คมู ือประมงอนิ ทรยี แ มโ จ
ผูเ ขยี น รองศาสตราจารย ดร.เกรียงศักด์ิ เมงอําพนั
รองศาสตราจารย ดร.นิวุฒิ หวงั ชยั
ผชู วยศาสตราจารย ดร.จงกล พรมยะ
ผชู วยศาสตราจารยท พิ สคุ นธ พิมพพ มิ ล
ดร.อนุภาพ วรรณาพล
ดร.ขจรเกยี รต์ิ ศรีนวลสม
นายเทพพิทกั ษ บญุ ทา
จัดพมิ พโดย มหาวทิ ยาลัยแมโ จ จังหวัดเชยี งใหม
พมิ พค รัง้ ที่ 1 2561
จํานวน 1,000 เลม
ออกแบบ/พิมพท ี่ หจก.วนิดาการพมิ พ 14/2 หมู 5
ตําบลสนั ผีเสื้อ อําเภอเมอื ง จงั หวัดเชยี งใหม 50300
โทรศพั ท/ โทรสาร 0 5311 0503-4
ขอ มลู ทางบรรณานุกรมของสาํ นกั หอสมดุ แหงชาติ
เกรียงศกั ดิ์ เมงอาํ พนั , นิวุฒิ หวังชัย, จงกล พรมยะ, ทิพสุคนธ พมิ พพ ิมล, อนภุ าพ วรรณาพล,
ขจรเกียรติ์ ศรนี วลสม และเทพพทิ กั ษ บุญทา
คมู อื ประมงอินทรยี แ มโจ. -- เชยี งใหม : มหาวทิ ยาลยั แมโจ, 2561.
88 หนา.
1. ประมงนาํ้ จดื . 2. อุตสาหกรรมสตั วน ้ํา. I. ชอ่ื เรื่อง.
639.31
ISBN 978-616-8146-17-0
คำนำ
หนังสือคูมือประมงอินทรียเลมนี้ ไดจัดทําขึ้นภายใตโครงการพัฒนา
อุตสาหกรรมอาหารอินทรีย จังหวัดเชียงใหม รวมกับคณะเทคโนโลยีการประมง
และทรัพยากรทางนํ้า มหาวิทยาลัยแมโจ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อเผยแพรเทคนิค
และวิธีการการเล้ียงสัตวนํ้าบางชนิดท่ีมีศักยภาพที่จะพัฒนาเขาสูอุตสาหกรรม
การเลี้ยงสัตวน้ําระบบอินทรียได โดยองคความรูในการเลี้ยงดังกลาวน้ี ผูวิจัย
ไดม าจากการทดลองและดาํ เนนิ การเลย้ี ง จนสามารถสรปุ เปน แนวทางใหเ กษตรกร
นาํ ไปปรบั ใชไดจริง
ภายในหนงั สอื เลม นจ้ี ะประกอบดว ย 4 หัวขอ ตามชนดิ ของสัตวน้ํา ไดแ ก
1. การผลิตปลากะพงขาวในนํ้าจืดเพ่ือเขาสูอุตสาหกรรมการเล้ียง
สัตวน ํ้าอินทรยี
2. ระบบการเพิ่มผลผลิต มูลคา มาตรฐาน และ Brand ปลาลูกผสม
บกึ สยามแมโจ
3. การผลติ ปลานิล ปลาสลดิ และกบอนิ ทรยี
4. แนวทางการผลติ ปลาหมอไทยเพอ่ื เขา สอู ตุ สาหกรรมการเลย้ี งสตั วน าํ้
อนิ ทรยี
ผูจัดทําขอขอบคุณโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารอินทรีย จังหวัด
เชยี งใหม ที่ไดจดั สรรทนุ เพอื่ การศกึ ษาวจิ ยั ตลอดจนการนาํ ไปถา ยทอดเทคโนโลยี
แกเกษตรกรตามแนวทางการเลี้ยงสัตวนํ้าเพื่อเขาสูระบบอินทรียดังกลาวได และ
ขอขอบคุณสํานักวิจัยและสงเสริมการเกษตร รวมถึงบุคลากรจากคณะเทคโนโลยี
การประมงและทรัพยากรทางน้ํา มหาวิทยาลัยแมโจ ที่ไดใหการชวยเหลือและ
อํานวยความสะดวกใหโครงการน้ีสําเร็จลุลวงไดอยางสมบูรณ ผูจัดทําหวังเปน
อยา งยง่ิ วา หนงั สอื คมู อื ประมงอนิ ทรยี เ ลม นี้ จะเปน ประโยชนไ มม ากกน็ อ ยตอ ผสู นใจ
ในแนวทางการเล้ียงสัตวนํ้าระบบอินทรีย ซ่ึงจัดเปนแนวทางการผลิตสัตวน้ํา
แบบปลอดภยั ตอ ผูบ รโิ ภคและเปน มิตรกบั สิง่ แวดลอ มดว ย
รองศาสตราจารย ดร.เกรียงศักด์ิ เมงอําพนั
รองศาสตราจารย ดร.นิวุฒิ หวงั ชยั
ผชู วยศาสตราจารย ดร.จงกล พรมยะ
ผชู ว ยศาสตราจารยทิพสุคนธ พิมพพิมล
ดร.อนุภาพ วรรณาพล
ดร.ขจรเกยี รติ์ ศรนี วลสม
นายเทพพิทักษ บุญทา
คณะผจู ดั ทาํ
สารบญั
คาํ นํา 1
สารบญั 2
สารบัญตาราง 3
สารบญั ภาพ 6
การผลติ ปลากะพงขาวในนา้ํ จดื เพือ่ เขา สอู ตุ สาหกรรมการเลี้ยงสตั วนา้ํ อนิ ทรีย 7
ขอมลู ทว่ั ไปของปลากะพงขาว 8
รปู แบบการเลยี้ งปลากะพงขาวในนํา้ จดื 13
ระบบการเล้ียงสัตวน ํ้าแบบน้ําหมุนเวียน (RAS) 14
ระบบใหอ ากาศ 14
ระบบกรองของเสยี 18
ระบบการเพม่ิ ผลผลติ มูลคา มาตรฐาน และ Brand ปลาลกู ผสมบึกสยามแมโ จ 19
การคัดพนั ธแุ ละปรบั ปรงุ พันธุปลาลกู ผสม 21
1. ลักษณะเดนของปลาบกึ ปลาสวาย และปลาลกู ผสม 24
2. การเลยี้ งพอและแมพนั ธปุ ลาหนงั ลกู ผสม 24
3. การเพาะขยายพนั ธปุ ลาโดยใชต อ มใตส มองหรือลูกปลาจากแหลงผลติ อน่ื 24
4. การอนบุ าลลกู ปลา 25
การเพาะเล้ยี งสตั วน า้ํ ท่ดี ี (Good Aquaculture Practice; GAP) สูอนิ ทรีย
1. มาตรฐาน GAP สอู ินทรยี สาํ คัญอยา งไร
2. หลกั เกณฑแ ละข้นั ตอนสาํ หรับฟารม เล้ียงสตั วน ํ้าท่ดี สี อู นิ ทรยี
3. การยน่ื ขอรับการรับรอง
4. การรบั รอง 25
5. การตรวจตดิ ตามผล และการตรวจตอ อายุการรบั รอง 26
การผลติ ปลานิลอนิ ทรยี 29
การเพาะ และอนุบาลปลานิลอนิ ทรยี 29
• ลกั ษณะของอวัยวะเพศของปลานิล 30
• การผสมพนั ธุแ ละการวางไข 30
• การฟกไข 31
• ข้ันตอนการเพาะ อนบุ าลปลานิล และเลย้ี งปลานลิ 31
• การผลิตอาหารสตั วน าํ้ อนิ ทรยี 39
• การแปรรปู ผลิตภณั ฑปลานิล 42
การผลติ ปลาสลดิ อินทรยี 47
การเพาะพันธุปลาสลิด 47
การอนบุ าลลกู ปลาสลดิ ดวยการยายไขท เ่ี กาะหวอดไปฟก 50
การเล้ียงปลาสลดิ 50
เกษตรกรไดอ งคค วามรู 52
การผลิตกบอนิ ทรีย 53
การขยายพนั ธุกบแบบวธิ ธี รรมชาติ 53
การผลิตอาหารกบอนิ ทรีย 56
เทคนิคการเตรยี มอาหารอนิ ทรียในการเล้ยี งกบ 57
แนวทางการผลติ ปลาหมอไทยเพอ่ื เขาสูอตุ สาหกรรมการเลี้ยงสตั วน าํ้ อินทรีย 63
การจัดการการเลี้ยงปลาหมอในบอ ดนิ 64
อุปสรรคปญหาในการเลี้ยงปลาหมอในปจจุบนั 66
แนวทางการเลยี้ งปลาหมอใหเขาสกู ารเล้ยี งแบบปลอดภยั ตอผูบรโิ ภค 66
และเขา สอู ตุ สาหกรรมการเลีย้ งสัตวน าํ้ อินทรีย
สาตรารบางัญ
ตารางที่ 1 ความเปนพิษของแอมโมเนียตอ ปลา 8
ตารางที่ 2 ความเปน นวัตกรรมของสายพนั ธปุ ลาหนงั ลูกผสม 16
ตารางที่ 3 แสดงลกั ษณะเดนท่แี ตกตา งของปลาบึก ปลาสวาย และปลาลูกผสมฯ 17
22
ขนาด 1.5-2 กโิ ลกรมั 40
ตารางท่ี 4 การอนบุ าลลกู ปลาหลงั การฟก ในบอซีเมนต
ตารางท่ี 5 สูตรอาหารปลานลิ จงกล 01
สาภราบพญั
ภาพที่ 1 ลักษณะท่ัวไปของปลากะพงขาว 2
ภาพที่ 2 ระบบการเลยี้ งสตั วน า้ํ แบบนา้ํ หมนุ เวยี น (Recirculating aquaculture systems, RAS) 4
ภาพท่ี 3 องคประกอบหลกั ของระบบการเล้ียงสัตวนา้ํ แบบน้าํ หมนุ เวียน 5
ภาพที่ 4 โรงเรือนระบบปด ในโครงการการพฒั นาศักยภาพของวิสาหกิจชุมชน
เพอื่ ผลติ และแปรรูปสัตวนาํ้ แบบอนิ ทรยี สรู ะบบอตุ สาหกรรมประมงอนิ ทรีย
ในจงั หวดั เชยี งใหม 6
ภาพที่ 5 ระบบใหอ ากาศ 6
ภาพที่ 6 ระบบหมนุ เวียนนํ้า 7
ภาพที่ 7 การจบั ตวั ของแทนนนิ กบั แอมโมเนียในนาํ้ 8
ภาพที่ 8 การใชส ารสกัดแทนนนิ จากใบพืชใชในการลดแอมโมเนยี
ในบอ เลีย้ งปลากะพงขาวแบบหนาแนน 9
ภาพท่ี 9 ผลผลติ จากปลากะพงขาวท่ไี ดจากโครงการระบบการเล้ียงสตั วน ้ํา
แบบนา้ํ หมนุ เวยี น (Recirculating aquaculture systems, RAS) 9
ภาพที่ 10 ปลากะพงขาวขนาด 600-800 กรัม ท่ีไดจ ากการเลี้ยงในบอปูน
ระบบหมนุ เวียนน้าํ จดื ท่มี หาวทิ ยาลยั แมโ จ เชียงใหม เม่อื ป 2559 10
ภาพท่ี 11 การเล้ียงปลากะพงขาวในบอพลาสติกแบบเปดดวยระบบหมุนเวยี นน้ําจดื
