ก
ก
คำนำ
ด้วยศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ จังหวัดอุทัยธานี เป็นศูนย์ฝึกอาชีพราษฎรตามพระราชดาริ
สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ
จดั ฝึกอบรมด้านอาชพี ใหก้ ับประชาชนให้มรี ายได้ และเพ่อื ศกึ ษาคน้ คว้า วิจัยพัฒนาความรู้ด้านอาชีพต่าง ๆ
จากภูมิปัญญาท้องถ่ินตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ท่ีสาคัญคือเป็นแหล่งเรียนรู้และจัดกิจกรรม
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยในทุกรูปแบบ เป็นศูนย์สาธิต ทดลอง จัดแสดงและจัดจาหน่าย
ผลิตภัณฑ์ของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ และโครงการพระราชดาริ รวมถึงการสนับสนุนประสานงานร่วมกับ
ภาคีเครือข่ายในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้และการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทา สร้างรายได้ให้กับตนเอง
และครอบครัว
หลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกมุ ารี โดยศนู ยว์ งเดอื น อาคมสุรทัณฑ์ ศนู ยฝ์ ึกอาชีพราษฎรตามพระราชดาริ จงั หวัดอุทัยธานี
ดาเนินการศึกษาเอกสารหนังสือครัวสระปทุม และหนังสือเมนูพระราชทาน 60 พรรษา ซ่ึงนาหลักการ
เน้ือหา และวิธีการประกอบอาหารไปจัดทาเป็นหลักสูตรวิชาชีพระยะส้ัน เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ
สมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระปรีชาสามารถเร่ือง
การประกอบพระกระยาหาร และเผยแพร่อาหารสูตรพระราชทานให้กับประชาชน สามารถประกอบอาหาร
และขนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้หรือนาไปประกอบอาชีพสร้างรายได้
และพัฒนาคุณภาพชีวติ ที่ดตี ่อไป
ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน วิทยากร ข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา และบุคลากรของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ที่ได้ร่วมจัดทาและพัฒนา
หลักสูตรวิชาชีพระยะส้ัน และจัดทาแผนการเรียนรู้รวมทั้งสื่อต่าง ๆ ให้สาเร็จไปด้วยดีและหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
หลักสูตรวิชาชีพระยะส้ัน ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวิทยากร ครูผู้สอน ผู้เรียน
และผูท้ ี่สนใจได้นาไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนค์ มุ้ คา่ สงู สดุ
ศูนย์วงเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์
ศนู ยฝ์ กึ อาชีพราษฎรตามพระราชดาริ จังหวดั อุทยั ธานี
สำรบัญ ข
คำนำ หนำ้
ควำมร้เู ก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์ ทใ่ี ช้ในหลกั สตู รอำหำรสูตรพระรำชทำน ก
ควำมรูพ้ ้ืนฐำนในกำรจดั กำรเรยี นรตู้ ำมหลักสตู รอำหำรสูตรพระรำชทำน 1
หลักสูตรเมนูก้งุ บ่อมรกต (กุ้งเผำสำหรำ่ ย) และเมนูน้ำสลดั เมลด็ ชำ 17
21
ความเปน็ มา 21
หลกั การของหลกั สตู ร 21
จุดประสงค์ของหลักสตู ร 22
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 22
กลมุ่ เปา้ หมาย 22
ระยะเวลา 22
โครงสรา้ งหลักสตู ร 22
การจดั การเรยี นรู้ 23
ส่อื การเรยี นรู้ 23
การจัดกระบวนการเรียนรู้ 23
การวดั และประเมนิ ผล 24
ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ บั 24
การจบหลกั สูตร 24
เอกสารหลักฐานการศึกษา 24
แผนกำรจัดกระบวนกำรเรยี นรู้ 25
หลกั สตู รเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผำสำหร่ำย) และเมนูน้ำสลดั เมลด็ ชำ
ใบความรู้ ความเป็นมาของเมนูก้งุ บ่อมรกต (ก้งุ เผาสาหร่าย) 31
ใบความรู้ วธิ ีการทาเมนูกุง้ บ่อมรกต (กุ้งเผาสาหรา่ ย) 32
ใบความรู้ ความเป็นมาของเมนูนา้ สลัดเมล็ดชา 34
ใบความรู้ วิธกี ารทาเมนนู ้าสลัดเมลด็ ชา 35
แบบบนั ทึกการเรียนร้ขู องผู้เรียน 37
ใบความรู้ คณุ ค่าทางโภชนาการ 38
ใบความรู้ บรรจุภณั ฑ์ 39
ใบความรู้ การคานวณตน้ ทุน กาไร 43
ใบงาน การคิดต้นทนุ กาไร 46
ใบความรู้ ช่องทางการตลาด 47
แบบทดสอบก่อนเรยี น 52
แบบทดสอบหลังเรยี น 53
แบบประเมนิ ผลการจัดการศึกษาและฝกึ อบรมหลกั สตู ระยะสั้น 54
บรรณำนกุ รม
คณะผู้จดั ทำ
สำรบญั รูปภำพ ค
ภาพที่ 1 เตาแกส๊ หนำ้
ภาพที่ 2 เตาถ่าน
ภาพท่ี 3 เครื่องปั่น 2
ภาพท่ี 4 เตาอบไฟฟ้า 3
ภาพท่ี 5 เตาอบวาฟเฟิล 3
ภาพท่ี 6 เครื่องช่ังขนาดใหญ่ 4
ภาพที่ 7 เครื่องช่งั ขนาดเล็ก 5
ภาพที่ 8 เครื่องชง่ั ดิจติ อล 5
ภาพท่ี 9 ถว้ ยตวงของแหง้ 6
ภาพท่ี 10 ถว้ ยตวงของเหลว 6
ภาพท่ี 11 ชอ้ นตวง 8
ภาพที่ 12 มดี ชนดิ ต่าง ๆ 9
ภาพที่ 13 เขียงไม้และเขยี งพลาสติก 9
ภาพที่ 14 เขยี งพลาสติก 11
ภาพท่ี 15 ชามผสมหรอื อ่างผสม 12
ภาพท่ี 16 กระชอน 12
ภาพท่ี 17 อุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการหงุ ต้มและนึ่ง 13
ภาพท่ี 18 ถาดอลมู ิเนียม 14
ภาพท่ี 19 กระบวยสแตนเลส 14
ภาพที่ 20 ผ้าขาวบาง 15
ภาพที่ 21 ครกหนิ 15
ภาพที่ 22 นา้ มันสลัดเมล็ดชา 16
ภาพที่ 23 นา้ มนั เมล็ดงาม้อน 16
ภาพที่ 24 กุ้งบ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหรา่ ย) 20
ภาพที่ 25 วตั ถดุ ิบและสว่ นผสมของเมนูกงุ้ บ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหร่าย) 20
ภาพที่ 26 น้าสลัดเมล็ดชา 31
ภาพที่ 27 วัตถดุ บิ และสว่ นผสมของเมนูนา้ สลดั เมล็ดชา 32
ภาพที่ 28 บรรจภุ ัณฑ์จากกระดาษ 34
ภาพที่ 29 บรรจุภัณฑ์จากพลาสตกิ 35
ภาพท่ี 30 บรรจุภัณฑ์จากปิน่ โต 40
ภาพท่ี 31 บรรจุภัณฑ์จากแก้ว 41
ภาพท่ี 32 บรรจภุ ณั ฑ์จากวัสดธุ รรมชาติ 41
42
42
1
ควำมรู้เกยี่ วกบั วัสดุ และอปุ กรณท์ ใี่ ช้ในหลกั สูตรอำหำรสูตรพระรำชทำน
ศนู ยว์ งเดอื น อำคมสรุ ทัณฑ์ ศูนย์ฝึกอำชีพรำษฎรตำมพระรำชดำริ จังหวดั อุทยั ธำนี
วัสดุและอุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นหลักสตู รอำหำรสตู รพระรำชทำน
ในการจัดเตรยี มวัสดแุ ละอุปกรณ์ในการจัดทาหลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน จะต้องใช้วัสดุและ
อุปกรณ์หลากหลายชนิด ต้ังแต่เตาหุงต้ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องใช้ในครัวเรือน เพ่ือประกอบการทา และ
การจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์ให้พร้อม วัสดุและอุปกรณ์ทุกชนิดท่ีนามาใช้ต้องอยู่ในสภาพท่ีดีพร้อมใช้งาน
ซง่ึ ทาให้การประกอบอาหารไดด้ ี ไมเ่ สยี แรงงาน และประหยดั เวลา วสั ดุและอปุ กรณ์ต่าง ๆ ประกอบดว้ ย
อุปกรณใ์ นกำรหงุ ต้มประเภทเตำ
เตาที่ใช้ในการหุงต้ม หรือประกอบอาหารและขนมมีหลากหลายชนิด เช่น เตาถ่าน เตาน้ามันก๊าด
เตาแกส๊ และเตาไฟฟา้ เปน็ ตน้ ซง่ึ เตาบางชนดิ ไม่ได้มีการใช้งาน การเลือกใช้เตาในการประกอบอาหารและ
ขนมจะเลอื กใช้เตาท่ใี ห้ความสะดวกในการใชง้ านเพื่อประกอบอาหารและขนม ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีในการ
ออกแบบเตาทาให้การใช้งานสะดวกและหลากหลายมากข้ึน รูปแบบของเตามดี ังต่อไปนี้
1. เตำแก๊ส (Gas Stove)
เตาแก๊ส มีหลักการทางานโดยท่อที่ต่อพ่วงจากตัวถังมายังเตา ท่อท่ีแก๊สจากถังจะถูกส่งจ่ายเข้าไป
ภายในเตา เม่ือเปิดวาล์วควบคุมแก๊สเข้าหัวเตา แก๊สจากท่อนาแก๊สหลักจะไหลเข้าสู่ห้องผสม
อากาศ ความเร็วของแก๊สที่ไหลเข้ามาในห้องผสมอากาศจะดึงดูดให้อากาศไหลเข้ามาผสมกัน ในขณะท่ี
ไหลเขา้ ส่หู วั เตา จนกระท่ังเม่อื มาถึงหัวเตาจะมีส่วนผสมส่วนหน่ึงไหลเข้าไปในท่อเล็กด้านข้าง ซึ่งภายในจะ
มีหัวจุดนาเพื่อจุดส่วนผสมนี้ให้ติดไฟข้ึนได้ เตาแก๊สมีให้เลือกท้ังแบบเตาแก๊สตั้งโต๊ะ คือ เตาแบบเคลื่อนย้ายได้ และ
เตาฝัง ซ่งึ จะต้องทาการติดต้ังแบบบว้ิ ทอ์ นิ กับเฟอร์นิเจอรท์ าใหม้ คี วามสวยงาม มีข้อเสยี คือ เคลื่อนย้ายไม่ได้
ซง่ึ การเลือกซื้อเตาแก๊สมาเพื่อการใช้งาน ต้องพิจารณาถึงลักษณะครัว การใช้งาน ความต้องการด้านความสวยงาม
หรอื การตกแต่งภายในใหเ้ ข้ากับห้องครวั
วิธกี ำรเลือกซอ้ื ให้คานึงถงึ ความสามารถในการทาความร้อน มีระบบความปลอดภัยในการตัดแก๊ส
มีวัสดุท่ีใช้ในการผลิตท่ีทนทาน เลือกหัวเตาที่ผลิตจากวัสดุที่ทนความร้อนสูงโดยเลือกใช้หัวเตาแก๊สท่ีผลิต
จากทองเหลือง เลือกระบบจุดติดของหัวเตาท่ีเหมาะสม และระบบการทางานของหัวเตาแก๊สแบบเผาไหม้
ที่สมบูรณ์ โดยวิธีสังเกตระบบการทางานของหัวแก๊ส คือ การดูสีของเปลวไฟ ต้องเลือกเปลวไฟที่เป็นสีฟ้า
และไม่มีสีแดงมาปะปน หากมีสีแดงมาปะปนจะแสดงว่ามีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เป็นเหตุให้ภาชนะทา
ความสะอาดยากและเกา่ เร็วกวา่ ปกติ และจะทาใหม้ ีความส้ินเปลอื งแกส๊ มากกว่าปกติ
วิธีกำรใช้งำน จัดเตรียมอาหารและขนมท่ีจะหุงต้มไว้ให้เรียบร้อย เลือกขนาดของภาชนะท่ีจะใช้หุงต้ม
ให้เหมาะกับหัวเตา ทาการเปิดวาล์วท่ีถังแก๊ส จุดไฟที่หัวเตาพร้อมกับเปิดวาล์วที่หัวเตา ให้หมุนเปิดวาล์ว
เพียงเล็กน้อยเพื่อให้แก๊สออกมาน้อย ป้องกันไม่ให้เปลวไฟลุก เม่ือไฟท่ีหัวเตาติดจึงปรับเพ่ิมไฟตามที่
ตอ้ งการ เมื่อหงุ ตม้ อาหารและขนมเสร็จเรียบรอ้ ยจงึ ปิดวาล์วทีห่ ัวเตา และถังแก๊ส
วิธีกำรเก็บรักษำ การทาความสะอาดส่วนที่เป็นโครงเหล็กและฝาหัวเตา ให้ถอดทาความสะอาด
โดยใช้ฟองนา้ หรอื ผ้านุ่มชบุ นา้ สบ่เู ชด็ ให้สะอาด และนาโครงเหล็กไปล้างด้วยน้าสะอาดผึ่งให้แห้ง สาหรับฝาหัวเตา
เม่ือใช้งานเป็นระยะเวลานาน อาจมีเศษอาหารหรือเขม่าอุดตันตามรูช่องไฟได้ ให้ใช้ลวดหรือแปรงขัดทา
ความสะอาด และดา้ นขา้ งให้ใชฟ้ องนา้ หรือผา้ นมุ่ ชุบนา้ สบเู่ ช็ด นาผา้ สะอาดเชด็ อีกครง้ั ให้แห้ง
2
ภาพท่ี 1 : เตาแก๊ส
โดย ศูนยว์ งเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
2. เตำถำ่ น
เตาถา่ น เป็นเตาท่ใี ช้ถา่ นไม้โดยผ่านการเผาให้ไมส้ กุ ดี และนามาใช้เป็นเช้ือเพลิงหุงต้มได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดีกว่าเตาประเภทอ่ืน ๆ ให้ความร้อนสูง ทาให้การหุงต้มสุกเร็ว ท้ังยังมีควันน้อยไม่ทาความรวบกวนผู้ใช้
หรือควันไปติดภายในอาคารบ้านเรือน อาจเรียกว่าช่ืออีกอย่างหนึ่ง คือ เตาอ้ังโล่ ภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า
เตาสีแดง ลักษณะของเตาถ่านมีลักษณะท่ีแตกต่างกันตามแบบของแต่ละท้องถ่ินที่นิยมใช้ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ
ช่างประดษิ ฐจ์ ะมคี วามรแู้ ละฝีมือเพียงใด เตาถ่านมีผู้ผลิตออกจาหน่ายมากกว่าเตาฟืน เนื่องจากเป็นท่ีนิยม
ของผใู้ ชง้ านทวั่ ไป
วิธีกำรเลือกซ้ือ ให้คานึงถึงความทนทานของเตา เตาทุกชนิดที่ออกแบบหรือพัฒนาเพ่ือใช้งาน
สาหรับหุงต้มในครัวเรือน เตาต้องมีความแข็งแรงทนทานต่อสภาพการใช้งาน ความสะด วกในการ
เคล่ือนย้าย ตัวเตาจะต้องมีน้าหนักพอประมาณเพื่อสามารถเคล่ือนย้ายได้โดยง่าย การใช้งานง่ายเตาที่ใช้
จะต้องเป็นเตาที่จุดไฟติดได้ง่ายให้ความร้อนได้เร็วไม่ต้องเติมเช้ือเพลิงบ่อย ๆ ปากเตารับภาชนะได้หลาย
ชนิดและหลายขนาด เพื่อสะดวกในการใช้งาน โดยเฉพาะการหุงต้มของครัวเรือนไทยจะมีภาชนะและชนิด
ต่าง ๆ กันจึงจาเป็นต้องมีปากเตาให้เหมาะสมกับประโยชน์การใช้งาน เตาจะต้องประหยัดเช้ือเพลิงให้
พลังงานความร้อนท่เี กิดข้นึ ในชอ่ งเผาไหม้ของเตา สามารถถ่ายเทให้แก่ภาชนะได้เต็มท่ีความร้อนจะสูญเสีย
นอ้ ยท่สี ดุ
วิธีกำรใช้งำน ก่อนติดไฟในเตา ควรเตรียมเครื่องประกอบอาหารให้พร้อมและจัดลาดับการหุงต้มให้
เรียบรอ้ ย ไม่ควรตดิ ไฟรอไวก้ ่อนนาน ๆ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เลือกใช้ภาชนะ และขนาดของหม้อให้
พอเหมาะกับปริมาณอาหารท่ีจะปรุง เตรียมก้อนถ่านควรทุบให้มีขนาดประมาณ 2 – 4 เซนติเมตร ถ่านที่ใช้ไม่
ควรเปียกน้า เพราะจะทาให้ติดไฟยากท้ังเป็นการสิ้นเปลืองเช้ือเพลิงจากการเผาไหม้ท่ีไม่สมบูรณ์ ไม่ควรใส่ถ่าน
จนล้นและดันก้นหม้อลอยจากเส้า จะทาให้รังผึ้งแตกได้ง่ายและถ่านติดไฟได้ช้า เตาใหม่ท่ีเริ่มใช้งานไม่ควรใส่
ถ่านในเตามากเกินไป เพราะฉนวนบุฉนวนทนไฟและรังผ้ึงยังไม่สุกและอยู่ตัวดี เมื่อกระทบความร้อนจัด
ทันทใี นตอนแรกอาจทาให้เตาแตกร้าวได้ ก่อนเร่ิมติดไฟในเตาทุกคร้ังควรเขี่ยข้ีเถ้าในรังผ้ึงและใต้รังผ้ึงออก
ให้หมดเพื่อให้อากาศเข้าเผาไหม้ได้สะดวก ควรปิดประตูลมเม่ือต้องการลดความร้อนภายในเตา เช่น
ในขณะดงข้าวเพื่อมิให้อาหารไหม้และเป็นการประหยัดถ่าน ถ่านที่เหลือจากการหุงต้มไม่ควรท้ิงไว้ให้สูญ
เปล่า ควรรีบตักเกบ็ ใสใ่ นภาชนะอบั อากาศหรอื กลบดว้ ยทราย ขีเ้ ถ้าไว้ใชใ้ นคราวต่อไป
วิธีกำรเก็บรักษำ อย่าให้อาหารหรือน้าหกรดเตาขณะร้อนจัดเพื่อป้องกันเตาแตก เก็บรักษาเตาไว้
ในที่ร่ม ไม่เปียกฝนหรือในท่ีที่มีความชื้นสูง หม่ันทาความสะอาดเปลือกตาและทาด้วยน้ามันเล็กน้อยเพื่อ
ป้องกันสนิม ในการเคลื่อนย้ายเตา อย่าวางเตากระแทกเพราะจะทาให้ฉนวนบุเตาไม่ติดแน่นกับตัวถังเตาที่
