอบ
2.1 การทาเมนยู าพอกหวั เดก็ และเมนผู กั โขมปั้นก้อนอบ
2.2 วัสดุ อปุ กรณ์ และการเลอื กใช้
2.3 ข้ันตอนการทาเมนยู าพอกหวั เด็ก และเมนผู กั โขมป้นั ก้อนอบ
2.4 การปฏบิ ตั ิการทาเมนยู าพอกหัวเดก็ และเมนูผักโขมปนั้ ก้อนอบ
2.5 คณุ คา่ อาหารทางโภชนาการของเมนูยาพอกหวั เดก็ และเมนผู ักโขมป้ันก้อนอบ
3. การบรหิ ารจัดการในการประกอบอาชพี การทาเมนูยาพอกหัวเดก็ และเมนผู ักโขมปัน้ ก้อนอบ
3.1 การจดั หาหรอื จดั ทาการบรรจหุ บี หอ่
3.2 การคดิ ต้นทุน กาไรจากการจาหน่ายยาพอกหัวเดก็ และผกั โขมปัน้ กอ้ นอบ
3.3 ชอ่ งทางการจัดการการตลาดของยาพอกหวั เดก็ และผกั โขมปน้ั กอ้ นอบ

กจิ กรรมกำรเรียนรู้ (6 ชวั่ โมง)
1. ข้ันกำรนำเข้ำสบู่ ทเรียน
1.1 วิทยากรทักทาย และแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกับผู้เรียนเก่ียวกับประสบการณ์ด้านการ

ประกอบอาหารของผูเ้ รยี น
1.2 วิทยากรและผู้เรียนร่วมกันอธิบายประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการจากวัตถุดิบและ

ส่วนผสมท่ใี ชใ้ นการประกอบอาหาร โดยวิทยากรอาจมีการยกตวั อยา่ งอาหารทผี่ ู้เรียนเคยมีประสบการณ์ใน
การทามากอ่ น

1.3 วิทยากรอธิบายเช่ือมโยงความรู้จากการแลกเปล่ียนเรียนรู้ข้างต้น เพ่ือนาเข้าสู่บทเรียน
เกยี่ วกับการประกอบอาหารสูตรพระราชทาน เมนูยาพอกหวั เด็ก และเมนผู กั โขมป้นั ก้อนอบ

26

2. ข้ันกำรจดั กำรเรียนรู้
2.1 วิทยากรมอบหมายให้ผู้เรียนศึกษาความรู้จากส่ือการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีปรากฏอยู่ในแผนการ

จดั การเรียนรู้
2.2 วิทยากรอธิบายรายละเอียดเก่ียวกับหลักโภชนาการ และคุณค่าทางอาหารที่คาดว่าจะ

ไดร้ บั จากการประกอบอาหารตามเมนูยาพอกหวั เด็ก และเมนผู ักโขมป้นั กอ้ นอบ
2.3 วทิ ยากรอธบิ ายรายละเอียดเก่ียวกับการเตรียมวัตถุดิบ ส่วนผสม เครื่องปรุง อุปกรณ์ และ

ขน้ั ตอนการประกอบอหารตามเมนูยาพอกหวั เดก็ และเมนูผักโขมปน้ั ก้อนอบให้ผ้เู รียนทราบ
2.4 วทิ ยากรสาธติ การเตรยี มวัตถดุ บิ ส่วนผสม เครอ่ื งปรงุ และอปุ กรณ์ พร้อมสาธิตข้นั ตอนการ

ประกอบอาหารตามเมนูยาพอกหวั เด็ก และเมนผู ักโขมปัน้ ก้อนอบ เพื่อใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รียนรู้จากสภาพจริง
2.5 วิทยากรกาหนดให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยการเตรียมวัตถุดิบ ส่วนผสม เครื่องปรุง และ

อุปกรณ์ พรอ้ มทั้งลงมอื ประกอบอาหารตามเมนยู าพอกหัวเด็ก และเมนูผกั โขมปน้ั ก้อนอบ โดยวิทยากรเป็น
ผู้ให้คาปรกึ ษา สงั เกตพฤติกรรมของผูเ้ รียน พร้อมท้ังตอบข้อซักถาม กรณีที่ผู้เรียนเกิดข้อสงสัยในขณะที่ลง
มอื ปฏบิ ตั จิ ริง

หมายเหตุ ควรมีการประสานงานร่วมกับผู้เรียนก่อนล่วงหน้า เพื่อการเตรียมความพร้อม หรือ
สถานศกึ ษาจัดใหม้ ีการเตรียมความพรอ้ มเก่ียวกับวัตถุดิบ ส่วนผสม เคร่ืองปรุง และอุปกรณ์ ที่จะใช้ในการ
เรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนก่อน เพ่ือเป็นการอานวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ท่ีเป็นไปตามแผนการจัดการ
เรยี นรู้

2.6 วิทยากรประเมินผลการประกอบอาหารตามเมนูยาพอกหัวเด็กโดยประเมินจากรูปลักษณ์
การตกแต่ง และรสชาติของอาหาร

2.7 วิทยากรให้ผเู้ รียนทาความสะอาด และจดั เก็บอปุ กรณ์ และสงิ่ ของต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องเก็บใน
พนื้ ทที่ กี่ าหนด และตรวจสอบความเรียบร้อย

3. ขน้ั สรปุ ผลกำรจดั กำรเรยี นรู้
3.1 วิทยากรสุ่มผูเ้ รียน เพอ่ื นาเสนอรายละเอยี ดเกี่ยวกบั การเตรยี มวตั ถุดบิ สว่ นผสม เคร่อื งปรงุ

และอุปกรณ์ และขน้ั ตอนการประกอบอาหารตามเมนยู าพอกหวั เด็ก และผักโขมปั้นก้อนอบ และสรปุ ข้อมูล
รว่ มกับผู้เรยี น

3.2 วิทยากรสรุปความรู้เก่ียวกับอาหารและคุณค่าทางโภชนาการท่ีได้จากการประกอบอาหาร
เมนูยาพอกหัวเดก็ และผกั โขมปั้นก้อนอบ

3.3 วิทยากรแจกแบบทดสอบเพ่อื วัดความรู้ในเชงิ ทฤษฎี (แบบทดสอบปรนยั /อัตนยั )

แผนกำรจัดกระบวนกำรเรยี นรูห้ ลกั สตู รอำหำรสตู รพระรำชทำน เมนยู ำพ

หวั เรอื่ ง จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ เนอื้ หำ กำรจ

เรื่องที่ 1 ช่องทำงกำรประกอบอำชพี กำรทำเมนูยำพอกหัวเด็ก และเมนูผักโขมปน้ั กอ้ นอบ

1. ความเปน็ มาของ อธบิ ายความเป็นมาของ ความเปน็ มาของการทา วทิ ยาก

การทาเมนยู าพอก การทาเมนยู าพอกหัวเด็ก เมนูยาพอกหัวเด็ก และ ของเม

หัวเดก็ และเมนูผกั โขม และเมนผู ักโขมปนั้ กอ้ นอบได้ เมนผู กั โขมปน้ั กอ้ นอบ และเม

