ชุดการเรียนการสอน บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ๒๑๙๑๓๑๖ การออกแบบและการผลิตสื่อเพื่อการเรียน รู้ภาษาไทย มีเป้าหมายในการจัดทำ เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้และเข้าใจตามมาตรฐานการเรียน รู้ตามตัวชี้ วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้ ของนักเรียน สมรรถนะด้านต่าง ๆ รวมถึงผู้เรียนยังสามารถนำ ความรู้ ข้อคิดไปประยุกต์ใช้ในชีวิต ประจำ วันได้ โดยเนื้อหาของวรรณคดีและวรรณกรรมถือเป็นสิ่งสำ คัญ เนื่องจากเป็นภาพสะท้อนของ มนุษย์ในอดีต สะท้อนถึงความเป็นสังคม ขนบธรรมเนียมและประเพณี วัฒนธรรมต่างๆที่ดำ เนินชีวิต และเรื่องราว ได้อย่างสมบูรณ์ ทำ ให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นถึงความงามทางด้านวรรณศิลป์ และด้านวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว เนื่องจากเป็นภาพสะท้อนของมนุษย์ในอดีตสะท้อนความเป็นสังคม ขนบธรรมเนียมและ ประเพณี วัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ดำ เนินเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์ ทำ ให้ผู้เรียนสามารถมองเห็นถึงความ งามทางด้านวรรณศิลป์ได้อย่างลงตัว ซึ่งการจัดทำ หนังสือเล่มนี้ก็นำ มาจากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทยวรรณคดีวิจักษ์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ ของกระทรวงศึกษาธิการ ในหน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก เนื่องจากผู้จัดทำ เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเป็นสิ่งที่น่าติดตามอย่างยิ่ง อีกทั้งเนื้อหายังมีความสอดคล้องกับตัวชี้วัดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑ คณะผู้จัดทำ ขอขอบพระคุณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฤดี กมลสวัสดิ์ เป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ให้ คำ แนะนำ และคำ ปรึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำ หนังสือเล่มนี้จนสำ เร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน และผู้ที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก สืบไป คำนำ ก
สารบัญ คำ นำ สารบัญ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ความคิดรวบยอด จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระสำ คัญ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล แบบทดสอบกอนเรียน รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ความเปนมา ผู้ประพันธ์ จุดประสงคในการแตง ลักษณะคําประพันธ ตัวละครสำ คัญ เนื้อเรื่องย่อ บทวิเคราะห์ จากนนทกมาเป็นทศกัณฐ์ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก เรื่อง หน้า ข กข๑๑๑๒๒๒๓๓๔๕๖๗๘๘๑๐๑๖ ๑๗๑๘๑๙
สารบัญ (ต่อ) เรื่อง หน้า อธิบายคําศัพท วิเคราะหคุณคา แบบทดสอบหลังเรียน แบบฝึกหัด ภาคผนวก แบบสัมภาษณ์การวิเคราะห์ความต้องการในการเรียนการสอน ของครูภาษาไทย แบบประเมินความพึงพอใจของครูภาษาไทยที่มีต่อ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของนักศึกษา บรรณานุกรม ค ๒๖ ๒๘ ๔๓ ๔๔ ๕๗ ๗๒ ๘๐ ๘๓
มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด มาตรฐาน ท ๑.๑ ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดเพื่อนำ ไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหา ในการดำ เนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ท ๑.๑ ม.๒/๑ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองได้ถูกต้อง ม.๒/๒ จับใจความสำ คัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อ่าน มาตรฐาน ท ๕.๑ เข้าใจและแสดงความคิดเห็น วิจารณ์วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอย่างเห็น คุณค่าและนำ มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ท ๕.๑ ม.๒/๑ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านในระดับที่ยากขึ้น ม.๒/๒ วิเคราะห์และวิจารณ์วรรณคดี วรรณกรรม และวรรณกรรมท้องถิ่น ที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ ความคิดรวบยอด การอ่านบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก จะต้องอ่านให้ถูกต้อง สรุปใจความ สำ คัญ วิเคราะห์ วิจารณ์ และอธิบายคุณค่าจากเรื่องที่อ่าน พร้อมกับสรุปความรู้และข้อคิดเพื่อนำ ไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง และท่องจำ บทอาขยานที่มีคุณค่า จุดประสงค์การเรียนรู้ ความเป็นมาและประวัติผู้แต่ง - จับใจความสำ คัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากการอ่านบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทกได้ สรุปเนื้อหาและคำ ศัพท์ - อ่านออกเสียงบทร้อยกรองบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทกได้ - สรุปเนื้อหาและอธิบายความหมายของคำ ศัพท์ต่าง ๆ ในบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทกได้ การอธิบายคุณค่า - อธิบายคุณค่าจากการอ่านบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทกได้ การสรุปความรู้และข้อคิด - สรุปความรู้และข้อคิดที่ได้จากการอ่านบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทกได้ ๑
สาระสำคัญ วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรให้เป็นยอดแห่งกลอนบทละคร เหตุการณ์ ในตอนนี้เป็นจุดเริ่มต้นของมหาสงครามระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ ซึ่งเป็นวรรณคดี ที่ให้คุณค่าข้อคิด หลากหลายควรค่าแก่การศึกษาและนำ ไปปรับใช้ในชีวิตประจำ วัน สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้แกนกลาง - การอ่านออกเสียง ประกอบด้วยบทร้อยกรอง เช่น กลอนบทละคร - การอ่านจับใจความจากสื่อต่างๆ เช่น วรรณคดีในบทเรียน - การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดี กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำ ๑. นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับความเป็นมาของบทละครรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ๒. ครูตั้งคำ ถามเกี่ยวกับศัพท์ และเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งคำ ถามเกี่ยวกับคำ ศัพท์ที่นักเรียนไม่เข้าใจ หรือคำ ศัพท์ที่นักเรียนหาความหมายไม่ได้ ขั้นสอน ๓. นักเรียนเข้ากลุ่ม จากนั้นครูแจกบทคำ ประพันธ์ที่กำ หนด จากเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก และให้นักเรียนแปลบทประพันธ์ลงในใบกิจกรรมโดยคัดบทประพันธ์ที่กลุ่มตน ได้รับมอบหมาย ๔. นักเรียนออกมานำ เสนอการแปลบทประพันธ์ที่กลุ่มตนได้รับมอบหมาย ๕. นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อหาของบทละครเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ขั้นสรุป ๖. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปราย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อต่าง ๆ เพื่อสรุปให้ความเข้าใจ และเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ๒
