The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 342ed000500, 2022-12-25 03:10:37

แบบฝึกทักษะทางวิชาการ ภาคเรียนที่ 2/2564 ระดับประถมศึกษา

ประถม2.64

เอกสารพฒั นาทกั ษะวิชาการ
ผู้เรยี นรายบุคคล

ระดับประถมศกึ ษา

ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551

ส�ำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั เลย
ส�ำนกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัย
สำ� นกั งานปลัดกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร


ค�ำน�ำ

เอกสารพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบุคคล ฉบับนี้ เป็นเอกสารท่ีจัดท�ำข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้
ผู้เรยี น ได้ศกึ ษาเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ใหเ้ กดิ การพัฒนาทักษะทางวิชาการ และยกระดับผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนใน
การเรียนรู้ ตามหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 มรี ายละเอยี ดสรปุ
เนอ้ื หาตามสาระการเรยี นรู้ แบบทดสอบหลงั เรยี นและแบบบนั ทกึ การพฒั นาทกั ษะวชิ าการผเู้ รยี นรายบคุ คล เพอ่ื
ใหผ้ ้เู รียน ไดป้ ระเมินและพัฒนา ตนเองอย่างต่อเนอ่ื งใหม้ พี นื้ ฐานความรู้เพยี งพอกับการศกึ ษาตามระดับ
คณะผจู้ ดั ทำ� หวงั เปน็ อยา่ งยง่ิ วา่ เอกสารเลม่ นจี้ ะเปน็ ประโยชนต์ อ่ นกั ศกึ ษา ในการศกึ ษาเรยี นรตู้ ามหลกั สตู ร
การศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 และขอขอบคณุ ทกุ ทา่ นทม่ี สี ว่ นรว่ มในการทำ�
เอกสาร เลม่ นีใ้ ห้ส�ำเร็จลุล่วงดว้ ยดี

ส�ำนักงาน กศน.จงั หวดั เลย


สารบัญ 1
3
ค�ำนำ� 6
สารบัญ 9
ค�ำชี้แจงการใช้เอกสารพัฒนาทกั ษะวชิ าการผเู้ รยี นรายบุคคล 11
ระดบั ประถมศกึ ษา ปีการศึกษา 2564 14
รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ รหสั วิชา ทร11001 18
สรปุ เนอ้ื หาสำ� คญั จากบทเรยี น 19
แบบทดสอบรายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ ทร11001 22
รายวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า พท11001 27
สรปุ เนื้อหาส�ำคัญจากบทเรยี น 30
แบบทดสอบรายวิชาภาษาไทย พท11001 32
รายวชิ าภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน รหัสวชิ า พต11001 35
สรปุ เนอ้ื หาส�ำคญั จากบทเรียน 37
แบบทดสอบรายวชิ าภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน รหัสวิชา พต11001 40
รายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหัสวิชา พค11001 42
สรปุ เน้ือหาส�ำคัญจากบทเรยี น 45
แบบทดสอบรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค11001 47
รายวิชาวิทยาศาสตร์ หัสวชิ า พว11001 50
สรปุ เนือ้ หาส�ำคญั จากบทเรยี น 52
แบบทดสอบรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ พว11001
รายวิชาช่องทางการเขา้ สู่อาชีพ รหสั วชิ า อช11001
สรปุ เนื้อหาสำ� คัญจากบทเรียน
แบบทดสอบรายวชิ าชอ่ งทางการเขา้ สู่อาชีพ รหัสวิชา อช11001
รายวิชาทักษะการประกอบอาชีพ รหัสวิชา อช11002
สรุปเนอ้ื หาส�ำคัญจากบทเรยี น
แบบทดสอบรายวชิ าทักษะการประกอบอาชพี รหัสวชิ า อช11002
รายวิชาพัฒนาอาชพี ให้มีอยูม่ ีกนิ รหัสวชิ า อช11003
สรปุ เน้ือหาส�ำคญั จากบทเรยี น
แบบทดสอบรายวิชาพฒั นาอาชพี ให้มอี ยูม่ กี ิน รหัสวชิ า อช11003
รายวิชาเศรษฐกิจพอเพยี ง รหสั วชิ า ทช31001
สรปุ เนอ้ื หาสำ� คัญจากบทเรียน
แบบทดสอบรายวชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รายวิชาสุขศึกษา พลศึกษา รหสั วชิ า ทช11002
สรปุ เนอ้ื หาส�ำคญั จากบทเรยี น
แบบทดสอบรายวชิ าสุขศกึ ษา พลศึกษา ทช11002


สารบัญ 54
56
รายวิชาศิลปศกึ ษา รหัสวชิ า ทช11003 59
สรปุ เนอ้ื หาส�ำคัญจากบทเรียน 61
แบบทดสอบรายวิชาศิลปศึกษา ทช11003 64
รายวิชาสังคมศกึ ษา รหัสวิชา สค11001 66
สรุปเนอื้ หาส�ำคัญจากบทเรยี น 68
แบบทดสอบรายวชิ าสงั คมศึกษา สค11001 70
รายวชิ าศาสนาและหน้าท่พี ลเมือง รหัสวิชา สค11002 73
สรุปเนื้อหาส�ำคญั จากบทเรยี น 76
แบบทดสอบรายวิชาศาสนาและหนา้ ทพ่ี ลเมอื ง สค11002 76
รายวิชาการพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม รหัสวชิ า สค11003 77
สรุปเน้ือหาสำ� คญั จากบทเรยี น 78
แบบทดสอบรายวิชาการพัฒนาตนเอง ชมุ ชน สงั คม สค 11003
เฉลยแบบทดสอบ
แบบบันทึกการพัฒนาทกั ษะวิชาการผเู้ รยี นรายบคุ คล ระดับประถมศกึ ษา
เกณฑ์การประเมนิ ผลการพฒั นาทักษะวชิ าการผ้เู รียนรายบุคคล ระดับประถมศึกษา
บรรณานุกรม
คณะผจู้ ัดท�ำ


คำ� ชแ้ี จงการใช้เอกสารพฒั นาทกั ษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล
ระดับประถมศกึ ษา

ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564

เอกสารพัฒนาทักษะวชิ าการผู้เรียนรายบุคคล ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 เลม่ น้ี
จัดทำ� ข้ึนเพ่ือพัฒนาผู้เรียน ให้มีความรู้ความสามารถทางดา้ นวชิ าการในรายวชิ าบงั คบั ตามหลกั สตู ร การศกึ ษา
นอกระบบ ระดบั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ในการศกึ ษาเอกสารเลม่ นี้ผเู้ รยี นควรปฏิบัติ ดงั น้ี
1. ผเู้ รยี นสาํ รวจวชิ าท่ีตนเองลงทะเบยี นเรียนในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
2. ผเู้ รยี นศกึ ษาเนอ้ื หารายวชิ าที่ตนเองลงทะเบยี นเรียน หรือรายวชิ าอืน่ ๆ ที่ต้องการเรียนรู้
3. หลงั จากศึกษาในรายวชิ านัน้ ๆ แล้วผ้เู รียนต้องท�ำแบบทดสอบ แล้วนาํ มาเฉลยแบบทดสอบ
4. ผูเ้ รยี นบนั ทกึ คะแนนผลการทดสอบรายวิชาในแบบบันทึกการพัฒนาทักษะวิชาการผู้เรียนรายบคุ คล
(อยทู่ า้ ยเล่ม)เพือ่ เป็นแนวทางในการพฒั นาตนเองตอ่ เน่อื ง
5. ให้ผ้เู รยี นศึกษาเพ่ิมเตมิ ในรายวชิ าตา่ ง ๆ ไดจ้ ากแบบเรยี นตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การ
ศึกษา ขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับประถมศึกษา แหล่งเรียนรู้ และส่ือออนไลน์อ่ืน ๆ


สรปุ เนอ้ื หา

รายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้

ทร11001

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นกั ศกึ ษาสามารถบอกความหมายและความส�ำคญั ของการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองได้
2. นักศึกษาสามารถกก�ำหนดเป้าหมายและวางแผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง บนทักษะของการแสวงหา
ความร้ทู กั ษะ ในการแก้ปญั หา และเทคนิคการเรยี นรู้ด้วยตนเองได้
3. นกั ศกึ ษามเี จตคตทิ ด่ี ตี อ่ การเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองและบอกปจั จยั ทที่ ำ� ใหส้ ามารถเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองใหป้ ระสบ
ความสำ� เร็จได้
ขอบขา่ ยเนอ้ื หา
การเรียนรูใ นสาระทักษะการเรยี นรู เปนสาระเกี่ยวกบั รายวิชาการเรียนรูดว ยตนเอง รายวชิ า การใชแหลง
เรียนรู รายวิชาการจัดการความรูรายวิชาการคิดเปน และรายวิชาการวิจัยอยางงาย ในสวนของรายวิชาการ
เรียนรูดวยตนเอง เปนสาระการเรียนรูเก่ียวกับการพัฒนาทักษะการเรียนรู ในดานการเรียนรูดวยตนเองเปด
โอกาสใหผูเรียนไดศึกษา คนควา ฝกทักษะในการเรียนรูดวยตนเอง เพ่ือมุงเสริมสรางใหผูเรียนมีนิสัยรักการ
เรยี นรูซ ่ึงเปน ทกั ษะพนื้ ฐานของบคุ คลแหง การเรยี นรทู ย่ี ง่ั ยนื เพอื่ ใชเ ปน เครอ่ื งมอื ในการชนี้ าํ ตนเองในการเรยี นรไู ด้
อยา งตอ เนอ่ื งตลอดชวี ติ การเรยี นรดู ว ยตนเอง (Self-Directed Learning) เปน แนวทางการเรยี นรหู นงึ่ ทส่ี อดคลอ ง
กบั การเปลยี่ นแปลงของสภาพปจ จบุ นั ๆ ไดด ว ยตนเอง เพ่อื ทต่ี นเองสามารถดํารงชีวิตอยู่ใ นสังคมที่มกี ารเปล่ียน
แปลงอยูต ลอดเวลาไดอยา งเปน ปกตสิ ขุ
บทที่ 1 การเรยี นรูด ว้ ยตนเอง
ความหมายและความสาํ คญั ของการเรียนรูดว ยตนเอง เมอื่ กลาวถงึ การเรยี นรูดวยตนเองแลว บคุ คลท่วั ไป
มักเขา ใจวา เปนการเรียนรูท่ผี ูเ รียนทําการศกึ ษา คน ควาดว ยตนเองตามลาํ พัง โดยไมตอ งพ่ึงพาครูหรือผสู อนแตที่
จรงิ แลว การเรยี นรดู ว ยตนเองทตี่ อ งการให เกดิ ขน้ึ ในตวั ผเู รยี นนนั้ หมายถงึ กระบวนการเรยี นรทู ผ่ี เู รยี นรเิ รม่ิ การ
เรียนรูดวยตนเอง ตามความสนใจ ความตองการ และความถนัด มีเปาหมายในการเรียนรู และแสวงหาแหลง
ทรพั ยากรของการเรียนรู เลือกวิธกี ารเรยี นรู จนถงึ การประเมนิ ความกาวหนา ของการเรยี นรูของตนเอง โดยจะ
ดาํ เนนิ การดว ยตนเอง หรอื รว มมอื ชว ยเหลอื กบั ผอู น่ื หรอื ไมก ไ็ ด ซงึ่ ผเู รยี นจะตอ งมคี วามรบั ผดิ ชอบและเปน ผคู วบคมุ
การเรียนของ ตนเอง
บทที่ 2 การใชแ หลงเรียนรู
การเรียนรูจากสิ่งแวดลอมในชุมชนท่ีมีองคความรูท่ีเรียกวาแหลงเรียนรูตาง ๆ ทําใหผูเรียน สามารถรูถึง
การสงั่ สมความรู ประสบการณท ผี่ า นมาจากแหลง เรยี นรปู ระเภทตา ง ๆ เรยี นรไู ดเ ทา ทนั ความเปลยี่ นแปลงทเ่ี กดิ ขน้ึ
เกดิ โลกทัศนก วางขวางมากยิง่ ข้นึ กวาการเรียนจากการพบกลุมในหองหรือการเรยี นรู ในรูปแบบอืน่ ๆ
บทที่ 3 การจัดการความรู้
หลักการของการจดั การความรู้
การจดั การความรู้ ไมม่ สี ตู รสำ� เรจ็ ในวธิ กี ารของการจดั การเพอ่ื ใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายในเรอ่ื งใดเรอ่ื งหนง่ึ แตข่ นึ้
อยู่กับปณิธานความมุ่งมั่นที่จะทางานของตนหรือกิจกรรมของกลุ่มให้ดีข้ึนกว่าเดิม แล้วใช้วิธีการจัดการความรู้
เปน็ เครือ่ งมอื หนง่ึ ในการพัฒนาหรอื สร้างนวัตกรรมในงาน

แบบฝกึ ทกั ษะทางวชิ าการเพื่อยกผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย 1


3
หขกบคน้ึรวลทะาอกัทมบยก่ี รว3ู่กาูเ้ นับรปกขกปก็นาอาาก บขคณเรครงรอวรทจธิจรกจาะงัดทาื่อดัามัดคบนกี่งรกรกนว4คมาจกคู้าาอนรวือาดัอรืกรืน่คการหคกคากวมาจนวารวาารดัมรคาง่ึามรจกงุ่คมใิดมจรัดมนาวรดัเรู้ ร่ันกปกไู้าู้กคมาทาม็นาวร่มรี่จรราคพีสคะู้ มวูตฒัทวราราานนู้มสมงานั้ราารหมู้เนทู้ รรหีขอี่จ็อื อลยใสนใง่าู รนตยวา้ ฐนริธงาปูกีหนนาแรวะรบือัตผขกบกป้อู ิจรหงฏรกกรบิมราอื ตัใรรทนมแิจงเ่ีขลดัราอะยีกนเงกาปกรกน็ลเนั พผุ่มวมู้อื่ใา่ หคีให“ด้วโบ้าีขมมร้ึนเรรดกู้ลลกวุเ”า่าปรเา้มดจหหีิมดั มลกแาาาลยกร้วใคหนใวลชาเาว้ มรยธิ ่ือรโีกทู้งมาใที่เรดดาจเลใรัดหอ่ืหกค้งวัาหนใรจนเคข่งึ าอรแงพตกใ่านรศจกัดั ดกศิ์ารรี

กา รจดั กาครดิ คเวปา็นมแรลู้นะัน้ กมรีหะบลาวยนรกูปาแรบคดิบเปห็นรอื “ทคี่เดิรยีเปกน็ก”นั วเป่า ็น"โคมำ� เไดทลย"สมน้ หี ๆลางา่กยหลๆายทโด่ี มรเ.ดโกลวหิทัววใจรพขอิพงัฒกนาร์ใชเ้ พอ่ื อธิบายถึง
จดั การควาคมณุร้คู ลือกั ษกณาระจทดั พี่ กงึาปรรคะวสางมครข์ู้ทอ่ีองยคู่ในนใฐนากนาะรผดู้ปำ� รฏงบิ ชตัวี ิแตลอะยเใู่ ปน็นสงัผค้มู มีคทวมี่ามกี รารู้ กเปาลรจย่ี ัดนกแาปรลคงวอายมา่ รง้ทูรวีท่ ดาเใรหว็ ้ครนุ แเครงาแรพละซบั ซอ้ นได้
ในศกั ด์ิศรขี ออยงา่คงนปอกื่นตสิ ขุ “คดิ เปน็ ” มาจากความเชอ่ื พน้ื ฐานเบอื้ งตน้ ทว่ี า่ คนมคี วามแตกตา่ งกนั เปน็ ธรรมดาแตท่ กุ คนมคี วาม
บทท่ี 4 กาตรอ้คงิดกเปาร็นสูงสดุ เหมือนกนั คอื ความสุขในชวี ติ คนจะมคี วามสขุ ได้ก็ต่อเมอื่ มกี ารปรบั ตัวเองและสังคม สง่ิ แวดลอ้ ม
แตสปอแตลงัธาัญคมบิะ่ทหมซาุกสายับคสงั ถเซนค่ิงกึง้อแมมิดคนวใไ บไอสคีคุณหมมคดไยง่ิวทวดส่ไ่ดิลเ้ลแาา่าขทด้อบเักว้อมงมา้ปห้ี่ยตดษามตห5ทน็วย่าย่อลใอ้ณาุกิจงุดแหกเก้องกปนขยัะลนาเ้กามนัข์คคทกือ่ยะริง่าไอา้วตอืงแไก่ีมพวรหมแยาสิอสตรจิไ่งึ มส่ลา่าดะขุะงูปจ่ัยงกไบะส้หบไะอรมผรันทุดายมวะ“ยส่ส ยอนัเนดุสกี ค่ามหบใยกนงกางกดิจกมาค่ารงาางิ่าเขยลอืงปเ์ขา่รแรรน้ึปกผมนคยคอตวน็ ไาสลกนกจิดิง่จด”ยมีย่ลคัยนัเทะเ้ไปนกสนืมนเมมคจี่ ปลน็มแาจใีกืส่อะนน็จมปอนาทบค“ากกกกลรเว�ำาคกกาาเลรงาไยปิดดคิรระอดนืมใดเลหควบยจ้จสปาย่ีาวา่าขวนขุ็นมรคนางน้นึใเง”มเรำ�กแนกไชชวตพดิดปาชเือ่ีวดปอเ้อรคลีวิตพสเบป็นดรติวงอื้มนว็ทอราค ี่ย อฐแไบมัยาส่ีคู่ใปากลพไต่านงนนทสระงสนอสจะเรคู่ยรัยบดเังะบวนุอวสทคีื้อดมาวง้นแมีอ่งไเมกคีนรๆรปตทยบพัวงก็ว้นสา่ีมอางสาอแก่คูทม่ีากยรงัใลรยวจสาป่ีว่ตูคะู้อาร่าแุขลมรรๆยมเคลบัไอสนุปา่ดพนะทดตง่ิแลง้กอมมแี่ดเเนรี่ยวป็ตใวคีีคงรเนจล่อดน็ออวว.แแโาเลงาารยกมกลปกมมอ้ะู่ตวื่ออ่ะลับบสมแลทิ มมใงขุตใสบอหอีกีคหวกงัดอ้เยาวผ้รคกตไเยราา่พมสวมดิ่าปา่มงลมใ่พิงสปงรชรสกางิ่ไัฒวญักบัคุ่ขกรันแดลกานตห่อวเเอดมปต็วัร์ใใดายชหเกเว็าน็ลดอเ่า้เรมลเ้กธ้อพากงงุนนืิดรมไแสื่ดิอแรรจคหลใงั มกรหงึควระงต็ดา้มอื อ้ามสสงทรง่ิ ดแุปุกำ� วขเเอดน์คาลนิวเอ้าอไปมมง
ผสม กลมกคล�ำืนตจองึ บต้อนงน้ั ดจาึงเนจะินเไชปอ่ื อถยอื ่าไงดต้ ่อเนือ่ งและทันการคนท่จี ะทาได้
บทท่ี 5 กปารระวโิจยยั ชอนย์ข่าองงก่าายรวิจยั

วจิ ัย ค ือ อ ะ1ไ.รทก�ำ าใรหว้มจิ คีัยวเปาม็นสกนารใจหการคะาตตอื อรบอื รทน้ ่ีสงสสงัยสทยั ่ีอยากรู้อยา่ งกเเปหน็ น็ รใะนบสบิ่งรไอมบ่ใตช่คัวาดเดา หรือสรุปเอาเอง
คปาระตโอยบช3214น....นข์ฝฝทฝนั้ อกึึกึกาจ ง กกกึง ใกาาาจ ห ารรระ ม้ รเศเ เปปคี65342ชวึก.....น็็นว่อืิจษาฝฝฝฝฝคคถัยามกึกกึึกึึกืนนอคสกกกกกไชมน้ นดาาาาา่าีเครรรรร้หใงจวศจเเทคตปป้ากดึก�ำิดุผจ็นน็รงบษลาะาคคชนัาเกนตนนา่มคทแืงอรชม่ือน้ ึกหส่วรา่มีเคเมังหือลงขีปเวกครง่ตกยี ้าัญคน้ับิดุผตนจวหผลาเสชาอรา้อูเกมง่ามยีดขน่ืแสงรบอื่ทอ้ หสยัู้ตมเสนังอรล่าีปงเยีงยง่กสญัคงาตๆยัอกวหยารอตาม่าู้อดข้องรยทอ้งเู้ตาปหสน่าก็นางงเสครหๆัยาะ็นตบตใอบนอ้ บสงทิง่หรี่ถาอูกคบตำ� ตต้อวังอไบมท่ใชี่ถก่กู าตร้อคงาไดมเใ่ ดชา่กหารรอืคาสดรเปุดาเอหงรือ สรุปเอง

5. ฝกึ การจดบนั ทึกเขียนเรยี บเรยี งอยา่ งเปน็ ระบบ
6. ฝึกการทางานร่วมกับผู้อื่น

หมายเหตุ : ใหน ักศึกษาไดศึกษาเพ่มิ เติมจากหนงั สอื แบบเรยี น
รายวิชาทักษะการเรียนรู ทร11001
หมายเหตุ : ใหนักศึกษาไดศกึ ษาเพ่ิมเตมิ จากหนังสอื แบบเรียนรายวิชา
ทกั ษะการเรยี นรู ทร11001

2 แบบฝกึ ทักษะทางวชิ าการเพ่ือยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


แบบทดสอบ รายวิชาทักษะการเรียนรู้ ทร11001

จงเลือกค�ำตอบทถี่ กู ต้องเพยี งขอ้ เดียว

1.บคุ คลใดมีเป้าหมายในการเรยี นรู้ด้วยตนเอง 6. ขอ้ ใดเปน็ ความสำ� คญั ของแหลง่ การเรยี นรทู้ ช่ี ว่ ยให้
ชดั เจนมากท่ีสดุ ผ้รู บั บริการมีจิตสำ� นกึ ที่ดี
ก. ใบเตย ตง้ั ใจเรียนเพ่อื ใหไ้ ดเ้ กรดเฉลย่ี สูง ๆ ก. การร้เู ท่าทนั โลกในยคุ ปจั จุบนั
ข. ใบไผ่ ตง้ั ใจเรยี นวชิ าภาษาไทยเพอ่ื นำ� ไปสอนลกู ข. การศึกษาหาความรู้ดว้ ยตนเอง
ค. ใบตอง หาวิธีการค�ำนวณวชิ าคณิตศาสตรเ์ พอื่ ค. การรกั ษาสิง่ ของของแหลง่ เรียนรู้
ให้ง่ายต่อการทำ� ขอ้ สอบ ง. การแบง่ เวลาในการศึกษาแหลง่ เรียนรู้
ง. ใบบวั ตง้ั ใจเรยี นวชิ าทกั ษะการเรยี นรเู้ พอื่ จะได้ 7. สมชาย ต้องการปลูกข้าวโพดให้ได้ผลผลิตดีที่สุด
น�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวัน สมชายควรเรยี นร้จู ากแหล่งใด
2. ขอ้ ใดเป็นขนั้ ตอนสดุ ท้ายในการวางแผนการเรียนรู้ ก. วดั ข. ภมู ิปัญญา
ด้วยตนเอง ค. สวนสมุนไพร ง. สวนพฤกษศาสตร์
ก.จะเรียนรูอ้ ย่างไร 8. สมใจ ตอ้ งการไปศกึ ษาแหลง่ เรยี นรดู้ า้ นประตมิ ากรรม
ข.จะศกึ ษาเรยี นรใู้ นเรอื่ งใด ลายผา้ ภาพพิมพ์ สมชาตจิ ะตอ้ งไปทใี่ ด
ค.จะประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของตนเองอย่างไร ก. โบสถ ์ ข. หอศิลป์
ง. จะกำ� หนดจดุ มงุ่ หมายเฉพาะของตนเองอยา่ งไร ค. สวนสาธารณะ ง. สวนสมุนไพร
3. การเขียนเรื่องราวทไี่ ด้พบเห็นเร่ืองใดเรอ่ื งหนง่ึ 9. มาลี เปน็ นกั ศกึ ษา กศน. ระดบั ประถมศกึ ษาตอ้ งการ
เพอื่ เปน็ การบนั ทกึ ความรเู้ ตอื นความจำ� เปน็ การบนั ทกึ เรียนรวู้ ิธกี ารท�ำปยุ๋ หมัก ควรเลอื กใชแ้ หลง่ เรยี นรูใ้ ด
แบบใด ก. วทิ ยุชุมชน
ก. บันทกึ เหตกุ ารณ์ ข. ศูนยเ์ กษตรต�ำบล
ข. บนั ทกึ ประจำ� วัน ค. หมอดินในหมู่บา้ น
ค. บันทกึ การประชมุ ง. อบต.
ง. บันทกึ เรอื่ งราวสว่ นตวั 10.ข้อใดมีความสัมพันธ์ที่เป็นไปใบทิศทางเดียวกัน
4. ขอ้ ใดเป็นหลักส�ำคญั ในการจดบนั ทึก มากทส่ี ุด
ก. จดข้อความยาวๆ ก. นักกฬี า : สวนสนกุ
ข. จดตามใหท้ ันทกุ ค�ำพดู ข. นักธรุ กิจ : ตลาคห้นุ
ค. จดตามเน้อื หาโดยละเอียด ค. นักขา่ ว : แหลง่ นันทนาการ
ง. จดสนั้ ๆเฉพาะสว่ นทสี่ �ำคัญ ง. นักโบราณคดี : สถาบันการศกึ ษา
5. ข้อใดคือปัจจัยภายในตัวผู้เรียนในการเรียนรู้ด้วย 11. แหลง่ เรยี นรู้ใจเป็นสถานที่จดั กิจกรรม กศน.ใน
ตนเอง รปู แบบต่าง ๆ
ก. แรงจงู ใจในตวั ผู้เรียน ก. พพิ ิธภัณฑ์
ข. เทคโนโลยีท่ที นั สมยั ข. ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น
ค. แหลง่ เรยี นรู้ในชมุ ชน ค. ศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน
ง. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ง. หอ้ งสมุดประชาชนอ�ำเภอ

