The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Sureerat Homsuwan, 2022-06-27 05:23:20

เมนูกุ้งบ่อมรกต (กุ้งเผาสาหร่าย)และเมนูน้ำสลัดเมล็ดชา

หลักสูตรอาหารสูตรพระราชทาน

43

ใบควำมรู้
กำรคำนวณตน้ ทนุ กำไร

การคานวณต้นทุนเป็นส่วนหน่ึงของระบบบัญชีและการเงินของการดาเนินงานธุรกิจ เป็นการบันทึก
การวัดผล และรายงานข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนของสินค้าของกิจการโดยทั่วไป การคานวณต้นทุนจะใช้เวลา
และลงรายละเอียดมากในกิจการท่ีผลิตสินค้า แต่ไม่ได้ใช้กับกิจการบางประเภท เช่น กิจการขายส่ง ขายปลีก
ร้านอาหารหรือบริการต่าง ๆ ไม่มีความสาคัญในการท่ีต้องคานวณต้นทุน การคานวณต้นทุนสามารถนาไป
ใช้ได้ในทุกกิจการเพราะมคี วามสาคัญต่อการบรหิ ารจดั การธรุ กจิ ดังนี้

1. เพื่อใหท้ ราบถงึ ตน้ ทนุ การผลติ และต้นทนุ ขายของธุรกิจ
2. เพ่อื สามารถนาตน้ ทนุ ท้งั หมดของกิจการมาเปรียบเทียบกับรายได้จากการขาย เพ่ือจะได้ทราบว่ามี
กาไรหรือขาดทนุ ในการขายสินคา้
3. เพอ่ื คานวณหรือตรี าคาสนิ คา้ คงเหลือท่ขี ายได้ไมห่ มดวา่ มีมลู ค่าคงเหลือเทา่ ไหร่
4. เพ่ือใช้ในการวางแผนและควบคุมการซ้ือสินค้า และจัดทางบประมาณในการซื้อสินค้า รวมทั้ง
ตอ่ รองราคากับผขู้ ายวัตถดุ ิบ
5. เพ่ือใช้ในการตัดสินใจว่าสินค้าใดควรขายต่อไป และสินค้าใดควรเลิกขาย (ในกรณีท่ีผู้ผลิตมีสินค้า
หลายชนิด)

ต้นทุนแบง่ ออกได้เป็น 2 ลกั ษณะ
1. ต้นทุนผันแปร คือต้นทุนท่ีผันแปรตามจานวนหน่วยที่ผลิตหรือขาย เช่น วัตถุดิบ ค่าแรงทางตรง

ค่าใช้จา่ ยในการผลติ ทางตรง เปน็ ต้น
2. ต้นทุนคงที่ คือต้นทุนท่ีเกิดขึ้นไม่ว่ากิจการจะได้ขายสินค้าหรือไม่ ต้นทุนน้ีจะไม่เปลี่ยนแปลงตาม

จานวนหน่วยทีผ่ ลิตหรือขาย เชน่ เงินเดือนพนกั งานหนา้ ร้าน คา่ เชา่ รา้ น คา่ เสื่อมราคา คา่ ประกนั ภยั เปน็ ตน้
ดังนั้น ต้นทุนการผลิตจะประกอบไปด้วยวัตถุดิบ + ค่าแรงงาน + ค่าใช้จ่ายในการผลิต ซึ่งทั้งสาม

รายการนี้เป็นเพียงส่วนของการผลิตเท่านั้น หากจะคิดต้นทุนรวมของสินค้าจาเป็นต้องนาค่าใช้จ่ายในการขาย
และดาเนินการมารวมด้วย เช่น เงินเดือน ค่าคอมมิชช่ันพนักงานขาย ค่าแรงพนักงานขายหน้าร้าน ค่าการตลาด
(โฆษณา แผ่นพับ) ค่าเช่าสานักงานและร้าน ค่าไฟฟ้าและน้าประปา ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ามันรถ ดอกเบี้ย
ค่าเช่ารถ ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด เป็นต้น เพื่อการคานวณต้นทุนให้ใกล้เคียงความจริง หากคานวณเฉพาะวัตถุดิบ
คา่ แรงงาน และค่านา้ ค่าไฟฟา้ กอ็ าจทาให้ได้ต้นทุนสินค้าท่ีน้อยกว่าความเป็นจริง และมีผลทาให้ต้ังราคาขาย
ทีต่ ่าไป และอาจทาให้ขาดทุนได้

การคานวณแบบง่ายเหมาะกับผู้ประกอบการรายเล็กท่ีมีสินค้าหรือผลิตภัณฑ์น้อยชนิด ซ่ึงเหมาะกับ
การคานวณสินค้าประเภท OTOP ท่มี คี วามชดั เจนในเรื่องการใช้วัตถุดิบ ค่าแรงงานต่อรอบ การผลิต และไม่มี
การเก็บสต๊อกวัตถุดิบไว้ การคานวณจาเป็นต้องคิดเพ่ือให้ทราบถึงต้นทุนผลิตต่อหน่วย และนาต้นทุนผลิตไป
รวมกบั ค่าใชจ้ ่ายในการดาเนนิ การ เพือ่ ให้ทราบถึงต้นทุนรวมของสินคา้ อีกคร้ังหน่ึง

44

ตัวอย่ำง กำรคดิ ต้นทนุ กำไร กำรผลิต และค่ำใชจ้ ำ่ ยในกำรทำเมนยู ำพอกหัวเดก็

วัน เดือน ปี รำยกำร จำนวนสิง่ ของ จำนวนเงิน หมำยเหตุ
(บำท)
1,000 กรมั
คำ่ ใชจ้ ่ำย (ต้นทุน) 200 กรัม การกาหนดราคา
100 กรัม
ผกั โขม 1 ขวด 75.- ขาย คิดจากตน้ ทนุ
นมขน้ จืด 45.- + กาไรท่ีต้องการ
เนยสด 1 ถุง
พรกิ ไทยปน่ 65 ช้นิ 95.-
เกลือปน่ 125 กรมั
ขนมปงั 30.-
เนยแขง็ ขูด -
1 มกราคม ค่าเบด็ เตล็ด (ค่าไฟฟ้า 1 คน 5.-
2565 คา่ นา้ ค่าแกส๊ และอื่น ๆ)
ค่าแรง 30% ตอ่ ชน้ิ 100 ชิน้ ๆ ละ 220.-
รวมคำ่ ใช้จำ่ ย 15.- บาท
รำยได้ 130.-