๓ แบบบทดสอบ ก่อนเรียน แบบบทดสอบ หลังเรียน ๑. Powerpoint รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ๒. ใบกิจกรรม ๓. หนังสือเรียนวรรณคดีวิจักษ์ เรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ๔. สื่อวิดีโอ ๕. แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ Powerpoint สื่อการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอน : การ์ตูนอนิเมชั่น กลอนบทละคร ท่ารำ ของนางรำ แปลง รหัสการเข้าร่วม ๑๖๕ ๓๗๓๘ การวัดและประเมินผล ๑. แบบประเมินการวิเคราะห์คุณค่าด้านต่าง ๆ จากเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ๒. เกณฑ์การประเมินสมรรถนะผู้เรียน ๓. แบบประเมินการมีส่วนร่วมในห้องเรียน
แบบทดสอบก อนเรียน บทละครใน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก คำ ชี้แจง ใหทําเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคําตอบ ๑. เหตุการณขอใด "ไมปรากฏ" ในเรื่อง ก. พระอินทรทูลพระอิศวรเรื่องนนทกทํารายเทวดา ข. พระอินทรบอกอุบายปราบนนทกแกพระนารายณ ค. นนทกรายรําตามนางสุวรรณอัปสร ง. พระนารายณสังหารนนทกตามคําสั่งพระอิศวร ๒. ขอใดเปนสาเหตุที่พระอิศวรประทานพรใหนนทก ก. อายนี่มีชอบมาชานาน ข. ถึงนนทกน้ําใจกลาหาญ ค. เห็นนนกทกโศกาจาบัลย ง. จนผมโกรนโลนเกลี้ยงถึงเพียงหู ๓. "ตองสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีไมทนได" คําประพันธขางตนนี้ มีคุณคาวรรณศิลปในเรื่องใด ก. อุปมา ข. สัทพจน ค. อุปลักษณ ง. อติพจน ๔. ขอคิดเรื่องใดที่นักเรียนสามารถนําไปใชในชีวิตประจําวันได ก. แคนนี้ตองชําระ ข. การอดทน อดกลั้น ค. การไตรตรองกอนใชอํานาจ ง. เวรยอมระงับดวยการจองเวร ๕. ขอใดเปนเหตุการณที่เกิดกอนเหตุการณอื่น ก. พระอิศวรประทานพรใหนนทก ข. นนทกถูกเทวดากลั่นแกลง ค. นนทกทูลขอนิ้วเพชรจากพระอิศวร ง. นนทกหลงรักนางสุวรรณอัปสร ๖. ขอใดเปนพฤติกรรมของนนทกหลังไดรับพรจากพระอิศวรก. ฮึดฮัดขัดแคนแนนใจ ข. ดูเงาในน้ําแลวรองไห ค. สุดคิดที่เราจะอดกลั้น ง. บางใหตักน้ําลางบาทา ๗. ตัวละครในขอใดควรไดรับการตําหนิมากที่สุด ก. เทวดา ข. นนทก ค. พระนารายณ ง. พระอิศวร ๘. ทารําที่แสดงความหมายของการเคารพกราบไหวบูชา อธิษฐาน คือทารําชื่อใด ก. เทพนม ข. พรหมนิมิต ค. พรหมสี่หนา ง. พิสมัยเรียงหมอน ๙. “ตัวเจาผูมีฤทธี เปนที่พึ่งแกหมูเทวัญ” บทประพันธนี้ หมายถึงใคร ก. พระอิศวร ข. พระอินทร ค. พระพรหม ง. พระนารายณ ๑๐. เหตุใดนนทกจึงพายแพ ก. เหตุใดมิทำ ซึ่งหนา ข. ตัวขามีมือแตสองมือ ค. ฉิบหายดวยหลงเสนหา ง. ไมเกรงเดชพระอิศวรทรงจักร ๔
รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก
ความเปนมา ในสมัยรัตนโกสินทร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรด เกลาฯ ใหทํานุบํารุงวรรณกรรมของชาติไวใหเปนสมบัติของอนุชน รุนหลังสืบไป โปรดเกลาฯ ให้กวีรวบรวมบทละครเรื่องรามเกียรติ์ไวเปนตนฉบับสําหรับ พระนคร บทละครเรื่องรามเกียรติ์ สํานวนนี้จึงนับวาเปนสํานวนที่สมบูรณ ที่สุด มีจํานวน ๑๑๖ เลมสมุดไทย มีเหตุการณ์สำคัญ หลายตอน และตัวละครสําคัญหลายตัว ซึ่งมีเนื้อหาสืบเนื่องกันมาตั้งแตตนเรื่อง ภาพจิตรกรรมฝาผนังเลาเรื่องราวรามเกียรติ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) รามเกียรติ์เปนวรรณคดีสําคัญของไทยที่มีตนกําเนิดจากคัมภีร รามายณะ ของอินเดีย สันนิษฐานวาพอคาชาวอินเดียเปนผูนํามาเผยแพรในประเทศไทยในรูปแบบ การถายทอดทาง มุขปาฐะ คือเปนการเลานิทานเรื่อง “พระราม” ตอมาจึงนํามาแตงใหม ตามฉันทลักษณ ร้อยกรองของไทย ดังจะเห็นไดวากวีไทยนิยมนําเรื่องรามเกียรติ์มาแตง ตั้งแตสมัยอยุธยาแลว ๖
ผู้ประพันธ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช มีพระนามเดิมวา “ทองดวง” ทรงพระ ราชสมภพ เมื่อวันที่๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๗๙ ในรัชกาลของพระเจาอยูหัว บรมโกศ เสด็จขึ้นครองราชย เมื่อวันที่๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ ขณะมีพระชนมพรรษา ได๔๖ พรรษา และเสด็จสวรรคต พ.ศ. ๒๓๕๒ รวมพระชนมายุได๗๓ พรรษา พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมีพระราชกรณียกิจที่สําคัญหลายดาน ตั้งแตทรง เริ่มครองราชย เชน ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร และพระราชทานนาม พระนครใหมวา “กรุงเทพมหานครบวรรัตนโกสินทร มหินทรายุทธยามหาดิลกภพ นพรัตน ราชธานีบุรีรมย อุดมรา ชนิเวศน มหาสถานอมรพิมานอวตารสถิต สักกทัตติยะ วิษณุกรรมประสิทธิ์” ตอมาในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว ทรงแปลง สรอยพระนามพระนครจาก “บวรรัตนโกสินทร ” เปน “อมรรัตนโกสินทร ” และ โปรดเกลาฯ ใหอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแกว มรกตมาประดิษฐาน ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โปรดเกลาฯ ใหตั้งการพระราชพิธี บรมราชาภิเษกสมบูรณ แบบอยางโบราณราชประเพณีณ พระที่นั่งอมรินทราภิเษกมหาปราสาท ซึ่งโปรดเกลาฯ ใหสรางขึ้นดวยไมทั้งองค หลังคาดาดดวยดีบุกโดยถายแบบจากพระที่นั่งสรรเพชญ ปราสาทในพระนครศรีอยุธยา โปรดเกลาฯ ใหฟนฟูการเลนสักวา ในดานศาสนา โปรดเกลาฯ ใหสังคมยนาพระไตรปฎก พรอมทั้งอรรถกถาฎีกา ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์สรางหอ มณเฑียรธรรมขึ้นใน บริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อใชสําหรับเก็บคัมภีร ทางพุทธศาสนา เปนตน ดานอักษรศาตร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกทรงพระราชนิพนธ วรรณคดี หลายเรื่อง เชน บทละครเรื่องรามเกียรติ์บทละครเรื่องอุณรุท นิราศรบพมาทาดินแดง และทรงชําระพระราชพงศาวดาร ๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่๑
