46 หรือ “นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ปรับแผนการ ในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม” เขียน ใหม่ไดว้า่ “นายกรัฐมนตรีสั่งปรับแผน การดูแลผู้ชุมนุม” ๖. หลีกเลี่ยงการใช้ค าที่ไม่มีความหมายต่อบทข่าว คา ที่เสริมเขา้ไปในบทโดยไม่มีความหมายเช่น น้นัดงักล่าว ที่ผา่นมา ส่วน ทางดา้น ท้งัน้ีฯลฯ เป็นคา อีกประเภทหน่ึงที่ไม่ควรปรากฏในบทข่าวโทรทศัน์ การตรวจสอบวา่ ใชค้า ฟุ่มเฟือยหรือใชค้า ที่ไม่มีความหมายในบทข่าวหรือไม่ทา ไดโ้ดยการอ่านทบทวน คือหรือขอ้ความใดๆ ที่สามารถตดัทิ้งไปไดโ้ดยไม่มีผลต่อเน้ือหา ของข่าว หรือรูปประโยคถือวา่เป็นคา ฟุ่มเฟือยที่ไม่ควรปรากฏอยใู่นบทข่าว ๗. ระวังการใช้ภาษาที่สื่อความหมายสองแง่ สองง่าม หรือสื่อความหมายไป ในเรื่องเพศ หรือค าผวน เช่น “พายุไต้ฝุ่ นวิกกี้ ท าเรือโดยสารระหว่างเกาะของฟิ ลิปปิ นส์ ล่มปากอ่าวมะนิลา” ควรเขียนใหม่วา่ “พายุไต้ฝุ่ นวิกกี้ ท าให้เรือโดยสารระหว่างเกาะของฟิ ลิปปิ นส์ อัปปางในอ่าวมะนิลา” “นายสุรนันท์ เวชชาชีวะ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการ ตัดสินใจของพันต ารวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่าจะเอากันอย่าไร” เขียนใหม่ไดเ้ป็น “นายสุรนันท์เวชชาชีวะ โฆษกพรรคเพอื่ไทย กล่าวว่าเรื่องนี้ ขึ้นอย่กูบัพนัต ารวจโททกัษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีว่าจะด าเนินการอย่างไร” “ผู้ป่ วยที่โรงพยาบาลจงัหวดัขอนแก่นมีจา นวนมาก จนญาติที่ไปเฝ้าตอ้งหลบั นอนกนั ใตเ้ตียงคนไข”้ควรเขียนวา่ “ผ้ปู่วยที่โรงพยาบาลจังหวัดขอนแก่นมี จ านวนมาก จนญาติที่ไปเฝ้ าไข้ต้องนอนใต้เตียงคนไข้” ๘. การเขียนถึงบุคคล หรือต าแหน่งของบุคคลในข่าว เมื่อเอ่ยถึงบุคคลในข่าวในคร้ังแรกให้ระบุท้งัสถานภาพ(นาย นางสาว นาง ร้อยเอก) ชื่อ นามสกุล และตา แหน่ง หรือบทบาทที่เกี่ยวขอ้งในข่าว เช่น พลตา รวจตรีโกสินทร์หินเธาว์ ผู้บังคับการต ารวจกองปราบปราม ควบคุมตัวนายนภดล ธรรมวัฒนะ น้องชายและผู้ต้องหา ร่วมกนัฆ่านายหา้งทอง ธรรมวฒันะ อดีตส.ส.พรรคประชากรไทย ไปท าแผนประกอบค า รับสารภาพ
47 ในการเอ่ยถึงคร้ังที่ 2 ใหเ้ลือกเอ่ยถึงชื่อ หรือตา แหน่งเพียงอยา่งใดอยา่ง หน่ึง เช่น หลงัจากทา แผนแลว้ผ้บูังคับการต ารวจกองปราบปราม น าตัวนาย นพดลกลบัไปขออา นาจศาลฝากขงัต่อ ในกรณีที่ตอ้งการปล่อยเสียงของบุคคลที่อา้งถึง ใหร้ะบุเพียงชื่อหรือ ตา แหน่ง อยา่งหน่ึงอยา่งใดในการเอ่ยถึงคร้ังแรกในบท เพราะในซีจีตอ้งใส่ท้งัชื่อ และตา แหน่งอยแู่ลว้ แต่ถา้ในกรณีที่ตอ้งเอ่ยถึงบุคคลคนเดียวหลายๆคร้ัง สามารถเลือกใชช้ื่อ หรือตา แหน่ง สลบักนัไปได้เพื่อไม่ใหซ้้า กนั การเอ่ยถึงบุคคลตอ้งใส่สถานภาพ นาย นาง นางสาว เพื่อความสุภาพ และยกยอ่งคนในข่าว แต่จะไม่ใช่คา วา่คุณ นา หนา้ชื่อในบทข่าวอ่าน เช่นไม่ใช้ คุณระพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์เจา้ของรายการครัวคุณหรีด แต่ใหใ้ชน้างสาวระพี พรรณ เหลืองอร่ามรัตน์เจา้ของรายการครัวคุณหรีด ในกรณีที่ผปู้ระกาศข่าว เรียกคา นา หนา้บุคคลหรือแหล่งข่าววา่ “คุณ” ซึ่ง ขณะน้ีปรากฎมากข้ึนในข่าวโทรทศัน์น้นัมกัจะเป็นรายการประเภทคุยข่าว เล่า ข่าว ซ่ึงท้งัรูปแบบเน้ือหา และลกัษณะการนา เสนอจะแตกต่างจากการนา เสนอ แบบข่าวอ่าน เพราะการเล่าข่าว ตอ้งการความเป็นกนัเอง ใกลช้ิดกบัผชู้ม และ แหล่งข่าว การเรียกคา นา หนา้วา่คุณ จึงถือเป็นรูปแบบหน่ึง // เช่นเดียวกบักรณี การจะสัมภาษณ์สดแหล่งข่าวโทรศพัท์ผปู้ระกาศสามารถใชค้า นา หนา้แหล่งข่าว ที่สัมภาษณ์ทางโทรศพัทว์า่ “คุณ” ได้แต่เมื่อนา มาเขียนเป็นข่าวอ่านในรูปแบบ การเสนอข่าวโดยตรงจะตอ้งใชค้า ที่เป็นกลางเช่น ผู้ประกาศ นายสาทิตย์ วงษ์หนองเตย รัฐมนตรีประจ าส านัก นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่สลายการชุมนุมในคืนนี้ แม้ว่าสถานการณ์ ค่อนข้างจะน่ากังวลว่าจะเกิดเหตุรุนแรง เพราะเห็นว่าการใช้ก าลังสลาย เสี่ยงที่จะเกิดการปะทะได้ รายละเอียดประเด็นนี้ เราจะไปติดตามการ สัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีประจ าส านักนายกรัฐมนตรีครับ สัมภาษณ์สดโทรศัพท์ “สวัสดีครับ คุณสาทิตย์ครับ //คุณสาทิตย์ ยัง ยืนยันใช่ไหมครับว่าจะไม่สลายการชุมนุม”
48 ในภาษาข่าวอ่าน ที่นา เสนอตามรูปแบบข่าวแทจ้ริง ตอ้งไม่นบัญาติกบั บุคคลในข่าว เช่น คุณยายบุญมีแสนคา วยั 75 ปีแต่ใหใ้ชค้า วา่นาง หรือ นางสาว หรือนาย ซ่ึงคา เหล่าน้ีเป็นภาษามาตรฐานอยแู่ลว้ มีขอ้ยกเวน้วา่การนบัญาติหรือใชค้า ศพัทแ์สดงการนบัญาติจะใชไ้ดใ้น กรณีที่เป็นรายงานพิเศษ สกู๊ปข่าว หรือประเภทรายการไม่ใช่ข่าว ๙. การใช้ค าย่อส าหรับหน่วยงาน ในการใชค้า ยอ่ขององคก์รต่างๆในข่าว มีหลกัอยวู่า่ ในคร้ังแรกที่เอ่ยถึง ใหใ้ชค้า เตม็ตามดว้ยคา ยอ่เช่น คณะกรรมการป้องกนัและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. และจากน้นั ใหใ้ชค้า ยอ่ ในการกล่าวถึงคร้ังต่อไป ในกรณีที่เอ่ยถึงเพียงคร้ังเดียว ให้ ใช้ค าเต็ม ส าหรับในบทโปรย ให้เลือกใช้อยา่งใดอยา่งหน่ึงระหวา่งคา เตม็กบัตวัยอ่ โดยมี เงื่อนไขวา่ถา้เป็นหน่วยงานที่คนทวั่ ไปรู้จกัดีอนุญาตให้ใชต้วัยอ่ ได้แต่ถา้เป็นหน่วยงานที่ คนไม่คุน้หูใหใ้ชค้า เตม็อยา่งไรก็ตาม แมว้า่ ในโปรยจะใชต้วัยอ่แต่เมื่อเขา้สู่เน้ือหาข่าว ก็ ตอ้งเริ่มดว้ยคา เตม็ก่อนในคร้ังแรก จึงตามดว้ยคา ยอ่ ในคร้ังต่อไป ๑๐. การใช้ค าย่อในกรณีที่เป็ นยศทหาร ต ารวจ หรือเชื้อพระวงศ์ ในบทอ่านใหใ้ส่คา อ่านเตม็ๆ ไม่ใส่คา ยอ่เพื่อความสะดวกและถูกตอ้งในการออก เสียงของผปู้ระกาศ เช่นพนัตา รวจโททกัษิณ ชินวตัร นายกรัฐมนตรี// หม่อมราชวงศส์ุขมุ พันธ์ บริพตัร ผวู้า่ราชการกรุงเทพมหานคร แต่ในการใส่ซีจีเพื่อจะปล่อยเสียงบุคคล เหล่าน้ีจึงใหใ้ส่ตวัยอ่พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี // ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ผวู้า่ราชการกรุงเทพมหานคร ในกรณีที่ไม่แน่ใจวา่คนในข่าวมียศอยา่งไร และไม่สามารถตรวจสอบไดใ้นเวลาที่ มีอยู่ใหใ้ส่ยศสูงไวก้่อน เช่น ถา้ไม่แน่ใจวา่ทกัษิณ ชินวตัร มียศเป็นพนัตา รวจโท หรือเอก ใหใ้ส่พนัตา รวจเอกไวก้่อน // ถา้ไม่แน่ใจวา่คนในข่าวเป็นนาง หรือนางสาวใหใ้ส่นางสาว // ถา้ไม่แน่ใจวา่ท่านผหู้ญิงวิริยา ชวกุล เป็นคุณหญิง หรือท่านผหู้ญิง ใหใ้ชท้ ่านผหู้ ญิง ท้งัน้ีเพื่อให้เกียรติกบัแหล่งข่าวที่หากเกิดความผิดพลาดแลว้ยศที่สูงกวา่ความเป็นจริง ยงั ดีกวา่ยศที่ต่า กวา่ความเป็นจริง
49 ๑๑. การใช้ภาษาอังกฤษ หรือ ศัพท์เทคนิค หลีกเลี่ยงการใชภ้าษาองักฤษหรือทบัศพัทใ์นบทข่าว ถา้จา เป็นตอ้งใช้ ใหเ้ขียน ค าอธิบายหรือค าแปลงเป็นภาษาไทยไวด้ว้ย เพราะผชู้มข่าวมีหลากหลายกลุ่ม วยัและ ระดบัการศึกษา เช่น “กระทรวงมหาดไทย จะก าหนดโซนนิ่งหรือพื้นที่สถานบันเทิง ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม เป็ นต้นไป” หรือ “นายกรัฐมนตรี จะไปท าเวิร์ คช็อป หรือ ประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องงานบ าบัดน ้าเสีย ที่อ าเภอคลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ” ถา้เป็นไปไดใ้หใ้ชภ้าษาไทย ยกเวน้ศพัทเ์กี่ยวกบัเทคโนโลยสีมยัใหม่บางคา เช่น ศพัทเ์กี่ยวกบัคอมพิวเตอร์ตลาดหุน้หรือคา ซ่ึงแน่ใจแลว้วา่เป็นที่รู้จกักนัทวั่ฯลฯ ท้งัน้ี ข้ึนอยกู่บัวจิารณญาณ แต่ให้คา นึงเสมอวา่ข่าว คือการให้การศึกษานอกโรงเรียนอยา่งหน่ึง ไม่ใช่การเพิ่มช่องวา่งระหวา่งผมู้ีการศึกษากบัผไู้ม่มีการศึกษา ๑๒.การเขียนทับศัพท์ ตามปกติคา ที่มาจากภาษาองักฤษ ไม่ตอ้งใชว้รรณยกุต์แต่เพื่อความเป็นมาตรฐาน เดียวกนั ในการออกเสียงของผปู้ระกาศท้งัสถานีคา ที่ทบัศพัทจ์ากภาษาองักฤษหรือภาษา อื่นๆ ที่อยใู่นบทอ่าน ใหใ้ส่วรรณยกุตก์า กบัแต่ในส่วนที่เป็นซีจีไม่ตอ้งใส่คงใชต้าม หลักเกณฑ์ปกติ ๑๓. การใช้ตัวเลข ในกรณีที่เป็นตวัเลขที่มีเศษ และเศษน้นัไม่มีผลต่อข่าว ใหใ้ส่โดยประมาณได้เช่น เงินกู้1,545,000 ลา้นบาท อาจเขียนไดว้า่เงินกเู้กือบ 1,600,000 ล้านบาท หรือ เกือบ 2 ลา้นบาท เพื่อความสะดวกของผปู้ระกาศ แต่ถา้ตวัเลขมีผลต่อเน้ือข่าว ใหล้ง จ านวนที่เป็ นเศษด้วย เช่น ชายวัย 80 ข่มขืนเด็กหญิงวัย 8 ขวบ หรือ รถโดยสารประจ า ทางชนกันกับรถบรรทุกน ้ามัน ที่ถนนบางนา-ตราดขาเข้า มีผู้เสียชีวิต 12 คน ในกรณีที่เป็นตวัเลขบอกหลกักิโลเมตร ใหบ้อกสถานที่ใกลเ้คียง เช่น เกดิอุบัติเหตุ รถโดยสารประจ าทางชนกบัรถบรรทุกน ้ามัน บนถนนมิตรภาพ บริเวณหน้าเขื่อนล าตะ คอง จังหวัดนครราชสีมา ไม่ใช้ เกิดอุบัติเหตุรถโดยสารประจ าทางชนกับรถบรรทุก น ้ามัน บนทางหลวงหมายเลข 312 ในเขตจังหวัดนครราชสีมา
50 การใชต้วัเลขสา หรับลกัษณะนาม ไม่นิยมใชล้กัษณะนามตามคา ในภาษาองักฤษ ในบทข่าว เช่น 3 รัฐมนตรีจากพรรคไทยรักไทย ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีแต่ใหใ้ช้ รัฐมนตรี 3 คน จากพรรคไทยรักไทย ถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี ๑๔.ลกัษณะนามส าหรับผู้เสียชีวติ นิยมใชค้า วา่มีผเู้สียชีวิต 215 คน บาดเจ็บ 400 คน จากอุบัติเหตุ 300 ราย ในช่วง 3 เดือนที่ผา่นมา / ตวัอยา่งที่ทา ใหจ้ดจา ง่าย คือ มีผจู้มน้า เสียชีวติ 15 คน แต่พบ ศพ 14 ศพ ขั้นตอนสุดท้ายที่สมบูรณ์ที่สุด เขียนบทเสร็จแล้ว อ่านทบทวนเสียงดัง ข่าว โทรทัศน์มีไว้อ่านให้ฟัง ไม่ใช่อ่านในใจ ถ้าอ่านแล้วเป็ นทางการมากไป อ่านออกเสียงแล้ว ฟังไม่เข้าใจ อ่านออกเสียงแล้วติดขัด ให้แก้ไขใหม่ ใช้ค าใหม่ ภาษาใหม่ เพราะหากผู้เขียน ไม่เข้าใจ ไม่รู้ เรื่อง ก็ยากที่คนอ่านจะฟังข่าวเข้าใจได้ ๔.๒ ความแตกต่างของภาษาข่าวอ่าน กับข่าวรายงานพิเศษ ขณะที่ภาษาเพื่อข่าวโทรทศัน์มีความแตกต่างจากข่าววทิยุหรือข่าวหนงัสือพิมพ์ น้นั ในข่าวโทรทศัน์ดว้ยกนัเองก็มีการใชภ้าษาที่แตกต่างกนัออกไประหวา่งข่าวที่เป็นข่าวอ่าน กบั ข่าวที่เป็นข่าวสก๊ปู ภาษาในข่าวอ่าน หวัใจหรือเป้าหมายในการสื่อสารของข่าวอ่าน คือข่าวที่นา เสนอโดยผสู้ื่อข่าวของ สถานีข่าว หรือรายการข่าว ที่นา เสนอขอ้เท็จจริงที่ปรากฏอยา่งตรงไป ตรงมา ตามขอ้มูล และภาพข่าวที่ผสู้ื่อข่าวหามาได้ โดยปราศจากความคิดเห็นส่วนตวัหรือแง่มุมที่เป็น ขอ้สังเกตหรือขอ้พิรุธใด ที่ผสู้ื่อข่าวหาได้ดงัน้นัภาษาที่ใชใ้นการสื่อสารของข่าวอ่าน จึง เป็ นภาษาที่ตรงไป ตรงมา ตรงตามประเด็น ชัดเจน และไร้ซึ่งอารมณ์ของภาษาที่จะสื่อให้ ผชู้มรู้สึกอยา่งใดอยา่งหน่ึง แต่หากจะมีอารมณ์หรือความรู้สึก ก็คือเกิดจากประเด็นที่ เกิดข้ึนตามความเป็นจริง หรือจากการเปิดเผยของแหล่งข่าว ดว้ยการปล่อยเสียงสัมภาษณ์ เช่นบทข่าววา่ เทป-อ่าน นายรักคุด ถูกต ารวจเมืองพัทยา น าตัวไปท าแผน ประกอบค ารับสารภาพ คดีที่ร่ วมกับพวกอีก 3 คน ใช้อาวุธสงคราม บุก
51 เข้าไปปล้นร้ านทองเยาวราช สาขาพัทยากลาง ก่อนจะยิงเจ้าของร้ าน เสียชีวิต และน าสร้ อยคอทองค าไปได้ถึง 150 เส้น คิดเป็ นเงินมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ภาษาในข่าวรายงานพิเศษ หวัใจหรือเป้าหมายของการสื่อสารของข่าวรายงานพิเศษ หรือข่าวลงเสียงที่เป็น การเจาะลึกในเชิงสืบสวนสอบสวน คือการสื่อไปยงัผรู้ับชมข่าววา่สถานีข่าว หรือรายการ ข่าวมีผสู้ื่อข่าวที่ลงพ้ืนที่ไปเจาะลึก ประเด็นข่าวมากกวา่ผสู้ื่อข่าวของสถานีอื่นๆ และได้ มุมมอง ไดป้ระเด็น ไดข้อ้ สังเกตที่มากกวา่การใชภ้าษาในข่าวรายงานพิเศษ จึงสามารถใช้ ภาษาที่สื่อความหมายไดอ้ยา่งหลากหลายมากกวา่ ไม่วา่จะเป็นการเล่นคา การใชส้า นวน หรือเปรียบเทียบเปรียบเปรย รวมไปถึงการต้งัขอ้สังเกตของผสู้ื่อข่าวที่รายงานข่าวชิ้นน้ี เอง เพื่อแสดงถึงความลึก ความละเอียดของการเก็บขอ้มูล แต่ท้งัน้ีการใชภ้าษาเพื่อ นา เสนอ ตอ้งไม่เกินไปกวา่ขอ้เทจ็จริง ไม่ทา ใหข้อ้มูลผดิพลาด ผดิเพ้ียน หรือไม่ใหค้วาม เป็นธรรมกบัแหล่งข่าวดว้ย นอกจากน้ีเพื่อแสดงถึงความรับผดิและรับชอบของข่าวรายงานพิเศษ หรือข่าวลง เสียง สถานีข่าวจึงมกัใหค้วามนิยม หรือใหเ้ครดิต กบัผสู้ื่อข่าวภาคสนามที่ผลิตรายงานข่าว เรื่องน้นัๆ ดว้ยการให้รายงานชื่อของตวัเอง นยัยะหน่ึงน้นัเป็นการใหเ้กียรติและอีกนยันะ หน่ึงเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อเน้ือหา มุมมองที่จะสื่อสารออกไปยงัผรู้ับสารเช่น ผู้ประกาศ การท าแผนประกอบค ารับสารภาพของผู้ต้องหา ปล้นร้ านทองที่พัทยาวันนี้ เกือบจะเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อญาติเจ้าของร้ าน ทอง ที่ถูกยิงตาย พยายามจะรุมท าร้ ายผู้ต้องหา แต่ถูกต ารวจกันไว้ได้ก่อน ขณะที่ผู้ต้องหาเองยังแสดงอาการพิรุธให้เจ้าหน้าที่เห็น ระหว่างถูกถาม เรื่องที่ซ่อนของกลาง // ติดตามจากรายงานของ คุณสุดที่รัก รักหมดใจ ค่ะ /ครับ เทป-ลงเสียง สีหน้าของนายรักคุด ยังคงเรียบเฉย แม้ว่าจะถูก ญาติของเจ้าของร้ านทองเยาวราช สาขาพัทยากลาง พยายามจะรุมท าร้ าย ระหว่างที่เขาถูกต ารวจน าตัวไปท าแผนประกอบค ารับสารภาพ คดีที่ ร่ วมกับพวกอีก 3 คน ปล้นร้ านทอง และตัดสินใจใช้ปื นยิงเจ้าของร้ าน ที่ ก าลังจะขัดขวางการปล้นของเขา
52 ไม่เพียงเท่านั้น ตลอดการสอบปากค า และน าตัวมาท าแผนประกอบค ารับ สารภาพเขายังคงนิ่งเฉยที่จะบอกรายละเอียดของสร้ อยคอทองค าของ กลางที่ปล้นไปว่าซ่อนอยู่ที่ใด แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามสอบถามเขา อย่างละเอียด และเขาได้ตอบว่าถูกเพื่อนร่ วมแก๊ง น าทองที่ปล้นได้ ทั้งหมด หลบหนีไปด้วย แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังมั่นใจว่าเขายังไม่พูดความจริง เพราะยังแสดงพิรุธให้เห็นระหว่างเจ้าหน้าเข้าไปค้นในบ้านของเขา ............// สุดที่รัก รักหมดใจ รายงาน. อยา่งไรก็ตาม ความแตกต่างระหวา่งภาษาในข่าวอ่าน และรายงานพิเศษ ไม่ได้ แตกต่างกนัโดยสิ้นเชิง และส่วนใหญ่ยงัคงยดึโยงเป้าหมายเดียวกนัคือ ตรงไป ตรงมา ชดัเจน จะมีก็เพียงบางคา บางประโยคเท่าน้นัที่สามารถนา มาใชใ้นรายงานพิเศษได้ซ่ึงผู้ สื่อภาคสนามที่เขียน อ่าน และชมข่าวบ่อยคร้ังจะเรียนรู้ความแตกต่างน้ีไดง้่ายข้ึน