ใช้จะไม่ทน การเปลี่ยนรังผ้ึงและฉนวนทนไฟให้ใช้ดินผสมข้ีเถ้าแกลบ 1 ต่อ 5 โดยปริมาตร เม่ือดินยาปาก
ถังแตกร้าวมากให้ใช้ดินผสมข้ีเถ้าแกลบ 1 ต่อ 3 หรือใช้ปูนซีเมนต์ยาให้สนิท เพื่อป้องกันมิให้ปากเตา
แตกรา้ ว และป้องกนั ไม่ให้น้าและความชน้ื เขา้ ไปภายในเน้อื เตาได้
3
ภาพที่ 2 : เตาถา่ น
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสุรทัณฑ์
อปุ กรณ์เครอ่ื งใชไ้ ฟฟำ้
เคร่ืองใช้ไฟฟ้า เป็นเครื่องทุ่นแรงในการประกอบอาหารและขนม มีบทบาทที่สาคัญในด้านต่าง ๆ
ไดแ้ ก่ การประหยดั แรงงาน สร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ประกอบอาหาร ดังนั้น ผู้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าควรมี
ความรู้ในการเลือกใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้าในการประกอบอาหาร เพ่ือจะได้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับประเภท
ของการทาอาหารและขนม ประกอบดว้ ย
1. เคร่ืองปั่น (Blender)
เครื่องปน่ั เป็นเคร่ืองปัน่ ละเอียด และเครือ่ งป่ันผสม ประกอบด้วยโถแกว้ มีใบมีดเล็กแต่คม และแข็งแรง
3 - 4 ใบ ท่ีก้นโถมปี ุ่มบังคบั ความเร็วแตกตา่ งกนั แบ่งเปน็ ประเภท 2 ประเภท คอื แบบใบมีดใหญ่แต่ไม่คม ใช้ปั่น
หรือผสมอาหารทม่ี ีลกั ษณะเหนยี วข้น และแบบใบมีดเลก็ แตค่ ม ใชป้ น่ั อาหารประเภทตา่ ง ๆ ทีต่ ้องการให้ละเอียด
วิธีกำรเลือกซื้อ เคร่ืองปั่นพิจารณาเลือกซ้ือชนิดที่เช่ือถือได้ คือ เคร่ืองป่ันผลิตโดยบริษัทท่ีน่าเชื่อถือ
ในการผลติ และมีการรับประกนั สินคา้
วิธีกำรใช้งำน นาวัตถุดิบหรือส่วนผสมใส่ลงในโถปั่น และเปิดสวิทซ์ไฟ กรณีใช้เครื่องปั่นติดต่อกัน
เป็นเวลานานอาจจะทาให้เครื่องร้อนไหม้ได้ หากต้องการป่ันอาหารจานวนมากและนาน ควรพักเครื่องให้
เย็นลง เม่ือป่ันของเหลวไม่ให้ใส่ปริมาณเกินคร่ึงภาชนะ อาจทาให้ไหลซึมจากฝาลงไปยังเครื่อง ทาให้เกิด
ไฟฟ้าช๊อตได้ ในระหว่างเครื่องป่ันทางานไม่ควรคน อาจถูกใบมีดทาให้เกิดอันตรายได้ เม่ือป่ันอาหารท่ีแห้ง
ให้เติมของเหลวลงไปเล็กน้อย เพราะจะทาให้ป่ันง่ายเคร่ืองไม่ร้อนเร็ว และปั่นอาหารเริ่มต้นด้วยความเร็วต่า
ก่อนเสมอ จึงเพิ่มความเร็วภายหลัง ถ้าเป็นการตีอาหารให้ข้ึนฟูไม่ต้องตีนานเพราะเคร่ืองป่ันทางานเร็วมาก
และหา้ มใช้ผสมอาหารทีเ่ หนยี วเกนิ ไป
วิธกี ำรดูแลรักษำ เม่ือเลิกใช้งานควรทาความสะอาดโถป่ัน นาไปตากให้แห้ง และใช้ผ้าสะอาดเช็ด
บริเวณเคร่อื งปน่ั ให้สะอาด
ภาพที่ 3 : เครอื่ งปน่ั
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
4
2. เตำอบไฟฟำ้
เตาอบไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ในการทาอาหารและขนมประเภทอบด้วยความรู้ของคนสมัยโบราณก็
สามารถประดิษฐ์เตาอบแบบง่าย ๆ ใช้งานกัน ชาวอียิปต์ใช้เตาอบแบบง่ายท่ีไม่มีปล่องสาหรับอบขนมปัง
หลงั จากน้ันชาวกรกี ไดด้ ัดแปลงเตาอบให้มีประสิทธิภาพย่ิงกว่าเดิม โดยทาเป็นเตาอบที่ก่ออิฐรูปโดม ส่งผล
ให้อาหารท่ีได้มีคุณภาพดีขึ้น เตาอบได้รับการพัฒนาจนถึงศตวรรษที่ 18 ชาวอังกฤษและอเมริกานิยมใช้
เตาอบในการประกอบอาหารมากยิง่ ข้ึน จนเม่อื มาถึงยุคปัจจุบันศตวรรษ 20 แก๊สและไฟฟ้าเริ่มมีบทบาทใน
การทาอาหารมากย่ิงขึ้น ทาให้เตาอบย่ิงได้รับการพัฒนาโดยเทคโนโลยีเหล่านี้ให้สามารถใช้งานได้อย่าง
มปี ระสทิ ธิภาพ ง่าย และสะดวก จนสามารถควบคุมอุณหภมู ิในการอบอาหารได้ดีขนึ้
วิธีกำรเลือกซื้อ เตาอบไฟฟ้าสามารถใช้งานง่าย ตั้งอุณหภูมิตามที่ต้องการได้แม่นยา มีระดับ
อุณหภูมิท่ีค่อนข้างเสถียร อบอาหารได้ออกมาสวยงาม และรวดเร็วกว่าเตาอบแบบแก๊ส มีขนาดเครื่อง
เลก็ กวา่ ประหยัดพืน้ ที่ติดต้ังสามารถตดิ ตงั้ ในครวั เรอื นทั่วไปได้ ดูแลรักษาได้ง่ายกว่าทาให้มีอายุการใช้งาน
ที่ยาวนาน แต่เตาอบไฟฟ้ามีข้อเสียคือความส้ินเปลืองพลังงาน และต้องมีการเดินสายไฟและระบบเบรกเกอร์ที่ดี
นอกจากนีอ้ าจจะมขี อ้ จากดั ในเรื่องพลังของกระแสไฟตามอาคารทั่วไปไม่พอใช้สาหรับเตาอบไฟฟา้
วธิ กี ำรใชง้ ำน ศึกษาคมู่ ือการใชง้ านเตาอบไฟฟ้า เปิดเตาอบและต้ังอุณหภูมิตามการใช้งาน อาจใช้
เทอร์โมมเิ ตอร์วดั อุณหภูมิเตาอบ เปดิ ฝาเตาอบเปน็ ระยะและหมนุ ถาดระหว่างอบ หากเป็นถาดเค้ก ขนมปัง
และมฟั ฟนิ ให้กลบั ถาด 90 องศา หลังจากอบไปครึ่งทางหากอบโดยใช้ตะแกรงมากกว่า 1 ช้ัน เช่น อบคุกก้ี
ให้สบับถาดบนและล่าง ถาดอบก้นลึกให้หมุนเล็กน้อยหลายรอบระหว่างอบ หากต้องการให้หน้าเป็นสี
น้าตาลให้นาของที่อบเล่ือนขึ้น ห้ามใช้ภาชนะท่ีเป็นโลหะสีเข้มหรือสีดา จะทาให้ความร้อนแผ่มาจาก
ด้านล่างของเตา ซึ่งภาชนะโลหะสเี ขม้ จะดูดซบั ความรอ้ นงา่ ยทาใหข้ นมก้นถาดเป็นสนี ้าตาลหรือไหม้
วิธีกำรดูแลรักษำ เมื่อเลิกใช้งานให้ตั้งอุณหภูมิเตาอบไว้ท่ีประมาณ 180 – 200 องศาเซลเซียส
และให้เตาอบทางานประมาณ 3 นาที จึงปิดเครื่อง นาหม้อใส่น้าเดือดต้ังไว้ในเตาอบ จากนั้นนาภาชนะท่ี
ทนความร้อนใบเล็กใส่แอมโมเนียวางในเตาอบให้อยู่เหนือหม้อน้าเดือด หรือใช้เบกก้ิงโซดาผสมน้าใส่ขวด
สเปรย์นาไปฉีดให้ทั่วเตาอบ ทิ้งไว้ 1 วันจากน้ันใช้แปรงขัดคราบสกปรกในเตาอบ นาผ้าชุบน้ามาเช็ดให้
สะอาดและปล่อยใหแ้ ห้ง ฝานมะนาวใส่ในเตาอบ และเปิดไฟออ่ นประมาณ 1 – 2 นาทจี ึงนามะนาวออก
ภาพท่ี 4 : เตาอบไฟฟา้
โดย ศูนยว์ งเดอื น อาคมสรุ ทัณฑ์
3. เคร่อื งอบวำฟเฟลิ
เครื่องอบวาฟเฟิล เป็นเคร่ืองอบขนมวาฟเฟิล มีฟังก์ชั่นการทางานที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย
สะดวก และช่วยประหยัดเวลาในการอบให้ความร้อนท้ัง 2 ด้าน ตัวพิมพ์เป็นแบบเคลือบทาให้ตัวแป้ง
วาฟเฟลิ ไมต่ ิดพิมพ์ สามารถลา้ งออกหรือทาความสะอาดไดง้ ่าย ตวั เครื่องกระจายความร้อนอยา่ งสม่าเสมอ
5
วิธีกำรเลือกซ้ือ เครื่องอบวาฟเฟิลมีประสิทธิภาพแตกต่างกันตามราคา เลือกซ้ือเครื่องที่ทามาจาก
วัสดทุ ่มี ีคณุ ภาพ แข็งแรง ทนทาน และมกี ารรับประกนั สินคา้
วิธีกำรใช้งำน ศึกษาคู่มือการใช้งานเคร่ืองอบวาฟเฟิล เปิดเคร่ืองอบวาฟเฟิลและต้ังอุณหภูมิ
ตามการใชง้ าน
วิธีกำรดูแลรักษำ เมื่อเลิกใช้งานให้เช็ดทาความสะอาดด้วยผ้าชุบน้า และรอให้แห้ง เคร่ืองอบ
วาฟเฟลิ ทีไ่ มม่ แี ผ่นยึดที่ถอดออกได้น้ันอาจจะทาความสะอาดยาก ใหร้ ีบทาความสะอาดเมื่อใช้งานเสร็จทันที
ภาพท่ี 5 : เครือ่ งอบวาฟเฟลิ
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
อุปกรณ์เคร่ืองใชใ้ นครวั
อุปกรณ์เคร่ืองใช้ในครัวมีมากมายหลายชนิด การรู้จักอุปกรณ์เคร่ืองใช้และวิธีการให้อย่างถูกต้อง
จะช่วยในการประกอบอาหารให้มีประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาและแรงงาน และช่วยให้ขนมที่ประกอบ
สาเร็จมลี ักษณะทดี่ มี ีคุณภาพ ประกอบดว้ ย
1. เครอื่ งชัง่ (Scale) เครอ่ื งชัง่ ท่ใี ชก้ ันอยทู่ วั่ ไปมี 3 ขนำด คือ
1.1 เครื่องชั่งขนาดใหญ่ สาหรับชั่งส่วนผสมท่ีมีจานวนมาก ซ่ึงในการประกอบอาหารในปัจจุบัน
นิยมใช้การช่ังมากกว่าการตวง การชั่งจะช่วยในการประหยัดเวลา และมีความเท่ียงตรงได้เป็นอย่างดี เคร่ืองช่ัง
ขนาดใหญ่มีน้าหนักตั้งแต่ 15 – 30 กิโลกรัม วัสดุเคลือบสีป้องกันสนิม การเคล่ือนย้ายไม่ควรหิ้วเพราะจะ
ทาให้เกิดการคลาดเคลือ่ นไม่เทีย่ งตรง
ภาพที่ 6 : เครอ่ื งชง่ั ขนาดใหญ่
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสรุ ทัณฑ์
6
1.2 เครื่องชั่งขนาดเล็ก เหมาะสาหรับการช่ังเครื่องปรุงจานวนน้อย น้าหนักตั้งแต่ 500 – 1,000 กรัม
ไมเ่ กิน 2,000 กรัม ทาดว้ ยโลหะหรือพลาสติกเหนียว สาหรับเคร่ืองชั่งบางชนิดสามารถแยกจานออกเพ่ือเท
ส่วนผสม เช่น เกลอื ผงฟู การดูแลเครอื่ งชั่ง ควรระมดั ระวงั การตกหล่นอาจจะทาให้เคร่ืองช่ังแตกหักไดง้ ่าย
ภาพท่ี 7 : เครื่องช่งั ขนาดเลก็
โดย ศนู ยว์ งเดือน อาคมสุรทัณฑ์
1.3 เคร่ืองช่ังดิจิตอล เป็นเคร่ืองมือท่ีใช้วัดน้าหนักของวัตถุหรือส่ิงของต่าง ๆ ซ่ึงสามารถแสดง
หน่วยวัดได้หลากหลาย เช่น กรัม (g) ออนซ์ (oz) ปอนด์ (Ib) กิโลกรัม (Kg) กะรัต (ct) เป็นต้น ช่วยในการ
วัดปริมาณน้าหนักได้อย่างละเอียดแม่นยา และรวดเร็ว ซ่ึงแต่ละชนิดมีคุณสมบัติการใช้งานท่ีแตกต่างกัน
เชน่ มีระบบปิดเครอ่ื งอตั โนมัติ คานวณปริมาณการชั่งได้ละเอียดและชัดเจน คุณสมบัติของเครื่องชั่งดิจิตอล
ทีด่ ี ตอ้ งมีความแข็งแรง สามารถกนั นา้ ฝนุ่ ละออง ความร้อนได้ และมอี ายกุ ารใชง้ านท่ียาวนาน
ภาพท่ี 8 : เครอ่ื งชงั่ ดิจิตอล
โดย ศนู ยว์ งเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
วธิ ีกำรเลอื กซื้อ
1. ต้องทราบถึงวัตถุประสงค์ ว่าจะนาไปใช้ชั่งอะไร น้าหนักที่ช่ังไม่เกินเท่าไร และค่าอ่านละเอียด
ของเครื่องช่ังเท่าไหร่ ส่วนผสมท่ีจะใช้ชั่งมีขนาดเล็กหรือใหญ่ ปริมาณเท่าไหร่ จะต้องใช้เครื่องชั่งแบบ
ดิจติ อล หรอื เครอื่ งชั่งแบบเข็ม เป็นตน้
2. ศึกษาท่ีมาหรือแหล่งผลติ วา่ สนิ ค้านาเข้าหรือผลิตในประเทศ ถ้าสินค้าผลิตในประเทศจะมีน้อย
สว่ นมากจะเปน็ สนิ คา้ นาเขา้ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญป่ี ่นุ เกาหลี ไตห้ วนั และจนี
3. ศึกษาข้อมูลการใช้งาน เครื่องช่ังแต่ละชนิดจะมีข้อมูลการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป การเลือก
ข้อมลู ของเคร่ืองชั่งควรจะเหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้
4. ศึกษาโครงสรา้ งและอุปกรณ์เครือ่ งช่ัง ผใู้ ช้งานควรคานงึ ถึงสภาวะแวดล้อมที่จะใช้เคร่ืองชั่ง และ
ลักษณะการชั่ง ทงั้ น้เี พอ่ื อายกุ ารใชง้ านท่นี านข้ึน โดยเชค็ ส่วนประกอบเคร่ืองช่งั ดงั น้ี
4.1 จอแสดงนา้ หนกั พลาสตกิ เอบีเอส หรอื สแตนเลส มกี ารปอ้ งกนั ฝุ่นและน้าหรอื ไม่
4.2 วธิ ีการเปลี่ยนแบตเตอร่ี และการซอ่ มแซม
7
4.3 แท่นชั่งโครงสร้างเหล็กแข็งแรงหรือไม่ จุดเช่ือม ความหนาของแท่นชั่ง โหลดเซลล์ มีคุณภาพดี
หรอื ไม่ และป้องกนั ความชน้ื ไดห้ รือไม่
5. บรกิ ารหลงั การขาย เป็นส่ิงสาคัญในการบารงุ รกั ษา ตรวจเช็คค่าน้าหนักอย่างสม่าเสมอ หรือหากชารุด
เสยี หาย สามารถหาซือ้ อะไหลไ่ ดง้ ่าย
6. เครื่องช่ังควรได้รับมาตรฐาน และต้องผ่านการตรวจรับรองจากกองช่ังตวงวัด กรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณชิ ย์
วิธีกำรใชง้ ำน
1. เคร่ืองช่ังมีท้ังขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก เครื่องช่ังมีตั้งแต่ขนาด 500 กรัม 1 กิโลกรัม และ 7 กิโลกรัม
เป็นต้นไป ทาจากพลาสติก โลหะ ชนดิ ท่ีทาจากโลหะมคี วามทนทานกว่าพลาสติก การเลือกเครื่องช่ังที่ใช้ใน
ครัวเรอื นควรเลือกเครอื่ งชั่งทมี่ ีความละเอยี ดขนาด 500 กรัม หรอื 1 กโิ ลกรัม (สมบรู ณ์ ม่นั ความดี, 2558)
2. โต๊ะสาหรบั วางเครอ่ื งช่ังจะตอ้ งม่นั คงแขง็ แรงไม่สั่นไม่แอ่นตัว
3. เครอื่ งชั่งจะตอ้ งตงั้ ระดับลกู นา้ เพ่ือให้เครือ่ งชงั่ สมดลุ
4. ขาของเคร่ืองชัง่ ทกุ ขาจะต้องตั้งบนพืน้ ตลอดเวลา
5. เปิดเคร่ืองท้ิงไว้ประมาณ 15 – 30 นาที ก่อนใช้งานดูค่าเริ่มต้นของเครื่องชั่ง โดยเคร่ืองชั่ง
ดจิ ิตอลใหเ้ รม่ิ จาก 0.00 หรือเคร่ืองช่ังแบบเขม็ ใหเ้ ข็มช้ไี ปทเ่ี ลข 0 เทา่ นัน้
6. การช่ังนา้ หนักต้องวางสงิ่ ทต่ี อ้ งการช่ังตรงกลางจานชงั่
7. ควรรีบนาสิ่งของท่ีช่ังออกจากจานชั่งเม่ือช่ังเสร็จแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
และความชน้ื ภายในเคร่ืองชงั่
8. อุณหภูมิภายในห้องเครื่องช่ังควรคงท่ี เนื่องจากอุณหภูมิท่ีเปล่ียนไป 1 องศาจะทาให้เครื่องชั่ง
อา่ นคา่ ผิดไป 1 - 2 ส่วนในล้านส่วน และไมค่ วรชงั่ ของขณะร้อน ตอ้ งรอให้เย็นลงจนถึงอุณหภมู ิหอ้ งเสยี กอ่ น
9. ป้องกันกระแสลมจากเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องมือทท่ี าให้เกิดกระแสลม ซ่งึ จะรบกวนการช่ัง
10. การชง่ั น้าหนกั ควรช่ังในชว่ ง 1/3 - 2/3 ของคา่ พิกัดสงู สดุ ของเครอื่ งชงั่
11. ไม่ควรชงั่ น้าหนกั เกินคา่ พิกัดสงู สุดของเคร่ืองช่ัง
12. หา้ มชั่งสารเคมีหรือวสั ดุตา่ ง ๆ บนจานชง่ั โดยตรง
13. วางเครื่องช่งั ใหห้ ่างจากหน้าตา่ ง เพราะแสงสว่างจากดวงอาทิตยอ์ าจทาให้ค่านา้ หนักไม่แมน่ ยา
วธิ ีกำรดแู ลรักษำ
1. เก็บในอุณหภูมิทีเ่ หมาะสม ไมร่ อ้ น หรือชืน้ จนเกนิ ไป
2. ไม่ควรช่งั ของท่มี นี ้าหนักเกินพกิ ดั ของเคร่ืองช่งั
3. ปิดรเู พอื่ ปอ้ งกันหนูและแมลงสาบเขา้ ไปทาลายแผงวงจร
4. ไม่ควรเสยี บชารจ์ แบตเตอร่ใี นระหวา่ งการใชง้ าน
5. ทาความสะอาดเคร่ืองชั่งอยู่เสมอ หรอื ทกุ คร้ังหลังใชง้ าน
2. ถ้วยตวงของแหง้ (Measuring Cup)
ถ้วยตวง ใช้สาหรับตวงส่วนผสมท่ีเป็นของแห้งชนิดต่าง ๆ เช่น แป้ง น้าตาล เนื้อสัตว์ ผัก ถ่ัว เป็นต้น
มี 4 ขนาด เรียกวา่ 1 ชุด ประกอบดว้ ย
