ชนิดของคำ et
ในภาษาไทย 7 ชนิด o
s
hort n
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
สรุปสั้นกระชับ
เนื้อหาครอบคลุม
พร้อมยกตัวอย่าง
ช่วยให้เข้าใจง่าย
จิตรลดา วายุบุตร จุติพร ตุระพงษ์
ชลธิชา คำยะอุ่น ทิพากร พันธ์เดิมวงษ์
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
ชนิดของคำ et
ในภาษาไทย 7 ชนิด o
s
hort n
กขญ ค ช จ งฆ ขค
ว ณ ฉ ก ญว
สารบัญ
คำนาม
ชนิดของคำนาม
หน้าที่ของคำนาม
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง คำนาม
แบบทดสอบ เรื่องคำนาม
คำสรรพนาม
ชนิดของคำสรรพนาม
หน้าที่ของคำสรรพนาม
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง คำสรรพนาม
แบบทดสอบ เรื่องคำสรรพนาม
คำกริยา
ชนิดของคำกริยา
หน้าที่ของคำกริยา
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง คำกริยา
แบบทดสอบ เรื่องคำกริยา
คำวิเศษณ์
ชนิดของคำวิเศษ
หน้าที่ของคำวิเศษณ์
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง คำวิเศษณ์
แบบทดสอบ เรื่องคำวิเศษณ์
สารบัญ
คำบุพบท
ชนิดของคำบุพบท
หน้าที่ของคำบุพบท
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง คำบุพบท
แบบทดสอบ เรื่อง คำบุพบท
คำสันธาน
ชนิดของคำสันธาน
หน้าที่ของคำสันธาน
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง คำสันธาน
แบบทดสอบ เรื่อง คำสันธาน
คำอุทาน
ชนิดของคำอุทาน
หน้าที่ของคำอุทาน
แบบฝึกหัดท้ายบท เรื่อง คำอุทาน
แบบทดสอบ เรื่อง คำอุทาน
คำนาม
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
คำนาม
คือ คำที่เป็นชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ และอาการต่าง ๆ
แบ่งออกเป็น 5 ชนิด
1. สามานยนาม เป็นคำนามทั่วไป
เช่น บ้าน คน หนังสือ โรงเรียน ฯลฯ
2. วิสามานยนาม เป็นคำนามเฉพาะเจาะจง หรือชื่อเฉพาะ
เช่น กรุงเทพมหานคร อังกฤษ อินเดีย ฯลฯ
3. ลักษณนาม เป็นคำนามแสดงลักษณะ
ทำหน้าที่ประกอบนามอื่น เพื่อบอกรูปร่าง ลักษณะ ขนาด หรือ
ปริมาณของนามนั้นให้ชัดเจนขึ้น
เช่น ตัว แผน่ เล่ม อัน ฯลฯ ส่วนใหญ่มักอยู่หลังตัวเลข
เสือ 1 ตัว รถ 1 คัน
หนังสือ 1 เล่ม งาช้าง 1 กิ่ง
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
4. สมุหนาม เป็นคำนามรวมหมู่ คือ คำนามบอกหมวดหมู่ของ
สามานยนามและวิสามานยนามที่รวมกันมาก ๆ
เช่น กอง คณะ ฝูง พวก ฯลฯ มักอยู่หน้าคำนาม
5. อาการนาม คำเรียกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีขนาด จะมีคำว่า
“การ” และ “ความ” นำหน้า โดยมีสูตรดังนี้
การ + คำกริยา = การกิน การยืน การเดิน การนอน ฯลฯ
ความ + คำวิเศษณ์ = ความดี ความสวย ความสะอาด ฯลฯ
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
หน้าที่ของคำนาม
1. ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค เช่น
- มาลีชอบอ่านหนังสือ - ตำรวจจับผู้ร้าย
2. ทำหน้าที่เป็นกรรมหรือผู้ถูกกระทำ เช่น
- วารีอ่านจดหมาย - พ่อตีสุนัข
3. ทำหน้าที่ขยายนาม เพื่อทำให้นามที่ถูกขยายชัดเจนขึ้น เช่น