ปั้นกอ้ นอบ

2. ความเป็นไปได้ 1. อธบิ ายทางเลอื กในการ 1. การวางแผนเลือก วิทยาก

และการตดั สินใจในการ ประกอบอาชพี ได้ ประกอบอาชพี ความเ

ประกอบอาชพี 2. อธิบายองคป์ ระกอบ 2. องค์ประกอบ ปญั หา และกา

การทาเมนูยาพอก ปัญหา และขอ้ แนะนาก่อน และขอ้ แนะนาก่อน ประกอ

หัวเด็ก และเมนูผกั โขม ตัดสนิ ใจเลือกอาชีพได้ ตัดสินใจเลอื กอาชพี เมนูยา

ปั้นก้อนอบ 3. อธิบายหลักเกณฑ์ 3. หลักเกณฑ์ และการ ผกั โขม

และการตดั สินใจเลือก ตัดสนิ ใจเลอื กอาชพี

อาชีพได้

4. การประเมนิ ความพรอ้ ม 4. การประเมิน

และความเปน็ ไปได้ของ ความพรอ้ มและความ

อาชพี ที่ตดั สินใจเลอื กได้ เปน็ ไปไดข้ องอาชีพท่ี

ตดั สินใจเลือก

27

พอกหัวเดก็ และผักโขมปน้ั ก้อนอบ

จดั กระบวนกำรเรียนรู้ ส่อื กำรเรยี นรู้ วดั และประเมนิ ผล เวลำเรียน
ทฤษฎี ปฏบิ ัติ
บ ใบความรู้ 1. สงั เกตความสนใจ 10 นาที
กรอธิบายความเป็นมา ความเปน็ มาของเมนู 2. ซักถาม
มนยู าพอกหัวเด็ก ยาพอกหวั เด็ก และ 3. การมสี ่วนรว่ ม 5 นาที
มนผู ักโขมปั้นกอ้ นอบ เมนูผกั โขมป้นั ก้อนอบ 4. ผลงาน/ชิ้นงาน
1. แบบทดสอบ 5. ประเมินผลงาน
กรอธิบาย กอ่ นเรียน ผู้เรียนโดยใชใ้ บงาน
เป็นไปได้ 2. แบบทดสอบ ทก่ี าหนด
ารตัดสินใจในการ หลังเรยี น
อบอาชพี การทา
าพอกหัวเดก็ และเมนู
มปน้ั ก้อนอบ

27

เร่ือง จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เนอ้ื หำ กำรจัด

เรอ่ื งที่ 2 กำรจดั กำรบวนกำรเรยี นรู้ เมนูยำพอกหวั เดก็ และเมนผู กั โขมปน้ั กอ้ นอบ

1. การทาเมนยู าพอก อธิบายการทา การทาเมนูยาพอกหัวเดก็ วทิ ยากร

หัวเดก็ และเมนูผักโขม เมนูยาพอกหัวเด็ก และ และเมนผู ักโขมปน้ั ก้อนอบ เมนูยาพ

ปัน้ ก้อนอบ เมนูผักโขมป้นั ก้อนอบได้ ผักโขมป

2. วตั ถดุ ิบ วัสดุ อธบิ ายวสั ดุ อุปกรณ์ วัสดุ อุปกรณ์ วิทยากร

อปุ กรณแ์ ละการเลอื กใช้ และเลอื กใช้ได้ และการเลอื กใช้ และใหผ้

อยา่ งถกู ต้อง การทาเม

และเมน

3. ขัน้ ตอนการทาเมนู อธิบายขั้นตอนการทา ข้นั ตอนการทา วทิ ยากร

ยาพอกหวั เด็ก และเมนู เมนยู าพอกหวั เดก็ และ เมนูยาพอกหัวเดก็ และ การทาเม

ผกั โขมป้นั กอ้ นอบ เมนูผกั โขมป้ันกอ้ นอบได้ เมนูผกั โขมป้ันกอ้ นอบ และเมน

4. การปฏิบัตกิ ารทาเมนู ปฏิบตั กิ ารทา เมนยู าพอก การปฏิบัตกิ ารทา 1. วทิ ยา

ยาพอกหวั เดก็ และเมนู หวั เด็ก และเมนูผกั โขม เมนยู าพอกหวั เดก็ และ เมนยู าพ

ผักโขมปั้นก้อนอบ ปน้ั กอ้ นอบได้ เมนผู กั โขมปนั้ กอ้ นอบ ผกั โขมป

ผเู้ รยี นล

บันทึกลง

2. วทิ ยา

แลกเปล

28

ดกระบวนกำรเรียนรู้ สอื่ กำรเรยี นรู้ วดั และประเมนิ ผล เวลำเรียน
ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ

รอธบิ ายการทา ใบความรู้ วธิ ีการทา 1. สังเกตความ 10 นาที
พอกหวั เดก็ และเมนู
ป้ันก้อนอบ เมนูยาพอกหวั เด็ก และ สนใจ

รอธบิ ายวสั ดุ อุปกรณ์ เมนผู ักโขมปั้นก้อนอบ 2. ซกั ถาม
ผเู้ รยี นเลอื กใช้ใน
มนยู าพอกหวั เดก็ 1. สอ่ื รูปภาพ 3. การมสี ว่ นรว่ ม 5 นาที
นผู ักโขมปน้ั กอ้ นอบ 4. ผลงาน/ชิน้ งาน
2. ส่อื ของจรงิ
รอธบิ ายขน้ั ตอน 5. ประเมนิ ผลงาน
มนยู าพอกหวั เดก็
นผู กั โขมปน้ั กอ้ นอบ ผู้เรียนโดยใชใ้ บงาน

ากรสาธติ วธิ ที า 1. ใบความรู้ วธิ ีการทา ทก่ี าหนด 10 นาที 4.30
พอกหัวเดก็ และเมนู ช่ัวโมง
ปน้ั ก้อนอบ และให้ เมนยู าพอกหัวเด็ก และ
ลงมอื ปฏบิ ัตพิ รอ้ ม
งในใบงาน เมนผู ักโขมปนั้ กอ้ นอบ
ากรและผู้เรยี น
ลย่ี นเรยี นรู้ 2. แบบบนั ทึก

การเรียนรขู้ องผเู้ รยี น

หลักสตู รอาหารสูตร

พระราชทาน

เมนยู าพอกหัวเด็ก และ

เมนผู ักโขมปั้นกอ้ นอบ

28

เรอ่ื ง จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เนื้อหำ กำรจัด

5. คณุ คา่ อาหารทาง อธบิ ายคณุ คา่ อาหาร คุณคา่ อาหารทาง 1. ผเู้ รียน

โภชนาการของ ทางโภชนาการของ โภชนาการของ คณุ ค่าอา

เมนยู าพอกหวั เดก็ และ เมนูยาพอกหวั เด็ก และ เมนูยาพอกหัวเด็ก และ ของเมน

เมนูผักโขมปั้นกอ้ นอบ เมนูผักโขมปั้นกอ้ นอบได้ เมนผู กั โขมปน้ั ก้อนอบ เมนูผกั โข