- ขนาด 1 ถว้ ยตวง (One cup)
- ขนาด 1/2 ถว้ ยตวง (One half measuring cup)
- ขนาด 1/3 ถ้วยตวง (One third measuring cup)
- ขนาด 1/4 ถ้วยตวง (One fourth measuring cup)
8
โดยท่ีบริเวณของก้นถ้วยตวงแต่ละใบ จะบอกขนาดของถ้วยตวงไว้อย่างชัดเจน ถ้วยตวงของแห้ง
มักทาจากวัสดุ เช่น อลูมิเนยี ม พลาสตกิ และ สเตนเลส ซงึ่ มรี ูปทรง และขนาดมาตรฐานของถว้ ยตวงเหมือนกัน
วิธีกำรเลือกซ้ือ ควรเลือกซ้ือชนิดท่ีหาซื้อง่าย ทนต่อการใช้งาน น้าหนักเบา และราคาประหยัด
มที จี่ ับยน่ื ออกมา และติดแนน่ กบั ถว้ ยตวง งา่ ยต่อการดูแลรักษา และทาความสะอาด ทาให้มีอายุการใช้งาน
ท่นี านยิง่ ขึ้น
วธิ ีกำรใช้งำน ใชต้ วงสว่ นผสมประเภทของแห้งชนิดต่าง ๆ เช่น แป้ง น้าตาล ถ่ัว เน้ือสัตว์ เลือกใช้
ให้เหมาะสมกับขนาดที่ต้องการ โดยวางถ้วยตวงขนาดท่ีต้องการบนโต๊ะพ้ืนราบเรียบใช้มือข้างหน่ึงจับถ้วย
ตวงไว้ ส่วนอีกมือหน่ึงตักส่วนผสมของแห้งที่ต้องการตวงใส่ลงในตวงให้พูนถ้วย (ห้ามเขย่า หรือ เคาะถ้วยตวง)
ใช้ท่ปี าด (สปาตลู ่า – Spatula) หรือวัสดทุ ี่มสี ันเรียบตรงปาดส่วนที่พูนออก
วธิ กี ำรดูแลรักษำ
- เมือ่ เลกิ ใชง้ านควรลา้ งใหส้ ะอาด เชด็ ใหแ้ หง้ สนทิ เก็บเขา้ ท่ีใหเ้ รยี บรอ้ ย
- ถ้วยตวงที่ทาจากวัสดุพลาสติก ควรทาความสะอาดโดยใช้ฟองน้า หรือ ผ้านุ่ม ๆ เช็ดถูขณะล้าง
ทาความสะอาด เพ่อื ไม่ให้พลาสติกเปน็ ริว้ รอยการขีดขว่ น
- ควรระวังอย่าใหห้ ว่ งสาหรับถ้วยตวงหลุดหาย เพอื่ ทจ่ี ะไดด้ ูแลรกั ษาใหถ้ ้วยตวงอยู่ครบชดุ
ภาพที่ 9 : ถ้วยตวงของแห้ง
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสรุ ทัณฑ์
3. ถ้วยตวงของเหลว (Liquid measuring cup)
ถ้วยตวงของเหลว ใช้สาหรับตวงส่วนผสมท่ีเป็นน้า หรือของเหลวที่สามารถไหลรินได้ เช่น น้า นม
น้ามัน น้าเชื่อม น้ากะทิ เป็นต้น ถ้วยตวงทามาจากวัสดุท่ีโปร่งใส เช่น แก้ว หรือพลาสติกใส เพื่อสามารถ
มองเห็นของที่นามาตวงได้ชัดเจน ผิวด้านนอกของถ้วยตวงชนิดนี้ จะมีขีดแสดงเครื่องหมาย และตัวเลข
กากับติดอยู่เพ่ือบอกค่าปริมาตรถ้วยตวง 1 ใบ สามารถบอกค่าปริมาตรไว้หลายมาตรา เช่น 1 ถ้วยตวง มีขีด
แสดงเครอ่ื งหมาย และมีเลขกากับบอกปริมาตรเป็นถ้วยตวง เช่น 1/4 1/3 1/2 2/3 3/4 และ 1 ถ้วยตวง ไว้ด้านหนึ่ง
อีกด้านหน่ึงบอกปริมาตรเป็นออนซ์ เช่น 2 4 6 และ 8 ออนซ์ หรือบอกปริมาตรเป็นลิตร ปอนด์ ไปน์ เป็นต้น
ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หากต้องการตวงของเหลวเป็นจานวนมาก อาจใช้ถ้วยตวงขนาดใหญ่ท่ีมีขนาดบอก
ปริมาตรมากกวา่ 1 ถว้ ย จะสะดวกและรวดเรว็ กวา่
วิธีกำรเลือกซ้ือ ควรเลือกซ้ือถ้วยตวงท่ีมีขีดบอกปริมาตรได้ง่าย และชัดเจน ทาจากวัสดุโปร่งใส
และทนความรอ้ นไดด้ ี
วิธีกำรใช้งำน ใช้ตวงส่วนผสมประเภทของเหลว เช่น น้า นม น้ามัน น้าเช่ือม น้ากะทิ โดยวางถ้วยตวง
บนพื้นราบเรยี บ เทส่วนผสมทต่ี ้องการตวงลงในถว้ ยตวงให้ได้ปรมิ าตรพอดีกบั ปากถว้ ยตวง
วิธีกำรดูแลรกั ษำ
- หา้ มใหถ้ ้วยตวงแก้วตกพื้นเพราะจะทาให้แตกรา้ ว หรอื บนิ่ ได้
- ใช้ผ้านมุ่ ๆ หรอื ฟองนา้ จุ่มนา้ ยาล้างจานเช็ดถูให้ทวั่ ล้างดว้ ยนา้ สะอาด 2-3 คร้งั หรอื จนกว่าจะสะอาด
9
- คว่าให้สะเด็ดน้า และแห้งสนิท นาเก็บเข้าที่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง
เพราะจะทาให้แกว้ ขุ่นมัว ไมใ่ สสะอาด
ภาพท่ี 10 : ถ้วยตวงของเหลว
โดย ศูนยว์ งเดอื น อาคมสรุ ทัณฑ์
4. ช้อนตวง (Measuring spoon)
ช้อนตวง ทาด้วยวัสดุท่ีเป็นอลูมิเนียม สเตนเลส และพลาสติก ใช้สาหรับตวงของแห้ง และของเหลว
ท่มี ีปรมิ าณเพียงเล็กน้อย มดี ว้ ยกนั 4 ขนาด เรียกว่า 1 ชุด ประกอบด้วย
- ขนาด 1 ชอ้ นโตะ๊ (1 Table spoon)
- ขนาด 1 ช้อนชา (1 Tea spoon)
- ขนาด 1/2 ชอ้ นชา (1/2 Tea spoon)
- ขนาด 1/4 ช้อนชา (1/4 Tea spoon)
วธิ กี ำรเลือกซ้ือ ควรเลือกซื้อช้อนตวง ชนิดที่ทาด้วยวัสดุที่แข็งแรง ทนต่อการใช้งาน มีตัวเลขบอก
ขนาดให้เหน็ ชัดเจนท่ีดา้ มจับช้อนตวง
วิธีกำรใช้งำน ใช้ตวงส่วนผสมท่ีเป็นของแห้งและของเหลวในปริมาณไม่มาก ในกรณีตวงส่วนผสม
ที่เป็นของเหลว ตักส่วนผสมท่ีต้องการตวงให้เต็มพอดีกับขอบช้อนตวงขนาดที่ต้องการ สาหรับส่วนผสมท่ี
เปน็ ของแหง้ ใหใ้ ช้ช้อนตวงขนาดทต่ี ้องการตักของแห้งให้พูนช้อน ใช้ที่ปาด (สปาตูล่า - Spatula) หรือวัสดุ
ทีเ่ รียบตรง ปาดส่วนผสมท่เี กินพนู ชอ้ นตวงออก ใหเ้ หลือส่วนผสมท่ีต้องการอยู่ในช้อนตวงเรียบเสมอปากขอบช้อนตวง
วธิ ีกำรดแู ลรักษำ ดแู ลอยา่ ใหช้ อ้ นตวงแยกหลุดออกจากหว่ งคล้อง เพื่อจะได้อยู่ครบชุด ไม่สูญหาย
เม่อื เลิกใช้งานควรลา้ งทาความสะอาดทนั ที และใชผ้ ้าสะอาดเชด็ ให้แหง้ สนิทนาเก็บเข้าที่ให้เรยี บรอ้ ย
ภาพท่ี 11 : ช้อนตวง
โดย ศูนยว์ งเดือน อาคมสุรทัณฑ์
10
5. มีด (Knife)
มีด เป็นเคร่ืองมือชนิดแรกที่มนุษย์ประดิษฐ์ข้ึนเพื่อใช้ในชีวิตประจาวันมาอย่างยาวนาน เก่ียวข้อง
สัมพันธ์กับแทบจะทุกกิจกรรมในการดาเนินชีวิต มีดเป็นเครื่องมือตัดเฉือนชนิดมีคมสาหรับใช้ สับ ห่ัน
เฉอื น ปาด บางชนดิ อาจมปี ลายแหลมสาหรับกรีด หรือแทง มักมีขนาดเหมาะสมสาหรับจับถือด้วยมือเดียว
วัสดทุ ใี่ ชผ้ ลติ ใบมดี และดา้ มจบั มีคณุ สมบตั ิทแ่ี ตกตา่ งกนั ออกไป
วิธกี ำรเลอื กซื้อ
- มีดสเตนเลส หรือเรียกว่าโลหะทรานซิชั่น มีข้อดีหลายประการ จึงนิยมเลือกมาใช้รวมถึงอาชีพเชฟ
เช่น มีความแข็งแรง ทนต่อการกัดกร่อนได้ดีกว่าเหล็ก High Carbon มีน้าหนักพอเหมาะ ไม่ข้ึนสนิม สามารถ
นาไปลับคมได้ง่าย แต่ก็ทาให้เสียความคมได้เร็ว นอกจากน้ีผิวสเตนเลสท่ีมีความมันวาวทาให้สิ่งสกปรกติด
ยากจงึ ปลอดภยั จากการปนเปอ้ื นในอาหารได้
- มีดเหล็ก High Carbon คนส่วนใหญ่นิยมใช้มีดที่ทาจากเหล็ก ใช้ถนัดกระชับมือ หาซื้อง่าย
มีความแข็งแกร่งคงทน หนาหนักใช้ได้นาน แม้เกิดสนิมง่าย แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่บางยี่ห้อมีสาร
ตา้ นสนมิ มากขนึ้ แต่ก็ยงั ตอ้ งหม่ันลับคมเปน็ ประจา
- มีดเซรามิก ทาจาก Zirconium Dioxide (เซอร์โคเนียม ไดออกไซด์) ซ่ึงมีความแข็งแรงและคม
ด้วยคุณสมบัติที่แกรง่ รองจากเพชร จงึ สามารถใชไ้ ด้นานโดยไมต่ อ้ งลบั คม นา้ หนกั เบาหยิบใช้ง่าย แต่มีความ
เปราะบาง แตกหักได้จึงไม่เหมาะกับงานสับของที่มีความแข็งมาก ๆ เช่น กระดูก ก้อนน้าแข็ง อาหารแช่แข็งท่ี
ยงั ไม่ละลายน้าแขง็ เป็นต้น
วิธกี ำรใช้งำน
- มีดหั่น ใช้หั่นของทั่วไป ตัวมีดยาวกว่ามีดปอก ยาวประมาณ 5 น้ิวฟุต ไม่รวมด้ามปลายแหลม
จะสะดวกในการเลาะกระดูก มีดหนั่ มีความคมบาง ถ้าหนาเกินไปจะหน่ั ลาบากของท่ีหนั่ ออกมาจะไมส่ วย
- มีดปอก ตัวมีดสั้นประมาณ 3 น้ิว ใบมีดเล็กกว่ามีดหั่น มีท้ังชนิดปลายแหลมและปลายมน
ใชป้ อกเปลอื กผกั ผลไม้ ปลายมดี แหลมเพื่อเจาะหรอื แซะ
- มดี สับ ตัวมดี กวา้ งมีสนั หนา เพอ่ื ใหม้ นี ้าหนกั มาก ใช้สับอาหารใหล้ ะเอียดเท่าท่ีต้องการ
- มีดคว้าน ใบมีดเรียว ปลายแหลมเรียวเล็ก โค้งเล็กน้อย ใช้สาหรับเซาะหรือคว้านผลไม้หรือ
แกะสลักผัก
- มีดแล่ ใบมีดค่อนข้างโค้งและหนา มีหยักฟันปลาใช้เนื้อสัตว์ ออกจากกระดูกได้ ใช้แล่เลาะ
เน้ือสตั ว์ท่ปี รุงร้อน ๆ ออกจากกระดกู
- ท่ปี อก ใชป้ ลอกเปลือกโดยเฉพาะ ลกั ษณะคมมีดหนั เข้าหากนั และมีด้ามถอื มีดทาจากโลหะตา่ ง ๆ กัน
วิธีกำรดูแลรักษำ เลือกใช้มีดให้ถูกวัตถุประสงค์ในการเตรียมอาหาร เช่น ไม่ใช้มีดสับมาห่ัน
หรือไม่ใช้มีดคว้านมาปอก เป็นต้น เมื่อเลิกใช้งานควรทาความสะอาดเช็ดให้แห้ง เก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็ก
และลบั มีดใหค้ มอยูต่ ลอดเวลา
11
ภาพท่ี 12 : มดี ชนิดตา่ ง ๆ
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสุรทัณฑ์
6. เขยี ง (Cutting Board)
เขียง ประกอบไปด้วยเขียงไม้ และเขียงพลาสติก มีทั้งที่ทาด้วยไม้และพลาสติก เขียงที่ทาจากไม้
เนื้อแข็งสามารถสับอาหารบนเขียงได้ แต่เขียงที่ทาจากไม้เน้ืออ่อน และเขียงท่ีทาจากพลาสติก เหมาะสาหรับ
ใช้หั่นหรือซอยอาหารเทา่ นั้น
เขียงพลาสติก มีน้าหนักเบา พื้นผิวเรียบสะดวกต่อการใช้งาน มีให้เลือกหลายสี สามารถแยก
ประเภทการใชง้ านได้อยา่ งชัดเจน หาซ้อื ได้งา่ ย และทส่ี าคญั คือ ทาความสะอาดงา่ ย ไม่เก็บกล่ิน ซ่ึงสามารถ
แบ่งแยกสีของเขียงตามชนิดของวัตถุดิบ และแบ่งประเภทตามการใช้งาน เพ่ือป้องกันสารปนเปื้อนจาก
วัตถุดิบที่ใช้ เขยี งมีทั้งหมด 6 สี ไดแ้ ก่
เขียงสีแดง ใช้กับเน้ือสัตว์ดิบ เพราะอาหารที่เป็นเนื้อมีสีแดง เช่น เน้ือวัว ดังนั้นเพ่ือให้ง่ายต่อการ
ทาอาหารประเภทเดียวกันควรใชเ้ ขียงสีเดียวกัน
เขยี งสีเหลอื ง ใชส้ าหรับห่นั เนอ้ื สตั วป์ กี ดิบ เพราะสีเหลืองเป็นสีของลูกไก่และลูกเป็ด จึงง่ายต่อการ
จาวา่ สีเหลืองคอื สัตวป์ กี
เขยี งสนี า้ ตาล ใชก้ บั เน้ือสัตว์ปรุงสกุ เพราะเนอ้ื ทป่ี รงุ สกุ และจาเป็นต้องห่ันจะมีสีน้าตาล ทาให้ง่าย
ตอ่ การจดจาว่าสีน้าตาลต้องคู่กบั เน้อื ท่ปี รุงสุกแลว้
เขียงสีฟ้า ใช้กับเน้ือปลาหรืออาหารทะเลดิบ เพราะสีฟ้าเป็นสีของท้องทะเล จดจาได้ง่ายว่าสีฟ้า
ทะเลตอ้ งค่กู บั ปลา
เขียงสีเขียว ใช้กับผักและผลไม้ เพราะสีเขียวเป็นสีของผัก เหมาะกับการจาว่าสีเขียวคือความสด
เปน็ สขี องสลดั และผักสด
เขียงสีขาว ใช้กับขนมปังและผลิตภัณฑ์จากนม เพราะสีขาวจะง่ายต่อการจาว่า คือ ผลิตภัณฑ์จากนม
ทาจากนม
วิธกี ำรเลอื กซื้อ ควรเลือกซอื้ เขียงเป็นไม้เน้ือแข็ง ทาจากไม้มะขาม ไม่มีรอยร้าวหรือเขียงพลาสติก
เน้ือแข็ง ลักษณะจะดูสวยงาม มีราคาแพงกว่าเขียงไม้ เลือกเขียงพลาสติกตามประเภทสีของการใช้งาน
เพ่อื ปอ้ งกันสารปนเป้อื นจากวตั ถุดิบท่ีใช้
วิธีกำรใชง้ ำน การใช้เขียงเปน็ ทร่ี องสาหรบั ห่นั สับ ซอย ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับงานน้ัน เช่น การ
ห่นั ซอยใชเ้ ขยี งพลาสติกไดด้ ี แตไ่ ม่ควรนาเขียงพลาสติกมาสับอาหาร การใช้เขียงอย่าใช้รวมกับอาหารคาว
จะทาใหอ้ าหารหวานมมี ีกลิ่นคาวได้
วิธีกำรดูแลรักษำ เมื่อเลิกใช้งานควรล้างทาความสะอาด เช็ดให้แห้ง หรือตากแดดเก็บในท่ีโปร่ง
อากาศถา่ ยเทเพ่ือไมใ่ หเ้ ขยี งมกี ลนิ่ และเป็นราได้
12
ภาพท่ี 13 : เขยี งไม้และเขยี งพลาสติก
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
ภาพท่ี 14 : เขยี งพลาสตกิ
ที่มา https://thai.alibaba.com
7. ชำมผสมหรืออำ่ งผสม (Mixing Bowls)
ชามผสม หรอื อา่ งผสม (นรารัตน์ เล็กสิงห์โต, ม.ป.ป.) กล่าวว่า อ่างผสมมีหลายขนาด ทาด้วยวัสดุ
หลายชนิด เช่น สแตนเลส อลูมิเนียม แก้ว พลาสติก เป็นต้น ใช้สาหรับคลุกเคล้าส่วนผสมต่าง ๆ ให้เข้ากัน
มีหลายชนิด และหลายขนาด แบง่ ตามวัสดุและการใช้งานได้ ดงั น้ี
- อ่างสแตนเลส มีความหนา หนัก และทนทาน เหมาะสาหรับผสมอาหาร หรือใช้เป็นภาชนะ
สาหรับการจัดเตรยี มอาหาร เช่น ลา้ งผัก ผลไม้ หรือเปน็ ภาชนะสาหรบั ใส่อาหาร เป็นต้น
- อ่างผสมแก้ว มีความหนา ใส และมีน้าหนัก มีทั้งแก้วทนไฟและแก้วใส เหมาะสาหรับการ
ทาอาหารเพื่อการสาธิต ซ่ึงทาให้เห็นอาหารไดช้ ดั เจน ทาความสะอาดได้ง่าย
- อ่างผสมเคลือบ การผสมอาหารบางชนิดควรใช้อ่างผสมเคลือบในการประกอบอาหาร เช่น
อาหารที่มีส่วนผสม น้าปูนใส เกลือ ไข่ ถ้าเป็นภาชนะประเภทโลหะ เหล็ก หรืออลูมิเนียม ซึ่งสารประกอบ
โลหะอาจทาให้เกดิ การปนเป้อื นลงในอาหารก่อให้เกดิ อันตรายได้ ดังนั้นการใช้ชามผสมหรืออ่างผสมเคลือบ
ให้เหมาะสมกับอาหารท่ีเป็นกรด ควรระมัดระวังหา้ มไมใ่ ห้ตกอาจทาให้ส่วนท่ีเคลือบกะเทาะออก
- อา่ งผสมอลูมเิ นียม ไม่เหมาะสมสาหรบั นามาอาหารที่มีรสเปรีย้ วหรือนามาตีไข่
- อ่างผสมพลาสติก เป็นภาชนะที่เหมาะสมกับการเตรียมอาหารท่ีหมัก สะดวกสบายในการหยิบจับ
อ่างพลาสติกไม่เหมาะสาหรับการตีไขห่ รือนามาผสมอาหาร
- อ่างผสมกระเบื้อง เหมาะสาหรับกับการผสมอาหารทุกชนิด ภาชนะกระเบื้องทนต่อความเป็น
กรดและดา่ งไดด้ ี
13
วิธีกำรเลือกซ้ือ ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับชนิดปริมาณของอาหารและขนม และการใช้งาน
ข้อสาคัญไม่ควรเป็นสนิม เลือกซื้อตามวัตถุประสงค์การใช้สอย ควรเลือกอ่างท่ีมีรูปร่างโค้งเรียบไม่หักมุม
เพ่ือช่วยในการผสมและทาความสะอาดได้ง่าย
วิธีกำรใช้งำน การใช้งานของอ่างผสมแต่ละชนิดควรใช้ให้เหมาะสมกับงานหรือชนิดของอาหารและ
ขนมท่ีจะเตรียมหรือปรุง ตลอดจนปริมาณของอาหาร เพราะอ่างมีขนาดใหญ่เกินไปอาหารก็จะดูน้อยใน
ภาชนะ หรอื อา่ งเล็กเกนิ ไปอาหารก็จะล้น โดยมหี ลักพจิ ารณา ดังน้ี
1. อ่างผสมเคลอื บ แกว้ สแตนเลส เหมาะสาหรบั อาหารที่มีสภาพเปน็ กรด
2. อา่ งผสมอะลูมิเนยี มไม่เหมาะสาหรับอาหารท่ีมีสภาพเป็นด่าง - กรด เม่ืออาหารทาปิิกิริยากับ
อะลูมิเนียม ทาให้อาหารมีสีคล้าไม่น่ารับประทานอาหาร ข้อสังเกตอ่างผสมท่ีเป็นเครื่องแก้ว เคร่ืองเคลือบ
