The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โดย สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การผลิตพืชอินทรีย์แม่โจ้ (Maejo Organic Plant Production)

โดย สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่

Keywords: มหาวิทยาลัยแม่โจ้,ผลิตพืชอินทรีย์แม่โจ้

ภาพที่ 5.35 ด้วงเต่า

5. ไรขาว
ลักษณะการท�ำลาย ไรขาวจะดูดกินน�้ำเลี้ยงต้ังแต่ใบล่างจนกระท้ังข้ึนมาถึงดอก โดนตอน
แรกใบจะแสดงอาการดา่ งเขยี ว เปน็ จดุ ประเลก็ ๆ กระจายอยทู่ ว่ั ไป เมอ่ื นานไปรอยดา่ งเขยี วจะเปลย่ี น
เปน็ สนี ำ�้ ตาล เมอ่ื มกี ารระบาดรนุ แรงจะดดู กนิ นำ้� เลย้ี งทด่ี อกตมู ทำ� ใหด้ อกหยดุ ซะงกั การเจรญิ เตบิ โต
ไม่ยอมบาน หรือถา้ พบในดอกบานจะทำ� ให้กลบี ดอกเหีย่ วแห้งเรว็ กว่าปกติ
การควบคมุ ศตั รูพืช
1. เด็ดยอด ตัดตน้ บรเิ วณที่พบการเขา้ ทำ� ลาย
2. ใชเ้ ชอ้ื จลุ นิ ทรยี ค์ วบคมุ โรค เชน่ เชอื้ Metarhizium anisopliae อตั รา 100-200 กรมั /นำ�้
20 ลิตร หรือเชื้อ Beauveria brasiana อัตรา 80-100 กรัม/น้�ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก 5-7 วัน เม่ือพบ
การระบาด

การผลิตพชื อินทรียแ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 97

6. หนอนกระทู้ผัก (Cutworms) (ภาพที่ 5.36) ชื่อวิทยาศาสตร์ Spodoptera Litura
Fabricius
ลักษณะการท�ำลาย เม่ือฝักออกจากไข่ใหม่ ๆ จะรวมกลุ่มกัดกินผิวใบพืช เมื่อโตข้ึน
จะกระจายตวั ออกไป กดั กนิ ท้งั ใบและดอก (ธนวฒั น์, 2555)
การควบคุม
1. ท�ำการเก็บกลมุ่ ไข่ และหนอนนำ� ไปทำ� ลาย
2. ใชเ้ ชอื้ จลุ นิ ทรยี ค์ วบคมุ โรค ไดแ้ ก่ ไวรสั เอน็ พวี ขี องหนอนกระทผู้ กั อตั รา 30 มลิ ลลิ ติ ร/นำ�้
20 ลิตร หรือเช้ือ Bacillus thuringiensis (แบคทีเรีย BT) อัตรา 50-80 กรัม/น�้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุก
5 วนั เมอื่ พบการระบาดของหนอน

ภาพที่ 5.36 หนอนกระท้ผู กั

การเก็บเกี่ยวและการแปรรูปดอกเกก๊ ฮวย

ดอกเกก๊ ฮวยทท่ี ำ� การเกบ็ เกยี่ วเพอ่ื มาใชช้ งชานน้ั ควรเปน็ ดอกทบี่ านสมบรู ณด์ ี ไมค่ วรเลอื ก
ดอกที่อ่อนหรือแก่เกินไป โดยจะเก็บเฉพาะส่วนดอก ไม่เอาก้านดอก (ไชยยง, 2557) การเก็บเกี่ยว
ดอกจะต้องเก็บเก่ียวในเวลาที่ไม่มีน้�ำค้าง หรือน้�ำค้างระเหยออกจากดอกหมดแล้ว เก็บเกี่ยวได้
ท้ังช่วงเช้าและบ่าย จนกระท่ังดอกหมด ดอกที่เก็บมาน้ันน�ำมาผ่ึงไว้ในท่ีร่ม 1 วัน (ภาพท่ี 5.37)
โดยการผึ่งต้องวางดอกแผก่ ระจายออกบาง ๆ ไมก่ องทับสูง ๆ หลังจากผ่งึ แล้วจงึ น�ำไปท�ำให้แห้ง

98 การผลิตพชื อนิ ทรยี ์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

ภาพที่ 5.37 การเกบ็ เกย่ี วดอกเกก๊ ฮวย และลักษณะดอกเก๊กฮวยหลังเกบ็ เก่ียว
กรรมวธิ กี ารทำ� ดอกเกก๊ ฮวยแหง้ ประกอบดว้ ย 2 กระบวนการ คอื การนงึ่ และการทำ� ใหแ้ หง้
การน่ึงดอกเก๊กฮวย คือ การน�ำดอกเก๊กฮวยมาใส่ในรังหม้อนึ่ง โดยใส่พอประมาณอย่าให้ซ้อนทับ
กันหนาเกินไป แล้วน�ำไปน่ึงในน้�ำอุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส นาน 3 นาที อย่าให้น้�ำเดือดกระทบ
ดอกเกก๊ ฮวย เพราะจะทำ� ใหด้ อกแหง้ มสี ไี มส่ วย จากนน้ั เทดอกเกก๊ ฮวยทน่ี ง่ึ แลว้ ใสใ่ นตะแกรง ใชไ้ มค้ น
พลิกกลับให้ดอกแยกออกจากกนั และเกลีย่ บาง ๆ แล้วจงึ น�ำเข้าตอู้ บความรอ้ น (ภาพที่ 5.38-5.39)

การผลติ พชื อินทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 99

ในส่วนของการท�ำดอกแห้ง สามารถท�ำได้หลายวิธี เช่น การผ่ึง การตากแดด การอบด้วยลมร้อน
เปน็ ตน้ (Winnie et al., 2011) วธิ กี ารตากแดด นน้ั จะใชว้ ธิ นี เี้ ฉพาะชว่ งทม่ี แี สงแดดดี โดยนำ� กระจาด
ที่บรรจุดอกเก๊กฮวยท่ีนึ่งแล้ว เทคว่�ำลงในกระด้งหรือเส่ือฟางข้าว แล้วนำ� ไปผึ่งแดดทุกวัน พลิกกลับ
ในตอนเชา้ ทกุ วนั ตากจนเกสรแหง้ ซง่ึ ใชเ้ วลาประมาณ 6-7 วนั อบแหง้ โดยใชว้ ธิ ผี งิ ไฟถา่ น นำ� เกก๊ ฮวย
ทน่ี งึ่ แลว้ วางบนแขนงไมไ้ ผท่ อ่ี ยเู่ หนอื เตาถา่ น รกั ษาอณุ หภมู ไิ วป้ ระมาณ 60 องศาเซลเซยี ส ผงิ ไฟโดย
กลบั ดอกซงึ่ ตดิ กนั อยเู่ ปน็ แผงเปน็ ระยะจนแหง้ ดี หรอื ประมาณ 6 ชว่ั โมง ปกตดิ อกเกก๊ ฮวยแหง้ นำ้� หนกั
จะลดลงจากดอกสดในอตั ราสว่ น 1 ตอ่ 7 (แจม่ จนั ทร,์ 2530) อกี วธิ หี นง่ึ ทไี่ ดร้ บั ความนยิ มในปจั จบุ นั
คือ การน�ำดอกเก๊กฮวยท่ีนึ่งแล้ว มาอบด้วยตู้อบลมร้อนท่ีอุณหภูมิ 50-80 องศาเซลเซียส เป็นระยะ
เวลา 8-9 ชวั่ โมง หรอื การอบดว้ ยระบบอบแหง้ พลงั งานแสงอาทติ ยแ์ บบเรอื นกระจก อณุ หภมู ภิ ายใน
ประมาณ 50-60 องศาเซลเซยี ส เปน็ ระยะเวลา 10-12 ช่วั โมง (ภาพที่ 5.40-5.42)

ภาพท่ี 5.38 การนึ่งดอกเกก๊ ฮวย

ภาพท่ี 5.39 การเกลยี่ ดอกเกก๊ ฮวยหลังน่งึ ใหท้ ั่วตะแกรงกอ่ นนำ� ไปอบ

100 การผลิตพืชอนิ ทรียแ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

ภาพที่ 5.40 การอบดอกเก๊กฮวยด้วยเตาอบลมรอ้ น

ภาพที่ 5.41 การอบดอกเกก๊ ฮวยด้วยระบบอบแหง้ พลงั งานแสงอาทติ ย์แบบเรือนกระจก

การผลติ พชื อินทรีย์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 101

ภาพท่ี 5.42 ผลิตภัณฑจ์ ากเก๊กฮวยหลังอบแห้ง

ปัญหาและอุปสรรค ขอ้ เสนอแนะ

ขนาดพื้นท่ีที่เหมาะสมในการปลูกเก๊กฮวยส�ำหรับเกษตรกร 1 ครอบครัว ควรปลูก
เพียง 1 งาน เนื่องจากการเก็บเกี่ยวดอกเก๊กฮวยน้ัน จะต้องเลือกเก็บเกี่ยวเฉพาะดอกที่บานเต็มท่ี
ไมแ่ กห่ รอื ออ่ นเกนิ ไป ดงั นนั้ การปลกู บนพนื้ ทขี่ นาดใหญ่ อาจจะพบปญั หาเรอื่ งแรงงานทไี่ มส่ ามารถ
เกบ็ เกย่ี วดอกไดท้ นั ส่งผลให้ผลติ ผลเสียหายได้

บทสรุป

การผลิตเก๊กฮวยอินทรีย์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้ ด้านการผลิตเก๊กฮวย
ในระบบเกษตรอนิ ทรยี ์ ไดแ้ ก่ การผลติ ตน้ พนั ธ์ุ การปลกู การดแู ลรกั ษา การเกบ็ เกยี่ ว และการแปรรปู
จนสามารถแนะน�ำและส่งเสริมอาชีพท่ีเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่เกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม ท้ังยัง
สามารถบูรณาการรว่ มกบั การเรียน การสอน และงานวิจัยได้
การผลิตเก๊กฮวยอินทรีย์ ด�ำเนินกิจกรรมบริเวณพ้ืนที่ของส�ำนักฟาร์ม มหาวิทยาลัยแม่โจ้
และพื้นท่ีของฝ่ายปรับปรุงและพัฒนาพันธุกรรมพืชและสัตว์ ส�ำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการ
การเกษตร โดยขน้ั ตอนในการดำ� เนนิ กจิ กรรมเรม่ิ ตน้ จากการปลกู ตน้ แมพ่ นั ธภ์ุ ายในโรงเรอื น การผลติ

102 การผลิตพืชอนิ ทรยี ์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

ต้นพันธุ์ การปลูกลงแปลงภายใต้การส่งเสริมให้เกษตรกรเป็นผู้ปลูก การรับซ้ือคืนผลิตผลสด
และการแปรรูปผลิตผล ปัจจุบันการส่งเสริมการผลิตเก๊กฮวยอินทรีย์น้ันสามารถสร้างรายได้ให้
เกษตรกรมีชีวิตความเปน็ อย่ทู ี่ดีขน้ึ ท�ำให้ปลอดภยั ต่อผู้ผลติ ผู้บริโภค และสงิ่ แวดลอ้ ม

บรรณานกุ รม

กองบรรณาธกิ ารหนงั สอื สขุ ภาพ. 2556. มหศั จรรยส์ มนุ ไพรจนี บำ� บดั โรค บำ� รงุ สขุ ภาพ. กรงุ เทพฯ:
ซเี อ็ดยูเคช่ัน.
ขวญั ยืน วชิ พันธุ์. 2525. การปลกู เกก๊ ฮวยที่เมืองหังโจว. วารสารพืชสวน 17(3): 27-32.
แจม่ จันทร์ วรรณภรี ์. 2530. การศกึ ษาคณุ ภาพกลิน่ และรสของดอกเก๊กฮวย.
วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญาโท. มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่.
ไชยยง รจุ จนเวท. 2558. (2 กมุ ภาพันธ)์ . คอลมั น์ร้อยไม้พันยา: เพอื่ ผ้ปู ่วยโรคเร้อื รัง.
กรงุ เทพธุรกจิ . น. 7.
ชลิดา อณุ หวุฒิ ศิริ พูนไชยศรี ลักขณา บ�ำรงุ ศรี ยุวรินทร์บุญทบ สนุ ัดดา เชาวลติ ณฐั วัฒน์ แย้มย้ิม
และสิทธศิ โิ รดม แก้วสวัสด์ิ. 2552. อนุกรมวธิ านเพล้ียแปง้ สกุล Pseudococcus.
กรุงเทพฯ: กลุ่มกฏี และสัตววิทยา ส�ำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวชิ าการเกษตร.
ธนวัฒน์ รอดขาว. 2555. เทคโนโลยกี ารผลิตเบญจมาศตดั อกและไมก้ ระถาง. เชียงใหม:่
สำ� นกั วิจยั และส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ้.
นฤมล ประสานไมตรี. 2544. ไมก้ ระถาง. นนทบรุ ี: ส�ำนักพิมพ์เกษตรสาส์น.
พาณี ศิรสิ ะอาด. 2556 (2 มกราคม). คอลมั น์ภมู ปิ ญั ญาเพือ่ สุขภาพ. ไทยนวิ ส.์ น.5.
ศูนยอ์ ารักขาพืช. 2548. คู่มอื ศัตรูไม้ดอกและการปอ้ งกนั ก�ำจัด. เชียงใหม:่ มลู นิธโิ ครงการหลวง.
ภาสกจิ วัณนาวิบูล. 2555. ร้เู ลอื กรใู้ ช้ 100 สมนุ ไพรจนี . กรุงเทพฯ: สำ� นกั พมิ พ์ทองเกษม.
มุกดา สขุ สวัสด.ิ์ 2547. วัสดุปลกู ไม้ดอกไม้ประดบั . กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทรพ์ ริน้ ติง้ แอนด์
พบั ลิชช่ิง จ�ำกดั .
ไมตรี ปทมุ วงษ.์ 2551. ไมด้ อกเศรษฐกจิ . กรุงเทพฯ: อักษรสยามการพมิ พ.์
เรยี ม เตชะโสภณมณี. 2554. คอลมั น์เศรษฐกิจ/ผ้หู ญิง–คนร่นุ ใหม่:
เกก๊ ฮวยขาวชว่ ยหลอดเลอื ดแขง็ แรง. คมชัดลกึ . น. 25.
วรพรรณ จารมุ าศ และศริ นิ ทพิ ย์ วงศด์ าว. 2530. การปอ้ งกนั และกำ� จดั โรคและแมลงศตั รเู กก๊ ฮวย.
เชยี งใหม:่ ฝ่ายป้องกนั และกำ� จัดศัตรูพชื บนท่ีสูงโครงการหลวง.

