สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง
สร ุ ปคํ าว ิ น ิ จฉ ัยของศาลปกครองส ู งส ุ ด ป พ.ศ. ๒๕๕๐ ในประเด็ นเก ี่ยวก ั บกระบวนวธ ิี พ ิ จารณาคด ีปกครอง สํานักพฒนาระบบงานคดั ีปกครอง สํานักงานศาลปกครอง
คํานํา เน ื่ องจากการดําเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีในศาลปกครองตามพระราชบัญญัติ จัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และตามระเบียบของท ี่ประชุมใหญ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ถือเปนเร ื่องใหม ท ี่ เพ ิ่ งพัฒนาข ึ้ นเม ื่อไดมีการจัดต ั้งศาลปกครอง โดยยังมีตําราและเอกสารตางๆ ท ี่ใหคําอธิบาย เก ี่ ยวกับแนวทางการดําเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดีของศาลปกครองเพื่อใชในการศึกษาคนควา สําหรับเปนแนวทางในการปฏิบัติงานของเจาหนาที่ที่ เก ี่ ยวของเปนจํานวนนอย ดวยสาเหตุดังกลาวขางตน สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครองสํานักงานศาลปกครอง จึงไดจัดทําเอกสาร“สรุปหลักกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ จากคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด” ข ึ้ น โดยมีวัตถุประสงคที่จะนําหลักกฎหมาย ซ ึ่งศาลปกครองสูงสุดไดวินิจฉัยวางแนวทางเก ี่ ยวกับกระบวนวิธีพิจารณาคดีของศาลปกครอง มารวบรวม และจัดหมวดหมูใหเปนระบบเพ ื่อใหเปนแหลงขอมูลสําหรับตุลาการศาลปกครองและพนักงานคดีปกครอง ใชประโยชนในการปฏิบัติงาน รวมท ั้ งเพ ื่อใหบุคคลท ั่วไปที่สนใจไดใชในการศึกษาคนควาหลักกฎหมาย ดังกลาว ตลอดจนเพ ื่อใชเผยแพรความรูเก ี่ ยวกับหลักกฎหมายปกครองใหแพรหลายมากย ิ่ งข ึ้ น แตโดยที่ คําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดเก ี่ ยวกับกรณีดังกลาวท ี่ ผานมาในแตละปมีเปนจํานวนมาก จึงได แบงรวบรวมเป นรายปและเร ิ่ มรวบรวมจากคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดปพ.ศ. ๒๕๕๐ เปนปแรก โดยในการรวบรวมครั้ งน ี้ไดจัดแบงเน ื้อหาออกเปน ๓ ฉบับ ฉบับแรก เปนการรวบรวมคําวินิจฉัย ของศาลปกครองสูงสุดเก ี่ ยวกับเขตอํานาจของศาลปกครอง ฉบับท ี่ สอง เปนการรวบรวมคําวินิจฉัย ของศาลปกครองสงสู ุดเก ี่ ยวกับเง ื่อนไขการฟองคดีปกครอง ซ ึ่ งท ั้ งสองฉบับไดเผยแพรไปเรียบรอยแลว สําหรับฉบับท ี่ สามน ี้เปนการรวบรวมคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดเก ี่ ยวกับกระบวนวิธีพิจารณา คดีปกครอง สํานักงานศาลปกครองหวังวา เอกสารท ี่ไดจัดทําข ึ้ นน ี้จะเปนประโยชนในการสนับสนุน การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครอง รวมท ั้งเปนแหลงขอมูลในการศึกษาคนควาของผูที่สนใจได ตามสมควร สํานักงานศาลปกครอง มีนาคม ๒๕๕๒
สารบัญ หนา ๑. วิธีพิจารณาคดีปกครองในศาลปกครองช้นตั น ๑ ๑.๑ การฟองคดีตอศาล ๒ ๑) ลักษณะของคําฟอง ๒ ๒) ประเภทของคาฟํ อง ๔ ๒.๑) การแกไขเพิ่ มเติมคําฟอง ๕ (๑) คําฟองเพ ิ่ มเตมจะติ องเกยวข ี่ องกับคําฟองเดิมพอท ี่ จะรวม ๖ การพิจารณาและช ี้ ขาดตัดสินเขาดวยกนได ั (๒)การแกไขเพิ่ มเติมคําฟอง ตองย ื่ นคําขอในชั้ นพิจารณาคดี๙ ของศาลปกครองชั้ นตน ๒.๒)การฟองแยง ๑๐ ๒.๓)การรองสอด ๑๑ ๑.๒ การตรวจคําฟอง ๑๔ ๑) คําฟองตองมีสาระสําคัญครบถวนตามทกฎหมายก ี่ ําหนด ๑๔ ๒) คดีที่นํามาฟองตองอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ๑๔ และการฟองคดีเปนไปตามเงื่อนไขแหงการฟองคดีปกครอง ๒.๑) ศาลตรวจเฉพาะเขตอํานาจศาลปกครองและเงื่อนไขแหงการฟองคดี๑๔ ไมอาจกาวลวงเขาไปวินิจฉยในประเด ั ็นเน ื้ อหาแหงคดี ๒.๒)การพิจารณาวาจะรับคําฟองไวพิจารณาพิพากษาหรือมีคําสั่ง ๑๗ ไดหรือไมตองพิจารณาจากขอเท็จจริงท ี่ปรากฏในคําฟองและ ตามบทบัญญัติแหงกฎหมายท ี่ใชบังคับอยูในเวลายื่นฟอง ๓) การดําเนินการกรณีคําฟองมีสาระสําคัญไมครบถวน หรือไมชัดเจน ๑๗ ๔) ผลของคําส ั่ งรบคั ําฟองไวพจารณาิ๑๙ ๔.๑) คําส ั่ งรับคําฟองไว พิจารณาเปนคําส ั่ งระหวางพิจารณา ๑๙ ๔.๒)คําส ั่ งรับคําฟองท ี่ยื่นฟองเม ื่ อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี๑๙ ไวพิจารณาเน ื่ องจากการย ื่นฟองคดีนั้นเปนประโยชนแกสวนรวม หรือมีเหตุจําเปนอื่น ยอมเปนที่สุด
(๒) หนา ๔.๓)คําส ั่ งศาลที่สั่ งรับคําฟองที่ยื่ นเม ื่ อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี๒๐ ไวพิจารณาโดยผิดหลงวาการย ื่นฟองคดีน ั้นเปนประโยชน แกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอื่น ไมถือวาเปนที่สุด ๑.๓ การแสวงหาขอเท ็จจริงของศาล ๒๑ ๑) การแสวงหาขอเท็จจริงจากคําฟอง คําใหการ คําคัดคานคําใหการ ๒๑ และคําใหการเพ ิ่ มเติม ๒) การแสวงหาขอเท็จจริงนอกเหนือจากท ี่ คูกรณีนําเสนอตอศาล ๒๒ เปนอํานาจดุลพินิจของศาลปกครอง ๑.๔ องคคณะพิจารณาพิพากษา ๒๒ ๑.๕ การน ั่ งพิจารณาคดี๒๔ ๑.๖ การทําคําพิพากษาและคําสง ั่ ๒๔ ๑.๗ การคืนคาธรรมเนียมศาล ๒๕ ๒.วิธีพิจารณาคดีปกครองในศาลปกครองสูงสุด ๒๕ ๒.๑ การอุทธรณคาพํ ิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน ๒๖ ๑) กรณีที่ พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ๒๖ พ.ศ. ๒๕๔๒ กําหนดใหเปนที่สุด ๒) กรณีท่ีพระราชบัญญัติวาดวยการวินิจฉัยช ี้ ขาดอํานาจหนาท่ี๒๖ ระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ กําหนดใหเปนที่สุด ๓) กรณีที่ ระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวย ๒๗ วิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ กําหนดใหเปนที่สุด ๒.๒ การอุทธรณคาสํ ั่ งระหวางพิจารณา ๓๑ ๑) ความหมายของคําส ั่ งระหวางพิจารณา ๓๑ ๒) คําส ั่ งระหวางพิจารณาท ี่ จะตองอุทธรณพรอมกับคําพิพากษาหรือ ๓๒ คําส ั่ งช ี้ ขาดคดี ๒.๓ ระยะเวลาการย ื่ นอุทธรณ๓๔ ๑) การอุทธรณคําพิพากษา ๓๔ ๒) การอุทธรณคําสั่ง ๓๕ ๒.๑) ย ื่ นอุทธรณภายในสามสิบวันนับแตวันที่ไดรับแจงคําสั่ง ๓๕ ๒.๒)ย ื่ นอุทธรณภายในสิบหาวันนับแตวันที่ไดรับแจงคําสั่ง ๓๖ ๒.๔ ผูมีสิทธิอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน ๓๗
(๓) หนา ๒.๕ การมอบอํานาจใหยื่ นอุทธรณแทน ๓๙ ๒.๖ รูปแบบของคําอุทธรณ๔๐ ๑) คําอุทธรณตองมีขอคัดคานคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครอง ๔๑ ช ั้ นตน (ขอ ๑๐๑ วรรคหนึ่ง (๒)) ๒) ขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายท ี่ ยกข ึ้ นอางในคําอุทธรณตองเปนขอเท็จจริง ๔๓ หรือขอกฎหมายที่ไดยกข ึ้ นวากันมาแลวโดยชอบในศาลปกครอง ช ั้ นตน (ขอ ๑๐๑ วรรคสอง) ๒.๑) ตองเปนขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายที่ไดยกข ึ้ นวากันมาแลว ๔๔ โดยชอบในศาลปกครองชั้ นตน ๒.๒)ขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายอันเกี่ ยวดวยความสงบเรียบรอย ๔๙ ของประชาชนหรือปญหาเก ี่ ยวกับประโยชนสาธารณะ สามารถ ยกข ึ้ นตอสูในชั้ นอุทธรณได ๓) คําอุทธรณตองใชถอยคําสุภาพ ๕๐ ๔) คําอุทธรณตองมีสาระอันควรไดรับการวินิจฉัย ๕๑ ๒.๗ อํานาจของศาลปกครองสูงสุดในการพิจารณาอุทธรณ ๕๒ ๑) กรณีคดีปรากฏเหตุที่มิไดปฏิบัติตามบทบัญญัติแหงกฎหมายหรือ ๕๓ ระเบียบในสวนที่วาดวยการทําคําพิพากษาและคําสั่ง ตามขอ ๑๑๒ วรรคหนึ่ง (๑) ๒) กรณีท ี่ศาลปกครองชั้ นตนฟงขอเท็จจริงยังไมพอแกการวินิจฉัย ๕๕ ช ี้ ขาดคดีตามขอ ๑๑๒ วรรคหนึ่ง (๓) ๓) ศาลสามารถยกขอกฎหมายอันเกี่ ยวดวยความสงบเรียบรอยของ ๕๖ ประชาชนขึ้ นวินิจฉัยไดเอง ๓. การขอพิจารณาคดีใหม๕๗ ๓.๑ หลักเกณฑการขอพิจารณาคดีใหม ๕๗ ๑) กรณีที่จะขอใหพิจารณาคดีใหมไดตองเปนกรณีที่ศาลปกครองไดมี ๕๘ คําพิพากษาหรือคําส ั่ งช ี้ ขาดคดีนั้นเสร็จเด็ดขาดแลว ๒) เหตุผลในการขอพิจารณาคดีใหม ๕๙ ๓.๒ ผูมีสิทธิยื่ นคําขอ ๖๓ ๓.๓ ระยะเวลาในการยื่ นคําขอ ๖๔
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง สร ุ ปคําวนิิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ป พ.ศ. ๒๕๕๐ ในประเดนเก ็ ี่ ยวกบกระบวนวั ิธีพิจารณาคด ีปกครอง วิธีพิจารณาคดีปกครองเปนวิธีพิจารณาโดยใชระบบไตสวนซ ึ่ งแตกตางจากระบบ กลาวหาท ี่ใชในศาลยุติธรรม โดยศาลจะเปนผูแสวงหาขอเท็จจริงตางๆ ท ั้ งจากคูกรณีและบุคคล หรือหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท ี่ ของรัฐท ี่ เก ี่ ยวของกับขอพิพาทในคดีน ั้ น กระบวนวิธี พิจารณาจึงเก ี่ ยวของกับการดําเนินการของศาลต ั้ งแตการตรวจคําฟอง การแสวงหาขอเท็จจริง การรับฟงพยานหลักฐาน การสรุปสํานวน และการพิพากษาหรือตัดสินช ี้ ขาดคดี โดยที่ศาลปกครองแบงออกเปน ๒ ช ั้ น คือ ศาลปกครองชั้ นตน และศาลปกครอง สูงสุด วิธีพิจารณาคดีจึงแบงออกเปนวิธีพิจารณาคดีในศาลปกครองชั้นตน และวิธีพิจารณา คดีในศาลปกครองสูงสุด ซ ึ่ งมีกระบวนการพิจารณาท ี่ แยกตางหากจากกัน โดยวิธีพิจารณาคดีปกครอง ในศาลปกครองชั้ นตนจะปรากฏอยูในภาค ๒ แหงระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครอง สูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ สวนวิธีพิจารณาคดีปกครองในศาลปกครอง สูงสุดจะปรากฏอยูในภาค ๓ แหงระเบียบเดียวกัน ในสวนของการสรุปคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับกระบวนวิธี พิจารณาคดีปกครองในศาลปกครองชั้นตนในเอกสารนี้นั้น จะไมปรากฏคําวินิจฉัยเกี่ยวกับ วิธีการช ั่ วคราวกอนการพิพากษา เน ื่องจากไดมีการจัดทําเอกสารวิชาการเก ี่ ยวกับเร ื่ องดังกลาว แยกตางหากออกไปเปนการเฉพาะแลว อยางไรก็ดีเน ื่ องจากเน ื้ อหาท ี่ปรากฏในเอกสารฉบับน ี้เปนการสรุปจากคําวินิจฉัย ของศาลปกครองสูงสุดเฉพาะปพ.ศ. ๒๕๕๐ จึงอาจทําใหเน ื้อหาไมครอบคลุมถึงกระบวนวิธี พิจารณาคดีปกครองทั้ งหมด หากแตจะปรากฏเฉพาะในสวนท ี่ มีอยูในคําวินิจฉัยของศาล ปกครองสูงสุดในปดงกลั าวเทานั้น ๑. วิธีพิจารณาคดีปกครองในศาลปกครองชั้ นตน วิธีพิจารณาคดีปกครองในศาลปกครองชั้ นตนภายใตบังคับของพระราชบัญญัติ จัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และระเบียบของท ี่ประชุมใหญ
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒ ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ มีรายละเอียดและ ข ั้ นตอนที่สําคัญ ดังน ี้ ๑.๑ การฟองคดีตอศาล วิธีพิจารณาคดีปกครองก็เชนเดียวกับวิธีพิจารณาคดีแพงหรือวิธีพิจารณา คดีอาญา ท ี่ ตองเร ิ่ มตนจากการท ี่ คูกรณีย ื่นฟองคดีตอศาล เม ื่อศาลปกครองรับคําฟองไว พิจารณาแลว จึงจะดําเนินกระบวนพิจารณาไปเปนลําดับจนกระท ั่ งมีคําพิพากษา ๑) ลักษณะของคําฟอง แมกฎหมายไมไดกําหนดวาคําฟองท ี่ ย ื่ นตอศาลปกครองจะตองทําในรูปแบบใด แตกฎหมายไดกําหนดสาระสําคัญของคําฟองไวตามมาตรา ๔๕ วรรคหน ึ่ งแหงพระราชบัญญัติ จัดต ั้งศาลปกครองฯ วา คําฟองใหใชถอยคําสุภาพและตองมี (๑) ช ื่ อและท ี่ อยูของผูฟองคดี (๒) ช ื่ อหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท ี่ ของรัฐท ี่ เก ี่ ยวของอันเปน เหตุแหงการฟองคดี (๓) การกระทําท ั้ งหลายท ี่เปนเหตุแหงการฟองคดีพรอมท ั้ งขอเท็จจริง หรือพฤติการณตามสมควรเก ี่ ยวกับการกระทําดังกลาว (๔) คําขอของผูฟองคดี (๕) ลายมือช ื่ อของผูฟองคดีถาเปนการย ื่นฟองคดีแทนผูอ ื่ นจะตองแนบ ใบมอบฉันทะใหฟองคดีแทนมาดวย ซ ึ่งในปพ.ศ. ๒๕๕๐ มีคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดเก ี่ ยวกับสาระสําคัญ ท ี่ จะตองระบุในคําฟอง ดังน ี้ ๑.๑) ชื่ อหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท ี่ ของรัฐท ี่ เก ี่ ยวของ อันเปนเหตุแหงการฟองคดี ผูถูกฟองคดีเปนผูท ี่ จะตองปฏิบัติตามคําบังคับของศาล ดังน ั้ น จึงตองกําหนดตัวผูถูกฟองคดีใหชัดเจน ในกรณีท ี่ คําฟองกําหนดตัวผูถูกฟองคดี ไมชัดเจน หรือไมครบถวน ศาลปกครองชั้ นตนสามารถกําหนดตัวผูถูกฟองคด ีใหชัดเจน หรือกําหนดเพ ิ่ มข ึ้ นเพ ื่อใหสอดคลองกับขอเท ็ จจริงในคําฟองและคําขอของผูฟองคดีได ตามท ี่ ผูฟองคดีฟองวา ท ี่ประชุมอธิการบดีแหงประเทศไทยมีมติ เก ี่ ยวกับการใชคะแนนการสอบวัดผลทางการศึกษาแหงชาติข ั้ นพ ื้ นฐาน (โอเน็ต) ในการคัดเลือก
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓ บุคคลเขาศึกษาตอในสถาบันอุดมศึกษาวา ใหใชคะแนนทดสอบท ี่ บุคคลน ั้นไดรับจากการเขาทดสอบ ดังกลาวในครั้ งแรกเทาน ั้ น ทําใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนเสียหาย เน ื่ องจากผูฟองคดีไดเขา ทดสอบโอเน็ตมาแลวหน ึ่ งคร ั้งและไดรับคะแนนนอยจนทําใหไมสามารถเขามหาวิทยาลัยไดน ั้ น โดยที่ ท ี่ประชุมอธิการบดีแหงประเทศไทยมิไดเกิดข ึ้นโดยผลของกฎหมาย แตเกิดจากการตกลง รวมกันระหวางอธิการบดีของมหาวิทยาลัยของรัฐ มติที่ประชุมอธิการบดีแหงประเทศไทยจึงปราศจาก กฎหมายรองรับ และไมมีสภาพบังคับโดยตัวเอง การท ี่ มติดังกลาวจะเกิดผลในทางปฏิบัติไดน ั้ น จําตองปรากฏดวยว าอธิการบดีของมหาวิทยาลัยของรัฐท ี่ เขารวมประชุมไดอาศัยอํานาจตามกฎหมาย วาดวยมหาวิทยาลัยของรัฐหรือตามท ี่ไดรับมอบจากสภามหาวิทยาลัยท ี่ ตนสังกัด ออกคําส ั่ งหรือ กระทําการตามมติดังกลาว ฉะน ั้ น จึงอนุโลมวาคําฟองคดีน ี้เปนการฟองอธิการบดีของมหาวิทยาลัย ของรัฐซ ึ่ งรวมเปนท ี่ประชุมอธิการบดีแหงประเทศไทย (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๒๐๑/๒๕๕๐) การท ี่ ผูฟองคดีฟองคณะอนุกรรมการขาราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาเขตพ ื้ นท ี่ การศึกษาขอนแกน เขต ๒ วาผูถูกฟองคดีประกาศรับสมัครขาราชการครู และบุคลากรทางการศึกษาเพ ื่ อแตงต ั้งใหดํารงตําแหนงผูอํานวยการสถานศกษาโดยประกาศว ึ า มีตําแหนงวางเพียง ๑๕ ตําแหนง ซ ึ่ งผูอํานวยการสํานักงานเขตพ ื้ นท ี่ การศึกษาขอนแกน เขต ๒ มีหนาท ี่ รับผิดชอบเก ี่ ยวกับการทําประวัติขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้ นท ี่ ท ี่ ผูฟองคดี สังกัด ตองรูวามีตําแหนงดังกลาววางมากกวาท ี่ประกาศ แตมิไดแจงหรือเสนอตอผูถูกฟองคดี เพ ื่ อทราบ ประกอบกับผูถูกฟองคดีก็ทราบอยูแลวแตไมประกาศใหทราบเพ ิ่ มเติมวามีตําแหนง วางอยูอีก เปนเหตุใหผูฟองคดีตองเสียสิทธิในการไดรับการแตงต ั้ ง จึงนําคดีมาฟองขอให ประกาศตําแหนงวางเพ ิ่ มเติมและบรรจุผูฟองคดีในตําแหนงดังกลาว คดีน ี้ นอกจากจะกําหนดให คณะอนุกรรมการขาราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเขตพ ื้ นท ี่ การศึกษาขอนแกน เขต ๒ เปนผูถูกฟองคดีแลว ศาลชอบท ี่ จะกําหนดใหผูอํานวยการสํานักงานเขตพ ื้ นท ี่ การศึกษา ขอนแกน เขต ๒ เปนผูถูกฟองคดีเพ ิ่ มข ึ้ น เพ ื่อใหสอดคลองกับขอเท็จจริงในคําฟองและคําขอ ของผูฟองคดีตอไป (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๒๑/๒๕๕๐) ๑.๒) การกระทําท ั้ งหลายท ี่เปนเหตุแหงการฟองคดี คําฟองจะตองกลาวถึงการกระทําท ั้ งหลายท ี่เปนเหตุแหงการฟองคดี และมีขอเท็จจริงหรือพฤติการณตามสมควรเก ี่ ยวกับการกระทําดังกลาว ผูฟองคดีท ั้ งสิบบรรยายฟองวา ผูฟองคดีท ั้ งสิบไดใชประโยชนจาก ลําเหมืองสาธารณะทําการเกษตรกรรมมากวา ๑๐ ปแตเจาของท ี่ ดินรายหน ึ่งไดลอมร ั้วปดก ั้ น ลําเหมืองชวงท ี่ไหลผานที่ดินของตนและวางทอระบายน ้ําลงไปในลําเหมือง ทําใหน้ําในลําเหมือง ไหลไมสะดวกและผูฟองคดีท ั้ งสิบไมสามารถเขาไปดูแลลําเหมืองบริเวณดังกลาวไดผูฟองคดี
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๔ ท ั้ งสิบไดรองขอใหเทศบาลตําบลท ี่ มีอํานาจหนาท ี่ ดูแลลําเหมืองส ั่งใหดําเนินการร ื้ อถอนร ั้ วและ ทอระบายน ้ํ า แตเทศบาลตําบลมีคําส ั่งใหร ื้ อถอนร ั้วออกไปอยางเดียวไมส ั่งใหร ื้ อถอนทอระบายน ้ํ า ออกไปดวย ผูฟองคดีท ั้ งสิบจึงนําคดีมาฟองขอใหเพิกถอนคําส ั่ งของเทศบาลตําบลท ี่ไมส ั่งใหร ื้ อถอน ทอระบายน ้ํ า คําฟองของผูฟองคดีน ี้ ถือเปนคําฟองท ี่ไดกลาวอางถึงการกระทําท ั้ งหลายท ี่เปนเหตุ แหงการฟองคดีพรอมท ั้ งขอเท็จจริงหรือพฤติการณตามสมควรเก ี่ ยวกับการกระทําดังกลาว และ ปรากฏคําขอท ี่ ศาลออกคําบังคับไดรวมท ั้ งคําฟองไดปรากฏชื่ อและท ี่ อยูของผูฟองคดีท ั้ งสิบ ช ื่ อหนวยงานทางปกครองที่ เก ี่ ยวของอันเปนเหตุแหงการฟองคดีและปรากฏลายมือช ื่ อของ ผูรับมอบอํานาจจากผูฟองคดีท ั้ งสิบลงช ื่อในคําฟองแทนซ ึ่งปรากฏหลักฐานตามเอกสารใบมอบ อํานาจท ี่ เสนอมาพรอมกับคําฟอง กรณีจึงเปนคําฟองท ี่ มีความสมบรณูครบถวนตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๗๓/๒๕๕๐) คําฟองที่ผูฟองคดีกลาวลอยๆ วา ผูถูกฟองคดีไมปฏิบัติหนาท ี่ ตามกฎหมายวาดวยขอมูลขาวสารของทางราชการ แตไมมีเอกสารหลักฐานวาผูฟองคดีไดมี หนังสือถึงผูถูกฟองคดีเพ ื่ อขอเอกสารเม ื่อใดและผูถูกฟองคดีดําเนินการอยางใด เปนคําฟอง ที่ไมสมบูรณเน ื่องจากไมมีฐานขอมูลท ี่แสดงในเบื้ องตนวาผูถูกฟองคดีไดละเลยการปฏิบัติหนาท ี่ ตามกฎหมายหรือไมรวมท ั้ งขอมูลบงช ี้ วาผูฟองคดีไดนําคดีมาฟองตอศาลภายในกําหนด ระยะเวลาการฟองคดีหรือไม (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๕๘๕/๒๕๕๐) คําฟองท ี่ ระบุเพียงวาสถาบันทดสอบทางการศึกษาแหงชาติและ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ออกมติกฎ ระเบียบ หลักเกณฑอ ื่ นๆ เก ี่ ยวกับการคัดเลือกบุคคลเขาศึกษา ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐโดยนอกเหนืออํานาจหนาที่ทั้งไมประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงไมสามารถใชบังคับไดขอใหเพิกถอนการกระทําทางปกครองดังกลาวท ั้ งหมด ถือวาเปนคําฟอง ท ี่ มิไดระบุการกระทําท ี่เปนเหตุแหงการฟองคดีพรอมท ั้ งขอเท็จจริงหรือพฤติการณตามสมควร เก ี่ ยวกับการกระทําดังกลาวโดยชัดแจงตามมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้ ง ศาลปกครองฯ แตสามารถแกไขใหถูกตองไดโดยใหระบุวาประสงคจะขอใหศาลเพิกถอน ระเบียบ ขอบังคับ มติหรือคําสั่ง ฉบับใดบาง (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๗๘๖/๒๕๕๐) ๒) ประเภทของคําฟอง มาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ ไดบัญญัติใหคําฟอง หมายความวา การเสนอขอหาตอศาล ไมวาจะไดเสนอตอศาลปกครองชั้ นตนหรือศาลปกครอง สูงสุด ไมวาจะไดเสนอในขณะที่ เร ิ่ มคดีโดยคําฟองหรือคํารองขอ หรือเสนอในภายหลังโดยคําฟอง เพ่มเติ ิม หรือแกไข หรือฟองแยง หรือโดยสอดเขามาในคดีไมวาจะดวยความสมัครใจ หรือ ถูกบังคับ หรือโดยมีคําขอใหพิจารณาใหม ดังน ั้ น คําฟองจึงอาจมีไดหลายรูปแบบ ท ั้ งน ี้ศาลปกครอง
