รายงานผลการดำเนินงาน ประจำปี 2565 ของสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม จัดทำขึ้น เพื่อเป็นการรายงานผลของการปฏิบัติงานตามแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม ซึ่งดำเนินงานภายใต้แผนงานพื้นฐาน ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมหลัก 2 กิจกรรมได้แก่ (1) พัฒนาและเผยแพร่ เทคโนโลยีนวัตกรรมหม่อนไหม (2) ผลิตพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสีแผนงานยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมหลัก 2 กิจกรรมได้แก่ (1) ผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Area (2) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ด้านหม่อนไหม และแผนงานยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ซึ่งประกอบด้วย โครงการวิจัยที่ได้รับงบอุดหนุน จากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประเภท Function-based Research Fund ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จำนวน 30 เรื่อง ที่สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหมได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานหม่อนไหมเฉลิม พระเกียรติฯ เขต 1-6 และศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงฐานข้อมูล งานวิจัยระบบ TARR ฐานข้อมูลงานวิจัยหม่อนไหม การให้บริการห้องสมุดกรมหม่อนไหม และการให้บริการ ห้องปฏิบัติการวิจัยกรมหม่อนไหม ที่สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหมได้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานผลการดำเนินงาน ประจำปี 2565 ฉบับนี้ จักเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้า และสามารถใช้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติงานแก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง และ ผู้ที่สนใจต่อไป ขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการจัดทำรายงานผลการดำเนินงาน ประจำปี 2565 ฉบับนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม กรมหม่อนไหม มกราคม 2566 คำนำ
สารบัญ เรื่อง หน้า ข้อมูลทั่วไป 1 โครงสร้างส่วนราชการ 2 อัตรากำลัง ประจำปี 2565 3 รายชื่อบุคลากรปฏิบัติงาน ประจำปี 2565 4 กิจกรรมหลักที่สำคัญ 5 แผน/ผลการจัดสรรและการเบิกจ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ 2565 6 • แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 9 ➢ กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี 9 - โครงการผลิตและกระจายพันธุ์หม่อนไหม ปี 2565 9 ➢ กิจกรรมพัฒนาและเผยแพร่เทคโนโลยีนวัตกรรมหม่อนไหม 13 - โครงการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์จากเศษผ้าไหม 13 - โครงการโครงสร้างและสมบัติทางเคมีของสารให้สีจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อการย้อมเส้นไหม 16 - โครงการประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565 24 - โครงการพัฒนาความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการวิจัยหม่อนไหม 28 • แผนงานยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า 31 ➢ กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Area 31 - โครงการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Production Area 31 ➢ กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทาง ภูมิศาสตร์ด้านหม่อนไหม 35 - โครงสร้างองค์ความรู้ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันแก่ผู้ผลิตสินค้าหม่อนไหม 35 1. เครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมไทยอุบลราชธานี 90-65 เฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา 35 2. โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ ผ้าไหมต้นแบบลักษณะพิเศษ 36 - โครงการเทคโนโลยี นวัตกรรม เพิ่มมูลค่าสินค้าหม่อนไหมตลอดห่วงโซ่อุปทาน 38 1. โครงการการพัฒนาเส้นไหมไทยพื้นบ้านเพื่อการผลิตผ้ายกดอกลำพูน 38 2. โครงการการทดสอบประสิทธิภาพของสารป้องกันกำจัดเชื้อราในหนอนไหม และดักแด้ที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค 40 3. โครงการเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้น Samia ricini ชนิดรังสีเหลือง 43 • แผนงานยุทธศาสตร์การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม 44 ➢ โครงการวิจัย ปีงบประมาณ 2565 1. โครงการปรับปรุงพันธุ์ไหมไทยลูกผสมให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 46 2. โครงการปรับปรุงพันธุ์ไหมลูกผสมคู่ 47 3. การปรับปรุงพันธุ์หม่อนผลสดให้มีก้านเกสรตัวเมียสั้น 48
เรื่อง หน้า 4. การสำรวจและรวบรวมเชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคไหม Bombyx moriL. ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทดสอบประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงไหมเพื่อต้านเชื้อแบคทีเรียสาเหตุโรคไหม 48 5. การสำรวจและวินิจฉัยเชื้อ Nosema bombycisสาเหตุโรคเพบรินในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 49 6. การประเมินและคัดเลือกพันธุ์หม่อนจากเมล็ดพันธุ์ที่ได้มาจากการผสมเปิด 50 7. การศึกษาหม่อนทนต่อน้ำท่วมจากประชากรหม่อนลูกผสมที่ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด 52 8. เทคนิคการโน้มกิ่งหม่อนเพื่อเพิ่มผลผลิตใบหม่อนพันธุ์สกลนคร 53 9. เทคนิคการตัดแต่งกิ่งหม่อนและตัดยอดหม่อนต่อผลผลิตและคุณภาพใบหม่อนสำหรับเลี้ยง ไหมวัยแก่ 54 10. การวิจัยและพัฒนาการทำต้นแบบแผ่นปิดแผลเบาหวานด้วยไหม 55 11. โครงการวิจัยและพัฒนาไหมอีรี่และไหมดาหลาสำหรับเป็นต้นแบบโครงร่างในวิศวกรรม เนื้อเยื่อกระดูกและข้อเข่า 56 12. ผลของถุงแอคทีฟต่อการยืดอายุการเก็บรักษาใบหม่อนสำหรับการเลี้ยงไหม 58 13. ปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการผลิตรังไหมอุตสาหกรรมของเกษตรกรในประเทศไทยปี 2564 59 14. ผลของใบหม่อนและกิ่งหม่อนแห้งต่ออัตราการเจริญเติบโตของแพะขุน 60 15.การจัดการโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตผ้าไหมไทยตรานกยูงพระราชทานสีน้ำเงิน (Thai silk) ในพื้นที่รับผิดชอบสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 2 61 16. โครงการสร้างแบบจำลองความต้องการธาตุอาหารในหม่อนพันธุ์สกลนครโดยใช้ข้อมูล สำรวจระยะไกล (RS) จากอากาศยานไร้คนขับ (Drone) 62 17. วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการเขตกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตหม่อน 63 18. ผลของสารละลายไพริโพรไซเฟนสังเคราะห์ต่อการยืดอายุหนอนไหมพันธุ์เหลืองสระบุรี ซึ่งมีผลต่อผลผลิต 63 19. โครงการศึกษาและพัฒนาผ้าไหม เพื่อสร้างสรรค์แอคทีฟแวร์ 65 20. โครงการหาลำดับเบสจีโนมไหมโดยวิธีการ Next generation sequencing (NGS) เพื่อการ ใช้ประโยชน์ 66 21. วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตหม่อนพันธุ์สกลนคร 85 ที่ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และเศรษฐกิจ 67 22. การใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมในการผลิตหม่อนพันธุ์สกลนคร 85 ในจังหวัดเชียงใหม่ 67 23. ศึกษาอัตราปุ๋ยเคมีที่เหมาะสมกับหม่อนพันธุ์สกลนคร85 ที่ปลูกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 68 24. การทดสอบเทคโนโลยีการผลิตใบหม่อนเพื่อเลี้ยงไหมอุตสาหกรรมในภาคเกษตรกร 69 25. การทดสอบเทคโนโลยีการผลิตใบหม่อนเพื่อเลี้ยงไหมหัตถกรรมในภาคเกษตรกร 70 26. การทดสอบเทคโนโลยีการผลิตผลหม่อนในภาคเกษตรกร 71 27. นวัตกรรมการผลิตเส้นไหมยืนด้วยอุปกรณ์สาวไหมด้วยมือลงภาชนะ 71 28. โครงการผลของการใช้ใบหม่อนในการเลี้ยงจิ้งหรีด (Gryllus assimilis) ต่อการเจริญเติบโต และลดต้นทุนการผลิต 72
เรื่อง หน้า 29. การพัฒนาผ้าทอมือจากเส้นไหมกับเส้นใยกล้วยผสมฝ้าย 73 30. การผลิตหม่อนอินทรีย์เป็นอาหารโครีดนม 74 ฐานข้อมูลงานวิจัยระบบ TARR 75 ฐานข้อมูลงานวิจัยหม่อนไหม 76 การให้บริการห้องปฏิบัติการวิจัยกรมหม่อนไหม 77 การให้บริการห้องสมุดกรมหม่อนไหม 80
1 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม พันธกิจ 1. ศึกษา วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีหม่อนไหม วัสดุย้อมสี ออกแบบและแปรรูป ผลิตภัณฑ์หม่อนไหม 2. บริหารจัดการ การผลิต การขยายพันธุ์ และให้บริการพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี 3. ร่วมมือทางวิชาการด้านหม่อนไหมและวัสดุย้อมสี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ วิสัยทัศน์ เป็นศูนย์กลางความรู้ทางวิชาการ เทคโนโลยี นวัตกรรมหม่อนไหม และวัสดุย้อมสี และบริหารจัดการ การผลิต การบริการ พันธุ์หม่อนไหม และวัสดุย้อมสี อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย 1. ศึกษา วิจัย และพัฒนาหม่อนไหม การอารักขา วิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว การแปรรูปหม่อนไหม ผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม วัสดุย้อมสี และผลพลอยได้ 2. ศึกษาและวิจัยสิ่งประดิษฐ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตหม่อนไหม 3. ศึกษา วิจัย และพัฒนาวัสดุและเส้นใยให้เหมาะสมกับการผลิตผ้าไหมและผลพลอยได้ 4. ศึกษา วิจัย และออกแบบลวดลายผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ผ้าไหม ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด 5. วิจัยเทคโนโลยีการผลิตและการขยายพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี 6. ศึกษา วิเคราะห์ และประเมินความต้องการของเกษตรกรเกี่ยวกับพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสีเพื่อเป็น ข้อมูลในการผลิตและการขยายพันธุ์ 7. บริหารจัดการการผลิต การขยายพันธุ์ และการให้บริการพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี 8. ดำเนินการเกี่ยวกับความร่วมมือทางวิชาการด้านหม่อนไหมทั้งภาครัฐและเอกชน 9. ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องหรือที่ได้รับมอบหมาย 10. สำรวจ รวบรวม วิเคราะห์ประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยด้านหม่อนไหม 11. บริหารจัดการระบบการจัดทำข้อเสนองานวิจัย และติดตามประเมินผลการดำเนินงานวิจัยของกรมหม่อนไหม
2 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม โครงสร้างส่วนราชการ : ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ฝ่ายบริหารทั่วไป - นักจัดการงานทั่วไป (ปก./ชก.) 1 อัตรา - เจ้าพนักงานธุรการ (ปง./ชง.) 1 อัตรา กลุ่มวิจัยพัฒนาหม่อนไหมและเครื่องจักรอุปกรณ์ - นักวิชาการเกษตร (ปก./ชก./ชพ.) 2 อัตรา - นักวิทยาศาสตร์ (ปก./ชก./ชพ.) 1 อัตรา กลุ่มวิจัยการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม - นักวิชาการเกษตร (ปก. /ชก./ชพ.) 1 อัตรา - นักวิทยาศาสตร์ (ปก. /ชก.) 1 อัตรา (HiPPs) - นักวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์ (ปก. /ชก.)1อัตรา (HiPPs) กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตวัสดุย้อมสี - นักวิชาการเกษตร (ปก./ชก./ชพ.) 1 อัตรา - นักวิทยาศาสตร์ (ปก./ชก.) 1 อัตรา (HiPPs) - นักวิทยาศาสตร์ (ปก./ชก.) 1 อัตรา กลุ่มวิจัยการขยายพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี - นักวิชาการเกษตร (ปก./ชก./ชพ.) 3 อัตรา กลุ่มระบบวิจัย - นักวิชาการเกษตร (ปก. /ชก./ชพ.) 1 อัตรา - นักวิชาการเกษตร (ปก. /ชก.) 1 อัตรา - นักวิทยาศาสตร์ (ปก./ชก./ชพ.) 1 อัตรา
3 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ตำแหน่ง ข้าราชการ (คน) พนักงาน ราชการ (คน) พนักงาน จ้างเหมา (คน) หมายเหตุ กรอบ อัตรา กำลัง อัตราที่ ทำงาน ในสำนัก ตำแหน่ง ว่าง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม 1 1 - - - ฝ่ายบริหารทั่วไป 2 2 - 3 2 (7 คน) - นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ 1 1 - - - - เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน 1 1 - - - - เจ้าพนักงานธุรการ - - - 3 - - จ้างเหมาช่วยปฏิบัติงานบริหารทั่วไป - - - - 1 - จ้างเหมาบริการขับรถยนต์ - - - - 1 กลุ่มวิจัยพัฒนาหม่อนไหมและเครื่องจักรอุปกรณ์ 3 3 0 0 0 (3 คน) - นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ 1 1 - - - - นักวิชาการเกษตรชำนาญการ 1 1 - - - - นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ 1 1 - - - กลุ่มวิจัยการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม 3 2 0 0 1 (4 คน) - นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ 1 1 - - - - นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ 1 1 - - - HiPPS รุ่นที่ 14 - นักวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์ชำนาญการ 1 - - - - HiPPS รุ่นที่ 16 (ปฏิบัติงานที่ กสธ. 1 คน) - จ้างเหมาช่วยปฏิบัติงานนักวิชาการเกษตร - - - - 1 กลุ่มวิจัยการขยายพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี 3 3 0 1 0 (4 คน) - นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ 1 1 - - - - นักวิชาการเกษตรชำนาญการ 1 1 - - - - นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ 1 1 - - - - นักวิชาการเกษตร - - - 1 - กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตวัสดุย้อมสี 3 2 - - - (3 คน) - นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ 1 1 - - - รั ก ษ า ก า รใน ต ำ แ ห น่ ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ และตรวจสอบมาตรฐาน หม่อนไหม - นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ 2 1 - - - ลาศึกษาต่อ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 63 - 31 ต.ค. 66 กลุ่มระบบวิจัย 3 3 - 1 2 (6 คน) - นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ 1 1 - - - รั ก ษ า ก า รใน ต ำ แ ห น่ ง ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ หม่อนไหม - นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ 1 1 - - - - นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ 1 1 - - - - นักวิชาการเกษตร - - - 1 - จ้างเหมาช่วยปฏิบัติงานนักวิชาการเกษตร - - - - 2 สรุปรวมอัตรากำลัง 18 16 - 5 5 อัตรากำลัง ประจำปี 2565 ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2565 :