จะใชใ้ นการตีไขไ่ ดข้ น้ึ กว่าทท่ี าด้วยอะลมู ิเนียม เพราะไข่มีฤทธ์เิ ปน็ ดา่ งจะไมท่ าปิิกิริยากับภาชนะอื่นยกเว้น
อะลูมิเนียม
วิธีกำรดูแลรักษำ เม่ือเลิกใช้งานควรล้างทาความสะอาด เช็ดให้แห้ง หรือตากแดดเก็บในที่โปร่ง
และอากาศถา่ ยเท
ภาพที่ 15 : ชามผสมหรืออ่างผสม
โดย ศูนย์วงเดอื น อาคมสรุ ทัณฑ์
8. กระชอน (Colander)
กระชอน เป็นเคร่ืองกรองเพื่อแยกน้าและกากจากกัน เช่น แยกน้ากะทิออกจากเน้ือมะพร้าว
ป้องกันสิ่งที่ไม่ต้องการหลุดลอดลงไปในน้ากะทิ ซ่ึงมีลักษณะคล้ายตะแกรงรูโปร่งเล็ก สาหรับกระชอนคั้น
กะทิทาด้วยอลูมิเนียม หรือไม้ไผ่แผ่นเล็กสานเป็นรูเล็ก ๆ และมีหูสองข้างเล็ก สาหรับพาดเกาะปากหม้อ
หรืออ่างผสมเวลาทจี่ ะคนั้ กะทิ
วิธีกำรเลือกซ้ือ กระชอนมีท้ังขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์
ของการใช้งาน
วิธีกำรใช้งำน กระชอนใช้สาหรับการคั้นกะทิ หรือกรองอาหารให้แยกส่วนเน้ือและส่วนน้าออก
จากกนั ตลอดจนใช้สาหรับการพักอาหารใหส้ ะเด็ดน้า มีท้ังรูปทรงกลมและสี่เหล่ียมมีหูยาวยื่นออกมาสาหรับ
พาดกับปากภาชนะ สาหรบั กระชอนอลูมิเนียมมีด้ามจับ
วิธีกำรดูแลรักษำ เมื่อเลิกใช้งานควรล้างทาความสะอาด เช็ดให้แห้ง หรือตากแดดเก็บในท่ีโปร่ง
และอากาศถ่ายเท
14
ภาพที่ 16 : กระชอน
โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
9. อปุ กรณท์ ี่ใช้ในกำรหุงตม้ และนึง่ (Boilers and Steamers)
อุปกรณ์หุงต้มและน่ึง ทามาจากวัสดุหลายชนิดด้วยกัน วัสดุท่ีมีความแตกต่างชนิดกัน จะมีคุณสมบัติ
การนาความร้อนท่ีแตกต่างกันไป ทามาจากวัสดปุ ระเภท ทองเหลือง สแตนเลสและอลูมิเนียม โลหะชนดิ ต่าง ๆ
วิธีกำรเลือกซื้อ เลือกตามคุณสมบัติชนิดของวัสดุที่นามาทาภาชนะพื้นฐาน ขนาดของภาชนะ
ปรมิ าณความจุ รปู ทรงของหมอ้ แตล่ ะประเภทใหเ้ หมาะสมกบั การประกอบอาหารและขนม
วธิ กี ำรใช้งำน เลือกใชใ้ ห้เหมาะสมกับการทางาน โดยดจู ากขนาดในการบรรจุ ความสะดวกในการ
ใชง้ านและความเหมาะสมของอุปกรณช์ นดิ นนั้ ที่ตอ้ งใช้รว่ มกนั เช่น ขนาดของเตาสัมพันธ์กับขนาดของหม้อ
ความร้อนกับวัสดุท่ีนามาทาภาชนะน้ัน ๆ หม้อท่ีทาจากอลูมิเนียมจะนาความร้อนได้ดี ส่วนภาชนะท่ีทา
จากสแตนเลสสตีลจะนาความรอ้ นไมท่ ่วั ถึงทาให้อาหารบางสว่ นไหม้ หรือบางสว่ นดิบ
วิธีกำรดูแลรักษำ เม่ือเลิกใช้งานควรทาความสะอาดโดยใช้ครีมออฟทาร์ทาร์ 2 ช้อนโต๊ะ ละลายน้า
4 ถ้วย หรือ น้าส้มสายชู 1 ถ้วย ต่อน้าเปล่า 4 ถ้วย นาไปให้ความร้อนพออุ่นแช่ภาชนะอลูมิเนียมล้างทา
ความสะอาด เช็ดให้แหง้ หรอื ตากแดดเกบ็ ในทโ่ี ปรง่ และอากาศถา่ ยเท
ภาพที่ 17 : อปุ กรณท์ ใ่ี ชใ้ นการหุงต้มและนึ่ง ไดแ้ ก่ หม้อ ลงั ถึง หม้อแขก
โดย ศนู ยว์ งเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
10. ถำด (Tray)
ถาด ทาด้วยวัสดุเหล็กผสมดีบุก ภาชนะเคลือบ สังกะสี และอลูมิเนียม มีรูปร่างลักษณะต่าง ๆ กัน เช่น
รูปส่ีเหลี่ยม กลมลึก รูปไข่ เป็นต้น การใช้งานส่วนใหญ่ใช้วางวัตถุดิบ และส่วนผสมสาหรับเตรียมก่อน
ขั้นตอนการทา หรือนาเข้าเตาอบตามวตั ถปุ ระสงคใ์ นการใชง้ าน
วิธีกำรเลอื กซอ้ื ควรเลอื กซือ้ ให้เหมาะสมตามประโยชนใ์ ช้งาน
วธิ กี ำรใช้งำน ถาดใชส้ าหรับวางอาหารและขนมเพ่อื พกั รอก่อนข้ันตอนการทาต่อไป
กำรเก็บรักษำ เม่ือเลิกใช้งานควรล้างใหส้ ะอาด ผงึ่ ใหแ้ หง้ หรอื เชด็ ใหแ้ ห้ง
15
ภาพที่ 18 : ถาดอลมู เิ นยี ม
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสรุ ทัณฑ์
11. กระบวยสแตนเลส (Stainless Steel Dipper)
กระบวย เป็นภาชนะตักน้า สมัยโบราณทาด้วยกะลามีด้ามถือ กระบวยในปัจจุบันทาจากสังกะสี
อะลมู ิเนียม ทองแดง หรอื พลาสตกิ เปน็ ต้น บางชนิดมกี ระบวยขนาดพเิ ศษยาว 1.2 เมตร
วธิ กี ำรเลือกซื้อ การเลอื กกระบวยสแตนเลส ให้คานึงถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เช่น ใช้สาหรับ
ทาอาหาร ทอด ผดั เจยี ว ควั่ หรือใชส้ าหรบั ตักนา้ ซุป น้าแกง หรือ น้าจิ้ม เลือกตัวด้ามที่ทาจากแบ็กกาไลท์
ทนต่อความร้อน ทาให้จับได้ถนัดมือ หัวกระบวยเป็นสแตนเลสเนื้อดี แข็งแรงทนทาน เนื้อสแตนเลสทาให้
ทนทานต่อความร้อน และทาความสะอาดงา่ ย ไมเ่ ปน็ สนมิ
วิธีกำรใช้งำน ใช้สาหรับตัก ลวก ต้ม จุ่ม โดยมีหลายชนิดตามการใช้งาน เช่น กระบวยตักแกง
กระบวยโปร่ง กระบวยตักน้าจิ้ม กระบวยน้าซุป กระบวยสุกี้ กระบวยหม้อไฟ กระบวยด้ามไม้ กระบวยด้ามงอ
กระบวยตวง เปน็ ต้น
วิธกี ำรเกบ็ รักษำ เม่ือใช้งานแล้วควรล้างทาความสะอาดดว้ ยน้ายาลา้ งจานทวั่ ไป เชด็ หรือผ่ึงให้แห้ง
ก่อนจดั เกบ็
ภาพที่ 19 : กระบวยสแตนเลส
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสุรทัณฑ์
12. ผำ้ ขำวบำง
ผา้ ขาวบาง มีลกั ษณะเป็นผา้ สีขาว บาง โปรง่ คลา้ ยผา้ มุ้ง แต่มีความสะอาด ความกว้างของผ้าขาวบาง
จะมีขนาดไม่เท่ากัน ตามสภาพการใช้งาน ส่วนใหญ่จะนามากรองส่ิงท่ีไม่พึงประสงค์ไม่ให้เข้าลงไปผสมกับ
อาหาร ขนม หรอื น้าท่ีจะรบั ประทาน
วธิ กี ำรเลอื กซื้อ ควรเลอื กซ้ือผ้าขาวบางทีม่ ลี ักษณะสะอาดใหม่ ไมม่ ีส่งิ สกปรกติดอยู่
วิธีกำรใช้งำน ผ้าขาวบางใช้สาหรับกรองส่วนผสมเพื่อแยกกากหรือส่ิงต่าง ๆ ออกจากส่วนที่เป็น
ของเหลว หรือคลมุ อาหารและขนมเพอื่ ป้องกนั สง่ิ สกปรก หรอื ไมใ่ ห้ขนมแห้ง
วิธกี ำรเก็บรักษำ เมอ่ื เลิกใช้งานควรซกั ทาความสะอาดสงิ่ สกปรก และผึง่ ใหแ้ ห้งกอ่ นจัดเกบ็
16
ภาพท่ี 20 : ผ้าขาวบาง
โดย ศูนยว์ งเดอื น อาคมสุรทัณฑ์
13. ครก
ครก เปน็ เคร่ืองบดประจาครัวไทยท่ีสาคัญ ทาจากวัสดุประเภทหิน ดิน และไม้ ครกหินมีคุณภาพดี
เน้ือหินจะมีความแข็ง สีออกเขียว หากเน้ือครกหยาบขณะท่ีโขลก เน้ือหินจะติดปนมากับอาหารที่โขลก
การใช้ครกแตล่ ะชนิดขน้ึ อยกู่ บั ส่ิงทต่ี ้องการ เช่น ถ้าต้องการความละเอียดใช้ครกหินดีที่สุด แต่ถ้าใช้ครกดิน
เผาจะทาให้อาหารเข้ากัน แต่ไมต่ ้องการละเอียดสามารถใชด้ ินเผาหรือครกไม้จะเหมาะสมกับการใช้งานได้ดีกวา่
วธิ กี ำรเลอื กซ้ือ ใหเ้ ลือกซื้อตามความเหมาะสมกบั การใช้งาน
วิธีกำรใช้งำน ใช้สาหรับโขลกอาหารให้ละเอียดมากน้อยตามต้องการ เช่น การโขลกน้าพริก
ถว่ั ลสิ ง บดเผอื ก การโขลกเครอื่ งแกงใหล้ ะเอียดควรใช้ครกหินจะได้เคร่ืองแกงที่ละเอียดผสมเข้ากันเป็นเน้ือ
เดยี วกนั
วิธีกำรเก็บรักษำ เม่ือเลิกใช้งานแล้วควรล้างทาความสะอาด เช็ดให้แห้ง หรือตากแดดเก็บในท่ีโปร่ง
อากาศถา่ ยเทเพ่ือไม่ให้ครกมีกล่นิ
ภาพที่ 21 : ครกหนิ
โดย ศูนยว์ งเดือน อาคมสุรทัณฑ์
17
ควำมร้พู ืน้ ฐำนในกำรจดั กำรเรยี นรูต้ ำมหลกั สูตรอำหำรสตู รพระรำชทำน
สมเด็จพระกนษิ ฐำธิรำชเจำ้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำ ฯ สยำมบรมรำชกุมำรี
หลักสูตรวชิ ำชีพระยะสนั้ รูปแบบกลมุ่ สนใจ
ศนู ย์วงเดอื น อำคมสุรทณั ฑ์ ศนู ยฝ์ กึ อำชีพรำษฎรตำมพระรำชดำริ จงั หวัดอุทยั ธำนี
บทนำ
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงกล่าวไว้
ในไดอารี่ว่า “ข้าพเจ้ามีของขวัญพิเศษ คือตารากับข้าว 10 อย่างท่ีข้าพเจ้าเขียนเอง ท้ังภาษาไทย และ
ภาษาอังกฤษ กับข้าวเหล่าน้ี ข้าพเจ้าทาเอง ชิมเอง ถ่ายรูปเอง บางรูป รูปท่ีไม่ได้ถ่ายเป็นฝีมือพวกผู้ช่วย
ในครัว ไม่ใช่ช่างภาพอาชีพ” เม่ือทรงนึกตารับอาหารได้แต่ละตารับ ก็ทรง “เข้าครัว” ทดลองตั้งแต่ต้นปีที่
ผา่ นมา ทรงทดลองประกอบพระกระยาหารทีละตารับในวันอาทิตย์ท่ีจะพอทรงมีเวลาว่าง มีท่านผู้หญิงจันทิมา
พึงบารมี ผู้ดูแลพระกระยาหารเป็นผู้ช่วย และมีกลุ่มพระสหายเป็นผู้คอยติชม ทรงกล่าวไว้ในคานาว่า
“ความที่ไม่คอ่ ยมีประสบการณ์ในการเขียนตารากับข้าว จึงอาจจะใช้คาพูดไม่ถูกต้อง แต่รับรองว่าอาหารที่
เขียนไว้น้ันอร่อยทุกอย่าง” และยังทรงเสริมด้วยพระอารมณ์ขันว่า “ถ้าท่านทาแล้วไม่อร่อยเป็นความผิด
ของท่านเองที่ทาไม่อร่อย” (เชียงใหม่นิวส์, 2549, น. 7) การประกอบพระกระยาหารซ่ึงถือเป็นหนึ่งใน
พระปรีชาสามารถของสมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ท่ีประชาชนตา่ งประจักษ์แจ้งและประทับใจ ด้วยอาหารท่ีทรงปรุงนั้นมีข้ันตอนที่ไม่ยุ่งยาก และอร่อยมากด้วย
คณุ ประโยชน์ (มูลนธิ ิชยั พฒั นา, 2558, น.4) การประกอบพระกระยาหารทรงงานอดิเรกที่โปรด ซ่ึงมีท้ังท่ีทรงคิด
ตารับอาหารเอง และทรงประยุกต์จากสูตรอาหารท่ีมีอยู่แล้ว มีทั้งอาหารไทยและอาหารฝร่ัง ส่วนใหญ่เป็น
อาหารเพ่ือสุขภาพ ทรงจดบันทึกสูตรอาหารและวิธีทาไว้ทุกครั้ง และได้พระราชทานสูตรอาหารให้ผู้สนใจ
หรือหน่วยงานต่าง ๆ นาไปเผยแพร่เพ่ือสาธารณประโยชน์ต่อไป ตาราอาหารพระราชทานท่ีได้มีการตีพิมพ์
มหี ลายเล่ม เชน่ ครวั สระปทมุ เมนูพระราชทาน 60 พรรษา อร่อยชัยพัฒน์ อรอ่ ยอุทยาน เปน็ ตน้
หลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกมุ ารี โดยศูนยว์ งเดอื น อาคมสุรทณั ฑ์ ศูนยฝ์ กึ อาชพี ราษฎรตามพระราชดาริ จังหวัดอุทัยธานี
ดาเนินการศึกษาเอกสารหนังสือครัวสระปทุม และหนังสือเมนูพระราชทาน 60 พรรษา ซ่ึงนาหลักการ
เนื้อหา และวิธีการประกอบอาหารไปทดลองฝึกปิิบัติกับวิทยากรและครูผู้สอน รวบรวมเป็น 16 เมนู
ประกอบด้วย ยาพอกหัวเด็ก มัตสยาเกษียรสมุทร (ปลาช่อนอบ) กุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) ผัดพริกอ่อน ผัก
โขมปั้นก้อนอบ ซุปฟักทอง วัตเตนเมียร์ พายฟักทอง ขนมรวงผ้ึง หมูเสียบไม้ปิ้ง ไก่นาบกระทะ ซุปมะเขือเทศ
มันฝร่ังบดทอด น้าสลัดเมล็ดชา ข้าวตังน้ามันเมล็ดชา ยาสตรอเบอรี่น้ามันเมล็ดงาม้อน น้าพริกใบชา
งาม้อน จึงได้จัดทาหลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระปรีชาสามารถเรื่องการประกอบพระกระยาหาร
และเผยแพร่อาหารสูตรพระราชทานให้กับประชาชน โดยมีจุดมุ่งหมายในการสร้างอาชีพเพื่อการมีงานทา
การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมที่กาลังจะสูญหาย และท่ีสาคัญย่ิง ศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ดาเนินการจัด
กิจกรรมตามพระราชดาริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
เพ่ือให้มีการจัดทาและพัฒนาหลักสูตรวิชาชีพตามพระราชดาริเพื่อการมีงานทาตามความต้องการของ
ประชาชนและชุมชน และใชใ้ นการจัดกระบวนการเรียนร้ดู ้านอาชพี ให้เปน็ ไปตามพระราชประสงค์
18
โครงสรำ้ งเน้ือหำ
อาหารสูตรพระราชทาน เป็นอาหารเพ่ือสุขภาพท่ีก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย นอกเหนือจาก
สารอาหารหลักที่จาเป็นต่อร่างกาย นอกจากน้ีอาจช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ และที่สาคัญคือการ
รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะจะช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และส่งผลให้มีสุขภาพจิตท่ีดี
ประเภทของอาหารเพ่ือสุขภาพ ได้แก่ อาหารธรรมชาติ อาหารออแกนิก และอาหารเสริม เป็นอาหาร
ทางเลือกเพ่ือให้มีสุขภาพดี ปัจจัยสาคัญของอาหารที่ดีคือ ความหลากหลาย ซึ่งจะทาให้ได้รับสารอาหาร
อย่างครบถ้วน หลักการที่จะช่วยให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน คือ การเลือกรับประทานอาหารหลากสีให้
มากท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อาหารท่ีมีสีสันจะมีสารอาหารอยู่มากมาย เช่น สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีส้ม
เป็นต้น อาหารเหล่าน้ีจะมีวิตามินป้องกันอนุมูลอิสระ สามารถปกป้องร่างกายจากโรคร้าย และได้รับวิตามินและ
เกลือแรท่ ีห่ ลากหลาย
หลักในกำรบริโภคอำหำรเพือ่ สุขภำพ
1. รับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ แตล่ ะหมูใ่ หห้ ลากหลาย และหมัน่ ดูแลน้าหนักตวั ให้ปกติ
2. รับประทานข้าวให้เป็นอาหารหลกั ข้าวควรรบั ประทานเปน็ ขา้ วกลอ้ งหรือข้าวซ้อมมือ
3. รบั ประทานพืชผกั ผลไมเ้ ป็นประจา เพราะพชื ผักผลไมม้ ีทั้งสีเขยี ว สีเหลอื ง เปน็ ต้น
4. รับประทานปลาและเนือ้ สัตว์ที่ไม่ตดิ มัน ไข่ และถว่ั เหลืองเป็นประจา ด่ืมนมให้พอเหมาะตามวัย
5. รับประทานอาหารทม่ี ีไขมันแต่พอควร
6. หลกี เลีย่ งการรับประทานอาหารทีม่ ีรสหวานจัด และเค็มจัด
7. หลีกเลยี่ งการรับประทานอาหารถนอม เช่น อาหารหมกั ดอง อาหารกระปอ๋ ง เป็นต้น
8. งดหรอื ลดเครื่องดื่มที่เปน็ อันตรายตอ่ สขุ ภาพเช่น เคร่อื งดื่ม แอลกอฮอล์ เปน็ ต้น
ประโยชน์ของกำรรบั ประทำนอำหำรเพือ่ สขุ ภำพ
อาหารเพ่ือสุขภาพ ช่วยในการส่งเสริมสุขภาพ และลดความเส่ียงของการเกิดโรคต่าง ๆ สามารถ
รับประทานได้ในคนปกติ รวมท้ังคนป่วย เพราะอาจลดความเสี่ยงในโรคท่ีจะเกิดข้ึน หรือป้องกันโรคแทรก
ซ้อนหรือทาให้สุขภาพดีขึ้น ได้ประโยชน์มากข้ึนกว่าผู้ท่ีไม่ได้รับประทานอาหารเพ่ือสุขภาพ เช่น