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๕ สูงสุดเคยมีคําวินิจฉัยวา คํารองขอใหศาลหมายเรียกธนาคารพาณิชยซ ึ่งเปนผูค ้ําประกันสัญญา จางเหมากอสรางปรับปรุงขยายการประปา มาเปนผูถูกฟองคดีรวมกับเอกชนผูรับจาง และขอ แกไขเพิ่มเติมคําฟองขอใหธนาคารพาณิชยชําระเงินตามสัญญาค ้ําประกันพรอมดอกเบี้ย มีลักษณะเปนคําฟองตามมาตรา ๓ แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครอง สูงสุดท ี่ ๔๖๗/๒๕๕๐ และท ี่ ๔๘๙/๒๕๕๐) ๒.๑) การแกไขเพิ่ มเติมคําฟอง พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ ไมไดกําหนดหลักเกณฑ วิธีการ ข ั้ นตอน หรือขอจํากัดเก ี่ ยวกับการแกไขเพิ่ มเติมคําฟองไวเปนการเฉพาะ แตหาก พิจารณาจากขอ ๔๘ ประกอบกับขอ ๖๒ วรรคสาม๑แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณา คดีปกครองฯ จะไดความวาการขอแกไขคําฟองหรือย ื่ นคําฟองเพ ิ่ มเติมจะตองกระทํากอนวัน ส ิ้ นสุดการแสวงหาขอเท็จจริง และคําฟองท ี่ แกไขหรือเพ ิ่ มเติมน ั้ นจะตองเก ี่ ยวของกับคําฟองเดิม พอท ี่ จะรวมการพิจารณาและช ี้ ขาดตัดสินเขาดวยกันได ๒นอกจากน ี้ เม ื่ อคําฟองเพ ิ่ มเติมถือเปน คําฟองดวย การย ื่ นคําฟองเพ ิ่ มเติมจึงตองเปนไปตามเงื่อนไขของการฟองคดีดวย เชน ผูฟองคดี ตองไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายจากเหตุที่ ระบุในคําฟอง เพ ิ่ มเติม (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๐๙/๒๕๕๐) ตองมีการแกไขเยียวยาความเดือดรอนหรือ เสียหายกอนการฟองคดี (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๙๒/๒๕๕๐ และท ี่ ๑๙๒/๒๕๕๐) และตอง ดําเนินการภายในระยะเวลาการฟองคดี (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๒๔/๒๕๕๐) เปนตน ๑ ระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขอ ๔๘ คําคัดคานคําใหการของผูฟองคดีใหมีไดเฉพาะในประเด็นที่ไดยกข ึ้ นกลาวในคําฟอง คําใหการ หรือที่ศาลกําหนด ถาผูฟองคดีทําคําคัดคานคําใหการโดยมีประเด็นหรือคําขอเพิ่มข ึ้นใหมตางจากคําฟอง คําใหการ หรือที่ศาลกําหนด ใหศาลสั่งไมรับประเด็นหรือคาขอใหม ํ นั้นไวพิจารณา ขอ ๖๒ เมื่อองคคณะไดรับสํานวนคดีจากตุลาการเจาของสํานวนแลว หากเห็นวาไมมีกรณีที่จะตองแสวงหาขอเท็จจริง เพิ่มเติม ใหตุลาการหัวหนาคณะมีคําสั่งกําหนดวันหนึ่งวันใดเปนวันส ิ้ นสุดการแสวงหาขอเท็จจริงในคดีนั้น ใหศาลแจงใหคูกรณีทราบกําหนดวันส ิ้ นสุดการแสวงหาขอเท็จจริงลวงหนาไมนอยกวาสบวิ ัน บรรดาคําฟองเพิ่มเติม คําใหการ คําคัดคานคําใหการ คําใหการเพิ่มเติม รวมทั้งพยานหลักฐานอื่นๆ ที่ยื่นตอศาล หลังวันส ิ้ นสุดการแสวงหาขอเท็จจริง ไมใหศาลรับไวเปนสวนหนึ่งของสํานวนคดีและไมตองสงสําเนาใหคูกรณีที่เกี่ยวของ ๒ การแกไขเพิ่มเติมคําฟองหรือคําใหการนั้น แมขอกําหนดตามระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ จะมิไดกําหนด หลักเกณฑวิธีการ ขั้นตอน หรือขอจํากัดไวก็ตาม แตหากพิจารณาตามขอ ๖๒ วรรคสาม แหงระเบียบดังกลาวแลว ก็พอจะแปล ความหมายไดวา การยื่นคําฟองเพิ่มเติมนั้น จะกระทําไดกอนวันส ิ้ นสุดการแสวงหาขอเท็จจริง และคําฟองเพิ่มเติมจะตองอยูบน พ ื้ นฐานที่เกี่ยวของกับคําฟองเดิมพอที่จะรวมพิจารณาและช ี้ ขาดตัดสินเขาดวยกันได(คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่๑๐๓/๒๕๕๐ และท ี่ ๗๖๒/๒๕๕๐)
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๖ ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําวินิจฉัยเก ี่ ยวกับการขอแกไขคําฟอง หรือย ื่ นคําฟองเพ ิ่ มเติม ดังน ี้ (๑) คําฟองเพ ิ่ มเติมจะตองเก ี่ ยวของกับคําฟองเดิมพอท ี่ จะ รวมการพิจารณาและชี้ ขาดตัดสินเขาดวยกันได (๑.๑) กรณีเก ี่ ยวของกับคําฟองเดิม เดิมผูฟองคดีฟองอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๑) และมหาวิทยาลัยมหิดล (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๒) วาไมจัดสงขอมูลขาวสารใหแกผูฟองคดี ตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปดเผยขอมูลขาวสารใหครบถวน อันเปนคดีพิพาท เก ี่ ยวกับการท ี่ เจาหนาท ี่ ของรัฐละเลยตอหนาท ี่ ตามท ี่ กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติ หนาท ี่ ดังกลาวลาชาเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหน ึ่ ง (๒) แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ ตอมาในระหวางแสวงหาขอเท็จจริง ผูฟองคดียื่นคําฟองเพิ่มเติมเรียกคาเสียหายจากการท ี่ ผูถูกฟองคดีท ี่ ๑ ไมจัดสงขอมูลขาวสารในกรณีขางตนจากผูถูกฟองคดีท ี่ ๒ ซ ึ่งเปนหนวยงาน ตนสังกัด อันเปนคดีพิพาทเก ี่ ยวกับการกระทําละเมิดของเจาหนาท ี่ ของรัฐอันเกิดจากการละเลย ตอหนาท ี่ ตามท ี่ กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท ี่ ดังกลาวลาชาเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน กรณีน ี้ เหตุแหงการฟองคดีตามคําฟอง เพ ิ่ มเติมเปนเหตุเดียวกับคดีตามคําฟองเดิม (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๒๔/๒๕๕๐) ๓ เดิมผูฟองคดีฟองขอใหศาลพิพากษาใหอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล (ผูถูกฟองคดี) แกไขเพิ่ มเติมคําส ั่ งเล ื่ อนข ั้ นเงินเดือนประจําปงบประมาณ ๒๕๔๗ และคําส ั่งใหขาราชการรับรางวัลประจําปงบประมาณ ๒๕๔๗ กรณีของผูฟองคดีใหเสร็จส ิ้ น ภายในระยะเวลาที่ ศาลเห็นสมควร ตอมาหลังจากผูฟองคดีย ื่ นคําคัดคานคําใหการเพ ิ่ มเติม และศาลไดเรียกใหผูฟองคดีและผูถูกฟองคดีช ี้ แจงเพ ิ่ มเติมแลว ผูฟองคดีไดย ื่ นคําฟองเพ ิ่ มเติม เรียกคาเสียหายจากการท ี่ ผูถูกฟองคดีเลือกปฏิบัติในการเลื่ อนข ั้ นเงินเดือนแกผูฟองคดี ตลอดเวลาสิบปท ี่ ผานมา (ต ั้ งแตป๒๕๓๗ ถึง ๒๕๔๗) พรอมกับเรียกคาเสียหายในกรณีอ ื่ นอีก คือ คาชดเชยเงินบํานาญท ี่ขาดไป คารักษาพยาบาล คาชดเชยความกาวหนาในหนาท ี่ ราชการฯลฯ ศาลเห็นวา คําฟองเพ ิ่ มเติมเรียกคาเสียหายจากการท่ีผูถูกฟองคดีเลือกปฏิบัติในการเลื่ อนข ั้ น เงินเดือนแกผูฟองคดีถือวาเหตุแหงคําฟองเพ ิ่ มเติมเปนการฟองในมูลละเมิดอันเกิดจากการ ๓ ในคดีน ี้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา วันที่รูหรือควรรูเหตุแหงการฟองคดีทั้งสองกรณีเปนวันเดียวกัน การที่ผูฟองคดี ไดยื่นคําฟองเพิ่มเติมตอศาลเมื่อพนหนึ่งปนับแตวันที่รูเหตุแหงการฟองคดีศาลจึงไมอาจรับคําฟองเพิ่มเติมของผูฟองคดี ไวพิจารณาไดตามมาตรา ๕๑ แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๗ พิจารณาและมีคําส ั่ งเล ื่ อนข ั้ นเงินเดือนของผูถูกฟองคดีอันเปนมูลเหตุเดียวกันกับคําฟองเดิม (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๙๒/๒๕๕๐) ๔ เดิมผูฟองคดีฟองขอใหศาลส ั่งใหผูวาการตรวจเงินแผนดิน (ผูถูกฟองคดี) จัดสงสําเนาเอกสารท ี่ เก ี่ ยวของกับกรณีท ี่ ผูฟองคดีรองเรียนตอผูถูกฟองคดี เก ี่ ยวกับการจัดซ ื้ อพัสดุราชการไมชอบดวยกฎหมาย ซ ึ่ งผูฟองคดีรองขอใหจัดสงใหแกผูฟองคดี ตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปดเผยขอมูลขาวสาร ตอมาผูฟองคดีไดย ื่ นคําฟอง เพ ิ่ มเติมขอใหศาลกําหนดสํานักงานการตรวจเงินแผนดินเปนผูถูกฟองคดีท ี่ ๒ และใหชดใช คาเสียหายจากการท ี่ ผูถูกฟองคดีปฏิบัติหนาท ี่ ลาชาเกินสมควรเปนเหตุใหผูฟองคดีตองถูกปลด ออกจากตําแหนง ศาลเห็นวา ผูฟองคดีไดย ื่ นคําฟองเพ ิ่ มเติมกอนวันส ิ้ นสุดการแสวงหา ขอเท็จจริง และแมวาคําฟองเพ ิ่ มเติมจะเปนคําขอใหมท ี่เปนคนละขอหากับคําฟองเดิม แตก็ เก ี่ ยวของกับคําฟองเดิมและเปนประเด็นแหงคดีเดียวกันพอท ี่ จะรวมการพิจารณาและช ี้ ขาด เขาดวยกันได (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๑๐๓/๒๕๕๐) เดิมผูฟองคดีซ ึ่ งดํารงตําแหนงปลัดเทศบาลฟองนายกเทศมนตรี คณะกรรมการประเมินผลงานของปลัดเทศบาล และคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด เปนผูถูกฟองคดีท ี่ ๑ ถึงผูถูกฟองคดีท ี่ ๓ ตามลําดับ ขอใหเพิกถอนคําส ั่ งของผูถูกฟองคดีท ี่ ๑ ท ี่ แตงต ั้ งผูฟองคดีไปประจําสํานักงานเลขานุการคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัด และคําส ั่ ง แตงต ั้ งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอยางรายแรงและใหเพิกถอนความเห็นของผูถูกฟองคดีท ี่ ๒ ท ี่ไมผานการประเมินผลงานใหแกผูฟองคดีซ ึ่งศาลปกครองชั้ นตนไดรับคําฟองไวพิจารณาแลว ตอมาผูฟองคดีย ื่ นคําฟองเพ ิ่ มเติมขอใหศาลมีคําส ั่ งระงับการรับโอน (ยาย) หรือคัดเลือก ปลัดเทศบาล ระดับ ๗ แทนตําแหนงของผูฟองคดี ศาลเห็นวาประเด็นตามคําฟองเพิ่มเติม ๔ ในคดีน ี้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา คําฟองเพิ่มเติมเปนคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓) แหงพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองฯ จึงตองยื่นฟองภายในกําหนดหนึ่งปนับแตวันที่รูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีฯลฯ ตามมาตรา ๕๑ แหง พระราชบัญญัติเดียวกัน เมื่อขอเท็จจริงปรากฏวา ในการพิจารณาและมีคําสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนดังกลาว ไดมีการแจงใหผูฟองคดี ไดทราบในแตละปงบประมาณแลว ถือวาผูฟองคดีไดรูหรือควรรูถึงเหตุแหงการฟองคดีภายในรอบการประเมินพิจารณาเลื่อนขั้น เงินเดือนในปงบประมาณนั้นๆ การที่ผูฟองคดียื่นคําฟองเพิ่มเติมเมื่อวันที่๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๙ ขอใหชดใชคาเสียหาย กรณีการเลือกปฏิบัติในการเลื่อนขั้นเงินเดือน ฯลฯ นั้น คาเสียหายสําหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนประจําปงบประมาณ ๒๕๓๗ ถึง ๒๕๔๖ จึงเปนการฟองเพิ่มเติมที่พนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีแลว สําหรับคาเสียหายกรณีอื่นๆ เห็นวา เปนคาเสียหาย ที่ไมไดเกิดจากการพิจารณาและมีคําสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนของผูถูกฟองคดีโดยตรง ผูฟองคดีจึงไมใชผูไดรับความเดือดรอน หรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายที่จะมีสิทธิฟองคดีไดตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่งแหงพระราชบัญญัติเดียวกัน ที่ศาลปกครองชั้นตนรับคําฟองเพิ่มเติมเรียกคาเสียหายเฉพาะจากคําสั่งเลื่อนขั้นเงินเดือนประจําปงบประมาณ ๒๕๔๗ ไว พจารณาิสวนคําฟองเพิ่มเติมในกรณีอื่นไมรับไวพิจารณา จึงเปนการชอบแลว
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๘ เปนประเด็นท ี่ มีความเก ี่ ยวของกันพอท ี่ จะรวมการพิจารณาและช ี้ ขาดตัดสินเขาดวยกันได (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๑๙๒/๒๕๕๐) ๕ เดิมผูฟองคดีย ื่ นคําฟองขอใหกรมชลประทาน (ผูถูกฟองคดี) จายเงินคาทดแทนท ี่ ดิน คาตนไมและคาบานเรือนเพ ิ่ มข ึ้ นจากราคาท ี่ กําหนดไวเดิม การท ี่ ผูฟองคดี ย ื่ นคําฟองเพ ิ่ มเติม ขอใหผูถูกฟองคดีจายคาทดแทนเพ ิ่ มข ึ้นในสวนของคาแรงร ื้ อถอน คาซ ื้ อ ท ี่ ดินแปลงใหมคาปลูกบานใหมคาตนไมคาเสียโอกาสในการดําเนินธุรกิจ ถือเปนคําฟอง เพ ิ่ มเติมท ี่ เก ี่ ยวของกับคําฟองเดิมพอท ี่ จะรวมการพิจารณาและช ี้ ขาดตัดสินเขาดวยกันได (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๘๙๓/๒๕๕๐) (๑.๒) กรณีไมเก ี่ ยวกับคําฟองเดิม เดิมผูฟองคดีซ ึ่งเปนผูใชบริการสินเช ื่ อสวนบุคคลกับ ผูประกอบธุรกิจท ี่ไมใชสถาบันการเงินไดย ื่นฟองธนาคารแหงประเทศไทยเมื่ อวันท ี่ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๙ ขอใหศาลเพิกถอนประกาศของผูถูกฟองคดีลงวันท ี่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ เร ื่ อง การกําหนด หลักเกณฑวิธีการ และเง ื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเช ื่ อสวนบุคคลภายใตการกํากับ สําหรับ ผูประกอบธุรกิจท ี่ มิใชสถาบันการเงิน โดยใหมีผลใชบังคับต้ังแตวันท ี่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘ เฉพาะในสวนที่กําหนดใหผูประกอบธุรกิจอาจเรียกดอกเบ ี้ ย คาปรับ คาบริการและคาธรรมเนียมใดๆ เก ี่ ยวกับสินเช ื่ อสวนบุคคลภายใตการกํากับ ซ ึ่ งรวมกันแลวตองไมเกินรอยละ ๒๘ ตอปโดยผูฟองคดี อางวาผูใหบริการสินเช ื่ อสวนบุคคลภายใตการกํากับดูแลของผูถูกฟองคดีไดอาศัยประกาศ ดังกลาวเรียกเก็บดอกเบ ี้ ยจากผูฟองคดีซ ึ่งเปนผูใชบริการในอัตราท ี่ สูง ทําใหผูฟองคดีไดรับ ความเดือดรอนหรือเสียหาย ตอมาผูฟองคดีทราบจากคําใหการของผูถูกฟองคดีวา ประกาศ ดังกลาวไดถูกยกเลิกไปแลว และผูถูกฟองคดีไดออกประกาศเรื่ องเดียวกันใหมลงวันท ี่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ โดยใหมีผลใชบังคับต ั้ งแตวันท ี่ ๑ มกราคม ๒๕๕๐ ผูฟองคดีเห็นวาแมประกาศ ฉบับเดิมจะถูกยกเลิกไปแลว แตประกาศฉบับใหมก็ยังคงมีขอความใหผูประกอบธุรกิจเรียก ดอกเบ ี้ยในอัตราไมเกินรอยละ ๒๘ ตอปอยูเชนเดิม จึงขอแกไขคําฟองจากเดิมท ี่ ระบุประกาศ ของผูถูกฟองคดีท ี่ขอใหศาลเพิกถอน คือ ประกาศลงวันท ี่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ เปนประกาศ ของผูถูกฟองคดีลงวันท ี่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙ กรณีน ี้ ศาลเห็นวาในขณะยื่ นคําฟองคดีผูฟองคดี ไดรับผลกระทบจากประกาศของผูถูกฟองคดีลงวันท ี่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘ ซึ่งมีผลใชบังคับ ๕ ในคดีน ี้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา ผูฟองคดีไดรองทุกขกรณีที่ผูบังคับบัญชาปฏิบัติตอตนโดยไมถูกตอง ฯลฯ ตอผูมี อํานาจพิจารณาคํารองทุกขตามกฎหมายแลว และไดนําคดีมาฟองตอศาลปกครองในขณะที่ยังไมพนระยะเวลาเกาสิบวันนับแต วันที่ผูมีอํานาจพิจารณาคํารองทุกขไดรับคํารองทุกขตามที่กฎหมายกําหนดใหพิจารณาคํารองทุกขใหแลวเสร็จ จึงเปนกรณี ที่ผูฟองคดีดําเนินการยังไมครบขั้นตอนตามที่กฎหมายกําหนดกอนนําคดีมาฟองตอศาลปกครอง
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๙ ต ั้ งแตวันท ี่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ยังไมไดรับผลกระทบจากประกาศฉบับใหม ดังน ั้ น ในขณะ ฟองคดีผูฟองคดีจึงยังมิใชผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหายจากประกาศฉบับใหมจึงไมมีสิทธิ ฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ ศาล ไมอนุญาตใหแกไขเพิ่ มเติมคําฟอง (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๐๙/๒๕๕๐) เดิมผูฟองคดีซ ึ่งเปนผูซ ื้ อท ี่ ดินพรอมส ิ่งปลูกสราง จากผูไดรับใบอนุญาตใหกอสรางอาคาร (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๒) ฟองวาเทศบาลตําบล (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๑) ละเลยตอหนาท ี่ ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยไมควบคุมดูแลใหผูถูกฟองคดี ท ี่ ๒ กอสรางอาคารและระบบสาธารณูปโภคใหถูกตองตามแบบแปลนที่ไดรับอนุญาต ขอให หนวยงานทางปกครองที่ เก ี่ ยวของดําเนินการตามอํานาจหนาท ี่ การท ี่ ผูฟองคดีย ื่ นคําฟองเพ ิ่ มเติม วาผูถูกฟองคดีท ี่ ๒ กอสรางอาคารรุกล ้ํ าเขตทางหลวง พรอมกบขอให ั เรียกกระทรวงคมนาคมและ กระทรวงมหาดไทยเขามาเปนผูถูกฟองคดีรวม ถือเปนการยกขอเท็จจริงเพ ื่ อต ั้งประเด็นพิพาท แตกตางจากฟองเดิมและมีคําขอใหมเพ ิ่ มเติมจากคําฟองเดิม อันมีผลเปนการฟองบุคคลอ ื่ น ในประเด็นท ี่ไมใชประเด็นพิพาทในคดีเดิม เสมือนเปนการฟองอีกคดีหน ึ่ งตางหากจากคดีเดิม จึงไมใชเปนกรณีแกไขเพิ่ มเติมคําฟองเดิมใหบริบูรณผูฟองคดีชอบท ี่ จะตองย ื่ นคําฟองเปนคดีใหม ตางหาก (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๗๑๒/๒๕๕๐) เดิมผูฟองคดีฟองขอใหผูบังคับบัญชาเปดเผยขอมูล เก ี่ ยวกับการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยผูฟองคดีตามคําวินิจฉัยของคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปดเผยขอมูลขาวสาร ซ ึ่งเปนคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหน ึ่ ง (๒) แหงพระราชบัญญัติ จัดต ั้งศาลปกครองฯ แตคําฟองเพ ิ่ มเติมเปนการฟองวาผูบังคับบัญชามีคําส ั่งลงโทษทางวินัย ในลักษณะกล ั่ นแกลงผูฟองคดีใหเสียหายตอช ื่ อเสียง ถูกดูหม ิ่ นเกลียดชังโดยไมเปนธรรม ขอให เพิกถอนคําส ั่ งดังกลาวและใหชดใชคาเสียหายอันเน ื่ องมาจากการกระทําดังกลาว ซ ึ่งเปนคดีพิพาท เก ี่ ยวกับการท ี่ เจาหนาท ี่ ของรัฐกระทําการโดยไมชอบดวยกฎหมายและคดีพิพาทเก ี่ ยวกับการท ี่ เจาหนาท ี่ ของรัฐกระทําละเมิดอันเกิดจากการใชอํานาจตามกฎหมาย ตามมาตรา ๙ วรรคหน ึ่ ง (๑) และ (๓) แหงพระราชบัญญัติเดียวกัน คําฟองเพ ิ่ มเติมจึงไมเก ี่ ยวของกับคําฟองเดิม (คําส ั่ งศาล ปกครองสูงสุดท ี่ ๗๖๒/๒๕๕๐) (๒) การแกไขเพิ่ มเติมคําฟอง ตองย ื่ นคําขอในชั้ นพิจารณาคดี ของศาลปกครองชั้ นตน เดิมผูฟองคดีย ื่นฟองและแกไขเพิ่ มเติมคําฟองใหเจาพนักงาน ที่ดินจังหวัดเชียงใหมสาขาสันทราย (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๑) นายอําเภอสันทราย (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๒) และกรมที่ดิน (ผูถูกฟองคดีที่ ๓) รวมกันชดใชคาเสียหายจากการที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ไมดําเนินการ