๕ แนวปฏิบัติในสนามข่าว ปัญหาที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามซ่ึงยงัไม่มากประสบการณ์ ต้องเผชิญเหมือนกนัคือ เมื่อลงสู่สนามข่าวแลว้จะพบวา่ยงัมีข้อมูลข่าวมากมาย จนยากที่จะจัดระบบความคิด ความจา หรือลา ดบัข้นัตอนใหอ้อกมาเป็นบทข่าวได้สะดวก นอกจากน้ียงัเป็นเรื่องลา บาก หากตอ้งคิดหาประเด็นข่าว รายงานพิเศษ หรือสก๊ปูสักหน่ึงเรื่อง เพื่อนา ไปออกอากาศ เพราะยงัไม่ชา นาญในการหาประเด็นข่าว รวมท้งัเมื่อไดป้ระเด็นข่าวจากกองบรรณาธิการ หรือแหล่งข่าวมาแลว้กลบัไม่ชา นาญในวธิีการนา ไปสู่การผลิตข่าวไดอ้ยา่งมีประสิทธิภาพ ในหวัขอ้น้ีจึงมีวตัถุประสงคเ์พื่อน าเสนอรายละเอียดการปฏิบัติตัวของผู้สื่อข่าวภาคสนาม เมื่อลงสู่สนามข่าวรวมท้งัการไดม้าของประเด็นข่าว ๕.๑ ที่มาของประเด็นข่าว ข่าวที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามจะลงพ้ืนที่ไปปฏิบตัิงาน อาจมีที่มาของประเด็นที่ ผสู้ื่อข่าวจะลงไปเก็บขอ้มูลภาพข่าว จากที่ต่างๆ แตกต่างกนัแต่โดยภาพรวมแลว้อาจแบ่ง ได้เป็ น ๓ รูปแบบคือ ๑. ข่าวมอบหมาย หมายถึง ข่าวที่บรรณาธิการโตะ๊ข่าว หรือกองบรรณาธิการ กลางของสถานีโทรทัศน์ มอบหมายประเด็นใหผ้ สู้ื่อข่าวลงพ้ืนที่ไปทา ข่าวน้นัๆ เพื่อนา มา ออกอากาศ โดยข่าวที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามไดร้ับอาจเป็นประเด็นต่อเนื่อง ที่กองบรรณาธิการ จบั ประเด็นต่ออยแู่ลว้เช่นความคืบหนา้การประทว้งทางการเมืองของกลุ่มพนัธมิตร หรือ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อตา้นเผด็จการแห่งชาติเป็นตน้ ขณะเดียวกนัที่มาของประเด็นข่าวที่กองบรรณาธิการไดม้า ก่อนจะมอบหมายให้ ผสู้ื่อข่าว อาจมาจากข่าวแจก เช่นกระทรวงสาธารณะสุข ช้ีแจงในข่าวแจกประจา วนัเรื่อง โรคไขห้วดัสายพนัธ์ใหม่ระบาดในโรงเรียนอนุบาล ทา ใหน้กัเรียนติดหวดันบัร้อยคน และมอบหมายใหน้กัข่าวลงไปทา ข่าวในประเด็นน้ีส่วนอีกกรณีคือการติดตาม แหล่งข่าว ที่มีภารกิจ หรือหมายข่าวประจา เช่นภารกิจนายกรัฐมนตรี ในการประชุม คณะรัฐมนตรี หรือการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร เป็ นต้น
54 ส่วนเกณฑว์า่จะมอบหมายข่าวลกัษณะใด ใหผ้ สู้ื่อข่าวภาคใหผ้ สู้ื่อข่าวภาคสนาม แต่ละคนไปทา ข่าวใดๆน้นั ในแต่ละกองบรรณาธิการ หรือ และละสถานีโทรทศัน์มีหลกั วธิีการมอบหมายแตกต่างกนัเช่น -มอบหมายตามสายงานข่าว เช่นหากเป็นประเด็นทางการเมือง จะมอบให้ ผสู้ื่อข่าวสายการเมือง ที่มีแหล่งข่าวอยใู่นสายดงักล่าว หรือมีความช านาญใน ประเด็นน้นัๆ เป็นผรู้ับหมายข่าวน้นัๆไปปฏิบตัิ -มอบหมายตามความเหมาะสม ในบางกรณีแมว้า่ ประเด็นข่าวจะไม่ตรง ตามสายงานข่าว แต่หากพิจารณาตามความรู้ความสามารถ ความคล่องแคล่ว คล่องตวัของผสู้ื่อข่าว ก็อาจเลือกที่จะมอบหมายใหผ้ สู้ื่อข่าวที่เหมาะสมได้เช่น ประเด็นข่าวทางการทหารอาจใหผ้ สู้ื่อข่าวสายภูมิภาค ที่มีความชา นาญในประเด็น ความมนั่คง และสายทหาร แทนนกัข่าวสายทหาร หรือการเมืองก็เป็นได้ท้งัน้ี ข้ึนอยกู่บัความเหมาะสม -มอบหมายตามความคล่องตวัหรือเรียกกนัวา่การโยกทีม กรณีน้ีจะพบ กนัมากในข่าวเหตุการณ์หรือข่าวด่วนฉุกเฉิน ที่ตอ้งการทีมข่าวจา นวนมาก ให้ ช่วยรายงานประเด็น เช่นเหตุการณ์แผน่ดินไหว ตึกถล่ม หรือไฟไหมค้ร้ังใหญ่ ลกัษณะน้ีผสู้ื่อข่าวทุกคน ทุกสายข่าว อาจจะไดร้ับมอบหมายจากกองบรรณาธิการ ใหร้่วมรายงานข่าว เพื่อนา เสนอทุกประเด็นอยา่งรอบคอบ และทนัต่อเหตุการณ์ โดยการมอบหมายแต่ละประเด็นของเหตุการณ์น้นัๆ ก็ข้ึนอยกู่บักองบรรณาธิการ เช่นเดียวกนั ๒.ข่าวคิดประเด็น หมายถึง ข่าวที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามคิดประเด็นน้นัข้ึนมาเอง จากการไดข้อ้มูลมาจากแหล่งข่าวที่ใดที่หน่ึง หรือในวงการข่าวเรียกอีกคา วา่ข่าวครีเอท หรือข่าวป้ันประเด็น ในลกัษณะน้ีไม่ใช่การเสกสรร ป้ันแต่งเรื่อง แต่หมายถึงการเลือก ประเด็น คิดประเด็นข้ึนมาของผสู้ื่อข่าวแลว้นา เสนอต่อหวัหนา้งาน หรือกองบรรณาธิการ จากน้นัจึงวางแผนลงไปสู่การเก็บขอ้มูลภาพข่าว หรือทา ข่าวน้นัอยา่งสมบูรณ์ ข่าวคิดประเด็นส่วนมาก มกัจะถูกผลิตหรือนา เสนอ เป็นข่าวรายงานพิเศษ หรือสก๊ปูเพราะถือเป็นข่าวที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามแต่ละคน หรือกองบรรณาธิการแต่ละแห่ง ได้ใช้ความสามารถของตัวเอง หรือของสถานีในการคิดประเด็นที่สร้างสรรค์ และเป็ น ประโยชน์ต่อผชู้ม
55 ผสู้ื่อข่าวภาคสนามที่จะคิดประเด็นข่าวข้ึนมาเองได้ตอ้งอาศยัท้งัประสบการณ์ใน การทา งาน ทกัษะในวชิาชีพสื่อมวลชน การเป็นคนช่างสังเกต ช่างคิด และมีทกัษะในการ สืบค้นหา ขอ้สงสัย มีข่าวหลายประเด็นที่เป็นการคิดข้ึนมาเองแล้วน าเสนอ ได้กลายเป็ น ประเด็นข่าวสา คญั ประเด็นใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสังคม จนกองบรรณาธิการ ได้ มอบหมายใหผ้ สู้ื่อข่าวไปขยายความเพิ่มเติม เช่นการเปิดเผย เปิดโปง การทุจริตในวง ราชการ ที่ขยายผลไปถึงรัฐมนตรีและผเู้กี่ยวขอ้ง จนในที่สุด รัฐมนตรีตอ้งลาออก หรือการ ลกัลอบตดัป่าไม้ที่พบวา่มีเจา้หนา้ที่ของรัฐอยเู่บ้ืองหลงัซ่ึงผสู้ื่อข่าวคิดประเด็นน้ีแลว้ น าเสนอ จนผู้ท าผิดถูกไล่ออกจากราชการเป็นตน้ ๓.ข่าวเหตุการณ์หมายถึง ข่าวที่เกิดข้ึนเองโดยผสู้ื่อข่าวภาคสนาม หรือกอง บรรณาธิการข่าวไม่ทราบล่วงหนา้และโดยทวั่ ไปอาจจะมีบางเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนเป็น ประจา อยแู่ลว้แต่ก็จะถูกคดัเลือกมานา เสนอเป็นข่าวเหตุการณ์ก็เฉพาะเหตุการณ์ที่ องคป์ระกอบของข่าวครบถว้น หรือมีความเหมาะสม มีคุณค่าของข่าว เช่นเหตุการณ์ไฟ ไหม้น้า ท่วม แผน่ดินไหว หรือคดีฆาตกรรม ฆ่าตวัตาย วสิามญัคดียาเสพติด หรือการ ปราบปรามยาเสพติด เป็ นต้น ข่าวเหตุการณ์เป็นประเด็นที่นอกเหนือ ความคาดหมาย หรือการวางแผนของกอง บรรณาธิการข่าว หรือนกัข่าว แต่ข่าวลกัษณะน้ีก็จะเกิดข้ึนเป็นประจา ทุกวนัอยา่งนอ้ย ที่สุด จะเป็นเหตุฆาตกรรม อาชญากรรม ทะเลาะววิาท หรืออุบตัิเหตุดงัน้นัท้งัผสู้ื่อข่าว ภาคสนาม และกองบรรณาธิการ จึงมักจะเตรียมความพร้อมไวเ้สมอ เช่นเตรียมทีมข่าวไว้ ส ารองในสถานี อาจจะเรียกทีมตระเวนเหตุ หรือทีมสแตนบายด์ ผสู้ื่อข่าวภาคสนามในสถานีโทรทศัน์แต่ล่ะแห่ง อาจจะผลิตเน้ือหาข่าวแต่งต่างกนั แต่ที่มาของประเด็นข่าว ไม่ไดต้่างกนัมากนกัผสู้ื่อข่าวภาคสนามแต่ละคน อาจจะมีโอกาส ไดร้ับงานตามแนวทางดงักล่าว ไม่วา่จะเป็นข่าวที่มอบหมาย ข่าวแบบคิดประเด็น หรือ ข่าวเหตุการณ์ เมื่อผสู้ื่อข่าวภาคสนาม ลงสนามข่าวจนชา นาญ จะมองภาพรวมไดช้ดัและหาก ช่วงใดที่ประเด็นข่าวเบาบาง ไม่ไดร้ับความสนใจ หรือนกัข่าวเรียกกนัวา่ ประเด็นถึง ทาง ตนัเพราะไม่รู้จะหาประเด็นใดมานา เสนอใหก้บักองบรรณาธิการข่าวอีก ทางออกที่ดี คือ การยอ้นกลบัมาหา วงจรของข่าวน้ีแลว้อาจะทา ใหม้องภาพรวมไดช้ดัแลว้จึงเริ่มต้นคิดหา ประเด็นข่าวใหม่อีกคร้ัง
56 ๕.๒ แนวปฏบิัติเมอ ื่ลงสู่สนามข่าว ข่าวโทรทศัน์เป็นข่าวที่นา เสนอดว้ยภาพและเสียง ท้งั๒ อยา่งน้ีจึงเป็น องคป์ระกอบสา คญัที่ผสู้ื่อข่าวจะตอ้งคา นึงถึงอยเู่สมอในการทา ข่าวแต่ละข้นัตอน เพราะ หากสามารถผลิตข่าวโดยมีภาพและเสียงที่เหมาะสมกบัเน้ือข่าวแลว้จะทา ใหข้ ่าวน้นัมีความ สมบูรณ์ยงิ่ข้ึน ข้นัตอนในการทา ข่าวโทรทศัน์น้นัอาจแบ่งไว้ดงัน้ี ๑. กา หนดเส้นตายของการหาขอ้มูลข่าวโทรทศัน์เป็นข่าวที่ตอ้งการความ รวดเร็วในการนา เสนอและมีช่วงเวลาการออกอากาศในแต่ละวนัที่ แน่นอน ถา้ไม่สามารถหาข่าวไดใ้นช่วงน้ีอาจหมายถึงตอ้งนา ออกอากาศในช่วงต่อไป ซ่ึงอาจชา้กวา่ที่อื่นไปแลว้ ๒. หาข้อมูลจากที่ใด ข้อมูลเอกสาร ข้อมูลจากสื่ออื่น ๆ หรือข้อมูลบุคคล ๓. ข้อมูลที่จะเสาะหาน้นัจะตอ้งบอกความเชื่อมโยง หรือเกี่ยวขอ้งของ ข่าว ตามคุณลกัษณะของข่าว (5W+H, ข้อมูลในลักษณะข้อเท็จจริง หรือข้อคิดเห็น ฯลฯ) ๔. หาขอ้มูลเหล่าน้นั ไดท้ ี่ไหน ถา้จะสัมภาษณ์แหล่งข่าว ตอ้งวางแผนวา่ จะพบแหล่งข่าวไดอ้ยา่งไร หรือติดต่อแหล่งข่าวน้นัอยา่งไร ๕.กา หนดวา่จะใชภ้าพประกอบข่าว(Insert short) อะไรบ้าง จ าเป็ นต้อง ออกไปเก็บภาพมากนอ้ยเพียงใด ภาพที่จะเก็บบนัทึก มีอยใู่นสถานที่ ที่จะไปทา ข่าวหรือไม่ และถา้ไม่ตอ้งไปเก็บภาพอะไร ที่ไหนบ้าง ข้นัตอนเหล่าน้ีตอ้งวางแผนใหช้ดัเจน ผสู้ื่อข่าวตอ้งช้ีแจงกบัช่างภาพอยา่ง ละเอียด และใหข้อ้มูลที่จา เป็นแก่ช่างภาพก่อนแยกยา้ยไปปฏิบตัิงาน ในกรณีที่ผสู้ื่อข่าว เป็ นช่างภาพดว้ย ตอ้งวางแผนใหร้อบคอบวา่จะแบ่งเวลาในการเสาะหาขอ้มูล สัมภาษณ์ และเก็บภาพอยา่งไร ๕.๓ การเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ ์ ผสู้ื่อข่าวภาคสนามจา นวนมาก มีปัญหากบัการเก็บขอ้มูลข่าวจากการสัมภาษณ์ โดยเฉพาะการแถลงข่าว เพราะมกัมีรายละเอียดหรือประเด็นซ้า ซอ้นยากที่จะเขา้ใจไดง้่าย แต่อยา่งไรก็ตาม การเก็บขอ้มูล จากการสัมภาษณ์เป็นแนวทางหน่ึงของการเก็บขอ้มูล เพื่อ ขายไปสู่ประเด็นข่าวที่จะผลิตไดท้ ้งัข่าวและสก๊ปูได้ การสัมภาษณ์ เป็นการหาขอ้มูลที่จะทา ใหก้ารทา ข่าวมีความสมบูรณ์ข้ึน นอกเหนือจากการถ่ายทอดสิ่งที่ผสู้ื่อข่าวเห็นในเหตุการณ์จริง ซ่ึงสรุปไดว้า่การสัมภาษณ์
57 จะท าให้ไดข้่าวที่มีเน้ือหาสมบูรณ์ข้ึน บางคร้ังช่วยเพิ่มสาระที่ตัวเหตุการณ์ตอบตัวมันเอง ไม่ได้ ผสู้ื่อข่าวภาคสนามที่หาข้อมูล โดยการสัมภาษณ์จึงต้องจัดระบบความคิด ในเรื่อง ที่ติดตามอยใู่หถ้่องแท้มีขอ้มูลเที่ยงตรง พร้อมเผชิญกบัแหล่งข่าว ท้งัน้ีสิ่งที่ผสู้ื่อข่าว ภาคสนามตอ้งแยกขอ้มูลใหอ้อกเมื่อสัมภาษณ์แหล่งข่าวคือ ๑.ข้อมูลที่เป็ นข้อเท็จจริง ๒.ข้อมูลที่เป็ นความคิดเห็น ๓.บุคลิกภาพส่วนตวัที่สะทอ้นมุมมองที่น่าสนใจจองแหล่งข่าว การกา หนดเป้าหมายในการสัมภาษณ์เป็นสิ่งแรกที่ผสู้ื่อข่าวตอ้งทา ซ่ึงไม่ จา เป็นตอ้งมาจากปัจจยัข้ึงตน้ครบท้งั๓ ขอ้ก็ได้ ใหดู้สถานการณ์แวดลอ้มเป็น องคป์ระกอบ โดยในการสัมภาษณ์แต่ละคร้ังน้นัสิ่งที่ผสู้ื่อข่าวพึงปฏิบตัิคือ ๑. เตรียมตวัล่วงหนา้อยา่งดี เข้าใจเป้ าหมายในการสัมภาษณ์คน้ควา้เก็บ ข้อมูลเรื่องที่จะสัมภาษณ์รวมไปถึงขอ้มูลเกี่ยวกบัแหล่งข่าว ศึกษาผใู้ห้ สัมภาษณ์ เตรียมค าถามที่จะถาม และวางกลยุทธ์ในการสัมภาษณ์เช่น ลา ดบัของคา ถาม คา ถามหลกัคา ถามรอง และแกไ้ขดดัแปลงใหเ้หมาะสม จดัเตรียมอุปกรณ์ใหพ้ร้อม รวมไปถึงนดัหมายแหล่งข่าวหรือวางแผนเขา้ พบแหล่งข่าวและรู้จกัปฏิบตัิจนใหถู้กกาลเทศะ ตรงต่อเวลา ๒.เมื่อด าเนินการสัมภาษณ์ ในการสัมภาษณ์แต่ละคร้ังตอ้งใชภ้าษาที่ เหมาะสม สุภาพ สร้างบรรยากาศที่เอ้ือต่อการสัมภาษณ์ใหม้ากที่สุด อยา่ มองขา้มคา ถามนา ร่องเกี่ยวกบัขอ้มูลพ้ืนฐานอีกคร้ัง เพราะอาจช่วยให้ ทราบสิ่งที่ยงัไม่รู้มากข้ึน แลว้จึงเจาะลงไปทีละประเด็นอยา่งมีลา ดบั ข้นัตอน จดใหน้อ้ยจา ใหม้าก หากจะบนัทึก ควรจดเฉพาะขอ้ความสา คญ ั หรือหวัขอ้ของแต่ละประเด็น การใชเ้ครื่องบนัทึกเสียงจะช่วยไดม้าก แมก้ระทงั่ผสู้ื่อข่าวโทรทศัน์ก็อาจตอ้งมีเครื่องบนัทึกเสียงติดตวัไว้ สา หรับยอ้นฟังโดยไม่ตอ้งเปิดดูจากกลอ้ง ที่สา คญัตอ้งต้งัใจฟัง การฟัง อยา่งต้งัใจจะทา ให้“กว้าน”คา ถามต่อ ๆ ไปไดง้่ายข้ึน
58 ๓.เมื่อสัมภาษณ์เสร็จแลว้ สรุปการสัมภาษณ์ใหเ้ป็นระบบท้งัประเด็นที่ ถาม และคา ตอบทุกคร้ังตอ้งจดัระบบขอ้มูลใหช้ดัเจน ถา้เป็นไปไดใ้หร้ีบ เขียนข่าวหรือเตรียมขอ้มูลสา หรับนา ไปผลิตทนัทีถา้ไม่แน่ใจหรือขาด หายในเรื่องใดใหต้รวจทานโดยละเอียด และติดต่อกลบัแหล่งข่าวโดยเร็ว ที่สุด ๕.๔ การเกบ็ข้อมูลด้วยการสังเกต การสังเกต เป็นทกัษะที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามใชอ้ยเู่สมอ ในการทา ข่าว เพราะ ผสู้ื่อข่าวไม่สามารถสรุปเหตุการณ์หรืออธิบายขอ้เทจ็จริงท้งัหมดไดด้ว้ยคา บอกเล่า หรือ ขอ้มูลจากเอกสารเพียงอยา่งเดียว หนา้ที่ของผสู้ื่อข่าวคือตอ้งออกไปยงัสถานที่เกิดเหตุ หรือสถานที่ ที่เกี่ยวขอ้งดว้ย โดยการสังเกตสิ่งที่เกิดข้ึนจะช่วยสร้างความเขา้ใจในข่าวให้ ชดัเจนยงิ่ข้ึน เป็นการช่วยยนืยนัหรือปฏิเสธขอ้มูลเบ้ืองตน้ที่มีอยู่รวมท้งัช่วยใหก้าร สัมภาษณ์หรือการหาขอ้มูลอื่น ๆ สมบูรณ์ยงิ่ข้ึนดว้ย การสังเกตของผสู้ื่อข่าว มีพ้ืนฐานเหมือนกบัการทา งานของนกัวิจยัทาง สังคมศาสตร์คือมีการเฝ้ าดูพฤติกรรมของมนุษย์ จึงสามารถแบ่งประเภทของการสังเกตได้ ตามวิธีการทางการวิจัยเป็ น ๓ ประเภท คือ ๑. การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม เป็ นการสังเกตที่ผสู้ื่อข่าวใชอ้ยา่ง สม ่าเสมอ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการสังเกต เหตุการณ์ที่มีผเู้ขา้ร่วมเป็น จา นวนมากเช่น การประชุม การกล่าวคา ปราศรัยหาเสียงการแข่งขนักีฬา ฯลฯ อยา่งไรก็ดีการสังเกตแบบน้ีแตกต่างจากการไปรับทราบขอ้เทจ็จริง แต่เพียงอยา่งเดียว เพราะผสู้ื่อข่าวตอ้งใหค้วามสา คญักบัทุกอยา่งที่ เกี่ยวขอ้งรอบ ๆ ตวัและควรนา เสนอมุมมองอื่น ๆ ที่น่าสนใจดว้ย ๒.การสังเกตแบบไม่ให้ผู้ถูกสังเกตรู้ตัว คลา้ยคลึงกบัการสังเกตแบบไม่มี ส่วนร่วม แต่จะไม่ทา ใหผ้ถูู้กสังเกต หรือผอู้ยใู่นเหตุการณ์ทราบวา่ถูกจบั ตามองโดยผสู้ื่อข่าว โดยส่วนใหญ่ทุกคนจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง ไป หากทราบวา่ถูกจบัตามอง ปัญหาที่ผสู้ื่อข่าวประสบในการสังเกตแบบ น้ีที่พบอยเู่สมอคือเรื่องของอุปกรณ์ในการทา ข่าว เช่น กลอ้งถ่ายรูปของ นกัหนงัสือพิมพ์เทปบนัทึกเสียงของผสู้ื่อข่าววทิยุและที่ลา บากที่สุดคือ
