คุยกันวันพฤหัส ปาจื่อ สี่เสาแห่งโชคชะตา Bazi Destiny Code: 4 Pillars เวลาเกิด วันเกิด เดือนเกิด ปีเกิด กิ่งฟ้า กิ่งฟ้า กิ่งฟ้า กิ่งฟ้า ก้านดิน ก้านดิน ก้านดิน ก้านดิน กิ่งซ่อน กิ่งซ่อน กิ่งซ่อน กิ่งซ่อน
หยิน-หยาง หญิง-ชาย (ขั้วลบ-ขั้วบวก) ด า-ขาว ดี-ร้าย (เรื่องราวเหตุการณ์) นอก-ใน (การแสดงออก-จิตใต้ส านึก) 0-1 (รหัสคอมพิวเตอร์) จับต้องได้-จับต้องไม่ได้(น ้า-ไฟ) (การขึ้นรูป) เบา-หนัก (ขุนเขา-ปุยนุ่น) อ่อนแอ-แข็งแรง (กระแสคลื่นลม) ช้า-เร็ว (การลงมือท า, ของไหล)
หยิน-หยาง เปลี่ยนรูป ท าให้เกิด 5 ธาตุ/ลักษณะ มากน้อยแตกต่างกันไปเป็นวัฏจักร
5 ธาตุ/ลักษณะ ไฟ ลอยสูง ดิน กักเก็บ ย่อยสลาย ทอง ดูดซับ น ้า ไหลลงต ่า ไม้ กระจายตัวทุกทิศทาง
https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551 https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551 เต๋าเป็นหลักการพื้นฐาน ทแ ี่ตล่ะคนสามารถ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล
คุณสามารถค้นพบเต๋า ได้จากภายในจิตใจเขาเอง
https://www.facebook.com/QiMenAlchemy/posts/1023605364472402/?_rdr
https://www.blockdit.com/posts/5d86b13bf1f1db0cd4587b19?id=5d86b13bf1f1db0cd4587b19&series=5d7d9c0b39d2050cb25c3378
ดวงจีน – ปาจื้อ
แผนภูมิสวรรค์
แผนภูมิสวรรค์ (จีน: 干支; พินอิน: gānzhī กานจือ) คือระบบเลขฐาน 60 แบบวนรอบ ที่เขียนด้วยอักษรจีน ซึ่งประกอบด้วยส่วนย่อย 2 ส่วน ได้แก่ ภาคสวรรค์ เรียกว่า "ราศีบน" มี 10 ตัวอักษร (天干; tiāngān เทียนกาน) และภาคปฐพี เรียกว่า "ราศีล่าง" มี 12 ตัวอักษร (地支; dìzhī ตี้จือ)
แผนภม ู ส ิ วรรค ์ ใช ้ สา หรับการนับวันและปี แบบดงั้ เดม ิ ซึ่งเป็นสิ่งส าคัญในโหราศาสตร์ของจีน นอกจากจีนแล้ว ประเทศในเอเชียตะวันออกอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่ น เกาหลี เวียดนาม ก็ใช้ระบบเลขนี้ด้วย
การประยุกต์ใช้ ตวัอักษรของราศบ ี นและราศล ี่างนั้ น นอกจากจะใช ้ เพอ ื่ระบ ุ กาลเวลา ในปฏิทินของจีนแล้ว ยังสามารถใช้ในการท านายดวงชะตา ซึ่งเป็นระบบที่แพร่หลายที่สุด ในสังคมชาวจีนมาในตั้งแต่อดีต ที่เรียกว่า "โป๊ ยหยี่ซี้เถียว" หรือ "แปดอักขระสี่แถว"