4 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม รายชื่อบุคลากรปฏิบัติงาน ณ สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม (ณ วันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2565) (ข้าราชการ 16 คน พนักงานราชการ 5 คน จ้างเหมาบริการ 5 คน รวม 26 คน) ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม นายสุเทพ ขวัญเผือก 1. นางเบญจมาศ เย็นสำราญ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ 2. นางสาวไสบ๊ะ สันดาเส็น เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน 3. นางสาวนุชจรีย์ ทองลิบ เจ้าพนักงานธุรการ 4. นางสาวอุไรศรี แจ้งอุบล เจ้าพนักงานธุรการ 5. นางสาวศิริวรรณ วงศาโรจน์ เจ้าพนักงานธุรการ 6. นายสมมาศเย็นสำราญ จ้างเหมาบริการช่วยปฏิบัติงานบริหารทั่วไป 7. นายสกุลตลา ทะทำมัง จ้างเหมาช่วยปฏิบัติงานขับรถยนต์ ฝ่ายบริหารทั่วไป 1. นางสาวสมพร เลิศจิรกุล นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ 2. นางสาวศศิพิมพ์ ลิ่มมณี นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ 3. นายกิตติชัย สุขดี จ้างเหมาช่วยปฏิบัติงานนักวิชาการเกษตร กลุ่มวิจัยการออกแบบ พัฒนาผลิตภัณฑ์และ นวัตกรรม 1. นางสาวทิพรรณี เสนะวงศ์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ 2. นางบัณฑรีโชติมโนธรรม นักวิชาการเกษตรชำนาญการ 3. นางสาววโรทัยรุ่งแสง นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ 4. นางสาวจีรนันท์เบสูงเนิน นักวิชาการเกษตร กลุ่มวิจัยการขยายพันธุ์ หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี 1. นางสาวพนาไพร เงินอยู่ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ 2. นางสาวกานดา ฉัตรไชยศิริ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ 3. นางเกณิกา นันทนพิบูล นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มวิจัยพัฒนาหม่อนไหม และเครื่องจักรอุปกรณ์ 1. นางบุษรา จงรวยทรัพย์ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ (รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์และ ตรวจสอบมาตรฐานหม่อนไหม) 2. นางสาวเจะรอฮานี ยามา นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยี การผลิตวัสดุย้อมสี 1. นางสุธิรา พลเจริญ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ (รักษาการในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์หม่อนไหม) 2. นายกฤตไชย พลินทรนันท์ นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติการ 3. นายสงกรานต์ จันทะรัง นักวิชาการเกษตรปฏิบัติการ 4. นางสาวชามิพร แย้มนวล นักวิชาการเกษตร 5. นางสาวกรรณิการ์ นามสว่าง จ้างเหมาช่วยปฏิบัติงานนักวิชาการเกษตร 6. นางสาวกนกพร บัวพันธ์ จ้างเหมาช่วยปฏิบัติงานนักวิชาการเกษตร กลุ่มระบบวิจัย
5 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ผลผลิต : โครงการส่งเสริมและพัฒนามูลค่าสินค้าเกษตรด้านหม่อนไหม งบดำเนินงาน - กิจกรรมหลัก กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Area - กิจกรรมหลัก กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ด้านหม่อนไหม ➢ โครงการสร้างองค์ความรู้ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันแก่ผู้ผลิตสินค้าหม่อนไหม 2. แผนงาน: บุคลากรภาครัฐ ผลผลิต : โครงการเทคโนโลยี นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า สินค้าหม่อนไหมตลอดห่วงโซ่อุปทาน งบรายจ่ายอื่น -กิจกรรมหลักกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ด้านหม่อนไหม ➢โครงการเทคโนโลยี นวัตกรรมเพิ่มมูลค่า สินค้าหม่อนไหมตลอดห่วงโซ่อุปทาน กิจกรรมหลักที่สำคัญ ➢ ภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ประกอบด้วย 1. แผนงาน: พื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ผลผลิต : การผลิตสินค้าหม่อนไหมได้รับการส่งเสริมและพัฒนา งบดำเนินงาน - กิจกรรมหลัก พัฒนาและเผยแพร่เทคโนโลยีนวัตกรรมหม่อนไหม - กิจกรรมหลัก ผลิตพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี ผลผลิต : ค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ พัฒนาเกษตรกรรรมยั่งยืนและเสริมสร้างความเข้มแข็ง ของเกษตรกรอย่างเป็นระบบ งบดำเนินงาน - กิจกรรมหลัก บุคลากรภาครัฐพัฒนาการเกษตรยั่งยืน 3. แผนงาน: ยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า
6 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ➢ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. งบดำเนินงาน 1. กิจกรรมพัฒนาและเผยแพร่เทคโนโลยีนวัตกรรมหม่อนไหม เป็นเงิน 1,211,300.00 บาท จัดสรรให้ สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ และศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ที่เกี่ยวข้อง เป็นเงิน 119,827.03 บาท คงเหลือที่สำนักวิจัยฯ เป็นเงิน 1,091,472.97 บาท 2. กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี เป็นเงิน 1,097,68.00 บาท จัดสรรให้สำนักงานหม่อนไหม เฉลิมพระเกียรติฯ และศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ที่เกี่ยวข้อง เป็นเงิน 195,535.00 บาท คงเหลือ ที่สำนักวิจัยฯ เป็นเงิน 902,145.00 บาท 3. กิจกรรมบุคลากรภาครัฐพัฒนาการเกษตรยั่งยืน เป็นเงิน 81,020.00 บาท 4. กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Area เป็นเงิน 12,500 บาท 5. กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ด้านหม่อนไหม เป็นเงิน 519,800.00 บาท จัดสรรให้สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ และศูนย์หม่อนไหม เฉลิมพระเกียรติฯ ที่เกี่ยวข้อง เป็นเงิน 516,840.00 บาท คงเหลือที่สำนักวิจัยฯ เป็นเงิน 2,960.00 บาท 2. งบรายจ่ายอื่น กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ด้านหม่อนไหม เป็นเงิน 1,552,300.00 บาท จัดสรรให้สำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ และศูนย์หม่อนไหม เฉลิมพระเกียรติฯ ที่เกี่ยวข้อง เป็นเงิน 1,045,700.00 บาท คงเหลือที่สำนักวิจัยฯ เป็นเงิน 506,600.00 บาท แผน/ผลการจัดสรรและการเบิกจ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ 2565 ได้รับจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้น เป็นเงิน 4,474,600.00 บาท 1. งบดำเนินงาน เป็นเงิน 2,922,300.00 บาท 2. งบรายจ่ายอื่น เป็นเงิน 1,552,300.00 บาท
แหล่งเงิน งบประกิจกรรมพัฒนาและเผยแพร่ เทคโนโลยีนวัตกรรมหม่อนไหม กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อน ไหมและวัสดุย้อมสี กิจกรรมบุคลพัฒนาการเกรวมเงินงบประมาณ 1,211,300.00 1,097,68.00 81,0รวมงบดำเนินงาน - โอนให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง - คงเหลือในสำนักวิจัยฯ 1,211,300.00 119,827.03 1,091,472.97 1,097,680.00 195,535.00 902,145.00 81,081,0รวมงบรายจ่ายอื่น - โอนให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง - คงเหลือในสำนักวิจัยฯ - - - - - - รวมงบลงทุน - โอนให้หน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง - คงเหลือในสำนักวิจัยฯ - - - - - - ตารางที่ 1 การจัดสรรงบประมาณ ป
รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 7 ะมาณ ปี 2565 รวม ลากรภาครัฐ ษตรยั่งยืน กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อน ไหมและไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Area กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และ สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ด้าน หม่อนไหม 020.00 12,500.00 2,072,100.00 4,474,600.00 020.00 - 020.00 12,500.00 - 12,500.00 519,800.00 516,840.00 2,960.00 2,922,300.00 832,202.00 2,090,098.00 - - - - - - 1,552,300.00 1,045,700.00 506,600.00 1,552,300.00 1,045,700.00 506,600.00 - - - - - - - - - - - - ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
กรมหม่อนไหม งบประมาณ กิจกรรมพัฒนาและเผยแพร่ เทคโนโลยีนวัตกรรมหม่อนไหม กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนไหมและ วัสดุย้อมสี กิจกรรมบุคลากรภพัฒนาการเกษตรยแผน (บาท) ผล (บาท) (ร้อยละ) แผน (บาท) ผล (บาท) (ร้อยละ) แผน (บาท) (งบดำเนินงาน 1,091,472.97 1,091,472.90 (100%) 902,145.00 902,143.18 (100%) 81,020.00 81(งบรายจ่ายอื่น - - - - - งบลงทุน - - - - - รวมทั้งสิ้น 1,091,472.97 1,091,472.90 (100%) 902,145.00 902,143.18 (100%) 81,020.00 81(ตารางที่ 2 ผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณขอ
8 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 ภาครัฐ ยั่งยืน กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนไหม และไข่ไหมพันธุ์ดี ระบบ Seed Area กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการ ผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ด้านหม่อนไหม รวม ผล (บาท) ร้อยละ) แผน (บาท) ผล (บาท) (ร้อยละ) แผน (บาท) ผล (บาท) (ร้อยละ) แผน (บาท) ผล (บาท) (ร้อยละ) 1,020.00 (100%) 12,500.00 12,500.00 (100%) 2,960.00 2,389.00 (80.71%) 2,090,097.97 2,089,525.08 (99.97%) - - - 506.600.00 506,600.00 (100%) 506.600.00 506,600.00 (100%) - - - - - - - 1,020.00 (100%) 12,500.00 12,500.00 (100%) 509,560.00 508,989.00 (99.89%) 2,596,697.97 2,596,125.08 (99.98%) องสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี2565
9 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ประกอบด้วย กิจกรรมหลัก 2 กิจกรรม คือ 1. กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี 2. กิจกรรมพัฒนาและเผยแพร่เทคโนโลยีนวัตกรรมหม่อนไหม การผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมเป็นภารกิจหลักที่สำคัญของกรมหม่อนไหมเพื่อให้บริการแก่ งานโครงการของกรมหม่อนไหม เกษตรกร ประชาชนทั่วไป และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหมมีบทบาทและภาระหน้าที่ในการประสานงาน รวบรวมและวิเคราะห์ ความต้องการพันธุ์หม่อนและไข่ไหม บริหารจัดการงบประมาณ ติดตามประเมินผล รวบรวม วิเคราะห์ และ รายงานผลการดำเนินงาน และสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต 1 – 6 โดยศูนย์หม่อนไหม เฉลิมพระเกียรติฯ 22 ศูนย์ในสังกัด พร้อมทั้งหน่วยส่งเสริมหม่อนไหมเป็นหน่วยผลิตและ/หรือแจกจ่าย พันธุ์หม่อน และไข่ไหม รวมทั้งสำรวจความพึงพอใจของผู้รับบริการและข้อมูลผลการเลี้ยงไหมของเกษตรกร ที่รับไข่ไหมจากกรมหม่อนไหมไปเลี้ยงผลิตรังไหม เส้นไหม และดักแด้ไหม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สามารถสรุปผลการดำเนินงานภาพรวมของโครงการผลิตและ กระจายพันธุ์หม่อนไหมได้ ดังนี้ การผลิตและแจกจ่าย ผลการดำเนินงานผลิตและแจกจ่ายพันธุ์หม่อนและไข่ไหมประจำปี 2565 มีดังนี้ รายการ แผนการผลิต* ผลการผลิต การแจกจ่าย 1. กิ่งชำหม่อน (ต้น) 1,400,000 1,546,924 1,602,775 (110.49%) (105.19%) 2. หม่อนในถุงชำ (ต้น) 200,000 262,285 233,110 (131.14%) (88.88%) 3. ไข่ไหมพันธุ์ดี (แผ่น) 100,200 103,633 91,942 (103.43%) (88.72%) 4. ไข่ไหมอีรี่ (ซอง) 1,800 1,982 1,535 (110.11%) (77.45%) แผนงาน: พื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โครงการผลิตและกระจายพันธุ์หม่อนไหม ปี 2565