การผลิตพชื อินทรยี ์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 103

วโิ รจน์ ไววานชิ กิจ. 2556. น้�ำดืม่ สมุนไพรใกลต้ วั แต่ไกลโรค. กรงุ เทพฯ: เนช่นั บุ๊คส.์
สมชาย สคุ นธ์สิงห์ อมร นราวงศานนท์ และจุณณเกศ พานชิ . 2536. คูม่ อื การผลิตไมต้ ดั ดอก.
กรงุ เทพฯ: บริษัทร่งุ ศิลป์การพิมพจ์ �ำกัด.
เสริมศิริ เอย่ี มแฟง. 2532. การปรบั ปรงุ พนั ธุ์เกก๊ ฮวยโดยวิธีเพาะเล้ยี งเนอ้ื เยอื่ .
วิทยานพิ นธ์ปริญญาโท. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.์
อดิศร กระแสชยั . 2531. การศกึ ษาเบื้องต้นทางดา้ นการตอบสนองของเก๊กฮวยพนั ธ์ุหังโจว
ตอ่ ความยาวของชว่ งแสง. ว.เกษตรศาสตร์ (วทิ ย.). 22: 1-7.
Cho, G., Cai, H., Cong, X.G., Liu, X., Ma, X.Q., Lou, Y.J. , Qin, K.M. and Cai, B.C. 2012.
Global detection and analysis of volatile components from sun–dried
and sulfur–fumigated herbal medicine by comprehensive
two–dimensional gas chromatography/time–of flight mass spectrometry.
Analyst. 137: 3828-3838.
China Pharmacopoeia Committee. 2005. Pharmacopoeia of the People’s
Republic of China. Beijing: China Chemical Industry Press.
Chinese Pharmacopoeia Commission. 2010. Pharmacopoeia of the people’s
Republic of China Version (2010). Beijing: Chinese Medicine Science
Technology Press.
Cocksull, K.E. 1985. Long–day flower initiation by Chrysanthemum. HortScience
20(2): 296-298.
Garner, W.W. and Allard, H. A. 1923. Further studies in photoperiodism,
the response of the plant to relative length of day and night.
J. Agr. Res. 23: 871-920.
Lee, J.S., Kim, H.J. and Lee, Y.S. 2003. A new anti–HIV Flavonoid glucuronide
from Chrysanthemum morifolium. Planta Med. 69(9): 859-861.
Liang, F., HU, C., He, Z. and Pan, Y. 2014. An arabinogalactan from flowers of
Chrysanthemum morifolium: structural and bioactivity studies.
Carbohydrate Research 387: 37-41.
Wang, S., Hao, L.J, Zhu, J.J., Zhang, Q.W., Wang, Z.M., Zhang, X. and Song, X.M. 2014.

104 การผลิตพืชอนิ ทรีย์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

Study on the effects of sulfur fumigation on chemical constituents and
antioxidant activity of Chrysanthemum morifolium cv. Hang–ju.
Phytomedicine 21(2014): 773-779.
Wang, R.R., Gao, X.X., Chen, L., Huo, L.Q., Li, M.F. and Wang, Q.C. 2014. Shoot
recovery and genetic integrity of Chrysanthemum morifolium shoot tips
following cryopreservation by droplet-vitrification. Scientia Horticulturae,
176, 330-339.
Winnie, L.T.K., Ma, B. and Lin, G. 2011. Study of the destructive effect to inherent
quality of Angelicae dahuricae radix (Baizhi) by sulfur-fumigated process
using chromatographic fingerprinting analysis. Journal of Pharmaceutical
and Biomedical Analysis 49: 1221-1225.

การผลิตพชื อนิ ทรีย์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 105

6>>>

การผลิตเหด็ หลนิ จอื อนิ ทรีย์

นายปรีชา รัตนงั

นักวชิ าการเกษตรช�ำนาญการพเิ ศษ

บทนำ�

เห็ดหลินจือ (Reishi, Lingzhi, Glossy ganoderma, Holy mushroom, Lacquered
mushroom) มชี อ่ื วทิ ยาศาสตรว์ า่ Ganoderma lucidum (Leyss.ex Fr.) Karst. เปน็ เหด็ สมนุ ไพร
ท่ีชาวจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน ใช้รับประทานบ�ำรุงสุขภาพมาช้านาน จัดเป็นเห็ดที่เจริญเติบโต
ได้ดีในธรรมชาติ โดยเจริญเติบโตตามโคนต้นไม้ในเขตอบอุ่นและเขตร้อน เห็ดหลินจือมีช่ือเรียก
หลายช่ือ ได้แก่ เห็ดนางกวัก เห็ดหัวงู เห็ดเก้าอ้ีลิง เห็ดชะแล็ก เห็ดสวรรค์พันปี เห็ดหมื่นปี เห็ดหิมะ
เห็ดต้นไม้แห่งชีวิต เห็ดอมตะ เห็ดเทพเจ้า เห็ดศักด์ิสิทธิ์ เห็ดน�ำโชค (สาธิต, 2538) เห็ดกระด้าง
เหด็ หวิ้ ขอ เหด็ แม่เบีย้ งูเหา่ เห็ดจวกั งูเห่า และเห็ดมะพร้าว (อานนท์, 2544)
ตลอดระยะเวลา 30 ปีท่ีผ่านมา มีนักวิชาการหลาย ๆ ประเทศได้ท�ำการวิจัยเห็ดหลินจือ
อย่างกว้างขวาง มีเอกสารวิชาการท่ีเผยแพร่ออกมาจ�ำนวนมาก ทั้งด้านการศึกษาองค์ประกอบ
ทางเคมี สารออกฤทธ์ิ สรรพคุณทางยา มีการทดลองในห้องปฏิบัติการ และรายงานเชิงสถิติทาง
การแพทยใ์ นการรกั ษาโรค ซง่ึ พบวา่ มฤี ทธต์ิ อ่ ตา้ นมะเรง็ การเสรมิ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั โรค การรกั ษาอาการ
แพ้ การบ�ำรุงตับ การก�ำจัดพิษ การรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน การลดไขมันในเลือด
การบรรเทาปวดลดการอกั เสบ ไปจนกระทงั่ การชะลอความแก่ โดยเฉพาะการตรวจสอบทางพษิ วทิ ยา
พบว่า เป็นสารสมุนไพรที่มีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายต่อร่างการแต่อย่างใด ขณะท่ีองค์กรต่าง ๆ
ในประเทศไทย ทั้งสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมวิทยาศาสตร์บริการ คณะแพทยศาสตร์ของ

106 การผลิตพชื อนิ ทรียแ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

มหาวทิ ยาลยั ตา่ ง ๆ และทางองคก์ ารเภสชั กรรม ใหค้ วามสนใจศกึ ษาและไดผ้ ลติ เปน็ ยาเมด็ สำ� เรจ็ รปู
เพ่ือสะดวกในการบริโภค ศูนย์ความร่วมมือทางการแพทย์ไทย-จีน กรมการแพทย์ กระทรวง
สาธารณสุขได้ให้การสนับสนุนในการประสานงานให้มีพัฒนาการทางวิชาการของเห็ดหลินจือ
ตามหลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ส่งเสริมศึกษาวิจัยอย่างมีข้ันตอนและเป็นระบบ การสนับสนุน
การใช้สมุนไพรเพื่อส่งเสริมและทดแทนการใช้ยาแผนปัจจุบัน เป็นการช่วยลดดุลการน�ำเข้ายา
จากต่างประเทศ เนื่องจากเห็ดหลินจือเป็นผลิตเกษตรชนิดหนึ่งที่มีราคาแพงเม่ือเทียบกับผลิตผล
เกษตรชนิดอื่น จึงมีผู้มีนิยมเพาะเห็ดชนิดนี้เป็นรายได้กันอย่างกว้างขวางท่ัวทุกภาคของประเทศ
ในสว่ นของมหาวทิ ยาลยั แมโ่ จน้ น้ั ไดส้ ง่ เสรมิ การเพาะเหด็ หลนิ จอื ในโครงการสง่ เสรมิ อาชพี แกร่ าษฎร
ชาวเขาบา้ นแขลีซอ อำ� เภอไชยปราการ จังหวดั เชยี งใหม่ ตัง้ แตป่ ี พ.ศ. 2539 เปน็ ต้นมา

ลกั ษณะทว่ั ไป

สาธิต (2539) กล่าวว่า เห็ดหลินจือเป็นเห็ดที่ไม่มีครีบใต้หมวกดอกเหมือนกับเห็ดชนิดอื่น
ทั่วไป ลักษณะโครงสร้างของดอกแข็งแรง ก้านและหลังดอกท่ีถูกน้�ำฝนชะล้างจะเป็นเงามัน
เหมือนเคลือบด้วยแลคเกอร์ ดอกที่เกิดใหม่จะมีลักษณะเป็นแท่งชูข้ึน ปลายหน่อมีสีขาวหม่น
ดอกเห็ดหลินจือมีการเจริญเติบโตขนานไปกับพ้ืนโลก เม่ือดอกโตจะแผ่ออกมีรูปร่างคล้ายรูปไตคน
ดอกอ่อนมีขอบนอกเป็นสีขาว แล้วค่อย ๆ เหลืองเข้ามาด้านในจนเป็นสีน้�ำตาลและสีน้�ำตาลแดง
ในทสี่ ดุ กา้ นดอกอาจอยตู่ รงกลางดอก หรอื ดา้ นขา้ งของดอก และบางครง้ั อาจไมม่ กี า้ น ใตห้ มวกดอก
มรี พู รนุ เรยี งกนั อยอู่ ยา่ งมรี ะเบยี บ เพอ่ื การปลดปลอ่ ยสปอร์ ดอกอาจเกดิ เปน็ ดอกเดยี่ ว หรอื เกดิ พรอ้ มกนั
หลายดอก ขนาดดอกมีขนาดใหญ่หรือเล็กขึ้นอยู่กับสถานท่ีและแหล่งอาหาร ในธรรมชาติอาจมี
สีใต้หมวกหรือสีขาวหม่น และพบตามตอไม้ ผิวของเปลือกไม้ท่ีตายแล้ว หรือตามผิวดินท่ีมีส่วน
ของต้นไม้เก่าฝังอยู่ มีการเรียกชื่อตามลักษณะรูปร่าง สีสัน และความเชื่อท่ีมีต่อเห็ด จึงท�ำให้มีชื่อ
หลากหลายไปตามแตล่ ะท้องถน่ิ

ชนิดของเห็ดหลินจอื ทีน่ ยิ มเพาะปลูก
ปัจจุบันมีการเพาะเล้ียงเห็ดหลินจือหลายชนิด แต่ที่นิยมเพาะปลูกและได้ผลดีมี 6 ชนิด
ซ่งึ จำ� แนกตามสีของหมวกดอก รสชาติ และสรรพคณุ ทางยาดังน้ี
1. เหด็ หลนิ จือสดี ำ� มชี ่อื จนี ว่า เฮยจอื เอา๋ จอื มรี สชาตเิ ค็ม บ�ำรุงไต และทางเดินปสั สาวะ
2. เหด็ หลินจือสขี าว มชี อ่ื จนี ว่า ไปจ๋ ือ วจี ือ มรี สชาตเิ ผ็ด บ�ำรงุ ไต ปอด สมองและประสาท

การผลติ พืชอนิ ทรยี ์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 107

3. เห็ดหลินจือสีเขียว มีช่ือจีนว่า ซิงจือ หลงจือ มีรสชาติเปร้ียว บ�ำรุงตับสายตาสมอง
และประสาท
4. เห็ดหลินจือสีม่วง มีชื่อจีนว่า จือจือ มู่จือ มีรสชาติหวานอุ่น ๆ บ�ำรุงกระดูก ประสาท
และรกั ษาโรครดิ สีดวงทวาร
5. เห็ดหลินจือสีเหลือง มีช่ือจีนว่า หวงจือ จินจือ มีรสชาติหวาน บ�ำรุงม้าม สมอง
และประสาท และช่วยเพมิ่ ความสดชน่ื
6. เห็ดหลินจือสีแดง มีชื่อจีนว่า ซือจือ กันจือ มีรสชาติขม บ�ำรุงหัวใจ ปอด สมอง
และประสาท