เวลาเกิด วันเกิด เดือนเกิด ปีเกิด ราศีบน ราศีบน ราศีบน ราศีบน ราศีล่าง ราศีล่าง ราศีล่าง ราศีล่าง คือแถวปี ก็จะประกอบด้วยราศีบนและล่าง 1 ชุด ในขณะที่แถวเดือน แถววัน และแถวยาม ก็จะมีราศีบนและล่างอีกอย่างละ 1 ชุด รวมเป็น 8 อักษร
โดยแต่ละตัว จะมีค่าทางพลังงาน (ความถี่) เป็นธาตุต่างๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 5 ธาตุ คือ ไม้ ไฟ ดิน ทอง น ้า แล้วน ามาวิเคราะห์ หาสัมพันธ์ปฏิกิริยาระหว่างธาตุ ว่าธาตุใดมีมากเกินไป ธาตุใดน้อยเกิน ธาตุใดพิฆาตธาตุใด คล้ายกับการเล่นหมากรุก เพื่อจะหาว่าธาตุใด เป็นธาตุที่ให้คุณและธาตุใดเป็นธาตุที่ให้โทษ
ซึ่งในปีใด ที่เป็นราศีของธาตุที่ให้คุณเข้ามา ก็จะท านายว่าเป็นปีที่ดวงดี ส่วนในปีที่ธาตุให้โทษเข้ามา ก็ถือว่าเป็นปีที่ดวงไม่ดี
ลิขิตฟ้า อาญาสวรรค์ ยากจะฝื น คนคา นวณ ไหนเลยจะส ู ้ฟ้ าลข ิ ต ิได ้ http://www.henghengheng.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538727680&Ntype=4 ผู้เขียน เคยสอบถามโยม ว่า ลิงกับเสือใครจะเหนือกว่ากัน ส่วนมากโยม จะตอบว่าเสือเหนือกว่าลิง
ตามความเป็นจริงแล้ว ในแง่โหราศาสตร์จีน เสือเป็นธาตุไม้ ส่วนลิงเป็นธาตุทอง เสือเป็นฟื น ส่วนลิงเป็นขวาน เพราะฉะนั้น ขวานต้องชนะฟื น ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่เป็นจ านวนมาก ว่าการ “ชง” เป็นสิ่งที่ไม่ดี ส่วนการ “ฮะ” นั้นเป็นสิ่งที่ดี
ความจริงแล้ว โหราศาสตร์จีน จะให้ความส าคัญ อยู่ที่หลักของความสมดุลของ 5 ธาตุเป็นหลัก ไม่มีธาตุใดธาตุหนึ่ง ที่จะให้โทษหรือให้คุณเป็นหลักตายตัวได้ ดาวทุกดวง หรือธาตุทุกธาตุ อาจจะให้คุณหรือให้โทษก็ได้ แล้วแต่ว่าจะไปเข้ากับกฏเกณฑ์แบบใด เช่นดาวดีถูกท าร้าย หรือว่าดาวร้ายถูกท าให้ดีนั่นเอง
คนเรามส ี ามเสอ ื่มโทรม หกรุ่งเรือง มนุษย์ทุกคน ไม่สามารถที่จะหลีกหนี หลักของการก่อเกิด และท าลายของหลัก 5 ธาตุนี้ไปได้ น ้าเกิดไม้ ไม้เกิดไฟ ไฟเกิดดิน ดินเกิดทอง ทองเกิดน ้า และในท านองเดียวกัน ไม้ท าลายดิน ดินท าลายน ้า น ้าท าลายไฟ ไฟท าลายทอง ทองท าลายไม้
ให้ก าเนิด (ก่อเกิด) หมายถึงให้ความช่วยเหลือ 1. ให้ก าเนิดหลักปีเกิด หมายถึงพ่อแม่ ผู้ใหญ่ ได้รับความช่วยเหลือ 2. ให้ก าเนิดหลักเดือนเกิด หมายถึงได้รับความ ช่วยเหลือเกี่ยวกับธุรกิจการงาน 3. ให้ก าเนิดหลักวันเกิด หมายถึงตนเองและ คู่ครองได้รับความช่วยเหลือ 4. ให้ก าเนิดหลักเวลาเกิด หมายถึงลูกหลาน บริวารได้รับความช่วยเหลือ