แบบฝึกทกั ษะทางวิชาการเพือ่ ยกผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จังหวัดเลย 3


12. โปรแกรมบริการงานห้องสมุด (PIS) มีประโยชน์ 18. โมเดลการจดั การความรทู้ เ่ี หมาะสมกบั การพฒั นา
ตามข้อใด กลุ่มวสิ าหกิจชมุ ชน คอื ข้อใด
ก. สบื ค้นบตั รสมาชกิ ห้องสมุดประชาชน ก. โมเดลเซก ิ ข. โมเดลปลาทู
ข. สืบคน้ หนังสือ สือ่ ในหอ้ งสมดุ ประชาชน ค. โมเดลเคเอ็ม ง. โมเดลปลาตะเพยี น
ค. นับจำ� นวนผู้มาใช้บริการห้องสมดุ ประชาชน 19. ข้อใดคือการพัฒนาตนเองโดยใช้เทคโนโลยี
ง. นบั จำ� นวนผใู้ ชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ ในหอ้ งสมดุ ประชาชน สารสนเทศไดด้ ที ี่สุด
13. ลำ� ดวน ตอ้ งการอา่ นหนงั สอื ”เกษตรชาวบา้ น”ตอ้ ง ก. วันชยั แชร์เร่ืองราวผา่ นเฟซบกุ๊
สืบคน้ ด้วยบัตรรายการใด ข. พทิ ักษ์ คุยกับเพอ่ื นผา่ นเฟซบุก๊ ทกุ วนั
ก. บัตรผแู้ ตง่ ข. บตั รช่ือเรอื่ ง ค. มะลิวัลย์ ถามการบ้านเพอ่ื นผา่ นเฟซบุก๊
ก. บตั รหัวเรอื่ ง ง. บตั รสมาชิกห้องสมุด ง. ธญั ญารัตน์ ไลฟ์สดผา่ นเฟซบ๊กุ ขายเสือ้ ผา้
14. หากตอ้ งการสบื กนั ความเปน็ มาของชาตไิ ทย ทาง 20. อดลุ ย ์ เป็นภมู ิปัญญาด้านเกษตรทฤษฎใี หม ่ ควร
อินเทอร์เน็ต จะต้องพิมพ์ค�ำส�ำคัญท่ีต้องการค้นหา เผยแพรค่ วามรู้ในชอ่ งทางใด เพื่อให้คน สามารถเรยี น
อย่างไร รู้ได้รวดเรว็ ทุกท่ี ทกุ เวลา
ก. ชาตไิ ทย ก. อนิ เทอรเ์ นต็
ข. ประวตั ศิ าสตร์ ข. แหลง่ เรียนรู้
ค. ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย ค. คอมพวิ เตอร ์
ง. ภาษาไทย - ประวัติศาสตร์ ง. หอสมดุ แห่งชาติ
15. ขอ้ ใดหมายถงึ การจัดการความรู้ 21. คำ� วา่ “CoP” มีความหมายตรงกับขอ้ ใค
ก. การจัดการกับความรแู้ ละประสบการณ์ท่ีมีอยู่ ก. การลงมอื ท�ำ
ในตวั ตน ข. ชมุ ชนนกั ปฏิบัติ
ข. การจดั การกับความรู้และประสบการณ์ที่มอี ยู่ ค. กลุ่มอาชพี เพื่อชมุ ชน
ในต�ำรา ง. กลุ่มแรงงานในชุมชน
ค. การจัดการกับความรู้และประสบการณท์ มี่ อี ยู่ 22. เปา้ หมายสุดท้ายของการ “คิดเป็น” คอื ขอ้ ใค
ในอินเทอร์เน็ต ก. ความร้ ู ข. ความคิด
ง. การจดั การกับความรู้และประสบการณท์ ม่ี ีอยู่ ค. ความรัก ง. ความสุข
ในหอ้ งสมดุ ประชาชน 23. ขอ้ ใดคือข้อมลู ดา้ นสงั คม
16. ข้อใดคอื หลักการของการจัดการความรู้ ก. ยาบ้าคือสารเสพตดิ ประเภทหนึ่ง
ก. ฝึกทดลองและเรยี นรู้ ข. สมใจ เปน็ คนขยนั ช่วยพ่อแมท่ ำ� งาน
ข. เน้นผลสัมฤทธขิ์ องงาน ค. หมบู่ ้านนม้ี ีประชากร จ�ำนวน 500 คน
ค. ยกระดบั ความรู้ของบคุ คลและองค์กร ง. สาเหตุน�ำ้ ท่วมสว่ นหนึ่งมาจากตัดไม้ท�ำลายป่า
ง. การจดั การความรูใ้ นตนเองใหเ้ ป็นระบบ 24. ถา้ ตอ้ งการเกบ็ ขอ้ มลู เกี่ยวกับโรคตดิ ต่อของสตั ว์
17. การจัดการความรู้มีความส�ำคัญต่อการพัฒนา ควรหาข้อมูลจากแหลง่ ใดจึงจะเหมาะสมทสี่ ุด
บุคคลในเร่ืองใด ก. ปลดั อำ� เภอ
ก. มีความม่ันใจในตนเองมากขนึ้ ข. เกษตรอ�ำเภอ
ข. มีการพ่ึงพาบุคคลภายนอกมากขน้ึ ค. ปศุสตั ว์อ�ำเภอ
ค. มขี น้ั ตอนการทำ� งานละเอยี ดมากขนึ้ ง. สาธารณสุขต�ำบล
ง. มีขวัญเละกำ� ลังใจในการท�ำงานมากข้ึน

4 แบบฝกึ ทกั ษะทางวิชาการเพอ่ื ยกผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย


25.บุคคลใดแกไ้ ขปัญหาตามกระบวนการคิดเปน็ 5
ก. นุจิรา รีบตัดสนิ ใจแก้ปัญหาทันที
ข. จรี ะนันท์ พิจารณาหาสาเหตขุ องปัญหา
ค. อจั ฉราภรณ์ ชว่ ยเพอื่ นแกไ้ ขปญั หาเฉพาะหนา้
ง. สกลุ รตั น์ ปรกึ ษาพ่อแม่เมอ่ื เกดิ ปัญหาทุกครั้ง
26.ขอ้ ใดต้งั ช่อื เร่อื งการวจิ ัยไดช้ ดั เจนท่ีสดุ
ก. การทำ� เครื่องดักจับยุง
ข. การแก้ปญั หาแมลงศตั รพู ืช
ค. การจดั ทำ� บญั ชีครัวเรอื นเพ่อื ลดค่าใชจ้ ่าย
ง. การท�ำสมุนไพรไลแ่ มลงของศนู ยเ์ รียนรู้
เศรษฐกิจพอเพยี งห้วยฮอ่ งใคร้
27. ข้อใดเป็นแหล่งการเก็บข้อมูลด้านการศึกษาของ
กศน.
ก. ศนู ย์การเรยี นชุมชน
ข. ศูนยเ์ รียนร้สู ขุ ภาวะชุมชน
ค. ศูนย์สง่ เสรมิ สขุ ภาพชุมชน
ง. ศูนยพ์ ัฒนาเศรษฐกิจชมุ ชน
28. ถ้าต้องการศึกษาข้อมูลเก่ียวกับรายละเอียดส่วน
นกั ศึกษา ควรใชเ้ คร่อื งมือใดในการเกบ็ รวบรวมข้อมูล
ก. แบบบันทกึ
ข. แบบทดสอบ
ค. แบบประเมนิ
ง. แบบสอบถาม
29. ศักยภาพของพ้ืนท่ีตามหลักภูมิอากาศข้อใดที่มี
ความแตกตา่ งกนั มากท่ีสุด
ก. ภาคเหนือ - ภาคใต้
ข. ภาคใต้ - ภาคตะวนั ออก
ค. ภาคกลาง - ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
ง. ภาคเหนอื - ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ
30. หม่บู ้านแห่งหนึ่งมีพน้ื ท่สี ว่ นใหญ่เปน็ ทร่ี าบสงู ควร
ปลกู พชื ชนดิ ใดถึงจะได้ผลผลิตดที สี่ ดุ
ก. ผัก
ข. อ้อย
ค. ขา้ วเจา้
ง. ขา้ วโพด

แบบฝกึ ทักษะทางวชิ าการเพอื่ ยกผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


สรุปเนื้อหา

รายวิชา ภาษาไทย

พท11001

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
1. นกั ศกึ ษาบอกความสําคญั หลักการรวมทงั้ ประโยชน์และคณุ คา ของการฟง การดไู ด
2. นักศึกษาเขา้ ใจและรูห้ ลกั มารยาทในการพูดในดา้ นตา่ ง ๆ ทใ่ี หการพูดประสบผลสาํ เรจ็ ได้
3. นกั ศึกษาสามารถ เลือกหนงั สืออานไดเ หมาะสม เพ่ือใหการอา นมีประสิทธิภาพยงิ่ ข้นึ
4. นกั ศึกษาสามารถเขยี นอักษรไทยและการเขียนสะกดคาํ ไดถ ูกตอง
5. นกั ศกึ ษาสามารถนำ� ความรหู้ ลกั การใชภ าษามาใชไ้ ดจ้ รงิ รวมทงั้ เรยี นรเู้ รอ่ื งวรรณคดแี ละวรรณกรรม
6. นักศึกษาสามารถใชป ระโยชนจากภาษาไทยไปประกอบอาชีพได ในการประกอบอาชพี ตาง ๆ
ขอบข่ายเนื้อหา
บทท่ี 1 เรือ่ งการฟงและการดู
การฟงและการดูเปนการเรียนรูเร่ืองราวตาง ๆ จากแหลงเสียงและภาพท้ังจากแหลงจริง และผานสื่อ
ตาง ๆ เชน วิทยุ โทรทศั น ภาพยนตร คอมพวิ เตอร หนังสอื เปนตน การฟง และการดมู หี ลักการ ดงั นี้
1. การฟง และการดอู ยา งต้ังใจจะไดรบั เนอื้ หาสาระถกู ตอ งและครบถวน
2. มจี ดุ มุงหมายในการฟง และการดเู พือ่ จะชวยใหก ารฟงและการดูมปี ระโยชนและมคี ุณคา
3. จดบันทึกใจความสาํ คัญจะไดศ กึ ษาทบทวนได
4. มพี นื้ ฐานในเรือ่ งที่ฟง และดมู ากอนจะไดชว ยใหเ ขา ใจเนื้อหาสาระไดเร็วข้ึน
บทท่ี 2 เรอ่ื งการพดู
การพูดเปนการสอื่ ทีค่ วบคกู ับการฟง การเขา ใจหลกั การ การเตรียมการพดู การพูดในหลาย ๆ โอกาส
และมารยาทในการพูด จะทาํ ใหการพดู ประสบผลสาํ เรจ็ การพูดทีด่ ีจะตอ งดีในดานตาง ๆ ดังน้ี
1. ดดี ว ยเนือ้ หาสาระถกู ตอ งเหมาะสมกับผูฟง
2. ดดี ว ยลลี าการพดู
- นำ�้ เสียงไมด ังเกินไปหรอื เบาเกนิ ไป การเนนเสยี งหรอื การใชเ สียงสงู ต�ำ่ เปนตน
- พดู ถกู ตอ งตามหลกั การใชภ าษา ใชค าํ ควบกล้�ำ อกั ษรควบ อกั ษรนํา คาํ สมาส สนธิ เปน ตน
- การแบงวรรคตอน การใชอักษรยอหรอื การใชค าํ ทเ่ี นน ใหถ ูกตอง
3. ดีดวยความพรอม ซ่ึงรายละเอยี ดไดกลา วมาแลว ขา งตน
บทที่ 3 เร่อื งการอาน
การอา นนน้ั เปน การเปด ประตไู ปสโู ลกกวา ง การอา นรอ ยแกว และรอ ยกรองได ตลอดจนการเลอื กหนงั สอื
อา นไดเ หมาะสมจะทาํ ใหก ารอา นมปี ระสิทธภิ าพย่ิงขึน้
รอยแกว หมายถึง ขอความท่ีเขียนขึ้นโดยไมไดคํานึงการสัมผัส ตัวอยางเชน การเขียนตําราเรียน
การเขยี นขา ว การเขียนประกาศ และการเขยี นขอความทั่ว ๆ ไป
รอยกรอง หมายถงึ คําประพันธแ ตง ขน้ึ โดยมกี ารสมั ผัสใหคลองจองกนั

6 แบบฝกึ ทักษะทางวชิ าการเพือ่ ยกผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จังหวดั เลย


ประโยชนทไี่ ดร ับ
1. ไดรบั ความรู ความคิด และประสบการณท ่จี ะนาํ ไปใชป ระโยชนไ ด
2. ไดรบั ความเพลิดเพลนิ ผอนคลาย และใชเวลาวางใหมปี ระโยชน์
บทท่ี 4 เร่ืองการเขยี น
การเขียนเปนทักษะสําคัญที่ฝกฝนได การเขียนอักษรไทยและการเขียนสะกดคําไดถูกตองจะนําไปสู
การเขียนอื่น ๆ ไดเปน อยา งดี
ภาษาไทยมพี ยญั ชนะ 44 ตวั คอื ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ช ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป
ผฝพฟภมยรลวศษสหฬอฮ
สระมี 21 รูป คอื ะ เรยี กวา วสิ รรชนยี , ั เรยี กวา ไมห ันอากาศ, ็ เรยี กวา ไมไ ตค ู้, า เรยี กวา
ลากขาง, ิ เรยี กวา พินทุอ,ิ ุ เรียกวา ตนี เหยียด, ู เรียกวา ตนี คู,  เรยี กวา ฝนทอง, ํ เรยี กวา นคิ หติ ,
, นฤคหิต, “ เรยี กวา ฟนหน,ู เ เรยี กวา ไมห นา, ใ เรยี กวา ไมมวน, ไ เรยี กวา ไมม ลาย, โ เรยี กวา ไมโ อ,
อ เรยี กวา ตัวออ, ย เรยี กวา ตวั ยอ, ว เรียกวา ตวั วอ, ฤ เรยี กวา ตัวรึ, ฤา เรยี กวา ตัวรอื , ฦ เรียกวา ตวั ล,ึ ฦา
เรยี กวา ตวั ลอื
วรรณยกุ ต มี 4 รูป คอื 1.  เรียกวา ไมเอก 2.  เรียกวา ไมโ ท 3.  เรยี กวา ไมตรี 4.  เรียกวา ไมจ ัตวา
บทท่ี 5 เร่อื งหลักการใชภาษา
หลกั การใชภ าษาเปน การนาํ ความรทู างภาษามาใชจ รงิ ตามลกั ษณะกฎเกณฑข องภาษาไทย ซงึ่ ประกอบ
ดว ยอักษรไทย พยางค คําในมาตราตัวสะกด ชนดิ ของคาํ ประโยค และอ่นื ๆ
ไตรยาค คอื อักษร 3 หมู ซงึ่ แบงตามเสยี ง ดังนี้
1. อักษรสงู มี 11 ตัว คือ ข ฃ ฉ ฐ ถ ผ ฝ ศ ษ ส ห
2. อกั ษรกลางมี 9 ตวั คือ ก จ ฎ ฏ ด ต บ ป อ
3. อกั ษรตำ่� มี 24 ตวั คือ ค ฅ ฆ ง ช ซ ฌ ญ ฑ ฒ ณ ท ธ น พ ฟ ภ ม ย ร ล ว ฬ ฮ
คาํ หมายถงึ เสยี งทเ่ี ปลง ออกมาแลว มคี วามหมาย จะมกี พ่ี ยางคก ไ็ ด เชน ไก ขนม นาฬกิ า เปน ตน พยางค
หมายถงึ เสียงท่เี ปลงออกมาคร้งั หน่งึ จะมคี วามหมายหรือไมมกี ไ็ ด เสียงที่เปลงออกมา 1 คร้ังกน็ ับวา 1 พยางค
เชน นาฬกิ า มี 3 พยางค แตม ี 1 คาํ แมน�้ำ มี 2 พยางค แตมี 1 คาํ มคี วามหมายวา ลําน�ำ้ ใหญ ซ่งึ เปนทร่ี วมของ
ลําธารท้ังปวง ชนดิ ของคํา คําท่ีใชในภาษาไทยมี 7 ชนิด คือ คาํ นาม คาํ สรรพนาม คํากริยา คาํ วเิ ศษณ คําบพุ บท
คาํ สนั ธาน และคาํ อทุ าน
บทที่ 6 วรรณคดแี ละวรรณกรรม
วรรณคดี หมายถงึ เรอื่ งแตง ทไ่ี ดร บั ยกยองวาแตง ดี เปน ตัวอยางดานภาษา แสดงใหเ หน็ ถึงวัฒนธรรม
ความเปนอยใู นยุคน้นั ๆ แตงโดยกวีท่ีมีชือ่ เสียง เชน วรรณคดเี รือ่ ง ขนุ ชางขนุ แผน พระอภัยมณี และสงั ขทอง
เปนตน้
นทิ าน หมายถึง เร่ืองที่เลา สบื ทอดกนั มา ไมม ีการยนื ยันวา เปน เร่ืองจริง เชน นิทาน เดก็ เล้ียงแกะหรอื
เทวดากบั คนตัดไม เปนนทิ านสวนใหญ จะแฝงดว ยคติธรรม ซึง่ เปนการสรุปสาระให ผูฟง หรอื ผูอา นปฏบิ ตั ติ าม
นิทานพ้ืนบาน หมายถึง เร่ืองเลาที่เลาสืบทอดกันมา สวนใหญเน้ือหาจะเปน ลักษณะเฉพาะถ่ิน โดยอางอิงจาก
สถานทห่ี รอื บคุ คลซง่ึ เปน ทร่ี จู กั รว มกนั ของคนในถนิ่ นน้ั ๆ เชน นทิ านพน้ื บา น ภาคกลาง เรอ่ื งลกู กตญั ูนทิ าน

แบบฝึกทักษะทางวิชาการเพอื่ ยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จังหวัดเลย 7


พ้ืนบานภาคใต เร่ืองพิษงูเหลือม นิทานพื้นบานภาคเหนือ เรื่องเชียงเหมี้ยง ตําพระยา และนิทานพื้นบาน
ภาคอีสาน เรื่อง ผาแดงนางไอ
บทที่ 7 เร่ืองภาษาไทยกบั ชอ งทางการประกอบอาชีพ
การศึกษาและเรียนรูรายวิชาภาษาไทย นับเปนพ้ืนฐานสําคัญในการประกอบอาชีพ หากมีการฝกฝน
ไเพป่ิมปพระูนกทอักบษอะาดชา ีพนไตดา ใงนๆกาเรชปน ระกกาอรฟบงอากชาพี รตพาดู งๆกานรั้นอาลนวนแตลอ ะงกใชาภรเาขษียานไทกย็จเะปสนาพม้ืนาฐรถานใชก ปารรไะดโฟยชงนไดจ อากา นภาไษดาเ ขไทียนย 9
จดบนั ทึก ตัวอยางเร่อื งราวตา งๆ จะทาํ ใหไดร ับความรแู ละขอมูลเกี่ยวกบั อาชีพตา ง ๆ ทาํ ใหม้ องเห็นชองทางการ
ปทราะงกกอารบปอราะชกพี อชบวอยาใชหีพตัดชสวินยใใหจปตรัดะสกินอใจบปอราะชกีพอไดบออยาชางพี มไนั่ดใอจยนางอมก่ันจใาจกนน้ยีองักเจปาน กขนอี้ยมังลูเปทน่ีจขะอชมว ลู ยสทง จี่ เสะชรมิวย สใหงเบสุครคมิ ล
ผใหทู บี่มุคีอคาชลีพผอูทย่มี ูแีอลาวชีพไดอพยูแฒั ลนวาอไดาพชีพัฒขนอางอตานชใีพหขเจอรงิญตนกใา หวเหจนริญา อกีกาดววหยนาอีกดวย

แบบทดสอบรายวิชาภาษาไทย พท11001 6. เวลา "19.05 น." ขอ้ ใดอ่านถกู ต้อง
จงเลือกคาตอบท่ีถกู ต้องที่สุดเพียงคาตอบเดียว ก. สิบเกา้ นาฬิกาหา้ นาที
1. ขอ้ ใดแสดงถึงความมมี ารยาทในการฟัง ข. สบิ เกา้ จดุ ศูนย์ห้านาฬิกา
ก. สายใจ นงั่ เคีย้ วหมากฝร่งั และเล่นโทรศพั ท์ ค. หนงึ่ เก้าจุดศูนยห์ ้านาฬิกา
ข. นงนชุ อ่านหนังสือพิมพ์ขณะฟงั การสมั มนา ง. สบิ เก้านาฬิกาจุดศูนยห์ ้านอ
ค. วิภาตั้งใจฟงั และจดบนั ทกึ เรือ่ งท่ีฟงั
ง. นารี ลุกออกไปเข้าห้องน้าบอ่ ย ๆ 7. ข้อใดอ่านแบง่ วรรคไดถ้ ูกต้อง
ก. ถึงงาม พักตรผ์ ่องพรรณ เชน่ จนั ทรฉ์ าย
2. ขอ้ ใดคือการเตรยี มตัวท่ีดีในการพดู
ค5งขคก4งง3คกขขคก.............ว.. อบพรหขขตนมจสศนสพอ่าังูด้ออ้บัะดุมีกึกาชิังู่ดน8อ่ากหโใใใาษาชใาซกดดนหรอจรตราาา้พพนเไคหผ้แออืยอ้เพปมนูดๆดูอสวฟู้กนยงูด็น่คพาด้ือ่าภดกเืนังงั เสใวมมนดูว้รหสางพานอรียาสทสู้ยรใษแือาื่อ่าเปรงหอากึนรเ่าทปานใคยฏกค้เ่ื่าอทคหไ้ารรใสาา่ียนทิบญังเนลากะผ้คทยีสวทหยัตง้อเใทขู้ฟงวียทกภปนี่คปิในยดอ่าบงังับนี่ดทรวขนตังทเงังเแกเะกใีขรบสณใบเฟาภรี่สนลรดพก้าาบอืามื่อังาบะ่ือก้ารใฝอดูเชษงจทชนางอพึกาบแทัดทยาัรดี่ว่าุ่มื่อล่ีจกัตพนทิเนคะษจะาู่ดยวะวในพงทหาลาปูดากม้เงรกรวเะพยีกิชเาราลทกตลิดาศริผังเเพพพู้ฟอ่ืลูดังยินกผลสมั ฤทธท์ิ างแ1งคข9กคงกงข8ขคก...0..ม........กากปถร.ขขมปถแปวถปถ.เึงไ็รา""้อ้อึงลึงงึันาาเามนียงพกงเงใใกกกว้ขแนาถค่าาาดดปลสหวไ้อสมามมงดภแมมงา่รอควนวแพพาพบรีค่สตานาลัวเคมัก้อศักหกัิ้นวา่งนสเายวรตงจขรวาตตมมกุดียก์เเรมัยา่งัยพอรนรลือลดล้นห์ผอนทห์์ิบยันน่นิน่ักึงเผผ่อี่ยว้าปมก2เลหนอ่่อขะง่าใกาลรา้ปจา้นพงงไกอ่ยียีย้า่ีกวพนพเง่ึฟารเวชทวาว้ใหมรรรรรจ้าอืใตี่ศทรอรลณคนขดกึา่ณณม่าือวเ่ีอนษงลคนขรนเกเฝาไ้าชย้ีอชเ.เถปาษุในป2ชน่ว่นเหจูก5จยพ่น็นล6จคตขนา4์จดจลเนั กนอ้อพดกันนังทขนงศลพททร้อนา้ง้ืนรร์ฉ.อมปจ์ฉฉ์บาังน่ืนรหาายา้ ะตวยยนๆเัด์รภเดลทยหใวั ดนาง