ที่ฟารม สนั ปา ตอง จงั หวัดเชยี งใหม 10
ภาพที่ 12 การพัฒนาระบบการเพ่มิ ผลผลติ มูลคา มาตรฐาน
และ Brand ปลาลกู ผสมบึกสยามสอู ินทรยี 14
ภาพท่ี 13 ปลาหนงั ลูกผสมบึกสยามแมโจ 15
ภาพที่ 14 ลกั ษณะพอพนั ธุแ ละแมพ นั ธุท ม่ี ีความสมบรู ณพรอ มเพาะขยายพันธุ 18
ภาพท่ี 15 การเตรียมพอ แมพ นั ธแุ ละการเพาะผสมเทยี มเพื่อผลติ ลกู พนั ธปุ ลาฯ 20
ภาพที่ 16 การรดี ไขแมพนั ธปุ ลา การรดี นา้ํ เชื้อพอพนั ธุปลา และการผสมไขกบั นาํ้ เชื้อ 21
ภาพท่ี 17 ไขแ ดงบดผานตะแกรง 23
ภาพที่ 18 ปลาปน และรําละเอยี ด 23
ภาพที่ 19 อารทเี มยี และไรแดงแชแ ข็ง 23
ภาพท่ี 20 การลงพ้ืนที่ตรวจมาตรฐานการเล้ียงสัตวนํ้าทด่ี ี (GAP) 26
26
รว มกบั ศูนยว ิจัยและพฒั นาการเพาะเล้ียงสัตวนา้ํ จดื จงั หวดั เชียงใหม 27
ภาพท่ี 21 การตรวจมาตรฐานการเล้ียงสัตวนํ้าท่ีดี (GAP) ของฐานเรยี นรปู ลาบกึ 27
27
วนั ท่ี 4 พฤษภาคม 2561 28
ภาพท่ี 22 การมอบมาตรฐานการเลยี้ งสัตวนา้ํ ทดี่ ี (GAP) 28
29
ของบริษทั บานนอกคอกนา จงั หวัดเชียงใหม 30
ภาพที่ 23 การมอบมาตรฐานการเลี้ยงสัตวน ํ้าที่ดี (GAP) 30
31
ของเกษตรกรชุมชนหนองมะจบั จังหวดั เชยี งใหม
ภาพที่ 24 การมอบมาตรฐานการเลี้ยงสตั วน า้ํ ทีด่ ี (GAP)
ของเกษตรกร อําเภอดอยสะเกด็ จังหวัดเชยี งใหม
ภาพที่ 25 ใบประกาศนียบัตรรบั รองมาตรฐานการเพาะเล้ยี งสตั วน ้าํ ท่ดี ี (GAP)
ของฐานเรยี นรูปลาบกึ ฯ
ภาพท่ี 26 การอบรมและใบประกาศนียบัตรการรับรองมาตรฐาน
การเพาะเลี้ยงสัตวน้ําที่ดี (GAP)
ภาพที่ 27 ปลานิลแดง ท่ีเลยี้ งในบอโดยกินอาหารธรรมชาติ
ภาพท่ี 28 ลกั ษณะความแตกตางของอวยั วะเพศของปลานิล
ภาพที่ 29 การผสมพนั ธุของปลานลิ
ภาพท่ี 30 ไขปลาทอี่ มไวโ ดยปลาตัวเมยี
ภาพท่ี 31 บอเพาะพันธุ เปน บอซีเมนตในฐานเรียนรปู ลานลิ อนิ ทรยี มหาวิทยาลยั แมโจ 31
ภาพที่ 32 บอ เพาะพันธเุ ปนบอซเี มนตใ นพื้นทข่ี องกลมุ ชมุ ชนประมงทองถิ่น
ตาํ บลชมพูอําเภอสารภี เชยี งใหม 32
ภาพที่ 33 การตกั ลูกปลาทกุ ๆ 7 วัน นาํ มาอนุบาลตอ ในกระชงั ตอไป 33
ภาพที่ 34 นาํ ลกู ปลาไปอนบุ าลในบอ ซีเมนต อตั ราปลอ ย 1,000-2,000 ตัว/ตารางเมตร 34
ภาพท่ี 35 นําลกู ปลาไปอนบุ าลในกระชงั แขวนในบอซีเมนต
อตั ราปลอ ย 500-1,000 ตวั /ตารางเมตร 35
ภาพที่ 36 นําลูกปลาอายุ 2 เดือน เลี้ยงในระบบ biofloc อัตราการปลอย 30 ตวั /ตารางเมตร 36
ภาพท่ี 37 นําลกู ปลาอายุ 2 เดอื น เลยี้ งในระบบอนิ ทรีย ปลอ ย 3 ตวั /ตารางเมตร
โดยการเลย้ี งปลาหมอไทยในกระชงั และในกระชงั เล้ยี งแหนเปด เล็ก
เพ่ือตักเปนอาหารปลานิล 37
ภาพที่ 38 นําปลาอายุ 2 เดอื น เล้ียงในบอ ดนิ ระบบอินทรีย
อตั ราการปลอ ย 3 ตวั /ตารางเมตร โดยมีการทําอาหารธรรมชาติ
เปนอาหารเสรมิ แกปลาตอ ไป 38
ภาพท่ี 39 นาํ ปลาอายุ 2 เดอื น เล้ยี งในซเี มนตมรี ะบบกรองน้าํ
และใชไ ขนํา้ (ผาํ ) เปนตัวบําบดั นํ้า 39
ภาพท่ี 40 การนาํ แหนเปดเล็กมาเลยี้ งปลานลิ แดงในบอซเี มนตระบบอนิ ทรยี
และการนําน้ําจากบอเล้ียงปลามาปลกู พชื ผกั ไดผ ลผลติ ปลานิลแดง
และผกั ท่ีมคี ุณภาพตอไป 39
ภาพท่ี 41 การเพาะเลย้ี งสไปรลู นิ า ในบอซเี มนต 40
ภาพที่ 42 การผลติ อาหารปลานิลปลอดภยั พัฒนาสูอาหารปลานิลอินทรยี ตอไป
เปนอาหารลอยน้ํา 80% 40
ภาพที่ 43 การสรางอาหารธรรมชาติโดยใช หญาเนเปย รส ด+ปยุ คอก 41
ภาพที่ 44 การผลิตอาหารปลานลิ อนิ ทรยี จากหญาเนเปย ปากชอง 1 สตู รจงกล 02 42
ภาพท่ี 45 ชนดิ ปลานิลท่ใี ชในการแปรรูป 43
ภาพที่ 46 คณาจารยแ ละทมี บรกิ ารวิชาการ สอนนกั ศกึ ษาแปรรูปปลานลิ 44
ภาพที่ 47 คณาจารยและทมี บรกิ ารวิชาการ สอนเกษตรกร อาํ เภอสารภี แปรรูปปลานิล 45
ภาพที่ 48 ผลิตภณั ฑปลานลิ เสนแดดเดียว คางปลานิลแดดเดยี ว และปลานลิ แดงแดดเดยี ว 46
ภาพที่ 49 ฐานเรยี นรูป ลาสลดิ 47
ภาพท่ี 50 ปลาสลิด 47
ภาพที่ 51 ไขปลาสลิดเปน ไขล อยอยูในหวอด 48
ภาพท่ี 52 พอ แมพ นั ธุปลาสลดิ การชอ นหวอดไปฟกในถงั ฟก ไขแ ละฟกออกเปนตัว 49
51
ภายในเวลา 18-24 ชั่วโมง 51
ภาพที่ 53 การอนบุ าล ใหไดข นาด 3 เซนติเมตร
ภาพท่ี 54 การเล้ียงปลาระบบ biofloc 52
ภาพที่ 55 ผลติ ภณั ฑป ลาสลิดจากการอบรมแปรรปู กลุม เกษตรกร 54
55
โดยทีมคณาจารยคณะเทคโนโลยีการประมงฯ 56
มหาวิทยาลยั แมโ จแ ละกรมประมง 56
ภาพท่ี 56 กบนา และความแตกตางของไขก บกบั สตั วครง่ึ บกครง่ึ น้าํ ชนิดอน่ื 56
ภาพท่ี 57 ความแตกตางของเพศผูและเพศเมยี ที่พรอ มผสมพันธวุ างไข
ภาพท่ี 58 การผสมพันธุกบนาแบบธรรมชาติ
ภาพท่ี 59 ไขก บตดิ อยกู บั พรรณไมน ํ้า และลูกกบอายุ 2 วัน
ภาพที่ 60 ลูกกบ/ลูกออดอายุ 1-2 สัปดาห เขา สปั ดาหที่ 3 ขาออกครบทั้ง 4 ขา
ภาพท่ี 61 การเตรยี มอาหารอนุบาลลูกกบมอี าหารเมด็ เลก็ สตู รจงกล 01 57
ผสมเกลอื และสาหรา ยสไปรูลนิ า 57
58
ภาพที่ 62 อาหารธรรมชาติมี จิ้งหรีด ไสเ ดือน ไรแดงปลวก หนอนนก และหนอนผลไม 58
ภาพท่ี 63 ขน้ั ตอนการเพาะเล้ยี งหนอนผลไม 59
ภาพที่ 64 ลูกกบอายไุ ด 4-5 สปั ดาห หรอื อายุ 1 เดือน หางหดหายจงึ นําไปเลย้ี งตอ ไป 59
ภาพที่ 65 การเลี้ยงกบในบอ ซีเมนต 59
ภาพท่ี 66 การเล้ียงกบในบอซีเมนตกลมและกระชังลอยนาํ้ 60
ภาพที่ 67 การเล้ียงกบในบอพลาสติก และบอซีเมนตส เี่ หลย่ี ม 60
ภาพท่ี 68 การเลยี้ งกบในบอ ซเี มนต 68
ภาพที่ 69 เอกสารรับรองฟารมการผลิตสัตวนา้ํ จืดอนิ ทรยี ร วมกบั ชุมชน 69
ภาพท่ี 70 บดกลวยน้าํ วาใหละเอียด 70
ภาพที่ 71 ชัง่ วตั ถดุ บิ อาหารตามสตู ร ผสมสวนผสมท้ังหมดใหเขากัน 71
71
และนาํ เขา เครอื่ งอัดอาหาร 72
ภาพที่ 72 นาํ อาหารท่ไี ดไ ปตากใหแหง ในทร่ี ม 73
ภาพที่ 73 วัตถุดิบอาหารทใ่ี ช
ภาพท่ี 74 ถ่วั เหลอื งตม สกุ
ภาพที่ 75 ข้ันตอนการทําอาหารปลา
ภาพท่ี 76 ผลผลติ รวมทั้งหมดของปลาหมอไทยที่ไดรบั อาหารทดแทนปลาปนบางสว น
ดว ยถว่ั เหลอื ง 15 เปอรเซ็นต รวมกับใบมันสาํ ปะหลงั ทร่ี ะดับแตกตา งกัน
ปกาลราผกลติะพงขาวในนำ้ จดื 01
กเพา่ือรเเขลา้ยี สงอูสตุ ัตสวานหกำ้ รอรินมทรีย
โดย รองศาสตราจารย ดร.นิวุฒิ หวงั ชัย
บทนาํ
จากสถานการณใ นปจ จบุ นั ดา นความตอ งการของตลาดและแนวโนม ของผบู รโิ ภคทตี่ อ งการ
สัตวน้ําท่ีมีคุณภาพและปลอดภัยในการบริโภคมีสูงข้ึนโดยเฉพาะพ้ืนที่เมืองทองเท่ียว จึงเปนเหตุผล
ในการคน หานวตั กรรมการผลติ ปลากะพงขาวระบบเลี้ยงในนา้ํ จืดในเขตภาคเหนอื ตอนบน เพอ่ื สราง
ผลิตภัณฑประมงเกรดพรีเมย่ี มท่ีระดบั ปลอดภยั ตอ ผูบ ริโภคและสิ่งแวดลอม เพือ่ สนองความตองการ