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๐ ออกโฉนดที่ ดินใหผูฟองคดีเน ื่ องจากผูถูกฟองคดีท ี่ ๒ คัดคานการรังวัด แตศาลปกครองชั้ นตน เห็นวาผูฟองคดีสามารถย ื่นฟองผูถูกฟองคดีท ี่ ๓ ใหรับผิดไดแตไมอาจย ื่นฟองผูถูกฟองคดีท ี่ ๑ ใหรับผิดเปนการสวนต ัวไดตามมาตรา ๕ แหงพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจาหนาท ี่ พ.ศ. ๒๕๓๙ สวนการท ี่ ผูถูกฟองคดีท ี่ ๒ คัดคานการรังวัด เปนการดําเนินการในฐานะเดียวกับ เจาของท ี่ ดินท ั่วไป ไมใชเปนการใชอํานาจทางปกครอง จึงมีคําส ั่งไมรับคําฟองในสวนท ี่ฟอง ผูถูกฟองคดีที่ ๑ และผูถูกฟองคดีท ี่ ๒ ไวพิจารณา คดีอยูระหวางการพิจารณาของศาลปกครอง สูงสุด ผูฟองคดีย ื่ นคํารองขอใหศาลปกครองสูงสุดเปลี่ยนแปลงตัวผูถูกฟองคดีเพ ื่อใหสอดรับกับ คําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนในการฟ องเรียกคาเสียหายจากหนวยงานของรัฐ ถือเปนการแกไข เพ ิ่ มเติมคําฟองและคําฟองเพ ิ่ มเติมเดิมของผูฟองคดีซ ึ่ งผูฟองคดีชอบท ี่ จะย ื่ นแกไขเพิ่ มเติม คําฟองนี้ไดในชั้ นพิจารณาของศาลปกครองชั้ นตน ศาลปกครองสูงสุดจึงไมมีอํานาจรับคํารองขอ เปลี่ ยนตัวผูถูกฟองคด ีไวพิจารณาได(คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๗๗/๒๕๕๐) ๒.๒) การฟองแยง คําฟองแยง ๖ คือคําฟองของผูถูกฟองคดีที่ฟองผูฟองคดีกลับ โดยถือเปนคําฟองใหม คําฟองแยงน ั้ นตองเก ี่ ยวของกับคําฟองเดิมท ี่ รวมพิจารณาเขาดวยกันได ถาคําฟองแยงไมเก ี่ ยวกับคําฟองเดิม ตุลาการเจาของสํานวนมีอํานาจส ั่งไมรับคําฟองแยง และ คําส ั่ งดังกลาวเปนที่สุด และโดยที่คําฟองแยงถือเปนคําฟอง ดังน ั้ น ผูถูกฟองคดีซ ึ่งเปนผูฟองแยง จึงตองปฏิบัติตามเง ื่อนไขของการฟองคดีดวยเชนกัน เชน กรมศิลปากรไดย ื่นฟองขอใหบริษัทรับเหมากอสราง (ผูถูกฟองคดี ท ี่ ๑) ชําระเงินคาปรับจากการกอสรางอาคารตามสัญญาจางเหมากอสรางไมแลวเสร็จภายใน กําหนดเวลา และขอใหธนาคาร (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๒) ชําระเงินตามสัญญาค ้ําประกันการปฏิบัติ ตามสัญญาของผูถูกฟองคดีท ี่ ๑ ผูถูกฟองคดีท ี่ ๑ ฟองแยงมาในคําใหการวา ผูฟองคดีตรวจรับงาน แตละงวดลาชาเกินกวาสามวัน และเหตุที่ การกอสรางลาชาเปนเพราะความผิดและบกพรองของ ผูฟองคดีทําใหผูถูกฟองคดีที่๑ ตองเสียคาใชจายในการทํางานเพิ่มมากขึ้น จึงฟองขอให ผูฟองคดีชดใชคาเสียหาย ศาลเห็นวา เปนกรณีที่ผูถูกฟองคดีที่ ๑ ฟองโตแยงสิทธิที่มีตอผูฟองคดี ในมูลสัญญาเดียวกันกับคําฟองของผูฟองคดีจึงเปนคําฟองแยงท ี่ เก ี่ ยวกับคําฟองเดิม และโดยที่ ๖ ระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขอ ๔๔ ผูถูกฟองคดีจะฟองแยงมาในคําใหการก็ไดคําฟองแยงนั้นใหถือเสมือนเปนคําฟองใหม ในกรณีที่คําฟองแยงนั้นเปนเรื่องที่ไมเกี่ยวกับคําฟองเดิม ใหตุลาการเจาของสํานวนสั่งไมรับคําฟองแยง คําสั่งดังกลาว ใหเปนที่สุด
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๑ คําฟองแยงใหถือเสมือนเปนคําฟองใหมตามขอ ๔๔ แหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ จึงตองฟองภายในกําหนดระยะเวลาการฟองคดีเม ื่ อผูถูกฟองคดีท ี่ ๑ ฟองแยงเม ื่ อพนกําหนด ระยะเวลาการฟองคดีศาลจึงไมมีอํานาจรับคําฟองไวพิจารณา (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุด ท ี่ ๑๔๑/๒๕๕๐) ๒.๓) การรองสอด ตามระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ขอ ๗๘ กําหนดวา “บุคคลภายนอกซ ึ่ งมิใชคูกรณีอาจเขามาเปนคูกรณีไดดวยการรองสอด ท ั้ งน ี้ใหนําความใน มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพงมาใชบังคับโดยอนุโลม” บุคคลภายนอกซ ึ่ งมิใชผูฟองคดีหรือผูถูกฟองคดีอาจรองสอด เขามาเปนคูกรณีในคดีนั้นไดไมวาดวยความสมัครใจเนื่องจากเห็นวาเปนการจําเปนเพื่อให ตนเองไดรับความรับรอง คุมครอง หรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยูหรือเพราะมีสวนไดเสีย ตามกฎหมายในผลแหงคดีนั้น หรือถูกหมายเรียกใหเขามาในคดี ทั้งนี้โดยนําบทบัญญัติ มาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘๗แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาใชบังคับโดยอนุโลม ๗ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง มาตรา ๕๗ บุคคลภายนอกซึ่งมิใชคูความอาจเขามาเปนคูความไดดวยการรองสอด (๑) ดวยความสมัครใจเองเพราะเห็นวาเปนการจําเปนเพื่อยังใหไดรับความรับรองคุมครอง หรือบังคับ ตามสิทธิของตนที่มีอยู โดยยื่นคํารองขอตอศาลที่คดีนั้นอยูในระหวางพิจารณาหรือเมื่อตนมีสิทธิเรียกรองเกี่ยวเนื่องดวย การบังคับตามคําพิพากษาหรือคําสั่ง โดยยื่นคํารองขอตอศาลที่ออกหมายบังคับคดีนั้น (๒) ดวยความสมัครใจเองเพราะตนมีสวนไดเสียตามกฎหมายในผลแหงคดีนั้น โดยยื่นคํารองขอตอศาล ไมวาเวลาใดๆ กอนมีคําพิพากษา ขออนุญาตเขาเปนโจทกรวมหรือจําเลยรวม หรือเขาแทนที่คูความฝายใดฝายหนึ่งเสียทีเดียว โดยไดรับความยินยอมของคูความฝายนั้น แตวาแมศาลจะไดอนุญาตใหเขาแทนที่กันไดก็ตาม คูความฝายนั้นจําตองผูกพันตน โดยคําพิพากษาของศาลทุกประการ เสมือนหนึ่งวามิไดมีการเขาแทนที่กันเลย (๓) ดวยถูกหมายเรียกเขามาในคดี (ก) ตามคําขอของคูความฝายใดฝายหนึ่งทําเปนคํารองแสดงเหตุวา ตนอาจฟองหรือถูกคูความเชนวานั้นฟองตนไดเพื่อการใชสิทธิไลเบ ี้ ยหรือเพื่อใชคาทดแทน ถาหากศาลพิจารณาใหคูความ เชนวานั้นแพคดีหรือ (ข) โดยคําสั่งของศาลเมื่อศาลเห็นสมควร หรือเมื่อคูความฝายใดฝายหนึ่งมีคําขอในกรณีที่กฎหมายบังคับ ใหบุคคลภายนอกเขามาในคดีหรือศาลเห็นจําเปนที่จะเรียกบุคคลภายนอกเขามาในคดีเพื่อประโยชนแหงความยุติธรรม แตถา คูความฝายใดฝายหนึ่ง จะเรียกบุคคลภายนอกเขามาในคดีดังกลาวแลว ใหเรียกดวยวิธียื่นคํารองเพื่อใหหมายเรียกพรอมกับ คําฟองหรือคําใหการ หรือในเวลาใดๆ ตอมากอนมีคําพิพากษาโดยไดรับอนุญาตจากศาล เมื่อศาลเปนที่พอใจวาคํารองนั้น ไมอาจยื่นกอนนั้นได การสงหมายเรียกบุคคลภายนอกตามอนุมาตราน ี้ ตองมีสําเนาคําขอ หรือคําสั่งของศาล แลวแตกรณีและคําฟองตั้งตน คดีนั้นแนบไปดวย บทบัญญัติในประมวลกฎหมายนี้ไมตัดสิทธิของเจาหนี้ในอันที่จะใชสิทธิเรียกรองของลูกหนี้และที่จะเรียกลูกหน ี้ ใหเขามาในคดีดังที่บัญญัติไวในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (มีตอหนาถัดไป)
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๒ ศาลปกครองสูงสุดมีคําวินิจฉัยเก ี่ ยวกับการรองสอดเขามาในคดีดังน ี้ แมการเรียกใหบุคคลภายนอกเขามาในคดีดวยการรองสอด ตามมาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ซ ึ่งใหนํามาใชกับ วิธีพิจารณาคดีปกครองโดยอนุโลมตามขอ ๗๘ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ จะกําหนดใหการรองสอดตองอยูภายใตบังคับเง ื่อนไขกาหนดระยะเวลาการฟ ํ องคดีก็ตาม แตกรณีท ี่ ศาลเห็นความจําเปนท ี่ จะมีคําส ั่ งเรียกบุคคลภายนอกเขามาในคดีในฐานะผูถูกฟองคดีน ั้ น ศาลชอบท ี่ จะมีคําส ั่ งเรียกใหเขามาในคดีไดตั้ งแตวันที่มีการย ื่นฟองคดีและแมคําส ั่ งดังกลาวจะได ดําเนินการภายหลังวันย ื่นฟองคดีก็ตาม แตก็ใหถือวาศาลมีคําสั่งเรียกในวันยื่นฟองคดีนั้นเอง ดังน ั้ น การท ี่ ศาลเรียกบุคคลเขามาเปนผูถูกฟองคดีท ี่ ๓ ในคดีน ี้ ภายหลังวันย ื่นฟองประมาณ ๒ ปเศษ จึงถือไดวามีการเรียกใหเขามาในคดีต ั้ งแตวันฟองคดีแลว (คําพิพากษาศาลปกครอง สูงสุดท ี่ อ.๘๔/๒๕๕๐) การท ี่ บุคคลภายนอกจะขอรองสอดเขามาเปนผูฟองคดีรวม ตามขอ ๗๘ แหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ประกอบกับมาตรา ๕๗ วรรคหนึ่ง (๒) แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง นั้น ผูรองสอดจะตองเปนผูมีสวนไดเสียตามกฎหมาย ในผลแหงคดีหมายความวา ผลของคดีตามกฎหมายเปนผลไปถึงผูรองสอด โดยเปนผูท ี่ ถูก กระทบกระเทือนหรือถูกบังคับโดยคําพิพากษาในคดีโดยตรง เม ื่ อขอเท็จจริงในคดีเปนกรณีท ี่ องคการบริหารสวนตําบลฟองวาผูวาราชการจังหวัดและคณะกรรมการพนักงานสวนตําบลจังหวัด (ตอจากเชิงอรรถที่๗) มาตรา ๕๘ ผูรองสอดที่ไดเขาเปนคูความตามอนุมาตรา (๑) และ (๓) แหงมาตรากอนน ี้ มีสิทธิเสมือนหนึ่งวาตน ไดฟองหรือถูกฟองเปนคดีเรื่องใหมซึ่งโดยเฉพาะผูรองสอดอาจนําพยานหลักฐานใหมมาแสดงคัดคานเอกสารที่ไดยื่นไว ถามคานพยานที่ไดสืบมาแลว และคัดคานพยานหลักฐานที่ไดสืบไปแลวกอนที่ตนไดรองสอด อาจอุทธรณฎีกาคําพิพากษาหรือ คําสั่งของศาลตามที่กฎหมายบัญญัติไวและอาจไดรับหรือถูกบังคับใหใชคาฤชาธรรมเนียม หามมิใหผูรองสอดที่ไดเปนคูความตามอนุมาตรา (๒) แหงมาตรากอน ใชสิทธิอยางอื่นนอกจากสิทธิที่มีอยูแกคูความ ฝายซึ่งตนเขาเปนโจทกรวมหรือจําเลยรวมในชั้นพิจารณาเมื่อตนรองสอด และหามมิใหใชสิทธิเชนวานั้นในทางที่ขัดกับสิทธิ ของโจทกหรือจําเลยเดิม และใหผูรองสอดเสียคาฤชาธรรมเนียมอันเกิดแตการที่รองสอด แตถาศาลไดอนุญาตใหเขาแทนที่ โจทกหรือจําเลยเดิม ผูรองสอดจึงมีฐานะเสมอดวยคูความที่ตนเขาแทน เมื่อไดมีคําพิพากษาหรือคําสั่งแลว ถามีขอเกี่ยวของกับคดีเปนปญหาจะตองวินิจฉัยในระหวางผูรองสอดกับคูความฝาย ที่ตนเขามารวม หรือท่ีตนถูกหมายเรียกใหเขามารวม ผูรองสอดยอมตองผูกพันตามคําพิพากษาหรือคําสั่งนั้น เวนแต ในกรณีตอไปนี้ (๑) เนื่องจากความประมาทเลินเลอของคูความนั้น ทําใหผูรองสอดเขามาเปนคูความในคดีชาเกินสมควร ที่จะแสดงขอเถียงอันเปนสาระสําคัญไดหรือ (๒) เมื่อคูความนั้นจงใจหรือประมาทเลินเลออยางรายแรงมิไดยกข ึ้นใชซึ่งขอเถียงในปญหาขอกฎหมาย หรือขอเท็จจริงอันเปนสาระสําคัญซึ่งผูรองสอดมิไดรูวามีอยูเชนนั้น
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๓ ละเลยตอหนาท ี่ไมพิจารณาหนังสือของผูฟองคดีท ี่ ขอความเห็นชอบในการบรรจุและแตงต ั้ งผูสอบ แขงขันไดเปนพนักงานสวนตําบล ซ ึ่ งหากผูฟองคดีเปนฝายชนะคดีผูท ี่ มีหนาท ี่ ตองปฏิบัติตาม คําพิพากษาคือ ผูวาราชการจังหวัดและคณะกรรมการพนักงานสวนตําบลจังหวัด โดยจะตอง พิจารณาหนังสือดังกลาวและดําเนินการอยางหน ึ่ งอยางใด ผูท ี่จะไดรับการบรรจุเปนพนักงาน สวนตําบลตามหนังสือขอความเห็นชอบดังกลาวจึงไมใชผูท ี่ ถูกกระทบกระเทือนหรือถูกบังคับ โดยคําพิพากษาในคดีน ี้โดยตรง ดังน ั้ น จึงไมใชผูมีสวนไดเสียท ี่ จะรองสอดเขามาเปนคูกรณีได (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๑๗/๒๕๕๐) การท ี่ ผูรองสอดอางวาผูฟองคดีไมนาจะเปนผูมีสิทธิฟองคดี ซ ึ่ งเทากับเปนการปฏิเสธขออางของผูฟองคดีจึงมีลักษณะเปนฝายเดียวกับผถู ูกฟองคดีกรณีจึง เปนการรองสอดขอเขามาเปนจําเลยรวมตามมาตรา ๕๗ วรรคหน ึ่ ง (๒) แหงประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพง ประกอบกับมาตรา ๔๔ แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯและขอ ๗๘ แหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ซ ึ่ งผูรองสอดจะตองเปนผูมีสวนไดเสียตามกฎหมาย ในผลแหงคดีแตเม ื่ อผูฟองคดีขอใหมีการบังคับเก ี่ ยวกับเร ื่องการใชและเช ื่ อมตอโครงขาย โทรคมนาคมของผูถูกฟองคดีและขอใหชดใชคาเสียหาย โดยหากศาลมีคําพิพากษาบังคับ ตามคําฟองแลว ผูถูกฟองคดีเทาน ั้ นท ี่ จะตองถูกบังคับตามคําพิพากษา ผูรองสอดในฐานะเปน ประชาชนชาวไทยและนักวิชาการ มิไดถูกกระทบกระเทือนหรือถูกบังคับตามคําพิพากษา แตอยางใด ผูรองสอดจึงไมมีสวนไดเสียตามกฎหมายในผลแหงคดีจึงไมอาจถือไดวาผูรองสอด ไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล ี่ยงได ตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ คํารองสอดของผูรองสอด จึงเปนคํารองสอดท ี่ศาลไมอาจรับไวพิจารณาได(คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๖๙/๒๕๕๐) การรองสอดเขามาเปนคูกรณีฝายเดียวกับบริษัท ทีโอทีจํากัด (มหาชน) (ผูถูกฟองคดี) น ั้ น ผูรองสอดตองมีสวนไดเสียตามกฎหมายในผลแหงคดีตามคําขอ บังคับของบริษัท ทรูมูฟ จํากัด (ผูฟองคดี) แตการท ี่ ผูฟองคดีมีคําขอบังคับเก ี่ ยวกับเร ื่องการใช และเช ื่ อมตอโครงขายโทรคมนาคมของผูถูกฟองคดีรวมท ั้งการชดใชคาเสียหาย ซ ึ่ งเฉพาะแต ผูถูกฟองคดีเทาน ั้ นท ี่ จะตองถูกบังคับตามคําพิพากษา ผูรองสอดในฐานะที่เปนประชาชน ชาวไทยและนักวิชาการดานนโยบายโทรคมนาคม มิไดถูกกระทบกระเทือนหรือถูกบังคับ ตามคําพิพากษาแตอยางใด จึงไมมีสวนไดเสียตามกฎหมายในผลแหงคดีผูรองสอดจึงไมใช ผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย หรืออาจจะเดือดรอนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเล ี่ยงได ตามมาตรา ๔๒ แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ(คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๕๗๙/๒๕๕๐) การท ี่ ผูฟองคดีจะมีคํารองขอใหศาลหมายเรียกใหบุคคลภายนอก เขามาเปนคูกรณีในคดีผูฟองคดีจะตองย ื่ นคํารองตอศาลปกครองชั้ นตนท ี่ พิจารณาคดีกอนมี
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๔ คําพิพากษาโดยทําเปนคํารองระบุเหตุอันสมควรตามขอ ๗๘ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณา คดีปกครองฯ ประกอบกับมาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ผูฟองคดีไมสามารถย ื่ นคํารองตอศาลปกครองสูงสุดเพ ื่อใหศาลปกครองสูงสุดดําเนินการดังกลาว (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๖๐๗/๒๕๕๐) ๑.๒ การตรวจคําฟอง การตรวจคําฟองเปนข ั้ นตอนแรกของการเร ิ่ มกระบวนพิจารณาคดีปกครอง โดยการตรวจคําฟองเบ ื้ องตนจะพิจารณาจากลักษณะของคําฟองวามีรายการครบถวนตามท ี่ กฎหมายกําหนดหรือไมจากน ั้ นจะพิจารณาวาคดีท ี่ นํามาฟองน ั้นเปนคดีท ี่ อยูในอํานาจพิจารณา พิพากษาของศาลปกครอง และการฟองคดีเปนไปตามเงื่อนไขแหงการฟองคดีปกครองหรือไม ๑) คําฟองตองมีสาระสําคัญครบถวนตามท ี่ กฎหมายกําหนด คําฟองที่ผูฟองคดีกลาวลอยๆ วา ผูถูกฟองคดีไมปฏิบัติหนาท ี่ ตามกฎหมาย วาดวยขอมูลขาวสารของทางราชการแตไมมีเอกสารหลักฐานวาผูฟองคดีไดมีหนังสือถึงผูถูกฟองคดี เพ ื่ อขอเอกสารเม ื่อใดและผูถูกฟองคดีดําเนินการอยางใด เปนคําฟองท ี่ไมสมบูรณเน ื่องจากไมมี ฐานขอมูลท ี่แสดงในเบื้ องตนวาผูถูกฟองคดีไดละเลยการปฏิบัติหนาท ี่ ตามกฎหมายหรือไมรวมท ั้ ง ขอมูลบงช ี้ วาผูฟองคดีไดนําคดีมาฟองตอศาลภายในกําหนดระยะเวลาการฟองคดีหรือไม (คําส ั่ ง ศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๕๘๕/๒๕๕๐) ๒) คดีที่นํามาฟองตองอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง และการฟองคดีเปนไปตามเงื่อนไขแหงการฟองคดีปกครอง ๒.๑) ศาลตรวจเฉพาะเขตอํานาจศาลปกครองและเงื่อนไข แหงการฟองคดีไมอาจกาวลวงเขาไปวินิจฉัยในประเด็ นเน ื้ อหาแหงคดี นอกจากคําฟองจะตองมีรายการครบถวนสมบรูณชัดเจนตามท ี่ กําหนดไวในมาตรา ๔๕ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ แลว จะตองปรากฏ ดวยวาขอพิพาทตามคําฟองดังกลาวเปนคดีพิพาทที่อยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาหรือมี คําสั่งของศาลปกครอง และการฟองคดีเปนไปตามเง่อนไขแห ื งการฟองคดีหากตรวจคําฟอง แลวปรากฏวาเปนไปตามหลักเกณฑดังกลาวก็ชอบท ี่ศาลปกครองชั้ นตนจะมีคําส ั่ งรับคําฟองน ั้ น ไวพิจารณาพิพากษาหรือมีคําส ั่ งช ี้ขาดประเด็นพิพาทหรือประเด็นท ี่เปนเน ื้ อเร ื่ องแหงคดีตอไป ศาลไมอาจกาวลวงเขาไปวินิจฉัยประเด็นขอพิพาทหรือประเด็นท ี่เปนเน ื้ อเร ื่ องแหงคดีเสียต ั้ งแต ในชั้นตรวจคําฟองไดดังคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดตอไปนี้