แบบทดสอบ รายวิชาภาษาไทย พท11001

จงเลือกค�ำตอบท่ีถูกตอ้ งเพียงข้อเดยี ว

1. ข้อใดแสดงถึงความมีมารยาทในการฟงั 7. ข้อใดอา่ นแบ่งวรรคไดถ้ ูกต้อง
ก. สายใจ น่ังเคยี้ วหมากฝรั่งและเล่นโทรศัพท์ ก. ถงึ งาม พักตรผ์ ่องพรรณ เช่นจันทรฉ์ าย
ข. นงนชุ อ่านหนงั สอื พมิ พข์ ณะฟงั การสัมมนา ข. ถงึ งามพักตร์ ผ่องพรรณเชน่ จนั ทร์ฉาย
ค. วิภาตงั้ ใจฟงั และจดบันทึกเรอ่ื งท่ฟี งั ค. ถงึ งามพักตร์ ผ่องพรรณ เช่นจันทรฉ์ าย
ง. นารี ลุกออกไปเข้าหอ้ งน้ำ� บ่อย ๆ ง. ถึงงามพักตร์ผ่องพรรณ เชน่ จนั ทร์ฉาย
2. ข้อใดคือการเตรียมตวั ทีด่ ใี นการพูด 8. ข้อใดมคี วามหมายทตี่ า่ งไปจากขอ้ อืน่ ๆ
ก. ศกึ ษาเน้ือหาเกย่ี วกบั เร่อื งที่จะพูด ก. ปากว่าตาขยิบ
ข. มกี ารแสดงทา่ ทางประกอบ ข. ปากหวานกน้ เปรี้ยว
ค. พดู ซำ้� ๆ เพื่อให้ผฟู้ งั เขา้ ใจ ค. ปากไม่ส้นิ กลิ่นน�ำ้ นม
ง. พูดใหผ้ ูฟ้ งั รู้สกึ คล้อยตาม ง. ปากปราศรัยนำ�้ ใจเชือดคอ
3. ข้อใดเป็นมารยาทที่ดใี นการพดู 9. ข้อใดแบง่ จงั หวะการอ่านถูกต้อง
ก. สดุ า พูดด้วยน�ำ้ เสียงเบา นมุ่ นวล ก. แล้วสอน ว่าอย่าไวใ้ จ มนษุ ย์
ข. นิชา พูดภาษาไทยปนภาษาตา่ งประเทศ ข. มนั แสน สดุ ลึกล�้ำ เหลอื กำ� หนด
ค. สมชาย พูดแทรกในขณะทวี่ ทิ ยากรกำ� ลงั พดู ค. ถึงเถาวัลย์ พันเก่ียว ท่ีเลีย้ วลด
ง. บังอร พูดในเรื่องท่คี วรพดู และใหเ้ กียรติผูฟ้ ัง ง. ก็ไม่คด เหมือนหนึ่ง ในน้�ำใจคน
4. ขอ้ ใดไม่ควรปฏบิ ตั ใิ นการอ่าน 10. “นางแมวเอย ขอฟ้าขอฝน ขอนำ�้ มนต์รดหวั นาง
ก. จับใจความสำ� คญั ของเรอ่ื ง แมว” ขอ้ ความดงั กล่าว ควรเป็นเพลงประเภทใด
ข. ตะโกนอา่ นให้เสยี งดงั ฟงั ชดั ก. เพลงรอ้ งเลน่
ค. นั่งหรือยืนอา่ นในท่าท่ีสบาย ข. เพลงพ้ืนบ้าน
ง. อ่านออกเสียงค�ำควบกลำ�้ ชดั เจน ค. เพลงกลอ่ มเด็ก
5. หากต้องการอ่านหนังสือเพือ่ ความเพลิดเพลนิ ง. เพลงประกอบพิธีกรรม
ควรอา่ นหนังสือประเภทใด 11.ประโยชน์จากการอ่านข้อใดแตกตา่ งจากข้ออื่น
ก. โฆษณา ข. สารคดี ก. อ่านข่าว ข. อ่านประกาศ
ค. เร่ืองสั้น ง. บทความ ค. อา่ นนวนิยาย ง. อ่านต�ำราวิชาการ
6. เวลา “19.05 น.” ข้อใดอ่านถกู ต้อง 12.ขอ้ ใดเปน็ การสร้างนสิ ัยรักการอ่าน
ก. สิบเกา้ นาฬกิ าหา้ นาที ก. จุ๊บอ่านเฉพาะเรอ่ื งท่ีสนใจ
ข. สิบเก้าจุดศนู ย์ห้านาฬิกา ข. คุ้ม อา่ นหนงั สอื เม่อื มีโอกาส
ค. หนึง่ เก้าจุดศนู ย์ห้านาฬิกา ค. ตอ้ ม อ่านหนงั สืออย่างสม�่ำเสมอ
ง. สบิ เก้านาฬิกาจดุ ศูนยห์ ้านอ ง. ก้อย อ่านหนงั สอื เมื่อต้องการคำ� ตอบ

แบบฝกึ ทักษะทางวชิ าการเพอ่ื ยกผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย 9


13.ขอ้ ใดเป็นหลักสำ� คัญของการเขยี น 21. “ชว่ ยหยบิ แกว้ นำ�้ ใหฉ้ นั หนอ่ ย” เปน็ ประโยคชนดิ ใด
ก. ใชภ้ าษาท่ีเปน็ ตวั ของเขาเอง ก. ประโยคค�ำถาม ข.ประโยคบอกเลา่
ข. เลอื กใช้คำ� หรือข้อความทีไ่ มซ่ ำ�้ ใคร ค. ประโยคขอรอ้ ง ง. ประโยคค�ำสง่ั
ค. เขยี นหนงั สอื ตามความต้องการอย่างอิสระ 22. “รปู ถ่าย” ใชค้ �ำราชาศัพท์วา่ อะไร
ง. เขยี นถกู ต้องเหมาะสมตรงตามความหมาย ก. พระรูป ข. พระฉาย
14. อักษรไทยหมายถงึ ขอ้ ใด ค. พระบรมรูป ง. พระบรมฉายาลักษณ์
ก. ตวั หนังสือไทย 23. คำ� สรรพนามทพ่ี ระภกิ ษคุ วรใชแ้ ทนตวั เองคอื ขอ้ ใด
ข. การออกเสยี งวรรณยกุ ตไ์ ทย ก. ฉัน ข. โยม ค. อาตมา ง. กระผม
ค. รูปแบบการอ่านหนงั สือไทย 24.ค�ำในขอ้ ใดป็นค�ำไทยแท้
ง. ต�ำราหรอื หนังสือทีเ่ ขยี นโดยคนไทย ก. มะยม ข. สขุ สนั ต์
15. ขอ้ ใดเขียนผิด ค. ตน้ ปาลม์ ง. ประชาบาล
ก. บรรทัด ข. บนั เทิง 25. ข้อใดไมใ่ ชล่ ักษณะของนิทานพ้ืนบ้าน
ค. บรรเลง ง. บรรเทา ก. เปน็ ร้อยแก้ว
16. ข้อใดควรมใี นการเขียนบันทึกประจ�ำวัน ข. มงุ่ เสนอขอ้ เทจ็ จรงิ
ก. คำ� น�ำ ข. บทสรปุ ค. ไมท่ ราบวา่ ใครเป็นผแู้ ต่ง
ค. วัน เดอื น ป ี ง. ประวัตผิ ้เู ขียน ง. เป็นเร่อื งเลา่ ปากตอ่ ปากสืบต่อกันมา
17. ขอ้ ใดเปน็ ค�ำขึน้ ต้นในการเขียนจดหมายถึง 26. นทิ านเรอื่ ง พระยากง พระยาพาน
พระภิกษุ เปน็ นทิ านทอ้ งถิน่ จงั หวัดใด
ก. นมสั การ ก. เชยี งใหม่ ข. นครปฐม
ข. เรียนพระคณุ เจา้ ค. สงขลา ง. รอ้ ยเอด็
ค. กราบเรยี นพระคุณเจ้าทนี่ ับถือ 27. เร่อื งขนุ ช้างขุนแผน สะทอ้ นชีวิตด้านใดมากท่ีสุด
ง. กราบนมสั การพระคุณทา่ นทีเ่ คารพ ก. สังคม ข. ศาสนา
18. ค�ำในขอ้ ใดเปน็ เสียงสามัญทกุ คำ� ค. การเมอื ง ง. วิทยาศาสตร์
ก. กิง่ แมว ข. ตาย หมา 28. ขอ้ ใดเป็นวรรณกรรมพ้ืนบา้ น
ค. นา ปลา ง. เสอื เลอื้ ย ก. เรือ่ งส้นั ข. เพลงลกู ทุง่
19. พยัญชนะในข้อใดไม่ใชอ่ ักษรต�่ำคู่ ค. บทสวดมนต์ ง. เพลงกลอ่ มเด็ก
ก. ถ ฐ ข. ช ฌ 29. นิทานพ้ืนบ้านเรื่อง “แก้วหน้าม้า” มีคุณค่าทาง
ค. ค ฆ ง. พ ภ ดา้ นใด
20. ค�ำว่า “ จราจล “ มกี ีพ่ ยางค์ ก. ความเชอ่ื ข. คติสอนใจ
ก. 2 พยางค ์ ค. การด�ำเนินชวี ติ ง. ประเพณวี ฒั นธรรม
ข. 3 พยางค์ 30. อาชพี ใดทีต่ อ้ งใชค้ วามสามารถดา้ นการเขยี นมาก
ค. 4 พยางค ์ ที่สดุ
ง. 5 พยางค์ ก. พิธกี ร ข. ผู้ประกาศ
ค. นักประพนั ธ์ ง. นักจัดรายการวิทยุ

10 แบบฝกึ ทกั ษะทางวชิ าการเพ่ือยกผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จังหวดั เลย


สรปุ เนอื้ หา

รายวชิ า ภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน

พต11001

ขอบข่ายเนือ้ หา
บทที่ 1 การทกั ทายและการตอบรับคาํ ทักทาย (Greeting)
การทักทายในชวงเวลาตา ง ๆ
การทักทายและตอบรบั การทักทายเพ่อื สรางความสัมพันธร ะหวา งบคุ คล ในการทกั ทายมีชวงเวลา ดังน้ี
Good morning : ใชห้ ลงั เท่ียงคนื ถงึ เทย่ี งวนั
Good afternoon : ใชห้ ลงั เทีย่ งวนั ถงึ เวลา 18.00 น.
Good evening : ใชห้ ลงั 18.00 น. ถึงเท่ียงคืน
Good night : เปนคําใชก ลาวลาในตอนกลางคืน ไมใชค ําทกั ทายหรือตอบรบั คาํ ทกั ทาย
ตวั อยางประโยค Mrs. Laura : Good morning, Mr. Smith.
Mr.Smith : Good morning, Mrs. Laura.
บทที่ 2 การแนะนําตนเองและการแนะนําผูอ ืน่
การแนะนําตนเองอยางเปน ทางการ (formal Introduction)
ตวั อยางประโยค Bob : Hello. I’m Bob Robin from England.
Liza : Hello. I’m Liza from Canada.
Bob : It’s a nice party, isn’t it?
Liza : Lovely. How do you do?
Bob : How do you do? Glad to know you.
Liza : Glad to know you, too.
บทท่ี 3 การกลา วลาและการตอบรับการกลา วลา (Leave Taking)
การกลาวลา เปนมารยาททางสงั คม ดงั นั้นจงึ ควรเลือกใชใ หถูกตองและเหมาะสม โดยทัว่ ไปการกลาวลา
นยิ มใชส ํานวนดังตอไปน ้ี สาํ นวนท่ใี ชพ ดู กลาวลา การตอบรบั
A : Goodbye. A : Bye. A : Take care.
B : Goodbye. B : Bye. B : Yes, I will.
บทที่ 4 การเขยี น การอานพยญั ชนะ สระ และการประสมคาํ
การเขียน การอาน พยัญชนะ สระ และประสมคํา เปนทักษะพื้นฐานในการเรียนรูเกี่ยวกับการใชภาษา
อังกฤษและการสื่อสารวิธีการประสมคํา คําประกอบดวยพยัญชนะและสระแทในการประสมคํา สามารถนํา
พยญั ชนะในภาษาอังกฤษ มาประสมกบั สระแท
a e i o u ดังตัวอยา ง d+ a = da m+e = me h+i = hi g+o = go r+u = ru
บทที่ 5 จาํ นวนนบั และลาํ ดบั ที่ Cardinal numbers and Ordinal numbers
ขอสังเกต การใชลําดับท่ีน้ันจะใชคําเหมือนกับเลขจํานวนนับ แตจะเติม“th” ไปขางหลัง ยกเวน 1-3
ที่เปลีย่ นรูป และ 5, 9, 12 จะแตกตา งกับเลขจํานวนนับเล็กนอย ที่ 1 ใช first ที่ 2 ใช second ที่ 3 ใช third

แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการเพอื่ ยกผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย 11


12 12
บทท่ี บ 6ทบทค1คท.าี่ า6ทนค1คน ่ีาา.ํ า6คมนนมคํามาาาํค1นคมีม(น.า2Nาานมนาคมนoับลีมาา2าuักไ(นมนดNมษnลมับาoักมณ)Cี(ไแu2Nดษนoะลnoณบั uลคCะ)uกัnแไือะคoดษลtnคาuaะณ)CอืศbnแคoพัะltลาํeauคทศะbnือNคหพั lteาoมทaศubวหNพัnlดมeosทตวuNาดหคnงตoอืมsาuวๆนงnคดาsือๆตมาคทนงือี่นาๆบัมนทจาามีน่ นทบั วนี่จนับาํ ไนจดวาไนนดไแวดนกไไดนดแ าไกดมแท นก่ีมารีนมูปาทรมม่ี าทรีงม่ีปูนีรับรูปาเปงรนานงบั ชนเน้ิ ปบั เนเปปชนนิ้นอชเันปิ้นไนเดปอนแนั ลอไดะันไ ด และ

และจจะะใใชชคคาาํ นจนะาาํใหหชนคนาา นนาามหมนaa,า,นaanาnมเมเaม่ือ,่อืไaมไnมเฉเเฉพมพ่ือาาะไะมเจเจฉาาะพะจาจงะงแเแจลลาะะใชจใชคงคแาาํลนนะาาํใหชหนคนาานนาามหมนthtาheนeาเมมเมอ่ื tื่อตhตอeองเกงมกาอ่ืารตรเฉเอฉพงพากาะะเรจเจฉาาะพะจาจงะงเแจแลาละะะจง และ
มเชักนเปdไส นดoาคgมเม าม2สชsักาน,.กัานรเมาtคเป2 ถปadมาา.นทb นรoนคคทําlถคgาeําเา2สมี่ทsมปํานsน,.าีรนา,นนาcมาปูtคเามับaพปaมาารมbนtไรหนนาเsมทlถชับงทพูพาeไี่มไทนมไ่มีดหsจมมีรา,นรีนูพcแdูปไเUปูับปดaไนoจรดnรtไนนานg sมUาc งsพไองoไn,ไดดไหนมutcมaูพแnoUแหbนจtuนnรalนนneอืนcbไอtsoไอlดa,มนeucนbมanNlหีรtหetsoรูปaรอืNubรอื ไnาolไมeงมsuมมnNเเีรชปรีsoปู นูปนuเรwปรคnาานาaงsงนtคเeเเาชาํปชrมนน,นน ทาwtคweม่ีไาaมaaทนt,สteไ่ี eาmามrมrม,ส,ทiาtlาtkeี่ไรeม,มaถaาb,สแ,รumายถmมtกแitาilนeยlkรkกrับ,ถ,นbจแbับาuยuนtจกttวtาํนeeนนrับrเวจปนานเนปหวน นนเหึง่ ปนสนงึ่ อหงสนอสง่ึงามสสาอสมงไ่ี ดสสา่ี ม สไี่ ด
บเบพรทื่อเิ ทวนณ่ีเ บสา7รัญไทโียปบเบรนกทพลสงปรทากัรเ่ี่ือญัิเฏร7ทรูเวษกนพยีริบลณ่ีาณานจู7อ่ืตักัสรไโักในปริตรษญั นกแูสจาํงปาณบาลลเไักมัญฏรรปะรักแแยีรบิลเิปเษลลวนจูขตักัฏณณะะักาติษบิเใใแโขาชจณรตัลมาใคงติะนใแเวจารเชลาขมยีควีมะานแวติใใหาลชจปมมะใครานหใวะชยชมาจใขวีมานาอติยหวชงปขนัมีวสรอาติัญเะยงปชลจสข่นรากััญอะวษงจลันสสณําักัญัญวเษทชันลลณ่ใีน่กั ชักเษทชโษดสณี่น่ใณชยัญ ตโ ททลดสา่ีใ่ัวักมยัญชไษททปโลดณั่วอเกัปยไงตษปทนถาณเนัว่ภมปไนตาทปนษาอเภ,มาปงสาอทนถษัญังอนภกาลงนาอฤถกัษังษนษ,ากนสณอเฤปญัังษต,นกลาสฤสกัมเญัษป่งิ ษโจรลนณเางกัปสเพตษปิ่งนยาจณนสมาําท่งิบตโเจรปที่าาางมลกุนเพปโ,คทรยนนี่ทงสาพทตบุกัญอี่ทยคาลงาลกุนักเบ,ครตษาียนอสณลนตงญั,ร ใอ นูลงักเรษียณนรในู
ถบกูทตทอ่ีถ บง8กูทตถบตากทกกูทอมาี่าตง8ทสรกรอตพถ่ีขาง8าาูดกรอตมนพขารากสกกรอดูอมาถขาารขงสรารรอออพถนณขกงรราดูกาอตอนกขารรงงาากรออองรกณากรองอราๆอากตอณรกรใงคาอนกอาตงากอคชรอาสาๆอกวีากงรง่ั สใติอคคอแนๆ่งัปาํกาํอลชใสครสแนกะวีงั่ะาลั่งกคชติ จสแแะาวีาปาล่ังลกสริตวรแะะาขั่งปันะลกรกอรจแขาะาโะําลรกอทรจวขะขาโษนัาทอกรอวาโขษนัโทรทอเขปษโษอทนเปโษภทน าษภษเาาปษอนาังภอกางัฤษกษฤาอษเปงั เนกปฤเนรษื่อเรงเอื่ ปทงนีผ่ ทูเเผี่รรียเูอื่ รนงยี ทคนีผ่วครูเวรเรรียเยีนรนยีครนวูเรพเู รือ่พียนอ่ื นานรไาํ ปูเไพใปชื่อใไนชดไาดไป ใชได

Peter Pe:tQePreutiert : p Ql e u:aiQesteu.pieกlteรapณุ slาeเ.aงsกยี eบร.ุณหกนารเอุณงยยี าคบเงรหียับนบอหยนคอรยบั ครบั
Stud enStt:uYdSeteusn,dtse:unYrtee.:sไY,ดesคus,รreับs.uไreด.คไรดบั ค รับ
บกาทรทสี่กบร9 าาทงบกรทปปสาที่รรร9ทสะ าะ่ีงโรโ9ยปยปาคงครรปปคะะค รโวโรวยยะาะาคมโคโมยยคเคเ ดคควดวียคาคียาวมววมวเาเาพเSดม ดมiอื่ยีเmียเดเวดลวยีเpียพาSวl วเiอ่ืเeรmพSเ่ือลiS่ือpmงาeเเlลเกnepราี่ยือ่tlเSeวeรงeกเnื่อกSnับงcีย่eเtตeกวneนย่ีกntเeวบัอcกnตeงับโcนดตeเยอนใงเชโอด้ งยโดใชย ้ ใP ช rP ้e r se esPPnerrtnPeetrssPSeeeirSmsenniemsttpneSSpltneiilmmtSeTiSmppeTimllnepeesnpleeTTsleeeTnneTssneeesnese

}FPuretsuPFerurenettsuFPSeurrCieemntosutSpnerCietlnmeiontSpnuTCimtloeoeinnupnuTsstleeoinTnuueTssnoeTsnuessneTsense

12 แบบฝกึ ทกั ษะทางวชิ าการเพอ่ื ยกผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


บทที่ 10 ประโยคคาํ ถาม ประโยคคาํ ตอบคําสรรพนาม คําบุพบท และคําคุณศัพท
คําสรรพนาม (Pronouns) คือคําท่ีใชแทนคํานาม เพ่ือหลีกเลี่ยงการกลาวถึงซ้�ำซากหรือแทนส่ิงที่รูกัน
อยูแ่ ลว ระหวบา ทงผทพูี่ 1ูด0ผฟู ปงระหโรยอื คแคทานถสางิ่มขปองรทะโย่ี ยังคไมคราหู ตรออื บไคมแาสนรใจรวพานเปามน อคะาไบรุพเชบน ท และคาคณุ ศัพท
คําสรรพนามในคราูปสรปรรพะนธานม (SPurobnjeocutn) s ค) ือค ือ คI,าyทo่ีใuช,แhทeน,คsาhนeา,มit,เพw่ือeห, ลthีกeเลyีย่ งการกลาวถงึ ซ้าซากหรือแทนสง่ิ ท่ีรูกนั อยู
ค คาํำ� บบบสสรุุรรุรรุษษุษุแรรพพทททลว่ี่่ีีนน321ราาะมมไไไหดดดใทนวแแแคคบบคใี่ าชรกกกาาาุรุรงปูสสแสตผผุษุษผทรรรกทฟููัวททูพรรรผรน่ีพงี่่ี ดูพพพร21พูบูดyมนนนดูผคุถไไoาาาดดูฟ(คึงuIมมมOแแ,ลงสทใใbกกwหนน่งิห่ใีผตjeทรรรeชรูฟวัือูปปูcแพี่อื ผงสtกปทแูดูพ)่งิร yรนทถ ขูดระoคบึงนอมธuอืIุคสงh,า (ใิง่คนwe Oนขmล,ebกอ(หsSeาjงheรu,ทรeอืcbพhย่ี .tสjeูด)ังeiิง่ tไrสcข,มค,นtอhร)อืtทงูหihmในครeนmอืาอื,yกไteามมh,Iร3ี,eแพhymนบeูดoใrรุส,uจ,ษุ oนว,hคuาทhimือเrนeป,า,นstอมhhะี3eeไ,mรบitรุ,เ,ชษุowนคueือr, they





บรุ ุษท่ี 3 ไดแกผูท่ีพูดถึง สงิ่ ที่พดู ถึง he, she. it , they
บทท่ี 11 ภาษาองั กฤษสาํ หรับอาชพี แมบา น
การทบักททายี่ 1แ1ละภกาษรตาองับกรฤับษกสาารหทัรกบัทอาายชีพกาแรมแบนาะนนําตนเอง การกลาวลาและการตอบรับการกลาวลา
จาํ นวนนับและลาํ ดบั กทา่ี ครทาํ ศักัพททายท แี่เกล่ียะวกขาอรตงกอับอรับาชกีพารแทมกับ ทา นาย การแนะนาตนเอง การกลาวลาและการตอบรบั การกลาวลา จานวน
เมอื่ แขแกลทะล่ีพากั ดอบั ยทจู ่ีะคอาอศกัพไทปทขีเ่ากงีย่นวอขกอแงมกบับาอนาชพีพบแเขมา บพาอนดี กอ็ าจขอรอ ง หรือเตือนแขกเพื่อความปลอดภยั วา
PอPDกllรยoeeณุาnaaล’าssืมtลeeลf็อold็อคorrคหgcoหeกDอPPเkอpมtllอยรoงyeeื่อณุyางเtnoaaมแoขoล’าsusข่ืออมืtuลeelrกคงลrofอ็ rคทoณุld็อckคooณุrี่พrkeคอหogcoyักหeดอkymอpอtอวoกงayยยyงเไuttwoมปoขoูจนrtu่ือhอะขuhะrlrคeองoาroคeคrุณnงอoะckoนcณุกke mอoyo อไyแดอoymปu.กมวกouanขนยบไutwtาะปgนerาtงoคhขhนะrนrะ.eoาคeอoอnงoะาuกนcจmtyoอแ.บแou.กมอมunนบกบtะgาแeาoคนขนrะ.พกอoเบาuพจเtิม่ขบ. เาอตพกมิ อแเดรข่ือีกกงเ็อกพาา่ิมจรเฝขตาอิมกรเกรอื่อญุงงแหกจราวือราฝเตาือกนกแุญขแกจเวพา่ือความปลอดภัยวา




กรุณาฝากกญุกรแณุ จไาวฝท า่เีกคกาญุนเแตจอไรวดทวี่เคยาคนะเตอรดวยคะ
และถาแมบานแพลบะแถขากแกมาํบลาังนจพะบออแกขไกปกนาลองักจทะพ่ี อักอกโดไปยนเดอนิ กผทา่ีพนักเคโาดนยเเตดอินรผ แามนบเคา านนกเ็พตอดู รแตแเ มพบยี างนวาก็พดู แตเพยี งวา
Please droPpleyaosuerdkreoyphyeoreu.r กkรeณุy าhฝeาrกeก. ุญกรแณุ จไาวฝท านี่กีน่กญุะคแะจไวทนี่ ่ีนะคะ

สามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมได้ที่

แบบฝึกทกั ษะทางวิชาการเพอ่ื ยกผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จังหวดั เลย 13


แบบทดสอบ รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน พต11001

จงเลือกคำ� ตอบทถี่ ูกตอ้ งเพยี งขอ้ เดียว

1. Teacher : Good morning, Tom. Mrs.Suda. 5. Somsri : Excuse me, I’ll have a meeting in
Tom : _____________, Mr.Smith. five minutes. I have to go now.
a. Good nigth Dang : O.K.______________.
b. Good evening a. See you.
c. Good morning b. Thank you for coming.
d. Good afternoon c. It’s nice of you to say so.
2. Linda : Good morning. My name is Linda. d. Thank for the information.
How do you do? 6. Bow : Have a nice trip.
Jerry : _____________, I’m Jerry Smith. Billi : _________________.
Linda : Nice to meet you. Bow : Bye.
Jerry : Nice to meet you, too. a. Thank you, bye.
a. Wow! b. You’re welcome.
b. How are you? c. Have a good time.
c. How do you do? d. Okay, Bye. I call you later.
d. How old are you? 7. Alin : Thank you for your information.
3. Susan : Suda, this is my friend, Lisa. Alan : You’re welcome.___________.
Suda : Hello, Lisa I’m pleased to meet you. Alin : Good bye
Lisa : Hello, Suda,______________. a. Good bye.
a. I’m fine, thank. b. Good time.
b. I glad you like it. c. Good night
c. I wish you be lucky. d. Good evening.
d. I’m pleased to meet you, too. 8. Aliz has been invited to a party at
4. Joe : Hi, John. Blue house.
John : Hi, Joe. Aliz : Thanks for the meal
Joe : John, this is sandy. Blue : _________________.
John : Hello, Sandy. Nice to meet you. a. It’s my pleasure.
Sandy : Hello, John. b. I’m glad you like it.
a. I’m pleased to meet you, too. c. It’s nice of you to say so.
b. Nice to meet you, too. d. I’ll speak to you tomorrow.
c. Glad to meet you.
d. I’m very well.