สารให้สรรพคุณทางยาของเห็ดหลนิ จือ
การที่เห็ดหลินจือมีสรรพคุณในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างกว้างขวาง ท�ำให้เป็นท่ีสนใจ
ของนักวิทยาศาสตร์และผู้ท่ีเกี่ยวข้องอย่างมาก มีการน�ำเห็ดชนิดนี้มาศึกษาวิจัยในด้านต่าง ๆ ท่ีมี
ในเห็ดหลินจือ พบว่า มีสาระส�ำคัญอยู่หลายกลุ่มที่ท�ำให้เห็ดหลินจือมีคุณค่าต่อการรักษาโรคต่าง ๆ
ได้แก่
1. กลุ่มสารคาร์โบไฮเดรต เช่น ganodarans หรือสารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides)
มอี ยหู่ ลายชนดิ ทม่ี คี วามสำ� คญั ตอ่ การรกั ษาโรค เชน่ สารเบตาดกี ลแู คน (Beta-D-glucan) ชว่ ยยบั ยงั้
การเจรญิ ของมะเรง็ ชว่ ยกระตนุ้ การทำ� งานของเมลด็ เลอื ดขาวในการกำ� จดั สง่ิ แปลกปลอมในรา่ งกาย
ท�ำให้ระบบคุ้มกันของร่างกายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนจากการใช้สารเคมี
และรังสีรักษาโรคมะเร็งในผู้ป่วยช่วยลดการอักเสบ และสารกาโนเดอร์แลนด์ (Ganoderans)
ช่วยลดระดบั น้�ำตาลในเลือด (เบาหวาน)
2. สารสเตอรอยด์ (Steroids) ตัวอย่างสารที่มีสรรพคุณทางยาท่ีส�ำคัญในกลุ่มนี้ คือ
สารกาโนโดสเตอโรน (Ganodosterone) มีคุณสมบัติช่วยลดพิษที่มีต่อตับ ท�ำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรค
เกีย่ วกบั ตบั มอี าการดขี ึ้น
3. กลุ่มสารไตรเทอร์พีนอยด์ชนิดขม (Bitter triterpenoids) สารในกลุ่มน้ีมีอยู่หลายชนิด
ทมี่ สี รรพคณุ ทางยาทสี่ ำ� คญั เชน่ กรดกาโนเดอรกิ (Ganoderic acid) และกรดลซู เิ ดนกิ (Lucidenic)
ซ่ึงจะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยลดความดันของเลือด ยับย้ังการหลั่งสารฮิสตามีนท่ีท�ำให้เกิด
โรคภมู แิ พ้บางชนิด

108 การผลิตพืชอินทรียแ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

4. สารนิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) สารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติในการป้องกันการรวมตัว
ของเกล็ดเลือด ท่ีท�ำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือด ลดการเกิดอัมพาตลง และยังช่วยบรรเทา
ความเจ็บปวดดว้ ย
5. สารเจอร์มาเนียม (Germanium, Ge) สารชนิดนี้จะกระตุ้นการท�ำงานของร่างกาย
และยงั ชว่ ยขจดั สารพษิ และส่งิ แปลกปลอมออกจากรา่ งกายได้

การเพาะเห็ดหลนิ จอื
กลุ่มงานชีววิทยาประยุกต์ กองโรคพืชและจุลชีววิทยา กรมวิชาการเกษตร ได้ท�ำการวิจัย
เพาะเลยี้ งเหด็ หลนิ จอื พบวา่ สายพนั ธ์ุ จี 2 ใหผ้ ลผลติ สงู คณุ ภาพดี และสามารถเพาะเลย้ี งไดต้ ลอดปี
ลกั ษณะเดน่ ของเหด็ สายพนั ธน์ุ คี้ อื ดอกวยั ออ่ นจะมสี เี หลอื งเปน็ รว้ิ สลบั กบั สนี ำ�้ ตาล เมอ่ื ดอกแกเ่ ตม็ ท่ี
มีรูปร่างครึ่งวงกลมคล้ายคมขวานโบราณ ด้านบนมีสีน�้ำตาลเข้ม ส่วนด้านล่างมีสีเหลืองอ่อนหรือ
ขาว รัศมีของดอกจากส่วนโคนถึงปลายดอกเฉลี่ย 6 เซนติเมตร ความยาวจากปลายด้านหนึ่ง
ไปอีกดา้ นหนงึ่ ยาวประมาณ 9 เซนตเิ มตร และมคี วามหนาโดยเฉลยี่ 1 เซนติเมตร

ข้ันตอนหลักในการเพาะเล้ียงเหด็ หลินจอื
ข้ันตอนในการเพาะเห็ดหลินจือ มีขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอน คือ 1) การแยกเชื้อและการเลี้ยง
เชอ้ื เหด็ บรสิ ทุ ธใิ์ นอาหารวนุ้ 2) การผลติ หวั เชอื้ เหด็ ในเมลด็ ธญั พชื 3) การผลติ กอ้ นเชอื้ เหด็ จากขเ้ี ลอื่ ย
และ 4) การเปิดดอกและการเก็บเกี่ยว
1. การแยกเช้ือและการเลี้ยงเช้ือเห็ดบริสุทธิ์ในอาหารวุ้น (Mother mycelium
production) ท�ำได้ 2 วิธี คือ การเพาะเล้ียงสปอร์ ใช้ในกรณีปรับปรุงพันธุ์ หรือผสมพันธุ์เพื่อให้ได้
สายพนั ธใ์ุ หม่ และการเพาะเลย้ี งเนอื้ เยอ่ื สว่ นใหญจ่ ะใชใ้ นการขยายเสน้ ใยเหด็ กนั มาก เพราะวา่ ทำ� งา่ ย
สะดวก รวดเรว็ และไดด้ อกเหด็ ทมี่ ลี กั ษณะเหมอื นพนั ธเ์ุ ดมิ ทกุ ประการ โดยในบทความนจี้ ะกลา่ วถงึ
วิธีการเพาะเลี้ยงเนือ้ เย่ือ ซงึ่ มีขั้นตอนปฏิบัติดังนี้
1.1 การเตรียมอาหารเลีย้ งเชอื้ อาหารส�ำหรบั เลย้ี งเนื้อเย่อื ทแี่ ยกออกจากดอกเหด็ ใชส้ ตู ร
อาหารวนุ้ พีดีเอ (Potato Dextrose Agar, PDA) (ภาพท่ี 6.1) โดยมีสตู รดงั นี้
มนั ฝรัง่ 200 กรัม
น้�ำตาลเด็กซโ์ ทรส (Dextrose) 20 กรมั
ผงวุ้น (Agar) 20 กรัม
น้�ำสะอาด 1 ลติ ร

การผลิตพืชอนิ ทรีย์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 109

ภาพที่ 6.1 วัสดอุ ุปกรณ์ทำ� อาหารเล้ียงเชอื้
ส�ำหรับวิธีการเตรียมอาหารวุ้นพีดีเอส�ำหรับเล้ียงเนื้อเย่ือที่แยกออกจากดอกเห็ด
มีขนั้ ตอนดงั นี้
1. ท�ำการปอกเปลือกมันฝร่ัง ล้างท�ำความสะอาด หั่นเป็นชิ้นขนาดเล็ก แล้วช่ังน�้ำหนัก
200 กรัม (ภาพที่ 6.2)

ภาพท่ี 6.2 การปอก การล้างทำ� ความสะอาด และการหั่นมนั ฝร่ัง

110 การผลติ พืชอินทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

2. ตวงนำ�้ สะอาด 1 ลติ ร ใสม่ นั ฝรงั่ ลงไป ตม้ ใหเ้ ดอื ดนานประมาณ 15 นาที โดยทเ่ี นอ้ื มนั ฝรง่ั
ยังไม่แตก หรือเละ กรองเอาแตน่ ้ำ� ตม้ มนั ฝรั่ง ต้มตอ่ ไปบนไฟอ่อน (ภาพที่ 6.3)



ภาพท่ี 6.3 การต้มและการกรองน�้ำมันฝรั่ง

การผลติ พชื อินทรียแ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 111

3. เตมิ นำ้� รอ้ นใหค้ รบ 1 ลติ ร นำ� ไปตม้ ดว้ ยไฟออ่ น ๆ เตมิ นำ้� ตาล 20 กรมั ลงไป คนใหน้ ำ�้ ตาล
ละลาย แลว้ เทผงวนุ้ 20 กรัม ที่ละลายด้วยน้ำ� เยน็ ลงในหมอ้ ตม้ (ภาพท่ี 6.4)

ภาพท่ี 6.4 การเตรยี มและเติมน้�ำตาลกลโู คส และสารละลายผงว้นุ

112 การผลติ พชื อินทรียแ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

4. น�ำอาหารวุ้นบรรจุลงในขวดแบน ให้สูงจากก้นขวดประมาณ 1 เซนติเมตร ปิดปากขวด
ด้วยจุกส�ำลี ปดิ ทบั ดว้ ยกระดาษ และใชย้ างรดั แลว้ น�ำไปนงึ่ ฆา่ เช้อื ในหมอ้ น่ึงความดัน (ภาพที่ 6.5)

ภาพท่ี 6.5 การบรรจอุ าหารว้นุ ลงในขวดและนึง่ ฆา่ เชอื้ ดว้ ยหม้อนง่ึ ความดัน

การผลติ พชื อนิ ทรีย์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 113

5. วางขวดในขณะทวี่ นุ้ ยงั อนุ่ อยู่ โดยใชว้ สั ดรุ องรบั สงู 2-3 เซนตเิ มตร หนนุ ทป่ี ากขวดใหข้ วด
เอียงขน้ึ ทง้ิ ไวใ้ หอ้ าหารว้นุ แข็งตัวในลกั ษณะเทลาด (ภาพที่ 6.6)

ภาพท่ี 6.6 การวางขวดอาหารเลย้ี งเชือ้
1.2 การผลิตหัวเช้ือเห็ด และเล้ียงในขวดอาหารวุ้น หลักการคัดเลือกดอกเห็ดที่น�ำมา
เปน็ เชอื้ แมพ่ นั ธ์ุเหด็ มดี งั ต่อไปน้ี คอื เปน็ เหด็ ท่ีให้ผลิตผล (ดอก) ในรนุ่ ท่ี 1 หรอื 2 มีลักษณะตรงตาม
พนั ธแ์ุ ละเปน็ ทต่ี อ้ งการของตลาด ทน และปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มไดด้ ี มนี ำ�้ หนกั สดและนำ�้ หนกั
แห้งของผลิตผลสูง และต้องไม่สัมผัสน�้ำก่อนน�ำมาการแยกเน้ือเยื่อ ส่วนอุปกรณ์การแยกเลี้ยง
เนอื้ เยอ่ื เหด็ บรสิ ทุ ธมิ์ แี สดงภาพที่ 6.7 สำ� หรบั ขนั้ ตอนในการผลติ และเลย้ี งเชอื้ เหด็ ในขวดอาหารวนุ้ มี
ดงั ตอ่ ไปนี้ คอื

114 การผลิตพชื อินทรียแ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

ภาพท่ี 6.7 อุปกรณ์การแยกเล้ียงเนื้อเย่ือเห็ดบรสิ ทุ ธิ์
1. น�ำเข็มเข่ียเช้ือมาชุบแอลกอฮอล์พร้อมลนไฟฆ่าเช้ือท่ีปลายเข็มเขี่ยจนถึงส่วนของด้าม
ที่ใช้จับ ท้ิงให้เย็นนาน 15-20 วินาที โดยต้องไม่ให้ปลายเข็มสัมผัสกับสิ่งอื่น ๆ ภายในตู้เข่ียเชื้อ
(ภาพท่ี 6.8)

ภาพท่ี 6.8 การจดั วางวสั ดอุ ุปกรณ์ และเตรยี มเขม็ เขี่ยเชอื้

การผลติ พชื อนิ ทรีย์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 115

2. ใช้มือฉีกดอกเห็ดออกเป็น 2 ส่วน แล้วใช้เข็มเข่ียเช้ือแตะเอาช้ินส่วนของเนื้อเยื่อระหว่าง
ก้านดอกกับหมวกเหด็ ให้ติดมากบั เขม็ เขี่ยเช้ือปริมาณเล็กน้อย (ภาพท่ี 6.9)

ภาพท่ี 6.9 วิธีการแยกเน้อื เยอ่ื บริสุทธิจ์ ากดอกเหด็

116 การผลติ พชื อนิ ทรียแ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

3. เปิดจุกขวดอาหารวุ้นออก ลนปากขวดด้วยตะเกียงแอลกอฮอล์เพ่ือฆ่าเชื้อ
สอดเข็มเขี่ยเช้ือท่ีมีชิ้นส่วนของเนื้อเย่ือ วางเน้ือเย่ือบนอาหารวุ้น ลนไฟฆ่าเชื้อท่ีปากขวด
ก่อนปิดจุกขวด (ภาพท่ี 6.10)

ภาพท่ี 6.10 การย้ายเนอื้ เยอ่ื ลงเลย้ี งในขวดอาหารเล้ียงเชือ้
4. นำ� ขวดอาหารวนุ้ วางไวใ้ นทม่ี ดื และอณุ หภมู สิ งู เพอ่ื ชว่ ยใหเ้ สน้ ใยเหด็ เจรญิ ไดเ้ รว็ ขนึ้ ภายใน
10-15 วัน เมื่อเส้นใยเจริญเต็มอาหารวุ้นแล้ว น�ำไปขยายเช้ือในเมล็ดธัญพืชต่อไป (หรืออาจจะถ่าย
เชอ้ื เหด็ จากอาหารวนุ้ ขยายลงบนขวดอาหารวนุ้ หลาย ๆ ขวดกไ็ ด)้ หากพบเชอื้ รา หรอื เชอ้ื แบคทเี รยี
ข้นึ ภายในขวด ให้คัดแยกออกไปท�ำลาย (ภาพท่ี 6.11)

การผลิตพชื อนิ ทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 117

ภาพที่ 6.11 ลักษณะของเส้นใยเห็ดท่เี จริญเตม็ อาหารวุ้น (ซา้ ย)
และการปนเปอ้ื นในหัวเชอ้ื เหด็ (ขวา)