2. วิทยา

อภปิ ราย

เกย่ี วกบั

โภชนาก

และเมน

3. วิทยา

เร่ืองที่ 3 กำรบริหำรจดั กำรในกำรประกอบอำชีพกำรทำยำพอกหวั เดก็ และผักโขมป้นั กอ้ น

1. การจัดหาหรือจดั ทา จดั หาหรอื จัดทาบรรจุ การจดั หาหรอื จัดทา วทิ ยากร

บรรจหุ บี หอ่ หีบหอ่ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม บรรจุหบี หอ่ จัดหาหร

2. การคิดตน้ ทุน กาไร คิดต้นทุน กาไรจากการ การคดิ ต้นทนุ กาไร 1. วทิ ยา

จาหนา่ ยยาพอกหวั เด็ก วธิ กี ารค

และผักโขมปัน้ ก้อนอบได้ 2. ให้ผู้เร

3. ชอ่ งทางการจดั การ อธิบายชอ่ งทางการ ชอ่ งทางการจัดการ วิทยากร
การตลาดของ จัดการการตลาดของ การตลาด เกี่ยวกบั
ยาพอกหวั เดก็ ยาพอกหวั เด็ก
และผักโขมปนั้ กอ้ นอบ และผกั โขมปนั้ ก้อนอบได้

29

ดกระบวนกำรเรยี นรู้ สือ่ กำรเรยี นรู้ วัดและประเมนิ ผล เวลำเรียน
ทฤษฎี ปฏบิ ัติ
นศกึ ษาใบความรู้ 1. ใบความรู้ คุณคา่ 5 นาที

าหารทางโภชนาการ อาหารทางโภชนาการ 5 นาที 15 นาที
5 นาที 15 นาที
นูยาพอกหวั เด็ก และ ของเมนูยาพอกหวั เดก็
5 นาที
ขมปัน้ กอ้ นอบ และเมนผู ักโขมป้ัน

ากรและผูเ้ รยี นรว่ มกัน กอ้ นอบ

ยแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ 2. ประเด็นอภปิ ราย

บคณุ ค่าอาหารทาง เมนยู าพอกหวั เดก็ และ

การเมนยู าพอกหัวเดก็ เมนูผกั โขมป้ันกอ้ นอบ

นผู ักโขมป้ันกอ้ นอบ ให้คุณคา่ อาหารทาง

ากรสรุปองค์ความรู้ โภชนาการอยา่ งไร

นอบ

รอธบิ ายเทคนิคการ 1. ใบความรู้ บรรจภุ ณั ฑ์ 1. สงั เกตความ

รอื จัดทาบรรจุหบี หอ่ 2. ตวั อย่างบรรจภุ ณั ฑ์ สนใจ

ากรให้ความรเู้ ก่ียวกบั 1. ใบความรู้ 2. ซักถาม

คานวณต้นทนุ กาไร การคานวณตน้ ทนุ 3. การมีสว่ นรว่ ม
4. ผลงาน/ชน้ิ งาน
รียนฝกึ คดิ ตน้ ทนุ กาไร กาไร
2. ใบงานการคดิ 5. ประเมินผลงาน
ผู้เรียนโดยใชใ้ บงาน
ต้นทนุ กาไร
รแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ใบความรู้ ชอ่ งทาง ที่กาหนด

บชอ่ งทางการตลาด การตลาด

29

30

ใบควำมรู้
ควำมเป็นมำของเมนยู ำพอกหวั เด็ก

ควำมเปน็ มำ
พระราชนิพนธ์ครัวสระปทุม ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ

สยามบรมราชกุมารี มีใจความว่า “วันหน่ึงไปเฝ้าสมเด็จแม่ ห้องเครื่องทาขนมปังหน้าผักโขมถวาย ทรงรับสั่งว่า
“แห้งเกินไป” ทางห้องเครื่องจึงทูลถามว่า “ทรงโปรดอย่างไร” พระองค์ท่านจึงรับส่ังว่า “สมัยก่อนคุณยาย
เคยทาให้ทาน เป็นเมนูที่ออกอุบายให้เด็กรับประทานผัก ซ่ึงมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ และใยอาหาร
ครบถ้วน” ยาพอกหัวเด็กเป็นสูตรอาหารสูตรพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพ
รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นอุบายให้เด็กสามารถรับประทานผักได้ง่ายขึ้น โดยการทารูปร่าง
อาหารให้นา่ รับประทานมากย่งิ ขึ้น และมรี สชาติอรอ่ ยคล้ายผกั โขมอบชสี เม่ือมกี ารนาผกั โขมไปต้มบดละเอียด
แลว้ จงึ ไม่มีรสขม ท้ังยังมกี ารปรงุ รสทาให้กลมกลอ่ มยงิ่ ข้นึ

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดาริ
ให้ประชาชนคนไทย สบื สาน อนรุ ักษ์ รกั ษา ต่อยอดการทาอาหารเพ่ือสขุ ภาพ เนือ่ งจากสภาพวถิ กี ารดารงชีวิต
ของประชาชนในปจั จุบนั เปล่ียนไป การรับประทานอาหารเพ่อื สุขภาพท่ีดี และสามารถป้องกันโรคได้ เพ่ือเป็น
การสนองพระราชดาริในการพัฒนาประชาชนให้มีทักษะความรู้ในด้านอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่
ความรับผิดชอบของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ในด้านการพัฒนาอาชีพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
ประชาชน ได้ตระหนกั ถึงการบรโิ ภคอาหารทีม่ ีคุณค่า เปน็ ประโยชน์ต่อร่างกาย และเล็งเห็นถงึ ความสาคัญของ
อาหารเพื่อสุขภาพ เมนูอาหารสูตรพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี จึงได้ดาเนินการจัดทาหลักสูตรเมนูยาพอกหัวเด็ก เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้
วธิ ีการประกอบอาหารท่มี คี ณุ คา่ ทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาหรบริโภคภายใน
ครัวเรือน หรอื นาไปประยกุ ต์ใช้ในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และพฒั นาคุณภาพชีวติ ให้ดขี ึน้ ตอ่ ไป

ภาพที่ 24 : ยาพอกหัวเด็ก
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสรุ ทณั ฑ์

31

ใบควำมรู้
วธิ ีกำรทำเมนยู ำพอกหัวเดก็

วตั ถุดบิ และส่วนผสม

ผกั โขมตม้ บดสับ นมข้นจดื เนยสด เกลือ
ละเอียด 165 กรมั 30 กรมั 16 กรัม ¼ ชอ้ นชา

พรกิ ไทย ขนมปัง เนยขูดแข็ง
¼ ชอ้ นชา 10 แผ่น (โรยหนา้ )

