The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by NRCT, 2023-08-18 00:04:15

บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป

บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป

ค�ำน�ำ ประเทศไทยให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุให้เป็นพลังทางสังคมเพื่อรองรับ สังคมสูงวัย ส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาสังคมสูงวัย ภายใต้แผนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยในปีงบประมาณ 2563-2565 วช. ได้ขับเคลื่อน ประเด็นการวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุที่ส�ำคัญ ได้แก่ (1) โอกาสและผลกระทบ Aging Society (2) การอยู่ร่วมกันของคนทุกวัย (3) เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ช่วยเหลือการด�ำรงชีวิต (Assisted Living) ส�ำหรับผู้สูงอายุ (4) เปลี่ยนเกษียณเป็นพลัง (5) สังคมสูงวัยภายใต้วิถีชีวิตใหม่ และ (6) นวัตกรรม Smart Community ส�ำหรับผู้สูงอายุและคนพิการ โดยต่อเนื่องในปี 2566-2567 ประเด็นขับเคลื่อน การวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุ ได้มุ่งสู่เป้าหมายด้าน (1) นวัตกรรมทางสังคมเพื่อสนับสนุน ให้ผู้สูงอายุมีพลังและยังประโยชน์ (2) เปลี่ยนเกษียณเป็นพลัง (3) การวิจัยและนวัตกรรมด้านการอยู่ร่วมกัน ของคนทุกช่วงวัย และ (4) การวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย วช. มีเป้าหมายที่จะใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาประเทศไทยให้มีความพร้อม ในการเข้าสู่สังคมสูงวัย มุ่งเน้นการน�ำผลงานวิจัยและนวัตกรรมยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ให้สามารถด�ำรงชีวิตด้วยตนเองได้อย่างมีคุณค่าและสร้างการอยู่ร่วมกันของคนทุกช่วงวัยอย่างเหมาะสม รวมทั้งมีการเตรียมประชากรช่วงวัยแรงงาน (25-59 ปี) เข้าสู่วัยสูงอายุทั้งภาคชนบทและเมือง ในการนี้ วช. ได้ด�ำเนินการติดตามและประเมินผลการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและ นวัตกรรมด้านผู้สูงวัย ด้วยการเชื่อมโยงประเด็นวิจัยและนวัตกรรมทั้งหมดกับแนวคิดในการพัฒนา ทุนมนุษย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในกลุ่มต่างๆ ได้แก่ กลุ่มอายุ 25-59 ปี, 60-79 ปี, อายุ 80 ปีขึ้นไป และกลุ่มเปราะบางทางสังคม โดยมีประเด็นเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการสร้างรายได้ และมีงานท�ำ สุขภาพ/สาธารณสุข พัฒนาตนเอง/การมีส่วนร่วม ระบบนิเวศและสภาพแวดล้อม และการบริหารจัดการ ซึ่งมีผลการติดตามส�ำคัญพบว่า การขับเคลื่อนโครงการวิจัยและนวัตกรรม ด้านผู้สูงวัยตั้งแต่ปี 2563-2566 มากกว่า 200 โครงการ มีประสิทธิผลและมีความคุ้มค่าที่ส�ำคัญ ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการสร้างโอกาสที่ดีในด้านคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ เนื่องด้วย สามารถสร้างผลผลิตในรูปของสิ่งประดิษฐ์/เครื่องมือ/เทคโนโลยี/ผลิตภัณฑ์ต้นแบบมากกว่า 600 ชิ้น และสามารถน�ำไปใช้ประโยชน์จนเกิดผลลัพธ์และผลกระทบตามเป้าหมายที่ก�ำหนดไว้ ในแผน ววน. ซึ่งมีกลุ่มผู้ที่ได้รับประโยชน์หรือผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้มากกว่า 120,000 คน ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ สามารถส่งผลทางเศรษฐกิจ อาทิ ผู้เกษียณอายุมีอาชีพและมีรายได้ ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และส่งผลทางสังคม อาทิ ผู้สูงอายุมีสุขภาพดี สามารถเข้าสังคม ร่วมกิจกรรม เข้าถึงระบบบริการสุขภาพและเทคโนโลยี ส�ำหรับผลทางนโยบาย อาทิ เป็นข้อมูลส�ำหรับ การพัฒนาระบบสุขภาพ การพัฒนาผู้สูงอายุและเตรียมความพร้อม เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลท�ำให้ ดัชนีพฤฒพลังผู้สูงอายุดีขึ้น รวมทั้ง วช. วางแผนที่จะพัฒนาตัวชี้วัดและการท�ำการส�ำรวจ การใช้ประโยชน์ของกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยด้านผู้สูงอายุต่อไปในอนาคต ในการนี้ วช. ต้องขอขอบคุณผู้บริหารหน่วยงานวิจัยและคณะนักวิจัยที่ได้ให้ความร่วมมือกับ วช. ในการพัฒนาและสร้างงานวิจัยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และคาดหวังว่าหนังสือเล่มนี้ นอกจากจะเป็น ประโยชน์ในงานวิชาการแล้ว ยังจะช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาสังคมสูงวัยอีกด้วย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อ�ำนวยการส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ


สารบัญ บทที่ 2 ก้าวแรกของ วช. และการออกแบบเส้นทางประเมิน ผลกระทบจากการวิจัย และพัฒนาด้านผู้สูงอายุ 20 บทที่ 1 สังคมสูงวัยกับการพัฒนาประเทศ 6 บทที่ 3 เส้นทางและรูปแบบการติดตามและประเมินผลงานวิจัยและนวัตกรรม 40 บทที่ 4 ท�ำอะไรไปแล้ว (ความส�ำเร็จของการขับเคลื่อนโครงการวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุ) 50 บทที่ 5 บทเรียนและก้าวต่อไป 74


บทที่ 1 สังคมสูงวัย กับการพัฒนาประเทศ


6 บทที่ 1 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ บทที่ 1 สังคมสูงวัย กับการพัฒนาประเทศ สถานการณ์ผู้สูงวัย ปัจจุบันประเทศไทยมีโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เนื่องจาก จ�ำนวนการเกิดลดลงจาก 809,807 คน ในปี 2548 เป็น 544,570 คน ในปี 2564 ในขณะที่ประชากรมีอายุคาดเฉลี่ยยืนยาวขึ้น โดยในปี 2561 อายุคาดเฉลี่ย เมื่อแรกเกิดของประชากรไทย เพศชายอยู่ที่ 72.2 ปี และเพศหญิงอยู่ที่ 78.9 ปี เมื่อเทียบกับช่วง 30 ปีก่อน ที่อยู่ราว 65.6 ปี ส�ำหรับเพศชาย และ 70.9 ปี ส�ำหรับเพศหญิง1 ท�ำให้จ�ำนวนผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้นจาก 6.58 ล้านคน ในปี 2548 เป็น 12.698 ล้านคน ในปี 25652 โดยสัดส่วนผู้สูงอายุเพศหญิงจะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุยิ่งมากขึ้น เป็นผู้สูงอายุเพศชาย ร้อยละ 44.7 ในขณะที่ผู้สูงอายุเพศหญิง ร้อยละ 55.3 1 ส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2565) แผนพัฒนา ประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว (พ.ศ. 2565 - 2580) 2 กรมกิจการผู้สูงอายุ, ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (dopa.go.th) 3 กรมกิจการผู้สูงอายู (2565) แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2580) เมื่อแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุตามช่วงวัย พบว่ามีผู้สูงอายุวัยต้น (60 - 69 ปี) จ�ำนวน 7,120,271 คน (ร้อยละ 57.2) วัยกลาง (70 - 79 ปี) จ�ำนวน 3,743,466 คน (ร้อยละ 29.5) และวัยปลาย (80 ปีขึ้นไป) จ�ำนวน 1,834,625 คน วัยกลาง (70 - 79 ป) ชาย 44.1% หญิง 55.9% วัยปลาย (80 ปข�้นไป) ชาย 38.4% หญิง 61.6% วัยตน (60 - 69 ป) ชาย 46.5% หญิง 53.5% ชาย 44.7% หญิง 55.3% วัยกลาง 29.5% วัยตน 57.2% วัยปลาย 13.3% (ร้อยละ 13.3) ซึ่งในทุกช่วงวัย จะมีจ�ำนวนผู้สูงอายุ เพศหญิงมากกว่าเพศชาย และยังมีการคาดการณ์ จ�ำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นขนาดใหญ่เป็น 22.4 ล้านคน ในปี 25833 ยิ่งไปกว่านั้นอัตราสูงวัยในแต่ละจังหวัดไม่เท่ากัน ข้อมูลจากการส�ำรวจประชากรสูงอายุในประเทศไทย ปี 2564 โดยส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าผู้สูงอายุ ในแต่ละภาคไม่เท่ากัน


บทที่ 1 7 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ โดยภาคเหนือมีสัดส่วนของผู้สูงอายุสูงสุด (ร้อยละ 25.2) รองลงมาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 22.5) ส่วนภาคกลางและภาคใต้ มีสัดส่วนของผู้สูงอายุ ใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 17.2 และ 16.6 ตามล�ำดับ) และ กรุงเทพมหานครมีสัดส่วนของผู้สูงอายุต�่ำสุด (ร้อยละ 15.1) โดยจังหวัดที่มีจ�ำนวนผู้สูงอายุมากที่สุด 5 ล�ำดับแรก เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ คือ จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น เชียงใหม่ อุบลราชธานี และนครศรีธรรมราช ส่วนจังหวัด ที่มีจ�ำนวนผู้สูงอายุน้อยที่สุด 5 ล�ำดับสุดท้าย เป็น จังหวัดที่มีจ�ำนวนประชากรน้อย คือ จังหวัดระนอง แม่ฮ่องสอน สตูล พังงา และตราด การตายเพิ่มขึ้น ประเภทของโรคที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม ผู้สูงอายุ คือ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวาน : ซึ่งปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อน วัยอันควรในเพศชาย ได้แก่ การดื่มสุราและสูบบุหรี่ ส่วนเพศหญิง ได้แก่ การมีน�้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนและ ภาวะความดันโลหิตสูง5 ท�ำให้จ�ำนวนวัยแรงงานเพิ่มขึ้น ไม่มาก จาก 31.81 ล้านคนในปี 2548 เป็น 34.54 ล้านคน ในปี 25656 ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ดังกล่าว พบว่า สัดส่วนของกลุ่มวัยแรงงานลดลง จากร้อยละ 66.09 ในปี 2560 เป็นร้อยละ 64.1 ในปี 2565 และมี แนวโน้มลดลงเป็นร้อยละ 56.80 ในปี 2580 ในขณะที่ สัดส่วนประชากรวัยเด็กและผู้สูงอายุมีสัดส่วนเท่ากัน ในปี 2562 คืออยู่ที่ร้อยละ 17 แต่ในปี 2580 สัดส่วนของ วัยเด็กจะลดลงเหลือร้อยละ 14.3 ผู้สูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป) กลับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 29.85 ส่งผลให้จ�ำนวน ผู้สูงอายุในปี 2580 จะมีถึง 19.76 ล้านคน โดยผู้สูงอายุ ช่วง 60 - 69 ปี จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.7 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 14.6 ในปี 2580 และในช่วงเวลาเดียวกัน ในช่วงอายุ 70 - 79 ปี จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.6 เป็น ร้อยละ 10.8 รวมทั้งในช่วงอายุ 80 ปีขึ้นไป จะเพิ่มจาก ร้อยละ 2.1 เป็น ร้อยละ 4.5 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ประชากรดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนา และการเจริญเติบโตของประเทศในระยะยาว ที่ผ่านมาประเทศไทยให้ความส�ำคัญกับการส่งเสริม คุณภาพชีวิตและการแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุค่อนข้างมาก เพราะพิจารณาว่าผู้สูงอายุเป็นกลุ่มบุคคลซึ่งควรได้รับ การดูแลเอาใจใส่จากภาครัฐ และควรได้รับการคุ้มครอง สิทธิและมีหลักประกันทางสังคมที่ชัดเจนแน่นอน โดยมี กฎหมาย กฎระเบียบ และแผนงานต่างๆ ซึ่งหน่วยงาน ภาครัฐจัดให้มีขึ้น เพื่อดูแลส่งเสริมคุณภาพชีวิตของ ผู้สูงอายุ 4 ส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2565) แผนพัฒนา ประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว (พ.ศ. 2565 - 2580) 5 ส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2565) แผนพัฒนา ประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว (พ.ศ. 2565 - 2580) 6 กรมกิจการผู้สูงอายุ, ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (dopa.go.th) นอกจากนี้ในแต่ละช่วงวัย มีสาเหตุของความสูญเสีย ปีสุขภาวะจากการตายก่อนวัยอันควรของคนไทยที่ แตกต่างกัน4 ซึ่งหากพิจารณาในกลุ่มอายุ 15 - 59 ปี พบว่า สาเหตุส่วนใหญ่มาจากอุบัติเหตุทางถนน การติดเชื้อ เอชไอวี/เอดส์ แต่เมื่ออายุ 30 - 59 ปี จะมีสาเหตุของ 1 ระนอง 30,336 2 แม‹ฮ‹องสอน 35,260 3 สตูล 41,579 4 พังงา 43,029 5 ตราด 49,025 จำนวนนอยที่สุด (คน) 1 นครราชสีมา 550,475 2 ขอนแก‹น 375,753 3 เชียงใหม‹ 359,752 4 อุบลราชธานี 354,191 5 นครศร�ธรรมราช 335,402 จำนวนมากที่สุด (คน)


8 บทที่ 1 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ กฎหมาย กฎระเบียบ และแผนงาน เพ�่อการดูแลสงเสร�ม คุณภาพชีว�ต ของผูสูงอายุ ใหความสำคัญกับการมุงสูสังคมแหงโอกาสและความเปนธรรม มุงลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และสังคม ในเชิงรายไดและพ�้นที่ดวยการสนับสนุนชวยเหลือกลุมเปราะบางและผูดอยโอกาสใหมีโอกาส รวมทั้งจัดใหมีบร�การสาธารณะที่มีคุณภาพอยางทั่วถึงและเทาเทียมในทุกพ�้นที่ • หมุดหมายที่ 9 ที่ใหความสำคัญกับการลดความยากจนขามรุน และมีการใหความคุมครองทางสังคม ที่เพ�ยงพอ และเหมาะสม แผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแหงชาติ ฉบับที่ 13 พระราชบัญญัติผูสูงอายุ พ.ศ. 2546 และที่แกไขเพ�่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2553 ผูสูงอายุมีสิทธิไดรับความชวยเหลือจากรัฐ • สิทธิผูสูงอายุในการรับบร�การทางการแพทยเปนกรณีพ�เศษ • ไดรับการศึกษาและขอมูลขาวสารที่เปนประโยชนตอการดำรงชีว�ต • การประกอบอาชีพที่เหมาะสม การพัฒนาตนเองและมีสวนรวมในกิจกรรมทางสังคม • การชวยเหลือดานคาโดยสาร ยกเวนคาใชจายชมสถานที่ของรัฐ • ไดรับความชวยเหลือหากไดรับอันตรายจากการถูกทารุณกรรมหร�อถูกทอดทิ�ง ใหคำปร�กษาทางคดี • การจัดที่พักอาศัย อาหาร และเคร�่องนุงหมใหตามความจำเปน การจายเง�นเบี้ยยังชีพ และการสงเคราะห ในการจัดการศพตามประเพณี • ไดลดหยอนภาษี ยุทธศาสตรชาติ 20 ป แผนการพัฒนาศักยภาพของคนไทยในอนาคตตลอดชวงชีว�ต สงเสร�มใหผูสูงอายุเปนพลังในการขับเคลื่อนประเทศ ผานการเสร�มทักษะการดำรงชีว�ต ทักษะอาชีพ ในการหารายได มีงานทำที่เหมาะสมกับศักยภาพ มีการสรางเสร�มสุขภาพ ฟ��นฟ�สุขภาพ การปองกันโรคใหแก ผูสูงอายุ พรอมกับจัดสภาพแวดลอมใหเปนมิตรกับผูสูงอายุ และหลักประกันทางสังคมที่สอดคลองกับความ จำเปนพ�้นฐานในการดำรงชีว�ต แผนแมบทภายใต ยุทธศาสตรชาติ • ประเด็นพลังทางสังคม โดยใหสรางทุนทางสังคมที่เนนการสรางสังคมเขมแข็ง แบงปน ไมทอดทิ�งกัน และมีคุณธรรมดวยการสรางของคนสามวัย • ประเด็นพัฒนาศักยภาพคนตลอดชวงชีว�ต เนนการพัฒนาคนในทุกชวงวัยใหเปนคนดี เกง และมีคุณภาพ โดยในชวงวัยแรงงานใหความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและสมรรถนะใหตรงกับความตองการของตลาดงาน มีทักษะการออม เปนตน • ประเด็นการเร�ยนรูโดยใหความสำคัญกับการพัฒนาระบบการเร�ยนรูตลอดชีว�ต สนับสนุนใหคนมีนิสัย ใฝเร�ยนรู พัฒนาตนเอง • ประเด็นความเสมอภาคและหลักประกันทางสังคม ใหครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกชวงวัย ทุกเพศสภาพ และทุกกลุม และปดชองวางการคุมครองทางสังคม สรางความเปนธรรมในทุกมิติ หมวด 3 สิทธิและเสร�ภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 27 และ 28 และหมวด 6 แนวนโยบาย แหงรัฐ มาตรา 71 และ 74 คุมครองและอำนวยความสะดวกใหผูสูงอายุ สามารถใชสิทธิไดเชนเดียวกับบุคคลอื่นๆ และตองชวยเหลือให สามารถดำรงชีว�ตไดอยางมีคุณภาพ และคุมครองปองกันจากความรุนแรง และสงเสร�มใหทำงานอยางเหมาะสม รัฐธรรมนูญ แหงราชอาณาจักรไทย พ�ทธศักราช 2560 เพ�่อเตร�ยมความพรอมของประชากรกอนวัยสูงอายุ (ประชากรอายุ 25 - 59 ป) ยกระดับคุณภาพชีว�ต ผูสูงอายุทุกมิติอยางทั่วถึงและเปนธรรม ปฏิรูปและบูรณาการระบบบร�หารเพ�่อรองรับสังคมสูงวัยอยางมีคุณภาพ แผนปฏิบัติการ ผูสูงอายุแหงชาติ 8 บทที่ 1 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ


บทที่ 1 9 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ • รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้ก�ำหนดหลักการให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุ ไว้ในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 27 และ 28 และหมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 71 และ 74 โดยสรุปคือ ต้องคุ้มครองและอ�ำนวย ความสะดวกให้ผู้สูงอายุสามารถใช้สิทธิได้เช่นเดียว กับบุคคลอื่นๆ และต้องช่วยเหลือให้สามารถด�ำรงชีวิต ได้อย่างมีคุณภาพ และคุ้มครองป้องกันจากความรุนแรง และส่งเสริมให้ท�ำงานอย่างเหมาะสมกับศักยภาพและวัย • พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 และที่แก้ไข เพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ. 2553 โดยเน้นให้ผู้สูงอายุมีสิทธิ ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ได้แก่ สิทธิผู้สูงอายุในการ รับบริการทางการแพทย์เป็นกรณีพิเศษ ได้รับการศึกษา และข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการด�ำรงชีวิต การประกอบอาชีพที่เหมาะสม การพัฒนาตนเอง และ มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม การช่วยเหลือด้าน ค่าโดยสาร ยกเว้นค่าเข้าชมสถานที่ของรัฐ เข้าช่วยเหลือ หากได้รับอันตรายจากการถูกทารุณกรรมหรือถูกทอดทิ้ง ให้ค�ำปรึกษาทางคดีการจัดที่พักอาศัย อาหาร และ เครื่องนุ่งห่มให้ตามความจ�ำเป็น การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพ และการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี นอกจากนี้ ยังได้ลดหย่อนภาษี • ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้เน้นและก�ำหนดให้มี การก�ำหนดแผนการพัฒนาศักยภาพของคนไทย ในอนาคตตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่ช่วงการตั้งครรภ์ ปฐมวัย วัยเรียน วัยรุ่น วัยแรงงาน และวัยผู้สูงอายุ ทั้งนี้ เพื่อมุ่งหวังให้คนไทยในอนาคตเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีความพร้อมทั้งกาย ใจ สติปัญญา สามารถเรียนรู้ ได้ตลอดชีวิต ส�ำหรับผู้สูงอายุจะส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ เป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ ผ่านการเสริมทักษะ การด�ำรงชีวิต ทักษะอาชีพในการหารายได้ มีงานท�ำ ที่เหมาะสมกับศักยภาพ มีการสร้างเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสุขภาพ การป้องกันโรคให้แก่ผู้สูงอายุ พร้อมกับ จัดสภาพแวดล้อมให้เป็นมิตรกับผู้สูงอายุ และ หลักประกันทางสังคมที่สอดคล้องกับความจ�ำเป็น พื้นฐานในการด�ำรงชีวิต • แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (1) ประเด็น พลังทางสังคม โดยให้สร้างทุนทางสังคมที่เน้นการสร้าง สังคมเข้มแข็ง แบ่งปัน ไม่ทอดทิ้งกัน และมีคุณธรรม ด้วยการสร้างพลังของคนสามวัย คือ เยาวชนคนรุ่นใหม่ คนวัยท�ำงาน และผู้สูงอายุ และเพิ่มขีดความสามารถของ ชุมชนท้องถิ่น ในการพัฒนาและต่อยอดจากรากฐาน ของสังคมวัฒนธรรมไทย เพื่อลดความเหลื่อมล�้ำ และความไม่เสมอภาค รวมทั้งเตรียมคนทุกช่วงวัย ให้ตระหนัก มีความรอบรู้ และมีความพร้อม เพื่อรองรับ การเป็นสังคมสูงวัยในทุกมิติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ เป็นพลังทางสังคมด้วยการถ่ายทอดประสบการณ์ และภูมิปัญญาให้กับประชากรรุ่นอื่นๆ (2) ประเด็นพัฒนา ศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต เน้นการพัฒนาคนในทุก ช่วงวัยให้เป็นคนดี เก่ง และมีคุณภาพ โดยในช่วงวัย แรงงานให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาทักษะและสมรรถนะ ให้ตรงกับความต้องการของตลาดงาน มีทักษะการออม เป็นต้น และเสริมศักยภาพผู้สูงอายุเพื่อร่วมเป็นพลัง ขับเคลื่อนประเทศ โดยเฉพาะด้านอาชีพ เพื่อเพิ่มโอกาส ในการท�ำงาน (3) ประเด็นการเรียนรู้ โดยให้ความส�ำคัญ กับการพัฒนาระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนับสนุนให้ คนมีนิสัยใฝ่เรียนรู้ พัฒนาตนเอง (4) ประเด็นเสริมสร้าง ให้คนไทยมีสุขภาวะที่ดี เน้นการพัฒนาทักษะด้านสุขภาวะ ที่เหมาะสม และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพที่ทันสมัย สร้างระบบรับมือปรับตัวต่อโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ�้ำ และให้ชุมชนเป็นฐานในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อ ต่อการมีสุขภาพที่ดี รวมทั้งกระจายบริการสาธารณสุข อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ เพื่อลดความเหลื่อมล�้ำในการ เข้าถึงบริการสาธารณสุข (5) ประเด็นความเสมอภาค และหลักประกันทางสังคมให้ครอบคลุมและเหมาะสมกับ คนทุกช่วงวัย ทุกเพศสภาพ และทุกกลุ่ม และปิดช่องว่าง การคุ้มครองทางสังคม สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ • แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ให้ความส�ำคัญกับการมุ่งสู่สังคมแห่งโอกาส และความเป็นธรรม มุ่งลดความเหลื่อมล�้ำทางเศรษฐกิจ และสังคมในเชิงรายได้และพื้นที่ ด้วยการสนับสนุน ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางและผู้ด้อยโอกาสให้มีโอกาส


10 บทที่ 1 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ รวมทั้งจัดให้มีบริการสาธารณะที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในหมุดหมายที่ 9 ที่ให้ความส�ำคัญกับการลดความยากจนข้ามรุ่น และมี ความคุ้มครองทางสังคมที่เพียงพอและเหมาะสม ปัจจุบัน ผลการศึกษาของส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่าประเทศไทยมีครัวเรือน ยากจนข้ามรุ่นประมาณ 597,248 ครัวเรือน เยาวชน ในครอบครัวเหล่านี้ขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา และทักษะความรู้ที่จ�ำเป็นต่อการประกอบอาชีพ ในอนาคต ท�ำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องเข้าสู่ตลาดแรงงาน ในฐานะแรงงานทักษะต�่ำเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะส่งผล กระทบต่อระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของเด็ก ในอนาคต ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อความมั่นคงทาง เศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะ ในช่วงเวลาที่ประเทศต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ของ โครงสร้างประชากรสู่สังคมสูงวัย ซึ่งเป็นผลให้ประชากร วัยเด็กในปัจจุบันต้องรับภาระที่เพิ่มขึ้น ในการดูแล ผู้สูงอายุเมื่อเข้าสู่วัยแรงงาน ในขณะที่ผู้สูงอายุขาด สวัสดิการทางสังคมที่จ�ำเป็นต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี จะมีเพียงเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 600 - 1,000 บาท เพื่อใช้ส�ำหรับการด�ำรงชีพ นอกจากนี้ยังไม่ได้รับ การดูแลที่เหมาะสม โดย ณ เดือนมกราคม 2565 มีผู้สูงอายุ ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง ซึ่งสามารถเข้าถึงบริการการดูแล ระยะยาวด้านสาธารณสุข ในระบบหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ เพียงร้อยละ 54.20 ขณะที่สภาพแวดล้อม ในการอยู่อาศัยถือเป็นปัจจัยส�ำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ส่งผลต่อสวัสดิภาพของผู้สูงอายุ เนื่องจากความ ไม่ปลอดภัยของสถานที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ต่อร่างกายจนน�ำไปสู่ภาวะพึ่งพิงได้ • แผนปฏิบัติการผู้สูงอายุแห่งชาติ เป็นแผน กลยุทธ์ของประเทศไทย โดยเริ่มจัดท�ำแผนผู้สูงอายุ แห่งชาติตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 ซึ่งผ่านมาแล้ว 40 ปี มีแผน ผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (2525 - 2544) และฉบับที่ 2 (2544 - 2565) ปัจจุบัน ฉบับที่ 3 (2564 - 2580) มีแผน ปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 3 (2566 - 2580) เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตดี มีหลักประกันมั่นคง เป็นพลังพัฒนาสังคม จึงมีแผนปฏิบัติการย่อย 4 แผน เพื่อเตรียมความพร้อมของประชากรก่อนวัยสูงอายุ (ประชากรอายุ 25 - 59 ปี) ยกระดับคุณภาพชีวิต ผู้สูงอายุทุกมิติอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ปฏิรูปและ บูรณาการระบบบริหารเพื่อรองรับสังคมสูงวัย อย่างมีคุณภาพ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการวิจัย พัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย


บทที่ 1 11 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 1. ผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ • การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในอัตรา ที่ช้าลงหรือลดลง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคม ผู้สูงอายุมีผลท�ำให้ผลผลิตโดยรวมของประเทศเพิ่มขึ้น ในอัตราที่ช้าลงหรืออาจลดลง ซึ่งมีเหตุผลที่ส�ำคัญคือ จ�ำนวนประชากรลดลง การเปลี่ยนแปลงสัดส่วน ประชากรวัยแรงงานต่อจ�ำนวนประชากรรวมลดลง และการเปลี่ยนแปลงผลิตภาพแรงงานโดยเฉลี่ย อยู่ในระดับเดิมหรือลดลง ทั้งหมดนี้มีผลมาจากอัตรา การเกิดลดลงและอายุขัยเฉลี่ยของประชากรเพิ่มขึ้น ท�ำให้จ�ำนวนประชากรวัยแรงงานลดลง และจ�ำนวน ผู้สูงอายุสูงขึ้น เป็นผลให้ผลผลิตโดยรวมของประเทศ เท่าเดิมหรือลดลง หากไม่มีการพัฒนาคุณภาพของแรงงาน และไม่สามารถเพิ่มอัตราแรงงานเข้าสู่ตลาดแรงงาน ดังนั้นถ้าต้องการท�ำให้ผลผลิตโดยรวมของ ประเทศเพิ่มขึ้น จะต้องให้ความส�ำคัญกับ 1) การเพิ่มผลิตภาพการผลิตเพื่อทดแทน แรงงานที่เกษียณอายุ โดยการพัฒนาคุณภาพ แรงงานไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน การศึกษา การฝึกอบรม การสร้างแรงจูงใจ การฝึกงานระหว่าง การปฏิบัติงาน การบริหารจัดการที่ดี สร้างบรรยากาศ 7 สคช. (2562 ก) รายงานการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2553 - 2583 (ฉบับปรับปรุง) แม้ว่าประเทศจะมีกฎหมายและแผนยุทธศาสตร์ระดับต่างๆ ที่ให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาผู้สูงอายุ แต่ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการเปลี่ยนแปลงของโครงการประชากรเข้าสู่สังคม สูงวัย ดังนี้ ในการท�ำงานที่ดี เพื่อให้แรงงานสามารถปฏิบัติงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากขึ้น และการ ปรับปรุงประสิทธิภาพและการพัฒนาเทคโนโลยีและ นวัตกรรม หรือการใช้แรงงานจากต่างประเทศ ซึ่งผล การศึกษาของ สศช. พบว่า ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับ ปัญหาการขาดแคลนวัยแรงงาน หากภาคอุตสาหกรรม การผลิตไม่สามารถปรับใช้ระบบอัตโนมัติในการทดแทน แรงงานหรือหาแรงงานต่างชาติเข้ามาทดแทนได้ เพราะ ก�ำลังแรงงานไทยเพิ่มจาก 38.19 ล้านคนในปี 2560 เป็น 40.84 ล้านคนในปี 2580 ซึ่งไม่ทันกับความต้องการ แรงงานไทยที่เพิ่มมากกว่าในช่วงเวลาเดียวกัน จาก 37.55 ล้านคน เป็น 44.71 ล้านคน ดังนั้น ประเทศไทย จะต้องเพิ่มผลิตภาพการผลิตร้อยละ 5 จึงจะสามารถ ลดความต้องการแรงงานลงกว่า 2 ล้านคน7 ที่มา รายงานการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย พ.ศ. 2553 - 2583 (ฉบับปรับปรุง) สศช. 0 10 รอยละ 2565 16.4 64.1 19.5 15.4 61.4 23.2 14.3 14.3 26.9 58.8 29.9 58.8 รอยละ 2570รอยละ 2575รอยละ 2580 20 30 40 50 60 70 0-14 ป 15-59 ป 60 ปข�้นไป การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนและโครงสร้างประชากร การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรสู่สังคมสูงวัย และผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ การเปลี่ยนแปลงโครงสรางประชากร สูสังคมสูงวัยและผลกระทบ ตอการพัฒนาประเทศ ผลกระทบตอการพัฒนาเศรษฐกิจ • การเจร�ญเติบโตทางเศรษฐกิจเพ�่มข�้น ในอันตราที่ชาหร�อลดลง • การออมและการลงทุนลดลง • ภาระการคลัง : สวัสดิการเพ�่อดูแล ผูสูงอายุเพ�่มข�้นตามจำนวนผูสูงอายุ ที่เพ�่มข�้น • ความไมมั่นคงทางการเง�นภายหลังเกษียณ • ผูสูงอายุหลายกลุมเปราะบางทางสังคม • ผูสูงอายุมีแนวโนมการอยูคนเดียวมากข�้น • ผูสูงอายุจำนวนมากยังมีระดับการศึกษา ต่ำกวาประถมศึกษา • ภาวะสุขภาพของผูสูงอายุมีแนวโนม เสื่อมโทรม เมื่ออายุมากข�้น • โครงสรางพ�้นฐานและสภาพแวดลอม ยังไมเอื้อตอการดำเนินชีว�ตที่มีคุณภาพ ผลกระทบตอการพัฒนาสังคม


12 บทที่ 1 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 2) การส่งเสริมให้ผู้อายุเข้าสู่ตลาดแรงงาน ผลการส�ำรวจในรายงานการส�ำรวจประชากรผู้สูงอายุ ในประเทศไทย พ.ศ. 2564 โดยส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าผู้สูงอายุร้อยละ 34.7 ยังคงท�ำงานอยู่ โดย ผู้สูงอายุชายที่ท�ำงานมีสัดส่วนสูงกว่าผู้สูงอายุหญิง (ร้อยละ 44.4 และ 26.7 ตามล�ำดับ) เมื่อพิจารณาการ ท�ำงานของผู้สูงอายุตามช่วงวัย พบว่า ผู้สูงอายุวัยต้น (อายุ 60 - 69 ปี) มีสัดส่วนการท�ำงานสูงที่สุด คือ ร้อยละ 49.2 โดยทุกกลุ่มช่วงวัยผู้สูงอายุชายที่ท�ำงาน มีสัดส่วนสูงกว่าผู้สูงอายุหญิง และผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ นอกเขตเทศบาลมีสัดส่วนของผู้ที่ท�ำงานสูงกว่า ในเขตเทศบาล (ร้อยละ 37.6 และ 30.5 ตามล�ำดับ) โดยมีลักษณะงานเป็นการท�ำงานส่วนตัวโดยไม่มี ลูกจ้าง ร้อยละ 64.8 รองลงมาเป็นผู้ที่ช่วยธุรกิจ ในครัวเรือนโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ร้อยละ 18.8 และเป็น นายจ้างร้อยละ 3.4 ในขณะที่เป็นลูกจ้าง (รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน) มีร้อยละ 13.0 โดยเหตุผลของ การท�ำงานคือ (1) สุขภาพแข็งแรงและมีแรงท�ำงาน ร้อยละ 47.3 (2) ต้องหารายได้เลี้ยงครอบครัวหรือ ตนเอง ร้อยละ 44.6 (3) ที่เหลือร้อยละ 8.1 เป็นอาชีพ ประจ�ำไม่มีใครดูแลแทน และ/หรือช่วยสมาชิกในครัวเรือน และยังต้องใช้หนี้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงภาวะการท�ำงานและ สุขภาพควบคู่กันพบว่า ผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดี มีแนวโน้มที่จะท�ำงานเชิงเศรษฐกิจมากกว่าผู้สูงอายุ ที่สุขภาพไม่ดี ทั้งในกลุ่มผู้สูงอายุวัย 60 - 79 ปี และผู้สูงอายุที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไป เมื่อพิจารณาความ ต้องการท�ำงานร่วมด้วย พบว่ายังมีอีกประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ที่มีอายุ 60 - 79 ปี ที่ยังมีสุขภาพดี ต้องการท�ำงาน แต่ไม่มีโอกาสท�ำงาน ซึ่งน่าจะสะท้อนว่ายังมีผู้สูงอายุ ที่น่าจะยังมีศักยภาพอีกส่วนหนึ่งที่ยังขาดโอกาสในการ เข้าร่วมท�ำงานเชิงเศรษฐกิจ ในทางตรงกันข้ามพบว่า เกือบ 1 ใน 5 ของผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 - 79 ปี ที่มีปัญหา สุขภาพและไม่ต้องการท�ำงาน แต่ยังต้องท�ำงาน ซึ่งน่าจะ เนื่องมาจากการขาดหลักประกันทางเศรษฐกิจที่มั่นคง ส�ำหรับผู้สูงอายุที่ยังไม่มีงานท�ำ เพียงร้อยละ 0.8 ของผู้สูงอายุที่ไม่ท�ำงานทั้งหมด ต้องการท�ำงาน และก�ำลังหางานท�ำ ซึ่งเป็นผู้สูงอายุกลุ่มอายุ 60 - 69 ปี สูงถึงร้อยละ 85.1 แต่ผู้สูงอายุที่ต้องการท�ำงาน และหางานท�ำลดลงตามวัยที่สูงขึ้น ส�ำหรับประเภทงาน ที่ผู้สูงอายุที่ก�ำลังหางานท�ำ สนใจอยากท�ำงานมากที่สุด คือ ธุรกิจส่วนตัวหรือค้าขาย (ร้อยละ 40.1) รองลงมา คือ ท�ำการเกษตร/ปศุสัตว์/ประมง (ร้อยละ 33.5) รับจ้างทั่วไป (ร้อยละ 18.0) และลูกจ้างเอกชน (ร้อยละ 5.3) ตามล�ำดับ ปัจจุบันผลการส�ำรวจในรายงานการส�ำรวจ ประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2564 โดย ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าผู้สูงอายุของไทย มีชั่วโมงการท�ำงานเฉลี่ย 35.7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ • ด้านการออมและการลงทุนลดลง แม้ว่าอัตราการออมจะเพิ่มขึ้นตลอดช่วงอายุ ของการท�ำงาน แต่การออมจะลดลงเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ มากขึ้นจนเกษียณอายุ ซึ่งจากรายงานผลส�ำรวจทักษะ ทางการเงินของคนไทยโดยธนาคารแห่งประเทศไทย และส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ (2563) พบว่า แม้ว่าจะ ตระหนักถึงความส�ำคัญของการออมสูงขึ้น แต่การ ออมก็ไม่เพิ่มขึ้น สาเหตุส�ำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มประชากร ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท ทั่วประเทศ คือ รายได้ ไม่พอเหลือไว้ออม มีความจ�ำเป็นต้องใช้เงินและมีภาระ หนี้สิน ดังนั้น หากไม่มีการเตรียมความพร้อมด้าน การเงินให้ประชากรก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ โดยเฉพาะ กลุ่มประชากรที่ยากจน เมื่อโครงสร้างประชากร เปลี่ยนแปลงเป็นสังคมผู้สูงอายุ ประชากรวัยแรงงาน ลดลง จะท�ำให้ระดับการออมโดยรวมของประเทศลดลง และความต้องการลงทุนจะลดลงไปพร้อมกับการลดลง ของการออมโดยรวมของประเทศ • ภาระการคลัง : สวัสดิการเพื่อดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มขึ้นตามจ�ำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น งบประมาณรายจ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการเพื่อดูแล ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น ภาครัฐต้องใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการ


บทที่ 1 13 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ ทางสังคมส�ำหรับผู้สูงอายุมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลา 10 ปี (2553 - 2562) ค่าใช้จ่าย ส�ำหรับสวัสดิการผู้สูงอายุเพิ่มร้อยละ 171.23 เนื่องจาก ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง8 นอกจากนี้ผลการศึกษา ของ สศช. พบว่า สังคมในปี 2575 จะประกอบด้วย ประชากรรุ่น Gen X จะกลายเป็นกลุ่มวัยเกษียณ (อายุ 52 - 67 ปี) ส่วน Gen Y จะมีอายุอยู่ในช่วง 36 - 51 ปี ซึ่งปัจจุบันประชากร Gen X and Y มีสัดส่วนประชากร ประมาณมากกว่าร้อยละ 46 ซึ่งคาดการณ์ว่าประมาณ 10 - 15 ปี ในอนาคตจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งผลการ ศึกษาจากหลายแหล่งการศึกษา เช่น ส�ำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง สรุปว่า หากจ�ำนวนผู้สูงอายุที่มี สิทธิเพิ่มขึ้น จะท�ำให้ค่าใช้จ่ายสวัสดิการสังคมส�ำหรับ ผู้สูงอายุเป็นภาระทางการคลังที่เป็นรายจ่ายของ ภาครัฐในอนาคต ดังนั้น ประเทศไทยจ�ำเป็นที่ต้อง รักษาและเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพื่อ รองรับค่าใช้จ่ายในการดูแลสวัสดิการ โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุในอนาคต หรือเตรียมความพร้อมประชากร Gen X and Y ก่อนวัยสูงอายุ เพื่อลดภาระทางการ คลังในอนาคต • ความไม่มั่นคงทางการเงินภายหลังเกษียณ นอกจากผลกระทบที่เกิดขึ้นในระดับภาพรวมแล้ว การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุยังก่อให้เกิดความเสี่ยง ต่อผู้สูงอายุ เช่น การมีชีวิตยืนยาวเกินกว่ามูลค่า ทรัพย์สินที่สะสมในช่วงวัยหลังเกษียณหรือ ไม่สามารถ ท�ำงานสร้างรายได้ ซึ่งส่วนหนึ่งคือค่าครองชีพสูงขึ้น จากสภาวะเงินเฟ้อ ท�ำให้ของแพงขึ้น เงินในอนาคต ลดลง และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นปีละ ประมาณร้อยละ 5 - 8 จึงท�ำให้เงินเก็บหลังเกษียณ ไม่เพียงพออีกต่อไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาครัฐเร่งเพิ่มมาตรการ ชดเชยความเสี่ยงให้ผู้สูงอายุ โดยท�ำให้ผู้สูงอายุเข้าสู่ ตลาดแรงานหรือมีงานท�ำหรือสร้างรายได้ และส่งเสริม การออมระยะยาวในภาคครัวเรือน โดยพัฒนาหรือสร้าง เครื่องมือที่ชดเชยความเสี่ยง เช่น การสร้างผลิตภัณฑ์ ทางการเงินระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุมากขึ้น เช่น ประกันชีวิตระยะยาว ตราสารทางการเงินระยะยาวที่ให้ ผลตอบแทนเป็นกระแสเงินรับหลังจากเกษียณอายุ เป็นต้น แต่ปัจจุบันผู้สูงอายุยังต้องเผชิญกับความ ไม่มั่นคงทางการเงินภายหลังเกษียณ เกิดขึ้นจาก จนก่อนแก่ ซึ่งมีสาเหตุที่ส�ำคัญจาก (1) มีพฤติกรรมการออมน้อยหรือไม่มีเหลือ ให้ออม สะท้อนจากสถิติของการประชาชนทั่วไปยังมี การเข้าสู่ระบบหลักประกันและระบบการออมค่อนข้างน้อย โดยเป็นสมาชิกกองทุนออมแห่งชาติเพียง 2.4 ล้านคน (ข้อมูล ณ พฤษภาคม 2564) ซึ่งมีสาเหตุมาจากการ มีรายได้ไม่เพียงพอไว้ออม มีเหตุจ�ำเป็นต้องใช้เงิน และมีภาระหนี้สิน โดยเฉพาะกลุ่มวัยเริ่มท�ำงาน (ช่วงอายุ 25 - 35 ปี) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการส�ำรวจของ ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ (2565) รายงานการส�ำรวจ ประชากรผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. 2564 พบว่า ร้อยละ 54.3 ของผู้สูงอายุมีการออม แต่พฤติกรรม ออมเพื่อใช้ยามฉุกเฉินมากกว่าการออมในระยะยาว เพื่อการใช้ชีวิตหลังจากเกษียณอายุ (2) อัตราการสมทบหรือมาตรการช่วยเหลือ แบบให้เปล่าจากภาครัฐยังไม่สามารถน�ำไปสู่จ�ำนวน เงินที่เพียงพอเพื่อไว้ใช้ยามเกษียณได้ โดยผลจาก การศึกษา9 พบว่าประเทศไทยมีอัตราการทดแทน รายได้หลังเกษียณที่ร้อยละ 37.5 (ค่าเฉลี่ยของ OECD อยู่ที่ร้อยละ 52) ซึ่งหากต้องการให้มีระดับรายได้ ที่เพียงพอต่อการด�ำรงชีพหลังเกษียณ โดยอัตราทดแทน รายได้หลังเกษียณของไทยควรอยู่ที่ร้อยละ 50 - 60 (3) ยังไม่มีระบบการออมภาคบังคับส�ำหรับกลุ่ม แรงงานนอกระบบซึ่งมีสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ คนไทยหลายคนยังไม่มีหลักประกันด้านรายได้ 8 ส�ำนักงบประมาณของรัฐสภา เรื่อง แนวทางการบริหารจัดการงบประมาณ รายจ่ายด้านสวัสดิการสังคมส�ำหรับการดูแลผู้สูงอายุ (2562) 9 จากข้อมูล Gross Pension Replacement Rate pension benefit as a share of individual lifetime average earnings ของ OECD ในปี 2018 และการศึกษาของ Deloitte & Touche Consulting Group ภายใต้การด�ำเนินการ ของส�ำนักงานเศรษฐกิจการคลัง


14 บทที่ 1 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ ดังนั้น ผู้สูงอายุจ�ำนวนมากมีรายได้ต�่ำกว่า เส้นความยากจน และยังต้องพึ่งพารายได้จากแหล่ง อื่นๆ ซึ่งผลจากการศึกษาของ สศช.10 พบว่า ในปี 2564 มีผู้สูงอายุที่มีรายได้ต�่ำกว่าเส้นยากจน (30,000 บาท ต่อปี) ถึงร้อยละ 34 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุ ทั้งหมด ซึ่งแหล่งรายได้ในการด�ำรงชีวิตของผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่ มาจากการท�ำงานร้อยละ 32.4 จากบุตร ร้อยละ 32.2 และเบี้ยยังชีพร้อยละ 19.2 จึงท�ำให้รายได้ เฉลี่ยต่อปีของผู้สูงอายุทั้งที่เป็นตัวเงินและสิ่งของ ที่สามารถประเมินมูลค่าได้ (ผลการส�ำรวจในรายงาน การส�ำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทย พ.ศ. 2564 โดยส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ) ดังนี้ กลุ่มผู้สูงอายุที่มี รายได้นั้น มีรายได้เฉลี่ยต่อปี 10,000 - 29,999 บาท มากที่สุด (ร้อยละ 25.0) รองลงมาคือ มีรายได้เฉลี่ย ต่อปี 30,000 - 49,999 บาท และรายได้เฉลี่ยต่อปี 50,000 - 69,999 บาท (ร้อยละ 20.3 และ 15.2 ตามล�ำดับ) ผู้สูงอายุที่มีรายได้เฉลี่ยต่อปี 300,000 บาท ขึ้นไป มีเพียงร้อยละ 6.0 ในขณะที่ผู้มีรายได้เฉลี่ยต�่ำกว่า 10,000 บาท มีร้อยละ 9.0 ซึ่งสะท้อนว่าเป็นผู้มีรายได้ ปานกลาง ในอนาคตหากไม่มีกิจกรรมหรือแนวทางใดๆ อาจมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการครองชีพหากอายุยืน นอกจากนี้ผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 41.4 มีเงินออมต�่ำกว่า 50,000 บาท นอกจากนี้ข้อมูลการ ส�ำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนในปี 2562 ของ สศช. พบว่า มีครัวเรือนเพียง 1.2 แสนครัวเรือน เท่านั้น ที่มีรายได้สูงกว่า 2.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 0.5 ของครัวเรือนทั้งประเทศ ในขณะที่ผลจาก การศึกษาของสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศ (2562) ระบุว่า คนรายได้ปานกลางอาศัยในเขตเมืองจะต้องเก็บ ออมเงิน ประมาณ 4.3 ล้านบาท เมื่ออายุ 60 ปี ถึงจะมี เงินเพียงพอใช้จ่ายจนถึงอายุ 100 ปี ส่วนคนรายได้ ปานกลางที่อาศัยในเขตชนบทจะต้องมีเงินออมประมาณ 2.8 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนว่าผู้สูงอายุไม่สามารถอาศัย อยู่ในเขตเมืองได้ในอนาคต 2. ผลกระทบต่อการพัฒนาสังคม แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะได้ให้ความส�ำคัญการดูแล ผู้สูงอายุ แต่เนื่องจากจ�ำนวนผู้สูงอายุมีปริมาณเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง และการด�ำเนินงานของภาครัฐยังต้อง เผชิญกับปัญหาและอุปสรรค อาทิ เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ที่ได้รับต่อคนไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายขั้นต�่ำเพื่อการ ยังชีพ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องอาศัยเบี้ยยังชีพเป็น แหล่งรายรับเพียงแหล่งเดียวจะต้องประสบปัญหา ในการด�ำรงชีพ นอกจากนี้ระบบบ�ำนาญที่มีอยู่ยังไม่ ครอบคลุมประชากรทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มแรงงาน นอกระบบ ท�ำให้กลุ่มนี้จะไม่มีความมั่นคงทางรายได้ แม้ว่าภาครัฐจะมีมาตรการ เช่น การจัดตั้งกองทุนการออม แห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในวัยแรงงานหันมาออม เงินผ่านกองทุนดังกล่าว แต่หลักเกณฑ์ของรัฐยังไม่จูงใจ ประกอบกับรายได้ที่ได้รับไม่เพียงพอกับรายจ่าย เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น กฎหมายด้านการจ้างงานภาครัฐ ยังขาดมาตรการที่ชัดเจน และแม้ว่าจะมีแรงจูงใจ ด้านภาษีเพื่อส่งเสริมให้มีการจ้างงานผู้สูงอายุของภาค เอกชน แต่แรงงานผู้สูงอายุส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอก ระบบ ส่วนใหญ่ยังขาดทักษะที่ตรงกับความต้องการ ของภาคเอกชน เป็นต้น จากปัญหาดังกล่าวท�ำให้เกิด ผลกระทบทางด้านสังคมที่ส�ำคัญ ดังนี้ • ผู้สูงอายุ : กลายเป็นกลุ่มเปราะบางทางสังคม ผลการศึกษาของ ศ.ดร. วรเวศน์ สุวรรณระดา11 ได้จ�ำแนกความเปราะบางของผู้สูงอายุ โดยพิจารณา จากด้านสุขภาพอันเนื่องมาจากความเสื่อมถอย และ ความเปราะบางด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ผู้สูงอายุ บางกลุ่มไม่สามารถเข้าถึงสิทธิที่พึงได้รับ รวมทั้งรายได้ จากการมีงานท�ำไม่เพียงพอกับรายจ่าย โดยแบ่งกลุ่ม ผู้สูงอายุเปราะบางไว้ ดังนี้ (1) ผู้สูงอายุที่อยู่ในสภาวะพึ่งพา เมื่ออายุมากขึ้น การท�ำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายค่อยๆ เสื่อม ถอยลง ส่งผลท�ำให้ระดับการช่วยเหลือตนเองลดลง 10 ส�ำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2565-2580) แผนพัฒนาประชากรเพื่อการพัฒนาประเทศระยะยาว 11 ส�ำรวจผู้สูงวัย 6 กลุ่มเปราะบาง ความท้าทายที่ต้องเผชิญ - มูลนิธิ สถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (thaitgri.org)


บทที่ 1 15 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ รวมทั้งยังมีการเจ็บด้วยโรคเรื้อรังไร้เชื้อ ได้แก่ NCDs (โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจโต ถุงลม โป่งพอง โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน ลงพุง) มีจ�ำนวนมากขึ้น รักษาไม่หาย มีภาวะพึ่งพา ต้องการการดูแลแบบต่อเนื่องและระยะยาว ปัจจุบัน โรค NCDs เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของไทยถึง 1,000 คนต่อวัน หรือ 4 แสนคนต่อปี ซึ่งคิดเป็นมูลค่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจถึงปีละ 1.6 ล้านล้านบาท หรือร้อยละ 9.7 ของ GDP12 และประชากรตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไปหรือผู้สูงอายุ อัตราป่วยตายด้วยโรค NCDs มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี อาทิ ความดันโลหิตสูง โดยในปี 2562 ผู้สูงอายุตายด้วยสาเหตุโรคความดัน โลหิตสูงถึงร้อยละ 44.07 ของประชากรที่ป่วยเป็นโรค ความดันโลหิตสูงทั้งหมดทุกช่วงอายุ (2) ผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง จากรายงานการ ส�ำรวจประชากรผู้สูงอายุในประเทศไทยของส�ำนักงาน สถิติแห่งชาติ พบว่า จ�ำนวนผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง ในประเทศไทยได้เพิ่มขึ้นตามจ�ำนวนประชากรผู้สูงอายุ ภายในประเทศ ในลักษณะแปรผันตามกันจากสถิติ จ�ำนวนผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง คาดว่าปัจจุบันจ�ำนวน ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งในประเทศไทยน่าจะมีไม่ต�่ำกว่า 1,000,000 คน และจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องไปจนถึง จุดสูงสุดในปี พ.ศ.2574 สาเหตุที่ผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง มีหลายประการ ประกอบด้วย (1) การเปลี่ยนแปลงของ สังคมเมืองที่ค่อยๆ ขยายและกระจายตัวออกไปยัง สังคมเกษตร จนกระทั่งสังคมเกษตรดั้งเดิมค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสังคมเมืองเพิ่มมากขึ้น อันส่งผลต่อการ เปลี่ยนแปลงรูปแบบครอบครัว จากครอบครัวขยายที่ อยู่ร่วมกันตั้งแต่ปู่ย่าตายายลงมาถึงรุ่นหลาน กลายเป็น ครอบครัวเดี่ยวที่อยู่กันเฉพาะครอบครัวพ่อแม่ลูก (2) การเปลี่ยนแปลงอาชีพด้านเกษตรกรรมสู่ภาค อุตสาหกรรมและบริการในเมือง เนื่องจากมีค่า ตอบแทนที่สูงกว่า ท�ำให้เกษตรกรผู้ซึ่งเคยท�ำหน้าที่ดูแล ผู้สูงอายุต้องอพยพย้ายถิ่นฐานไปตามหน้าที่การงาน (3) คุณธรรมที่เสื่อมถอยของผู้คนในสังคมที่ลืมความ กตัญญูต่อผู้มีคุณในอดีต และการให้ความส�ำคัญกับ ครอบครัวใหม่มากกว่าครอบครัวเดิม เป็นต้น การทอดทิ้งผู้สูงอายุได้ส่งผลกระทบต่อทั้งตัวผู้สูงอายุ และประเทศชาติ กล่าวคือ ในส่วนตัวของผู้สูงอายุจะได้ รับผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของตนเองไม่ว่าจะ ด้านร่างกายหรือจิตใจ ส่วนประเทศชาตินั้น ในแต่ละปี รัฐต้องสูญเสียงบประมาณเป็นจ�ำนวนมากส�ำหรับ การจัดท�ำบริการสาธารณะส�ำหรับการดูแลผู้สูงอายุ กลุ่มนี้ และที่ส�ำคัญคือ สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมด้าน ความกตัญญูที่เสื่อมถอยลงของสังคมไทย (3) ผู้สูงอายุไร้บ้าน จากข้อมูลสถิติจากศูนย์ ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 พบว่า ปัญหาผู้สูงอายุ พลัดหลง สูญหาย เร่ร่อน มากที่สุด และในระยะ 3 ปี ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ต่อมาคือการถูกเอา ประโยชน์ ในด้านทรัพย์สินโดยคนในครอบครัว และคนนอก ซึ่งปี 2548 มี 70 ราย แต่ปี 2559 เพิ่มเป็น 700 ราย และมีแนวโน้มเป็นกลุ่มคนไร้บ้าน หน้าใหม่ (first-time homelessness) ในช่วงหลัง อายุ 50 ปี เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจ ว่างงานหรือต้องออกจากงาน ไม่มีเงินเพียงพอที่จะ เช่าบ้านหรือจ่ายค่าที่พักอาศัยได้ต่อไป (4) ผู้สูงอายุในกลุ่มคนไทยไร้สิทธิหรือมีปัญหา สถานะบุคคล ผู้สูงอายุในกลุ่มคนไทยไร้สิทธิจะเป็น บุคคลที่มีสัญชาติไทยหรืออ้างว่ามีสัญชาติไทย แต่ยัง ไม่ได้รับการก�ำหนดสถานะบุคคลที่ถูกต้อง ท�ำให้ไม่ได้รับ สิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิพลเมือง เนื่องจากไม่มีชื่อ ในระบบทะเบียนราษฎรที่ถูกต้อง หรือได้รับการจัดท�ำ ทะเบียนราษฎรแล้วไม่ถูกต้อง หรือเป็นคนไทยที่อยู่ ระหว่างการเพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร ข้อมูลผู้สูงอายุ จากการส�ำรวจและให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนไทย ไร้สิทธิในปี 2563 มีประมาณ 500 คน ในจ�ำนวนนี้ 12 โรค NCDs ฆาตกรเงียบที่คุกคามอนาคตประเทศไทย | สหประชาชาติ ในประเทศไทย (un.org)