จุดประสงค ในการแต ง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช ทรงพระราชนิพนธ ขึ้นดวย เหตุผลหลายประการ ไดแก ๑. เพื่อใชเปนบทละครใน ๒. เพื่อปลุกใจใหประชาชนเกิดความกลาหาญ ๓. เพื่อใหมีเรื่องรามเกียรติ์ฉบับสมบูรณ ๔. เพื่อแสดงใหเห็นวา “ธรรมะยอมชนะอธรรม” ๕. เพื่อใหมีความซื่อสัตย สุจริตตอบิดามารดา ๖. เพื่อใหเห็นตัวอยางของความไมเที่ยงแทของสิ่งตาง ๆ ในโลก ลักษณะคําประพันธ บทละครในเรื่องรามเกียรติ์แตงเปนกลอนบทละคร ซึ่งมีลักษณะบางประการ คลายกลอน สุภาพหรือกลอนแปด กลอนบทละครแตงขึ้นเพื่อใชประกอบการแสดงละคร ๑. ลักษณะบังคับ มีดังนี้ ๑.๑ บทหนึ่งมี๔ วรรค หรือ ๒ บาท ในแตละวรรคนิยมใชคํา ๖ – ๗ คํา ไมเกิน ๘ คํา เพราะรองไดลงจังหวะและเขากับทํานองไดดีกวา ๑.๒ สัมผัสบังคับมีดังนี้ • คําสุดทายของวรรคที่๑ สงสัมผัสไปยังคําที่๓ หรือ ๕ ของวรรคที่๒ • คําสุดทายของวรรคที่๒ สงสัมผัสไปยังคําสุดทายของวรรคที่๓ • คําสุดทายของวรรคที่๓ สงสัมผัสไปยังคําที่๓ หรือ ๕ ของวรรคที่๔ • ถาแตงหลายบท คําสุดทายของวรรคที่๔ ตองสงสัมผัสระหวางบท ไปยัง คำสุดทายของวรรคที่๒ ของบทตอไป ๘
๒. มีคํานําหรือคําขึ้นตนเมื่อจะเริ่มบท ดังนี้ ๒.๑ “มาจะกลาวบทไป” ใชสําหรับขึ้นตนเรื่อง หรือกลาวถึงเรื่องที่แทรกเขามา ๒.๒ “เมื่อนั้น” ใชขึ้นตนเมื่อกลาวถึงผูมียศศักดิ์เชน พระมหากษัตริย พระมเหสี เทวดาผูเปนใหญ ๒.๓ “บัดนั้น” ใชขึ้นตนเมื่อกลาวถึงผูนอย หรือผูใตบังคับบัญชา เชน อํามาตย เสนา ทหาร สามัญชน ๒.๔ อาจใชคําขึ้นตนอื่น ๆ ไดเชน “ฟงพาที” หรือ ขึ้นตนคลาย กลอนดอกสรอย คือ วรรคสดับ มี๔ คํา มีคําวา “เอย” หรือ “เอย” เปนคําที่๒ เชน สุดเอยสุดสวาท โฉมเอยโฉมเฉลา ๓. คําขึ้นตนดังกลาวสามารถใชแทนวรรคสดับไดเชน • “เมื่อนั้น นางสีดานารีศรีใส” • “บัดนั้น กรมเมืองรับสั่งใสเกศี” แผนผังคําประพันธ ตัวอย่าง มาจะกลาวบทไป ถึงนนทกน้ำใจกลาหาญ ตั้งแตพระสยมภูวญาณ ประทานใหลางเทาเทวา อยูบันไดไกรลาสเปนนิจ สุราฤทธิ์ตบหัวแลวลูบหนา บางใหตักน้ําลางบาทา บางถอนเสนเกศาวุนไป ๙ ที่มา:
๑๐ ตัวละครสำ คัญ เทวดาผูเปนใหญในสวรรค มีกายสีขาวแตพระศอเปนสีดํา เพราะเคยดื่มยาพิษ เพื่อรักษาโรค ใหพนจากเศษนาค เมื่อคราวกวนเกษียรสมุทร มีพระเนตร ๓ ดวง ดวงที่๓ อยูกลางพระนลาฎ ซึ่งตามปกติจะหลับอยู เนื่องจากพระเนตรดวงนี้มีอานุภาพรายแรงมาก หากลืมตาขึ้นเมื่อใดจะ เผาผลาญทุกอยางใหมอดไหมไดพระมเหสีของพระองค คือ พระอุมา มีพระราชโอรสคือ พระขันทกุมาร เทพเจาแหงสงคราม และพระพิฆเนศ เทพเจาแหงศิลปวิทยาการ พระอิศวรมีนาค เปนสังวาล มีพระจันทร เปนปน อาวุธประจําพระองค คือ ตรีศูล (หลาวสามงาม) พาหนะของพระองค คือ โคอุศุภราช พระอิศวรมีชื่ออีกหลายชื่อ เชน พระศุลีพระศิวะ พระภูเตศวร พระตรีเนตร พระสยมภูพระมเหศวร ชาวฮินดูนับถือวา เปนเทพเจาสูงสุดในบรรดาเทพทั้งสาม ไดแกพระอิศวร พระนารายณ พระพรหม ๑. พระอิศวร
๒. พระนารายณ เทวดาฝายปราบปราม มีกายเปนสีดอกตะแบก มี๔ กร กรทั้ง ๔ นั้น ถืออาวุธตาง ๆ กัน คือ คฑา ตรีจักร สังข ทรงมงกุฎชัย (ชฎาเดินหน) ประทับอยูกลางเกษียรสมุทรบนหลัง พญานาค ชื่อ “อนันตนาคราช” พระมเหสีของพระองค คือ พระลักษมีพระนารายณ มีชื่อ เรียกอยางอื่นอีก เชน พระทรงครุฑ พระสี่กร พระทรงสังข พระวิษณุพระธรา พระสังขกร ๑๑
๑๒ ๓. นางสุวรรณอัสร นางฟ้าจำแลงแปลงกายขององค์พระนารายณ์เมื่อครั้งที่นนทกใช้นิ้วเพชรที่ได้รับจาก พระอิศวรไล่ชี้เทวดาจนเทวดาล้มตาย พระอิศวรจึงให้พระนารายณ์มาปราบนนทก ซึ่งพระนารายณ์ ได้แปลงกายเป็นนางสุวรรณอัปสร นางฟ้าที่สวยที่สุด นนทกพบนางสุวรรณอัปสรจึงหลงไหล และได้รำท่าต่างๆ ตามนาง จนถึงท่า “นาคาม้วนหาง” นิ้วเพชรจึงชี้ใส่ขาตนเองจนล้มลง นางสุวรรณอัปสรจึงคืนร่างเป็นพระนารายณ์ ดังเดิม แล้วสังหารนนทกในที่สุด
ยักษ ที่ทําหนาที่ลางเทาเทวดาที่เชิงเขาไกรลาส ถูกพวกเทวดาแกลงตบหัวบาง ถอนผมบาง จนหัวโลน นนทกมีความแคนมากจึงเขาเฝาพระอิศวรทูลขอพรใหมีนิ้วเปนเพชร สามารถชี้ใหผูใดตาย ก็ไดจากนั้นนนทกก็ใชนิ้วเพชรชี้ใหเทวดา พญาครุฑ คนธรรพ ตายเกลื่อนกลาด พระนารายณ จึงตองไปปราบ กอนตายนนทกตอวาพระนารายณ วา ตนเองมีเพียง สองมือเทานั้นจะชนะ พระนารายณ ที่มีถึงสี่กรไดอยางไร พระนารายณ จึงประทานพรใหนนทกไปเกิดเปนยักษ มีสิบหนา ยี่สิบมือ แลวพระองค จะไปเกิดเปนมนุษย มีเพียงสองมือเพื่อสูนนทกในชาติใหมใหหมดสิ้นทั้งวงศยักษ นนทกจึงกลับชาติมาเกิดเปนทศกัณฐ์ ๓. นนทก ๑๓
๑๔ เทวดาผูเปนใหญในสวรรค ชั้นดาวดึงส มีกายสีเขียว มีพระเนตรถึงพันดวง ใชวัชระ (สายฟา) เปนอาวุธ มีชางเอราวัณเปนพาหนะ พระองค มีมเหสี๔ องค คือ สุจิตรา สุธรรม สุนันทาและ สุชาดา พระอินทร เปนผูดูแลทุกข สุขของมนุษย โลก ยามใด ที่มีเรื่องเดือดรอนขึ้นบนโลกมนุษย อาสนะของพระองค ที่เคยออนนุม ก็จะแข็งกระดาง หรือบางครั้งก็รอน จนไมสามารถประทับอยูได พระอินทร มีชื่อเรียกอยางอื่น เชน ทาวสหัสนัยน ทาวโกลีย ทาวสักกะเทวราช อมรินทร ศักรินทร มัฆวาน ๔. พระอินทร์
๑๕ ชำวสวรรค์ที่เป็นโอปปาติกะ มีกายทิพย์ ตาทิพย์หูทิพย์และกินอาหารทิพย์และเสวยสุข ในสรวงสวรรค์ชั้นต่าง ๆ ซึ่งถือว่าเป็นภพภูมิที่ดีเทวดาผู้หญิงเรียกว่า เทวีหรือ "เทพี" หรือ นางฟ้า เหล่าเทวดานางฟ้าที่จะขึ้นไปเฝ้าพระอิศวร มักจะชอบกลั่นแกล้ง ตบศีรษะ ถอนเส้นผมนนทก จนนนทกเก็บความแค้นไว้แล้วใช้นิ้วเพชรชี้สังหารเทวดานางฟ้าเหล่านั้น ๕. เทวดา นางฟ้า
เนื้อเรื่องย อ ยักษชื่อนนทกนั่งประจำ อยู่ที่บันไดของเขาไกลลาศ โดยมีหน้าที่ล้างเท้าให้แก่เหล่าเทวดาที่มาเข้า เฝ้าพระอิศวร ได้ยื่นเท้าให้ล้างแล้วมักแหย่เย้าหยอกล้อ นนทกอยู่เป็นประจำ ด้วยการลูบหัวบ้าง ถอนผม บ้างจนกระทั่งหัวโล้นทั้งศรีษะ นนทกแค้นใจมากแต่ว่าตนเองไม่มีกำ ลังจะสู้ได้ จึงไปเข้าเฝ้าพระอิศวร แล้วกราบทูลว่า ตนได้ทำ งานรับใช้พระองค์มานานถึง ๑๐ ล้านปี ยังไม่เคยได้รับสิ่งตอบแทนใดๆเลย จึงทูลขอให้นิ้วเพชร มีฤทธฺ์ชี้ผู้ใดก็ให้ผู้นั้นตาย พระอิศวรเห็นว่านนทกปฏิบัติหน้าที่รับใช้พระองค์มานาน จึงประทานพรให้ตามที่ขอ ไม่นานนักนนทกก็มีใจกำ เริบ เพียงแต่ถูกเทวดามาลูบหัวเล่นเช่นเคย นนทกก็ ชี้ให้ตายเป็นจำ นวนมาก พระอิศวรทราบก็ทรงกริ้ว โปรดให้พระนารายณ์ไปปราบ พระนารายณ์ แปลง เป็นนางฟ้ามายั่วยวน นนทกนึกรักจึงเกี่ยวนาง นางแปลงจึงชักชวนให้นนทกรำ ตามนางก่อนจึงจะรับรัก นนทกรำ ตามไปจนถึงท่ารำ ที่ใช้นิ้วเพชรชี้ขาตนเองนนทกก็ล้มลงจากนั้นนนทกเห็นนางแปลงร่างเป็น พระนารายณ์ จึงตอบว่า พระนารายณ์เอาเปรียบตนเพราะว่าพระนารายณ์มีอำ นาจ มีถึง ๔ กร แต่ตนมีแค่ ๒ มือ และเหตุใดจึงมาทำ อุบายหลอกลวงตนอีก พระนารายณ์จึงท้าให้นนทก ไปเกิดใหม่ให้มี ๒๐ มือ แล้วพระองค์จะตามไปเกิดเป็นมนุษย์มีเพียง ๒ มือ ลงไปสู้กัน หลังจากที่พระนารายณ์ พูดจบก็ใช้พระแสงตรีตัดศรีษะนนทกแล้วนนทกก็สิ้นใจตายชาติต่อมานนทกจึงได้ไปเกิดเป็นทศกัณฐ์ ส่วนพระนารายณ์ก็อวตารลงมาเกิดเป็นพระราม ๑๖