ภาพท่ี 25 : วัตถดุ ิบและสว่ นผสมของเมนยู าพอกหวั เดก็
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์

ข้นั ตอนกำรทำเมนยู ำพอกหวั เด็ก
1. ต้มผักโขมใหส้ ุก พักไวใ้ ห้สะเดด็ นา้ และบดสบั ใหล้ ะเอยี ด (โดยทไ่ี ม่บบี น้าใบผกั โขมออก)
2. ปรงุ รสด้วยเกลอื พรกิ ไทย ใสน่ มขน้ จืด เนยสด คนให้เขา้ กนั จนเปน็ เนือ้ เดยี ว พักไว้
3. หั่นขนมปังเป็นช้ินตามยาว นาไปเข้าเตาอบใช้ไฟบนอุณหภูมิ 140 องศาเซลเซียส อบให้ขนมปังกรอบ

ใช้เวลาอบประมาณ 25 – 30 นาที
4. นาผักโขมที่ผสมไว้ ทาลงบนขนมปัง สัดสว่ นประมาณ 1 ชอ้ นโต๊ะ ตอ่ 1 ชิ้น โรยเนยแข็งขูด

5. จดั ใสจ่ านพร้อมเสริ ฟ์

32

เปน็ อุบายให้เด็กรับประทานผกั
ได้โปรตนี คารโ์ บไฮเดรต ไขมัน วิตามนิ เกลือแร่ ใยอาหาร

ทรงเรียกวา่ “ยาพอกหวั เด็ก”
(มลู นิธสิ มเด็จพระพันวสั สาอยั ยกิ าเจ้า วงั สระปทุม, 2550)

เคล็ดลบั
1. ไมต่ อ้ งบบี น้าออกจากผักโขมกอ่ นนาไปปัน่ จะชว่ ยใหป้ ่ันเปน็ เนอื้ ละเอียดได้งา่ ยขึน้
2. การเลอื กใช้เนยใหเ้ ลือกใช้เนยเค็ม หรือเนยสด เพราะในเนยสดไม่มไี ขมนั ทรานซ์ หากเลอื กเนยเค็ม
ไมต่ อ้ งเติมเกลอื เพ่มิ
3. สามารถใช้พาเมซานชีสโรยแทนเนยแข็งขูด หรือใช้มอสซาเรลลาชีทโรยลงบนผักโขมนาไปอบอีก
คร้งั จะเพ่ิมใหม้ รี สชาตคิ ล้ายกับผักโขมอบชีส รบั ประทานพรอ้ มกับซอสมะเขอื เทศ และซอสพริก

33

ใบควำมรู้
ควำมเป็นมำของเมนผู กั โขมปนั้ กอ้ นอบ

ควำมเปน็ มำ
ผักโขมป้ันก้อนอบ เป็นเมนูสุขภาพที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่มีส่วนผสมของผักโขม มันต้มบด เน้ือไก่บด

ขนมปัง นม เนย เกลือ และพริกไทย พร้อมทั้งให้คุณค่าทางโภชนาการที่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อ
ร่างกาย เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ เป็นต้น ผักโขมให้รสชาติท่ีมัน อร่อย และไม่มี
ความขมถอื วา่ เป็นหนงึ่ ในวตั ถุดิบทาอาหารที่มีคณุ คา่ ทางสารอาหารสงู ให้ประโยชนต์ ่อรา่ งกาย และสามารถทา
มาเปน็ เมนอู าหารคลีน หรืออาหารเพอ่ื สุขภาพได้โดยไมท่ าให้เสยี รสชาติ

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดาริ
ให้ประชาชนคนไทย สืบสาน อนุรกั ษ์ รักษา ตอ่ ยอดการทาอาหารเพ่ือสุขภาพ เน่ืองจากสภาพวถิ กี ารดารงชวี ติ
ของประชาชนในปจั จบุ ันเปลย่ี นไป การรบั ประทานอาหารเพือ่ สุขภาพที่ดี และสามารถป้องกันโรคได้ เพื่อเป็น
การสนองพระราชดาริในการพัฒนาประชาชนให้มีทักษะความรู้ในด้านอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทหน้าท่ี
ความรับผิดชอบของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ในด้านการพัฒนาอาชีพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
ประชาชน ได้ตระหนักถึงการบรโิ ภคอาหารทม่ี คี ณุ ค่า เปน็ ประโยชน์ตอ่ ร่างกาย และเล็งเห็นถงึ ความสาคัญของ
อาหารเพ่ือสุขภาพ เมนูอาหารสูตรพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี จึงได้ดาเนินการจัดทาหลักสูตรเมนูยาพอกหัวเด็ก เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้
วธิ ีการประกอบอาหารท่มี ีคุณคา่ ทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาหรบริโภคภายใน
ครวั เรอื น หรือนาไปประยุกตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพ สรา้ งรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตใหด้ ีขน้ึ ต่อไป

ภาพที่ 26 : ผกั โขมปัน้ ก้อนอบ
โดย ศูนย์วงเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

34

ใบควำมรู้
วิธกี ำรทำเมนยู ำผักโขมปน้ั กอ้ นอบ

วัตถุดิบและสว่ นผสม

ผกั โขมต้มบดสบั ไกบ่ ด มันฝรั่งตม้ บดละเอยี ด เกลด็ ขนมปัง
ละเอยี ด 145 กรัม 200 กรัม 140 กรมั 25 กรัม

เนยสด นมสด เกลอื พรกิ ไทย
32 กรัม 25 กรมั ½ ชอ้ นชา ¼ ช้อนชา

ภาพที่ 27 : วัตถุดบิ และสว่ นผสมของเมนผู กั โขมป้นั กอ้ นอบ
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสุรทณั ฑ์

ขั้นตอนกำรทำเมนผู ักโขมปนั้ กอ้ นอบ
1. ทาเนยทกี่ ้นหม้อ ใสผ่ ักโขม ไก่บด มันต้มบดในหมอ้ และคนให้เข้าเปน็ เนอื้ เดยี วกนั
2. ใสน่ มสด เนยสด เกลอื และพริกไทย คนใหเ้ ข้ากนั นาไปต้ังไฟคนจนสกุ
3. เทส่วนผสมท่ีต้งั ไฟสกุ แลว้ ใสช่ าม และโรยด้วยเกลด็ ขนมปงั คนจนแห้งพอทีจ่ ะปั้นเปน็ ก้อน ๆ ได้
4. ปัน้ ส่วนผสมเป็นกอ้ นกลม ๆ ก้อนละ 20 กรัม กดใหแ้ บนลงไปนดิ ๆ แล้วนาไปคลุกในเกล็ดขนมปัง

จะได้ประมาณ 25 ก้อน

5. ทาเนยบนถาดจนทว่ั วางสว่ นผสมทีป่ ้ันและคลกุ เกลด็ ขนมปงั วางเรียงในถาด นาไปเข้าเตาอบใช้ไฟ
บนลา่ งอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้เวลาอบประมาณ 40 นาที