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๕ ในการตรวจคําฟองเพ ื่ อมีคําส ั่ งรับหรือไมรับคําฟองไวพิจารณา น ั้ น ศาลปกครองชอบที่ จะพิจารณาวินิจฉัยแตเพียงวาคดีพิพาทตามคําฟองน ั้นเปนคดีท ี่ อยู ในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองหรือไม และการฟองคดีเปนไปตามเงื่อนไข แหงการฟองคดีตามท ี่ กฎหมายวาดวยการจัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง กําหนดหรือไมเทาน ั้ น ถาเห็นวาคดีพิพาทตามคําฟองน ั้นเปนคดีท ี่ อยูในอํานาจพิจารณา พิพากษาของศาลปกครอง และการฟองคดีเปนไปตามเงื่อนไขแหงการฟองคดีตามท ี่ กฎหมาย กําหนด ก็ชอบท ี่ จะมีคําส ั่ งรับคําฟองน ั้นไวพิจารณาพิพากษาหรือมีคําส ั่ งช ี้ขาดประเด็นพิพาท หรือประเด็นท ี่เปนเน ื้ อเร ื่ องแหงคดีตอไป แตถาเห็นวาคดีพิพาทตามคําฟองน ั้นไมอยูในอํานาจ พิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง หรือการฟองคดีไมเปนไปตามเงื่อนไขแหงการฟองคดี ตามท ี่ กฎหมายกําหนด ก็ชอบท ี่ จะมีคําส ั่งไมรับคําฟองน ั้นไวพิจารณาและใหจําหนายคดีออกจาก สารบบความ ในการดําเนินกระบวนพิจารณาคดีปกครองในขั้ นตอนน ี้ศาลปกครองหาอาจ กาวลวงเขาไปวินิจฉัยประเด็นพิพาทหรือประเด็นท ี่เปนเน ื้ อเร ื่ องแหงคดีไดไม ดังน ั้ น การท ี่ ศาล ปกครองชั้ นตนในคดีน ี้ วินิจฉัยวา ผูฟองคดีซ ึ่งฟองขอใหศาลเพิกถอนคําส ั่ งของเจาพนักงาน ทองถ ิ่ นท ี่ ส ั่งใหผูฟองคดีร ื้ อถอนอาคารสวนท ี่ ตอเติมเพราะเปนการตอเติมท ี่ไมไดรับอนุญาตและ ไมสามารถแกไขเปลี่ยนแปลงใหถูกตองตามกฎหมายวาดวยการควบคุมอาคารไดรวมท ั้ ง คําวินิจฉัยอุทธรณของคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณซ ึ่ งยืนตามคําส ั่ งดังกลาว เปนผูทําการ ตอเติมอาคารใหผิดไปจากเงื่อนไขที่ ระบุในใบอนุญาตกอสรางอาคาร อันเปนการกระทําท ี่ ขัดตอ กฎกระทรวง ฉบับท ี่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๔๓) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ จึงเปนกรณีที่ผูฟองคดีกระทําผิดกฎหมายเสียเองแตกลับนําคดีมาฟองตอศาลวาคําส ั่งใหผูฟองคดี ร ื้ อถอนอาคารสวนท ี่ ตอเติมเปนคําส ั่ งท ี่ไมชอบดวยกฎหมาย อันเปนการใชสิทธิทางศาลโดยไมสุจริต ศาลจึงไมอาจรับคําฟองไวพิจารณา ถือเปนกรณีท ี่ศาลปกครองชั้ นตนกาวลวงเขาไปวินิจฉัย ประเด็นขอพิพาทหรือประเด็นท ี่เปนเน ื้ อเร ื่ องแหงคดีเสียต ั้ งแตในชั้ นตรวจคําฟองแลว จึงเปนการไมชอบดวยกฎหมายวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุด ท ี่ ๑๘๙/๒๕๕๐) เม ื่ อคดีอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองและผูฟองคดี เปนผูมีสิทธินําคดีมาฟองไดตามกฎหมาย รวมท ั้งเปนการฟองคดีภายในกําหนดระยะเวลา การฟองคดีศาลปกครองจะตองรับคดีไวพิจารณาพิพากษา ดังนั้น ในคดีที่บริษัทประกันภัย ย ื่นฟองกรมทางหลวงใหชดใชคาเสียหายกรณีไมดูแลรักษาตรวจตราปดฝาทอระบายน ้ําในเขต ทางหลวงใหอยูในสภาพเรียบรอย และไมจัดใหมีเคร ื่ องหมายเพ ื่อความปลอดภัยแสดงใหผูใชรถ ใชถนนทราบ เปนเหตุใหรถยนตคันท ี่เอาประกันภัยไวกับบริษัทตกลงไปในทอระบายน ้ํ า ซ ึ่งเปน คดีพิพาทเก ี่ ยวกับการกระทําละเมิดของหนวยงานทางปกครองอันเกิดจากการละเลยตอหนาท ี่ ตามท ี่
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๖ กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติและบริษัทประกันภัยไดเขารับชวงสิทธิจากผูเอาประกันภัยในการเรียกรอง คาเสียหายจากกรมทางหลวง บริษัทประกันภัยจึงเปนผูไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย จากการกระทําของกรมทางหลวง ซ ึ่ งการแกไขหรือบรรเทาความเดือดรอนหรือเสียหายน ั้ น ศาลสามารถมีคําบังคับใหกรมทางหลวงชดใชคาเสียหายดังกลาวไดบริษัทประกันภัยจึงเปน ผูมีสิทธิฟองคดีจึงชอบท ี่ศาลปกครองชั้ นตนจะรับคําฟองน ี้ไวพิจารณา โดยความเสียหาย ท ี่ เกิดข ึ้ นนั้น จะเกิดจากการท ี่ กรมทางหลวงละเลยตอหนาท ี่ ตามท ี่ กฎหมายกําหนดใหตองปฏิบัติ หรือไม เปนประเด็นแหงคดีท ี่ จะตองพิจารณาภายหลังจากท ี่ ศาลมีคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาแลว การท ี่ศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาโดยเห็นวาการฟองคดีน ี้ไมเขาเง ื่อนไข การฟองคดีเน ื่องจากกรมทางหลวงไมมีหนาท ี่ ควบคุมดูแลทางหลวงบริเวณท ี่ พิพาท ความเสียหาย ที่เกิดขึ้นจึงไมไดเกิดจากการละเลยตอหนาที่ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงจึงไมไดเปน ผูกอใหเกิดความเดือดรอนหรือเสียหายแกบริษัทประกันภัยนั้น คําสั่งไมรับคําฟองดังกลาว จึงเปนคําส ั่ งที่ไมชอบ (คําสั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๐๘/๒๕๕๐) ขอสังเกต ในการพิจารณาเง ื่อนไขความเปนผูมีสิทธิฟองคดีพิพาทเก ี่ ยวกับ การท ี่ หนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท ี่ ของรัฐละเลยตอหนาท ี่ ตามท ี่ กฎหมายกําหนดใหตอง ปฏิบัติหรือปฏิบัติหนาท ี่ ดังกลาวลาชาเกินสมควรน ั้ น บางคดีศาลมีคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา เพราะผูฟองคดีเปนผูไมมีสิทธิฟองคดีตามมาตรา ๔๒ วรรคหน ึ่ ง แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้ ง ศาลปกครองฯ โดยใหเหตุผลวาเหตุแหงความเดือดรอนหรือเสียหายท ี่ ผูฟองคดีไดรับมิไดเกิดจาก การละเลยตอหนาท ี่ ตามท ี่ กฎหมายกําหนดใหผูถูกฟองคดีตองปฏิบัติผูถูกฟองคดีมิไดกระทําการ หรืองดเวนกระทําการอยางหน ึ่ งอยางใดที่เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย เชน ในคดีท ี่ฟองนายกรัฐมนตรีและสํานักนายกรัฐมนตรีขอใหแตงต ั้ ง คณะกรรมการสอบสวนขอเท็จจริงเพ ื่ อหาขอสรุปวาผูใดตองรับผิดชอบในการที่ ผูฟองคดีถูกปลด ออกจากราชการทหาร และขอใหเพิกถอนคําส ั่งปลดผูฟองคดีออกจากราชการน ั้ น ศาลปกครอง วินิจฉัยวา ความเดือดรอนหรือเสียหายของผูฟองคดีเกิดจากการท ี่ ผูบังคับบัญชามีคําส ั่งปลด ออกจากราชการเน ื่ องจากผูฟองคดีขาดหนีราชการไปจากหนวยตนสังกัดของผูฟองคดีเอง ซ ึ่ งหาก ผูฟองคดีเห็นวาคําส ั่ งดังกลาวไมชอบดวยกฎหมาย ก็ชอบท ี่ จะรองทุกขตอผูบังคับบัญชาตาม หลักเกณฑท ี่ กําหนดไวในพระราชบัญญัติวาดวยวินัยทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๖ ผูฟองคดี ไมอาจรองขอตอนายกรัฐมนตรีใหดําเนินการเชนน ั้นได ดังน ั้ น เม ื่ อเหตุแหงการเดือดรอนหรือ เสียหายที่ผูฟองคดีไดรับ มิไดเกิดจากการละเลยตอหนาท ี่ ตามท ี่ กฎหมายกําหนดใหนายกรัฐมนตรี
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๗ ตองปฏิบัตินายกรัฐมนตรีและสํานักนายกรัฐมนตรีจึงมิไดกระทําการหรืองดเวนกระทําการ อยางหน ึ่ งอยางใดที่เปนเหตุใหผูฟองคดีไดรับความเดือดรอนหรือเสียหาย ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิ ฟองคดีตอศาลปกครองตามมาตรา ๔๒ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๑๔๘/๒๕๕๐) ๒.๒) การพิจารณาวาจะรับคําฟองไวพิจารณาพิพากษาหรือมีคําส ั่ ง ไดหรือไมตองพิจารณาจากขอเท ็ จจริงท ี่ปรากฏในคําฟองและตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย ท ี่ใชบังคับอยูในเวลายื่นฟอง ซ ึ่ งมีตัวอยางคําวินิจฉัย ดังน ี้ การพิจารณาวาคดีท ี่ฟองน ั้ นอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษา ของศาลปกครองหรือไมคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาของศาลปกครองเปนคําส ั่ งท ี่ ชอบดวยกฎหมาย หรือไมจําตองพิจารณาจากขอเท็จจริงท ี่ปรากฏในคําฟองและเอกสารประกอบคําฟอง และตาม บทบัญญัติแหงกฎหมายท ี่ใชบังคับอยูในเวลายื่นฟองเปนสําคัญ จะพิจารณาจากขอเท็จจริง ท ี่ กลาวอางในภายหลังในชั้ นอุทธรณหรือตามบทบัญญัติแหงกฎหมายท ี่ใชบังคับภายหลังเวลา ย ื่นฟองหาไดไมเม ื่ อผูฟองคดีไดใหขอเท็จจริงไวในคําฟองอยางไร ผูฟองคดีก็ตองรับผิดชอบ ในการใหขอเท็จจริงดังกลาว เพราะเปนขอเท็จจริงท ี่ ผูฟองคดีไดใหไวเอง (คําส ั่งศาลปกครอง สูงสุดท ี่ ๑๓๙/๒๕๕๐, ท ี่ ๒๔๔/๒๕๕๐, ท ี่ ๒๕๙/๒๕๕๐ และท ี่ ๔๑๕/๒๕๕๐) ๓) การดําเนินการกรณีคําฟองมีสาระสําคัญไมครบถวน หรือไมชัดเจน ตามขอ ๓๗ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดวา “เมื่อไดรับคําฟองจากพนักงานเจาหนาท ี่ ของศาล ใหอธิบดีศาลปกครองชั้ นตนจายสํานวนคดี ใหแกองคคณะพิจารณาพิพากษาโดยเร็ว ท ั้ งน ี้ ตามหลักเกณฑที่บัญญัติไวในมาตรา ๕๖ ใหตุลาการหัวหนาคณะแตงต ั้ งตุลาการในองคคณะคนหน ึ่งเปนตุลาการ เจาของสํานวน แลวใหตุลาการเจาของสํานวนตรวจคําฟอง ถาเห็นวาเปนคําฟองท ี่ไมสมบูรณ ครบถวนซ ึ่ งผูฟองคดีอาจแกไขไดหรือผูฟองคดีชําระคาธรรมเนียมศาลไมครบถวน ใหตุลาการ เจาของสํานวนมีคาสํ ั่งใหผูฟองคดีแกไขหรือชําระคาธรรมเนียมศาลใหครบถวนภายในระยะเวลา ท ี่ กําหนด ถาไมมีการแกไขหรือชําระคาธรรมเนียมศาลใหครบถวนภายในระยะเวลาที่ กําหนด หรือขอท ี่ไมสมบูรณครบถวนน ั้นเปนกรณีท ี่ไมอาจแกไขใหถูกตองไดหรือเปนคดีท ี่ไมอยูใน อํานาจของศาลปกครอง ใหตุลาการเจาของสํานวนเสนอองคคณะส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา และส ั่ งจําหนายคดีออกจากสารบบความ” จากบทบัญญัติดังกลาว คําฟองท ี่ไมสมบูรณครบถวนซ ึ่ งผูฟองคดีอาจ แกไขไดตุลาการเจาของสํานวนจะตองส ั่งใหผูฟองคดีแกไขคําฟองใหสมบูรณครบถวนภายใน
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๘ ระยะเวลาท ี่ กําหนด ถาไมมีการแกไขภายในระยะเวลาที่ กําหนด หรือขอท ี่ไมสมบูรณครบถวน น ั้นเปนกรณีท ี่ไมอาจแกไขใหถูกตองไดตุลาการเจาของสํานวนตองเสนอองคคณะส ั่งไมรับ คําฟองไวพิจารณาและส ั่ งจําหนายคดีออกจากสารบบความ ในกรณีท ี่ ผูฟองคดีอางวาอยูในสภาวะ ที่ไมสามารถดําเนินการตามคําสั่งศาลไดทันตามกําหนด ศาลตองพิจารณาตามขอเท็จจริง เปนรายกรณีดังตัวอยางคําวินิจฉัยตอไปนี้ ในคดีท ี่ ผูฟองคดีซ ึ่งเปนนักโทษเด็ดขาดในเรือนจําฟองเจาหนาท ี่ ฝายทัณฑปฏิบัติเรือนจํากลางคลองไผวา ผูฟองคดีเปนนักโทษเด็ดขาดช ั้ นกลางที่มีสิทธิสอบเล ื่ อนชั้น จากนักโทษชั้นกลางเปนช ั้ นดีฯลฯ ตามสิทธิท ี่ ผูตองขังจะไดรับตามท ี่ กรมราชทัณฑกําหนดไววา ๖ เดือนใหสอบหนึ่งครั้ง แตผูถูกฟองคดีตัดสิทธิไมใหผูฟองคดีสอบเลื่อนชั้น ทําใหไมมีสิทธิ ไดรับพระราชทานอภัยโทษและเสียสิทธิตางๆ จึงขอใหศาลพิพากษาหรือมีคําส ั่งใหผูฟองคดี มีสิทธิเล ื่ อนช ั้นเปนนักโทษชั้ นดีจนถึงดีเย ี่ ยม ซ ึ่งศาลปกครองชั้ นตนเห็นวาเปนคําฟองท ี่ไมสมบูรณ ครบถวน แตเปนกรณีท ี่ ผูฟองคดีอาจแกไขไดจึงส ั่งใหผูฟองคดีแกไขโดยใหระบุผูถูกฟองคดีและ พฤติการณแหงการฟองคดีใหชัดเจน โดยใหช ี้ แจงเพ ิ่ มเติมภายใน ๑๕ วันนับแตวันท ี่ไดรับหมาย แตผูฟองคดีไมดําเนินการแกไขคําฟองใหสมบูรณครบถวนภายในระยะเวลาที่ กําหนด จึงชอบ ท ี่ ศาลจะมีคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา ขออางของผูฟองคดีท ี่ วาเปนผูตองขังในเรือนจําทําให ไมสามารถทําคําชี้แจงไดทันตามกําหนดเวลานั้นฟงไมขึ้น เพราะแมผูฟองคดีจะเปนผูตองขัง แตก็อยูในสภาวะที่ จะดําเนินการเพ ื่ อช ี้ แจงหรือขอขยายระยะเวลาในการแกไขคําฟองตอศาล ปกครองชั้ นตนกอนพนระยะเวลาท ี่ ศาลกําหนดได(คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๒๓๑/๒๕๕๐) ผูฟองคดี (ส ี่ สิบแปดราย) ย ื่นฟองขอใหเพิกถอนหลักเกณฑท ี่ กลุม สถาบันแพทยศาสตรแหงประเทศไทยกําหนดคุณสมบัติของผูมีสิทธิสมัครสอบคัดเลือกเขา ศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตในระบบแอดมิชช ั่ นตรง ตอมามีผูย ื่ นคํารองสอดขอฟอง เชนเดียวกับผูฟองคดีแตไมไดย ื่ นหลักฐานเก ี่ ยวกับการศึกษาและช ี้ แจงตอศาลวาตองการสมัคร สอบเขาศึกษาในคณะใด มหาวิทยาลัยใด ศาลปกครองชั้ นตนจึงส ั่งใหผูรองสอดช ี้ แจงและสง หลักฐานเพ ิ่ มเติมภายใน ๗ วัน แตผูรองสอดไมช ี้ แจงและสงหลักฐานตอศาลภายในเวลา ท ี่ กําหนดโดยอางวา หมายแจงคําส ั่ งดังกลาวไดสงไปยังบานผูชวยผูใหญบานและผูรองสอด ไดรับหมายศาลเกินระยะเวลาท ี่ ศาลกําหนดแลวเปนเหตุใหสงเอกสารไมทันตามเวลาท ี่ ศาล กําหนดน ั้ น เม ื่ อขอเท็จจริงปรากฏวาศาลปกครองชั้ นตนไดสงหมายไปยังท ี่ อยูของผูรองสอด ตามท ี่ แจงตอศาล และตรงกับท ี่ อยูที่ ระบุในบัตรประจําตัวประชาชนของผูรองสอด จึงเปนการสงไป ยังภูมิลําเนาของผูรองสอด และยังปรากฏตามใบตอบรับไปรษณียลงทะเบียนวามีผูรับหมายศาล แลว ซ ึ่ งผูรองสอดจะตองเรงรัดทําคําช ี้ แจงและจัดสงหลักฐานตอศาลภายในระยะเวลาที่ กาหนดํ
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๑๙ เมื่อผูรองสอดไมดําเนินการ กรณีจึงตองดวยขอ ๓๗ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธี พิจารณาคดีปกครองฯ จึงชอบท ี่ศาลปกครองชั้ นตนจะมีคําส ั่งไมรับคํารองสอดไวพิจารณา (คําส ั่ ง ศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๓๙๕/๒๕๕๐) ๔) ผลของคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณา ๔.๑) คําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาเปนคําส ั่ งระหวางพิจารณา คําสั่งของศาลปกครองชั้นตนที่สั่งรับคําฟองไวพิจารณา ถือเปน คําส ั่ งระหวางพิจารณาท ี่ ระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ มิไดกําหนดใหอุทธรณ ระหวางพิจารณาไดผูถูกฟองคดีจึงตองอุทธรณคําส ั่ งดังกลาวพรอมกับการอุทธรณคําพิพากษา หรือคําส ั่ งท ี่ ทําใหคดีเสร็จส ิ้ นเด็ดขาดจากศาลตามขอ ๑๐๐ วรรคสอง แหงระเบียบดังกลาว ซ ึ่ งมี ตัวอยางคําวินิจฉัย ดังน ี้ เม ื่อไดย ื่ นคําฟองตอศาลปกครองชั้ นตนและศาลไดมีคําส ั่ งรับคําฟอง ไวพิจารณาแลว ศาลจะดําเนินกระบวนพิจารณาคดีจนเสร็จคดีแลวมีคําพิพากษาหรือคําส ั่ ง ช ี้ ขาดคดีซ ึ่งในระหวางท ี่ ศาลดําเนินกระบวนพิจารณากอนมีการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดีหากมีกรณีท ี่ ศาลปกครองชั้ นตนจักตองมีคําส ั่งในเรื่องใดๆ ท ี่ มิใชเปนการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดียอมถือวาคําส ั่ ง ดังกลาวเปนคําส ั่ งระหวางพิจารณา ซ ึ่ งหากขอ ๑๐๐ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณา คดีปกครองฯ มิไดกําหนดใหอุทธรณระหวางพิจารณาไดจะตองอุทธรณคําส ั่ งดังกลาวพรอมกับ การอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่ งท ี่ ทําใหคดีเสร็จเด็ดขาดจากศาล เม ื่ อคําส ั่งของศาลปกครอง ช ั้ นตนท ี่ รับคําฟองไวพิจารณาน ี้ มิใชการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดีจึงเปนคําส ั่ งระหวางพิจารณา และ ระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ มิไดกําหนดใหอุทธรณระหวางพิจารณาไดผูถูกฟองคดี จึงไมสามารถอุทธรณวาศาลปกครองไมมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีน ี้ พรอมกับการอุทธรณ คําส ั่ งกําหนดมาตรการหรือวิธีการคุมครองเพ ื่ อบรรเทาทุกขช ั่ วคราวกอนการพิพากษาคดีเพราะ เทากับเปนการอุทธรณคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาของศาลปกครองชั้ นตนในระหวางพิจารณาคดี (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๓๖/๒๕๕๐ และท ี่ ๑๙๓/๒๕๕๐) ๔.๒) คําส ั่ งรับคําฟองท ี่ ย ื่นฟองเม ื่ อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดี ไวพิจารณาเน ื่ องจากการย ื่นฟองคดีน ั้นเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอ ื่ น ยอมเปนท ี่สุด ตามขอ ๓๐ วรรคสองแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพจารณาคดิ ีปกครองฯ(คําพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๔๒/๒๕๕๐ และท ี่ อ.๒๐๗/๒๕๕๐)
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๐ ๔.๓) คําส ั่ งศาลที่ส ั่ งรับคําฟองท ี่ ย ื่ นเม ื่ อพนกําหนดระยะเวลา การฟองคดีไวพิจารณาโดยผิดหลงวาการย ื่นฟองคดีน ั้นเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมี เหตุจําเปนอื่น ไมถือวาเปนที่สุด ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยวา บทบัญญัติขอ ๓๐ วรรคสองแหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ มีความหมายแตเพียงวาหามมิใหคูกรณีโดยเฉพาะอยางย ิ่ ง ผูถูกฟองคดีอุทธรณโตแยงคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาของศาลปกครองชั้ นตนตอศาลปกครองสูงสดุ เทาน ั้ น แตไมหามมิใหศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่ งเพิกถอนคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาเม ื่อปรากฏ แกศาลวาการมีคําส ั่ งดังกลาวเปนไปโดยผิดหลงวาคดีเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุ จําเปนอื่น อันเปนการดําเนินกระบวนพจารณาทิ ี่ ผิดระเบียบตามขอ ๗ แหงระเบียบเดียวกัน (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๑๗๙/๒๕๕๐, ท ี่ ๒๐๒/๒๕๕๐, ท ี่ ๔๑๘/๒๕๕๐ และท ี่ ๕๑๑/๒๕๕๐) ศาลปกครองจะรับคําฟองคดีท ี่ ย ื่นฟองเม ื่ อพนกําหนดระยะเวลา การฟองคดีไวพิจารณากรณีมีเหตุจําเปนอ ื่ นตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติ จัดต ั้งศาลปกครองฯ ตองเปนคดีท ี่ มีเหตุจําเปนท ี่ ทําใหผูฟองคดีไมสามารถนําคดีมาฟองภายใน กําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามที่กฎหมายกําหนด แตการที่คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาด อํานาจหนาท ี่ ระหวางศาลมีคําวินิจฉัยวาภายหลังศาลปกครองเปดทําการแลว คดีเก ี่ ยวกับสัญญา ทางปกครองตองย ื่นฟองตอศาลปกครอง นั้น เปนเพียงการวินิจฉัยวาคดีพิพาทในเรื่ องน ั้ นอยูใน เขตอํานาจของศาลใดตามพระราชบัญญัติวาดวยการวินิจฉัยช ี้ ขาดอํานาจหนาท ี่ ระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มิอาจถือเปนเหตุยกเวนบทบัญญัติกําหนดระยะเวลาการฟองคดีตามท่ีกฎหมาย กําหนดไดการที่คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอํานาจหนาที่ระหวางศาลมีคําวินิจฉัยดังกลาว จึงมิใชเหตุจําเปนท ี่ ทําใหไมสามารถนําคดีมาฟองภายในกําหนดระยะเวลาการฟองคดี ๘ ดังน ั้ น เม ื่อศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาโดยวินิจฉัยวากรณีท ี่ คณะกรรมการวินิจฉัย ช ี้ ขาดอํานาจหนาท ี่ ระหวางศาลมีคําวินิจฉัยดังกลาวเปนกรณีท ี่ มีเหตุจําเปนอ ื่ น จึงเปนการรับคําฟอง ในสวนท ี่ เก ี่ ยวกับกระบวนพิจารณาในการเสนอคําฟองโดยผิดหลงและมิไดมีการปฏิบัติ ตามบทบัญญัติแหงกฎหมายวาดวยการจัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองและเปนการ ดําเนินกระบวนพิจารณาท ี่ ผิดระเบียบตามขอ ๗ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ คําส ั่ งรับคําฟองดังกลาวถึงท ี่ สุดเฉพาะคูกรณีท ี่ จะอุทธรณโตแยงไมไดแตมิไดถึงท ี่ สุดสําหรับ ศาลที่พิจารณาเห็นไดเอง จึงไมเปนท ี่ สุดตามขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบเดียวกัน ท ี่ศาลไมอาจ เพิกถอนได ดังน ั้ น การท ี่ศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่ งเพิกถอนกระบวนพิจารณาท ี่ ส ั่ งรับคําฟอง ๘ คําวินิจฉัยที่วินิจฉัยในทํานองเดียวกนั ไดแกคําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ ๕๑๑/๒๕๕๐