10 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ส่วนของกิ่งชำหม่อน กรมหม่อนไหมผลิตรวมทั้งปีได้ 1,546,924 ต้น ผลิตหม่อนพันธุ์สกลนคร มากที่สุดถึง 1,151,869 ต้น คิดเป็นร้อยละ 74.46 ของกิ่งชำหม่อนที่ผลิตได้ และแจกจ่ายหม่อนพันธุ์สกลนคร ทั้งสิ้น 1,263,494 ต้น คิดเป็นร้อยละ 109.69 ของการผลิต เนื่องจากกิ่งชำหม่อนพันธุ์สกลนครคงเหลือ จากปีงบประมาณ 2564 นำมาจ่ายแจกในปีงบประมาณ 2565 บางส่วน ในส่วนของหม่อนชำถุงผลิตทั้งปีได้ 262,285 ถุง มีการแจกจ่ายหม่อนพันธุ์เชียงใหม่มากที่สุด จำนวน 76,980 ต้น รองลงมาเป็นหม่อนพันธุ์สกลนครแจกจ่ายรวม 70,241 ต้น ในภาพรวมปริมาณ การแจกจ่ายหม่อนชำถุงมากกว่าปริมาณการผลิต เนื่องจากมีหม่อนชำถุงเหลือจ่ายจากปีงบประมาณ 2564 สำหรับไข่ไหมพันธุ์ดีผลิตได้รวมทั้งสิ้น 103,633 แผ่น แบ่งเป็น 1) ผลิตไข่ไหมพันธุ์ไทย จำนวน 38,399 แผ่น คิดเป็นร้อยละ 37.05 โดยผลิตและแจกจ่าย ไข่ไหมพันธุ์ทับทิมสยาม 06 x วนาสวรรค์มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 29.13 และ 28.39 ตามลำดับ 2) ผลิตไข่ไหมพันธุ์ไทยลูกผสม จำนวน 65,204 แผ่น คิดเป็นร้อยละ 62.92 โดยผลิตและ แจกจ่ายไข่ไหมพันธุ์ J108 x นางลายสระบุรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 57.33 และ 58.12 ตามลำดับ 3) ผลิตไข่ไหมลูกผสมรังสีขาว จำนวน 30 แผ่น ได้แก่ พันธุ์นครราชสีมาลูกผสม 1 (K1 x K8) ผู้รับบริการ ปีงบประมาณ 2565 มีผู้ขอรับบริการพันธุ์หม่อนและไข่ไหมรวมทั้งสิ้น 15,982 ราย จำแนกเป็นผู้ขอรับบริการพันธุ์หม่อน จำนวน 4,179 ราย (ไม่ซ้ำรายเดิม) และผู้ขอรับบริการไข่ไหมจำนวน 11,803 ราย (ไม่ซ้ำรายเดิม) หรือ 35,903 ครั้ง เนื่องจากเกษตรกรบางรายจะขอรับบริการไข่ไหมพันธุ์ดี 2 - 6 ครั้ง/ปี การให้บริการพันธุ์หม่อนจำแนกประเภทของผู้รับบริการได้ดังภาพที่ 1 โดยผู้ขอรับบริการ พันธุ์หม่อนส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 72.00 คือ เกษตรกร รองลงมาได้แก่ การนำพันธุ์หม่อนไปเผยแพร่หรือ ส่งเสริม และสนับสนุนให้กับเกษตรกรหรือผู้สนใจทั่วไปผ่านการดำเนินงานภายใต้โครงการที่กรมหม่อนไหม รับผิดชอบ คิดเป็นร้อยละ 21.50 ราชการ 3.3% เอกชน 0.5% ศิลปาชีพ 2.5% โครงการกรมฯ 21.5% เกษตรกร 72.0% อื่นๆ 0.3% ภาพที่ 1 จำแนกกลุ่มผู้รับบริการพันธุ์หม่อน ประจำปี 2565
11 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม สำหรับการให้บริการไข่ไหม จำแนกตามประเภทของไข่ไหม ดังนี้ - ขอรับบริการไข่ไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน จำนวน 5,406 ราย 11,825 ครั้ง - ขอรับบริการไข่ไหมพันธุ์ไทยลูกผสม จำนวน 8,468 ราย 23,592 ครั้ง - ขอรับบริการไข่ไหมอีรี่ จำนวน 164 ราย 462 ครั้ง โดยผู้ขอรับบริการไข่ไหมส่วนใหญ่ คือ เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งติดต่อขอรับบริการไข่ไหมสูงถึงร้อยละ 93.50 ของจำนวนการให้บริการไข่ไหม ลำดับรองที่ขอรับบริการ ไข่ไหม ได้แก่ การจ่ายแจกไข่ไหมเพื่อใช้ในการดำเนินงานโครงการในความรับผิดชอบของกรมหม่อนไหม คิดเป็นร้อยละ 2.80 และการจ่ายแจกไข่ไหมเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์ศิลปาชีพ คิดเป็นร้อยละ 2.40 รายละเอียดดังภาพที่ 2 รายได้แผ่นดิน ปีงบประมาณ 2565 กรมหม่อนไหมนำส่งรายได้แผ่นดินจากการขายพันธุ์หม่อนและไข่ไหม ทั้งสิ้น 1,617,799 บาท จำแนกเป็น - กิ่งชำหม่อน 24,410 บาท - หม่อนชำถุง 11,829 บาท - ไข่ไหมพันธุ์ขยาย 11,250 บาท - ไข่ไหมพันธุ์ดี 1,570,310 บาท ราชการ 0.2% เอกชน 0.3% ศิลปาชีพ 2.4% โครงการกรมฯ 2.8% เกษตรกร 93.5% อื่นๆ 0.8% ราชการ เอกชน ศิลปาชีพ โครงการ กมม เกษตรกร อื่นๆ ภาพที่ 2 จำแนกกลุ่มผู้รับบริการไข่ไหม ประจำปี 2565
12 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม เจ้าหน้าที่ส่วนกลางและเจ้าหน้าที่จากสำนักงานหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เขต ลงพื้นที่ เพื่อนิเทศงานเกี่ยวกับการผลิตพันธุ์หม่อนไหม เจ้าหน้าที่กรมหม่อนไหมลงพื้นที่เพื่อติดตามเกษตรกรที่ร่วม โครงการผลิตและกระจายพันธุ์หม่อนไหมและวัสดุย้อมสี
13 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม การสร้างมูลค่าเศษเหลือใช้จากไหมไทย (Upcycling Thai Silk Scarps) โครงการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์จากเศษผ้าไหม ภายใต้ความร่วมมือของ สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม กรมหม่อนไหม และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์ ศึกษารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความเหมาะสมกับเศษผ้าไหม ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ จากเศษผ้าไหมให้เข้ากับนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางเทคโนโลยีสมัยใหม่จัดทำต้นแบบผลิตภัณฑ์จากเศษผ้าไหม ที่เพิ่มมูลค่า และเผยแพร่ผลงานการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเศษผ้าไหมให้กับเกษตรกรผู้ผลิตผ้าไหม ไทยเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ นักออกแบบ และผู้สนใจทั่วไปสามารถนำไปต่อยอดเพื่อใช้ใน เชิงพาณิชย์ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 ปี (เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) ผลการดำเนินงานเป็นการสร้างมูลค่าเศษเหลือใช้จากไหมไทยเพื่อให้สามารถนำมาประดิษฐ์ เป็นชิ้นงานที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยรวบรวมเศษผ้าไหมเหลือใช้จากการตัดเย็บจาก กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา และได้รับความอนุเคราะห์เศษเส้นไหม เหลือใช้จากบริษัท จุลไหมไทย จำกัด และดำเนินการทดลองทำแบบร่างและต้นแบบของผลิตภัณฑ์จากเศษผ้าไหม ร่วมกับนิสิตสาขาวิชานวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงบูรณาการ (IPDI) จำนวน 15 รูปแบบ โดยนำเสนอผลงาน รายวิชา Studio in Product Design from Upcycling (Scrap Design) ในงาน Upcycling Thai Silk Scraps ณ ชั้น 3 โซน M Space เมเจอร์รัชโยธิน ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก รศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าศูนย์สร้างสรรค์ งานออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และได้รับเกียรติจากนายศักดิ์สิทธิ์ ปิติพงศ์สุนทร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่าย CSR Project ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) พร้อมทีมงาน ประเมินรูปแบบ ที่มีความสนใจ เหมาะสมและเป็นไปได้ที่สุดในการพัฒนาต่อเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ จำนวน 5 รูปแบบ ดังนี้ กิจกรรมพัฒนาและเผยแพร่เทคโนโลยีนวัตกรรมหม่อนไหม ➢ โครงการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์จากเศษผ้าไหม ➢ โครงการโครงสร้างและสมบัติทางเคมีของสารให้สีจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อการย้อมเส้นไหม ➢ โครงการประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565 ➢ โครงการพัฒนาความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการวิจัยกรมหม่อนไหม โครงการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์จากเศษผ้าไหม
14 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 1. Eco on Earth เป็นกระเป๋าผลิตจาก วัสดุเส้นไหมผสมผสานกับพลาสติกชีวภาพ เพื่อให้เกิดความแข็งแรง แปลกใหม่ อีกทั้ง ยังสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 2. Mong-Kol เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ ความเชื่อในภาคอีสานและสามารถนำมาใช้ใน งานมงคล อีกทั้งคุณสมบัติการสะท้อนแสง เป็นเงางามผสมผสานกับวิธีการพับแบบ origami เพื่อให้เกิดการเข้าถึงได้ง่ายและ ความเป็นสมัยใหม่ ที่ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ ให้กับโต๊ะหมู่บูชาได้ 3. Nang-Mai เป็นการนำเศษไหมที่มีความแวววาว เป็นเลื่อมนำมาสร้างพื้นผิว ขด ดัด ผูกและใส่ลวด มาใส่เข้าสายยางเพื่อเพิ่มมูลค่า ทั้งยังคงเป็น การรักษาความสวยงามของเศษไหมและ เกิดความแข็งแรงทนทา นสามารถเ ข้ าสู่ กระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ 4. เศษ 3 สี เป็นการนำเอาขยะพลาสติก ผสมผสานเศษผ้าไหมให้สามารถนำมา upcycle ได้มากขึ้น จากแรงบันดาลในความเชื่อ จิตวิญญาณและการเสียสละไหม เพื่อรังสรรค์ เป็นผืนผ้า อีกทั้งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมควบคู่ด้วย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไว้ใช้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ 5. Silk-Sa เป็นการนำเส้นไหมและกระดาษรีไซเคิล แนวคิดจากลวดลายของสิ่งแวดล้อมต่างๆ รอบตัว มา สร้างสรรค์ผลงาน เพื่อแสดงบทบาทใหม่ๆ ของเส้นไหม เพื่อส่งเสริมคุณสมบัติความแข็งแรงให้กับกระดาษ มีความทนทาน และฉีกขาดได้ยากมากขึ้น พร้อม เลือกใช้สีให้เหมาะสมกับผลงานให้สื่อสิ่งต่างๆ ได้
15 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม การประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์จากเศษผ้าไหม ได้นำผลงานผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์จากเศษผ้าไหม จำนวน 5 รูปแบบ เข้าร่วมจัดแสดงในงาน Sustainability Expo 2022 ซึ่งเป็นงานมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในแนวคิดสมดุลที่ดีเพื่อโลกที่ดีกว่า (Good Balance, Better World) เมื่อวันที่ 26 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร ต้นแบบผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์จากเศษผ้าไหม งานประเมินผลงานต้นแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์
16 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาโครงสร้างและสมบัติทางเคมีของสารสีจากวัสดุธรรมชาติ จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ เปลือก มะพร้าวแห้ง ใบมะม่วง และเปลือกฝักมะขาม 2. เพื่อศึกษาวิธีการสกัดสารสีที่เหมาะสมกับวัสดุให้สีทั้ง 3 ชนิด ระยะเวลาดำเนินการ ตุลาคม 2564 - กันยายน 2565 สถานที่ดำเนินงาน - ห้องปฏิบัติการ กรมหม่อนไหม และสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ผลการดำเนินงาน กิจกรรมที่ 1 การสกัดสารสีจากพืชแต่ละชนิดเพื่อการวิเคราะห์โครงสร้างทางเคมี ทำการสกัดสารสีจากวัสดุธรรมชาติ จำนวน 3 ชนิด โดยใช้น้ำและเอทานอล (ethanol) เป็นตัวทำละลาย กำหนดอัตราส่วนของวัตถุดิบต่อเส้นไหม ระยะเวลาการแช่วัสดุธรรมชาติในเอทานอล รวมถึง การใช้สารส้มและน้ำปูนใสเป็นสารช่วยติดสี โดยทดสอบจำนวน 20 กรรมวิธีๆ ละ 2 ซ้ำ ดังนี้ 1) เปลือกมะพร้าวแห้ง + น้ำ (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1) 2) เปลือกมะพร้าวแห้ง + น้ำ + สารส้ม (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1) 3) เปลือกมะพร้าวแห้ง + เอทานอล (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1, แช่ 6 วัน) 4) เปลือกมะพร้าวแห้ง + เอทานอล + สารส้ม (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1, แช่ 6 วัน) 5) ใบมะม่วงเขียวเสวย + น้ำ (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม =15:1) 6) ใบมะม่วงเปรี้ยว + น้ำ (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม =15:1) 7) ใบมะม่วงเปรี้ยว + น้ำ + สารส้ม (อัตราส่วนวัตถุดิบ: เส้นไหม = 15:1) 8) ใบมะม่วงเปรี้ยว + น้ำ + น้ำปูนใส (อัตราส่วนวัตถุดิบ: เส้นไหม = 15:1) 9) ใบมะม่วงเปรี้ยว + เอทานอล (อัตราส่วนวัตถุดิบ: เส้นไหม = 15:1, แช่ 2 วัน) 10) ใบมะม่วงเปรี้ยว + เอทานอล + สารส้ม (อัตราส่วนวัตถุดิบ: เส้นไหม = 15:1, แช่ 2 วัน) 11) ใบมะม่วงเปรี้ยว + เอทานอล (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 7.5:1, แช่ 1 วัน) 12) ใบมะม่วงเปรี้ยว + เอทานอล + น้ำปูนใส(อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 7.5:1, แช่ 1 วัน) 13) เปลือกฝักมะขาม + น้ำ (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1) 14) เปลือกฝักมะขาม + น้ำ + สารส้ม (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1) 15) เปลือกฝักมะขาม + น้ำ (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 7:1) 16) เปลือกฝักมะขาม + น้ำ + น้ำปูนใส (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 7:1) 17) เปลือกฝักมะขาม + เอทานอล (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1, แช่ 2 วัน) 18) เปลือกฝักมะขาม + เอทานอล + สารส้ม (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1, แช่ 2 วัน) 19) เปลือกฝักมะขาม + เอทานอล (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 7:1, แช่ 3 วัน ) 20) เปลือกฝักมะขาม + เอทานอล + น้ำปูนใส(อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 7:1, แช่ 3 วัน) นำสารสีที่สกัดได้มาวิเคราะห์โครงสร้างทางเคมีด้วยเครื่อง Fourier Transform Infrared Spectrometer (FT-IR) โดยใช้รังสีอินฟาเรดในช่วงความยาวคลื่น 4000-666 cm-1 ในการตรวจวิเคราะห์ หมู่ฟังก์ชั่นของสารอินทรีย์ มีผลการศึกษาดังแสดงในตารางที่ 1 โครงการศึกษาโครงสร้างและสมบัติทางเคมีของสารให้สีจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อการย้อมเส้นไหม