- สมศรีเป็นข้าราชการครู - นายสมยศทนายความฟ้องนายปัญญาพ่อค้า
4. ทำหน้าที่เป็นส่วนสมบูรณ์หรือส่วนเติมเต็ม เช่น
- ศรรามเป็นทหาร - เขาเป็นตำรวจแต่น้องสาวเป็นพยาบาล
5. ใช้ตามหลังคำบุพบทเพื่อทำหน้าที่บอกสถานที่ หรือขยาย
กริยาให้มีเนื้อความบอกสถานที่ชัดเจนขึ้น เช่น
- คุณแม่ของเด็กหญิงสายฝนเป็นครู - นักเรียนไปโรงเรียน
6. ใช้บอกเวลาโดยขยายคำกริยาหรือคำนามอื่น เช่น
- คุณพ่อจะไปเชียงใหม่วันเสาร์ - เขาชอบมาตอนกลางวัน
7. ใช้เป็นคำเรียกขานได้ เช่น
- น้ำฝน ช่วยหยิบปากกาให้ครูทีซิ - ตำรวจ ช่วยฉันด้วย
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
แบบทดสอบ
เรื่อง คำนาม
1. ข้อใดคือความหมายของคำนาม
ก. คำที่ใช้บอกการกระทำของคน
ข.คําที่เปล่งออกมาเมื่อเกิดอารมณ์
ค. คําที่ใช้แทนชื่อคนสัตว์สิ่งของ
ง. คําที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ
2. ข้อใดมีคํานามชี้เฉพาะ
ก. ลมพัด ข. เต่ากินผักบุ้ง
ค. สุชาติฟังเพลง ง. กระเป๋าสีแดงใบนั้นเป็นของฉัน
3. ปากกาด้ามนี้ราคาแพง คําว่า “ปากกา” เป็นคํานามชนิดใด
ก. คำนามบอกเวลา ข. คำนามชี้เฉพาะ
ค. คำนามทั่วไป ง. คำนามแสดงอาการ
4. ข้อใดเป็นวิสามานยนาม
ก. โรงเรียนมัธยม ข. ท้องฟ้ากว้างไกล
ค. วัดวาอาราม ง. อำเภอศีขรภูมิ
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
5. ข้อใดใช้ลักษณะนามถูกต้อง
ก. พระสงฆ์ 1 คน ข. ไข่ 2 ฟอง
ค. จาน 2 อัน ง. ช้าง 2 ตัว
6. คำที่ขีดเส้นใต้คำใดเป็นสมุหนาม
ก. ทหารสามเหล่าทัพถวายสัตย์ปฏิญาณ
ข. เหล่ากาชาดเดินสวนสนาม
ค. เครื่องบินสามฝูงบินฉวัดเฉวียน
ง. นกฝูงนั้นบินมาจากเมืองจีน
7.คำว่า “แม่ไก่” ในข้อใดที่คำนามทำหน้าที่เป็นประธานในประโยค
ก. ลูกเจี๊ยบเติบโตเป็นแม่ไก่
ข. ไข้หวัดนกมีแม่ไก่เป็นพาหะ
ค. แม่ไก่ไล่แมลง
ง. สุนัขไล่แม่ไก่
8. ประโยคในข้อใดมีอาการนาม
ก. ครอบครัวของจุกมีปัญหาด้านการเงิน
ข. ผู้หญิงสมัยก่อนเก่งด้านการเรือน
ค. สมพรเรียนสาขาการตลาด
ง. การนอนเป็นสิ่งที่ดี
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
9. ข้อใดเป็นลักษณะนามของช้างบ้าน
ก. เชือก
ข. ตัว
ค. โขลง
ง. ถูกทุกข้อ
10. คำนามมีกี่ชนิด
ก. 4 ชนิด
ข. 5 ชนิด
ค. 6 ชนิด
ง. 7 ชนิด
รบ หศ ฟฒซ ธจ งล อ ฑร ฟ
แบบฝึกหัด
เรื่อง ประเภทของคำนาม
คำชี้แจง จงบอกประเภทของคำนามที่ขีดเส้นใต้ในประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
สามานยนาม วิสามานยนาม สมุหนาม
ลักษณนาม อาการนาม
1. สุนทรภู่เป็นกวีเอกของโลก
2. เขามาโรงเรียนตั้งแต่เช้า
3. กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของ
ประเทศไทย
4. เขาชอบทำแต่ความดี
5. การออกกำลังกายทำให้สุขภาพแข็งแรง
6.เขาซื้อหนังสือมา 1 เล่ม
7. ฝูงผึ้งทำรังอยู่บนต้นไม้
8. แม่ไปรับยาที่โรงพยาบาล
9. ส้มกองนี้เน่าเกือบหมด
10.วันนี้มีนกมาเกาะหน้าต่าง 2 ตัว
ชื่อ-นามสกุล..................................................................ชั้น ป.6/.......เลขที่.........