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๑ ไวพิจารณาและกระบวนพิจารณาท ี่ไดดําเนินตอแตน ั้ นมา แลวมีคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา และใหจําหนายคดีออกจากสารบบความ จึงชอบแลว (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๘๑/๒๕๕๐) ๑.๓ การแสวงหาขอเท็จจริงของศาล การแสวงหาขอเท็จจริงของศาลปกครองนั้น มีขอพิจารณาดังน ี้ ๑) การแสวงหาขอเท ็ จจริงจากคําฟอง คําใหการ คําคัดคานคําใหการ และคําใหการเพ ิ่ มเติม หากศาลเห็นวาขอเท็จจริงที่ไดจากคําฟองนั้น เพียงพอที่จะวินิจฉัย ชี้ขาดคดีไดศาลก็ไมจําเปนตองดําเนินการแสวงหาขอเท็จจริงจนครบทุกขั้นตอนก็ได ทั้งน ี้ ตามที่กําหนดไวในขอ ๖๑ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ โดยที่วิธีพิจารณาคดีปกครองเปนวิธีพิจารณาโดยใชระบบไตสวน ตุลาการ จึงสามารถแสวงหาขอเท็จจริงไดตามท ี่ เห็นสมควร ตลอดจนสามารถรับฟงขอเท็จจริงนอกเหนือ จากที่คูกรณีใหไวในสํานวนได ดังนั้น เม ื่ อศาลเห็นวาขอเท็จจริงที่ไดจากการแสวงหาขอเท็จจริง เพียงพอท ี่ ศาลจะพิจารณาพิพากษาหรือมีคําส ั่ งช ี้ ขาดคดีไดแลว ศาลอาจดําเนินการไมครบ ทุกข ั้ นตอน ศาลอาจทําการสรุปสํานวนไดทันทีโดยไมตองแสวงหาขอเท็จจริงเพ ิ่ มเติมจาก คําคัดคานคําใหการของผูฟองคดีอีก จึงไมมีความจําเปนตองสงสําเนาคําใหการของผูถูกฟองคดี ไปใหผูฟองคดีท ี่ ๒ ทําคําคัดคานคําใหการ ตามขอ ๖๑ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดี ปกครองฯ หรือไมตองสืบพยานของผูฟองคดีตามท ี่ ผูฟองคดีมีคําขอเน ื่ องจากศาลเห็นวาเปนกรณี ท ี่ไมจําเปนท ี่ จะตองทําการแสวงหาขอเท็จจริงเพ ิ่ มเติมตอไป กรณีดังกลาวมใชิ กรณีท ี่ มีการดําเนิน กระบวนพิจารณาท ี่ ผิดระเบียบแตอยางใด (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๑๙ /๒๕๕๐ และท ี่ อ.๗๔-๗๕/๒๕๕๐) อน ึ่ ง มีคําวินิจฉัยท ี่ นาสนใจเกี่ ยวกับอํานาจศาลในการสั่ งจําหนายคดี ตามขอ ๔๗ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ในกรณีท ี่ ผูฟองคดีมิไดจัดทํา คําคัดคานคําใหการ หรือแจงความประสงคเปนหนังสือใหศาลพิจารณาพิพากษาคดีตอไป ภายในระยะเวลาที่ ศาลกําหนด ซ ึ่งศาลปกครองสูงสุดไดวางหลักการเร ื่ องน ี้ไววา ขอ ๔๗ วรรคสาม และวรรคส ี่ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ มิใชบทบังคับใหศาลตองมีคําส ั่ ง จําหนายคดีออกจากสารบบความเสมอไป แตใหอํานาจศาลใชดุลพินิจวาจะส ั่งใหจําหนายคดี ออกจากสารบบความหรือไมก็ไดโดยคํานึงถึงความยุติธรรมและเหตุผลอันสมควร รวมท ั้ งจะตอง คํานึงถึงเจตนาของผูฟองคดีดวยวามีเจตนาท ี่ จะละเลยเพิกเฉยตอคําส ั่ งศาลหรือไม (คําส ั่ งศาล ปกครองสูงสุดท ี่ ๕๐๒/๒๕๕๐)
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๒ ๒) การแสวงหาขอเท ็ จจริงนอกเหนือจากท ี่ คูกรณีนําเสนอตอศาล เปนอํานาจดุลพินิจของศาลปกครอง ในการพิจารณาคดีของศาลปกครองนั้น ในเบื้องตนศาลจะทราบ ขอเท็จจริงและพยานหลักฐานเก ี่ ยวกับคดีจากคําฟอง คําใหการ คําคัดคานคําใหการ และคําใหการ เพ ิ่ มเติม และโดยที่ วิธีพิจารณาคดีปกครองเปนวิธีพิจารณาในระบบไตสวน หากขอเท็จจริงหรือ พยานหลักฐานท ี่ไดจากการดําเนินการตามส ี่ ข ั้ นตอนขางตนยังไมชัดเจนครบถวน ศาลปกครอง ยอมมีอํานาจตรวจสอบและแสวงหาขอเท็จจริงนอกเหนือจากที่ปรากฏในคําฟอง คําใหการ คําคัดคานคําใหการ และคําใหการเพ ิ่ มเติมไดและในการแสวงหาขอเท็จจริงน ั้ น ถือเปนอํานาจ ดุลพินิจของศาลปกครองในอันท ี่จะไตสวนบุคคลใดก็ไดตามท ี่ เห็นสมควรหรือตามความเหมาะสม ศาลปกครองไมจําตองดําเนินกระบวนพิจารณาไปในทางหนึ่งทางใดตามความประสงคของคูความ ในคดีหรือตามพยานหลักฐานท ี่ คูกรณีกลาวอางเสมอไป (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๗๘/๒๕๕๐ และท ี่ อ.๑๕๑/๒๕๕๐) ๑.๔ องคคณะพิจารณาพิพากษา ตามมาตรา ๕๔ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองและวิธี พิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ บัญญัติวา ศาลปกครองชั้ นตนตองมีตุลาการในศาลปกครอง ช ั้ นตนอยางนอยสามคน จึงจะเปนองคคณะพิจารณาพิพากษา อยางไรก็ตาม ในการดําเนินการบางอยางกฎหมายไดใหอํานาจตุลาการ นายเดียวดําเนินการไดโดยการไดรับมอบหมายจากองคคณะ ดังบัญญัติไวในมาตรา ๖๑ แหง พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ วา “ใหตุลาการศาลปกครอง คนหน ึ่งคนใดซึ่งไดรับมอบหมายจากองคคณะมีอํานาจ ดังตอไปนี้ (๑) มีคําส ั่ งเรียกใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท ี่ ของรัฐท ี่ เก ี่ ยวของ ช ี้ แจงขอเท็จจริง หรือใหความเห็นเปนหนังสือเก ี่ ยวกับการปฏิบัติงานของหนวยงานทางปกครอง หรือเจาหนาท ี่ ของรัฐท ี่ เก ี่ ยวของ (๒) มีคําส ั่ งเรียกใหหนวยงานทางปกครองหรือเจาหนาท ี่ ของรัฐสงวัตถุ เอกสาร หรือพยานหลักฐานอ ื่ นท ี่ เก ี่ ยวของ หรือใหความเห็นในเรื่ องหน ึ่ งเร ื่องใด หรือสงผูแทน หรือเจาหนาท ี่ ของรัฐในหนวยงานทางปกครองนั้ นมาช ี้ แจงหรือใหถอยคําประกอบการพิจารณา (๓) มีคําส ั่ งเรียกใหคูกรณีมาใหถอยคําหรือนําพยานหลักฐานมาประกอบ การพิจารณา
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๓ (๔) มีคําส ั่ งเรียกใหบุคคลท ี่ เก ี่ ยวของกับคดีมาใหถอยคําหรือสงพยานหลักฐาน มาประกอบการพิจารณา (๕) ไตสวนหรือมีคําส ั่งในเรื่องใดที่ มิใชการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดี ท ั้ งน ี้ ตามท ี่ กําหนดในระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ในกรณีจําเปน ตุลาการศาลปกครองหรือบุคคลท ี่ไดรับมอบหมายจากตุลาการ ศาลปกครองมีอํานาจไปตรวจสอบสถานที่ บุคคล หรือส ิ่ งอ ื่นใดเพื่อประกอบการพิจารณาก็ได” ซ ึ่ งระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยองคคณะ การจายสํานวน การโอนคดีการปฏิบัติหนาที่ตุลาการในคดีปกครอง การคัดคานตุลาการ ศาลปกครอง การปฏิบัติหนาที่ของพนักงานคดีปกครอง และการมอบอํานาจใหดําเนินคดี ปกครองแทน พ.ศ. ๒๕๔๔ ขอ ๑๐ และขอ ๑๑ กําหนดไวดังน ี้ ขอ ๑๐ ใหตุลาการศาลปกครองซึ่งไดรับมอบหมายจากองคคณะมีอํานาจ ไตสวนหรือมีคําส ั่งในเรื่ องที่มิใชการวินิจฉัยชี้ ขาดคดีได ขอ ๑๑ ในการดําเนินการเพ ื่ อแสวงหาขอเท็จจริงของตุลาการเจาของสํานวน ใหถือวาตุลาการเจาของสํานวนเปนผูไดรับมอบหมายจากองคคณะใหใชอํานาจตามมาตรา ๖๑ ในสวนท ี่ เก ี่ ยวกับคดีที่ อยูในความรับผิดชอบของตน นอกจากกรณีที่กําหนดไวโดยเฉพาะในขอ ๑๐ และในวรรคหนึ่ งแลวใหตุลาการ เจาของสํานวนใชอํานาจตามท ี่ พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ และระเบียบฯ วาดวยวิธี พิจารณาคดีปกครองฯ หรือตามกฎหมายหรือระเบียบอ ื่ นกําหนดใหเปนอํานาจของศาล เวนแต เปนเร ื่ องเก ี่ ยวกับการดําเนินกระบวนพิจารณา การพิพากษาหรือมีคําส ั่ งท ี่โดยสภาพตองกระทํา เปนองคคณะ หรือเปนเรื่ องท ี่ อยูในอํานาจของประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครอง ช ั้ นตน อนึ่ง ในการที่ตุลาการจะมีคําสั่งตามคํารองหรือคําขอของคูกรณีนั้น ศาลปกครองสูงสุดวางหลักวา ตุลาการจะตองพิจารณาตามเจตนาของคูกรณีไมใชพิจารณาเพียง ถอยคําท ี่ ระบุอยูในคํารองหรือคําขอ เพราะคูกรณีอาจมีความเขาใจคลาดเคลื่อนไป เชน กรณีท ี่ ผูฟองคดีระบุในคํารองวาขอใหพิจารณาคดีใหมแตเม ื่ อพิจารณาเน ื้ อหา ตามคํารองแลว เห็นไดวาเปนการแสดงเหตุผลท ี่ ผูฟองคดีอางวาไมไดจงใจขาดนัดย ื่ นคําคัดคาน คําใหการ ซ ึ่งพอจะแปลเจตนาของผูฟองคดีไดวาเปนการอุทธรณคําส ั่ งจําหนายคดีออกจาก สารบบความของศาลปกครองชั้ นตนวาไมถูกตอง หากศาลปกครองชั้ นตนรับฟงเหตุผลท ี่ ผูฟองคดี กลาวอางมาแลว การดําเนินกระบวนพิจารณาของศาลปกครองชั้ นตนอาจเปลี่ยนแปลงไป การท ี่ ผูฟองคดีระบุในคํารองวาเปนคําขอใหพิจารณาคดีใหม เปนเพียงความเขาใจคลาดเคลื่ อนของ ผูฟองคดีเทาน ั้ น ดังน ั้ น เม ื่ อผูฟองคดีย ื่ นอุทธรณภายในสามสิบวันนับแตวันท ี่ไดรับแจงคําส ั่ ง
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๔ จึงชอบท ี่ศาลปกครองชั้ นตนจะดําเนินการตามขอ ๔๙/๑ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดี ปกครองฯ ตอไป การท ี่ ตุลาการเจาของสํานวนศาลปกครองชั้ นตนนายเดียวมีคําส ั่งใหยกคํารอง ของผูฟองคดีจึงเปนการดําเนินการท ี่ไมชอบดวยมาตรา ๖๑ วรรคหน ึ่ ง (๑) ถึง (๕) แหง พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๒๒๙/๒๕๕๐) ๑.๕ การน ั่ งพิจารณาคดี ตามระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ขอ ๘๓ กําหนดวา “ในการพิจารณาคดีใหศาลจัดใหมีการน ั่ งพิจารณาคดีอยางนอยหน ึ่ งคร ั้ ง เพ ื่อใหคูกรณีมีโอกาสมาแถลงดวยวาจาตอหนาศาล เวนแตคดีที่ ศาลมีคําส ั่ งจําหนายคดีออกจาก สารบบความ ศาลตองแจงกําหนดวันน ั่ งพิจารณาคดีคร ั้งแรกใหคูกรณีทราบลวงหนา ไมนอยกวาเจ็ดวัน” ขอ ๘๔ วรรคหนึ่ง กําหนดวา “ในวันน ั่ งพิจารณาคดีคร ั้ งแรก หากคูกรณีประสงคจะย ื่ นคําแถลงเปนหนังสือ ตามมาตรา ๕๙ วรรคสอง ใหยื่นตอศาลกอนวันนั่งพิจารณาคดีหรืออยางชาที่สุดในระหวาง การน ั่ งพิจารณาคดี” การท ี่ ผูฟองคดีไมไดย ื่ นคําแถลงเปนหนังสือตอศาลกอนวันน ั่ งพิจารณาคดี และคูกรณีท ั้งสองไมมาศาลในวันน ั่ งพิจารณาคดีหลังจากศาลน ั่ งพิจารณาคดีจนเสร็จส ิ้ นแลว ผูรับมอบอํานาจของผูฟองคดีจึงเดินทางมาถึงศาล ดังน ี้ ผูฟองคดีไมอาจกลาวอางไดวา ศาล ปกครองชั้ นตนไมเปดโอกาสใหช ี้ แจงขอเท็จจริงอันเปนสาระสําคัญเพ ื่อประกอบการพิจารณาคดี ของศาล และถือวาการดําเนินกระบวนพิจารณาของศาลปกครองชั้นตนเปนไปโดยชอบแลว (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๑๖๘/๒๕๕๐) ๑.๖ การทําคําพิพากษาและคําสั่ง ในการพิพากษาหรือมีคําสั่งชี้ขาดคดีนั้น ศาลสามารถยกขอกฎหมาย อันเก ี่ ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชนขึ้ นวินิจฉัยไดเอง ดังท ี่ กําหนดไวในขอ ๙๒ แหง ระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯโดยมีตัวอยางท ี่ศาลปรับบทกฎหมาย ดังน ี้ ขอกฎหมายท ี่ เก ี่ ยวกับระยะเวลาการฟองคดีเปนขอกฎหมายอันเก ี่ ยวดวย ความสงบเรียบรอยของประชาชน ศาลปกครองจึงมีอํานาจยกข ึ้ นวินิจฉัยไดเอง (คําพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๓๒/๒๕๕๐)
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๕ ประเด็นพิจารณาในคดีท ี่ วา ผูฟองคดีไดย ื่ นอุทธรณคําส ั่งลงโทษไลออก จากราชการภายในระยะเวลายื่ นอุทธรณหรือไมน ั้ น ศาลจําเปนตองใชบทบัญญัติในมาตรา ๔๐ แหงพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ พ.ศ. ๒๕๓๙ ประกอบการวินิจฉัย ซ ึ่งศาลปกครองยอม หยิบยกข ึ้ นวินิจฉัยไดเอง ประกอบกับบทบัญญัติดังกลาวเปนเปนบทบัญญัติวาดวยกําหนด ระยะเวลาการย ื่ นอุทธรณคําส ั่งทางปกครอง ซ ึ่ งเทียบเคียงไดกับกําหนดระยะเวลา การฟองคดีเปนปญหาขอกฎหมายเก ี่ ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน ศาลปกครอง ยอมยกข ึ้นไดเองเชนเดียวกัน (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๘๗/๒๕๕๐) ๑.๗ การคืนคาธรรมเนียมศาล ศาลปกครองจะมีอํานาจคืนคาธรรมเนียมศาลใหแกผูฟองคดีไดก็เฉพาะแต กรณีท ี่ ศาลอนุญาตใหถอนคําฟอง และส ั่ งจําหนายคดีออกจากสารบบความเพราะไมรับคําฟอง ไวพิจารณาตามขอ ๓๘ ประกอบกับขอ ๘๒ วรรคส ี่ แหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ดังน ั้ น เม ื่ อคดีน ี้ศาลปกครองชั้ นตนไดส ั่ งรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณาแลวแตผลการพิจารณา ปรากฏวาผูฟองคดีมิไดเสนอขอโตแยงใหอนุญาโตตุลาการวินิจฉัยกอน จึงไดจําหนายคดีเพ ื่อให คูสัญญาไปดําเนินการทางอนุญาโตตุลาการตามมาตรา ๑๔ วรรคหน ึ่ ง แหงพระราชบัญญัติ อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ กรณีจึงไมเขาหลักเกณฑท ี่ ศาลจะคืนคาธรรมเนียมศาลใหผูฟองคดี (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๖๙๔/๒๕๕๐) ๒. วิธีพิจารณาคดีปกครองในศาลปกครองสูงสุด หากพิจารณาอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองสูงสุดตามมาตรา ๑๑๙ แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ แลว อาจแบงวิธีพิจารณาคดีปกครองในศาลปกครอง สูงสุดออกไดเปน ๒ ลักษณะ คือ การพิจารณาคดีท ี่ ย ื่นฟองศาลปกครองสูงสุดโดยตรงและการพิจารณา คดีที่อุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน ๙พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๑ ศาลปกครองสูงสุดมีอํานาจพิจารณาพิพากษาคดีดังตอไปนี้ (๑) คดีพิพาทเกี่ยวกับคําวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยขอพิพาทตามที่ที่ประชุมใหญตุลาการ ในศาลปกครองสูงสุดประกาศกําหนด (๒) คดีพิพาทเกี่ยวกับความชอบดวยกฎหมายของพระราชกฤษฎีกา หรือกฎที่ออกโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (๓) คดีที่มกฎหมายกี ําหนดใหอยูในอํานาจของศาลปกครองสูงสุด (๔) คดีที่อุทธรณคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลปกครองชั้นตน
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๖ การพิจารณาคดีท ี่ ย ื่นฟองตอศาลปกครองสูงสุดโดยตรงนั้ น ศาลจะนําวิธีพิจารณา คดีในศาลปกครองชั้ นตนมาใชโดยอนุโลม ท ั้ งน ี้ ตามขอ ๙๘๑๐แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณา คดีปกครองฯ สวนการพิจารณาคดีท ี่ อุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน จะใช วิธีพิจารณาคดีตามที่กําหนดไวในภาค ๓ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ๒.๑ การอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน เม ื่อศาลปกครองชั้ นตนมีคําพิพากษาหรือคําส ั่งประการใด รวมถึงคําส ั่ งเก ี่ ยวกับ การละเมิดอํานาจศาลหรือคําส ั่ งอ ื่นใดที่ ทําใหคดีเสร็จเด็ดขาด หากคูกรณีไมพอใจยอมมีสิทธิย ื่ น อุทธรณไดภายใน ๓๐ วัน นับแตวันท ี่ไดมีคําพิพากษาหรือคําส ั่ ง ถามิไดย ื่ นอุทธรณตามกําหนด เวลาดังกลาว ใหถือวาคดีน ั้นเปนอันถึงท ี่ สุด ท ั้ งน ี้ ตามมาตรา ๗๓ แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้ ง ศาลปกครองฯ อยางไรก็ดีมีขอพิจารณาวา มีคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนบางคําส ั่ งท ี่ กฎหมาย กําหนดใหถึงที่สุดจึงตองหามอุทธรณซ ึ่ งมีสาระสําคัญ ดังน ี้ ๑) กรณีท ี่พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ กําหนดใหเปนท ี่สุด ไดแกคําส ั่ งอนุญาตใหดําเนินคดีโดยยกเวน คาธรรมเนียมศาลท ั้ งหมด ตามมาตรา ๔๕/๑ วรรคหนึ่ง ๑๑ ๒) กรณีท ี่พระราชบัญญัติวาดวยการวินิจฉัยชี้ ขาดอํานาจหนาท ี่ ระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ กําหนดใหเปนที่สุด ในกรณีท ี่ มีการย ื่นฟองคดีตอศาลใดแลว หากคูความฝายท ี่ ถูกฟองคดี ย ื่ นคํารองตอศาลท ี่ รับฟองคดีน ั้ นวา คดีดังกลาวไมอยูในเขตอํานาจของศาลท ี่ รับฟอง แตอยูใน อํานาจของอีกศาลหน ึ่ ง ศาลท ี่ รับฟองจะตองรอการพิจารณาแลวสงความเห็นไปยังศาลดังกลาว ในการนี้ คําส ั่ งของศาลท ี่ รับความเห็นท ี่ มีความเห็นพองกับศาลท ี่ สงความเห็น ไมวาจะเห็นวาคดี ๑๐ระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขอ ๙๘ การฟองคดีตามมาตรา ๑๑ (๑) (๒) และ (๓) ใหยื่นคําฟองตอศาลปกครองสูงสุด และใหนําวิธีพิจารณาคดี ปกครองในศาลปกครองชั้นตนตามที่กําหนดไวในภาค ๒ มาใชบังคับกับคดีที่ฟองตามขอนี้โดยอนุโลม ๑๑พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ . ๒๕๔๒ มาตรา ๔๕/๑ การฟองคดีที่ตองเสียคาธรรมเนียมศาลตามมาตรา ๔๕ วรรคสี่หากคูกรณีใดยื่นคําขอตอศาล โดยอางวาไมมีทรัพยสินเพียงพอที่จะเสียคาธรรมเนียมศาล หรือโดยสถานะของผูขอถาไมไดรับยกเวนคาธรรมเนียมศาลจะไดรับ ความเดือดรอนเกินสมควร ถาศาลเห็นวามขีอเท็จจริงเพียงพอที่จะรับฟองไวพิจารณา หรือในกรณีอุทธรณซึ่งศาลเห็นวามีเหตุผล อันสมควรที่จะอุทธรณไดแลวแตกรณีและศาลไตสวนแลวเห็นวามีเหตุตามคําขอจริงก็ใหศาลอนุญาตใหคูกรณีนั้นดําเนินคดี โดยยกเวนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดหรือเฉพาะบางสวนไดคําสั่งใหยกเวนคาธรรมเนียมศาลทั้งหมดใหเปนที่สุด ฯลฯ ฯลฯ