118 การผลติ พชื อนิ ทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

2. การผลติ หวั เชอื้ เหด็ ในเมลด็ ธญั พชื สำ� หรบั วธิ กี ารทจี่ ะกลา่ วถงึ นี้ ไดใ้ ชข้ า้ วฟา่ งเปน็ เมลด็
ธญั พืชสำ� หรับการผลิตหัวเช้ือ ซงึ่ มขี ้ันตอนดงั ต่อไปน้ี คือ
1. น�ำเมล็ดข้าวฟ่างมาคัดเอาสิ่งเจือปนออก แช่น้�ำท้ิงไว้ 1 คืน (ภาพท่ี 6.12) โดยเมล็ด
ข้าวฟา่ ง 1 กโิ ลกรมั จะใชบ้ รรจุลงในขวดแบนได้ประมาณ 50 ขวด

ภาพท่ี 6.12 การคัดและการแช่เมลด็ ข้าวฟ่าง

การผลติ พืชอินทรยี แ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 119

2. ตม้ เมล็ดขา้ วฟา่ งใหบ้ ริเวณรอบดา้ นนอกของเมลด็ สุก (อยา่ ใหส้ กุ มากเกนิ ไป เพราะวา่ จะ
ทำ� ใหเ้ ส้นใยเจริญจับตวั กนั แน่นเกินไป ไมส่ ะดวกในการเข่ียเชือ้ ไปยงั กอ้ นเชื้อเหด็ ) (ภาพที่ 6.13)

ภาพท่ี 6.13 การตม้ เมลด็ ขา้ วฟ่าง
3. น�ำมาผึ่งให้แห้งพอหมาด แล้วบรรจุลงในขวดกลมหรือแบน (ภาพที่ 6.14) ให้มีความสูง
ประมาณ 2 ใน 3 ส่วนของขวด

ภาพที่ 6.14 การผ่ึง (ซ้าย) และการกรอกเมลด็ ขา้ วฟา่ งลงในขวด (ขวา)

120 การผลติ พืชอนิ ทรีย์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

4. ปิดปากขวดเมล็ดข้าวฟ่างด้วยจุกส�ำลี แล้วหุ้มด้วยกระดาษ และน�ำไปนึ่งด้วยหม้อน่ึง
ความดนั เพอื่ ฆา่ เชอื้ โดยใชค้ วามดนั 15 ปอนด/์ ตารางนวิ้ อณุ หภมู ิ 121 องศาเซลเซยี ส นาน 45 นาที
(ภาพที่ 6.15)

ภาพที่ 6.15 การนงึ่ ฆ่าเชอ้ื ขวดเมลด็ ขา้ วฟ่างในหมอ้ นึง่ ความดัน
5. หลังจากเมล็ดขา้ วฟ่างเย็นตวั ลง ให้เขยา่ ขวดเพื่อใหค้ วามชนื้ ของเมลด็ ในขวดกระจายตัว
อยา่ งสม�ำ่ เสมอ (จะช่วยใหเ้ ส้นใยเหด็ เจรญิ เรว็ ขนึ้ )

การผลติ พืชอนิ ทรีย์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 121

6. นำ� เสน้ ใยเหด็ จากขวดอาหารวนุ้ มาเขย่ี เชอ้ื ลงในขวดเมลด็ ขา้ วฟา่ ง โดยใชเ้ ทคนคิ ปลอดเชอื้
(ภาพที่ 6.16) เส้นใยจะเจริญเต็มขวดเมล็ดข้าวฟ่างภายใน 2-3 สัปดาห์ แล้วน�ำไปปลูกเชื้อในถุง
ก้อนเชอื้ ต่อไป (ภาพท่ี 6.17)

ภาพที่ 6.16 การเข่ียเส้นใยเหด็ ในอาหารวนุ้ ลงในขวดเมล็ดขา้ วฟ่าง

ภาพท่ี 6.17 การเจริญของเสน้ ใยเห็ดในขวดเมล็ดขา้ วฟา่ ง
3. การผลติ กอ้ นเช้ือเหด็ จากขเี้ ล่ือย (ภาพที่ 6.18) มขี ัน้ ตอนดังตอ่ ไปน้ี
1. การเตรยี มวสั ดเุ พาะเหด็ โดยใชข้ เี้ ลอื่ ยไมย้ างพารา (เพราะวา่ เปน็ ไมเ้ นอื้ ออ่ นเหมาะสำ� หรบั
ใช้เป็นวัสดุเพาะมากท่ีสุด) 100 กิโลกรัม ร�ำละเอียด 5-8 กิโลกรัม แคลเซียม 1 กิโลกรัม น้�ำตาล
1 กิโลกรัม และปูนขาว 1 กิโลกรัม มาผสมให้เข้ากัน จากน้ันเพิ่มความช้ืนในวัสดุเพาะ โดยการเติม
น�ำ้ สะอาดลงไปใหม้ ีความช้ืนประมาณ 65-70 เปอร์เซ็นต์

122 การผลติ พชื อินทรยี แ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

2. บรรจุวัสดุเพาะลงในถุงพลาสติกขนาด 6.5x12.5 นิ้ว ให้มีน้�ำหนักประมาณ 800-1,000
กรัมต่อถุง อัดให้แน่น รวบปากถุง สวมคอขวดพลาสติกลงไป และดึงปากพับลงรัดด้วยยางรัด
ปดิ ดว้ ยจกุ สำ� ลี หรือครอบดว้ ยจุกพลาสติก
3. น่ึงฆ่าเช้ือถุงพลาสติกในหม้อน่ึงด้วยความร้อน 98-100 องศาเซลเซียส ถ้าใช้ถังน้�ำมัน
200 ลิตร เป็นหม้อนึ่ง สามารถบรรจุก้อนเห็ดได้ประมาณ 96-100 ก้อน จับเวลาเม่ือมีไอน้�ำพุ่งออก
มาจากถังใช้เวลานึ่ง 2-3 ช่ัวโมง หรือถ้าใช้ถังนึ่งที่ประกอบเองด้วยเหล็กแผ่นสามารถบรรจุก้อนเช้ือ
ได้ประมาณ 500-2,000 ถุง โดยจะใช้เวลาในการนึ่งประมาณ 4-6 ช่ัวโมง เม่ือนึ่งเสร็จแล้วให้น�ำ
ก้อนเชอ้ื เขา้ โรงปลูกเช้อื
4. การปลูกเช้ือเห็ดลงในก้อนอาหาร โดยน�ำหัวเชื้อในขวดเมล็ดธัญพืชท่ีเส้นใยเดินเต็มขวด
มาเคาะ หรอื แคะดว้ ยเหลก็ ใหเ้ ชอื้ เหด็ แตกรว่ น เปดิ ปากถงุ ทมี่ จี กุ สำ� ลหี รอื จกุ พลาสตกิ ออก กรอกหวั
เช้อื ลงในถุงก้อนเห็ดประมาณ 20-30 เมล็ดตอ่ ถุง ซึ่งหวั เชอ้ื 1 ขวดสามารถปลูกเช้อื ลงในถุงกอ้ นเห็ด
ได้ 30-50 ถุง จากนน้ั ปิดดว้ ยจุกส�ำลีหรือจุกพลาสติกอันใหม่ ปิดด้วยกระดาษ แลว้ รดั ดว้ ยยางรัด
5. นำ� กอ้ นเชอื้ เหด็ เขา้ โรงบม่ ทไ่ี มม่ คี วามชนื้ วางตามแนวตง้ั หรอื แนวนอน เพอื่ ใหเ้ สน้ ใยเจรญิ
ภายในก้อนเช้ือ ซึ่งใชเ้ วลาประมาณ 20-35 วนั
6. เมอ่ื บม่ เสน้ ใยเหด็ เจรญิ เตม็ ถงุ แลว้ ใหย้ า้ ยไปในโรงเรอื นเปดิ ดอก โดยวางเรยี งกอ้ นเชอื้ เหด็
บนแผงเอยี งตามแนวนอน สงู จากพน้ื ขน้ึ ไป 15 เซนตเิ มตร สามารถวางกอ้ นเชอ้ื เหด็ ไดป้ ระมาณ 150
ก้อนต่อความยาวของแผงไม้ 1 เมตร และโรงเรือนเปิดดอกเห็ด ขนาด 5x12 เมตร สามารถวางก้อน
เห็ดไดป้ ระมาณ 6,600 กอ้ น จากนัน้ ให้ดึงกระดาษทีป่ ิดปากถงุ ออก
ส�ำหรับการป้องกันก�ำจัดโรคและแมลงศัตรูเห็ดน้ัน หลังจากน�ำก้อนเชื้อเห็ดเข้าโรงเรือน
เปดิ ดอก หมน่ั ตรวจสอบดโู รคและแมลง หากพบเชอื้ ราชนดิ อน่ื หรอื แมลงเชน่ ไรตา่ ง ๆ ใหน้ ำ� กอ้ นเหด็
ออกจากโรงเรือนน�ำไปท�ำลายทันที และใช้กับดักกาวเหนียว หรือพ่นน้�ำหมักสมุนไพร เช่น น้�ำส้ม
ควันไม้ และสารสกัดสะเดา เพ่ือป้องกันก�ำจัดแมลงศัตรูเห็ดในโรงเปิดดอกและบริเวณรอบ ๆ
อย่างสม�่ำเสมอ

การผลติ พืชอนิ ทรีย์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 123

4. การเปดิ ดอกและการเกบ็ เกยี่ ว ในระหวา่ งขนั้ ตอนดงั กลา่ วนี้ มวี ธิ กี ารปฏบิ ตั แิ ละการดแู ล
รกั ษาดังตอ่ ไปนี้
1. เมื่อดึงกระดาษออกจากปากถุงแล้ว จะมีดอกเห็ดเล็ก ๆ สีขาวโผล่ออกมา (ภาพท่ี 6.19
บนซ้าย) ในระยะแรกจะมีการสเปรย์น�้ำเป็นละอองฝอยเพ่ือเพ่ิมความชื้นสัมพัทธ์ภายในโรงเรือนให้
ได้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ วนั ละ 2 ครัง้ ในชว่ งเชา้ และเยน็ เห็ดจะมีการพัฒนาขยายขนาดของดอก
และเปลยี่ นสีเปน็ สนี �้ำตาลบริเวณตรงกลางดอกเห็ด
2. เม่ือดอกเห็ดมีอายุ 15 วันขึ้นไป (ภาพท่ี 6.19 บนขวาและล่างซ้าย) จะเปล่ียนสีเป็น
สนี ำ�้ ตาลจากกลางดอกมาจนถงึ ขอบดอกเหด็ ระยะนตี้ อ้ งเปลย่ี นวธิ ใี หน้ ำ�้ จากแบบละอองฝอยเปน็ การ
รดนำ้� ทพ่ี น้ื โรงเรอื นใหช้ น้ื พอหมาด ดอกเหด็ จะมกี ารปลอ่ ยสปอรส์ นี ำ้� ตาลแดงออกมาจากใตห้ มวกเหด็
และอาจจะตกบนดอกเห็ดดว้ ยและจะเคลอื บสะสมบนดอกหนาเพิ่มมากขน้ึ เร่อื ย ๆ
3. การเก็บสปอร์เห็ด เม่ือมีสปอร์เกาะติดบนดอกเห็ดในปริมาณมากแล้ว โดยใช้แปรงปัด
(หรือใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเก็บสปอร์ก็ได้) ปกติแล้วจะเก็บสปอร์ได้ 3-4 ครั้ง กรณีที่จะใช้ประโยชน์จาก
สปอร์ ตอ้ งท�ำใหส้ ปอรน์ น้ั แตกเสียก่อน โดยใชเ้ ครือ่ งมอื กะเทาะสปอร์
4. เม่ือดอกเห็ดมีการขยายตัวเต็มท่ี ซึ่งมีความกว้างประมาณ 9 เซนติเมตร โดยตั้งแต่
เร่ิมออกดอกจนสามารถเก็บเกี่ยวได้จะใช้เวลาประมาณ 45-50 วัน (ภาพที่ 6.19 ล่างขวา) หรือใช้วิธี
สงั เกตบริเวณขอบหมวกเหด็ จะเปลี่ยนเป็นสีน้�ำตาลเข้มทงั้ ดอก
5. เมื่อดอกเห็ดเปลี่ยนเป็นสีน้�ำตาลเข้มท้ังดอกเป็นช่วงที่เหมาะสมในการเก็บเก่ียว ให้ดึง
ดอกเห็ดออกจากถุงก้อนเช้ือโดยการจับและหมุนดึงออก (ภาพที่ 6.20) มีน�้ำหนักดอกเห็ดประมาณ
35-40 กรัมตอ่ ถุง