คำสรรพนาม
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
คำสรรพนาม คำสรรพนาม คือ คำที่ใช้เรียกแทนนาม หรือ
ข้อความที่กล่าวมาแล้ว เพื่อไม่ต้องการให้กล่าวซ้ำอีก
แบ่งออกเป็น 6 ชนิด ได้แก่
1.บุรุษสรรพนาม
บุรุษที่ 1 (แทนผู้พูด) เช่น ฉัน ผม ข้า ข้อย หนู กู ข้าพเจ้า
บุรุษที่ 2 (แทนผู้ฟัง) เช่น เธอ คุณ โยม หล่อม ท่าน แก มึง
บุรุษที่ 3
(แทนผู้กล่าวถึง) เช่น เขา ท่าน แก หล่อน มัน นาง
2.ประพันธสรรพนาม
เขาผู้ซึ่งจากไปแล้วอย่างไม่กลับมา (ผู้ซึ่ง แทน เขา)
หนังสือที่อยู่บนโต๊ะเป็นของฉัน (ที่ แทน หนังสือ)
ขนมอันที่เธอกินบูดแล้ว (อัน แทน ขนม)
*ระวัง
คำว่า “ที่” เป็นได้ทั้งนาม (ที่ดิน) ประพันธสรรพนาม (ผู้ ที่ ซึ่ง อัน) และบุพบท (at)
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
3.วิภาคสรรพนาม
คือ สรรพนามที่แยกออกเป็นแต่ละคน แต่ละสิ่ง ได้แก่ คำว่า กัน ต่าง บ้าง
ตัวอย่างประโยค
พี่น้องคุยกัน นักกีฬาต่างทำหน้าที่ของตน
นักเรียนบ้างก็เล่นดนตรี บ้างก็อ่านหนังสือ
แต่บางครั้ง ต่าง บ้าง กัน ก็ไม่ใช่วิภาคสรรพนามเสมอไป เช่น
เขาต่างกับฉัน (ต่าง = กริยา)
ฉันกันเงินไว้ 100 บาท (กัน = กริยา)
กันมีเพื่อนสามคน (กัน = สรรพนามบุรุษที่ 1)
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
4.นิยมสรรพนาม
คือ สรรพนามที่ชี้เฉพาะบ่งความชัดเจน ได้แก่ นี่ นั่น โน่น นี้ นั้น โน้น ฯลฯ เช่น
ปากกาดำของมาลี แต่นี่ของฉัน (นี่ แทน ปากกา เป็นนิยมสรรพนาม)
*ระวัง “นี่คือบ้านของฉัน” นี่ คือ สรรพนาม
เจอประโยคนี้ “บ้านนี้เป็นของฉัน” นี้ คือ วิเศษณ์
ต้องดูให้ดี
5.อนิยมสรรพนาม
คือ สรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ เช่น ใคร อะไร ไหน ผู้ใด เช่น
อะไรฉันก็กินได้ ที่ไหนฉันก็อยู่ได้
6.ปฤจฉาสรรพนาม
คือ สรรพนามที่ใช้ถาม ได้แก่ ใคร อะไร ไหน ฯลฯ เช่น
อะไรอยู่ในตู้ เธอจะไปที่ไหน
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
หน้าที่ของคำสรรรพนาม
1.เป็นประธานของประโยค
เขาไปโรงเรียน ใครทำดินสอตกอยู่บนพื้น
2.ทำหน้าที่เป็นกรรมของประโยค (ผู้ถูกกระทำ)
ครูจะตีเธอถ้าเธอไม่ทำการบ้าน คุณช่วยเอานี่ไปเก็บได้ไหม
3.ทำหน้าที่เป็นส่วนเติมเต็มหรือส่วนสมบูรณ์
กำนันคนใหม่ของตำบลนี้คือเขานั่นเอง เขาเป็นใคร
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
หน้าที่ของคำสรรรพนาม
4.ใช้เชื่อมประโยคในประโยคความซ้อน
ครูชมเชยนักเรียนที่ขยัน
5.ทำหน้าที่ขยายนามที่ทำหน้าที่เป็นประธานหรือกรรมของประโยค
เพื่อเน้นการแสดงความรู้สึกของผู้พูด จะวางหลังคำนาม
คุณครูท่านไม่พอใจที่เราไม่ตั้งใจเรียน