เพ่ิมภูมิคุ้มกันโรค เพิ่มศักยภาพให้ระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ลดความเส่ียงต่อการเกิด
โรคหวั ใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงต่อโรคลมปัจจุบนั ลดความเส่ียงต่อการเป็นมะเร็ง และลดความเส่ียงต่อ
การเป็นอัลไซเมอร์ พากินสัน โรคหืดหอบ โรคปอด และโรคท่ีเกิดจากความเส่ือมชนิดเร้ือรังอื่น ๆ เป็นต้น
ซ่ึงเปน็ อาหารธรรมชาตทิ ่ีผา่ นการแปรรูปน้อยที่สดุ เพอื่ คงไว้ซึ่งองค์ประกอบทางธรรมชาติของอาหารให้มาก
ท่ีสุด และข้ึนอยู่กับการเลือกรับประทานการผสมผสานให้ได้สัดส่วนท่ีเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายได้รับ
ประโยชน์มากที่สุด อาหารเพื่อสุขภาพท่ีดีควรยึดหลักความสมดุลหลากหลาย และปริมาณท่ีเหมาะสมกับ
กจิ กรรมการดารงชวี ติ เปน็ หลกั สารอาหารท่ีจาเป็นสาหรับร่างกายมี 6 ชนิด แต่ละชนิดมีหน้าท่ีแตกต่างกัน
ไป ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ และน้า หลักท่ีต้องคานึงในการประกอบ
อาหารเพ่ือสุขภาพ ประกอบดว้ ย
1. รับรู้พลงั งานจากสารอาหาร (ปริมาณแคลอร่ที ี่ไดร้ ับในแตล่ ะมื้อ) สารอาหารแต่ละประเภทจะให้
พลงั งานท่ไี ม่เท่ากัน เชน่ คารโ์ บไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี
และไขมัน 1 กรัม ใหพ้ ลงั งาน 9 แคลอรี เป็นต้น
2. เลือกวัตถดุ บิ ทีน่ ามาปรุงเป็นอย่างดี วัตถุดิบท่ีดีไม่จาเป็นต้องเป็นของราคาแพง เน้นท่ีวัตถุดิบที่
ให้สารอาหารจาเป็นตอ่ รา่ งกาย ค้มุ ค่ากบั จานวนเงิน เช่น
- เลอื กคารโ์ บไฮเดรตชนิดดที ่มี ีกากใยอาหารสงู เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวหอมนิล ข้าวสังข์หยด ธัญพืช
ไมข่ ดั สี ผกั และผลไม้ ให้หลีกเล่ียงคาร์โบไฮเดรตที่ไมด่ ีทอี่ ยู่ในรปู ของน้าตาล ขนม และของหวานตา่ ง ๆ
19
- เลอื กโปรตนี จากเน้ือ ปลา หรอื โปรตีนจากพืช เช่น ถั่ว เพ่ือช่วยลดไขมันในเลือด และยังสามารถ
ป้องกนั โรคหวั ใจได้ โปรตนี ท่มี าจากเนอ้ื ตา่ ง ๆ ไก่ ปลา ไข่ และถัว่ ลว้ นเป็นแหลง่ โปรตนี วิตามินเอ วิตามินบี
1 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 วิตามินดี วิตามินเค เหล็ก สังกะสีและฟอสฟอรัส นอกจากน้ันหากรับประทาน
โปรตนี จากพืช เช่น ถั่วตา่ ง ๆ ยงั มีองคป์ ระกอบของวติ ามนิ อี กรดโฟลกิ เส้นใยอาหารเพิ่มข้ึน
- ไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ และอาหารทอดกรอบ นมไขมันเต็ม เนื้อสัตว์ติดมัน เป็นสิ่งท่ีต้อง
หลีกเลี่ยงอย่างมาก เพราะหากรับประทานทานในปริมาณมากจะไปเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดและ
เพิ่มการอักเสบของหลอดเลอื ดได้ สาหรับไขมันดีสามารถหาได้จากปลาทะเล และถวั่ เปลือกแข็ง นักวิชาการ
ทางด้านโภชนาการแนะนาว่าอาหารทุก 2,000 แคลอรีท่ีรับประทานเข้าไป ควรจะมีไขมันดีประมาณ 27
กรัม (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) เช่น น้ามันมะกอก น้ามันเมล็ดชา น้ามันเมล็ดงาม้อน น้ามันราข้าว น้ามันถั่ว
เหลือง น้ามันเมล็ดทานตะวัน เปน็ ต้น
3. เนน้ การบรโิ ภคอาหารจาพวกผกั ผลไม้ ธญั พืชไม่ขัดสี และผลติ ภณั ฑน์ มไขมนั ต่า
4. รับประทานอาหารท่มี ปี รมิ าณเกลอื หรือโซเดยี มต่า แมโ้ ซเดยี มจะเปน็ แรธ่ าตุท่จี าเปน็ สาหรับชีวิต
จาเป็นต่อการรักษาความสมดุลของของเหลวในร่างกาย นาส่ือประสาทถ่ายทอดไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วย
ในการย่อยอาหาร โดยปกติร่างกายเราควรได้รับโซเดียมอย่างน้อย 500 มิลลิกรัม สูงสุดไม่เกิน 2,300
มิลลิกรัม หรือเทียบเท่ากับเกลือ 1 ช้อนชา น้าปลาหรือซีอ๊ิว 1 ช้อนชา จะมีโซเดียมเฉลี่ย 400 มิลลิกรัม
หากสามารถลดปริมาณลงไดก้ จ็ ะลดความเส่ยี งการเพ่ิมความดนั โลหติ ไดม้ ากข้นึ
นำ้ มันเมล็ดชำ (Camellia Oleifera Seed Oil)
น้ามนั เมลด็ ชา เปน็ ทางเลือกหนึ่งทีด่ ีมีประโยชนต์ ่อสขุ ภาพเป็นทร่ี จู้ กั และนามาประกอบอาหารกัน
แพร่หลาย จากคุณประโยชน์ท่ีมีอยู่ในตัวของน้ามัน ทาให้ได้รับสมญานามว่าน้ามันชาน้ันเป็นเสมือน
“น้ามันมะกอกแห่งโลกตะวนั ออก” และสามารถนามาใช้ในการผลิตเคร่ืองสาอาง สบู่ ผลติ ภณั ฑบ์ ารงุ เสน้ ผม
ประโยชนข์ องนำ้ มันเมลด็ ชำ
น้ามันเมล็ดชา มีสารอาหารหลายชนิด ช่วยบารุงร่างกายและป้องกันโรคบางชนิดได้ โดยน้ามันเมล็ด
ชา มปี ระโยชนต์ อ่ สุขภาพ ดังนี้
1. น้ามนั เมล็ดชามีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี คอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี (Low-Density
Lipoproteins: LDL) เป็นคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีต่อร่างกาย หากมีคอเลสเตอรอลชนิดนี้มากเกินไปอาจ
นาไปส่กู ารเกิดโรคเก่ยี วกบั ระบบหวั ใจและหลอดเลอื ด
2. น้ามันเมล็ดชา ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค
ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
3. นา้ มนั เมล็ดชา อดุ มไปดว้ ยสารต้านอนมุ ูลอิสระทีม่ ีฤทธ์สิ ูงอยา่ งวิตามินอีและสารคาเทชนิ
4. น้ามนั เมล็ดชา มจี ดุ เกิดควันสูงถงึ 252 องศาเซลเซยี ส
20
ภาพท่ี 22 : นา้ มันเมลด็ ชา
ที่มา : https://www.teaoilcenter.org
น้ามันเมล็ดชา มีองค์ประกอบของไขมันท่ีดีต่อร่างกายไม่มีกรดไขมันทรานส์ ซ่ีงทาให้ร่างกาย
สามารถดูดซึมวิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากน้ามันเมล็ดชา
จะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระท่ีมีฤทธิ์สูงอย่างวิตามินอี และสารคาเทชิน ซ่ึงช่วยยืดอายุการใช้งานของ
น้ามันให้นานขึ้น น้ามันเมล็ดชายังมีจุดเดือดเป็นควันสูงถึง 252 องศาเซลเซียส (486 ฟาเรนไฮต์) ทาให้
สามารถประกอบอาหารได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทอดหรือการผัดในอุณหภูมิที่ไม่สูงมากนัก หรือ
เปน็ ส่วนผสมของนา้ สลดั หรอื ซอสหมักเนือ้ สตั ว์
น้ำมันเมล็ดงำม้อน (Perilla Seed Oil)
น้ามันเมล็ดงาม้อน มีส่วนช่วยในเร่ืองความจาและลดความเส่ียงของโรคความจาเส่ือม มีฤทธิ์ต้าน
การอกั เสบ มผี ลดีต่อเรตนิ าในดวงตา และลดความเส่ียงของการเกิดหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ เป็นแหล่ง
ของกรดไขมันไม่อิ่มตัวท่ีมีประโยชน์และจาเป็นต่อร่างกาย ประกอบด้วยโอเมก้า 3 ร้อยละ 55 - 60 ของ
กรดไขมันทงั้ หมดซง่ึ มบี ทบาทสาคัญตอ่ ระบบประสาทและสมองท่ีเกีย่ วกับการเรียนรู้ นอกจากนี้น้ามันเมล็ด
งาม้อน ยังประกอบด้วย โอเมก้า 6 ร้อยละ 18 - 22 ของกรดไขมันท้ังหมด และโอเมก้า 9 ร้อยละ 11 - 13
ของกรดไขมันท้ังหมด ท้ังยังพบสาร Luteolin ซ่ึงเป็นสารในกลุ่ม flavonoids ที่มีฤทธ์ิต้านภูมิแพ้
(Anti- allergy) และตา้ นการอกั เสบ (Anti-inflammatory) ทงั้ ยงั อุดมไปด้วยธาตฟุ อสฟอรัส และแคลเซยี ม
ภาพท่ี 23 : นา้ มันเมล็ดงามอ้ น
ทม่ี า : https://www.patpat9.com
21
หลกั สูตรอำหำรสตู รพระรำชทำน
สมเดจ็ พระกนษิ ฐำธริ ำชเจำ้ กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสุดำ ฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี
เมนูกุง้ บอ่ มรกต (ก้งุ เผำสำหร่ำย) และเมนูนำ้ สลัดเมล็ดชำ
1. ควำมเป็นมำ
พระราชนิพนธ์ครัวสระปทุม ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี มีใจความว่า “กุ้งแม่น้า สาหร่ายในคูข้างบ้านอาจารย์มนตรี ตราโมท ศิลปิน
แห่งชาติ” ซึ่งเป็นการนากุ้งแม่นา้ ไปเผาบนหินท่ีวางด้วยสาหร่าย ทาให้เกิดความหอมมากย่ิงข้ึน อีกท้ังยัง
ใช้หินแกรนิตแทนตระแกรง เป็นหินที่ความทนทานสูง ประกอบไปด้วยแร่เฟลด์สปาร์และแร่ควอตซ์ ท้ังยัง
เป็นหินที่ไม่เป็นโพรง มีเน้ือแข็งแรง ทนทาน มีค่าความหนาแน่นสูง ไม่ยืดหยุ่นไม่ซึมซับน้าและความชื้น
สามารถเก็บอุณหภูมิความรอ้ นให้คงท่สี ม่าเสมอ
พระราชนิพนธ์เมนูพระราชทาน 60 พรรษา ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเมตตาพระราชทานสูตรอาหารน้าสลัดเมล็ดชา ซ่ึงน้ามันเมล็ดชา
รวมถึงน้ามันชนิดอ่ืน ๆ ที่ได้จากโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ามันและพืชน้ามัน มาประกอบเป็น
ส่วนหน่งึ ของการทาเมนูน้าสลดั เมล็ดชา และทรงสาธิตการทาอาหารด้วยพระองค์เองทุกขั้นตอน จะทรงเน้นว่า
ตอ้ งปรุงง่าย มคี ณุ ค่าทางโภชนาการ และทีส่ าคัญตอ้ งอร่อยดว้ ย
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมี
พระราชดารใิ หป้ ระชาชนคนไทย สืบสาน อนุรักษ์ รักษา ต่อยอดการทาอาหารเพื่อสุขภาพ เน่ืองจากสภาพ
วิถีการดารงชีวิตของประชาชนในปัจจุบันเปล่ียนไป การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี และสามารถ
ป้องกันโรคได้ เพื่อเป็นการสนองพระราชดาริในการพัฒนาประชาชนให้มีทักษะความรู้ในด้านอาชีพ
ซ่ึงสอดคล้องกับบทบาทหน้าท่ีความรับผิดชอบของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ในด้านการพัฒนาอาชีพ
และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ได้ตระหนักถึงการบริโภคอาหารท่ีมีคุณค่า เป็นประโยชน์ต่อ
ร่างกาย และเล็งเห็นถึงความสาคัญของอาหารเพื่อสุขภาพ เมนูอาหารสูตรพระราชทานของสมเด็จ
พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จึงได้ดาเนินการจัดทา
หลักสูตรเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และหลักสูตรเมนูน้าสลัดเมล็ดชา เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้
เรียนรู้วิธีการประกอบอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ท่ีได้รับไปประกอบอาหาร
บรโิ ภคภายในครวั เรือน หรอื นาไปประยุกตใ์ ช้ในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้
ดีข้นึ ต่อไป
2. หลกั กำรของหลักสูตร
2.1 เปน็ หลักสตู รทม่ี ีความยดื หยนุ่ ในการจัดกระบวนการเรยี นรู้ใหเ้ ข้ากับกลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลา
การวัดและการประเมนิ ผล
2.2 มุ่งพัฒนาประชาชนให้ได้รับการศึกษาเพ่ือพัฒนาอาชีพ และการมีงานทาอย่างมีคุณภาพ
ทั่วถึงและเท่าเทยี ม สามารถลดรายจา่ ย เพม่ิ รายไดใ้ หก้ ับตนเองและครอบครัว
2.3 มุ่งเน้นพัฒนาประชาชนให้เป็นบุคคลท่ีมีวินัย เป่ียมไปด้วยคุณธรรม จริยธรรม มีจิตอาสา
มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ รบั ผดิ ชอบต่อตนเองและสังคม
2.4 มุง่ เน้นกระบวนการกลุม่ ฝกึ ปิิบตั จิ รงิ ของผเู้ รยี น
22
3. จุดประสงค์ของหลกั สตู ร
3.1 เพอื่ ให้ประชาชนมคี วามรู้ และความเขา้ ใจในเมนกู ุง้ บอ่ มรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนูน้าสลัด
เมล็ดชา
3.2 เพอื่ ใหป้ ระชาชนมีทักษะในการทาเมนกู ุ้งบอ่ มรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนูนา้ สลดั เมล็ดชา
3.3 เพอื่ ให้ประชาชนสามารถนาความร้ทู ไ่ี ดร้ บั ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการดารงชีวิต และนาไปประยุกต์ใช้
ในการประกอบอาชพี ได้
4. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียน
4.1 อธิบายความเปน็ มาของเมนกู ุง้ บ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหร่าย) และเมนนู ้าสลดั เมลด็ ชาได้
4.2 อธบิ ายวัสดุ อุปกรณ์ และเลือกใช้ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
4.3 อธิบายขั้นตอนการทาเมนกู งุ้ บอ่ มรกต (กุง้ เผาสาหรา่ ย) และเมนูนา้ สลดั เมล็ดชาได้
4.4 ปิิบัตกิ ารทาเมนกู งุ้ บอ่ มรกต (กุง้ เผาสาหรา่ ย) และเมนนู า้ สลดั เมล็ดชาได้
4.5 อธิบายคุณค่าอาหารทางโภชนาการของเมนกู ้งุ บอ่ มรกต (กุง้ เผาสาหร่าย) และเมนูน้าสลัดเมลด็ ชาได้
4.6 จดั หาหรือจดั ทาการบรรจหุ ีบห่อได้อย่างเหมาะสม
4.7 คิดต้นทุน กาไรจากการจาหนา่ ยกงุ้ บ่อมรกต (ก้งุ เผาสาหรา่ ย) และน้าสลัดเมล็ดชาได้
4.8 อธบิ ายชอ่ งทางการจัดการการตลาดของกงุ้ บ่อมรกต (กุง้ เผาสาหร่าย) และนา้ สลดั เมลด็ ชาได้
5. กลุ่มเปำ้ หมำย ไม่นอ้ ยกว่า 6 คน
ประชาชนท่วั ไป
6. ระยะเวลำ 6 ชว่ั โมง
รวมจานวน 1 ชวั่ โมง
ภาคทฤษฎี 5 ช่วั โมง
ภาคปิบิ ัติ
7. โครงสรำ้ งหลกั สูตร
เรอื่ ง หัวเร่อื ง เวลำเรียน
ที่ ทฤษฎี ปฏิบตั ิ รวม
15 - 15
1 ช่องทางการประกอบอาชพี การทาเมนูกงุ้ บ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) นาที นาที
และเมนนู า้ สลดั เมล็ดชา
1. ความเป็นมาของการทาเมนูกงุ้ บอ่ มรกต (กงุ้ เผาสาหร่าย)
และเมนนู ้าสลัดเมลด็ ชา
2. ความเปน็ ไปได้และการตัดสนิ ใจในการประกอบอาชีพการทา
เมนกู งุ้ บ่อมรกต (กุง้ เผาสาหร่าย) และเมนนู า้ สลัดเมล็ดชา
23
เรอื่ ง หัวเร่ือง เวลำเรียน
ท่ี ทฤษฎี ปฏบิ ัติ รวม
30 4.30 5.00
2 การจดั กระบวนการเรยี นรู้ เมนูกุง้ บอ่ มรกต (กงุ้ เผาสาหรา่ ย) นาที ชวั่ โมง ช่ัวโมง
และเมนนู ้าสลดั เมลด็ ชา 15 30 45
นาที นาที นาที