16 บทที่ 1 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ มีผู้สูงอายุประมาณ 82 คน (ร้อยละ 16) ผู้สูงอายุกลุ่มนี้ เป็นบุคคลตกหล่นทางทะเบียนราษฎรหรือไม่สามารถ พิสูจน์ได้ว่ามีสัญชาติไทย ท�ำให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ พื้นฐานที่คนไทยพึงได้รับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไม่ถึง หลักประกันสุขภาพ (5) ผู้สูงอายุและผู้ใกล้สูงอายุที่ย้ายถิ่นย้อนกลับ เมื่อพิจารณาสถานการณ์การย้ายถิ่นภายในประเทศไทย เริ่มมีกระแสการย้ายถิ่นกลับของกลุ่มวัยแรงงานก่อนเกษียณ และกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการย้ายถิ่นเพราะขาดคน ดูแลของกลุ่มสูงอายุตอนกลางและตอนปลาย ส่งผล ให้เรื่องการจัดเตรียมบริการสนับสนุนส�ำหรับผู้สูงอายุ ในพื้นที่ต้นทางที่มีการย้ายถิ่นกลับเข้าไป ทวีความ ส�ำคัญยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ย้ายถิ่นจากเมืองกลับสู่ชนบท (6) ผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ ในปี 2562 มีการประมาณจ�ำนวนประชากรที่มีความ หลากหลายทางเพศของประเทศไทยอยู่ที่ 3.6 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 0.97 (LGBT Capital 2020) ของ ประชากรที่มีความหลากหลายทางเพศทั่วโลก และหาก น�ำโครงสร้างอายุของประชากรที่มีความหลากหลาย ทางเพศของประเทศต่างๆ มาปรับใช้กับประเทศไทย จะได้ตัวเลขประมาณการประชากรสูงอายุไทยที่มีความ หลากหลายทางเพศและอายุ 50+ อยู่ระหว่าง 298,800 คน (โครงสร้างอายุของสหภาพยุโรป) ถึง 1.2 ล้านคน (โครงสร้างอายุของสหราชอาณาจักร) ประเทศไทยยัง ไม่มีการส�ำรวจผู้สูงอายุที่มีความหลากหลายทางเพศ ประเทศไทยอาจต้องมีการเตรียมความพร้อม เพื่อดูแลประชากรสูงอายุกลุ่มเฉพาะนี้ เพราะ นอกจากจะประสบปัญหาพื้นฐานเช่นเดียวกับ ผู้สูงอายุทั่วไปแล้ว (มีภาวะพึ่งพิง และขาดหลักประกัน ความมั่นคงทางการเงิน) ผู้สูงอายุกลุ่มเฉพาะยังต้อง ประสบกับปัญหาซับซ้อนเฉพาะกลุ่มอีก เช่น การมี ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงกว่าประชากรทั่วไป เนื่องจาก พฤติกรรมและรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม อีกทั้ง เข้าไม่ถึงสิทธิในการรักษาหรือถูกเลือกปฏิบัติ ส่งผลให้ ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการรักษาเอง หรือในหลายราย เลือกที่จะไม่เข้าสู่ระบบการรักษาพยาบาล • ผู้สูงอายุมีแนวโน้มการอยู่คนเดียวมากขึ้น ข้อมูลจากรายงานการส�ำรวจประชากรผู้สูงอายุใน ประเทศไทย พ.ศ. 2564 โดยส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า สัดส่วนของผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวตามล�ำพัง ในครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ในปี 2537 มีผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวล�ำพังร้อยละ 3.6 ในปี 2545  เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 6.3 ในปี 2550 เพิ่มเป็น ร้อยละ 7.7 ในปี 2560 เพิ่มเป็นร้อยละ 10.8 และในปี 2564 เป็นร้อยละ 12.0 ทั้งนี้ร้อยละ 56.7 ของผู้สูงอายุ ที่อยู่คนเดียวตามล�ำพังไม่มีปัญหา ที่เหลือร้อยละ 43.3 มีปัญหา โดยปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่พบบ่อยที่สุด คือ “ความรู้สึกเหงา” สูงถึงร้อยละ 51.2  ของผู้สูงอายุ ที่อยู่คนเดียว รองลงมาคือปัญหาไม่มีคนดูแลเมื่อ เจ็บป่วย ร้อยละ 27.5 ปัญหาด้านการเงินที่ต้อง เลี้ยงชีพ  ร้อยละ 15.7 และร้อยละ 5.3 ไม่มีลูกหลาน มาช่วยแบ่งเบาภาระภายในบ้าน นอกจากนี้ในอนาคต ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวมีแนวโน้มมากขึ้น เพราะ ทัศนคติในการด�ำเนินชีวิตและค่านิยมสมัยใหม่ ท�ำให้ ครอบครัวมีขนาดเล็กลง และมีการเปลี่ยนแปลงทาง โครงสร้างและรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นจากในอดีต ที่มีลักษณะเป็นครอบครัวเดียวพ่อแม่ลูก กลายเป็น ครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงหรืออาจเป็นครัวเรือน คนเดียว โดยคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีสัดส่วนถึง 1 ใน 5 ของครัวเรือนทั้งหมด • ผู้สูงอายุจ�ำนวนมากยังมีระดับการศึกษาต�่ำกว่า ประถมศึกษา ข้อมูลจากรายงานการส�ำรวจประชากรผู้สูงอายุ ในประเทศไทย พ.ศ. 2564 โดยส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า แม้ว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ร้อยละ 92.7 เป็นผู้ได้รับ การศึกษา แต่ร้อยละ 7.5 เท่านั้นเป็นผู้สูงอายุที่ ส�ำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่า ในขณะที่ ร้อยละ 64.5 จบระดับที่ต�่ำกว่าประถมศึกษา ซึ่งจะน�ำไป สู่ความเปราะบางในการเข้าสู่ตลาดงานในอนาคต


บทที่ 1 17 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ ดังนั้น การพัฒนาศักยภาพของผู้สูงอายุที่มีความ ต้องการท�ำงานให้สามารถตอบสนองความต้องการ แรงงานภายใต้การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มี ความรวดเร็ว • ภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุมีแนวโน้มเสื่อมโทรม เมื่อมีอายุมากขึ้น แม้ว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 96.9 เป็นกลุ่มติดสังคม และที่เหลือคือ ร้อยละ 1.8 ติดบ้าน13 ในขณะที่ร้อยละ 1.3 ติดเตียง ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมี โรคเรื้อรัง 5 อันดับที่พบมากในผู้สูงอายุคือ ความดัน โลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วนลงพุง และโรคข้อเสื่อม นอกจากนี้มีผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 70 ที่สายตาไม่ดี มองเห็นไม่ชัดเจน และเกือบครึ่งหนึ่งมีปัญหาในการ บดเคี้ยวอาหาร เนื่องจากเหลือฟันแท้ในปากไม่ถึง 20 ซี่ เป็นต้น จากข้อมูลการติดตามและประเมินผลการ ด�ำเนินงานตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติในช่วง 15 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของผู้สูงอายุที่มีภาวะ ทุพพลภาพเพิ่มสูงขึ้น จากการประมาณแนวโน้มการ อยู่ในภาวะพึ่งพิงของผู้สูงอายุ พบว่าผู้สูงอายุที่อยู่ใน ภาวะพึ่งพิงที่วัดจากการมีข้อจ�ำกัดในการท�ำกิจวัตร ประจ�ำวันตั้งแต่ 1 ด้านขึ้นไป จะเพิ่มจากประมาณ 6 แสนคน ในปีพ.ศ. 2559 เป็นประมาณ 1.6 ล้านคน ในปี พ.ศ. 259314 ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการดูแล สุขภาพที่พึงประสงค์ (ออกก�ำลังกาย รับประทานผัก และผลไม้สด ดื่มน�้ำสะอาดวันละ 8 แก้วหรือมากกว่า เป็นประจ�ำ และไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่) มีเพียงร้อยละ 25.1 หรือ 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งผล จากการเสื่อมโทรมของสุขภาพท�ำให้เป็นสาเหตุหลัก ของการหกล้มที่จะน�ำไปสู่ปัญหาการเป็นผู้สูงอายุ ติดเตียง โดยผลการศึกษาของส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า การหกล้มและจ�ำนวนครั้งของการหกล้มมีความ สัมพันธ์สอดคล้องกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น และสาเหตุ ของการหกล้มคือ ลื่น สะดุด พื้นต่างระดับ ตกบันได หน้ามืด มองเห็นไม่ชัด เป็นต้น เป็นผลให้ความต้องการ การดูแลระยะกลางและการดูแลระยะยาวจะเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งโรคจะมีความซับซ้อนขึ้น เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคการเคลื่อนไหวผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งต้องอาศัยผู้ดูแล ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะและมีทักษะการดูแลในระดับสูง การดูแลระยะยาวนี้จะส่งผลให้มีความต้องการผู้ดูแล เพิ่มขึ้น ทั้งผู้ดูแลที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งจะ ส่งผลท�ำให้เกิดการขาดแคลนผู้ดูแล เกิดภาระทางการ คลังของรัฐ มีการคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ ของผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นหากผู้สูงอายุกลุ่มนี้มีฐานะยากจน ความเหลื่อมล�้ำของการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีมาตรฐาน อาจจะเพิ่มขึ้น • โครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมยังไม่เอื้อ ต่อการด�ำเนินชีวิตที่มีคุณภาพ การจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อม โดยภาครัฐ ที่ผ่านมารัฐได้ให้ความส�ำคัญกับการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่รองรับการ ด�ำเนินชีวิตของประชากรในทุกกลุ่มวัย ในทุกมิติ ดังนี้ มิติด้านสุขภาพ มีสถานที่สาธารณะต่างๆ อาทิ สวนสาธารณะ สนามกีฬา ลานอเนกประสงค์ ในพื้นที่ ต่างๆ ทั้งในระดับชุมชน ระดับโรงเรียน ระดับต�ำบล ระดับ อ�ำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ที่เอื้อแก่การมี กิจกรรมทางกายเพื่อเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี จ�ำนวนทั้งสิ้น กว่า 40,000 แห่ง และมิติด้านการศึกษาและการพัฒนา ทักษะ มีสถานที่ที่เอื้อให้เกิดการศึกษาทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แหล่งเรียนรู้กลาง (Co-working space) ห้องสมุดสาธารณะ อีกทั้งยังมีการขนส่งสาธารณะที่เป็น พื้นฐานในการด�ำเนินชีวิตในพื้นที่ต่างๆ หลากหลาย รูปแบบเพื่ออ�ำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการ เคลื่อนย้ายเพื่อด�ำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตามการสร้างสภาพแวดล้อมไม่ได้ครอบคลุม เฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพเท่านั้น แต่ควร รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานในมิติอื่น ๆ ด้วย อาทิ การยอมรับนับถือกันในสังคม การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การออกแบบที่เป็นสากล เป็นมิตร และเป็นธรรมเพื่อ 13 ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ (2564) รายงานการส�ำรวจประชากรสูงอายุ ในประเทศไทย พ.ศ. 2564 14 กรมกิจการผู้สูงอายู (2565) แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2580)


18 บทที่ 1 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ คนทั้งมวล นอกจากนี้สภาพแวดล้อมบางส่วนยังคง เป็นข้อจ�ำกัดในการพัฒนาในบางประการ อาทิ ระบบ ขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุม และยังไม่เอื้อต่อ การใช้ชีวิตของประชากรทุกกลุ่มวัยอย่างแท้จริง ทั้งพื้นที่ทางเท้าที่ไม่เอื้อต่อการด�ำเนินชีวิตของกลุ่ม ผู้พิการ ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะที่ไม่เหมาะสมกับ กลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มผู้พิการ พื้นที่สาธารณะส่วนใหญ่ เสื่อมโทรมไม่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์ และไม่เอื้อต่อการ ให้ประชาชนมีพฤติกรรมทางกายอย่างเหมาะสม รวมทั้ง ยังมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งในเรื่องการจัดการขยะ มลพิษทางน�้ำ และมลพิษทางอากาศ ซึ่งตรงกับผลการ ติดตามประเมินผลการด�ำเนินงานแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ในช่วง 15 ปี พบว่าพื้นที่สาธารณะ สิ่งอ�ำนวย ความสะดวก และบริการต่างๆ ยังเป็นอุปสรรคต่อการ ใช้ชีวิตอย่างสะดวก และปลอดภัยของผู้สูงอายุ บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ผู้อายุต้องมี บ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งต้องมี 5 ลักษณะ คือ (1) บันไดบ้าน ควรเป็นราวบันไดควรมีรูปร่างทรงกลม 2 ข้าง เพื่อการยึดเกาะ มีแสงสว่างให้เพียงพอต่อการ มองเห็น ไม่ควรมีสิ่งของใดๆ วางขวางขณะขึ้นลงบันได ในมือไม่ควรถือสิ่งของทั้ง 2 ข้าง (2) ห้องน�้ำ/ห้องส้วม ต้องมีระยะห่างจากห้องนอนไม่เกิน 3 เมตร มีราวเกาะ เป็นพื้นที่มีอากาศถ่ายเท และมีแสงสว่างที่เพียงพอ (3) ห้องนอน ต้องอยู่ชั้นล่าง โดยภายในห้องนอนต้องมี เตียงนอนที่จัดว่างในต�ำแหน่งที่เข้าออกง่าย พื้นเตียงนอน ไม่ควรแข็งหรือนุ่มเกินไป แสงสว่างเพียงพอ และมีสวิตช์ไฟ ที่หัวเตียงเพื่อง่ายต่อการเปิด-ปิด (4) บริเวณภายในบ้าน พื้นห้องไม่ควรขัดมัน ทางเดินต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 70 ซม. ไม่ควรวางสิ่งของบนพื้นที่ หากเป็นรถเข็น ควรเป็นทางลาดในพื้นที่ต่างระดับ และไม่ควรมีธรณี ประตูเพราะสะดุดล้มได้ (5) อุปกรณ์เครื่องใช้ ควรอยู่ใน ต�ำแหน่งที่หยิบจับง่าย และมีขนาดเล็กและน�้ำหนักเบา ไม่แตกหักง่าย ซึ่งผลการส�ำรวจในปี 2565 โดย ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ผู้สูงอายุอาศัยในบ้าน ที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมร้อยละ 6.1 ปัญหาหลัก ที่ตามมาจากการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อม ที่ไม่เหมาะสม คือ การพลัดตกหกล้ม พบว่าผู้สูงอายุ ประมาณ ร้อยละ 12 เคยหกล้มในระยะ 6 เดือนที่ผ่านมา อันเกิดจากสภาพแวดล้อมในสถานที่อยู่อาศัย เช่น พื้นต่างระดับ พื้นลื่น เป็นต้น


บทที่ 2 ก้าวแรกของ วช. และการออกแบบ เส้นทางประเมินผลกระทบ จากการวิจัยและพัฒนาด้านผู้สูงอายุ


20 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ บทที่ 2 วช. และบทบาทของการบริหารจัดการ ทุนวิจัยและนวัตกรรมด้านสูงวัย ส�ำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ให้ความส�ำคัญ กับการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนา ตั้งแต่ยังเป็นหน่วยงานด้านนโยบายวิจัย และนวัตกรรมของประเทศ และเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด โดยเน้นการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อให้เกิดการยอมรับ เทคโนโลยี (Technology Adoption) ผ่านกลไก การเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตงานวิจัยและผู้ใช้ประโยชน์ จากงานวิจัย อาทิ ตลาดวิจัย เวทีประกวด หรืองาน Research Expo เป็นต้น รวมทั้งมีโครงการการจัดการ ความรู้และขยายผล ที่ให้ความส�ำคัญกับการผสมผสาน ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิทยาการสมัยใหม่ เพื่อท�ำให้ เทคโนโลยีมีความเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และศักยภาพ ของกลุ่มเป้าหมาย (Appropriate Technology) จนท�ำให้ เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสมได้ส�ำเร็จ (Success Technology Transferring) ท�ำให้ผลงานวิจัย และนวัตกรรมสร้างผลกระทบหรือมีส่วนท�ำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงและช่วยพัฒนาประเทศ เป็นผลให้นโยบาย วิจัยและนวัตกรรมของประเทศเชื่อมโยงกับแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งส�ำนักงานสภาพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ให้ความส�ำคัญ กับเรื่องการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยตั้งแต่แผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 ถึงปัจจุบัน ต่อมาเมื่อมีการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรม ของชาติแบบบูรณาการ บทบาทของ วช. เปลี่ยนไปจาก หน่วยงานด้านนโยบายวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ไปเป็นหน่วยงานให้ทุนวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) วช. มีภารกิจและหน้าที่ดังนี้ (1) การให้ทุนวิจัยและนวัตกรรม (2) การจัดท�ำฐานข้อมูลและดัชนีวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมของประเทศ (3) การริเริ่ม ขับเคลื่อน และประสานการด�ำเนินโครงการวิจัยและนวัตกรรม ที่ส�ำคัญของประเทศ (4) การจัดท�ำมาตรฐานและ จริยธรรมการวิจัย (5) การส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้ เพื่อใช้ประโยชน์ (6) การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนา บุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรม (7) การให้รางวัล ประกาศเกียรติคุณหรือยกย่องบุคคลหรือหน่วยงาน ด้านการวิจัยและนวัตกรรม และในปี 2564 ประเทศไทย มีพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย และนวัตกรรม ท�ำให้การน�ำผลงานวิจัยและนวัตกรรม ไปใช้ประโยชน์มีความส�ำคัญเพิ่มมากขึ้น วช. ได้ด�ำเนินการ ต่อยอดกิจกรรม/แผนงาน/โครงการเดิม และเพิ่มเติม กิจกรรม/แผนงาน/โครงการใหม่ ที่เน้นการน�ำผลงาน วิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนสนับสนุนการสร้างผลงาน และการใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อพัฒนาประเทศมากยิ่งขึ้น วช. ได้รับมอบหมาย ให้เป็นผู้รับผิดชอบหลักโปรแกรมภายใต้แพลตฟอร์ม 2 การวิจัยและสร้างนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ท้าทาย ของสังคม ภายใต้แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พ.ศ. 2563 - 2565 ฉบับปรับปรุง ซึ่งประกอบด้วย โปรแกรม 7, 8, 9, 9a, 9b และโปรแกรมอื่นๆ ภายใต้แพลตฟอร์ม อื่นๆ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ตามกฎหมาย ก้าวแรกของ วช. และการออกแบบ เส้นทางประเมินผลกระทบ จากการวิจัยและพัฒนาด้านผู้สูงอายุ


บทที่ 2 21 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ ดังนั้น กรอบวิจัยและนวัตกรรม ของ วช. ประกอบด้วย โปรแกรม 1 และ 5 ภายใต้แพลตฟอร์มที่ 1; โปรแกรม 7, 8, 9, 9a, 9b ภายใต้แพลตฟอร์มที่ 2; โปรแกรม 10, 10a,10b,10c; แพลตฟอร์ม 3 และ โปรแกรม 16 และ 17 ซึ่งเมื่อพิจารณารายละเอียดของโปรแกรมแล้ว พบว่า โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับโครงการวิจัยนี้คือ โปรแกรม 8 รองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ โดยมีเป้าหมาย ใช้ความรู้จากการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาคน ในทุกช่วงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถด�ำรงชีวิต ด้วยตนเองได้อย่างมีคุณค่า และสร้างกลไกที่เอื้อต่อการ อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พร้อมรับสังคมสูงวัย ซึ่ง วช. ได้ใช้เป็นแนวทางในการจัดท�ำกรอบวิจัย และนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุ ปี 2563 - 2565 โดยมี แผนงานทุนท้าทายไทยเพื่อรอบรับสังคมคนสูงวัย ซึ่งมีประเด็น/กลุ่มเรื่องดังนี้ (1) โอกาสและผลกระทบ Aging Society (2) การอยู่ร่วมกันของคนทุกวัย (3) เทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ช่วยเหลือการด�ำรงชีวิต (Assisted living) ส�ำหรับผู้สูงอายุ (4) เปลี่ยนเกษียณ เป็นพลัง (5) สังคมสูงวัยภายใต้วิถีชีวิตใหม่ และ (6) นวัตกรรม Smart Community ส�ำหรับผู้สูงอายุ และคนพิการ โดยมีผลผลิต และ OKR ดังนี้ O2.8 ใชความรู การว�จัยและนวัตกรรม เพ�่อพัฒนาคนในทุกชวงวัยใหมีคุณภาพชีว�ตที่ดี สามารถดำรงชีว�ตดวยตนเองไดอยางมีคุณคา และสรางกลไกที่เอื้อตอการอยูรวมกัน อยางมีความสุข พรอมรับสังคม สูงวัย โปรแกรมที่ 8 สังคมสูงวัย กรอบว�จัย 2563 - 2565 • แนวทางและมาตรการ สรางสังคมแหงการอยู รวมกันของประชากร ทุกชวงวัย • แนวทางการจัดการ และ ระบบการดูแลสวัสดิการ สังคมในระดับทองถิ�น • เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพ�่อยกระดับการใหบร�การ สวัสดิการทุกชวงวัย • การเตร�ยมความพรอม คนรุนใหม ใหสามารถ ดำรงชีว�ตวัยเกษียณ • ระบบการดูแลผูสูงอายุ ที่อาศัยอยูในพ�้นที่เดิม (Aging in Place) ที่ เหมาะสมกับความสามารถ ของผูสูงอายุและบุคลากร ผูดูแล โอกาสและผลกระทบ Aging Society การอยูรวมกัน ของคนทุกชวงวัย เทคโนโลยีหร�อนวัตกรรม ที่ชวยเหลือการดำรงชีว�ต สำหรับผูสูงอายุ เปลี่ยนเกษียณเปนพลัง สังคมสูงวัย ภายใตว�ถีชีว�ตใหม นวัตกรรม Smart Community สำหรับผูสูงอายุ และคนพ�การ • คุณคา ศักดิ์ศร� และ ศักยภาพทางสังคม • ศักยภาพและเสร�มสราง พลังผูสูงอายุโดยอาศัย กลไกชุมชนทองถิ�น • สรางตนแบบธุรกิจใหม ที่เนนการปรับเปลี่ยน การบร�หารจัดการเพ�่อ รองรับบุคลากรในยุค สังคมผูสูงอายุ และดิจิทัล • กฎหมายและระเบียบ ที่เกี่ยวของกับสังคม Upskill/Reskill เพ�่อให ผูสูงอายุสามารถทำงานได • การรวมกลุมของคน รุนใหม ในการทำกิจกรรม เพ�่อสังคมในการดูแล ผูสูงอายุ • เทคโนโลยีและนวัตกรรม ชวยเหลือการทำงานของ ผูสูงอายุและคนพ�การ • ผลิตภัณฑเพ�่อผูสูงอายุ ที่มีมาตรฐานระดับ อุตสาหกรรม เพ�่อการ เขาถึงได • ระบบบร�การเพ�่ออำนวย ความสะดวกในการ ดำรงชีว�ต • พัฒนาสภาพแวดลอม ระบบกายภาพ สุขภาพจิต จิตภาพ ทั้งภายในและ ภายนอกเพ�่อใหผูอายุ สามารถอยูรวมกัน ทุกชวงวัย • ระบบบร�การเฝาระวัง ดูแล ผูสูงอายุและคนพ�การ • ICT ระบบบร�การสุขภาพ เพ�่อใหผูสูงอายุสามารถ เขาถึงระบบบร�การที่ รวดเร็ว ปลอดภัย ปองกันไมใหเกิด ภาวะแทรกซอน • ชุมชนตนแบบ 5G Smart Community ในการ บร�การ จัดการชุมชน สำหรับผูสูงอายุ และคนพ�การ • จัดการระบบฐานขอมูล เพ�่อใหผูสูงอายุสามารถ เขาถึงสิทธิ และสวัสดิการ ไดงาย สะดวก และไดรับ การดูแลอยางครอบคลุม • การเขารวมกลุมของ คนรุนใหม ในการทำ กิจกรรม เพ�่อสังคมในการ ดูแลผูสูงอายุ • พัฒนาสมรรถนะของ ผูสูงอายุ เพ�่อมุงสู Health Ageing และ Active Ageing เพ�่อคุณภาพชีว�ตที่ดี • กลไกหร�อรูปแบบแรงจ�งใจ ใหผูสูงอายุ (60 ป ข�้นไป) เขาสูสังคมแหงการเร�ยนรู • ระบบการทำงาน จางงาน ระบบ E-leaning สำหรับ ผูสูงอายุเพ�่อสรางอาชีพ หลังเกษียณ • รูปแบบและแนวทาง การประกอบอาชีพได ตามทักษณะของผูเกษียณ • รูปแบบของชองทางการ เขาถึง ICT ของผูสูงอายุ ออกแบบหลักสูตรออนไลน เพ�่อพัฒนาคนรุนใหมผาน ประสบการณและทักษะ เฉพาะทางของผูเกษียณ KR 2.8.1 จำนวนองคความรู เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวของกับสังคมสูงวัย รวมถึงโครงสรางประชากร ระบบบร�การ ระบบกำลังคน ระบบขอมูล ระบบเทคโนโลยี ระบบการเง�นการคลัง และกฎหมาย กฎ ระเบียบ ที่เกี่ยวของเปนตน (100 ชิ�น) (Output) KR 2.8.2 รอยละขององคความรู เทคโนโลยี นวัตกรรมและนโยบายที่ถูกนำไปใชเตร�ยมความพรอมเพ�่อรองรับการเขาสูสังคมสูงวัย หร�อแกปญหาสังคมสูงวัย และสนับสนุนใหคนทุกวัยใชชีว�ตรวมกัน รวมถึงลดชองวางระหวางวัยในพ�้นที่ที่กำกับดูแลเปนการเฉพาะ (Sandbox) (รอยละ 60 เทียบกับองคความรู เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ถูกสรางทั้งหมดใน 3 ป คือ 2563 - 2565) (Output) KR 2.8.3 รอยละขององคความรู เทคโนโลยี นวัตกรรมและนโยบายที่ถูกนำไปใชขยายผลตอยอดจากโครงการตนแบบ หร�อโครงการขนาดเล็กอยางครอบคลุมทุกบร�บทของประเทศ สามารถยกระดับ คุณภาพชีว�ตของประชากรทุกชวงวัยไดจร�ง โดยเฉพาะอยางยิ�ง ผูสูงวัยใหสามารถดำรงชีว�ตไดอยางมีคุณคา (รอยละ 60 เทียบกับองคความรู เทคโนโลยี และนวัตกรรมจากโครงการ ตนแบบหร�อโครงการขนาดเล็กทั้งหมดใน 3 ป คือ 2563 - 2565) (Output) KR 2.8.4 จำนวนระบบบร�การหร�อระบบสนับสนุนสำหรับผูสูงอายุ รวมถึงระบบการดูแล ระบบบร�การสุขภาพ และระบบพัฒนาศักยภาพในการทำงานที่พัฒนาเปนตนแบบหร�อพ�้นที่ทดลอง โดยใชการว�จัยและนวัตกรรม (10 ระบบ) (Output) KR 2.8.5 จำนวนผลงานว�จัยเชิงบูรณาการและ/หร�อสหสาขาว�ชา ที่นำไปสูการพัฒนา/ปรับปรุงนโยบาย กฎหมาย มาตรการและแผนงาน/โครงการ ซึ่งมุงเนนการพัฒนาศักยภาพและ สวัสดิภาพ ของผูสูงอายุ (50 ชิ�น) (Output) KR 2.8.6 จำนวนนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ชวยเหลือการดำรงชีว�ต (Assisted lining) หร�อยกระดับคุณภาพชีว�ตสำหรับผูสูงอายุและคนพ�การ (50 ชิ�น) (Output)