5. จดั ใส่จานพรอ้ มเสริ ฟ์

35

เป็นของว่างทีช่ อบรบั ประทานต้ังแตเ่ ดก็ ๆ
คนทไ่ี ม่ยอมรับประทานผักยงั ชอบ

(มลู นิธสิ มเด็จพระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้า วงั สระปทมุ , 2550)

เคล็ดลับ
1. การเลือกใชเ้ นยให้เลือกใชเ้ นยเคม็ หรือเนยสด เพราะในเนยสดไมม่ ไี ขมันทรานซ์ หากเลอื กเนยเค็ม
ไมต่ ้องเติมเกลอื เพม่ิ
2. รบั ประทานพรอ้ มกับซอสมะเขอื เทศ และซอสพรกิ

36

แบบบันทกึ กำรเรยี นรู้ของผเู้ รียน
หลกั สตู รอำหำรสูตรพระรำชทำน เมนูยำพอกหัวเดก็ และเมนูผักโขมป้ันกอ้ นอบ

คำชี้แจง ให้ผเู้ รยี นจดบันทกึ ขน้ั ตอนการทาเมนยู าพอกหัวเดก็ และเมนูผกั โขมปัน้ กอ้ นอบ ระหวา่ งทว่ี ิทยากร
บรรยายลงในใบงาน

แบบบนั ทึก

วตั ถุดบิ และส่วนผสม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ข้นั ตอนกำรทำ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ขอ้ เสนอแนะ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

37

ใบควำมรู้
คุณค่ำทำงโภชนำกำรของเมนูยำพอกหวั เดก็ และเมนผู กั โขมปัน้ ก้อนอบ

อาหารไทย มีรากเหง้ามาจากสังคมเกษตร ผูกพันกับธรรมชาติ วัตถุดิบที่นามาทาเป็นอาหารล้วนมา
จากธรรมชาติ ดังน้ันคุณสมบัติหลายประการของผลผลิตตามธรรมชาติมีอยู่เป็นจานวนมาก จากการสารวจ
คณุ คา่ ทางโภชนาการอาหารไทยของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า อาหารไทย ส่วนใหญ่ นอกจาก
จะมีคณุ ค่าในสารอาหารหลักอยา่ งคารโ์ บไฮเดรต โปรตนี ไขมนั แลว้ ยงั มแี ร่ธาตแุ ละวิตามินที่สาคัญต่อร่างกาย
รวมอีกด้วย อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ เรตินอล แคโรทีน เป็นต้น เพ่ือให้ร่างกายได้รับ
สารอาหารไปใชง้ านอยา่ งเตม็ ประสทิ ธิภาพ และเสริมสรา้ งความสมบูรณใ์ ห้สขุ ภาพ จึงต้องพิถีพิถใี ส่ใจเร่ืองการ
รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ โดยเน้นสารอาหารให้ครบถ้วนอาหารหลัก 5 หมู่เป็นประจาทุกมื้อ คุณค่า
อาหารรวมหมู่แบบนจ้ี ะหาไม่ได้ในผลิตภณั ฑเ์ สรมิ อาหาร ซึ่งประกอบด้วยสารอาหารท่ีมปี ระโยชนต์ อ่ รา่ งกาย ดงั น้ี

ผักโขม เป็นผักท่ีขึ้นตามแหล่งธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นริมทาง ป่าละเมาะ ป่ารกร้าง รวมถึงสวนผัก
ผลไม้ เป็นผักที่ได้รบั นยิ มนามาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เชน่ ผัดผักโขม แกงจืดผักโขม ผักโขมอบชีส
ขนมปังหน้าผักโขมอบชีส ผักโขมเป็นผักท่ีให้คุณประโยชน์ และสรรพคุณทางยามากมาย รวมถึงช่วยป้องกัน
โรคหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคโลหิตจาง ความดันโลหิตสูง ช่วยขับปัสสาวะ นอกจากน้ีผักโขมยังช่วย
ลดระดบั คอเลสเตอรอล เน่อื งจากผักโขมมีทง้ั โปรตีน วิตามิน กรดอะมโิ น และแรธ่ าตุตา่ งๆ

ขนมปัง เป็นคารโ์ บไฮเดรต ถือเปน็ สารอาหารหลักท่ีพบได้ในขนมปัง คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่
เปน็ แหล่งพลงั งานแกร่ ่างกาย เช่นเดียวกบั ผลไม้ ผกั ถ่ัว และธัญพืชที่ผ่านกระบวนการน้อยท่ีสุดถือเป็นแหล่ง
คารโ์ บไฮเดรตทีด่ ตี อ่ สุขภาพ เพราะอาหารเหลา่ นย้ี งั มปี รมิ าณวิตามิน เกลือแร่ และสารตา้ นอนุมูลอสิ ระ

เนยแข็ง อุดมไปด้วยสารอาหารที่เหมาะสาหรับเด็กวัยเจริญเติบโต เพราะเนยแข็งให้พลังงาน
แคลเซียม และโปรตีนสูง โดยเฉพาะโปรตีนและแคลเซียมซึ่งเป็นส่วนประกอบสาคัญของกระดูก
ช่วยเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกพรุน อีกท้ังเนยแข็งยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ฟัน
ชว่ ยปอ้ งกันฟนั ผุ โดยโปรตนี ในรูปของแคลเซียมและฟอสฟอรสั ในเนยแข็งจะเป็นตัวชว่ ยป้องกันสารเคลือบฟัน
อีกทั้งยังช่วยเพิ่มฟองน้าลายที่ช่วยล้างกรดและน้าตาลในช่องปากอันเป็นสาเหตุของฟันผุ แม้ว่าเนยแข็งจะมี
ปริมาณไขมันมากกว่าน้านมแต่ก็เปน็ อาหารที่อดุ มไปด้วยสารอาหารท่เี ป็นประโยชน์ต่อรา่ งกาย

เนือ้ ไก่ เปน็ แหลง่ โปรตีนที่สาคัญ เป็นอาหารท่ีให้โปรตีนสูง ท้ังยังเป็นโปรตีนที่มีไขมันน้อย จัดว่าเป็น
หน่ึงในโปรตีนไขมันต่าที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งโปรตีนในเน้ือไก่น้ันมีประโยชน์ต่อการสร้างกล้ามเนื้อ เพ่ิมความแข็งแรง
ของกระดูก เสรมิ การเจรญิ เติบโตของร่างกาย และดีต่อการลดน้าหนักด้วย เพราะการรับประทานอาหารท่ีให้
โปรตีนสูงจะทาให้รู้สึกอิ่มได้มากขึ้น จึงช่วยลดความอยากอาหาร ลดปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรต และลดแคลอรี่
ในอาหารมอื้ ต่อไป นอกจากเน้ือไกจ่ ะเปน็ แหลง่ อาหารสาคัญของโปรตีนแล้ว เน้ือไก่ก็ยังให้วิตามินสาคัญอย่าง
วติ ามินบี 1 วติ ามนิ บี 5 วติ ามนิ บี 6 และแร่ธาตจุ าเปน็ อยา่ งธาตเุ หล็ก ทองแดง ฟอสฟอรัส สังกะสี ซงึ่ เป็นกล่มุ
สารอาหารท่ชี ่วยกระตนุ้ การทางานของระบบตา่ ง ๆ ในร่างกาย เสรมิ พลงั งาน และเสรมิ ระบบภมู คิ ้มุ กันใหแ้ ขง็ แรง