124 การผลิตพชื อนิ ทรยี ์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

การผสมวสั ดุเพาะเหด็ การบรรจวุ ัสดเุ พาะลงในถุงพลาสตกิ

การนงึ่ ฆ่าเชอื้ กอ้ นเหด็ ในหมอ้ น่งึ การปลูกเชือ้ เหด็ ลงในก้อนอาหาร

การบม่ เสน้ ใยเห็ดบนชัน้ ใน การเรียงก้อนเชอ้ื เหด็ ในโรงเปดิ ดอก

การเปดิ ดอกเหด็
ภาพที่ 6.18 การเพาะเห็ดหลนิ จอื

การผลติ พชื อินทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 125

เริม่ ออกดอก อายุ 15 วนั

อายุ 20 วนั อายุ 50 วัน
ภาพที่ 6.19 ลักษณะของดอกเหด็ หลินจอื อายตุ ่าง ๆ กนั

126 การผลิตพืชอินทรีย์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

ภาพที่ 6.20 การเกบ็ เกยี่ วดอกเห็ด

5. การทำ� แห้งผลิตผล (ภาพท่ี 6.21) มขี ้นั ตอนการปฏิบตั ิดังตอ่ ไปน้ี
1. ตัดส่วนท่ีเป็นก้านเห็ดออกท้ิง และน�ำดอกเห็ดไปล้างในน้�ำสะอาดทิ้งสะเด็ดน้�ำ ห่ันดอก
เหด็ เปน็ ชน้ิ บาง ๆ มีความหนา 2-3 มิลลเิ มตร โดยหนั่ ตามขวางของดอก
2. เม่ือหั่นดอกเห็ดเสร็จแล้วน�ำไปลดความช้ืนทันที ถ้าท้ิงดอกเห็ดไว้จะมีคราบสีขาวเกิด
ข้ึนบนเห็ดได้ โดยการน�ำไปตากแดดแล้วน�ำเข้าตู้อบ ซึ่งจะเร่ิมอบดอกเห็ดที่อุณหภูมิ 45 องศา
เซลเซยี ส เปน็ เวลา 3 ชว่ั โมง แลว้ เพม่ิ อณุ หภมู เิ ปน็ 55 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลา 3 ชว่ั โมง และสดุ ทา้ ย
อบที่อุณหภูมิ 67-70 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3 ช่ัวโมง ในช่วงอุณหภูมินี้จะท�ำให้เห็ดมีกลิ่นหอมข้ึน
เนื่องจากน้�ำมันในเน้ือเย่ือเห็ดมีการแตกตัว ซึ่งดอกเห็ดสดน�้ำหนัก 3.7 กิโลกรัม อบแห้งแล้วจะได้
ดอกเห็ดแห้งนำ�้ หนกั 1 กโิ ลกรัม
3. นำ� ไปบรรจใุ นกลอ่ งพลาสตกิ หรอื ถงุ พลาสตกิ หรอื บรรจภุ ณั ฑอ์ น่ื เพอื่ เกบ็ รกั ษาไวบ้ รโิ ภค
หรือจ�ำหน่ายตอ่ ไป

การผลิตพืชอนิ ทรียแ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 127

การล้างทำ� ความสะอาดดอกเหด็ ตดั แตง่ กา้ นโคนเหด็

การหน่ั ดอกเหด็ เคร่อื งอบแห้ง

เหด็ ทอี่ บแห้งแล้ว การบรรจภุ ัณฑ์
ภาพท่ี 6.21 การทำ� แห้งเหด็ หลินจือ

128 การผลติ พชื อินทรยี ์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

การผลิตสปอร์เหด็ หลนิ จือ

การเก็บสปอร์เห็ดหลินจือ
หลังจากการเกิดดอกเห็ดในถุงก้อนแล้ว อายุประมาณ 20 วัน ดอกเห็ดหลินจือจะเร่ิม
มกี ารปลดปลอ่ ยสปอรอ์ อกจากใตห้ มวกเหด็ เปน็ ละอองเลก็ ๆ สนี ำ�้ ตาล (ภาพที่ 6.22) และการปลดปลอ่ ย
จะมีปริมาณเพ่ิมมากข้ึนตามอายุ ซึ่งใช้เวลาการเจริญของดอกประมาณ 45 วัน ก็จะแก่เต็มที่
การเก็บสปอร์ ท�ำโดยการใช้แปรงปัดลงในภาชนะ (เช่น ขันอะลูมิเนียม) โดยจะท�ำการเก็บทุก ๆ
5-7 วนั หลงั การปลอ่ ยสปอร์ รวมแลว้ 3-4 ครงั้ นำ� สปอรเ์ หด็ ทเ่ี กบ็ ไดเ้ ขา้ ตอู้ บลมรอ้ นเพอ่ื ลดความชนื้
ท่ีอุณหภูมิ 67-70 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง (ภาพท่ี 6.23) และเก็บรักษาในภาชนะที่ปิด
มิดชิด เพอื่ รอการตสี ปอร์ให้แตกต่อไป

ภาพที่ 6.22 ดอกเห็ดหลนิ จือที่อยใู่ นช่วงปล่อยสปอร์

การผลติ พืชอินทรียแ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 129

ภาพท่ี 6.23 การอบสปอร์เห็ดด้วยเคร่ืองอบแหง้

ข้นั ตอนการตสี ปอร์เห็ดหลนิ จือ
น�ำสปอร์เห็ดหลินจือมาท�ำให้เปลือกหุ้มสปอร์แตกตัวด้วยการใช้เทคโนโลยีข้ันสูง โดยใช้
เครื่องบดผงขนาดไมโคร ซ่ืงตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยถังบด เครื่องส่ันสะเทือน ฐานเคร่ือง
และเคร่ืองเก็บเสียง โดยมีหลักการท�ำงานของเครื่องคือ วัตถุดิบจะอยู่ในถังบดผสม และจะมีแท่ง
บดท่ีใช้ในการบดอยู่ในสภาพส่ันสะเทือน เคร่ืองจะท�ำการบดตัววัตถุดิบออกมาเป็นผง โดยตัวถังบด
จะมี water-jacket เป็นตัวช่วยในการระบายความร้อน ซึ่งตัว water-jacket จะเช่ือมอยู่กับท่อทาง
เดินน�้ำเข้าและออกของเคร่ืองควบคุมความเย็น และมีปั๊มคอยหมุนเวียนน้�ำเพ่ือควบคุมอุณหภูมิ
โดยสปริงของเครื่องจะหุ้มด้วยฉนวนท่ีมีฟังก์ช่ันช่วยในการสั่นสะเทือน เครื่องเก็บเสียงจะมีฟังก์ช่ัน
ในการช่วยลดเสียงอีกด้วย นอกจากน้ี ตัวถังบดและแท่งบดของเครื่องนี้ท�ำมาจากสแตนเลสท่ี
เหมาะสำ� หรับใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งไม่กอ่ ให้เกิดสนิม (ภาพท่ี 6.24)

การเก็บรกั ษาสปอร์เห็ดหลินจอื
สปอร์เห็ดหลินจือที่ผ่านกระบวนการตีแตกแล้ว จะน�ำไปบรรจุแบบสุญญากาศในซอง
อะลมู เิ นยี มฟอยล์ (ภาพท่ี 6.24) เพอื่ เป็นการเก็บรกั ษาสปอร์เห็ดต่อไป

130 การผลิตพชื อนิ ทรยี แ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

ลกั ษณะสปอร์ที่ยงั ไมไ่ ดต้ ี การเตรยี มสปอร์

เครอ่ื งตีสปอร์ การตสี ปอร์

สปอรท์ ต่ี ีแลว้ การบรรจุสปอร์
ภาพที่ 6.24 การตสี ปอร์เหด็ หลินจอื

การผลติ พืชอินทรียแ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 131

การบรโิ ภคเหด็ หลินจอื

1. ดอกเหด็ หลนิ จอื อบแหง้ การบรโิ ภคดอกเหด็ อบแหง้ นนั้ สามารถบรโิ ภคไดห้ ลายวธิ ี เชน่
1.1 การต้ม โดยการน�ำเห็ดแห้ง 5 กรัม ต้มกับน้�ำ 1 ลิตร ดื่มบ�ำรุงร่างกายหรืออายุวัฒนะ
หรือถ้าต้องการแบบเข้มข้นก็ใช้ดอกเห็ดแห้ง 10 กรัม ต้มกับน�้ำ 2 ลิตร เค่ียวให้น้�ำเหลือคร่ึงลิตร
ใช้ด่ืมส�ำหรบั ผ้ทู ีม่ โี รคประจำ� ตวั
1.2 การดองเหล้า เหมาะส�ำหรับคนที่ชอบดื่มเหล้าประจ�ำ เพราะสรรพคุณทางยาในเห็ด
หลินจือ สามารถบ�ำรุงตับและร่างกายได้ โดยใช้เห็ดแห้ง 20-30 กรัม ดองเหล้าขาว 1 ขวด ดองทิ้งไว้
15-20 วนั ดื่มวันละไม่เกิน 50 มลิ ลลิ ิตร
1.3 การน�ำเห็ดไปบดหรือบรรจุแคปซูล วิธีการนี้จะได้สรรพคุณน้อยที่สุด เนื่องจากสาร
ออกฤทธใ์ิ นเห็ดหลินจอื จะตอ้ งใชค้ วามร้อนช่วยในการสกัด ดงั นน้ั การนำ� เห็ดมาบดแลว้ รับประทาน
ร่างกายจึงไม่ได้รับสารอาหารท่ีอยู่ในเห็ดหรือได้รับน้อยมาก เพราะร่างกายคนเราอุณหภูมิเพียงแค่
37 องศาเซลเซียส เทา่ นั้น
2. สปอร์เห็ดหลินจือ เป็นสปอร์ท่ีบรรจุในแคปซูล การน�ำสปอร์ของเห็ดหลินจือมาท�ำให้
แตกตัวด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (เครื่องตีสปอร์) เพื่อท�ำให้เปลือกแข็งที่ห่อหุ้มสปอร์ไว้แตกออก
ซ่ึงเป็นกรรมวิธีใหม่ในการสกัดสปอร์ของเห็ดหลินจือ ท�ำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารที่อยู่
ภายในสปอรไ์ ดเ้ ตม็ ท่ี เพราะวา่ หากเปน็ สปอรท์ ยี่ งั ไมไ่ ดแ้ ตกตวั รา่ งกายจะไมส่ ามารถดดู ซมึ สารอาหาร
หรอื ดูดซมึ ไดน้ อ้ ยมาก

การเลอื กซอื้ ผลติ ภณั ฑ์เหด็ หลินจอื

เนอ่ื งจากเหด็ หลนิ จอื มสี รรพคณุ ในการรกั ษาอาการเจบ็ ปว่ ยจากโรคตา่ ง ๆ ไดห้ ลายโรค และ
ใหผ้ ลในการรกั ษาอยใู่ นระดบั ดพี อควร ดงั นนั้ จงึ ไดร้ บั ความสนใจกนั มากและมกี ารนำ� มาวางขายอยู่
ในท้องตลาดท่ัวไป ทั้งในรูปของดอกเห็ดแห้ง ดอกหั่นเป็นช้ินบาง ๆ สปอร์เห็ด สารสกัดจากเห็ดที่
ท�ำเป็นผงบรรจแุ คปซูลหรืออัดเมด็ ตลอดจนในรปู แบบอน่ื เช่น เครือ่ งดมื่ จากนำ้� เห็ดหลินจอื
ผบู้ รโิ ภคควรสงั เกตอยา่ งรอบคอบเมอื่ จะซอ้ื ผลติ ภณั ฑ์ เพอ่ื ใหไ้ ดเ้ หด็ ทมี่ คี ณุ ภาพ สะอาด และ
ปลอดภัย ดังน้ี

132 การผลติ พืชอินทรยี ์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

1. ดอกเหด็ แหง้ ควรเลอื กซอ้ื ดอกเหด็ จากฟารม์ เพาะเลย้ี ง องคก์ รหรอื สถาบนั ทเ่ี ปน็ ทร่ี บั รอง
จะไดเ้ หด็ สายพนั ธด์ุ ี มคี ณุ ภาพทสี่ มำ่� เสมอมากกวา่ เหด็ ทเ่ี กบ็ มาจากธรรมชาติ ซง่ึ ไมม่ กี ารควบคมุ พนั ธ์ุ
และส่ิงแวดล้อมทเี่ หด็ เจริญเตบิ โตได้ รวมท้งั อาจมสี ิง่ ปนเปื้อนอนื่ ๆ ดว้ ย
ควรเลือกดอกเห็ดท่ีใหม่ไม่เก่าเก็บเกินไป ดอกแห้งสนิท เลือกดอกเห็ดที่เป็นดอกเด่ียว
ลกั ษณะคลา้ ยพดั รปู รา่ งกลมมน ไมบ่ ดิ เบย้ี ว ขอบหนาและไมผ่ กุ รอ่ น ดอกมสี นี ำ�้ ตาลหรอื นำ้� ตาลแดง
สมำ�่ เสมอเปน็ มนั เงา ใตด้ อกสขี าวนวล หรอื สเี หลอื งออ่ นหรอื แก่ ไมม่ สี เี ขยี วหรอื สดี ำ� จากการปนเปอ้ื น
ของเชอื้ รา และไมม่ รี อ่ งรอยจากการทำ� ลายของแมลง
2. ดอกเห็ดที่ห่ันเป็นชิ้นบาง ๆ ควรสังเกตสีของเน้ือเห็ดต้องสม่�ำเสมอ ไม่มีกลิ่นอับช้ืน
ชิ้นเห็ดไม่มีร่องรอยแมลงท�ำลาย หรือมีเช้ือราท�ำลาย ชิ้นเห็ดไม่ผุกร่อนง่าย เม่ือชิมจะมีรสขม
และควรบรรจุในภาชนะทส่ี ะอาด
3. แคปซูล เห็ดท่ีบรรจุภายในแคปซูล ควรเป็นสารสกัดของเห็ดหรือสปอร์เห็ดตีแตก
ไม่ควรซ้ือแคปซูลที่บรรจุเห็ดดิบท่ีน�ำมาบดเป็นผงละเอียด เพราะว่าร่างกายจะไม่ได้รับประโยชน์
อะไรนอกจากกาก เพราะรา่ งกายไม่สามารถสกดั สารออกฤทธิจ์ ากเน้ือเห็ดได้ และควรเลือกซอ้ื จาก
ผจู้ ำ� หน่ายหรือรา้ นคา้ ทเ่ี ชอ่ื ถือได้
4. เห็ดในรูปอ่ืน ๆ ได้แก่ น้�ำเห็ดหลินจือกระป๋องพร้อมด่ืม ชาผงส�ำเร็จรูป และกาแฟเห็ด
ควรเลือกซ้อื ผลิตภัณฑ์ท่มี ฉี ลากระบุสว่ นประกอบ แหล่งผลิตชัดเจน และวันที่หมดอายุ