14 แบบฝึกทักษะทางวิชาการเพอ่ื ยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จังหวดั เลย


9. At the party 13. Which word has two consonants infront of
Danny : Thank you so much for a lovely party. the vowel?
Sindy : ____________________ a. Play
a. Fine, thanks. b. Song 15

11. Fill b. You’re welcome. m15e. 1 a abI4 n.a. . ?mW61dac6..h.s ii cxSSSthahoenouewdtnn o dryde abresgoinldsb.w.W i tPhhaaivtnodwoeels? sixteen
t he mcd..i sNYsoiicnuegdtvoidowmaeegleoitonydtohjuoe,bgt.oapo.. S h __ r k
10. Lilly : I’m sleepy. I’m going to sleep now
Jaidee : Good night. c . 6c0. Idea d. Goat
Lilly : ____________. 1d5. I6a6m sixteen years old. What does sixteen
a. Good day mean?
b. Good time 16. J a m ae. :6G ood m orning, Judy. .b.... . .1.16....... ? 15
12.11dbacabdcW..2.1..... G..pChbacdeaoiBWF..a.. 1 1 itlhaeio12lia.s.tt11hFWadcabcd21iiels...hl.....m cbda GGoaeimaaWtF....hooitisilmheaoieoosslissaiddintmistnhagslnigeiiussmnlisgecvmgaihniktostltgimsweesisnvtreiitsognflesowgirilnnreevfgt“olott_hlreiwen_er“tett_faglheo_aerinnpaf”“g.ot_anhrpS_”e“.ha_Sg_an_hp”_a._rn_S”krhk_11_87r..11 1 1m abcdJcdbaWk87665 u....e .. ...... h daJ WbacdJJacdbJIFHMOIFiSHu ycacabdcnuaa’c....a.... iicom.....ndhiom..hm? nid ml lh F6 wH 6ey:ik IF61ney c’MF6OHIFeoeoi 0 ,ifm11’66Gome,nhni 0 tsiiomnoniainn t:56ywhlote:::li e ehx wreehlkoG..ee a,oGGfGe,taa tt,iafabacdbcJdJIn,.aonentdihiohootnnuaasn..nt..hya....rtehkoeeaoahooer?mkhdokemamaaend.nn6F6Hs ad ddyI61Fiay.nu’snnye.yi0kknoi66oonmnyym?knsokommmakuroukwesey::iyeunuxnso.y.onauo,oGofGo,t.y?i.tiorarnecnu?tuurrhootonshnnnurohgee..naooueiaii,i.ndb oaun.nnnncdd.nM ngl..ynoggkg d y,kok m,mt,,urSH.esyMa.uJJMn.ycaWobooouuJ?rothrraulrr.nddash.ennuom.JebydyaJii.oaonn.y.al.tem nlelggm..d s..do 6,, ...e. .. oeu6..JMnIs..W’us.e.no...mr.11dsh.Iu’I?..y’a.J.msn.f.m.ai.t.ix..nm..?.td...fe.ife.n?o?ei.,ne.ese.e.n.1,s,I.’.s.mi.x..t.ef?ineen, 15

13. Which word has two consonants infront of ForF 11m bao87 .. ..r tm cdbWahABab....eru.h.t o hn MO iSHptcABet11chiohiiu,lrclh78Ueoknpntoo..rnuteit,hcWbacdnoS,cryUt.e.e..eillsuhe,nrtwMOr,iHSiecScsechiohrlii,llsaehwokntn ooeheanoryuorMelenaceitrsoheauetnnyh?teuaynb?cleounnotaubnle? noun ?
the vowel? c . Fca. t hFeart,hMeor,tMheorther
a. Play d . Nde. p Nheepwh,Newie,cNeiece
b. Song
14.dacW... hdbacSSS..i..ahoc GnpC ohuB dt nwacbdd....o G pCrBdacbd . ...
B with vowel?
C
Gbpegins

1bdc.3.. .abcIPGtdW...haoeheiSPaSanialtocva1nhแnoy3บdgwบw.abฝtWe.o.hึกlทr?hePdSักilocษvahะhnoyทagwาwsงeวotชิlwr?าdกoาhรcเaพosอื่ nยtsกwoผลnoสaมั cnฤotทsnธ์ิทsinาoงfnกrาoaรnnเรttียsนoiภnfาfคroเรnยี นp1tท9ioc่ี 2.FftuปoBAีกrreาm::ร…ศH?…ึกtoษh…wาeF…2o5pm…r6im4c…aกtn…uศtyhนr…e.epจ…,งัwepห…oวhic…ัดpotเลlueยarreMae,rweethhteohyea?rrMeeeitnhethy1i?s5


16

23. A : May I borrow your pen ? 16
19. A : How many people are there in this 23B. :A…: … M…a…y…I…b…o…rr…ow… your pen ?
picture ? a . DBri:n k….……………………… 16
B :…………………………… 23 b. . AaE.: a MtD.rainykI.borrow your pen ?
225422.. 2 2 54 abcdcAW54.. dcab... ....abcdAW ..e….B.dcba.. bcd WA..fSftL.acbdabc.e…...…iictha..wo:r un ..So..Deh...…LEe o n …u ct…hawiatrgueS olELaohc rih…22heo…gofnrnfweenuti…u…aritoiaoeknsou3r4io.irlne…oggtr.rgn…rrytr.et…aeook…kn..ssrireyr.g.lgl…arya…y.t.ytlkabdcWg…ee….rAyyBdrcba ..…ray..…trj… y..ea..a:i:……jSsDcELacthawiMj u…kaosrh…cvonuiiertesnkco…aeive…og.rntekaykkrserv….lg…yeryt.to.errIy…ty…anyohrby…ono…hjoaanhto…racrotaa…ko…tne aw……… dnta…………ndyo…b……d…onrb……ui.gb.ra…rih.rg.i.dthg.p…. adht e.…ydatn..ay…y.?…. .. day.
a. There are five people 262. 26 dW6. ..cbdaW h.. W..abdhtffha.abii ornlta da2elbigtlol5dleea.deoltrcbdaAlsoe....est…hsffttb…iiihornstaehi…igsllsliee…issgtrin…sging…mnmiesmaevneaena?rny??hot and bright.
b. There are six people
p20le. acdTs.e.acbde.a....TTc hTTh TTh ehhehh e reereer eeabcrrrr:eeee..a.acba G r ..raa.aaTTeiTevrrrrhhTehTeTeeeseeehhehesfimserrgereiveeeeiveihxrregrveeeeethaanaepryrptrpaanaeeeepoerreproeeepeusofosepioeerivppsofxslvpioeeeelivlpxeepelpvxelepneeeepleeponrepcoepoiepposlpoeeelplep oelb elpeoloek, 26. What does this sign mean ?
22212p2..10lecdbcbdWaa..Wa........cdbcbdWTaahSs..J...h...eJgeIDFuhnahaS 2 2 p uJaao.teJgdnpeo IDFuhaea10ctll uobortueeydthicnpeo ae2p2h..seld .rebaaaorhuyth10icn leaTWuseote cadadbdbcsmr.reye.a.aheorn ya:uee..a..ht.....SomrcbcbddWaT aa yaew or:bh Yy.a:ss Jau.. ydu .....oe.caJgIGweaTnhFeerebhDYSt.pfhutJayodudn.eJghsioerieaIheFuhnaTaesvh.icelf.u,oosbureryttesdtirhnipeoaacehsarseel.., a.rrbehr.otreuythni eaue.:seehr.mm:..ymreraa.ohrys.naG.uee.Ytmoa.rai. yweeroo:g.h.yba:ie.ryud.voaanf.tGw.oeerYe.is..ye iyrdu.s.o,tia.ere.omvt..ef.i..nr.mo .siaeu...sei e..,ge5nr.mt.roe..ehi.ma.5g...e.fo.t.nh.m.y...e.x..f.t.tp.o..y.e.?i.o...o.yeu.e.p.r.y..t..con.o.r.a.eie....oi5.u..rpsoea...on....erl.r?.x.p.f..e5...e e.ol?.b.. e..r.x.y.f.o.c..ee...io..sry.a..cke.e.r..i,.s.a.?b..e..r..o.?..bo..ok.o, k,
22. W2h2a.t dWodhe.astDtdheocisemssitgbhneisrm . seigann m? ean ? .

22. What does this sign mean ? a. aN. o Neoxiet.xit.
a. No Exit. b . bN. o NPoarPkainrkging
b. No Entry. 27.2. 27 cBadbA7. .. ...abcdA ::..dbBcaA..NOCND:....… NoN:e:NNkoo …N…OCrDNo on.ootS…R…oe…koa’omSeiwPR… rign……ntmSxRaihoabcdo…a’gl…im…riwt..yhk..igork…n.…r.…ihtoTioknyNlNn…NNt…yiu…krTgngooroo.…ir.Tu…ny…gnu…Sr.egPR…….nrm.xai…n…g.…irth….ok….…tik…n……iTng………ug……r.…n……….……………. …. .
c. No Parking. cd . .Badbc ..dc..TC:.. h TOCaDC aThnCeak2othanra7n’yttasn.a’o’ytwBabcsAia’uony..s.loaolu:l:hyrlaTuOCDlr.ehl…ryhelkoilhe gar…prn iehlttrgp…a’i’ltmhgwpsi.…nhtmeo.altm…y,.rlep lr.…e,ylpe,…rpliaeg…lseha…esat.e…s?e…??…………….
d.abcd....N NN NNo oo oo S PtEESadcboxa.nt...abc p oir tt. ..kNNprp.NNiynioNpoNooNn.gioogonPE.ESgxantPEEoirxtatnkrp.ir itytknpr..iygnin.g g. d. Can you help me,please ?
d. No Stopping

16 แบบฝกึ ทักษะทางวิชาการเพ่ือยกผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จังหวดั เลย


++++++++++++++++++

28. A 2 :: W8H .h eBAaits :W:iasHh.ye.a.o.t.iu.s.i.sr.a.f.y.a..o..t..hu......er....r.f.?..a....t..h......e....r..?................... .
B

a. doctor
b. t e ac. h deor ctor
c. p o bli.c eteoaffcicheerr
d. p i lco. t police officer
29. dcabH....e 2 9 …iGgg .s oo…odHgiabcnn….oe ...e g iggi.ns.…poogig…iltnooo…gitnm..g atrorymwairtrhytwhaitthptrheatttypgreirtlt.y girl.
d. Gone
30. A:3W0.hAa:t’Ws hyaotu’sjoybou? job ?
B: I a mB:…I…a…m………………………………..….…….. .
a. a teaa. cahteeracher
b. a rmcaadbctat... n aaa man
c. a rat
d. a cat

แบบฝกึ ทกั ษะทางวิชาการเพื่อยกผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 กศน.จังหวดั เลย 17


สรุปเนอ้ื หา

รายวิชา คณติ ศาสตร์

พค11001

18

ขอบขา่ ยเนอ้ื หา
เรอื่ ง จํานวนและการดสาํรเุปนเนินอ้ืกหารา รายวิชา รายวิชาคณิตศาสตร์ รหสั วิชา พค11001
การอา่ นและเขยี นตวั เลขแทนจาํ นวน การเขียนในรูปการณก์ ระจาย การเปรียบเทียบจํานวน การเรียง
ตลําวั ขเรดปอื่อับรบงะขกก่าจอายารบเนปนขวอ้ืรอนะหงแมจาลาําะณนกวคานร่านดบัาสเมนบนิ ัตกิาขรองจํานวน การบวก ลบ คูณ หาร การแก้โจทย์ปัญหาตามสถานการณ์และ
เรอ่ื ง เศษกสา่วรนอ่านและเขยี นตัวเลขแทนจานวน การเขยี นในรปู การณ์กระจาย การเปรยี บเทียบจานวน การเรียงลาดบั การ
ประมาณกคาร่าอส่ามนบแัตลิ ขะอเขงียจนานเศวษนสกว่ านรบกวากรลเปบรคียูณบเทหาียรบกเศาษรแสก่วโ้นจทกยา์ปรัญบหวกาตาลมบสถคาณู นกหาราณร แ์ แลละะตกวั าปรรแะกโ้อจบทขยอ์ปงจัญาหนาวนนับ
ตาเรม่อื สงถาเนศกษาสร่วณน์
เรื่อง ทศนกิยารมอา่ นและเขยี นเศษส่วน การเปรยี บเทยี บเศษส่วน การบวก ลบ คณู หาร และการแก้โจทย์ปญั หาตาม
สถานกากราณร์อ่านและเขียนทศนิยม การเขียนในรูปการณ์กระจาย การเปรียบเทียบทศนิยม การเรียง ลําดับ
กาเรรื่อปงระทมศาณนิยคม่า ความสมั พันธ์ระหว่างทศนิยมกับเศษส่วน การ บวก ลบ คูณ หาร และการแก้โจทย์ปัญหาตาม
เ เสแรรลถเลเค่ือือ่ รระาะ่างงอ่ืื่อนรคงงโกจอ้รกวาทอ้ยาากรรมยคอ้ยรลาณคก์ปสวรวยละาว์มัวาัดญัละราโมดัพะอจมหหนัา่ทหานมธมยกร์แาา์ปาะยลยรญัหะขขควเหออูณข่างงาียงรรทหนก้อ้อศาทยายรนรศลลิยคน(ะะบมณูแยิ แัญกลมลับะญหะกกเาตักศาาริไษารรตเรใ(สขรบชใว่ยชยีส้ญันาน้สญั งญใัญกศลนตัา)์ลักรริไษแักปู ตบลษณกระวาณย์เกกรปา์เณาองปลรศร์กบปอเ์์)รซรระคแะ์เ็นซจณูลยตา็นุกะ์ยห(ตตก%า์ก์าร)(รา%ครปแเว)ลรปาะะรคมยกยี วสุกาบามัรตเมพแท์ สกันียัม้โธบจพ์รททะันศยหธนป์ ว์ริยัญา่ ะมงหหเากวศตา่าษารงสมเร่วสเียนศถงษาทลนสศาก่วนดานิยับรมณทกแศาลรนะปิยรมะมรา้อณย
กกาารรววัดัดคคววาามมยยาาววแแลละะรระะยยะะททาางง กกาารรชชั่ง่ัง กกาารรตตววงง กกาารรหหาาพพ้ืนน้ื ทท่ี ่ี ปปรรมิิมาาตตรรแแลละะคคววาามมจจุ ุ ททศิ ิศแแลละะแแผผนนผผัง งั เงเงินิน เวลา
เวอลุณา หอภุณมู หิ กภาูมริคกาาดรคคะาเดนคทะใ่ีเชนใ้ นทชใี่ ชีวิต้ในปชระวี จติ าปวรนั ะจําวัน
เรเื่อรง่ืองเรเขรขาคาคณณติ ติ
ชชนนดิ ิดขขอองงรปู เรขาคณิตสสาามมมมิตติ ิ ิลลกู กู บบาาศศกก์ ก์ การาปรรปะรดะิษดฐิษร์ ฐูป์รเูปรขเราขคาณคติ ณสิตองสมอิตงิหมรติ ือหิ สราอื มสมาติ มิ มติ ิ
เรเือ่ รงอ่ื งสถสถติ ติิ ิ
กกาารรเเกกบ็ บ็ รรววบบรรววมมขขอ้้อมมลููล การจกาําแรจนากแขนอ้ กมขลู ้อโมดลู ยโกดายรกสางั รเสกังตเแกลตแะกละารกสาราํ สรวารจวกจารอา่ กนาแรลอะา่ เนขแยี ลนะแเขผียนนภแมู ผริ นปู ภภมู าิรพปู ภาพ
แเรผเแื่อรนผง่อื ภนงภมูคูมิแวคิแโทาวโอทมง่าอก่งมกนเานปาเ่าสปส่ารจแรแจียะลียละบเะบะปเเปเเเทน็หหท็นียเตตยี เบบบบุกุกือ้ก้ือาากงรรรงรตณาตณาฟ้นฟ้น์ทท์ เเจี่สส่ีจะ้น้นะเเกแกแดิ ลิดลขะขะ้ึนแ้ึนแแผผแนนนนน่ภภน่อมู มูอนิ รนิหรูปหรปู วือรวงออืกงาอกลจามลจจมะจเกะิดเกขิด้ึนขห้ึนรหอื อราอื จอจาะจไจมะเ่ กไมิด่เขก้ึนิดหขร้นึ ือหเปร็นอื ไเปปไ็นมไ่ไปดไ้ ม่ได้

18 แบบฝกึ ทักษะทางวิชาการเพื่อยกผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จังหวัดเลย


แบบทดสอบ รายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001

จงเลอื กค�ำตอบที่ถูกตอ้ งเพียงขอ้ เดยี ว 19

ใ1จแด.งบเคบล่าท ค 1อื ป .ือกด ร ขคสคะอ้าอม่กคาตใบปา..ดอณร1ร1บาะ,,ใ65ยกมท66วลา่ถี00ชิเ้ณูก คาตใยี คก้อง ณลจงท้เาติ คนี่สศียวดุางนเสจพเ ต�ำตียนร็มง์วรคนพ้อายเคตตข1อ็มงขอ1.บ.รง01้เอ1ด01,,ย56ี1ย,ข500ว5อ006ง 1,556 7. 125 เขียนในรปู จานวนคละไดต้ รงกบั ข้อใด
คือข้อ 12

ก. 10 10
12

ก.21.,6ว6นั 0แรก แมค่ ้าขายผขล. ไ1ม,6ไ้ ด0้0180 กิโลกรัม วันทสี่ อง ข. 10 5
12

ค.ข1า,5ย6ได0้ 210 กโิ ลกรมั ง.ว1นั ,ท5่สี00ามขายได้ 150 กโิ ลกรัม ค. 5 10
แไ2ด.ม้ ว่ค2ันา้1 เขฉแ 0 าลร กยกย่ี โิผกคแลแล..ลกมไ12ว้ รมค่ 51ัมแ้ไา้ 00ดขม วว้าค่ ันนัยา้ ทลผข่สีะล าากไยมม่ีกผ้ไขโิลดลาไ้ยกม1ไร้ไ8ดดัม 0้ว้ 1ันก5ลโิ 0ละกกกงขริโ่ีก.ลมั.โิ 5กล1ว4ร8กัน0มั0รทัมเสี่ฉอลงยี่ ขแาลย้ว 12
ก.31.5จ0ำ� นวนนับขอ้ ใดที่มขี .71เ8ป0็นตัวประกอบทั้งหมด
ง. 5 5
12
8. ข้อใดเรยี งลาดบั จากมากไปหาน้อยได้ถูกต้อง

ค. 2 1 0ก. 14,21,35 ง. 540 ก. 1 , 2 , 3 , 4
2 3 4 10

3. กขจ..า 11น 54ว ,,น22งขคน81....,บั 43212ข25851้อ,,,4ใ22ด289ท,.,543ี่ม025ี 7 เป็นตวั ประกอบทั้งหมด ข. 2 , 3 , 1 , 4
ค.42.1ม,2เี ก9ล,3อื 533 กโิ ลกรมั แบง่ เปน็ ถงุ ๆละ 1 1/2 กโิ ลกรมั 3 5 2 10
ง. จ2ะ8ไ,4ด2ก้ ,่ีถ5งุ0
ค. 4 , 1 , 2 , 3
10 2 3 5

ง. 3 , 4 , 1 , 2
5 10 2 3

ก4.ถี่ กมุง.ีเ5ก7 ก2 .5่บี ล2ก%วาอื .ิโทร23ขจ23อน ขงก์ เม. โิง ลเี2นิ ง ก1ฝินขรา.ฝัมก2าคทก1แ.ธ้งั บ2 หน ง่0 มาเ ปค ดค็นา.วงรถ.ิโ2ุงร210ๆจ,9 9ลน 0 ะ์ 0ถ 1 องบ12น.า1เทงก9ินโิ ถลออกอนรกอมั มอจาะกไมดา้ 9 ขก1กน9 .อีค่ 0.ค่ีัก นงนก.นนศนัก.กขคกกักึ ักศ1.้อ..ศษศกึ52ใ12ึกากึดษx55ษทษเา ป2งั้า หาห หxน็ท อ้ ม อ้ก5งั้ง ดง าหหx หร มนหข1แนดง่ึ.3อ้ยึ่งม2งมกหีน0ต4ีอ้ 4ี้ม5วัง5นีปขงคกัร.คี้ม.นะศ3นคนี2ก0ึกเ.0กั ปเอษ2 ศปน็ บ5า ึก็นน ขชษ นักอ าาักยศงชศทกึ 2าึกง้ัษงย6ษห.าท03มาช้ังช0ดาหายมย ด 223/3ข อง
5. วโิ ร จ กน.์ ม2ีเ,0งนิ70ฝ ากธน าคาร 2,9 00 บาทขถ. อ2น,0อ7อ5กมา 10. ขขอ้ .ใ2ดxเป1็น0กxา1ร3แยกตัวประกอบของ 260
75% ข อคง.เ2ง,นิ 1ฝ7า0ก ทัง้ หม ด วิโรจน ์ ถอนเงงิน.อ2อ,1ก7ม5า คก. 2x 2x 655x 13
6ก.บ่ี กขกคงคธา......นท6 ข111ธธ2ธ2ธบ .000นอ้ นนน,,ตั0 ค ขกง 1ใธบ บบบ.บบบ7ด7ร... 1 นัต111ตััตัตธใ0า0าาธธธ0บบรน000ทททรรรนนนใตัลใบใใบบบบบบบบบบบจจจระาัตัตตัลัตาาาใลลาลาาทรบ5รทททะรรนนนะะะงขใใใใ0ลจวววบ.บบ1บ.จจจ1110ะนนน�ำ2ล02ลลลำ�ำ�ำ�000น,ะ0บนนน5,ะ0ะ0ะ013120ว0าววว70501น7บ11บ1บบท0นนน505า000เเเาาา1หหห0ท0บ0จ0ททท3210รรรา500าบบบบจียียยีจจนจทเาาหเเเาาาญญญาาาวหหหทนทททนนนรจนรรรวยีววำ�วจยีียยีจจจน1ญนนนน�ำญญญำ�ำ�ำ� วนนนนใ4213นบววววในใใในนนบ1มบบบีค4213เใเเเห่าบหหหใใใใตรบรรบรบบรมียยียีียงเญีคเเเญญญหกหหห่าบัรรรรตียยีียียขรญญญญอ้งกใดับ 1 11 1 21 . .. หกกง8หขคง...5...ร..ร22%.4522ม.xxม5xx.0.ข11ข12ขอ33ข0อxอ0ง0.xงข6ง15.115010430002,,52ตค20ร.0ง2คแกแ0.ลบัล4ะขะ1้อ35ง3ใ0.0ด3คคง0อื .ือข4ขอ้0อ้ ใ0ใดด
10 บาท จานวน 10 เหรยี ญ 1 3 .กข.้อ5ใ ด เ ร ยี งขล.า1ด0บั จ า ก มคา. ก2ไ0ป ห า น อ้ ยงไ.ด3้ถ0ูกต้อง
1 2 .คขก ก8...5.435%43075...6690ข688 อ 652 ง,,, ข5435.031740...7762680ต5763ร ,,,ง ก43 5คับ327....ข8924้อ6711ใ8725ด ง. 400

ง. 61.123, 61.415, 61.041

แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการเพือ่ ยกผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย 19