ฉันแวะไปเยี่ยมคุณปู่ท่านมา
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
แบบทดสอบ
เรื่อง คำสรรพนาม
1. คำสรรพนาม แบ่งออกเป็นกี่ชนิด
ก. 5 ชนิด ข. 6 ชนิด
ค. 7 ชนิด ง. 8 ชนิด
2. สรรพนามที่ใช้แทนนามที่แบ่งเป็นส่วน ๆ เรียกว่า
ก. นิยมสรรพนาม ข. วิภาคสรรพนาม
ค. อนิยมสรรพนาม ง. ประพันธสรรพนาม
3. คำสรรพนามที่ใช้เชื่อมข้อความเรียกว่าอะไร
ก. นิยมสรรพนาม ข. วิภาคสรรพนาม
ค. ปฤจฉาสรรพนาม ง. ประพันธสรรพนาม
4. คำในข้อใด เป็นได้ทั้งสรรพนามบุรุษที่ 2 และ 3
ก. ฉัน ข. ผม
ค. คุณ ง. ท่าน
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
5. ข้อใดมีปฤจฉาสรรพนามและสรรพนามบุรุษที่ 1
ก. ใคร ๆ ก็รักฉัน ข. เธอไม่เข้าใจอะไร
ค. วันนี้ฉันต้องไปไหน ง. ผู้ใดจะไปกับฉันก็ได้
6. ข้อใดมีสรรพนามบุรุษที่ 2
ก. ท่านไม่มาหาแม่ ข. คุณแจ่มใสขึ้นมาก
ค. อย่ามาหากระผมเลย ง. อาตมาจะมาแสดงธรรมที่นี่
7. ข้อใดเป็นสรรพนามบุรุษที่ 3
ก. เธอจะไปกับเราไหม
ข. เขาทำไมถึงได้มาช้านัก
ค. นี่เธอตัดผมใหม่อีกแล้วนะ
ง. เมื่อไร ๆ แกไม่เคยเปลี่ยนเลยนะยายทราย
8. นั่นมีราคาแพง นั่น เป็นคาสรรพนามชนิดใด
ก. นิยมสรรพนาม
ข. อนิยมสรรพนาม
ค. ปฤจฉาสรรพนาม
ง. ประพันธสรรพนาม
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
9. ข้อใดเป็นปฤจฉาสรรพนาม
ก. ใคร ๆ ก็ต้องตายทั้งนั้น
ข. อะไร ๆ ก็สู้น้ำพริกไม่ได้
ค. รถคันนี้เพิ่งประกอบเสร็จ
ง. วันนี้ใครไม่รับประทานอาหาร
10. มัน ในข้อใดเป็นคำสรรพนาม
ก. มันไม่อยู่ที่เดิม
ข. คนอ้วนมีมันมาก
ค. แหมกำลังคุยมัน ๆ
ง. เขาชอบกินมันเผา
รบ หศ ฟฒซ ธจ งล อ ฑร ฟ
แบบฝึกหัด
เรื่อง ชนิดและหน้าที่
ของคำสรรพนาม
ตอนที่ 1 จงบอกชนิดของคำสรรพนามที่ขีดเส้นใต้ในประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
บุรุษสรรพนาม ประพันธสรรพนาม วิภาคสรรพนาม
นิยมสรรพนาม อนิยมสรรพนาม ปฤจฉาสรรพนาม
1. ใครมานั่งอยู่ข้างหน้าบ้าน
2. นั่นคือทะเลสาบ
3. นาฬิกาเรือนนี้สวยจังเลยค่ะคุณขา
4.เด็ก ๆ เล่นกันที่สนาม
5. อะไรฉันก็กินได้ทั้งนั้น
6. ปากกาที่วางอยู่บนชั้นเป็นของฉัน
ตอนที่ 2 จงบอกหน้าที่ของคำสรรพนามที่ขีดเส้นใต้ในประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
ตัวอย่าง ใครมาทำอะไรในห้องนี้ ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค
1. เธอไปตลาดเมื่อเช้า
2. ครูยินดีกับนักเรียนที่สอบผ่าน
3. ฉันพาคุณย่าท่านไปเที่ยว
4. ฉันถูกหมากัดที่ขา
5. นักเรียนดีเด่นคือเขานั่นเอง
ชื่อ-นามสกุล..................................................................ชั้น ป.6/.......เลขที่.........