บรรณานุกรม

กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทยท์ างเลือก กระทรวงสาธารณสุข. 2553.
คูม่ ือการผลิตเหด็ หลนิ จือและสปอร์เหด็ หลนิ จอื ตามแนวทางเกษตรดีทเ่ี หมาะสม.
กรุงเทพฯ: สำ� นักงานกิจการโรงพิมพอ์ งคก์ ารทหารผ่านศกึ ในพระบรมราชปู ถัมถ์.
กรมพฒั นาการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื ก กระทรวงสาธารณสขุ . 2553.
เหด็ หลนิ จือ...จากการ วจิ ยั ส่กู ารใชป้ ระโยชน.์ กรงุ เทพฯ: พุ่มทองการพมิ พ์.
ดำ� เกงิ ปอ้ งพาล. 2547. เอกสารประกอบการสอนวชิ า พส 413 การผลติ เหด็ . เชยี งใหม:่ สาขาพชื ผกั
ภาควชิ าพชื สวน คณะผลิตกรรมการเกษตร มหาวทิ ยาลยั แม่โจ.้

การผลิตพชื อนิ ทรียแ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 133

นพมาศ สนุ ทรเจริญนนท.์ 2561. การศกึ ษาคุณภาพและปรมิ าณสาระส�ำคญั ของเหด็ หลนิ จอื
และสปอรเ์ หด็ หลนิ จอื ทป่ี ลกู ในประเทศไทย. [เอกสารอดั สำ� เนา]. เชยี งใหม:่ โครงการหลวง.
ปรชี า รตั นัง. 2556. การผลติ เหด็ หลนิ จอื เพอ่ื การดูแลสขุ ภาพ. วารสารแมโ่ จป้ รทิ ศั น์ 16(4): 45-49.
ปรชี า รตั นงั . 2542. ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ นการผลติ เหด็ หลนิ จอื . เอกสารประกอบการสอนวชิ า พส 413
การผลติ เหด็ . เชียงใหม่: สาขาพชื ผัก ภาควิชาพืชสวน คณะผลติ กรรมการเกษตร
มหาวทิ ยาลยั แม่โจ้.
ปรีชา รัตนัง. 2555. การเพาะเหด็ หลินจอื เพอ่ื การดูแลสขุ ภาพ. [เอกสารอดั สำ� เนา]. เชียงใหม:่
สาขาพืชผัก ภาควชิ าพชื สวน คณะผลติ กรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยแมโ่ จ.้
ศุภนิตย์ หิรัญประดิษฐ.์ 2538. เพาะเห็ดหลินจือ. กสกิ ร 63(5): 473-474.
สถาบนั บรกิ ารตรวจสอบคณุ ภาพและมาตรฐานผลติ ภัณฑ.์ ม.ป.ป. คมู่ อื มาตรฐานเกษตรอนิ ทรีย.์
เชยี งใหม่: มหาวิทยาลัยแม่โจ้.
สาธิต ไทยทตั กลุ . 2539. การเพาะเห็ดหลนิ จือ. กรงุ เทพฯ: เคล็ดไทย.
อานนท์ เอ้ือตระกลู . 2544. การเพาเห็ดหลินจือ. พิมพค์ ร้งั ที่ 2. กรุงเทพฯ: ส�ำนกั พมิ พ์คมชดั .
อษุ า กลน่ิ หอม และวนิ ยั กลน่ิ หอม. 2557. เห็ดอาหารโอชะและยาชน้ั ดี. กรงุ เทพฯ:
มหกรรมอาหารและสขุ ภาพวถิ ีไท ครั้งท่ี 124-27 กรกฎาคม 2557 อิมแพค็ เมอื งทองธานี.

134 การผลิตพชื อินทรีย์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

7>>>

การผลติ สตรอว์เบอร์รีอินทรีย์

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปรดี า นาเทเวศน์

บทน�ำ

สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ขนาดเล็กท่ีมีความต้องการจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากโดยเฉพาะ
ในช่วงเทศกาลท่องเท่ียวในหลายพ้ืนที่ของภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นท่ีจังหวัดเชียงใหม่
และแหลง่ ทองเทยี่ วทีม่ อี ากาศหนาวเยน็ บางพน้ื ทข่ี องประเทศไทย เนอื่ งจากเป็นผลไม้ทีม่ ีสสี นั สดใส
กล่ินหอม รสชาติ อร่อย อุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันใน
พื้นที่การผลิตสตรอว์เบอร์รีเพ่ือการค้าส่วนใหญ่ เป็นการปลูกภายใต้ระบบเกษตรแบบเคมี โดยใน
กระบวนการผลติ ไมค่ อ่ ยคำ� นงึ ถงึ ความปลอดภยั ของผบู้ รโิ ภคมากนกั จนมคี ำ� กลา่ วหนงึ่ ทผี่ เู้ ขยี นจำ� ได้
มาเสมอว่า “No chemical No strawberry” ซ่ึงหมายความว่า “ไม่มีสารเคมีก็ไม่มีสตรอว์เบอร์รี”
ซง่ึ เปน็ คำ� กลา่ วทท่ี ำ� ใหผ้ เู้ ขยี นมขี อ้ สงสยั อยวู่ า่ ถา้ หากไมใ่ ชส้ ารเคมเี ลยในการปลกู สตรอวเ์ บอรร์ ี จะได้
ผลิตผลท่ีมีลักษณะ รสชาติ และคุณภาพเป็นอย่างไรหรือว่าไม่ได้ผลผลิตเลย จนกระทั่งได้มีโอกาส
ท�ำงานวิจัยด้านเกษตรอินทรีย์ และเร่ิมต้นกับสตรอว์เบอร์รีท่ีต้องการการดูแลรักษาและการดูแล
เอาใจใสม่ าก จากผลการวจิ ยั ทีผ่ า่ นมาพบวา่ สตรอว์เบอร์รีสามารถทำ� การผลิตไดแ้ ละให้ผลผลติ ได้ดี
ในระบบเกษตรอินทรีย์ โดยจุดส�ำคัญของการท�ำพืชเกษตรอินทรีย์นั้นอยู่ท่ีการบ�ำรุงรักษาทั้งก่อน
ระหวา่ ง และหลงั ปลกู จนกระทง่ั ถึงการเก็บเกี่ยวและจำ� หน่ายผลิตผล

การผลติ พชื อนิ ทรีย์แม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 135

สตรอวเ์ บอรร์ ไี ดถ้ กู นำ� มาปลกู ทดลองครงั้ แรกในในประเทศไทยเมอื่ ปี พ.ศ. 2515 เพอ่ื ตอ้ งการ
ลดพ้ืนที่การปลูกฝิ่น โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
อดุลยเดชบรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพันธุ์สตรอว์เบอร์รีท่ีน�ำเข้า
จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้น�ำมาทดลองปลูกคร้ังแรก และหลังจากน้ันก็ได้มีการน�ำสายพันธุ์
สตรอว์เบอร์รีจากต่างประเทศท่ีมีลักษณะดีมาปลูกทดสอบตามสถานีทดลองเกษตรท่ีสูงต่าง ๆ เพื่อ
หาสายพันธุ์ที่มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย พร้อมกับ
การส่งเสริมให้เกษตรกรในพ้ืนที่สูงปลูก เพื่อลดพื้นที่ปลูกฝิ่น และเพื่อเป็นการยกฐานะความเป็นอยู่
ของเกษตรกรใหด้ ขี ึ้น (ชพู งษ์, 2530 , ณรงค์ชัย, 2543, 2550)

ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์

สตรอว์เบอร์รีเป็นพืชเขตกึ่งหนาวอยู่ในวงศ์ Fragaria มีการกระจายตัวอยู่ตามธรรมชาติ
ท้ังในเขตก่ึงร้อนในทวีป เอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือและใต้ พืชในวงศ์น้ีถูกจ�ำแนกออกเป็น
22 สกุล ตามลักษณะทางสัณฐานวิทยาและมีระดับจ�ำนวนโครโมโซมพื้นฐานตั้งแต่ 2n=2x=14 ถึง
2n=10x=70 สตรอวเ์ บอรร์ กี ลมุ่ พนั ธป์ุ ลกู เพอ่ื การคา้ คอื Fragaria x ananassa Duch. (2n=8x=56)
ซึ่งเป็นลูกผสมเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติระหว่าง F. chiloensis (L.) Mill. (2n=8x=56)
และ F. virginiana Mill. (2n=8x=56) (Darrow, 1966) จดั อยใู่ นกลมุ่ พชื ทมี่ อี ายหุ ลายปี (Perennial
หรือ Herbaceous) มีลักษณะล�ำต้นสั้นหนา ข้ึนอยู่กับพันธุ์และสภาพแวดล้อม ใบเป็นใบแบบกลุ่ม
ประกอบดว้ ยใบยอ่ ยสามใบ ใบแตล่ ะใบจะสลบั กันเจรญิ เติบโต โดยแทงใบอ่อนออกมาจากส่วนยอด
ของเหงา้ (Crown) มรี ะบบรากแบบรากตน้ื ทแ่ี ขง็ แรง ดอกเปน็ ดอกแบบชอ่ แตล่ ะชอ่ จะมี 5-14 ดอก
ในหน่ึงรอบการออกดอกจะมีการแทงช่อดอกประมาณ 4-7 ช่อ มีกลีบเล้ียง 5 กลีบ
และกลีบดอก 5 กลีบ ผล (Berry) ตาดอกเจริญจากตายอด ซึ่งเกิดจากเหง้าท่ีเจริญข้ึนมาใหม่
เมื่อได้รับอุณหภูมิตํ่ากว่า 15.0 องศาเซลเซียส ร่วมกับช่วงแสงสั้น (ตํ่ากว่า 10 ชั่วโมง/วัน)
และมีผลเป็นแบบ aggregate fruit มีเมล็ดอยู่ด้านนอกหรือเปลือกของผล การขยายพันธุ์ส่วนใหญ่
จะใช้ไหล (Runner) ซ่ึงเจริญจาก stolon หรือส่วนท่ีเจริญจากตาข้างด้านโคนของก้านใบ เจริญ
ในแนวราบเหนือดิน โดยเจริญเมื่อมีช่วงแสงเกินกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน สายพันธุ์ที่ไม่ตอบสนอง
ตอ่ ชว่ งแสง จะมไี หลนอ้ ย

136 การผลิตพชื อนิ ทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

พันธุส์ ตรอว์เบอรร์ ี

สตรอว์เบอร์รีนับได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีการคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ เพื่อให้ได้พันธุ์ที่มีความ
เหมาะสมกบั พนื้ ทแ่ี ละระบบปลกู มากกวา่ ผลไมช้ นดิ อนื่ ๆ และมกี ารแสดงการตอบสนองตอ่ อณุ หภมู ิ
และความยาวของชว่ งแสงแตกต่างกัน จึงมกี ารคัดเลอื กและปรบั ปรงุ พันธข์ุ องสตรอวเ์ บอรร์ ี ท�ำให้มี
สตรอว์เบอร์รพี นั ธ์ุปลกู ตา่ ง ๆ เปน็ จำ� นวนมาก ปัจจุบันแบ่งพนั ธุป์ ลกู สตรอว์เบอร์รีออกตามลักษณะ
นสิ ัยการออกดอกตดิ ผลไดเ้ ป็น 3 กลุ่ม คือ
1. June bearing or Spring cropping เปน็ กลมุ่ ทตี่ าดอกเรมิ่ พฒั นาในฤดใู บไมร้ ว่ ง ทงั้ ในชว่ ง
สภาพวนั สน้ั (ความยาววนั นอ้ ยกวา่ 14 ชว่ั โมง) หรอื อณุ หภมู ติ ำ�่ กวา่ 16 องศาเซลเซยี ส แตถ่ า้ อณุ หภมู ิ
สูงกว่า 16 องศาเซลเซียส ช่วงแสงวิกฤตส�ำหรับการชักน�ำตาดอก คือ ต่ํากว่า 8-12 ช่ัวโมงต่อวัน
ข้ึนอยู่กับพันธุ์ และในสภาพวันยาวและอากาศอบอุ่นของฤดูร้อน จะกระตุ้นให้สตรอว์เบอร์รีกลุ่ม
นี้มีการเจริญทางกิ่งใบและมีการสร้างไหล ซ่ึงพันธุ์ที่ปลูกส่วนใหญ่ในประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มน้ี
(Darrow, 1936)
2. Ever bearing สตรอว์เบอร์รีกลุ่มนี้ต้องการแสงวันยาวเกิน 12 ช่ัวโมง ซ่ึงมีลักษณะ
คล้ายกับพืชวันยาว (Long day plants) และอุณหภูมิต�่ำกว่า 16 องศาเซลเซียส เพื่อสามารถชักน�ำ
การเกดิ ตาดอก ออกดอก และติดผลได้หลายคร้งั ตลอดฤดกู ารเจรญิ เติบโต แม้จะไดร้ ับสภาพวนั ยาว
ของฤดูร้อนก็ตาม สตรอว์เบอร์รีกลุ่มน้ีมีการสร้างไหลจ�ำนวนน้อยและไม่ค่อยนิยมปลูกในทาง
การค้า นิยมไม้ประดับหรือปลูกไว้รับประทานเองตามสวนหลังบ้าน แม้ว่าไม่ตอบสนองต่อช่วงแสง
แต่ในสภาพท่ีอุณหภูมิสูงกว่า 21.0 องศาเซลเซียส จะจ�ำกัดการเจริญของดอก สร้างดอก
และไหลตอ่ เน่อื งกนั ทำ� ใหม้ ไี หลน้อย (Ito and Saito, 1962 , Heide, 1977)
3. Day neutral plant variety สตรอวเ์ บอรร์ กี ลมุ่ นอี้ อกดอกไดท้ งั้ สภาพวนั สนั้ และวนั ยาว
เช่น พันธุ์ที่ได้รับการปรับปรุงมาจากพันธุ์ท่ีต้องการแสงวันยาว (Ever bearing) และพันธุ์ที่ไม่ตอบ
สนองตอ่ ชว่ งวนั โดยถา้ ได้รับสภาพอากาศท่ีไมห่ นาวเกินไป จะสามารถออกดอกติดผลได้ตลอดทั้งปี
มีความแตกต่างจากกลุ่มที่ต้องการแสงวันยาวคือ แม้ไม่ได้รับสภาพช่วงวันท่ีส้ันที่สุดในรอบปี แต่ถ้า
อุณหภูมิส�ำหรับการเจริญเติบโตยังเหมาะสมอยู่ (18-21 องศาเซลเซียส) สตรอว์เบอร์รีกลุ่มนี้จะไม่
ชะงกั หรอื หยุดการเจริญเติบโต (Hancock et al., 1996)