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๗ น ั้ นอยูในเขตอํานาจของศาลตนหรืออยูในเขตอํานาจของอีกศาลท ี่ สงความเห็น และคําส ั่ งของ ศาลท ี่ สงความเห็นท ี่ มีคําส ั่งใหโอนคดีไปยังศาลท ี่ รับความเห็นหรือส ั่ งจําหนายคดีเพ ื่อใหไปฟอง คดียังศาลท ี่ มีเขตอํานาจ ใหเปนท ี่ สุด ท ั้ งน ี้ ตามมาตรา ๑๐ ๑๒ แหงพระราชบัญญัติ วาดวยการวินิจฉัยช ี้ ขาดอํานาจหนาท ี่ ระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ เชน คําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ ส ั่ งจําหนายคดีเพ ื่อใหผูฟองคดีไปยื่นฟอง เปนคดีใหมตอศาลยุติธรรมตามมาตรา ๑๐ วรรคหน ึ่ ง (๑) แหงพระราชบัญญัติวาดวยการวินิจฉัยช ี้ ขาดอํานาจหนาท ี่ ระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ ถือเปนท ี่ สุด ตามมาตรา ๑๐ วรรคสอง แหง พระราชบัญญัติเดียวกัน (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๕๗/๒๕๕๐) ๓) กรณีที่ ระเบียบของที่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วา ดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ กําหนดใหเปนที่สุด ซ ึ่ งมีกรณียอยดังตอไปนี้ ๓.๑) คําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาในกรณีท ี่ ย ื่นฟองเม ื่ อพนกําหนด ระยะเวลาการฟองคดีแลว แตศาลเห ็ นวาคดีน ั้นเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุ จําเปนอื่น ในกรณีที่ผูฟองคดียื่นฟองเม ื่ อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดแลีว แตศาลเห็นวาคดีน ั้นเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอ ื่ น โดยศาลเห็นเองหรือคูความ มีคําขอ ศาลจะรับคําฟองไวพิจารณาก็ไดคําสั่งรับคําฟองไวพิจารณาในกรณีนี้ใหเปนที่สุด ๑๒พระราชบัญญัติวาดวยการวินิจฉัยชี้ ขาดอํานาจหนาท ี่ ระหวางศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ ในกรณีที่มีการฟองคดีตอศาลใด ถาคูความฝายที่ถูกฟองเห็นวาคดีดังกลาวอยูในเขตอํานาจของอีก ศาลหนึ่ง ใหยื่นคํารองตอศาลที่รับฟองกอนวันสืบพยานสําหรับศาลยุติธรรมหรือศาลทหาร หรือกอนวันนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก สําหรับศาลปกครองหรือศาลอื่น ในการนี้ใหศาลที่รับฟองรอการพิจารณาไวชั่วคราว และใหจัดทําความเห็นสงไปใหศาลที่คูความ รองวาคดีนั้นอยูในเขตอํานาจโดยเร็ว ในกรณีเชนน ี้ใหศาลที่เกี่ยวของดําเนินการ ดังตอไปนี้ (๑) ถาศาลที่สงความเห็นมีความเห็นวาคดีนั้นอยูในเขตอํานาจของศาลตน และศาลที่รับความเห็น มีความเห็นพองกับศาลดังกลาว ใหแจงความเห็นไปยังศาลที่สงความเห็นเพื่อมีคําสั่งใหดําเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาลเดิม นั้นตอไป (๒) ถาศาลที่สงความเห็นมีความเห็นวาคดีนั้นอยูในเขตอํานาจของอีกศาลหนึ่งที่คูความอาง และศาลที่ รับความเห็นมีความเห็นพองกับความเห็นดังกลาว ใหแจงความเห็นไปยังศาลที่สงความเห็นเพื่อมีคําสั่งใหโอนคดีไปยังศาลนั้น หรือสั่งจําหนายคดีเพื่อใหคูความไปฟองศาลที่มีเขตอํานาจ ทั้งน ี้ ตามที่ศาลเห็นสมควรโดยคํานึงถึงประโยชนแหงความยุติธรรม ฯลฯ ฯลฯ คําสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง (๑) และ (๒) และคําวินิจฉัยของคณะกรรมการที่เกี่ยวกับเขตอํานาจศาลตามวรรคหนึ่ง (๓) ใหเปนที่สุด และมิใหศาลที่อยูในลําดับสูงข ึ้นไปของศาลตามวรรคหนึ่งยกเรื่องเขตอํานาจศาลข ึ้ นพิจารณาอีก ฯลฯ ฯลฯ
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๘ ตามขอ ๓๐ วรรคสอง๑๓แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ โดยมีคําวินิจฉัยของศาล ปกครองสูงสุดที่นาสนใจ ดังน ี้ การท ี่ศาลปกครองรับคําฟองในคดีท ี่ ย ื่นฟองเม ื่ อพนกําหนด ระยะเวลาการฟองคดีไวพิจารณา เน ื่ องจากเห็นวาเปนกรณีมีเหตุจําเปนอ ื่ นตามมาตรา ๕๒ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ คําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาดังกลาวเปนท ี่ สุด ตามขอ ๓๐ วรรคสองแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําพิพากษาศาลปกครอง สูงสุดท ี่ อ.๔๒/๒๕๕๐) กรณีฟองขอใหกรุงเทพมหานครร ื้ อถอนเสาเหล็กท ี่ปดก ั้ นสะพาน ขามคลองบางลําพูท ี่ พิพาทไดย ื่นฟองเม ื่ อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีแตศาลปกครองชั้นตน เห็นวากรณีมีเหตุจําเปน จึงมีคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณา คําสั่งดังกลาวใหเปนที่สุดตามขอ ๓๐ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ท ี่ อ.๒๐๗/๒๕๕๐) มีขอสังเกตวา แมขอ ๓๐ วรรคสองแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณา คดีปกครองฯจะบัญญัติใหคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนที่รับคําฟองที่ยื่นเมื่ อพนกําหนดระยะเวลา การฟองคดีแลวไวพิจารณา เปนคําสั่งที่เปนที่สุดก็ตาม แตบทบัญญัติดังกลาวก็มีความหมาย เพียงวา หามมิใหคูกรณีโดยเฉพาะอยางย ิ่ งผูถูกฟองคดีอุทธรณโตแยงคําส ั่ งดังกลาวตอศาลปกครอง สูงสุดเทาน ั้ น ไมไดหามมิใหศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่ งเพิกถอนคําส ั่ งดังกลาวเม ื่อปรากฏวา การมีคําส ั่ งดังกลาวเปนไปโดยผิดหลงอันเปนการดําเนินกระบวนพิจารณาท ี่ ผิดระเบียบตามขอ ๗ แหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯแตอยางใด (คําส่งศาลปกครองส ัูงสุดท ี่ ๑๗๙/๒๕๕๐ และท ี่ ๒๐๒/๒๕๕๐) ๓.๒) คําส ั่ งเก ี่ ยวกับคําขอใหพิจารณายกเวนคาธรรมเนียมศาลใหม ขอ ๔๑/๔ วรรคหน ึ่ ง (๑) แหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดวา ในคดีที่ศาลปกครองชั้นตนมีคําสั่งใหยกเวนคาธรรมเนียมศาลเฉพาะบางสวน หรือมีคําส ั่งใหยกคําขอ ผูยื่ นคําขอมีสิทธิย ื่ นคํารองขอใหพิจารณาคําขอน้นใหม ั เพ ื่ ออนุญาตใหนํา ๑๓ระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ขอ ๓๐ การฟองคดีตอศาลปกครองตองยื่นฟองภายในกําหนดระยะเวลาและตามหลักเกณฑที่บัญญัติไวในมาตรา ๔๙ มาตรา ๕๑ และมาตรา ๕๒ คําฟองที่ยื่นเมื่อพนกําหนดระยะเวลาการฟองคดีแลว ใหศาลมีคําสั่งไมรับไวพิจารณาและสั่งจําหนายคดีออกจาก สารบบความ เวนแตศาลเห็นวาคดีนั้นเปนประโยชนแกสวนรวมหรือมีเหตุจําเปนอื่นโดยศาลเห็นเองหรือคูกรณีมีคําขอ ศาลจะ รับไวพิจารณาก็ไดคําสั่งรับคําฟองไวพิจารณาใหเปนที่สุด
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๒๙ พยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมวาไมมีทรัพยสินเพียงพอที่จะเสียคาธรรมเนียมศาล หรือ โดยสถานะของผูขอถาไมไดรับยกเวนคาธรรมเนียมศาลจะไดรับความเดือดรอนเกินสมควร เม ื่ อศาลมีคําส ั่งเปนประการใดแลว ใหเปนที่สุด ๓.๓) คําส ั่งไมรับคําฟองแยง ขอ ๔๔ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดวา ในคดีท ี่ ผูถูกฟองคดีฟองแยงมาในคําใหการ หากคําฟองแยงน ั้นเปนเร ื่ องท ี่ไมเก ี่ ยวกับ คําฟองเดิม ใหตุลาการเจาของสํานวนส ั่งไมรับคําฟองแยง คําส ั่ งดังกลาวใหเป นที่สุด ๓.๔) คําส ั่งไมรับคําขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคําส ั่ ง ทางปกครอง ขอ ๗๐ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดวา ในกรณีท ี่ ศาลเห็นวาคําขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคําส ั่งทางปกครองใดยื่นโดยไมมีขออาง หรือขอเท็จจริงเพียงพอ หรือไมมีเหตุผลหรือสาระอันควรไดรับการพิจารณา หรือเห็นได อยางชัดแจงวาไมสมควรมีคําส ั่ งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคําส ั่งทางปกครอง หรือเปนกรณีท ี่ ศาลจะส ั่งไมรับคําฟองคดีน ั้นไวพิจารณา และจะส ั่ งจําหนายคดีออกจากสารบบความแลว ใหมี อํานาจส ั่งไมรับคําขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคําส ั่งทางปกครองนั้น คําส ั่ งดังกลาวใหเปนที่สดุ ๓.๕) คําส ั่ งยกคําขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคําส ั่งทางปกครอง เม ื่อศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่งใหทุเลาการบังคับตามกฎหรือ คําส ั่งทางปกครองแลว หากผูมีสวนไดเสียย ื่ นคําขอใหศาลปกครองสูงสุดมีคําส ั่ งระงับคําส ั่ งของ ศาลปกครองชั้ นตนท ี่ ส ั่ งทุเลาการบังคับตามกฎหรือคําส ั่งทางปกครองไวเปนการช ั่ วคราว กอนการวินิจฉยอัุทธรณหากศาลมีคําส ั่ งยกคําขอทุเลาการบังคับตามกฎหรือคําส ั่งทางปกครองแลว ขอ ๗๓ วรรคสองแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดใหคําส ั่ งดังกลาวเปนที่สุด ๓.๖) คําส ั่งไมรับหรือยกคําขอใหศาลกําหนดมาตรการหรือ วิธีการคุมครองอยางใดๆ เพ ื่ อบรรเทาทุกขชั่ วคราวกอนการพิพากษา หากผูถูกฟองคดีต ั้งใจจะกระทําซ ้ํ าหรือกระทําตอไปซึ่ งการละเมิด การผิดสัญญาหรือการกระทําท ี่ ถูกฟองรอง หรือผูฟองคดีจะไดรับความเดือดรอนเสียหายตอไป เน ื่ องจากการกระทําของผูถูกฟองคดีผูฟองคดีอาจย ื่ นคําขอใหศาลมีคําส ั่ งกําหนดมาตรการหรือ วิธีการคุมครองอยางใดๆ เพ ื่ อบรรเทาทุกขชั่ วคราวกอนการพิพากษา หรือคูกรณีอาจย ื่ นคําขอให ศาลมีคําส ั่ งกําหนดวิธีการเพ ื่ อคุมครองประโยชนของผูขอในระหวางการพิจารณาหรือเพ ื่ อบังคับ ตามคําพิพากษาไดแตอยางไรก็ดีหากศาลมีคําส ั่งไมรับหรือยกคําขอของผูฟองคดีหรือคูกรณี
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๐ ขอ ๗๖ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดใหคําส ั่ งดังกลาวเปนท ี่ สุด โดยมีตัวอยางคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ดังน ี้ คําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ ยกคําขอใหระงับหรือชะลอ การเลือกต ั้ งนายกองคการบริหารสวนตําบลแทนตําแหนงของผูฟองคดีไวกอน และคําขอใหผูฟองคดี กลับเขาทําหนาท ี่ นายกองคการบริหารสวนตําบลตอไป จนกวาศาลจะมีคําพิพากษา ยอมเปนท ี่ สุด ตามขอ ๗๓ วรรคสองและขอ ๗๖ วรรคสองแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ การท ี่ ผูฟองคดียื่นคํารองอุทธรณคําสั่งของศาลปกครองชั้นตนจึงเปนการไมชอบตามขอ ๑๐๐ วรรคหน ึ่ ง แหงระเบียบฉบับดังกลาว (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๓๖๗/๒๕๕๐) คําส ั่งไมรับคําขอใหศาลมีคําส ั่ งกําหนดมาตรการหรือวิธีการ คุมครองเพ ื่ อบรรเทาทุกขช ั่ วคราวกอนการพิพากษาคดีเปนท ี่ สุดตามขอ ๗๖ วรรคสอง แหง ระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ จึงตองหามอุทธรณตามขอ ๑๐๐ วรรคหนึ่ง แหง ระเบียบเดียวกัน เมื่อผูฟองคดียื่นคํารองอุทธรณคําส ั่ งดังกลาว ศาลปกครองชั้ นตนชอบท ี่ จะมี คําส ั่งไมรับคํารองอุทธรณการท ี่ศาลปกครองชั้ นตนสงคํารองดังกลาวใหศาลปกครองสูงสุด โดยมิไดมีคําส ั่งไมรับคํารองอุทธรณดังกลาว จึงไมชอบดวยกระบวนพิจารณา แตโดยที่ คํารอง อุทธรณของผูฟองคดีเปนคําอุทธรณท ี่ ตองหามโดยชัดแจงตามกฎหมาย ดังน ั้ น เพ ื่ อความรวดเร็ว ในการพิจารณาคดีศาลปกครองสูงสุดจึงมีคําส ั่งไมรับคํารองอุทธรณคําส ั่ งของผูฟองคดีโดยไมจําตอง ยอนสํานวนใหศาลปกครองชั้ นตนดําเนินกระบวนพิจารณาเพ ื่ อมคีําส ั่งใหม (คําส ั่งศาลปกครอง สูงสุดท ี่ ๖๐๗/๒๕๕๐) ๓.๗) คําส ั่งไมอนุญาตใหถอนคําฟอง การฟองคดีปกครองนั้ น ผูฟองคดีอาจถอนคําฟองในเวลาใดๆ กอนศาลพิพากษาหรือมีคําส ั่ งช ี้ ขาดคดีไดแตในคดีท ี่ เก ี่ ยวกับการคุมครองประโยชนสาธารณะ หรือคดีที่ การพิจารณาตอไปจะเปนประโยชนแกสวนรวม หรือการถอนคําฟองเกิดจากการสมยอม กันโดยไมเหมาะสม ศาลจะมีคําส ั่งไมอนุญาตใหถอนคําฟองก็ไดซ ึ่ งขอ ๘๒ วรรคส ี่ แหงระเบียบ ฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดใหคําส ั่ งดังกลาวเปนที่สุด ๓.๘) คําส ั่ งเก ี่ ยวกับการอนุญาตใหนําพยานหลักฐานมาสืบ ประกอบคําแถลง ในการพิจารณาคดีปกครองนั้ น ศาลจะตองมีการน ั่ งพิจารณาคดี อยางนอยหน ึ่ งคร ั้ ง เพ ื่อใหคูกรณีมีโอกาสมาแถลงดวยวาจาตอหนาศาล โดยในวันน ั่ งพิจารณาคดี คร ั้ งแรก คูกรณีสามารถย ื่ นคําแถลงเปนหนังสือและมีสิทธินําพยานหลักฐานมาสืบประกอบได อยางไรก็ดีในการที่ ศาลจะอนุญาตใหสืบพยานหลักฐานดังกลาว ศาลมีดุลพินิจท ี่ จะส ั่ งอนุญาตให
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๑ สืบพยานไดเทาที่เกี่ยวของกับคําแถลงและจําเปนแกคดีเทานั้น ซึ่งขอ ๘๔ วรรคสาม แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดใหคําส ั่ งดังกลาวเปนที่สุด ๓.๙) คําส ั่ งรับคําคัดคานหรือคําส ั่ งยกคําคัดคานตุลาการ ตุลาการศาลปกครองในองคคณะพิจารณาพิพากษาคดีหรือตุลาการ ผูแถลงคดีอาจถูกคัดคานการปฏิบัติหนาท ี่ไดตามเหตุแหงการคัดคานผูพิพากษาท ี่ บัญญัติไวใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง รวมถึงเหตุอ ื่ นอันมีสภาพรายแรงซ ึ่ งอาจทําใหการพิจารณา พิพากษาคดีเสียความยุติธรรมตามขอ ๑๔ แหงระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครอง สูงสุด วาดวยองคคณะ การจายสํานวน การโอนคดีการปฏิบัติหนาท ี่ ของตุลาการในคดีปกครอง การคัดคานตุลาการศาลปกครอง การปฏิบัติหนาท ี่ ของพนักงานคดีปกครอง และการมอบอํานาจ ใหดําเนินคดีปกครองแทน พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยคูกรณีท ี่ เก ี่ ยวของอาจยกขอคัดคานข ึ้ นอางดวยการ ทําเปนคํารองย ื่ นตอศาลภายในสิบหาวัน นับแตวันท ี่ คูกรณีน ั้ นทราบถึงเหตุท ี่ จะคัดคาน แตตอง เปนเวลากอนศาลมีคําพิพากษาหรือคําส ั่ งช ี้ ขาดคดี นอกจากน ี้ เม ื่อปรากฏเหตุท ี่ ตุลาการศาลปกครองอาจถูกคัดคานได ตุลาการศาลปกครองนั้ นจะย ื่ นคําบอกกลาวตอประธานศาลปกครองสูงสุดหรืออธิบดีศาลปกครอง ช ั้ นตนแสดงเหตุที่ ตนอาจถูกคัดคาน แลวขอถอนตัวออกจากคดีนั้ นก็ได เมื่อองคคณะที่พิจารณาคําคัดคานตุลาการศาลปกครอง มีคําสั่ง ยอมรับคําคัดคานหรือยกคําคัดคาน คําส ั่ งดังกลาวเปนท ี่ สุดตามขอ ๑๘ วรรคหน ึ่ ง แหงระเบียบ ของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยองคคณะ การจายสํานวน การโอนคดี การปฏิบัติหนาท ี่ ของตุลาการในคดีปกครอง การคัดคานตุลาการศาลปกครอง การปฏิบัติหนาท ี่ ของพนักงานคดีปกครอง และการมอบอํานาจใหดําเนินคดีปกครองแทน พ.ศ. ๒๕๔๔ ๒.๒ การอุทธรณคําส ั่ งระหวางพิจารณา ตามระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ขอ ๑๐๐ วรรคสอง กําหนด วา คําส ั่ งระหวางพิจารณาท ี่ ระเบียบน ี้ มิไดกําหนดใหอุทธรณระหวางพิจารณาไดใหอุทธรณคําส ั่ ง ดังกลาวพรอมกับการอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่ งท ี่ ทําใหคดีเสร็จส ิ้ นเด็ดขาดจากศาล ดังน ั้ น การอุทธรณคําส ั่ งระหวางพิจารณาจึงตองแยกพิจารณาวาคําส ั่งใดอุทธรณไดทันทีและคําส ั่งใด ตองรออุทธรณพรอมกับการอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่ งที่ทําใหคดีเสร็จส ิ้ นเด็ดขาด ๑) ความหมายของคําส ั่ งระหวางพิจารณา พระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ และระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณา คดีปกครองฯ มิไดใหคํานิยามของคําส ั่ งระหวางพิจารณาไวอยางไรก็ดีศาลปกครองสูงสุดไดอธิบาย
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๒ ความหมายของคําส ั่ งระหวางพิจารณาวา เม ื่อไดย ื่ นคําฟองตอศาลปกครองชั้ นตนและศาลไดมี คําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาแลว ศาลจะดําเนินกระบวนพิจารณาคดีจนเสร็จคดีแลวมีคําพิพากษา หรือคําส ั่ งช ี้ ขาดคดี ดังน ั้ น ในระหวางท ี่ ศาลดําเนินกระบวนพิจารณากอนมีการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดี ถือวาคดีอยูในระหวางการพิจารณา หากมีกรณีท ี่ศาลปกครองชั้ นตนจักตองมีคําส ั่งในเรื่องใดๆ ท ี่ มิใชเปนการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดีคําส ั่ งดังกลาวยอมถือวาเปนคําส ั่ งระหวางพิจารณา (คําส ั่ งศาล ปกครองสูงสุดท ี่ ๑๙๓/๒๕๕๐) ๒) คําส ั่ งระหวางพิจารณาท ี่ จะตองอุทธรณพรอมกับคําพิพากษาหรือ คําส ั่ งชี้ ขาดคดี ศาลปกครองสูงสุดไดวินิจฉัยวาคําส ั่ งตอไปนี้เปนคําส ั่ งระหวางพิจารณา ที่คูกรณีจะตองอุทธรณพรอมกับคําพิพากษาหรือคําส ั่ งที่ทําใหคดีเสร็จเด็ดขาดจากศาล ไดแก ๒.๑) คําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณา การที่ผูถูกฟองคดีอุทธรณวาผูถูกฟองคดีมิใชหนวยงานทางปกครอง เทากับเปนการโตแยงวาคดีน ี้ไมใชคดีพิพาททางปกครองซึ่งไมอยูในอํานาจพิจารณาพิพากษา ของศาลปกครอง ฉะน ั้ น โดยเนื้ อหาสาระจึงเปนการอุทธรณคัดคานคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน ท ี่ รับคําฟองไวพิจารณา ซ ึ่ งคําส ั่ งดังกลาวมิใชการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดีจึงเปนคําส ั่ งระหวางพิจารณา เมื่อระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ มิไดกําหนดใหอุทธรณระหวางพิจารณาได ผูถูกฟองคดีจึงตองอุทธรณเร ื่ องน ี้ พรอมกับการอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่ งท ี่ ทําใหคดีเสร็จส ิ้ น เด็ดขาดจากศาลตามขอ ๑๐๐ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําส ั่ ง ศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๓๖/๒๕๕๐, ท ี่ ๑๙๓/๒๕๕๐, ท ี่ ๒๖๖/๒๕๕๐ และท ี่ ๓๓๑/๒๕๕๐) แมผูถูกฟองคดีจะระบุในคํารองอุทธรณคําส ั่ งวาเปนการย ื่ น อุทธรณคัดคานคําส ั่งศาลปกครองชั้ นตนท ี่ ทุเลาการบังคับตามคําส ั่ งของผูถูกฟองคดีแตเม ื่ อ เน ื้ อหาสาระของคํารองอุทธรณคําส ั่ งท ั้งหมดเปนการคัดคานคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ รับคําฟอง ไวพิจารณา โดยไมมีขอความตอนใดเลยที่แสดงใหเห็นวาเปนการคัดคานคําส ั่งของศาลปกครอง ช ั้ นตนท ี่ ส ั่ งทุเลาการบังคับตามคําส ั่ งของผูถูกฟองคดีซ ึ่ งแมวาจะมีคําขอใหศาลปกครองสูงสุด เพิกถอนคําส ั่ งดังกลาวของศาลปกครองชั้ นตน แตคําขอดังกลาวก็เปนคําขอท ี่ สืบเน ื่ องมาจาก คําขอใหศาลปกครองสูงสุดมีคําส ั่ งเพิกถอนคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาของศาลปกครองชั้ นตน จึงถือวาเปนคํารองอุทธรณคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ รับคําฟองไวพิจารณา ซ ึ่ งพระราชบัญญัติ จัดต ั้งศาลปกครองฯ และระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ มิไดกําหนดใหถึงท ี่ สุด แตก็ ถือวาเปนคําส ั่ งระหวางพิจารณา เม ื่ อระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ มิไดกําหนดให ย ื่ นอุทธรณคําส ั่ งรับคําฟองไวพิจารณาในระหวางพิจารณาไดจึงเปนคําส ั่ งท ี่ หามอุทธรณระหวาง