มันฝร่ัง เป็นแหล่งเสน้ ใยไฟเบอร์ โปรตีน และคารโ์ บไฮเดรตจากแป้งตามธรรมชาติ อกี ทัง้ ยังได้รับการ
รับรองวา่ เป็นอาหารทีด่ ีต่อสุขภาพ ชว่ ยเพม่ิ ประสิทธภิ าพการย่อยอาหาร ลดระดบั คอเลสเตอรอล เพิ่มสุขภาพหัวใจ
เป็นตน้

38

ใบควำมรู้
บรรจุภัณฑ์

บรรจุภัณฑ์ (Packaging) คือ
จรญู โกสีย์ไกรนิรมล กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ คือการนาเอาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติกแก้ว โลหะ ไม้

ประกอบเป็นภาชนะห่อหุ้ม สินค้า เพื่อประโยชน์ในการใช้สอยท่ีมีความแข็งแรง สวยงามได้สัดส่วนท่ีถูกต้อง
สรา้ งภาพพจน์ทด่ี ีมีภาษาในการติดตอ่ สื่อสาร และทาให้เกดิ ความพงึ พอใจจากผู้ซ้อื สนิ คา้

นไิ กโด เคล็คเตอร์ (Nikaido Clecture) กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ เป็นเทคนิคท่ีส่งเสริมการขายกับการ
ประสานประโยชน์ ระหว่างวัตถุกับภาชนะบรรจุ โดยมีความมุ่งหมายเพ่ือการคุ้มครองในระหว่างการขนส่ง
และการเกบ็ รกั ษาในคลัง

ส่วนหนึง่ ของกระบวนการทางการตลาด โดยเฉพาะปัจจบุ นั ท่ีการผลิตสินคา้ หรอื บริการได้เน้นหรือให้
ความสาคัญกับผู้บริโภค (Consumer Oriented) งานเทคนิคท่ีต้องอาศัยความชานาญ ประสบการณ์ และ
ความคิดสร้างสรรค์ ในอันท่ีจะออกแบบและผลิตหีบห่อให้มีความเหมาะสมกับสินค้าที่ผลิตข้ึนมาให้ความคุ้มครอง
สินค้าห่อหุ้มสินค้า ตลอดจนประโยชน์ ใช้สอย เช่น ความสะดวกสบายในการหอบห้ิว พกพา หรือการใช้งาน
เป็นตน้ กลมุ่ ของกจิ กรรมในการวางแผนเกีย่ วกบั การออกแบบการผลิตภาชนะบรรจุ หรือส่ิงหุ้มห่อสินค้าบรรจุ
ภณั ฑ์ ซึ่งเปน็ ส่ิงที่มคี วามเกย่ี วพันอย่างใกล้ชิดกบั ฉลาก (Label) และตราย่ีห้อ (Brandname) ผลรวมของศาสตร์
(Science) ศิลป์ (Art) และเทคโนโลยีของการออกแบบ การผลิตบรรจุภัณฑ์สาหรับสินค้าเพื่อการขนส่ง และการ
ขาย โดยเสยี ค่าใชจ้ ่ายทเี่ หมาะสม การใช้เทคโนโลยีและเศรษฐศาสตร์เพ่ือหาวิธีการรักษาสภาพเดิมของสินค้า
จนกว่าจะถึงมือผู้บริโภคคนสุดท้าย เพื่อให้ยอดขายมากท่ีสุดและต้นทุนต่าสุด กิจกรรมทั้งหมดที่เก่ียวข้องกับ
การออกแบบ และผลิตรปู ร่างหน้าตาของภาชนะบรรจุ ส่ิงห่อหุ้มตัวผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ การนาเอาวัสดุ
เช่น กระดาษ พลาสตกิ แก้ว โลหะ ไม้ ประกอบเป็นภาชนะหุ้มห่อสนิ คา้ เพอื่ ประโยชน์ในการใช้สอย มคี วามแข็งแรง
สวยงาม ได้สัดส่วนท่ีถูกต้อง สร้างภาพพจน์ที่ดี มีภาษาในการติดต่อส่ือสาร และทาให้เกิดผลความพึงพอใจ
จากผซู้ ้อื สนิ คา้

สิ่งห่อหุ้มหรือบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งภาชนะท่ีใช้เพ่ือการขนส่งผลิตภัณฑ์จากแหล่งผู้ผลิตไปยังแหล่ง
ผู้บริโภค หรือแหล่งใช้ประโยชน์ หรือวัตถุประสงค์เบื้องต้นในการป้องกัน หรือรักษาผลิตภัณฑ์ให้คงสภาพ
ตลอดจนคุณภาพใกล้เคียงกันกบั เมื่อแรกผลติ ใหม้ ากท่สี ุด

จากความหมายสรุปได้ว่าบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การนาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ ไม้
นามาประกอบเปน็ ภาชนะห่อหมุ้ ผลิตภัณฑ์ เพ่ือความสวยงาม มคี ณุ คา่ และมปี ระโยชนใ์ นการใช้สอย ส่งผลให้
ผลิตภณั ฑ์ดงึ ดูดความสนใจ และทาใหเ้ กิดความพึงพอใจจากผบู้ รโิ ภค

วตั ถปุ ระสงค์หลักของบรรจุภณั ฑ์ (Objectives of Package)
1. เพ่อื ป้องกันผลิตภณั ฑ์ (To Protect Products) สามารถปอ้ งกนั รกั ษาผลิตภัณฑ์ไมใ่ ห้เสยี หาย
2. เพื่อจาหนา่ ยผลิตภัณฑ์ (To Distribute Products) สะดวกกับการใช้งาน และเพิม่ มูลคา่ ทางเศรษฐกจิ
3. เพื่อโฆษณาประชาสัมพนั ธ์ผลติ ภัณฑ์ (To Promote Products) ดึงดดู ความสนใจผู้บรโิ ภค
กำรออกแบบบรรจภุ ัณฑ์
กูด (Good) กล่าวว่า การออกแบบ เป็นการวางแผนหรือกาหนดรูปแบบรวมท้ังการตกแต่งใน
โครงสรา้ งรูปทรงของงานศิลปะ ทศั นศิลป์ ดนตรี ตลอดจนวรรณกรรม