59 ผสู้ื่อข่าวโทรทศัน์เพราะตอ้งมีอุปกรณ์หลายชนิดและยากที่จะเก็บซ่อน เช่น กลอ้งวดีิโอไมโครโฟน เครื่องส่องไฟ ๓.การสังเกตแบบมีส่วนร่วม เป็นวธิีการที่ผสู้ื่อข่าวตอ้งการเรียนรู้หรือ รับทราบข้อมูลโดยลงมือกระท าด้วยตนเองเข้าไปมีบทบาทในเรื่องราว หรือมีความรู้สึกร่วมกบักลุ่มคนที่เกี่ยวขอ้ง เช่น ผสู้ื่อข่าวเป็นหน่ึงในผู้ ทดลองใชอุ้ปกรณ์ชนิดใหม่ๆ ผสู้ื่อข่าวติดตามไปกบัคณะละครเร่ฯลฯ ซ่ึงการสังเกตแบบน้ี ผู้ถูกสังเกตจะรู้ตวัหรือไม่ก็ได้วา่มีผสู้ื่อข่าวอยใู่น สถานที่น้นัๆ ดว้ย และเมื่อผสู้ื่อข่าวลงสู่ภาคสนามหรืออยใู่นเหตุการณ์ แลว้ผสู้ื่อข่าวตอ้งอาศยัการเปิดรับสิ่งรอบตวัทุก ๆ อยา่ง ทุก ๆ ทาง ไม่วา่ จะเป็น การมองเห็น ซ่ึงถือวา่เป็นส่วนสา คญัที่สุดของการสังเกต ภาพที่ผสู้ื่อข่าวเห็นจะนา ไปสู่ขอ้มูลที่กวา้งข้ึน เช่น เมื่อผสู้ื่อข่าวไปถึง สถานที่เกิด อุบตัิเหตุผสู้ื่อข่าวจะตอ้งสา รวจสภาพความเสียหายเพื่อประเมินวา่สิ่งที่ตอ้งเสาะหาต่อไป คืออะไร อาทิ จ านวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต สาเหตุของอุบัติเหตุ การฟัง จะช่วยขยายภาพ ที่ปรากฏเบ้ืองหนา้หรือบอกสภาวะแวดลอ้มหรืออารมณ์ความรู้สึกได้ รวมไปถึงการ สังเกตกลิ่นต่าง ๆ และการสัมผสั การสังเกตเป็นทกัษะที่จะช่วยใหผ้ สู้ื่อข่าวมีขอ้มูลมาสนบัสนุนเรื่องราวใหมีความ ้ สมบูรณ์มากข้ึน และรู้วา่ขอ้มูลใดจริงหรือเทจ็ท้งัน้ีสิ่งที่สา คญัที่สุดสา หรับการสังเกตสิ่ง ต่าง ๆ คือ ความละเอียดรอบคอบ หากไม่แน่ใจในเรื่องใดตอ้งกลบัไปดูซ้า รวมท้งัจด บันทึกประเด็นส าคัญไว้ให้เร็วที่สุดเมื่อพบเห็นอะไร ๕.๕ ข้อมูลพน ื้ฐานของข่าวคอ ื สิ่งจ าเป็ น ผสู้ื่อข่าวภาคสนามที่ปฏิบตัิงานข่าวจนเริ่มกลา้แกร่งในสนามข่าว คุ้นชินสนาม ข่าว มีเพื่อนที่ร่วมปฏิบตัิงานข่าวจากต่างสา นกัท้งัสื่อสิ่งพิมพ์ซ่ึงวทิยุและโทรทศัน์อีกท้งั มีแหล่งข่าวจากหน่วยงานต่างๆมากข้ึน แต่ถึงอยา่งน้นัก็อาจจะยงัหลีกเลี่ยงไม่ไดท้ ี่จะเผชิญ กบั ปัญหาในการปฏิบตัิงาน โดยเฉพาะผสู้ื่อข่าวภาคสนาม ที่เพิกเฉยต่อการเรียนรู้เพิ่มเติม การหาขอ้มูล บนัทึกและจดจา ขอ้มูลสา คญั ไวส้า หรับงานข่าว ก็มกัจะพลาดโอกาสสา คญั หรือปล่อยใหโ้อกาสสา คญัที่จะแสดงผลงานต่อสาธารณชน ใหห้ลุดมือไปอยา่งน่าเสียดาย ท้งัน้ีเป็นเพราะ ผสู้ื่อข่าวภาคสนามที่เมื่อคิดวา่ตวัเองแกร่งกลา้สนามแลว้ ไม่แสวงหาขอ้มูล
60 ท้งัเก่าและใหม่เมื่อตอ้งไปรายงานสด ท้งัโดยโทรศพัท์หรือการงานสดนอกสถานที่ก็จะ ขาดขอ้มูลเหล่าน้ีประกอบการนา เสนอ ส านวน ที่ผสู้ื่อข่าวมากประสบการณ์จา นวนมาก ระลึกอยเู่สมอคือ สมบตัิที่ล้า ค่า เพียงอยา่งเดียวของผสู้ื่อข่าวคือแหล่งข่าวที่แม่นยา และขอ้มูลพ้ืนฐานที่ถูกตอ้ง ดงัน้นั ไม่วา่ องคก์รข่าวจะเป็นอยา่งไร สถานการณ์ดา รงชีพของผสู้ื่อข่าวจะเป็นอยา่งไร ยา้ยองคก์รการ ปฏิบตัิงานไปที่ใด แหล่งข่าวที่รู้จกันบัถือในความเป็นมืออาชีพของผสู้ื่อข่าว จะยงคงเป็ น ั ผใู้หเ้บาะแสข่าวอยเู่สมอ ดงัน้นัสิ่งที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามตอ้งแสวงหาอยา่งต่อเนื่อง ตลอด อาชีพงานข่าว คือแหล่งข่าวที่ซื่อสัตย์จริงใจ และขอ้มูลพ้ืนฐานที่ถูกตอ้ง แม่นยา และเป็น ธรรม เป็นกลาง ซ่ึงจะช่วยต่อยอดใหผ้ สู้ื่อข่าวภาคสนาม ทา งานไดค้ล่องแคล่วมากข้ึน -ข้อมูลควรรู้ข่าวการเมือง ผสู้ื่อข่าวภาคสนามสายการเมือง ควรศึกษาขอ้มูล ความรู้พ้ืนฐานทางการเมืองอยา่งรอบดา้น เพื่อประโยชน์ในการทา งานซ่ึงอาจแบ่งขอ้มูล ออกไดห้ลายประเภท เช่น -ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ เช่น พฒันาการของการเมืองไทย เหตุการณ์ปฏิวัติ การ ชุมนุมของประชาชนในอดีต ประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย คณะ ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ชื่อนายกรัฐมนตรีคนแรก ประธานรัฐสภาคนแรก พฒันาการของรัฐธรรมนูญไทย การแกป้ ัญหาความมนั่คงของไทยในอดีต การต่อสู้ สงครามคอมมิวนิสต์การสลายของพรรคคอมมิวนิสตแ์ห่งประเทศไทย รวมถึง ความสัมพนัธ์ระหวา่งการเมืองไทย กบัต่างประเทศ เป็นตน้ความรู้เหล่าน้ีถือเป็น ประวตัิศาสตร์ที่สามารถหาศึกษาไดจ้ากหนงัสือ ตา รา เอกสาร และอาจมีแหล่งข่าวบางคน ที่ยงัมีชีวติอยรู่ ่วมในเหตุการณ์สา คญั ในอดีตน้นัๆ ซ่ึงถา้ผสู้ื่อข่าวภาคสนามรู้จกัแลว้เมื่อ ตอ้งการผลิตสก๊ปูข่าวก็จะหาขอ้มูลและสัมภาษณ์แหล่งข่าวไดอ้ยา่งเหมาะสม -ข้อมูลในเชิงสถติิ เช่น จา นวนพรรคการเมือง จา นวนสมาชิกสภาผแู้ทนราษฎร จา นวนสมาชิกวฒุิสภา จา นวนเขตเลือกต้งัหรือจา นวนนายกรัฐมนตรีจากอดีต ถึง ปัจจุบนัมีกี่คน อยา่งไรเป็นตน้ -ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน เป็นขอ้มูลที่อาจเปลี่ยนการเปลี่ยนแปลงเกิดข้ึนได้ ตลอดเวลา เช่นการเปลี่ยนตวัสลบั โยกยา้ยรัฐมนตรีหรืออธิบดีกรม รวมถึงขอ้มูลในเชิง ลบัหรือที่ภาษาข่าวเรียก Exclusive เช่น หากพดูถึงแหล่งข่าว เสธ.คนดัง หมายถึงใคร ผู้พัน คนสนิทนักการเมือง หมายถึงใคร เป็ นต้น ท้งัหมดเป็นขอ้มูลที่เกิดข้ึนในสนามข่าว หาก ผู้สื่อข่าวมีขอ้มูลเหล่าน้ีเรียนรู้และทา ความเขา้ใจอยา่งกระจ่าง จะเป็นประโยชน์ต่อการทา ข่าวมาก เพราะนอกจากจะทา ใหก้ารทา ข่าวทนัต่อสถานการณ์แลว้ยงัสามารถวเิคราะห์
61 เหตุการณ์ สถานการณ์ ทิศทางทางการเมืองในอนาคตได้ เพราะพัฒนาการของการ เมืองไทย มกัวนกลบัไปมา ระหวา่งการเลือกต้งั การประท้วงรัฐบาล การรัฐประหาร การ เลือกต้งัและการประทว้งอีกคร้ัง -ข้อมูลควรรู้ข่าวอาชญากรรม ขอ้มูลพ้ืนฐานควรสายข่าวอาชญากรรม ควร ครอบคลุมกบัหน่วยงานราชการที่เกี่ยวขอ้งกบัคดีอาชญากรรม หน่วยงานที่รับผดิชอบท้งั ส่วนงาน ส่วนภูมิภาค และระดบัยอ่ย ระดบับุคคลที่ดูแลรับผดิชอบ รวมถึงคดี อาชญากรรม คดีความมนั่คง ที่สายงานข่าอาชญากรรมตอ้งร่วมรับผดิชอบ หากประมวลแหล่งขอ้มูลอยา่งคร่าว สิ่งที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามสายข่าวอาชญากรรม ควรรู้อาจแบ่งไดเ้ป็น -โครงสร้างสา นกังานตา รวจแห่งชาติแบ่งเป็นกี่กองบญัชาการ// กองบัญชาการ ในภูมิภาค มีกี่แห่ง ต้งัอยใู่นพ้ืนที่จงัหวดัใด ภาระงานที่แตกต่างระหวา่งกองบญัชาการ นครบาล กองบัญชาการในภูมิภาค กองปราบปราม หรืองานปราบปรามยาเสพติด เป็ นต้น -สายการบงัคบับญัชาของตา รวจเช่น ผู้บัญชาการตา รวจแห่งชาติรองผบู้ญัชาการ ตา รวจแห่งชาติผู้บัญชาการต ารวจภูธรภาค -ช้นัยศตา แหน่งของ ท้งัทหาร และตา รวจ เช่นความแตกต่างของช้นัยศ ต้งัแต่ร้อย ต ารวจตรี พันต ารวจตรี พลต ารวจตรี หรือร้อยต ารวจเอก พันต ารวจเอก พลต ารวจเอก เป็นตน้ความรู้พ้ืนฐานเหล่าน้ีมีความจา เป็นเมื่อตอ้งสืบหาแหล่งข่าวและสัมภาษณ์เพราะ แต่ละช้นัยศจะมีระดบัช้นัและการรับผดิชอบต่างกนั -ขอ้มูลคดีความมนั่คงและผตู้อ้งหาคดีความมนั่คงที่สา คญั ในอดีต เป็นสิ่งที่ ผสู้ื่อข่าวควรรู้จกัท้งัคดีที่อาจจะจบไปแลว้และคดีที่อยรู่ะหวา่งการพิจารณา เช่นคดีเพชร ซาอุคดีฆ่านายหา้งทองธรรมวฒันะคดีเหตุระเบิดทวั่กรุงเทพฯ และในภูมิภาคเป็นตน้ -ข้อมูลควรรู้ข่าวเศรษฐกจิผสู้ื่อข่าวภาคสนาม สายเศรษฐกิจ มกัจะเรียกไดว้า่เป็น ผสู้ื่อข่าวที่ตอ้งใชค้วามสามารถในเชิงการจดจา การวิเคราะห์การตลาด และเศรษฐกิจมาก พอสมควร เพราะประเด็นที่จะนา มาผลิตเป็นข่าวมกัเป็นประเด็นที่กวา้งต้งัแต่ระดบั ประเทศไปจนถึงระดบัภูมิภาค อีกท้งัสา นวนภาษาก็เขา้ใจไดย้ากกกวา่ ปกติสิ่งที่ผสู้ื่อข่าว ภาคสนามตอ้งเรียนรู้และจดจา ในสายข่าวเศรษฐกิจ จึงถือวา่ ไม่ง่ายเลย แต่ถึงอยา่งน้นัก็ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยกลยทุธ์กลวธิีหน่ึงของผสู้ื่อข่าวสายเศรษฐกิจคือ หากเป็นเรื่อง ที่ละเอียด ซบัซอ้นมากไป จะไม่อธิบายประเด็นหรือเน้ือข่าวน้นั โดยตวัเอง แต่จะหา แหล่งข่าว นกัการเงิน นกัธุรกิจ นกัวเิคราะห์มาช่วยในการอธิบายปรากฏการณ์ของข่าวที่
62 ตอ้งการนา เสนอ ซ่ึงจะทา ใหท้ ้งัผสู้ื่อข่าวเขา้ใจ และผรู้ับชมข่าวเขา้ใจไดง้่าย แต่ขอ้มูล พ้ืนฐานก็ยงัจา เป็นที่ผสู้ื่อข่าวตอ้งเรียนรู้เช่น -พัฒนาการของตลาดหุ้นไทย ดัชนีราคาหุ้นที่เคยสูงสุด เป็ นประวัติการณ์ หรือ ต่า สุดต้งัแต่ประเทศไทยเปิดตลาดซ้ือขายหุน้ -ความเคลื่อนไหว ความคึกคักในตลาดการคา้ต่างๆ เช่นตลาดอสังหาริมทรัพย์การ ท่องเที่ยว ภาคการเงิน การคลงัธุรกิจการส่งออก นา เขา้ -ธุรกิจการเงินภาคประชาชน หรือการเงินแบบชาวบา้น เช่นเงินกองทุนต่างๆที่ถือ เป็นสวสัดิการของรัฐ เช่นกองทุนหมู่บา้น กองทุนประกนัสังคม เงินกองทุน SME หรือ ธนาคารประชาชน เป็นต้น -ศพัทส์า นวนภาษาทางเศรษฐกิจ ซ่ึงถือเป็นภาษาเฉพาะ เป็นสิ่งที่ผสู้ื่อข่าว ภาคสนามสายเศรษฐกิจตอ้งเรียนรู้และจดจา เช่นคา วา่ชอ้นซ้ือหุ้น หุน้ลม แดงท้งั กระดาน เขียวท้งักระดาน วกิฤติตม้ยา กุง้ งบประมาณขาดดุล เป็ นต้น -ข้อมูลควรรู้ข่าวสังคม สถานีโทรทศัน์หลายแห่ง จะมีโตะ๊ข่าว หรือแผนกข่าว สายสังคม เพื่อรับผดิชอบประเด็นข่าวที่เกี่ยวกบั ประเด็นทางสังคม สิ่งแวดลอ้ม หรือสิทธิ มนุษยชน ซ่ึงในความเป็นจริง ประเด็นข่าวเหล่าน้ีอาจจะคาบเกี่ยวกบัสายงานอื่นๆ ไม่วา่จะ เป็นการเมือง อาชญากรรม หรือเศรษฐกิจ ผสู้ื่อข่าวภาคสนามในสายน้ีจึงตอ้งรอบรู้ใน ประเด็นอื่นๆอยา่งรอบดา้น และนา เสนอข่าวออกมาในมุมมองของสายงานข่าวสังคมไดใ้ห้ ตวัอยา่งข่าวที่มีส่วนเชื่อมโยงถึงกนัระหวา่งหลายสายข่าว เช่น นโยบาย เงินกองทุนหมู่บา้น ของรัฐบาล ซ่ึงเป็นสายงานข่าการเมือง ส่งเงินงบประมาณใหก้บัชุมชน ซึ่งเป็นสายงานข่าวเศรษฐกิจ แต่จะเชื่อมโยงกบัสายข่าวสังคมได้ เมื่อ ผสู้ื่อข่าวตอ้งการ ติดตามดูตวัพฤติกรรมของชาวบา้นกลุ่มหน่ึง วา่นา เงินที่ไดจ้ากการกเู้งินกองทุนหมู่บา้นไป ลงทุนอยา่งไรบา้ง ในบางรายอาจจะประสบผลสา เร็จ เช่นลงทุนทา การเกษตร จนสามารถ ปลดหน้ีนอกระบบ และมีเงินเก็บในครอบครัวมากยงิ่ข้ึน ขณะที่บางคนใช้เงินผิด วตัถุประสงคจ์นกลายเป็นหน้ีกอ้นโตเพิ่มข้ึน เป็นตน้ดงัน้นัขอ้มูลที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามสาย สังคมควรรู้เช่น -หน่วยงานที่ดูแลสวสัดิการสังคมกระทรวงพฒันาสังคมและความมนั่คงของ มนุษย์ -กระทรวงสาธารณสุขโรงพยาบาลหลกัที่ดูแลผปู้่วยและชา นาญแต่ละดา้น - องคก์รดา้นสิทธิมนุษยชน องคก์รดา้นสิ่งแวดลอ้ม องคก์รดา้นการป้องกนั ปราบปรามการค้ามนุษย์ องคก์รป้องกนัการทา ลายสิ่งแวดลอ้ม
63 - กฎหมายเกี่ยวขอ้งกบัสิทธิเด็กสตรีคนชราหรือกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เป็ นต้น -ข้อมูลควรรู้ข่าวภูมิภาค โต๊ะข่าวภูมิภาค สายข่าวภูมิภาค หรือผสู้ื่อข่าวภาคสนาม สายข่าวภูมิภาค มกัจะเป็นสายข่าวที่มีความคาบเกี่ยว หรือเชื่อมโยงกบัสายข่าวอื่นๆอยา่ง หลีกเลี่ยงไม่ได้จนอาจเรียกไดว้า่เป็นสายข่าวที่จบัฉ่าย หรือผสมผสานมากที่สุด เพราะ ตอ้งติดตามทุกประเด็นข่าวที่เกิดข้ึนในภูมิภาค หรือต่างจงัหวดัทุกจงัหวดัทวั่ประเทศ ซ่ึง ประเด็นข่าวที่จะเกิดข้ึนเหล่าน้นัก็จะมีทุกประเด็น เช่นการเมือง ต้งัแต่ระดบัชาติลงไปถึง การเมืองทอ้งถิ่น คดีอาชญากรรม ข่าวสังคม เศรษฐกิจ ไปจนถึงข่าวกีฬา ซ่ึงท้งัหมดจะมี ความเคลื่อนไหวตลอดท้งัวนั ส าหรับสถานีโทรทศัน์หลายแห่ง ที่มีรายการข่าวประจา สถานีอยแู่ลว้จะมีศูนย์ ข่าวภูมิภาคคอยติดตามทา ข่าวและผลิตเขา้มายงัส่วนกลาง แต่ก็มีหลายประเด็น ที่ผสู้ื่อข่าว จากส่วนกลาง ตอ้งลงไปทา ข่าวในพ้ืนที่ภูมิภาค ซ่ึงเป็นไดด้ว้ยหลายเหตุผล เช่นเป็น ประเด็นที่คิดข้ึนมาเอง และมีแหล่งข่าวลงลงไปทา ข่าว หรืออาจเป็นการร้องขอจาก ผสู้ื่อข่าวภูมิภาคเอง ที่ตอ้งการกา ลงัเสริมลงไปช่วยงานข่าวในประเด็นข่าวน้นัๆ สิ่งที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนาม สายภูมิภาคต้องจดจ า และมีข้อมูลไว้เสมอจึงมี หลายประเด็นที่เกี่ยวขอ้งกบัสายข่าวอื่นๆดว้ยเช่น -หน่วยงานราชการ ที่ต้งัอยใู่นภูมิภาค เช่นกองบญัชาการตา รวจภูธรภาค ต ารวจภูธรจังหวัด - หน่วยงานความมนั่คงสายทหารเช่นมณฑลทหารบก หรือกองทพัภาค - ขอ้มูลดา้นการเมือง เช่นนกัการเมือง พรรคการเมือง และขอ้มูลพ้ืนฐานที่อาจลง ลึกระดบัพ้ืนที่เช่นใครเป็นสส.ในพ้ืนที่ใด หรือเคลื่อนไหวทางการเมืองอยา่งไร -ปัญหาความมนั่คงที่อยใู่นพ้ืนที่ชายแดน หรือภูมิภาค เช่นความมนั่คงชายแดน ไทยกมัพชูา ความมนั่คงชายแดนไทย มาเลเซียความมนั่คงชายแดนไทย พม่า -ปัญหาภยัธรรมชาติที่มกัเกิดข้ึนเป็นประจา เช่นภยัหนาวที่จงัหวดัเลย เชียงใหม่ เชียงราย ภัยแล้ง ที่อุบลราชธานีแม่น้า โขงแหง้ขอดที่จงัหวดัหนองคาย หรือน้า ท่วมหนกัที่ อ่างทอง -ขอ้มูลเชิงประวตัิศาสตร์เหตุการณ์เช่นเหตุการณ์มสัยดิกรือเซะ เมื่อ ๒๘ เมษายน ๔๗ เหตุการณ์ตากใบ ๒๕ ตุลาคม ๔๗ เหตุการณ์สึนามิที่ชายฝั่งอนัดามนั ปลายเดือน ธันวาคม ๔๗ เป็นตน้เหล่าน้ีเป็นขอ้มูลเชิงประวตัิศาสตร์ที่เกิดข้ึนในภูมิภาค และมักมี
64 ความเคลื่อนไหวเมื่อซ่ึงครบรอบเหตุการณ์ในแต่ละปีซ่ึงเป็นสิ่งที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามสาย ข่าวภูมิภาคควรรู้ไว้ ผสู้ื่อข่าวภูมิภาคที่มีขอ้มูลรอบดา้น ท้งัเชิงลึก เชิงประวตัิศาสตร์จะสามารถวาง แผนการทา ข่าวในอนาคตไดง้่าย เช่น สถิติระดบัน้า เมื่อคร้ังสูงที่สุดจากปีที่แลว้จะทา ให้ ผสู้ื่อข่าวประเมินและวางแผนไดว้า่ ในปีน้ีจะมีน้า ท่วมหนกัอีกหรือไม่จากการเปรียบเทียบ ระดบัน้า ที่มีอยใู่นขณะน้นัเป็นตน้ ข้อมูลพื้นฐานตามแต่ละสายข่าวดังกล่าว เป็ นสิ่งที่ผู้สื่อข่าวภาคสนามในแต่ละ สายต้องเรียนรู้ อย่างไม่สิ้นสุดก็จริง แต่สิ่งที่ส าคัญกว่าคือการเรียนรู้ ข้อมูลข่าว ข้ามสายงาน ของตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะในความเป็ นจริงแล้ว ความเป็ นสื่อสารมวลชน จะถูก คาดหวังจากสังคมว่า จะเป็ นผู้หาค าตอบ หรือคลี่คลายประเด็นสงสัยของสังคมได้ในทุก ประเด็นและแม้ว่าผู้สื่อข่าวจะไม่ใช่นักวิชาการผู้ช านาญ แต่สื่อข่าวก็จะต้องรู้ วิธีหาค าตอบ เหล่านั้นมาให้กับสังคมตามวิชาชีพ นอกจากนี้ การแบ่งสายงานข่าวให้ผู้สื่อข่าวแต่ละสาย แต่ละแผนก เป็ นเพียงเพื่อ ความสะดวกในการท างาน โดยเฉพาะระดับองค์กร หรือสถานี ที่ต้องการให้งานเป็ น เอกภาพ จึงแยกสายข่าวให้มากที่สุด แต่เมื่อทุกข่าวจากทุกสายงาน น ามารวมกันแล้ว ก็จะ กลายเป็ นความพร้ อม ความสมบูรณ์ของสถานีข่าว ขณะที่ในความเป็ นจริง ตัวผู้สื่อข่าว ใน แต่ละคน ควรมีความรอบรู้ ในทุกประเด็นให้มาก หรืออย่างน้อยที่สุด คือรู้ ว่าจะหา ค าตอบ ของข่าว หรือแหล่งข่าวได้จากที่ใด เมื่อมีค าถามเกิดขึ้น.