ขายยาพอกหัวเด็ก 200.-

200.-
1,000.-

1,500.- กำไร 500.- บำท

การกาหนดราคาขายต่อหน่วย ดังน้ี
1. กาหนดกาไรท่ตี ้องการได้จากต้นทนุ X (กาไรที่ต้องการหารด้วย 100)
ตวั อยำ่ งเช่น
ขายยาพอกหัวเดก็ จากตน้ ทนุ 1,000.- บาท ตอ้ งการกาไรรอ้ ยละ 50
ดังน้ัน กาไรทต่ี ้องการ = 1,000.- X 50 หาร 100 = 500.- บาท
2. การกาหนดราคาขายต่อหน่วย ไดม้ าจากตน้ ทุน + กาไร หารดว้ ยจานวนหน่วย
ตัวอยำ่ ง
ทายาพอกหวั เด็กได้ 100 ช้ิน จากต้นทนุ 1,000.- บาท และกาไรทต่ี อ้ งการ 500.- บาท
ฉะนัน้ ราคาขายตอ่ ชน้ิ = 1,000.- บาท + 500.- บาท หารดว้ ย 100 ชนิ้ = 15.- บาท

45

ตวั อยำ่ ง กำรคิดตน้ ทุน กำไร กำรผลติ และคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรทำเมนูผกั โขมปน้ั ก้อนอบ

วัน เดอื น ปี รำยกำร จำนวนส่งิ ของ จำนวนเงนิ หมำยเหตุ
(บำท)
1,000 กรมั
ค่ำใช้จ่ำย (ตน้ ทุน) 1,000 กรัม การกาหนดราคา
100 กรมั
ผกั โขม 75.- ขาย คดิ จากตน้ ทุน
เน้ือไก่ 1 ขวด 78.- + กาไรทต่ี ้องการ
เนยสด 1 ถุง
พรกิ ไทยป่น 1 ถงุ 95.-
เกลอื ป่น 2,000 กรัม
เกล็ดขนมปงั 30.-
มันฝรัง่ -
1 มกราคม คา่ เบ็ดเตล็ด (ค่าไฟฟ้า 1 คน 5.-
2565 ค่าน้า คา่ แก๊ส และอน่ื ๆ)
ค่าแรง 30% ต่อช้นิ 100 ช้ิน ๆ ละ 53.-
รวมคำ่ ใชจ้ ำ่ ย 15.- บาท
รำยได้ 114.-

ขายผกั โขมปนั้ กอ้ นอบ 200.-

200.-
850.-

1,500.- กำไร 425.- บำท

การกาหนดราคาขายต่อหนว่ ย ดังนี้
1. กาหนดกาไรทต่ี ้องการได้จากต้นทนุ X (กาไรที่ต้องการหารดว้ ย 100)
ตัวอยำ่ งเช่น
ขายผักโขมปน้ั กอ้ นอบจากตน้ ทุน 850.- บาท ต้องการกาไรร้อยละ 50
ดังน้นั กาไรทต่ี ้องการ = 850.- X 50 หาร 100 = 425.- บาท
2. การกาหนดราคาขายต่อหนว่ ย ไดม้ าจากตน้ ทุน + กาไร หารด้วยจานวนหน่วย
ตวั อย่ำง
ทาผกั โขมปน้ั ก้อนอบได้ 100 ช้ิน จากต้นทุน 850.- บาท และกาไรทีต่ ้องการ 425.- บาท
ฉะนน้ั ราคาขายต่อชิ้น = 850.- บาท + 425.- บาท หารดว้ ย 100 ชน้ิ = 12.75.- บาท

หมำยเหตุ
การกาหนดกาไรท่ีต้องการข้ึนอยู่กับสิ่งเหล่าน้ีด้วย เช่น ราคาตลาด ลักษณะของสินค้าและบริการ

เป็นสินค้าหายาก เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม หรือมีฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวข้องสามารถกาหนดกาไรท่ีต้องการให้สูงขึ้นได้
การตั้งราคาให้สามารถแข่งขันได้นั้นต้องอยู่บนพ้ืนฐานความสมดุลระหว่างความพึงพอใจของผู้ซ้ือและผู้ขาย
ถา้ สินค้าโดยทั่วไปมีขายกนั แพรห่ ลาย มีคแู่ ข่งมากต้องกาหนดกาไรให้น้อยลง

46

ใบงำน
กำรคิดตน้ ทนุ กำไร

ผู้เรยี น/กลุ่ม..................................................................................................................................................

เร่ือง..............................................................................................................................................................

วนั เดือน ปี รำยกำร จำนวนสงิ่ ของ จำนวนเงิน หมำยเหตุ

(บำท)

ค่าใช้จา่ ย (ต้นทนุ ) 1. ใหก้ าหนดกาไรที่

.................................................. ต้องการ คดิ เป็น

.................................................. ร้อยละก่อน

.................................................. 2. แล้วคานวณหาราคา

.................................................. ต่อหนว่ ยจึงจะทราบ

.................................................. รายได้

.................................................. 3. นารายได้ที่ได้

.................................................. มาใส่ลงในตาราง

..................................................

..................................................

..................................................

..................................................

รวมค่ำใช้จ่ำย

รายได้จากการขาย
..................................................
..................................................
..................................................
..................................................
..................................................
..................................................
..................................................
..................................................

รวมรำยได้
1. กาไรทตี่ ้องการ = ตน้ ทนุ x ( ร้อยละของกาไรทต่ี ้องการหารด้วย 100 )

2. กาหนดราคาขายต่อหนว่ ย = ตน้ ทุน + กาไร = ____________
จานวนหน่วย

47

ใบควำมรู้
ชอ่ งทำงกำรตลำด

ช่องทางการตลาด เป็นส่วนสาคัญในการดาเนินธุรกิจ ช่องทางการตลาดหรือช่องทางการจัดจาหน่าย
มีความหมายเดียวกันซึ่งเป็นหนึ่งใน 4P ของส่วนประสมการตลาด (Marketing mix) ที่นักการตลาดนิยมนาส่วน
ประสมท้ังส่ีมาวางเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดและการขายในยุคปัจจุบัน ดังนั้น ช่องทางการจัดจาหน่าย
(Marketing channel) จึงถูกเข้ารวมอยู่ใน P=Place คือสถานท่ีขาย แหล่งขาย ช่องทางการขายสินค้า ซ่ึงสินค้า
แต่ละชนิดอาจมีช่องทางขายท่ีแตกต่างกันไป สินค้าอุปโภคมีช่องทางการขายผ่านร้านสะดวกซ้ือ อาหารสด
มีช่องทางการขายหน้าร้านหรือหน้าบ้านของผู้ผลิต อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้าสาเร็จรูปอาจใช้ช่องทางการ
ขายไดห้ ลายช่องทาง เช่น ขายทางออนไลน์ ขายหน้าร้านตนเอง ขายในตลาดนดั ขายในห้างสรรพสนิ ค้า เปน็ ตน้