1. การทาเมนูกงุ้ บ่อมรกต (ก้งุ เผาสาหร่าย) และเมนนู ้าสลัดเมล็ดชา
1.00 5.00 6.00
2. วัสดุ อุปกรณ์ และการเลอื กใช้ ช่ัวโมง ชัว่ โมง ชว่ั โมง
3. ขั้นตอนการทาเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหรา่ ย) และเมนนู ้าสลดั เมลด็ ชา
4. การปิบิ ัติการทาเมนูกงุ้ บ่อมรกต (กุ้งเผาสาหรา่ ย) และเมนนู า้ สลดั เมล็ดชา
5. คุณค่าอาหารทางโภชนาการของเมนูกงุ้ บ่อมรกต (กุ้งเผาสาหรา่ ย)
และเมนูนา้ สลัดเมล็ดชา
3 การบรหิ ารจดั การในการประกอบอาชพี การทาเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผา
สาหร่าย) และเมนนู า้ สลัดเมล็ดชา
1. การจัดหาหรือจัดทาการบรรจุหีบหอ่
2. การคดิ ตน้ ทุน กาไรจากการจาหนา่ ยกุ้งบ่อมรกต (กุง้ เผาสาหร่าย)
และนา้ สลัดเมลด็ ชา
3. ช่องทางการจัดการการตลาดของก้งุ บ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย)
และน้าสลดั เมล็ดชา
รวมทั้งสิ้น
8. กำรจัดกำรเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ด้วยวิธีการบรรยายให้ความรู้/แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน การสาธิต
การลงมือปิิบัติ/ฝึกปิิบัติ การอภิปรายแลกเปล่ียนประสบการณ์การเรียนรู้ท่ีครอบคลุมเน้ือหาตาม
โครงสร้างหลักสตู ร
9. ส่อื กำรเรียนรู้
9.1 สอ่ื สิ่งพิมพ์ เช่น หนังสอื ใบความรู้ เป็นต้น
9.2 สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เช่น คลปิ วีดิโอ เป็นต้น
9.3 ส่ือบคุ คล เชน่ วทิ ยากร ครผู ้สู อน ภมู ปิ ัญญาท้องถน่ิ เป็นต้น
9.4 ส่อื ของจรงิ เช่น ผลงาน ตัวอยา่ งช้นิ งาน เป็นตน้
9.5 แหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน
10. กำรจัดกระบวนกำรเรียนรู้
10.1 วิทยากรบรรยายให้ความรภู้ าคทฤษฎี และภาคปิบิ ัติ
10.2 วิทยากรให้ผเู้ รียนทาแบบทดสอบกอ่ นเรยี น และหลงั เรยี น
10.3 วทิ ยากรสาธิตวธิ ีการทาในแต่ละขัน้ ตอน และใหผ้ เู้ รยี นลงมือปิิบตั ิ
10.4 วทิ ยากรประเมนิ ผลงานของผเู้ รยี น และผเู้ รียนร่วมแลกเปลย่ี นเรียนรู้ในการประเมนิ ผลงาน
24
11. กำรวดั และประเมนิ ผล
ประเมินความรู้ภาคทฤษฎี และภาคปิิบัติจากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน การสอบถาม
การสังเกต การมีสว่ นร่วม และจากชิน้ งาน/ผลงาน
12. ประโยชน์ท่ีคำดว่ำจะได้รบั
12.1 กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ และความเข้าใจหลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน เมนูกุ้งบ่อมรกต
(กงุ้ เผาสาหร่าย) และเมนูน้าสลัดเมลด็ ชา
12.2 กลุ่มเป้าหมายมีทักษะในการทาสูตรอาหารสูตรพระราชทาน เมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย)
และเมนนู ้าสลัดเมล็ดชา
12.3 กลมุ่ เป้าหมายสามารถนาความรู้ท่ีได้รับไปประยุกต์ใช้ในการดารงชีวิต และนาไปประยุกต์ใช้
ในการประกอบอาชพี ได้
13. กำรจบหลักสูตร
13.1 มีเวลาเรียนและฝกึ ปิบิ ตั ติ ามหลกั สตู รไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ 80
13.2 มผี ลการประเมนิ ผา่ นตลอดหลกั สตู รไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 60
13.3 มีผลงาน/ชน้ิ งาน ผา่ นการประเมินตามมาตรฐานและคุณภาพ
14. เอกสำรหลักฐำนกำรศึกษำ
14.1 หลกั ฐานการประเมนิ ผล
14.2 วุฒบิ ัตรออกโดยสถานศกึ ษา
กำรประเมินผล เครือ่ งมือ
วิธกี ำร แบบทดสอบกอ่ นเรียน และหลงั เรยี น
แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์
ทดสอบความรู้ ความเขา้ ใจของผู้เรียน แบบประเมินผลงาน/ช้ินงานของผู้เรยี น
ทดสอบคุณธรรม จริยธรรมของผเู้ รยี น แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ
นิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผ้เู รียน
ประเมนิ ผลความพึงพอใจในการจัดกิจกรรม
แนวทำงกำรประเมนิ ผลกำรเรียน (รวบยอด) เกณฑก์ ำรจบหลกั สตู ร
วธิ กี ำร เครื่องมือ มีผลสมั ฤทธท์ิ างการเรียน
1. ประเมนิ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ 60
1.1 ประเมินความรทู้ างภาคทฤษฎี แบบทดสอบ มผี ลงาน/ชนิ้ งานทม่ี คี ุณภาพ
1.2 ประเมนิ ทักษะการปิิบตั ิ ผลงาน/ชน้ิ งาน
25
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ หลกั สตู รอำหำรสูตรพระรำชทำน
สมเดจ็ พระกนษิ ฐำธริ ำชเจำ้ กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสดุ ำ ฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี
เมนูกงุ้ บ่อมรกต (กุง้ เผำสำหร่ำย) และเมนนู ้ำสลัดเมลด็ ชำ
สำระสำคญั
หลักสูตรอาหารสูตรพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี เมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนูน้าสลัดเมล็ดชา เป็นการจัดการศึกษาและ
ฝึกอบรมหลักสูตรระยะส้ันเพื่อมุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายสามารถเรียนรู้วิธีการประกอบ
อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ท่ีได้รับไปประกอบอาหารบริโภคภายในครัวเรือน
หรอื นาไปประยุกตใ์ ชใ้ นการประกอบอาชีพ สรา้ งรายได้ และพฒั นาคณุ ภาพชีวิตที่ดี
เนือ้ หำ
1. ชอ่ งทางการประกอบอาชีพการทาเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหรา่ ย) และเมนูนา้ สลัดเมล็ดชา
1.1 ความเปน็ มาของการทาเมนูกุง้ บ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหรา่ ย) และเมนูนา้ สลดั เมล็ดชา
1.2 ความเป็นไปได้และการตัดสินใจในการประกอบอาชีพการทาเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผา
สาหรา่ ย) และเมนนู ้าสลัดเมลด็ ชา
2. การจัดกระบวนการเรียนรู้ เมนกู ้งุ บ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนนู ้าสลัดเมล็ดชา
2.1 การทาเมนูกุง้ บ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหร่าย) และเมนนู ้าสลดั เมล็ดชา
2.2 วัสดุ อปุ กรณ์ และการเลือกใช้
2.3 ขัน้ ตอนการทาเมนูก้งุ บ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนนู ้าสลัดเมล็ดชา
2.4 การปิิบตั ิการทาเมนกู ุ้งบ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหรา่ ย) และเมนนู ้าสลดั เมล็ดชา
2.5 คุณค่าอาหารทางโภชนาการของเมนูกุ้งบ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหรา่ ย) และเมนนู า้ สลดั เมลด็ ชา
3. การบรหิ ารจดั การในการประกอบอาชีพการทาเมนูก้งุ บ่อมรกต (กุง้ เผาสาหรา่ ย) และเมนนู ้าสลัด
เมลด็ ชา
3.1 การจัดหาหรอื จดั ทาการบรรจหุ ีบหอ่
3.2 การคดิ ตน้ ทุน กาไรจากการจาหน่ายกุ้งบ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหรา่ ย) และน้าสลัดเมล็ดชา
3.3 ช่องทางการจดั การการตลาดของกงุ้ บ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหร่าย) และน้าสลัดเมลด็ ชา
กิจกรรมกำรเรยี นรู้ (6 ชัว่ โมง)
1. ขั้นกำรนำเขำ้ สบู่ ทเรียน
1.1 วิทยากรทักทาย และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับผู้เรียนเก่ียวกับประสบการณ์ด้านการ
ประกอบอาหารของผู้เรยี น
1.2 วิทยากรและผู้เรียนร่วมกันอธิบายประโยชน์ และคุณค่าทางโภชนาการจากวัตถุดิบและ
ส่วนผสมทใ่ี ช้ในการประกอบอาหาร โดยวทิ ยากรอาจมีการยกตัวอย่างอาหารท่ีผู้เรียนเคยมีประสบการณ์ใน
การทามาก่อน
1.3 วิทยากรอธิบายเชื่อมโยงความรู้จากการแลกเปล่ียนเรียนรู้ข้างต้น เพื่อนาเข้าสู่บทเรียน
เกยี่ วกับการประกอบอาหารสูตรพระราชทาน เมนกู ุง้ บ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหร่าย) และเมนนู า้ สลัดเมล็ดชา
26
2. ขัน้ กำรจดั กำรเรียนรู้
2.1 วิทยากรมอบหมายให้ผู้เรียนศึกษาความรู้จากสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่ปรากิอยู่ในแผนการ
จดั การเรยี นรู้
2.2 วิทยากรอธิบายรายละเอียดเก่ียวกับหลักโภชนาการ และคุณค่าทางอาหารที่คาดว่าจะ
ได้รบั จากการประกอบอาหารตามเมนูกุ้งบอ่ มรกต (กงุ้ เผาสาหรา่ ย) และเมนนู า้ สลดั เมล็ดชา
2.3 วทิ ยากรอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการเตรียมวัตถุดิบ ส่วนผสม เครื่องปรุง อุปกรณ์ และ
ขนั้ ตอนการประกอบอหารตามเมนกู ุ้งบ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหร่าย) และเมนนู า้ สลดั เมลด็ ชาให้ผเู้ รียนทราบ
2.4 วทิ ยากรสาธติ การเตรยี มวัตถุดิบ สว่ นผสม เครอื่ งปรุง และอปุ กรณ์ พรอ้ มสาธิตขั้นตอนการ
ประกอบอาหารตามเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนูน้าสลัดเมล็ดชา เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก
สภาพจรงิ
2.5 วิทยากรกาหนดให้ผู้เรียนลงมือปิิบัติ โดยการเตรียมวัตถุดิบ ส่วนผสม เคร่ืองปรุง และ
อุปกรณ์ พร้อมทั้งลงมือประกอบอาหารตามเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนูน้าสลัดเมล็ดชา
โดยวิทยากรเป็นผู้ให้คาปรึกษา สังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน พร้อมท้ังตอบข้อซักถาม กรณีท่ีผู้เรียนเกิด
ขอ้ สงสัยในขณะท่ลี งมือปิิบตั ิจริง
หมายเหตุ ควรมีการประสานงานร่วมกับผู้เรียนก่อนล่วงหน้า เพื่อการเตรียมความพร้อม หรือ
สถานศกึ ษาจัดให้มีการเตรียมความพร้อมเก่ียวกับวัตถุดิบ ส่วนผสม เคร่ืองปรุง และอุปกรณ์ ที่จะใช้ในการ
เรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนก่อน เพื่อเป็นการอานวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ที่เป็นไปตามแผนการจัดการ
เรยี นรู้
2.6 วิทยากรประเมินผลการประกอบอาหารตามเมนูยาพอกหัวเด็กโดยประเมินจากรูปลักษณ์
การตกแตง่ และรสชาติของอาหาร
2.7 วทิ ยากรให้ผู้เรยี นทาความสะอาด และจัดเก็บอปุ กรณ์ และส่ิงของต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องเก็บใน
พน้ื ทท่ี ี่กาหนด และตรวจสอบความเรียบร้อย
3. ข้นั สรปุ ผลกำรจัดกำรเรียนรู้
3.1 วทิ ยากรสุม่ ผูเ้ รยี น เพ่ือนาเสนอรายละเอยี ดเกี่ยวกับการเตรียมวัตถดุ ิบ ส่วนผสม เคร่ืองปรุง
และอปุ กรณ์ และขั้นตอนการประกอบอาหารตามเมนกู งุ้ บอ่ มรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนูน้าสลัดเมล็ดชา
และสรปุ ขอ้ มูลรว่ มกับผู้เรียน
3.2 วิทยากรสรุปความรู้เก่ียวกับอาหารและคุณค่าทางโภชนาการท่ีได้จากการประกอบอาหาร
เมนกู ุ้งบอ่ มรกต (ก้งุ เผาสาหรา่ ย) และเมนูน้าสลดั เมล็ดชา
3.3 วิทยากรแจกแบบทดสอบเพอ่ื วดั ความรใู้ นเชงิ ทฤษฎี (แบบทดสอบปรนยั /อตั นัย)
แผนกำรจดั กระบวนกำรเรียนร้หู ลักสตู รอำหำรสตู รพระรำชทำน เมนกู ุง้ บ่อ
หวั เรอ่ื ง จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ เนื้อหำ กำรจ
เร่อื งท่ี 1 ชอ่ งทำงกำรประกอบอำชพี กำรทำเมนกู ้งุ บอ่ มรกต (กุ้งเผำสำหรำ่ ย) และเมนนู ้ำส
1. ความเป็นมาของ อธิบายความเปน็ มาของ ความเปน็ มาของการทา วทิ ยาก
การทาเมนูก้งุ บ่อมรกต การทาเมนูกุ้งบ่อมรกต เมนกู งุ้ บ่อมรกต ของเม
(กุ้งเผาสาหร่าย) (กุ้งเผาสาหร่าย) (กงุ้ เผาสาหร่าย) (กุ้งเผา
และเมนูนา้ สลดั เมล็ดชา และเมนูน้าสลัดเมลด็ ชาได้ และเมนนู ้าสลดั เมลด็ ชา และเม
2. ความเปน็ ไปได้ 1. อธบิ ายทางเลือกในการ 1. การวางแผนเลือก วทิ ยาก
และการตัดสนิ ใจในการ ประกอบอาชีพได้ ประกอบอาชีพ ความเ
ประกอบอาชีพ 2. อธิบายองค์ประกอบ 2. องค์ประกอบ ปญั หา และกา
การทาเมนูกงุ้ บ่อมรกต ปญั หา และข้อแนะนาก่อน และข้อแนะนาก่อน ประกอ
(ก้งุ เผาสาหร่าย) และ ตดั สนิ ใจเลือกอาชีพได้ ตัดสินใจเลอื กอาชีพ เมนูกุ้ง
เมนนู ้าสลดั เมลด็ ชา 3. อธบิ ายหลักเกณฑ์ 3. หลกั เกณฑ์ และการ (กุ้งเผา
และการตัดสินใจเลือก ตดั สินใจเลือกอาชพี และเม
อาชีพได้ 4. การประเมิน
4. การประเมินความพร้อม ความพร้อมและ
และความเป็นไปได้ของ ความเป็นไปไดข้ องอาชพี
อาชพี ท่ตี ัดสนิ ใจเลอื กได้ ทตี่ ัดสนิ ใจเลอื ก
27
อมรกต (กุ้งเผำสำหร่ำย) และเมนนู ้ำสลดั เมลด็ ชำ
จัดกระบวนกำรเรยี นรู้ สอ่ื กำรเรยี นรู้ วัดและประเมนิ ผล เวลำเรียน
ทฤษฎี ปฏิบัติ
สลดั เมลด็ ชำ
กรอธบิ ายความเปน็ มา ใบความรู้ 1. สังเกตความสนใจ 10 นาที
2. ซักถาม 5 นาที
มนูกงุ้ บ่อมรกต ความเป็นมาของ 3. การมีสว่ นร่วม
4. ผลงาน/ชน้ิ งาน
าสาหร่าย) เมนกู งุ้ บ่อมรกต 5. ประเมินผลงาน
ผู้เรยี นโดยใชใ้ บงาน
มนนู า้ สลัดเมล็ดชา (ก้งุ เผาสาหร่าย) และ ทกี่ าหนด
เมนนู า้ สลัดเมลด็ ชา
กรอธิบาย 1. แบบทดสอบ
เปน็ ไปได้ ก่อนเรยี น
ารตัดสนิ ใจในการ 2. แบบทดสอบ
อบอาชีพการทา หลงั เรยี น
งบ่อมรกต
าสาหร่าย)
มนนู า้ สลัดเมล็ดชา
27
เรอื่ ง จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ เน้ือหำ กำรจัด
เรอื่ งที่ 2 กำรจัดกำรบวนกำรเรียนรู้ เมนูก้งุ บอ่ มรกต (กงุ้ เผำสำหรำ่ ย) และเมนนู ำ้ สลดั เมล
1. การทาเมนูกุง้ บ่อ อธิบายการทา การทาเมนูกงุ้ บ่อมรกต วทิ ยากร
มรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) เมนกู งุ้ บ่อมรกต (กุ้งเผาสาหรา่ ย) และเมนู เมนูกุง้ บ