ผู้หญิงนอนหงาย ผู้ชายนอนคว ่า
12 นักษัตร ทา ไมตอ ้ งเลอ ื กสัตว ์ 12 ชน ิ ดน ี ้ มาเป็ นสัตว์ประจ าแต่ละนักษัตร โจวเซี่ยวเทียน คิดว่า ค าอธิบายที่สมเหตุสมผล คือ “เลือกตามช่วงเวลาการเคลื่อนไหว” โดยเลือกสัตว์ 12 ชนิด มาเป็นปีนักษัตร และจัดล าดับก่อนหลัง โดยมีส่วนเกี่ยวกับ “ความเคลื่อนไหว” จากพฤติกรรมของสัตว์นั้น เป็นประการส าคัญ
ในการอธิบาย อาจต้องเอ่ยถึงการนับเวลาในสมัยโบราณ คนโบราณ แบ่งเวลาในหนึ่งวันหนึ่งคืนเป็น 12 ชั่วยาม (เท่ากับ 24 ชั่วโมงของปฏิทินสุริยคติ) 1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง เวลาเกิด วันเกิด เดือนเกิด ปีเกิด เทียนกาน เทียนกาน เทียนกาน เทียนกาน ตี้จือ ตี้จือ ตี้จือ ตี้จือ ตี้-ดิน เทียน-ฟ้า
12 ชั่วยาวนี้ จะถูกจับคู่กับ “ตี้จือ” (แผนภูมิสวรรค์ภาคปฐพี ใช้ส าหรับนับวันและปีแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นคติส าคัญในด้านโหราศาสตร์จีน) ช่วงแรกเรียกว่า ยามจื่อ หมายถ ึ ง 23 ถ ึ ง1 นาฬิกา ถูกจับคู่กับหนู เนื่องจากเป็นเวลาที่หนูออกหากิน ช่วง 2 เรียกว่า ยามโฉ่ว หมายถ ึ ง 1 ถ ึ ง3 นาฬิกา ถก ู จบัคกู่ บัวัว เนื่องจากเป็นตอนที่วัวเคี้ยวเอื้อง
ช่วง 3 เรียกว่า ยามฉิน หมายถ ึ ง 3 ถ ึ ง5 นาฬิกา ถก ู จบัคกู่ บัเสือ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เสือเพ่นพ่าน ช่วง 4 เรียกว่า ยามเหม่า หมายถึง 5 ถึง 7 นาฬากา ถูกจับคู่กับกระต่าย เนื่องจากเป็นช่วงที่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น บนท้องฟ้าเห็นพระจันทร์ ตามต านานเชื่อกันว่า มีกระต่ายอยู่บนดวงจันทร์จึงให้คู่กับกระต่าย
ช่วง 5 เรียกว่า ยามเฉิน หมายถ ึ ง 7 ถ ึ ง9 นาฬิกา ถก ู จบัคกู่ บั มังกร เนื่องจากตามต านานแล้ว มังกรจะร่ายร าให้เกิดฝน (เมฆหมอกยังไม่จางหายในช่วงเช้า) https://www.silpa-mag.com/culture/article_36524