13. ข้อใดเรียงล�ำดับจากมากไปหานอ้ ยไดถ้ กู ตอ้ ง 21. ฟา้ วิง่ รอบสนาม จำ� นวน 4 รอบ ซ่งึ แตล่ ะรอบมี
ก. 30.685, 31.786, 32.977 ความยาว 400 เมตร รวมแล้วฟ้าใสวิง่ ได้ระยะทาง
ข. 43.666, 43.767, 43.868 กกี่ ิโลเมตร
ค. 57.982, 57.603, 57.212 ก. 1.006 ข. 1.060
ง. 61.123, 61.415, 61.041 ค 1.600 ง. 16.00
14. ข้อใดแสดงค่าประมาณใกล้เคียงทศนิยมสอง 22. รัชนี ต้องการตวงขา้ วสาร จำ� นวน 2 กระสอบควร
ตำ� แหนง่ ไมถ่ กู ตอ้ ง เลอื กใช้หน่วยการตวงข้อใดจงึ จะเหมาะสม
ก. 4.1382 ≈ 4.13 ก. ลติ ร ข. เกวียน
ข. 5.6594 ≈ 5.66 ค. ออนซ์ ง. กโิ ลกรมั
ค. 6.2451 ≈ 6.25 23. กระดานรูปสี่เหล่ียมผืนผ้ามีความกว้าง 7 เมตร
ง. 7.2643 ≈ 7.26 ความยาว 12 เมตร กระดานน้มี ีพื้นทีก่ ตี่ ารางเมตร
15. 59 องศาฟาเรนไฮต์ คิดเป็นกอี่ งศาเซลเซียส ก. 60 ข. 72
ก. 8 ข. 10 ค. 15 ง. 18 ค. 84 ง. 96
16. วนั ดี ขายองุน่ ได้ 450 บาท ซอ้ื น้�ำมนั พชื 27.50 24. พืน้ ห้องหน่งึ เปน็ รปู สีเ่ หลีย่ มผืนผา้ มพี ้ืนที่
บาท จา่ ยค่าไฟฟ้า 85.75 บาท วันดจี ะเหลือเงนิ กีบ่ าท 108 ตารางเมตร ถ้าหอ้ งมีความกว้าง 9 เมตร ห้องน้มี ี
ก. 336.75 ข. 364.25 ความยาวกีเ่ มตร
ค. 391.75 ง. 422.50 ก. 10 ข. 11
17. พอ่ ขายขา้ วได้เงนิ 4,350 บาท ขายไป ค. 12 ง. 13
ในราคากโิ ลกรมั ละ 8.70 บาท พอ่ ขายขา้ วไปกก่ี โิ ลกรมั 25. ถังน�้ำมันทรงส่ีเหล่ียมมุมฉากใบหน่ึงวัดด้านในได้
ก. 870 ข. 500 ยาว 50 เซนตเิ มตร ดา้ นกวา้ ง 30 เซนตเิ มตรและสูง
ค. 435 ง. 350 40 เซนตเิ มตร ใสน่ ำ้� มนั จนเตม็ ถังพอดี ถงั น�ำ้ มนั ใบน้ี
18. วินยั สอบวชิ าคณติ ศาสตรไ์ ด้ 32 คะแนน จนุ ้ำ� มนั ไดก้ ล่ี ติ ร
จากคะแนนเต็ม 50 คะแนน วินัยท�ำคะแนนสอบได้ ก. 60 ข. 80
ร้อยละเทา่ ใด ค. 90 ง. 120
ก. 64 ข. 68 ค. 80 ง. 82 26. ถ่ัวเขยี ว จ�ำนวน 40 ลติ ร คดิ เปน็ กถ่ี ัง
19. เส้ือตัวหน่ึงราคา 450 บาท ต้องการขายให้ไดก้ ำ� ไร ก. 1 ข. 2
20% ต้องขายเสอ้ื ตวั นี้ราคาก่ีบาท ค. 3 ง. 4
ก. 600 ข. 540 27. สมบูรณ์ เดนิ 1 ก้าว เทา่ กบั 55 เซนตเิ มตร ถ้า
ค. 500 ง. 470 สมบูรณเ์ ดนิ 15 ก้าว จะเดินไดป้ ระมาณกเ่ี มตร
20. แดงซ้อื ผา้ ตดั ชดุ ยาว 2 เมตร 15 เซนติเมตร ก. 11 ข. 10
ผ้าผนื น้ยี าวก่เี ซนติเมตร ค. 9 ง. 8
ก. 2.15 ข. 21.5
ค. 215 ง. 2,115

20 แบบฝกึ ทกั ษะทางวชิ าการเพ่อื ยกผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จังหวัดเลย


28. ขอ้ ใดเป็นการนำ� เสนอข้อมูลที่งา่ ยทีส่ ดุ
เม่อื ตอ้ งการแสดงตัวเลข
ก. ตาราง
ข. กราฟเสน้
ค. แผนภูมิแทง่
ง. แผนภูมริ ปู ภาพ
29. ทอดลูกเตา๋ 2 ลกู 1 คร้งั เหตกุ ารณ์ใดไม่เกิดขนึ้
อย่างแนน่ อน
ก. ไดแ้ ต้มรวมกัน 6 แต้ม
ข. ไดแ้ ตม้ รวมกนั 8 แต้ม
ค. ไดแ้ ตม้ รวมกัน 10 แต้ม
ง. ไดแ้ ตม้ รวมกัน 14 แตม้
30. กล่องใบหน่ึงบรรจุเหรยี ญอย่ขู ้างในประกอบ
ไปดว้ ย
เหรยี ญ 1 บาท จำ� นวน 5 เหรียญ
เหรยี ญ 2 บาท จ�ำนวน 8 เหรียญ
เหรียญ 5 บาท จ�ำนวน 6 เหรียญ
เหรยี ญ 10 บาท จ�ำนวน 9 เหรยี ญ
ถ้าสุ่มหยิบมา 1 เหรียญ ความน่าจะเป็นที่จะหยิบได้
เหรียญใดน้อยท่ีสดุ
ก. 1 บาท
ข. 2 บาท
ค. 5 บาท
ง. 10 บาท

แบบฝึกทักษะทางวชิ าการเพ่อื ยกผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จังหวัดเลย 21


สรุปเน้อื หา

รายวิชา วิทยาศาสตร์

พว11001

สาระสำ� คญั
1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เร่ือง ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ วิธกี ารทางวทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และโครงงานวทิ ยาศาสตร์
2. สิ่งมีชวี ติ และสิ่งแวดลอ้ ม ประกอบด้วยสิ่งมีชวี ิต ระบบนิเวศ ทรพั ยากรธรรมชาตสิ ง่ิ แวดลอ้ มและการ
อนุรักษ์ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ
3. สารเพือ่ ชวี ติ สมบัติของสารการแยกสาร สารในชวี ิตประจ�ำวัน การเลือกซอ้ื และการเลอื กใช้ได้อย่าง
ถูกตอ้ งเหมาะสมและปลอดภัย
4. แรงและพลังงานเพือ่ ชีวติ เรือ่ ง การเคลื่อนท่ีของแรง งานและพลงั งานในชีวิตประจ�ำวนั
5. ดาราศาสตรเ์ พือ่ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดวงอาทิตย์โลกและดวงจนั ทร์
ผลการเรียนร้ทู ค่ี าดหวงั
1. ใช้ความรู้และกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการดำ� รงชีวิตได้อยา่ งเหมาะสม
2. จ�ำแนกส่ิงมีชีวิตในแหล่งท่ีอยู่ อธิบายความสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศ ความสัมพันธ์
ระหวา่ งสภาพแวดล้อมกบั การด�ำรงชีวิตของสง่ิ มชี วี ติ ในชมุ ชนและทอ้ งถน่ิ
3.อธิบาย ความหมายประเภท ของทรัพยากรธรรม ชาตกิ ารใชแ้ ละการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
และสง่ิ แวดล้อมในชมุ ชนและท้องถ่ินได้
4.อธิบายเก่ยี วกับปรากฏการณท์ างธรรมชาตแิ ละการพยากรณ์ทางอากาศ
5. อธิบายเก่ียวกับสมบัติของสารการแยกสารสารในชิตประจ�ำวันและการเลือกใช้สารได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสมและปลอดภยั
6. อธบิ ายเกยี่ วกบั ประเภทของแรงผลทเี่ กดิ จากการกระทำ� ของแรงความดนั แรงลอยตวั แรงดงึ ดดู ของโลก
แรงเสยี ดทาน และการน�ำไปใชใ้ นชีวติ ประจ�ำวนั
7. อธบิ ายเกีย่ วกบั พลังงานในชวี ติ ประจ�ำวนั
8. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างดวงอาทิตย์โลกและดวงจันทร์ได้
9. อธิบาย ออกแบบ วางแผน ทดลอง ทดสอบ ปฏิบัติการเรื่องไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
คิด วิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของการต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม แบบขนาน แบบผสม ประยุกต์และ
เลอื กใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะอาชพี ชา่ งไฟฟา้ ใหเ้ หมาะสมกบั ดา้ นบรหิ ารจดั การและการบรกิ ารเพอื่ นำ� ไปสกู่ ารจดั ทำ�
โครงงานวทิ ยาศาสตร์
บทที่ 1 ธรรมชาตขิ องวิทยาศาสตร์
กระบวนการวทิ ยาศาสตร์ (Process of Science) เปน็ กระบวนการทผ่ี เู้ รยี นใชค้ น้ ควา้ หาองคค์ วามรู้ (body
of knowledge) ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ ทกั ษะสำ� คญั ประการหนง่ึ ของกระบวนการวทิ ยาศาสตร์
ท่ีต้องพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักเห็นความส�ำคัญ และมีความช�ำนาญเพ่ือสามารถค้นหา
ความรดู้ ว้ ยตนเองได้ การแสวงหาความรู้ ความเขา้ ใจธรรมชาตขิ องมนษุ ยน์ น้ั จะเกดิ จากการสงั เกตธรรมชาตแิ ละ

22 แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการเพอื่ ยกผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


ปรากฏการณท์ างธรรมชาตแิ ลว้ รวบรวมขอ้ มลู ผา่ นทางประสาทสมั ผสั นำ� ขอ้ มลู ทไ่ี ดไ้ ปจดั จำ� แนกและคดิ พจิ ารณา
เหตแุ ละผล เกดิ เปน็ ความคดิ และความเชอื่ นำ� ความคดิ ความเชอื่ ไปปฏบิ ตั กิ อ่ ใหเ้ กดิ การสงั เกต การรวบรวมขอ้ มลู
และ การคิดเป็นวฎั จักรอยา่ งนีไ้ ปเร่ือยๆ
บทท่ี 2 โครงงานวิทยาศาสตร์
จดุ มงุ่ หมายในการทำ� โครงงานวทิ ยาศาสตร์ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นผทู้ ำ� โครงงานวทิ ยาศาสตร์ มคี ณุ ลกั ษณะและ
ได้พฒั นาสงิ่ ตอ่ ไปน ้ี
1.เปน็ คนใฝ่รู้ ใฝเ่ รยี น เกิดความรักและสนใจในวทิ ยาศาสตร์
2. พฒั นาความสามารถในการใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์แก้ปัญหา
3. ได้ศึกษาค้นควา้ หาความรู้ด้วยตนเองอยา่ งเปน็ ระบบ
4. พัฒนาความคดิ รเิ ร่มิ สร้างสรรค์
5. นักเรียนไดใ้ ช้เวลาว่างให้เกดิ ประโยชน์
6. นักเรียนได้มีโอกาสเสนอผลงานของตนเองดว้ ยความภาคภมู ใิ จ
7. นกั เรียนรูจ้ กั ท�ำงานร่วมกับผ้อู ื่น
8. สามารถน�ำความรู้และประสบการณ์ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวันตลอดทั้งเน้นแนวทางที่จะ
ประยกุ ต์ใชว้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีให้เหมาะสมกบั ทอ้ งถนิ่ ของตนเอง
บทท่ี 3 ส่ิงมีชวี ติ
การเจรญิ เตบิ โตของสตั ว ์ สตั วจ์ ะเรมิ่ มกี ารเจรญิ เตบิ โตเมอื่ เซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศผผู้ สมกบั เซลลส์ บื พนั ธเ์ุ พศ
เมีย แลว้ เจรญิ เป็นตัวออ่ นภายในท้องของเพศเมีย (ในกรณีท่ีสตั ว์มีการปฏสิ นธิภายใน) จนกระท่ังตวั อ่อนฟกั ออก
มาจากไข่ ตวั ออ่ นจะเจรญิ เตบิ โตโดยมกี ารเพมิ่ ขนาดของอวยั วะในรา่ งกาย และมกี ารพฒั นาระบบอวยั วะตา่ งๆ ใน
รา่ งกายใหส้ ามารถทำ� งานไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ ซึ่งการเจริญเตบิ โตของสตั วว์ ดั ไดจ้ ากความสงู และน�้ำหนกั ของ
ร่างกายท่ีเพ่มิ มากขนึ้ ตัวออ่ นนี้จะเจรญิ เติบโตไปเรื่อยๆ จนกระทง่ั มรี ูปรา่ งลักษณะเหมอื นตัวเตม็ วัยทกุ ประการ
และสามารถสืบพนั ธ์เุ พื่อดำ� รงเผ่าพนั ธตุ์ อ่ ไปได้
การเจริญเติบโตบางประเภทของพืช การเจริญเติบโตของต้นไม้จะไม่สม่�ำเสมอทั่วท้ังต้น แต่จะเจริญ
เติบโตในส่วนที่มีเนื้อเย่ือเจริญ (Meristem) ซ่ึงเน้ือเย่ือเจริญน้ันจะพบบริเวณปลายยอดและปลายรากและใน
แคมเบียม (Vascular Cambium) นอกจากน้นั ยังพบบริเวณใกลข้ ้อของพืชใบเล้ยี งเดย่ี ว เนอ้ื เย่ือเจรญิ ของปลาย
ยอดและรากจะเกิดข้นึ ตงั้ แต่ตอนที่เปน็ ต้นอ่อนภายในเมล็ด
บทท่ี 4 ระบบนิเวศ
ระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตต่างๆ กับสภาพแวดล้อมที่อาศัยอยู่ เรียกว่า ระบบนิเวศ
(ecosystem) การรวมกันขนาดใหญ่ของระบบนิเวศหลากหลายระบบเรียกว่า ชีวภาคหรือโลกของสิ่งมีชีวิต
(biosphere) ระบบนเิ วศแบง่ เปน็ 2 ประเภท คอื ระบบนเิ วศธรรมชาตแิ ละระบบนิเวศทม่ี นษุ ย์สรา้ งขน้ึ
บทท่ี 5 ทรพั ยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อมในทอ้ งถ่นิ
ส่งิ แวดล้อม หมายถงึ สงิ่ ตา่ งๆ ทอ่ี ยู่รอบตัวเรา ทัง้ ส่ิงทมี่ ชี ีวติ ส่ิงไมม่ ชี วี ิต เห็นไดด้ ้วยตาเปล่า และไม่
สามารถเหน็ ไดด้ ว้ ยตาเปลา่ รวมทง้ั สง่ิ ทเี่ กดิ ขนึ้ โดยธรรมชาติ และสง่ิ ทมี่ นษุ ยเ์ ปน็ ผสู้ รา้ งขนึ้ หรอื อาจจะกลา่ วไดว้ า่
สิ่งแวดล้อมจะประกอบดว้ ยทรพั ยากรธรรมชาติ และทรพั ยากรท่มี นษุ ย์สรา้ งข้นึ ในช่วงเวลาหน่ึง เพอื่ สนองความ
ต้องการของมนุษยน์ ั่นเอง
สง่ิ แวดล้อมท่ีเกดิ ข้นึ โดยธรรมชาติ ไดแ้ ก่ บรรยากาศ น้ำ� ดิน แร่ธาตุ และสิ่งมีชีวิตทอี่ าศัยอย่บู นโลก
(พชื และสตั ว์) ส่งิ แวดล้อมทีม่ นุษยส์ รา้ งขนึ้ ได้แก่ สาธารณปู การต่างๆ เช่น ถนน เขอ่ื นก้ันน�ำ้ ฯลฯ หรอื ระบบ
ของสถาบนั สงั คมมนษุ ย์ ท่ดี �ำเนนิ ชวี ิตอยู่ ฯลฯ

แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการเพ่ือยกผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย 23


บทที่ 6 ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ
ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ (Natural phenomena) หมายถึง ส่ิงทเ่ี กดิ ขึน้ เองตามธรรมชาติ มนุษย์
ไมไ่ ดเ้ ปน็ ผสู้ รา้ งขน้ึ แตม่ ผี ลกระทบตอ่ ชวี ติ มนษุ ยโ์ ดยตรง เชน่ ฝนตก ฟา้ รอ้ ง ฟา้ ผา่ รงุ้ กนิ นำ�้ กลางวนั กลางคนื
ภาวะโลกร้อน รวมไปถึงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบางอย่างท่ีนานๆครั้งจะปรากฎให้เห็น เช่น สุริยุปราคา
จนั ทรปุ ราคา ฝนดาวตก การเกดิ คลื่นยักษ์ สึนามิ ปรากฏการณ์ธรรมชาติเป็นเรื่องหนึง่ ท่ีเดก็ ควรเรยี นรใู้ นสาระ
ธรรมชาติรอบตัว ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 เพื่อฝึกทักษะการคิดแบบวิทยาศาสตร์
โดยผา่ นกิจกรรมการทดลอง การปฏิบัติจริงจากสถานการณจ์ ริง หรอื สถานการณ์ท่ีสร้างขน้ึ ทั้งภายในห้องเรียน
และขณะอยูก่ ับพอ่ แม่ที่บา้ น
บทที่ 7 สารและสมบตั ิของสาร
- สสาร (matter ) คือ ส่ิงที่มมี วล ต้องการทอ่ี ยแู่ ละสามารถสัมผัสได้ หรอื อาจหมายถงึ สง่ิ ต่างๆที่อยู่รอบ
ตวั เรา มตี ัวตน ตอ้ งการที่อยู่ สมั ผสั ได้ อาจมองเหน็ หรือมองไม่เหน็ ก็ได้ เช่น อากาศ หิน เปน็ ต้น นกั วทิ ยาศาสตร์
เรยี กสสารทรี่ จู้ ักว่า สาร
- สาร (substance ) คอื สสารทศี่ กึ ษาค้นคว้าจนทราบสมบตั แิ ละองค์ประกอบทแี่ น่นอน
- สมบัติของสาร หมายถงึ ลกั ษณะเฉพาะตัวของสาร เชน่ เน้ือสาร สี กลน่ิ รส การน�ำไฟฟ้า การละลาย
น้�ำ จดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลว ความเป็นกรด–เบส เป็นต้น แบ่งสมบตั ขิ องสารออกเป็น 2 ประเภท คือ
1) สมบตั ทิ างกายภาพ หรอื สมบตั ทิ างฟสิ กิ ส์ ( physical properties ) หมายถงึ สมบตั ขิ องสารทส่ี ามารถ
สังเกตไดจ้ ากลกั ษณะภายนอก หรอื จากการทดลองท่ีไมเ่ กีย่ วข้องกบั ปฏกิ ิริยาเคมี เข่น สถานะ เน้ือสาร สี กลิ่น
รส ความหนาแนน่ จุดเดือด จดุ หลอมเหลว การน�ำไฟฟา้ การละลายน้ำ� ความแขง็ ความเหนียว เป็นตน้
2) สมบตั ทิ างเคมี ( chemical properties ) หมายถึง สมบตั ิท่ีเก่ยี วข้องกบั การเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีและ
องค์ประกอบทางเคมขี องสาร เชน่ การตดิ ไฟ การผกุ รอ่ น การท�ำปฏกิ ิรยิ ากับนำ�้ การท�ำปฏกิ ิริยากับกรด – เบส
เป็นตน้
บทที่ 8 การแยกสาร
การแยกสาร หมายถึงการทีแ่ ยกสารทีผ่ สมกันต้งั แต่ 2 ชนิดขึ้นไปออกจากกัน เพอ่ื นำ� สารทไ่ี ดน้ นั้ ไปใช้
ประโยชนต์ ามตอ้ งการ ซึง่ สามารถจ�ำแนกไดค้ อื การแยกสารเน้อื ผสม และการแยกสารเน้ือเดยี ว
สารเนอื้ ผสม หมายถงึ สารทมี่ ลี กั ษณะใหส้ ารไมผ่ สมกลมกลนื กนั เปน็ เนอื้ เดยี วกนั เกดิ จาก สารอยา่ งนอ้ ย
2 ชนดิ ข้ึนไปมาผสมกนั โดยเน้ือสารจะแยกกนั เปน็ สว่ นๆ การแยกสารเนือ้ ผสมอาจใชว้ ธิ กี ารตา่ งๆ เชน่ การกรอง
การใช้กรวยแยก การใช้อ�ำนาจแม่เหล็ก การระเหดิ การระเหยจนแหง้ ซ่ึงเป็นการแยกสารโดยวธิ ีทางกายภาพ
ทัง้ สนิ้ สารท่ีแยกไดจ้ ะมสี มบตั ิเหมอื นเดมิ
1. การกรอง เปน็ วธิ กี ารแยกสารออกจากกนั ระหวา่ งของแขง็ กบั ของเหลว หรอื ใชแ้ ยกสารแขวนลอยออก
จากน้�ำ ซง่ึ ใชก้ นั มากในทางเคมี โดยเฉพาะในหอ้ งปฏบิ ตั ิการท่ีกรองสารในปรมิ าณนอ้ ยๆ การกรองนนั้ จะตอ้ งเท
สารผา่ นกระดาษกรอง อนภุ าคของแข็งทล่ี อดผา่ นรูกระดาษกรองไม่ไดจ้ ะอยู่บนกระดาษกรอง ส่วนน้�ำและสารที่
ละลายนำ�้ ไดจ้ ะผ่านกระดาษกรองลงสภู่ าชนะ
2. การใช้กรวยแยก เป็นวิธีท่ีใช้แยกสารเน้ือผสมท่ีเป็นของเหลว 2 ชนิดที่ไม่ละลายออกจากกัน โดย
ของเหลวทั้งสองน้ันแยกเป็นช้ันเห็นได้ชัดเจน เช่น น้�ำกับน�้ำมัน เป็นต้น การแยกโดยวิธีน้ีจะนำ� ของเหลวใส่ใน
กรวยแยก แล้วไขของเหลวทีอ่ ยใู่ นชัน้ ลา่ งซ่ึงมีความหนาแน่นมากกว่าชนั้ บนออกสู่ภาชนะจนหมด แลว้ จึงคอ่ ยๆ
ไขของเหลวทท่ี ่เี หลอื ใสภ่ าชนะใหม่
3. การใช้อำ� นาจแม่เหลก็ เป็นวธิ ที ่ใี ชแ้ ยกองค์ประกอบของสารเนื้อผสมซงึ่ องค์ประกอบหนึ่งมีสมบัตใิ น

24 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการเพอื่ ยกผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย


การถูกแม่เหล็กดดู ได้ เชน่ ของผสมระหวา่ งผงเหล็กกบั ผงก�ำมะถัน โดยใชแ้ มเ่ หล็กถูไปมาบนแผน่ กระดาษทวี่ าง
ทับของผสมทัง้ สอง แมเ่ หลก็ จะดดู ผงเหล็กแยกออกมา
4. การระเหิด คือ ปรากฏการณ์ท่ีสารเปลี่ยนสถานะจากของแข็งกลายเป็นก๊าซหรือไอโดยไม่เปลี่ยน
สถานะเป็นของเหลวก่อน ใช้แยกสารเน้ือผสมท่ีเป็นของแข็งออกจากกัน โดยของแข็งชนิดหน่ึงมีสมบัติระเหิด
ได้ เชน่ ลูกเหมน็ พมิ เสน น�้ำแข็งแห้ง การบูรกับเกลือแกง เมอ่ื ให้ความรอ้ นการบูรจะกลายเป็นไอแยกออกจาก
เกลือแกง ดักไอของการบรู ดว้ ยภาชนะทเ่ี ย็นจะได้การบรู เปน็ ของแข็งแยกออกมา
5. การใช้มอื หยบิ ออกหรือเขีย่ ออก ใช้แยกของผสมเนือ้ ผสม ทีข่ องผสมมขี นาดโตพอท่จี ะหยิบออกหรอื
เขยี่ ออกได้ เชน่ ข้าวสารทม่ี เี มลด็ ขา้ วเปลือกปนอยู่
6. การตกตะกอน ใชแ้ ยกของผสมเนอ้ื ผสมทเ่ี ปน็ ของแขง็ แขวนลอยอยใู่ นของเหลว ทำ� ไดโ้ ดยนำ� ของผสม
น้นั วางทง้ิ ไวใ้ ห้สารแขวนลอยคอ่ ยๆ ตกตะกอนนอนกน้ ในกรณที ตี่ ะกอนเบามากถา้ ตอ้ งการใหต้ กตะกอนเรว็ ขนึ้
อาจท�ำไดโ้ ดย ใชส้ ารตัวกลางให้อนุภาคของตะกอนมาเกาะ เมื่อมมี วลมากขึ้น นำ้� หนกั จะมากขึน้ จะตกตะกอนได้
เรว็ ขน้ึ เชน่ ใชส้ ารสม้ แกวง่ อนภุ าคของสารสม้ จะทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ ตวั กลางใหโ้ มเลกลุ ของสารทตี่ อ้ งการตกตะกอนมา
เกาะ ตะกอนจะตกเรว็ ข้นึ
บทที่ 9 สารในชีวติ ประจำ� วัน
ในชวี ติ ประจำ� วนั เราจะตอ้ งเกยี่ วขอ้ งกบั สารหลายชนดิ ซง่ึ มสี ารเคมเี ปน็ องคป์ ระกอบ เราสามารถจำ� แนก
เปน็ สารสงั เคราะหแ์ ละสารธรรมชาติ เชน่ สารปรงุ รสอาหาร สารแตง่ สอี าหาร สารทำ� ความสะอาด สารกำ� จดั แมลง
และสารก�ำจดั ศตั รูพืช เปน็ ต้น ในการจำ� แนกสารเคมีนัน้ ใชเ้ กณฑ์ตา่ งๆ ดังต่อไปนี้ สารปรุงแตง่ อาหาร เครอ่ื งดื่ม
สารท�ำความสะอาด สารก�ำจัดแมลง และสารกำ� จัดศตั รพู ืช เครอ่ื งสำ� อาง
บทท่ี 10 แรงและการเคลือ่ นทีข่ องแรง
แรง ในทางฟสิ กิ สค์ ือการกระทำ� จากภายนอกที่ก่อใหเ้ กิดการเปล่ยี นแปลงของระบบทางกายภาพ โดย
แรงเป็นผลมาจากการใช้พลังงาน เช่น คนท่ีจูงสุนัขอยู่ด้วยเชือกล่าม ก็จะได้รับแรงจากเชือกที่มือ ซึ่งท�ำให้เกิด
แรงดึงไปข้างหน้า ถ้าแรงก่อให้เกิดการเปลีย่ นแปลงทางจลนศาสตร์ตามกฎขอ้ ท่สี องของนิวตนั คือ เกิดความเร่ง
ถ้าไมเ่ กดิ การเปล่ียนแปลงทางจลนศาสตร์กอ็ าจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเปล่ยี นแปลงอื่นๆ ไดเ้ ช่นกัน หนว่ ยเอสไอของแรง
คือ นวิ ตัน
บทท่ี 11 พลงั งานในชวี ติ ประจำ� วันและการอนรุ กั ษ์
พลังงานมีความส�ำคัญต่อสรรพส่ิงในโลก เป็นรากฐานส�ำคัญท่ีท�ำให้ชีวิตเจริญเติบโตเคล่ือนไหวท�ำงาน
ได้ ไมม่ ีอะไรในโลกทไี่ ม่เก่ียวข้องกบั พลังงาน ดังน้นั หากขาดพลงั งาน มนุษย์ก็คงตอ้ งเผชิญกบั สถานการณท์ เ่ี ลว
ร้ายอย่างใหญ่หลวง
ก่อการปฏิวัติอุตสาหกรรม พลังงานจากดวงอาทิตย์ พลังงานจากน้�ำและพลังงานจาลมเป็นแหล่ง
พลงั งานท่มี นษุ ยชาตริ จู้ ักนำ� มาใช้ แสงอาทติ ย์ช่วยสร้างอาหารส�ำหรบั พืช แสงอาทติ ย์มีประโยชนต์ ่อมวลมนษุ ย์
อย่างมากมาย ตงั้ แตย่ คุ ก่อนประวัตศิ าสตร์ 5,000 ปที ่ีผ่านมา มนษุ ย์รจู้ กั ใช้เรือทแี่ ลน่ โดยใชพ้ ลังงานลม ต่อมาอกี
2,000 ปี รจู้ กั ใชก้ งั หนั ลม กงั หนั นำ�้ มารจู้ กั หลงั จากนน้ั ถา่ นหนิ กม็ าใชเ้ มอ่ื ไมก่ รี่ อ้ ยปที ผี่ า่ นกมา สว่ นนำ้� มนั และกา๊ ซ
เปน็ พลงั งานทีใ่ ชก้ ันมาเมอ่ื 100 กว่าปมี านี้นับได้ว่าพลงั งานเป็นส่ิงจ�ำเปน็ ของมนษุ ยใ์ นโลกปัจจุบนั และทวีความ
สำ� คัญขึน้ เมอ่ื โลกย่งิ พฒั นามากข้นึ แหลง่ พลังงานเร่ิมคอ่ ยๆ เปลย่ี นไปเปน็ แหลง่ พลงั งานท่ีตอ้ งอาศยั เทคโนโลยี
ในการผลิตมากยิ่งขึ้น จากน้�ำมันปิโตรเลียมไปเป็นพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมเป็นต้น ประเทศไทยมี
แหล่งพลังงานหลายประเภทด้วยกัน แต่อาจจะมีในปริมาณท่ีค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับหลายประเทศ ซึ่งบาง
คร้ังวกิ ฤตการณ์ของโลกทำ� ใหส้ ง่ ผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลย่ี งไมไ่ ด้

แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการเพอื่ ยกผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย 25


บทท่ี 12 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์
ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างโลก ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ส่งผลให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ
มากมาย เช่น ฤดกู าล ขา้ งข้ึนข้างแรม สุริยปุ ราคา จนั ทรุปราคา เป็นตน้
ฤดูกาล เกิดข้นึ จากสาเหตหุ ลัก 2 ประการคือ แกนของโลกเอียงท�ำมมุ กับระนาบของวงโคจร เม่อื โลก
หมุนรอบตัวเองในขณะท่ีโคจรรอบดวงอาทติ ย์ แกนของโลกท่ีเอียงเปน็ มมุ คงที่ตลอดเวลาน้ัน ท�ำใหพ้ ื้นทขี่ องโลก 26
ได้รับแสงจากดวงอาทิตยไ์ ม่เท่ากนั ท�ำใหบ้ รเิ วณต่าง ๆ ของโลก ไดร้ บั ความร้อนไมเ่ ทา่ กนั จงึ ทำ� ให้เกิดฤดูกาล
โคจรรอต บ่าขงโ้าลๆงกขสน้ึแลขสขบั า้งา้กสงงนัแขวไร่า้ึนปมงขใจนา้ าเงเกกวแดดิลรวขมางึ้น 1จ เเกนันปิดทื่อี ขงรจนึ้์ทาเีเ่ นรกาือ่โลมงกอจแงาเกลหโะน็ลดกนวแัน้งลจเนัะปดท็นวรผง์ตลจ่ามนั งาทเปจร็นา์ตกด่ากางาเวปรเคสน็ ระดาทาะว้อหเนค์ โแรลสากะงโขหคอ์ จโงลรดกรวอโงคบอจดารวทรงติออยบา์ดดทา้ วติ นงยทอ์ าส่ีรทับว่ นิตแยดส์งวสงซ่วจนึ่งันหทันร์
มาทางดโลวกงจกนั าทรรทโ์ ี่เครจามรรอองบเหโน็ลกตวั แดสวงงสจวัน่าทงรจ์เาปกลด่ยี วนงจแันปทลงรไท์ ป่เี รในามแอตง่ลเะหค็นืนนัน้เปน็เปเพน็ ผราละมดาวจงาจกันกทารรส์สะะทท้ออ้ นนแแสสงงขขอองงดดววงงออาาททิติตยย์ห์ นั
มาทางดโลา้ กนไทม่ีร่เทับา่แกสันงใซน่งึแหตันล่ มะาคทืนากงโาลรกเกกิดาขร้าทงข่เี รนึ้ าขม้าองงแเหรม็นใตนัวด1วรงอจบันทกรนิ ์เปเวลล่ียานปแรปะมลางณไปใ3น0แวตัน่ละหครืนือ เ1ปน็เดเพือนราะดวงจันทร์
สะสทรุ อ้ิยนุปแรสาคงขาองดเปว็นงอปารทาติกยฏห์กนัารมณาท์ธารงรโมลชกาไตมิทเ่ ท่ีเกา่ กดิ นัในในเวแลตาล่ กะลคานื งวกนั ารขเกณดิ ะขทา้ ี่ดงขวงน้ึ อขาา้ ทงแิตรยม์ ดในวง1จรันอทบร์กแนิ ลเะวลโลากปรโะคมจารณมา
อยู่ในต3า0แหวนั ่งทหี่เรหอื ม1าะเสดมือนโดยทด่ี วงจนั ทร์อยตู่ รงกลางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ เปน็ ผลใหด้ วงจันทร์บงั แสงจากดวง
อาทติ ย ์ ทาใหเ้ กิดสุรเงิยาุปขรอางคดาวงเจปัน็นทปรรท์ าอกดฏไกปาถรงึณโล์ธกรรคมนชทาต่ีอิทยู่บีเกนิดโใลนกเวในลบากริเลวาณงวทันเี่ งาขทณอะดทไปี่ดถวงึ อจาะทมิตอยง์ เดหว็นงทจ้อันงทฟร้า์ มแืดลไะปโลก
ช่ัวขณะโคหจนรง่ึ มเามอ่ือยดู่ใวนงตจ�ำันแทหรนโ์ ค่งทจ่ีเรหอมอากะจสามกบโรดิเยวทรที่ด่ีทวงาจใหัน้เทกรดิ ์อเงยาู่ตบรนงกโลลกางจระทหาวใ่าหง้คโลนกบกรับิเวดณวงนอ้ันาเทหิต็นยแ์ สเงปส็นวผ่าลงจใหาก้ดดวงวจงอันาททริต์ ย์
ตามปกบตังิ แสสรุ ยิงจปุ ารกาดควางเกอิดาขทน้ึิตตยร์ งทก�ำบั ใหวนั้เกแิดรเมงา1ข5องคด่าวหงจรันอื ขทน้ึร์ท1อคด่าไปถแึงบโ่งลอกอกคเนปทน็ ่ีอสยรุู่บิยนปุ โรลากคใานบบารงิเสว่วณนทส่ีเงรุ าิยทุปอรดาไคปาถวึงแจหะวน
และสุรมิยอปุ งรเาหค็นาทเต้อ็มงดฟว้างมืดไปชั่วขณะหนึ่ง เมื่อดวงจันทร์โคจรออกจากบริเวรท่ีท�ำให้เกิดเงาบนโลก จะท�ำให้คนบริเวณ
อดยวง่ตู รจงนั น สขทรุ้า้ันจยิรมเนั ปุหุปกทร็นับรราาแดปุคคสวจราางงันาบบสอคทาาวาางงรท่าสสุปงิตว่จว่ รเยนนาปา์ กคโน็แสดดาปลุรยวิยระงโเาลจุปปอกันการ็นฏทาอทปคกยติรราาู่ตุปยาวรร์ตรกณงงาาฏแกคม์ทหกลาปเ่ี าวกาเกงรนงิดาณตบขมแิน์ทึน้สัวลแีุ่รเเะวกคนิยสลินดวุปรุาขสเริยสก้ึนมาปุน้ลคัยเราวตากางลรเ่อคคกงานาืนเิดกดเเขลตรียขนึ้าม็ียวณงตกดกคะรปวนั ืนทงงรกี่เจาปบัขันกน็ณวฏทวนั กระนัแปุาทจรรร่ีเมนัณปาทค็นน์1าร5วีว้ มเ์ ันา่พคี จ3็ญร�่ำันา ชหหทหนรูอรริดือือ์มเพขจจไ็้นึญดนันั ้แทท1กหรร่คเ์์รจตำ่�ือนั็ม จ ทดแันรวบทปุง่งรรอด์เาตอวคง็มกาจเดเปนัตว็นทม็งร์
แบสบล่งาท,ระทเงุแค่ีรพ1รักดไอบ จ3ลอ่ืฟษนัาวทชตงฟคงทาอทา่จฟจแา้ารางกัี่นัรอลใปุไช1รห,ฟรทะร3ีพทส์มมฟการช่ีอชาคมอ่อ์า้า่ายย่าหารือายงสง(ู่กเซชรถู่ตตอไไง่ับ่อือฟีพือรฟมัง็,ทมกงกอฟดเชฟขคแาี่ฤื่นว้าา่แ้า้ารรซษงงลมบื่อๆม(ไจ:ะอกง�ำฟโนัeรอจัรงคับฟทlวกุงกัุปรeดมรร้าฤงรกcวปักุถสทษtรงษรงึrรี่ออณ:iาส้าcายาคe์งทาiแทaูก่าพยlเ่ีลneิตบบักขน้ืะ)cยาย่ีทอ้ฐกtงเ์ว่ีมาปrาสโแขiนดูลรcว็น่ล้อซยiแไนคaะฟง่อโลnอนแลฟมะช)ุปลทกสแ้า่าะกม่ีอเทงซาปจรีไยอยมี่มนัฟณ็นตู่าเโอีทคฟชคครท์ยรเพีงนา้รเ่ีบู่[ปุกกอง1ททิลรสลี่ยา]ต่ี่ีมาราจวช้อคีอง้าไข่างาบดางอ้งใเพช้รนงไชงับีพฟา้ืนแฝ้ ชมกทฟฐนมี ่าวัาาี่ต้าวืองรนคอเ้ไอทวสฟนไาง่ีเา่ฟน้จสชใฟจชฟตเม่ยีา้้าช้ฝร้ายัวองีย่ีมงทกชใาวเนืออ่า่ีมจดชกญทนไีอียาดาเี่เยวใญรชร้รนก[ู่ยี1่ียตับใ]กันกนวดิกาชปกชตารจ่าราารง้ัเนังาดรญวอไกทเนิา่ฟุปดใฏรจนสกฟินุปก้าากรส้าางรยณาอใราาไรนณยาคฟไ์ เกจฟไดาน์ฟฟเามฟินชว้ีา้รเีา่า้สี่ยรขต3ใือราวอดิหายช,ชงตมหไาอเน้งัฟค่อูญาอิดหรมฟคใุปร่อื จนาไ้าือกงดนัรขกบกร,้แทอาณาินกสรรงร์า์่ ย
เดินสายไฟเรือ, เครอ่ื งบนิ และแพลตฟอรม์ มือถอื อืน่ ๆ รวมถงึ สายข้อมลู และสายเคเบิล

คิวอาร์โค้ดใบความรู้
วทิ ยาศาสตร์ (พว11001) ระดบั ประถมศึกษา

26 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการเพ่อื ยกผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


แบบทดสอบ รายวิชาวิทยาศาสตร์ พว11001

จงเลือกค�ำตอบทีถ่ ูกต้องเพียงข้อเดยี ว

1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตรใ์ นขนั้ ตอนระบปุ ญั หา 7. ข้อใดเป็นปัจจัยส�ำคัญท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโต
ต้องใชท้ ักษะทางวิทยาศาสตรข์ อ้ ใดมากที่สุด ของสตั ว์
ก. การวัด ข. การสังเกต ก. อาหาร
ค. การทดลอง ง. การพยากรณ์ ข. อุณหภมู ิ
2. ในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ ท่านจะใช้อุปกรณ์ ค.ความช้ืน
ใดในการหาน�ำ้ หนักของสารท่ีมีความเหมาะสมทส่ี ุด ง.ทอี่ ยอู่ าศยั
ก. บีกเกอร์ 8.สุภาพ ควรเลือกใช้วิธีการขยายพันธุ์โคนมในข้อใด
ข. ขวดรูปชมพู่ เหมาะสมที่สดุ
ค. กระบอกตวง ก. การโคลนนิง่
ง. เครอื่ งชง่ั ไฟฟา้ ข. การผสมเทยี ม
3. การสัมภาษณ์ภูมิปัญญาท้องถ่ินจัดเป็นโครงงาน ค.การถา่ ยฝากตัวออ่ น
วทิ ยาศาสตร์ประเภทใด ง. การปลอ่ ยให้ผสมพนั ธุ์ตามธรรมชาติ
ก. ส�ำรวจ ข.ทฤษฎี 9. ข้อใดเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับส่ิง
ค. ทดลอง ง. สง่ิ ประดษิ ฐ์ แวดลอ้ ม
4.กลมุ่ สตั วท์ ผ่ี วิ หนงั มตี อ่ มเมอื ก เปยี กชตื้ ลอดเวลาไมม่ ี ก. แบคทีเรียในปมรากพืชตระกลู ถวั่
เกลด็ และ ไมม่ ขี น สามารถดำ� รงชวี ติ ไดท้ ง้ั บนบกและใน ข. ต้นกาฝากเกาะบนตน้ ไม้ใหญ่
นำ้� คือสตั วใ์ นข้อใด ค. การหุบบานของดอกบัว
ก. องึ่ อา่ ง ปู พะยนู ง. ผงึ้ กับดอกไม้
ข. โลมา วาฬ คางคก 10. ขอ้ ใดเปน็ การปรบั ตัวของพืชทอี่ ยใู่ นส่งิ แวดลอ้ มท่ี
ค. ปลาไหล กุ้ง หอยกาบ มนี �ำ้ จำ� นวนจ�ำกัด
ง. กบ เขยี ด ซาลาแมนเดอร์ ก. ใบมีขน
5. แสงมสี ว่ นช่วยในการเจรญิ เตบิ โตของพืชอยา่ งไร ข. ลำ� ต้นสูง
ก. ใช้กระบวนการสร้างอาหาร ค. เปลีย่ นใบเป็นหนาม
ข. ช่วยรบั ออกซเิ จนส�ำหรบั หายใจ ง. ล�ำต้นมีขนาดเลก็ และสูง
ค. เพิ่มอุณหภมู ิให้ลำ� เลยี งอาหารไดด้ ีขึ้น 11. ข้อใดจดั เป็นทรพั ยากรธรรมชาติทใ่ี ช้แล้ว หมดไป
ง. ชว่ ยใหแ้ รธ่ าตใุ นดนิ ละลายเพอื่ ใหพ้ ชื นำ� ไปใชไ้ ด้ ก. แสงแดด ข. แร่ธาตุ
6. โครงสร้างใดของสัตว์เลือดอุ่นช่วยให้สามารถด�ำรง ค. ลม ง. นำ้�
ชีวิตอยใู่ นเขตหนาวได้ 12. บุคคลใดใช้ทรัพยากรป่าไม้ โดยค�ำนึงถึงสภาพ
ก. มใี บหขู นาดเลก็ แวดล้อมมากทส่ี ุด
ข. ก้านของเสน้ ขนกลวง ก. มานพ ตดั ตน้ ไมข้ นาดใหญ่
ค. มีชัน้ ไขมนั ใตผ้ ิวหนงั หนา ข. อ�ำพล ตดั เฉพาะต้นไมท้ ม่ี ขี นาดเล็ก
ง.มมี ัดกล้ามเนอ้ื ใหญแ่ ละหนา ค. วีระ ตดั ต้นไม้ขนาดใหญแ่ ละปลกู ทดแทน
ง. เดชา ตัดต้นไมท้ ุกขนาดและปลูกขนาดเล็ก ๆ

แบบฝึกทักษะทางวชิ าการเพอ่ื ยกผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย 27


13. แนวทางการรักษาสภาพแวดล้อมในชมุ ชน ข้อใด 20. ข้อใดคือวิธีการทางกายภาพในการแยกสารผสม
เหมาะสมท่ีสดุ ทีเ่ ปน็ ของแข็ง
ก. ไม่ใชน้ �ำ้ ในแมน่ ้ำ� ล�ำคลอง ก. การควบแน่น
ข. ไมท่ งิ้ ขยะในแม่นำ้� ล�ำคลอง ข. การตกผลกึ
ค. ไม่เลยี้ งสตั ว์ในสวนสาธารณะ ค. การระเหดิ
ง. ไม่ปลกู ต้นยคู าลปิ ตัสบริเวณคันนา ง. การร่อน
14. ข้อใดเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ ์ 21. ถ้าต้องการแยกผงถ่านออกจากน�้ำเกลือควรใช้วิธี
“น้ำ� คา้ งแข็ง” โดยตรง การขอ้ ใด
ก. สรา้ งความเสียหายต่อพชื ไรแ่ ละผักต่าง ๆ ก. การกรอง ข. การระเหดิ
ข. เกิดผลเสียหายต่อการเลย้ี งสัตว์ ค. การละลาย ง. การตกผลึก
ค. เป็นอปุ สรรคในการคมนาคม 22. สารในข้อใดมีสมบตั เิ ปน็ กรด
ง. สัตว์ป่าไม่มีทอ่ี ยูอ่ าศัย ก. น้�ำเกลือ น้�ำดืม่
15. ลักษณะอากาศแบบใด มีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้า ข. น้ำ� ยาลา้ งจาน นำ้� ขเี้ ถา้
คะนองมากทส่ี ดุ ค. น้ำ� สม้ สายชู ยาสระผม
ก. ความชื้นตำ�่ อณุ หภูมิต่ำ� ง. นำ�้ ยาล้างหอ้ งนำ้� น้ำ� มะนาว
ข. ความชน้ื ต�ำ่ อุณหภูมสิ งู 23. สารเข้าสรู่ ่างกายวธิ ีการใดแลว้ มีอันตรายมากทส่ี ุด
ค. ความช้นื สูง อุณหภูมติ ่�ำ ก. การกนิ
ง. ความชืน้ สงู อณุ หภมู สิ งู ข. การหายใจ
16. ขอ้ ใดเปน็ สมบตั ทิ างเคมีของสาร ค. การไดก้ ล่นิ
ก. ขนมมรี สหวาน ง. การดดู ซึมผา่ นผวิ หนัง
ข. ดอกไมม้ สี ีสวย 24. เมอื่ ตอ้ งการกำ� จดั ยงุ ในหอ้ งนงั่ เลน่ โดยใชส้ ารกำ� จดั
ค. นำ�้ หอมมกี ลน่ิ หอม ยงุ แบบสเปรย์ ควรท�ำอย่างไร
ง. เหล็กสมั ผัสกับน้ำ� และอากาศจะเกดิ สนิม ก. ฉีดพ่นในขณะท่ที ุกคนนงั่ ดทู ีวี
17. พลาสติกมสี ถานะตามข้อใด ข. ฉดี พ่นในขณะที่เปดิ เคร่ืองปรบั อากาศ
ก. ก๊าซ ข. ของไหล ค. เปิดหน้าต่างใหห้ มดแล้วฉีดพ่นให้ทว่ั หอ้ ง
ค.ของแขง็ ง. ของเหลว ง. ฉดี พน่ ตอนทสี่ มาชกิ ในบา้ นไมอ่ ยแู่ ลว้ ปดิ หอ้ งไว้
18. ปจั จัยใดมผี ลตอ่ การควบแนน่ ในการทำ� 25. เกษตรกรประสบปญั หาเพลยี้ แปง้ ระบาดในแปลง
ฝนหลวง คะนา้ จงึ พน่ สารเคมที ม่ี ฤี ทธเ์ิ ฉยี บพลนั กำ� จดั เพลยี้ และ
ก. แสงแดด ตดั จำ� หนา่ ยหลงั จากฉดี พน่ ยา1 วนั เกษตรกรปฏบิ ตั ถิ กู
ข. ทอ้ งฟ้า ต้องหรอื ไม่เพราะเหตุใด
ค. ปรมิ าณหมอก ก. ถูกต้อง เพราะใบคะนา้ จะปราศจากเพลย้ี
ง. ปรมิ าณความชนื้ สัมพัทธ์ ข. ถกู ตอ้ ง เพราะตอ้ งคมุ เพล้ยี ไม่ให้ระบาดไป
19. การใช้สารส้มแกว่งในน�้ำเพื่อแยกสารแขวนลอย แปลงอ่ืน
เป็นการแยกสารดว้ ยวธิ ีใด ค. ไมถ่ ูกตอ้ ง เพราะมีสารเคมีตกคา้ งในคะนา้
ก. การระเหย ข. การควบแน่น ง. ไมถ่ กู ตอ้ ง เพราะสารเคมมี ฤี ทธเ์ิ ฉยี บพลนั ทำ� ให้
ค. การตกตะกอน ง. การกลนั่ ล�ำดับส่วน คะน้าเฉาตายได้

28 แบบฝึกทักษะทางวิชาการเพอ่ื ยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จังหวดั เลย


26. ใบไมร้ ่วงลงบนพ้นื ดนิ เป็นผลของแรงข้อใด
ก. แรงดงึ ดดู ของโลก
ข. แรงเสียดทาน
ค. แรงลอยตัว
ง. แรงดนั
27. วิชยั ตอ้ งการย้ายตบู้ นพ้นื เรียบ จะทำ� อยา่ งไรใหต้ ู้
เคลือ่ นยา้ ยได้งา่ ยทีส่ ดุ
ก. ใชแ้ ผ่นยางรองฐานตู้
ข. ใชก้ ้อนหินรองฐานตู้
ค. ใช้ดนิ น้�ำมนั รองฐานตู้
ง. ใชแ้ ผน่ พลาสตกิ รองฐานตู้
28. วธิ ีการในขอ้ ใดช่วยประหยัดนำ้� มัน
ก. ออกรถดว้ ยความเร็ว
ข. อนุ่ เครอื่ งรถทกุ คร้งั ก่อนวิง่
ค. ขบั รถโดยใช้เกียร์ต�ำ่ ๆ เท่านัน้
ง. ดบั เคร่ืองทกุ ครง้ั เม่อื ตอ้ งจอดรถนาน ๆ
29. ปรากฏการณ์รุ้งกินนำ�้ ทีม่ องเห็นเปน็ สีต่าง ๆ เปน็
สมบตั ิ ข้อใดของแสง
ก. การกระจายแสง
ข. การดูดกลืนแสง
ค. การสะท้อนแสง
ง. การหักเหแสง
30. ปรากฏการณ์ดวงจนั ทร์บงั ดวงอาทิตย์คอื ข้อใด
ก. ข้างขน้ึ
ข. ขา้ งแรม
ค. สรุ ิยุปราคา
ง. จนั ทรุปราคา

แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการเพอ่ื ยกผลสัมฤทธิท์ างการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย 29