1. กำรเลือกสถำนท่ีขำยหรือทำเลทตี่ ั้ง
1.1 ควำมสำคัญของกำรเลือกท่ีตง้ั
การตัดสินใจเลือกสถานท่ีขายหรือทาเลที่ต้ัง เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์เน่ืองจากมีผลกระทบต่อ
ธุรกิจในระยะยาว โดยเฉพาะต่อความได้เปรียบในเชิงแข่งขันทางธุรกิจและจะมีผลต่อความสาเร็จของธุรกิจ
ซง่ึ ผ้ปู ระกอบการต้องพิจารณาถงึ กลยุทธท์ ่ตี ัง้ ของธรุ กิจทม่ี ีความสาคัญต่อการดาเนินงาน 2 กลยทุ ธ์สาคญั ได้แก่

1.1.1 กลยุทธ์ที่ต้ังตำมพ้ืนท่ี เป็นแนวทางในการกาหนดให้ที่ตั้งแต่ละแห่งรับผิดชอบพื้นท่ี
แต่ละส่วน โดยต้องผลิตสินค้าและบริการทุกอย่างสาหรับพื้นที่นั้น ๆ ซึ่งธุรกิจท่ีเลือกใช้กลยุทธ์ที่ตั้งตามพื้นที่
มกั เป็นธุรกจิ คา้ ปลกี หรือบรกิ าร

1.1.2 กลยุทธ์ท่ีตั้งตำมผลิตภัณฑ์ เป็นแนวทางในการกาหนดให้ที่ต้ังหนึ่งแห่งทาการผลิต
สนิ ค้าเพียงหน่งึ อย่าง โดยยดึ หลักของความสาคัญของวัตถุดบิ ทีม่ ีในพนื้ ท่ี

1.2 หลักเกณฑใ์ นกำรเลือกสถำนที่ทำเลที่ตงั้
การตัดสินใจเลือกสถานท่ีทาเลท่ีต้ัง เป็นกระบวนการท่ีมีความสลับซับซ้อนมากข้ึนเมื่อโลกก้าวเข้าสู่
ยุคโลกาภิวัตน์ อีกท้ังธุรกิจขนาดย่อมจานวนมากได้มีการเติบโตขึ้น และได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ดังน้ัน
ผู้ประกอบการควรพิจารณาถึงความจาเป็นท่ีมีลักษณะเฉพาะเจาะจงสาหรับกิจการควบคู่กันไปในแต่ละ
สถานการณ์ ดงั นี้

1.2.1 ควำมพงึ พอใจส่วนบุคคล โดยที่ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งมักจะพิจารณาต้ังกิจการของ
ตนเองในชุมชนท่ีตนอาศัยอยู่เป็นทาเลในการประกอบการ อย่างไรก็ตามในแง่ของการดาเนินธุรกิจไม่ได้
หมายความวา่ จะมีเพยี งพนื้ ที่ ซ่ึงตนเองมีความเคยชินเท่านั้นที่เหมาะสมต่อการต้ังกิจการเพราะผู้ประกอบการ
ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ จากสิ่งเหล่านี้ได้ไม่ว่าจะเป็นในด้านภาพลักษณ์ส่วนตัว การได้รับ
ความเช่ือถือหรือการยอมรับจากสังคมและอาศัยประโยชน์จากความคุ้นเคย ความสามารถในการอ้างอิงกับ
บุคคลต่าง ๆ ภายในชุมชนทเ่ี ก่ียวขอ้ งกบั กิจการของผูป้ ระกอบการมากขึน้

1.2.2 ควำมได้เปรียบด้ำนต้นทุน โดยเฉพาะค่าแรงหรือค่าวัตถุดิบในพ้ืนท่ี ที่มีต้นทุนในการ
ดาเนินธุรกิจต่าซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายในการลงทุนในช่วงเริ่มต้นของกิจการท่ีจะช่วยลดต้นทุน
การผลติ ให้ตา่ ลง

48

1.2.3 ควำมสำมำรถในกำรจัดกำรทรัพยำกร เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายในการ
ดาเนนิ งานทั้งในระยะสัน้ และระยะยาว เนือ่ งจากทักษะประสบการณ์ของแรงงานจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับ
ผลิตผลและคุณภาพในกระบวนการผลิตของผลิตภัณฑ์ความย่ังยืนของแรงงานในท้องถ่ินมีผลกระทบต่ออัตรา
ค่าจ้าง ซึ่งถือเป็นต้นทุนท่ีสาคัญผู้ประกอบการจะต้องคานึงถึงอยู่เสมออีกทั้งแหล่งท่ีตั้งต้องมีความใกล้กันกับ
วัตถดุ บิ และความสามารถในการขนสง่ ทธ่ี รุ กจิ ต้องมีการบริหารจดั การอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

1.2.4 กำรเข้ำถงึ ลูกค้ำ ธุรกิจขนาดย่อมยุคปัจจุบันต้องให้ความสาคัญผันแปรแหล่งที่ต้ังของ
ธุรกจิ ไปตามประเภทของกจิ การ เชน่ ธุรกจิ ค้าปลีกและบรกิ ารตอ้ งมรี ายละเอียดของสถานที่แสดงสินค้าบริการ
และรูปแบบ ดังนั้น การเลือกสถานท่ีหรือทาเลท่ีตั้งต้องใกล้ชิดกับลูกค้าและอานวยความสะดวกต่อการเข้ามา
ตดิ ต่อและถอื เป็นปัจจยั ทีม่ ผี ลต่อความสาเรจ็ ของกิจการ

ดังนั้น เกณฑ์การเลือกสถานท่ีหรือทาเลท่ีต้ัง ผู้ประกอบการต้องตัดสินใจก่อนว่าจะเลือกดาเนินธุรกิจ
ในชุมชน หมายถึง จังหวัดหรืออาเภอก่อนจึงทาการตัดสินใจข้ันสุดท้ายคือการเลือกบริเวณที่ตั้งจากหลาย ๆ
พืน้ ท่ภี ายในชุมชน ซ่งึ เปน็ การระบุถงึ ตาแหน่งของท่ีต้ังอย่างละเอียด