ข้อมูลส่วนตัว คนที่ทําความดีความชอบมาช้านานสมควรได้รับรางวัลเป็นผลตอบแทนอาจเป็นทรัพย์สินเงินทองเช่น การขึ้นเงินเดือนให้ อาจเป็นยศถาบรรดาศักดิ์ เช่น การเลื่อนจากร้อยตรีเป็นร้อยโทหรืออาจเป็นอำ นาจ เช่น การมอบสิทธิ์ให้ว่าการได้ในบรรดาสิ่งตอบแทนที่กล่าวมานี้อำ นาจเป็นสิ่งที่อันตรายมากที่สุด ถ้าไปตกอยู่ในมือ ของคนที่ลืมตัวไม่นานผู้ที่ยื่นอำ นาจให้นั้นอาจจะต้องเสียใจว่าคิดผิดเหมือนดังที่พระอิศวรเคยรู้สึก เมื่อได้ประทานอำ นาจให้แก่นนทกไปได้สักระยะหนึ่ง นนทกนั่งประจำ อยู่ที่เชิงเขาไกรลาสมีหน้าที่ล้างเท้าให้เหล่าเทวดาที่จะเข้าเฝ้าพระอิศวร เหล่าเทวดา ต่างพอใจที่นนทกรับใช้พวกตนอย่างดี แต่บางครั้งก็นึกสนุก เมื่อยื่นเท้าให้ล้างแล้วก็แหย่เย้าถอนผมนนทกเล่น นนทกแค้นใจ แต่จะหาทางตอบโต้ก็ไม่ได้เพราะไม่มีกำ ลังหรืออำ นาจ จึงไปเฝ้าพระอิศวรแล้วทูลว่าตนทำ หน้าที่ ด้วยความรับผิดชอบมาช้านานแล้วแต่ยังไม่ได้ขอสิ่งใดเป็นรางวัลเลยวันนี้จะมาทูลขอให้นิ้วเป็นเพชรมีฤทธิ์สามารถ ลงโทษผู้ที่มารังแกตนได้ พระอิศวรประทานให้ตามต้องการ นนทกจึงมีนิ้วเพชรที่สามารถชี้สังหารใครๆได้ ไม่ทันนานนนทกก็มีใจกำ เริบ ไม่ยับยั้งชั่งใจและไม่ใคร่ครวญว่าจะใช้นิ้วเพชรนั้นอย่างไร เพียงแต่ ถูกหยอกเล่นเหมือนทุกวัน นนทกก็โกรธขึ้นมาทันทีเทวดาที่มายั่วแหย่นนทกถูกสังหารเสียมากมาย พระอินทร์จึงไปทูลฟ้องพระอิศวร พระอิศวรทรงเห็นว่านนทกได้รางวัลความดีความชอบไปแล้ว แต่“กลับทรยศกระบถใจทำ การหยาบใหญ่ถึงเพียงนี้” สมควรจะต้องถูกลงโทษ ผู้ที่พระอิศวรขอให้ไปลงโทษนนทก คือพระนารายณ์ พระนารายณ์อยากจะให้นนทกรู้ฤทธิ์ของอำ นาจที่ ที่เที่ยวใช้ระรานผู้อื่น จึงลวงให้นนทกร่ายรำ ตามท่าต่างๆ จนถึงท่าที่ชี้นิ้วลงที่ขาของตนเอง “นิ้วอำ นาจ” จึงวกกลับมาทำ ร้ายตัวนนทกเอง พอที่จะให้นนทกได้รู้สึกตัวเสียก่อนแล้ว พระนารายณ์ก็สังหารนนทกเสียในที่สุด ถ้านนทกไม่ลืมตัวเพียงแต่ใช้นิ้วเพชรขู่ผู้ที่จะมารังแกให้เกรงขามเพื่อป้องกันตัวให้มีโอกาสอยู่อย่างสบายใจ ในหมู่คนอื่นนนทกคงจะมีโอกาสชื่นชมกับอำ นาจของตนไปได้อีกนานและถ้าใช้ถูกทางและถูกทำ นองคลองธรรม อำ นาจก็อาจทำ ให้เกิดเป็นบารมีที่ทำ ให้คนรอบข้างชื่นชมอย่างจริงใจก็ได้ บทวิเคราะห์ ๑๗
พระนารายณ์ไปปราบนนทกโดยแปลงร่างเป็นนางอัปสรไปรำ ยั่วนนทกให้รำ ตามด้วยท่าต่างๆ เมื่อถึงท่าชี้นิ้ว ลงที่ต้นขานนทกก็ขาหักเพราะเดชนิ้วเพชรของตนเองนางอัปสรกลับคืนร่างเป็นพระนารายณ์แล้วเหยียบนนทกไว้ เพื่อสังหารนนทกจึงต่อว่าพระนารายณ์ ว่าเอาเปรียบมีถึงสี่มือแต่ก็ยังไม่กล้าสู้กันซึ่ง ๆ หน้า พระนารายณ์ท้าว่า ขอให้นนทกไปเกิดใหม่มีสิบหน้ายี่สิบมือ และมีอาวุธพร้อมสรรพ ส่วนพระองค์จะไปเกิดเป็นมนุษย์สองมือ จะได้สู้กัน ในโลกมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง นนทกลงมาเกิดเป็นทศกัณฐ์ส่วนพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระราม และได้ทำ ศึกสงคราม กันเป็นเวลายาวนาน พระรามเป็นโอรสของท้าวทศรถกษัตริย์สุริยวงศ์แห่งกรุงอยุธยาต้นวงกษัตริย์สุริยวงศ์คือท้าวอโนมาตัน พระราชนัดดาของพระอิศวร พระอิศวรโปรดให้พระอินทร์ลงมาสร้างเมืองอยุธยาในชมพูทวีป โดยนำ พยางค์แรกของชื่อ ฤาษีสี่ตน ได้แก่ อจนคาวี ยุคอัคระ ทหะ และยาคะ มาผสมกันเป็นชื่อเมืองอยุทยา (อยุธยา) แล้วให้อโนมาตันลงมาครอง ต่อมาอโนมาตันสละราชสมบัติให้อัชบาลผู้เป็นโอรส และต่อมาถึงท้าวทศรถ ผู้เป็นพระราชนัดดาตามลำ ดับ ท้าวทศรถมีมเหสีสามองค์ คือ เกาสุริยาซึ่งมีโอรสชื่อพระราม ไกยเกษีซึ่งมีโอรสชื่อพระพรต และสมุทรชา ซึ่งมีโอรสชื่อพระลักษณ์และพระสัตรุตม พระรามเป็นโอรสองค์ใหญ่จึงมีสิทธิ์ที่จะขึ้นครองเมืองอยุธยาต่อจากท้าวทศรถ แต่นางไกยเกษีทูลขอให้พระพรตโอรสของนางได้ขึ้นครองเมืองแทน และขอให้พระรามออกเดินป่าเป็นเวลา ๑๔ ปี พระรามปรารถนาจะให้พระบิดาทำ ตามสัญญาที่ให้ไว้กับนางไกยเกษีว่าจะขอพรใดก็ได้ จากการที่นางเคยช่วยท้าวทศรถ ให้พ้นจากข้าศึกในสมรภูมิ พระรามจึงสละสิทธิ์ครองราชแล้วออกเดินป่าไปกับนางสีดาและพระอนุชา ขณะที่อยู่ในป่า ทศกัณฐ์มาลักนางสีดาไป พระรามกับพระลักษณ์จึงออกติดตาม และทำ ศึกกับทศกัณฐ์จนได้นางสีดาคืนมาแล้วกลับไป ครองกรุงอยุธยา ทศกัณฐ์เป็นโอรสท้าวลัสเตียนอสูรผู้ครองกรุงลงกามารดาคือนางรัชดา บิดาท้าวลัสเตียนคือท้าวจตุรพักตร์ เป็นเทพในพรหมโลก(ซึ่งอยู่สูงจากเทวโลกและไม่ข้องเกี่ยวกับกามคุณ)ทศกัณฐ์ จึงเป็นอสูรเชื้อพรหม ชาติก่อนของทศกัณฐ์ คือนนทกข้ารับใช้ของพระอิศวรเมื่อลงมาเกิดเป็นกษัตริย์ในโลกมนุษย์ ทศกัณฐ์เที่ยวเกาะกะระรานสร้างความเดือดร้อนไปทั่วพระอิศวรจึงขอให้พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระรามเพื่อ ปราบทศกัณฐ์ จากนนทกมาเป็นทศกัณฐ์ ๑๘
๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงนนทกน้ำใจกล้าหาญ ตั้งแต่พระสยมภูวญาณ ประทานให้ล้างเท้าเทวา อยู่บันไดไกรลาสเป็นนิจ สุราฤทธิ์ตบหัวแล้วลูบหน้า บ้างให้ตักน้ำล้างบาทา บ้างถอนเส้นเกศาวุ่นไป จนผมโกร๋นโล้นเกลี้ยงถึงเพียงหู ดูเงาในน้ำแล้วร้องไห้ ฮึดฮัดขัดแค้นแน่นใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟ้า เป็นชายดูดู๋มาหมิ่นชาย มิตายจะได้มาเห็นหน้า คิดแล้วก็รีบเดินมา เฝ้าพระอิศราธิบดีฯ ฯ ๘ คํา ฯ เสมอ ๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ ทูลองค์พระอิศวรเรืองศรี ว่าพระองค์เป็นหลักธาตรี ย่อมเมตตาปรานีทั่วพักตร์ ผู้ใดทำชอบต่อเบื้องบาท ก็ประสาททั้งพรแลยศศักดิ์ ตัวข้านี้มีชอบนัก ล้างเท้าสุรารักษ์ถึงโกฏิปี พระองค์ผู้ทรงศักดาเดช ไม่โปรดเกศแก่ข้าบทศรี กรรมเวรสิ่งใดดั่งนี้ ทูลพลางโกศีรำพัน ฯ ฯ ๖ คํา ฯ โอด ๏ เมื่อนั้น พระอิศวรบรมรังสรรค์ เห็นนนทกโศกาจาบัลย์ พระทรงธรรม์ให้คิดเมตตา จึ่งมีเทวราชบรรหาร เอ็งต้องการสิ่งไรจงเร่งว่า ตัวกูจะให้ดั่งจินดา อย่าแสนโศกาอาลัย ฯ ฯ ๔ คํา ฯ บทละคร เรื่องรามเกียรติ์ตอน นารายณ์ปราบนนทก คำ หมายถึง คำ กลอน เสมอ หมายถึง เพลงหน้าพาทย์เกี่ยวกับกิริยาอาการเยื้องกรายหรือการเดินของตัวละคร โอด หมายถึง เพลงหน้าพาทย์เกี่ยวกับกิริยาอาการร้องไห้ของตัวละคร ๑๙