65 ๖. บทบาทผ ้ สูื่อข่าวภาคสนาม เมอ ื่ลงสู่สนามข่าว โดยปกติแลว้ทีมข่าวภาคสนามของสถานีโทรทศัน์ทุกแห่งจะประกอบดว้ย ๓ คน คือ ผสู้ื่อข่าว รับผดิชอบประเด็นข่าวท้งัหมด ช่างภาพ ถ่ายภาพตามความตอ้งการของผสู้ื่อข่าว ผชู้่วยช่างภาพ ขบัรถทีมข่าว และเป็นผชู้่วยช่างภาพในการ บนัทึกภาพข่าว เมื่อลงสู่สนามข่าว ผสู้ื่อข่าวภาคสนาม จะมีบทบาทไม่ต่างจากหวัหนา้ทีมโดย ปริยาย ซ่ึงจะเป็นดว้ยบทบาทของผรู้ับผดิชอบประเด็นข่าวโดยธรรมชาติอยแู่ลว้หรือเป็น การมอบหมายจากองคก์รในฐานะผถู้ืองบประมาณ ผรู้ับคา สั่งโดยตรงก็ตาม หลายเหตุการณ์ที่ผสู้ื่อข่าวไม่สามารถทา ข่าวที่ไดร้ับมอบหมาย หรือวางแผนมาให้ ประสบความสา เร็จไดต้ามที่ตอ้งการ หรือปรารถนาไว้ท้งัน้ีเป็นเพราะผสู้ื่อข่าวภาคสนาม เอง อาจะไม่เขา้ใจบทบาทหนา้ที่ของตวัเอง หรือเขา้ใจไม่ถูกตอ้ง เพราะบทบาทหนา้ที่ที่ แทจ้ริงของผสู้ื่อข่าวภาคสนาม ไม่ใช่เฉพาะการเก็บขอ้มูล หาข่าวเท่าน้นัแต่ยงัมีบทบาทท้งั ทางตรงในฐานะผสู้ื่อข่าว และทางออ้ม ในฐานะหวัหนา้ทีมที่ตอ้งรับผิดชอบดว้ย ซ่ึง บทบาทที่ส่งอาจส่งผลต่อความสา เร็จ หรือลม้เหลวของประเด็นข่าว และทีมข่าว ประกอบด้วย ๖.๑ บทบาทในฐานะผู้น าในการตัดสินใจของทีม ผสู้ื่อข่าวภาคสนาม แมจ้ะมีอายนุอ้ยกวา่ ประสบการณ์ในงานทา งานนอ้ยกวา่ ช่างภาพ หรือผชู้่วยช่างภาพ ซ่ึงเป็นทีมข่าวภาคสนามดว้ยกนัแต่ในธรรมชาติของงานแลว้ ผสู้ื่อข่าวจะตอ้งเป็นนา ในการตดัสินใจของทีม เมื่อลงสู่สนาม ซ่ึงการตดัสินใจของ ผสู้ื่อข่าวจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม และจะนา ไปสู่ความสา เร็จ หรือความลม้เหลวของ ประเด็นข่าวน้นัก็ข้ึนอยกู่บัการวางแผน และการช่วยวางประเด็นของกองบรรณาธิการข่าว หรือหวัหนา้งานโดยตรง ดงัน้นัแมจ้ะดูเหมือนวา่ผสู้ื่อข่าวที่มีอายงุานนอ้ยกวา่ ประสบการณ์นอ้ยกวา่ช่างภาพ หรือทีมงาน แต่ในความเป็ นจริงแล้ว จะถูกรองรับด้วย อ านาจของกองบรรณาธิการ
66 ในบางกรณีเมื่อลงสู่สนามข่าวแลว้พบเหตุการณ์ที่สับสน มากดว้ย ประเด็นข่าวและความวนุ่วายที่ตอ้งอาศยัการตดัสินใจ ผสู้ื่อข่าวสามารถเรียนรู้ปรึกษา และ ขอความเห็นจากทีมงาน ที่เป็นช่างภาพ และผชู้่วยช่างภาพดว้ย แต่ในข้นัสุดทา้ยของการ ตดัสินใจแลว้ก็ตอ้งเป็นผสู้ื่อข่าวภาคสนามนนั่เอง และเมื่อการตดัสินใจน้นัผดิหรือชอบ ผสู้ื่อข่าวก็ตอ้งเป็นผรู้ับในฐานะผตู้ดัสินใจของทีม ประเด็นที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามตอ้งตดัสินใจในฐานะผนู้า ทีมข่าวอาจประกอบดว้ย - ตัดสินใจเวลาในการออกเดินทาง โดยค านวณเวลาที่จะถึงเป้ าหมาย - ตัดสินใจและวางแผนในการเดินทาง ที่สะดวก รวดเร็ว -ตดัสินใจในการนดัแหล่งข่าว ยกเลิกแหล่งข่าว เปลี่ยนพิกดัเป้าหมาย ที่ เกี่ยวขอ้ง -ตดัสินใจต่อขอ้ สงสัยวา่จะเดินหนา้หรือยกเลิกการปฏิบตัิงาน หากงาน น้นัมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย หรืออันตรายของทีมงาน -ตดัสินใจ และประสานงาน เรื่องที่พกัและงบประมาณ กรณีที่มีผลต่อ การท างาน ประเด็นที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามตอ้งตดัสินใจเหล่าน้ีเป็นเพียงส่วนหน่ึงของ รายละเอียดที่ตอ้งเผชิญในโลกแห่งการทา งานที่แทจ้ริง บางประเด็นดูเหมือนจะเป็นเรื่อง เล็กนอ้ย แต่สา หรับการปฏิบตัิงานภาคสนามแลว้ทุกอยา่งมีส่วนสา คญัอยา่งนอ้ยที่สุด คือ สา คญัต่อความรู้สึกของทีมงาน และอาจจะส่งผลต่องานไดเ้ช่นกนั ๖.๒ บทบาทในฐานะผู้ควบคุมประเด็นข่าว อา นาจในการตดัสินใจของผสู้ื่อข่าวภาคสนามที่เหนือกวา่ช่างภาพ และผชู้่วย ช่างภาพ เมื่อลงสู่สนามปฏิบตัิงานข่าว ตอ้งไม่เกิดจากความมุทะลุหรือความไม่รู้ของ ผสู้ื่อข่าวอยา่งไร้เหตุผล แต่ตอ้งรองรับดว้ยการวางแผน และการตดัสินใจของกอง บรรณาธิการของหวัหนา้งานซ่ึงไดป้ระสานงานกนัมาอยา่งดี ขณะเดียวกนัหากเป็นประเด็นข่าวที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามคิดข้ึนมาเอง วางแผนเอง และควบคุมการทา ข่าวเรื่องน้นัๆ ก็ตอ้งสื่อสารใหท้ ีมงานช่างภาพ และผชู้่วยช่างภาพได้ ทราบร่วมกนัต้งัแต่ตน้เพื่อทา ใหก้ารทา งานของทุกฝ่าย เป็นไปในทิศทางเดียวกนั ในกรณี
67 น้ีเรียกไดว้า่ผสู้ื่อข่าวมีบทบาทในฐานะผคู้วบคุมประเด็นข่าว ซ่ึงสิ่งที่ผสู้ื่อข่าวตอ้ง ตดัสินใจในฐานะน้ีประกอบด้วย -ตดัสินใจและสื่อสารวา่จะนา เสนอเป็นข่าว หรือสก๊ปูที่เป็นเช่นน้ีเพราะการ ถ่ายภาพข่าว และสก๊ปูมีความแตกต่างกนัการสื่อสารระหวา่งทีม จะทา ให้ ช่างภาพทา งานไดต้รงตามวตัถุประสงค์ -ตดัสินใจวา่จะใหช้่างภาพถ่ายภาพใด ลกัษณะใด และเนน้ ส่วนใดเป็ นพิเศษ ที เกี่ยวขอ้งกบั ประเด็นข่าว -ตดัสินใจในการสัมภาษณ์แหล่งข่าว การเลือกแหล่งข่าวที่จะใหข้อ้มูลรวมถึงการ ตดัสินใจวา่จะเลือกใชไ้มโครโฟน หรือใชไ้วเลต ในการสัมภาษณ์แหล่งข่าว ซ่ึงท้งั สองแบบ มีผลต่อการนา เสนอข่าว หรือประเด็นที่แตกต่างกนัอีกเช่นกนั -ในบางกรณีมีเหตุการณ์หรือประเด็นข่าวเกิดข้ึนพร้อมกนัหลายจุด และอยู่ ห่างไกลกนัจนยากที่ทีมข่าวท้งัหมดจะทา งานไดทุ้กจุด ผสู้ื่อข่าวตอ้งประเมินและ ตดัสินใจวา่จะเลือกประเด็นใด และยกเลิกประเด็นใด เป็ นต้น การตดัสินใจในฐานะผคู้วบคุมประเด็นข่าว ของผสู้ื่อข่าวภาคสนาม ส่วนหน่ึงเกิด จากการวางแผนของผสู้ื่อข่าว ส่วนหน่ึงเกิดจากการตดัสินใจของบรรณาธิการโตะ๊ข่าว และส่วนหน่ึงเกิดจากการตดัสินใจร่วมกนัเช่นผสู้ื่อข่าวภาคสนามพบประเด็นข่าวใหม่ เกิดข้ึน จึงนา เสนอแนวทางทา งานใหบ้รรณาธิการโตะ๊ข่าวทราบ จนเห็นร่วมกนั ในการ ปฏิบัติงาน ๖.๓ บทบาทในฐานะผ ู้ประสานงานหลกัของทมีข่าว แมว้า่การลงสนามทา งานข่าวแต่ละคร้ัง ทีมข่าวจะวางแผน หรือเตรียมการไวแ้ลว้ แต่ไม่ใช่ทุกคร้ังที่การนดัหมายกบัแหล่งข่าว ประเด็นข่าวจะเป็ นไปตามแผน เพราะ ตามปกติแล้วจะมีเรื่องผิดพลาด คลาดเคลื่อน หรือปัญหาเฉพาะหนา้ใหแ้กป้ ัญหาเสมอ ซ่ึง ผสู้ื่อข่าวภาคสนาม ควรตอ้งเป็นผปู้ระสานงาน เพื่อแกป้ ัญหาเมื่อลงสู่สนามปฏิบัติงาน ตวัอยา่งปัญหาที่ตอ้งประสานงานมีท้งัแต่ปัญหาเล็กไปจนถึงปัญหาใหญ่ทวั่ ไป เช่น -แหล่งข่าวที่กองบรรณาธิการประสานใหส้ ัมภาษณ์เปลี่ยนใจปฏิเสธ - เหตุฉุกเฉินที่แหล่งข่าวไม่ยนิยอมใหถ้่ายภาพ
68 - ความผดิพลาดที่ตอ้งตดัสินใจวา่จะยกเลิกภารกิจ หรือเดินหนา้ปฏิบตัิงาน -ความผดิพลาดที่แมบ้างคร้ังเกิดจากปัจจยัที่ไม่อาจควบคุมได้เช่นรถเสีย กลอ้งพงัหรืออุบตัิเหตุใด ๆในระหวา่งปฏิบตัิงาน ซ่ึงผสู้ื่อข่าวควรช่วยใน การประสานงาน ในการลงสู่สนามปฏิบตัิงานข่าวแลว้ท้งัผสู้ื่อข่าว ช่างภาพ และผชู้่วยช่างภาพ ถือ เป็นทีมงานเดียวกนัทุกคนลว้นมีส่วนช่วยต่อความสา เร็จ หรือความลม้เหลว ของประเด็น ข่าวท้งัสิ้น ดงัน้นัจึงตอ้งทา ความเขา้ใจใหต้รงกนั ในระหวา่งการปฏิบตัิงานแต่ละคร้ัง ท้งั ในเรื่องของประเด็นข่าวและทศันคติส่วนตวัระหวา่งทีมงาน การทา งานอยา่งเป็นทีม มีความเขา้ใจกนัท้งัในเรื่องการทา งาน และทศันคติ ส่วนตวัมีความสา คญัมากต่อทีมข่าว ที่ทา ข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน หรือสายงานอื่นๆ ที่ ตอ้งร่วมงานกนับ่อยคร้ัง เช่นการปฏิบตัิงานในต่างจงัหวดัร่วมกนันานหลายสัปดาห์ ไม่มี โอกาสไดเ้ปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน รวมท้งังานบางอยา่ง เป็นงานต่อเนื่องที่รู้พ้ืนฐานของงาน มาแล้ว มีความช านาญมาแล้ว การได้ทีมงานชุดเดิม จะท าให้งานประสบความส าเร็จไดง้่าย ท้งัหมดน้ีอาศยัการทา งานเป็นทีม สถานีโทรทศัน์บางแห่ง ใหค้วามสา คญัเรื่องการทา งาน เป็นทีม ดว้ยการจดัทีมช่างภาพ ผชู้่วยช่างภาพ ใหเ้ป็นทีมประจา สา หรับผสู้ื่อข่าวคนเดิม อยา่งนอ้ยที่สุด ก็เป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อใหท้า งานร่วมกนัอยา่งมีประสิทธิภาพ ๖.๔ ตัวอย่างสาเหตุที่ท าให้การท างานเป็ นทีมไม่ประสบผลส าเร็จ สาเหตุที่ท าให้การท างานเป็ นทีม ของทีมข่าวภาคสนามไม่ประสบผลสา เร็จ มี หลายปัจจยันบัต้งัแต่เรื่องส่วนตวัเรื่องพ้ืนฐานเล็กนอ้ย ไปจนถึงเรื่องที่เหนือความ คาดหมายจนยากจะควบคุมได้เช่น - ทีมงานเขา้ใจการนดัหมายไม่ตรงกนัหรือไม่ตรงเวลา ทา ใหไ้ปถึงเป้าหมายไม่ทนั -เมื่อเดินทางแลว้ผสู้ื่อข่าวบอกพิกดัการเดินทาง ไม่ชดัเจน ทา ใหเ้ดินทางผดิ เป้ าหมาย -การคา นวณนดัเวลาของผสู้ื่อข่าว ไม่สอดคลอ้งกบัระยะทาง ทา ใหท้ ีมงานไม่ สามารถไปถึงเป้ าหมายได้ - การเปลี่ยนแปลงหมายข่าว พิกดัสถานที่ผสู้ื่อข่าวไม่ไดแ้จง้ใหท้ ีมงานทราบ -ผสู้ื่อข่าวไม่แจง้ลกัษณะของงาน เช่นงานที่ตอ้งใชก้ลอ้งแอบถ่าย ใชไ้มโครโฟน หรือใชไ้วเลต ทา ใหท้ ีมงาน ไม่สามารถเตรียมอุปกรณ์ไดต้รงตามที่ตอ้งการใช้
69 -ผสู้ื่อข่าวไม่แจง้ลกัษณะงานใหท้ ีมงานทราบ เช่นเป็นข่าว หรือเป็นสก๊ปูทา ให้ ช่างภาพ ถ่ายภาพมาไม่เพียงพอจากบทที่ผสู้ื่อข่าวเขียนเป็นสก๊ปู หรือบางคร้ัง ถ่ายภาพมามากแต่ใชไ้ม่คุม้ค่า -ผสู้ื่อข่าวไม่แจง้ช่างภาพ หรือช่างภาพไม่ถ่ายภาพจากที่ผสู้ื่อข่าวเนน้ย้า เป็นพิเศษ ในภาพข่าวที่ตอ้งการ ทา ใหเ้มื่อเขียนบทแลว้ ไม่มีภาพที่ตอ้งการ -ผสู้ื่อข่าวไม่เขา้ใจในประเด็นที่จะนา เสนอ และไม่สามารถสื่อสารใหช้่างภาพ เข้าใจได้ จึงกลายเป็นภาพข่าวที่ไม่มีจุดเด่น หรือใชอ้อกอากาศไม่ได้ -ผสู้ื่อข่าว ช่างภาพ และทีมงาน ขดัแยง้ โตเ้ถียง และไม่ยอมรับความคิดเห็น หรือ คา สั่งของกนัและกนัทา ใหก้ารประสานงานร่วมกนัลม้เหลว ฯลฯ ตวัอยา่งที่ยกมาดงักล่าว เป็นตวัส่วนหน่ึงเท่าน้นัที่ช้ีใหเ้ห็นวา่ ปัญหาใน การปฎิบตัิงานเป็นทีม มกัเกิดข้ึนไดเ้สมอ ต้งัแต่เรื่องส่วนตวัทศันคติในการทา งานเป็นทีม ไปจนถึงการสื่อสารประสานงานร่วมกนัหากเกิดปัญหาร่วมกนัแลว้ผสู้ื่อข่าวตอ้ง ประคบั ประคองใหค้วามเป็นทีมยงัคงอยแู่ละสามารถทา งานร่วมกนัได้และแน่นอนวา่ถึง จะไม่จา เป็นที่ตอ้งประนีประนอมกบัทีมงานบางคนที่มีทศันคติไม่ตรงกนัแต่อยา่งนอ้ย ที่สุด การปฎิบตัิงานในเรื่องน้นัควรใหลุ้ล่วงไปไดด้ว้ยดี ๖.๕ ผู้ส ื่อข่าวภาคสนามรุ่นใหม่ในโลกส ื่อสารไร้พรมแดน พฒันาการของเทคโนโลยกีารสื่อสาร ไม่เพียงแต่ทา ให้การสื่อสารระหวา่งบุคคล สะดวกมากข้ึนเท่าน้นัแต่ยงัทา ใหก้ารสื่อสารมวลชนสะดวก รวดเร็ว และมีหลายช่องทาง มากยงิ่ข้ึน เช่นระบบอินเตอร์เน็ตที่ส่งขอ้มูลข่าว ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวไดร้วดเร็ว นอกจากน้นัยงัมีพฒันาการ การถ่ายทอด และการรายงานสดผา่นทางอินเตอร์เน็ตไดด้ว้ย เช่นกนั ในต่างประเทศถึงกบัมีการวเิคราะห์กนัวา่อวสานของนกัข่าวโทรทศัน์กา ลงัจะ มาถึง หากยงัไม่มีการปรับตวัดงัตวัอยา่ง บทความน้ี จดุจบของผ ้ สูื่อข่าวโทรทัศน ์
70 ถ้าคุณคิดจะออกไปท าข่าวเพื่อน ามาออกในทีวีอย่างเดียว ก็เตรียมตัวตกงานได้เลย เพราะโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว กรุงเทพธุรกจิออนไลน์: นับตั้งแต่เว็บไซต์วีดีโอออนไลน์ หรือ Internet TV เริ่มแพร่ ระบาดกันมาก ขึ้น บรรดาสื่อโทรทัศน์ในอเมริกาต่างก็พยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดให้คงอยู่ ยาวนานที่สุด แต่ท่าทางจะไม่ง่ายเท่าไหร่ เพราะจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า Internet TV มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นทุกวัน ขณะที่ผู้ลงโฆษณาก็หันไปจ่ายเงินก้อนโต ให้กับสื่อใหม่ชนิดนี้มากยิ่งขึ้น ล่าสุด Charles Tillinghast ประธาน MSNBC.com ซึ่งเป็ นการรวมตัวของ สถานีโทรทัศน์ NBC และ Microsoft ออกมายอมรับว่า การรายงานข่าวทีวีเพียง อย่างเดียวก าลังจะหมดไป ต่อไปนี้จะเป็ นเวลาของการรายงานข่าววีดีโอ โดย แนวคิดเก่าๆ ที่ให้นักข่าวออกไปท าข่าวหรือสกู๊ปเพื่อมาออกในรายการทีวี โดยเฉพาะนั้น เป็ นเรื่องที่หมดยุคแล้ว “เมื่อไรก็ตามที่นักข่าวของ MSNBC ออกไปท าข่าว พวกเขาจะไม่ท าข่าว เพียงเพื่อมาออกทีวี หรือรายการใดรายการหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขาจะต้อง คิดและวางแผนเพื่อท าข่าวออกมาน าเสนอได้ในทุกๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็ น รายการทีวี, เคเบิล, MSNBC.com, หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ” ประธาน MSNBC.com กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกวันนี้อะไรก็ตามมีความ เกี่ยวข้องกับวีดีโอไปหมด และผู้คนก็สามารถดูวีดีโอได้ในทุกๆ ที่ที่เขาไป และ เชื่อว่าการรายงานข่าววีดีโอไม่เพียงแต่จะอยู่รอดเท่านั้น มันก าลังเติบโตมากขึ้น เรื่อยๆ ด้วยซ ้า “อย่างไรก็ตาม นักข่าวเก่าๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนความคิดก็ไม่ต้องกังวลว่าจะ ตกงาน ผมคิดว่านักข่าวที่มีช่องทางการน าเสนอข่าวแบบดั้งเดิมอย่างเช่น New York Times คงไม่หมดไป ถ้าพวกเขายอมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง” ส าหรับ New York Times ซึ่งเป็ นสื่อหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของ สหรัฐอเมริกา มีตัวเลขรายได้และก าไรลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยในไตรมาส 2