สรุปเนื้อหา

รายวชิ า ชอ่ งทางการเขา้ สู่อาชีพ

อช11001

บทที่ 1 การงานอาชีพ
อาชพี หมายถงึ การประกอบอาชพี ที่สุจริต ทำ� ให้เกิดรายไดห้ รอื คา่ ตอบแทนโดยใช้แรงงานความรู้ ทักษะ
ไม่สง่ ผลกระทบเสียหายตอ่ ชุมชน สงั คมและประเทศชาติ
การประกอบอาชีพเพ่ือชุมชน หมายถึง การประกอบอาชีพท�ำให้ประชาชนในชุมชนสังคมใช้เวลาเพ่ือ
ประกอบอาชพี สรา้ งอาชพี ส่งผลใหช้ ุมชนมคี วามเข้มแข็ง
การสรา้ งอาชีพทีข่ าดแคลนในทอ้ งถนิ่ หมายถงึ เปน็ การสรา้ งอาชพี ใหม่โดยอาศยั ขอ้ มลู ในท้องถิ่น เช่น
อาชพี รบั ซอ่ มมอเตอรไ์ ซค์ ช่างซ่อมโทรศัพทม์ อื ถือ
การประกอบอาชพี หมายถงึ อาชพี ท่หี ลากหลายและทกุ คนต้องมีอาชพี เพอ่ื ให้มีรายได้เลย้ี งตนเองและ
ครอบครวั แบง่ ลักษณะงานอาชพี ออกเป็น 5 กลุม่ อาชีพ ไดแ้ ก่ เกษตรกรรม พาณิชกรรม อุตสาหกรรม อาชพี
ดา้ นความคดิ สรา้ งสรรค์ อาชีพด้านอ�ำนวยการและอาชีพเฉพาะทาง
การวางแผน หมายถงึ การกำ� หนดแนวทางวา่ จะทำ� อะไร เมอ่ื ใด อยา่ งไร โดยใชท้ รพั ยากรตา่ งๆขององคก์ ร
การจดั การการตลาด หมายถงึ การจดั การการตลาดใหเ้ หมาะสมกบั การดำ� เนนิ ธรุ กจิ ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งศกึ ษา
เร่อื ง พฤตกิ รรมผู้บริโภค และ สถานการณท์ างตลาด
การขนสง่ หมายถงึ การเคลอ่ื นยา้ ยบคุ คล สง่ิ มชี วี ติ หรอื สงิ่ ของโดยอาศยั อปุ กรณใ์ นการขนสง่ ตามตอ้ งการ
ซ่ึงจ�ำแนกได้ 5 ประเภท การขนส่งทางน�้ำ การขนสง่ ทางบก การขนสง่ ทางอากาศ การขนส่งทางท่อ การขนสง่
ระบบคอนเทนเนอร์
กลุม่ อาชพี อุตสาหกรรม ประกอบดว้ ย ช่างไฟฟ้า ชา่ งไม้ ช่างยนต์ เป็นต้น
กลมุ่ อาชีพความคิดสร้างสรรค์ ประกอบดว้ ย แฟชั่นเสือ้ ผา้ เครอื่ งส�ำอาง สปาสมนุ ไพร การออกแบบสื่อ
เป็นต้น
บทที่ 2 ช่องทางการเข้าสอู่ าชีพ
การเขา้ สอู่ าชพี หมายถงึ ผจู้ ะเขา้ สอู่ าชพี ตอ้ งเขา้ ใจในปจั จยั การดำ� เนนิ งานอาชพี ซงึ่ ประกอบดว้ ย การลงทนุ
การตลาด กระบวนการผลติ การขนส่ง การบรรจุหบี ห่อ การแปรรูป ผลกระทบตอ่ ชุมชนและสภาพแวดลอ้ ม
การลงทนุ หมายถึง เป็นการออมเพือ่ ใหไ้ ดร้ ับผลตอบแทนที่มากขึน้
การตลาด หมายถึง กิจกรรมทางธรุ กิจทจ่ี ะทำ� ให้สินค้าจากผู้ผลิตไปสมู่ อื ผ้บู ริโภค
การขาย หมายถึง กระบวนการในการช่วยเหลอื โนม้ น้าว ชักจูงใจ เพอื่ ให้ลูกค้าคาดหวังตัดสนิ ใจซ้ือสินค้า
หรือบรกิ ารนนั้ ๆ
การจัดการด้านตลาด หมายถึง การวิเคราะห์ การวางแผน การปฏิบัติงานและการควบคุม การด�ำเนิน
งานการตลาดจากผู้ผลิตถงึ ผ้บู ริโภค โดยมปี ระโยชนจ์ ากการแลกเปล่ียนสินคา้
การขนส่งสินค้า ประกอบด้วย 3 ช่องทาง การขนส่งทางบก การขนส่งทางเรือ การขนส่งทางอากาศ
การขนสง่ ทางบก ประกอบดว้ ยทางรถยนต์ รถไฟ การขนสง่ ทางบกโดยรถยนต์ เหมาะสำ� หรบั การขนสง่ ทีร่ วดเรว็
การขนสง่ ทางเรอื มคี า่ ใชจ้ า่ ยตำ่� แตล่ า่ ชา้ เหมาะกบั การขนสง่ สนิ คา้ ทมี่ ปี รมิ าณและนำ้� หนกั มากๆ เชน่ เครอ่ื งจกั รกล
รถยนต์ ส่วนใหญส่ ง่ สินคา้ ไปขายต่างประเทศ

30 แบบฝึกทักษะทางวชิ าการเพอื่ ยกผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


การขนส่งทางอากาศ มีความรวดเร็ว แต่เสียค่าใช้จ่ายสูงมาก เหมาะส�ำหรับการขนส่งสินค้าขนาดเล็ก
น�้ำหนักเบา
การบรรจหุ ีบหอ่ การบรรจุหบี ห่อทดี่ ี ท�ำให้สามารถเก็บรกั ษาได้งา่ ย ประหยดั เนื้อท่ี และท�ำให้ผูบ้ ริโภค
มองเห็นความแตกต่างของสนิ ค้าได้ชัดเจน
การแปรรูป หมายถึง การน�ำผลผลิตทางการเกษตรซ่ึงมีอยู่ในรูปวัตถุดิบมาผ่านกระบวนการด้าน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีเพ่ือการแปรสภาพ ให้ไดผ้ ลผลิตทส่ี ามารถบริโภค มอี ายกุ ารเก็บยืนยาว
ผลกระทบตอ่ ชมุ ชน และสภาพแวดลอ้ ม หมายถงึ ผลทเี่ กดิ จากการกระทำ� ทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ ทง้ั ผลดหี รอื ผลเสยี
ตอ่ ธุรกิจ กไิ ดแ้ ละผลกระทบทเี่ กดิ จากสภาพแวดล้อม จะส่งผลตอ่ การการดำ� รงชีวติ ของผคู้ นโดยรอบ
การตัดสนิ ใจเลอื กอาชีพ มขี อ้ มลู 3 ดา้ น ข้อมลู การตดั สนิ ใจ ความถนดั เจตคตทิ ่ดี ีต่องานอาชพี
ลกั ษณะแผนทดี่ ี ประกอบดว้ ย วตั ถปุ ระสงค์ รายละเอยี ดครอบคลมุ มคี วามยดึ หยนุ่ มรี ะยะเวลาทแี่ นน่ อน ใชข้ อ้ มลู
บทท่ี 3 การตดั สนิ ใจเลือกอาชีพ

การตดั สินใจเลือกอาชพี ให้เหมาะสมและประสบความส�ำเรจ็ ในอาชีพ 5 ด้าน ได้แก่
1. ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแตล่ ะพนื้ ที่ เช่น ปา่ ไม้ แมน่ ้ำ� ลำ� คลอง อากาศ เป็นต้น
2. ศกั ยภาพของพน้ื ท่ีตามลกั ษณะภมู อิ ากาศ เช่น การปลูกพืชทม่ี ีลกั ษณะเฉพาะของพน้ื ท่ี
3. ศักยภาพของภูมิประเทศและทำ� เลท่ีต้งั ของแตพ่ ้ืนที่ เชน่ พ้ืนทเี่ ปน็ ภเู ขา เป็นท่รี าบสูง ท่ีราบล่มุ แม่นำ�้
4. ศักยภาพของศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตของแตล่ ะพน้ื ท่ี เช่น ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี
และวถิ ชี วี ติ ในทอ้ งถ่นิ หรอื ชุมชนนัน้
5. ศักยภาพของทรัพยากรมนษุ ยใ์ นแตล่ ะพน้ื ท่ี ไดแ้ ก่ ภูมปิ ญั ญาชาวบา้ น หรือ ปราชญช์ าวบา้ นเป็นตน้
การตัดสนิ ใจเลือกอาชีพ ควรศึกษาข้อมูล 3 ด้านดงั นี้ ดา้ นตนเอง ด้านวิชาการ ด้านสงั คมสภาพแวดลอ้ ม
ตลาด หมายถึง การเตรยี มตลาดรองรบั สินคา้
ความพรอ้ มของปัจจัยการผลติ ได้แก่ เงินทุน แรงงาน วัสดุ อปุ กรณ์ วตั ถุดิบ
หมายเหตุ ใหน้ กั ศกึ ษา ศึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สือเรียนรายวชิ าชอ่ งทางการเข้าสอู่ าชพี อช11001

แบบฝึกทกั ษะทางวิชาการเพอื่ ยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564 กศน.จังหวัดเลย 31


แบบทดสอบ รายวิชาชอ่ งทางการเขา้ สอู่ าชพี อช11001

จงเลอื กคำ� ตอบทถี่ กู ต้องเพียงข้อเดยี ว

1. ข้อใดอธิบายความหมายของอาชีพได้ถกู ตอ้ งทส่ี ดุ 7. อาชพี ใดจดั อยใู่ นกลมุ่ อาชพี ดา้ นการอำ� นวยการและ
ก. การท�ำงานหลายๆงาน โดยมผี ลงาน อาชีพเฉพาะทาง
ข. การประกอบอาชพี ทสี่ จุ รติ และไมส่ ง่ ผลกระทบ ก. ธรุ กจิ บริการการท่องเที่ยว
ตอ่ ชมุ ชน ข. ชา่ งเสริมสวย
ค. การทำ� งานในสง่ิ ทตี่ นถนดั
ง. การท�ำงานตามท่เี รยี นมา ค. แกะสลัก
ง. การผลติ เซรามิก
2. การประกอบอาชพี มคี วามส�ำคัญต่อชมุ ชนอยา่ งไร 8. ข้อใดไมเ่ ป็นกลมุ่ อาชีพด้านความคิดสรา้ งสรรค์
ก. ทำ� ให้เกดิ รายได ้ ก. สปาสมนุ ไพร
ข. สงั คมดีขนึ้
ค. ความเจริญมีมากขึ้น ข. เครื่องส�ำอาง
ง. ชุมชนมคี วามเข้มแขง็ ค. การออกแบบสือ่
3. อาชีพใดที่เกิดจากการสร้างอาชีพที่ขาดแคลนใน ง. ช่างไม ้
ท้องถ่นิ 9. ขอ้ ใดเป็นปจั จยั ในการจดั การอาชพี
ก. ช่างซอ่ มโทรศัพท์ ก. คน เงิน วสั ดอุ ปุ กรณ์ วิธีการ
ข. ประมง ข. เงนิ คน วสั ดอุ ุปกรณ์ ตลาด
ค. การขายของช�ำ ค. วิธีการ คน เงิน
ง. ช่างเสรมิ สวย ง. คน ตลาด อาชพี วธิ ีการ
4. การทำ� เกษตรผสมผสาน จัดอยใู่ นกลมุ่ อาชพี ใด 10. ขอ้ ใดไม่ใช่องคป์ ระกอบส�ำคญั ด้านการตัดสนิ ใจ
ก. พาณิชกรรม ก. ข้อมูลเกย่ี วกับตนเอง
ข. อตุ สาหกรรม ข. ความถนดั
ค. อาชีพเฉพาะทาง ค. การวางแผน
ง. เกษตรกรรม ง. เจตคติทดี่ ีต่องานอาชพี
5. ผู้ประกอบอาชีพพาณชิ กรรมตอ้ งการลดต้นทนุ ใน 11. ทวปี ใดสามารถปลกู พชื ทางการเกษตรไดเ้ ชน่ เดยี ว
การประกอบอาชพี ควรท�ำอย่างไร ประเทศไทย
ก. อเมรกิ าเหนือ
ก. การขายผ่านสอ่ื อิเลก็ ทอนกิ ส ์ ข. แอฟรกิ า
ข. ใชว้ ัตถดุ ิบคณุ ภาพ
ค. จา้ งพนกั งานขาย ค. ออสเตรเลีย
ง. ยโุ รป
ง. เช่าพืน้ ทีห่ ้างร้าน
6. อาชพี ใดจดั อย่ใู นกล่มุ อาชีพอุตสาหกรรม 12. ขอ้ ใดไมใ่ ชล่ กั ษณะของแผนทด่ี ี
ก. ชา่ งยนต์ ก. มีวัตถุประสงค์
ข. เซรามกิ
ค. ธรุ กจิ บรกิ ารสุขภาพ ข. มคี วามยดึ หย่นุ
ค. มกี ารตัดสินใจ
ง. ชา่ งท�ำทอง ง. มีระยะเวลาด�ำเนินการที่แน่นอน

32 แบบฝึกทกั ษะทางวิชาการเพอ่ื ยกผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย


13. บุคคลในขอ้ ใดสามารถบอกหลักพิจารณาเลอื ก 19. มานะ คัดเลือกมังคุดที่เน่าเสียออกจากกองใหญ่
เครอ่ื งใช้ส�ำนักงานไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง
ก. อรสิ าเลือกความเหมาะสมกับลกั ษณะ ทจ่ี ะขายให้ ลกู ค้า แสดงวา่ มานะ มีคณุ ธรรมดา้ นใด

การทำ� งาน ก. ความซื่อสตั ย์

ข. ญาดาดูแลเครอ่ื งใช้สำ� นกั งานเป็นอย่างดี ข. ความสะอาด

ค. ความขยนั
ค. นชิ าตรวจสอบการติดต้งั เคร่อื งใช้ส�ำงานเสมอ ง. ความรบั ผิดชอบ
ง. มานคี อยควบคุมดแู ลการใช้งาน
14. ขอ้ ใดมีความเสีย่ งตำ�่ ในการลงทนุ 20. บุคคลใดเลือกใช้พลังงานทดแทนไดถ้ ูกตอ้ ง

ก. การซ้อื ขายท่ีดนิ ก. มนตรี ใช้แผลงโซลา่ เซลล์ในการผลิตกระแส

ข. การกู้ยมื เงนิ ธนาคาร ไฟฟา้

ค. การซอ้ื สลากกนิ แบง่ รฐั บาล ข. นิดา ใช้นำ้� มันพืชในการท�ำกบั ข้าว

ง. การซอื้ พนั ธบัตรธนาคาร ค. มาลี ใชน้ ้�ำมันมะพรา้ วนวดตัว

15. ข้อใดคอื ความหมายการจดั การตลาด ง. บันลอื ใชน้ ้�ำมนั เบนซลิ เติมรถไถ
ก. การวเิ คราะห์ การวางแผน การปฎบิ กั ารควบคมุ
ข. การควบคมุ การวางแผน การตลาด 21. การเลอื กประกอบอาชพี ท่ไี ม่ถนดั จะส่งผลอยา่ งไร
ค. การวิเคราะห์ การแลกเปล่ยี น การเกบ็ รักษา ก. รายไดป้ ระจ�ำลดลง
ง. การวเิ คราะห์ การปฎบิ ตั ิงาน การเก็บรักษา ข. เพื่อนรว่ มงานไมช่ อบ
16. บคุ คลในขอ้ ใดประกอบอาชพี ในรปู แบบใดทม่ี กี าร ค. บรรยากาศทำ� งานเสยี
ลงทนุ นอ้ ยที่สดุ ง. มีโอกาสประสบผลส�ำเรจ็ ในอาชีพนอ้ ย
ก. ศรรามมีซุปเปอรส์ โตร์ 22. สุชาติ ต้องการขนส่งขนมสายไหมจากจังหวัด
ข. พะยอมขายของออนไลน์ อยุธยาไปยังจงั หวัดตา่ งๆทว่ั ประเทศ
ค. สมหมายขายเฟรนไชส์ ก. ทางรถยนต์ และทางรถไฟ
ง. ณดามหี ้างสรรพสินคา้ ข. ทางเรอื และทางรถไฟ
17. ปราณี เอาใจใสใ่ นการท�ำงาน ตรงกับ ค. ทางอากาศ และทางรถไฟ
คณุ ธรรมในการ ประกอบอาชพี ขอ้ ใด ง. ทางเรอื และทางรถยนต์
ก. ความซ่อื สัตย์ 23. บริษัทรถยนต์ต้องการส่งสินค้าจ�ำนวนมากไป
ข. ความรบั ผิดชอบ ประเทศจีน ควรเลือกวธิ กี ารขนสง่ ทางใด
ค. ความขยนั ก. ทางรถไฟ
ง. ความประณตี ข. ทางเครอื่ งบิน
18. หากนกั เรียนประกอบอาชีพการบรกิ ารควรปฎิบัติ ค. ทางเรือ
ตามบุคลใด ง. ทางรถยนต์
24. ผลไมช้ นดิ ใดทน่ี ิยมน�ำมาแปรรปู มากท่ีสุด

ก. สมชายขายของเกนิ ราคา ก. มะขาม กล้วย

ข. วนิดา ยม้ิ แย้มแจ่มใส พดู จาไพเราะ ข. มะเฟอื ง มะไฟ

ค. มานะ เล่นโทรศัพท์ตลอดเวลา ค. น้อยหนา่ ชมพู่

ง. ประชาจำ� หนา่ ยสินคา้ คณุ ภาพหมดอายุ ง. ละมดุ มงั คุด

แบบฝกึ ทักษะทางวิชาการเพื่อยกผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จังหวัดเลย 33


25. ขอ้ ใดคือแนวทางการเลือกอาชีพ
ก. ความสนใจ ความถนดั
ข. ระยะเวลา
ค. เงนิ ทนุ
ง. ความต้องการของเพ่ือน
26. ขอ้ ใดเปน็ ขอ้ มลู ทส่ี ำ� คญั เกย่ี วกบั การประกอบอาชพี
ในชมุ ชน
ก. การขนสง่
ข. การตลาด
ค. ความทนั สมยั
ง. การบรรจุภณั ฑ์
27. ขอ้ มูลในข้อใดท่ใี ชใ้ นการประกอบอาชีพ
ก. การลดความเส่ียงในการประกอบอาชพี
ข. วสิ ยั ทศั นใ์ นการประกอบอาชีพ
ค. การจัดการผลิต การจดั การตลาด
และผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ ม
ง. กระบวนการผลติ กระบวนการตลาด
28. สมปอง ตอ้ งการปลูกไรช่ า ควรเลอื กลกั ษณะภูมิ
ประเทศแบบใดจงึ เหมาะสมทสี่ ุด
ก. มแี ม่นำ�้ ไหลผา่ น
ข. เป็นทรี่ าบลมุ่
ค. อากาศร้อนช้ืน
ง. ภูเขาสงู อากาศดี
29. บุคลใดประกอบอาชพี ไม่สัมพนั ธ์กบั พน้ื ที่
ก. มานะ อยพู่ ิษณุโลกแปรรปู อาหารทะเล
ข. สุทิน ระยองทำ� สวนทุเรียน
ค. นานา อยแู่ ม่ฮ่องสอนปลูกสตรอวเ์ บอรร์ ่ี
ง. ยุพา อยู่ภูเก็ตประกอบธุรกจิ โรงแรม
30. หากนักเรียนมีภูมิล�ำเนาอยู่ใกล้ทะเลควรเลือก
ประกอบอาชพี ใดมากทส่ี ุด
ก. รับจา้ งท่วั ไป
ข. ประมง
ค. ท�ำนา
ง. ท�ำสวน

34 แบบฝึกทกั ษะทางวิชาการเพอ่ื ยกผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


สรปุ เนื้อหา

รายวิชา ทักษะการประกอบอาชีพ

อช11002

บทท่ี 1 ทกั ษะการเขา้ สอู่ าชีพ
ความจำ� เป็นในการฝกึ ทกั ษะอาชีพ กระบวนการผลิต กระบวนการตลาด ทีใ่ ชน้ วตั กรรมเทคโนโลยี
การจดั การอาชพี หมายถงึ กระบวนการในการจดั กจิ กรรมอาชะนบั ตงั้ แตก่ ารวางแผนการจดั การองคก์ ร
การตัดสนิ ใจ การสัง่ การแลละการควบคุม การติดตามผล เพื่อใหไ้ ดผ้ ลผลติ หรอื บรกิ ารทเ่ี ป็นทตี่ อ้ งการของลกู ค้า
และไดร้ บั การยอมรับจากสังคม
ประเภทอาชพี อาชพี มอี ยหู่ ลากหลายประเภทและมลี กั ษณะงานทแ่ี ตกตา่ งกนั การเลอื กอาชพี นนั้ ขนึ้ อยู่
กบั ความชอบของแต่ละบุคคลโอกาสและความช�ำนาญในอาชีพนนั้ ๆ
1. ด้านการผลิต มีความหลากหลายในการผลิตของอาชีพน้ันๆ มีวิธีการด�ำเนินการของแต่ละอาชีพ
แตกต่างกันอาจเป็นเจา้ ของกิจการหรอื ลูกจา้ ง
2. ดา้ นการบรหิ าร เป็นอาชพี ท่มี ีความต้องการของตลาดแรงงานสงู
3. งานรับราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นอาชพี ท่ีมีความมั่นคงและสร้างรายไดส้ ม่�ำเสมอ
การวางแผนในการฝึกทักษะอาชพี จะตอ้ งศกึ ษาเกีย่ วกับอาชีพต่างๆ สรา้ งลกั ษณะนิสยั ในการทำ� งาน
การฝึกปฏบิ ตั ิงานตา่ งๆ การฝึกวางแผนการท�ำงาน
บทท่ี 2 การท�ำแผนธุรกจิ เพ่ือการเขา้ สู่อาชีพ
เทคนิค SWOT ประกอบด้วย
S (Strength) จุดแข็ง หมายถึง ความสามารถหรอื สถานการณ์ ภายในชมุ ชนท่เี ป็นเชิงบวกซึ่งสามารถ
น�ำมาใชป้ ระโยชนใ์ นการทำ� งาน
W (weakness) จุดออ่ น หมายถงึ สถานการณ์ภายในชมุ ชนทช่ี ุมชนทเี่ ป็นเชิงลบซึง่ ไม่สามารถน�ำมาใช้
เปน็ ประโยชนใ์ นการทำ� งาน
O (Opportunity) โอกาส หมายถงึ ปจั จยั และสสถานการณภ์ ายนอกชมุ ชนทเี่ ออ้ื ประโยชนใ์ นการทำ� งาน
T (Treat) อุปสรรค หมายถงึ ปัจจยั และสถานการณภ์ ายนอกชมุ ชนท่ขี ดั ขวางหรอื ไมส่ นับสนุนตอ่ การ
ท�ำงานให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ หรอื หมายถงึ สภาพแวดล้อมภายนอกท่ีเปน็ ปญั หาต่อการดำ� เนนิ งาน
บทที่ 3 การจัดการผลิตหรือการบริการ
การจัดการเกี่ยวกบั การควบคุมคุณภาพ
การสรา้ งความคดิ ในการทำ� ผลิตภัณฑ์ เลอื กผลิตภัณฑห์ รอื อาชพี การทดสอบผลิตภณั ฑ์ มาตรฐานของ
ผลิตภัณฑ์ ความสำ� คญั และประโยชนข์ องเครอ่ื งหมายมาตรฐาน
การลดต้นทุนการผลิตหรอื การบริการใชว้ งจร PDCA Deming Derming Cycle
P (Planning) กจิ กรรม/โครงการ การลดต้นทุนการผลติ หรอื การบรกิ าร
D (Doing) การปฏบิ ัติงานและตัง้ มาตรฐานในการดำ� เนินงาน
C (Check) การตรวจสอบกจิ กรรม/ โครงการ
A (Action) การปรับปรงุ แก้ไข

แบบฝกึ ทกั ษะทางวชิ าการเพอ่ื ยกผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย 35


บทที่ 4 การจดั การตลาด
การตลาด หมายถึง การด�ำเนนิ กิจกรรมต่างๆทจ่ี ะท�ำใหส้ นิ คา้ หรือบรกิ ารจากผู้ผลติ ไปสูผ่ บู้ รโิ ภคหรือ
ผู้ใชโ้ ดยวัตถุประสงคเ์ พ่ือความพึงพอใจของผูบ้ ริโภค การจดั ท�ำแผนการจดั การตลาด การเจาะตลาด การพัฒนา
ตลาด การพฒั นาผลิตภัณฑ์ การขยายชนิดผลิตภัณฑ์
บทท่ี 5 การขับเคล่อื นธุรกจิ เพ่ือเขา้ สู่อาชพี
ประกอบดว้ ย การวเิ คราะห์ความเป็นไปไดข้ องแผนปฏิบัติการ การพฒั นาแผนปฏบิ ตั กิ าร
บทท่ี 6 ความส�ำคญั ของการทำ� โครงการประกอบอาชีพ
เป็นการทำ� งานเพ่อื นำ� ไปสู่อาชีพและการมรี ายไดโ้ ดยก�ำหนดวธิ กี ารทำ� งานและระยะเวลาลว่ งหนา้

36 แบบฝกึ ทักษะทางวิชาการเพ่ือยกผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