เต๋า (道) มี ๓ ระดับ ดังนี้ https://medium.com/@QiMenAlchemy/tian-ren-di-aba89d25e551 ๑. เต๋า ด ารง บ่อเก็ก (无极) คือ ขึ้นมาเป็น เต๋า จะเคลื่อนไหวอยู่กับที่ไม่ไปไหน เรียกว่า บ่อเก็ก (无极 : wú jí) เป็นมากกว่า สุญญตา แม้แต่ ตถตา ยังอยู่ใน บ่อเก็ก ค าว่า “ตถตา” ไปขยาย ค าว่า บ่อเก็ก เป็นเช่นนั้นเอง ตถาตา เป็นตัวแสดงตัวหนึ่งของ บ่อเก็ก เท่านั้นเอง
อรูปพรหม
ไท้เก็ก (太极) สิ่งที่สุด ๆ แต่มี “ภาพลักษณ์” “มายาธรรม” ให้รับรู้ได้ ไท้เก็ก มี “การเคลื่อนไหว” ท าให้เกิด “พลังหยาง” เมื่อเคลื่อนไหวถึงที่สุดแล้ว ก็จะหยุดนิ่ง “การหยุดนิ่ง” ก็จะเกิด “พลังหยิน” เมื่อ “พลังหยิน” หยุดนิ่งจนสุด ๆ แล้วก็จะเกิด “การเคลื่อนไหว” อีกครั้งหนึ่ง เป็นเช่นนี้ตลอดไป
๒. ไท้เก็ก (太极: tài jí) คือ พอเริ่มขึ้นมาเป็น ไท้เก็ก มีการเคลื่อนไหวแล้ว คือ หยินหยาง (阴阳) จะอยู่ใน ไท้เก็ก “ไท้” (太) แปลว่า ยิ่งขึ้นไป “เก็ก” (极) แปลว่า ที่สุด “ไท้เก็ก” (太极) ก็แปลว่า ยิ่งของที่สุด (แม้ว่ายิ่งใหญ่สักแค่ไหน ก็ต้องอยู่ในบ่อเก็ก)
กฎของหยินหยาง (阴阳) แบ่งออกได้เป็น ๔ ข้อคือ ๑. หยินหยางมี ๒ สิ่งที่ตรงข้ามกันเสมอ (阴阳对立) ๒. หยินหยางอาศัยซึ่งกันและกัน (阴阳互根) ๓. หยินหยางมีการขยายเพิ่มขึ้นและเสื่อมถอย (阴阳消长) ๔. หยินหยางมีการแปรเปลี่ยน (阴阳转化) ฉะนั้น มีการด ารงและเคลื่อนไหวแล้ว ก็จะออกมาเป็นขั้ ั นท่ี ๓
๓. โป๊ ยข่วย (八卦) ก็จะออกมาเป็น โป๊ ยข่วย ก็จะบอกว่า หยิน-หยาง กลายเป็นอะไร ๘ อย่าง ได้แก่ ๑) เฉียน เป็นฟ้า (乾為天 เฉียนเหวยเทียน) ๒) คุน เป็นพื้นดิน (坤為地 คุนเหวยตี้) ๓) เจิ้น เป็นฟ้าร้อง (震為雷 เจิ้นเหวยเหลย) ๔) ซวิ่น เป็นลม (巽為風 ซวิ่นเหวยเฟิ ง) ๕) ข่าน เป็นน ้า (坎為水 ข่านเหวยสุ่ย) ๖) หลี เป็นไฟ (離為火 หลีเหวยหั่ว) ๗) เกิ้น เป็นภูเขา (艮為山 เกิ้นเหวยซาน) ๘) ตุ้ย เป็นหนองน ้า,สระน ้า, บริเวณแหล่งที่มีน ้าชุมนุม (兌為澤 ตุ้ยเหวยเจ๋อ)
ทั้งหมดนี้ตั้งแต่ข้อที่ ๑ ถึงข้อที่ ๓ ก็จะเป็น เหี่ยง(玄) เปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด แม้ เหี่ยงเทียงเสี่ยงตี่ (玄天上帝) ท่านดูแลความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายทั้งปวง แม้พลังแห่งพ่อศิวะมหาเทพ ไม่ใช่ เหี่ยง(玄) แต่อยู่ในหนึ่งของ เหี่ยง(玄) แม้ทั้งตรีมูรติทั้ง ๓ องค์ก็ยังอยู่ใน เหี่ยง(玄) ฉะนั้น ตั่วเหล่าเอี๊ย (大老爷) ก็ยิ่งใหญ่มาก แต่ก็ไม่ใหญ่มาก เพียงแต่ว่าเขายกย่องให้ เพราะท่านมีหน้าที่ ไม่ถึงกับว่าใหญ่สุด เพราะใหญ่สุดต้องควบคุมทั้งหมด