๏ บัดนั้น นนทกผู้มีอัชฌาสัย น้อมเศียรบังคมแล้วทูลไป จะขอพรเจ้าไตรโลกา ให้นิ้วข้าเป็นเพชรฤทธี จะชี้ใครจงม้วยสังขาร์ จะได้รองเบื้องบาทา ไปกว่าจะสิ้นชีวีฯ ฯ ๔ คํา ฯ ๏ เมื่อนั้น พระสยมภูวญาณเรืองศรี ได้ฟังนนทกพาที ภูมีนิ่งนึกตรึกไป ไอ้นี่มีชอบมาช้านาน จำเป็นจำจะประทานพรให้ คิดแล้วก็ประสิทธิ์พรชัย จงได้สำเร็จมโนรถ ฯ ฯ ๔ คํา ฯ ๏ บัดนั้น นนทกผู้ใจสาหส รับพรพระศุลีมียศ บังคมลาแล้วบทจรไป ฯ ฯ ๒ คํา ฯ เสมอ ๏ ครั้นถึงบันไดไกรลาส ขัดสมาธินั่งยิ้มริมอ่างใหญ่ คอยหมู่เทวาสุราลัย ด้วยใจกำเริบอหังการ์ฯ ฯ ๒ คํา ฯ ๏ เมื่อนั้น เทวาสุราฤทธิ์ทุกทิศา สุบรรณคนธรรพ์วิทยา ต่างมาเฝ้าองค์พระศุลี ฯ ๒ คํา ฯ เหาะ ๏ ครั้นถึงซึ่งเชิงไกรลาส คนธรรพ์เทวราชฤาษี ก็ชวนกันย่างเยื้องจรลี เข้าไปยังที่อัฒจันทร์ฯ ฯ ๒ คํา ฯ ๏ นนทกก็ล้างเท้าให้ เมื่อจะไปก็จับหัวสั่น สัพยอกหยอกเล่นเหมือนทุกวัน สรวลสันต์เยาะเย้ยเฮฮา ฯ ๒ คํา ฯ เจรจา เหาะ หมายถึง เพลงหน้าพาทย์เกี่ยวกับกิริยาอาการไปมาในอากาศของเทวดา เจรจา หมายถึง เพลงหน้าพาทย์เกี่ยวกับกิริยาในการเจรจาของตัวละคร ๒๐
๏ บัดนั้น นนทกน้ำใจแกล้วกล้า กริ้วโกรธร้องประกาศตวาดมา อนิจจาข่มเหงเล่นทุกวัน จนหัวไม่มีผมติด สุดคิดที่เราจะอดกลั้น วันนี้จะได้เห็นกัน ขบฟันแล้วชี้นิ้วไป ฯ ๔ คํา ฯ ๏ ต้องสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีไม่ทนได้ ล้มฟาดกลาดเกลื่อนลงทันใด บรรลัยไม่ทันพริบตา ฯ ฯ ๒ คำ ฯ โอด ๏ เมื่อนั้น หัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศา เห็นนนทกนั้นทำฤทธา ชี้หมู่เทวาวายปราณ ตกใจตะลึงรำพึงคิด ใครประสิทธิ์ให้มันสังหาร คิดแล้วขึ้นเฝ้าพระทรงญาณ ยังพิมานทิพรัตน์รูจี ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ ๏ ครั้นถึงจึ่งประณตบทบงสุ์ ทูลองค์พระอิศวรเรืองศรี ว่านนทกมันทำฤทธี ชี้หมู่เทวาบรรลัย อันซึ้งนิ้วเพชรของมัน พระทรงธรรม์ประทานฤาไฉน จึ่งทำอาจองทะนงใจ ไม่เกรงใต้เบื้องบาทา ฯ ๔ คำ ฯ ๏ เมื่อนั้น พระอิศวรบรมนาถา ได้ฟังองค์อมรินทรา จึ่งมีบัญชาตอบไป อ้ายนี่ทำชอบมาช้านาน เราจึ่งประทานพรให้ มันกลับทรยศกระบถใจ ทำการหยาบใหญ่ถึงเพียงนี้ฯ ฯ ๔ คำ ฯ ๏ ตรัสแล้วจึ่งมีบัญชา ดูราพระนารายณ์เรืองศรี ตัวเจ้าผู้มีฤทธี เป็นที่พึ่งแก่หมู่เทวัญ จงช่วยระงับดับเข็ญ ให้เย็นทั่วพิภพสรวงสวรรรค์ เชิญไปสังหารอ้ายอาธรรม์ ให้มันสิ้นชีพชีวา ฯ ฯ ๔ คำ ฯ ๒๑
๏ เมื่อนั้น องค์นารายณ์นาถา รับสั่งถวายบังคมลา ออกมาแปลงกายด้วยฤทธีฯ ฯ ๒ คำ ฯ ตระ ๏ เป็นโฉมนางเทพอัปสร อ้อนแอ้นอรชรเฉลิมศรี กรายกรย่างเยื่องจรลี ไปอยู่ที่นนทกจะเดินมา ฯ ฯ ๒ คำ ฯ เชิด เพลง ๏ บัดนั้น นนทกผูใจแกลวกลา สิ้นเวลาเฝาเจาโลกา สําราญกายาแลวเที่ยวไป ฯ ฯ ๒ คำ ฯ เชิด ๏ เหลือบเห็นสตรีวิไลลักษณ พิศพักตร ผองเพียงแขไข งามโอษฐ งามแกมงามจุไร งามนัยน เนตรงามกร งามถันงามกรรณงามขนง งามองค ยิ่งเทพอัปสร งามจริตกิริยางามงอน งามเอวงามออนทั้งกายา ถึงโฉมองค อัครลักษมี พระสุรัสวดีเสนหา สิ้นทั้งไตรภพจบโลกา จะเอามาเปรียบไมเทียบทัน ดูไหนก็เพลินจําเริญรัก ในองค เยาวลักษณ สาวสวรรค ยิ่งพิศยิ่งคิดผูกพัน ก็เดินกระชั้นเขาไป ฯ ฯ ๘ คำ ฯ เข้าม่าน ๏ โฉมเอยโฉมเฉลา เสาวภาคย แนงนอยพิสมัย เจามาแตสวรรค ชั้นใด นามกรชื่อไรนะเทวี ประสงค สิ่งใดจะใครรู ทำไมมาอยูที่นี่ ขาเห็นเปนนาปรานี มารศรีจงแจงกิจจา ฯ ฯ ๔ คำ ฯ ตระ หรือ ตระนิมิตร หมายถึง การใช้สำ หรับการแปลงกาย หรือการชุบคนตายให้ฟื้น เชิด หมายถึง เพลงหน้าพาทย์เกี่ยวกับกิริยาอาการเดินทางระยะไกลไปมาอย่างรีบร้อนของตัวละคร เข้าม่าน หมายถึง การใช้สำ หรับการเข้า-ออกในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งของตัวเอก ๒๒
๏ เมื่อนั้น นางนารายณ เยาวลักษณ เสนหา ไดฟงยิ่งทํามารยา ชําเลืองนัยนาแลวตอบไป ทำไมมาลวงไถถาม ลวนลามบุกรุกเขามาใกล ทานนี้ไมมีความเกรงใจ เราเปนขาใชเจาโลกา พนักงานฟอนรําระบําบัน ชื่อสุวรรณอัปสรเสนหา มีทุกข จึ่งเที่ยวลงมา หวังวาจะใหคลายรอน ฯ ฯ ๖ คํา ฯ ๏ สุดเอยสุดสวาท โฉมประหลาดล้ําเทพอัปสร ทั้งวาจาจริตก็งามงอน ควรเปนนางฟอนวิไลลักษณ อันซึ่งธุระของเจา หนักเบาจงแจงใหประจักษ ถาวาสนาเราเคยบํารุงรัก ก็จะเปนภักษ ผลสืบไป ตัวพี่มิไดลวนลาม จะถือความสิ่งนี้นี่ไมได สาวสวรรค ขวัญฟายาใจ พี่ไรคูจะพึ่งแตไมตรีฯ ฯ ๖ คํา ฯ ๏ เมื่อนั้น นางเทพนิมิตโฉมศรี ค้อนแล้วจึ่งตอบวาที ว่านี้ไพเราะเป็นพ้นไป อันซึ่งจะฝากไมตรีข้า ข้อนั้นอย่าว่าหารู้ไม่ เราเป็นนางรำระบำใน จะมีมิตรที่ใจผูกพัน ใครมารำเกลงเพลงฟ้อน จึ่งจะผ่อนด้วยความเกษมสันต์ รำได้ก็มารำตามกัน นั่นแหละจะสมดั่งจินดา ฯ ๖ คํา ฯ ๏ บัดนั้น นนทกผู้ใจแกล้วกล้า ไม่รู้ว่านารายณ์แปลงมา ก็โสมนัสาพันทวี ยิ้มแล้วจึ่งกล่าวว่าสุนทร ดูก่อนนางฟ้าเฉลิมศรี เจ้าจักปรารมภ์ไปไยมี พี่เป็นคนเก่าพอเข้าใจ เชิญเจ้ารำเถิดนะนางฟ้า ให้สิ้นท่าที่นางจำได้ ตัวพี่จะรำตามไป มิให้ผิดเพลงนางเทวี ฯ ๖ คํา ฯ ๒๓
๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี เห็นนนทกหลงกลก็ยินดี ทำทีเยื้องกรายให้ยวนยิน ฯ ๒ คำ ฯ เจรจา ๏ เทพนมปฐมพรหมสี่หน้า สอดสร้อยมาลาเฉิดฉิน ทั้งกวางเดินหงส์บิน กินรินเลียบถ้ำอำไพ อีกช้านางนอนภมรเคล้า ทั้งแขกเต้าผาลาเพียงไหล่ เมขลาโยนแก้วแววไว มยุเรศฟ้อนในอัมพร ลมพัดยอดตองพรหมนิมิต ทั้งพิสมัยเรียงหมอน ย้ายท่ามัจฉาชมสาคร พระสี่กรขว้างจักรฤทธิรงค์ ฝ่ายนนทกก็รำตาม ด้วยความพิสมัยใหลหลง ถึงท่านาคาม้วนหางวง ชี้ตรงถูกเพลาทันใด ฯ ฯ ๘ คํา ฯ เพลง ๏ ดวยเดชนิ้วเพชรสิทธิศักดิ์ ขาหักลมลงไมทนได นางกลายเปนองค นารายณ ไป เหยียบไวจะสังหารราญรอน ฯ ฯ ๒ คำ ฯ เชิด ๏ บัดนั้น นนทกแกล้วหาญชาญสมร เห็นพระองค์ทรงสังข์คทาธร เป็นสี่กรก็รู้ประจักษ์ใจ ว่าพระหริวงศ์ทรงฤทธิ์ ลวงล้างชีวิตก็เป็นได้ จึ่งมีวาจาถามไป โทษข้าเป็นไฉนให้ว่ามา ฯ ๔ คํา ฯ ๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์บรมนาถา ได้ฟังจึ่งมีบัญชา โทษามึงใหญ่หลวงนัก ดวยทําโอหังบังเหตุ ไมเกรงเดชพระอิศวรทรงจักร เอ็งฆาเทวาสุรารักษ โทษหนักถึงที่บรรลัย ตัวกูก็คิดเมตตา แตจะไวชีวามึงไมได ตรัสแลวแกวงตรีเกรียงไกร แสงกระจายพรายไปดั่งไฟกาล ฯ ฯ ๖ คํา ฯ ๒๔
๏ บัดนั้น นนทกผู้ใจแกล้วหาญ ได้ฟังจึ่งตอบพจมาน ซึ่งพระองค์จะผลาญชีวี เหตุใดมิทำซึ่งหน้า มารยาเป็นหญิงไม่บัดสี ฤาว่ากลัวนิ้วเพชรนี้ จะชี้พระองค์ให้บรรลัย ตัวข้ามีมือแต่สองมือ ฤาจะสู้ทั้งสี่กรได้ แม้นสี่มือเหมือนพระองค์ทรงชัย ที่ไหนจะทำได้ดั่งนี้ ฯ ๖ คํา ฯ ๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี ได้ฟังจึ่งตอบวาที กูนี้แปลงเป็นสตรีมา เพราะมึงจะถึงแก่ความตาย ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา ใช่ว่ากลัวฤทธา ศักดานิ้วเพชรนั้นเมื่อไร ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอาชาติใหม่ ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี ให้สิ้นวงศ์พงศ์มึงอันศักดา ประจักษ์แก่เทวาทุกราศี ว่าแล้วกวัดแกว่งพระแสงตรี ภูมีตัดเศียรกระเด็นไป ฯ ๑๐ คํา ฯ เชิด โอด ๏ ครั้นล้างนนทกมรณา พระจักราผู้มีอัชฌาสัย เหาะระเห็จเตร็ดฟ้าด้วยว่องไว ไปยังเกษียรวารี ฯ ๒ คํา ฯ เชิด ๏ เมื่อนั้น ฝ่ายนางรัชดามเหสี องค์ท้าวลัสเตียนธิบดี เทวีมีราชบุตรา คือว่านนทกมากำเนิด เกิดเป็นพระโอรสา ชื่อทศกัณฐ์กุมารา สิบเศียรสิบหน้ายี่สิบกร อันน้องซึ่งถัดมานั้น ชื่อกุมภรรณชาญสมร องค์พระบิตุเรศมารดร มิให้อนาทรสักนาที ฯ ๖ คํา ฯ ๒๕