39

วิรุณ ตั้งเจริญ กล่าวว่า การออกแบบ หมายถึงการวางแผนสร้างสรรค์รูปแบบ โดยการวางแผนจัด
สว่ นประกอบของ การออกแบบให้สัมพันธก์ ับประโยชนใ์ ช้สอยวสั ดแุ ละการผลิต

จากความหมายสรุปได้ว่าการออกแบบบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การกาหนดรูปแบบและโครงสร้างของ
บรรจุภัณฑ์ให้สัมพันธ์กับหน้าที่ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ เพ่ือการคุ้มครอง ป้องกันไม่ให้สินค้าเสียหาย และเพิ่ม
คุณค่าด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค โดยอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ในการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับ
ผลติ ภณั ฑ์
บรรจุภณั ฑก์ บั อำหำรและขนม

1. บรรจุภัณฑ์มีบทบาทสาคัญ และมีอัตราการเจริญเติบโตมากข้ึน ควบคู่ไปกับการพัฒนา
อตุ สาหกรรมอาหาร

2. บรรจุภัณฑ์มีหน้าที่สาคัญ ในการยืดอายุเพ่ือการเก็บรักษา และรักษาคุณภาพอาหารและขนม
(รสชาติ กล่ิน สี รูปลักษณ)์

3. บรรจุภัณฑ์มีส่วนในการสร้างรูปลักษณ์ทางการตลาดท่ีแตกต่าง สร้างมูลค่าเพ่ิมให้แก่ผลิตภัณฑ์
และใช้เป็นสื่อโฆษณา นอกจากนี้ยงั มีบทบาทสาคญั ในดา้ นการอานวยความสะดวกสาหรับการขนสง่ ผลติ ภัณฑ์

สาหรับการเลือกบรรจุภัณฑ์ ส่ิงท่ีต้องคานึงถึง คือ การเลือกซ้ือวัสดุที่จะใช้ในการบรรจุหีบห่อที่
เหมาะสมกบั ผลิตภัณฑ์ ให้เกดิ ความสวยงาม และเป็นที่สนใจของผู้บรโิ ภค ดังน้ี

1. บรรจุภัณฑ์กระดาษ ปัจจุบันนิยมใช้กันเป็นจานวนมาก และยังมีให้เลือกหลากหลายชนิด วัสดุที่
นามาผลิตได้แก่เยื่อกระดาษ ซ่ึงมีท้ังเยื่อกระดาษคุณภาพสาหรับบรรจุภัณพ์อาหาร และเคร่ืองด่ืม เช่น แก้ว
กระดาษ ถ้วยกระดาษ กล่องข้าวท่ีสามารถย่อยสลายได้ ส่วนเย่ือกระดาษรีไซเคิล ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภท
กล่องลูกฟูก ถาดไข่ หรือถาดรองแก้วกาแฟ

ภาพที่ 28 : บรรจภุ ณั ฑ์กระดาษ
ที่มา http://www.warehouse69.net/product
2. บรรจุภัณฑ์พลาสติก แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ พลาสติกคงรูป และพลาสติกอ่อนตัว มีการ
นามาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ขวดพลาสติก ถ้วย และถาดพลาสติก และสามารถบรรจุอาหารร้อน
อาหารสด และอาหารแชแ่ ขง็

40

ภาพท่ี 29 : บรรจภุ ัณฑพ์ ลาสติก
ทมี่ า http://www.bsrungsiam.co.th/web/product.html
3. บรรจภุ ัณฑ์โลหะ เปน็ บรรจุภัณฑ์ท่ีใช้มาเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบันยังได้นามาใช้งานอยู่ ลักษณะ
ของบรรจภุ ัณฑ์ทท่ี ามาจากโลหะนั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ปิ่นโต กระป๋องเครื่องดื่ม หรืออาหารสาเร็จรูป
ถังหหู วิ้ หลอดเคร่อื งสาอาง อลูมิเนียมฟอยล์ หรืออลมู เิ นียมแผ่นเปลว และกระป๋องฉีดพ่นตา่ ง ๆ

ภาพท่ี 30 : บรรจภุ ัณฑ์ปน่ิ โต
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสรุ ทณั ฑ์
4. บรรจุภัณฑ์แก้ว มีลักษณะใส มีความสวยงาม สามารถเห็นผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน แต่มีข้อเสีย คือ
แตกหักง่าย บรรจุภัณฑ์แก้วจึงต้องใช้คู่กับเยื่อกระดาษขึ้นรูป หรือ กระดาษรังไข่ (Pulp mold) เพื่อป้องกัน
การแตกร้าว บรรจุภัณฑ์แก้วที่นิยมผลิตและใช้กันมีอยู่ 3 สี คือ สีใส เช่น ขวดแก้ว ขวดน้าหอม ขวดน้าพริก
ขวดแยม เปน็ ต้น สีอาพนั นยิ มใช้ทาขวดยา และขวดเบียร์ ซึ่งเป็นสีท่ีสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเวลาถูก
แสงแดดหรอื ความร้อนได้ และสีเขยี ว ลักษณะจะคลา้ ยกบั สอี าพนั ใช้กบั ประเภทเครื่องดมื่

41

ภาพท่ี 31 : บรรจภุ ัณฑแ์ ก้ว
ทม่ี า http://thislovegift.lnwshop.com/product
5. บรรจภุ ณั ฑจ์ ากวสั ดธุ รรมชาติ เปน็ บรรจภุ ัณฑ์ทอ่ี อกแบบและประดิษฐ์ขนึ้ มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใน
การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม โดยช่วยลดปริมาณขยะและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายต่อ
สิง่ แวดลอ้ ม นอกจากนย้ี ังประหยัดค่าใช้จา่ ย เม่ือเลอื กใชว้ ัสดธุ รรมชาติที่มีมากในท้องถนิ่ หรอื วสั ดุที่สามารถนา
กลับมาใช้ใหม่ได้ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ วัสดุประเภทเส้นใย
ซึ่งก่อนนามาสานเป็นบรรจุภัณฑ์ต้องผ่านการแปรสภาพด้วยการตากแห้ง ฟอกขาว เช่น กล้วย หวาย เตย
ปาหนนั กก กระจูด ผักตบชวา เป็นต้น วัสดุท่ีแปรรูปเป็นแผ่น และรูปทรงต่าง ๆ เช่น กระดาษ เป็นต้น และ
วัสดุประเภทไม้ เช่น ไมส้ กั ไมไ้ ผ่ ไม้มะขาม เปน็ ตน้

ภาพที่ 32 : บรรจภุ ัณฑจ์ ากวสั ดุธรรมชาติ
โดย ศูนยว์ งเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์