22 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ ส�ำหรับในปี 2566 เป็นแผนงาน 9 (P9) การพัฒนา สังคมสูงวัยด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 2 ของแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม พ.ศ. 2566 - 2570 โดยมีเป้าหมาย ที่ให้ประเทศมีความพร้อมในการเป็นสังคมสูงวัย ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ การอยู่ร่วมกัน ของคนทุกช่วงวัย และช่วงวัยแรงงาน (25 - 59 ปี) มีการเตรียมการเข้าสู่วัยสูงอายุ ซึ่งคาดว่าจะเกิด ผลกระทบ ดังนี้ (1) ประเทศมีความพร้อมมากขึ้นในการ เป็นสังคมสูงวัย โดยผู้สูงอายุไทยสามารถพึ่งตนเอง ได้มากขึ้น มีคุณค่าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สังคม (2) ประเทศไทยมีระดับความส�ำเร็จตามดัชนีพฤฒพลัง ผู้สูงอายุสูงขึ้น (3) มีระดับความมั่นคงทางสุขภาพสูงขึ้น สามารถปรับตัวและลดผลกระทบจากภาวะฉุกเฉิน ด้านสุขภาพ ที่เกิดจากโรคระบาดและโรคอุบัติใหม่อุบัติซ�้ำ ในขณะเดียวกันคาดหวังผลลัพธ์ หรือ Key results ดังนี้ (1) Active Ageing Index เท่ากับ 0.8 ในปี พ.ศ. 2570 (2) ผู้สูงอายุไทยที่สามารถพึ่งตนเองได้ มีคุณค่าและ สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สังคม ตามแนวทางการพัฒนา อย่างยั่งยืนมีจ�ำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส�ำคัญ โดยมีหนึ่ง แผนงานส�ำคัญ (Flagship) (F8) พัฒนาผู้สูงอายุในภาค ชนบทและเมืองให้มีศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง มีคุณค่าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สังคม ภายใต้ F8 มี 1 กลุ่มเรื่อง/ประเด็น คือ พัฒนาผู้สูงอายุในภาคชนบท และเมืองให้มีศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง มีคุณค่า และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สังคม และ 2 แผนงานย่อย (Non Flagship) คือ N12 พัฒนานวัตกรรมเพื่อ เตรียมความพร้อมของวัยแรงงานในภาคชนบทและ เมืองเข้าสู่การเป็นผู้สูงวัย และ N13 ส่งเสริมคุณภาพ ชีวิต สภาพแวดล้อมและสังคมเพื่อรองรับการอยู่ร่วม กันของคนทุกช่วงวัย แต่ในกรอบวิจัยและนวัตกรรม ด้านสังคมสูงวัย ปี 2566 ของ วช. ให้ความส�ำคัญกับ N12 ซึ่งภายใต้ N12 ประกอบด้วย 2 ประเด็น/กลุ่มเรื่อง คือ การวิจัยและนวัตกรรมด้านการอยู่ร่วมกันของคน ทุกช่วงวัย และการวิจัยและนวัตกรรมด้านการพัฒนา นวัตกรรมเพื่อรองรับสังคมสูงวัย โดยมีค่าคาดหวัง ของผลผลิต พร้อมค่า OKR ปี 2566 ดังนี้ F8 พัฒนาผูสูงอายุในภาคชนบทและเมืองใหมีศักยภาพในการพ�่งตนเองมีคุณคา และสรางมูลคาเพ�่มใหแกสังคม O1 : มีผูสูงอายุในภาคชนบท/เมืองสามารถพ�่งตนเองได มีคุณคาและสรางมูลคาเพ�่มใหแกสังคมเพ�่มข�้น และมีระดับความสําเร็จตามดัชนีพฤฒพลังผูสูงอายุสูงข�้น โอกาส กลไก การจางงาน สรางรายได • สรางตนแบบธุรกิจใหมที่เนนการปรับเปลี่ยน การบร�หารจัดการเพ�่อรองรับบุคลากร ในยุคสังคมผูสูงอายุ และดิจิทัล • ระบบแนวทางการประกอบอาชีพอิสระ ไดตามทักษะของผูเกษียณอายุ • การปรับตัวของผูสูงอายุใหเขากับเทคโนโลยี • พัฒนาทักษะที่จำเปนสำหรับผูสูงอายุ • กลไก/รูปบบการจางงานสรางงาน สรางรายไดใหแกผูสูงอายุ Empowerment เชื่อมตอระดับนโยบาย สูผูสูงอายุ ผาน อปท. • ขับเคลื่อนขยายผลตนแบบที่เกิดจากผลงาน ว�จัยแบบบูรณาการทุกมิติในพ�้นที่ รูปแบบ sand box เพ�่อคุณภาพชีว�ตที่ดีของ ผูสูงอายุ • นวัตกรรมทางสังคมขับเคลื่อน และ empower ทุกภาคสวนโดยเฉพาะ อปท. เพ�่อสรางคุณภาพชีว�ตผูสูงอายุ ตระหนักและพรอมใชชีว�ต ผานกลไกเร�ยนรู ตอเนื่องตลอดชีว�ต • กลไกและรูปแบบใหผูสูงอายุเขาสูสังคม แหงการเร�ยนรู • พัฒนาชองทางการเขาถึง ICT ของ ผูสูงอายุ • เสนอรูปแบบการเร�ยนรูที่สนองความตองการ เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีดิจิทัล พัฒนาทักษะที่จำเปน เชน อาชีพ Health Literacy Financial Literacy Digital Literacy โดย อปท. และหนวยงานที่เกี่ยวของ • ชุดความรูเพ�่อเปนขอมูลพ�้นฐานให อปท. นำไปใชขับเคลื่อนผูสูงอายุ KR1 : จํานวนนวัตกรรมทางสังคม/เศรษฐกิจ เพ�่อการจางงาน สรางงานและสรางรายได (100 ชิ�น) KR2 : จํานวนผูสูงอายุในชนบทและเมืองไดรับการพัฒนาทักษะที่จําเปนและพ�่งตนเอง โดยหนวยงานภาคสวนตางๆไดแก ทักษะดานงาน/อาชีพ Health Literacy Financial Literacy Digital Literacy (เพ�่มข�้นจํานวน 500,000 คน) KR3 : จํานวน อปท. ที่ดําเนินการพัฒนาทักษะที่จําเปนและเพ�่มความสามารถในการพ�่งตนเอง อยางนอยรอยละ 50 ของผูสูงอายุในความรับผิดชอบ ไดแก ทักษะดานงาน/อาชีพ Health Literacy Financial Literacy Digital Literacy (จํานวน 700 อปท.) KR4 : จํานวนองคความรู เทคโนโลยีนวัตกรรมที่สามารถเพ�่มดัชนีพฤฒพลัง (เพ�่มข�้นจํานวน 200 ชิ�น) KR5 : ประเทศไทยมีระดับความสําเร็จตามดัชนีพฤฒพลังผูสูงอายุสูงข�้น (เพ�่มข�้นเปน 0.8) โปรแกรมที่ 9 สังคมสูงวัยดวยว�ทยาศาสตร ว�จัยและนวัตกรรม กรอบว�จัย 2566


บทที่ 2 23 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ เพื่อให้สามารถด�ำเนินการให้บรรลุเป้าหมายตามที่ ก�ำหนดไว้ในแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ของประเทศ วช. ได้ด�ำเนินการบริหารจัดการโปรแกรม 8 รองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ ช่วงปี 2563 - 2565 และโปรแกรม 9 สังคมสูงวัยด้วยวิจัยและนวัตกรรม ปี 2566 ตลอด Plan Do Check Act ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ภายใต้ระบบนวัตกรรมชาติ ในขั้นตอนดังนี้ • ขั้นตอนที่ 1 การสร้างกลไกบริหารจัดการ โครงการตลอดวงจร PDCA (1) Open call แต่งตั้ง คณะท�ำงานเพื่อท�ำหน้าที่พิจารณาร่างกรอบวิจัยด้าน ผู้สูงอายุและเสนอแนะแนวทางในการก�ำหนดประเด็นและ กลุ่มเรื่องส�ำคัญ และแต่งตั้งคณะผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อ พิจารณาเลือกข้อเสนอโครงการตามหลักเกณฑ์ ที่ก�ำหนด (2) Commissioning แต่งตั้งคณะผู้ตรวจ สอบทางวิชาการเพื่อพิจารณาติดตามและประเมินผล โครงการ และลงพื้นที่เพื่อติดตามและเยี่ยมโครงการ • ขั้นตอนที่ 2 การก�ำหนดกรอบวิจัย (Plan) โดย ได้ด�ำเนินการยกร่างกรอบวิจัย ก�ำหนดประเด็นและกลุ่ม เรื่องที่สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ระดับต่างๆ ของ ประเทศ โดยเฉพาะประเด็นเป้าหมาย และผลสัมฤทธิ์ ที่ส�ำคัญ (Objectives and Key Results) ที่ก�ำหนด ในนโยบายและยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และส่งให้คณะท�ำงานเพื่อพิจารณา อนุมัติก่อนการประกาศรับข้อเสนอการวิจัยและนวัตกรรม ส�ำหรับ Open call แต่ส�ำหรับ Commissioning ไม่ต้อง ประกาศกรอบวิจัย • ขั้นตอนที่ 3 การด�ำเนินการเพื่อขับเคลื่อน กรอบวิจัย (Do) โดย (1) บริหารจัดการโครงการ ส�ำหรับ Open call หลังจากการประกาศกรอบวิจัย จะมีการจัดประชุมเพื่อ ชี้แจงกรอบวิจัยให้นักวิจัยที่สนใจขอรับทุน สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย และผู้ที่สนใจขอรับทุน และรับข้อเสนอ การวิจัยและนวัตกรรมผ่านระบบ NRIIS ทางเว็บไซต์ ของ วช. หลังจากนั้น ตรวจสอบและคัดกรองข้อเสนอ การวิจัยและนวัตกรรมเบื้องต้นให้ตรงตามเกณฑ์ และเงื่อนไขที่ประกาศรับ จากนั้นคณะผู้ทรงคุณวุฒิ จะพิจารณาข้อเสนอผ่านระบบ NRIIS รวมทั้งจัดประชุม คณะผู้ทรงคุณวุฒิประมาณ 2 - 3 ครั้ง โดยข้อเสนอการวิจัย ที่จะได้รับการสนับสนุนต้องผ่านความเห็นชอบจาก ผู้ทรงคุณวุฒิจ�ำนวน 2 ใน 3 ของจ�ำนวนคณะผู้ทรง คุณวุฒิขึ้นไป และสุดท้ายน�ำเสนอข้อเสนอการวิจัยและ นวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนต่อคณะกรรมการ ด�ำเนินงานสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรมประเด็น เป้าหมายด้านสุขภาพ สังคมและสิ่งแวดล้อม (คณะที่ 2) N12 พัฒนานวัตกรรมเพ�่อเตร�ยมความพรอมของวัยแรงงานในภาคชนบทและเมืองเขาสูการเปนผูสูงวัย O1 : มีความพรอมการเปนสังคมสูงวัย ยกระดับคุณภาพชีว�ตของผูสูงอายุและการอยูรวมกันของคนทุกชวงวัยสงเสร�มใหประชากรไทยชวงวัยแรงงาน (25-59 ป) มีการเตร�ยมการเขาสูวัยสูงอายุ การอยูรวมกันของคนทุกชวงวัย นวัตกรรมดานพัฒนานวัตกรรมเพ�่อรองรับสังคมผูสูงอายุ • แนวทาง/มาตรการชวยเหลือและสรางภูมิคุมกันใหทุกชวงวัยพรอมเขาสูสังคมสูงอายุ • เพ�่อศักยภาพการบร�หารจัดการ ดูแล ชวยเหลือของ อปท. ผูสูงวัยในถิ�น Ageing in Place ใหสามารถใชชิว�ตมีความสุข • พัฒนากลไกความรวมมือโดยการพัฒนาศักยภาพ อปท. หนวยงานที่เกี่ยวของ ภาคธุรกิจ เอกชน ประชาสังคมเพ�่อชวยสรางพลังและยกระดับคุณภาพชีว�ตผูสูงอายุ • การทำงานสรางบุคลากร อาสาสมัครเพ�่อการบร�บาลและดูแลผูสูงอายุที่ไดมาตรฐาน • ตอยอดและขยายเคร�อขายตนแบบ SE ดานอาชีพ การทำงาน และการดูแลบร�บาลผูสูงอายุ • นวัตกรรมการใหบร�การเพ�่อชวยเหลือและดูแล • เทคโนโลยีอนาคตเพ�่อฟ��นฟ�ดูแลผูสูงอายุในการใชชีว�ตประจำวันและการทำงาน • Health Technology ที่ชวยพยากรณภาวะสุขภาพ เพ�่อปองกันและควบคุมดูแลรักษา เชน NCDs อัลไซเมอร พารกินสัน • ระบบ Health Promotion / Early Diagnosis Monitoring / Telehealth / Intermediate Care / Rehabilitation • เทคโนโลยีและนวัตกรรม Smart Community และ Smart House สำหรับผูสูงอายุ และคนพ�การ KR1 : จำนวนนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพ�่อสงเสร�มสุขภาพ/คุณภาพชีว�ตที่ดีของผูสูงอายุ (เพ�่มข�้นจำนวน 100 ชิ�น) KR2 : จํานวนระบบ/กลไกของสังคมที่สนับสนุนการมีคุณภาพชีว�ตที่ดีของผูสูงอายุและการอยูรวมกันของคนทุกชวงวัย KR3 : จํานวนบุคลากรและอาสาสมัครที่ไดรับวุฒิบัตรดานการบร�บาลและดูแลผูสูงอายและมีความรูและทักษะในการใชเทคโนโลยีและนวัตกรรม สมัยใหมเพ�่อการบร�บาล และดูแลผูสูงอายุ (เพ�่มข�้นจํานวน 5,000 คน) KR4 : จํานวนระบบและมาตรการที่เปนนวัตกรรม ที่ถูกนําไปใชประโยชนเพ�่อใหชวงวัยแรงงาน (25-59 ป) สามารถเตร�ยมการเขาสูวัยสูงอายุ


24 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ อย่างไรก็ตาม หากโครงการที่มีงบประมาณเกินกว่า 20 ล้านบาท ต้องเสนอคณะกรรมการอ�ำนวยการสนับสนุนการวิจัย และนวัตกรรม (คณะที่ 1) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ส่วน Commissioning เป็นการรับข้อเสนอและพัฒนา ข้อเสนอร่วมกับหน่วยงาน นักวิจัย และหน่วยงาน ฝ่ายนโยบาย (ข้อสั่งการมติ ครม.) และประชุมคณะ ผู้ตรวจสอบทางวิชาการเพื่อพิจารณาข้อเสนอโครงการ (2) ส่งโครงการและงบประมาณวิจัยให้คณะท�ำงาน พิจารณากลั่นกรองงบประมาณค่าใช้จ่ายในการวิจัย และกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยของ วช. พิจารณาเห็นชอบ หลังจากนั้นแจ้งอนุมัติทุนและ ท�ำสัญญา • ขั้นตอนที่ 4 ติดตามประเมินผลโครงการ (Check) โดย (1) มีการติดตามประเมินผลในลักษณะ Inside-out ด้วยการจัดประชุมคณะผู้ตรวจสอบทาง วิชาการเพื่อพิจารณารายงานความก้าวหน้าการวิจัย และนวัตกรรม โดยเป็นรายงานความก้าวหน้า 2 ครั้ง และรายงานฉบับสมบูรณ์ 2 ครั้ง นับแต่วันที่ลงนาม ในสัญญารับทุน รวมทั้งลงพื้นที่ติดตามตรวจเยี่ยม โครงการ (2) มีการติดตามและประเมินผลในลักษณะ Outside-in โดยจัดจ้างให้ผู้เชี่ยวชาญการออกแบบ ระบบติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ ประเมิน ประสิทธิภาพ ประเมินประสิทธิผล และการประเมินผล ความคุ้มค่าโครงการและกลุ่มโครงการ แบ่งออกเป็น สองส่วน (1) วช. ร่วมกับผู้ด�ำเนินโครงการที่ให้ การสนับสนุนติดตามและประเมินผลโครงการ (Supply Side) เพื่อยกระดับคุณภาพงาน (Learning Curve) (2) ให้ผู้เชี่ยวชาญภายนอกเป็นผู้ด�ำเนินการติดตาม ประเมินผลโครงการที่ด�ำเนินการไปแล้ว โดยเป็นการ ด�ำเนินการร่วมกับผู้ได้รับประโยชน์ (Demand Side) เพื่อสร้างความโปร่งใสและลดปัญหาการยอมรับผลการ ประเมินผล พร้อมได้เรียนรู้ปัญหาจากผู้ใช้ประโยชน์ • ขั้นตอนที่ 5 การน�ำผลการด�ำเนินการไปใช้ ต่อไป (Act) น�ำผลการประเมินไปเป็นข้อมูลในการ ก�ำหนดกรอบในระยะต่อไป และเผยแพร่ให้สาธารณะ รับทราบผลการด�ำเนินงาน Process ขั้นตอนในการดำเนินงาน PLAN DO CHECK ACT ผานกระบวนการมีสวนรวมภายใตระบบนวัตกรรมชาติ Cycle ขั้นตอนที่ 1 (Control) ขั้นตอนที่ 2 (Plan) ขั้นตอนที่ 3 (DO) ขั้นตอนที่ 4 (Check) ขั้นตอนที่ 5 (Act) แตงตั้งคณะทำงานเพ�่อพ�จารณา (คณะทำงาน Open call, Commissioning และ Developing for Utilization) • กรอบการว�จัย • สรŒางเคร�อข‹าย • หลักเกณฑ • คัดกรอง/คัดเลือกโครงการ • ติดตามและประเมินผล นำผลการประเมิน • เผยแพร‹สู‹สาธารณะ • ใชŒเปšนขŒอมูลในการปรับปรุง กรอบว�จัย • เปšนบทเร�ยนใหŒนักว�จัยนำไป ปรับปรุงโครงการ การติดตามและประเมินผล • ออกแบบตัวชี้วัดผลผลิต ผลลัพธ และผลกระทบ • ติดตามและประเมินผล Inside-out • Open call คณะทำงาน/ ผูŒตรวจสอบว�ชาการลงพ�้นที่ ตรวจเยี่ยมโครงการเพ�่อใหŒ คำแนะนำ • Commissioning คณะทำงานฯ ร‹วมกับหน‹วยงานผูŒกำหนด นโยบาย หร�อ MOU ลงพ�้นที่ เพ�่อใหŒคำแนะนำ • Developing for Utilization คณะทำงานร‹วมกับหน‹วยงาน ผูŒใชŒประโยชนลงพ�้นที่เพ�่อใหŒ คำแนะนำ Outside-in ใหŒ ผูŒเชี่ยวชาญติดตามประเมินผล สัมฤทธิ์ประสิทธิภาพประสิทธิผล และความคุŒมค‹าระดับโครงการ ทั้ง Demand side and Supply side การขับเคลื่อน • การประกาศกรอบ/รับขŒอเสนอ • คัดกรอง/คัดเลือกโครงการ เบื้องตŒน • การบร�หารจัดการ • Open call นำกรอบว�จัยเสนอ บอรด วช. ประชุมชี้แจงกรอบ ว�จัย รับขŒอเสนอ NRIIS ผูŒทรง คุณวุฒิประเมินเลือกขŒอเสนอ โครงการ โดย 1) ประชุมคณะทำงานเพ�่อ คัดเลือกโครงการ และ 2) เสนอโครงการที่ควรสนับสนุน ต‹อบอรด 2 • Commissioning (พัฒนา ขŒอเสนอร‹วมกับหน‹วยงาน เชิงนโยบาย/นักว�จัยตามมติ ครม. และประชุมคณะทำงาน) • Developing for Utilization (พัฒนาขŒอเสนอตามความ ร‹วมมือ ประชุมคณะทำงาน) • ทำสัญญา การวางกรอบและแผนว�จัย • Open call (กำหนดประเด็น และ กลุ‹มเร�่อง เชื่อมโยงกับแผน ววน.) • Commissioning (กำหนดประเด็นตามความ ตŒองการเชิงนโยบายหร�อผูŒใชŒ ประโยชน (Demand driven) ที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตรสำคัญ ของประเทศ ยุทธศาสตรชาติ 20 ป‚ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ สังคมแห‹งชาติ แผนผูŒสูงอายุ แห‹งชาติ ยุทธศาสตรกรมกิจการ ผูŒสูงอายุ) • Developing for Utilization (พัฒนาต‹อยอดเพ�่อการ ใชŒประโยชน เนŒนการเชื่อมโยง ผลงานว�จัยและนวัตกรรมที่มี อยู‹กับความตŒองการ • กำหนดหลักเกณฑในการคัดเลือก (TRL/SRL. ความตŒองการและ ระบุผูŒใชŒประโยชน หน‹วยงาน ในพ�้นที่


บทที่ 2 25 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ การวิเคราะห์เส้นทางสู่ผลกระทบ ของงานวิจัยและนวัตกรรมด้านสังคมสูงวัย (Analysis of Ageing Society Research and Innovation to Impact Pathway) จากการวิเคราะห์ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ ภายใต้กรอบวิจัยและนวัตกรรมด้านสังคมสูงวัย พร้อม วิธีการขับเคลื่อนกรอบวิจัยและนวัตกรรมด้านสังคมสูงวัย ทั้งในปี 2563 - 2565 และปี 2566 มีข้อจ�ำกัดดังนี้ (1) กรอบวิจัยและนวัตกรรมในปี 2563 - 2565 แม้ว่ามีเป้าหมายหรือผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ชัดเจน กล่าวคือ คุณภาพชีวิตที่ดี ด�ำรงชีวิตอย่างมี คุณค่า และมีกลไกเอื้อให้อยู่รวมกันอย่างมีความสุข แต่ไม่มีตัวชี้วัดเป้าหมายและผลกระทบ ในขณะที่ OKR สะท้อนในเชิงผลผลิตเป็นหลัก นอกจากนี้ผลลัพธ์ไม่มี ตัวชี้วัด รวมทั้งความเชื่อมโยงระหว่างผลผลิตและ ผลลัพธ์ และเป้าหมายยังไม่ชัดเจน จึงท�ำให้ไม่สามารถ วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากผลผลิตของ โครงการวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจาก วช. (2) กรอบวิจัยในปี 2566 มีข้อจ�ำกัด ดังนี้ 1) แม้ว่า มีเป้าหมายและมีการก�ำหนดผลกระทบและผลลัพธ์ แต่มิได้ มีตัวชี้วัดทุกเป้าหมาย 2) ตัวชี้วัดของบางเป้าหมาย เช่น ดัชนีตัวชี้วัดพฤฒพลัง เป็นต้น มีความเสี่ยงที่ไม่ สามารถด�ำเนินการได้ เพราะตัวชี้วัดนี้ส�ำรวจโดย ส�ำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งประเทศ จึงไม่สามารถแบ่งได้ว่าผลที่เกิดขึ้นส่วนไหนเกิดขึ้นจาก การใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการ สนับสนุนจาก วช. ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาในภาค ส่วนต่างๆ ท�ำให้ไม่สามารถบ่งชี้ได้ส่วนไหนที่เกิดจาก งานวิจัย อย่างไรก็ตามเมื่อยังต้องมีการติดตามและ ประเมินผลการวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุ จึงต้อง ใช้เครื่องมือเส้นทางผลกระทบจากงานวิจัยและนวัตกรรม มาเป็นกรอบในการวิเคราะห์ เพื่อท�ำให้กรอบวิจัยและ นวัตกรรมด้านสังคมสูงวัยของ วช. ในช่วงที่ผ่านสะท้อน ความเชื่อมโยงกับทิศทางการพัฒนาประเทศและ ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เครื่องมือเส้นทางสู่ผลกระทบของงานวิจัยและ นวัตกรรมต่อการพัฒนาประเทศ เป็นเครื่องมือที่มี ความส�ำคัญต่อการประเมินผล เพราะเป้าหมายของการ ด�ำเนินโครงการวิจัย คือการน�ำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ เพื่อการสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อการพัฒนาประเทศ โดยเครื่องมือนี้เชื่อมโยงกับแนวคิดและทฤษฏีแห่งการ เปลี่ยนแปลง (Theory of change) สามารถใช้เป็นกรอบ การเขียนโครงการ/แผนงานและกรอบวิจัย ยุทธศาสตร์ รวมทั้งการติดตามและประเมินผลแบบมีส่วนร่วม ระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยต้องร่วมมือกันออกแบบ และพัฒนา ตั้งแต่วางแผน น�ำแผนสู่การปฏิบัติ และ ประเมินผล โดยตั้งเป้าหมาย (Goals) ที่จะท�ำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงร่วมกัน และออกแบบผลลัพธ์ที่จะน�ำไปสู่ ความส�ำเร็จตาม goal ที่ตั้งไว้ และการออกแบบผลผลิต เพื่อน�ำไปสู่การเกิดผลลัพธ์ และกิจกรรมที่องค์กรต้อง ด�ำเนินการเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ออกแบบ ซึ่งต้องอาศัย การสร้างเส้นทางที่ชัดเจนในการก�ำหนดขั้นตอนหรือ กระบวนการในการท�ำงาน พร้อมปัจจัยน�ำเข้า เพื่อสร้าง ผลผลิต ดังนั้นการใช้ทฤษฏีการเปลี่ยนแปลงเป็นกรอบ การท�ำงาน (Framework) จะสะท้อนให้เห็นถึง ความเปลี่ยนแปลงที่จะต้องเกิดขึ้นจากการด�ำเนิน โครงการหรือแผนงาน รวมทั้งยุทธศาสตร์ ซึ่งภายใต้ กรอบของทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงต้องมี 3 องค์ประกอบคือ