อาหารของเมอื งทอ งเท่ียว ตามนโยบายรฐั บาลทส่ี ง เสรมิ แนวทางการผลติ อุตสาหกรรมอาหารภายใต
โครงการ Northern Food Valley และสอดคลองกับมหาวิทยาลัยแมโจท่ีมีนโยบายในพันธกิจ
ที่มุงเนนทางดานการเกษตรเพ่ือความมั่นคงดานอาหารโดยเฉพาะอาหารอินทรีย (Organic Food)
สัตวน าํ้ ทเี่ หมาะสมกบั การเลย้ี งในนา้ํ จดื ในเขตภาคเหนอื และทมี่ ตี ลาดรองรับไดแ ก ปลากะพงขาว
ปลากะพงขาว (Lates calcarifer, BLOCH 1790) เปน ปลาทะเลชนดิ หนง่ึ ทสี่ ามารถปรบั ตวั
ใหอยูในนํ้าจืดหรือน้ํากรอยได (สุรศักดิ์, 2540) ในปจจุบันมีการเล้ียงแพรหลายในเขตจังหวัด
ชายทะเลของประเทศไทย เนื่องจากเลี้ยงงาย โตเร็ว เน้ือปลารสชาติดี และมีราคาสูงพอคุมคากับ
การลงทุน ซึ่งในปจจุบันประเทศไทยสามารถเพาะพันธุปลากะพงขาวไดเปนจํานวนมาก สามารถ
ผลติ ลกู ปลาไดเ พยี งพอกบั ความตอ งการเพอื่ พฒั นาอาชพี และการอนรุ กั ษใ นแหลง นา้ํ โดยไดน าํ ลกู ปลา
ไปทําการเลยี้ งในระดบั ชุมชนจนสามารถเล้ียงเปน อาชีพไดสาํ เรจ็ ในระดบั หนงึ่
1
• คมู อื ประมงอินทรยี แมโ จ
ปลากะพงขาวที่มีจําหนายในทองตลาดเปนปลาท่ีไดจากการเพาะเลี้ยงเปนหลัก โดยนิยม
เลย้ี งในกระชงั ตามแหลง นาํ้ กรอ ยบรเิ วณปากแมน าํ้ และชายทะเล ซง่ึ มแี หลง เพาะเลยี้ งหลกั อยบู รเิ วณ
ปากแมนาํ้ บางปะกง จงั หวัดฉะเชิงเทรา และพื้นที่ปากแมนํ้า และชายทะเลทางภาคใต อยา งไรก็ตาม
การพัฒนาเพื่อยกระดับการเลี้ยงปลากะพงขาวใหเขาสูการเล้ียงแบบปลอดภัยตอผูบริโภคและเขาสู
อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตวนํ้าอินทรียได จําเปนตองพัฒนาระบบการเลี้ยง เชน การลดระยะเวลา
การผลิต การรับรองมาตรฐานและผลผลิต การลดตนทุนการผลิต เชน คาวัตถุดิบอาหารอินทรีย
ที่สามารถทดแทนปลาปนไดจากการใชวัสดุทองถ่ินและพืชน้ําท่ีมีคุณคาทางโภชนาการ ตลอดจน
การแปรรปู ที่สามารถเพิม่ มูลคา ใหตวั ผลผลติ เองได
ปจจุบันปลากะพงนับเปนสัตวเศรษฐกิจอีกชนิดท่ีทําเงินใหกับเกษตรกรไมนอย ขอมูลของ
กลุมวิจัยและวิเคราะหสถิติประมง ระบุป 2559 มีผลผลิตปลากะพง 17,062 ตัน มีฟารมเลี้ยง
ท่ีจดทะเบียนกับกรมประมง 7,593 ฟารม พ้ืนทเี่ ลี้ยงรวม 8,335 ไร สรา งมูลคาถงึ 2,112 ลานบาท
(สะ-เล-เต, 2560)
ภาพท่ี 1 ลกั ษณะทัว่ ไปของปลากะพงขาว
ทีม่ า: http://pasusat.com/
ขอมลู ท่ัวไปของปลากะพงขาว
ในประเทศไทยพบปลากะพงขาวมากในทกุ จงั หวดั ทต่ี ดิ กบั ทะเล ทงั้ ในอา วไทย และอนั ดามนั
โดยชุกชุมมากบริเวณปากแมนํ้าชายฝงทะเลน้ํากรอย และตอนเหนือปากแมนํ้าที่เปนแหลงน้ําจืด
ขนาดพอแมพ นั ธปุ ลากะพงขาวทพ่ี บทวั่ ไปประมาณ 5-10 กโิ ลกรัม ยาวประมาณ 20-40 เซนตเิ มตร
ทจี่ บั จากทะเลหรอื ตามแหลง นาํ้ กรอ ยจะมเี กลด็ สว นบนเปน สฟี า อมเขยี ว ดา นขา งลาํ ตวั และสว นทอ ง
2
คมู ือประมงอินทรียแ มโจ •
มีสีขาวเงิน สวนชนิดท่ีอาศัยในแมนํ้าหรือนํ้าจืดจะมีเกล็ดสวนบนเปนสีดํา ดานขาง และสวนทอง
มสี ขี าวเงนิ สว นครบี หางมสี ดี าํ ลว น โดยปลากะพงทพี่ บในแหลง นา้ํ เคม็ หรอื นาํ้ กรอ ยมกั จะมขี นาดใหญ
กวา ที่พบในแหลงนํ้าจดื
รปู แบบการเลีย้ งปลากะพงขาวในน้ําจืด
1. ระบบการเลย้ี งปลากะพงขาวในระบบนาํ้ หมนุ เวียน(RecirculatingAquaculture
System, RAS)
ดวยคุณลักษณะพิเศษของปลากะพงขาวท่ีอยูไดในทั้งนํ้าจืดและน้ํากรอย ทําใหสามารถ
ปรบั สภาพเลยี้ งในระบบนาํ้ จดื ได เมอ่ื คาํ นงึ ถงึ การเลยี้ งแบบปลอดภยั ตอ ผบู รโิ ภคและเขา สอู ตุ สาหกรรม
การเลย้ี งสตั วน า้ํ อนิ ทรยี ตามกระแสนยิ มบรโิ ภคอาหารในปจ จบุ นั และเพอื่ การสง ออกทงั้ ตลาดในประเทศ
และตา งประเทศ จงึ ทาํ ใหม กี ารพฒั นาเทคนคิ การเพาะเลย้ี งทมี่ คี วามยงั่ ยนื และเปน มติ รตอ สงิ่ แวดลอ ม
การเพาะเลย้ี งสตั วน าํ้ ในระบบปด ทมี่ กี ารหมนุ เวยี นนา้ํ ทผ่ี า นการบาํ บดั ใหม คี ณุ ภาพดแี ลว กลบั มาใชใ หม
จงึ สามารถตอบสนองความตองการนไ้ี ด
การเลี้ยงสัตวนํ้าโดยระบบนํ้าหมุนเวียน (RAS) เปนระบบการเล้ียงสัตวนํ้าที่มีการพัฒนา
ขึ้นมาใหมอยางตอเนื่อง เปนเทคนิคการเล้ียงสัตวน้ําในพ้ืนที่ที่จํากัด (Land-Base Aquaculture)
รวมกบั การควบคุมคณุ ภาพนํ้าดว ยระบบหมนุ เวยี น (Recirculation Aquaculture System) ภายใต
โดมความรอ น (Green House) เปน ระบบนาํ นาํ้ ทใี่ ชแ ลว มาบาํ บดั และนาํ กลบั มาใชใ หม ซง่ึ เปน วธิ กี าร
หนึ่งในการใชนํ้าอยางประหยัดและคุมคา ใชงานอยางแพรหลายในตางประเทศ ซึ่งสามารถรองรับ
ความหนาแนนสูง มีระบบควบคุมสภาวะแวดลอมใหเหมาะสม เพื่อใหสัตวน้ําเจริญเติบโตไดดี
องคประกอบหลักของระบบการเล้ียงสัตวน้ําแบบนํ้าหมุนเวียน ประกอบดวย บอเล้ียง มีลักษณะ
อาจจะมีหลายรปู แบบ เชน กลม เหลย่ี ม ขนาดของบอข้นึ อยูก บั ชนดิ ขนาด ความหนาแนนของปลา
ท่ีเล้ียง และระบบบําบัดนํ้า การทํางานเริ่มจากการกําจัดของแข็งโดยการกรองน้ําจากบอเลี้ยงปลา
ระบบกรองแบบชวี ภาพเพอื่ ลดความเปน พษิ ของแอมโมเนยี และระบบการควบคมุ การละลายของกา ซ
เพอ่ื เตมิ แกส ออกซเิ จนและกาํ จดั แกส คารบ อนไดออกไซด ระบบบาํ บดั นาํ้ จะทาํ งานอยา งตอ เนอื่ ง ทาํ ให
คณุ ภาพนา้ํ ดีเหมาะตอ การดํารงชวี ติ ของปลาตลอดระยะเวลาการเลย้ี ง ซ่ึงจะทําใหสามารถเลีย้ งปลา
ในความหนาแนน ทสี่ งู ได (นวิ ฒุ ,ิ 2561) องคป ระกอบหลกั ของระบบการเลย้ี งสตั วน าํ้ แบบนา้ํ หมนุ เวยี น
(Recirculating aquaculture systems, RAS) แสดงดังภาพที่ 2
นอกจากน้ีการติดตั้งโดมพลาสติกเพ่ือรักษาระดับอุณหภูมิน้ําใหเหมาะสมตอการกินอาหาร
ซ่งึ จะนาํ ไปสกู ารมอี ัตราการเจรญิ เติบโตทสี่ งู ข้ึน อณุ หภูมิน้ําทีเ่ หมาะสมคอื 27-31 องศาเซลเซียส
3
• คูมือประมงอินทรยี แมโ จ
4
ภาพที่ 2 ระบบการเล้ยี งสตั วน ํ้าแบบน้าํ หมนุ เวยี น (Recirculating aquaculture systems, RAS)
แผนภาพระบบการเพาะเลี้ยงสตั วน ํ้าแบบหมุนเวียน มหาวทิ ยาลยั แมโจ
2 1 ถงั เล้ยี งปลา นาํ้ หมุนเวียนเขา
การกําจดั ของแขง็
ของเสยี จากปลา
ของแข็ง เชน อจุ จาระและอาหาร 4
ทีไ่ มไดใ ชถกู กําจัดออกดว ยการกรอง ระบบการฆาเชอ้ื โรค
3 ระบบกรองชีวภาพ
คมู ือประมงอินทรยี แ มโ จ •
5 กาํ จดั คารบอนไดออกไซด
ปฏิกิรยิ าไนตรฟิ เ คชัน ปฏิกริ ิยาดีไนตริฟเคชัน กําจดั แบคทเี รยี และไวรัสในน้าํ เติมออกซเิ จน
(Nitrification) (Denitrification) ซ่งึ เปนสาเหตุใหเ กิดโรค
โดย Nitrifying Bacteria กําจัดไนเตรตออกจากนา้ํ
ทําหนา ที่ยอ ยสลาย 5 การควบคมุ สารละลายกาซ
แอมโมเนยี และไนไตรท (ออกซิเจนและคารบอนไดออกไซด)
ภาพท่ี 3 องคป ระกอบหลกั ของระบบการเลย้ี งสัตวน ํา้ แบบนํ้าหมนุ เวียน