อธิบายคําศัพท ไกรลาส ชื่อภูเขาที่เปนที่ประทับของพระอิศวร ๑๙ โกฏิ ชื่อมาตรานับ เทากับ ๑๐ ลาน บทบงสุ, บทศรี ในที่นี้หมายถึง พระบาทของเทวดาหรือกษัตริย ธาตรี แผนดิน, โลก สุรารักษ เทวดาผูคุมครอง คนธรรพ ชาวสวรรคพวกหนึ่ง มีความชํานาญในวิชาดนตรีและขับรองค์ ๒๐ วิทยา ในที่นี้คือ วิทยาธร ชาวสวรรคพวกหนึ่งที่มีวิชาอาคม สาหส สาหัส หมายถึง รายแรง รุนแรงเกินสมควร สัพยอก หยอกเยา สุบรรณ ครุฑ คือ พญานกในเทพนิยาย อหังการ ความเยอหยิ่งจองหอง ความทะนงตัว ความกาวราว ดวยการถือวาตนเองสําคัญ อัฒจันทร ในที่นี้หมายถึง ขั้นบันได กระบถ กบฏ หมายถึง ความทรยศ ๒๑ ขมเหง ใชกําลังรังแกแกลงทําความเดือดรอนใหผูอื่น ตรัยตรึงศา ตรัยตรึงศหรือดาวดึงสแปลวาสามสิบสาม เปนชื่อสวรรคที่มีเทพ ชั้นผูใหญสามสิบสามองคและมีพระอินทรเปนหัวหนา เปนสวรรคชั้นที่สองแหงฉกามาพจร (สวรรค๖ ชั้นฟา) นาคี นาค คืองูใหญมีหงอน เปนสัตวในเทพนิยาย พิภพ โลก หัสนัยน ผูมีพันตา หมายถึง พระอินทรเปนเทวราชผูเปนใหญ ในสวรรคชั้นดาวดึงส วายปราณ ตาย อสุนี คือ อสุนีบาตร หมายถึงฟาผา อาธรรม ชั่ว ไมเปนธรรม ไมเที่ยงธรรม ไมยุติธรรม แขไข พระจันทร์ ๒๒ จุไร ผมที่เกลาเปนจุกประดับอยางสวยงาม เทพอัปสร นางฟา ลักษมี ชายาของพระนารายณ สุรัสวดี ชายาของพระพรหม คำศัพท์ ความหมาย หน้าที่ ๒๖
อธิบายคําศัพท (ต่อ) ลวนลาม ลวงเกินในลักษณะชูสาวดวยการพูดหรือการกระทําเกินสมควร ๒๓ ภักษผล ผลสำ เร็จ สิ้นทา ในที่นี้หมายถึง ครบทุกทารำ โสมนัสา ยินดี ตรี คือ ตรีศูล เปนอาวุธสามงาม ๒๔ บังเหตุ ทำ ใหเปนเหตุ ไฟกาล ไฟกัลปหรือไฟบรรลัยกัลป์ตามคติพราหมณเชื่อวาเปนไฟไหม้ล้างโลก เมื่อสิ้นอายุของโลกครั้งหนึ่ง ๆ พระหริวงศิ พระนารายณ อัมพร ฟา ทองฟาอากาศ เกษียรวารี เกษียรสมุทร คือ ทะเลน้ํานมที่ประทับของพระนารายณ ๒๕ บัดสี นาอับอายขายหนา เปนที่นารังเกียจ ศักดา อํานาจ คำศัพท์ ความหมาย หน้าที่ ๒๗
วิเคราะห คุณค า คุณคาด านวรรณศิลป ๑. การสรรคําไดกระชับและกินความ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ตอน นารายณ ปราบนนทกนี้ เปนเรื่องสั้น ๆ ที่ปรากฏอยูตอนตนเรื่อง มีการเลือกสรรคํามาใชไดกระชับ และกินความโดยแสดง อากัปกิริยาและอารมณ ความรูสึกของตัวละครอยางเดนชัด ดังตัวอยางเมื่อบรรยายภาพนนทกวา การสรรคําในตัวอยางนี้แสดงพฤติกรรมของเหลาเทวดาที่มีตอนนทก ดังนี้“ตบหัวแลวลูบหนา”“ใหตักน้ําลางบาทา” และ “ถอนเสนเกศาวุนไป” คําที่ใชเปนคํางาย ๆ ที่สื่อความไดชัดเจน ทําใหเห็นวา สิ่งตาง ๆ ที่เทวดาทํานี้เองที่ทําใหนนทกมีสภาพ “ผมโกรนโลนเกลี้ยงถึงเพียงหู” ซึ่งแสดงวา เหลาเทวดาตางแกลงนนทกมาเปนเวลานาน คําตาง ๆ เหลานี้สื่อความไดกระชับและชัดเจน ผูแตงแสดงความรูสึกของนนทกเมื่อเห็นเงาตนเองในน้ําวา “รองไห” ซึ่งเปนคําที่แสดงสภาพจิตใจ ของนนทกที่เสียใจแตทําอะไรไมไดทําไดเพียงแสดงกิริยา “ฮึดอัดขัดแคนแนนใจ” คือ ทั้งเสียใจโกรธเคืองและแคนใจ จนตองไปขอพรพระอิศวร เมื่อไดพรจากพระอิศวรแลว นนทกแสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ดังนี้ อยูบันไดไกรลาสเปนนิจ สุราฤทธิ์ตบหัวแลวลูบหนา บางใหตักน้ําลางบาทา บางถอนเสนเกศาวุนไป จนผมโกรนโลนเกลี้ยงถึงเพียงหู ดูเงาในน้ําแลวรองไห ฮึดฮัดขัดแคนแนนใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟา ครั้นถึงบันไดไกรลาส ขัดสมาธินั่งยิ้มริมอางใหญ คอยหมูเทวาสุราลัย ดวยใจกําเริบอหังการ การสรรคําวา “นั่งยิ้มริมอางใหญ” แสดงความรูสึกของนนทกไดเปนอยางดีวามีความสุข มีดีเหนือกวาผูอื่น การนั่งรอคอยเหลาเทวดา “ดวยใจกําเริบอหังการ ” แสดงถึงจิตใจที่ไมกลัวเกรงใคร รูวามีอํานาจเหนือกวาผูอื่น จะเห็นไดวาเปนการสรรคําที่กระชับและกินความไดเปนอยางดีลักษณะ การเลือกใชคําเชนนี้ปรากฏอยางเดนชัดตลอดทั้งเรื่อง ๒๘
๒. การใชภาพพจนนอกจากจะมีการสรรคําไดกระชับและกินความแลวยังปรากฏการใชภาพพจน์เพื่อ เปรียบเทียบสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง เพื่อทําใหเกิดภาพและสื่อความไดชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเปนความเปรียบงายๆ สวนใหญเปนการอุปมา ดังตัวอยาง ตอนนนทกโกรธเทวา ภาพพจนอุปมาตอนนี้ใชคําวา “ดั่ง” เพื่อเปรียบวา ตาของนนทกแดงเหมือนแสงไฟจากฟา ซึ่งแสดงใหเห็นวาเปนตาที่มีประกายแปลบปลาบ มีสีแดงก่ํา อันเปนตาของผูที่มีความโกรธแคนและตองอด กลั้นความโกรธแคนนั้นเอาไวขางใน การใชภาพพจนอุปมาอีกตัวอยางหนึ่งเปนตอนที่นนทกไดรับพรจาก พระอิศวร และใชนิ้วเพชรทํารายเหลาเทวดา ดังนี้ จนผมโกรนโลนเกลี้ยงถึงเพียงหู ดูเงาในน้ําแลวรองไห ฮึดฮัดขัดแคนแนนใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟา ตองสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีไมทนได ลมฟาดกลาดเกลื่อนลงทันใด บรรลัยไมทันพริบตา อานุภาพนิ้วเพชรของนนทกเปรียบเหมือน “ดั่งพิษอสุนีไมทนได” คือ ฟาผานั่นเอง สายฟาผา มีความรุนแรงและอันตรายจนทําใหเหลาเทวดาลมตายอยางรวดเร็วความเปรียบทั้งสองตัวอยางนี้ เปนความเปรียบงาย ๆ ที่สื่อความไดชัดเจน ในบทชมโฉมพระนารายณ ในรางนางรําแปลง มีการใชความเปรียบเพื่อชมความงามของ นางรําแปลง ดังนี้ เหลือบเห็นสตรีวิไลลักษณ พิศพักตรผองเพียงแขไข งามโอษฐงามแกมงามจุไร งามนัยนเนตรงามกร งามถันงามกรรณงามขนง งามองคยิ่งเทพอัปสร งามจริตกิริยางามงอน งามเอวงามออนทั้งกายา ถึงโฉมองคอัครลักษมี พระสุรัสวดีเสนหา สิ้นทั้งไตรภพจบโลกา จะเอามาเปรียบไมเทียบทัน ดูไหนก็เพลินจําเริญรัก ในองคเยาวลักษณสาวสวรรค ยิ่งพิศยิ่งคิดผูกพัน ก็เดินกระชั้นเขาไป ๒๙ การเปรียบใบหนาของนางรําแปลงวางาม “เพียงแขไข” แสดงถึงความผุดผองเปนแสงสีนวล ดังพระจันทร ทุกสวนบนใบหนางดงาม ชวนมอง แลวจึงสรุปวาความงามนี้“สิ้นทั้งไตรภพจบโลกา จะเอามาเปรียบไมเทียบทัน” นั่นคือนางรําแปลงงามยิ่งกวาหญิงในสวรรค มนุษย และบาดาล ซึ่งเปนความเปรียบที่เกินจริง และผูแตงพรรณนาเพื่อยกยองความงามของนางรําแปลงวางามยอด ยิ่งกวาหญิงใด