2. กำรจัดและตกแต่งหนำ้ รำ้ น
ส่วนใหญ่ร้านขายสินค้ามักจะมีผู้ขายซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเอง หรือบางร้านอาจมีการจ้างพนักงาน
ขายของ โดยเฉพาะเพอื่ ทาหน้าท่ีเอาใจใส่ดูแล และแนะนาให้คาอธบิ ายต่าง ๆ แก่ลูกค้าหากเป็นร้านขนาดใหญ่
มีสินคา้ หลายชนดิ ย่อมทาให้ต้องมีพนักงานขายจานวนมาก การจัดตกแต่งร้านค้ามีความสาคัญต้องคานึงถึงส่ิง
ต่อไปนี้
2.1 แสงสว่ำงภำยในร้ำน ควรจัดร้านให้มีความสว่างท่ัวทั้งร้านจากแสงไฟฟ้าท่ีร้านได้ติดเอาไว้แสงสว่าง
ธรรมชาติมักไม่เพียงพอ และแสงแดดมักทาความเสียหายให้แก่สินค้า การใช้แสงไฟฟ้าแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง
สามารถจูงใจลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าได้มากกว่าร้านที่ดูมืดสลัว มุมห้องมืด ๆ ก่อนตัดสินใจเรื่องแสงสว่าง
ควรคานวณคา่ ไฟฟ้า และใช้ไฟฟา้ ก่ีดวงถงึ จะคุม้ ค่ากับการขายสนิ คา้
2.2 กำรตกแตง่ สีภำยนอกและภำยในร้ำน นอกจากการทาสรี า้ นค้าใหส้ ดใสสว่าง สวยงามแล้ว สีของ
หบี ห่อ และตัวสินค้ากส็ ามารถนามาตกแต่งใหร้ ้านค้าดดู ีขน้ึ และให้ผู้คนเห็นสินคา้ ชัดเจนและสวยงาม
2.3 กำรจัดหมวดหมู่ของขนม ขนมท่ีมีลักษณะใกล้เคียงกันหรือขนมที่ใช้รับประทานร่วมกันนามา
จดั วางไวด้ ว้ ยกนั เช่น ขนมหมอ้ แกงวางใกลก้ บั ขนมตะโก้ ข้าวเหนียววางใกลก้ บั สงั ขยา เป็นต้น
2.4 กำรติดปำ้ ยรำคำสินคำ้ การติดป้ายบอกราคาสินค้าให้ชัดเจนที่ลูกค้าสามารถมองเห็นได้หรืออ่านได้
เป็นการให้ความสะดวกกบั ลูกคา้ ในการตัดสินใจซ้อื สินค้า
2.5 กำรจดั วำงสินค้ำ มคี วามสาคญั ต่อการจูงใจลูกค้าใหเ้ ลือกซอ้ื สินค้า เพ่ือให้สะดวกและเกิดความพึงพอใจ
ควรคานึงถงึ ส่ิงตอ่ ไปน้ี

2.5.1 ความพึงพอใจของลกู ค้า
2.5.2 จัดสินค้าไว้ในบรเิ วณท่ีจะขาย
2.5.3 จัดสินคา้ ไวใ้ นระดับสายตาให้มากที่สดุ
2.5.4 จัดสินคา้ ด้านหนา้ บนชน้ั ใหเ้ ตม็ อยเู่ สมอ
2.5.5 ชนั้ วางสนิ คา้ จะตอ้ งปรับระดบั ได้ตามขนาดของสนิ ค้า
2.5.6 การใช้กลอ่ งหนนุ สนิ ค้าให้ดูมมี ิติ สวยงามแม้จะมีสนิ ค้าไมม่ ากนัก
2.5.7 ความเปน็ ระเบียบเรียบรอ้ ย
2.5.8 สินค้ามาก่อนต้องจาหน่ายก่อน ต้องจาหน่ายสินค้าเก่าก่อนสินค้าใหม่เสมอ พยายาม
วางสินคา้ มาก่อนไวแ้ ถวหนา้ เสมอ ควรจดั สนิ ค้าท่ีมาก่อนให้ดูสดใสสะอาดเหมอื นสนิ คา้ ใหม่

49

3. กำรขำย
การขาย คือ กระบวนการทั้งทางตรงและทางอ้อมของการจูงใจให้ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการยินยอม
กระทาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ซึ่งจะทาให้เกิดประโยชน์ทางด้านการค้าแก่ผู้ขาย เม่ือผู้ผลิตสินค้าไปสู่ผู้บริโภคมีส่ิงที่ควร
พจิ ารณา ดงั น้ี
3.1 กำรหำตลำด ควรคานงึ ถึงความต้องการของตลาดวา่ มมี ากน้อยเพียงใด โดยใช้วิธีสังเกต สอบถาม
กับคนรู้จัก เพ่ือนบ้าน และผู้ซ้ือ กระแสการบริโภคของลูกค้ามีความต้องการซ้ือเป็นของขวัญของฝากหรือ
รับประทานในครอบครัว ตลาดควรเป็นตลาดที่มีการซ้ือขายอย่างต่อเน่ือง เช่น ขายทางออนไลน์ ขายหน้าร้าน
ตนเอง ขายในตลาดนดั ขายในหา้ งสรรพสินค้า เป็นตน้ ทงั้ น้ีเพ่อื จะไดต้ รงตามความต้องการของตลาด
3.2 วธิ ีกำรจำหนำ่ ย เมื่อผูผ้ ลติ ลงทนุ ผลติ สินค้าขึ้นมาเพอื่ นาสินคา้ ออกสูต่ ลาด ถ้าผู้ผลิตสามารถเลือก
ชอ่ งทางการตลาด การจาหนา่ ยสนิ ค้าไดอ้ ย่างถกู ต้องสนิ ค้ากจ็ ะเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ซึ่งอาจเป็นการจาหน่ายจาก
ผู้ผลิตถึงลูกค้าโดยตรงด้วยการจัดหาสถานท่ีสาหรับจาหน่ายสินค้าที่เป็นหลักแหล่ง มีการจัดวางสินค้าท่ี
สามารถนาเสนอสินค้าให้ดูสวยงาม หรือเป็นผู้ผลิตให้พ่อค้าคนกลางมารับซ้ือไปขายให้กับผู้บริโภคอีกต่อหน่ึง
เพอ่ื กระจายสนิ ค้าไดอ้ ยา่ งทว่ั ถงึ
3.3 กำรโฆษณำประชำสัมพันธ์ ถือเป็นส่ิงสาคัญท่ีจะทาให้ผู้ซ้ือหรือลูกค้ารู้จักเกิดความต้องการท่ีจะ
ซ้ือเป็นวิธีการโน้มน้าวผู้ซื้อ ที่สาคัญการโฆษณาประชาสัมพันธ์มีหลายวิธี เช่น ใช้วิธีบอกปากต่อปาก การจัด
กจิ กรรมประชาสัมพันธส์ ินค้าการออกรา้ นตามงานเทศกาลตา่ ง ๆ การประชาสมั พนั ธผ์ า่ นอินเตอร์เน็ต โดยส่ิงท่ี
เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์อย่างหน่ึงก็คือคุณภาพสินค้า เม่ือผู้ซื้อหรือลูกค้าได้ซ้ือสินค้าไป เช่น มีรสชาติดี
มีคณุ ภาพ ราคายอ่ มเยา จะเปน็ การชว่ ยประชาสมั พนั ธอ์ ีกชอ่ งทางหนง่ึ
4. กำรสง่ เสรมิ กำรขำย
การส่งเสริมการขาย หมายถึง การจูงใจที่เสนอคุณค่าพิเศษ หรือการจูงใจผลิตภัณฑ์แก่ผู้บริโภค
คนกลาง (ผ้จู ดั จาหนา่ ย) หรอื หน่วยงานขาย โดยมีวัตถปุ ระสงค์เพื่อการสรา้ งยอดขายในทันที สามารถสรปุ ได้วา่
4.1 การส่งเสรมิ การขายเป็นการให้ส่ิงจูงใจพิเศษเพ่ือกระตุ้นให้เกิดการซ้ือ เช่น คูปอง ของแถม การชิงโชค
การแลกซื้อ เปน็ ตน้
4.2 การส่งเสริมการขายเป็นเคร่ืองมือกระตุ้น กิจกรรมการสง่ เสริมการขาย มีวัตถุประสงค์เพ่ือกระตุ้น
ใหเ้ กิดการซ้ือจานวนมากข้ึน และสามารถตัดสนิ ใจซือ้ ได้ในเวลาทนั ทีทนั ใด
4.3 การสง่ เสริมการขายใช้ในการจูงใจกล่มุ ต่าง ๆ 3 กลุ่ม คือ