• คูม อื ประมงอินทรียแมโ จ
ขอ ดขี องระบบการเลย้ี งสตั วน าํ้ แบบนา้ํ หมนุ เวยี น (RAS) คอื สามารถควบคมุ สภาพแวดลอ ม
ใหเ หมาะสมไดต ลอดการเลย้ี ง สตั วน าํ้ ทเ่ี ลย้ี งจงึ มคี วามแขง็ แรง มอี ตั รารอดสงู และมกี ารเจรญิ เตบิ โตทดี่ ี
ทําใหไดผลผลิตตอพ้ืนท่ีเพิ่มขึ้นเม่ือเทียบกับการเล้ียงในบอดินหรือกระชัง และสามารถเล้ียงสัตวนํ้า
ไดตลอดท้ังป นอกจากน้ียังชวยลดความเสี่ยงจากการปนเปอนดวยเชื้อกอโรคตางๆ ลดปริมาณน้ํา
ในการผลิตและลดผลกระทบตอสิ่งแวดลอมจากการปลอยนํ้าทิ้ง จึงนับวาการเพาะเล้ียงสัตวนํ้า
ในระบบปดมีความจําเปนและสําคัญอยางยิ่งตออนาคตของอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตวนํ้า
ภายในประเทศ ขอดีอื่นๆ ของระบบนี้คือ ระบบการเพาะเลี้ยงแบบปดนี้พัฒนาขึ้น เพื่อใหมีความ
เหมาะสมกับสภาพแวดลอมของประเทศไทย และสามารถติดตั้งระบบการเพาะเล้ียงน้ีที่ใดก็ได
ภายในประเทศไทย ไมมีขอจํากัดในเร่ืองภูมิประเทศ สงผลทําใหคุณภาพและปริมาณสินคา (ปลา)
ท่ีไดม คี วามคงท่ี ทําใหเ กิดรายไดและอาชีพของเกษตรกรเพาะเลย้ี งทมี่ ่ันคงและยงั่ ยนื
ระบบการเลย้ี งสัตวน้าํ แบบน้าํ หมุนเวยี น (RAS)
ภาพที่ 4 โรงเรือนระบบปดในโครงการการพฒั นาศกั ยภาพของวสิ าหกจิ ชุมชน
เพื่อผลติ และแปรรูปสตั วนาํ้ แบบอนิ ทรยี สูระบบอุตสาหกรรมประมงอนิ ทรียในจงั หวดั เชียงใหม
ภาพท่ี 5 ระบบใหอากาศ
6
คูม ือประมงอินทรียแมโ จ •
ระบบใหอากาศ
การใหอากาศในบอเลี้ยงเปนส่ิงจําเปนอยางมากเพื่อใหในบอปลามีออกซิเจนที่เพียงพอ
สาํ หรบั การดาํ รงชพี และออกซเิ จนยงั ทาํ ใหร ะบบกรองทาํ งานไดเ ตม็ ท่ี จลุ นิ ทรยี ส ามารถกาํ จดั ของเสยี
ไดอยางมีประสิทธิภาพ ระดับออกซิเจนท่ีเหมาะสมคือ 3-9 พีพีเอ็ม คุณภาพน้ําดีขึ้น และสัตวน้ํา
มีสขุ ภาพแข็งแรง
ภาพท่ี 6 ระบบหมุนเวียนนํา้
เพื่อนําน้ําในบอหมุนเวียนกลับไปใชใหมไดโดยผานตัวกรองของเสีย สามารถแกปญหา
สภาพแวดลอมเรื่องน้ําจากแหลงธรรมชาติท่ีนํามาเพาะเล้ียงสัตวน้ําได โดยตองจัดการระบบกรอง
ของเสยี โดยเฉพาะ แอมโมเนียใหเหมาะสม ซง่ึ สารพิษแอมโมเนียในบอ จะสะสมมากขึน้ ตามปรมิ าณ
อาหารท่ใี ห เม่ือมีปริมาณมากจะทาํ ใหป ลาเครียดและตายได ระดบั ท่เี ปนพษิ ไดแสดงในตารางที่ 1
7
• คูมอื ประมงอนิ ทรียแมโ จ
ระบบกรองของเสีย
การกําจดั ของเสยี เปนระบบทส่ี ําคัญมากในการเล้ียงแบบหนาแนน ในบอปูน ในข้ันตอนแรก
นํ้าเสียจากบอจะผานการกรองตะกอนขนาดใหญ จากนั้นน้ําจะผานเขาระบบกําจัดของเสียโดย
จุลินทรีย ซึ่งวิธีการกําจัดเกิดจากกิจกรรมของจุลินทรียกําจัดของเสียในรูปตะกอนแขวนลอย
และสารละลาย โดยของเสียในนํ้าในบอปลา มาจากการขับถา ยของสัตวน าํ้ และอาจมาจากเศษเหลือ
ของอาหารที่สัตวน้ํากินไมหมด ของเสียที่เปนอันตรายกับสัตวนํ้าไดแก แอมโมเนีย (NH3) ซ่ึง
แอมโมเนยี รวม คอื คา ความเขม ขน ของ NH4+ และ NH3
ตารางท่ี 1 ความเปน พิษของแอมโมเนยี ตอ ปลา
ตารางแสดงความเปน พิษของแอมโมเนียตอ ปลา
จากงานวจิ ยั ทผี่ า นมาพบวา สารแทนนนิ จากพชื สามารถลดปรมิ าณแอมโมเนยี ในนา้ํ เลย้ี งปลาได
(ภาพที่ 7) ซึง่ เหมาะกบั การกาํ จัดแอมโมเนยี ในระบบการเล้ยี งแบบอินทรีย (นิวุฒ,ิ 2557)
ภาพที่ 7 การจบั ตัวของแทนนนิ กบั แอมโมเนยี ในน้ํา
8
คูม ือประมงอนิ ทรยี แ มโ จ •
ภาพท่ี 8 การใชส ารสกดั แทนนินจากใบพชื ใชในการลดแอมโมเนยี
ในบอเล้ียงปลากะพงขาวแบบหนาแนน
ภาพที่ 9 ผลผลิตจากปลากะพงขาวที่ไดจากโครงการระบบการเลยี้ งสตั วนํ้าแบบน้าํ หมนุ เวียน
(Recirculating aquaculture systems, RAS)
9
• คูมือประมงอินทรยี แ มโจ
ภาพท่ี 10 ปลากะพงขาวขนาด 600-800 กรมั ท่ีไดจ ากการเลยี้ งในบอ ปูนระบบหมุนเวยี นน้ําจดื
ท่มี หาวทิ ยาลัยแมโจ เชยี งใหม เมื่อป 2559
ภาพท่ี 11 การเล้ียงปลากะพงขาวในบอพลาสตกิ แบบเปด
ดว ยระบบหมุนเวยี นน้าํ จืดทฟี่ ารมสนั ปาตอง จงั หวัดเชียงใหม
10
คมู ือประมงอนิ ทรียแมโ จ •
สรุป
การเลี้ยงปลากะพงขาวดวยระบบหมุนเวียนนํ้า (RAS) ในบอซีเมนตภายใตโดมความรอน
ในเขตพ้ืนที่น้ําจืด เปนแนวทางการผลิตสัตวนํ้าท่ีสําคัญมากในปจจุบันที่สามารถนําผลผลิตเขาสู
อุตสาหกรรมการเล้ียงสัตวนํ้าอินทรีย เปนนวัตกรรมการเล้ียงที่ไดผลผลิตคุณภาพสูง มีความสด
ปราศจากกล่ินสาบโคลน ใหผลผลิตที่ไดตามความตองการและผลผลิตสูง ระบบการเลี้ยงยังรักษา
สง่ิ แวดลอ ม ใชน า้ํ นอ ย และจดุ เดน คอื ใชแ รงงานไมม ากเหมอื นการเล้ียงทวั่ ไป เกษตรกรสามารถทาํ ได
ภายในครอบครวั สามารถจดั การผลผลิตปลาสตู ลาดอยา งมีประสทิ ธิภาพ
แตอ ยางไรก็ตามการผลติ ยังตอ งหาวตั ถดุ ิบอาหารอนิ ทรยี โ ดยเฉพาะแหลงโปรตีนทีส่ ามารถ
ทดแทนปลาปนได ซึ่งอาจไดจากวัสดุพืชโปรตีนเชนกากถ่ัวเหลืองอินทรีย หรือการใชวัสดุทองถ่ิน
และพืชนํ้าท่มี คี ณุ คาทางโภชนาการเพียงพอ
จากการเล้ียงท่ีผานมาถือวาประสบผลสําเร็จ ไดผลผลิตปลากะพงขาวท่ีคุณภาพสูง โตเร็ว
ไดผลผลิตตามที่ตองการและการจัดการท่ีไมซับซอน เหมาะกับเกษตรกรทั่วไป และผูประกอบการ
เชิงพาณิชยเหมาะกับพื้นท่ีเมืองทองเท่ียวที่มีความตองการของตลาดที่ผูบริโภคที่ตองการสัตวนํ้า
ที่มคี ณุ ภาพและปลอดภัย
เอกสารอางอิง
นวิ ฒุ ิ หวงั ชยั และทพิ สคุ นธ พิมพพมิ ล. 2561. ระบบการเล้ยี งปลากะพงแบบนา้ํ หมุนเวยี น. เขา ถึง
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561. สืบคนจาก www.organic.mju.ac.th/wtms_document
Download.aspx?id=MzUyNjQ=
นวิ ฒุ ิ หวังชัย และอดุ มลักษณ สมพงษ. 2557. รายงานวิจยั เรอ่ื งเทคนคิ การลดกลน่ิ โคลนในปลานลิ
ดวยปูนยิปซมั ฟางขา วและจลุ ินทรีย งบประมาณป 2556. สํานักงานกองทุนสนับสนุน
การวจิ ยั (สกว).
ไมป รากฏผแู ตง . (ม.ป.ป.). Intensive Recirculating Aquaculture Systems (RAS). เขา ถงึ
เม่ือวันที่ 6 มิถุนายน 2561. สืบคนจาก http://www.lbaaf.co.nz/land-based-
aquaculture/intensive-recirculating-aquaculture-systems-ras-/
ไมป รากฏผแู ตง . (ม.ป.ป.). ปลากะพงและการเลย้ี งปลากะพง. เขา ถงึ เม่ือวันท่ี 6 มิถนุ ายน 2561.
สบื คนจาก http://pasusat.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B
8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD/
11
• คูมือประมงอนิ ทรียแมโ จ
สะ-เล-เต. 2560. ตลาดปลากะพงยังเปดกวาง. เขาถึงเม่ือวันท่ี 6 มิถุนายน 2561. สืบคนจาก
https://www.thairath.co.th/content/933862
สุรศกั ด์ิ วงศก ติ ตเิ วชกุล. 2540. สารานุกรมปลาไทย. บริษทั เอม ซัพพลาย จํากดั , กรงุ เทพมหานคร.
170 หนา.