42

ใบควำมรู้
กำรคำนวณต้นทุน กำไร

การคานวณต้นทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบบัญชีและการเงินของการดาเนินงานธุรกิจ เป็นการบันทึก
การวัดผล และรายงานข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนของสินค้าของกิจการโดยทั่วไป การคานวณต้นทุนจะใช้เวลา
และลงรายละเอียดมากในกิจการท่ีผลิตสินค้า แต่ไม่ได้ใช้กับกิจการบางประเภท เช่น กิจการขายส่ง ขายปลีก
ร้านอาหารหรือบริการต่าง ๆ ไม่มีความสาคัญในการที่ต้องคานวณต้นทุน การคานวณต้นทุนสามารถนาไป
ใช้ได้ในทกุ กิจการเพราะมีความสาคญั ตอ่ การบริหารจัดการธรุ กจิ ดังนี้

1. เพื่อใหท้ ราบถึงต้นทุนการผลิต และตน้ ทุนขายของธรุ กิจ
2. เพ่ือสามารถนาตน้ ทนุ ทัง้ หมดของกิจการมาเปรียบเทยี บกับรายไดจ้ ากการขาย เพ่ือจะได้ทราบว่ามี
กาไรหรอื ขาดทนุ ในการขายสนิ คา้
3. เพอ่ื คานวณหรือตีราคาสินคา้ คงเหลือทขี่ ายได้ไมห่ มดว่ามมี ลู คา่ คงเหลือเทา่ ไหร่
4. เพ่ือใช้ในการวางแผนและควบคุมการซื้อสินค้า และจัดทางบประมาณในการซื้อสินค้า รวมท้ัง
ตอ่ รองราคากับผขู้ ายวตั ถุดบิ
5. เพอ่ื ใช้ในการตัดสินใจว่าสินค้าใดควรขายต่อไป และสินค้าใดควรเลิกขาย (ในกรณีท่ีผู้ผลิตมีสินค้า
หลายชนดิ )

ตน้ ทุนแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ลกั ษณะ
1. ต้นทุนผันแปร คือต้นทุนท่ีผันแปรตามจานวนหน่วยที่ผลิตหรือขาย เช่น วัตถุดิบ ค่าแรงทางตรง

ค่าใช้จ่ายในการผลติ ทางตรง เปน็ ตน้
2. ต้นทุนคงที่ คือต้นทุนท่ีเกิดข้ึนไม่ว่ากิจการจะได้ขายสินค้าหรือไม่ ต้นทุนน้ีจะไม่เปล่ียนแปลงตาม

จานวนหน่วยทีผ่ ลติ หรอื ขาย เชน่ เงนิ เดือนพนักงานหนา้ รา้ น คา่ เชา่ รา้ น ค่าเส่ือมราคา คา่ ประกนั ภัย เป็นตน้
ดังน้ัน ต้นทุนการผลิตจะประกอบไปด้วยวัตถุดิบ + ค่าแรงงาน + ค่าใช้จ่ายในการผลิต ซ่ึงท้ังสาม

รายการน้ีเป็นเพียงส่วนของการผลิตเท่านั้น หากจะคิดต้นทุนรวมของสินค้าจาเป็นต้องนาค่าใช้จ่ายในการขาย
และดาเนินการมารวมด้วย เช่น เงินเดือน ค่าคอมมิชชั่นพนักงานขาย ค่าแรงพนักงานขายหน้าร้าน ค่าการตลาด
(โฆษณา แผ่นพับ) ค่าเช่าสานักงานและร้าน ค่าไฟฟ้าและน้าประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ามันรถ ดอกเบี้ย
คา่ เช่ารถ ค่าใชจ้ ่ายเบ็ดเตล็ด เป็นต้น เพื่อการคานวณต้นทุนให้ใกล้เคียงความจริง หากคานวณเฉพาะวัตถุดิบ
คา่ แรงงาน และค่าน้า ค่าไฟฟา้ กอ็ าจทาให้ไดต้ ้นทุนสนิ ค้าที่น้อยกว่าความเป็นจริง และมีผลทาให้ต้ังราคาขาย
ท่ตี ่าไป และอาจทาให้ขาดทุนได้

การคานวณแบบง่ายเหมาะกับผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์น้อยชนิด ซึ่งเหมาะกับ
การคานวณสินคา้ ประเภท OTOP ทมี่ คี วามชัดเจนในเรอื่ งการใชว้ ตั ถดุ บิ ค่าแรงงานต่อรอบ การผลิต และไม่มี
การเก็บสต๊อกวัตถุดิบไว้ การคานวณจาเป็นต้องคิดเพ่ือให้ทราบถึงต้นทุนผลิตต่อหน่วย และนาต้นทุนผลิตไป
รวมกับค่าใช้จา่ ยในการดาเนินการ เพ่อื ให้ทราบถงึ ตน้ ทุนรวมของสินคา้ อีกครง้ั หน่ึง

43

ตัวอย่ำง กำรคดิ ตน้ ทนุ กำไร กำรผลติ และคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรทำเมนูยำพอกหวั เด็ก

วัน เดอื น ปี รำยกำร จำนวนส่งิ ของ จำนวนเงนิ หมำยเหตุ
(บำท)
1,000 กรัม
ค่ำใช้จำ่ ย (ตน้ ทุน) 200 กรมั การกาหนดราคา
100 กรัม
ผกั โขม 1 ขวด 75.- ขาย คดิ จากตน้ ทนุ
นมขน้ จดื 45.- + กาไรท่ีต้องการ
เนยสด 1 ถุง
พรกิ ไทยปน่ 65 ชนิ้ 95.-
เกลือปน่ 125 กรัม
ขนมปงั 30.-
เนยแข็งขูด -
1 มกราคม ค่าเบ็ดเตล็ด (ค่าไฟฟ้า 1 คน 5.-
2565 คา่ น้า ค่าแก๊ส และอื่น ๆ)
ค่าแรง 30% ต่อชน้ิ 100 ช้ิน ๆ ละ 220.-
รวมคำ่ ใช้จำ่ ย 15.- บาท
รำยได้ 130.-

ขายยาพอกหวั เด็ก 200.-

200.-
1,000.-

1,500.- กำไร 500.- บำท

การกาหนดราคาขายตอ่ หน่วย ดงั น้ี
1. กาหนดกาไรทต่ี อ้ งการได้จากตน้ ทนุ X (กาไรทตี่ อ้ งการหารดว้ ย 100)
ตวั อยำ่ งเชน่
ขายยาพอกหัวเดก็ จากตน้ ทุน 1,000.- บาท ตอ้ งการกาไรรอ้ ยละ 50

ดังนนั้ กาไรทต่ี ้องการ = 1,000.- X 50 หาร 100 = 500.- บาท
2. การกาหนดราคาขายตอ่ หน่วย ได้มาจากตน้ ทุน + กาไร หารด้วยจานวนหน่วย
ตัวอยำ่ ง

ทายาพอกหวั เด็กได้ 100 ชิ้น จากตน้ ทนุ 1,000.- บาท และกาไรทต่ี อ้ งการ 500.- บาท
ฉะน้ัน ราคาขายตอ่ ช้นิ = 1,000.- บาท + 500.- บาท หารดว้ ย 100 ชิน้ = 15.- บาท


Click to View FlipBook Version