71 ของปี นี้ รายได้โฆษณาลดลงถึง 11.8% ซึ่งท าให้รายได้รวมทั้งหมดลดลงถึง 6.7% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ New York Times ซึ่งขณะนี้มีส่วนที่เป็ นวีดีโอ ออนไลน์ด้วย ก็มีรายได้เพิ่มขึ้น 18% แต่ถือว่ายังไม่พอในการห้ามเลือดที่ไหลไม่ หยุดในขณะนี้ได้. บทความน้ีสะทอ้นปรากฎการณ์ที่เกิดข้ึนในโลกของการสื่อสาร ท้งัทวั่ โลก และ ในประเทศไทยไดเ้ป็นอยา่งดีโดยจะเห็นไดจ้ากโทรทศัน์ทางอินเตอร์เน็ต เคเบิลทีวีหรือ ทีวดีาวเทียมเกิดข้ึนจา นวนมาก เช่นสถานีโทรทศัน์วอยซ์ทีวีสถานีโทรทศัน์สปริงนิวส์ สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี และพีทีวี เป็ นต้น การปรับตวัใหท้นัต่อพฒันาการของเทคโนโลยรีุ่นใหม่เป็นสิ่งที่ผสู้ื่อข่าว ภาคสนามตอ้งเรียนรู้อยตู่ลอดเวลา โดยเฉพาะการรายงานข่าวผา่นระบบอินเตอร์เน็ต ซ่ึง อาจมีความแตกต่างกบัระบบการสื่อสาร หรือการถ่ายทอดที่เกิดข้ึนอยใู่นขณะน้ี เพราะโดย สภาพที่เป็นจริง ขณะน้ีองคก์รในเชิงธุรกิจไดป้รับตวัไปมากแลว้เช่นการเกิดข้ึนของทีวใีน ระบบเคเบิลทีวี และระบบดาวเทียมอีกจา นวนมาก ที่พร้อมจะเป็นสถานีข่าว หากกฎหมาย การจัดสรรคลื่นความถี่ ชัดเจน ๖.๖ การน าเสนอประเด็น “ขายข่าว” ต่อกองบรรณาธิการ ในแต่ละสถานีโทรทศัน์ซ่ึงมีกองบรรณาธิการข่าวเป็นมาตรการ ในการคดัเลือก ข่าวแต่ละข่าวเพื่อออกอากาศน้นัจะตอ้งคดัเลือกข่าวที่มีความเหมาะสมที่สุด มีคุณค่าข่าวที่ ดีที่สุด ตามลกัษณะแห่งนิเทศศาสตร์อนัถือไดว้า่เป็นกระบวนการคดัสรร จดัสรรข่าว ในทางทฤษฎีสื่อสารมวลชน อาจะเรียกไดว้า่เป็นท้งัการกา หนดวาระข่าวสาร และเรียกได้ วา่เป็นผรู้ักษาประตูข่าวสาร คือดูวา่ข่าวใดมีความเหมาะสมที่เผยแพร่ออกไปสู่ประชาชน ในเวลาการนา เสนอที่มีอยอู่ยา่งจา กดัและข่าวใดที่ควรใหค้วามสา คญัมากหรือนอ้ย แตกต่างกนัไป การพิจารณาข่าวของกองบรรณาธิการไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถือเป็นท้งัศาสตร์แห่งการ บริหารจดัการข่าว และเป็นศิลปะในการดึงผชู้มใหช้มข่าวต้งัแต่ตน้จนจบ อยา่งมีความสุข เตม็อิ่มในอารมณ์ของผรู้ับชม ไม่ทา ใหผ้ชู้มรู้สึกอึดอดัต่อการนา เสนอ
72 ความจา เป็น และเหตุผลของการคดัเลือก และจดัสรรเรียงลา ดบัข่าวที่ออกอากาศ น้นัสามารถยกตวัอยา่งได้เช่น -ข่าวที่ผู้สื่อข่าวได้รับมอบหมายออกไปท าข่าวนั้นต้องมีประเด็นที่มาก และครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่จะท าได้ แต่ในการออกอากาศจริง มีเวลาให้ น าเสนอข่าวไม่มาก กองบรรณาธิการ จึงต้องคัดเลือกข่าวที่เหมาะสมที่สุด เพื่อ น าเสนอในเวลาข่าวที่มีจ ากัด -การเลือกน าเสนอข่าวใด หรือไม่น าเสนอข่าวใด มักมีเหตุผลทั้งทางนิเทศ ศาสตร์ จรรยาบรรณ และเหตุผลอื่นมาเกี่ยวข้อง แม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่นัก สื่อสารมวลชนยอมารับ แต่ก็มักเกิดขึ้น เช่นการแทรกแซงจากรัฐ หรืออ านาจจาก รัฐเป็ นต้น -ในเวลาที่น าเสนอข่าว ต้องแบ่งเป็ นช่วงเวลา เรียกกันว่าเป็ นเบรก คั่นด้วย โฆษณา ดังนั้น การจะเรียงล าดับข่าวให้ผู้ชม ติดตามข่าวที่น าเสนอให้จบทั้ง ๑ ช่วง ข่าว นั้นจึงเป็ นเรื่องยาก เพราะหากผู้ชมไม่สนใจติดตามข่าวที่ก าลังน าเสนอนั้น ก็ จะเปลี่ยนช่องไปได้ง่าย -การเลือกข่าวใดข่าวหนึ่งขึ้นน าเสนอก่อนหรือหลัง มีผลต่อความรู้ สึก ของผู้ชมว่าจะชมรายการข่าวนั้นต่อไปหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว หากข่าวแรก เป็ นข่าวที่มีความน่าสนใจ เป็ นที่สนใจของประชาชน เป็ นที่ติดตามอยู่แล้ว ก็มักจะ ท าให้ผู้ชมรอชมข่าวอื่น จนจบทั้งรายการได้ -ข่าวที่มีประเด็นน่าสนใจ เป็ นที่ติดตาม ไม่อาจจัดเรียงล าดับให้อยู่ใน เบรกเดียวกันทั้งหมด แต่มักจะถูกแยกเบรกไว้ เพื่อให้ผู้ติดตามได้ชมในแต่ละช่วง อย่างเต็มเนื้อหา แต่ทั้งนี้เนื้อหาของข่าวที่จัดไว้ อาจจะสอดคล้องหรือไม่เหมาะสม กันอย่างดี แต่ไม่ขัดแข้งกันโดยสิ้นเชิง เช่น ไม่จัดข่าวที่มีความตลก สนุกสนาน เพียงเพราะความบันเทิง ไว้ต่อจากข่าวที่มีความโศกเศร้ าสะเทือนใจ หรือน่าเวทนา เพราะท าให้ผู้ชมปรับอารมณ์ ไม่ทัน และผู้ประกาศข่าวไม่สามารถปรับบุคลิกใน การน าเสนอได้เหมาะสมเช่นกัน เป็ นต้น
73 ท้งัหมดน้ีเป็นเพียงตวัอยา่งส่วนหน่ึงที่แสดงให้เห็นวา่ถึงแมว้า่ข่าวที่ผสู้ื่อข่าว ภาคสนามไดล้งพ้ืนที่เก็บขอ้มูลมาอยา่งสมบูรณ์พร้อมแลว้แต่ไม่ใช่การนา เสนอจะเป็นไป ตามความตอ้งการของผสู้ื่อข่าวทุกประการ แต่ข้ึนอยกู่บัการพิจารณาของกองบรรณาธิการ ข่าวดว้ย และหลกัการในการพิจารณาข่าวของกองบรรณาธิการ ก็มีหลายเหตุผล หลาย ปัจจัย หลายสถานการณ์รองรับ และอาจเปลี่ยนแปลงไดต้ลอดเวลา เพราะประเด็นข่าวที่ดี ที่สุด จากการวางประเด็นในช่วงเชา้และมอบหมายใหน้กัข่าวภาคสนามออกไปทา ข่าว อาจจะกลายเป็นเพียงข่าวยอ่ย หรือข่าวที่ใหเ้วลาไดน้อ้ยมาก หรือไม่ไดอ้อกอากาศเลยใน เวลาเยน็เพราะมีประเด็นข่าวอื่นที่แรงกวา่ดีกวา่เหมาะสมกวา่อยใู่นความสนใจของ ประชาชนมากกวา่มากแทนที่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาของการน าเสนอข่าวของผู้สื่อข่าวภาคสนาม กลับไม่ได้อยู่ที่ การเรียงล าดับประเด็นข่าว หรือการจัดสรรประเด็นข่าว เพราะหน้าที่เหล่านี้เป็ นของกอง บรรณาธิการข่าวอยู่แล้ว แต่ปัญหาที่พบมากที่สุดของนักข่าวภาคสนาม คือไม่สามารถ สื่อสารประเด็นข่าว หรือน าเสนอประเด็นข่าวที่ได้มา ให้กองบรรณาธิการได้เข้าใจ ให้เห็น ความส าคัญ จนได้รับการจัดสรรเวลาที่เหมาะสมได้ การน าเสนอข่าวทผีู่้สื่อข่าวได้ข้อมูลมาต่อกองบรรณาธิการข่าว เรียกกนัว่า ขาย ข่าวซึ่งการขายข่าว หมายถึง การน าเสนอประเด็น ข้อมูล ความน่าสนใจทุกอย่างที่ ผู้สื่อข่าวได้มาจากการลงพนื้ที่ต่อหัวหน้า หรือกองบรรณาธิการ เพอื่ให้จัดสรรเวลาในการ ออกอากาศ ทเี่ป็นเช่นนี้เพราะผู้สื่อข่าวไม่ใช่เพยีง ลงพนื้ทไี่ปเกบ็ข้อมูลอย่างใด อย่างหนึ่ง จากสนามแล้วน ามาให้กองบรรณาธิการเขียนเอง ซึ่งเหมือนผู้รับและส่งสารเท่านั้น แต่ ผู้สื่อข่าวยงัต้องทา หน้าทกี่ลั่นกรอง เนือ้หาสาระ ทไี่ด้จากการเกบ็ข้อมูล จนเหลอืเฉพาะ สาระทดี่ีและเหมาะสมทสีุ่ด จากน้ันจึงจะน าเสนอ ต่อกองบรรณาธิการเพื่อโน้มน้าวให้กอง บรรณาธิการไว้ใจและจัดสรรเวลาให้ออกอากาศได้ ในกรณีน้ีเปรียบเทียบนกัข่าว เป็นคนที่ออกไปร่อนทองคา จากแหล่งร่อนทองที่มี ท้งักรวดทราย กอ้นหิน เมื่อไดเ้กร็ดทองคา ที่มีความเหมาะสม สวยงามแลว้หนา้ที่ต่อไป คือการนา เกร็ดทองคา ที่ไดไ้ปเสนอขายต่อผรู้ับซ้ือ เพื่อใหไ้ดร้าคาที่เหมาะสม ย้า วา่ ไม่ใช่ โก่งราคา แต่เพื่อใหไ้ดร้าคาที่เหมาะสม เช่นเดียวกบั ประเด็นข่าว ที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนามตอ้ง สื่อสารใหก้องบรรณาธิการเห็นความเหมาะสม และสมบูรณ์ของข่าว ตรงตามความเป็น จริงไม่เกินเลยไปจากความจริงและไม่ดอ้ยไปกวา่ความพยายามที่หาข่าวน้นัมา
74 ๖.๗ เทคนิคการขายข่าว ข่าวโทรทศัน์ที่ผสู้ื่อข่าวลงสนามไปทา ข่าวน้นัส่วนหน่ึงเป็นการเก็บขอ้มูล และ ส่วนหน่ึงเป็นการเก็บภาพข่าว ดงัน้นัการนา เสนอภาพข่าว จึงตอ้งคา นึงถึงท้งัภาพ และ เน้ือหา เพราะหากขาดส่วนใดส่วนหน่ึงที่เหมาะสมไปน้นัต่อใหไ้ดเ้วลาเพื่อนา เสนอข่าว มากนอ้ยเพียงใด ก็ไม่มีประโยชน์ต่อการนา เสนอข่าวน้นัสิ่งที่ผสู้ื่อข่าวจะตอ้งคา นึงเมื่อ ตอ้งนา เสนอข่าว หรือขายข่าวจึงอาจเรียงลา ดบัดงัน้ี -สรุปหรือทา ความเขา้ใจภาพรวมของข่าวท้งัหมด วา่มีจุดเริ่มตน้อยา่งไร บทสรุป อยา่งไร โดยมีแนวคิดใกลเ้คียงกบัการเล่านิทาน หรือเล่าเรื่องส้ัน ที่มีจุดเริ่มตน้จุดเปลี่ยน ไฮไลทข์องเรื่องและจุดจบ ซ่ึงจุดจบน้นัอาจไม่ใช่จบเรื่องแต่หมายถึงจุดจบ ของประเด็น -เมื่อทา ความเขา้ใจในประเด็น จนมนั่ใจไดว้า่ขอ้มูลที่จะนา เสนอไม่ ผดิเพ้ียน ไม่ขาดตก ไม่เกินเลย ใหเ้ริ่มตน้พิจารณาสุดเด่นที่จะนา เสนอข่าวน้นัวา่มีอะไร โดดเด่นที่สุด ซ่ึงมีทางเลือกหลายทางในการขายข่าวไดแ้ก่ -ขายภาพ หากข่าวน้นัมีภาพที่สมบูรณ์สนุก ตื่นเตน้เร้าใจเศร้าใจ สะเทือนใจ เป็นภาพที่หาดูไดย้าก เป็นภาพที่ไดเ้จาะลึกมาช่องเดียว เป็นตน้ ใหน้า ข่าว หรือนา เสนอ ข่าว ดว้ยการใชจุ้ดเด่นเรื่องภาพเป็นที่ต้งัหรือเป็นธงนา เพราะในที่สุดแลว้การเสนอข่าว โทรทศัน์ภาพจะมีอิทธิพลต่อคนดูมากที่สุด เช่น “ข่าวนั้น เป็ นข่าวไฟไหม้ อาคารพาณิชย์ ๒ ชั้น ซึ่งนักข่าวโทรทัศน์ไปกันทุกช่อง และเป็ นไฟไหม้ที่ไม่มีปริศนาใดๆ ไม่ใช่การเผาเพื่อเอาประกันภัย ไม่ใช่การฆ่าตัว ตาย ไม่ใช่การก่อวินาศกรรม แต่เกิดจากไฟฟ้ ารัดวงจร แต่บังเอิญ ช่างภาพได้ภาพ ที่คนภายในอาคาร ยืนอยู่ที่ระเบียบ และจากนั้นก็กระโดดจากระเบียงชั้นสอง ลง มาชั้นล่าง เพื่อหนีเอาตัวรอดจากไฟไหม้ ซึ่งภาพบันทึกเหตุการณ์นั้นไว้ได้” ข่าวน้ีวา่ดว้ยประเด็นแลว้ ไม่มีความแตกต่าง หรือน่าสนใจในเชิงประเด็นมากนกั เพราะไฟไหม้ตึก ๒ช้นัเป็นสิ่งที่เกิดข้ึนบ่อย และสาเหตุมาจากอุบตัิเหตุซ่ึงหากนา เสนอ ข่าวก็ได้แต่ไม่มีจุดโดดเด่นที่จะดึงดูดคนดูแต่เมื่อนา เสนอดว้ยภาพชีวิต ภาพที่คนกระโดด ตึกเอาชีวิตรอดเช่นน้ียอ่มสะทอ้นถึงเหตุการณ์เพลิงไหมไ้ดด้ีและกลายเป็นข่าวที่มี ผู้ติดตามชมในทนัทีจากภาพที่บนัทึกไดน้ ้นั
75 ภาพข่าวที่จะนา มาขายเพื่อนา เสนอ ไม่จา เป็นตอ้งเป็นภาพระทึก ตื่นเตน้ โหดร้าย เสมอไป แต่อาจเป็นภาพความน่ารักร่าเริง สวยงาม หรือสะเทือนใจ หรือสื่อถึงนยั ยะอยา่งใดอยา่งหน่ึงของข่าวได้เช่น “เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารเรียนโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกลุ่ม ก่อความไม่สงบเป็ นผู้เผาโรงเรียนพร้ อมกันทั้งหมด ๖ โรง เหตุการณ์เกิดขึ้นตอน กลางคืน ทีมข่าวไปถ่ายภาพในตอนเช้า ซึ่งไฟสงบไปแล้ว เหลือเพียงเถ้าถ่าน ของ ซากอาคารเรียน ห้องสมุด และหนังสือที่ถูกไฟเผาไปครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งที่เหลือยัง พอมีสภาพเป็ นหนังสือ แต่คงไม่สามารถใช้เรียนได้ ช่างภาพบันทึกภาพเด็กนักเรียน ชาวอิสลาม ทั้งชายและหญิง ช่วยกันเก็บ หนังสือและอุปกรณ์การเรียน จากที่ถูกเพลิงไหม้ไปยังห้องเก็บของ และช่วยกันท า ความสะอาดเพื่อจะน าไปใช้เรียนอีกครั้ง” กรณีเช่นน้ีไม่มีภาพข่าวรุนแรง ไม่มีภาพไฟไหม้ไม่มีคนกระโดดตึก แต่เฉพาะ ภาพที่มีเมื่อบวกกบั ประเด็น หรือนยัยะทางสังคมแลว้กลบักลายเป็นภาพที่มีคุณค่าข้ึนมา ทนัทีและอาจจะมีคุณค่ามากกวา่ภาพข่าวรุนแรงดว้ยซ้า ท้งัน้ีการวางเพลิงเกิดจากฝีมือ กลุ่มก่อความไม่สงบ ที่ตอ้งการสร้างสถานการณ์และการสร้างสถานการณ์ด้วยการเผา โรงเรียน ก็ทา ใหเ้ด็กนกัเรียนไดร้ับความเดือดร้อน ซ่ึงนกัเรียนไม่มีส่วนเกี่ยวขอ้งกบั ปัญหา ขดัแยง้ใดๆ แต่กลบัเป็นผไู้ดร้ับผลกระทบน้นัเพราะทา ใหไ้ม่ไดเ้รียนหนงัสือ -ขายประเด็น ข่าวบางเหตุการณ์บางสถานการณ์อาจไม่ใช่ข่าวที่มีภาพสมบูรณ์ หรือไดภ้าพที่มีคุณภาพตรงตามที่ทีมข่าวตอ้งการ แต่อาจเป็นข่าวที่มีภาพธรรมดา หากแต่ เน้ือหาข่าว ประเด็นข่าวน้นัมีความเหมาะสมในการนา เสนอข่าวมากกวา่รวมท้งับาง เหตุการณ์อาจจะไดภ้าพที่ครบถว้นตามการนา เสนอข่าว แต่โดยจรรยาบรรณ ของข่าว ก็ไม่ อาจนา ภาพน้นัมาเสนอได้แต่ประเด็นของเหตุการณ์มากกวา่ที่เหมาะสมจะถูกนา เสนอ ผสู้ื่อข่าวจึงควรนา เสนอ หรือขายขายประเด็นข่าวแบบน้ีต่อกองบรรณาธิการได้เช่น “กรณีชายวัย ๔๖ ปี ผูกคอตายในกระท่อมกลางทุ่งนา เพราะเครียดที่เป็ น หนี้สินในการท านาจ านวนมาก อีกทั้งนาข้าวที่กู้ยืมเงินมาปลูกข้าวแปลงล่าสุด ก็ ประสบภัยแล้ง จนต้นข้าวแห้งตาย เสียหายทั้งหมด โดยข้างศพที่เขาถูกคอตายนั้น มีโพย หรือรายการหนี้สิน รวมถึงใบแจ้งหนี้มาถึง ซึ่งคาดว่าเขาหยิบมาอ่านแล้ว เครียด ก่อนผูกคอตาย”
76 กรณีเช่นน้ีแมว้า่จะมีภาพผตู้าย ในสภาพที่ผกูคอตายอยู่แต่โดยจรรยาบรรณของ สื่อมวลชน และความเหมาะสม ควรหลีกเลี่ยงการนา เสนอภาพของคนตายในสภาพเช่นน้นั เพราะถือเป็นการไม่ใหเ้กียรติคนตาย และเป็นการประจานคนตายในมุมมองที่ไม่ เหมาะสม ไม่ต่างจากการนา เสนอภาพคนเจบ็ ในสภาพที่สร้างความเวทนาใหผ้ชู้ม เมื่อตอ้งหลีกเลี่ยงภาพน้ีแลว้ สิ่งที่ผสู้ื่อข่าวควรนา เสนอมากกวา่คือประเด็นที่เขา ตอ้งตาย คือการเป็นหน้ีสิน และปัญหาภยัแลง้ที่ทา ให้นาขา้วแหง้ตายจนไม่มีขา้วจะขาย เพื่อใชห้น้ีกลายเป็นโศกนาฏกรรม ที่ไม่ใช่เฉพาะตวัผตู้ายเท่าน้นัตอ้งรับผดิชอบ แต่ สะทอ้นถึงหน่วยงานรัฐในการดูกลประชาชน ที่ประสบกบัภยัธรรมชาติ อยา่งไรก็ตาม ท้งัสองส่วนน้ีเป็นเพียงรูปแบบ และเทคนิคคร่าวๆ ในการเลือก นา เสนอ ขายข่าว และผสู้ื่อข่าวไม่ควรยดึเป็นสูตรสา เร็จ หรือสูตรตายตวัเพราะประเด็น ข่าวแต่ละคร้ังมีความแตกต่างกนัท้งัหมด ในบางกรณีอาจนา เสนอดว้ยเสียงซ่ึงบนัทึกภาพไวด้ว้ยซ้า หากเสียงน้นัสะทอ้นนยั ยะของประเด็นเช่น เสียงการเรียกรับสินบนของตา รวจ หรือเจา้หนา้ที่ของรัฐ แลกกบัการ ละเวน้การเอาผดิหรือการไม่ทา ตามกฎหมาย เป็นตน้ดงัน้นักลวธิีในการนา เสนอ ก็ แตกต่างกนัไปได้ สิ่งสา คญัที่จะทา ใหผ้ สู้ื่อข่าวภาคสนาม รู้วา่จะใชก้ลวธิีอะไรในการนา เสนอข่าวต่อ กองบรรณาธิการ คือความรู้ความเขา้ใจต่อประเด็นข่าว และภาพรวมของกระบวนการ สื่อสารข่าว ซ่ึงจะทา ใหป้รับวิธีการนา เสนอหรือขายข่าว ตามความเหมาะสมได้ ตัวอย่างปัญหาการขายข่าว ๑.ผ้สูื่อข่าวไม่เข้าใจประเด็นข่าวทนี่ าเสนอเมื่อถูกซักถามไม่สามารถอธิบายได้ ๒.ผ้สูื่อข่าวไม่เข้าใจจุดเด่น หรือจุดขายของข่าว ทา ให้เสนอมาแล้วไม่มีจุดทนี่่าสนใจ ๓.ผ้สูื่อข่าวเรียบเรียงประเด็นไม่เป็น ทา ให้ประเด็นซับซ้อน สับสน ๔.ผ้สูื่อข่าวน าเสนอแบบ เล่าเรื่องเรื่อยเปื่อย หาประเด็นสาระข่าวไม่ได้ ๕.ผ้สูื่อข่าวไม่ได้ตรวจสอบประเด็นอย่างรอบด้าน ทา ให้ได้ข้อมูลมาเพยีงบางส่วน จนไม่สามารถน า ออกอากาศได้