Admin. 2017. What is Recirculating aquaculture systems (RAS). เขาถึงเมื่อวันท่ี 6
มิถุนายน 2561. สืบคนจาก http://bangladeshfisheriescommunity.com/
recirculating-aquaculture-systems-ras/
Webmaster. 2005. กะพงขาว. เขาถึงเมื่อวันท่ี 6 มิถุนายน 2561. สืบคนจาก http://www.
coastalaqua. com/oldweb/index.php?option=com_content&task=view&id=1
33&Itemid=2
12
ระบบการเพิ่มผลผลิต 02
มปลูลคาลา กู มผาสตมรบฐากึ นสแยลาะมBแraมnโdจ
โดย รองศาสตราจารย ดร.เกรยี งศกั ดิ์ เมง อาํ พนั
บทนํา
การพัฒนาระบบการเพิ่มผลผลิต มูลคา มาตรฐาน และ Brand ปลาหนังลูกผสมสําหรับ
วิสาหกิจชุมชน การเพาะเลี้ยงปลาหนังน้ําจืดซ่ึงเปนอาชีพท่ีมีความสําคัญตอความม่ันคงทางอาหาร
เศรษฐกิจและสุขภาพของชุมชน เนื่องจากอาหารสัตวนํ้าจากธรรมชาติมีจํานวนลดลง มากกวานั้น
ปลาหนังที่เพาะเลี้ยงเดิมๆ มีมูลคานอยไมไดคุณภาพ และไมเปนท่ีตองการของตลาด จึงไดคิดคน
ระบบการเพาะเลี้ยงสัตวน้ําครบวงจร ต้ังแตการคัดพันธุและปรับปรุงพันธุปลาลูกผสมรุนท่ี 1 (F1)
อายุ 2-3 ป จนไดเ ปน สายพนั ธใุ หม คอื ปลาลกู ผสมรนุ ที่ 2 (F2) โดยการวเิ คราะหร ปู รา งและพนั ธกุ รรม
ที่จาํ เพาะ (โตดี เน้อื อรอย และดีตอ สขุ ภาพ) กบั ระบบการเลี้ยงทีไ่ ดมาตรฐานสตั วนาํ้ ทดี่ ี โดยมกี าร
คิดคน ระบบการเลย้ี งปลาแบบครบวงจร มวี ัตถุประสงคเพอ่ื หาวิธกี ารขน้ั ตอนการเพาะเลยี้ งปลาหนงั
แบบที่เลี้ยงงาย โตไว ทําใหไดเน้ือปลาท่ีมีคุณภาพดี มีสีและกล่ินของเน้ือปลาท่ีดี เหมาะสําหรับ
เปนปลานา้ํ จืดเศรษฐกจิ ตอ ไป การเพาะเล้ียงสัตวนํ้าเปนอาชพี ทม่ี ีความสาํ คญั มาก ซึ่งการเพาะเลี้ยง
เพื่อผลิตปลาแบบเดิมๆ มีมูลคานอยไมไดคุณภาพมาตรฐานและไมเปนที่ตองการของตลาด ทีมวิจัย
จึงไดพ ฒั นากระบวนการเพาะเลี้ยงสัตวน า้ํ แบบครบวงจร มี 5 ข้ันตอน ดังนี้ ขน้ั ตอนที่ 1. การคัดพนั ธุ
และปรับปรุงปลาลูกผสม ข้ันตอนที่ 2. มีการเลี้ยงและตรวจรับรองท่ีไดมาตรฐานสัตวน้ําท่ีดี
(GAP) สูอ ินทรีย ขน้ั ตอนที่ 3. การแปรรูปเพ่มิ มลู คาจากเน้อื ปลา ขน้ั ตอนที่ 4. ความรว มมอื ท่ีดกี ับ
ภาคชุมชน ภาครฐั และภาคเอกชน ดา นการตลาดเพอ่ื ใหร ายไดท มี่ น่ั คงแกเ กษตรกรเพมิ่ ขน้ึ 3-10 เทา
13
• คมู อื ประมงอินทรยี แมโจ
ขน้ั ตอนที่ 5. การสนบั สนนุ ดา นวชิ าการถา ยทอดองคค วามรแู ละเทคโนโลยกี ารตดิ ตามประเมนิ ผลงาน
อยา งตอเนื่องดงั ภาพที่ 12
Step 1 Step 2
Selection & breeding GAP & organic farm
Step 5 HCPC Step 3
Follow-up Innovative Aquaculture Value products
Income, products, System
Farm & well-being
Step 4
Coopertive & community
ภาพที่ 12 การพัฒนาระบบการเพิ่มผลผลติ มลู คา มาตรฐาน
และ Brand ปลาลูกผสมบกึ สยามสูอ ินทรีย
การคัดพันธแุ ละปรับปรงุ พนั ธุป ลาลูกผสม
1. ลกั ษณะเดนของปลาบกึ ปลาสวาย และปลาลกู ผสม
ปลาบึก (Pangasianodon gigas) เปนปลาน้ําจืดประเภทไมมีเกล็ดท่ีมีขนาดใหญท่ีสุด
ในโลก มีถิ่นกําเนิดเดิมในลุมแมนํ้าโขง เปนปลาท่ีมีการเจริญเติบโตดีมาก จัดอยูในวงศเดียวกัน
กับปลาสวาย ปลาเทพา ปลาเทโพ ลักษณะภายนอกที่แตกตางจากปลาหนังขนาดใหญชนิดอ่ืน
ไดแก ลักษณะของฟนและหนวด ปลาบกึ ไมมีฟน และเกือบจะไมม ีหนวด โดยทป่ี ลาวยั ออ นมีฟนและ
กนิ ปลาอน่ื เปน อาหาร แตเ มอ่ื โตขน้ึ ฟน จะหลดุ ไป และมตี าซงึ่ จะอยตู าํ่ กวา มมุ ปาก เนอื้ ปลาบกึ นอกจาก
มรี สชาตดิ แี ลว ยงั มคี ณุ คา ทางโภชนาการสงู อกี ดว ย โดยประกอบไปดว ย โปรตนี คารโ บไฮเดรต วติ ามนิ
และกรดไขมนั หลายชนิดทเี่ ปน ประโยชนตอ รา งกาย จงึ ทาํ ใหเ กษตรกรจาํ หนา ยไดร าคาดี
14
คมู อื ประมงอนิ ทรียแ มโจ •
ปลาสวาย (Pangasius hypophthalmus) เปนปลาท่ีเล้ียงในประเทศไทยมานาน แตมี
ขอจํากัดในเรื่องสีเน้ือมีสีเหลือง ไมคอยไดรับความนิยมในการบริโภค แตมีขอดีในเรื่องของการ
เจริญเติบโต การเจริญพันธุ และความดกไขท่ีดี จึงมักนํามาผสมกับปลาหนังชนิดอ่ืน เชน ปลาบึก
ปลาสวาย เพือ่ เพมิ่ ผลผลติ และปรบั ปรุงสีเนือ้ ใหม สี ีขาวอมชมพู
การคัดพนั ธุและปรบั ปรงุ พันธปุ ลาลูกผสมรนุ ท่ี 1 (F1) อายุ 2-3 ป จนไดเปน สายพนั ธุใหม
คอื ปลาลกู ผสมรนุ ที่ 2 (F2) โดยสามารถแยกรปู รา งและพนั ธกุ รรมจาํ เพาะของปลาลกู ผสมฯ มลี กั ษณะ
เดน เชน เจริญเตบิ โตดี เนือ้ อรอ ย เจรญิ พันธไุ ดดี เปน ทย่ี อมรบั ของเกษตรกรและผบู รโิ ภค
ป 2550-2551 พอปลาบึกแมโ จ 75 (รนุ ท่ี 2) อายุ 5-6 ป X แมปลาสวาย อายุ 2-3 ป
ลกู ปลาบึกลกู ผสม (ลกู ผสมรุนที่ 1)
ป 2553 พอ X แมปลาบึกลูกผสม (พอ บกึ -แมส วาย) อายุ 3 ป
ป 2556 ลูกปลาบกึ สยามแมโจ (ลูกผสมรนุ ท่ี 1) อายุ 18 เดอื น
ภาพท่ี 13 ปลาหนังลูกผสมบกึ สยามแมโจ
15
• คูมอื ประมงอนิ ทรียแ มโจ
ตารางที่ 2 ความเปน นวตั กรรมของสายพนั ธปุ ลาหนังลูกผสม
องคประกอบ ปลาสวาย/ปลาบึก ปลาลูกผสมบึกสยามแมโ จ
1. คณุ คา สายพันธุ 1. ราคาถูก เลย้ี งในระบบ 1. ราคาเพิ่มขึน้ 3 เทา เลยี้ งในระบบ
ไมไดม าตรฐาน GAP ไดม าตรฐาน GAP สามารถนําแปรรปู
เพิ่มมลู คา ไดห ลากหลาย
2. ลกั ษณะเดน 2. เนื้อเหลอื งมีกล่ินโคลน 2. เนือ้ ขาวอมชมพู มีโอเมกา 3, 6 และ 9
มีเน้อื 35-40% มเี นื้อ 45-50% เจริญพนั ธดุ ี และ
3. สายพันธุปลา เขา สตู ลาด 1-2 ป/10 ป ชว งยาว เขา สตู ลาดเรว็ 6-12 เดือน
4. ฤทธ์ชิ ีวภาพ
3. ไมแนนอนหลายสายพันธุ 3. สายพันธใุ หมท ้ังรปู รา งและพนั ธุกรรม
ตอสขุ ภาพ
(ของนํ้ามนั 4. ไมมีการทดสอบ 4. มกี ารทดสอบมผี ลดีตอ สุขภาพ
ในเนอื้ ปลา) เชน ปอ งกันและลดอนมุ ลู อิสระ
ลดไตรกล-ี เซอรไ ร การอักเสบ และ
ปอ งกันเบาหวาน (ดวงพร และคณะ,
2553 และ 2558)
การเพาะเลยี้ งปลาลกู ผสมเชงิ พาณชิ ยอ ยา งยง่ั ยนื ซง่ึ ปจ จบุ นั นยิ มเลยี้ งกนั มากขนึ้ ทงั้ ในบอ ดนิ
และในกระชัง ควรใหความสําคัญในเรื่องการคัดเลือกพอแมพันธุที่ดีเพื่อผลิตลูกปลาที่มีสายพันธุที่ดี
และมคี ุณลกั ษณะเปน ท่ีตองการของตลาด จากตารางท่ี 2 แสดงใหเห็นถงึ ความแตกตางของลกั ษณะ
ปลาบึก ปลาสวาย และปลาหนังลูกผสมระหวางพอปลาบึกและแมปลาสวาย อาทิเชน นํ้าหนัก
ของปลาอายุ 1 ปขึ้นไป ท่ีเล้ียงในฟารม พบวา นํ้าหนักปลาบึกมีคามากสุด 5 กิโลกรัม ปลาหนัง
เนื้อขาว 3 กิโลกรัม ปลาสวาย 1.5 กิโลกรัม ปลาบึกมีเน้ือ 45 เปอรเซ็นต ปลาหนังเน้ือขาว
40 เปอรเซ็นต ปลาสวาย 35 เปอรเซ็นต และปลาหนังลูกผสมเจริญเติบโตและเจริญพันธุไดดีกวา
ปลาสวาย สวนลักษณะของจุดน้ําหมึกหรือจุดดําตามลําตัวจะพบไดเฉพาะปลาบึกท่ีมีขนาดใหญก วา
1 กิโลกรัมขึ้นไป ซ่ึงสามารถใชเปนดัชนีบงช้ีความแตกตางระหวางปลาบึก ปลาหนังเนื้อขาว และ
ปลาสวาย ดูลักษณะฟนของปลาบึกจะไมมีฟน ปลาหนังเนื้อขาวจะมีฟนลางตรงกลางเล็กนอย
สวนดานบนไมมีฟน สวนปลาสวายมีท้ังฟนบนและฟนลาง สวนหัวและลําตัวของปลาบึกกวางกวา
ปลาหนังเน้ือขาวและปลาสวาย หนวดบริเวณขากรรไกรบนจะสั้นกวาปลาสวายประมาณ 1.5 เทา
ครีบหาง ปลาบกึ จะเวา กวางและหนากวาปลาสวาย
16
ตารางที่ 3 แสดงลักษณะเดน ท่แี ตกตา งของปลาบกึ ปลาสวาย และปลาลกู ผสมฯ ขนาด 1.5-2 กิโลกรมั
ชนิดปลา ลกั ษณะหวั จดุ ดาํ ลกั ษณะฟัน ครบี หาง ตําแหนงตา ความยาว % เน้อื สเี นอื้ การโต/ อัตราการรอด/
หนวด เจริญพันธุ ตานทานโรค
ปลาบกึ หัวกวา ง เวา กวาง ใตเสน ชามาก ดมี าก
ปาน หนา ขอบปาก
มี ไมม ี สน้ั 35-40 ชมพแู ดง
ปลาสวาย หวั เรยี ว มีทง้ั ฟนบนและ เวา แคบ บนเสน
แคบยาว ฟน ลาง บาง ขอบปาก
ไมม ี ยาว 30-35 เหลือง ดี ดี
คมู ือประมงอินทรยี แ มโ จ •
ปลาหนงั ลูกผสม F117 มฟี นลางตรง บนเสน
กลางเลก็ นอย ขอบปาก
หัวปา นเลก็ มี เวา แคบ ปานกลาง 40-45 ขาวชมพู ดมี าก ดมี าก