คุณคาด านข้อคิด ๑. การใหอํานาจแกคนที่ไมควรใหพระราชนิพนธ เรื่องรามเกียรติ์ตอนนี้มีเนื้อหาใหขอคิด สําคัญวา การใหอํานาจแกคนที่ไมควรใหนั้นยอมทําใหเกิดผลรายตามมาผูมอบอํานาจจึงตอง พิจารณาอยางรอบคอบ ดังที่พระอิศวรทรงมอบอํานาจแกนนทกเพราะทรงเห็นวา “อายนี่ทําชอบ มาชานาน” แตนนทกกลับใชอํานาจที่ไดทํารายผูอื่นการพิจารณาใหอํานาจแกใครจึงตองไตรตรอง อยางรอบคอบ เพราะหากผูนั้นเปนคนที่ลืมตัว มีใจกําเริบ ไมยับยั้งชั่งใจในการใชอํานาจดังเชนนนทก ก็อาจใชอํานาจนั้นระรานผูอื่นไดเดิมนนทกโกรธที่ถูกเทวดาหยอกเลนแตทําไดเพียง “ฮึดฮัดขัด แคนแนนใจ ตาแดงดั่งแสงไฟฟา” คือ สะกดกลั้นความโกรธของตนเองไดแตเมื่อมีอํานาจก็กลับสังหาร เทวดามากมาย การพิจารณามอบอํานาจแกใครจึงอาจตองจํากัดขอบเขตของอํานาจ เพื่อไมตองมา แกไขเหตุรายภายหลัง ๒. การใชอํานาจโดยไมยับยั้งชั่งใจ นอกจากความไพเราะงดงามดานภาษาแลวบทละครใน เรื่องรามเกียรติ์ตอนนารายณ ปราบนนทก ยังมีเนื้อหาใหขอคิดสําคัญคือการใชอํานาจโดยไมยับยั้งชั่ง ใจยอมเกิดผลเสียตอผูอื่นและบางครั้งก็เปนผลเสียตอตนเองดวย ดังตัวอยางอํานาจนิ้วเพชรนนทก ที่ทํา ความดีความชอบมาชานานจึงไดรับรางวัลจากพระอิศวร นั่นคือการมอบอํานาจในการใชนิ้วเพชร แกนนทก อายนี่มีชอบมาชานาน จําเปนจําจะประทานให คิดแลวก็ประสิทธิ์พรชัย จงไดสําเร็จมโนรถ เมื่อนนทกทําความดีและขอรางวัลตอบแทน พระอิศวรก็ตอง “จำเป็นจําจะประทานให” นั่นคือไมไดเต็มใจใหแตไมอาจปฏิเสธไดเมื่อนนทกมีอํานาจแลวก็เปลี่ยนพฤติกรรมไป จากเดิมที่เปนคน อดทนอดกลั้นก็กลายเปนผูที่“กำเริ่มบอหังการ ” และใชานาจนั้นทํารายเหลาเทวดาจนลมตายไป เป็นจํานวนมาก นับเปนการกระทําที่“หยาบใหญ” ยิ่งนัก พระอิศวรจึงใหพระนารายณ ไปปราบนนทก จะเห็นไดวาการมีอํานาจเปนรางวัลตอบแทนจากการทําความดีความชอบมาชานาน แตเมื่อนําไปใชใน ทางที่ผิดก็ยอมเกิดผลเสียตามมามากมายซึ่งทํารายทั้งตนเองและผูอื่น นนทกจึงเปนตัวอยางของ บุคคลผูใชอํานาจในทางที่ผิดและผลรายนั้นก็สนองคืนมาสูตนเอง ดวยเดชนิ้วเพชรสิทธิศักดิ์ ขาหักลมลงไมทนได นางกลายเปนองคนารายณไป เหยียบไวจะสังหารราญรอน ๓๐
๓. การกลาวโทษผูอื่นมากกวาตนเอง นนทกเปนตัวอยางของผูที่กลาวโทษผูอื่นโดยไมมองเห็น ความผิดของตนเอง จากเดิมที่เคยอดทนอดกลั้นทําหนาที่ “ลางเทาสุรารักษถึงโกฏิป” และกลาหาญขอพร พระอิศวรคือ “นิ้วเพชร” โดยมีเจตนาชัดเจนวา “จะชี้ใครจงมวยสังขาร” ซึ่งเปนการผูกโกรธผูอื่นและตั้งใจ จะทํารายถึงชีวิตเมื่อพระนารายณแปลงเปนนางรํามายั่วยวนนนทก และนนกทกเองก็ “พิสมัยใหลหลง” จนนิ้วเพชรกลับมาทํารายตนเอง นนทกก็กลับยอนถามพระนารายณวา “โทษขาเปนไฉนใหวามา” แสดงวานนทกไมเคยมองเห็นความผิดของตนเองแตกลับโทษผูอื่น เมื่อตนเปนฝายพายแพก็ยังโทษผูอื่นวา เหตุใดมิทําซึ่งหนา มารยาเปนหญิงไมบัดสี ฤๅวากลัวนิ้วเพชรนี้ จะชี้พระองคใหบรรลัย ดวยขามีมือแตสองมือ ฤๅจะสูทั้งสี่กรได แมนสี่มือเหมือนพระองคทรงชัย ที่ไหนจะทําไดดั่งนี้ จะเห็นไดวานนทกมองไมเห็นความผิดของตนเอง จึงกลาลบหลูดูหมิ่นเกียรติของพระนารายณ ซึ่ง “เปนที่พึ่งแกหมูเทวัญ” คําพูดของนนทกจึงแสดงลักษณะนิสัยของตนเองอยางเดนชัด และทําให พระนารายณ ทรงทาใหนนทกไปเกิดใหมใหมีสิบหัวยี่สิบมือมีฤทธานุชภาพ สวนพระองค ขอเปนเพียง มนุษย ธรรมดาและจะตามไปทําลายวงศ ของนนทกใหสิ้นไป จะเห็นวาขอคิดนี้เปนคุณคาประการหนึ่ง จากการศึกษารามเกียรติ์ตอนนี้ ๓๑
๏ เทพนมปฐมพรหมสี่หนา สอดสรอยมาลาเฉิดฉิน ทั้งกวางเดินดงหงสบิน กินรินเลียบถ้ําอําไพ อีกชานางนอนภมรเคลา ทั้งแขกเตาผาลาเพียงไหล่ เมขลาโยนแกวแววไว มยุเรศฟอนในอัมพร ลมพัดยอดตองพรหมนิมิต ทั้งพิสมัยเรียงหมอน ยายทามัจฉาชมสาคร พระสี่กรขวางจักรฤทธิรงค ฝายนนทกก็รําตาม ดวยความพิสมัยใหลหลง ถึงทานาคามวนหางวง ชี้ตรงถูกเพลาทันใด ดวยเดชนิ้วเพชรสิทธิศักดิ์ ขาหักลมลงไมทนได นางกลายเปนองคนารายณไป เหยียบไวจะสังหารราญรอน คุณคาด านนาฏศิลป บทละครเรื่องรามเกียรติ์เปนบทละครรําเรื่องหนึ่งที่รูจักกันอยางแพรหลายโดยเฉพาะอยางยิ่ง ตอนนารายณ ปราบนนทกไดแสดงทารํา “แม่บท” ในตอนพระนารายณ เปนนางรําไปยั่วยวนนนทก ทารายรําอันงดงามนี้เองที่ทําใหนนทกหลงใหลและรายรําตาม ดังนี้ ท ารําของนางรำ แปลงมีดังนี้ ๑. เทพนม หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง มือทั้งสองพนมไว้ที่ระหว่างอก ๓๒ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๒. ปฐม หมายถึง ท่ารำเทวดาน้อมไหว้เป็นเบื้องต้นแด่พระพรหม ๓. พรหมสี่หนา หมายถึง ชื่อท่ารำท่าหนึ่งในแม่ท่า มือทั้งสองยกหงายขึ้นระดับแง่ศรีษะ แขนตั้งฉากกับศอก ๓๓ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185 ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๔. สอดสรอยมาลา หมายถึง ท่ารำพื้นฐานมาจากเพลง รำแม่บทเล็ก ที่เป็นกระบวนท่ารำฝึกหัด เป็นนาฏยศัพท์ ที่ควรรู้และปฏิบัติให้ถูกต้อง ๕. กวางเดินดง หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยนิ้วชี้กับนิ้วกลางตั้งขึ้น หักข้อมือขึ้น ส่วนนิ้วหัวแม่มือกดทับ ปลายนิ้วนางกับนิ้วก้อย ๓๔ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185 ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๖. หงสบิน หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยถอนเท้าขวาลงหลัง จีบหงายสองมือ เอียงขวา แล้วส่งจีบไป ข้างหลังแขนตึง ยกเท้าซ้าย วาดจีบหลังขึ้นมาตั้งวงบนทั้งสองข้าง กลับเอียงซ้าย ก้าวเท้าซ้ายลง วิ่งซอยเท้า หมุนตัวมาด้านซ้าย ๗. กินรินเลียบถ้ํา หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งจีบหงาย แขนตึง ระดับไหล่มืออีกข้างหนึ่งจีบ หงายระดับชายพก เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือที่แขนตึง ๓๕ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185 ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๘. ชานางนอน หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งหงาย หักข้อมือ งอข้อศอก ระดับข้างลำตัว มืออีกข้างหนึ่งตั้งวงล่าง ระดับชายพก เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือที่หงาย ๙. ภมรเคลา หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งตั้งวงสูง ระดับแง่ศีรษะ มืออีกข้างหนึ่งจีบหงาย ใกล้มือสูง เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือสูง ๓๖ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185 ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๑๐. แขกเตาเขารัง หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยก้าวเท้าขวาไปข้าง เอียงขวา ช้อนมือขึ้นจีบต่อศอก โดยจีบ ขวาอยู่บน ยกเท้าซ้าย เอียงซ้าย ๑๑. ผาลาเพียงไหล หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งตั้งวงสูงด้านข้าง อีกข้างหนึ่งงอข้อศอก หงายหัก ข้อมือข้างลำตัว ๓๗ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185 ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๑๒. เมขลาลอแกว หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งหงาย หักข้อมือ งอข้อศอก ระดับไหล่ มืออีกข้างหนึ่งทำมือล่อแก้วระดับข้างลำตัว เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือที่ทำล่อแก้ว ๑๓. มยุเรศฟอน หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือทั้งสองตั้งวงกลาง ลำตัวตั้งตรง หน้าตรง ๓๘ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185 ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๑๔. ลมพัดยอดตอง หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยหมุนตัวมาด้านหน้า ก้าวเท้าซ้ายไขว้หน้า จีบซ้ายด้านหน้า มือขวาตั้งวงบน เอียงขวา ตรงคำว่า "ยอดตอง" จากนั้นช้อนมือขวาเป็นจีบปรกหน้า มือซ้ายส่งจีบ ไปหลังแขนตึง กระดกเท้าขวาหลัง เอียงซ้าย ตรงคำว่า "ต้องลม" จากนั้นสะบัดจีบออกตั้งวง เอียงขวา แล้วสะบัดเข้ามาจีบปรกหน้าเหมือนเดิม เอียงซ้าย ทำสี่จังหวะ ๑๕. พรหมนิมิต หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือทั้งสองพนมมือระหว่างอก ลำตัวตั้งตรง หน้าตรง ๓๙ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185 ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๑๖. พิสมัยเรียงหมอน หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งตั้งวงสูง อีกข้างหนึ่งตั้งวงกลางข้างลำตัวแขนตึง ระดับไหล่. ๑๗. มัจฉาชมสาคร หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง มี๒ แบบ คือ มือข้างหนึ่งจีบหงาย งอข้อศอก หักข้อมือเข้าหา แง่ศีรษะ มืออีกข้างหนึ่งจีบหงาย แขนตึง ระดับไหล่ เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือที่แขนตึง หรือมือขวา ตั้งวงสูงทำมือล่อแก้ว มือซ้ายตั้งวงต่ำ เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือที่ทำล่อแก้ว ๔๐ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185 ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๑๘. พระสี่กรขวางจักร หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยหันมาหน้าตรง ก้าวเท้าซ้ายไขว้หน้า มือทั้งสองข้างจีบคว่ำ ล่อแก้ว จากนั้นหงายมือ งอศอก พลิกจีบล่อแก้วออกตั้ง ระดับวงกลาง กระดกหลังเท้าขวา และหันขวา วางเท้าขวาลง ก้าวเท้าซ้ายไปข้าง เอียงซ้าย พร้อมกับมือขวาแทงล่อแก้วขึ้นตั้ง ระดับวงบน มือซ้ายล่อแก้วระดับล่าง กลับเอียงขวา ยกเท้าขวา จากนั้นกลับเอียงซ้าย แตะเท้าขวาวิ่ง หมุนไปด้านขวา พร้อมกับพลิกมือจีบล่อแก้วซ้ายหงาย ๑๙. นาคามวนหาง หมายถึง ชื่อท่ารำแบบหนึ่ง โดยมือข้างหนึ่งจีบหงายงอข้อศอกหักข้อมือเข้าหาแง่ศีรษะ มืออีกข้างจีบหงายระดับชายพก เอียงศีรษะข้างเดียวกับมือต่ำ ๔๑ ที่มา: http://www.sysp.ac.th/external_links.php?links=2185
๔๒ บทละครเรื่องรามเกียรติ์ตอนนารายณ ปราบนนทก จึงเปนวรรณคดีที่ไดบันทึกหลักฐานเกี่ยว กับเรื่องทารําเอาไวซึ่งเปนประโยชน แกการศึกษาประวัตินาฏศิลปไทยทําใหนักเรียนไดรับความรูใน เรื่องทารําตาง ๆ จึงควรหาโอกาสชมโขนหรือละครตอนนี้หรือหาภาพประกอบ เพื่อจะไดเห็นความ งดงามของนาฏศิลปไทย
แบบทดสอบหลังเรียน บทละครใน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณปราบนนทก คำ ชี้แจง ใหทําเครื่องหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคําตอบ ๑. ทารําที่แสดงความหมายของการเคารพกราบไหวบูชา อธิษฐาน คือทารําชื่อใด ก. เทพนม ข. พรหมนิมิต ค. พรหมสี่หนา ง. พิสมัยเรียงหมอน ๒. ขอใดเปนพฤติกรรมของนนทกหลังไดรับพรจากพระอิศวร ก. ฮึดฮัดขัดแคนแนนใจ ข. ดูเงาในน้ําแลวรองไห ค. สุดคิดที่เราจะอดกลั้น ง. บางใหตักน้ําลางบาทา ๓. เหตุการณขอใด "ไมปรากฏ" ในเรื่อง ก. พระอินทรทูลพระอิศวรเรื่องนนทกทํารายเทวดา ข. พระอินทรบอกอุบายปราบนนทกแกพระนารายณ ค. นนทกรายรําตามนางสุวรรณอัปสร ง. พระนารายณสังหารนนทกตามคําสั่งพระอิศวร ๔. ตัวละครในขอใดควรไดรับการตำ หนิมากที่สุด ก. เทวดา ข. นนทก ค. พระนารายณ ง. พระอิศวร ๕. “ตัวเจาผูมีฤทธี เปนที่พึ่งแกหมูเทวัญ” บทประพันธนี้ หมายถึงใคร ก. พระอิศวร ข. พระอินทร ค. พระพรหม ง. พระนารายณ ๖. เหตุใดนนทกจึงพายแพ ก. เหตุใดมิทำ ซึ่งหนา ข. ตัวขามีมือแตสองมือ ค. ฉิบหายดวยหลงเสนหา ง. ไมเกรงเดชพระอิศวรทรงจักร ๗. ขอคิดเรื่องใดที่นักเรียนสามารถนําไปใชในชีวิตประจําวันไดก. แคนนี้ตองชําระ ข. การอดทน อดกลั้น ค. การไตรตรองกอนใชอํานาจ ง. เวรยอมระงับดวยการจองเวร ๘. ขอใดเปนเหตุการณที่เกิดกอนเหตุการณอื่น ก. พระอิศวรประทานพรใหนนทก ข. นนทกถูกเทวดากลั่นแกลง ค. นนทกทูลขอนิ้วเพชรจากพระอิศวร ง. นนทกหลงรักนางสุวรรณอัปสร ๙. "ตองสุบรรณเทวานาคี ดั่งพิษอสุนีไมทนได" คําประพันธขางตนนี้ มีคุณคาวรรณศิลปในเรื่องใด ก. อุปมา ข. สัทพจน ค. อุปลักษณ ง. อติพจน ๑๐. ขอใดเปนสาเหตุที่พระอิศวรประทานพรใหนนทก ก. อายนี่มีชอบมาชานาน ข. ถึงนนทกน้ําใจกลาหาญ ค. เห็นนนกทกโศกาจาบัลย ง. จนผมโกรนโลนเกลี้ยงถึงเพียงหู ๔๓
แบบฝึกหัด
เเบบฝึกหัดที่๑ ชื่อ-นามสกุล............................................................ ชั้น ................ เลขที่ ............. ๑.วิเคราะห์คุณค่าที่ได้จากเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก ๑.๑ วิเคราะห์คุณค่าด้านวรรณศิลป์ ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ๑.๒ วิเคราะห์คุณค่าด้านเนื้อหา ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ๔๕
แบบฝึกหัดที่๑ (ต่อ) ๑.๓ วิเคราะห์คุณค่าด้านสังคม ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ........................................................................................................................ ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ๑.๔ วิเคราะห์คุณค่าด้านการนำ ไปใช้ในชีวิตประจำ วัน ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ......................................................................................................................... ๔๖