26 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ (1) การมีหลักการและเหตุผลในการก�ำหนดเส้นทางตั้งแต่ปัจจัยน�ำเข้า กิจกรรม ผลผลิต ผลลัพธ์ และผลกระทบ (Goal) ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลง (2) ในแต่ละขั้นตอนที่ก�ำหนดจะด�ำเนินการอย่างไรให้ส�ำเร็จ เช่น ความเป็นไปได้ของปัจจัยน�ำเข้า ที่จะน�ำไปสู่ การเกิดกิจกรรม และความเป็นไปได้ของกิจกรรมที่จะน�ำไปสู่การเกิดผลผลิต........ ซึ่งเครื่องมือที่เราใช้คือ Risk Management (3) สุดท้ายคือจะใช้อะไรวัดความส�ำเร็จหรือเรียกว่าตัวชี้วัด KPI หรือ OKR ซึ่งภายใต้กรอบการท�ำงานนี้จะมีเครื่องมือส�ำคัญ ช่วยในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์หรือเขียน โครงการแบบเหตุสัมพันธ์ (Log Frame) เป็นเครื่องมือ วิเคราะห์เชิงเอกสารที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมาย กิจกรรม และทรัพยากรของโครงการ รวมทั้งข้อมูล ปัจจัยภายนอกที่อาจมีอิทธิพลต่อโครงการ ที่เรียกว่า สมมุติฐาน สรุปก็คือเป็นเครื่องมือติดตามโครงการผ่าน การใช้เนื้อหาข้อมูลและตัวชี้วัด ส�ำหรับแผนที่ผลลัพธ์ (Outcome Mapping) เป็นเครื่องมือประเมินผล ส�ำหรับวางแผนและประเมินโครงการที่ท�ำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงจริงและจับต้องได้ ส่วนเส้นทาง ผลกระทบ (Impact Pathway) เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎี การเปลี่ยนแปลง ซึ่งใช้วิเคราะห์ห่วงโซ่ปัญหาและสาเหตุ ของสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของงานวิจัย ที่สามารถสร้างผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม ในวงกว้าง ดังนั้นเครื่องมือเส้นทางผลกระทบจะช่วย ท�ำให้นักวิจัยเข้าใจการเขียนโครงการ และสามารถน�ำ ไปจัดท�ำกรอบการวิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งท�ำ ยุทธศาสตร์การวิจัย ว่างานวิจัยจากโครงการ แผนงาน กรอบวิจัย และยุทธศาสตร์ปฏิบัติได้จริงหรือไม่ (Actionable) และสอดคล้องกับความต้องการของ คนในพื้นที่และทิศทางการพัฒนาประเทศ (Relevant to people’s needs and Direction of National Development) ดังนั้น การติดตามประเมินผลกรอบการวิจัย และนวัตกรรมด้านสังคมสูงวัยครั้งนี้ จะใช้เส้นทาง ผลกระทบจากการวิจัยควบคู่กับองค์ประกอบของ ทฤษฏีการเปลี่ยนแปลง เพื่อวิเคราะห์เส้นทางผลกระทบ จากกรอบการวิจัยและนวัตกรรม ปี 2563 - 2566 ต่อการพัฒนาประเทศ โดยเริ่มจากการวิเคราะห์หลักการ และเหตุผลในการก�ำหนดเส้นทางที่จะท�ำให้เกิดการ เปลี่ยนแปลง และในแต่ละขั้นตอนจะด�ำเนินการอย่างไร ให้ส�ำเร็จ รวมทั้งจะใช้อะไรวัดความส�ำเร็จ ดังนี้ โครงการว�จัย/แผนงานว�จัย/ผลการประเมินผล Theory of change Impact Pathway Plan Expected resuts ขอมูลสำคัญสูการเข�ยนโครงการ/แผนงาน รวมทั้งการติดตาม และประเมินผลงานว�จัย Inputs Activities Outputs Outcome Impact


บทที่ 2 27 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ • วิเคราะห์จุดเจ็บ (Pain Points) โดยใช้วงรอบ เหตุและผล (Cause Loop) สู่การวิเคราะห์อย่างเป็น ระบบ (System Thinking) จากข้อมูลในบทที่ 1 สรุปว่าการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หากประเทศไม่มีการเตรียมความพร้อม จะท�ำให้เกิด ปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งสามารถแบ่งการ วิเคราะห์ได้ ดังนี้ 1)ปัญหาเศรษฐกิจ กล่าวคือ ผลผลิตรวมของ ประเทศเท่าเดิมหรือลดลง เพราะจ�ำนวนประชากร วัยแรงงานลดลง และจ�ำนวนผู้สูงอายุสูงขึ้น หากต้องการ จะรักษาระดับผลผลิตรวมของประเทศ ต้องเพิ่มผลิตภาพ การผลิตเพื่อทดแทนแรงงานที่เกษียณอายุ ประมาณ ร้อยละ 5 ซึ่งจะสามารถลดความต้องการแรงงานลงกว่า 2 ล้านคน ในปี 2580 โดยการพัฒนาคุณภาพแรงงานไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน ปรับปรุงประสิทธิภาพ และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือการใช้ แรงงานจากต่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเข้าสู่ ตลาดแรงงาน ซึ่งการท�ำให้ผู้สูงอายุเข้าสู่ตลาดแรงงาน ต้องอาศัยการพิจารณาทุนมนุษย์และความพึงพอใจ เป็นปัจจัยในการวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่า ผู้สูงอายุ ร้อยละ 34.7 ยังคงท�ำงานอยู่ โดยมีชั่วโมงการท�ำงาน เฉลี่ยหรือพึงพอใจที่จะท�ำงาน 35.7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และพบว่าเกือบ 1 ใน 5 ของผู้สูงอายุช่วงอายุ 60 - 79 ปี ที่ต้องท�ำงานทั้งๆ ที่มีปัญหาสุขภาพ (ทุนสุขภาพไม่ดี) ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุ (60 - 79 ปี) ที่ยังไม่มีงานท�ำ ประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ไม่มีงานท�ำทั้งหมดยังมีสุขภาพดี (ทุนทางสุขภาพดี) และต้องการท�ำงานแต่ขาดโอกาส ในการท�ำงาน ซึ่งสาเหตุหลักคือขาดหลักประกันทาง เศรษฐกิจที่มั่นคง เพราะเงินเก็บหลังเกษียณไม่เพียงพอ เนื่องจากการมีชีวิตยืนยาวเกินกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ที่สะสมในช่วงวัยหลังเกษียณและไม่สามารถท�ำงานสร้าง รายได้เพราะค่าครองชีพสูงขึ้นจากสภาวะเงินเฟ้อและ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น และในขณะเดียวกัน ต้องเผชิญกับปัญหาทุนทางปัญญา เพราะผู้สูงอายุ จ�ำนวนมากมีระดับการศึกษาต�่ำกว่าประถมศึกษา ซึ่งน�ำ ไปสู่ความเปราะบางในการเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคต นอกจากนี้พฤติกรรมการออมจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น จนเกษียณอายุ ท�ำให้ผู้เกษียณอายุยังต้องเผชิญกับ ปัญหาจนก่อนแก่ อย่างไรก็ตามในขณะอยู่ในวัยท�ำงาน ก็มีพฤติกรรมการออมน้อยหรือไม่มีเหลือให้ออม และ หรือมีการออมแต่พฤติกรรมการออมเน้นใช้ในยาม ฉุกเฉินมากกว่าการออมในระยะยาวเพื่อใช้ชีวิตหลังจาก เกษียณอายุ ซึ่งเป็นผลให้การออมภาพรวม ของประเทศ ลดลง ยิ่งไปกว่านั้นระบบนิเวศมิได้เอื้อให้เกิดความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ อัตราการสมทบหรือมาตรการช่วยเหลือ แบบให้เปล่าจากภาครัฐยังไม่สามารถน�ำไปสู่จ�ำนวนเงิน ที่เพียงพอเพื่อไว้ใช้ยามเกษียณได้ GDP ลดลง - - - - จำนวนผูŒสูงอายุ สูงข�้น (60ป‚ ข�้น อัตราการเกิดลดลง) Gen X Y เขŒาสู‹สูงวัย (25 - 59 ป‚) 2575 กดดันทางเศรษฐกิจ รายไดŒจากลูกหลานนŒอย พฤติกรรม การออมนŒอย การออมนŒอยลง ภาระทางการคลัง สวัสดิการ และคุŒมครอง ผลิตภาพ การผลิตแรงงานลดลง แรงงานผูŒสูงอายุออกจาก ระบบเศรษฐกิจ ผูŒสุงอายุส‹วนใหญ‹ ไม‹มีความมั่นคง ทางเง�นหลังเกษียณ ผูŒสูงอายุจำนวนมาก มีรายไดŒต่ำกว‹า เสŒนความยากจน กิจกรรมทาง อัตราสมทบนŒอย/ สังคมนŒอยลงเง�นบำนาณนŒอย - - - - - - - - - - - - + + + + + + + การจัดเตร�ยมโครงสรŒางพ�้นฐาน ยังตŒองปรับปรุงเพ�่อสอดคลŒอง กับบร�บท one for all มีภาวะ พ�่งพา ไรŒบŒาน ไรŒสิทธิ กลุมเปราะบางทางสังคม ผูŒสูงอายุ ถูกทอดทิ�ง ยŒายคืนถิ�น หลากหลาย ทางเพศ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม วุฒิทางอารมณ คุณธรรมเสื่อมถอย ครอบครัวใหญ‹สู‹ครอบครัวเล็กหลากหลาย - - ภาวะสุขภาพ เสื่อมโทรมตามอายุ การศึกษาต่ำกว‹า ประถมศึกษา แนวโนŒมอยู‹เดียว ปญหาสังคม สภาพแวดลŒอมบŒาน วิเคราะห์ Plan Points ปัญหาผู้สูงอายุ (เชื่อมโยงระหว่างปัญหาเศรษฐกิจและสังคม)


28 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 2) ปัญหาสังคม เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและ พฤติกรรมการใช้ชีวิต ระดับการศึกษาที่ไม่สูง ท�ำให้ ผู้สูงอายุบางกลุ่มต้องเผชิญกับปัญหาความยากจน และมีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะเป็นโรค NCDs มากขึ้น ไร้บ้าน ถูกทอดทิ้ง ย้ายถิ่นกลับภูมิล�ำเนาเดิม และอยู่ คนเดียวสูงขึ้น นอกจากนี้จ�ำนวนผู้สูงอายุไร้สิทธิ และ มีความหลากหลายทางเพศเพิ่มสูงขึ้น จึงท�ำให้เกิดกลุ่ม เปราะบาง ซึ่งผลจากการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี และมีหลากหลายประเภท ของความเปราะบาง 3) ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อม รวมทั้งที่อยู่อาศัย ยังไม่เอื้อต่อการด�ำเนินชีวิตที่มี คุณภาพ แม้ว่าจะมีการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน และสภาพแวดล้อมเพื่อการด�ำรงชีวิตของผู้สูงอายุ ไประดับหนึ่ง แต่ยังให้ความส�ำคัญเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน ทางกายภาพ ซึ่งปัจจุบันก็ยังออกแบบไม่ได้มาตรฐาน สากล เป็นมิตรและเป็นธรรมกับผู้สูงอายุและคนพิการ เช่น ระบบขนส่งสาธารณะ พื้นที่สาธารณะยังเสื่อมโทรม และไม่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์ และยังมีปัญหามลพิษ ที่เกิดขึ้นจากน�้ำเสีย มลพิษทางอากาศ และขยะ เป็นต้น ดังนั้น พื้นที่สาธารณะ สิ่งอ�ำนวยความสะดวก และ บริการต่างๆ ยังเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตอย่างสะดวก และปลอดภัยของผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังขาดโครงสร้าง พื้นฐานในมิติอื่นๆ เช่น การสร้างยอมรับนับถือกัน ในสังคม การเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น ในขณะที่ ผู้สูงอายุอาศัยในบ้านที่มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ท�ำให้เกิดปัญหา คือ การพลัดตกหกล้ม พบว่า ผู้สูงอายุ ประมาณร้อยละ 12 เคยหกล้ม เป็นผลให้ดัชนีพฤฒพลังผู้สูงอายุไทยมีค่าเท่ากับ 0.685 หมายความว่า ผู้สูงอายุไทยมีคุณภาพในการ ด�ำรงชีวิตอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาดัชนีย่อย ในแต่ละองค์ประกอบจะพบว่า ดัชนีด้านสุขภาพมีค่าดัชนี สูงที่สุด คือ 0.797 รองลงมาคือดัชนีด้านความมั่นคง (0.751) ดัชนีด้านสภาพที่เอื้อต่อการมีภาวะพฤฒพลัง (0.691) และดัชนีด้านการมีส่วนร่วม (0.502) ตามล�ำดับ ซึ่งสะท้อนว่าประเทศไทยได้ให้ความส�ำคัญกับการ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาผู้สูงอายุได้ส�ำเร็จ ในระดับปานกลาง โดยเฉพาะด้านสุขภาพและความมั่นคง ในขณะที่ด้านการมีส่วนร่วมและสภาพที่เอื้อต่อการมี พฤฒพลังยังต้องเร่งพัฒนาต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นผลจากการศึกษาของ สศช. ยังพบว่า ประเทศไทยจะต้องมีการเตรียมความพร้อมประชากร Gen X และ Y ก่อนเข้าวัยสูงอายุ (อายุ 25 - 59 ปี) ซึ่งปัจจุบันประชากร Gen X และ Y มีสัดส่วนประชากร มากกว่าร้อยละ 46 ซึ่งคาดการณ์ว่าในอีก 10 - 15 ปี จะเข้าสู่กลุ่มผู้สูงอายุ หากรัฐไม่รีบด�ำเนินการ จะท�ำให้ จ�ำนวนผู้สูงอายุที่ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและ สังคม พร้อมทั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการ มีคุณภาพชีวิตที่ดีสูงขึ้น


บทที่ 2 29 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ • วิเคราะห์เป้าหมายของการพัฒนาเพื่อระบุ กลุ่มเป้าหมาย การเข้าสู่สังคมสูงวัยท�ำให้เกิดปัญหาทั้งเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งความเชื่อมโยงระหว่างปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาสังคม ดังนั้น เพื่อให้การวิเคราะห์เป้าหมาย เพื่อก�ำหนดกลุ่มเป้าหมายมีความชัดเจน จึงขอแบ่งการ วิเคราะห์ออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ 1) การวิเคราะห์เป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายทาง เศรษฐกิจ จากข้อมูลการวิเคราะห์ผลกระทบของสังคมสูงวัย ต่อผลผลิตภาพการผลิต โดยเฉพาะด้านแรงงาน หนึ่งในแนวทางที่ต้องด�ำเนินการ คือ ท�ำให้แรงงานก่อนวัย สูงอายุอยู่ในระบบแรงงานให้นาน และน�ำผู้สูงอายุ กลับเข้าสู่ตลาดแรงงานเพื่อรักษาผลผลิตการผลิต แรงงาน ท�ำให้สามารถรักษาระดับการผลิตและเพิ่ม GDP สูงขึ้น ซึ่งความเป็นไปได้ของกลุ่มเป้าหมายมีดังนี้ (1) กลุ่มก่อนวัยสูงอายุ (25 - 59 ปี) ซึ่งผลการศึกษาจะ เป็นประชากรกลุ่ม GEN X และ Y (2) ผู้สูงอายุ (60 ปี ขึ้นไป) ที่ยังมีศักยภาพและความพร้อมเข้าสู่ตลาด แรงงาน โดยโจทย์วิจัยในเชิงเศรษฐกิจมหภาค คือ ต้อง มีการประมาณความเป็นไปได้ของจ�ำนวนแรงงาน ก่อนวัยสูงอายุให้อยู่ในระบบ และผู้สูงอายุที่ยังมี ศักยภาพเข้าสู่ตลาดแรงงานได้จ�ำนวนเท่าใด นอกจากนี้การเตรียมความพร้อมของประชากรกลุ่ม GEN X และ Y และการเพิ่มศักยภาพของผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) เข้าสู่ตลาดแรงงานแล้ว อาจจะต้องท�ำให้ กลุ่มแรงงานก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุและผู้สูงอายุมีความ มั่นคงทางการเงินหลังเกษียณหรือในช่วงวัยเกษียณ จากปัญหาที่ต้องเผชิญ ท�ำให้งานวิจัยที่ต้องด�ำเนินการ คือ การเพิ่มการออม ปัจจุบันปัญหาคือขาดระบบ การออมภาคบังคับ และผู้สูงอายุร้อยละ 41.1 มีเงินออม ต�่ำกว่า 50,000 บาท นอกจากนี้ท�ำอย่างไรให้อัตราสมทบ จากภาครัฐได้มาตรฐานไม่ต�่ำเมื่อเทียบผลกับที่ OECD ศึกษา หากไม่ด�ำเนินการใดๆ ความเสี่ยงที่จะท�ำให้คน กลุ่มนี้ขาดความมั่นคงทางการเงินและต้องกลายเป็น คนจนหรือเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเปราะบางสูงขึ้น ซึ่งโจทย์วิจัยในเชิงเศรษฐกิจก็คือความสมดุลของ รายได้การคลังกับสวัสดิการเพื่อผู้สูงอายุที่เหมาะสม Macro Economic Macro Economic ป 2580 ตองเพ�่มผลิตภาพการผลิต รอยละ 5 ทดแทนแรงงานกวา 2 ลานคน พัฒนาเทคโนโลยี AI แรงงานตางชาติ ผูŒสูงอายุเขŒาสู‹ตลาดแรงงาน (25 - 59 ป‚) + (60 ป‚ข�้นไป GEN X,Y) (Baby boom) เปาหมายทางเศรษฐกิจ รักษาระดับ และ เพ�่ม GDP สูงข�้น การลงทุนพัฒนานวัตกรรมรองรับผูสูงอายุเพ�่อทดแทนการนำเขาและสงออก เชื่อมโยงกับสังคม อัตราสมทบต่ำ ทำงาน/รายได เมื่อเทียบที่ OECD ศึกษา ยังขาดระบบออม ภาคบังคับ ผูสูงอายุรอยละ 41.4 มีเง�นออมต่ำกวา 50,000 บาท อาจตองประมาณความเปนไปได ของจำนวนผูสูงอายุที่ยังมีศักยภาพ และเขาสูตลาดแรงงาน และรักษา แรงงาน Gen X Y ใหอยูในระบบ (เชื่อมโยงกับโจทยสังคม) การออมภาครวม การลงทุน ภาระทางการคลัง(สวัสดิการเพ�่อดูแลผูสูงอายุ) การออม (สวนที่เหลือ จากการใชจายดำรงชีว�ต) ความมั่นคงทางการเง�นหลังเกษียณ อัตราสมทบ จากภาครัฐ ความสมดุลของรายไดการคลัง กับสวัสดิการเพ�่อผูสูงอายุที่เหมาะสม เชื่อมโยงกับสังคม ผลผลิต (นวัตกรรม องคความรู สิ�งประดิษฐ เทคโนโลยี ตนแบบ กลไก เคร�่องมือ ขอเสนอ เชิงนโยบาย) สูการใชประโยชน เชิงว�ชาการเศรษฐกิจ และนโยบาย โจทย์วิจัยด้านเศรษฐกิจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงและ หรือส่งผลต่อเศรษฐกิจ


30 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 2) การวิเคราะห์เป้าหมายและกลุ่มเป้าหมายทาง สังคม ผลกระทบทางสังคมเกิดขึ้นจากปัญหาทางเศรษฐกิจ เพราะขาดระบบการออมและอัตราสมทบจากภาครัฐต�่ำ มีโอกาสที่จะท�ำให้กลุ่ม (25 - 59 ปี) และ กลุ่ม (60 ปีขึ้นไป) จะต้องประสพปัญหาความไม่มั่นคงทางการเงิน หลังเกษียณและในช่วงเกษียณ ซึ่งผลการศึกษาพบว่า จ�ำนวนผู้สูงอายุมีรายได้ต�่ำกว่าเส้นความยากจนสูงขึ้น ท�ำให้เกิดกลุ่มเปราะบาง นี่คือจุดเชื่อมโยงระหว่าง เศรษฐกิจและสังคม และที่ส�ำคัญโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในทางกายภาพและทางสังคม ท�ำให้เกิดปัญหาสังคม เช่น สุขภาพเสื่อมโทรม เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภค และแนวโน้มของครอบครัวเดียวและอยู่คนเดียวเพิ่มขึ้น เป็นต้น ท�ำให้จ�ำนวนและประเภทกลุ่มเปราะบางเพิ่ม สูงขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้ต้องการสวัสดิการทางสังคม มากกว่ากลุ่มอื่นๆ ดังนั้นเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง หรือผลกระทบทางสังคม ก็คือคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี การอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี และการอยู่ร่วมกันในสังคม และการลดความเหลื่อมล�้ำในสังคม อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์หรือกรอบการวิจัยที่ก�ำหนดไม่สามารถ วิเคราะห์เชื่อมโยงกับผลกระทบได้ชัดเจน รวมทั้งผลผลิต ในแต่ละกรอบการวิจัยก็ไม่สามารถอธิบายหรือเชื่อมโยง กับผลผลิตภายใต้กรอบวิจัยได้ ดังนั้นจากการศึกษาพบว่า คุณภาพชีวิต การอยู่รวมกันในสังคม และอยู่อย่างมี ศักดิ์ศรี ต้องวิเคราะห์เชื่อมโยงกับทุนมนุษย์หรือการ พัฒนาคนให้มีคุณภาพ และการตัดสินใจในการ ท�ำงาน ดังนี้ (1)แนวคิดการพัฒนาทุนมนุษย์หรือการ พัฒนาคนให้มีคุณภาพ โดยจากแนวคิดที่หลากหลาย ของนักวิชาการด้านทุนมนุษย์และการพัฒนาสุขภาวะ หรือความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ ท�ำให้สามารถสรุปได้ว่า ทุนมนุษย์หรือการมีสุขภาวะที่ดีต้องมีการพัฒนา ตนเองด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดย • เรียนรู้ที่จะสร้างทุนทางปัญญา (Intellectual Capital) คือ ทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะ ความสามารถในการเรียนรู้น�ำไปสู่การเป็นผู้มีศักยภาพ และมีความรู้ดี • เรียนรู้ที่จะสร้างทุนทางสุขภาพ (Health Capital) โดยให้มีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยน�ำไปสู่ความสามารถ ในการด�ำเนินชีวิตอย่างปกติสุข • เรียนรู้ที่จะสร้างทุนทางอารมณ์ (Emotional Capital) โดยสามารถรับรู้ตนเอง ความมีศักดิ์ศรี มีสุขภาพจิตที่ดี และมีความยืดหยุ่นน�ำไปสู่ความสุข และปราศจากความเครียด • เรียนรู้ที่จะสร้างทุนทางสังคม (Social Capital) โดยผ่านเครือข่ายความสัมพันธ์ ความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือ น�ำไปสู่การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู่รวมกัน ในสังคมอย่างมีความสุข 30 บทที่ 2


บทที่ 2 31 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ การพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงานของผู้สูงอายุ สู่การพัฒนาผลผลิตโดยรวมของประเทศ ผลผลิตโดยรวมของประเทศดีข�้น (ผลผลิตภาพ แรงงาน (Labour Productivity) ทดแทนแรงงาน ผูŒสูงอายุหร�อทำใหŒผูŒสูงอายุเขŒาสู‹ตลาดแรงงาน และสรŒาง Value Creation ดŒวยการพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพ�่อทดแทนแรงงาน) ผลผลิตโดยรวมของประเทศดีข�้น (ผลผลิตภาพ แรงงาน (Labour Productivity) ทดแทนแรงงาน ผูŒสูงอายุหร�อทำใหŒผูŒสูงอายุเขŒาสู‹ตลาดแรงงาน และสรŒาง Value Creation ดŒวยการพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพ�่อทดแทนแรงงาน) ผลผลิตโดยรวมของประเทศดีข�้น (ผลผลิตภาพ แรงงาน (Labour Productivity) ทดแทนแรงงาน ผูŒสูงอายุหร�อทำใหŒผูŒสูงอายุเขŒาสู‹ตลาดแรงงาน และสรŒาง Value Creation ดŒวยการพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพ�่อทดแทนแรงงาน) ผลผลิตโดยรวมของประเทศดีข�้น (ผลผลิตภาพ แรงงาน (Labour Productivity) ทดแทนแรงงาน ผูŒสูงอายุหร�อทำใหŒผูŒสูงอายุเขŒาสู‹ตลาดแรงงาน และสรŒาง Value Creation ดŒวยการพัฒนา เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพ�่อทดแทนแรงงาน) นโยบายและนวัตกรรม (องคความรู/สิ�งประดิษฐ/เทคโนโลยี/ตนแบบ/ระบบ) นโยบายและนวัตกรรม (องคความรู/สิ�งประดิษฐ/เทคโนโลยี/ตนแบบ/ระบบ) นโยบายและนวัตกรรม (องคความรู/สิ�งประดิษฐ/เทคโนโลยี/ตนแบบ/ระบบ) นโยบายและนวัตกรรม (องคความรู/สิ�งประดิษฐ/เทคโนโลยี/ตนแบบ/ระบบ) ทุนทางอารมณ (EmotionalCapital) หร�อสุขภาวะ ทางอารมณ ทุนทางสุขภาพ (Health Capital) หร�อสุขภาวะ ทางรางกาย ทุนทางปญญา (Intellectual Capital) หร�อสุขภาวะ ทางปญญา พัฒนาตนเอง ทุนมนุษย (Human Capital) (สุขภาวะหร�อความเปšนอยู‹ที่ดี) ดวยเร�ยนรูตลอดชีว�ต รายไดทมี่นั่คง รายไดที่มั่นคง ระบบนวิเศ/ปจจยัแวดลอม ระบบนเิวศ/ปจจยัแวดลอ ม เคร�อข‹ายความสัมพันธ ความไวŒวางใจ ความน‹าเชื่อถือ นำไปสู‹การช‹วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู‹รวมกันในสังคมอย‹างมีความสุข ทุนทางสังคม (Social Capital) หร�อสุขภาวะ ทางสังคม ร‹างกายที่แข็งแรง ไม‹เจ็บป†วย นำไปสู‹สามารถดำเนินชีว�ต ไดŒอย‹างปกติสุข ทักษะ ความรูŒ ประสบการณ ความเชี่ยวชาญเฉพาะความสามารถ ในการเร�ยนรูŒ นำไปสู‹เปšนผูŒมีศักยภาพ และมีความรูŒดี รับรูŒตนเอง ความมีศักดิ์ศร� มีความยืดหยุ‹น นำไปสู‹ความสุข และปราศจากความเคร�ยด ระบบนิเวศ/ปจจัยแวดลอม รายไดท มี่ ั่นคง