ปลาลูกผสมบึกสยามฯ มีฟน ลา ง เวา แคบ ก่ึงกลาง ปานกลาง 45-50 ขาวชมพู ดีมาก ดีมาก
หวั ปา นเลก็ มี หนา ขอบปาก
• คูม อื ประมงอนิ ทรยี แมโจ
2. การเลย้ี งพอและแมพนั ธุปลาหนงั ลกู ผสม
บอเลี้ยงพอแมพันธุ ปลาลูกผสมท่ีเปนพอแมพันธุไดตองมีอายุ 3 ปข้ึนไป ไมควรมากกวา
10 ป มีนํ้าหนักกวา 3 กิโลกรัม โดยปกติจะปลอย 300 ตัว/ไร บอที่เล้ียงควรมีขนาดใหญและ
มีความลึกกวาบอเลี้ยงปลาเนื้อธรรมดา อยางนอยควรมีขนาด 1 ไร ความลึก 2-3 เมตร มีระบบ
ทอสงนํ้าและระบายนํ้าเพ่ือชวยในเร่ืองการเจริญเติบโตและการเจริญพันธุ การใหอาหารโปรตีน
30 เปอรเซ็นต ใหอัตรา 2 เปอรเซ็นตของนํ้าหนักตอวัน อาหารท่ีนิยมใชจะมีสวนประกอบของ
ปลายขาวตม 22 เปอรเซ็นต ปลาปน 22 เปอรเซ็นต กากถ่ัวเหลือง 18 เปอรเซ็นต รําละเอียด
33 เปอรเซ็นต และวิตามินหรือใชสาหรายสไปรูลินา 5 เปอรเซ็นต คุณสมบัติของน้ําท่ีเหมาะสม
โดยเฉพาะคาออกซิเจน ความเปนกรด นํ้าท่ีมีออกซิเจนต่ํา และมีความเปนกรดสูง จะมีผลตอ
ความอุดมสมบูรณ การพัฒนา และปริมาณของไขและอสุจิ ข้ันตอนท่ีกําหนดความสําเร็จในการ
เพาะพันธุปลา คือ บอปลาควรอยูกลางแจง อุณหภูมิท่ีเหมาะสมควรมีคา 30-35 องศาเซลเซียส
มกี ารถา ยเทนา้ํ สมาํ่ เสมอ การคดั เลอื กพอ แมพ นั ธทุ เี่ จรญิ เตบิ โตดี อายนุ อ ย สมบรู ณเ พศ แขง็ แรง และ
รูปรางสมบูรณ โดยท่ัวไปหลักใชการคัดเลือก สังเกตลักษณะทองปลาวามีการพัฒนาของไขและ
น้ําเชื้อ โดยดูจากแมปลาทองจะอูมน่ิม เม่ือกดดูทองเบาๆ จะมีไข สวนตัวผูจะมีน้ําเช้ือสีขาวขุน
ไหลออกมา แสดงถึงความพรอมท่ีจะฉีดฮอรโมนเพื่อการผสมเทียมได ควรงดอาหารปลากอนการ
ผสมเทียม 1 วัน โดยพอแมพันธุปลาที่มีความพรอมมักจะเริ่มในเดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม
ปลาพอแมพันธุที่มีความสมบูรณเพศหรือเจริญพันธุเต็มที่ แสดงดังภาพท่ี 14 ซึ่งไดจากการเลี้ยง
ในบอดนิ แลวนํามาเพาะขยายพันธุ
ภาพท่ี 14 ลกั ษณะพอ พนั ธุ (บน) และแมพนั ธุ (ลา ง) ทม่ี คี วามสมบูรณพ รอ มเพาะขยายพนั ธุ
18
คูมือประมงอินทรียแ มโจ •
3. การเพาะขยายพันธุปลาโดยใชต อ มใตส มองหรือลูกปลาจากแหลงผลติ อืน่
ฮอรโมนจากตอมใตสมองปลา หมายถึง การนําตอมใตสมองของปลามาบดใหละเอียด
ผสมนา้ํ กลนั่ ตามนา้ํ หนกั ปลา คือ อตั ราสว น (1 ซีซี / น้ําหนกั ปลา 1 กิโลกรมั )
DS = น้ําหนักปลาทีจ่ ะฆา เอาตอม / นา้ํ หนกั ปลาทจี่ ะฉีดฮอรโมน
การเก็บรักษาตอมใตสมองปลา
ตอมใตสมองของปลามีลักษณะเปนเม็ดสีขาวขนาดเล็ก หรือใหญ ข้ึนอยูกับชนิดและ
ขนาดของปลา ตอมใตสมองของปลาจะมีฮอรโมนโกนาโดโทรปน (gonadotropin) อยู 2 ชนิด
คือ luteinizing hormone, LH และ follicle-stimulating hormone, FSH ซึ่งฮอรโ มน 2 ชนดิ
นี้จะชวยในการเรงใหไขแกเต็มท่ีและหลุดจากรังไข สามารถรีดออกมาผสมกับน้ําเชื้อได ในการใช
ตอ มใตสมองในการผสมเทียม มดี ว ยกัน 2 วธิ ี คอื การใชตอ มสดและการใชต อ มทเ่ี กบ็ รกั ษาในนาํ้ ยา
อะซโี ตนหรอื แอลกอฮอล ซง่ึ ในการคาํ นวณโดสทจี่ ะใช สามารถคาํ นวณจากสตู ร โดส (dose) = นา้ํ หนกั
ท่ีตองการฉีด หรือสามารถใชเปนน้ําหนักตอม 2-4 มิลลิกรัม สําหรับฉีดปลาขนาด 1 กิโลกรัม
โดยชนิดปลาตอ มทน่ี ิยมใช เชน ปลาไน ปลาจนี ปลาสวาย และปลาดุก เปน ตน
วธิ ีปฏิบตั กิ าร
1. ช่งั วดั น้ําหนักปลาและจดบันทึก
2. เพื่อไมใหโลหิตไปค่ังท่ีตอมใตสมองของปลา ดังน้ันตองดึงเหงือกของปลาออกเสียกอน
เปดกะโหลกปลาออก ใชปากคีบดึงเอาสวนของสมองออกแลวจะเห็นตอมใตสมองท่ีมีลักษณะเปน
เมด็ กลมคลา ยเขม็ หมดุ สขี าวเดน ชดั มาก ใชป ากคบี คอ ยๆ เกบ็ ตอ มใตส มองออก พยายามอยา ใหแ ตก
3. นําตอ มใตส มองแชลงในอะซโี ตน 90 เปอรเซน็ ต เปนเวลา 10-15 นาที จากนั้นนาํ ตอม
ไปเก็บในขวดแกวสีชาที่บรรจุอะซีโตนและเขียนกระดาษกํากับ วัน เดือน ป ขนาด น้ําหนัก และ
ชนดิ ของปลาท่ีเก็บ
การเพาะขยายพนั ธปุ ลาโดยใชตอ มใตส มองของปลา
1. ชง่ั นํา้ หนักปลาทีจ่ ะฉีดและคาํ นวณปริมาณตอมทจ่ี ะใช
ตัวอยา งการคํานวณปรมิ าณฮอรโมนจากตอ มใตสมอง
ตวั อยา งที่ 1 มีแมปลาลูกผสมฯ น้าํ หนกั 3 กิโลกรมั จาํ นวน 1 ตัว ถาตองการฉีดในอตั รา
1.5 DS ทําอยา งไร
19
• คูมือประมงอนิ ทรยี แมโจ
จากสตู ร DS = นา้ํ หนกั ปลาทีจ่ ะฆา เอาตอม / น้ําหนกั ปลาทีจ่ ะฉีดฮอรโ มน
1.5 = นา้ํ หนกั ปลาทจ่ี ะฆา เอาตอ ม / (แมปลามีนํา้ หนกั 3 กิโลกรัม)
น้ําหนักปลาที่จะฆาเอาตอม = 1.5 × 3 = 4.5 กโิ ลกรัม
คือ นํ้าหนกั ปลาทจ่ี ะฆา เอาตอม เทา กับ 4 กโิ ลกรมั คร่ึง (อาจเกนิ 4 กิโลกรัม
ครึ่งไดเลก็ นอ ย)
2. เมอื่ ผา เอาตอ มมาไดแ ลว บดใหล ะเอยี ดโดยใชโ กรง บดตอ ม เตมิ ตวั ทาํ ละลาย จากหลกั การ
ทีว่ า แมปลามนี ้ําหนกั 1 กโิ ลกรัม ตองใชตวั ทาํ ละลาย 1 มลิ ลลิ ติ ร ฉะนั้นจะใชตัวทําละลาย เทา กบั
3 มิลลิลติ ร
3. จากน้ันใชเขม็ ฉดี ยาดูดสารละลายน้ันนําไปฉดี ใหแ กแมป ลาทีม่ นี ้ําหนัก 3 กโิ ลกรมั โดย
ฉดี สารละลาย เทากบั 3 มิลลลิ ติ ร
4. เม่ือครบ 10-12 ชั่วโมง ทําการรีดไขและนํ้าเชื้อปลา (ควรเช็กความพรอมของแมปลา
กอนท่ีจะรีดไข ประมาณ 6-8 ชั่วโมง) และระวงั อยา รีดไขป ลากอนไขสกุ หรอื ชาเกนิ ไป จะทาํ ใหนาํ้ เขา
ชองทองของแมปลาเพราะจะทําใหไขปลาเสีย โดยเร่ิมจากการจับแมปลาขึ้นมารีดไขและตามดวย
การรีดน้ําเชื้อของพอปลา ขณะรีดไขและน้ําเช้ือตองระวังไมใหมีนํ้าปน แตถายังไมสามารถรีดไขได
อาจจําเปนตอ งฉีดเฉพาะตวั เมียในเข็มที่สองโดยเพิ่มความเขม ขน ของฮอรโ มนเปน 1.5-2 เทา
5. ทําการผสมนํ้าเช้ือกับไขปลาในภาชนะที่แหง อัตราสวนนํ้าเช้ือ 1 มิลลิลิตร:ไขปลา
10 กรัม ใชขนไกคนใหทั่ว ประมาณ 1 นาที จากน้ันลางน้ําเช้ือที่ไมไดรับการผสมท้ิงประมาณ
1-2 ครง้ั ดว ยนา้ํ เปลา
6. นาํ ไขป ลาทไ่ี ดร บั การผสมโรยบนแผงฟก ไข โดยใชส ายยางขนาดเลก็ ดดู ไข ทงิ้ ไวป ระมาณ
28-32 ชว่ั โมง ลกู ปลาจะฟกออกเปน ตัว และเขาสกู ระบวนการอนบุ าลตอ ไป
ภาพที่ 15 การเตรียมพอ แมพ ันธุ (ซา ย)
และการเพาะผสมเทยี มเพ่อื ผลิตลูกพนั ธุปลาฯ (ขวา)
20
คมู ือประมงอินทรยี แ มโจ •
ภาพที่ 16 การรีดไขแ มพ ันธปุ ลา (ซา ย) การรีดนํา้ เชอื้ พอพันธุปลา (กลาง)
และการผสมไขก ับนํา้ เชื้อ (ขวา)
4. การอนบุ าลลกู ปลา
การอนุบาลหลังจากผสม อัตราการฟกเปน ตวั หลังผสม 30 ช่ัวโมง จะอนุบาลในบอ ซเี มนต
ขนาด 4 ตารางเมตร น้ําลกึ 1 เมตร เมอ่ื ลูกปลาอายุ 3-6 วนั ใหไขแ ดง อารท เี มีย และไรแดง (อัตรา
100 เปอรเ ซน็ ต ของน้าํ หนักตวั ) อายุ 7-10 วัน จาํ นวน 10,000 ตวั ใหไ รแดง ปลาปน และราํ ละเอียด
อัตราสวน 1:2:1 (อัตรา 30 เปอรเซ็นต ของน้ําหนักตัว) หลังจากน้ันยายอนุบาลในบอดิน ขนาด
100 ตารางเมตร ใหป ลาปน ผสมราํ ละเอยี ด ปลายขา ว และอาหารลกู กบ และอายุ 11-30 วนั ใหอ าหาร
ลูกกบ (อัตรา 10 เปอรเซ็นต ของน้ําหนักตัวตอวัน วันละ 3 ครั้ง) จนครบ 30 วัน จะไดลูกปลา
ขนาดประมาณ 5-10 กรมั มีความยาวประมาณ 3 น้วิ ซ่งึ สามารถนาํ ไปเลย้ี งตอในบอ ดนิ หรือกระชงั
ใหไ ดข นาดตลาด และมอี ตั รารอดตายหลงั การผสมและอนบุ าลมากสดุ เฉลย่ี 20 เปอรเ ซน็ ต ไดล กู ปลา
ขนาด 2-5 นิ้ว อายุ 1-2 เดือน สําหรับผลิตลูกปลาใหกับบอสาธิต และเกษตรกรท่ีผานการอบรม
ท่สี นใจตองการเล้ียงปลา
21
• คูม อื ประมงอนิ ทรยี แ มโจ
ตารางที่ 4 การอนุบาลลูกปลาหลงั การฟกในบอ ซีเมนต
อายุ อาหาร ปริมาณอาหาร หมายเหตุ
(วันหลงั การฟกั ) (กรมั /วัน) - ไขแดง 1 ฟอง มนี า้ํ หนัก
2 1. ไขแดง 1. 120 (6 ฟอง) ประมาณ 20 กรมั
- ถุงไขแ ดงยุบ 100%
3 1. ไขแดง 1. 140 (7 ฟอง)
2. ปลาปน :ราํ ละเอียด 2. 10:30 - ลกู ปลาเรมิ่ กินกันเอง
3. ไรแดงแชแ ขง็ (ตวั เล็ก) 3. 30
- ปลาปน :รําละเอียด
4 1. ไขแดง 1. 100 (5 ฟอง) ให 1 มื้อ/วัน (06.00 น.)