17 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ตารางที่ 1 หมู่ฟังก์ชันของสารสกัดที่ได้จากวัสดุย้อมสีธรรมชาติแต่ละชนิดที่วัดด้วยเครื่อง FT-IR ในปี 2565 จากการศึกษาเปลือกมะพร้าว ใบมะม่วง และเปลือกฝักมะขาม โดยนำสารสีจากวัสดุ ธรรมชาติแต่ละชนิดที่สกัดได้ด้วยน้ำและเอทานอล มาวิเคราะห์โครงสร้างทางเคมีด้วยเครื่อง FT-IR ได้ผลดังนี้ 1) เปลือกมะพร้าว พบหมู่ C-O ,C=C,=C-H ซึ่งเป็นหมู่โครมอฟอร์ และ O-H ซึ่งเป็นหมู่ออกโซโครม 2) ใบมะม่วง พบหมู่ C-O, C=C, =C-H, ซึ่งเป็นหมู่โครมอฟอร์ และ O-H, Amine (NH2) ซึ่งเป็นหมู่ออกโซโครม 3) เปลือกมะขาม พบหมู่ C-O, C=C, =C-H, C≡N ซึ่งเป็นหมู่โครมอฟอร์ และ O-H, C-H ซึ่งเป็นหมู่ออกโซโครม ซึ่งจากวิเคราะห์หมู่ฟังก์ชันของสารให้สีจากวัสดุย้อมสีธรรมชาติพบว่า สามารถแบ่งเป็นออก 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) โมเลกุลที่มีขั้ว คือ หมู่ C-O, C≡N ซึ่งเป็นหมู่โครมอฟอร์และ O-H, Amine (NH2) ซึ่งเป็น หมู่ออกโซโครม และ 2) โมเลกุลที่ไม่มีขั้ว คือ หมู่แอลเคน ( C-H ) และ หมู่แอลคีน ( C=C ,=C-H ) โดยพันธะ ภายในโมเลกุลเหล่านี้เกิดการสั่นทำให้เกิดการดูดกลืนพลังงานที่ว่องไวต่อรังสีอินฟาเรด จนเกิดเป็นอินฟาเรด สเปกตรัมของสารอินทรีย์แต่ละประเภทได้ ซึ่งแต่ละความถี่ที่ดูดกลืนนั้นเป็นค่าเฉพาะของแต่ละพันธะ ในสารอินทรีย์ จึงสามารถนำมาใช้วิเคราะห์หมู่ฟังก์ชันของโครงสร้างได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบผลการศึกษาวิเคราะห์หมู่ฟังก์ชันของสารให้สีจากวัสดุย้อมสี ธรรมชาติในปี 2564 ซี่งประกอบด้วยพืช 3 ชนิด คือ เปลือกทุเรียน ฝักคูณ และเมล็ดมะขาม พบว่ามี หมู่ฟังก์ชันของสารสีแตกต่างกันเล็กน้อย ดังผลการศึกษาที่แสดงในตารางที่ 2 ตารางที่ 2 หมู่ฟังก์ชันของสารสกัดที่ได้จากวัสดุย้อมสีธรรมชาติแต่ละชนิดที่วัดด้วยเครื่อง FT-IR ในปี 2564 วัสดุย้อมสี ตัวทำละลาย ค่าดูดกลืนแสง หมู่ฟังก์ชันที่พบ เปลือกทุเรียน น้ำ 1109, 1563 และ 3074 cm-1 C-O, C=C และ =C-H เอทานอล 1647,3100 และ 3426 cm-1 C=C, =C-H และ O-H ฝักคูณ น้ำ 1067 cm-1 C-O เอทานอล 1653, 3182 และ 3425 cm-1 C=C, =C-H และ O-H เมล็ดมะขาม น้ำ 1120, 1616 และ 3137 cm-1 C-O, C=C, =C-H เอทานอล 1653,2349, 3130 และ 3443 cm-1 C=C, =C-H, C≡N และ O-H วัสดุย้อมสี ตัวทำละลาย ค่าดูดกลืนแสง หมู่ฟังก์ชันที่พบ เปลือกมะพร้าว น้ำ 1045 cm-1 C-O เอทานอล 1652 ,3120 และ 3420 cm-1 C=C, =C-H และ O-H ใบมะม่วง น้ำ 1080,1282,1473,1607 และ 3068 cm-1 C-O, Amine เอทานอล 1647, 3173 และ 3416 cm-1 C=C, =C-H และ O-H เปลือกฝักมะขาม น้ำ 1121, 1602 และ 3075 cm-1 C-O, C=C และ =C-H เอทานอล 1066, 1653,2351,2986 และ 3413 cm-1 C-O, C=C, C≡N, C-H และ O-H
18 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม โดยพบว่า 1) เปลือกทุเรียน พบหมู่ C-O ,C=C,=C-H ซึ่งเป็นหมู่โครมอฟอร์ และ O-H ซึ่งเป็นหมู่ออกโซโครม 2) ฝักคูณ พบหมู่ C-O, C=C, =C-H ซึ่งเป็นหมู่โครมอฟอร์ และ O-H ซึ่งเป็นหมู่ออกโซโครม 3) เมล็ดมะขาม พบหมู่ C-O, C=C, =C-H, C≡N ซึ่งเป็นหมู่โครมอฟอร์ และ O-H ซึ่งเป็นหมู่ออกโซโครม ซึ่งจากวิเคราะห์หมู่ฟังก์ชันของสารให้สีจากวัสดุย้อมสีธรรมชาติพบว่า สามารถแบ่งเป็นออก 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) โมเลกุลที่มีขั้ว คือ หมู่ C-O, C≡N ซึ่งเป็นหมู่โครมอฟอร์ และ O-H หมู่ออกโซโครม และ 2) โมเลกุลที่ ไม่มีขั้วคือ หมู่แอลคีน ( C=C ,=C-H ) กิจกรรมที่ 2 การศึกษาความเหมาะสมของการสกัดสีด้วยตัวทำละลายแต่ละชนิดต่อการย้อมเส้นไหม 2.1) ทำการเปรียบเทียบสีของเส้นไหมที่ได้จากการย้อมด้วยสารสกัดที่ใช้น้ำและเอทานอล เป็นตัวทำละลาย โดยการวัดค่าสีด้วยเครื่อง Colorimeter และเทียบสีจาก Pantone ผลการวัดค่าสี และ ตัวอย่างสีของเส้นไหมที่ได้แสดงในตารางที่ 3 ดังนี้ 1) เปลือกมะพร้าวแห้ง ใช้อัตราส่วนเปลือกมะพร้าวแห้งต่อเส้นไหม 5:1 เมื่อนำสารสกัดมาย้อมเส้นไหม พบว่า ได้เส้นไหม โทนสีน้ำตาลแดงอ่อน ถึง ขาวหม่น โดยเส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยน้ำ ให้สี Prairie Sunset ค่าสี L* 71.40 a* 8.06 b* 13.79 เมื่อใส่สารส้มเป็นสารช่วยติดสี พบว่า ให้สี Dessert Mist ค่าสี L* 71.7 a* 35.54 b* 14.45 ส่วนเส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยเอทานอล ให้สี Tender Peach ค่าสี L*76.85 a* 3.74 b* 8.55 เมื่อใส่สารส้มเป็นสารช่วยติดสี ให้สีPastel Rose Tan ค่าสี L* 76.80 a* 3.31 b* 7.86 ทั้งนี้ต้องทำการแช่เปลือกมะพร้าวแห้งปั่นละเอียดในเอทานอล นาน 6 วัน เพื่อสกัดสีให้ออกมาได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม พบว่า เส้นไหมที่ย้อมแล้วจะมีเศษผงของเปลือกมะพร้าวแห้งเกาะติดอยู่ด้วย 2) ใบมะม่วง ใช้อัตราส่วนใบมะม่วงต่อเส้นไหม 15:1 เมื่อนำสารสีที่สกัดด้วยน้ำมาย้อมเส้นไหม พบว่า ได้เส้นไหม โทนสีเหลืองอ่อน ถึง เหลืองทอง โดยใบมะม่วงเขียวเสวยให้สี Pastel Yellow ค่าสี L* 76.77 a* -0.10 b* 17.87 ส่วนใบมะม่วงเปรี้ยว ให้สีFrench Vanilla ค่าสี L* 73.01 a* 0.73 b*20.94 เมื่อใส่สารส้ม เป็นสารช่วยติดสี จะให้สีเข้มขึ้น โดยให้สี Lemonade ค่าสี L* 76.95 a* 0.25 b* 22.15 และเมื่อเติมน้ำปูนใส เป็นสารช่วยติดสีจะให้สีเข้มที่สุด โดยให้สี Harvest Gold ค่าสี L* 60.68 a* 5.10 b* 23.61 ส่วนการทดสอบ ย้อมด้วยสารสีที่สกัดจากเอทานอล พบว่า ให้สีที่แตกต่างจากสารสีที่สกัดด้วยน้ำคือให้เส้นไหมโทนสีเขียวขี้ม้า ถึง เขียวอ่อน ที่มีการติดสีไม่สม่ำเสมอ โดยเมื่อใช้อัตราส่วนใบมะม่วงต่อเส้นไหม 15:1 แช่ใบมะม่วงปั่นใน เอทานอลนาน 2 วัน ให้สี Burnished Gold ค่าสี L* 42.98a* -2.65b*18.01 และเมื่อใส่สารส้มเป็นสารช่วยติดสี พบว่า สีเส้นไหมไม่แตกต่างจากเดิม โดยให้สี Burnished Gold ค่าสี L*42.16 a* -2.71 b* 18.46 ทั้งนี้ เมื่อปรับลดอัตราส่วนใบมะม่วงเปรี้ยวต่อเส้นไหมลงเป็น 7.5:1 แช่ใบมะม่วงปั่นในเอทานอลนาน 1 วัน พบว่า จะให้สีอ่อนลง เป็นสี Oliventile ค่าสี L*58.85 a* -2.95 b* 18.28 และเมื่อเติมน้ำปูนใสเป็นสารช่วยติดสี พบว่าให้สีไม่แตกต่างจากเดิม โดยให้สี Oliventile ค่าสี L* 61.19 a* -2.34 b*19.81 3) เปลือกฝักมะขาม การย้อมเส้นไหมด้วยสารสีจากเปลือกฝักมะขามที่สกัดด้วยน้ำจะได้เส้นไหมโทนสีน้ำตาลอมทอง ถึง น้ำตาลอมแดง สีติดสม่ำเสมอดี โดยเมื่อใช้อัตราส่วนเปลือกฝักมะขามต่อเส้นไหม 5:1 ให้สี Sheepskin ค่าสี L* 67.07 a* 7.81 b* 16.67 เมื่อใส่สารส้มเป็นสารช่วยติดสี พบว่า ให้สี Doe ค่าสี L* 63.03 a* 7.55 b* 15.93 การปรับเพิ่มอัตราส่วนเปลือกฝักมะขามต่อเส้นไหมขึ้นเป็น 7:1 จะให้สี Doe เช่นเดิม โดยมีค่าสี L*66.79 a* 7.81 b* 16.97 และเมื่อเติมน้ำปูนใสเป็นสารช่วยติดสี จะให้สีเข้มที่สุดคือ สี Glazed Ginger ค่าสีL* 52.94 a* 14.00 b* 18.12 ส่วนการทดสอบย้อมเส้นไหมด้วยสารสีที่สกัดจากเอทานอล พบว่าได้สีอ่อนลง
19 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม เป็นสีโทนครีมอมชมพู ถึง ขาวไข่มุก สีติดสม่ำเสมอดี โดยเมื่อใช้อัตราส่วนเปลือกฝักมะขามต่อเส้นไหม 5:1 แช่เปลือกฝักมะขามปั่นในเอทานอลนาน 2 วัน พบว่าให้สี Sheer pink ค่าสี L* 81.67 a* 2.56 b* 9.76 เมื่อใส่สารส้มเป็นสารช่วยติดสี พบว่า ให้สี Sheer pink เช่นเดิม โดยมีค่าสี L* 81.24 a* 2.20 b* 10.46 เมื่อเพิ่มอัตราส่วนเปลือกฝักมะขามต่อเส้นไหมขึ้นเป็น 7:1 แช่เปลือกฝักมะขามปั่นในเอทานอลนาน 3 วัน ให้สี Whisper White ค่าสี L* 84.25 a* 1.58 b* 8.24 และเมื่อเติมน้ำปูนใสเป็นสารช่วยติดสี จะให้สีเข้มขึ้น เล็กน้อยเป็นสี Ecru ค่าสี L* 76.00 a* 4.37 b* 12.33 2.2) ทดสอบประสิทธิภาพของการย้อมในด้านความคงทนของสี ได้แก่ (1) ความคงทนของสีต่อแสง ตามมาตรฐาน มอก.121 เล่ม 2: 2552 เกณฑ์การยอมรับไม่ต่ำกว่าระดับ 4 (2) ความคงทนของสีต่อการซัก ตามมาตรฐาน มอก.121 เล่ม 3: 2552 วิธีที่ A(1) (40°C, 30 นาที) เกณฑ์การยอมรับสีเปลี่ยนจากเดิม และสีตกติดบนผ้าขาว ไม่ต่ำกว่าระดับ 4 และ (3) ความคงทนของสีต่อเหงื่อ ตามมาตรฐาน มอก.121 เล่ม 4: 2552 เกณฑ์การยอมรับไม่ต่ำกว่าระดับ 3 โดยส่งตัวอย่างเส้นไหมย้อมสีไปวิเคราะห์ที่สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้ผลวิเคราะห์ดังแสดงในตารางที่ 4 ดังนี้ 1) เปลือกมะพร้าวแห้ง พบว่า เส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีจากเปลือกมะพร้าวแห้งที่สกัดด้วยเอทานอล (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1, แช่ 6 วัน) มีค่าความคงทนของสีต่อแสงผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ระดับ 5 คือ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ของสี ส่วนเส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยน้ำ มีค่าความคงทนต่อแสงในระดับ 3-4 ส่วนความคงทนของสีต่อการซัก ทั้งสีเปลี่ยนจากเดิม และสีตกติดผ้าขาว พบว่า เส้นไหมที่ย้อมด้วย สารสีที่สกัดด้วยน้ำ ไม่ใส่สารช่วยติดสี และเส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยเอทานอล ทั้งที่ใส่และไม่ใส่สาร ช่วยติดสีผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ในระดับ 4-5 คือสีเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ถึง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสี ส่วนความคงทนของสีต่อเหงื่อทั้งในสภาวะกรดและสภาวะด่างนั้น พบว่า เส้นไหมที่ย้อมจากทุกกรรมวิธี ผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งในทั้งในด้านสีเปลี่ยนจากเดิม และสีตกติดผ้าขาว (มีค่าระดับ 4 และ 4-5) 2) ใบมะม่วง พบว่า เส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีจากใบมะม่วงทุกกรรมวิธีมีความคงทนต่อแสงไม่ผ่านเกณฑ์ มาตรฐาน โดยเฉพาะเส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยเอทานอล มีความคงทนต่อแสงต่ำมาก (มีค่าระดับ 1 สีเปลี่ยนแปลงมาก) ยกเว้นเส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลายและใส่น้ำปูนใสเป็นสารช่วยติดสี (มีค่าระดับ 4-5) ส่วนความคงทนของสีต่อการซัก พบว่า เส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีจากใบมะม่วงทุกกรรมวิธี ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในด้านสีตกติดผ้าขาว (ระดับ 4 และ 4-5) แต่ไม่ผ่านเกณฑ์ของสีเปลี่ยนจากเดิม โดยเฉพาะ เส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยเอทานอล ซึ่งพบว่าสีเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ถึง สีเปลี่ยนแปลงมาก (มีค่าระดับ 1-2) ดังนั้นการสกัดสารสีจากใบมะม่วงด้วยเอทานอลจึงไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม ผลการวิเคราะห์ความคงทนของสีต่อเหงื่อทั้งในสภาวะกรดและสภาวะด่าง พบว่า เส้นไหมที่ย้อมจาก ทุกกรรมวิธีผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งในด้านสีเปลี่ยนจากเดิม และสีตกติดผ้าขาว (มีค่าระดับ 3, 3-4 และ 4-5) 3) เปลือกฝักมะขาม พบว่า เส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีจากเปลือกฝักมะขามที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานในด้านความคงทน ของสีต่อแสง คือ เส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยเอทานอลนอล (อัตราส่วนวัตถุดิบ : เส้นไหม = 5:1, แช่ 2 วัน และ 7:1, แช่ 3 วัน) มีค่าระดับ 4 สีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ยกเว้นการใส่น้ำปูนใสเป็นสารช่วยติดสี มีค่าความคงทนต่อแสงระดับ 3-4 ส่วนเส้นไหมที่ย้อมสีด้วยสารสีที่สกัดด้วยน้ำ มีความคงทนต่อแสงในระดับต่ำ (มีค่า 2 สีเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก) ยกเว้นการใส่น้ำปูนใสเป็นสารช่วยติดสี มีค่าความคงทนต่อแสงระดับ 3-4
20 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ส่วนความคงทนของสีต่อการซัก พบว่า เส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยเอทานอล มีความคงทน ของสีต่อการซักผ่านเกณฑ์มาตรฐาน คือ สีเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ถึง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสี (มีค่าระดับ 4-5) และสีตกติดเล็กน้อย ถึง ไม่มีการตกติดของสี (มีค่าระดับ 4-5) ส่วนเส้นไหมที่ย้อมด้วยสารสีที่สกัดด้วยน้ำ มีความคงทนต่อการซักที่ผ่านมาตรฐานเฉพาะสีตกติดผ้าขาว (มีค่าระดับ 4-5) ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์ ความคงทนของสีต่อเหงื่อทั้งในสภาวะกรดและสภาวะด่าง พบว่า เส้นไหมที่ย้อมจากทุกกรรมวิธีผ่านเกณฑ์ มาตรฐานทั้งในด้านสีเปลี่ยนจากเดิม และสีตกติดผ้าขาว (มีค่าระดับ 4 และ 4-5) ยกเว้นเส้นไหมที่ย้อมด้วย สารสีที่สกัดด้วยน้ำ และใส่น้ำปูนใสเป็นสารช่วยติดสี มีค่าความคงทนในสภาวะกรด สีเปลี่ยนจากเดิม ระดับ 2-3 จากผลการทดสอบย้อมเส้นไหมด้วยสารสีจากวัสดุธรรมชาติทั้ง 3 ชนิด โดยสกัดสีด้วยตัวทำละลาย น้ำและเอทานอล พบว่า จะให้เฉดสีที่แตกต่างกัน และการใช้สารช่วยติดสีในการย้อมเส้นไหม คือ สารส้ม และน้ำปูนใส ก็จะได้สีที่แตกต่างกัน และมีความคงทนของสีแตกต่างกัน ดังนั้น การเลือกใช้วัสดุย้อมสี รวมถึงส่วนที่ใช้ในการสกัดสี การทราบโครงสร้างและสมบัติทางเคมี การเลือกใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสม และการใช้สารช่วยติดสี จะสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย้อมสีเส้นไหมด้วยวัสดุธรรมชาติได้ ปัญหาอุปสรรค - (ก) (ข) (ค) การสกัดและย้อมสีจากวัสดุธรรมชาติ (ก) เตรียมวัสดุ (ข) น้ำสีที่สกัดด้วยน้ำ (ค) น้ำสีที่สกัดด้วยเอทานอล การวิเคราะห์โครงสร้างทางเคมีของสีธรรมชาติด้วยเครื่อง Fourier Transform Infrared Spectrometer (FT- IR)