๗ การคิดประเด็น รายงานพิเศษ และข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน ๗.๑ รายงานพิเศษ มีความเขา้ใจในกลุ่มคนชมข่าวโทรทศัน์หรือแมแ้ต่ผทู้า งานในวงการข่าว โทรทัศน์เองด้วยวา่ข่าวที่ผลิตดว้ยการลงเสียง หรือบนัทึกเสียงของผสู้ื่อข่าวลงในข่าว และ ไม่ใช่ผปู้ระกาศข่าวเป็นคนอ่านข่าวน้นัๆ วา่เป็นรายงานพิเศษ หรือ สก๊ปูข่าว ซ่ึงในความ เป็ นจริงแล้ว ข่าวที่เป็นรายงานพิเศษ แตกต่างอยา่งมากกบัข่าวลงเสียงทวั่ ไป ในเชิงเน้ือหา เพียงแต่มีความเหมือนในกระบวนการผลิตเท่าน้นั ข่าวลงเสียง หมายถึง ข่าวทวั่ ไป ที่ผลิตดว้ยการนา มาลงเสียงโดยผสู้ื่อข่าว เช่น อาจเป็นข่าวรวมประเด็นสถานการณ์น้า ท่วม ภัยแล้ง ภัยหนาว หรือบรรยากาศ เทศกาลสงกรานต์ หรือแมแ้ต่ข่าวที่เกิดข้ึนในต่างประเทศ เมื่อนา มาผลิตดว้ยการลงเสียง ของผสู้ื่อข่าวจึงเรียกวา่เป็นข่าวลงเสียง รายงานพิเศษ หมายถึง ข่าวที่มีเน้ือหาพิเศษมากกวา่ข่าวอ่านหรือข่าวลง เสียง ทวั่ ไป ในเชิงความลึก ความกวา้ง ของขอ้มูล และมกัใชเ้วลาในการนา เสนอมากกวา่ ข่าวอ่านทวั่ ไป เพราะมีเน้ือหาที่สลบัซบัซอ้นที่ตอ้งอธิบายใหเ้ขา้ใจ ซ่ึงข่าวรายงานพิเศษ อาจเรียกอีกชื่อหน่ึงวา่สก๊ปู (Scoop) ข่าวลงเสียง และรายงานพิเศษ จึงเรียกได้ว่ามีความเหมือนในกระบวนการผลิต แต่ แตกต่างกันในเชิงเนื้อหา ดังนั้น หลักการคิดประเด็นเพื่อผลิตข่าวที่เป็ นรายงานพิเศษ หรือสกู๊ป จึงแตกต่างจากข่าวลงเสียงทวั่ไป ๗.๒ ข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน ปรัชญา หรือเป้าหมาย ของการนา เสนอข่าวแบบรายงานพิเศษ คือต้องการถึง ข้อมูลเชิงลึกของข่าว ในประเด็นที่ไม่ปรากฏในสาธารณะทวั่ ไป หรือไม่ปรากฏไดง้่ายต่อ
78 สาธารณชน ถือเป็นมุมมองที่แสดงถึงศกัยภาพของผสู้ื่อข่าวและองคก์รข่าวที่สนบัสนุนให้ ผสู้ื่อข่าวนา เสนอมุมมองใหม่ขอ้มูลใหม่ที่ดีที่สุด ต่อผชู้ม หรือผรู้ับข่าวสารทวั่ ไป รายงานพิเศษ มีวิธีคิด และหลกัการนา เสนอเหมือนกบัการรายงานข่าวเชิงสืบสวน สอบสวน ซ่ึงถือเป็นการรายงานข่าวช้นัสูง ที่ไดร้ับการยอมรับสูงสุดในวงการสื่อโทรทศัน์ เพราะถือเป็นท้งภาระ หน้าที่ ที่สังคมคาดหวัง ัวา่ สื่อมวลชนทุกสาขา จะท าหน้าที่สืบสวน สอบสวนหาประเด็นที่ไม่โปร่งใส ไม่ยตุิธรรม และเอาเปรียบต่อสังคม มาเผยแพร่ต่อสังคม จนการมอบหมายภาระหนา้ที่น้ีไดร้ับอภิสิทธ์ิทางชนช้นัจึงเรียกสื่อมวลชนวา่ฐานนัดรสี่ ๗.๓ ความหมายของข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน นกัวชิาการดา้นนิเทศศาสตร์ส่วนใหญ่เห็นวา่การรายงานข่าวเชิงสืบสวน หมายถึง การเปิดโปงบางสิ่ง ที่มีใครบางคนพยายามเก็บไวเ้ป็นความลบัสุดยอด (Uncovering something somebody wants to keep a secret) โดยมีองคป์ระกอบพ้ืนฐาน ๓ ประการ คือ ๑.การสืบสวนสอบสวนน้นักระทา โดยตวัผสู้ื่อข่าวเอง มิใช่การนา เอาผลงานการ สืบสวน สอบสวนของผู้อื่นมารายงาน ๒. ประเด็นหรือเรื่องราวมีความเกี่ยวขอ้งกบัผอู้ื่น หรือผทู้ี่ไดพ้บเห็น ๓.โดยที่ประเด็นหรือเรื่องราวเหล่าน้นัมีผอู้ื่น พยายามที่จะปกปิดซ่อนเร้นมิใหใ้คร ไดล้่วงรู้ สมหมาย ปาริจฉัตต์ ซึ่งเป็ น นกัข่าวที่ไดร้ับการยอมรับถึง ความสามารถในการรายงานข่าวเชิง สืบสวนสอบสวน ได้เขียนถึง ความหมายของการรายงานข่าวเชิง สืบสวนวา่ข่าวเจาะคือ ข่าวที่ไดม้าดว้ย การสืบคน้ขดุเจาะเรื่องราวออกมาตีแผ่ อยา่งต่อเนื่อง จนกระทงั่พบขอ้เทจ็จริง ที่ถูกตอ้งตามเหตุการณ์น้นัทุกประการ แมคโคกัล ดี.เกอร์ ตีส (MacDougall D. Curtis 1982 ) ซึ่งเป็ นนักหนังสือพิมพ์ ที่มีชื่อเสียงคน หนึ่งของโลก กล่าวในหนังสือ ที่ได้รับการ ยอมรับอย่างแพร่ หลายตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๕ (ค.ศ.๑๙๓๒ ) ชื่อ “Interpretative Reporting” เกี่ยวกับ “Investigative Reporting” ว่า การ รายงานข่าวใดก็ตาม ล้วนเป็ นการสืบสวนเพราะ ผู้สื่อข่าวได้ท าหน้าที่รวบรวม แสวงหาข่าว และ มุ่งมั่นหาข้อเท็จจริงมาน าเสนอ
79 การรายงานข่าวเชิงสืบสวน จึงหมายถึง การรายงานข่าวในลักษณะเจาะลึก เกาะติด มีการสืบค้นข้อมูลท้ังด้านกว้าง และลกึออกมาตีแผ่อย่างต่อเนื่อง ทา ให้ข้อเท็จจริง และข้อมูลลกึทอี่ยู่เบือ้งหลงัเหตุการณ์ เป็ นที่ปรากฏต่อสาธารณะและน าไปสู่การ เปลี่ยนแปลงทางใดทางหนึ่ง ฮิวโก้ เดอ เบอร์ จ (Hugo De Burgh ๒๗๗๙:๙ ) กล่าวไว้ในหนังสือ Investigative Journalism Context and Practice ว่า นักข่าวเชิงสืบสวนนั้น หมายถึงผู้ที่มีอาชีพในการค้นหาความจริงและ แยกแยะประเด็นต่างๆ ออกมาในขอบเขตเท่าที่สื่อจะท าได้การรายข่าวเชิงสืบสวนนั้น มีข้อแตกต่าง ที่ชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับการท างานของต ารวจ ทหาร ทนาย และผู้มีหน้าที่ตรวจสอบ ตลอดจน องค์กรที่มีบทบาทเหล่านี้ ในแง่ที่การรายงานข่าวเชิงสืบสวนไม่ได้มีกลุ่มเป้ าหมายที่จ าเพาะ และ ไม่ได้ยึดเอาหลักกฎหมายหรือกฎระเบียบเป็ นที่ตั้ง เหมือนกลไกเหล่านั้น และที่ส าคัญการรายงาน ข่าวเชิงสืบสวนเป็ นการท างานในเชิงการสื่อสารกับสาธารณะ ๗.๔ ลักษณะรายงานข่าวเชิงสืบสวน ข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน แตกต่างจากการทา ข่าวแบบอื่นๆ โดยเฉพาะแตกต่าง จากการรายงานแบบไขข่าว หรืออธิบายข่าวตรงที่วา่สิ่งแวดลอ้มไม่เหมือนกนัการรายงาน ข่าวแบบอื่น ข้อเท็จจริงที่น ามาเขียน เป็นสิ่งที่ปรากฎใหเ้ห็น นกัข่าวเห็นอยา่งไรก็เขียนไป ตามน้นัหรือที่เรียกกนัวา่เขียนข่าวตามเน้ือผา้ (Straight-forward News Reporting)แต่การ รายงานข่าวเชิงสืบสวนน้นัขอ้เท็จจริงมิไดป้รากฎให้เห็นเด่นชดัและมิอาจหยิบยกมา โดยง่าย ตรงกนัขา้มขอ้เทจ็จริงนนั่ซ่อนอยู่ (hidden fact) ผู้ที่ท าหน้าที่รายงานจะต้องขุดค้น ข้ึนมาเอง การกล่าวถึงรายงานข่าวเชิงสืบสวน จึงมกัจะเป็นการเนน้ถึงวธิีการรวบรวม ขอ้มูลขอ้เท็จจริงวา่ ไดม้าโดยการดา เนินการอยา่งไรบา้ง ลกัษณะของข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน ซึ่งเป็ นลักษณะที่ใช้เป็ นแนวทางในการท า รายงานพิเศษ หรือสก๊ปูข่าวจึงควรมีลกัษณะ หรือองคป์ระกอบดงัน้ี
80 ๑. มีความลึก ที่ผสู้ื่อข่าวลงไปสัมผสัขอ้เทจ็จริง ที่เกิดข้ึนจริง ๆไม่ใช่เพียง แค่ไดข้่าวมาจากการบอกเล่าเท่าน้นัแต่เป็ นข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการขุดเจาะ สืบคน้จนมีพยานหลกัฐานพิสูจน์ไดว้า่เรื่องที่จะนา เสนอน้นัเป็นเรื่องจริง ๒. มีความกว้าง คือมีรายละเอียดของบุคคล องคก์ร มากกวา่ข่าวปกติเป็น ข่าวที่คนส่วนใหญ่สนใจติดตาม ๓. มีความซบัซอ้น มีประเด็นหรือแง่มุมของข่าวหลายประเด็น และอาจเพิ่ม ความซับซ้อนของประเด็นใหม่เกิดข้ึนตลอดเวลา ๔. มีความแรง หรือพลงัมากกวา่ข่าวปกติเอาจริงเอาจงัหนกัแน่น น่าเชื่อถือ ผลกระทบของข่าวเป็นวงกวา้งไม่เฉพาะเพียง 1 หรือ 2คนเท่าน้นั ๕. มีความต่อเนื่องในการติดตาม และนา เสนอติดต่อกนัเป็นเวลานาน ดงัที่ เรียกกนัวา่ “กดัไม่ปล่อย” ความส าเร็จของการรายงานข่าวลกัษณะน้ีข้ึนอยกู่บั ความต่อเนื่องเช่นเดียวกนั ๖. ควรเป็นข่าวเดี่ยว หรือข่าว เอก็ซ์คลูซีพ (Exclusive) หรือสก๊ปู (scoop) ที่ ไดม้านา เสนอก่อนใคร ๗. มีลักษณะเปิ ดโปง ขุดคุ้ยหาข้อเท็จจริง มีหลักฐานเอกสารยืนยันได้ชัดเจน สะทอ้นการต่อสู้เพื่อความถูกตอ้ง เป็นธรรม ไม่จา นนต่อการบิดเบือนปิดบงัอา พราง ข้อเท็จจริง ๘. หาขอ้ยตุิได้หลงัขอ้ยตุิทา ใหเ้กิดการเปลี่ยนแปลง เช่นมีการสอบสวน ดา เนินการเอาผดิขอ้บงัคบัยอ่หยอ่นไดร้ับการปรับปรุง ทา ใหเ้กิดความ โปร่งใส่ในเรื่องน้นั ในที่สุด
81 แคแปลน (Kaplan,David.) อดีตบรรณาธิการข่าว และบรรณาธิการบริหารของ Center for Investigative Reporting ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา เคยกล่าวระหว่างสัมมนาผู้สื่อข่าว เรื่อง เทคนิคการรายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน เมื่อ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๓๗ ที่โรงแรมดุสิตรีสอร์ ท ชะอ า ได้ระบุค าส าคัญ ที่บอกถึงลักษณะ ๑๒ ประเภท ของการรายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนไว้ (สมหมาย ปาริจฉัตต์ , ข่าวเจาะเจาะข่าว , ๒๕๓๗:๗๙) ๑. สืบสวนและวิเคราะห์อย่างเป็ นระบบ เปรียบเทียบกับการวินิจฉัยโรคของแพทย์ ๒. ค้นคว้าและรายงานข่าวอย่างเจาะลึกที่ใช้เวลายาวนาน อาจเป็ นสัปดาห์ เดือน ปี ๓. ขุดคุ้ยอย่างมุ่งมั่น ไม่ลดละ ๔. ค้นคว้าจากเอกสาร รบันทึกที่เป็ นข้อมูลสาธารณะ และการแกะรอยเอกสาร ๕. สัมภาษณ์แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง ๖. ใช้เป็ นเครื่องมือและกลวิธีสืบสวน เหมือนที่นักสืบหรืออัยการใช้ ๗. ท าหน้าที่เป็ นที่พึ่งเพื่อความยุติธรรม เป็ นปากเสียงให้กับผู้ไร้สิทธิ์ไร้เสียงในสังคม ที่อาจถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็ นธรรม ๘. น าข้อมูลที่กระจัดกระจายมาปะติดปะต่อเป็ นเรื่องราว ๙. ท าข่าวที่สื่อมวลชนอื่นไม่ได้น าเสนอ ๑๐. เปิ ดโปงข้อมูลที่มีผู้ต้องการปิ ดเป็ นความลับ ๑๑. รายงานข่าวเปิ ดโปง การกรุยทางเพื่อให้ข้อมูลใหม่แก่สาธารณะ และเสริมการ อภิปรายสาธารณะอย่างส าคัญ ๑๒. แสดงพลังของการเป็ นยามระวังภัย ท าหน้าที่ตรวจสอบติดตาม โดยพุ่งเป้ าไปที่ ความรับผิดชอบของบุคคล และสถาบันที่มีอ านาจหน้าที่ ปกป้ องประชาชนจาก การใช้อ านาจอย่างผิดๆของผู้มีอ านาจ ๗.๕ เทคนิคการท าข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน เทคนิควธิีการทา ข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน สามารถนา มาประยกุตใ์ชก้บัการผลิต รายงานพิเศษ หรือสก๊ปูข่าว ดว้ยวธิีการที่เหมือนกนั คือเมื่อไดป้ระเด็นข่าว ขอ้ สงสัยใน ประเด็นข่าว หรือตอ้งการเริ่มตน้ ในการคิดประเด็น สิ่งที่ควรทา เป็นข้นัตอน คือ ๑. การฝึกมุมมอง สายตานักข่าวแนวคิดนักวิทยาศาสตร์ สิ่งแรกที่จะเกิดข้ึนเป็ นอนัดบัแรกในทุกข่าวน้นัก็คือ“มุมมอง” ซึ่งเกิดจากการที่
82 นกัข่าวคนใดคนหน่ึงไปไดเ้บาะแสของข่าวน้นัมา และมองเห็นความ สา คญักบัความ น่าสนใจ มากนอ้ยเพียงไร หากมองเห็นยอ่มนา ไปสู่การติดตาม แสวงหา ผลกัดนัต่อมา จนถึงที่สุด ทา ใหเ้กิดการเปลี่ยนแปลงอยา่งใดอยา่งหน่ึง หรือใครก็ตามที่ในกองบรรณาธิการ มองเห็นความสา คญัของข่าว เกิด ความสงสัยวา่น่าจะมีอะไรซ่อนอยเู่บ้ืองหลงัหรือยงัถูกเปิดเผยออกมาไม่หมด และสามรถคาดผลคะเนที่จะเกิดข้ึนไดใ้นข้นัตอนสุดทา้ยของข่าวไดว้า่เรื่องน้นั ความเป็นจริงน่าจะเป็นอยา่งไร ควรจะจบลงอยา่งไร ไม่น่าเป็นเพียงแค่ข่าวเล็กๆ หรือมีขอ้มูลเพียงเท่าที่ไดไ้ดม้าขณะน้ีเท่าน้นั การฝึกมีมุมมอง และสายตาแบบนกัข่าว คือการฝึกต้งัขอ้สงสัย ฝึกต้งั ขอ้สังเกต โดยไม่มีขอบเขต ไม่มีขีดจา กดัเป็นการคิดแบบนอกกรอบ คิดแบบนอก เหตุผล ต้งัแต่เรื่องที่มีเหตุผลเล็กนอ้ย ไปจนถึงเรื่องที่แทไ้ม่มีเหตุผลเลย ที่ต้องฝึ ก คิดเช่นน้ีเพราะในความเป็นจริงแลว้ข่าวหรือเหตุการณ์ที่เป็นการปกปิด ปิดบงั ซ่อนเร้น จะถูกเหตุผลเหล่าน้นัอา พรางซ่อนไว้หากมองทะลุไปจากน้นัก็อาจจะทา ใหเ้ห็นสิ่งที่เกิดข้ึนวา่มีอยจู่ริง ส่วนการคิดแบบนกัวทิยาศาสตร์นนั่คือเมื่อมีขอ้ สงสัย มีขอ้สังเกต มีสิ่งที่ เราคิดวา่เป็นประเด็นที่เราตอ้งการจะหาคา ตอบแลว้จึงเริ่มคิดหาเหตุผล โดยเริ่ม ตดัประเด็นขอ้งสงสัย ปัจจยัที่คิดวา่เป็นไปไม่ไดอ้อกไป โดยก่อนการตดัแต่ละ ประเด็นใดๆ น้นัตอ้งมีเหตุผล หรือขอ้มูลที่ไดม้า รองรับไวด้ว้ย การตดัในแต่ละ ประเด็นที่ไม่เกี่ยวขอ้ง หรือการจดัลา ดบัสิ่งที่น่าจะเป็นไปไดม้ากที่สุดไปหานอ้ย ที่สุด มีรูปแบบเหมือนกบัการทา งานดา้นวทิยาศาสตร์ที่ตดัตวัแปรที่เกี่ยวขอ้งนอ้ย ที่สุดออกไป จะเหลือแต่เพียงสิ่งที่เชื่อวา่เกี่ยวขอ้งมากที่สุดในน้นั ๒. วางแผนดี ท างานสะดวก ข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน ถือเป็นท้งัศิลป์และศาสตร์การทา ข่าวช้นัสูง ใช้ ทุกกระบวนเทคนิควชิาชีพ เพื่อรายงานข่าวน้ีเพราะจะเป็นข่าวที่มีผลต่อการ เปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีข้ึน ตามเจตนารมณ์ของสื่อมวลชน ดงัน้นัการจะ ทา ข่าวสืบสวนสอบสวนไดด้ีตอ้งวางแผนการทา งานอยา่งรัดกุม