2. อารทเี มยี 2. 5
3. ปลาปน:รําละเอียด 3. 20:10 - ลดชวงเวลาการใหอาหาร
4. ไรแดงแชแ ข็ง (ตัวเล็ก) 4. 30 ใหเ หลือ 4 มอื้ /วัน
5 1. ไขแดง 1. 40 (2 ฟอง) - คดั แยกลูกปลาทแ่ี ตก size
2. อารท เี มยี 2. 2 - ยายลูกปลาบอ ทห่ี นาแนน
3. ปลาปน:ราํ ละเอียด 3. 5:10 - คดั แยกลกู ปลาทแี่ ตก size
4. ไรแดงแชแ ขง็ 4. 60 - คดั แยกลกู ปลาท่ีแตก size
6 1. อารทเี มยี 1. 5
2. ปลาปน :ราํ ละเอยี ด 2. 5:10
3. ไรแดงแชแ ข็ง 3. 60
7 1. อารทีเมยี 1. 5
2. ปลาปน :ราํ ละเอยี ด 2. 5:10
3. ไรแดงแชแ ขง็ 3. 70
8 1. อารท ีเมีย 1. 2
2. ปลาปน :รําละเอียด 2. 5:10
3. ไรแดงแชแ ขง็ 3. 80
9 1. ปลาปน:รําละเอยี ด 1. 5:10
2. ไรแดงแชแขง็ 2. 100
หมายเหตุ: 1. ใหอ าหาร 6 ม้อื /วนั (6.00, 9.00, 12.00, 15.00, 18.00 และ 21.00 น.)
2. บอซเี มนตท ่ีใชในการอนบุ าล จํานวน 6 บอ
22
คมู ือประมงอินทรยี แ มโ จ •
ภาพท่ี 17 ไขแ ดงบดผานตะแกรง
ภาพที่ 18 ปลาปน (ซา ย) และรําละเอยี ด (ขวา)
ภาพท่ี 19 อารทีเมยี (ซา ย) และไรแดงแชแข็ง (ขวา)
23
• คูม ือประมงอินทรยี แ มโจ
การเพาะเลีย้ งสตั วน ํ้าท่ดี ี
(Good Aquaculture Practice; GAP) สูอินทรีย
1. มาตรฐาน GAP สอู นิ ทรยี สําคัญอยางไร
การปฏิบัติทางการฟารมเลี้ยงสัตวน้ํา (GAP) เปนสวนหน่ึงของมาตรฐานและหลักเกณฑ
สําหรับกระบวนการผลิตเพื่อใหไดผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรงตามมาตรฐานที่กําหนด ไดผลผลิตสูง
คุมคาการลงทุนและกระบวนการผลิตจะตองปลอดภัยตอเกษตรกรและผูบริโภค มีการใชทรัพยากร
ทเี่ กดิ ประโยชนส งู สดุ เกดิ ความยง่ั ยนื ทางการเกษตรและไมท าํ ใหเ กดิ มลพษิ ตอ สง่ิ แวดลอ ม โดยหลกั การน้ี
ไดร บั การกาํ หนดโดยองคก ารอาหารและเกษตรแหง สหประชาชาติ (FAO) ผลผลติ และผลติ ภณั ฑป ระมง
ที่ไดถูกประกาศไวใน ประกาศกรมประมง เรื่อง มาตรฐานกระบวนการผลิต ผลผลิตและผลิตภัณฑ
ประมง ซึ่งเปนนโยบายของรัฐบาลที่ตองควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินคาเกษตรและอาหาร เพ่ือให
กระบวนการผลติ ผลผลติ และผลติ ภณั ฑป ระมงของผปู ระกอบการประมงเปน ไปตามมาตรฐานสากล
กรมประมงจึงไดประกาศกําหนดมาตรฐานและหลักเกณฑสําหรับกระบวนการผลิต ผลผลิตและ
ผลิตภัณฑประมงข้ึน ดังน้ันสินคาทางการเกษตรท่ีผานการรับรองวาไดรับมาตรฐาน GAP ก็เปนท่ี
เช่ือถือไดในระดับหนึ่งวาเปนสินคาท่ีมีคุณภาพและปลอดภัยตอการบริโภคและส่ิงแวดลอม
เพราะสถานท่ีผลิต วธิ กี าร และข้นั ตอนการผลติ ไดผ านการตรวจสอบมาแลวจากทางราชการ
สวนการพัฒนาสูระบบการเพาะเล้ียงแบบอินทรีย ฟารมหรือบอเลี้ยงจําเปนตองผาน
มาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตวน้ําที่ดี (GAP) จําเปนตองมีใบรับรองท่ีมาของสายพันธุที่ไดจากการ
เพาะเล้ียงจากการที่ไมใชฮอรโมนผสมเทียม หรือเปนสายพันธุที่ไมมีการดัดแปลงทางพันธุกรรม
วสั ดอุ ปุ กรณท ใี่ ชต อ งแยกเปน สดั สว น ไมอ นญุ าตใหใ ชส ารเคมี ปยุ เคมหี รอื ยาทปี่ ระกาศหา มใช อาหาร
ท่ใี ชเลยี้ งตอ งมาจากวัสดทุ ่ีเปน ฟารมอินทรยี 70 เปอรเซ็นต มีแนวปองกนั การปนเปอ น เชน ตน ไม
หรือร้ัวรอบๆ บอ มีบอพักน้ําหรืออางเก็บนํ้า และบอน้ําทิ้งกอนปลอยสูธรรมชาติ เพ่ือสุขภาพที่ดี
ปอ งกันโรคและชวยรักษาส่ิงแวดลอม ตลอดจนลดตน ทนุ การผลติ ใหก ับเกษตรกรและผูบริโภค
2. หลกั เกณฑและขัน้ ตอนสําหรบั ฟารม เลี้ยงสัตวน ํา้ ทด่ี ีสูอินทรีย
สถานท่ีเล้ียงตองมีการขึ้นทะเบียนฟารมเปนเกษตรกรผูเพาะเลี้ยงสัตวนํ้าจากกรมประมง
ตอประมงจังหวัดหรือศูนยพัฒนาการประมงอยางถูกตอง โดยอยูหางหรือไมไดรับผลกระทบจาก
แหลงกาํ เนิดมลพษิ มรี ะบบการถายเทน้ําที่ดี มกี ารคมนาคมสะดวก และมีสาธารณปู โภคขนั้ พืน้ ฐาน
ที่จําเปน มีการบันทึกขอมูลและปฏิบัติตามคูมือการเล้ียงสัตวนํ้าท่ีถูกตองตามหลักวิชาการ มีแผนท่ี
แสดงทตี่ งั้ และแผนผงั ของฟารม เลยี้ ง นาํ้ ทงิ้ จากบอ เลย้ี งเปน ไปตามเกณฑม าตรฐานทกี่ ฎหมายกาํ หนด
ปจจัยการผลิต เลือกใชลูกพันธุที่ดี มีความแข็งแรงไมเปนโรค วัตถุดิบท่ีใชในการผสมอาหารสัตวน้ํา
24
คมู อื ประมงอินทรียแ มโจ •
ทผี่ ลติ ใชเ องในฟารม ตอ งปราศจากยาและสารตอ งหา มปลอดภยั ตอ สตั วน าํ้ และผบู รโิ ภค และมคี ณุ ภาพ
เหมาะสมกับความตองการทางโภชนาการของสัตวน้ําท่ีเลี้ยง การจัดการดูแลสุขภาพสัตวน้ํา มีการ
เตรยี มบอ และอปุ กรณอยางถูกวธิ เี พื่อปองกันโรคที่จะเกิดกบั สัตว เมื่อมกี ารระบาดของโรค ตอ งแจง
หนวยงานท่ีมีอํานาจหนาที่ และมีวิธีการจัดการที่เหมาะสม ระบบน้ําท้ิงจากบานเรือนตองแยกจาก
ระบบการเลยี้ ง หอ งสขุ าแยกเปน สดั สว นและสง่ิ ปฏกิ ลู ไมม โี อกาสปนเปอ นเขา สรู ะบบการเลย้ี ง มรี ะบบ
การจัดอปุ กรณ เครอื่ งมอื ในบริเวณฟารม ใหเ ปน ระเบยี บ สะอาด ถกู สุขลกั ษณะและมกี ารบาํ รุงรักษา
ใหพรอมใชงานอยูเสมอ มีระบบการจัดเก็บและกําจัดขยะท่ีดี มีการเก็บตัวอยางน้ําและเนื้อปลา
วเิ คราะห ตอ งไมม ีสารปนเปอ นและโลหะหนกั ท่ีเปนอันตรายตอผูบรโิ ภค
3. การยน่ื ขอรบั การรับรอง
การย่ืนขอรับการรับรองระบบการผลิตและผลิตผลสัตวน้ําตามมาตรฐานฟารมเพาะเลี้ยง
สัตวน้าํ GAP สามารถขอรบั เอกสารแบบฟอรม ในการยืน่ ขอรับรองไดท่กี รมประมงของแตล ะจงั หวดั
ทฟ่ี ารม เลี้ยงสตั วน ํา้ ตงั้ อยู เพอ่ื กรอกขอ มูลและยืน่ เอกสารตอกรมประมง จากนน้ั ก็รอการตดิ ตอ กลับ
จากกรมประมงสาํ หรบั ตรวจประเมนิ เพอ่ื การรบั รองมาตรฐาน GAP โดยสามารถแบง ออกเปน 3 กรณี
ดงั น้ี
1. การขอรบั การรบั รองรายฟารม โดยผผู ลติ ซงึ่ เปน บคุ คลธรรมดา ครอบคลมุ ผผู ลติ แตล ะราย
ทท่ี าํ การเพาะเลี้ยงสัตวนาํ้ ตามมาตรฐาน GAP
2. การขอรับการรับรองรายฟารมโดยนิติบุคคล ครอบคลุมนิติบุคคลแตละรายท่ีทําการ
เพาะเลีย้ งสัตวนา้ํ ตามมาตรฐาน GAP
3. การขอรับการรับรองแบบกลุม ครอบคลุมกลุม/องคกร ที่ทําการเพาะเลี้ยงสัตวนํ้า
ตามมาตรฐาน GAP และ/หรอื มกี ารจดั การระบบการผลติ หรอื ควบคมุ บรหิ ารจดั การดา นการเพาะเลยี้ ง
สัตวน ้ําของกลุมรว มกัน
4. การรับรอง
ดําเนินการใหการรับรองระบบการผลิตและผลิตผลสัตวน้ําตามมาตรฐานฟารมเพาะเล้ียง
สัตวนํ้า GAP ตามขอบขายท่ีกรมประมงประกาศเทาน้ัน กอนการตรวจประเมินเพ่ือการรับรอง