คำกริยา
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
คำกริยา
คือ คำที่แสดงอาการของนามหรือสรรพนาม เพื่อให้รู้ว่า นามหรือสรรพนาม
นั้นทำหน้าที่อะไร หรือเป็นการแสดงการกระทำของประธานในประโยค
1. ชนิดของคำกริยา
แบ่งได้ 5 ชนิด คือ
อกรรมกริยา สกรรมกริยา วิกตรรถกริยา
กริยานุเคราะห์ กริยาสภาวมาลา
1. อกรรมกริยา
คือ กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับก็ได้ใจความสมบูรณ์ เช่น
ไก่ขัน แต่หมาเห่า
ฉันยืนแต่แม่นั่ง
คำลักษณวิเศษณ์ที่บอกลักษณะต่าง ๆ ฉันสูงเท่าพ่อ
ทำหน้าที่เป็นตัวแสดงในภาคแสดงของประโยค ถือว่าเป็นกริยาของประโยค เช่น
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
2. สกรรมกริยา
คือ กริยาที่มีกรรมมารับจึงจะได้ใจความสมบูรณ์ เช่น
พ่อค้าขายของ
ฉันกินข้าว
กริยาบางคำต้องมีกรรมตรงและกรรมรอง เช่น
แจก ครูแจกดินสอนักเรียน หมายถึง ครูแจกดินสอให้นักเรียน
ดินสอ = กรรมตรง นักเรียน = กรรมรอง
ถวาย ญาติโยมถวายอาหารพระภิกษุ หมายถึง ญาติโยมถวายอาหารแด่พระภิกษุ
อาหาร = กรรมตรง พระภิกษุ = กรรมรอง
3. วิกตรรถกริยา
เป็นกริยาที่ไม่มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ต้องอาศัยคำนาม สรรพนาม หรือคำ
วิเศษณ์มาเติมข้างหลังหรือมาขยายจึงจะได้ใจความ ได้แก่กริยาคำว่า ว่า เหมือน
คล้าย เท่า คือ เสมือน ประดุจ แปลว่า เช่น
นายสีเป็นพ่อค้าข้าว เธอคล้ายฉัน ทำได้เช่นนี้เป็นดีแน่
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
4. กริยานุเคราะห์
คือ กริยาช่วย เป็นคำที่ช่วยให้กริยาอื่นที่อยู่ข้างหลังได้ความครบ เพื่อบอก
กาลหรือบอกการกระทำให้สมบูรณ์ ได้แก่ กำลัง คง จะได้ ย่อม เตย ให้ แล้ว เสร็จ
กริยานุเคราะห์จะวางอยู่หน้าคำกริยาสำคัญหรือหลังคำกริยาสำคัญก็ได้ เช่น
เขาย่อมไปที่นั่น
เขาถูกครูดุ
พ่อกำลังมา
น้องทำการบ้านแล้ว
ฉันต้องไปกับคุณแม่วันพรุ่งนี้
5. กริยาสภาวมาลา
คือ กริยาที่ทำหน้าที่เป็นคำนาม จะเป็น ประธาน กรรม
หรือ บทขยายของประโยคก็ได้ เช่น
นอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดี ( ประธานของประโยค )
ฉันชอบไปเที่ยวกับเธอ ( เป็นบทกรรม )
ฉันมาเพื่อดูเขา ( เป็นบทขยาย )
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
หน้าที่ของคำกริยา
1. คำกริยาจะทำหน้าที่เป็นภาคแสดงของประโยค จะมีตำแหน่งในประโยคดังนี้
ก. อยู่หลังประธาน เช่น เธอกินข้าว
ข. อยู่หน้าประโยค เช่น เกิดน้ำท่วมฉับพลัน
2. คำกริยาทำหน้าที่เป็นส่วนขยายคำนาม เช่น
เด็กเร่ร่อนยืนร้องไห้
เร่ร่อน เป็นกริยาขยายคำนาม เด็ก
ปลาตายไม่มีขายในตลาด
ตาย เป็นกริยาขยายคำนาม ปลา