21 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ตารางที่ 3 ผลการวัดค่าสีและตัวอย่างสีของเส้นไหมที่ได้จากการย้อมด้วยวัสดุธรรมชาติ 3 ชนิด คือ เปลือกมะพร้าวแห้ง ใบมะม่วง และเปลือกฝักมะขาม ในปี 2565 ที่ วิธีการ ค่าสี รหัส pantone โทนสี ภาพเส้นไหมย้อมสี L* a* b* 1 เปลือกมะพร้าวแห้ง + น้ำ (5:1) 71.40 8.06 13.79 13-1021TPX (Prairie Sunset) น้ำตาล แดงอ่อน C1 2 เปลือกมะพร้าวแห้ง + น้ำ + สารส้ม (5:1) 71.73 5.54 14.45 14-1127TPX (Dessert Mist) น้ำตาล ส้มอ่อน C2 3 เปลือกมะพร้าวแห้ง +เอทานอล (5:1, แช่ 6 วัน) 76.85 3.74 8.55 12-0912TPX (Tender Peach) ครีมอม แดงอ่อน C3 4 เปลือกมะพร้าวแห้ง + เอทานอล +สารส้ม (5:1, แช่ 6 วัน) 76.80 3.31 7.86 12-1007TPX (Pastel Rose Tan) ขาวหม่น C4 5 ใบมะม่วงเขียวเสวย + น้ำ (15:1) 76.77 -0.10 17.87 11-0616TPX (Pastel Yellow) เหลืองอ่อน อมน้ำตาล อ่อน M1 6 ใบมะม่วงเปรี้ยว + น้ำ (15:1) 73.01 0.73 20.94 12-0722TPX (French Vanilla) เหลืองอ่อน วนิลา M5 7 ใบมะม่วงเปรี้ยว + น้ำ + สารส้ม (15:1) 76.95 0.25 22.15 12-0721TPX (Lemonade) เหลืองอ่อน อมทอง M2 8 ใบมะม่วงเปรี้ยว + น้ำ+ น้ำปูนใส (15:1) 60.68 5.10 23.61 16-0948TPX (Harvest Gold) เหลืองทอง M6 9 ใบมะม่วงเปรี้ยว + เอทานอล (15:1, แช่ 2 วัน) 42.98 -2.65 18.01 16-0737TPX (Burnished Gold) เขียวขี้ม้า M7 10 ใบมะม่วงเปรี้ยว + เอทานอล + สารส้ม (15:1, แช่ 2 วัน) 42.16 -2.71 18.46 16-0737TPX (Burnished Gold) เขียวขี้ม้า M4 11 ใบมะม่วงเปรี้ยว + เอทานอล (7.5:1, แช่ 1 วัน) 58.85 -2.95 18.28 15-0732TPX (Oliventile) เขียวอ่อน M7
22 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ตารางที่ 3 ผลการวัดค่าสีและตัวอย่างสีของเส้นไหมที่ได้จากการย้อมด้วยวัสดุธรรมชาติ 3 ชนิด คือ เปลือกมะพร้าวแห้งใบมะม่วง และเปลือกฝักมะขาม ในปี 2565 (ต่อ) ที่ วิธีการ ค่าสี รหัส pantone โทนสี ภาพเส้นไหมย้อมสี L* a* b* 12 ใบมะม่วงเปรี้ยว + เอทานอล + น้ำปูนใส (7.5:1, แช่ 1 วัน) 61.19 -2.34 19.81 15-0732TPX (Oliventile) เขียวอ่อน M8 13 เปลือกฝักมะขาม + น้ำ (5:1) 67.07 7.81 16.67 14-1122TPX (Sheepskin) น้ำตาล อมทอง T1 14 เปลือกฝักมะขาม + น้ำ + สารส้ม (5:1) 63.03 7.55 15.93 16-1333TPX (Doe) น้ำตาล อมทอง T2 15 เปลือกฝักมะขาม + น้ำ (7:1) 66.79 7.81 16.97 16-1333TPX (Doe) น้ำตาล อมทอง T5 16 เปลือกฝักมะขาม + น้ำ + น้ำปูนใส(7:1) 52.94 14.00 18.12 18-1154TPX (Glazed Ginger) น้ำตาล อมแดง T6 17 เปลือกฝักมะขาม + เอทานอล (5:1, แช่ 2 วัน) 81.67 2.56 9.76 12-1106TPX (Sheer pink) ครีมอม ชมพูอ่อน T3 18 เปลือกฝักมะขาม + เอทานอล + สารส้ม (5:1, แช่ 2 วัน) 81.24 2.20 10.46 12-1106TPX (Sheer pink) ครีมหม่น T4 19 เปลือกฝักมะขาม + เอทานอล (7:1, แช่ 3 วัน) 84.25 1.58 8.24 11-0701TPX (Whisper White) ขาวไข่มุก T7 20 เปลือกฝักมะขาม + เอทานอล + น้ำปูนใส (7:1, แช่ 3 วัน) 76.00 4.37 12.33 11-0809TPX (Ecru) ครีมอม ส้มอ่อน/ ครีมพีช T8 หมายเหตุ: การวัดค่าสีด้วยเครื่อง Colorimeter ใช้ค่าหน่วยสีระบบ CIELAB คือวัดค่า L*a*b* ซึ่ง L* บ่งบอก ถึงความสว่าง (lightness) มีค่าตั้งแต่ 0-100 โดย 0 คือ สีดำ และ 100 คือ สีขาว ส่วน a* และ b* เป็นค่า สัมประสิทธิ์ซึ่งบอกถึงทิศทางของสี +a* หมายถึง อยู่ในทิศของสีแดง -a* หมายถึง อยู่ในทิศของสีเขียว +b*หมายถึง อยู่ในทิศของสีเหลือง และ -b* หมายถึง อยู่ในทิศของสีน้ำเงิน
ตารางที่ 4ผลการวิเคราะห์ค่าความคงทนของสีต่อแสง ต่อการชัก และต่อเหงื่อ ของสีธรชนิดของ วัสดุ ย้อมสี ตัวทำ ละลาย อัตราส่วน ของวัสดุ ย้อมสี:เส้น ไหม สารช่วย ติดสี จำนวน วันที่แช่ (วัน) ความ คงทน ต่อแสง (ระดับ) ความคงทนของสี(ระดับ)สีเปลี่ยน จากเดิม สีเปลี่ยน จากเดิม สีตกCOTTเปลือก มะพร้าว แห้ง น้ำ 5:1 ไม่มี - 3-4 4-5 4-5:1 สารส้ม - 3-4 3-4 4-เอทานอล 5:1 ไม่มี 6 วัน 5 4-5 4-5:1 สารส้ม 6 วัน 5 4 4-ใบมะม่วง น้ำ 15:1 ไม่มี - 3-4 3-4 4-15:1 สารส้ม - 3-4 2 4-15:1 น้ำปูนใส - 4-5 3-4 4-เอทานอล 15:1 ไม่มี 2 วัน 1 1-2 415:1 สารส้ม 2 วัน 1 1-2 47.5:1 ไม่มี 1 วัน 1 1-2 4-7.5:1 น้ำปูนใส 1 วัน 1 1-2 4-เปลือกฝัก มะขาม น้ำ 5:1 ไม่มี - 2 3-4 4-5:1 สารส้ม - 2 3-4 4-7:1 ไม่มี - 2 3-4 4-7:1 น้ำปูนใส - 3-4 3-4 4-เอทานอล 5:1 ไม่มี 2 วัน 4 4-5 4-5:1 สารส้ม 2 วัน 4 4-5 4-7:1 ไม่มี 3 วัน 4 4-5 4-7:1 น้ำปูนใส 3 วัน 3-4 4-5 4-
รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 23 รรมชาติ จำนวน 3 ชนิด คือ เปลือกมะพร้าวแห้ง ใบมะม่วงและเปลือกฝักมะขาม ในปี 2565 สีต่อการซัก ) ความคงทนของสีต่อเหงื่อ (ระดับ) หมายเหตุ สภาวะกรด สภาวะด่าง กติดผ้าขาว สีเปลี่ยน จากเดิม สีตกติดผ้าขาว สีเปลี่ยน จากเดิม สีตกติดผ้าขาว TON SILK COTTON SILK COTTON SILK 5 4-5 4 4-5 4-5 4.5 4-5 4 5 4-5 4-5 4-5 4 4 4-5 4-5 5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 5 4-5 4 4 3-4 4-5 3 3 5 4-5 4 4 3-4 4-5 3 3 5 4-5 4 3-4 3-4 4-5 3 3-4 4 4 4-5 4 4 4-5 3-4 3-4 4 4 4-5 4 4 4-5 3-4 3-4 5 4-5 4-5 4-5 4 4-5 3-4 3-4 5 4-5 4-5 4 4 4-5 4 4 5 4-5 4-5 4-5 4 4-5 4 4 5 4-5 4-5 4-5 4 4-5 4-5 4-5 5 4-5 4-5 4-5 4 4-5 4-5 4 5 4-5 2-3 4-5 4 4-5 4 4 5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5 4-5
24 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม ➢ งานประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม โดยสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ได้จัดการประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565 ในระหว่างวันที่ 20 - 21 กรกฎาคม 2565 ณ กรมหม่อนไหม ทั้งในรูปแบบ onsite และ online เพื่อเป็นเวทีในการนำเสนอผลงานวิชาการและนวัตกรรมด้านหม่อนไหมที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ และดำเนินการแล้วเสร็จในปี2564-2565 ทั้งผลงานวิชาการที่ดำเนินการโดยบุคลากรของกรมหม่อนไหม และ ผลงานวิชาการที่บุคลากรของกรมหม่อนไหมร่วมดำเนินการกับหน่วยงานอื่น โดยคัดเลือกจากผลงานที่สามารถ นำไปใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการเกษตรและในเชิงพาณิชย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหม่อนไหมของเกษตรกร และผู้ประกอบการ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดโลก โดย นายวัชรพงษ์ แก้วหอม รองอธิบดี กรมหม่อนไหม เป็นประธานเปิดการประชุม ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นักวิชาการจากกรมหม่อนไหม หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถาบันการศึกษา ที่ปรึกษากรมหม่อนไหม ผู้ทรงคุณวุฒิเกษตรกร และ ผู้ประกอบการด้านหม่อนไหม รวมทั้งสิ้น 173 คน ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมประชุมแบบ onsite (ณ กรมหม่อนไหม) จำนวน 51 คน และผู้เข้าร่วมประชุมแบบ online ผ่านระบบ Zoom meeting จำนวน 122 คน การประชุม ในครั้งนี้มีการบรรยายพิเศษเรื่อง “นวัตกรรมไหมกับเส้นทางสู่ Future Food” โดย รศ.ดร.จิราพร กุลสาริน อาจารย์ประจำภาควิชากีฏวิทยาและโรคพืช คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมีผลงานวิจัยที่ นำเสนอในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งหมด 19 เรื่อง ดังนี้ 1. ผลงานวิจัยด้านหม่อน จำนวน 5 เรื่อง ได้แก่ 1.1 อิทธิพลของซัลเฟอร์ต่อผลผลิตและคุณภาพหม่อนและไหม 1.2 โครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตหม่อนผลสด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิจกรรม การขยายพันธุ์หม่อนพันธุ์เชียงใหม่ ด้วยการปักชำกิ่งอ่อนและกิ่งแขนง 1.3 การสร้างเมล็ดพันธุ์หม่อนลูกผสมที่ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด 1.4การศึกษาปริมาณสาร Resveratrol และ Oxyresveratrol ในผลหม่อน (Morus spp.) 1.5 การประเมินดัชนีเก็บเกี่ยวและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผลหม่อน 2. ผลงานวิจัยด้านไหม จำนวน 5 เรื่อง ได้แก่ 2.1การผลิตชุดตรวจสอบสปอร์ของเชื้อโปรโตซัว (Nosema bombycis N.) สาเหตุโรคเพบริน ในผีเสื้อไหม (Bombyx mori L.) ด้วยวิธีการคัดกรอง Aptamer 2.2 ผลของการใช้สารโรยตัวไหมชนิดต่างๆ ต่อผลผลิตและสารตกค้างในไหมพันธุ์ J108 x นางลายสระบุรี และพันธุ์ทับทิมสยาม 06 x วนาสวรรค์ 2.3 พัฒนาการป้องกันกำจัดโรคไหมหัตถกรรมด้วยสารสกัดจากพืช 2.4 อิทธิพลของฤดูกาลที่มีผลต่อการเลี้ยงไหมและผลผลิตของรังไหม ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมสายใยนิคมคำสร้อย อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร 2.5 ประสิทธิภาพการผลิตเส้นไหมยืนสำหรับผ้าไหมตรานกยูงระราชทานสีทอง ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง : กรณีศึกษาบ้านสระ จังหวัดสุรินทร์, บ้านท่างาม จังหวัดบุรีรัมย์ และ บ้านหนองโดน จังหวัดนครราชสีมา 3. ผลงานวิจัยด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์หม่อนไหม จำนวน 6 เรื่อง ได้แก่ 3.1 การผลิตผลหม่อนกึ่งแห้งจากโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565
25 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 3.2 โครงการไหมกินพืชอื่นเป็นอาหาร: โครงการพัฒนากระบวนการแปรรูปรังไหมอีรี่ และ ดักแด้ไหมอีรี่ กิจกรรมที่ 1 การพัฒนาต้นแบบวิธีการสกัดโปรตีนจากดักแด้ไหมอีรี่สำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อสุขภาพ 3.3 โครงการไหมกินพืชอื่นเป็นอาหาร: โครงการพัฒนากระบวนการแปรรูปรังไหมอีรี่ และ ดักแด้ไหมอีรี่ กิจกรรมที่ 2 ประเมินความปลอดภัยของการใช้สารสกัดโปรตีนจากไหมอีรี่ในการใช้เป็นส่วนผสมใน อาหารสุขภาพ 3.4 การเตรียมสารสกัดและควบคุมคุณภาพถั่งเช่า (ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภายนอก) 3.5 การศึกษาความเป็นพิษเฉียบพลันและแบบเรื้อรังของสารสกัดถั่งเช่าสีทอง (ดำเนินการ ร่วมกับหน่วยงานภายนอก) 3.6 ผลของการใช้ผีเสื้อไหมเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนปลาป่นต่อสมรรถภาพการผลิตและ คุณภาพไข่ของนกกระทาไข่ (ดำเนินการโดยหน่วยงานภายนอก) 4. ผลงานวิจัยด้านสังคมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ 4.1 การศึกษาแรงจูงใจในการประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ 4.2 การจัดการการผลิตและการตลาดไหมอุตสาหกรรมในระบบแปลงใหญ่ในเขตพื้นที่ ภาคเหนือ พื้นที่ศึกษา อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน และ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ประจำปีงบประมาณ 2562 4.3 ปัจจัยที่มีผลต่อราคาเส้นไหมไทยสาวมือใน 4 จังหวัด: นครราชสีมา บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และสุรินทร์ ปี พ.ศ. 2561-2562 ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมการประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565 พบว่า มีผู้เข้าร่วมการประชุมตอบกลับแบบประเมินผลออนไลน์ จำนวนทั้งสิ้น 70 คน โดยแบ่งออกเป็น ข้าราชการ กรมหม่อนไหม ร้อยละ 87.1 พนักงานราชการ ร้อยละ 10.0 และอื่นๆ ร้อยละ 2.9 หน่วยงานในสังกัดของผู้เข้าร่วม การประชุม แบ่งออกเป็น ส่วนกลาง (กรมหม่อนไหม) ร้อยละ 28.6 สำนักงานหม่อนไหมฯ เขต/ศูนย์หม่อนไหมฯ ร้อยละ 65.7 ผู้ประกอบการด้านหม่อนไหม ร้อยละ 2.9 หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยละ 1.4 และหน่วยงานอื่นๆ ร้อยละ 1.4 ซึ่งความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมประชุมในหัวข้อต่างๆ แบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ ระดับ 1 (น้อยที่สุด) ระดับ 2 (น้อย) ระดับ 3 (ปานกลาง) ระดับ 4 (มาก) และระดับ 5 (มากที่สุด) โดยค่า คะแนนเฉลี่ยมีเกณฑ์ดังนี้ ค่าคะแนนเฉลี่ย 1.00-1.50 หมายถึง ระดับความพึงพอใจ/ความคิดเห็น น้อยที่สุด ค่าคะแนนเฉลี่ย 1.51-2.50 หมายถึง ระดับความพึงพอใจ/ความคิดเห็น น้อย ค่าคะแนนเฉลี่ย 2.51-3.50 หมายถึง ระดับความพึงพอใจ/ความคิดเห็น ปานกลาง ค่าคะแนนเฉลี่ย 3.51-4.50 หมายถึง ระดับความพึงพอใจ/ความคิดเห็น มาก ค่าคะแนนเฉลี่ย 4.51-5.00 หมายถึง ระดับความพึงพอใจ/ความคิดเห็น มากที่สุด 1. ความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดประชุมพบว่า ผู้เข้าร่วมประชุมมีความพึงพอใจในหัวข้อ “ความเหมาะสมของจำนวนวันที่ใช้ในการประชุม” อยู่ในระดับมากที่สุด 2. ความคิดเห็นเกี่ยวกับวิทยากรพบว่า ผู้เข้าร่วมประชุมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด จำนวน 3 หัวข้อ ดังนี้ 2.1 เนื้อหาหลักสูตรในการบรรยายพิเศษ เรื่อง “นวัตกรรมไหมกับเส้นทางสู่ Future Food” 2.2 วิธีการนำเสนอน่าสนใจ 2.3 การเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและซักถาม
26 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 3. ความคิดเห็นเกี่ยวกับการนำเสนอผลงานทางวิชาการ พบว่า ผู้เข้าร่วมประชุมมีความพึงพอใจ เกี่ยวกับการนำเสนอและประโยชน์ที่ได้รับจากผลงานทางวิชาการ ทั้งหมด 19 เรื่อง อยู่ในระดับมาก 4. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมประชุมฯ 4.1 จุดเด่นที่ประทับใจ 4.1.1 งานวิจัยแต่ละเรื่องที่นำเสนอมีประโยชน์เกี่ยวกับงานของกรมหม่อนไหม ควรมี การวิจัยต่อยอด เพื่อจะให้ผลงานวิจัยนั้นๆ นำไปใช้ประโยชน์ได้จริง 4.1.2 การทำงานแบบบูรณาการระหว่างนักวิชาการภายในกรมหม่อนไหมกับ หน่วยงานอื่น ก่อให้เกิดความหลากหลายของผลงานวิจัย 4.1.3 เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกร่วมนำเสนอผลงานวิจัย ทำให้เกิดความรู้ใหม่ๆ และ ผลงานวิจัยหลากหลายมากขึ้น 4.1.4 รูปแบบการจัดประชุม มีทั้ง online และ onsite ช่วยลดระยะเวลาการ เดินทางและลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 4.2 จุดที่ควรปรับปรุง 4.2.1 ควรมีการต่อยอดงานวิจัยเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด 4.2.2 ควรเพิ่มเวลาในการนำเสนอและตอบข้อซักถาม 4.2.3 ผู้นำเสนอควรมีความกระฉับในการนำเสนอ 4.2.4 การถามตอบในบางหัวข้อใช้เวลานานเกินไป ภาพงานประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565 ทั้งในรูปแบบ Onsite และ Online
27 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม รางวัลผลงานวิจัยดีเด่น กรมหม่อนไหม ประจำปี 2565 เมื่องานประชุมวิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565 ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว สำนักวิจัยและ พัฒนาหม่อนไหม ได้จัดประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกผลงานวิจัยดีเด่น ประจำปี 2565 ของกรมหม่อนไหม โดยได้พิจารณาผลงานวิจัยที่เข้าร่วมนำเสนอ และส่งผลงานเข้าร่วมพิจารณาผลงานวิจัยดีเด่นในการประชุม วิชาการหม่อนไหม ประจำปี 2565 ทั้งสิ้น 16 เรื่อง แบ่งประเภทของผลงานวิจัยออกเป็น 4 สาขา คือ 1) สาขาหม่อน จำนวน 5 เรื่อง 2) สาขาไหม จำนวน 5 เรื่อง 3) สาขาการแปรรูปผลิตภัณฑ์หม่อนและไหม จำนวน 3 เรื่อง 4) สาขาสังคมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ จำนวน 3 เรื่อง โดยใช้เกณฑ์การพิจารณา ได้แก่ 1) ความสอดคล้องของชื่อเรื่อง วัตถุประสงค์ และเนื้อหา 2) การทบทวนวรรณกรรม การตรวจเอกสาร และการอ้างอิงได้สอดคล้องหรือเกี่ยวข้องกับงานวิจัย 3) ระเบียบวิธีวิจัยมีความเหมาะสมและถูกต้อง 4) ความสมบูรณ์ของข้อมูลและเนื้อหา 5) ความถูกต้องของรูปแบบการเขียนผลงานวิจัย 6) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ 7) การนำไปประยุกต์ใช้/การนำไปใช้ประโยชน์ ความคุ้มค่า และมีศักยภาพที่มีผลกระทบ ทางบวกต่อส่วนรวม มีผลงานที่ได้รับคัดเลือกเป็นผลงานวิจัยดีเด่น ประจำปี 2565 จำนวน 9 เรื่อง ได้แก่ - สาขาหม่อน 1. การประเมินดัชนีเก็บเกี่ยวและคุณภาพหลังการเก็บเกี่ยวของผลหม่อน (ระดับชมเชย) 2. การศึกษาปริมาณสาร Resveratrol และ Oxyresveratrol ในหม่อน (Morus spp.) (ระดับชมเชย) - สาขาไหม 3. การพัฒนาการป้องกันกำจัดโรคแบคทีเรียในไหมหัตถกรรมด้วยสารสกัดจากพืช (ระดับดี) 4. การผลิตชุดตรวจสอบสปอร์ของเชื้อโปรโตซัว (Nosema bombycis N.) สาเหตุโรคเพบริน ในผีเสื้อไหม (Bombyx mori L.) ด้วยวิธีการคัดกรอง Aptamer (ระดับชมเชย) 5. ประสิทธิภาพการผลิตเส้นไหมยืนสำหรับผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานสีทอง ในเขต ภาคตะวันออก- เฉียงเหนือตอนล่าง : กรณีศึกษาบ้านสระ จังหวัดสุรินทร์, บ้านท่างาม จังหวัดบุรีรัมย์ และ บ้านหนองโดน จังหวัดนครราชสีมา (ระดับชมเชย) - สาขาการแปรรูปผลิตภัณฑ์หม่อนและไหม 6. การผลิตผลหม่อนกึ่งแห้งจากโรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ (ระดับชมเชย) 7. กิจกรรม: ประเมินความปลอดภัยของการใช้สารสกัดโปรตีนจากไหมอีรี่ในการใช้เป็น ส่วนผสมในอาหารสุขภาพ ภายใต้โครงการพัฒนากระบวนการแปรรูปรังไหมอีรี่ และดักแด้ไหมอีรี่ (ระดับชมเชย) - สาขาสังคมศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ 8. ศึกษาแรงจูงใจในการประกอบอาชีพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในเขตพื้นที่ภาคเหนือ (ระดับชมเชย) 9. การจัดการการผลิตและการตลาดไหมอุตสาหกรรมในระบบแปลงใหญ่ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ พื้นที่ ศึกษา อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน และ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ประจำปีงบประมาณ 2562 (ระดับชมเชย)
28 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม วัตถุประสงค์ 1. สร้างมาตรการการควบคุม และป้องกันความเสี่ยงอันตรายจากการดำเนินงานวิจัย 2. เพื่อพัฒนาระบบการจัดการความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการวิจัยของกรมหม่อนไหม ผลการดำเนินงาน การจัดการความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ESPReL ประกอบด้วย 7 องค์ประกอบ คือ 1) การบริหารระบบการจัดการด้านความปลอดภัย 2) ระบบการจัดการสารเคมี 3) ระบบการจัดการของเสีย 4) ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ 5) ระบบการป้องกันและแก้ไขภัยอันตราย 6) การให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับด้านความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ 7) การจัดการข้อมูลและเอกสาร โดยในปีงบประมาณ 2565 สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหมได้ดำเนินการพัฒนาความปลอดภัยของ ห้องปฏิบัติการวิจัย ในองค์ประกอบที่ 4 ลักษณะทางกายภาพของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ ซึ่งจะประเมินถึงความเหมาะสมของโครงสร้างพื้นฐานของห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือภายใน ห้องปฏิบัติการ ที่เอื้อต่อความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการ 1. ก่อนดำเนินการพัฒนาความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการวิจัย กรมหม่อนไหมมีห้องปฏิบัติการวิจัย จำนวน 2 ห้อง ประกอบด้วยห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 3 สำหรับการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ และห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 4 สำหรับการเตรียมสารเคมี และ การเตรียมตัวอย่างสำหรับการส่งวิเคราะห์ทดสอบ จากการสำรวจและตรวจสอบลักษณะทางกายภาพของ ห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์และเครื่องมือ พบว่า ห้องปฏิบัติการวิจัยชั้น 3 และชั้น 4 มีการจัดวางครุภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ วัสดุ อุปกรณ์ต่างๆ เต็มพื้นที่ และมีครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์บางส่วนอยู่ภายนอกห้องปฏิบัติการ เนื่องจากขนาดพื้นที่ภายในห้องปฏิบัติการมีจำกัด ซึ่งไม่เอื้อต่อการปฏิบัติงานวิจัย และความปลอดภัยของ ห้องปฏิบัติการ โครงการพัฒนาความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการวิจัยกรมหม่อนไหม พื้นที่ห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 3 ก่อนดำเนินการพัฒนาความปลอดภัย
29 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 2. หลังดำเนินการพัฒนาความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการวิจัย สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหมได้รับการจัดสรรพื้นที่เพิ่มเติมสำหรับจัดวางครุภัณฑ์ วิทยาศาสตร์ ณ ชั้น 4 อาคารกรมหม่อนไหม 5 ชั้น จำนวน 1 ห้อง ขนาดพื้นที่ 45.15 ตารางเมตร คือ ห้องครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์และปฏิบัติงานวิจัย และได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์บางส่วนไปยัง พื้นที่ดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันกรมหม่อนไหมมีห้องปฏิบัติการวิจัยทั้งหมด จำนวน 3 ห้อง ได้แก่ ห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 3, ห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 4 และห้องครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์และปฏิบัติงานวิจัย ชั้น 4 ซึ่งมีพื้นที่ที่มีความเหมาะสม เพียงพอต่อปริมาณครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์ วัสดุ และอุปกรณ์ จำนวนผู้ใช้งาน อีกทั้งไม่มีสิ่งกีดขวางที่จะก่อให้เกิดอันตรายหากเกิดเหตุฉุกเฉินภายในห้องปฏิบัติการ พื้นที่ห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 4 ก่อนพัฒนาความปลอดภัย แผนผังห้องครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์และปฏิบัติงานวิจัย
30 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม พื้นที่ห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 3 หลังดำเนินการพัฒนาความปลอดภัย พื้นที่ห้องปฏิบัติการวิจัย ชั้น 4 หลังดำเนินการพัฒนาความปลอดภัย พื้นที่ห้องครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์และปฏิบัติงานวิจัย ชั้น 4 นอกจากนี้สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหมได้ดำเนินการสอบเทียบครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (calibration) ซึ่งเป็นกระบวนการยืนยันความถูกต้องและแม่นยำของเครื่องมือวัด ด้วยการทดสอบเครื่องมือ ตามมาตรฐาน และดำเนินการบำรุงรักษาครุภัณฑ์วิทยาศาสตร์ให้พร้อมใช้งาน และมีความปลอดภัยต่อ ผู้ปฏิบัติงาน
31 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม แผนงานยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 2 กิจกรรม คือ 1. กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Area ➢ โครงการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Production Area 2. กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ ทางภูมิศาสตร์ด้านหม่อนไหม ➢ โครงการสร้างองค์ความรู้ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันแก่ผู้ผลิตสินค้าหม่อนไหม (1) เครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมไทยอุบลราชธานี 90-65 เฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา (2) โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ ผ้าไหมต้นแบบลักษณะพิเศษ ➢ โครงการเทคโนโลยี นวัตกรรม เพิ่มมูลค่าสินค้าหม่อนไหมตลอดห่วงโซ่อุปทาน (1) โครงการการพัฒนาเส้นไหมไทยพื้นบ้านเพื่อการผลิตผ้ายกดอกลำพูน (2) โครงการการทดสอบประสิทธิภาพของสารป้องกันกำจัดเชื้อราในหนอนไหมและดักแด้ ที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค (3) โครงการเปรียบเทียบพันธุ์เบื้องต้น Samia ricini ชนิดรังสีเหลือง ปีงบประมาณ 2565 กรมหม่อนไหมดำเนินการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Production Area จำนวน 3 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ขอนแก่น, ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ เพื่อตอบสนอง ความต้องการไข่ไหมของเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมอย่างเพียงพอและทั่วถึง ผลการดำเนินงานสรุปได้ ดังนี้ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ขอนแก่น เกษตรกรเข้าร่วมโครงการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Production Area จำนวน 2 ราย เลี้ยงไหมรายละ 2 รุ่น ผลการเลี้ยงไหมพันธุ์ขยายแสดงดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 ผลการเลี้ยงไหมพันธุ์ขยายของเกษตรกร ปีงบประมาณ 2565 เขตความรับผิดชอบของศูนย์ หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ขอนแก่น รุ่นที่ เลี้ยง พันธุ์ไหมที่ เลี้ยง ปริมาณไหม ที่เลี้ยง (แม่) น้ำหนักรังไหม ทั้งหมด (กก.) เปอร์เซ็น ต์เปลือก รังเฉลี่ย เปอร์เซ็นต์ รังเสีย ราคารังไหม ต่อกิโลกรัม (บาท) รายได้ที่ เกษตรกร ได้รับ (บาท) 1 นางลายสระบุรี 250 31.60 14.41 3 394.53 12,467.15 J108 200 15.13 18.67 9 432.12 6,537.98 แผนงาน: ยุทธศาสตร์การเกษตรสร้างมูลค่า กิจกรรมผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Area โครงการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Production Area