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๓ พิจารณา ผูมีสวนไดเสียชอบท ี่ จะอุทธรณคําส ั่ งน ี้ พรอมกับอุทธรณคําส ั่ งหรือคําพิพากษาท ี่ ทําให คดีเสร็จส ิ้ นเด็ดขาดจากศาลตามขอ ๑๐๐ วรรคสอง แหงระเบียบดังกลาว (คําส ั่งศาลปกครอง สูงสุดท ี่ ๕๔๓/๒๕๕๐) ขอสังเกต จากคําสั่งฉบับนี้แสดงใหเห็นวาในการพิจารณา ของศาลปกครองสูงสุด ศาลจะดูจากเน ื้ อหาสาระของคํารองอุทธรณคําส ั่งเปนสําคัญวาเปนคํารอง อุทธรณคําส ั่งใด ๒.๒) คําส ั่ งยกคํารองขอใหเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ คําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ ส ั่งใหยกคํารองขอใหศาลเพิกถอน คําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ ส ั่งใหสงคําฟองไปใหผูถูกฟองคดีท ี่ ๒ ผานทางผูถูกฟองคดีท ี่ ๑ ซ ึ่งเปนตัวแทนประสานงาน เปนคําส ั่ งระหวางพิจารณาท ี่ไมมีกฎหมายและระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณา คดีปกครองฯ กําหนดใหอุทธรณระหวางพิจารณาได คูกรณีจึงไมอาจอุทธรณคําส ั่งของศาลปกครอง ช ั้ นตนดังกลาวในระหวางพิจารณาไดตามขอ ๑๐๐ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณา คดีปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๒๘๒/๒๕๕๐) ๒.๓) คําส ั่งไมรับคําคัดคานตุลาการ คําส ั่งไมรับคํารองคัดคานตุลาการของศาลปกครองชั้ นตน ที่สั่งในระหวางดําเนินกระบวนพิจารณาคดี เน ื่ องจากคํารองดังกลาวมิไดอางถึงเหตุแหงการคัดคาน ผูพิพากษาตามที่บัญญัติไวในมาตรา ๑๑ (๑) ถึง (๗) แหงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง ประกอบกับขอ ๑๔ วรรคหน ึ่ งแหงระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวย องคคณะ การจายสํานวน การโอนคดีการปฏิบัติหนาท ี่ ของตุลาการในคดีปกครอง การคัดคาน ตุลาการศาลปกครอง การปฏิบัติหนาท ี่ ของพนักงานคดีปกครอง และการมอบอํานาจให ดําเนินคดีปกครองแทน พ.ศ. ๒๕๔๔ มิใชเปนกรณีท ี่ ศาลมีคําส ั่ งยอมรับ หรือยกเสียซ ึ่ งคําคัดคาน ตุลาการ ซ ึ่งเปนท ี่ สุดตามขอ ๑๘ วรรคหน ึ่ ง แหงระเบียบดังกลาว แตเปนกรณีท ี่ ศาลมีคําส ั่ ง ในระหวางดําเนินกระบวนพิจารณาคดีและคําส ั่ งดังกลาวมิใชเปนการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดี จึงเปน คําส ั่ งระหวางพิจารณาท ี่ ตองหามมิใหอุทธรณระหวางพิจารณา โดยตองอุทธรณคําส ั่ งดังกลาว พรอมกับการอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่ งท ี่ ทําใหคดีเสร็จส ิ้ นเด็ดขาดจากศาลตามขอ ๑๐๐ วรรคสองแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ(คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๑๓๐/๒๕๕๐)
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๔ ๒.๔) คําส ั่งไมอนุญาตใหเล ื่ อนวันน ั่ งพิจารณาคดีคร ั้ งแรก และคําส ั่ ง ไมรับคํารองอุทธรณคําส ั่ งศาลที่สั่งไมรับคํารองขอเล ื่ อนวันน ั่ งพิจารณาคดีคร ั้ งแรก คําส ั่งไมอนุญาตใหเล ื่ อนวันน ั่ งพิจารณาคดีคร ั้ งแรกและคําส ั่ ง ไมรับคํารองอุทธรณคําส ั่ งศาลท ี่ไมรับคําฟองขอเล ื่ อนวันน ั่ งพิจารณาคดีคร ั้ งแรก เปนกรณีท ี่ ศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่งใดๆ ในระหวางการดําเนินกระบวนพิจารณาคดีและคําส ั่ งดังกลาวมิใช เปนการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดี จึงเปนคําส ั่ งระหวางพิจารณาซ ึ่ งตองหามมิใหอุทธรณระหวางพิจารณา ตามขอ ๑๐๐ วรรคสองแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุด ท ี่ ๑๓๐/๒๕๕๐) ๒.๓ ระยะเวลาการย ื่ นอุทธรณ การอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนน ั้ น ผูอุทธรณจะตอง ย ื่ นอุทธรณภายในระยะเวลาที่ กฎหมายกําหนด ดังน ี้ ๑) การอุทธรณคําพิพากษา การคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตน ผูอุทธรณตองย ื่ นอุทธรณ ภายในสามสิบวันนับแตวันท ี่ไดมีคําพิพากษาตามมาตรา ๗๓ วรรคหน ึ่ งแหงพระราชบัญญัติจัดต ั้ ง ศาลปกครองฯ ซ ึ่งศาลปกครองจะแจงวันนัดอานคําพิพากษาใหคูกรณีทราบลวงหนาตามสมควร ตามมาตรา ๖๙ วรรคสาม แหงพระราชบัญญัติดังกลาว ดังน ั้ น เม ื่ อถึงวันนัดฟงคําพิพากษาแลว ไมวาจะมีคูกรณีมาฟงคําพิพากษาหรือไมจะถือวาวันดังกลาวเปนวันท ี่ ศาลมีคําพิพากษา การนับ เวลาย ื่ นอุทธรณจึงตองเร่ิมนับต ั้ งแตวันท ี่ศาลไดมีคําพิพากษา มิใชวันท ี่ คูกรณีไดรับทราบวามี คําพิพากษา ๑๔ ดังคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดตอไปนี้ ศาลปกครองชั้ นตนมีคําพิพากษาในวันท ี่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๘ วันสุดทายของระยะเวลาสามสิบวันคือวันท ี่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๘ เม ื่ อวันดังกลาวมิใชวันหยุด ตามประกาศเปนทางการหรือตามประเพณีการท ี่ ผูฟองคดีย ื่ นอุทธรณคําพิพากษาทางไปรษณีย ดวนพิเศษในวันท ี่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๘ จึงเปนกรณีท ี่ ผูฟองคดีย ื่ นคําอุทธรณเม ื่ อลวงพน ระยะเวลาท ี่ กฎหมายกําหนด (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๐๑/๒๕๕๐) ศาลปกครองชั้ นตนมีคําพิพากษาเม ื่ อวันท ี่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๐ ระยะเวลาในการคัดคานคําพิพากษาจึงตองเร ิ่ มนับต ั้ งแตวันดังกลาว (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุด ท ี่ ๗๐๒/๒๕๕๐) ๑๔คําสั่งศาลปกครองสูงสุดที่๒๙๐/๒๕๔๘
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๕ ขอสังเกต ระยะเวลาอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน เปนระยะเวลาท ี่ บัญญัติไวในพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ ศาลปกครองไมอาจยนหรือขยายได ดังคําวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดตอไปนี้ ศาลปกครองไมมีอํานาจยนหรือขยายระยะเวลาท ี่ พระราชบัญญัติจัดต ั้ ง ศาลปกครองฯ กําหนดใหคูกรณีกระทําการอยางหนึ่งอยางใดในการดําเนินกระบวนพิจารณา คดีปกครอง ดังน ั้ น เม ื่ อมาตรา ๗๓ วรรคหน ึ่ ง แหงพระราชบัญญัติดังกลาว บัญญัติใหย ื่ น อุทธรณคัดคานคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนตอศาลปกครองชั้ นตนท ี่ มี คําพิพากษาหรือคําส ั่งภายในกําหนดสามสิบวันนับแตวันที่ไดมีคําพิพากษาหรือคําส ั่ ง ถามิไดย ื่ น อุทธรณตามกําหนดเวลาดังกลาวใหถือวาคดีน ั้นเปนอันถึงท ี่ สุด ศาลปกครองจึงไมมีอํานาจยน หรือขยายระยะเวลาการยื่นอุทธรณคัดคานคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลปกครองชั้นตนได ผูถูกฟองคดีจึงไมสามารถรองขอขยายระยะเวลาย ื่ นอุทธรณคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครอง ช ั้ นตนได(คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๓๐๕/๒๕๕๐) ศาลปกครองชั้ นตนมีคําพิพากษาในวันท ี่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๔๘ วันสุดทาย ของระยะเวลาสามสิบวันคือวันท ี่ ๒๒ กันยายน ๒๕๔๘ เม ื่ อวันดังกลาวมิใชวันหยุดตามประกาศ เปนทางการหรือตามประเพณีการท ี่ ผูฟองคดีย ื่ นอุทธรณคําพิพากษาทางไปรษณียดวนพิเศษ ในวันท ี่ ๒๓ กันยายน ๒๕๔๘ จึงเปนกรณีท ี่ ผูฟองคดีย ื่ นคําอุทธรณเม ื่ อลวงพนระยะเวลา ท ี่ กฎหมายกําหนด อีกท ั้ งพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ ไมมีบทบัญญัติใดที่ใหอํานาจ ศาลปกครองมีคําส ั่ งขยายกําหนดระยะเวลาย ื่ นอุทธรณคัดคานคําพิพากษาของศาล (คําส ั่ งศาล ปกครองสูงสุดท ี่ ๔๐๑/๒๕๕๐) ๒) การอุทธรณคําสั่ง คําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ กฎหมายหรือระเบียบฯ วาดวยวิธี พิจารณาคดีปกครองฯ มิไดกําหนดใหถึงที่สุด สามารถยื่นอุทธรณตอศาลปกครองสูงสุดได แตระยะเวลาการย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่ งอาจแตกตางกันไปตามประเภทของคําสั่ง ๒.๑) ย ื่ นอุทธรณภายในสามสิบวันนับแตวันท ี่ไดรับแจงคําสั่ง ขอ ๔๙/๑ วรรคหนึ่งแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดวา คําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ไมรับคําฟองไวพิจารณา คําส ั่ งจําหนายคดีออกจาก สารบบความโดยไมมีการวินิจฉัยช ี้ ขาดคดี คําส ั่งลงโทษฐานละเมิดอํานาจศาลตามมาตรา ๖๔ หรือคําส ั่ งอ ื่นใดซึ่งไมตองหามอุทธรณระหวางพิจารณาตามขอ ๑๐๐ วรรคสอง ผูมีสวนไดเสีย มีสิทธิย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่ งดังกลาวตอศาลปกครองสูงสุดภายในกําหนดระยะเวลาสามสิบวัน
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๖ นับแตวันที่ไดรับแจงคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนนั้น ศาลปกครองสูงสุดมีคําวินิจฉัยเก ี่ ยวกับระยะเวลาการย ื่ นคํารอง อุทธรณคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาของศาลปกครองชั้ นตน ดังน ี้ ผูฟองคดีไดรับแจงคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ไมรับคําฟอง ไวพิจารณาเม ื่ อวันท ี่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ การผูฟองคดีท ี่ ย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่งศาลปกครอง ช ั้ นตนโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียน ๑๕ วันท ี่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๔๙ ถือเปนการย ื่ นคํารอง อุทธรณคําส ั่ งตอศาลปกครองสูงสุดเม ื่ อพนระยะเวลาสามสิบวันนับแตวันท ี่ไดรับแจงคําส ั่ ง ของศาลปกครองชั้ นตนตามขอ ๔๙/๑ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําส ั่ ง ศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๘๙/๒๕๕๐) ผูฟองคดีไดรับแจงคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาของศาลปกครอง ช ั้ นตนเม ื่ อวันท ี่ ๒๗ กันยายน ๒๕๔๙ ซ ึ่ งจะครบกําหนดระยะเวลาการย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่ ง ในวันท ี่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๙ แตผูฟองคดีย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่ งดังกลาวทางไปรษณีย ลงทะเบียนเม ื่ อวันท ี่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ถือวาผูฟองคดีย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่ งเม ื่ อพน กําหนดระยะเวลาตามขอ ๔๙/๑ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําส ั่ งศาล ปกครองสูงสุดท ี่ ๒๒๕/๒๕๕๐) ศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่งไมรับคําฟองของผูฟองคดีไวพิจารณา โดยผูรับมอบอํานาจจากผูฟองคดีไดรับสําเนาคําส ั่ งศาลเม ื่ อวันท ี่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๐ จึงถือวา ผูฟองคดีไดรับแจงคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนโดยชอบดวยกฎหมายในวันท ี่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๐ ผูฟองคดีตองย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่ งดังกลาวภายในวันท ี่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๐ แตผูฟองคดี ย ื่ นคํารองอุทธรณโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนในวันท ี่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๐ จึงเปนการย ื่ น คํารองอุทธรณเม ื่ อพนระยะเวลาสามสิบวันตามขอ ๔๙/๑ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดี ปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๘๗/๒๕๕๐) ๒.๒) ย ื่ นอุทธรณภายในสิบหาวันนับแตวันท ี่ไดรับแจงคําสั่ง การอุทธรณคําส ั่งใหยกเวนคาธรรมเนียมศาลเฉพาะบางสวน หรือ คําส ั่งใหยกคําขอยกเวนคาธรรมเนียมศาล จะตองย ื่ นอุทธรณภายในสิบหาวันนับแตวันท ี่ไดรับ แจงคําส ั่ งตามมาตรา ๔๕/๑ แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ ซ ึ่ งบัญญัติวา “การฟองคดี ๑๕การยื่นอุทธรณคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลปกครองชั้นตนโดยสงทางไปรษณียลงทะเบียนนั้น มาตรา ๔๖ แหง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ ประกอบกับขอ ๑๓ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ใหถือวาวันที่สง คําอุทธรณแกเจาพนักงานไปรษณียเปนวันที่ยื่นอุทธรณตอศาลปกครอง
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๗ ท ี่ ตองเสียคาธรรมเนียมศาลตามมาตรา ๔๕ วรรคส ี่ หากคูกรณีใดยื่ นคําขอตอศาลโดยอางวา ไมมีทรัพยสินเพียงพอท ี่ จะเสียคาธรรมเนียมศาล หรือโดยสถานะของผูขอถาไมไดรับยกเวน คาธรรมเนียมศาลจะไดรับความเดือดรอนเกินสมควร ถาศาลเห็นวามีขอเท็จจริงเพียงพอท ี่ จะ รับฟองไวพิจารณา หรือในกรณีอุทธรณซึ่ งศาลเห็นวามีเหตุผลอันสมควรท ี่ จะอุทธรณไดแลวแตกรณี และศาลไดไตสวนแลวเห็นวามีเหตุตามคําขอจริงก็ใหศาลอนุญาตใหคูกรณีน ั้ นดําเนินคดี โดยยกเวนคาธรรมเนียมศาลท ั้ งหมดหรือเฉพาะบางสวนไดคําส ั่งใหยกเวนคาธรรมเนียมศาลท ั้ งหมด ใหเปนที่สุด ในกรณีท ี่ ศาลมีคําส ั่งใหยกเวนคาธรรมเนียมศาลเฉพาะบางสวน หรือมีคําส ั่งใหยกคําขอ ผูย ื่ นคําขอมีสิทธิดําเนินการอยางใดอยางหน ึ่ งดังตอไปนี้ภายในสิบหาวัน นับแตวันที่ไดรับแจงคําสั่ง (๑) ย ื่ นคํารองขอใหพิจารณาคําขอน ั้นใหมเพ ื่ ออนุญาตใหตน นําพยานหลักฐานมาแสดงเพ ิ่ มเติมวาไมมีทรัพยสินเพียงพอ ท ี่ จะเสียคาธรรมเนียมศาลไดจริง หรือโดยสถานะของผูขอถาไมไดรับยกเวนคาธรรมเนียมศาลจะไดรับความเดือดรอนเกินสมควร (๒) ย ื่ นอุทธรณคําส ั่ งน ั้ นตอศาลปกครองสูงสุด ฯลฯ ฯลฯ” ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําวินิจฉัยในประเด็นเก ี่ ยวกับการอุทธรณ คําส ั่ งยกคําขอยกเวนคาธรรมเนียมศาลของศาลปกครองชั้ นตน ดังตอไปนี้ ผูฟองคดีไดรับแจงคําส ั่ งศาลท ี่ ยกคําขอยกเวนคาธรรมเนียมศาล ของผูฟองคดีเม ื่ อวันท ี่ ๑ กุมภาพันธ๒๕๕๐ ซ ึ่ งผูฟองคดีมีสิทธิยื่ นคํารองขอใหพิจารณาคําขอน ั้นใหม เพ ื่ ออนุญาตใหตนนําพยานหลักฐานมาแสดงเพ ิ่ มเติมวาไมมีทรัพยสินเพียงพอท ี่ จะเสียคาธรรมเนียมศาล ไดจริงหรือโดยสถานะของผูขอถาไมไดรับการยกเวนคาธรรมเนียมศาลจะไดรับความเดือดรอน เกินสมควร หรือย ื่ นอุทธรณคําส ั่ งน ั้ นตอศาลปกครองสูงสุด โดยตองดําเนินการภายในสิบหาวัน นับแตวันท ี่ไดรับแจงคําส ั่งศาลปกครองชั้ นตน ในกรณีน ี้ จึงครบกําหนดสิบหาวันในวันท ี่ ๑๖ กุมภาพันธ๒๕๕๐ เม ื่ อผูฟองคดีย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่งโดยสงใหแกเจาพนักงานไปรษณียเม ื่ อ วันท ี่ ๑๗ กุมภาพันธ๒๕๕๐ จึงเปนการย ื่ นอุทธรณเม ื่ อพนกําหนดแลว (คําส ั่งศาลปกครอง สูงสุดท ี่ ๓๒๖/๒๕๕๐) ๒.๔ ผูมีสิทธิอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน มาตรา ๗๓ วรรคหนึ่ง แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ บัญญัติ เร ื่ องระยะเวลาการย ื่ นอุทธรณคัดคานคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนโดยมิได กําหนดวาบุคคลใดเปนผูมีสิทธิอุทธรณอยางไรก็ดีศาลปกครองสูงสุดไดมีคําวินิจฉัยในประเด็น
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๘ เก ี่ ยวกับผูมีสิทธิอุทธรณคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน ดังตอไปนี้ ๑) เปนคูกรณีที่ถูกผูกพันในอันท ี่ จะตองปฏิบัติตามคําบังคับของศาล เม ื่ อคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตนกําหนดใหนายกเทศมนตรี (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๒) ประเมินผลการปฏิบัติงานของผูฟองคดีเพ ื่ อพิจารณาเล ื่ อนข ั้ นเงินเดือนใหแก ผูฟองคดีใหเปนไปตามกฎหมายใหเสร็จส ิ้นภายใน ๓๐ วัน คําพิพากษาดังกลาวจึงมีผลบังคับ เฉพาะนายกเทศมนตรีหาไดมีผลบังคับถึงปลัดเทศบาล (ผูถูกฟองคดีท ี่ ๑) แตประการใดไม เม ื่ อนายกเทศมนตรีมิไดอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตนภายในสามสิบวันนับแต วันท ี่ มีคําพิพากษา และไมปรากฏวานายกเทศมนตรีไดมอบอํานาจใหปลัดเทศบาลกระทําการแทน จึงถือวาคดีเปนอันถึงท ี่ สุด การท ี่ปลัดเทศบาลย ื่ นอุทธรณจึงเปนคําอุทธรณท ี่ ตองหามตามกฎหมาย หรือยื่นโดยผิดระเบียบตามขอ ๑๑๑ (๑) แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๓๐/๒๕๕๐) ในคดีท ี่ประชาชนในเขตองคการบริหารสวนตําบลฟองนายกองคการ บริหารสวนตําบลกรณีละเลยตอหนาท ี่ในการเก็บคาธรรมเนียม การดูแลท ี่ สาธารณะและการปรับลด ปริมาณและรูปแบบโครงการกอสราง น ั้ น ผูมีสิทธิอุทธรณคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาไดแก คูกรณีดังกลาว ผูรองซ่ึงแมจะอยูในฐานะสมาชิกสภาองคการบริหารสวนตําบลและประธานสภา องคการบริหารสวนตําบล แตก็ไมใชคูกรณีในกระบวนพิจารณาของศาลปกครองชั้ นตน ผูรองจึง ไมมีสิทธิอุทธรณคําส ั่งในคดีนี้ เพราะขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายท ี่ ยกข ึ้ นอางในคําอุทธรณจะตอง เปนขอที่ไดยกขึ้นวากันมาแลวโดยชอบในศาลปกครองชั้นตน (คําสั่งศาลปกครองสูงสุด ท ี่ ๒๖๘/๒๕๕๐) แมวาคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตน จะมีผลทําใหเจาพนักงาน ที่ดินตองยกเลิกการออกโฉนดที่ดินใหแกผูฟองคดีแตโดยที่ ผูมีสิทธิย ื่ นอุทธรณคัดคานคําพิพากษา ของศาลปกครองชั้ นตน ตองเปนคูกรณีซ ึ่ งถูกผูกพันโดยคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตน ท ี่ จะตองปฏิบัติตามคําบังคับตามมาตรา ๗๐ วรรคหน ึ่ ง แหงพระราชบัญญัติจัดต ั้งศาลปกครองฯ และขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายท ี่ ยกข ึ้ นอางในการยื่ นอุทธรณผูอุทธรณจะตองยกข ึ้ นวากลาว มาแลวโดยชอบในศาลปกครองชั้ นตน ตามขอ ๑๐๑ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธี พิจารณาคดีปกครองฯ จึงมีความหมายโดยนัยวาผูอุทธรณจะตองเขามาในกระบวนพิจารณาคดี ของศาลปกครองชั้ นตน เม ื่ อขอเท็จจริงปรากฏวาเจาพนักงานท ี่ ดินไมไดเปนผูฟองคดีผูถูกฟองคดี หรือผูรองสอด จึงไมใชคูกรณีที่จะมีสิทธิอุทธรณคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตน (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๖๑๒/๒๕๕๐)