ผยู น่ื คาํ ขอรบั การรบั รองตอ งมกี ารนาํ ระบบการผลติ และผลติ ผลสตั วน า้ํ ตามมาตรฐานฟารม เพาะเลย้ี ง
สัตวน้ํา GAP ปฏิบัติแลว รวมทั้งมีการดําเนินกิจกรรมในทุกขอกําหนดในมาตรฐานฟารมเพาะเลี้ยง
สตั วน า้ํ ของกรมประมง ไดแ ก มาตรฐานการปฏบิ ตั ทิ างการเพาะเลยี้ งสตั วน าํ้ ทดี่ ี (Good Aquaculture
Practice; GAP)
25
• คูมอื ประมงอนิ ทรยี แมโ จ
5. การตรวจตดิ ตามผล (Surveillance)
และการตรวจตออายกุ ารรบั รอง (Re-assessment)
ผูตรวจประเมินจะสุมตรวจติดตามผลเพื่อติดตามการรักษาระบบการผลิตและผลผลิต
สตั วน า้ํ ตามมาตรฐานฟารม เพาะเลยี้ งสตั วน าํ้ GAP ทไี่ ดร บั การรบั รองอยา งนอ ยปล ะ 1 ครง้ั โดยนบั จาก
การตรวจประเมนิ เพอ่ื การรบั รองครงั้ แรกเสรจ็ สน้ิ การตรวจตอ อายกุ ารรบั รองจะดาํ เนนิ การทกุ 2 ป
ภาพที่ 20 การลงพืน้ ทต่ี รวจมาตรฐานการเลี้ยงสัตวน ้ําทีด่ ี (GAP)
รวมกับศูนยวิจัยและพฒั นาการเพาะเล้ียงสัตวน าํ้ จดื จังหวดั เชยี งใหม
ของเกษตรกรอําเภอดอยสะเกด็ จงั หวดั เชียงใหม
ภาพท่ี 21 การตรวจมาตรฐานการเลีย้ งสัตวน ํา้ ท่ดี ี (GAP)
ของฐานเรียนรปู ลาบึก วนั ท่ี 4 พฤษภาคม 2561
26
คูมอื ประมงอนิ ทรียแ มโ จ •
ภาพท่ี 22 การมอบมาตรฐานการเล้ยี งสัตวน้าํ ที่ดี (GAP)
ของบรษิ ทั บา นนอกคอกนา จังหวัดเชยี งใหม
ภาพที่ 23 การมอบมาตรฐานการเล้ียงสัตวนํ้าทีด่ ี (GAP)
ของเกษตรกรชมุ ชนหนองมะจบั จงั หวัดเชยี งใหม
ภาพที่ 24 การมอบมาตรฐานการเล้ียงสัตวน าํ้ ที่ดี (GAP)
ของเกษตรกร อาํ เภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชยี งใหม
27
• คูมอื ประมงอินทรยี แ มโ จ
ภาพท่ี 25 ใบประกาศนยี บตั รรับรองมาตรฐานการเพาะเลย้ี งสัตวน ํา้ ทดี่ ี (GAP)
ของฐานเรียนรปู ลาบึกฯ
ภาพที่ 26 การอบรม (ซา ย) และใบประกาศนยี บัตรการรบั รองมาตรฐาน
การเพาะเล้ียงสัตวนา้ํ ทด่ี ี (GAP) (ขวา)
28
03
การผลติ ปลานิลอินทรยี
โดย ผูชวยศาสตราจารย ดร.จงกล พรมยะ
และอาจารย ดร.อนุภาพ วรรณาพล
การเพาะ และอนุบาลปลานิลอินทรีย
ปลานิลเปนปลาท่ีกินอาหารธรรมชาติ โดยเฉพาะสาหราย และแพลงกตอน (ภาพที่ 27)
ซ่ึงสามารถจัดระบบบอ เลย้ี งปลาใหเ ปนระบบนิเวศแบบปด ได (Takeuchi et al .,1997)
ภาพที่ 27 ปลานลิ แดง ที่เลีย้ งในบอโดยกนิ อาหารธรรมชาติ
ใชสาหรายอารโธรสไปราหรือสไปรูลินาสดอนุบาล และเล้ียงปลานิลแดงโดยปลานิลแดง
มาจากการผสมพนั ธกุ นั ระหวา งปลานลิ กบั ปลาหมอเทศ ลกั ษณะของอวยั วะเพศของปลานลิ (ภาพที่ 28)
จนถึงระยะวางไข พบวาปลานิลมีอัตราการผสมพันธุ อัตราการฟกออกเปนตัว และอัตรารอดของ
29
• คูมอื ประมงอนิ ทรียแ มโ จ
ลูกปลาสูงกวาการใชอาหารปลาท่ัวไป และเนื้อปลามีกรดไขมันจําพวก Gamma-linolenic acid
สูงกวาเนื้อปลาที่เลี้ยงในอาหารท่ัวไป (Lu et al., 2004; Promya, 2008) ดังน้ันเราสามารถ
เลยี้ งสาหรา ย หรอื แพลงกต อนพชื ซงึ่ เปน อาหารธรรมชาติ เพอ่ื ผลติ อาหารปลา และสามารถลดตน ทนุ
การผลิตดานอาหารได (Lu et al., 2004)
ลักษณะของอวัยวะเพศของปลานิล
สบี นลาํ ตัวเพศผูเขม กวาเพศเมยี สใี ตคางเพศผเู ปน สมี ว งอมแดง เพศเมยี เปน สีเหลือง เพศผู
มีอวัยวะเรยี วยาว เพศเมียสั้นและกลมกวา ชองเปดบนอวยั วะเพศผูมี 1 ชอง เพศเมยี 2 ชอ ง
เพศผู เพศเมีย
ภาพท่ี 28 ลกั ษณะความแตกตางของอวัยวะเพศของปลานิล
ทม่ี า: https://www.google.co.th/search
การผสมพันธแุ ละการวางไข (ภาพที่ 28)
ปลานิลสามารถผสมพันธุไดตลอดปโดยใชเวลา 2-3 เดือน/ครั้ง แตถาอาหารเหมาะสม
ในระยะเวลา 1 ป จะผสมพนั ธุไ ด 5-6 ครง้ั ปลานลิ จะมีไข และน้าํ เช้ือ ความยาว 6.5 เซนติเมตร
ภาพท่ี 29 การผสมพันธขุ องปลานลิ
ทมี่ า: https://www.google.co.th/search
30
คมู ือประมงอินทรียแมโจ •
การฟักไข
ไขปลาท่อี มไวโดยปลาตวั เมีย (ภาพท่ี 30) แมป ลาจะขยับปากใหนา้ํ ไหลเขาออกในชอ งปาก
เพื่อชวยใหไขที่อมไวไดรับนํ้าท่ีสะอาด ระยะเวลาฟกไขที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ไขเปน
ลูกปลาวัยออนภายใน 8 วัน ซึ่งในระยะเวลาดังกลาวถุงอาหารยังไมยุบและจะยุบเม่ือลูกปลามีอายุ
ครบ 13-14 วนั
ภาพท่ี 30 ไขปลาท่ีอมไวโ ดยปลาตัวเมีย
ขั้นตอนการเพาะ อนุบาลปลานิล และเล้ยี งปลานิล
1. การเตรียมบอเพาะพันธุ บอซีเมนต (ภาพท่ี 31 และภาพท่ี 32) สามารถใชผลิต
ลกู ปลานลิ ได ซง่ึ บอจะเปน สี่เหล่ียมผืนผา หรือทรงกรมกไ็ ด มคี วามลกึ ประมาณ 1 เมตร พ้ืนท่ผี วิ น้าํ
ต้ังแต 10 ตารางเมตรขึ้นไป พ้ืนบอควรมีความลาดชัน 30-60 องศา เปนการเลียนแบบในบอดิน
ตามธรรมชาติทําใหป ลาวางไดดี
ภาพท่ี 31 บอ เพาะพนั ธุเปน บอ ซเี มนตในฐานเรียนรปู ลานิลอินทรยี
มหาวทิ ยาลยั แมโ จ
31
• คมู อื ประมงอินทรยี แ มโ จ
ภาพที่ 32 บอ เพาะพันธเุ ปน บอซีเมนตในพ้นื ท่ีของกลุมชมุ ชนประมงทองถ่นิ
ตาํ บลชมพู อําเภอสารภี เชยี งใหม
32
คมู ือประมงอินทรยี แ มโ จ •
2. อัตราการปลอยพอ:แมพันธุ 1:3 ตัว/ตารางเมตร ใหอาหาร 3% ตอนํ้าหนักตัว/วัน
สมมุติมี 12 ตวั × 100 กรัม/ตัว = 1,200/1,000 = 1.2 กก. × 3% = 0.036 กก./วัน ให 2 ม้อื
= 0.018 × 1,000 กรัม = 18 กรมั /มอื้ เมอ่ื เล้ยี งพอ-แมพ ันธุค รบ 1 เดอื น จะสามารถตักลกู ปลา
จากบอ ไดท กุ ๆ 7 วนั (ภาพท่ี 33)
ภาพท่ี 33 การตกั ลูกปลาทุกๆ 7 วนั
นาํ มาอนุบาลตอในกระชังตอ ไป
33
• คูม ือประมงอนิ ทรียแมโจ
3. การอนุบาล และการเลี้ยงปลานิล เริ่มจากการอนุบาลสามารถอนุบาลในบอดินหรือ
ในกระชังแขวนในบอซเี มนตป ระมาณ 4 อาทิตย (ภาพท่ี 34 ถึง 35) โดยใหอ าหารผงที่มสี ว นผสม
ของรําละเอียดอินทรียปริมาณ 80% ตอปลาปนปริมาณ 15% ตอสาหรายสไปรูลินาผงอินทรีย
ปริมาณ 5% หลังจากนั้นนําลูกปลาไปเล้ียงในระบบ biofloc (ภาพที่ 36) และเลี้ยงในระบบตางๆ
(ภาพท่ี 37 ถึง ภาพท่ี 40) ใหอ าหารตามสูตรการผลติ อาหารขอ 1.2 และ ขอ 1.3 อตั ราท่ีใหอาหาร
5% ตอนา้ํ หนักตวั /วัน เล้ียงประมาณ 5-6 เดอื น เก็บผลผลติ จําหนายหรอื แปรรปู ตอ ไป
ภาพที่ 34 นําลกู ปลาไปอนุบาลในบอ ซีเมนต
อัตราปลอย 1,000-2,000 ตวั /ตารางเมตร
34
คูมอื ประมงอนิ ทรยี แมโ จ •
ภาพท่ี 35 นําลกู ปลาไปอนุบาลในกระชังแขวนในบอซีเมนต
อัตราปลอย 500-1,000 ตวั /ตารางเมตร
35
• คมู อื ประมงอนิ ทรยี แมโ จ
ภาพที่ 36 นาํ ลูกปลาอายุ 2 เดือน เลยี้ งในระบบ biofloc อตั ราการปลอย 30 ตวั /ตารางเมตร
36