32 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ จากการวิเคราะห์สองทฤษฏีข้างต้นท�ำให้การ วิเคราะห์เป้าหมายทางสังคมเกี่ยวกับการพัฒนาสังคม สูงวัยด้วยวิจัยและนวัตกรรม เพราะความต้องการหรือ การเลือกการตัดสินใจไม่เท่ากันขึ้นอยู่ปัจจัยในทุนมนุษย์ ที่สะสมมาไม่เท่ากัน ดังนั้น สามารถแบ่งกลุ่มผู้สูงวัย ตามเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสุขภาพได้ดังนี้ (1) กลุ่ม แรงงานก่อนเข้าสู่สูงวัย (25 - 59 ปี) และกลุ่มผู้สูงอายุ (60 - 79 ปี) กลุ่มนี้ผลการเก็บข้อมูลและผลงานวิจัย พบว่ายังมีสุขภาพและพร้อมที่จะยังท�ำงานได้ต่อไป (2) กลุ่มผู้สูงอายุ (80 ปีขึ้น) ส่วนใหญ่เนื่องจากปัญหา สุขภาพ จึงท�ำให้ไม่สามารถท�ำงานหนักบางประเภทได้ หรือท�ำไม่ได้เลย (3) กลุ่มเปราะบาง ดังนั้นเป้าหมาย ทางสังคมจะแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายที่ก�ำหนด ดังนี้ การตัดสินใจเลือกระหว่างการท�ำงาน และการพักผ่อนของคน รายไดตอวัน IC1 6 12 21 24 IC2 a c b ชั่วโมงพักผอนตอวัน ชั่วโมงการทำงานตอวัน ซึ่งหลายท่านเชื่อว่าทุนมนุษย์หรือการพัฒนาคน ให้มีคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพต้องมีรายได้ที่มั่นคง เพราะรายได้ที่มั่นคงจะท�ำให้คนสามารถพัฒนาตนเอง ให้มีคุณภาพด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยสะท้อน การเกิดทุนทั้ง 4 ทุน ซึ่งหากคนมีคุณภาพจะสามารถ สร้างรายได้ที่มั่นคง คือการมีงานท�ำและการมีระบบ การออมที่ดี เป็นต้น นอกจากนี้ระบบนิเวศหรือปัจจัย แวดล้อมที่ล้อมรอบ จะท�ำหน้าที่หนุนเสริมการพัฒนา ทุนมนุษย์ให้มีคุณภาพ อาทิ นโยบายรัฐ ชุมชน เป็นต้น (2) แนวคิดการตัดสินใจท�ำงาน เพราะเชื่อว่าในทุกช่วงวัย จะมีความพึงพอใจในการท�ำงานไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ ทุนเดิมที่แตกต่าง น�ำไปสู่การสร้างหรือมีรายได้ที่แตกต่าง หรือมีงบประมาณที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่น ทุนทาง สุขภาพของผู้อายุจะลดลงตามอายุที่มากขึ้น ในขณะที่ วัยเด็กและวัยแรงงานจะมีทุนทางสุขภาพที่สูง (แต่ไม่ใช่ ทุกราย ขึ้นอยู่กับการสะสมที่เรียกว่า you are what you eat) ซึ่งจะน�ำไปสู่การสร้างแรงจูงใจและนวัตกรรม เพื่อกระตุ้นให้ผู้สูงอายุเข้าสู่ระบบตลาดแรงงานแตกต่าง จากวัยแรงงาน ซึ่งส�ำหรับผู้สูงอายุแล้ว ตัวแปรที่ส�ำคัญ เกี่ยวกับแรงจูงใจในการสร้างรายได้ คือ ภาวะเงินเฟ้อ และค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาต้นทุนทางสุขภาพจะเป็นตัวแปร ที่ส�ำคัญ รวมทั้งความไม่เท่ากันของทุนทั้ง 4 ทุน โดยใน ที่นี้จะอาศัยทฤษฏีอรรถประโยชน์ (Theory of Utility) เลือกใช้เวลาการท�ำงานและการพักผ่อน โดยศึกษาจาก เส้นความพึงพอใจเท่ากัน (Indifferent Curve) และเส้น งบประมาณหรือในที่นี้เรียกว่าเส้นความมั่นคงทางรายได้ ภายใต้สมมุติฐานว่า แรงงานสูงวัยแต่ละคนต้องการ ได้รับความพอใจสูงสุด จากรายได้ที่ได้รับและเวลาที่ ต้องการพักผ่อน (หมายถึงเวลาที่มิใช่เวลาท�ำงาน ดังนั้น แรงงานจะตัดสินใจว่าจะท�ำงานกี่ชั่วโมงเพื่อให้ได้รายได้ จ�ำนวนหนึ่ง ซึ่งลักษณะของงานจะแตกต่างกันตาม ทุนมนุษย์ที่มี ซึ่งไม่เท่ากัน และต้องมีเวลาพักผ่อนวันละ กี่ชั่วโมง จึงจะได้รับความพึงพอใจ โดยความพึงพอใจสูงสุด จะเกิดขึ้นที่จุดสัมผัสระหว่างเส้นความพอใจเท่ากัน กับเส้นงบประมาณ


บทที่ 2 33 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ (1) กลุ่มแรงงานก่อนเข้าสู่สูงวัย (25 - 59 ปี) และกลุ่มผู้สูงอายุ (60 - 79 ปี) จะมีเป้าหมายของการพัฒนา คุณภาพชีวิต (เน้นความมั่นคงทางเศรษฐกิจก่อนเกษียณและเกษียณอายุ การอยู่ร่วมกันในสังคม และการอยู่ อย่างมีศักดิ์ศรี) ซึ่งผลการศึกษาจากงานวิจัยและการส�ำรวจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า โดยส่วนใหญ่ ช่วงอายุดังกล่าวข้างต้น มีความต้องการท�ำงานและสุขภาพแข็งแรงกว่ากลุ่มผู้อายุ 80 ปีขึ้นไป เพราะอายุยิ่งสูงขึ้น ปัญหาสุขภาพยิ่งเพิ่มขึ้น ดังนั้น กลุ่มนี้จะมีลักษณะเป็นกลุ่มที่เรียกว่า Active Ageing เป้าหมายคุณภาพชีวิต ในกลุ่มนี้ให้ความส�ำคัญคือ สุขภาพดี มีความรู้และต้องการมีงานท�ำ สร้างรายได้เพื่อให้เกิดความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ อยู่ร่วมกันในสังคม และอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี จึงต้องการการยกระดับทุนมนุษย์ที่หนุนเสริมคุณภาพชีวิต ที่คนกลุ่มนี้ต้องการ โจทย์วิจัยด้านสังคมเพื่อสร้างเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง และหรือส่งผลต่อสังคมเศรษฐกิจ (Social Economic) ผลผลิต (นวัตกรรม องคความรูŒ สิ�งประดิษฐ เทคโนโลยี ตŒนแบบ กลไก เคร�่องมือ ขŒอเสนอ เชิงนโยบาย) สู‹การใชŒประโยชน เชิงว�ชาการ สังคมและนโยบาย ผูสูงอายุเขาสูตลาดแรงงาน (25 - 59 ป) + (60 - 79 ป) Gen X Y (Baby boom) เนนกลุมที่มีศักยภาพ Active aging (สุขภาพดีและมีความรูและตองการงาน) ดานการสรางรายไดและมีงานทำ เปาหมายทางสังคม ลดปร�มาณผูŒสูงอายุเขŒาสู‹ กลุ‹มเปราะบางทางสังคมลดลง ค‹าใชŒจ‹ายเพ�ยพอ เง�นออม เขŒาสู‹ตลาดแรงงาน/คุณภาพชีว�ตที่ดี (มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจก‹อน เกษียณอายุและเกษียณอายุ/ อยู‹อย‹างมีศักดิ์ศร� ทุนทางอารมณ (EmotionalCapital) หร�อสุขภาวะ ทางอารมณ ทุนทางสุขภาพ (Health Capital) หร�อสุขภาวะ ทางรางกาย ทุนทางปญญา (Intellectual Capital)หร�อสุขภาวะ ทางปญญา พัฒนาตนเอง ทุนมนุษย (Human Capital) (สุขภาวะหร�อความเปšนอยู‹ที่ดี) ดวยเร�ยนรูตลอดชีว�ต ทุนทางสังคม (Social Capital) หร�อสุขภาวะ ทางสังคม ร‹างกายที่แข็งแรง ไม‹เจ็บป†วย นำไปสู‹สามารถดำเนินชีว�ต ไดŒอย‹างปกติสุข ทักษะ ความรูŒ ประสบการณ ความเชี่ยวชาญเฉพาะความสามารถ ในการเร�ยนรูŒ นำไปสู‹เปšนผูŒมีศักยภาพ และมีความรูŒดี ระบบนเิวศ/สภาพแวดลอม ระบบนิเวศ/สภาพแวดลอ ร ม ะบบนวเิศ/สภาพแวดลอม ดŒานการศึกษา ดŒานสุขภาพ การพัฒนาตนเอง ดŒานการ มีส‹วนร‹วม ดŒานระบบนิเวศ และสภาพแวดลŒอม ระบบนิเวศ/สภาพแวดลอ ม เคร�อข‹ายความสัมพันธ ความไวŒวางใจ ความน‹าเชื่อถือ นำไปสู‹การช‹วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู‹รวมกันในสังคมอย‹างมีความสุข รับรูŒตนเอง ความมีศักดิ์ศร� มีความยืดหยุ‹น นำไปสู‹ความสุข และปราศจากความเคร�ยด


34 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ (2) กลุ่มผู้สูงอายุ (80 ปีขึ้นไป) มีเป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพชีวิต (เตรียมตัวอยู่อย่างมีความสุข การเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ และการอยู่ร่วมกันในสังคม และการอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี) กลุ่มนี้ส่วนใหญ่สุขภาพ ไม่พร้อมที่จะท�ำงานหนัก ซึ่งบางส่วนในกลุ่มนี้ต้องการความรู้ด้านการบริหารจัดการเงินออม บางส่วนต้องการ สวัสดิการจากภาครัฐ บางส่วนต้องการจากลูกหลาน ทั้งหมดสรุปคือ ต้องการรักษารายได้เพื่อรองรับเงินเฟ้อ ให้เพียงพอกับการด�ำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ ดังนั้น เป้าหมายหลักคือการเตรียมตัวตายอย่างมีความสุข เข้าถึง สวัสดิการของรัฐ อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งทุนทางปัญญาที่ส�ำคัญคือ การบริหารจัดการทรัพย์สินที่เหลืออยู่ให้สามารถ มีมูลค่าเพิ่มให้เพียงพอกับภาวะเงินเฟ้อ และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าถึงสิทธิต่างๆ จากสวัสดิการภาครัฐ โจทย์วิจัยด้านสังคมเพื่อสร้างเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง และหรือส่งผลต่อสังคม ผูสูงอายุ (80 ปข�้นไป) ผลผลิต (นวัตกรรม องคความรูŒ สิ�งประดิษฐ เทคโนโลยี ตŒนแบบ กลไก เคร�่องมือ ขŒอเสนอ เชิงนโยบาย) สู‹การใชŒประโยชน เชิงว�ชาการ สังคมและนโยบาย เนนกลุมสูงอายุทั่วไป ดานมีรายได (บร�หารเง�นออม/จากภาครัฐ/ ลูกหลานเพ�่อรองรับเง�นเฟอ) เปาหมายทางสังคม ลดปร�มาณผูŒสูงอายุเขŒาสู‹ กลุ‹มเปราะบางทางสังคมลดลง ค‹าใชŒจ‹ายเพ�ยพอ มีคุณภาพชีว�ตที่ดี (เตร�ยมตายอย‹างมีความสูข/ เขŒาถึงสวัสดิการรัฐ/ อยู‹อย‹างมีศักดิ์ศร�) ทุนทางอารมณ (EmotionalCapital) หร�อสุขภาวะ ทางอารมณ ทุนทางสุขภาพ (Health Capital) หร�อสุขภาวะ ทางรางกาย ทุนทางปญญา (Intellectual Capital) หร�อสุขภาวะ ทางปญญา พัฒนาตนเองทุนมนุษย (Human Capital) (สุขภาวะหร�อความเปšนอยู‹ที่ดี) ดวยเร�ยนรูตลอดชีว�ต ทุนทางสังคม (Social Capital) หร�อสุขภาวะ ทางสังคม ร‹างกายที่แข็งแรง ไม‹เจ็บป†วย นำไปสู‹สามารถดำเนินชีว�ต ไดŒอย‹างปกติสุข ทักษะ ความรูŒ ประสบการณ ความเชี่ยวชาญเฉพาะความสามารถ ในการเร�ยนรูŒ นำไปสู‹เปšนผูŒมีศักยภาพ และมีความรูŒดี ระบบนเิวศ/สภาพแวดลอม ระบบนิเวศ/สภาพแวดลอ ร ม ะบบนวเิศ/สภาพแวดลอม ดŒานการศึกษา ดŒานสุขภาพ การพัฒนาตนเอง ดŒานการ มีส‹วนร‹วม ดŒานระบบนิเวศ และสภาพแวดลŒอม ระบบนิเวศ/สภาพแวดลอ ม เคร�อข‹ายความสัมพันธ ความไวŒวางใจ ความน‹าเชื่อถือ นำไปสู‹การช‹วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู‹รวมกันในสังคมอย‹างมีความสุข รับรูŒตนเอง ความมีศักดิ์ศร� มีความยืดหยุ‹น นำไปสู‹ความสุข และปราศจากความเคร�ยด


บทที่ 2 35 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ (3) กลุ่มเปราะบางมีเป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพชีวิต (เน้นการเข้าถึงสวัสดิการ และการอยู่ร่วมกัน ในสังคม) กลุ่มนี้นอกจากความต้องการในการเข้าถึงสวัสดิการรัฐคลายกลุ่มอื่นๆ แล้ว ยังต้องการสวัสดิการเฉพาะ เช่น การเข้าถึงและโอกาสในการประกอบอาชีพ การได้รับการยอมรับในสังคม อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและกับผู้อื่นในสังคมได้ ดังนั้น ประเด็นการพัฒนากลุ่มเรื่องผู้สูงอายุสามารถแบ่งได้ ดังนี้ (1) การสร้างรายได้และมีงานท�ำ (2) สุขภาพ และสาธารณสุข (3) พัฒนาตนเอง/การมีส่วนร่วม (4) ระบบนิเวศและสภาพแวดล้อม (5) การบริหารจัดการ ในขณะที่ กลุ่มเปราะบางประกอบด้วย กลุ่มผู้สูงอายุที่มีศักยภาพและความต้องการท�ำงาน (60 - 79 ปี) กลุ่มที่ต้องเตรียม ความพร้อมก่อนเข้าวัยสูงอายุ (25 - 59 ปี) กลุ่มผู้สูงอายุ (80 ปีขึ้นไป) และกลุ่มเปราะบางทางสังคม โดยจะสามารถสร้าง การเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบ คือ ท�ำให้ดัชนีพฤฒพลังผู้สูงอายุดีขึ้นด้วยวิจัยและนวัตกรรม และรักษาระดับ GDP ของประเทศไทย โจทย์วิจัยด้านสังคมเพื่อสร้างเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง และหรือส่งผลต่อสังคม ผลผลิต (นวัตกรรม องคความรูŒ สิ�งประดิษฐ เทคโนโลยี ตŒนแบบ กลไก เคร�่องมือ ขŒอเสนอ เชิงนโยบาย) สู‹การใชŒประโยชน เชิงว�ชาการ สังคมและนโยบาย ผูสูงอายุกลุมเปราะบางทางสังคม (25 + 59 ป) + (60 ข�้นไป) เนนกลุมเปราะบางทางสังคม คือ ผูสูงอายุอยูในสภาวะพ�่งพา ทอดทิ�ง ไรบาน ไรสิทธิ ยายถิ�นกลับ และความหลากหลายทางเพศ ดานมีรายได/งานทำ (จากภาครัฐ) เปาหมายทางสังคม ค‹าใชŒจ‹ายเพ�ยพอ ลดความเหลื่อมล้ำ ผูŒสูงอายุมีคุณภาพชีว�ตดี (การเขŒาถึงสวัสดิการ/ การอยู‹ร‹วมกันในสังคม) ทุนทางอารมณ (EmotionalCapital) หร�อสุขภาวะ ทางอารมณ ทุนทางสุขภาพ (Health Capital) หร�อสุขภาวะ ทางรางกาย ทุนทางปญญา (Intellectual Capital) หร�อสุขภาวะ ทางปญญา พัฒนาตนเอง ทุนมนุษย (Human Capital) (สุขภาวะหร�อความเปšนอยู‹ที่ดี) ดวยเร�ยนรูตลอดชีว�ต ทุนทางสังคม (Social Capital) หร�อสุขภาวะ ทางสังคม ร‹างกายที่แข็งแรง ไม‹เจ็บป†วย นำไปสู‹สามารถดำเนินชีว�ต ไดŒอย‹างปกติสุข ทักษะ ความรูŒ ประสบการณ ความเชี่ยวชาญเฉพาะความสามารถ ในการเร�ยนรูŒ นำไปสู‹เปšนผูŒมีศักยภาพ และมีความรูŒดี ระบบนเิวศ/สภาพแวดลอม ระบบนิเวศ/สภาพแวดลอ ร ม ะบบนวเิศ/สภาพแวดลอม ดŒานการศึกษา ดŒานสุขภาพ การพัฒนาตนเอง ดŒานการ มีส‹วนร‹วม ดŒานระบบนิเวศ และสภาพแวดลŒอม ระบบนิเวศ/สภาพแวดลอ ม เคร�อข‹ายความสัมพันธ ความไวŒวางใจ ความน‹าเชื่อถือ นำไปสู‹การช‹วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู‹รวมกันในสังคมอย‹างมีความสุข รับรูŒตนเอง ความมีศักดิ์ศร� มีความยืดหยุ‹น นำไปสู‹ความสุข และปราศจากความเคร�ยด


36 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ • การออกแบบเส้นทางผลกระทบของโครงการ วิจัยภายใต้กรอบวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุ การออกแบบเส้นทางผลกระทบของโครงการวิจัย ขึ้นอยู่กับการเลือกและออกแบบหลักเกณฑ์/ประเภท/ รูปแบบ/ขอบเขตเวลา/กลุ่มเป้าหมายของการประเมินผล ที่ผู้ประเมินผลต้องการจะน�ำเสนอ ซึ่งในเอกสารนี้จะมี รายละเอียดในบทที่ 4 เกี่ยวกับกรอบการประเมินผล โครงการวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุ ซึ่งภายใต้ กรอบประเมินผลดังกล่าว พร้อมกับข้อมูลข้างต้น จึงท�ำให้ สามารถออกแบบเส้นทางผลกระทบของโครงการวิจัย ภายใต้กรอบวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุได้ ดังนี้ 1) ค่าคาดหวังที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ต่อการพัฒนาด้านผู้สูงอายุด้วยวิจัยและนวัตกรรม 1.1) ค่าคาดหวังผลผลิต ภายใต้กรอบวิจัยและ นวัตกรรมด้านผู้สูงอายุปี 2563 - 2566 ได้ก�ำหนด ผลผลิตทั้งที่อยู่ในรูปแบบของนวัตกรรม องค์ความรู้ สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยี ต้นแบบ กลไก/เครื่องมือ และ นโยบาย ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ ภายใต้แผน ววน. ปี 2563-2565 (ฉบับปรับปรุง) และ ปี 2566 - 2570 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลผลิตเชิงปริมาณ เป็นหลัก ดังนั้น ในการศึกษาหรือการเก็บข้อมูล จะด�ำเนินการกับผู้ผลิตผลงานวิจัยเป็นหลัก ตัวอย่าง เช่น นวัตกรรม/องค์ความรู้ อะไรภายใต้โครงการวิจัย ตามแนวทางการ Upskill และ Reskill เพื่อให้ผู้สูงอายุ สามารถท�ำงานได้ ภายใต้กรอบวิจัยและนวัตกรรม ด้านผู้สูงอายุ คืออะไร เป็นต้น กรอบวิจัยและนวัตกรรม ปี 2563 - 2566 ค่าคาดหวัง สรŒางรายไดŒและมีงานทำ การบร�หารจัดการ • แนวทางการจัดการและระบบการดูแลสวัสดิการ ทางสังคมในระดับทองถิ�น • เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพ�่อยกระดับการ ใหบร�การสวัสดิการทุกชวงวัย • จัดการระบบฐานขอมูลเพ�่อใหผูสูงอายุสามารถ เขาถึงสิทธิและสวัสดิการไดงาย สะดวก และไดรับ การดูแลอยางครอบคลุม • ชุมชนตนแบบ 5G Smart Community ในการ บร�หารจัดการชุมชนสาหรับผูสูงอายุและ คนพ�การ เพ�่อศักยภาพการบร�หารจัดการ ดูแล ชวยเหลือของ อปท. ผูสูงวัยในถิ�น Ageing in Place ใหสามารถใชชิว�ตมีความสุข • พัฒนากลไกความรวมมือโดยการพัฒนา ศักยภาพ อปท. หนวยงานที่เกี่ยวของ ภาคธุรกิจ เอกชน ประชาสังคมเพ�่อชวย สรางพลัง และยกระดับคุณภาพชีว�ตผูสูงอายุ • สรางบุคลากร อาสาสมัครเพ�่อการบร�บาล และดูแลผูสูงอายุที่ไดมาตรฐาน • ขับเคลื่อนขยายผลตนแบบที่เกิดจากผลงาน ว�จัยแบบบูรณาการทุกมิติในพ�้นที่ รูปแบบ Sand Box เพ�่อคุณภาพชีว�ตที่ดีของผูสูงอายุ • นวัตกรรมทางสังคมขับเคลื่อน และ Empower ทุกภาคสวน โดยเฉพาะ อปท. เพ�่อสรางคุณภาพ ชีว�ติผูสูอายุ • พัฒนาทักษะที่จำเปน เชน อาชีพ Health Literracy Financial Literacy Digital Literacy โดย อปท.และหนวยงานที่เกี่ยวของ (ชุดความรู ขอมูลฐานให อปท. ขับเคลื่อน) ระบบนิเวศและสภาพแวดลŒอม • ระบบการดูแลผูสูงอายุที่อาศัยอยูในพ�้นที่เดิม (Aging in Place) ที่เหมาะสมกับความสามารถของ ผูสูงอายุและบุคลากรผูดูแล • กฏหมายและระเบียบที่เกี่ยวของเพ�่อสงเสร�มให ผูสูงอายุมีสวนเกี่ยวของกับสังคม • การรวมกลุมของคนรุนใหมในการทากิจกรรม เพ�่อสังคมในการดูแลผูสูงอายุ • ระบบบร�การเพ�่ออานวยความสะดวกในการดำรงชีว�ต • พัฒนาสภาพแวดลอมระบบกายภาพ สุขภาพ จิตภาพ ทั้งภายในและภายนอกเพ�่อใหผูสูงอายุสามารถอยูรวม กับคนทุกชวงวัย พัฒนาตนเอง/การมีส‹วนร‹วม • แนวทาง/มาตรการสรางสังคมแหงการ อยูรวมกันของทุกชวงวัย • คุณคา ศักดิ์ศร� และศักยภาพทางสังคม • ออกแบบหลักสูตรออนไลนเพ�่อพัฒนา คนรุนใหมผานประการณและทักษะ เฉพาะทางของผูเกษียณ • แนวทาง/มาตรการชวยเหลือและ สรางภูมิคุมกันใหทุกชวงวัยพรอมเขาสู สังคมสูงอายุ สุขภาพ/สาธารณสุข • เทคโนโลยีและนวัตกรรมชวยเหลือการทำงานของ ผูสูงอายุ และคนพ�การ • ผลิตภัณฑเพ�่อผูสูงอายุที่มีมาตรฐานระดับ อุตสาหกรรม เพ�่อการเขาถึงได • พัฒนาสมรรถนะของผูสูงอายุ เพ�่อมุงสู Healthy Aging และ Active Aging เพ�่อคุณภาพชีว�ตที่ดี • ระบบบร�การเฝาระวัง ดูแลผูสูงอายุและคนพ�การ • ICT ระบบบร�การสุขภาพ เพ�่อใหผูสูงอายุสามารถ เขาถึงระบบบร�การที่รวดเร็ว ปลอดภัย ปองกัน ไมใหเกิดภาวะแทรกซอน • นวัตกรรมการใหบร�หารเพ�่อชวยเหลือและดูแล • เทคโนโลยีอนาคตเพ�่อฟ��นฟ�ดูแลผูสูงอายุในการ ใชชีว�ตประจำวันและการทำงาน • Health Technology ที่ชวยพยากรณภาวะสุขภาพ เพ�่อปองกันและควบคุม ดูแลรักษา เชน NCDs อัลไซเมอร พารกินสัน • ระบบ Health Promotion / Early Diagnosis Monitoring / Telehealth / Intermediate Care / Rehabilitation • เทคโนโลยีและนวัตกรรม Smart Community และ Smart House สำหรับผูสูงอายุคนพ�การ กลุมเปาหมาย อายุ 25 - 59 ป (Gen X Y) และ 60 - 79 ป อายุ 80 ป ข�้นไป กลุมเปราะบางทางสังคม ผลผลิต นวัตกรรมองคความรูŒ สิ�งประดิษฐ เทคโนโลยี ตŒนแบบ กลไกและเคร�่องมือ) และนโยบาย ดัชนีพฤฒพลังย‹อย: ความเพ�ยงพอของรายไดŒ/การมีงานทำ ดัชนีพฤฒพลังดŒานสุขภาพ ดัชนีพฤฒพลังย‹อย: เปšนเจŒาของ ที่อยู‹อาศัย ลักษณะการอยู‹อาศัย/ สภาพการอยู‹อาศัยที่ปลอดภัย จำนวนขŒอเสนอ/แนวทางขŒอมูลที่ถูกนำไป ขับเคลื่อนในเชิงนโยบาย เศรษฐกิจ รายไดสูงข�้นและการออมสังคม การเขาถึงสวัสดิการรัฐ อยูอยางมีศักดิ์ศร�/ การอยูรวมกันในสังคม ลดปญหากลุมเปราะบางทางสังคม รักษาระดับ GDP/ ลดภาระการคลัง/ลดความเหลื่อล้ำ ดัชนีพฤฒพลังย‹อย: การเขŒาร‹วม กิจกรรมของหมู‹บŒาน/ชุมรม ผูŒสูงอายุการดูแลบุคคลในครอบครัว เปาหมาย ผลกระทบ ผลกระทบ เปาหมาย ผลลัพธ ดัชนีพฤฒพลังผูสูงอายุภาพรวม 0.8 เขŒาสู‹ตลาดแรงงานและมีคุณภาพชีว�ตที่ดี (มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจก‹อน เกษียณอายุ และเกษียณอายุ/อยู‹อย‹างมีศักดิ์ศร� มีคุณภาพชีว�ตที่ดี (เตร�ยมตัวตายอย‹างมีความสูข/ เขŒาถึงสวัสดิการรัฐ/อยู‹อย‹างมีศักดิ์ศร�) มีคุณภาพชีว�ตที่ดี (การเขŒาถึงสวัสดิการ/ อยู‹อย‹างมีศักดิ์ศร�) • ศักยภาพและเสร�มสรางพลังผูสูงอายุโดยอาศัย กลไกทองถิ�น • Upskill/Reskill เพ�่อใหผูสูงอายุสามารถทำงานได • กลไกหร�อรูปแบบแรงจ�งใจใหผูสูงอายุ (60 ป ข�้นไป) เขาสูสังคมแหงการเร�ยนรู • ระบบการทางาน จางงาน ระบบ E-learning สำหรับ ผูสูงอายุเพ�่อสรางอาชีพหลังเกษียณ • รูปแบบและแนวทางการประกอบอาชีพไดตามทักษะ ของผูเกษียณ • รูปแบบของชองทางการเขาถึง ICT ของผูสูงอายุ • สรางตนแบบธุรกิจใหมที่เนนการปรับเปลี่ยนการ บร�หารจัดการเพ�่อรองรับบุคคลากรในยุคสังคม ผูสูงอายและดิจิทัล • ตอยอดและขยายเคร�อขายตนแบบ SE ดานอาชีพ การทำงานและการดูแลบร�บาลผูสูงอายุ • ระบบแนวทางการประกอบอาชีพอิสระไดตามทักษะ ของผูเกษียณอายุ • การปรับตัวของผูสูงอายุใหเขากับเทคโนโลยี • พัฒนาทักษะที่จำเปนสำหรับผูสูงอายุ • กลไก/รูปบบการจางงานสรางงาน รายไดใหแก ผูสูงอายุ • กลไกและรูปแบบใหผูสูงอายุเขาสูสังคมแหงการเร�ยนรู • พัฒนาชองทางการเขาถึง ICT ของผูสูงอายุ • เสนอรูปแบบการเร�ยนรูที่สนองความตองการ เชื่อมโยงกับเทคโนโลยีดิจิทัล