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๓๙ ขอสังเกต ผูถูกฟองคดีในคดีท ี่ศาลปกครองชั้ นตนมีคําส ั่งไมรับคําฟอง ไวพิจารณา ไมถือเปนผูมีสวนไดเสียที่จะยื่นคํารองอุทธรณคําสั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา ตามขอ ๔๙/๑ วรรคหน ึ่ ง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครอง สูงสุดท ี่ ๖๑๑/๒๕๕๐) ๒) เปนผูมีสวนไดเสียในคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน ผูท ี่ จะมีสิทธิย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่ งตอศาลปกครองสูงสุดไดตองเปน ผูมีสวนไดเสียหรืออีกนัยหน ึ่ งก็คือผูท ี่ อาจถูกกระทบกระเทือนจากผลของคําส ั่ งดังกลาวเทาน ั้ น เม ื่ อศาลมีคําส ั่ งอนุญาตใหผูท ี่ไดรับผลกระทบจากผลแหงคําพิพากษาถอนคําขอใหพิจารณาคดีใหม ซ ึ่ งมีผลเปนการลบลางผลแหงการย ื่ นคําขอดังกลาวและทําใหคูกรณีกลับคืนสูฐานะเดิมเสมือน หน ึ่ งวามิไดมีการย ื่ นคําขอดังกลาวเลย กรณีจึงตองมีการบังคับตามคําพิพากษาของศาลปกครอง ช ั้ นตนซ ึ่ งเสร็จเด็ดขาดและถึงท ี่ สุดไปแลว ผูฟองคดีซ ึ่งเปนฝายชนะคดีในศาลปกครองชั้ นตน จึงไมถูกกระทบกระเทือนจากผลของคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ อนุญาตใหมีการถอนคําขอ ใหพิจารณาคดีใหมดังกลาว ผูฟองคดีจึงไมมีสิทธิยื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่ งดังกลาวของศาลปกครอง ช ั้ นตน (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๑๖๙/๒๕๕๐) ๒.๕ การมอบอํานาจใหยื่ นอุทธรณแทน การย ื่ นเอกสารหรือพยานหลักฐานตอศาลปกครองนั้ น คูกรณีจะย ื่ นดวย ตนเองหรือมอบฉันทะใหผูอ ื่ นย ื่ นตอศาลหรือพนักงานเจาหนาท ี่ ของศาลก็ได ๑๖ โดยมีขอพิจารณา ดังน ี้ ๑) การมอบอํานาจใหย ื่ นอุทธรณแทนตองทําเปนหนังสือลงลายมือชื่ อ ผูมอบอํานาจ ผูรับมอบ และพยาน ถึงแมวาคณะกรรมการกลางขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดจะได ประชุมและมีมติใหเลขานุการคณะกรรมการกลางขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดเปนผูมี อํานาจฟองและดําเนินคดีปกครองแทน แตโดยที่การมอบอํานาจจะตองกระทําเปนหนังสือ ลงลายมือช ื่ อของกรรมการทุกคน ดังน ั้ น สําเนาบันทึกรายงานการประชุมคณะกรรมการกลาง ๑๖ระเบียบของท ี่ประชุมใหญตุลาการในศาลปกครองสูงสุด วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ขอ ๑๓ การยื่นเอกสารหรือพยานหลักฐานตอศาล คูกรณีจะยื่นดวยตนเองหรือมอบฉันทะใหผูอื่นยื่นตอศาลหรือ พนักงานเจาหนาที่ของศาล หรือจะทําโดยวิธีสงทางไปรษณียลงทะเบียนก็ไดในกรณีที่สงทางไปรษณียลงทะเบียน ใหถือวาวันที่ สงเอกสารหรือพยานหลักฐานแกเจาพนักงานไปรษณียเปนวันที่ยื่นเอกสารหรือพยานหลักฐานตอศาล การมอบฉันทะใหผูอื่นยื่นเอกสารหรือพยานหลักฐาน ใหทําเปนหนังสือลงลายมือชื่อผูมอบ ผูรับมอบ และพยาน
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๔๐ ขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดในครั้ งท ี่ มีมติดังกลาวซ ึ่งเปนเพียงเอกสารภายใน หนวยงาน จึงมิใชการมอบอํานาจท ี่ จะนํามาใชกับศาลเม ื่ อเลขานุการคณะกรรมการกลางขาราชการ องคการบริหารสวนจังหวัดย ื่ นอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตนในนามของ คณะกรรมการกลางขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดโดยใชสําเนาบันทึกรายงานการประชุม ดังกลาว กรณีจึงมิอาจถือไดวาคณะกรรมการกลางขาราชการองคการบริหารสวนจังหวัดไดย ื่ น อุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตนตอศาลปกครองสูงสุด (คําพิพากษาศาลปกครอง สูงสุดท ี่ อ.๔๘/๒๕๕๐) ๒) ศาลมิไดเครงครัดในเนื้อความใหตองระบุวาทําการแทนผูมอบอํานาจ หากในคําอุทธรณมีขอความแสดงใหเห ็ นวาเปนการย ื่ นอุทธรณแทน ก็ถือวาถูกตองแลว ในคดีท ี่ ผูสมัครสอบคัดเลือกเพ ื่ อบรรจุและแตงต ั้ งบุคคลเขารับราชการ ย ื่นฟองคณะกรรมการขาราชการพลเรือนและเลขาธิการคณะกรรมการขาราชการพลเรือน โดยคณะกรรมการขาราชการพลเรือนไดมอบอํานาจใหเลขาธิการคณะกรรมการขาราชการพลเรือน เปนผูดําเนินคดีในศาลปกครองชั้ นตนและศาลปกครองสูงสุดแทน การท ี่ เลขาธิการคณะกรรมการ ขาราชการพลเรือนไดย ื่ นคํารองอุทธรณคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตนโดยคําลงทาย อุทธรณไมไดระบุวาอุทธรณในนามคณะกรรมการขาราชการพลเรือน แตในคําอุทธรณหนา ๑ ไดระบุวาผูถูกฟองคดีท ั้ งสองขอย ื่ นอุทธรณจึงเห็นไดวาคําอุทธรณดังกลาวเลขาธิการ คณะกรรมการขาราชการพลเรือนไดย ื่ นคําอุทธรณในนามของคณะกรรมการขาราชการพลเรือนดวย (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๑๕๘/๒๕๕๐) ๒.๖ รูปแบบของคําอุทธรณ ขอ ๑๐๑ แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดรูปแบบ คําอุทธรณไววา“คําอุทธรณใหทําเปนหนังสือและอยางนอยตองระบุ (๑) ช ื่ อผูอุทธรณและคูกรณีในอุทธรณ (๒) ขอคัดคานคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน (๓) คําขอของผูอุทธรณ (๔) ลายมือช ื่ อผูอุทธรณ ขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายท ี่ จะยกข ึ้ นอางในการยื่ นคําอุทธรณน ั้ น ผูอุทธรณ จะตองกลาวไวโดยชัดแจงในคําอุทธรณ และตองเปนขอที่ไดยกขึ้นวากันมาแลวโดยชอบ ในศาลปกครองชั้ นตน แตถาปญหาขอใดเปนปญหาอันเก ี่ ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชน หรือปญหาเกี่ยวกับประโยชนสาธารณะ ผูอุทธรณจะยกปญหาขอนั้นขึ้นกลาวในคําอุทธรณ
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๔๑ หรือในชั้ นอุทธรณก็ได” ซ ึ่ งมีขอพิจารณา ดังน ี้ ๑) คําอุทธรณตองมีขอคัดคานคําพิพากษาหรือคําส ั่ งของศาล ปกครองชั้ นตน (ขอ ๑๐๑ วรรคหนึ่ง (๒)) หากศาลเห็นวาคําอุทธรณใดไมไดมีขอคัดคานคําพิพากษาหรือคําส ั่ ง ของศาลปกครองชั้ นตน ซ ึ่งเปนคําอุทธรณท ี่ไมสมบูรณครบถวนตามขอ ๑๐๑ วรรคหน ึ่ ง (๒) แหง ระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ ถาศาลเห็นวาเปนคําอุทธรณท ี่ อาจแกไขไดศาลจะมี คําส ั่งใหผูอุทธรณแกไขภายในระยะเวลาที่ กําหนด ถาไมมีการแกไขหรือเปนกรณีท ี่ คําอุทธรณน ั้ น ไมอาจแกไขใหถูกตองไดศาลจะมีคําส ั่งไมรับอุทธรณดังกลาว โดยมีคดีตัวอยางท ี่ ศาลเห็นวา เปนคําอุทธรณที่ไมสมบูรณครบถวน ดังน ี้ คําอุทธรณของผูฟองคดีในคดีฟองเรียกคาทดแทนเพ ิ่ มข ึ้ นจากท ี่ ดิน ที่ถูกเวนคืนเพ ื่ อกอสรางเข ื่อนปาสักชลสิทธ ิ์ ท ี่ วา คําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตนไมยุติธรรม เน ื่ องจากผูฟองคดีไดท ี่ ดินมาจากบรรพบุรุษเปนมรดกตกทอดกันมาหลายช ั่ วอายุคน เปนสมบัติ แปลงเดียวและแปลงสุดทายจึงตองการรักษาท ี่ ดินไวใหลูกหลาน เงินคาทดแทนท ี่ หนวยงาน ทางปกครองจายใหน ั้นไมเหมาะสม จึงขอความเปนธรรมตอศาลปกครองสูงสุด เปนคําอุทธรณ ท ี่ไมไดโตแยงวาคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตนไมถูกตองหรือไมชอบด วยกฎหมายอยางไร โดยไมไดยกขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายข ึ้ นกลาวอางอยางชัดแจงในคําอุทธรณจึงเปนคําอุทธรณ ท ี่ไมเปนไปตามขอ ๑๐๑ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําพิพากษา ศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๙๑-๑๑๕/๒๕๕๐) การท ี่ ผูฟองคดีย ื่ นอุทธรณคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตน โดยกลาวอางเพียงวาศาลปกครองชั้ นตนดําเนินกระบวนพิจารณาตางๆ ไมถูกตอง แตมิไดกลาว โดยชัดแจงวาประสงคจะคัดคานขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายใดในคําพิพากษา ยอมเปน คําอุทธรณที่ไมสมบูรณครบถวน (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๒๕๔/๒๕๕๐) คําอุทธรณและคําแกไขเพิ่ มเติมอุทธรณมีรายละเอียดเพียงวา ไมไดรับความเปนความเปนธรรม ถูกกล ั่ นแกลงและเลือกปฏิบัติโดยไมเปนธรรมเทาน ั้ น ถือเปน ขอกลาวอางท ี่ มิใชขอคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตน จึงเปนอุทธรณท ี่ มีรายการ ไมสมบูรณครบถวนตามขอ ๑๐๑ วรรคหน ึ่ ง (๒) แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๓๐๑/๒๕๕๐) ผูฟองคดีย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณา โดยไมปรากฏ ขอคัดคานวาผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนอยางไร และมีคําขออยางไร การท ี่ เพียงแตกลาวอางวาผูฟองคดีมิอาจเห็นพองดวยกับคําส ั่งของศาลปกครองชั้นตน
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๔๒ และประสงคจะดําเนินการฟองคดีใหถึงที่สุด นั้น มิใชขอคัดคานคําสั่งของศาลปกครองชั้ นตน และมิไดเปนการขอใหศาลมีคําส ั่ งอยางไร จึงเปนคํารองอุทธรณคําส ั่ งท ี่ไมสมบูรณครบถวน (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๓๕๐/๒๕๕๐) คํารองอุทธรณคําส ั่งไมรับคําฟองไวพิจารณาของผูฟองคดีไมปรากฏ ขอคัดคานวาไมเห็นดวยกับคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนอยางไร เพียงแตขอใหศาลมีคําส ั่ ง ใหผูถูกฟองคดีเปดเผยขอมูลการสรรหาอธิการบดีท ี่ ผานมาแลวท ั้ งหมดตามพระราชบัญญัติ ขอมูลขาวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ เพ ื่อประโยชนในการตอสูคดีอันมิใชขอคัดคานคําส ั่ ง ของศาลปกครองชั้ นตน กรณีจึงถือไดวาคํารองอุทธรณของผูฟองคดีเปนคําอุทธรณท ี่ไมสมบูรณ ครบถวนตามขอ ๑๐๑ วรรคหนึ่ง (๒) แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําสั่ง ศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๔๑๓/๒๕๕๐) เม ื่ อผูฟองคดีทราบคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนท ี่ใหจําหนายคดี เพราะเหตุแหงการฟองคดีหมดส ิ้นไปแลว ผูฟองไดย ื่ นคํารองอุทธรณคําส ั่งของศาลปกครอง ช ั้ นตนความวาผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตน แตไมมีขอเท็จจริงหรือ ขอกฎหมายใดๆ ท ี่ ยกข ึ้ นอางเพ ื่ อคัดคานคําส ั่ งดังกลาว นอกจากแจงความประสงคท ี่ จะอุทธรณ คําส ั่ งท ี่ใหจําหนายคดีคํารองอุทธรณคําส ั่ งของผูฟองคดีจึงมีรายการไมสมบูรณครบถวนตามขอ ๑๐๑ วรรคหนึ่ง (๒) แหงระเบียบฯ วาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุด ท ี่ ๔๘๓/๒๕๕๐) ผูฟองคดีย ื่นฟองตอศาลปกครองวาองคการบริหารสวนตําบลนําท ี่ สาธารณประโยชนทําเลเล ี้ ยงสัตวไปจัดทําแปลงสาธิตปลูกยางพารา และหามราษฎรเขาใชพ ื้ นท ี่ ดังกลาว โดยไมดําเนินการขอใชท ี่สาธารณประโยชนดังกลาวใหถูกตองตามหลักเกณฑและ วิธีการท ี่ กฎหมายกําหนด ขอใหศาลพิจารณาเร ื่ องดังกลาว และศาลปกครองชั้ นตนพิพากษาให องคการบริหารสวนตําบลดําเนินการใหท ี่สาธารณประโยชนดังกลาวกลับคืนสูสถานภาพการใช ประโยชนตามเดิม ดังน ั้ น การท ี่ ผูฟองคดีอุทธรณขอใหศาลพิจารณาใหผูกระทําผิดใชคืนเงิน งบประมาณและชดใชคาเสียหายแกประชาชน รวมท ั้งใหนายกองคการบริหารสวนตําบลออก จากตําแหนง ถือเปนกรณีท ี่ไมปรากฏขอคัดคานวาผูฟองคดีไมเห็นดวยกับคําส ั่ งของศาล ปกครองชั้ นตนอยางไร และคําส ั่งของศาลปกครองชั้ นตนไมถูกตองหรือไมชอบดวยกฎหมาย อยางไร (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท ี่ ๕๗๓/๒๕๕๐)
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๔๓ ขอสังเกต ๑. คําอุทธรณท ี่ มิไดระบุขอคัดคานคําพิพากษาหรือคําส ั่งของศาลปกครอง ช ั้ นตน ซ ึ่ งถือเปนคําอุทธรณท ี่ไมสมบูรณครบถวน น ั้ น จะถือวาเปนคําอุทธรณท ี่ อาจแกไข ใหถูกตองไดหรือไม ศาลปกครองสูงสุดไดมีคําวนิิจฉัยเปน ๒ แนวทาง คือ ๑.๑) ถือวาเปนกรณีท ี่ไมอาจแกไขใหถูกตองได(คําส ั่ งศาล ปกครองสูงสุดท ี่ ๑๓๐/๒๕๕๐, ท ี่ ๓๐๑/๒๕๕๐, ท ี่ ๓๕๐/๒๕๕๐ และท ี่ ๔๑๓/๒๕๕๐) ๑.๒) ถือวาเปนกรณีที่ อาจแกไขใหถูกตองไดซ ึ่งศาลปกครองจะตอง มีคําส ั่งใหมีการแกไขคําอุทธรณใหถูกตองภายในระยะเวลาที่ กําหนดกอน (คําส ั่งศาลปกครอง สูงสุดท ี่ ๓๒๘/๒๕๕๐, และท ี่ ๒๕๔/๒๕๕๐) ๒. ในบางคดีศาลพิเคราะหขอความในอุทธรณโดยยืดหยุน กลาวคือ ผูฟองคดีอาจมิไดคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นตนอยางชัดเจน แตกลาวอางถึง การดําเนินกระบวนพิจารณาตางๆ ของศาลท ี่ ผูฟองคดีเห็นวาไมถูกตองและสงผลกระทบทําให เสียความเปนธรรมในคดีศาลเห็นวาแมจะมิไดกลาวโดยชัดแจงวาการดําเนินกระบวนพิจารณา ของศาลปกครองชั้ นตนดังกลาวน ั้ น สงผลใหการวินิจฉัยคดีผิดพลาดหรือเสียความเปนธรรมไป อยางไร ก็ถือไดวาเปนคําอุทธรณที่ไดระบุถึงขอคัดคานคําพิพากษาของศาลปกครองชั้ นตนแลว (คําส ั่งศาลปกครองสูงสุดท่ี๒๕๔/๒๕๕๐) ๒) ขอเท ็ จจริงหรือขอกฎหมายท ี่ ยกข ึ้ นอางในคําอุทธรณตองเปน ขอเท ็ จจริงหรือขอกฎหมายท ี่ไดยกข ึ้ นวากันมาแลวโดยชอบในศาลปกครองชั้ นตน (ขอ ๑๐๑ วรรคสอง) ขอ ๑๐๑ วรรคสองแหงระเบียบฯวาดวยวิธีพิจารณาคดีปกครองฯ กําหนดวา ขอเท็จจริงหรือขอกฎหมายท ี่ จะยกข ึ้ นอางในการยื่ นคําอุทธรณน ั้ น ผูอุทธรณจะตองกลาวไว โดยชัดแจงในคําอุทธรณ และตองเปนขอท ี่ไดยกข ึ้ นวากันมาแลวโดยชอบในศาลปกครองชั้ นตน แตถาปญหาขอใดเปนปญหาอันเก ี่ ยวดวยความสงบเรียบรอยของประชาชนหรือปญหาเก ี่ ยวกับ ประโยชนสาธารณะ ผูอุทธรณจะยกปญหาขอน ั้ นข ึ้ นกลาวในคําอุทธรณหรือในชั้ นอุทธรณก็ได
สํานักพัฒนาระบบงานคดีปกครอง ๔๔ ๒.๑) ตองเปนขอเท ็ จจริงหรือขอกฎหมายท ี่ไดยกข ึ้ นวากันมาแลว โดยชอบในศาลปกครองชั้ นตน๑๗ ในคดีท ี่ ผูฟองคดีย ื่นฟองผูอํานวยการสํานักงานเขตพ ื้ นท ี่ การศึกษา นครราชสีมา เขต ๑ วา เม ื่ อ พ.ศ. ๒๕๒๔ ผูฟองคดีเขารับราชการคร ั้ งแรกท ี่ จังหวัดสุรินทรตอมา พ.ศ. ๒๕๒๗ ยายมาปฏิบัติราชการท ี่ จังหวัดนครราชสีมาและใชสิทธิเบิกคาเชาบานเร ื่ อยมา จนกระท ั่ ง พ.ศ. ๒๕๒๙ ไดยายเขาพักท ี่ บานพักซ ึ่ งทางราชการจัดใหจึงงดเบิกคาเชาบาน ตอมา พ.ศ. ๒๕๔๔ ทางราชการไดรื้ อบานพักเพ ื่ อกอสรางอาคารหลังใหมผูฟองคดีจึงยายออกและเชา บานพักอาศัยพรอมกับย ื่นขอใชสิทธิเบิกคาเชาบาน แตผูถูกฟองคดีไมอนุมัติโดยอางวาผูฟองคดี เปนผูไมเคยใชสิทธิเบิกคาเชาบานมากอนวันท ี่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๔๑ อันเปนวันท ี่ พระราชกฤษฎีกา คาเชาบานขาราชการ (ฉบับท ี่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๑ ซ ึ่ งแกไขเพิ่ มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับท ี่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๑ มีผลใชบังคับ ผูฟองคดีจึงนําคดีมาฟองขอใหศาลมีคําส ั่งใหผูถูกฟองคดีอนุมัติให ผูฟองคดีเบิกคาเชาบานไดผูถูกฟองคดีย ื่ นคําใหการวาต ั้ งแตผูฟองคดียายมารับราชการ ท ี่ จังหวัดนครราชสีมา ผูฟองคดีไดเขาพักอาศัยในที่ อยูของทางราชการ ผูฟองคดีไมเคยใชสิทธิ เบิกคาเชาบาน เม ื่อทางราชการใหผูฟองคดีออกจากบานพักในปพ.ศ. ๒๕๔๔ แมจะทําใหผูฟองคดี มีสิทธิขอเบิกคาเชาบานไดแตเปนการไดสิทธิมาภายหลังจากท ี่ พระราชกฤษฎีกาคาเชาบาน ขาราชการ (ฉบับท ี่ ๖) พ.ศ. ๒๕๔๑ ซ ึ่ งแกไขเพิ่ มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับท ี่ ๗) พ.ศ. ๒๕๔๑ ใชบังคับแลว ผูฟองคดีจึงเปนผูตองหามใชสิทธิ ศาลปกครองชั้ นตนพิพากษาใหผูถูกฟองคดี อนุมัติเบิกจายคาเชาบานขาราชการใหแกผูฟองคดีผูถูกฟองคดีย ื่ นอุทธรณตอศาลปกครอง สูงสุดวา คําส ั่งใหมีการตรวจสภาพบานเชาของผูฟองคดีท ี่เคยไดรับอนุมัติใหเบิกคาเชาบาน เปนคําส ั่ งที่ไมไดระบุรายละเอียดวาผูขอใชสิทธิเบิกคาเช าบานเปนบุคคลใด และไมมีชื่ อผูฟองคดี อยูในคําส ั่ งดังกลาว จึงไมอาจรับฟงไดวามีการตรวจสภาพบานเชาของผูฟองคดีผูฟองคดีจึงไม สามารถนําหลักฐานดังกลาวมาประกอบการขออนุมัติเบิกคาเชาบานคร ั้งใหมการท ี่ศาลปกครอง ช ั้ นตนรับฟงพยานบุคคลท ี่ใหถอยคําแกไขเพ ิ่ มเติมเอกสารดังกลาวเพ ื่ อยืนยันวามีการตรวจสภาพ บานเชาของผูฟองคดีจึงเปนการรับฟงเปนพยานที่ไมชอบดวยกฎหมาย ถือเปนการอุทธรณ ในรายละเอียดปลีกยอย ประกอบกับเปนขอเท็จจริงท ี่ มิไดยกข ึ้ นวากันมาแลวโดยชอบในศาล ปกครองชั้นตน จึงเปนอุทธรณตองหามตามขอ ๑๐๑ วรรคสอง แหงระเบียบฯ วาดวยวิธี พิจารณาคดีปกครองฯ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดท ี่ อ.๒๐/๒๕๕๐) ๑๗ โปรดดูเพิ่มเติมจากคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่อ .๒๓ /๒๕๕๐, ที่อ.๖๕ /๒๕๕๐, ที่อ.๘๖/๒๕๕๐ คําสั่งศาลปกครอง สูงสุดที่๑๔๘/๒๕๕๐, ที่ ๑๕๙/๒๕๕๐, ที่๓๗๑/๒๕๕๐, ที่๓๗๒/๒๕๕๐, ที่๓๗๓/๒๕๕๐, ที่๓๗๔/๒๕๕๐ และที่๓๙๑/๒๕๕๐