ข้อที่ ๔. โหงวเฮ้ง (本相) รูปร่างภายนอก รูปลักษณะ “โหงวเฮ้ง (本相)” มาจากค าว่า “โหงว (本)” คือ ๕ และ “เฮ้ง (相)” มีความหมายว่า "สมดุล" หรือ "พอเหมาะพอดี"
ลักษณะทงั้ ๕ ให้เกิดความสมดุล ได้แก่ ๑) อวัยวะทงั้ ๕ คือ หู ตา จมูก ปาก คิ้ว ๒) ภเ ู ขาทงั้ ๕ คือ หน้าผาก จมูก โหนกแก้มซ้าย โหนกแก้มขวา และปลายคาง ๓) ๕ สนั้ ๕ ยาว คือ ใบหน้า เรือนร่าง ศีรษะ แขน และขา ๔) ธาต ุ ทงั้ ๕ คือ ธาตุทอง ธาตุน ้า ธาตุไม้ ธาตุไฟ และธาตุดิน
ข้อที่ ๖. ฮวงจุ้ย (เฟิ งสุ่ย : 風水) เป็นการน าโหงวเฮ้งกับ ๕ ธาตุ มารวมกัน คือ ตอ ้ งมท ี งั้ ร ู ปและนาม พอร ู ปและนามรวมกันแล้ว ก็จะออกมาเป็ นฮวงจุ้ย เช่น เราบอกว่าฮวงจุ้ยขุนเขาต้องมีร ู ปร่าง แล้วขุนเขาก็ยังมีพลังของขุนเขาเช่นเดียวกัน ถ้าขุนเขานี้ หนักไปทางธาตุไหน เช่น ธาตุน ้า ไม้ ไฟ ดิน ทอง เช่น ถ้าเป็นขุนเขาธาตุไฟ ใครอยใ ู่กลก ้ จ ็ ะร ้ อน เผาผลาญ
https://pantip.com/topic/38578946
ข้อที่ ๗. สัตว์โลก ชีวิตคน นั่งแซ (人生) คือ การใช้ชีวิตให้มีจุดหมายในแต่ละขั้น แต่ละภูมิดังนี้ จุดมุ่งหมายของชีวิตระดับคนสามัญทั่วไป ๑) อยู่รอด คือ เกิดมาแล้วต้องให้อยู่รอด ไม่ตายก่อน ๒) อยู่ได้ คือ มีชีวิตอยู่ต่อไป ๓)อยู่ดี คือ พัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ๔) อยู่ให้เป็น คือ อยู่อย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรม ๕) อยู่ให้มีสาระ คือ ใช้ชีวิตอยู่ให้มีแก่นสาร สาระ เข้าใจ อยู่ให้มีอานิสงส์ มีประโยชน์ ๖) มีเหลือ คือ มีชีวิตอยู่เหลือสิ่งดีๆให้กับสังคม โลก
ข้อที่ ๙. ชัยภูมิ (ตี่ลี่ฮวงจุ้ย : 地理風水) เช่น เฉพาะสถานที่ น ้ามาแรงหรือไม่แรง "ตี้หลี่อู่เจวี๋ย 地理五訣" มีหลัก ๕ อย่างดังนี้ ๑. เล้ง (龍;หลง) หมายถึง เส้นชีพจรของมังกร ๒. ฮุ่ย (穴;เสวีย) หมายถึง จุดรวมชี่ หรือพลังชี่มงคล
๓. ซัว (砂;ซา) หมายถึง การพิจารณาดูแยกแยะความอุดมสมบูรณ์ คุณภาพและปริมาณของพื้นดินเนื้อดิน และพลังการเก็บกักและรักษาพลังชี่ของเนื้อดิน ๔.จุ้ย (水;สุ่ย) หรือน ้า คือ พลังที่น าพาชี่มาสู่ชัยภูมิ และท าให้ท าให้ชี่หมุนเวียน ได้แก่ แหล่งน ้าต่างๆ สายน ้า น ้าไหล หนอง บึง บ่อน ้า ๕. เหี่ยง (向;เซี่ยน) ในกรณีนี้หมายถึง การไหลเวียนกักเก็บของพลังปราณชี่