บทที่ 2 37 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 1.2) ค่าคาดหวังผลลัพธ์ ภายใต้กรอบวิจัย และนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุปี 2563 - 2566 ไม่มีการ ก�ำหนดค่าคาดหวังผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่อิงแผน ววน. ปี 2563 - 2565 (ฉบับปรับปรุง) และปี 2566 - 2570 โดยในปี 2563 - 2565 มีตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ (Results) เพราะต้องการให้ความส�ำคัญกับการบริหารจัดการ ในลักษณะมุ่งผลสัมฤทธิ์ แต่ตัวชี้วัดส่วนใหญ่จะมีลักษณะ เป็นผลผลิต ในขณะที่กรอบวิจัยและนวัตกรรม ปี 2566 มีค่าคาดผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีการก�ำหนดตัวชี้วัด บางตัวชัดเจน แต่มีปัญหาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ บางตัวยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าดัชนี พฤฒพลังผู้สูงอายุที่ก�ำหนดภายใต้แผน ววน. นี้สะท้อน เป้าหมายผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุคือ คุณภาพ ชีวิต และมีมาตรฐานสากล แต่ท�ำอย่างไรให้ดัชนีพฤฒพลัง ผู้สูงอายุนี้วัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากโครงการวิจัยและ นวัตกรรมที่สนับสนุนโดย วช. ดังนั้น สิ่งที่ วช. ต้อง ด�ำเนินการคือ น�ำกรอบดัชนีพฤฒพลังผู้สูงอายุไปส�ำรวจ เฉพาะกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มผู้ได้รับประโยชน์หรือ เรียกว่า Demand Side รวมทั้งผู้ผลิตผลงานวิจัย หรือ Supply Side และตัวชี้วัดย่อยของดัชนีพฤฒพลังฯ สามารถน�ำมาแยกชี้วัดความส�ำเร็จของผลลัพธ์ โดย (1) ด้านการสร้างรายได้และมีงานท�ำ จะใช้ดัชนี พฤฒพลังย่อย คือ ความเพียงพอของรายได้และการ มีงานท�ำ เป็นตัวชี้วัดความส�ำเร็จ (2) ด้านสุขภาพและ สาธารณสุข จะใช้ดัชนีพฤฒพลังด้านสุขภาพ เป็นตัว ชี้วัดความส�ำเร็จ (3) ด้านพัฒนาตนเอง/การมีส่วนร่วม จะใช้ดัชนีพฤฒพลังย่อย คือ การเข้าร่วมกิจกรรมของ หมู่บ้าน ชุมชนผู้สูงอายุ และการดูแลบุคคลในครอบครัว (4) ระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมจะใช้ ดัชนีพฤฒพลังย่อย เรื่องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย ลักษณะการอยู่อาศัย สภาพการอยู่อาศัยที่ปลอดภัย (5) การบริหารจัดการ จะใช้ร้อยละของข้อเสนอแนะ แนวทาง มาตรการที่ถูก น�ำไปใช้ในการขับเคลื่อนในเชิงนโยบาย 1.3) ค่าคาดหวังผลกระทบจะมี 3 ระดับ ดังนี้ (1) ระดับเชื่อมโยงผลลัพธ์ในแต่ละด้าน ซึ่งจะได้จาก ผลการส�ำรวจดัชนีพฤฒพลังที่ส�ำรวจเฉพาะกลุ่มที่ได้ รับผลกระทบจากโครงการวิจัยและนวัตกรรมของ วช. โดยจะใช้ในภาพรวม และแบ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่ม อายุ 25 - 59 ปี กลุ่มอายุ 60 - 79 ปี กลุ่มอายุ 80 ปี ขี้นไป และกลุ่มเปราะบาง นอกจากนี้อาจจะมีการศึกษาผลิตภาพ การผลิตของแรงงานของกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะ กลุ่มอายุ 25 - 59 ปี และกลุ่มอายุ 60 - 79 ปี ที่เข้าสู่ ระบบแรงงาน มีอาชีพอะไร (ซึ่งอาจจะได้จากการส�ำรวจ ดัชนีพฤฒพลัง) รวมถึงแหล่งที่มาของรายได้ของทุก กลุ่มอายุ รวมทั้งกลุ่มเปราะบาง ตลอดจนการเข้าถึง สวัสดิการของภาครัฐ ที่น�ำไปสู่ความมั่นคงทางการเงิน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในบริบทของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย (2) ผลกระทบระดับโครงการและกลุ่มโครงการตาม กรอบวิจัยและนวัตกรรมปี 2563 - 2566 ของวช. ซึ่งจะ เป็นการส�ำรวจเรื่องเศรษฐกิจ เช่น รายได้ รายจ่าย เป็นต้น ด้านสังคม เช่น การเข้าถึงสวัสดิการรัฐ การลด ปัญหากลุ่มเปราะบาง เช่น จ�ำนวนคนในกลุ่มเปราะบาง เพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง (3) ผลกระทบในระดับภาพรวม ที่เชื่อมโยงกับนโยบายประเทศ เช่น ดัชนีพฤฒพลัง ผู้สูงอายุ GDP ลดภาระการคลัง และลดความเหลื่อมล�้ำ ซึ่งจะเน้นในเชิงบรรยายเพราะโครงการวิจัยและนวัตกรรม ภายใต้กรอบวิจัยและนวัตกรรมปี 2563 - 2566 เป็น ส่วนหนึ่งของผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดในภาพรวม บทที่ 2 37


38 บทที่ 2 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 2) ปัจจัยน�ำเข้าและกระบวนการในการขับเคลื่อนกรอบวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุปี 2563 - 2566 ปัจจัยน�ำเข้า ประกอบด้วย งบประมาณ จ�ำนวนโครงการ นักวิจัยผู้ผลิตผลงานวิจัย โดยในปี 2563 - 2566 มีงบประมาณทั้งสิ้นประมาณ 735.48 ล้านบาท มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติจาก วช. ประมาณ 204 โครงการ และมีนักวิจัยที่เข้าร่วมโครงการวิจัยทั้งหมด 1,119 คน ส�ำหรับกระบวนการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดการสร้างผลผลิต ส่งเสริมกลุ่มเป้าหมายให้มีการน�ำผลผลิตไปใช้ประโยชน์ผ่านกลไกที่เรียกว่า การยอมรับเทคโนโลยี (Tech Adoption) ที่เริ่มต้นตั้งแต่การจัดการความรู้/เทคโนโลยี/นวัตกรรมให้เหมาะสม (Tech Appropriation) และพร้อมใช้ (Readiness to Use) ซึ่งปัจจุบัน วช. มีระดับของ Technology Readiness Level (TRL) และ Societal Readiness Level (SRL) เป็นเครื่องมือในการวัดระดับความพร้อมใช้ของเทคโนโลยี ซึ่งจะน�ำไปสู่การใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ จนเกิดผลลัพธ์ และผลกระทบต่อไป ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้น จึงได้เส้นทางผลกระทบงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการรองรับสังคมสูงวัย (Aging Society Research to Impact Pathway Analysis) การวิเคราะห์เส้นทางผลกระทบงานวิจัยด้านการรองรับสังคมสูงวัย Input Output Utilization Outcome Impact เง�นทุนพัฒนางานว�จัย & นักว�จัย (ลานบาท) • ป‚ 2563 (216.83) • ป‚ 2564 (214.78) • ป‚ 2565 (180.50) • ป‚ 2566 (123.38) • รวมทั้งหมด (735.48) นวัตกรรม องคความรู สิ�งประดิษฐ เทคโนโลยี ตนแบบ กลไกและ เคร�่องมือ และนโยบาย • การสรŒางรายไดŒ และมีงานทำ • สุขภาพและสาธารณสุข • พัฒนาตนเอง และการมีส‹วนร‹วม • ระบบนิเวศ และ สภาพแวดลŒอม • การบร�หารจัดการ ความสำเร็จของ การยอมรับเทคโนโลยี (ความเหมาะสมและ การถายทอดเทคโนโลยี) การใชประโยชน (Tech Adoption / Appropriation/ Transferring) • ประเภทของ การใชŒประโยชน ในแต‹ละผลผลิต (ว�ชาการ/นโยบาย/ สังคม/พาณิชย) • กลุ‹มเป‡าหมายจำนวน - (อายุ 25-59 ป‚) - (อายุ 60-79 ป‚) - (อายุ 80 ป‚ ข�้นไป) - (กลุ‹มเปราะบาง ทางสังคม) ผลกระทบ โครงการ เศรษฐกิจ รายไดสูงข�้น และมีการออม สังคม การเขาถึง สวัสดิการรัฐ อยูอยาง มีศักดิ์ศร�/การอยูรวมกัน ในสังคม ลดปญหา กลุมเปราะบางทางสังคม ผลกระทบ ภาพรวม • รักษาระดับ GDP • ลดปญหากลุม เปราะบางทางสังคม • ลดความยากจน • ลดความเหลื่อมล้ำ ความคุมคา SROI ดัชนีพฤฒพลัง ผูสูงอายุภาพรวม ผลลัพธ • การสรางรายไดและ มีงานทำ ดัชนีพฤฒพลังยอย เพ�ยงพอของรายได/ มีงานทำ • สุขภาพและสาธารณสุข ดัชนีพฤฒพลังดาน สุขภาพ • พัฒนาตนเองและ การมีสวนรวม ดัชนีพฤฒพลังยอย: การเขารวมกิจกรรมของ หมูบาน/ชมรมผูสูงอายุ การดูแลบุคคลใน ครอบครัว • ระบบนิเวศและ สภาพแวดลอม ดัชนีพฤฒพลังยอย: เปนเจาของที่อยูอาศัย ลักษณะการอยูอาศัย/ สภาพการอยูอาศัย ที่ปลอดภัย • การบร�หารจัดการ จำนวนขอเสนอ/แนวทาง ขอมูลที่ถูกนาไปขับเคลื่อน ในเชิงนโยบาย


บทที่ 3 เส้นทางและรูปแบบ การติดตามและประเมินผล งานวิจัยและนวัตกรรม


40 บทที่ 3 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ บทที่ 3 เส้นทางและรูปแบบ การติดตามและประเมิน ผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อสร้างเทคโนโลยี ความรู้ อุปกรณ์ใหม่หรือโปรแกรมใหม่ ที่ท�ำงานได้เหมือนต้นแบบที่น�ำเข้ามาจากต่างประเทศ หรือที่อื่นๆ โดยปราศจากการคัดลอกจากต้นแบบ เพราะ การท�ำวิศวกรรมผันกลับอาจถูกฟ้องหรือเป็นคดีความ เนื่องจากสังคมโลกมีการใช้กฎหมายลิขสิทธิ์กันอย่าง กว้างขวาง ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ต่างต้องการรักษา เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ หรือแนวคิดที่ค้นคิดขึ้น เป็นความลับ ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการได้มา (ซื้อ) พัฒนา และวิจัยเพื่อต่อยอด โดยอาจเริ่มจากการลดต้นทุน การผลิต หรือ Process Innovation และเพิ่ม R จะน�ำไปสู่ การพัฒนา New Products/Product Innovation ประเทศไทยจะมีลักษณะ Reverse Engineering มากกว่า ปัจจุบัน วช. ได้พัฒนาความพร้อมทาง เทคโนโลยี (Technological Readiness Level: TRL) มีทั้งหมด 9 ระดับ และ ความพร้อมใช้ทางสังคม (Social Readiness Level: SRL) มีทั้งหมด 9 ระดับ เป็นกลไก ของการไต่ระดับความพร้อมในการน�ำผลงานวิจัย ไปใช้ประโยชน์ หรือการสร้างการยอมรับและความเชื่อมั่น ซึ่งในทุกระดับจะสะท้อนการยอมรับที่เพิ่มขึ้น ความเหมาะสม ทางเทคโนโลยี และระบบการถ่ายทอดเทคโนโลยีจะสูงขึ้น สู่การน�ำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือชุมชนสังคม นอกจากนี้ระดับความส�ำเร็จของการสร้างผลงาน วิจัยและนวัตกรรม และโอกาสของการน�ำผลงานวิจัยและ นวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ เป็นสิ่งที่ วช. ให้ความส�ำคัญ ดังนั้น เส้นทางสู่ผลกระทบของงานวิจัยและนวัตกรรม จึงเป็นอีกเครื่องมือที่เราต้องน�ำมาใช้ โดยท�ำให้ วช. เข้าใจ จุดเน้นของการน�ำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ ประโยชน์ต้องอยู่บนเส้นทาง รวมทั้งมีระบบนิเวศ ที่ส�ำคัญในการหนุนเสริมการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ ผลงานวิจัย วช. ได้ขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมตลอด เส้นทางการพัฒนานวัตกรรม โดยเริ่มจากการสร้าง ผลงานวิจัยและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับการพัฒนา ประเทศ (Research and Innovation Creation) และ มีการน�ำผลงานวิจัยและนวัตกรรมพร้อมใช้ไปสู่ การใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาประเทศ (Research and Innovation Utilization) โดยในโลกปัจจุบันเส้นทาง การพัฒนานวัตกรรม (Research and Innovation Trajectory) คือ (1) Invention to Innovation เริ่มต้นจากการ ค้นคว้า (Invention) เป็นการท�ำวิจัยพื้นฐานและวิจัย ประยุกต์ แล้วจึงต่อยอดด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการผลิตผลิตภัณฑ์และสิ่งประดิษฐ์ต้นแบบ ที่ผ่าน การทดสอบในห้องทดลองหรือภาคสนาม ยกระดับสู่การ พัฒนาต้นแบบและโรงงานหรือพื้นน�ำร่อง (Prototype Development/ Pilot Plant or Area) และในที่สุด ยกระดับสู่การผลิตเพื่อการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ นโยบาย ชุมชน/สังคม และวิชาการ (2) เส้นทางการพัฒนาแบบวิศวกรรมหรือ วิทยาศาสตร์ย้อนกลับ (Reverse Engineering or Science) หรือที่เรียกว่า Imitation to Innovation โดยเริ่มต้นจากกระบวนการค้นหาโครงสร้าง ฟังก์ชัน การท�ำงานของเทคโนโลยี องค์ความรู้ หรืออุปกรณ์ หรือระบบหนึ่งๆ มักเกี่ยวข้องกับการแยกชิ้นส่วนของ เทคโนโลยี องค์ความรู้ หรืออุปกรณ์หรือระบบออกจากกัน แล้ววิเคราะห์การท�ำงานในแต่ละส่วน โดยอาศัยระเบียบ วิธีทางวิทยาศาสตร์หรือมิใช่วิทยาศาสตร์ เช่น ภูมิปัญญาท้องถิ่น ความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น


บทที่ 3 41 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ เส้นทางประเมินผลกระทบงานวิจัย นวัตกรรม และเทคโนโลยี Eco System • บัญชี นวัตกรรม • บัญชี สิ�งประดิษฐ • NRIIS • ดัชนี การว�จัย ประเทศ • มาตรฐาน การว�จัย Input นักว�จัยว�ทยาศาสตรพ�้นฐาน/นักว�จัยประยุกต/ว�ศวกร/นวัตกร/หŒองปฏิบัติการ/โครงสรŒางพ�้นฐาน วทน./ค‹าใชŒจ‹ายว�จัย (ภาครัฐและเอกชน)/ผูŒใชŒประโยชน Output (Know-how) Link ผูŒผลิตองคความรูŒและผูŒใชŒประโยชนกลไกถ‹ายทอด ต‹อยอด ขยายผลสู‹การใชŒประโยชน • โครงการมหาว�ทยาลัยเพ�่อ การพัฒนาพ�้นที่ • ส‹งเสร�มการว�จัยสิ�งประดิษฐและ นวัตกรรมสายอาชีวศึกษาและ อุดมศึกษา (วช. เดิม) • โครงการว�จัยเพ�่อทŒองถิ�น ร‹วมกับมหาว�ทยาลัย ในพ�้นที่ • เคร�อข‹ายว�จัยภูมิภาค ศูนยว�จัยชุมชน • ธนาคารปูมŒา • กลไกใหมฯ‹ • ศูนยจัดการความรูŒการว�จัย • KM RC, LIMEC • วันนักประดิษฐ • Research Expo • ผลงานสู‹เวทีโลก • เสร�มสรŒางความสามารถผูŒประกอบการ นักว�ชาการ เกษตรกร ชุมชน ผูŒกำหนดนโยบาย • เกษตรกรหร�อผูŒประกอบการไดŒเทคโนโลยีและแนวคิดใหม‹ • ขŒอมูลประกอบการกำหนดนโยบาย กฎหมาย ใหŒความเห็น ครม. และขับเคลื่อนประเทศ • เกิดความเชื่อมโยงเคร�อข‹ายร‹วมมือระหว‹างรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาในการพัฒนา และถ‹ายทอดเทคโนโลยี การใชŒประโยชน/ผลลัพธ Outcome ผลกระทบ Impact เชิงเศรษฐกิจชุมชน เชิงชุมชนสังคม เชิงสิ�งแวดลŒอม เชิงนโยบาย (รายไดŒสูงข�้น/ลดตŒนทุนการผลิต/ผลผลิตมีมูลค‹าสูง) (ลดความเหลื่อมล้ำ การเขŒาถึงองคความรูŒ/อาชีพ) (มลพ�ษ/การใชŒทรัพยากรลดลง) (กฎหมาย/นโยบายใหม‹/เทคนิคการขับเคลื่อน) บทความว�ชาการตีพ�มพ (ความรูŒใหม‹) Technology/Product Prototype Technology/Product Intellectual Property เทคโนโลยี/ผลิตภัณฑในพ�้นที่ Technology Readiness S&T Research Development and Innovation Chain เพ�่อกำหนด โจทยว�จัยและนวัตกรรม ระดับความสำเร็จของการสรŒางงานว�จัยและนวัตกรรม โอกาสของการนำไปใชŒประโยชน Product Launch Technology Validated การผลิตเชิงอุตสาหกรรม เพ�่อการขายและใชŒประโยชนจร�ง Pre-Production Invention or Imitation (1) Technological Linear Development (2) Reverse Engineering Development to Innovation Basic Principle Concept Formulation Field Validation Real Pilot Run Production Product Certification ว�จัยพ�้นฐาน Basic Research ว�จัยประยุกต Applied Research Selection Process Design & Development สรŒางองคความรูŒ ใหม‹ๆ ต‹อยอดความรูŒพ�้นฐาน เพ�่อเลือกและทดลอง ความเปšนไปไดŒการประยุกต ไปใชŒประโยชนจร�ง Technological Development Trajectory พัฒนาตŒนแบบและทดลอง Prototype Development & Pilot Plant พัมนาตŒนแบบและทดลองในพ�้นที่หร�อ การผลิตในโรงงานตŒนแบบเพ�่อใหŒมั่นใจว‹าสามารถผลิต ไดŒจร�งอย‹างมีคุณภาพ Prototype with internal users test Product & Process Validation Prototype with lead users test Concept Experiment Contract Negotiation Technology selected for application by users Lab Validation


42 บทที่ 3 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ หากพิจารณาเครื่องมือ Impact Pathway ที่จะน�ำผลงานการวิจัยและนวัตกรรมสู่ผลกระทบหรือสร้างการ เปลี่ยนแปลงให้กับพื้นที่และกลุ่มเป้าหมาย ต้องมีผู้ใช้ประโยชน์จากผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ชัดเจน เพราะการพัฒนา วิจัยและนวัตกรรมทั้งบนเส้นทางของ TRL และ SRL จะส�ำเร็จจนเกิดผลสัมฤทธิ์ได้ ต้องเกิดผลประโยชน์ร่วม (Mutual Benefit) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์ในระบบนวัตกรรมต้องได้รับประโยชน์ โดยมีวิธีการวัด ที่นิยมใช้คือ วัดจากความพึงพอใจและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เป็นหลัก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการ ยอมรับเทคโนโลยี (Tech Adoption) ที่ส�ำคัญ การสร้างการยอมรับต้องใช้เงินลงทุนและระยะเวลาของการน�ำ ผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ อาจเริ่มต้นที่การจัดการความรู้ให้เทคโนโลยีมีความเหมาะสม และพร้อมใช้ (Appropriate Technology) จนกลุ่มเป้าหมายเกิดความพึงพอใจ และมีการถ่ายทอดองค์ความรู้/ ผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่ผู้ใช้ประโยชน์ ประสบความส�ำเร็จและคุ้มค่า จนท�ำให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนา ชุมชนในที่สุด ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร จึงเป็นประเด็นส�ำคัญในการวิเคราะห์เส้นทางผลกระทบของงาน วิจัยและนวัตกรรม ยิ่งไปกว่านั้นต้องท�ำให้เกิดความยั่งยืนและต่อเนื่อง โดยท�ำให้เส้นทางการยอมรับเทคโนโลยี มีลักษณะต่อเนื่องและต่อยอดไป โมเดลการใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาในแนวทาง วช. ประเทศ Demand-Supply Partnership เกิดผลประโยชนรวม (Mutual Benefit) ประโยชนคืออะไร ใครไดประโยชนรวม เชิงนโยบาย เศรษฐกิจ สังคม (สิ�งแวดลอม) เชิงว�ชาการ • ความร‹วมมือในการสรŒาง ผลประโยชนร‹วม • มีการใชŒประโยชนผลงานว�จัย และนวัตกรรมเชิงเศรษฐกิจ สังคม/ชุมชน นโยบาย ใชประโยชนงานว�จัยและนวัตกรรมในลักษณะ Demand Driven ดŒานผูŒผลิต (Supply Side) ผูŒมีผลงานว�จัย/ นวัตกรรม และผูŒเชี่ยวชาญ (Tech Provider) ดŒานผูŒใชŒประโยชน (Demand Side) ผูŒมองหาผลงานว�จัย และนวัตกรรม (Tech Seeker) วช. (Matching) ผลประโยชนรวม (Mutual Benefit) วช. (Matching) ใครไดประโยชน แนวทางของ วช. 3 ระดับ เชิงเศรษฐกิจ เชิงนโยบาย ชุมชน บุคคล องคกร ประเทศ เชิงว�ชาการ เชิงสังคม (สิ�งแวดลอม) • ไดŒรับทุนสนับสนุนพัฒนาผลงานว�จัยและนวัตกรรม ในลักษณะต‹อยอด • ไดŒฝƒกปฏิบัติใหŒกับนักว�จัย/ผูŒช‹วยนักว�จัย/นักศึกษา (Knowledge Sharing) มีประสบการณจากการทำร‹วมกับผูŒใชŒประโยชน • มีความเขŒาใจความตŒองการ R&D ของผูŒใชŒประโยชนผลงาน ว�จัยและนวัตกรรมดีข�้น • สามารถกำหนดนโยบาย ผ‹านกระบวนการตั้งแต‹ คŒนหา แนวคิด ทฤษฎี ว�เคราะหป˜ญหา สรŒางแนวทางแกŒไข เลือกแนวทางที่เหมาะสมกับบร�บท • มีที่ปร�กษาทางเทคนิคในราคาที่ถูก • มีหลักฐานหนุนกฎหมายและมิใช‹กฎหมายเพ�่อเสนอ ครม. อนุมัติ • สามารถแกŒไขป˜ญหาเศรษฐกิจอย‹างสรŒางสรรคและลงมือปฏิบัติไดŒจร�ง • มีที่ปร�กษาทางเทคนิคในราคาที่ถูก • สรŒางรายไดŒ ลดตŒนทุน เพ��มข�ดความสามารถการแข‹งขันและแกŒไขป˜ญหา เศรษฐกิจภาพรวม • เคร�อข‹ายคลัสเตอรทางเศรษฐกิจระดับชุมชน จังหวัด กลุ‹มจังหวัด ภาค ประเทศ • สามารถแกŒไขป˜ญหาสังคม/สิ�งแวดลŒอมอย‹างสรŒางสรรค และลงมือ ปฏิบัติไดŒจร�ง • มีที่ปร�กษาทางเทคนิคในราคาที่ถูก • ลดความขัดแยŒง เหลื่อมล้ำ การเขŒาถึงอคความรูŒ เปšนตŒน • มีความเขŒาใจความตŒองการ R&D ของผูŒใชŒประโยชนผลงานว�จัยและ นวัตกรรมดีข�้น


บทที่ 3 43 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ จากเงื่อนไขหรือหลักการที่ วช. ยึดปฏิบัติ จึงท�ำให้ วช. วางระบบการติดตามประเมินผลงานวิจัยและนวัตกรรม ดังนี้ 1. เส้นทางการติดตามและประเมินผลงานวิจัยและนวัตกรรม โดยเริ่มตั้งแต่ 1.1 หลักเกณฑ์ในการประเมินผล ที่ก�ำหนดโดย OECD มาประยุกต์ใช้เป็นบรรทัดฐานส�ำหรับการติดตาม และประเมินผลงานวิจัยและนวัตกรรมของ วช. โดยมีรายละเอียดดังนี้ • ความสอดคล้อง (Relevance) มีการด�ำเนินโครงการวิจัยและนวัตกรรมตรงตามความต้องการของพื้นที่ หรือกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศหรือไม่ • ประสิทธิผล (Effectiveness) บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการวิจัยเพื่อการใช้ประโยชน์ สร้างผลผลิต และผลลัพธ์หรือไม่ ประสิทธิผลของโครงการที่เกิดขึ้นเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ก�ำหนดไว้อย่างไร • ประสิทธิภาพ (Efficiency) โครงการวิจัยและนวัตกรรมสามารถด�ำเนินการในเชิงเศรษฐกิจอย่างไร เน้นการใช้ ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและประหยัด • ผลกระทบ (Impact) เป็นการท�ำโครงการวิจัยและนวัตกรรมได้บรรลุเป้าหมายโดยรวมของโครงการ สร้างการ เปลี่ยนแปลงอะไร ได้ตามเป้าหมายที่ก�ำหนดหรือไม่ กลุ่มเป้าหมายคือใคร พื้นที่เป้าหมายอยู่ที่ไหน • ความยั่งยืน (Sustainability) ผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นมีความต่อเนื่องและยั่งยืน หรือการน�ำผลงานวิจัย ไปใช้ประโยชน์ และท�ำให้เกิดประโยชน์อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนอย่างไร Impact Efficiency Effectiveness Sustainability Relevance เกณฑ์การประเมินผล