83 ข่าวเชิงสืบสวนที่น่าสนใจ และประสบผลสา เร็จก่อใหเ้กิดผล จนมีการ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในเรื่องน้นัลว้นผา่นการวางแผนที่ดีเป็นข้นัเป็นตอน ข่าว เชิงสืบสวนประเภทใดก็ตาม มีโอกาสพฒันาเป็นข่าวสืบสวนที่สมบูรณ์ไดท้ ้งัสิ้น เหตุผลที่ต้องวางแผน เพราะในอดีตการไหลเวยีนของข่าวสาร มีนอ้ยกวา่ ปัจจุบนั ไม่สลบัซบัซอ้น และเกี่ยวขอ้งกบับุคคลในวงกวา้งมากเหมือนขณะน้ีแต่ขณะน้ีสภาพ สังคมเปิดกวา้ง เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารรวดเร็ว การแข่งขนัเสรีมากข้ึนนนั่เอง การ ติดตามข่าวก็เช่นกนัแต่ก่อนสามารถทา โดยคน คนเดียวต้งัแต่เริ่มจนจบ แต่ผลจากความ เปลี่ยนแปลงดงักล่าว ทา ใหก้ารติดตามข่าวที่กระจดักระจาย กวา้งขวางออกไปหลายแง่ หลายมุม จึงตอ้งทา ร่วมกนัหลายคนหลายฝ่าย ทา เป็นทีมงานโดยปริยาย ดงัน้นัการวางแผน ประสานงานอยา่งเป็นระบบ อนัเป็นการเริ่มตน้ของขบวนการบริหารข่าวจึงเป็นสิ่งจา เป็ น โดยการวางแผนอาจแบ่งไดเ้ป็น ๓ ช่วงไดแ้ก่ ช่วงที่ ๑ แผนการเกบ็ข้อมูล ขอ้มูลและรายละเอียดที่กวา้ง ลึก และละเอียด ทา ใหผ้ สู้ื่อข่าวควรเริ่มวาง แผนการเก็บขอ้มูลจากประเด็นที่ไดแ้ละตอ้งการนา เสนอโดยเริ่มจาก ๑. ลงไปศึกษาหาความรู้เกี่ยวกบั ประเด็นน้นัๆ บางประเด็นอาจต้องหา หนงัสือเป็นคู่มือเนื่องจากตอ้งมีความรอบคอบชดัเจน ๒. แสวงหาแหล่งข่าวแหล่งขอ้มูลที่เกี่ยวขอ้งกบัเรื่องน้นัๆอยา่งรอบดา้น ๓. แหล่งขอ้มูลบางแห่งที่ปกปิด แต่อยภู่ายใต้กฎหมาย สามารถใชส้ิทธ์ิ ตาม พ.ร.บ ขอ้มูลข่าวสารเพื่อหาขอ้มูลน้นัๆได้ ๔. บางกรณีอาจใชค้วามสนิทสนมส่วนตวักบับุคคลในการขอเอกสารที่ เป็ นความลับ ๕. เมื่อได้เอกสาร หลักฐาน ตามประเด็นข่าวแล้ว ต้อง ตรวจสอบข่าวทุก ดา้นก่อนนา เสนอ ช่วงที่ ๒ แผนการระหว่างผลิต
84 การวางแผนข่าวแต่ละข่าว นอกจาก “แง่มุม” ประเด็นของข่าว ซ่ึงตอ้ง ติดตามหาขอ้เท็จจริงแลว้ธรรมชาติของข่าว มีความเป็นไปไดท้ ้งัข่าวที่มีความ คืบหนา้ชา้และคืบหนา้อยา่งรวดเร็ว โดยเฉพาะปมเงื่อนไขต่างๆ ที่จะถูกคลี่คลาย หากวางแผนไม่ทนัก็อาจพลาด หรือน าเสนอไม่ทนัต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป รวดเร็ว แนวทางหนึ่ง ระหวา่งการผลิตน้นัตอ้ง ต้องวางแผนคน หรือกา หนด บุคคลที่รับผดิชอบ มีคุณสมบตัิเหมาะสมที่จะติดตามขุดคุย้ขอเทจ็จริงในเรื่องน้นั ไดอ้ยา่งทนัท่วงทีทุกแง่ทุกมุม ในข้นัตอนน้ีตอ้งอาศยัผสู้ื่อข่าวที่มีความเชี่ยวชาญ ช านาญการพิเศษ เป็ น ผรู้อบรู้ในเรื่องน้นัมีแหล่งข่าวกวา้งขวาง ไดร้ับการเชื่อถือไวว้างใจจากแหล่งข่าว สามารถแยกประเด็นหลกัและประเด็นของข่าวที่จะตอ้งติดตามไดต้ามลา ดบั ความส าคัญ จึงมีผลสูงต่อความสา เร็จ ฉะน้นันกัข่าวอาวโุส ซ่ึงรู้ช่องทาง รู้จกั บุคคลในวงการต่างๆที่ตกเป็นข่าว และทราบขอ้มูลเกี่ยวกบัเรื่องน้นัดีจึงเป็นคนที่ ต้องถูกน ามาใช้ตามแผนงาน ช่วงที่ ๓ แผนการน าเสนอ ถึงแมส้ก๊ปูข่าว หรือรายงานพิเศษจะถูกนา เสนอในสถานีข่าว หรือรายการ ข่าวเดียวกนัแต่การนา เสนอรายงานเชิงสืบสวนสอบสวน หรือรายงานพิเศษ มักจะถูกออกแบบใหม้ีการนา เสนอในรูปแบบที่พิเศษกวา่ เพื่อแสดงให้ผู้ชมเห็น ความสา คญัของประเด็นที่จะนา เสนอ ใหเ้ห็นความต้งัใจของทีมงาน และใหเ้ห็น วา่วาระข่าวน้นัจะมีผลกระทบต่อฝ่ายที่ทา ผดิซ่ึงฝ่ายที่เกี่ยวขอ้งตอ้งออกมาให้ ค าตอบ แผนการน าเสนอรายงานที่เตรียมแล้ว อาจจะเริ่มต้งัแต่ - กา หนดวนัที่ออกอากาศล่วงหนา้ใหช้ดัเจน เพื่อใหเ้ตรียมผลิตไดท้นั - กา หนดความยาวของแต่ละตอนอยา่งต่อเนื่อง เพื่อใหเ้น้ือหาไม่ขาดช่วง -วางแผนโปรโมท หรือนา เสนอตวัอยา่งประเด็นใหผ้ชู้มรู้ล่วงหนา้และ บอกวนัเวลา ที่จะนา เสนอให้แน่ชดัเพื่อใหผ้ชู้มรอในวนันา เสนอจริง -วางแผนจดัทีมข่าว เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของหน่วยงานอื่นที่ เกี่ยวขอ้งกบั ประเด็นน้นัที่จะออกมาเคลื่อนไหว หรือแมแ้ต่ประเด็นข่าว เดียวกนัน้นัที่อาจจะถูกเปิดเผยมากข้ึน ซ่ึงจะทา ใหเ้ห็นความเคลื่อนไหว ของข่าวตลอดเวลาที่นา เสนอ
85 -กองบรรณาธิการ ต้องเฝ้ าติดตามปฏิกิริยาต่อเนื่อง หรือทิศทางของข่าว ที่ จะเคลื่อนไหวออกไป หลงัจากนา เสนอข่าวน้นัๆแลว้ รวมถึงหากข่าวที่ นา เสนอส่งผลใหเ้กิดความไม่ปลอดภยักบัทีมงาน จะตอ้งวางแผนหารือ ใหเ้ปลี่ยนทีมข่าว หรือดูแลคุม้ครองอยา่งไร เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยอื่ไดร้ับ อนัตรายและไม่ใหป้ระเด็นข่าวยตุิไป เพราะถูกข่มขู่ -มีหลายคร้ัง ที่สถานีโทรทศัน์หลายแห่ง ใชก้ลยทุธ์เปิดเผยประเด็นข่าวน้ี ใหก้ลายเป็นประเด็นสาธารณะ ดว้ยการส่งรายละเอียดไปยงัหนงัสือพิมพ์ หรืออธิบายเป็นบทความ ควบคู่กนัไป ซ่ึงนอกจากจะทา ใหไ้ดก้ลุ่มคนรับ สาร ที่แตกต่างกนัออกไปแลว้การเขียนรายละเอียดในสื่อสิ่งพิมพ์จะยงิ่ ช่วยใหร้ายละเอียดที่มากกวา่สื่อโทรทศัน์ดว้ยซ้า ข้อควรพงึค านึงในการน าเสนอข่าวเชิงสืบสวน คือข้อมูล หลักฐาน พยาน เพอื่ป้องกนัการถูกฟ้องร้อง ๑.ข้อมูลด้วยเอกสาร (Paper trail) หมายถึง หาเอกสารเพื่อน ามาเป็ นหลักฐาน ข้อมูล ในการน าเสนอข่าว ซึ่งเป็ นข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ๒.ข้อมูลบุคคล (Human trail) หมายถึง ติดตามหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ตกเป็ น ข่าว เช่นการติดตามพฤติกรรม ฐานะทางเศรษฐกิจ แหล่งที่อยู่ ซึ่งมักได้มาโดย หลายวิธี ตั้งแต่การสะกดรอย การค้นหาข้อมูลเอกสาร การหาข้อมูลจากคน ใกล้ชิด หรือแม้แต่หาข้อมูลจากอินเทอร์ เน็ต ๓.ข้อมูลทางอิเลคทรอนิคส์ (Electronics trail) หมายถึงการหาข้อมูลจากเว็บไซต์ ๓. ปล่อยของ ปรับแผน หลังจากไดล้งพ้ืนที่เก็บขอ้มูลจนนา มาสู่การวางแผนระหวา่งการผลิตแลว้ กองบรรณาธิการ จึงตดัสินใจนา เสนอข่าวน้นัออกอากาศตามตารางที่กา หนดไว้ ซ่ึงผา่นท้งัการผลิตและการใหข้อ้มูลต่อผชู้มอยา่งรอบดา้น อยา่งไรก็ตาม ในข้นัตอนน้ีกองบรรณาธิการยงัตอ้งระดมความเห็น การ ปรึกษาหารือเป็นกิจ เพื่อช่วยกนัขบคิดประเด็นข่าวออกไป มองหาแหล่งข่าว
86 ผเู้กี่ยวขอ้งที่จะตอ้งติดตามใหก้วา้งขวางมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะข่าวที่นา เสนอไป ๑ ประเด็นอาจมีปฎิกิริยาตอบโตอ้อกมา ทา ใหข้ยายเน้ือหาลึกลงไปไดอ้ีก ขณะเดียวกนั ผู้วางแผน หรือคณะทีมงานที่วางแผน ต้องประเมินไดว้า่ หลงัจากเสนอข่าวไปแลว้ผลออกมาเป็นอยา่งไร ควรเสนอเน้ือหาอะไรในรูปแบบ อื่น เช่นเป็นข่าวคืบหนา้ตาม ออกไปเมื่อใด การน าเสนอในรูปของข่าวต่อเนื่อง จะเป็นการเปิดช่องทางใหผ้ทู้ี่ เกี่ยวขอ้งกบั ประเด็นน้นัๆ ไดอ้อกมาช้ีแจงหรือใหค้วามเห็นในลกัษณะที่เป็น ประเด็นสองทางด้วย รวมถึงหากเป็นประเด็นข่าวสืบสวนสอบสวนระดบัชาติ ข่าวอ่านที่เปิดพ้ืนที่ไว้จะช่วยใหส้าธารณะชนที่มีความเห็นเรื่องน้ีไดอ้อกมาแสดง ความเห็นหรือทศันะต่อประเด็นน้นัดว้ย ประการสา คญัสุด ระหวา่งนา เสนอข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน หรือ รายงานพิเศษที่ผลิตเป็ นชุดเป็ นตอนน้นัสิ่งที่กองบรรณาธิการตอ้งทา คือ ติดตาม และประเมินผลสิ่งที่นา เสนอท้งัหมด วา่เป็นไปตามวตัถุประสงคท์ ี่ต้งัไวต้ามแผน หรือไม่เช่น - ประเมินผลขอ้มูลที่นา เสนอวา่ลึกกวา้ง ถูกตอ้ง มีประสิทธิภาพหรือไม่ - ประเมินทางดา้นจริยธรรมวา่ ประเด็นข่าวมีประโยชน์ครบถว้น เป็นธรรมหรือไม่ - ประเมินการผลิตวา่ สมบูรณ์ มีคุณภาพ มีผู้ติดตามจ านวนมาก - ประเมินการตอบรับจากผชู้มวา่มีความคิดเห็นอยา่งไรเห็นดว้ยกบัเน้ือหารายงาน หรือไม่หรือมีขอ้มูลใหม่เขา้มาเสริมเติมจากที่ไดเ้สนอไปหรือไม่เป็นตน้ ผลการประเมินที่รอบด้าน จะท าให้กองบรรณาธิการรู้ทงั้ทศิทางการทา งานของทมี ข่าวเองรู้ถึงความคุ้มค่าในแง่การเป็นสื่อมวลชน ในแง่การใช้งบประมาณ และสามารถน าไป ปรับปรุงประยุกต์ใช้ในการน าเสนอประเด็นข่าวอื่นๆทมี่ีความส าคัญไม่น้อยไปกว่ากนัได้อีก สรุปแนวทางคิดข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน แสวงหาประเด็น อาจมาจาก ค าบอก บอกใบ้ ข่าวลือ เบาะแส หรือสิ่งผิดปกติ ตรวจสอบ วางแผน ตรวจสอบข้อมูล วางแผนเก็บข้อมูล แผนผลิตผลิต แผนน าเสนอ ค้นหาแหล่งข่าว เก็บข้อมูล และภาพข่าวที่ได้จากแหล่งข่าว น าเสนอ ผลิตและน าเสนอ โดยการควบคุมให้เป็ นไปตามแผน
87 ๘ แหล่งข ้ อมูลกญุแจน าไปสู่รายงานพเิศษ หร ื อข่าวส ื บสวนสอบสวน นกัข่าวที่ลงสนามข่าวรายวัน ปฏิบตัิงานข่าวตามเหตุการณ์หมายข่าวประจา วนั หรือข่าวที่มีกา หนดการล่วงหนา้จนชา นาญ จะคิดวา่การทา ข่าวเป็นเรื่องง่าย แต่ในที่สุด นกัข่าวภาคสนามส่วนใหญ่ก็จะประสบปัญหาเดียวกนัเมื่อไดร้ับมอบหมายใหค้ิดประเด็น ข่าว หรือวางแผนทา ข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน หรือข่าวรายงานพิเศษ เพราะประเด็นเหล่าน้ี ไม่ไดป้รากฏในรูปข่าวเหตุการณ์ทวั่ ไป ไม่ไดเ้ปิดเผย หรือหากจะมีขอ้มูลที่เผยแพร่ต่อ สังคมบ้างแต่ก็เป็นเพียงส่วนนอ้ย และมักปกปิ ดรายละเอียดที่ลึกไว้ การลงสนาม ประสบการณ์และการเป็นคนช่างสังเกต ดว้ยความต้งัใจมองหา ประเด็น จะช่วยใหผ้ สู้ื่อข่าวภาคสนาม คิดประเด็น หรือหาขอ้มูลที่จะนา ไปสู่การผลิต รายงานพิเศษ หรือข่าวสืบสวนสอบสวนได้ ๘.๑ เบาะแสของข่าว (Tip) ในประเด็นข่าวที่เกิดข้ึน ๑ ประเด็น มักจะมีมุมมองของข่าวที่แตกต่างกนั ออกไป ผสู้ื่อข่าวอาจจะคิดถึงสาเหตุของเหตุการณ์ที่มาที่ไปของเหตุการณ์น้นัๆ หรือบาง รายอาจจะคิดถึง ทางออกจุดจบของเหตุการณ์ก็เป็นได้ในการนึกถึงประเด็นแต่ละมุมมอง มกัจะมีสาเหตุส่วนใหญ่เบาะแสของข่าว เบาะแส คือส่วนหน่ึงของข่าว ที่อาจจะเป็นส่วนเชื่อมโยง เกี่ยวโยง แต่อาจจะยงัไม่ ถูกเปิดเผยมากนกัจะดว้ยเพราะต้งัใจใหถู้กปกปิด หรือเพราะยงัไม่มีผรูู้้เบาะแสน้ีก็ตามแต่ ผสู้ื่อข่าวที่มีเบาะแสน้ีอาจจะขยายผลนา ไปสู่การเชื่อมต่อประเด็น ไปสู่การท าข่าวเชิง สืบสวนสอบสวนได้ กรณีตัวอย่างการสืบจากเบาะแส “เกดิคดีต ารวจชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ ทอี่อกไปหาข่าวยาเสพติด ถูกยิงตาย พนักงาน สอบสวนคาดว่าแก๊งค้ายาบ้ารู้ทันความเคลอื่นไหวจึงดักยงิต ารวจจนตาย” ผู้สื่อข่าวภาคสนาม ติดตามท าข่าว ถึงขั้นตอนผ่าหัวกระสุนออก จึงพบว่า หัวกระสุนที่ คนร้ ายใช้ยิง เป็ นชนิด จุด ๓๘ ซึ่งเป็ นชนิดเดียวกับที่ต ารวจใช้ แต่ปรากฏว่า กระสุนผู้ตายยังอยู่ครบ จึงเป็ นไปได้ว่า คนที่ยิงใช้ปื นชนิดเดียวกับผู้ตาย จึงเริ่มสืบหา และพบว่าท้ายที่สุด คนที่ยิงต ารวจราย นี้ ก็คือต ารวจในโรงพักเดียวกัน ที่เป็ นสายให้กับกลุ่มค้ายาบ้า เมื่อถูกผู้ตายสืบหาตัวจึงรีบฆ่าตัด ตอน ก่อนจะรู้ เรื่องของตัวเอง”
88 ๘.๒ แหล่งข่าว (Tipster) ลกัษณะการทา งานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน มีความคลา้ยคลึงกบัการทา งานของ ต ารวจ นักวิทยาศาสตร์ อัยการ หรือนักสืบ ตรงที่ต้องอาศัยการสืบสวน สอบสวน การ วางแผน การสังเกต และการปลอมตวัแฝงตวัเพื่อพิสูจน์ความจริงบางอยา่ง ที่เมื่อผลออก มาแลว้จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชน แต่การจะไดข้อ้มูลเหล่าน้นัมา ส่วนหน่ึงที่สา คญั คือแหล่งข่าว แหล่งข่าว คือผใู้หข้อ้มูล เบาะแส เป็นผทู้ี่รู้ประเด็น รู้เหตุการณ์รู้เบ้ืองหนา้ เบ้ืองหลงัของประเด็นที่ตอ้งการนา เสนอ จะบางส่วนหรือทุกส่วนก็ตาม ลว้นแต่ส่งผลดีต่อ การนา ไปสู่การสืบหารายละเอียดที่มากยงิ่ข้ึน สมบตัิล้า คา้สิ่งหน่ึงที่อาชีพนกัข่าวพึงมีคือแหล่งข่าว ซ่ึงควรจะมีใหค้รอบคลุมใน สายข่าวของตวัเอง และแหล่งข่าวที่ดีตอ้งเป็นผมู้ีใจเป็นธรรม เป็นกลาง ยตุิธรรม หรือหาก เป็นแหล่งข่าวที่มีส่วนไดเ้สียต่อเรื่อง หรือผลประโยชน์ที่นา เสนอน้นัผสู้ื่อข่าวภาคสนามก็ ตอ้งหาแหล่งข่าวอื่น มาตรวจสอบประเด็นข่าวน้นัอีกคร้ัง เพื่อตรวจสอบซ้า ใหเ้กิดความ แม่นยา ของข้อมูลด้วย แหล่งข่าวของนกัข่าวควรหลากหลาย ทุกระดบัช้นัและไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ต่อกนันอกจากการไดน้า เสนอประเด็นข่าวที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเท่าน้นันนั่คือสิ่งที่ แหล่งข่าวและผสู้ื่อข่าวไดร้่วมกนั ชาวบา้นในหมู่บา้นห่างไกล อยใู่นหุบเขา อาจจะเป็นแหล่งข่าวใหผ้ สู้ื่อข่าวไดใ้น กรณีมีการลกัลอบตดัไมท้า ลายป่า หรือแหล่งข่าวในผบัสถานบนัเทิง อาจจะเป็นแหล่งข่าว ที่ดีในกรณีมีเบาะแส การคา้ยาเสพติดในสถานบริการเหล่าน้นัเป็นตน้
89 ข้อควรระวัง ระหว่างความสัมพันธ์กับแหล่งข่าว -เว้นระยะห่างให้เหมาะสมกับแหล่งข่าว เพราะการใกล้ชิดกัน จะกลายเป็ นการร่วมผลประโยชน์ที่ ผิดจรรยาบรรณ -การมีใจอคติต่อแหล่งข่าว จะท าให้ประเด็นข่าวผิดเพี้ยนไปได้ง่าย -กรณีประเด็นข่าวขัดแย้ง ควรหาแหล่งข่าวทมี่ีมุมมองทงั้สองฝ่าย -แหล่งข่าวอาจมีทงั้ทเี่ปิดเผยและปกปิด ผ้สูื่อข่าวต้องรักษาสัญญาทใี่ห้ไว้กับแหล่งข่าวให้ดี -แหล่งข่าวที่เสนอผลประโยชน์ตอบแทนต่อผ้สูื่อข่าว มักมีวาระซ่อนเร้น อ าพราง อย่างน้อยทสีุ่ด ก็ อาจหวังผลประโยชน์ส่วนตัวจากข่าว ผ้สูื่อข่าวจึงพงึระวัง ๘.๓ การอ่าน ค้นคว้า ไม่ใช่ทุกคร้ังที่ผสู้ื่อข่าวภาคสนาม จะไดข้อ้มูลจากเบาะแส หรือแหล่งข่าว โดยเฉพาะในกรณีที่ได้รับมอบหมายให้ผลิตรายงานพิเศษ หรือ สก๊ปูข่าวอยา่งใดอยา่งหน่ึง ซ่ึงเมื่อไม่ไดข้อ้มูล ประเด็นแลว้จะทา ใหผ้ สู้ื่อข่าวภาคสนาม ไม่มีประเด็นที่น่าสนใจ วธิีที่ง่ายที่สุด คือการอ่าน คน้ควา้หาขอ้มูลจากตา รา เอกสาร หนงัสือทุกอยา่งที่จะ มีเกร็ดสาระ หรือมีเงื่อนไข หรือปม ที่จะช่วยใหเ้กิดแนวความคิด เพื่อนา ไปสู่การทา รายงานพิเศษ หรือการทา ข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนได้ การอ่านหรือคน้ควา้ที่จะนา ไปสู่การคิดหาประเด็นข่าว หรือการรายงานเชิง สืบสวนสอบสวน ผสู้ื่อข่าวต้งัใส่นิสัยของการเป็นผสู้ื่อข่าว เป็นนักคิด นักสังเกต เปรียบเทียบกบัการอ่านหนงัสือโดยใส่แวน่ตาของผสู้ื่อข่าวเขา้ไปดว้ย เมื่อใส่แวน่ตาของ สื่อมวลชนแลว้ทุกมุม ทุกประเด็นจะตอ้งคิด ไตร่ตรอง พิจารณาแบบนกัข่าว มีเหตุผลมีผล มีความเป็นไปไดใ้นประเด็นข่าวและคิดหรือจินตนาการถึงการผลิตออกมาเป็นข่าวใหไ้ด้ กรณียกตัวอย่างการเป็ นนักคิดพล็อตเรื่อง หรือคิดประเด็นของวสุ ห้าว หาญ นักประพันธ์เพลงลูกทุ่งคนหนึ่ง ที่แต่งเพลง “แฟนเก็บ” ซึ่งเกิดขึ้นระหว่าง ที่นั่งรถแท็กซี่กลับจากโรงพยาบาลเพื่อไปท างาน โดยได้หยิบเอกสารแผ่นผับ จาก โรงพยาบาลมาด้วย เนื้อหาในเอกสารนั้น กล่าวถึงปัญหาครอบครัวส่วนใหญ่ มา จากฝ่ ายชายแอบมีภรรยาน้อย หรือมี “เมียเก็บ” ซึ่งฝ่ ายหญิงที่เป็ นเมียเก็บหลายคน