4.3.1 การส่งเสริมการขายท่ีมุ่งสู่ผู้บริโภค เป็นการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่ผู้บริโภคคนสุดท้าย
เพ่อื จงู ใจให้เกดิ การซื้อจานวนมากขึ้น ตัดสนิ ใจซื้อได้รวดเรว็ ข้ึน เกดิ การทดลองใช้ ถอื ว่าเป็นการใช้กลยุทธ์ดงึ

4.3.2 การส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่คนกลาง เป็นการส่งเสริมการขายท่ี มุ่งสู่พ่อค้าคนกลาง ผู้จัด
จาหนา่ ย หรือผู้ขาย ถอื ว่าเป็นการใช้กลยทุ ธ์ผลกั

4.3.3 การส่งเสริมการขายท่ีมุ่งสู่พนักงานขาย เป็นการส่งเสริมการขายที่มุ่งสู่พนักงานขาย
หรอื หน่วยงานขาย เพอื่ ให้ใชค้ วามพยายามในการขายมากขึ้น ถือว่าเปน็ การใชก้ ลยุทธผ์ ลกั

วตั ถุประสงค์ของการส่งเสริมการขาย
1. การดึงลูกค้าใหม่
2. การรกั ษาลูกคา้ เก่าไว้
3. การสง่ เสริมลกู คา้ ในปัจจบุ นั ให้ซอ้ื สนิ ค้าในปริมาณมาก
4. การเพ่ิมอัตราการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์
5. การสง่ เสรมิ การขายทาให้ผู้บรโิ ภคเกิดการยกระดบั
6. การเสริมแรงการโฆษณาในตราสินค้า

50

5. กำรเลอื กช่องทำงกำรจดั จำหนำ่ ย
การเลอื กชอ่ งทางการจัดจาหนา่ ย สามารถแบ่งช่องทางการจาหน่ายสนิ คา้ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ
5.1 ชอ่ งทำงกำรจำหน่ำยทำงตรง คอื ผูผ้ ลิตขายสนิ คา้ ไปยงั ผู้ใชห้ รอื ผู้บริโภคดว้ ยตนเอง
5.2 ช่องทำงกำรจำหนำ่ ยทำงออ้ ม คอื ผผู้ ลติ ขายสินค้าผ่านตัวกลาง ตัวแทนจาหน่ายร้านค้าส่ง และ
ร้านคา้ ปลกี เพอ่ื จาหน่ายไปยงั ผใู้ ชห้ รือผ้บู ริโภค
ช่องทางการจาหน่ายท้ังสองประเภทน้ี ยังแบ่งเป็นช่องทางขายได้อีกหลายช่องทาง ซ่ึงจะกล่าวถึง
ช่องทางขายท่สี าคญั ดังต่อไปน้ี

ช่องทำงจำหน่ำยทำงตรง มชี ่องทางขายดงั นี้
1. ขำยผ่ำนหน้ำร้ำนแบบไม่เคล่ือนท่ี เป็นการขายผ่านหน้าร้านสาขาทั้งเป็นร้านค้าของตนเองหรือ

เช่าหน้าร้านตามห้างสรรพสินค้า Modern trade เช่าพ้ืนที่ขายในป้ัมน้ามัน ขายออกบูทตามงานแสดงสินค้า
เช่าพืน้ ท่ใี นอาคารสานักงาน เปน็ ตน้

2. ขำยผ่ำนหน้ำร้ำนท่ีเคล่ือนที่ไปมำ เช่น ขายผลไม้ในรถบรรทุกท่ีย้ายไปขายตามสถานท่ีต่าง ๆ
ได้ตามความต้องการเปิดท้ายขายของตามตลาดนัดต่าง ๆ หาบเร่แผงลอย เป็นการขายแบบอิสระ
เปล่ียนเส้นทางขายบ้าง เปล่ียนสินค้าขายบ้าง สินค้าที่ขายอาจเป็นสินค้าตามฤดูกาลหรือเป็นสินค้าที่ผู้ขายไป
หาซ้ือได้มาในช่วงเวลานนั้ ๆ

3. ขำยผ่ำนสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ส่ือออนไลน์ การขายลักษณะ E-commerce นี้จะขายผ่านหน้า
โฮมเพจของของร้านค้าโดยมีตะกร้าให้ซื้อ และมีการโอนเงินก่อนซื้อซ่ึงมีบริษัทหลายแห่งเพ่ิมช่องทางการขาย
ทางอิเลก็ ทรอนกิ สจ์ านวนมาก เช่น Shopee Lazada 7- 11 ขายโดยให้ลูกค้าเลือกซื้อใน Catalogue สาหรับ
การขายผ่าน Social media เป็นการขายท่ีนิยมกันในกลุ่มคนที่ยังทางานประจา และใช้เวลาว่างให้เป็น
ประโยชน์ และกลุ่มอาชีพอิสระท่ีต้องการขายสินค้าเป็นอาชีพเสริม การขายประเภทนี้จะขายผ่าน Facebook
Intragram Line เปน็ ต้น

4. ขำยผ่ำนส่ือกำรขำยที่เป็นอุปกรณ์ทันสมัย เช่น ขายผ่านโทรศัพท์มือถือ ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม
ผ่านตู้หยอดเหรียญต่าง ๆ เช่น น้าอัดลม กาแฟ เกมส์ เครื่องกดน้าด่ืม เคร่ืองซักผ้า เป็นต้น การขายผ่าน
เครอื่ งใชเ้ หลา่ นี้ทาใหป้ ระหยัดเรอ่ื งแรงงานคนทาใหต้ ้นทุนการขายต่าไปด้วย