32 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม รุ่นที่ เลี้ยง พันธุ์ไหมที่ เลี้ยง ปริมาณ ไหมที่เลี้ยง (แม่) น้ำหนักรังไหม ทั้งหมด (กก.) เปอร์เซ็นต์ เปลือกรัง เฉลี่ย เปอร์เซ็นต์ รังเสีย ราคารังไหม ต่อกิโลกรัม (บาท) รายได้ที่ เกษตรกร ได้รับ (บาท) 2 นางลาย สระบุรี 200 79.00 17.74 8 369.62 29,199.98 J108 150 38.00 17.00 3 409.52 15,561.76 รวม 800 163.73 - - 63,766.87 เกษตรกรเลี้ยงไหมพันธุ์ขยาย 800 แม่ ได้ผลผลิตรังไหมพันธุ์ขยายรวม 163.73 กิโลกรัม จำหน่ายรังไหมพันธุ์ ขยายสร้างรายได้63,766.87 บาท สามารถผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีพันธุ์ J108 x นางลายสระบุรี จำนวน 101 แผ่น และพันธุ์นางลายสระบุรี x J108 จำนวน 416 แผ่น รวมผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีได้ 517 แผ่น แจกจ่ายให้เกษตรกร ผู้รับบริการจำนวน 356 ราย (ไม่ซ้ำรายเดิม) เมื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพการผลิตไข่ไหมพบว่า อัตราส่วนการผลิตไข่ไหมมีค่า 1 แม่ต่อ 0.64 แผ่น ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานการผลิตไข่ไหม ในส่วนของต้นทุนการผลิตคำนวณเฉพาะต้นทุนจากการรับซื้อรังไหม พันธุ์ขยายจากเกษตรกรมาดำเนินการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีไข่ไหมมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 123.34 บาทต่อแผ่น (ไม่รวมค่าปาดรัง คัดเพศ ผสมผีเสื้อ และค่าบริหารจัดการไข่ไหม) ปัญหา – อุปสรรค พบในการเลี้ยงไหมรุ่นที่ 1 หนอนไหมตายในวัย 5 เนื่องจากสภาพอากาศ แปรปรวน มีฝนตกชุก ทำให้หนอนไหมอ่อนแอเป็นโรคและตาย แต่เกษตรกรคัดรังเสียได้ดีกว่ารุ่นที่ 2 ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ บุรีรัมย์ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Production Area จำนวน 8 ราย เลี้ยงไหม 2 รุ่น ผลการเลี้ยงไหมพันธุ์ขยายแสดงดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 ผลการเลี้ยงไหมพันธุ์ขยายของเกษตรกร ปีงบประมาณ 2565 เขตความรับผิดชอบของศูนย์ หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ บุรีรัมย์ รุ่นที่ เลี้ยง พันธุ์ไหม ที่เลี้ยง ปริมาณไหม ที่เลี้ยง (แม่) น้ำหนักรัง ไหมทั้งหมด (กก.) เปอร์เซ็นต์ เปลือกรัง เฉลี่ย เปอร์เซ็นต์ รังเสีย ราคารังไหม ต่อกิโลกรัม (บาท) รายได้ที่ เกษตรกรได้รับ (บาท) 1 J108 150 86.53 17.60 0 475.20 41,119.06 J108 150 67.88 16.60 8 416.82 28,293.74 นางลาย สระบุรี 130 58.80 11.19 2 315.99 18,580.21 นางลาย สระบุรี 130 45.96 11.70 4 305.50 14,040.78
33 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม รุ่นที่ เลี้ยง พันธุ์ไหม ที่เลี้ยง ปริมาณไหม ที่เลี้ยง (แม่) น้ำหนักรัง ไหมทั้งหมด (กก.) เปอร์เซ็นต์ เปลือกรัง เฉลี่ย เปอร์เซ็นต์ รังเสีย ราคารังไหม ต่อกิโลกรัม (บาท) รายได้ที่ เกษตรกรได้รับ (บาท) 2 J108 100 15.50 18.60 7 431.39 6,686.55 J108 100 12.50 18.15 7 420.97 5,262.13 นางลาย สระบุรี 120 39.00 12.77 6 328.22 12,800.58 นางลาย สระบุรี 120 37.50 12.80 6 328.22 12,308.25 รวม 1,000 363.67 - - - 139,091.30 โดยเกษตรกรเลี้ยงไหมพันธุ์ขยาย 1,000 แม่ ผลิตรังไหมพันธุ์ขยายรวม 363.67 กิโลกรัม มีรายได้139,091.30 บาท สามารถผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีพันธุ์ J108 x นางลายสระบุรี จำนวน 713 แผ่น และพันธุ์นางลายสระบุรี x J108 จำนวน 565 แผ่น รวมผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีทั้งสิ้น 1,278 แผ่น แจกจ่ายให้เกษตรกร ผู้รับบริการจำนวน 270 ราย (ไม่ซ้ำรายเดิม) เมื่อวิเคราะห์ประสิทธิภาพการผลิตไข่ไหมพบว่า อัตราส่วนการผลิตไข่ไหมมีค่า 1 แม่ต่อ 1.28 แผ่น สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานการผลิตไข่ไหม ต้นทุนการผลิตไข่ไหมจากการรับซื้อรังไหมพันธุ์ขยายเฉลี่ย 108.83 บาท ต่อแผ่น (ไม่รวมค่าปาดรัง คัดเพศผสมผีเสื้อและค่าบริหารจัดการไข่ไหม) ปัญหา – อุปสรรค พบในการเลี้ยงไหมรุ่นที่ 2 หนอนไหมพันธุ์J108 อ่อนแอไม่เข้าจ่อทำรัง เนื่องจากอุณหภูมิสูง ทำให้ผลผลิตรังไหมในรุ่นดังกล่าวลดลง ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ชัยภูมิ เกษตรกรเข้าร่วมโครงการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Production Area จำนวน 2 ราย เลี้ยงไหมรายละ 1 รุ่น ผลการเลี้ยงไหมพันธุ์ขยายแสดงดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 ผลการเลี้ยงไหมพันธุ์ขยายของเกษตรกรปีงบประมาณ 2565 เขตความรับผิดชอบของศูนย์ หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ ชัยภูมิ รุ่นที่ เลี้ยง พันธุ์ไหม ที่เลี้ยง ปริมาณไหม ที่เลี้ยง (แม่) น้ำหนักรังไหม ทั้งหมด (กก.) เปอร์เซ็นต์ เปลือกรัง เฉลี่ย เปอร์เซ็นต์ รังเสีย ราคารังไหม ต่อกิโลกรัม (บาท) รายได้ที่ เกษตรกรได้รับ (บาท) 1 นางลาย สระบุรี 300 117.00 12.20 2.00 323.93 37,899.81 J108 300 113.80 18.90 7.30 437.03 49,734.01 รวม 600 230.80 - - - 87,633.82
34 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม เกษตรกรเลี้ยงไหมพันธุ์ขยาย 800 แม่ โดยมีผลผลิตรังไหมพันธุ์ขยายรวม 230.80 กิโลกรัม เกษตรกรผู้เลี้ยงไหม พันธุ์ขยายมีรายได้รวม 87,633.82 บาท สามารถผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีพันธุ์ J108 x นางลายสระบุรี จำนวน 435แผ่น และพันธุ์นางลายสระบุรี x J108 จำนวน 679 แผ่น รวมผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีได้ 1,114 แผ่น แจกจ่ายให้เกษตรกร ผู้รับบริการจำนวน 429 ราย (ไม่ซ้ำรายเดิม) ประสิทธิภาพการผลิตไข่ไหมพบว่า อัตราส่วนการผลิตไข่ไหมมีค่า 1 แม่ต่อ 1.39 แผ่น สูงกว่า เกณฑ์มาตรฐาน ในส่วนของต้นทุนการผลิตคำนวณเฉพาะต้นทุนจากการรับซื้อรังไหมพันธุ์ขยายจากเกษตรกร มาดำเนินการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีพบว่า ต้นทุนการผลิตไข่ไหมเท่ากับ 78.67 บาทต่อแผ่น (ไม่รวมค่าปาดรัง คัดเพศ และค่าบริหารจัดการไข่ไหม) การรับซื้อรังไหมของเกษตรกรในโครงการผลิตไข่ไหมพันธุ์ดีระบบ Seed Production Area
35 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 1. เครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมไทยอุบลราชธานี 90-65 เฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา (UBONRATCHATHANI 90-65 Cottage Twisting Machine) กรมหม่อนไหม เป็นหน่วยงานที่ตั้งโดยพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง หนึ่งในภารกิจของกรมหม่อนไหมคือการพัฒนาด้านผ้าไหม ซึ่งต้องมีการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้ผ้าไหมที่มีคุณภาพพิเศษ มีความนุ่มพริ้ว ไม่ยับง่าย โครงสร้างเนื้อผ้า แข็งแรง ทำซ้ำได้อย่างสม่ำเสมอ และหากสามารถพัฒนาให้มีคุณสมบัติพิเศษได้ จะสามารถเพิ่มมูลค่าผ้าไหม ไทย และทำให้มีความนิยมใช้ผ้าไหมมากขึ้น เนื่องจากมีเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย และดูแลรักษาง่าย สิ่งที่สำคัญ อย่างหนึ่งที่จะทำให้ผ้าไหมมีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น คือ การควบตีเกลียวเส้นไหมให้มีคุณภาพและขนาด ตามที่ต้องการ ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาเครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมให้มีขนาดเล็ก สามารถกำหนดจำนวน เกลียวได้เหมาะสมกับความต้องการและใช้ได้เหมาะสมกับไหมทุกประเภทโดยเฉพาะกับพันธุ์ไทยพื้นบ้าน และส่งต่อองค์ความรู้ เทคโนโลยีการใช้เครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมขนาดเล็ก และขยายผลไปยังเกษตรกร ที่มีความพร้อมในการฝึกอบรมเพื่อสร้างรายได้ สร้างช่องการทางการตลาด และเป็นการสร้างเกษตรกร ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อันเป็นการเสริมสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกรได้อีกช่องทางหนึ่ง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาเครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมที่มีขนาดเล็กที่สามารถกำหนดจำนวนเกลียวได้ ตามความต้องการ 2. เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคการใช้เครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมขนาดเล็กให้แก่เกษตรกร ผลการดำเนินงาน 1. พัฒนาเครื่องตีเกลียวเส้นไหม ให้เป็นเครื่องตีเกลียวเส้นไหมขนาดเล็กในครัวเรือน สามารถ ตีเกลียวได้ทั้งเส้นไหมยืนและเส้นไหมพุ่งได้ตามวัตถุประสงค์ของการผลิต ใช้วัสดุอุปกรณ์ทำได้ในท้องถิ่น ประกอบด้วยฟันเฟืองดอกจอกสำหรับตีเกลียวเส้นไหมที่ทำจากซุปเปอร์ลีน ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพ ในการตีเกลียว เสียงไม่ดัง และสะดวกในการปฏิบัติงาน แหล่งกำลังเครื่องใช้มอเตอร์ขนาดไม่เกิน 1 แรงม้า ทนทานทำงานได้ตลอดทั้งวัน สามารถตีเกลียวเส้นไหมได้จำนวน 500 กรัมต่อการทำงาน 7 ชั่วโมงต่อวัน สามารถกรอเส้นไหมที่ตีเกลียวเส้นไหมเสร็จแล้ว ไปพร้อมๆ กับการตีเกลียวในเวลาเดียวกัน จึงประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย และในการพัฒนาเครื่องตีเกลียวได้มีการทดสอบกับพันธุ์ไหม : ทับทิมสยาม 06 x วนาสวรรค์ พบว่าสามารถได้เส้นไหมตามขนาดที่ต้องการ 2. อบรมเกษตรกรโดยการคัดเลือกเกษตรกรที่สาวไหมและตีเกลียวอยู่เดิม เพื่ออบรมให้ความรู้ และเทคนิคการใช้เครื่องตีเกลียวเส้นไหมขนาดเล็ก โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น ๆ ละ 10 คน ระยะเวลาในการอบรม รุ่นละ 3 วัน ที่จังหวัดอุบลราชธานี และมุกดาหาร กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ด้านหม่อนไหม โครงการสร้างองค์ความรู้ในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันแก่ผู้ผลิตสินค้าหม่อนไหม
36 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม สรุปผล ได้“เครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมไทยอุบลราชธานี 90-65 เฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา”เป็นเครื่อง ตีเกลียวเส้นไหมขนาดเล็กในครัวเรือน สามารถตีเกลียวได้ทั้งเส้นไหมยืนและเส้นไหมพุ่งได้ตามวัตถุประสงค์ ของการผลิต และจากนั้นนำไปอบรมเกษตรกรที่สาวไหมและตีเกลียวอยู่เดิม เพื่ออบรมให้ความรู้และเทคนิค การใช้เครื่องตีเกลียวเส้นไหมขนาดเล็ก โดยแบ่งเป็น 2 รุ่น ๆ ละ 10 คน ระยะเวลาในการอบรม รุ่นละ 3วัน ที่จังหวัดอุบลราชธานี และมุกดาหาร และมีเกษตรกรบางรายที่คาดว่าจะนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติและสร้าง รายได้ต่อไป เครื่องควบตีเกลียวเส้นไหมไทยอุบลราชธานี 90-65 เฉลิมพระเกียรติ 90 พรรษา พิธีเปิดการฝึกอบรมเกษตรกรที่จังหวัดมุกดาหาร โดย นายสุเทพ ขวัญเผือก ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม 2. โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ ผ้าไหมต้นแบบลักษณะพิเศษ ตามที่กรมหม่อนไหมได้อนุมัติให้ดำเนินงานโครงการการทำผ้าไหมต้นแบบลักษณะพิเศษ ปี 2564 ภายใต้โครงการเทคโนโลยี นวัตกรรม เพิ่มมูลค่าสินค้าหม่อนไหมตลอดห่วงโซ่อุปทาน พบว่าสามารถ พัฒนาวิธีการและเทคโนโลยีการสาว การลอกกาว การตีเกลียว และการทอให้ได้ผ้าไหมที่มีลักษณะนุ่มพลิ้ว ไม่ยับง่าย และโครงสร้างเนื้อผ้าแข็งแรง อีกทั้งขั้นตอนไม่ยุ่งยาก มีคุณภาพสม่ำเสมอ เกษตรกรสามารถทำได้ จึงได้ทำการขยายผลเพื่อส่งต่อองค์ความรู้ เทคนิค และวิธีการนี้ให้แก่เกษตรกร เพื่อให้สามารถผลิตผ้าไหม ที่มีลักษณะพิเศษนี้ สำหรับจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคที่มีความต้องการ ซึ่งสามารถตอบโจทย์เรื่องของการดูแล รักษาผ้าไหมให้ง่าย สะดวกใช้ อีกทั้งมีคุณภาพดีจะสามารถเพิ่มมูลค่าผ้าไหมไทย และทำให้มีความนิยม ใช้ผ้าไหมมากขึ้น เนื่องจากมีเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย และดูแลรักษาง่าย
37 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหมได้พิจารณาแล้วเห็นว่าควรมีการจัดอบรมเพื่อส่งต่อความรู้ และขยายผลไปยังเกษตรกรที่มีความพร้อมในการฝึกอบรมเพื่อสร้างรายได้ สร้างช่องทางการตลาด และ เป็นการสร้างเกษตรกรให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อันเป็นการเสริมสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกรได้อีกช่องทางหนึ่ง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อพัฒนาทักษะการผลิตผ้าไหมที่มีคุณภาพพิเศษ มีความนุ่มพลิ้ว ไม่ยับง่าย โครงสร้าง เนื้อผ้าแข็งแรง ให้แก่เกษตรกร 2. เพื่อเสริมสร้างอาชีพและสร้างช่องทางการตลาดให้แก่เกษตรกร 3. เพื่อผลิตผ้าไหมที่มีลักษณะพิเศษให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค วิธีการดำเนินงาน บุคคลเป้าหมาย จำนวน 40 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม 1. กลุ่มเกษตรกรผู้สาวไหมตีเกลียว และฟอกย้อม ณ จังหวัดอุบลราชธานี และมุกดาหาร 2. กลุ่มเกษตรกรผู้ทอผ้า ณ จังหวัดอุบลราชธานี และมุกดาหาร ผลการดำเนินงาน 1. กลุ่มเกษตรกรผู้สาวไหมตีเกลียว และฟอกย้อม จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 10 คน ระยะเวลาในการ อบรม รุ่นละ 3 วัน ณ จังหวัดอุบลราชธานี และมุกดาหาร 2. กลุ่มเกษตรกรผู้ทอผ้า จำนวน 2 รุ่น ๆ ละ 10 คน ระยะเวลาในการอบรม รุ่นละ 3 วัน ณ จังหวัดอุบลราชธานี และมุกดาหาร สรุปผล ได้ดำเนินการอบรมเกษตรกรผู้สาวไหมตีเกลียว และกลุ่มผู้ทอผ้า รวมทั้งหมดจำนวน 40 ราย พบว่าเกษตรกรมีความรู้เพิ่มขึ้นจากเดิมในกระบวนการผลิตเส้นไหมและทอผ้า และมีบางรายที่คาดว่า จะสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ผ้าไหมต้นแบบลักษณะพิเศษ โดยวิทยากรพิเศษ นายสุเมธ นวเศรษฐวิสูตร และนางอุษา ศิลาโชติ เกษตรกรผู้ทอผ้าจังหวัดอุบลราชธานี