และเมนนู ้าสลัดเมล็ดชา (กงุ้ เผาสาหร่าย) และเมนู น้าสลัดเมล็ดชา (กงุ้ เผาส
นา้ สลัดเมลด็ ชาได้ และเมน
2. วตั ถุดบิ วัสดุ อธิบายวสั ดุ อปุ กรณ์ วสั ดุ อปุ กรณ์ วทิ ยากร
อุปกรณ์และการเลอื กใช้ และเลอื กใช้ได้ และการเลือกใช้ และใหผ้
อย่างถูกต้อง การทาเม
(กงุ้ เผาส
นา้ สลดั เ
3. ขั้นตอนการทาเมนู อธบิ ายข้นั ตอนการทา ขน้ั ตอนการทา วิทยากร
กุ้งบ่อมรกต (กงุ้ เผา เมนกู ุง้ บ่อมรกต (กงุ้ เผา เมนกู งุ้ บ่อมรกต (กงุ้ เผา การทาเม
สาหรา่ ย) และเมนู สาหร่าย) และเมนนู ้าสลัด สาหร่าย) และเมนูน้าสลดั (กุ้งเผาส
นา้ สลดั เมลด็ ชา เมล็ดชาได้ เมลด็ ชา นา้ สลัดเม
4. การปิิบัติการทา ปิิบัติการทาเมนู การปิบิ ตั ิการทา 1. วิทยา
เมนกู ุ้งบ่อมรกต กงุ้ บอ่ มรกต (กุ้งเผา เมนกู ุง้ บ่อมรกต เมนูกุ้งบ่อ
(กงุ้ เผาสาหรา่ ย) และ สาหรา่ ย) และเมนนู า้ สลดั (กุ้งเผาสาหรา่ ย) สาหรา่ ย
เมนนู ้าสลัดเมล็ดชา เมล็ดชาได้ และเมนูนา้ สลัดเมลด็ ชา เมลด็ ชา
ลงมือปิ
ลงในใบง
2. วิทยา
แลกเปล
28
ดกระบวนกำรเรยี นรู้ ส่ือกำรเรียนรู้ วัดและประเมนิ ผล เวลำเรยี น
ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ
ลด็ ชำ
รอธบิ ายการทา ใบความรู้ วธิ กี ารทา 1. สังเกตความ 10 นาที
บ่อมรกต เมนกู งุ้ บ่อมรกต สนใจ 5 นาที
สาหร่าย) (กุ้งเผาสาหรา่ ย) และ 2. ซกั ถาม
นนู ้าสลัดเมล็ดชา เมนูน้าสลดั เมล็ดชา 3. การมสี ว่ นรว่ ม
รอธบิ ายวัสดุ อุปกรณ์ 4. ผลงาน/ชิ้นงาน
ผเู้ รยี นเลอื กใชใ้ น 1. สือ่ รูปภาพ 5. ประเมนิ ผลงาน
มนูกุ้งบ่อมรกต 2. ส่อื ของจริง ผู้เรยี นโดยใช้ใบงาน
สาหรา่ ย) และเมนู ทก่ี าหนด
เมลด็ ชา
รอธิบายขนั้ ตอน 1. ใบความรู้ วิธีการทา 10 นาที 4.30
มนูกุ้งบ่อมรกต เมนกู ุ้งบ่อมรกต ชัว่ โมง
สาหรา่ ย) และเมนู (กุ้งเผาสาหรา่ ย) และ
มล็ดชา เมนนู า้ สลดั เมล็ดชา
ากรสาธิตวิธีทา 2. แบบบันทกึ
อมรกต (กุ้งเผา การเรยี นร้ขู องผู้เรียน
ย) และเมนูนา้ สลัด หลกั สูตรอาหารสตู ร
และให้ผู้เรียน พระราชทาน
ิบิ ัตพิ ร้อมบันทึก เมนกู งุ้ บ่อมรกต
งาน (กงุ้ เผาสาหรา่ ย) และ
ากรและผู้เรียน เมนนู า้ สลดั เมล็ดชา
ลี่ยนเรยี นรู้
28
เรือ่ ง จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ เนอ้ื หำ กำรจัด
5. คณุ ค่าอาหารทาง อธบิ ายคณุ ค่าอาหาร คุณคา่ อาหารทาง 1. ผู้เรยี น
โภชนาการของ คุณค่าอา
โภชนาการของ ทางโภชนาการของ เมนกู ุ้งบ่อมรกต ของเมนูก
(ก้งุ เผาสาหรา่ ย) และ (กงุ้ เผาส
เมนกู ้งุ บ่อมรกต เมนกู ้งุ บ่อมรกต เมนูน้าสลัดเมล็ดชา เมนูนา้ ส
2. วิทยา
(กุ้งเผาสาหร่าย) (กุ้งเผาสาหรา่ ย) และ อภปิ ราย
เก่ียวกับ
และเมนูน้าสลัดเมลด็ ชา เมนูนา้ สลัดเมล็ดชาได้ โภชนาก
(กงุ้ เผาส
น้าสลัดเ
3. วทิ ยา
29
ดกระบวนกำรเรยี นรู้ ส่ือกำรเรียนรู้ วัดและประเมินผล เวลำเรยี น
ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ
นศึกษาใบความรู้ 1. ใบความรู้ คุณคา่ 5 นาที
าหารทางโภชนาการ อาหารทางโภชนาการ
กุง้ บ่อมรกต ของเมนูกงุ้ บ่อมรกต
สาหร่าย) และ (กุ้งเผาสาหรา่ ย) และ
สลัดเมล็ดชา เมนูนา้ สลัดเมลด็ ชา
ากรและผ้เู รียนรว่ มกนั 2. ประเด็นอภปิ ราย
ยแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ เมนกู ุ้งบ่อมรกต
บคุณค่าอาหารทาง (กงุ้ เผาสาหร่าย) และ
การเมนกู ุง้ บ่อมรกต เมนนู า้ สลดั เมลด็ ชา
สาหร่าย) และเมนู ให้คณุ ค่าอาหารทาง
เมลด็ ชา โภชนาการอยา่ งไร
ากรสรปุ องค์ความรู้
29
เร่ือง จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ เนือ้ หำ กำรจดั
เร่ืองที่ 3 กำรบริหำรจดั กำรในกำรประกอบอำชีพกำรทำกุ้งบ่อมรกต (กุง้ เผำสำหรำ่ ย) และ
1. การจัดหาหรือจัดทา จัดหาหรอื จัดทาบรรจุ การจดั หาหรอื จดั ทา วทิ ยากร
บรรจุหบี หอ่ หบี ห่อได้อยา่ งเหมาะสม บรรจหุ บี ห่อ จดั หาหร
2. การคดิ ตน้ ทุน กาไร คดิ ต้นทนุ กาไรจากการ การคดิ ต้นทนุ กาไร 1. วทิ ยา
จาหนา่ ยกุ้งบ่อมรกต วธิ ีการค
(กุง้ เผาสาหรา่ ย) 2. ใหผ้ ู้เร
และน้าสลดั เมลด็ ชาได้
3. ชอ่ งทางการจดั การ อธบิ ายช่องทางการ ชอ่ งทางการจดั การ วทิ ยากร
การตลาดของ จดั การการตลาดของ การตลาด เก่ียวกับ
กุ้งบ่อมรกต กุ้งบ่อมรกต
(กงุ้ เผาสาหร่าย) (ก้งุ เผาสาหรา่ ย)
และน้าสลัดเมลด็ ชา และนา้ สลดั เมลด็ ชาได้
30
ดกระบวนกำรเรียนรู้ ส่ือกำรเรียนรู้ วัดและประเมนิ ผล เวลำเรยี น
ทฤษฎี ปฏิบัติ
ะนำ้ สลดั เมล็ดชำ 1. สงั เกตความ 5 นาที 15 นาที
รอธิบายเทคนคิ การ 1. ใบความรู้ บรรจภุ ัณฑ์ สนใจ 5 นาที 15 นาที
รือจดั ทาบรรจหุ บี ห่อ 2. ตวั อยา่ งบรรจภุ ณั ฑ์ 2. ซกั ถาม
ากรให้ความรูเ้ กี่ยวกับ 1. ใบความรู้ 3. การมสี ่วนร่วม 5 นาที
คานวณตน้ ทุน กาไร การคานวณต้นทนุ 4. ผลงาน/ชน้ิ งาน
รยี นฝึกคิดตน้ ทุน กาไร กาไร 5. ประเมนิ ผลงาน
ผู้เรยี นโดยใช้ใบงาน
2. ใบงานการคิด ที่กาหนด
ต้นทุน กาไร
รแลกเปลยี่ นเรียนรู้ ใบความรู้ ชอ่ งทาง
บช่องทางการตลาด การตลาด
30
31
ใบควำมรู้
ควำมเป็นมำของเมนกู ุ้งบอ่ มรกต (กงุ้ เผำสำหรำ่ ย)
ควำมเปน็ มำ
พระราชนิพนธ์ครัวสระปทุม ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี มีใจความว่า “กุ้งแม่น้า สาหร่ายในคูข้างบ้านอาจารย์มนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ”
ซ่ึงเป็นการนากุ้งแม่นา้ ไปเผาบนหินที่วางด้วยสาหร่าย ทาให้เกิดความหอมมากย่ิงขึ้น
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดาริ
ให้ประชาชนคนไทย สืบสาน อนุรักษ์ รักษา ตอ่ ยอดการทาอาหารเพ่อื สุขภาพ เน่ืองจากสภาพวิถีการดารงชีวิต
ของประชาชนในปจั จุบันเปลย่ี นไป การรับประทานอาหารเพ่ือสุขภาพท่ีดี และสามารถป้องกันโรคได้ เพ่ือเป็น
การสนองพระราชดาริในการพัฒนาประชาชนให้มีทักษะความรู้ในด้านอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่
ความรับผิดชอบของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ในด้านการพัฒนาอาชีพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
ประชาชน ได้ตระหนกั ถงึ การบรโิ ภคอาหารทมี่ ีคณุ ค่า เป็นประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย และเล็งเห็นถึงความสาคัญของ
อาหารเพ่ือสุขภาพ เมนูอาหารสูตรพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี จงึ ไดด้ าเนนิ การจดั ทาหลกั สูตรเมนกู ุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน
ได้เรียนรู้วิธีการประกอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ที่ได้รับไปประกอบอาหร
บริโภคภายในครัวเรือน หรือนาไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ต่อไป
ภาพท่ี 24 : กงุ้ บ่อมรกต (กงุ้ เผาสาหรา่ ย)
โดย ศนู ยว์ งเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
32
ใบควำมรู้
วธิ ีกำรทำเมนูก้งุ บ่อมรกต (กุง้ เผำสำหร่ำย)
วัตถุดิบและส่วนผสม
กุ้งแมน่ า้ เนยละลาย เกลือ
5 ตัว 2 ช้อนโต๊ะ
สาหร่าย หนิ แกรนติ
ชนดิ แผน่ อุปกรณ์สาหรับเผากุ้ง
ภาพท่ี 25 : วัตถดุ ิบและส่วนผสมของเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย)
โดย ศูนย์วงเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์
ข้นั ตอนกำรทำเมนูกงุ้ บ่อมรกต (กงุ้ เผำสำหร่ำย)
1. เผาหนิ แกรนิตแบบทใี่ ช้ปถู นน (ไมข่ ัดมันถ้าเคยใชป้ ูถนนแลว้ จะดีเปน็ พเิ ศษ) บนเตาถ่านรอ้ นจัด
2. หยอดเนยลงไปบนหนิ ใหท้ ว่ั โรยด้วยเกลอื นาสาหร่ายทล่ี า้ งสะอาดแลว้ วางบนหนิ
3. วางกุ้งบนสาหร่าย กลบั ไปกลบั มาจนสุก แลว้ ผา่ กงุ้ ตามยาวออกเป็น 2 ซีก ยา่ งไฟอ่อน และหยอดเนย
ลงบนเนื้อกงุ้ ยกขึน้ เสิร์ฟทนั ทีรับประทานกบั ขา้ วสวย เสิรฟ์ ค่กู ับน้าจม้ิ ซฟี ูด้
33
รบั ประทานกบั ขา้ วสวย ใสน่ ้าปลา
มะนาว พริก กระเทียม
หมายเหตุ ไมต่ ้องเอาหนิ กลบั ไปปพู ้ืนอีก
ลา้ งใหส้ ะอาดแล้วเก็บไว้ใช้คราวตอ่ ไป
(มลู นิธิสมเด็จพระพันวสั สาอยั ยกิ าเจา้ วังสระปทุม, 2550)
เคลด็ ลบั
1. กุ้งท่ีนามาเผาจะต้องสด ให้เลือกกุ้งท่ีมีก้ามมีสีเหลืองนิด ๆ ก้ามไม่ใหญ่มาก เปลือกค่อนข้างแข็งแรง
ไมน่ มิ่ ไมเ่ ละ และออกสีเข้มเขียวใส ไม่คล้า ทสี่ าคญั ให้สังเกตดวู ่าหัวกุ้งติดแน่นกบั ตวั และไม่มกี ล่นิ คาว
2. เมื่อเผากุง้ ต้องจะต้องเผาแบบสกุ กาลังดี หากเผากงุ้ นานเกนิ ไป เนอ้ื กงุ้ จะกระดา้ งและเหนยี ว
3. ขั้นตอนการผ่ากุ้ง ต้องใช้มีดที่คมและใช้แรงผ่าลงไปท่ีตัวกุ้งในครั้งเดียว หากเฉือนไปมาจะทาให้
เนือ้ กงุ้ เละ และเนอื้ จะไม่ฟูเด้ง
34
ใบควำมรู้
ควำมเป็นมำของเมนูน้ำมนั สลดั เมลด็ ชำ
ควำมเปน็ มำ
พระราชนิพนธ์เมนพู ระราชทาน 60 พรรษา ในสมเดจ็ พระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ
สยามบรมราชกุมารี ทรงเมตตาพระราชทานสูตรอาหารน้าสลัดเมล็ดชา ซ่ึงน้ามันเมล็ดชารวมถึงน้ามันชนิดอ่ืน ๆ
ท่ีได้จากโครงการศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ามันและพืชน้ามัน มาประกอบเป็นส่วนหน่ึงของการทาเมนูน้าสลัด
เมล็ดชา และทรงสาธิตการทาอาหารด้วยพระองค์เองทุกข้ันตอน จะทรงเน้นว่าต้องปรุงง่าย มีคุณค่าทาง
โภชนาการ และท่ีสาคญั ต้องอรอ่ ยดว้ ย
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดาริ
ให้ประชาชนคนไทย สบื สาน อนุรกั ษ์ รกั ษา ตอ่ ยอดการทาอาหารเพอื่ สุขภาพ เนื่องจากสภาพวิถีการดารงชีวิต
ของประชาชนในปัจจบุ นั เปลี่ยนไป การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพท่ีดี และสามารถป้องกันโรคได้ เพื่อเป็น
การสนองพระราชดาริในการพัฒนาประชาชนให้มีทักษะความรู้ในด้านอาชีพ ซ่ึงสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่
ความรับผิดชอบของศูนย์วงเดือน อาคมสุรทัณฑ์ ในด้านการพัฒนาอาชีพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
ประชาชน ได้ตระหนกั ถึงการบริโภคอาหารที่มีคุณค่า เป็นประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย และเล็งเห็นถึงความสาคัญของ
อาหารเพื่อสุขภาพ เมนูอาหารสูตรพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี จึงได้ดาเนินการจัดทาหลักสูตรเมนูน้ามันสลัดเมล็ดชา เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เรียนรู้
วิธีการประกอบอาหารที่มคี ณุ คา่ ทางโภชนาการ และสามารถนาความรู้ท่ีได้รับไปประกอบอาหรบริโภคภายใน
ครัวเรือน หรอื นาไปประยุกต์ใชใ้ นการประกอบอาชพี สร้างรายได้ และพฒั นาคุณภาพชีวติ ให้ดขี ้นึ ตอ่ ไป
ภาพท่ี 26 : นา้ มนั สลัดเมลด็ ชา
โดย ศนู ยว์ งเดอื น อาคมสรุ ทัณฑ์
35
ใบควำมรู้
วธิ ีกำรทำเมนูนำ้ สลัดเมลด็ ชำ
วตั ถดุ บิ และส่วนผสม
นา้ มันเมลด็ ชา น้าสัมสายชูหมัก น้าตาลทรายแดง หอมแดงสบั ละเอยี ด
70 กรมั จากผลไม้ 60 กรัม 10 กรมั 10 กรัม
กระเทียมปน่ ละเอียด ใบออริการ์โน่ ใบไทม์ เกลอื
5 กรมั ¼ ช้อนชา ¼ ช้อนชา ¼ ช้อนชา
พรกิ ไทยป่น ผักสลดั กรีนโอค๊ แครอท กะหลา่ ปลีมว่ ง
¼ ชอ้ นชา 3 ตน้ 1 หวั 1 หวั
มะเขือเทศราชนิ ี แตงกวา ไขน่ กกระทา
200 กรัม 1 หัว 20 ใบ
ภาพที่ 27 : วัตถดุ ิบและส่วนผสมของเมนนู ้าสลดั เมลด็ ชา
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสุรทัณฑ์
36
ขั้นตอนกำรทำเมนนู ำ้ สลัดเมลด็ ชำ
1. ปอกเปลือกแครอท ให้สะอาดแล้วหั่นฝอย กะหล่าปลีม่วง หั่นฝอยให้สวยงาม เก็บไว้ในตู้เย็นช่อง
สาหรับเก็บผัก
2. ตม้ น้าใส่ไขน่ กกระทาลงไปต้มประมาณ 5 - 7 นาที
3. นานา้ มันเมล็ดชา นา้ ส้มสายชหู มักจากผลไม้มาผสมให้เข้ากนั
4. ใสน่ า้ ตาลทรายแดง คนให้ละลาย ใส่หอมแดงสับละเอียด กระเทียมป่น ใบออริกาโน่ ใบไทม์ เกลือ
พริกไทย คนส่วนผสมทงั้ หมดใหเ้ ขา้ กนั ประมาณ 30 นาที จะได้น้าสลัดเมล็ดชา
5. จดั จานเสรฟิ์ รับประทานผักสลดั พร้อมกับน้าสลดั เมล็ดชา
เคลด็ ลบั
1. การทาน้าสลัดเมล็ดชา ควรใส่กระปุกแกว้ ที่มฝี าปิดใสส่ ว่ นผสม เพื่อเขย่าสว่ นผสมให้เข้ากันได้เร็วขึ้น
2. ล้างผักสลัดกรีนโอ๊ค กะหล่าปลีม่วง มะเขือเทศราชินี ผ่ึงให้สะเด็ดน้าแล้วเก็บไว้ในช่องสาหรับเก็บผัก
เพอื่ ให้ผกั สดและกรอบอร่อยมากข้นึ
37
แบบบนั ทึกกำรเรยี นรขู้ องผูเ้ รยี น
หลักสตู รอำหำรสูตรพระรำชทำน เมนกู ุง้ บอ่ มรกต (กุ้งเผำสำหรำ่ ย) และเมนนู ำ้ สลดั เมลด็ ชำ
คำชี้แจง ให้ผู้เรียนจดบันทึกขั้นตอนการทาเมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย) และเมนูน้าสลัดเมล็ดชา
ระหว่างท่ีวทิ ยากรบรรยายลงในใบงาน
แบบบันทกึ
วตั ถดุ ิบและส่วนผสม
.............................................................................................. ................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................... ...............................................