5. ขำยผ่ำนพนกั งำนขำย แมว้ ่าการขายผา่ นพนักงานจะเป็นวิธีเก่าท่ีใช้กันมานานแต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด
สาหรับสนิ คา้ ท่ขี ายใหก้ บั อุตสาหกรรมเพราะต้องการการสาธติ การอธิบายวิธีการใช้และรายละเอียดคุณสมบัติ
ของสินค้า สินค้าใหม่ที่ต้องการการอธิบายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจาเป็นต้องใช้การขายผ่านพนักงาน
ขายเพอื่ ใหร้ ูจ้ ักสนิ ค้าและทราบถึงคุณสมบัติของสินค้าก่อน นอกจากนั้นการขายผ่านพนักงานขายทาให้กิจการ
ได้รับ Feedback จากลูกค้าว่าพอใจหรือไม่พอใจในสินค้าของกิจการซ่ึงทาให้เจ้าของกิจการนามาปรับปรุง
แกไ้ ขไดภ้ ายหลงั

51

ช่องทำงกำรจำหน่ำยทำงอ้อม มีช่องทางการขายดงั น้ี
1. ขำยผ่ำนตัวแทนจำหน่ำย สินค้าจาเป็นต้องมีการแต่งตั้งตัวแทนขายเพื่อกระจายสินค้าได้ทั่ว

ประเทศ เช่น รถยนต์ เครื่องจักรต่าง ๆ ยางรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ สินค้าบางประเภทจาเป็นต้องมีตัวแทน
จาหน่ายหากผู้ผลิตไม่เชี่ยวชาญในการตลาดแต่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตมากกว่า การขายผ่านตัวแทนยัง
เหมาะกบั การขายสนิ คา้ ที่เปน็ บริการเชน่ ขายกรมธรรมป์ ระกนั ภัยรถยนตแ์ ละประกนั ชีวิตเปน็ ต้น

2. ขำยผ่ำนคนกลำงทั้งผู้ค้ำส่งหรือผู้ค้ำปลีก สาหรับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคมักจะใช้วิธีการ
ขายผา่ นผคู้ า้ สง่ ตามอาเภอและจังหวดั ตา่ ง ๆ เพื่อกระจายสนิ ค้า สาหรับผู้ผลติ รายเล็กกอ็ าจขายผ่านผู้ค้าปลีกที่
ขายตรงให้กบั กลุ่มลูกคา้ เป้าหมายได้

3. ขำยผ่ำนระบบแฟรนไชส์ ผู้ผลิตท่ีมีการขายแฟรนไชส์ให้กับบุคคลภายนอกสามารถใช้วิธีการขาย
ผลติ ภณั ฑ์ผ่านเครือขา่ ยหรือแฟรนไชส์ของตนเองได้ เชน่ ราชาบะหม่ชี ายส่ีบะหมี่เกีย้ ว ข้าวมันไกม่ ิดไนท์ เป็นตน้

สาหรับผู้ประกอบการที่ดาเนินธุรกิจส่งออกสินค้าไปต่างประเทศก็มีช่องทางการขายสองทางเช่นกัน
คือ เป็นผู้ส่งออกเองโดยขายตรงให้กับลูกค้า และอีกทางหนึ่งคือขายสินค้าผ่าน Trader ท่ีเป็นตัวกลางขาย
สินค้าใหก้ ับต่างประเทศ ปัจจุบันธุรกิจขนาดใหญ่มักใช้ช่องทางการขายท้ังทางตรงและทางอ้อมร่วมไปด้วยกัน
โดยขายผา่ นหน้าร้าน ผา่ นสือ่ ออนไลน์ ผา่ นสาขา ผ่านตัวแทนจาหน่ายและใชก้ ลยุทธต์ ่าง ๆ ในการส่งเสริมการ
ขายและประชาสมั พันธอ์ ย่างกวา้ งขวางเพ่อื ทาให้ธุรกิจเตบิ โตขึน้ อยา่ งรวดเรว็

52

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
หลกั สตู รเมนูกงุ้ บอ่ มรกต (ก้งุ เผำสำหรำ่ ย) และเมนูน้ำสลดั เมลด็ ชำ

ชื่อ-สกุล......................................................................................................................... .......

โปรดทาเครอ่ื งหมาย  หน้าขอ้ ที่ถกู และทาเครื่องหมาย X หนา้ ข้อทผ่ี ิด

.............. 1. หลักสตู รอาหารสตู รพระราชทาน เป็นการรวบรวมเมนอู าหารสูตรพระราชทาน
จากหนังสอื ครัวสระปทุม และหนงั สอื เมนพู ระราชทาน 60 พรรษา

.............. 2. เมนูกงุ้ บอ่ มรกต เป็นหนึ่งในเมนูจากพระราชนิพนธ์ครัวสระปทุม
ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

.............. 3. หินทีใ่ ช้ในการย่าง เมนูกุง้ บ่อมรกต ต้องเป็นหินอ่อน และผ่านการใชง้ านมาก่อนแลว้

.............. 4. การย่างกุ้งควรผ่ากุ้งตามยาวออกเปน็ 2 ซกี ย่างดว้ ยไฟแรง และหยอดเนยลงบนเน้ือกุ้ง

.............. 5. บอ่ มรกต ในทน่ี ห้ี มายถึงแผ่นสาหร่าย ท่ีใช้วางบนหนิ ขณะย่างกุ้ง

.............. 6. น้ามนั เมลด็ ชา มีองค์ประกอบของไขมนั ทีด่ ตี ่อร่างกาย ทาใหร้ ่างกายสามารถดดู ซึม
วิตามินเอ วติ ามินดี วิตามินอี และวิตามนิ เค ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

.............. 7. หลงั จากใสส่ ่วนผสมทั้งหมดในการทาน้าสลัดเมล็ดชาแล้ว ต้องคนส่วนผสมทัง้ หมดให้เขา้ กัน
โดยใชเ้ วลาประมาณ 10 นาที

.............. 8. หลงั จากล้างผักต่าง ๆ แล้วควรผง่ึ ให้สะเด็ดน้าแลว้ เกบ็ ไว้ในชอ่ งสาหรบั เก็บผักของต้เู ย็น
เพื่อใหผ้ กั สดและกรอบอร่อยมากข้นึ

.............. 9. เมนนู ้าสลดั เมลด็ ชา ใชน้ า้ ส้มสายชหู มักจากผลไม้ (Balsamic) เปน็ สว่ นผสม

.............. 10. การทานา้ สลัดเมล็ดชา ควรใส่กระปกุ แก้วทม่ี ฝี าปิด เพื่อเขยา่ สว่ นผสมใหเ้ ข้ากันได้เร็วขนึ้

    

เฉลย
ข้อ1.  ข้อ2.  ขอ้ 3. X ข้อ4. X ข้อ5.  ขอ้ 6.  ขอ้ 7. X ข้อ8.  ข้อ9.  ขอ้ 10. 