3. คำกริยาทำหน้าที่เป็นกริยาสภาวมาลา เป็นประธานกรรม หรือบทขยาย เช่น
อ่านหนังสือช่วยให้มีความรู้
อ่านหนังสือ เป็นประธานของกริยา ช่วย
แม่ไม่ชอบนอนดึก
นอนดึก เป็นกรรมของกริยา ชอบ
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
แบบทดสอบ
เรื่อง คำกริยา
1. “แม่เป็นผู้ให้กำเนิดลูกทุกคน” เป็นกริยาชนิดใด
ก. อกรรมกริยา ข. สกรรมกริยา
ค. วิกตรรถกริยา ง. กริยาสภาวมาลา
2. ข้อใดเป็นกริยานุเคราะห์ หรือ กริยาช่วย
ก. สินค้าราคาแพง ข. ดินสอถูกขโมย
ค. การ์ตูนถูกหวย ง. เขาทําถูกแล้ว
3. ครู........ต้นกล้าที่สอบได้คะแนนเต็ม
ก. ให้ ข. ถาม
ค. ชม ง. ดุ
4. คําว่า “ขัน” ในข้อใดเป็นกริยามีกรรม
ก. ไก่ขันไพเราะ ข. เขาพูดน่าขัน
ค. เขาทํางานแข็งขัน ง. เขาขันเชือก
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
5. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของคํากริยา
ก. ทําหน้าที่เป็นประธานของประโยค
ข. ทําหน้าที่เป็นกรรมของประโยค
ค. ทําหน้าที่เป็นกริยาของประโยค
ง. ทําหน้าที่เชื่อมประโยค
6. คํากริยาหมายถึงข้อใด
ก. คําที่ใช้แสดงอาการ
ข. คําที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ สิ่งของ
ค. คําที่ใช้เชื่อมคํากับคํา
ง. คําที่ใช้ขยายคําอื่น
7. คําในข้อใดเป็นคํากริยาทุกคํา
ก. พี่แอน หัวเราะ
ข. เครื่องบิน เจ้าข้า
ค. กิน เขียน
ง. คุณท่าน จับมือ
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
8. คําในข้อใดเป็นอกรรมกริยาทุกคํา
ก. ตอบ ถาม แจก
ข. เป็น เหมือน คล้าย
ค. กิน มอง เห็น
ง. บิน เดิน หาย
9. ข้อใดเป็นประโยคสกรรมกริยา
ก. เด็กหญิงเด่นเดินเล่น
ข. เด็กชายนทีเดินบนเรือ
ค. เครื่องยนต์กำลังทํางาน
ง. งานของน้องน้ำกำลังไปได้สวย
10. “สุดาหัวเราะเสียงดัง” เป็นกริยาชนิดใด
ก. อกรรมกริยา
ข. สกรรมกริยา
ค. วิกตรรถกริยา
ง. กริยานุเคราะห์
รบ หศ ฟฒซ ธจ งล อ ฑร ฟ
แบบฝึกหัด
เรื่อง ประเภทและหน้าที่
ของคำกริยา
ตอนที่ 1 จงพิจารณาว่าประโยคต่อไปนี้เป็นคำกริยาประเภทใด
สกรรมกริยา อกรรมกริยา กริยานุเคราะห์
วิกตรรถกริยา กริยาสภาวมาลา
1. ฝนตกแรงมาก
2. นายเขียวเป็นเหมือนญาติของฉัน
3. เขาและเธอไปตลาด
4. เธอไปตลาดมาแล้ว
5. สูบบุหรี่เป็นภัยต่อชีวิต
ตอนที่ 2 จงบอกหน้าที่ของคำกริยาที่ขีดเส้นใต้ในประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
ตัวอย่าง คุณพ่อปลูกต้นไม้ ทำหน้าที่เป็นภาคแสดงของประโยค
1. ท่องเที่ยวเป็นการเปิดโลกการเรียนรู้
2. คุณยายไปวัด
3. ฉันมีปืนฉีดน้ำ
4. เอมอรขับรถเร็ว
5. ปลื้มจิตชอบเลี้ยงแมว
ชื่อ-นามสกุล..................................................................ชั้น ป.6/.......เลขที่.........