.................................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
ขั้นตอนกำรทำ
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................................................... ..........
......................................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. .................................................
.......................................................................................................................................................... ....................
ขอ้ เสนอแนะ
................................................................................................. .............................................................................
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................................................................. ............................................
....................................................................................... .......................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
38
ใบควำมรู้
คุณค่ำทำงโภชนำกำรของเมนูกงุ้ บ่อมรกต (ก้งุ เผำสำหรำ่ ย) และเมนนู ำ้ สลัดเมลด็ ชำ
อาหารไทย มีรากเหง้ามาจากสังคมเกษตร ผูกพันกับธรรมชาติ วัตถุดิบท่ีนามาทาเป็นอาหารล้วนมา
จากธรรมชาติ ดังนั้นคุณสมบัติหลายประการของผลผลิตตามธรรมชาติมีอยู่เป็นจานวนมาก จากการสารวจ
คณุ คา่ ทางโภชนาการอาหารไทยของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า อาหารไทย ส่วนใหญ่ นอกจาก
จะมคี ุณคา่ ในสารอาหารหลกั อย่างคารโ์ บไฮเดรต โปรตีน ไขมันแล้ว ยังมีแร่ธาตุและวิตามินที่สาคัญต่อร่างกาย
รวมอีกด้วย อาทิ แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก วิตามินเอ เรตินอล แคโรทีน เป็นต้น เพ่ือให้ร่างกายได้รับ
สารอาหารไปใช้งานอย่างเตม็ ประสิทธิภาพ และเสริมสรา้ งความสมบูรณ์ให้สุขภาพ จึงต้องพิถีพิถีใส่ใจเร่ืองการ
รับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ โดยเน้นสารอาหารให้ครบถ้วนอาหารหลัก 5 หมู่เป็นประจาทุกม้ือ คุณค่า
อาหารรวมหมู่แบบน้ีจะหาไม่ได้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซ่งึ ประกอบด้วยสารอาหารท่มี ีประโยชนต์ ่อร่างกาย ดังนี้
กุ้งแม่น้ำ เป็นอาหารที่มีโปรตีนเยอะไม่แพ้เน้ือสัตว์ประเภทอื่น โดยกรดอะมิโนในกุ้งเป็นกรดอะมิโน
ท่ีจาเป็นต่อร่างกาย เนื่องจากกุ้งเป็นสัตว์น้าที่มีคอเลสเตอรอลต่า โปรตีนสูง จึงทาให้กรดอะมิโนที่ได้จากกุ้ง
เป็นชนิดย่อยง่าย ร่างกายนาไปใช้ประโยชน์ได้ทันที เม่ือเทียบกับโปรตีนที่ได้จากสัตว์ชนิดอื่น ไม่มีการสะสม
ในร่างกาย และยังมีสารคาโรทีนนอยด์ที่ชื่อว่าแอสตาแซนธินอยู่มาก ซ่ึงเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
ประสทิ ธภิ าพดี ทีช่ ่วยลดสัญญาณแหง่ วัยของผิวท่ีเกดิ จากแสงแดดและรงั สียูวเี อ
เนย มีสารอาหารที่มีประโยชน์อยู่หลายชนิด ช่วยบารุงร่างกายและป้องกันโรคบางชนิดได้
ช่วยเสริมสรา้ งความแขง็ แรงของกระดูก โดยช่วยเพ่ิมความหนาแน่นและมวลของกระดูก ซ่ึงอาจลดความเส่ียง
ของการเกิดโรคกระดูกพรุน เนยมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณท่ีพอเหมาะ จะช่วยเพ่ิมระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี
อาจลดความเสีย่ งของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลอื ดได้
เกลือ ปอ้ งกันการขาดสารไอโอดีน ไอโอดีนน้ันเป็นแร่ธาตุที่จาเป็นต่อร่างกาย เพราะมีความสาคัญต่อ
กระบวนการเมตาบอลิซ่ึม และการทางานของเซลล์ท่ีดีต่อสุขภาพ เมื่อร่างกายขาดไอโอดีนอาจทาให้เกิด
ความผดิ ปกติ เช่น คอพอก ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ต่า ท้องผกู และยังชว่ ยรกั ษาสุขภาพช่องปาก สามารถกาจัด
แบคทเี รียทีม่ ากเกินไปในช่องปากได้ ลดโอกาสท่ีจะเป็นโรคเหงอื กอกั เสบหรอื อาการปวดฟนั ได้
น้ำมันเมล็ดชำ มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดท่ีไม่ดี ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอ
วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระท่ีมีฤทธิ์สูงอย่าง
วติ ามนิ อแี ละสารคาเทชิน
ใบออริกำโน่ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคกระดูกพรุน ต่อต้านปรสิตและต่อต้านจุลินทรีย์
ชว่ ยย่อยอาหาร ควบคมุ ระดบั น้าตาลในเลอื ด มพี ลังต่อต้านมะเรง็ และความตงึ เครยี ดต่า
ใบไทม์ ลดอาการไอ ลดความดันโลหิตลง เพิ่มภูมิคุ้มกัน ปรับปรุงสุขภาพช่องปาก จัดการกับอารมณ์
ลดอาการปวดและอักเสบ รกั ษาสิวและปัญหาผวิ อ่นื ๆ
39
ใบควำมรู้
บรรจภุ ัณฑ์
บรรจภุ ณั ฑ์ (Packaging) คอื
จรูญ โกสีย์ไกรนิรมล กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ คือการนาเอาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติกแก้ว โลหะ ไม้
ประกอบเป็นภาชนะห่อหุ้ม สินค้า เพ่ือประโยชน์ในการใช้สอยที่มีความแข็งแรง สวยงามได้สัดส่วนท่ีถูกต้อง
สรา้ งภาพพจน์ทีด่ ีมีภาษาในการติดต่อส่ือสาร และทาใหเ้ กดิ ความพงึ พอใจจากผซู้ ื้อสินคา้
นิไกโด เคล็คเตอร์ (Nikaido Clecture) กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ เป็นเทคนิคที่ส่งเสริมการขายกับการ
ประสานประโยชน์ ระหว่างวัตถุกับภาชนะบรรจุ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการคุ้มครองในระหว่างการขนส่ง
และการเกบ็ รกั ษาในคลัง
ส่วนหนึง่ ของกระบวนการทางการตลาด โดยเฉพาะปัจจบุ ันทีก่ ารผลิตสินค้า หรือบริการได้เน้นหรือให้
ความสาคัญกับผู้บริโภค (Consumer Oriented) งานเทคนิคที่ต้องอาศัยความชานาญ ประสบการณ์ และ
ความคิดสร้างสรรค์ ในอันท่ีจะออกแบบและผลิตหีบห่อให้มีความเหมาะสมกับสินค้าที่ผลิตขึ้นมาให้ความ
คมุ้ ครองสนิ ค้าหอ่ หมุ้ สนิ ค้า ตลอดจนประโยชน์ ใช้สอย เชน่ ความสะดวกสบายในการหอบหิ้ว พกพา หรือการ
ใช้งาน เป็นต้น กลุ่มของกิจกรรมในการวางแผนเกี่ยวกับการออกแบบการผลิตภาชนะบรรจุ หรือส่ิงหุ้มห่อ
สินค้าบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งท่ีมีความเก่ียวพันอย่างใกล้ชิดกับฉลาก (Label) และตราย่ีห้อ (Brandname)
ผลรวมของศาสตร์ (Science) ศิลป์ (Art) และเทคโนโลยีของการออกแบบ การผลิตบรรจุภัณฑ์สาหรับสินค้าเพ่ือ
การขนส่ง และการขาย โดยเสียค่าใช้จ่ายท่ีเหมาะสม การใช้เทคโนโลยีและเศรษฐศาสตร์เพื่อหาวิธีการรักษา
สภาพเดิมของสินค้าจนกว่าจะถึงมือผู้บริโภคคนสุดท้าย เพ่ือให้ยอดขายมากท่ีสุดและต้นทุนต่าสุด กิจกรรม
ทัง้ หมดทเ่ี กย่ี วขอ้ งกับการออกแบบ และผลิตรูปร่างหน้าตาของภาชนะบรรจุ ส่ิงห่อหุ้มตัวผลิตภัณฑ์หรือบรรจุ
ภณั ฑ์ การนาเอาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ ไม้ ประกอบเป็นภาชนะหุ้มห่อสินค้า เพื่อประโยชน์
ในการใช้สอย มคี วามแขง็ แรง สวยงาม ไดส้ ัดส่วนที่ถูกตอ้ ง สรา้ งภาพพจนท์ ด่ี ี มีภาษาในการติดต่อสื่อสาร และ
ทาใหเ้ กดิ ผลความพึงพอใจจากผู้ซอ้ื สนิ ค้า
ส่ิงห่อหุ้มหรือบรรจุภัณฑ์ รวมทั้งภาชนะที่ใช้เพื่อการขนส่งผลิตภัณฑ์จากแหล่งผู้ผลิตไปยังแหล่ง
ผู้บริโภค หรือแหล่งใช้ประโยชน์ หรือวัตถุประสงค์เบ้ืองต้นในการป้องกัน หรือรักษาผลิตภัณฑ์ให้คงสภาพ
ตลอดจนคุณภาพใกล้เคยี งกันกบั เมอื่ แรกผลิตใหม้ ากที่สุด
จากความหมายสรุปได้ว่าบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การนาวัสดุ เช่น กระดาษ พลาสติก แก้ว โลหะ ไม้
นามาประกอบเปน็ ภาชนะหอ่ หุ้มผลติ ภัณฑ์ เพ่อื ความสวยงาม มีคุณค่า และมีประโยชน์ในการใช้สอย ส่งผลให้
ผลิตภณั ฑ์ดงึ ดูดความสนใจ และทาใหเ้ กิดความพึงพอใจจากผ้บู รโิ ภค
วตั ถุประสงค์หลักของบรรจุภณั ฑ์ (Objectives of Package)
1. เพอื่ ปอ้ งกนั ผลติ ภณั ฑ์ (To Protect Products) สามารถปอ้ งกันรกั ษาผลิตภัณฑ์ไม่ให้เสียหาย
2. เพอื่ จาหนา่ ยผลติ ภัณฑ์ (To Distribute Products) สะดวกกบั การใช้งาน และเพิม่ มูลค่าทางเศรษฐกิจ
3. เพ่อื โฆษณาประชาสัมพนั ธผ์ ลิตภัณฑ์ (To Promote Products) ดงึ ดูดความสนใจผบู้ ริโภค
กำรออกแบบบรรจภุ ณั ฑ์
กูด (Good) กล่าวว่า การออกแบบ เป็นการวางแผนหรือกาหนดรูปแบบรวมทั้งการตกแต่งใน
โครงสร้างรปู ทรงของงานศลิ ปะ ทัศนศิลป์ ดนตรี ตลอดจนวรรณกรรม
40
วิรุณ ตั้งเจริญ กล่าวว่า การออกแบบ หมายถึงการวางแผนสร้างสรรค์รูปแบบ โดยการวางแผนจัด
สว่ นประกอบของ การออกแบบใหส้ มั พนั ธก์ ับประโยชน์ใชส้ อยวสั ดุและการผลิต
จากความหมายสรุปได้ว่าการออกแบบบรรจุภัณฑ์ หมายถึง การกาหนดรูปแบบและโครงสร้างของ
บรรจุภัณฑ์ให้สัมพันธ์กับหน้าที่ใช้สอยของผลิตภัณฑ์ เพ่ือการคุ้มครอง ป้องกันไม่ให้สินค้าเสียหาย และเพิ่ม
คุณค่าด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค โดยอาศัยท้ังศาสตร์และศิลป์ในการสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับ
ผลติ ภัณฑ์
บรรจุภัณฑก์ ับอำหำรและขนม
1. บรรจุภัณฑ์มีบทบาทสาคัญ และมีอัตราการเจริญเติบโตมากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนา
อุตสาหกรรมอาหาร
2. บรรจุภัณฑ์มีหน้าที่สาคัญ ในการยืดอายุเพ่ือการเก็บรักษา และรักษาคุณภาพอาหารและขนม
(รสชาติ กลน่ิ สี รปู ลักษณ)์
3. บรรจุภัณฑ์มีส่วนในการสร้างรูปลักษณ์ทางการตลาดที่แตกต่าง สร้างมูลค่าเพ่ิมให้แก่ผลิตภัณฑ์
และใชเ้ ป็นส่ือโฆษณา นอกจากนยี้ ังมีบทบาทสาคัญในด้านการอานวยความสะดวกสาหรับการขนส่งผลิตภัณฑ์
สาหรับการเลือกบรรจุภัณฑ์ สิ่งท่ีต้องคานึงถึง คือ การเลือกซ้ือวัสดุท่ีจะใช้ในการบรรจุหีบห่อท่ี
เหมาะสมกับผลิตภณั ฑ์ ให้เกดิ ความสวยงาม และเป็นท่ีสนใจของผู้บรโิ ภค ดงั นี้
1. บรรจุภัณฑ์กระดาษ ปัจจุบันนิยมใช้กันเป็นจานวนมาก และยังมีให้เลือกหลากหลายชนิด วัสดุท่ี
นามาผลิตได้แก่เยื่อกระดาษ ซึ่งมีท้ังเย่ือกระดาษคุณภาพสาหรับบรรจุภัณพ์อาหาร และเคร่ืองด่ืม เช่น แก้ว
กระดาษ ถ้วยกระดาษ กล่องข้าวที่สามารถย่อยสลายได้ ส่วนเย่ือกระดาษรีไซเคิล ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ประเภท
กล่องลกู ฟกู ถาดไข่ หรือถาดรองแกว้ กาแฟ
ภาพที่ 28 : บรรจภุ ณั ฑ์กระดาษ
ที่มา http://www.warehouse69.net/product
2. บรรจุภัณฑ์พลาสติก แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ พลาสติกคงรูป และพลาสติกอ่อนตัว มีการ
นามาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ขวดพลาสติก ถ้วย และถาดพลาสติก และสามารถบรรจุอาหารร้อน
อาหารสด และอาหารแชแ่ ข็ง
41
ภาพที่ 29 : บรรจภุ ณั ฑ์พลาสตกิ
ทีม่ า http://www.bsrungsiam.co.th/web/product.html
3. บรรจุภัณฑ์โลหะ เป็นบรรจุภัณฑ์ท่ีใช้มาเป็นระยะเวลานาน ปัจจุบันยังได้นามาใช้งานอยู่ ลักษณะ
ของบรรจุภัณฑ์ที่ทามาจากโลหะนั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ป่ินโต กระป๋องเคร่ืองดื่ม หรืออาหารสาเร็จรูป
ถังหูห้วิ หลอดเครือ่ งสาอาง อลูมเิ นยี มฟอยล์ หรืออลมู ิเนยี มแผ่นเปลว และกระปอ๋ งฉีดพน่ ตา่ ง ๆ
ภาพท่ี 30 : บรรจภุ ัณฑป์ ิ่นโต
โดย ศนู ย์วงเดอื น อาคมสรุ ทัณฑ์
4. บรรจุภัณฑ์แก้ว มีลักษณะใส มีความสวยงาม สามารถเห็นผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจน แต่มีข้อเสีย คือ
แตกหักง่าย บรรจุภัณฑ์แก้วจึงต้องใช้คู่กับเย่ือกระดาษข้ึนรูป หรือ กระดาษรังไข่ (Pulp mold) เพื่อป้องกัน
การแตกร้าว บรรจุภัณฑ์แก้วที่นิยมผลิตและใช้กันมีอยู่ 3 สี คือ สีใส เช่น ขวดแก้ว ขวดน้าหอม ขวดน้าพริก
ขวดแยม เปน็ ตน้ สอี าพนั นยิ มใช้ทาขวดยา และขวดเบียร์ ซ่ึงเป็นสีท่ีสามารถป้องกันการเกิดปิิกิริยาเวลาถูก
แสงแดดหรือความรอ้ นได้ และสเี ขียว ลักษณะจะคลา้ ยกบั สีอาพัน ใชก้ บั ประเภทเครือ่ งดมื่
42
ภาพท่ี 31 : บรรจุภัณฑแ์ ก้ว
ทม่ี า http://thislovegift.lnwshop.com/product
5. บรรจภุ ณั ฑจ์ ากวสั ดธุ รรมชาติ เปน็ บรรจุภัณฑ์ท่ีออกแบบและประดิษฐ์ขึ้นมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใน
การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม โดยช่วยลดปริมาณขยะและย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ จึงไม่เป็นอันตรายต่อ
สิง่ แวดลอ้ ม นอกจากน้ียงั ประหยัดค่าใช้จ่าย เมอ่ื เลอื กใชว้ ัสดธุ รรมชาติทมี่ ีมากในทอ้ งถ่ิน หรอื วสั ดุท่ีสามารถนา
กลับมาใช้ใหม่ได้ บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ วัสดุประเภทเส้นใย
ซึ่งก่อนนามาสานเป็นบรรจุภัณฑ์ต้องผ่านการแปรสภาพด้วยการตากแห้ง ฟอกขาว เช่น กล้วย หวาย เตย
ปาหนัน กก กระจูด ผักตบชวา เป็นต้น วัสดุที่แปรรูปเป็นแผ่น และรูปทรงต่าง ๆ เช่น กระดาษ เป็นต้น และ
วัสดปุ ระเภทไม้ เชน่ ไมส้ ัก ไมไ้ ผ่ ไมม้ ะขาม เป็นต้น
ภาพท่ี 32 : บรรจุภณั ฑ์จากวัสดธุ รรมชาติ
โดย ศนู ย์วงเดือน อาคมสรุ ทัณฑ์