53

แบบทดสอบหลงั เรียน
หลกั สตู รเมนูกงุ้ บอ่ มรกต (ก้งุ เผำสำหรำ่ ย) และเมนูน้ำสลดั เมลด็ ชำ

ชื่อ-สกุล......................................................................................................................... .......

โปรดทาเครอ่ื งหมาย  หน้าขอ้ ที่ถกู และทาเครื่องหมาย X หนา้ ข้อทผ่ี ิด

.............. 1. หลักสตู รอาหารสตู รพระราชทาน เปน็ การรวบรวมเมนอู าหารสูตรพระราชทาน
จากหนังสอื ครัวสระปทุม และหนงั สอื เมนพู ระราชทาน 60 พรรษา

.............. 2. เมนูกงุ้ บอ่ มรกต เป็นหนึ่งในเมนูจากพระราชนิพนธ์ครัวสระปทุม
ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

.............. 3. หินทีใ่ ช้ในการย่าง เมนูกุง้ บ่อมรกต ต้องเปน็ หินอ่อน และผ่านการใชง้ านมาก่อนแลว้

.............. 4. การย่างกุ้งควรผ่ากุ้งตามยาวออกเปน็ 2 ซกี ย่างด้วยไฟแรง และหยอดเนยลงบนเน้ือกุ้ง

.............. 5. บอ่ มรกต ในทน่ี ห้ี มายถึงแผ่นสาหร่าย ท่ีใช้วางบนหนิ ขณะย่างกุ้ง

.............. 6. น้ามนั เมลด็ ชา มีองค์ประกอบของไขมันทด่ี ีต่อรา่ งกาย ทาใหร้ ่างกายสามารถดดู ซึม
วิตามินเอ วติ ามินดี วิตามินอี และวติ ามนิ เค ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

.............. 7. หลงั จากใสส่ ่วนผสมทั้งหมดในการทาน้าสลัดเมล็ดชาแล้ว ต้องคนส่วนผสมทัง้ หมดให้เขา้ กัน
โดยใชเ้ วลาประมาณ 10 นาที

.............. 8. หลงั จากล้างผักต่าง ๆ แล้วควรผ่งึ ให้สะเด็ดน้าแล้วเกบ็ ไว้ในชอ่ งสาหรบั เก็บผักของต้เู ย็น
เพื่อใหผ้ กั สดและกรอบอร่อยมากข้นึ

.............. 9. เมนนู ้าสลดั เมลด็ ชา ใชน้ า้ ส้มสายชหู มกั จากผลไม้ (Balsamic) เปน็ สว่ นผสม

.............. 10. การทานา้ สลัดเมล็ดชา ควรใสก่ ระปุกแกว้ ทีม่ ีฝาปิด เพื่อเขยา่ สว่ นผสมใหเ้ ข้ากันได้เร็วขนึ้

    

เฉลย
ข้อ1.  ข้อ2.  ขอ้ 3. X ข้อ4. X ข้อ5.  ข้อ6.  ขอ้ 7. X ข้อ8.  ข้อ9.  ขอ้ 10. 

54

แบบประเมนิ ผลกำรจดั กำรศกึ ษำและฝึกอบรมหลกั สูตรระยะสั้น

หลักสตู รวิชา.................................................................................... จานวน..........................................ชั่วโมง
ระหว่างวันท.่ี .........เดอื น......................พ.ศ..................ถงึ วันท่ี..........เดอื น......................พ.ศ..........................
สถานที่จดั ณ....................................................................................................................................................
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนนประเมินผลกำรจดั กำรศึกษำและฝกึ อบรมหลกั สูตรระยะส้นั ศูนยว์ งเดอื น อำคมสรุ ทณั ฑ์

1. ควำมร้คู วำมเข้ำใจในเนื้อหำสำระ 20 คะแนน
1.1 แบบทดสอบ (20 คะแนน)

2. ทกั ษะกำรปฏิบัติ 40 คะแนน
2.1 การเตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์ (10 คะแนน)
2.1.1 การจัดเตรยี มวัสดุ (5 คะแนน)
2.1.2 การจัดเตรียมอปุ กรณ์ (5 คะแนน)
2.2 ปิิบัตติ ามข้ันตอน (20 คะแนน)
2.2.1 ปิบิ ัตติ ามข้นั ตอน (5 คะแนน)
2.2.2 ปิบิ ัตงิ านเสร็จตามเวลา (5 คะแนน)
2.2.3 ปิิบตั ิงานด้วยความสะอาดเรียบรอ้ ย (5 คะแนน)
2.2.4 ปิิบัตงิ านด้วยความคลอ่ งแคลว่ (5 คะแนน)
2.3 มีทักษะในการทางานเปน็ ทีม (10 คะแนน)
2.3.1 การเคารพกฎ กติกา และการยอมรับความคดิ เหน็ ของผู้อนื่ (5 คะแนน)
2.3.2 การมปี ิิสมั พันธ์กับผู้อ่นื (5 คะแนน)

3. คุณภำพของผลงำน/ผลกำรปฏบิ ตั งิ ำน (40 คะแนน)
3.1 ผลงาน/ช้นิ งาน เปน็ ไปตามท่ีหลักสูตรกาหนด (30 คะแนน)
3.1.1 คุณภาพของชนิ้ งาน (10 คะแนน)
3.1.2 องค์ประกอบของช้ินงาน (10 คะแนน)
3.1.3 การตกแตง่ /บรรจุภณั ฑ์ของชิ้นงาน (10 คะแนน)
3.2 การนาเสนอผลงาน/ชน้ิ งาน (10 คะแนน)

ระดบั ผลกำรเรียน
การตดั สนิ ผลการเรยี นใหน้ าคะแนนระหวา่ งการจัดการเรยี นการสอนรวมกบั คะแนนจากแบบทดสอบ

หลงั เรยี นแลว้ นาไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กาหนด เพ่ือใหค้ ่าระดับผลการเรียนท้งั 5 ระดับ ดงั น้ี
1. ไดค้ ะแนน 80 – 100 ไดเ้ กรด 4 หมายถงึ ดีมาก
2. ไดค้ ะแนน 70 - 79 ได้เกรด 3 หมายถงึ ดี
3. ไดค้ ะแนน 60 - 69 ไดเ้ กรด 2 หมายถงึ ปานกลาง
4. ไดค้ ะแนน 50 - 59 ได้เกรด 1 หมายถงึ ผ่านเกณฑ์ขัน้ ตา่ ที่กาหนด
5. ได้คะแนน 0 - 49 ได้เกรด 0 หมายถึง ต่ากวา่ เกณฑ์ท่ีกาหนด

ลำดบั เลขประจำตัว ชื่อ – สกลุ 1. ควำมรคู้ วำม 2. ท
ที่ ประชำชน เขำ้ ใจในเนอื้ หำ
2.1 กำร
สำระ เตรยี มวัสดุ
20 คะแนน อุปกรณ์

1.1 แบบทดสอบ (10)
(20)

2.1.1 (5)
2.1.2 (5)

ลงชอื่ ..................................................วทิ ยากร ลงช่อื ..............................................
(......................................................) (...............................................