การผลิตพชื อินทรีย์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 137

สายพนั ธท์ุ น่ี ำ� มาปลกู ในประเทศไทยและปลกู เพอ่ื การคา้ ทวั่ โลก สว่ นใหญเ่ ปน็ ประเภทวนั สน้ั
(Short day) ท่ีต้องการอุณหภูมิต�่ำ (อุณหภูมิระหว่าง 16-25 องศาเซลเซียส) ซ่ึงขั้นตอนการผลิต
สตรอว์เบอร์รีน้ันแบ่งออกเป็น 2 ข้ันตอนหลัก คือ การผลิตไหลและการผลิตผลสด โดยมีวงรอบ
ในการผลิตในแต่ละช่วงท่ีแตกต่างกันตามความต้องการสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต
ทางด้านล�ำต้นและการสบื พันธ์ุ (ภาพที่ 7.1) ดงั น้ี

ภาพท่ี 7.1 วงรอบการผลิตสตรอว์เบอร์รีและการตอบสนองต่อสภาพแวดลอ้ ม

การผลติ ไหล

ไหลเป็นส่วนท่ีน�ำมาขยายพันธุ์เพื่อใช้ส�ำหรับการผลิตผลสด โดยปกติแล้วการผลิตไหล
ต้องท�ำบนพ้ืนที่สูงที่มีความสูงตั้งแต่ 1,000 เมตร เหนือระดับน�้ำทะเลข้ึนไป เพ่ือให้ไหลได้รับ
ความหนาวเย็นท่ีเพียงพอต่อการชักน�ำตาดอก เกษตรกรจะท�ำการเตรียมต้นแม่พันธุ์ส�ำหรับใช้
เพื่อการผลิตไหลในช่วงเดือนธันวาคมด้วยการปักช�ำต้นแม่ไว้ในแปลง (ภาพท่ี 7.2) หรือปลูกเตรียม
ต้นแม่ไว้ในกระถางขนาด 1.5 น้ิว จนถึงเดือนกุมภาพันธ์เพื่อให้ได้รับอากาศหนาวเย็นที่เพียงพอ
หากสตรอว์เบอร์รีต้นแม่พันธุ์ได้รับอากาศเย็นไม่เพียงพอ จะส่งผลให้การออกไหลน้อยลงหรือ
ไมอ่ อก อยา่ งไรกต็ าม เพอ่ื ใหก้ ารผลติ ไหลมคี ณุ ภาพทด่ี แี ละปอ้ งกนั การกลายพนั ธห์ุ รอื การตดิ เชอ้ื ไวรสั
ตน้ แมพ่ นั ธค์ุ วรมาจากหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารเพาะเนอ้ื เยอื่ พชื ทมี่ มี าตรฐานและมกี ารทดสอบการตดิ เชอ้ื ไวรสั

138 การผลิตพืชอนิ ทรียแ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

เพ่ือให้ได้ต้นพันธุ์ท่ีปลอดเช้ือ (Free virus) จากน้ันท�ำการคัดเลือกต้นให้ตรงตามลักษณะของพันธุ์
เนื่องจากต้นที่มาจากการเพาะเน้ือเยื่อสตรอว์เบอร์รี มักมีต้นที่เกิดจาก somaclonal variation
อยบู่ างสว่ น ทำ� ใหเ้ กดิ ลกั ษณะทผ่ี ดิ เพย้ี นไปจากตน้ ปกติ ตน้ ทอี่ อกจากขวดและผา่ นการคดั เลอื กแลว้
มกั เรยี กวา่ รนุ่ G0 แลว้ ทำ� การอนบุ าลตน้ คดั เลอื กไวใ้ นโรงเรอื น และเมอื่ ตน้ G0 แทงไหล (G1) ออกมา
จงึ ทำ� การขยายไหล แลว้ นำ� G1 ไปปลกู สำ� หรบั การผลติ ไหลรนุ่ G2 เพอื่ ใหเ้ กษตรกรผผู้ ลติ ไหลสำ� หรบั
การผลติ ผลสดนำ� ไปขยายพนั ธเ์ุ พอื่ ผลติ ไหลตอ่ ไป การผลติ ไหลนยิ มกระทำ� กนั ในชว่ งเดอื นเมษายนถงึ
กันยายน โดยมีขัน้ ตอน ดงั นี้

ภาพท่ี 7.2 แปลงปักช�ำตน้ แมพ่ ันธ์ุสตรอว์เบอร์รสี ำ� หรับการผลิตไหล

การผลติ ไหลบนแปลงดิน
ท�ำการปรับปรุงสภาพดินส�ำหรับแปลงผลิตไหลสตรอว์เบอร์รี โดยการหว่านเมล็ดปอเทือง
ทงิ้ ไวป้ ระมาณ 45-60 วนั หรอื จนกระทง่ั ดอกบานแลว้ ไถกลบเปน็ พชื ปยุ๋ สด เพอื่ เพมิ่ อนิ ทรยี ว์ ตั ถแุ ละ
ปรมิ าณแรธ่ าตอุ าหาร โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ไนโตรเจนใหก้ บั ดนิ หลงั จากนนั้ ทำ� การเตรยี มแปลงปลกู ตน้
แมพ่ นั ธส์ุ ำ� หรบั ผลติ ไหล โดยทำ� แปลงปลกู ขนาด 0.5 x 1.0 เมตร ใสป่ ยุ๋ มลู ไกผ่ สมแกลบในอตั รา 2,500
กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ หรอื มลู ไกอ่ ดั เมด็ ในอตั รา 500 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ รว่ มกบั ปยุ๋ อนิ ทรยี ท์ างการคา้ หรอื ปยุ๋ คอก
ในอัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใส่รองพ้ืนลงบนกลางแปลงลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร
แลว้ ฝงั กลบดว้ ยดนิ และตดิ ตง้ั เทปนำ้� หยด หรอื ตดิ ตง้ั รว่ มกบั ระบบนำ�้ แบบสปรงิ เกอร์ ขอ้ ควรระวงั การวาง
เทปนำ้� หยดคอื หากนำ้� ไมส่ ะอาดพอมเี ศษดนิ ตะกอนจะท�ำให้เทปน้�ำหยดอุดตันได้ จากนั้นคลุมแปลง

การผลติ พืชอนิ ทรยี แ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 139

ดว้ ยใบตองตงึ หรอื พลาสตกิ และปลกู ตน้ แมพ่ นั ธล์ุ งในแปลง โดยชว่ ง 7-10 วนั แรก ทำ� การใหน้ ำ้� แบบ
สปริงเกอร์ทุกวัน ๆ ละ 4 คร้ัง ๆ ละ 10-15 นาที จนกระทั่งต้นแม่พันธุ์เร่ิมฟื้นตัว โดยสังเกตจาก
ใบอ่อนท่ีแทงขึ้นมาใหม่ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนซ่ึงจะมีช่วงแสงของวันยาว (14 ชั่วโมงต่อวัน)
และอุณหภูมิในเวลากลางวันเฉลี่ย 30 องศาเซลเซียส จะเป็นสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมต่อการ
เจริญเติบโตทางด้านล�ำต้นของสตรอว์เบอร์รีเพ่ือการผลิตไหล โดยสามารถเริ่มตวงไหลได้ไปจนถึง
เดือนกันยายน วัสดุที่น�ำมาท�ำเป็นวัสดุส�ำหรับการตวงไหล คือ หน้าดินผสมกับขุยมะพร้าวหรือ
ปุ๋ยหมักในอัตราส่วน 2:1 ผสมให้เข้ากันแล้วกรอกใส่ถุงพลาสติกใสขนาด 1 น้ิว (ภาพ 7.3) เพ่ือให้
ขนสง่ ไปยงั แปลงผลติ ไหลไดส้ ะดวก สำ� หรบั การใหป้ ยุ๋ นนั้ สามารถใหป้ ยุ๋ มลู ไกอ่ ดั เมด็ ในอตั รา 10 กรมั
ตอ่ ตน้ หรอื มลู ไกผ่ สมแกลบทผ่ี า่ นการหมกั มาอยา่ งดแี ลว้ ในอตั รา 1 กำ� มอื ตอ่ ตน้ ตอ่ เดอื น รว่ มกบั การ
ใหป้ ยุ๋ นำ้� อนิ ทรยี ท์ ไี่ ดม้ าจากการหมกั มลู ไก่ มลู คา้ งคาว และมลู ววั หรอื ปยุ๋ นำ�้ หมกั ปลา ในอตั รา 1:1:1
ร่วมกับเชื้อ พด.2 หมักทิ้งไว้นานอย่างน้อย 3 เดือน ในอัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้�ำ 20 ลิตร ราดลงดิน
หรือปล่อยตามเทปน�้ำหยดทกุ วนั ๆ ละ 1-2 ครัง้ ไปจนสนิ้ สุดเดือนกนั ยายนหรือสน้ิ สุดการผลิตไหล

ภาพที่ 7.3 การผลติ ไหลบนแปลงดนิ (บน) ถงุ ดนิ สำ� หรบั ตวงไหล (ลา่ งซา้ ย) และการตวงไหล (ลา่ งขวา)

การผลิตพืชอินทรีย์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

140

การผลติ ไหลแบบไมใ่ ชด้ นิ
ปัจจุบันเกษตรกรผู้ผลิตสตรอว์เบอร์รีหลายรายประสบปัญหาของการแพร่ระบาดโรค
ทางดินและด้วงดินท่ีเข้าไปกัดท�ำลายต้นแม่พันธุ์ ผู้เขียนได้พัฒนาวิธีการผลิตไหลสตรอว์เบอร์รี
อนิ ทรยี แ์ บบไมใ่ ชด้ นิ โดยใชโ้ ตะ๊ ปลกู ยกสงู ดว้ ยไมไ้ ผห่ รอื เหลก็ ขนาด 1.2 เมตร กวา้ งและลกึ 0.3 เมตร
(ภาพที่ 7.4) รองพื้นโต๊ะปลูกด้วยพลาสติกใสความหนา 100 ไมโครเมตร และรองทับ
ด้วยผ้าใยสังเคราะห์สปันบอนด์ ใช้เศษวัสดุอินทรีย์ เช่น แกลบหมักหรือขุยมะพร้าวน�ำมาผสม
กบั มลู ไกอ่ ดั เมด็ และปยุ๋ อนิ ทรยี ใ์ นอตั ราสว่ น 1:2 สว่ น ใชเ้ ชอ้ื ราไตรโคเดอรม์ าผสมคลกุ เคลา้ ใหเ้ ขา้ กนั
รดน�้ำให้ชุ่มแล้วปลูกต้นแม่พันธุ์ลงบนโต๊ะปลูกแบบแถวเดี่ยวระยะห่างระหว่างต้น 30 เซนติเมตร
หลังจากน้ันประมาณ 45 วัน ต้นสตรอว์เบอร์รีจะเร่ิมแตกกอใหม่พร้อมท้ังสร้างใบมากข้ึน ใส่ปุ๋ยมูล
คา้ งคาวรว่ มกบั ปยุ๋ มลู ไกอ่ ดั เมด็ (1:1 w/w) ในอตั รา 10 กรมั ตอ่ ตน้ ทกุ ๆ 20 วนั รว่ มกบั การรดดว้ ยปยุ๋
น�้ำอินทรีย์เช่นเดียวกับการปลูกแบบใช้ดิน จนกระทั่งต้นแม่พันธุ์เร่ิมมีไหลแทงออกมา จึงท�ำการตวง
ไหลดว้ ยกระถางขนาดพลาสตกิ หรอื ถงุ พลาสตกิ บรรจขุ ยุ มะพรา้ วขนาด 1.5 นว้ิ การตวงไหลของการ
ผลติ ทงั้ สองระบบนีท้ ำ� ไดจ้ นกระทงั่ ถงึ ตน้ เดือนกันยายน จากนน้ั ตดั ตน้ ลกู ไหลออกจากตน้ แมแ่ ลว้ นำ�
ไปปลกู ลงแปลงเพอื่ ใหผ้ ลติ ผลสดตอ่ ไป เพอื่ ใหต้ น้ ลกู ไหลสามารถสรา้ งตาดอกไดอ้ ยา่ งเตม็ ที่ กอ่ นทจ่ี ะ
ทำ� การตดั ลกู ไหลออกจากตน้ แมพ่ นั ธ์ุ ควรงดการใหป้ ยุ๋ ทกุ ชนดิ เพอื่ เปน็ การควบคมุ อตั รา C/N ในตน้
และมีการสะสมแป้งในต้นสูงขึ้น ถ้าท�ำการผลิตไหลบนพ้ืนท่ีสูงระหว่างเดือนสิงหาคม ซึ่งมีอุณหภูมิ
กลางคืนเฉลี่ย 18 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิเฉล่ียทั้งวันอยู่ในช่วง 25-28 องศาเซลเซียส ตลอดจน
มชี ว่ งแสงของวันเริ่มส้ันลง (12 ช่วั โมง) จะเปน็ สภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมต่อการชกั นำ� ตาดอก ท�ำให้
สตรอว์เบอร์รีออกดอกติดผลหลังจากท่ีน�ำไปปลูกลงแปลงในช่วงกลางเดือนกันยายน
และมีเจริญเติบโตไปจนถึงเดือนตุลาคมซึ่งตรงกับช่วงที่มีอากาศหนาวเย็น ต้นสตรอว์เบอร์รี
จะเร่ิมทยอยออกดอก และให้ผลติ ผลไดใ้ นช่วงปลายเดอื นพฤศจิกายนจนถงึ เดอื นมีนาคม