90 ไม่มีทางเลือก บางคนต้องเลือก และในที่สุด ก็ท าให้ครอบครัวไม่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะ เป็ นครอบครัวภรรยาหลวง หรือครอบครัวเมียเก็บ วสุ ห้าวหาญ แต่งเพลงนี้ โดยนึกถึงหญิงสาวรุ่ นใหม่ ซึ่งชีวิตก าลังจะอยู่ ในภาวะแบบนั้น แต่ก็ต้องการยุติความสัมพันธ์นั้นไว้ และการจะใช้เชื่อว่า เมียเก็บ นั้น เห็นว่าเป็ นประเด็นที่แรงเกินไป จึงเลี่ยงไปใช้ค าว่า “แฟนเก็บ” แทน และ เขียนเพลงนี้จบ ก่อนที่รถแท็กซี่จะพาไปส่งถึงที่ท างานด้วยซ ้าไป นี่คือตวัอยา่งหน่ึงของการอ่าน แลว้คิดไตร่ตรองในมุมมองของคนคิด คนเขียนเอง ซ่ึงผสู้ื่อข่าวก็สามารถทา เช่นน้ีได้หากแต่กระบวนการอาจไม่ไดจ้บลงที่การเขียนแบบเน้ือ เพลงแต่สามารถคิด และวางพล็อตเรื่อง สร้างประเด็น วางโครงสร้างของสก๊ปูที่ตอ้งการจะ ท า จึงกลับไปคิดและวางแผนอยา่งละเอียดได้ หนังสือที่เหมาะส าหรับการอ่าน มีหลายแบบ ได้แก่ -ต าราวิชาการ วิทยานิพนธ์ ช่วยใหเ้ห็นประเด็นที่ผา่นการวจิยัมาแลว้ซ่ึงจะง่ายและ สะดวกต่อการตรวจสอบขอ้เทจ็จริงและหาแหล่งข่าว -ผลงานค้นคว้าทางวิชาการ มีเน้ือหาเกี่ยวกบัการคน้พบวิทยาการใหม่ๆ ความรู้ใหม่ ทางวชิาการ เช่นแนวทางรักษาโรคแบบใหม่หรือพบ ปัญหาทางสังคมใหม่ -งานสาธารณะสุข หรือสังคม หนงัสือตีแผป่ ัญหาสังคม หรือสุขภาพ ช่วยใหค้ิด ประเด็นทางสังคมไดง้่าย -งานเขียนสารคดี เป็นงานที่ผา่นการเรียบเรียง หรือร้อยเรียงมาแลว้ ส่วน ใหญ่มกัเป็นประเด็น หรือสถานที่ใหม่ๆ ซ่ึงนา มา สร้างสรรคง์านข่าวได้ -หนังสือพิมพ์ นอกจากประเด็นข่าวพาดหวัแต่ละวนัแลว้ ประเด็นข่าว ยอ่ย ข่าวส้ัน ในหนา้ภูมิภาคของทุกข่าว หรือคอมลมัภ์ ประจ า มักจะมีเกร็ดสาระ ประเด็นที่ดูเหมือนจะเล็กหาก เทียบกบัพาดหวัข่าว แต่บางทีจะเป็นประเด็นใหญ่ที่ ซ่อนอยู่เป็นเรื่องใหญ่ในสังคมหน่ึงๆ เหมาะที่จะลงไป เก็บขอ้มูลขยายประเด็นได ้ เป็ นต้น
91 การเป็นผ้สูื่อข่าว ไม่อาจหลีกหนีจากการเรียนรู้ได้ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน ฟัง หรือ เขียน จากแหล่งข่าวทชี่อบหรือไม่กต็าม ดังสุภาษติว่าการอ่านหนังสือทุกอย่างย่อมมี ประโยชน์ แม้แต่หนังสือทเี่ขียนเรื่องโกหกกย็ังมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ๘.๔ เหตุการณ ์ ข่าว ข่าวทุกข่าวที่ถูกนา เสนอ มกัจะมีประเด็นในตวัเอง แมแ้ต่ข่าวประชาสัมพนัธ์ซกั หน่ึงชิ้น ก็มกัจะมีนยัยะของข่าวอยเู่สมอ แต่สา หรับแนวคิดของผสู้ื่อข่าวที่ตอ้งการทา ข่าว เชิงสืบสวนสอบสวนน้นัตอ้งคิดใหม้ากกวา่ข่าวทุกไป การมองเหตุการณ์ข่าวหน่ึงๆ จะ ช่วยใหค้วามคิด แตกขยายประเด็นออกไปได้ก็ดว้ยการฝึกคิด ฝึกเรียนรู้จากการมองข่าว หลกัคิดการมองประเด็นข่าว เช่น มองหาสาเหตุที่เกิดประเด็น คาดการณ์สิ่งที่อยู่ เบ้ืองหลงัคาดการณ์สิ่งที่กา ลงัจะเกิดข้ึนในอนาคต หรือมองเหตุการณ์อื่นเทียบเคียง เป็ น ตน้เหล่าน้ีลว้นแต่จะช่วยใหม้องเหตุการณ์ข่าวใหเ้ป็นประเด็นเชิงสืบสวนสอบสวนได้ กรณีตัวอย่าง ส านักข่าวแห่งหนึ่ง เผยแพร่ ภาพที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ถูกเชิญไปเปิ ดสวน ปลูกชาแห่งหนึ่งของบริษัทเอกชน ตั้งอยู่บนที่ดินเนินเขา ซึ่งตามเนื้อหาข่าวบอกว่า จะเป็ นพื้นที่ปลูกชาที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค โดยข่าวชิ้นนั้นมีภาพข่าว ของเจ้าของ โรงงาน มีผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการไปต้อนรับ แต่ไม่ค่อยมีชาวบ้าน มาร่ วมมากนัก ซึ่งผิดวิสัยของชาวบ้านที่มักจะมาร่ วมเมื่อมีหัวหน้าส่วนราชการ ระดับจังหวัดมาในหมู่บ้าน ผู้สื่อข่าวดูภาพแล้ว ลองสอบถามยังไปยังผู้สื่อข่าวพิเศษ หรือสตริงเกอร์ ป ระจ าจังหวัดถึงข้อสงสัย จึงได้รับค าตอบลึกๆว่า แท้จริงบริเวณที่ปลูกชา มีแร่ เหล็ก ที่บริษัทเอกชนรู้ จากนักส ารวจและกว้านซื้อชาวบ้านไว้ แต่ยังไม่ได้รับอนุญาต ประทานบัตรท าเหมืองแร่ จึงหาทางยึดครอง และแกล้งปลูกชาเพื่อเปิ ดหน้าดิน แต่ แท้จริงเป็ นการขุดเอาแร่ เหล็กออกไป ซึ่งมีในหมู่บ้านมีคนที่รู้ เรื่องนี้แล้ว และ พยายามรณรงค์ให้ชาวบ้านต่อต้าน จึงไม่มาร่ วมงาน แต่แรงของชาวบ้านไม่อาจ ต้านทานแรงนายทุนได้ทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้ของสองฝ่ าย
92 ในที่สุด ประเด็นน้ีกลายเป็นข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนที่ดีที่ผสู้ื่อข่าวสามารถนา ไป ขยายผลและผลิตเป็นข่าวที่ดีเป็นประโยชน์ต่อสังคมได้ ในลกัษณะของเหตุการณ์ข่าว ที่จะขยายประเด็นไปสู่การทา รายงานพิเศษ เชิงสก๊ปูหรือข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน อาจไม่ใช่แค่การเฝ้าสังเกตข่าวจากกรณีดงักล่าว เท่าน้นัแต่ผสู้ื่อข่าวที่ลงสนามแลว้อาจเห็นแง่มุมอื่นๆที่น่าสงสัย ที่น่าสนใจ ซ่ึงในพ้ืนที่ ข่าวทวั่ ไป ไม่ไดเ้ปิดเผย ก็สามารถนา ไปขยายผลเพื่อผลิตรายงานพิเศษไดต้่อไปได้ ด้วย การเก็บเอกสาร หลกัฐาน สัมภาษณ์หรือร้อยเรียงเรื่องใหม่ๆไดอ้ีกเช่น ต ารวจกองปราบปราม จับหญิงคนหนึ่งไปเสริมแต่งใบหน้า และเปลี่ยน ชื่อนามสกุลของตัวเองใหม่ โดยท าหลักฐานเท็จว่าชื่อ นามสกุลของตัวเอง ได้ เสียชีวิตไปแล้วจากเหตุการณ์ สึนามิ ซึ่งท าให้เจ้าหนี้หลงเชื่อ โดยมีญาติที่มีเอกสาร มรณบัตร ไปแสดงต่อทางการ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่า เป็ นการน าศพไร้ ญาติ ที่ ตาย ในสึนามิ มาสวมชื่อตัวเองว่าตาย แล้วเปลี่ยนชื่อตัวเองใหม่ ด้วยวิธีการ ดังกล่าวนี้ ต ารวจสืบค้นได้ และน ามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ปัญหาคือ ภาพที่ได้เป็นภาพแถลงข่าว ซ่ึงเหมาะสา หรับข่าวอ่านส้ันๆ แต่เพราะ เป็นประเด็นที่น่าสนใจและเชื่อไดว้า่มีคนที่ทา ผิดกฎหมายอีกจา นวนมาก มีพฤติกรรมแบบ น้ีในการหลบเลี่ยงกฎหมาย ดงัน้นัผสู้ื่อข่าวจึงคิดประเด็นน้ีดว้ยการสัมภาษณ์ตา รวจ ถึง ขอ้มูล เบ้ืองหลงัของคดีวา่รู้เบาะแสไดอ้ยา่งไร ถามเพิ่มเติมวา่ผตู้อ้งหาหนีคดีหน้ีสิน หรือ คดีอาชญากรรมอะไรบา้ง ช่องวา่งทางกฎหมายทะเบียนราษฎร์ ที่ท าให้การปลอมแปลงท า ไดง้่าย เกิดข้ึนไดอ้ยา่งไร และศพไร้ญาติที่นา มาสวมชื่อตวัเองน้นัแทจ้ริงเป็นศพใคร ตาย เมื่อไหร่ เป็ นต้น ตวัอยา่งเหล่าน้ีเป็นเพียงส่วนหน่ึงของเหตุการณ์และประเด็นข่าวที่เกิดข้ึนรายวนั ซ่ึงผสู้ื่อข่าวภาคสนามแต่ละช่อง ใชว้ธิีการแบบน้ีในการผลิตประเด็นข่าวกนัอยแู่ลว้ ดงัน้นัผสู้ื่อข่าวภาคสนามจึงควรที่จะฝึกฝนวธิีคิด และการสังเกต และขยายประเด็นไป เรื่อย ซึ่งมีโอกาสที่จะช านาญได้
93 ๘.๕ การสังเกต เสน่ห์อยา่งหน่ึงของวชิาชีพสื่อมวลชน หรือนกัข่าว คือการมีอุปนิสัยใจคอเหมือน กบันกัสืบ คิดสังเกต นกัคิด นกัต้งัประเด็น เสาะแสวงหาคา ตอบไดอ้ยา่งไม่มีขีดจา กดัทาง ความคิด ไม่วา่เรื่องน้นัจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม แต่นกัข่าวควรที่จะคิดใหก้วา้งไกลที่สุด การคิดกวา้งไกลและไร้ขีดจา กดัจะช่วยใหเ้กิดจินตนาการในทุกๆเรื่อง การสังเกต เป็ นหนึ่งในกระบวนการคิดประเด็น หรือทา งานของข่าว ตาม ธรรมชาติของเหตุการณ์วา่คนทา ผดิไม่สามารถซ่อนเร้นสิ่งที่ปกปิดไวไ้ดต้ลอดไป ตลอด กาล และมกัจะมีเหตุการณ์อยา่งใดอยา่งหน่ึงถูกเปิดเผยออกมาเสมอในความผิดปกติน้นั ผสู้ื่อข่าวจึงควรมีนิสัย คุณสมบตัิหรือมุมมองแบบน้ีดว้ยเช่นกน เพราะการรู้จัก ั สังเกต จะทา ใหเ้ห็นสิ่งที่ผิดปกติและสิ่งที่ผดิปกติจะสามารถขยายผลไปสู่ประเด็นข่าว อื่นๆที่ต้องการจะสืบหาได้ ไม่มีสูตรสา เร็จ หรือรูปแบบที่ตายตวัสา หรับกาแนะนา ผสู้ื่อข่าวภาคสนามใหรู้้จกั การสังเกต เพราะสิ่งน้ีถือเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์แต่อยา่งไรก็ตาม การฝึกก็ยงัเกิดข้ึน ไดเ้สมอ เพราะการสังเกตของผสู้ื่อข่าวไม่ใช่แค่การเฝ้ามองพฤติกรรมทวั่ ไป แต่หมายถึง การมีหลักการ มีเหตุผล มีขอ้มูล มีพ้ืนฐานของเหตุการณ์ที่ถูกตอ้งเหมาะสมรองรับอยดู่ว้ย เช่น กรณีตัวอย่าง ผู้สื่อข่าวไปติดตามการข่าวที่ ต ารวจจับคนร้ ายจับผู้ต้องหา ฆ่าคนตายได้ ๓คน และคนร้ าย ๑ ใน ๓ เป็ นต ารวจ ที่ก่อเหตุเพราะโกรธแค้นผู้ตาย ซึ่งผู้สื่อข่าวต้องการได้ภาพการท าแผนประกอบภาพข่าว ซึ่งตามปกติแล้วต้องมี การท าแผน แต่เมื่อสอบถามไปยังต ารวจระดับผู้บังคับบัญชาแล้ว ได้ค าตอบว่า คง ไม่มีการท าแผน เพราะเกรงว่าคนร้ ายจะถูกรุมประชาทัณฑ์ และพยายามบอก นักข่าวทั้งหมดว่า เมื่อจับผู้ต้องหาได้แล้ว ก็ถือว่าคดีจับ โดยพื้นฐานคดีส่วนมาก ต ารวจมักจะท าแผนประกอบค ารับสารภาพ เพื่อ บันทึกในส านวนป้ องกันผู้ต้องห เปลี่ยนค าให้การในชั้นศาล แต่เมื่อต ารวจเจ้าของ คดีปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดและยืนยันว่าไม่มีการท าแผนประกอบค ารับสารภาพ ผู้สื่อข่าวใช้การสังเกตเห็นต ารวจเตรียมพร้ อมก าลังอย่างเข้มงวดผิดปกติ
94 เช่นมีต ารวจพลขับประจ ารถ มีรถห้องขังจอดรอยู่ มีนายต ารวจระดับสูงยังอยู่ใน พื้นที่ มีการวางก าลังต ารวจตามถนน ซึ่งจะเป็ นจุดผ่านไปยังที่เกิดเหตุ และมีต ารวจ นอกเครื่องแบบ อยู่ที่เกิดเหตุแล้วเช่นกัน ถึงแม้ต ารวจระดับสูงจะบอกว่า ไม่มี การท าแผน แต่ดูจากพฤติกรรมทั้งหมด เชื่อว่าจะต้องมีการท าแผนแน่นอน แต่อาจ ไม่ต้องการให้สื่ออยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งจะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม แต่ความต้องการของ ผู้สื่อข่าวคือต้องการได้ภาพนั้นๆ ในที่สุด เพื่อให้ต ารวจเชื่อเช่นนั้น ผู้สื่อข่าวภาคสนาม ตัดสินใจเรียกทีม ช่างภาพ ผู้ช่วยช่างภาพกลับขึ้นรถ โดยขับออกไปหลบอยู่ในซอยไม่ห่างจาก โรงพัก หรือไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุ หรืออาจจะอยู่ภายในโรงพัก แต่ไม่ได้ลงจากรถ เพื่อรอจังหวะที่ต ารวจพาผู้ต้องหาขึ้นรถไปท าแผน จึงขับตามหลังไป และในที่สุด ได้ภาพข่าวนั้น วธิีการแบบน้ีเกิดข้ึนบ่อย ซ่ึงตอ้งใชก้ารสังเกต และไหวพริบระหวา่งการ เพราะในความเป็นจริงไม่ใช่ตา รวจทุกนายจะเปิดเผยรายละเอียด และคนเหล่าน้นั ไม่มีสิทธ์ิบอกรายละเอียดนกัข่าวดว้ยซ้า นกัข่าวก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกรธแค้น ตา รวจที่ไม่เปิดเผยแต่ต่างก็ใชไ้หวพริบและสิทธิในการทา งานแตกต่างกนัไป พึงระลึกวา่ ไม่ใช่แหล่งข่าวทุกคนจะเปิดเผยรายละเอียดใหผ้ สู้ื่อข่าว แต่ เป็นหนา้ที่ของผสู้ื่อข่าวที่จะสืบเสาะหาขอ้มูล รายละเอียดทุกอยา่งที่อยเู่บ้ืองหลงั ภายใต้กรอบจรรยาบรรณ วิชาชีพ และสิทธิอนัพึงมีโดยไม่กา้วก่าย กา้วล่วง สิทธิ เสรีภาพของคนอื่นๆด้วย ๘.๖ การเสาะหาข่าว ความหมายที่ชดัเจนที่สุดของคา วา่การเสาะหาข่าว คือการตระเวนออกไปหา ประเด็นข่าว แต่ถึงอยา่งน้นัไม่ไดห้มายถึงการพาทีมข่าวออกไป รอดูข่าวอุบตัิเหตุหรือคดี เหตุการณ์ตามสถานีต ารวจ แต่ความหมายของการเสาะหาข่าว ในมุมมองของข่าวเชิง สืบสวนสอบสวน คือการเปิดโลกทศัน์ของผสู้ื่อข่าว ออกไปพบปะ พดูคุย หาแหล่งข่าว โดยไม่กีดกนัหรือจา กดับุคคล สถานที่
95 ผสู้ื่อข่าวจา นวนมาก ที่ใชช้ีวติกบัการออกเที่ยวกลางคืน พบปะเพื่อนฝงูหรือสังคม ในแบบเฉพาะ และไดป้ระเด็นใหม่ๆที่น่าสนใจตามมาอยเู่สมอ โดยแนวคิดน้ีคือ การสังคม กบัคนกลุ่มใด แบบใด เน้ือหา เรื่องราว หรือประเด็นข่าวที่จะไดม้าก็จะไม่ต่างไปจากน้ี สถานีโทรทศัน์หรือองคก์รข่าวบางแห่ง ใหค้วามสา คญักบัการแสวงหา ประเด็นข่าว หรือจุดเริ่มตน้ของข่าวแบบน้ีถึงข้นัมีงบประมาณ ค่าใชจ้่ายให้ นกัข่าว เพื่อติดตามหาประเด็นข่าวแบบน้ีหลายคนออกไปพบปะ แหล่งข่าวตาม ร้านกาแฟ หรือสถานที่ใดๆ ที่ดูเหมือนวา่จะไม่ใช่การออกไปปฏิบตัิงานข่าว แต่ แทจ้ริงข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนน้นัมีหลายฉาก หลายมุมของการสืบเสาะหาข่าว เช่น กรณีตัวอย่าง ผู้สื่อข่าวต้องการสืบหาประเด็นข่าว เบื้องหลังธุรกิจกีฬามวย ไทย ที่มีมาเฟี ย หรือความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นในวงการเหล่านี้ ท าให้ต้องออก เสาะหาข่าว เริ่มตั้งแต่การเข้าไปในสนามมวย ดูการพนันในระหว่างการชกมวย เค้าไปเรียนรู้ ในค่ายมวย บางข่าวที่ต้องใช้เวลา ถึงกับลงทุน ไปสมัครเรียนมวย ไทย เพื่อหวังจะได้ข้อมูลเชิงลึก เป็ นต้น ตัวอย่างประเด็นในเชิงสืบสวนสอบสวน -การทุจริตของนักการเมืองทุกระดับ -การคอรัปชั่นในหน่วยงานราชการ -การละเมิดกฎหมายของธุรกิจผิดกฎหมาย -การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ -การค้ามนุษย์ -การค้ายาเสพติด สิ่งหนีภาษี -การละเมินสิทธิชุมชน -การท าผิดศีลธรรมที่ส่งผลเสียต่อสาธารณะ ๘.๗ ภาษาภาพเบ ื อ้งต้นทผีู่้ส ื่อข่าวควรรู้ การทา ข่าวข่าวโทรทัศน์เป็นการท างานเป็ นทีม ระหวา่งนกัข่าว ช่างภาพ ผชู้่วย