55

ทกั ษะกำรปฏิบัติ 40 คะแนน 3. คณุ ภำพของผลงำน
ผลกำรปฏิบัตงิ ำน
40 คะแนน

2.2 ปฏิบตั ิตำมขั้นตอน 2.3 มที ักษะ 3.1 ผลงำน/ชิ้นงำน 3.2 กำร รวม ผลกำร
(20) ในกำร เปน็ ไปตำมที่ นำเสนอ 100 เรียน
หลกั สูตรกำหนด ผลงำน/ คะแนน
ทำงำนเป็น (30) ชนิ้ งำน (10)
ทมี
(10)

2.2.1 (5)
2.2.2 (5)
2.2.3 (5)
2.2.4 (5)
2.3.1 (5)
2.3.2 (5)
3.1.1 (5)
3.1.2 (5)
3.1.3 (5)

.....หวั หนา้ กลุ่มส่งเสรมิ ปิบิ ัตกิ าร ลงช่อื ..................................................ผู้อนมุ ตั ิ 55
........) (......................................................)

56

บรรณำนกุ รม

กระทรวงสาธารณสุข. (2546). กนิ ตามแม.่ พมิ พ์ครั้งท่ี 2. กรงุ เทพฯ: 21 เซ็นจรู ่ี.

กองบรรณาธกิ าร. (2561). โฆษณาและทาตลาดออนไลน์ใหด้ ังเปรย้ี ง. พิมพ์คร้งั ท่ี 1.
กรุงเทพฯ: รีไวว่า.

เชยี งใหมน่ ิวส์. (2569). ม.แม่ฟา้ หลวงชวนชาวไทยเป็นเจา้ ของไดอารี่ครัวสระปทุม 2550/2007. เชียงใหม.่

มูลนิธชิ ยั พัฒนา. อรอ่ ยชยั พัฒน์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พร้นิ ต้ิง.

มูลนธิ ชิ ยั พฒั นา. อรอ่ ยอุทยาน. กรงุ เทพฯ: อมรนิ ทรพ์ ริน้ ต้ิง.

มลู นิธิสมเด็จพระพันวสั สาอยั ยกิ าเจ้า. (2550). ครัวสระปทุม. กรงุ เทพฯ: วงั สระปทุม.

ศนู ยว์ ิจัยและพฒั นาชาน้ามนั และพชื น้ามัน มูลนิธชิ ัยพัฒนา. (2558). เมนูพระราชทาน 60 พรรษา.
พมิ พค์ รั้งท่ี 1. เชียงราย: มูลนิ ธิ ิชัยพัฒนา.

อบเชย วงศท์ อง และขนิษฐา พูนผลกุล. (2556). หลักการประกอบอาหาร (พิมพ์ครงั้ ที่ 10).
กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์.

แหลง่ อำ้ งอิงออนไลน์
กรมสง่ เสริมอุตสาหกรรม. (2561). ชอ่ งทางการขายในยุคปจั จบุ นั . สบื คน้ เมื่อ 18 มิถนุ ายน 2562,

จาก https://bsc.dip.go.th/th/category/marketing2/fs-salechannelpresent

กราฟฟกิ โปรดวิ ซ.์ (2561). หลักการออกแบบบรรจภุ ณั ฑ.์ สบื คน้ เม่อื 20 กันยายน 2561,
จาก http://www.graphicproduce.com/knowledgedetail.php?no=19

The.Than. ผักเพ่อื สุขภาพ. สบื ค้นเม่อื 23 มีนาคม 2565
จาก http://www.the-than.com/samonpai/P/P1.html

57

คณะผ้จู ดั ทำ

ที่ปรกึ ษำ โพธ์กิ ระจ่าง ผอู้ านวยการศนู ยว์ งเดือน อาคมสรุ ทณั ฑ์
นางอุทัยวรรณ

คณะทปี่ รึกษำจดั ทำหลกั สูตร

นางอมุ าพร แขดอน วิทยากรผทู้ รงคุณวุฒิด้านอาหารและขนม

ผู้จัดทำหลกั สูตร พุ่มพันธ์วงศ์ ครูผู้ชว่ ย
นายบดินทรภ์ ัทร์ พลอยส่งศรี ครผู ูช้ ว่ ย
นางวชั รนิ ทร์ ศรชี ยั ครูผ้ชู ่วย
นางรุ่งนภา ภกั ดอี ักษร ครูผชู้ ่วย
นางสาวพฒั นนี าถ เทยี นขา ครผู ชู้ ว่ ย
นายวทิ วัส เครอื ออ่ น นกั จดั การงานทว่ั ไป
นางสาวดาววดี หอมสมบัติ นักวชิ าการเงินและบัญชี
นางสาวนชุ จรี ศาสตร์ประสทิ ธิ์ นักจดั การงานทั่วไป
นายสทิ ธิชยั หนว่ งกลาง นกั วชิ าการศกึ ษา
นายสมเกียรติ แพง่ ประสิทธิ์ เจ้าพนกั งานธรุ การ
นางสุรีย์รัตน์ สดุดี เจ้าพนกั งานการเงนิ และบญั ชี
นายดนยั อนิ เฉยี น นกั วชิ าการพัสดุ
นางสาวสวุ ิมล ชูรศั มี นกั วชิ าการศึกษา
นางสาวอุนนดา ครธุ พนั ธ์ นกั จดั การงานท่ัวไป
นางสาวณฐั กานต์ สรี ะวฒั น์ นกั วชิ าการโสตทัศนศึกษา
นางสาวชลธชิ า เกตุประทุม เจา้ หนา้ ท่ีเกษตร
นางสาวศริ ิพร

รปู เลม่ / หนำ้ ปก พลอยส่งศรี ครผู ้ชู ่วย
นางวชั รินทร์ พุม่ พนั ธ์วงศ์ ครูผชู้ ่วย
นายบดินทรภ์ ัทร์ หน่วงกลาง นกั วิชาการศกึ ษา
นายสมเกยี รติ แพง่ ประสิทธ์ิ เจ้าพนักงานธรุ การ
นางสุรยี ์รัตน์ ครุธพนั ธ์ นักจดั การงานทว่ั ไป
นางสาวณฐั กานต์ อนิ เฉียน นกั วิชาการพัสดุ
นางสาวสุวมิ ล

58


Click to View FlipBook Version