แบบทดสอบ รายวชิ าทกั ษะการประกอบอาชีพ อช11002

จงเลอื กคำ� ตอบท่ีถูกตอ้ งเพียงข้อเดยี ว

1. ขอ้ ใดคอื ประโยชน์ของการฝกึ อาชีพ 6. บคุ คลใดนำ� หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้
ก. ท�ำใหม้ ลี ูกคา้ ประจำ� ในการจดั การอาชพี
ข. ทำ� ให้กลา้ ตดั สินใจ ก. รศั มี เพ่มิ ทุนการผลติ เพ่อื ใหไ้ ดก้ ำ� ไรมากทส่ี ุด
ค. ทำ� ใหไ้ ด้ความรแู้ ละประสบการณ์ ข. รักษา ใช้ทรพั ยากรมาผลติ อยา่ งคุ้มค่าและ
ง. ท�ำให้สือ่ สารไดม้ ีประสิทธิภาพ ใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ
2. การฝึกทกั ษะอาชีพเนน้ ในด้านใด ค. นอ้ ยหนา่ แผว้ ถางปา่ เพอื่ ขยายฐานการผลติ ใน
ก สอดคล้องในชีวิตและท้องถิ่นของตน การจดั การอาชีพ
ข. เน้นอาชพี คา้ ขายและการเกษตร ง. น่มุ น่ิม เพมิ่ ปัจจยั การผลิตโดยไมค่ �ำนึงถงึ
ค. ทกั ษะหลกั วชิ าการ ดา้ นการบรหิ าร การจดั การ ความคุม้ ค่า
ง. เนน้ ใหค้ วามรทู้ างการตลาดเพอื่ พฒั นาสอู่ าชพี 7. ข้อใดคอื ความส�ำคัญของการจดั การอาชพี
ใหม่ ก. มีความเพียรพยายามมากท่จี ะท�ำใหก้ าร
3. การจดั การอาชพี หมายถงึ ขอ้ ใด ประกอบอาชพี ประสบผลส�ำเรจ็
ก. การตัดสนิ ใจเลือกอาชีพ ข. มีความริเร่มิ สร้างสรรค์ จากการเป็นตน
ข. การศกึ ษาข้อมูลกอ่ นตดั สนิ ใจ ชา่ งสังเกตุ
ค. การวางแผนการประกอบอาชพี ค. มคี วามอดทน ไมย่ อมแพอ้ ะไรงา่ ยๆ มเี ปา้ หมาย
ง. การวางแผน การจัดการ การตัดสินใจ ถงึ ความสำ� เรจ็
การควบคุมและตดิ ตามผล ง. มรี ายไดท้ ่ีสามารถตอบสนองความตอ้ งการเพ่อื
4.ขอ้ ใดเปน็ กระบวนการทน่ี ำ� นวตั กรรมเทคโนโลยมี าใช้ การด�ำรงชีวิตของตนเองและครอบครวั
ในการผลติ 8. บุคคลใดสามารถจัดการอาชีพของตนเองได้อย่างมี
ก. ปรบั ปรุง ปฏบิ ตั ิ วางแผน รวบรวมขอ้ มูล ประสิทธิภาพ
ข. รวบรวมขอ้ มูล วางแผน ปฏบิ ัติ ปรบั ปรงุ ก. พนา น�ำความร้แู ละเทคโนโลยีใหมม่ าจัดการ
ค. วางแผน ปฏบิ ตั ิ ปรับปรงุ รวบรวมขอ้ มูล อาชีพของตนเอง
ง. ปฏบิ ตั ิ ปรับปรงุ รวบรวมขอ้ มูล วางแผน ข. พนม ม่ันใจความรขู้ องตนเองมาจดั การอาชพี
5. บุคคลใดน�ำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ใน ค. พนัส น�ำความรจู้ ากลุงมาจัดการอาชีพของ
กระบวนการผลติ ตนเอง
ก. สมบตั ิ เลี้ยงไก่ ในตะกร้า ง. พณิช นำ� ความรูจ้ ากการดู ทีวีมาจดั การอาชพี
ข. สมพงษ์ ไถนาโดยกระบือ ของตนเอง
ค. สมชาย ทอเสือ่ จากต้นกก 9. บคุ คลในขอ้ ใดนำ� หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอพยี ง
ง. สมชยั ใช้รถในการเกย่ี วข้าว มาใชใ้ นการประกอบอาชีพ
ก. สมใจปลกู พืชโดยใชป้ ๋ยุ เคมี
ข. สมหญิงเปิดร้านซอ่ มรถร่วมกับเพ่อื น
ค. สมคิดกูเ้ งินหมู่บ้านเปิดร้านอาหาร
ง. สมควรเลีย้ งปลาดกุ ในร่องสวน

แบบฝกึ ทักษะทางวชิ าการเพื่อยกผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จังหวดั เลย 37


10. แหล่งเรียนรู้ หมายถึง แหล่งรวบรวมข้อมูลใน 17. บุคคลใดใช้อินเตอร์เนต็ ได้เหมาะสมทีส่ ดุ
เรอ่ื งใด ก. แกว้ ใชโ้ หลดแอปหาคู่
ก. วสั ดุ สง่ิ พมิ พ์ ข. เกา้ ใช้เล่นเกมออนไลน์
ข. วิชาการ ค. กา้ น ใชค้ ้นหาการซอ่ มรถ
ค. ภูมปิ ัญญา ง. กาน ใช้เพื่อดหู นังเกาหลีใหม่ๆ
ง. สารสนเทศและประสบการณ์ 18. ข้อใดเปน็ แหล่งเรียนร้ทู างระบบนิเวศ
11. การน�ำหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงมาใชใ้ น ก. แหลง่ เรียนรู้วถิ ีชุมชน
การประกอบอาชีพ มงุ่ เนน้ ด้านใด ข. แหลง่ เรยี นรทู้ างภมู ิปัญญา
ก. ความยัง่ ยนื ข. การดแู ลตนเอง ค.แหลง่ เรยี นรทู้ างธรรมชาติ
ค. คณุ ธรรม ง. การชว่ ยเหลอื ผอู้ น่ื ง. แหลง่ เรยี นรู้ที่มนษุ ย์สรา้ งข้นึ
12. ผู้เช่ยี วชาญในอาชีพแขนงตา่ งๆจดั เปน็ แหลง่ เรียน 19. ประโยชน์ท่ีได้รับจากกการวิเคราะห์ชุมชนด้าน
รู้ประเภทใด เศรษฐกิจคอื ข้อใด
ก. มนุษยส์ ร้างขึ้น ก. รู้จำ� นวนเพศชาย
ข. มีอยู่ตามธรรมชาติ ข. ร้จู ำ� นวนเพศหญงิ
ค.ภูมิปัญญาด้านวชิ าการ ค. รู้ระดบั การศึกษา
ง. เปน็ ทรพั ยากรบคุ คล ง. รกู้ ารประกอบอาชพี
13. สมยศตอ้ งการเลย้ี งปลาดกุ ควรไปหาขอ้ มลู จากทใ่ี ด 20. ขอ้ ใดคอื หลักการจดบนั ทกึ
ก. ปศสุ ตั ว์อำ� เภอ ข. ทีด่ ินอ�ำเภอ ก. บันทึกทกุ รายละเอียด
ค. เกษตรอำ� เภอ ง. ประมงอ�ำเภอ ข. บันทึกสง่ิ จำ� เป็นบางอย่างเทา่ นั้น
14.ข้อใดเป็นการใช้แหล่งเรียนรู้อย่างมีจิตส�ำนึกต่อ ค. บันทึกพาะให้ตนเองเข้าใจเท่านัน้
สว่ นรวม ง. บนั ทกึ อย่างสม่ำ� เสมอและเปน็ ระบบ
ก. ใช้เวลาวา่ งให้เป็นประโยชน์ 21. ขอ้ ใดคอื ประโยชน์จากการวางแผนอาชพี
ข. สรา้ งความจรรโลงใจ ก. ไดเ้ พือ่ นใหมง่ านใหม่
ค. มนี สิ ัยรักการอ่าน ข. เกดิ อาชพี ใหม่
ง. ร้จู กั ใช้และรักษาสมบตั ริ ว่ มกนั ค. ฝกึ ทักษะการจับประเดน็ ส�ำคัญ
15. บุคคลใดมีการวางแผนในการฝึกทักษะอาชีพถูก ง. ทำ� ใหก้ ารท�ำงานมปี ระสทิ ธภิ าพ
ต้องทีส่ ดุ 22. ข้อใดคอื หลักการจดบนั ทกึ
ก. นดิ าหาความรูแ้ ละทกั ษะทตี่ อ้ งฝึก ก. ความจ�ำดีข้นึ
ข. น้อย จัดเตรียมสถานทใี่ นการฝึก ข. ท�ำงานไดอ้ ย่างรวดเรว็
ค. นดั เตรียมวัสดุอปุ กรณ์ในการฝึก ค. ฝกึ ทักษะการจับประเด็นส�ำคัญ
ง. นนั จดั หาวทิ ยากรในการฝึก ง. ทำ� ใหก้ ารทำ� งานมปี ระสทิ ธภิ าพ
16. ขอ้ ใดเป็นความสำ� คัญของการวา่ งแผนทีส่ ุด 23. บคุ คลใดเลอื กฝกึ อาชีพไดเ้ หมาะสมท่สี ดุ
ก. ช่วยลดต้นทุนการผลติ ก. มกี า้ เลอื กฝกึ อาชพี ตามเพอ่ื น
ข. ช่วยใหไ้ ดผ้ ลกำ� ไรมากขึ้น ข. มญี า่ เลอื กฝกึ ตามแหลง่ เรียนรู้
ค. ชว่ ยใหร้ ะสบความส�ำเรจ็ เรว็ ข้ึน ค. มีนา เลอื กฝกึ อาชีพตามคา่ นิยมของตนเอง
ง. ชว่ ยลดการสูญเสยี จากการทำ� งานซ้�ำซ้อน ง. มีนี เลือกฝกึ อาชีพตามความตอ้ งการของตน

38 แบบฝึกทักษะทางวิชาการเพื่อยกผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จังหวัดเลย


24. ขอ้ ใดอธบิ ายความหมายของกลยุทธไดถ้ ูกต้องที่สดุ 39
ก. การท�ำงานท่รี ว่ มกันเป็นกล่มุ
ข. เทคนิควธิ กี ารท�ำงาน
ค. กลุ่มคนท่ีสนใจรว่ มกนั กำ� หนด
ง. คณะกรรมหมบู่ ้านเป็นผู้ก�ำหนด
25. ขอ้ มูลใดได้จากการวิเคราะหข์ ้อมูลชุมชน
ก. ขอ้ มลู ความสามารถพาะบคุ คล
ข. ข้อมูลความสามารถของผนู้ ำ� ชมุ ชน
ค. ขอ้ มูลการแสดงคอนเสรสิ ต์ของดารา
ง. ข้อมลู ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี วิถีชีวติ
26. ขอ้ ใดเป็นวธิ ีการกำ� หนดวิสยั ทัศน์ได้ถูกต้อง
ก. ผู้น�ำชมุ ชนเป็นผู้ก�ำหนด
ข. ทุกคนในชมุ ชนมสี ว่ นร่วม
ค. กลุ่มคนท่สี นใจรว่ มกนั ก�ำหนด
ง. คณะกรรมการหมูบ่ ้านเปน็ ผ้กู �ำหนด
27. “SWOT” S หมายถึงอะไร
ก. จุดแข็ง
ข. จดุ ออ่ น
ค. โอกาส
ง. อปุ สรรค
28. เพราะเหตุใดจงึ ต้องมีการวเิ คราะห์ชมุ ชน
ก. เพอ่ื วางแผนการตลาด
ข. เพื่อรวบรวมภมู ิปญั ญา แหล่งเรียนรู้
ค. เพือ่ น�ำขอ้ มูลประกอบการตัดสินใจ
ง. เพือ่ น�ำข้อมูลจัดท�ำแผนของบประมาณ
29. บคุ คลใดมีการควบคมุ คุณภาพของสินค้า
ก. มานี เพม่ิ ปรมิ าณสนิ คา้ ให้มากขน้ึ
ข. มานะ ใชว้ ัตถดุ บิ ดอ้ ยคุณภาพในกรผลติ สนิ คา้
ค. มนัส เพม่ิ การใชอ้ ปุ กรณ์ในการผลิตสนิ คา้
ง. มหา ตรวจสอบวันหมดอายขุ องผลไม้กระป๋อง
30. เคร่ืองหมายรบั รองมาตรฐานมีประโยชน์อยา่ งไร
ก. สร้างความนา่ เชอ่ื ถอื
ข. เพ่ิมราคาสนิ คา้
ค. วางแผนการตลาดไดม้ ากขึ้น
ง. เปน็ สว่ นประกอบทีต่ อ้ งมใี นสนิ คา้

แบบฝกึ ทักษะทางวิชาการเพื่อยกผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2564 กศน.จังหวดั เลย


สรุปเนื้อหา

รายวชิ า พัฒนาอาชีพใหม้ ีอยู่มกี ิน

อช11003

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. นักศกึ ษาสามารถอธิบายความหมาย ความสำ� คัญ ความจำ� เปน็ ในการพัฒนาอาชพี ใหม้ ีสินค้า หรืองาน
บรกิ ารสร้างรายไดพ้ อเพียงต่อการดำ� รงชีวิต
2. นักศกึ ษาสามารถวิเคราะห์ศักยภาพธรุ กจิ การตลาด การผลติ หรอื บรกิ ารแผนธรุ กจิ เพื่อสร้างธุรกิจใหม้ ี
อยมู่ ีกิน
3. นกั ศกึ ษายอมรบั และเห็นคุณค่าในการพัฒนาอาชีพให้มีอยมู่ ีกิน
4. นกั ศกึ ษาปฏิบตั กิ ารท�ำแผนและโครงการพฒั นาอาชีพใหม้ อี ยู่มกี ิน
บทท่ี 1 ศักยภาพธุรกิจ
ศกั ยภาพธรุ กิจ หมายถงึ ธรุ กิจทบี่ ุคคลทม่ี ีความสามารถพฒั นาสินค้านน้ั ๆ ให้สามารถอยู่ในตลาดได้
การพัฒนา หมายถึง การเปลย่ี นแปลงอย่างมีกระบวนการโดยมจี ุดม่งุ หมาย
การพฒั นาอาชพี หมายถงึ การประกอบอาชพี ทีม่ กี ารพฒั นาสนิ คา้ หรือผลติ ภณั ฑใ์ ห้ตรงกบั ความต้องการ
ของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา โดยมีส่วนครองตลาดได้ตามความต้องการของผู้ผลิต แสดงถึงความมั่นคงในอาชีพ
ซง่ึ ต้องข้ึนอยู่กบั ศกั ยภาพของผู้ผลติ

การวเิ คราะห์ หมายถงึ การแยกแยะสงิ่ ทจ่ี ะพิจารณาออกเปน็ ส่วนย่อย ทมี่ ีความสมั พนั ธ์กนั รวมถึงสืบค้น
หาความสมั พันธน์ ัน้
ตำ� แหน่งธรุ กจิ หมายถงึ ระยะเวลาในช่วงการประกอบอาชีพหรอื ธุรกจิ ของผูป้ ระกอบการแต่ละระดบั ขัน้
ตอนของการด�ำเนนิ กจิ การ แบ่งเป็นระยะเริม่ ต้น ระยะสรา้ งตวั ระยะทรงตวั ระยะตกต�ำ่ หรอื สูงข้ึน
เสน้ ทางเวลา หมายถงึ วฏั จกั รของการประกอบอาชพี ธรุ กจิ สนิ คา้ หรอื บรกิ ารในชว่ งระยะเวลาหนงึ่ ของการ
ดำ� เนินกิจการ
บทท่ี 2 การจดั ทำ� แผนพฒั นาการตลาด
การก�ำหนดทิศทางการตลาดประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วนคือ
1. ผ้ผู ลิต ตอ้ งศึกษาพฒั นาสินค้าให้ได้ตรงกับความต้องการของผบู้ ริโภค
2. สินค้าหรือบริการ ต้องมกี ารพัฒนาตลอดเวลา เพ่อื ให้ทันสมัยตอ่ ความตอ้ งการของลูกคา้
3. ผบู้ รโิ ภคหรอื ผรู้ บั บรกิ าร ตอ้ งพจิ ารณาวา่ ในปจั จบุ นั ความตอ้ งการสนิ คา้ นน้ั ๆ เปลย่ี นแปลงในทศิ ทางใด
กลยุทธ์ เป็นการหาวิธีการที่จะท�ำให้จ�ำนวนลูกค้าที่มีอยู่ก่อนแล้วเพ่ิมจ�ำนวนซื้อให้มากกว่าเดิม โดย
การวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายท่ีมีศักยภาพในการซ้ือมาใช้เป็น
บรรทดั ฐานในการกำ� หนดวิธกี ารเพมิ่ ปริมาณลกู ค้าหรือเพมิ่ ยอดขาย
บทท่ี 3 การจัดทำ� แผนพฒั นาการผลิตหรือการบรกิ าร
การผลิต หมายถงึ การสร้างสรรค์หรอื การแปรสภาพสงิ่ หนงึ่ สง่ิ ใด ใหเ้ ป็นสินค้า ออกมาเพือ่ จ�ำหน่าย เรยี ก
วา่ “ผลผลติ ” การผลติ ท่ดี ี ต้องให้ตรงกับความตอ้ งการของผใู้ ช้หรอื ผูซ้ อื้ ให้มากท่ีสุด โดยการจะไดผ้ ลผลิตท่ดี นี นั้
ผผู้ ลิตตอ้ งมีคณุ ลักษณะทด่ี ีตอ่ กระบวนการผลติ ด้วย

40 แบบฝกึ ทักษะทางวิชาการเพื่อยกผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จังหวัดเลย


การบรกิ าร เป็นกจิ กรรมหรือการกระทำ� ทผ่ี ู้ให้บริการท�ำขน้ึ เพอื่ สง่ มอบการบริการให้แก่ผู้รบั บริการ
การบรกิ ารจะเกดิ ขนึ้ โดยทนั ที เมอื่ ผรู้ บั บรกิ ารมคี วามตอ้ งการรบั บรกิ าร ผรู้ บั บรกิ ารจะใหค้ วามสำ� คญั กบั กจิ กรรม
หรือ กระบวนการบริการ ของผใู้ ห้บรกิ าร รับรู้ได้ด้วยความรสู้ กึ ทางใจ เรียกวา่ ความประทับใจ
บทท่ี 4 การพฒั นาธุรกจิ เชงิ รุก

ธรุ กจิ เชงิ รกุ หมายถงึ การบรหิ ารจดั การธรุ กจิ แบบมแี บบแผน เปน็ ระบบการพฒั นางานทดี่ ี อำ� นวยประโยชน์
ให้กับผู้ประกอบการ สามารถวางแผนติดตามและควบคุมให้การด�ำเนินงานในทุกด้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ธุรกจิ เชงิ รกุ เป็นความพยายามท่ีจะหาวิธีการให้ไดเ้ ปรยี บทางการแขง่ ขันทางธรุ กิจ เป็นการพฒั นาสนิ ค้าใหต้ รง
ตามความต้องการของผบู้ ริโภค สนิ คา้ ไดร้ ับการพฒั นาอยู่ตลอดเวลา ผบู้ ริโภคมโี อกาสเลอื กซ้ือไดห้ ลากหลาย
ส่วนประกอบทสี่ �ำคญั ในการพฒั นาผลติ ภัณฑ์ มี 2 ประการ คือ
1. ผลติ ภณั ฑน์ นั้ ตอ้ งมคี ุณค่าและตอบสนองความตอ้ งการผบู้ ริโภคมากท่ีสุด
2. ส่วนประกอบของผลิตภัณฑต์ อ้ งมีอยา่ งครบถว้ น
บทที่ 5 โครงการพัฒนาอาชพี ให้มีอย่มู กี นิ
แผน หมายถึง งานทุกด้านขององค์กรท่ีถูกก�ำหนดขึ้นอย่างมีเหตุผล เป็นระเบียบวิธี หรือขั้นตอนท่ีเป็น
ระบบท่ีบคุ ลากรใชเ้ ปน็ ค่มู อื หรอื แนวทางการด�ำเนนิ งานขององคก์ ร
การวิเคราะห์ หมายถึง การแยกแยะรายละเอียด ความเป็นไปได้แลว้ สังเคราะหใ์ ห้เหน็ ความสมั พนั ธ์และ
เกิดกิจกรรมทม่ี ีเป้าหมายทิศทางสู่ความสำ� เร็จ
ขนั้ ตอนการเขียนโครงการพัฒนาอาชีพ 2 ข้นั ตอน ดังน้ี
1. ข้ันก่อนการเขียนโครงการ จะต้องท�ำความเข้าใจหาข้อมูลและแผนต่างๆ เพื่อน�ำมาใช้ในการจัดท�ำ
รายละเอียดของโครงการซึ่งเปน็ ข้ันตอนท่ีสัมพันธ์กนั

2. ขั้นการเขียนโครงการ ประกอบด้วย
1) โครงการอะไร (ชอื่ โครงการ) 2) ทำ� ไมต้องท�ำโครงการ (หลักการและเหตุผล)
3) ท�ำเพ่ืออะไร (วัตถปุ ระสงค์) 4) ท�ำเพื่อใคร,อะไร,ในปริมาณเทา่ ไร (เป้าหมาย)
5) ทำ� อยา่ งไร (วธิ ดี ำ� เนินงาน) 6) ใครท�ำ (ผรู้ ับผดิ ชอบโครงการ)
7) ใช้งบประมาณเท่าไร (งบประมาณ แหล่งที่มา 8) ท�ำที่ไหน (พ้ืนทดี่ �ำเนินการ)
9) ท�ำเมื่อไร นานเทา่ ใด (ระยะเวลาด�ำเนนิ การ)
10) เม่ือเสร็จส้นิ โครงการแลว้ จะไดท้ ำ� อะไร (ประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รบั )
11) ชมุ ชนจะไดร้ บั อะไร (ดชั นชี ว้ี ัดความส�ำเรจ็ ของโครงการ)
12) ทำ� ไดบ้ รรลวุ ตั ถุประสงคแ์ ละเป้าหมายหรอื ไม่ (การประเมนิ โครงการ)
หมายเหต ุ ใหน้ ักศกึ ษา ศึกษาเพิม่ เติมจากหนงั สอื เรียนรายวิชาพัฒนาอาชพี ให้มีอยมู่ กี ิน อช11003

แบบฝึกทกั ษะทางวชิ าการเพ่อื ยกผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวดั เลย 41


แบบทดสอบ รายวชิ าพฒั นาอาชพี ให้มอี ย่มู กี ิน อช11003

จงเลือกคำ� ตอบที่ถูกตอ้ งเพยี งข้อเดยี ว

1. ข้อใดอธิบายความหมายของการพัฒนาอาชีพได้ 6. ขอ้ ใดแสดงถึงการวเิ คราะห์ศักยภาพของธรุ กจิ
ถกู ต้องทีส่ ดุ ก. รตี เปน็ ครู เพราะในชุมชนขาคแคลนครู
ก. การแยกแยะสง่ิ ทจี่ ะพจิ ารณาออกเปน็ สว่ นยอ่ ย ข. สมชาย เปน็ ทหาร เพราะครอบครวั รบั ราชการ
ข. การเปล่ยี นแปลงอยา่ งมีกระบวนการโดยมี ค. อำ� พล ประกอบอาชพี ช่างซ่อมรถยนต์เพราะ
จุดหมาย พอ่ มีอู่ซอ่ มรถ
ค. การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการพฒั นาสนิ คา้ ง. ร�ำนำ� ประกอบอาชีพเสริมสวยเพราะมีใจรักใน
นัน้ ๆ ให้อยูใ่ นตลาดได้ ดา้ นความสวยงาม
ง. การพฒั นาสินคา้ หรือผลติ ภัณฑใ์ หต้ รงกับ 7. การประกอบธุรกิจท่ีอยู่ในช่วงฟักตัวจัดอยู่ในระยะ
ความตอ้ งการของลกู คา้ อยตู่ ลอดเวลา ใด
2. ขอ้ ใดส�ำคัญทสี่ ดุ ในการพฒั นาอาชพี ก. ระยะเร่ิมตน้
ก. การบรกิ าร ข. ระยะสรา้ งตัว
ข. การบรหิ าร ค. ระยะทรงตัว
ค. พัฒนาสนิ ค้า ง. ระยกตกต�่ำหรอื สงู ขึน้
ง. พัฒนาความสามารถผู้ผลติ 8. ขอ้ ใดเปน็ ขนั้ ตอนแรกของการเรมิ่ ตน้ ประกอบธรุ กจิ
3. เพราะเหตุใดจึงต้องพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความ ของตนเอง
ตอ้ งการของลกู ค้า ก. การจดั แบง่ หน้าท ่ี
ก. ท�ำใหส้ ินคา้ มีความมั่นคง ข. การแสวงหาชอ่ งทาง
ข. ทำ� ให้อาชีพมีความมนั่ คง ค. การศึกษาการตลาด
ค. ท�ำให้ผู้บริโภคมีความม่นั คง ง. การประเมนิ ความพร้อม
ง. ท�ำใหก้ ารใหบ้ รกิ ารมีความมน่ั คง 9. ข้อใดคือความส�ำคัญของการวิเคราะห์ศักยภาพ
4. ข้อใดคือความจำ� เปน็ ในการวเี คราะห์ศกั ยภาพของ ธุรกิจ
ธรุ กิจ ก. ลดต้นทุน
ก. ลดความลา้ สมัย ข. รูจ้ ักลกู คา้
ข. ปลอดภัยจากการขาดทนุ ค. รู้จกั ตนเอง
ค. ส่งเสรมิ ภาพลักมณ์และช่อื เสียง ง. มองเหน็ ตลาด
ง. เพมิ่ ประสิทธภิ าพในการท�ำธรุ กจิ 10. บคุ คลใคสามารถเลอื กอาชพี ตามศกั ยภาพธรุ กจิ ทง้ั
5. ข้อใดคือประโยชน์ของการวิเคราะห์ศักยภาพทาง 5 ด้าน ได้อยา่ งเหมาะสม
ธุรกจิ ก. สมฤดี ทำ� ธรุ กจิ เงนิ ฝากแบบระดมทนุ ทวั่ ประเทศ
ก. ชว่ ยใหท้ ำ� ธรุ กิจได้ดีขน้ึ ข. วรนุช ต้งั วงแชรข์ นาดใหญ่ โดยศกึ ษามาจาก
ข. ช่วยให้รูจ้ กั คนเองและคูแ่ บง่ ขนั แมช่ ม้อย
ค. ช่วยให้สร้างพนั ธมิตรทางการคา้ ค. ช่อลดา ลงทุนธรุ กจิ ขายสินคา้ ออนไลนโ์ ดยดู
ง. ชว่ ยใหเ้ พม่ิ ชอ่ งทางในการจ�ำหน่าย ตวั อยา่ งจากเพ่ือน
ง. กนกวรรณ ทำ� ธุรกจิ รา้ นอาหาร โดยศึกษา
สภาพแวดลอ้ มและประเมนิ สถานการณ์

42 แบบฝึกทักษะทางวิชาการเพื่อยกผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2564 กศน.จงั หวัดเลย


Click to View FlipBook Version