การผลติ พชื อนิ ทรยี ์แมโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production 141

ภาพที่ 7.4 การผลติ ไหลแบบไมใ่ ชด้ ินแบบยกสงู บนโตะ๊ ปลูกไม้ไผ่ (ซ้าย) และการตวงไหล (ขวา)

การจัดการธาตุอาหาร

ในการผลิตสตรอว์เบอร์รีอินทรีย์นั้น นอกจากพันธุกรรม สภาพแวดล้อม สภาพดิน และน�้ำ
ทเ่ี ปน็ ปจั จยั สำ� คญั ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื แลว้ นน้ั การจดั การธาตอุ าหารหลกั (Macro-elements)
และธาตอุ าหารรอง (Micro-elements) มคี วามจำ� เปน็ อยา่ งมากตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของตน้ คณุ ภาพ
ผลิตผล และปริมาณผลผลิต ดินเป็นปัจจัยท่ีส�ำคัญในการปลูกพืช เนื่องจากเป็นที่ยึดของรากพืช
เป็นแหล่งของน�้ำ ธาตุอาหาร และออกซิเจนส�ำหรับการเจริญเติบโตของพืช ความอุดมสมบูรณ์
ของดนิ เปน็ ปจั จยั ทส่ี ำ� คญั ในการทำ� เกษตรอนิ ทรยี ์ เนอ่ื งจากพชื ไมส่ ามารถเจรญิ ไดใ้ นสภาพดนิ ทข่ี าด
หรือมีอาหารไม่พอเพียง การจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยการเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน
เพอ่ื ทดแทนธาตอุ าหารทพี่ ชื ดดู ไปใช้ การถกู ชะลา้ ง และเสอ่ื มสลายไป ตลอดจนในการปลกู พชื ระบบ
เกษตรอินทรีย์ ไม่อนุญาตให้ใช้ปุ๋ยเคมี การจัดการแหล่งธาตุอาหารเพ่ือใช้ในการปลูกสตรอว์เบอร์รี
เพื่อให้ได้ทั้งปริมาณและคุณภาพของผลิตผลท่ีดีจึงมีความส�ำคัญมาก ดินที่เหมาะสมส�ำหรับ
การปลกู สตรอวเ์ บอรร์ คี อื ดนิ รว่ นปนทราย เพราะวา่ สตรอวเ์ บอรร์ ตี อ้ งการสภาพดนิ ทมี่ กี ารระบายนำ�้ ดี
กอ่ นการเพาะปลูกควรตรวจวิเคราะห์ปริมาณธาตุอาหารในดินก่อน เพ่ือให้สามารถประเมินระดับ
ธาตุอาหารที่มีอยู่ในดิน และท�ำการปรับปรุงหรือจัดการธาตุอาหารให้เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

142 การผลิตพืชอินทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production

ระดับของฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) ซ่ึงมีความส�ำคัญต่อการออกดอกและให้ผลิตผล
ของสตรอว์เบอร์รี การเพิ่มธาตุอาหารให้กับสตรอว์เบอร์รีในระบบเกษตรอินทรีย์น้ัน ท�ำโดยการให้
ปุ๋ยอินทรีย์ท่ีผ่านการย่อยสลายแล้วหรือสารละลายปุ๋ยน�้ำชีวภาพในช่วงฤดูกาลปลูก นอกจากการ
ตรวจวิเคราะห์ดินแล้ว การตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารในใบสตรอว์เบอร์รีควรท�ำควบคู่กันไปด้วยใน
ฤดกู าลผลติ เพราะวา่ จะทำ� ใหท้ ราบปญั หาและหาวธิ กี ารแกป้ ญั หาทเี่ กดิ ขนึ้ ในระหวา่ งการเพาะปลกู
ซ่ึงผลการวิเคราะห์ธาตุอาหารในใบสตรอว์เบอร์รีสามารถบ่งบอกการขาด การเกินหรือเพียงพอต่อ
ความต้องการของสตรอว์เบอร์รีในช่วงการเพาะปลูกได้ (ตารางท่ี 7.1)

ตารางที่ 7.1 ความเข้มข้นของธาตุอาหารในใบท่ีอยู่ในระดับที่ขาด เพียงพอ และเกินส�ำหรับ
การปลกู สตรอว์เบอร์รี

ธาตอุ าหาร ความเข้มขน้ ของธาตอุ าหาร

ไนโตรเจน (%N) ขาด เพียงพอ เกิน
ฟอสฟอรัส (%P)
โพแทสเซียม (%K) 1.90 2.00-2.80 4.00
แคลเซียม (%Ca)
แมกนเี ซียม (%Mg) 0.20 0.25-0.40 0.50
ก�ำมะถัน (%S)
โบรอน (ppm B) 1.30 1.50-2.50 3.50
เหลก็ (ppm Fe)
แมงกานีส (ppm Mn) 0.50 0.70-1.70 2.00
ตะกั่ว (ppm Pb)
สงั กะสี (ppm Zn) 0.25 0.30-0.50 0.80
ทม่ี า: Thomas and Bucien (2014)
0.35 0.40-0.60 0.80

23.0 30-70 90

40.0 60-250 350

35.0 50-200 350

3.00 6-20 30

10.0 20-50 80

การผลิตพชื อินทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 143

การผลิตสตรอว์เบอร์รีในระบบอินทรีย์เพ่ือหลีกเล่ียงการขาดธาตุหรือการเป็นพิษของ
ธาตุอาหาร ผู้ปลูกต้องให้ความใส่ใจต่อผลการวิเคราะห์ดิน โดยเฉพาะอย่างย่ิงธาตุโพแทสเซียม
ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แคลเซียม และโบรอน การเพิ่มโพแทสเซียมและฟอสฟอรัสในดินก่อนการ
ปลูกสตรอว์เบอร์รีไม่ค่อยเป็นท่ีนิยม ยกเว้นดินที่ปลูกน้ันเป็นดินทราย อย่างไรก็ตาม สตรอว์เบอร์รี
เป็นพืชท่ีต้องการโพแทสเซียมในปริมาณค่อนข้างสูง ฉะนั้นก่อนปลูกต้องม่ันใจว่ามีโพแทสเซียมใน
ดินเพียงพอต่อการเจริญเติบโตของพืช ในช่วงฤดูฝน ปริมาณสูงสุดของโพแทสเซียมสามารถให้ได้ถึง
18 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ สำ� หรบั ปรมิ าณทเี่ หมาะสมในการให้ ขนึ้ อยกู่ บั วตั ถดุ บิ ทเี่ ปน็ แหลง่ ของโพแทสเซยี ม
เชน่ แรห่ นิ โพแทสเซยี มซลั เฟต (ตารางที่ 7.2) และตอ้ งระมดั ระวงั ไมใ่ หส้ ดั สว่ นของ K/Mg มคี า่ เกนิ 4
เพ่ือหลีกเลี่ยงการขาดแมกนีเซียม ซึ่งพบว่ามักเกิดข้ึนในการปลูกสตรอว์เบอร์รี การขาดแมกนีเซียม
เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากคา่ pH ของดนิ ไมเ่ หมาะสม (คา่ pH ของดนิ ทเ่ี หมาะสมสำ� หรบั สตรอวเ์ บอรร์ ี คอื 6.0-6.6)
และมีปริมาณโพแทสเซียมสูงเกินไป ถ้าพบว่าขาด ให้เติมแมกนีเซียมซัลเฟต 1.8-7.2 กิโลกรัมต่อไร่
ส�ำหรับฟอสฟอรัส เป็นธาตุอาหารที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและคุณภาพของสตรอว์เบอร์รี
ในระยะการย้ายปลูกน้อยมาก ส่วนธาตุอาหารท่ีมีผลต่อคุณภาพและผลผลิตมากคือ ไนโตรเจน
การให้ปุ๋ยไนโตรเจนกับสตรอว์เบอร์รีในระบบเกษตรอินทรีย์เป็นส่ิงที่ท้าทายเกษตรกรผู้ปลูกเป็น
อย่างมาก เนื่องจากไม่ทราบการปลดปล่อยธาตุไนโตรเจนจากปุ๋ยอินทรีย์และอินทรีย์วัตถุในดินได้
แน่ชัด ท�ำให้บางครั้งมีอัตราท่ีสูงเกินความต้องการของสตรอว์เบอร์รี ส่งผลให้สตรอว์เบอร์รีมีการ
เจริญเติบโตทางใบมาก ผลมีขนาดเล็ก และปริมาณผลผลิตต่�ำ เพื่อให้สตรอว์เบอร์รีสามารถสร้าง
ตาดอกได้ดีการให้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีไนโตรเจนสูงเช่น ปุ๋ยมูลไก่ ปุ๋ยมูลค้างคาว ปุ๋ยน้�ำปลา เลือดบด หรือ
ขนไก่ป่น (ตารางท่ี 7.2) ควรใช้ในการปรับปรุงดินในช่วงการเตรียมแปลงปลูกอย่างน้อยหนึ่งเดือน
โดยแนวทางการใหไ้ นโตรเจนทแ่ี ทจ้ รงิ ตอ่ ปสี ำ� หรบั สตรอวเ์ บอรร์ นี น้ั ควรอยรู่ ะหวา่ ง 5.4-12.6 กโิ ลกรมั /ไร่
ดังแสดงในตารางท่ี 7.3 และต้องมีการเพิ่มไนโตรเจนให้สม่�ำเสมอตามอายุของสตรอว์เบอร์รีใน
ชว่ งต่าง ๆ (Thomas and Bucien, 2014)

144 การผลิตพืชอนิ ทรยี แ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production

ตารางท่ี 7.2 แหล่งไนโตรเจน โพแทสเซยี ม และฟอสฟอรัสทเ่ี ป็นประโยชน์ในปยุ๋ อินทรีย์

แหล่งของปุย๋ อนิ ทรยี ์/วัตถอุ ินทรยี ์ น้ำ� หนกั ของปุ๋ย (กก.) ต่อไร่ทีใ่ ห้น้ำ� หนกั (กก.)
ของไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส(P2O5) และ
แหลง่ ของไนโตรเจนที่เปน็ ประโยชน ์
- เลอื ดป่น (13% N) โพแทสเซียม (K2O) ต่อไร่
- ถั่วเหลืองป่น (6%x1.5*N, 2% P, 1.5 3.0 6.0 9.0 10.0
3% K2O)
- ปลาปน่ (9% N, 6% P2O5) 150 310 460 620 770
- ขนสัตว์ปกี (15%x1.5*) 500 1,000 1,500 2,000 2,500

220 220 670 890 1,100
200 400 600 800 1,000

แหลง่ ของฟอสฟอรสั ทเ่ี ป็นประโยชน ์

- กระดูกปน่ (15% P2O5) 130 270 400 530 670
- รอ็ คฟอสเฟต (30% P2O5 x4*) 270 530 800 1,100 1,300
- ปลาป่น (6% P2O5และ 9%N) 330 670 1,000 1,330 1,670

แหลง่ ของโพแทสเซยี มทเี่ ปน็ ประโยชน ์

- ขี้เถา้ ละเอียด (5% K2O)
- โพแทสเซียมซัลเฟต (30% P2O5 400 800 1,200 1,600 2,000
x4*) 40 80 120 160 200

ทม่ี า: ดัดแปลงจาก Thomas and Bucien, 2014
*อัตราการใช้ของวัตถุดิบบางชนิดมีตัวคูณเพื่อปรับให้เหมาะสมกับการย่อยสลายท่ีมีท้ัง
ยอ่ ยสลายและสลายได้ช้า

การผลติ พืชอินทรยี แ์ ม่โจ้ Maejo Organic Plant Production 145

ตารางท่ี 7.3 แนวทางการให้ไนโตรเจนของสตรอวเ์ บอรร์ รี ายปี

อายกุ ารปลูกพืช (ปี) ปริมาณไนโตรเจนท่แี ทจ้ ริง ช่วงเวลาการใช้

(กิโลกรัม/ไร่)

0-0.5 5.4 ตน้ มถิ นุ ายน (ผลิตไหล)

0.6-1.0 5.4 ต้นกันยายน (ผลติ ผลสด)

1.0+ 12.6 หลังจากสน้ิ สุดการเพาะปลกู (เมษายน)

5.4 ต้นกันยายน (ผลิตผลสด)

ที่มา: Thomas and Bucien (2014)

ภาพท่ี 7.5 ลกั ษณะของดอก (ซ้าย) และผล (ขวา) สตรอวเ์ บอร์รีอินทรีย์

146 การผลติ พืชอนิ ทรียแ์ มโ่ จ้ Maejo Organic Plant Production


Click to View FlipBook Version