44 บทที่ 3 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 1.2 กรอบการติดตามและประเมินผล ภายใต้หลักเกณฑ์การประเมินผลของ OECD วช. ได้มีการพัฒนากรอบการติดตามและประเมินผลงาน วิจัยและนวัตกรรม โดยจะเริ่มตั้งแต่การวางแผนกรอบ วิจัยและนวัตกรรม (P: Plan) ที่จะต้องวางเป้าหมาย ของการสนับสนุนโครงการวิจัยและนวัตกรรม จึงท�ำให้ ต้องมีการติดตามประเมินผลก่อนเกิดโครงการ (Ex-ante Evaluation) ที่เน้นการด�ำเนินการให้สอดคล้องและเชื่อมโยง กับทิศทางการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะแผน ววน. อว. และยังต้องมีการคาดการณ์ผลผลิต กลุ่มเป้าหมาย/ พื้นที่เป้าหมาย และสรุปการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัย เพื่อเป็นข้อมูลส�ำหรับการคาดการณ์ผลลัพธ์และผลกระทบ ของโครงการ ต่อไปคือการขับเคลื่อนกรอบวิจัยและ นวัตกรรมสู่การปฏิบัติ (D: Doing) ซึ่งจะต้องมีการ ติดตามและประเมินผลในขณะที่ด�ำเนินโครงการ (On-going Evaluation) ในขั้นนี้จะเน้นประสิทธิภาพ (Efficiency) เป็นการติดตามการใช้ทรัพยากรและเวลา ที่เหมาะสม รวมถึงประหยัด แต่ต้องให้ได้ผลผลิตทั้งใน เชิงปริมาณและคุณภาพตามที่ก�ำหนดไว้ในแผนหรือ กรอบวิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งต้องด�ำเนินการสร้าง การยอมรับเทคโนโลยี (Tech Adoption) โดยเริ่มจาก การวิเคราะห์ความพึงพอใจหรือความต้องการของกลุ่ม ผู้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ (Demand Driven) และด�ำเนินการ จัดการองค์ความรู้หรือเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมให้มี ความเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย/บริบทของพื้นที่ (Appropriate Technology) รวมถึงความส�ำเร็จของการ ถ่ายทอดองค์ความรู้/เทคโนโลยี โดยสร้างความเข้าใจ การใช้ประโยชน์ และการแพร่เผยให้กับกลุ่มเป้าหมาย (Technological Transfer) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และ ผลกระทบที่คาดหวังต่อไป เมื่อโครงการด�ำเนินการเสร็จสิ้น จะต้องมีการติดตามและประเมินผลเรียกว่า Ex-post Evaluation โดยในขั้นนี้จะต้องประเมินผลผลิตทั้งในเชิง ปริมาณและคุณภาพ กลุ่มเป้าหมายหรือพื้นที่เป้าหมาย มีความพึงพอใจ และได้รับประโยชน์จนเกิดผลลัพธ์ ระยะสั้นในเชิงประจักษ์ หรือตรวจสอบ (C: Check) เป็นส่วนหนึ่งของการประมาณการผลลัพธ์ระยะยาว และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผลที่เกิดขึ้นต้องน�ำไปเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงแผนหรือกรอบวิจัยและนวัตกรรม (A: Act) ในขั้นนี้จะต้องด�ำเนินการประชุมหรือด�ำเนินการ สะท้อนผลการประเมินผล (Reflection) จากผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียเพื่อการเรียนรู้ร่วมกัน (Learning) ในการสร้าง เส้นการเรียนรู้หรือยกระดับการพัฒนาโครงการ และจะต้อง กรอบการติดตามและประเมินผลการน�ำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ Plan การประเมินประหยัด (Economy) การประเมินประสิทธิภาพ (Efficiency) การประเมินประสิทธิผล (Effectiveness) Do Act MERL Check ปจจัยนำเขา กระบวนการ ผลผลิต การใชประโยชน ผลลัพธ ผลกระทบ ประเมินผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต + ผลกระทบ การดำเนินโครงการเปนไปตามวัตถุประสงคที่กำหนดคือการนำผลงานว�จัยไปใชประโยชน การเชื่อมโยงการบร�หารจัดการว�จัย และนวัตกรรมดŒานอุปสงคและอุปทาน การประเมินความคุŒมค‹าหร�อความสำเร็จของการถ‹ายทอดองคความรูŒ/เทคโนโลยีสู‹การใชŒประโยชน (SROI) ผลยŒอนกลับเพ�่อการพัฒนาต‹อยอด กระบวนการมีส‹วนร‹วมผ‹านเคร�อข‹ายนวัตกรรม กระบวนการมีส‹วนร‹วมผ‹านเคร�อข‹ายนวัตกรรม Relevance Sustainability ระบบนวัตกรรม (Innovation System) ที่ขับเคลื่อนการบร�หารจัดการว�จัยและนวัตกรรม บนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพ�ยง จนเกิดผลตอบแทน ทางเศรษฐกิจ (Tangible + Intangible) พัฒนา วทน. แบบยŒอนกลับ (S&T | Reverse Engineering Development) พัฒนา วทน. แบบเสŒนตรง(R&T&I Development Linear) Positive Correlation การประเมินความคุŒมค‹าหร�อความสำเร็จของการถ‹ายทอดองคความรูŒ/เทคโนโลยีสู‹การใชŒประโยชน (SROI) เคร�อขายคลัสเตอรสู การเชื่อมโยง D&S ในระบบนวัตกรรม • ว�เคราะห TRL ดŒานอุปทาน SRL ดŒานอุปสงค จัดทำแผนที่กระจาย โครงการและองคความรูŒทั่วประเทศ • ว�เคราะหผลการว�จัยและนวัตกรรมบน Matric ระหว‹าง ห‹วงโซ‹อุปทานและ Outcome Mapping or R&D Pathway • สำรวจความเห็นผูŒใหŒประโยชน (ผูŒผลิต) และผูŒใชŒประโยชน (ผูŒบร�โภค) • จำนวนองคความรูŒพรŒอมใชŒ (คู‹มือ/ตŒนฉบับ) • พัฒนาระบบประเมินผลความคุŒมค‹า ออนไลน • องคความรูŒ/ผลงาน วทน. ยื่นจด ทรัพยสินฯ และสิ�งประดิษฐข�้นบัญชี นวัตกรรมและบัญชีสิ�งประดิษฐ • ผลงานว�จัยตีพ�มพ • ผูŒประกอบการ/ชุมชน/เกษตรกร ไดŒเทคโนโลยีและแนวคิดใหม‹ๆ • ขŒอมูลประกอบการกำหนด นโยบายและความเห็น ครม. • เศรษฐกิจสีเข�ยวแข‹งขันไดŒ • สังคมคุณภาพ (คุณภาพชีว�ต ความเปšนอยู‹ดีข�้น และลดความ เหลื่อมล้ำ) • สิ�งแวดลŒอม (คุณภาพ อนุรักษ ทรัพยากรใชŒประโยชน บทบาทของผูŒมีส‹วนไดŒส‹วนเสีย ในระบบนวัตกรรมต‹อการพัฒนา ประเทศ ต‹อยอดองคความรูŒ ขยายผลการใชŒประโยชนต‹อเนื่อง ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการสนับสนุนใหŒเกิดการใชŒประโยชน หร�อความคุŒมค‹าโครงการ(ศึกษาค‹าเฉลี่ยอัตราส‹วนผลประโยชนต‹อตŒนทุน โดยใชŒการประเมินผลมูลค‹าทางสังคม (SROI) ศักยภาพกลุมเปาหมาย • ว�ชาการ • นโยบาย • เศรษฐกิจ • สังคม • สิ�งแวดลŒอม Demand Driven การพัฒนาใหเติบโตอยางสมดุล ทั่วถึง ยั่งยืน มั่นคง


บทที่ 3 45 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ ให้มีการติดตามและประเมินผลที่เกิดขึ้นจริงเพราะผลลัพธ์ และผลกระทบจะเกิดขึ้นจริงต้องใช้เวลาประมาณ 3 - 5 ปี จึงเกิดการติดตามประเมินผลที่เรียกว่า Follow Up Evaluation จะน�ำไปสู่การประเมินความคุ้มค่า และความยั่งยืนของ โครงการ (Sustainability) ที่เน้นการรักษาหรือศึกษา เส้นทางการยอมรับเทคโนโลยี (Adoption Curve) หรือการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถใช้ได้ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งจุดนี้เน้นในเรื่องของเครือข่าย คลัสเตอร์นวัตกรรม (Innovation Cluster) 1.3 เครื่องมือและกลไกการติดตามและประเมินผล วช. ต้องมีการประเมินผลสัมฤทธิ์แผนงาน/ โครงการที่เน้นการวัดผลของโครงการ/แผนงาน เมื่อเทียบกับผลที่เกิดขึ้นจากการด�ำเนินงานของโครงการ/ แผนงานกับวัตถุประสงค์ที่ก�ำหนดไว้ว่าสามารถบรรลุ ผลส�ำเร็จตามวัตถุประสงค์ เป้าหมายของแผนงาน/ โครงการที่ก�ำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความคุ้มค่า ประหยัด จนเกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร และประเทศ ซึ่งเป็นการบริหารจัดการในลักษณะของ Results Based Management ปัจจุบัน วช. มี KR ที่ต้องรับผิดชอบ ภายใต้ O ของยุทธศาสตร์ต่างๆ ภายใต้ แผน ววน. ซึ่งยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นยุทธศาสตร์ที่ได้ มอบหมายให้ วช. ดูแลรับผิดชอบในการขับเคลื่อนเป็นหลัก โดย วช. ได้นิยามไว้ดังนี้ • ผลสัมฤทธิ์ (Results) = ผลผลิต + ผลลัพธ์ + ผลกระทบ • ผลผลิต (Outputs) = ที่เกิดขึ้นจากการใส่ปัจจัย (Inputs) และสร้างกระบวนการจัดการ (Process) ให้สามารถสร้างผลผลิตทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เป็นการประเมินประสิทธิภาพ (Efficiency) ที่เน้นการใช้ ปัจจัยอย่างระมัดระวัง ไม่ฟุ่มเฟือยต้องประหยัด หรือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าให้ส�ำเร็จตาม วัตถุประสงค์ ซึ่งนอกจากพิจารณากระบวนการหรือ ปัจจัยในการสร้างงานวิจัยและนวัตกรรมแล้ว ยังต้อง พิจารณากระบวนการและปัจจัยในการน�ำผลงานวิจัย และนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ จึงต้องมีการประเมิน ประสิทธิภาพของการด�ำเนินการสร้างการยอมรับ เทคโนโลยี (ความต้องการของพื้นที่ การจัดการความรู้ ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและบริบทของพื้นที่ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และมีระบบนิเวศหนุนเสริม การยอมรับเทคโนโลยี หรือการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน) ซึ่งที่ผ่านมา วช. ได้มีการพัฒนาเครื่องมือในการประเมิน ประสิทธิภาพของการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี ประกอบด้วยความเข้าใจหรือการได้มาซึ่งองค์ความรู้ การประยุกต์ใช้และการขยายผลองค์ความรู้ ซึ่งเป็น ส่วนหนึ่งของการประเมินผลสัมฤทธิ์ คือความส�ำเร็จ ตามเป้าหมาย (ประหยัด+ประสิทธิภาพ+ประสิทธิผล) โดยท�ำให้กลุ่มเป้าหมาย/กลุ่มผู้ได้รับประโยชน์ในพื้นที่ ได้รับองค์ความรู้ สามารถประยุกต์ใช้และขยายผล จนสร้างผลกระทบให้กับชุมชน กลไก เคร�่องมือ การติดตามและประเมินผลการนำผลงานว�จัยและนวัตกรรมไปใชประโยชน • ผลสัมฤทธิ์ (Results ) = ผลผลิต (Outputs) + ผลลัพธ (Outcomes) + ผลกระทบ (Impacts) • ผลผลิต (Outputs) คือผลที่เกิดข�้นจากกระบวนการ (Processes) กับป˜จจัย (Inputs) ดังนั้นในขั้นนี้จะมีการวัดประเมินการประหยัด (Economy) คือการใชŒ ป˜จจัย (Inputs) อย‹างระมัดระวัง ไม‹ฟ�†มเฟ�อย และวัดประสิทธิภาพ (Efficiency) เปšนการใชŒทรัพยากรที่มีอยู‹อย‹างคุŒมค‹าในการบร�หารงานใหŒสำเร็จตาม วัตถุประสงค • ผลลัพธ (Outcomes) คือ ผลที่ตามมาหร�อผลที่เกิดจากการใชŒประโยชนผลงานว�จัยและนวัตกรรมในระยะยาว ดังนั้นในขั้นนี้จะวัดประสิทธิผล (Effectiveness) เปšนการดำเนินการใหŒบรรลุวัตถุประสงคตามเป‡าหมายที่กำหนด • ผลกระทบ (Impact) คือ ผลต‹อเนื่องจากผลผลิต หร�อผลลัพธระยะยาว ความคุŒมค‹าของโครงการภาพรวม (SROI) ความสำเร็จของการยอมรับ (เหมาะสม/ถ‹ายทอดองคความรูŒสู‹การใชŒประโยชน) จ�ดหมายปลายทาง งบประมาณ กิจกรรม วัตถุประสงค การใชŒประโยชนเชิง เศรษฐกิจ สังคม/ชุมชน ว�ชาการ นโยบาย ประหยัด (Economy) Inputs Process ปร�มาณ/คุณภาพOutputs Impact Outcomes ประสิทธิภาพ (Efficiency) ประสิทธิผล (Effectiveness) การประเมินผลสัมฤทธิ์ โครงการ/แผนงาน


46 บทที่ 3 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 2. รูปแบบการติดตามและประเมินผลงานวิจัย และนวัตกรรม วช. มีเป้าหมายที่จะประเมินผลเพื่อตอบโจทย์ การพัฒนาประเทศ ทั้งในลักษณะที่เชื่อมโยงบทบาทหน้าที่ ของ วช. กับบทบาทหน้าที่ของกระทรวง อว. และบทบาท หน้าที่ของหน่วยงาน/กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้าง การเปลี่ยนแปลงและหรือหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ และในลักษณะที่เชื่อมบทบาทหน้าที่ของ วช. อว. กับบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อสร้าง การเปลี่ยนแปลงหรือหนุนเสริมการพัฒนาในระดับพื้นที่ จึงท�ำให้ วช. ก�ำหนดรูปแบบการติดตามและประเมิน ผลการวิจัยและนวัตกรรมไว้ ดังนี้ 2.1.การติดตามและประเมินผลระดับโครงการ (Project-Based Monitoring and Evaluation) วช. ได้วางกลยุทธ์ในการติดตามประเมินผล ในระดับโครงการไว้ ดังนี้ (1) เป็นการติดตามและประเมินผล ในลักษณะจากภายใน (Inside-Out) โดยนักวิจัยเป็น ผู้ประเมินตนเอง (Supply Side) ซึ่งจะเป็นการเก็บข้อมูล โดยตรงจากนักวิจัย และได้ข้อมูลจากการด�ำเนินงาน ของ วช. ที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการ/คณะท�ำงานติดตาม และตรวจสอบทางวิชาการ และเลือกส�ำรวจตรวจสอบ ในระดับพื้นที่ เพื่อติดตามและให้ค�ำแนะน�ำต่อโครงการ ที่คาดว่าจะมีโอกาสที่จะสร้างความส�ำเร็จสูง (2) การติดตาม ประเมินผลในลักษณะจากภายนอก (Outside-In) คือ การประเมินผลจากผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ (Demand Side) โดย วช. ได้ด�ำเนินการโดยให้ผู้เชี่ยวชาญ ด้านการติดตามประเมินผลจากภายนอก วิเคราะห์มุมมอง ของผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการ โดยการเก็บข้อมูล จะมีลักษณะของการการสุ่มตัวอย่างเพราะขนาดของ ประชากรจะมีขนาดใหญ่ไม่สามารถด�ำเนินการเก็บข้อมูลได้ ทุกผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 2.2 การติดตามและประเมินผลระดับประเด็น/ กรอบการวิจัยและนวัตกรรม (Agenda-Based Monitoring and Evaluation) วช. เน้นการติดตามประเมินผลทุกโครงการ จึงให้ ความส�ำคัญกับการติดตามประเมินผลในลักษณะ กลุ่มโครงการที่สะท้อนประเด็นและตอบสนองวัตถุประสงค์ ตัวชี้วัดร่วมและเป้าหมายร่วมที่ก�ำหนดไว้ ทั้งในลักษณะ ของปัจจัยน�ำเข้าร่วม ผลผลิตร่วม กลุ่มเป้าหมาย/ ผู้ได้รับประโยชน์ (ขั้นตอนของการวิเคราะห์ความส�ำเร็จ ของ Tech Adoption Appropriation and Transfer) จนเกิดผลลัพธ์และผลกระทบ โดยจะ (1) ใช้ข้อมูลจาก การติดตามประเมินผลระดับโครงการ (2) ข้อมูลทุติยภูมิ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นพัฒนานั้นๆ รวมทั้งการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของกลุ่มโครงการ ทางเศรษฐศาสตร์ที่วัดด้วยอัตราผลตอบแทนต้นทุนหรือ ค่าส่วนเกินทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้อาจต้องพิจารณา สร้างตัวชี้วัดในระดับผลลัพธ์และผลกระทบ ในส่วนที่ วช. ด�ำเนินการและเชื่อมโยงไปกับตัวชี้วัดผลลัพธ์และ ผลกระทบภายใต้แผน ววน. เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการ ประเมินความคุ้มค่าของโครงการ 46 บทที่ 3


บทที่ 3 47 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ Issue Based Evaluation Issue Based Evaluation เศรษฐกิจ นโยบาย สังคม/ชุมชน สิ�งแวดลอม ว�ชาการ ประเด็นพัฒนา • เติบโตสีเข�ยว สู‹เศรษฐกิจคารบอนต่ำ, Zero Waste • เกษตรมูลค‹าสูง เปšนมิตรสิ�งแวดลŒอม แหล‹งอาหารโลก • สังคมสูงวัยแบบพลังผูŒเฒ‹า (Active Aging) ประเด็นพัฒนา • เติบโต Inclusive Growth ลดความเหลื่อมล้ำ • เพ��มข�ดความสามารถในการแข‹งขัน พ�่งพาตนเอง และขับเคลื่อนประเร‹งด‹วน • องคความรูŒ/ผลงานว�จัย/ เทคโนโลยีและนวัตกรรม • คู‹มือ เคร�่องมือ/เทคโนโลยี /แนวปฏิบัติ ตัวอย‹างเช‹น • ผูŒสูงอายุ (ประชากรที่มีอายุเกิน 60 ป‚) • 80% มีสุขภาพดีพ�่งพาตนเองไดŒ • ใชŒประโยชนนวัตกรรมการดำรงชีพไดŒ 80% • สังคมคุณภาพ • ยกระดับคุณภาพระบบคุŒมครอง ทางสังคมใหŒผูŒมีรายไดŒต่ำ ตัวอย‹างเช‹น • นำขยะกลับมาใชŒเพ��มข�้น 10% ต‹อป‚ • ลดจำนวนวันที่มีปร�มาณ PM2.5 เกินค‹ามาตรฐานในพ�้นที่เสี่ยงสูง • เพ��มสัดส‹วนการใชŒพลังงานหมุนเว�ยน 30% และลดความเขŒมการใชŒพลังงาน 30% • องคความรูŒ/แนวทาง/ ปฏิบัติ/ทางเลือก • องคความรูŒ/ผลงานว�จัย/ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โครงการ กลุมโครงการ ยุทธศาสตร ประเทศ ชุมชน ผลผลิต ผลลัพธ ผลผลิต ผลลัพธ ผลผลิต ผลผลิต ผลผลิต ผลลัพธ ผลลัพธ ผลลัพธ ผลกระทบ ผลกระทบ ผลกระทบ ผลกระทบ ผลกระทบ Macro - Micro Link Impact Evaluation บุคคล องคกร ประเทศ Macro-Micro Link mI pact Eva ul at oi n • องคความรูŒ/ผลงานว�จัย/ เทคโนโลยีและนวัตกรรม • คู‹มือ/เคร�่องมือ/เทคโนโลยี/ ผลิตภัณฑตŒนแบบ • ผูŒประกอบการ/ชุมชน/ เกษตรกรไดŒเทคโนโลยีและ แนวคิดใหม‹ๆ • ผลงานว�จัยยื่นจดทรัยพสินฯ และสิ�งประดิษฐข�้นบัญชีนวัตกรรม และบัญชีสิ�งประดิษฐ • เคร�อข‹ายพันธมิตรและ ความร‹วมมือ • ความสำเร็จถ‹ายทอดว�จัยและ นวัตกรรมจากผูŒผลิตสู‹ผูŒใชŒประโยชน • ขŒอมูลประกอบการกำหนด นโยบาย (กฎหมายและ มิใช‹กฎหมายและความเห็น ครม.) • ผลงานว�จัยตีพ�มพ • องคความรูŒ/ผลงานว�จัย จดทรัพยสินฯ • เคร�อข‹ายพันธมิตรและความร‹วมมือ • ความสำเร็จถ‹ายทอดองคความรูŒ (D&S) • ตŒนแบบชุมชนเขŒมแข็งดŒวย วทน. • นักว�จัยชุมชน/ว�ศวกรทางสังคม/ นวัตกร • องคความรูŒ/ผลงานว�จัย/ เทคโนโลยีและนวัตกรรม • คู‹มือ เคร�่องมือ/เทคโนโลยี /แนวปฏิบัติ • องคความรูŒ/ผลงานว�จัย จดทรัพยสินฯ • เคร�อข‹ายพันธมิตรและความร‹วมมือ • ความสำเร็จถ‹ายทอดองคความรูŒ (D&S) • ตŒนแบบชุมชนเขŒมแข็งดŒวย วทน. • นักว�จัยชุมชน/ว�ศวกรทางสังคม/ นวัตกร


48 บทที่ 3 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ 2.3 การติดตามประเมินผลระดับยุทธศาสตร์ (Strategic based Monitoring and Evaluation) เน้นการวิเคราะห์เชื่อมโยงผลการด�ำเนินงาน ที่ก�ำหนดไว้ในทุกระดับของแผนยุทธศาสตร์ประเทศ โดยจะมีการวิเคราะห์ความเชื่อมโยงกับเป้าหมายตัวชี้วัด ผลกระทบของ วช. อว. กับเป้าหมายตัวชี้วัดผลกระทบ ของแผนยุทธศาสตร์ระดับต่างๆ เพื่อสะท้อนการสนองตอบ ต่อโจทย์การพัฒนาประเทศหรือทิศทางการพัฒนา ประเทศ (Relevance to Direction of National Development) จะเป็นการน�ำเสนอในลักษณะบรรยาย เพราะตัวชี้วัดผลกระทบของ วช. อว. เป็นเพียงส่วนเดียว ของเป้าหมายตัวชี้วัดผลกระทบในระดับแผนยุทธศาสตร์ ระดับต่างๆ ของประเทศ 2.4 การติดตามประเมินผลระดับพื้นที่ (Area Based Monitoring and Evaluation) เน้นการวิเคราะห์เชื่อมโยงผลการด�ำเนินงาน ที่ก�ำหนดไว้ในระดับพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์ ความเชื่อมโยงเป้าหมายตัวชี้วัดผลลัพธ์และผลกระทบ ของ วช. อว. กับเป้าหมายตัวชี้วัดผลลัพธ์และผลกระทบ ของแผนยุทธศาสตร์พื้นที่ในระดับต่างๆ โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับคือ ระดับชุมชน เพื่อสะท้อนการสนองตอบความ ต้องการของชุมชนพื้นที่ ซึ่งข้อมูลจะอยู่ในแต่ละโครงการ ที่เสนอขอทุนวิจัยจาก วช. โดยเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ต้องระบุ ให้ชัดเจน ทั้งในกลุ่มเป้าหมายหรือกลุ่มผู้ที่ได้รับประโยชน์ จากโครงการ (Relevance to people needs) สร้างการ เปลี่ยนแปลงในระดับพื้นที่อย่างไร เป็นการวิเคราะห์ปัญหา หรือความต้องการในระดับครัวเรือน ส�ำหรับระดับ จังหวัด ภูมิภาค และประเทศ จะเน้นการวิเคราะห์เชื่อมโยง การสนองตอบต่อโจทย์การพัฒนาในระดับพื้นที่ Macro - Micro Link Impact Evaluation ประเทศ ชุมชน บุคคล องคกร ประเทศ เศรษฐกิจ นโยบาย สังคม/ชุมชน สิ�งแวดลอม ชุมชน ภาค จังหวัด ว�ชาการ ผลผลิต ผลลัพธ ผลกระทบ ผลผลิต ผลลัพธ ผลกระทบ ผลผลิต ผลลัพธ ผลกระทบ ผลผลิต ผลลัพธ ผลกระทบ ผลผลิต ผลลัพธ ผลกระทบ Area-Based Evaluation • เติบโตสีเข�ยว สู‹เศรษฐกิจคารบอนต่ำ, Zero Waste • เกษตรมูลค‹าสูง เปšนมิตรสิ�งแวดลŒอม แหล‹งอาหารโลก • สังคมสูงวัยแบบพลังผูŒเฒ‹า (Active Aging) ประเด็นพัฒนา • เติบโต Inclusive Growth ลดความเหลื่อมล้ำ • เพ��มข�ดความสามารถในการแข‹งขัน พ�่งพาตนเอง และขับเคลื่อนประเด็น เร‹งด‹วน ประเด็นพัฒนา ประเทศ


บทที่ 4 ท�ำอะไรไปแล้ว (ความส�ำเร็จของการขับเคลื่อน โครงการวิจัยและนวัตกรรมด้านผู้สูงอายุ)


50 บทที่ 4 บทบาท วช. จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อไป : การใช้ประโยชน์วิจัยและนวัตกรรมในการเสริมพลังผู้สูงวัย เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ จำนวนโครงการว�จัยผูสูงวัย ป 2563-2566 รวม 204 โครงการ กระจายทั่ว 6 ภูมิภาค กอใหเกิดผลผลิตกวา 683 รายการ มีกลุมเปาหมายที่ไดรับประโยชน จำนวนทั้งสิ�น 122,521 คน ภาคเหนือ มีจำนวน 27 โครงการ (รอยละ 13.12) โดย จ.เชียงใหมและ จ.ลำปาง มีโครงการ มากที่สุด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจำนวน 42 โครงการ (รอยละ 20.6) โดย จ.นครราชสีมา มีโครงการมากที่สุด ภาคกลาง (รวม กทม.) มีจำนวน 89 โครงการ (รอยละ 43.36) โดย กรุงเทพฯ มีโครงการมากที่สุด ภาคใตอาวไทยและฝงอันดามัน มีจำนวน 19 โครงการ (รอยละ 9.3) โดย จ.สงขลามีโครงการมากที่สุด ภาคใตชายแดน มีจำนวน 4 โครงการ (รอยละ 2.0) โดย จ.ปตตานีมีโครงการมากที่สุด ภาคตะวันออก มีจำนวน 14 โครงการ (รอยละ 6.9) โดย จ.ชลบุร�ีมีโครงการมากที่สุด จำนวนพ�้นที่ ที่ไดรับประโยชน จำนวนผลผลิต จำนวนผูใชประโยชน • เคร�่องมือที่ใชประเมิน ความเปราะบาง ของเกษตรกรสูงอายุไทย ในระดับบุคคล • นวัตกรรมการเร�ยนรู ตลอดชีว�ตเพ�่อพัฒนาทักษะ งานในยุคดิจิทัลสำหรับผูสูงวัย • รถลอเลื่อนสำหรับผูพ�การ ดานการเคลื่อนไหวตัวแต สะโพกลงมาถึงเทา ใชกับผูพ�การประเภท T53-T54 • นวัตกรรมการใชเลเซอร เพ�่อสงเสร�มสุขภาพชองปาก ในระดับปฐมภูมิ • เสนกวยเตี๋ยวเสร�มโปรตีนไฮโดรไลเซท • แคลเซียมจากกระดูกปลาทูนา • เเอพพลิเคชั่นปองกันภาวะสมองเสื่อมของผูสูงอายุ โดยใชหลักมิติจิตว�ญญาณตามว�ถีมุสลิม • โรงเร�ยนดิจิทัลสำหรับผูสูงอายุ Digital Education & On the Job Coaching • หุนยนตว�ลแชรเคลื่อนยายผูพ�การ และผูสูงอายุขับเคลื่อนอัตโนมัติ ดวยเทคโนโลยีปญญาประดิษฐ และสมองกลฝงตัว • ECare : นวัตกรรมดิจิตอล ดูแลผูสูงอายุที่มีความบกพรอง ทางดานความจำ • Smart Aging Bed:ระบบ เตียงอัจฉร�ยะเพ�่อเฝาระวังความ ปลอดภัยและสุขภาพ สำหรับผูสูงวัย • เคร�่องมือที่ใชประเมิน ความเปราะบาง ของเกษตรกรสูงอายุ ไทยในระดับบุคคล หมายเหตุ: 1 โครงการสามารถกระจายการประโยชนไดมากกวา 1 จังหวัด และบางโครงการระบุจำนวนผลผลิตและกลุมผูใชประโยชนในพ�้นที่ทั่วประเทศ


Click to View FlipBook Version