38 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 1. โครงการการพัฒนาเส้นไหมไทยพื้นบ้านเพื่อการผลิตผ้ายกดอกลำพูน ตามที่กรมหม่อนไหม ได้จัดประชุมเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 ร่วมกับผู้ประกอบการผ้าไหม ยกดอกลำพูน เรื่อง “การพัฒนาไหมไทยเพื่อยกระดับผ้าไหมยกดอกลำพูน”เพื่อผลักดันเส้นไหมไทยพื้นบ้าน นำมาผลิตเป็นผ้าไหมยกดอกลำพูน ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานตรานกยูงพระราชทาน โดยเฉพาะการนำ เส้นไหมไทยพื้นบ้านมาทำเป็นทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืนในการทอผ้าไหมยกดอกลำพูน และส่งเสริมให้จังหวัดลำพูน มีการริเริ่มนำเส้นไหมพันธุ์ไทยและพันธุ์ไทยพื้นบ้านมาเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับสู่สากล ในอดีตจนถึงปัจจุบันการผลิตเส้นไหมยอกดอกลำพูนใช้เส้นไหมที่ผลิตจากโรงงาน โดย - เส้นยืน ใช้ไหมควบ 3 หรือ ควบ 4 ขนาด 20/22 ดีเนียร์ ตีเกลียวระหว่าง 330 – 350 เกลียวต่อเมตร - เส้นพุ่ง ใช้ไหมควบ 6 ขนาด 27/29 ดีเนียร์ตีเกลียวไม่เกิน 150 เกลียวต่อเมตร - เส้นพุ่งพิเศษ ใช้ไหมควบ 6 ขนาด 27/29 ดีเนียร์ตีเกลียวไม่เกิน 150 เกลียวต่อเมตร และกรมหม่อนไหมได้เคยมีการพยายามจะนำเส้นไหมพันธุ์ไทยมาทอผ้ายกดอก แต่พบปัญหาและอุปสรรค เนื่องจากเส้นไหมไทยไม่สามารถสาวเส้น และพัฒนาควบตีเกลียวให้มีขนาดเล็ก จึงไม่สามารถนำไปใช้ได้กับ ฟันหวีที่จะทอผ้าไหมยกดอกลำพูนได้และด้วยลักษณะของเส้นไหมพันธุ์ไทยมีความเป็นเอกลักษณ์ เรื่องการมีปุ่มปม เส้นไม่เรียบ จึงเป็นสาเหตุที่ปัจจุบันผู้ประกอบการสามารถใช้เส้นไหมไทยมาผลิตผ้าไหม ยกดอกลำพูนได้ในส่วนเส้นพุ่ง ส่วนเส้นยืนนั้นยังไม่สามารถทำได้ ในอนาคตหากผู้ทอผ้าไหมยกดอก สามารถผลิตผ้าไหมยกดอกลำพูนโดยใช้พันธุ์ไทยพื้นบ้านได้ จะเป็นการผลักดันเส้นไหมไทยพื้นบ้านนำมาผลิต เป็นผ้าไหมยกดอกลำพูน ให้ได้รับการรับรองมาตรฐานตรานกยูงพระราชทาน โดยเฉพาะการนำเส้นไหมไทย พื้นบ้านมาทำเป็นทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืนในการทอผ้าไหมยกดอกลำพูน และส่งเสริมให้จังหวัดลำพูน มีการริเริ่มนำเส้นไหมพันธุ์ไทยและพันธุ์ไทยพื้นบ้านมาเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อเพิ่มมูลค่าและยกระดับสู่สากลต่อไป วัตถุประสงค์ 1. เพื่อผลักดันเส้นไหมไทยพื้นบ้านนำมาผลิตเป็นผ้าไหมยกดอกลำพูน และรับการรับรองมาตรฐาน ตรานกยูงพระราชทาน 2. เพื่อเพิ่มอัตลักษณ์ผ้าไหมยกดอกลำพูน ภายใต้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) วิธีการดำเนินงาน การทดสอบเส้นไหมไทยพื้นบ้านพันธุ์ทับทิมสยาม 06 x วนาสวรรค์สาวมือ 1. นำเส้นไหมพันธุ์ไทยพื้นบ้าน พันธุ์ทับทิมสยาม 06 x วนาสวรรค์ จากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกหม่อน เลี้ยงไหมบ้านสวนสวรรค์ อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น จำนวน 2 กิโลกรัม แบ่งเป็น - เส้นยืน 1 กิโลกรัม เส้นไหมมีขนาดประมาณ 88 ดีเนียร์ (สาวโดยใช้รัง 30 – 40 รัง) - เส้นพุ่ง 1 กิโลกรัม เส้นไหมมีขนาดประมาณ 150 – 200 ดีเนียร์ (สาวโดยใช้รัง 80 – 100 รัง) (ภาพที่ 1 – 2 ) กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น และสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ด้านหม่อนไหม (ต่อ) โครงการเทคโนโลยี นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าสินค้าหม่อนไหมตลอดห่วงโซ่อุปทาน
39 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 2. นำเส้นไหมทั้งเส้นพุ่งและเส้นยืนไปลอกกาวและย้อมสีธรรมชาติ โดยเส้นยืนย้อมด้วยใบหูกวาง และใช้สารติดสี ได้แก่ สารส้ม ส่วนเส้นพุ่งย้อมด้วยใบสัก เมื่อย้อมเสร็จนำทั้งเส้นไหมพุ่งและไหมยืนไปตีเกลียว แบบพื้นบ้าน 3. นำเส้นที่ได้ไปเข้ากระบวนการกรอเข้าหลอด การโว้น และการสอดเส้นไหมเข้าฟันหวี โดยการ ทดลองครั้งนี้เลือกใช้ฟันหวีเบอร์ 96 ผลการทดสอบ พบว่าขั้นตอนนี้ไม่สามารถนำเส้นไหมยืนสอดเข้าช่องฟันหวีได้นอกจากนั้นพบว่าลักษณะเส้นไหม มีขนฟูและมีปุ่มปม เมื่อพยายามสอดเส้นไหมเข้าช่องฟันหวี เส้นไหมจะกระจุกตัวอยู่หน้าฟันหวีส่วนเส้นพุ่ง สามารถใช้ได้กับการทอทุกประเภท (ภาพที่ 3 – 4) สรุปผลการทดสอบ ผลการทดสอบสรุปได้ว่าเส้นไหมยืนไม่สามารถสอดผ่านเข้าไปตามช่องฟันหวีขนาดเบอร์ 96 ได้ แต่สำหรับเส้นพุ่งเมื่อนำไปทดสอบทอกับเส้นยืนที่ขนาดฟันหวีเบอร์ต่างๆ พบว่าสามารถสอดพุ่งได้เป็นปกติ ข้อเสนอแนะ 1. หากต้องการใช้เส้นไหมไทยพื้นบ้านเพื่อผลิตเป็นผ้ายกดอกลำพูนให้ได้รับการรับรองตรานกยูง พระราชทานสีทอง ควรเปลี่ยนฟันหวีเป็นเบอร์ต่ำกว่า 96 เช่น เบอร์ 85, 80, 75 หรือ 70 ลงไป เป็นต้น (ภาพที่ 5) 2. หากต้องการใช้ฟันหวีเบอร์ 96 ที่เป็นลักษณะการทอแบบดั้งเดิม มาตรฐานของผ้ายกดอกลำพูน จำเป็นจะต้องนำเส้นไหมไปตีเกลียวและควบเส้นด้วยเครื่องจักรก่อน เพื่อให้เข้าช่องฟันหวีเบอร์ 96 ได้ และ หากขอรับการรับรองตรานกยูงพระราชทาน จะได้เพียงแค่ชนิดนกยูงสีน้ำเงิน ภาพที่ 2 เส้นพุ่งขนาด 150 – 200 ดีเนียร์ ภาพที่ 1 เส้นยืนขนาด 88 ดีเนียร์
40 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 2. โครงการการทดสอบประสิทธิภาพของสารป้องกันกำจัดเชื้อราในหนอนไหมและดักแด้ ที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค หนอนไหม และดักแด้ไหมมีศักยภาพที่เป็นอาหารสำหรับมนุษย์ และเป็นทางเลือกใหม่ที่ยั่งยืน ของเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม การผลิตหนอนไหมและดักแด้ไหมดังกล่าว ยังใช้วัตถุดิบและกระบวนการเลี้ยงไหมแบบมาตรฐานการผลิตรังไหม ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือรังไหม และเส้นไหม สำหรับดักแด้ไหมเป็นผลพลอยได้จากการผลิต ซึ่งปกติเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมจะนำดักแด้ดังกล่าวไปบริโภคเป็นอาหาร แต่ในกระบวนการเลี้ยงไหมดังกล่าวยังมีการใช้สารเคมีเพื่อช่วยในการป้องกันกำจัดเชื้อรา คือ พาฟูโซล (พาราฟอร์มาดีไฮด์ 3%) ในช่วงไหมตื่นเพื่อลดเปอร์เซ็นต์การติดเชื้อจากสภาพแวดล้อม ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจ ให้แก่ผู้บริโภค หรือผู้ประกอบการที่จะนำหนอนไหมหรือดักแด้ไหม เป็นวัตถุดิบในการเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์ อาหารใหม่ หรือเวชสำอาง จึงมีความจำเป็นในการศึกษาเบื้องต้นเพื่อหาแนวทาง หรือสารชนิดใหม่ทดแทน การใช้พาฟูโซล ซึ่งมีความปลอดภัยหรือไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย เช่น โพแทสเซียมซอร์เบต เพื่อเป็นข้อมูล ในการนำหนอนไหม หรือดักแด้ไหม ไปใช้ประโยชน์ด้านอาหาร หรือผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เป็นการเพิ่ม ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจด้านหม่อนไหม อีกทั้งยังสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ของภาครัฐด้วยเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) อีกด้วย ภาพที่ 3 วิธีการขึ้นเส้นยืนโดยการสอดเส้นไหมเข้ากับช่องฟันหวีที่เบอร์ 96 ภาพที่ 4 เส้นไหมที่มีขนฟูและมีปุ่มปม เมื่อเข้าช่องฟันหวี เส้นไหมจะกระจุกตัวอยู่หน้าฟันหวี ภาพที่ 5 ผ้าไหมยกดอกที่ทอด้วยเส้นไหมไทยพื้นบ้าน ใช้ฟันหวีเบอร์ 85
41 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม วัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของสารป้องกันกำจัดเชื้อราในหนอนไหมที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค วิธีการดำเนินงาน แบ่งการทดลองออกเป็น 2 รุ่น ได้แก่ ทดสอบประสิทธิภาพของสารป้องกันกำจัดเชื้อราในระหว่างการเลี้ยงไหม รุ่นที่ 1 ในช่วงเดือน ธันวาคม 2564 ถึง มกราคม 2565 และรุ่นที่ 2 เดือนมิถุนายน ถึง สิงหาคม 2565 โดยใช้ไหมพันธุ์ทับทิมสยาม 06 x วนาสวรรค์ นำมาทดสอบโรยบนตัวหนอนไหมจำนวน 5 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 ไหมแรกฟัก, ครั้งที่ 2 ไหมตื่นวัย 2, ครั้งที่ 3 ไหมตื่นวัย 3, ครั้งที่ 4 ไหมตื่นวัย 4 และครั้งที่ 5 ไหมตื่นวัย 5 วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Completely Randommized Dsign, CRD) ประกอบด้วย 5 กรรมวิธีๆ ละ 3 ซ้ำ ดังนี้ กรรมวิธีที่ 1 เพบโซล (pafusol) หรือพาราฟอร์มาดีไฮด์ 3% กรรมวิธีที่ 2 ปูนคลอรีน (อัตราส่วน คลอรีนผง 65% 1 ส่วน : ปูนขาว 16 ส่วน) กรรมวิธีที่ 3 ปูนขาว กรรมวิธีที่ 4 โพแทสเซียมซอร์เบต (potassium sorbate 1 ส่วน : ปูนขาว 16 ส่วน) กรรมวิธีที่ 5 ไม่ใช้สารโรยตัวไหม (control) เลี้ยงไหมในแต่ละกรรมวิธีตั้งแต่ไหมแรกฟักจำนวน 1 แม่ต่อหน่วยการทดลอง จนไหมเข้าวัย 4 วันที่ 2 นับหนอนไหมในแต่ละหน่วยการทดลอง แล้วคัดให้เหลือหน่วยการทดลองละ 300 ตัว เลี้ยงไหมต่อไป ตามปกติจนไหมสุกเข้าทำรัง เก็บข้อมูลเปอร์เซ็นต์เลี้ยงรอดวัยอ่อน เปอร์เซ็นต์เลี้ยงรอดวัยแก่ และเปอร์เซ็นต์ การเข้าทำรัง และวิเคราะห์สารตกค้างในหนอนไหมและดักแด้ จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ ฟอร์มาดีไฮด์ และคลอรีน ผลการดำเนินงาน 1. ผลของเปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดวัยอ่อน เปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดวัยแก่ และเปอร์เซ็นต์การเข้า ทำรังในการเลี้ยงไหมพันธุ์ทับทิมสยาม 06 x วนาสวรรค์ รุ่นที่ 1 (ธันวาคม 2564 - มกราคม 2565) ในช่วง ฤดูหนาว และรุ่นที่ 2 (มิถุนายน - สิงหาคม 2565) ในช่วงฤดูฝน (ตารางที่ 1) พบว่า 1.1 เปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดวัยอ่อน รุ่นที่ 1 กรรมวิธีที่ใช้โพแทสเซียมซอร์เบตมีเปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดวัยอ่อนสูงสุด 92.03% รองลงมา กรรมวิธีที่ไม่ใช้สาร 91.76% และปูนคลอรีน 91.09% และมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับกรรมวิธี ที่ใช้เพบโซล 76.21% และกรรมวิธีที่ใช้ปูนขาวมีเปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดวัยอ่อนต่ำสุด 76.04% รุ่นที่ 2 ทุกกรรมวิธีไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ 1.2 เปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดวัยแก่ รุ่นที่ 1 ทุกกรรมวิธีไม่มีความแตกต่างทางสถิติยกเว้นกรรมวิธีที่ใช้เพบโซลมีเปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอด วัยแก่ต่ำที่สุด รุ่นที่ 2 ทุกกรรมวิธีไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ 1.3 เปอร์เซ็นต์การเข้าทำรัง รุ่นที่ 1 ทุกกรรมวิธีที่ไม่ใช้สารเคมีมีเปอร์เซ็นต์การเข้าทำรังสูงสุด 94.22% และมีความแตกต่าง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับกรรมวิธีที่ใช้ปูนขาว 88.22% และกรรมวิธีที่ใช้เพบโซลมีเปอร์เซ็นต์การเข้าทำรัง ต่ำสุด 85.25% รุ่นที่ 2 ทุกกรรมวิธีไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ
42 รายงานผลการดำเนินงาน สำนักวิจัยและพัฒนาหม่อนไหม ประจำปี 2565 กรมหม่อนไหม 2. จากการวิเคราะห์สารตกค้างในหนอนไหมและดักแด้ไหมพันธุ์ทับทิมสยาม 06 x วนาสวรรค์ รุ่นที่ 1 (ธันวาคม 2564 - มกราคม 2565) และ รุ่นที่ 2 (มิถุนายน - สิงหาคม 2565) จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ คลอรีนและฟอร์มาลดีไฮด์ (ตารางที่ 2) พบว่า รุ่นที่ 1 วิเคราะห์สารตกค้างในหนอนไหม พบสารคลอรีนจากกรรมวิธีโรยสารเพบโซล ปูนคลอรีน ปูนขาว และโพแทสเซียมซอร์เบต ในหนอนไหม มีค่า 0.04, 0.07, 0.04 และ 0.05 กรัม/100 กรัม ตามลำดับ และพบสารฟอร์มาลดีไฮด์ตกค้างในหนอนไหมในการทดสอบเพบโซล มีค่า 132.32 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แต่ไม่พบในกรรมวิธีอื่น รุ่นที่ 2 วิเคราะห์สารตกค้างในหนอนไหมและดักแด้ไหม พบสารคลอรีนจากกรรมวิธีโรยสารเพบโซล ปูนคลอรีน ปูนขาว และโพแทสเซียมซอร์เบต ในหนอนไหม มีค่า 0.09, 0.09, 0.10 และ 0.12 กรัม/100 กรัม ตามลำดับ ในดักแด้ไหม มีค่า 0.05, 0.08, 0.07 และ 0.08 กรัม/100 กรัม ตามลำดับ สำหรับการวิเคราะห์ ฟอร์มาดีไฮด์ในหนอนไหม พบสารตกค้างในกรรมวิธีโรยสารเพบโซล ปริมาณ 30.76 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ไม่พบในกรรมวิธีอื่น และในดักแด้ไหม พบสารตกค้างในกรรมวิธีโรยเพบโซลเช่นกันในปริมาณน้อยกว่า 1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ไม่พบในกรรมวิธีอื่น สรุปผล 1. การเลี้ยงไหมในช่วงฤดูหนาว (ธันวาคม - มกราคม) การไม่ใช้สารโรยตัว มีเปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอด วัยอ่อน และเปอร์เซ็นต์การเข้าทำรัง สูงกว่าการใช้สารเพบโซล และปูนขาว และเปอร์เซ็นต์การเลี้ยงรอดวัยแก่ สูงกว่าการใช้สารเพบโซล ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้สารโรยตัวไหมในทุกช่วงระยะของหนอนไหม 2. การเลี้ยงไหมในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน - สิงหาคม) การไม่ใช้สารโรยตัวไม่มีความแตกต่างจากการใช้ สารโรยตัวไหมชนิดอื่น ๆ แต่เนื่องจากในฤดูฝนมีความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศตลอดทั้งวันและบาง ช่วงเวลามีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงต้องมีการบริหารจัดการโรงเลี้ยง เช่น การขยายพื้นที่ สำหรับการเลี้ยงไหม หรือการลดความชื้นให้เหมาะสมกับความต้องการของหนอนไหม 3. ในการเลี้ยงไหมเพื่อการบริโภคหนอนไหม หรือดักแด้ไหม ไม่ควรใช้สารเพบโซล เนื่องจากพบสาร ฟอร์มาดีไฮด์ตกค้างในหนอนไหม และดักแด้ไหม ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 151 (พ.ศ. 2536) กำหนดให้สารฟอร์มาดีไฮด์ เป็นสารห้ามใช้ในอาหาร สารเคมีโรยตัวไหม 1) เพบโซล 2) ปูนคลอรีน 3) ปูนขาว และ 4) โพแทสเซียมซอร์เบต โรยสารเคมีหนอนไหมแรกฟัก โรยสารเคมีบนตัวหนอนไหม จำนวน 5 ครั้ง ตอนแรกฟักและไหมตื่น ตัวอย่างหนอนไหมสำหรับการวิเคราะห์