คำวิเศษณ์
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
คำวิเศษณ์
คือ คำที่ทำหน้าที่ขยายคำนาม สรรพนาม กริยาและวิเศษณ์ด้วยกันเอง
ทั้งหมดขยายเพื่อให้ได้ความชัดเจน
1. วิเศษณ์บอกลักษณะ เรียกว่า ลักษณวิเศษณ์ เช่น อ่อน สูง แบน กลม แดง
ดำ ดัง ค่อย หอม ฉุน เผ็ด เปรี้ยว หวาน ร้อน หนาว ฯลฯ
2. วิเศษณ์บอกเวลา เรียกว่า กาลวิเศษณ์ เช่น ตอนนี้ เมื่อสักครู่ ประเดี๋ยว เช้า
สาย บ่าย ค่ำ อดีตกาล ปัจจุบัน ฯลฯ
3. วิเศษณ์บอกสถานที่ เรียกว่า สถานวิเศษณ์ เช่น ใกล้ ไกล เหนือ ใต้ ขวา
ซ้าย หน้า หลัง ฯลฯ
4. วิเศษณ์บอกปริมาณ เรียกว่า ประมาณวิเศษณ์ เช่น ทุกคน บางคน หมด มาก
น้อย บ้าง ฯลฯ
5. วิเศษณ์แสดงคำถาม เรียกว่า ปฤจฉาวิเศษณ์ ต้องอยู่ติดกับคำนามที่ไปขยาย
มิฉะนั้นจะกลายเป็นปฤจฉาสรรพนาม เช่น
คนไหนซื้อดินสอสองบี
คุณมีอายุเท่าไร
คนอะไรพูดปดอยู่ประจำ
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
6. บอกความชี้เฉพาะ เรียกว่า นิยมวิเศษณ์ จะต้องอยู่กับคำนาม มิฉะนั้นจะ
กลายเป็นนิยมสรรพนาม เช่น
บ้านนี้ฉันซื้อมาสองล้านบาท
ผู้หญิงคนนั้นเคยเป็นแฟนฉัน
คนโน้น สวมแว่นตาของคุณ
7. บอกความไม่ชี้เฉพาะ เรียกว่า อนิยมวิเศษณ์ จะต้องอยู่ติดกับคำนามเช่นกัน
มิฉะนั้นจะกลายเป็นอนิยมสรรพนาม
คนใดมีความกตัญญู คนนั้นเป็นคนดี
บ้านไหนเขาก็ปิดไฟกันหมดแล้ว
วิชาไหนก็ไม่สู้วิชาของเรา
8. บอกความปฏิเสธ เรียกว่า ประติเษธวิเศษณ์ คือ คำวิเศษณ์ที่แสดงถึงการ
ขานรับในการเจรจาโต้ตอบกัน เป็นการแสดงความปฏิเสธไม่ยอมรับ เช่น ไม่ ไม่
ได้ มิได้ ไม่ใช่ หามิได้ บ่ ฯลฯ เช่น
ผมไม่ได้ทำสิ่งนั้น
เขาตามหาหล่อน แต่ไม่พบ
พี่ไม่ได้แกลังน้องนะ
ความรู้มิใช่ของหาง่ายนะเธอ
9. บอกเสียงเรียกร้อง ขานรับ เรียกว่า ประติชญาวิเศษณ์ ได้แก่ คำวิเศษณ์ที่
ใช้ในการพูดจากัน เช่น คำจำพวกขานรับ คำรับรอง เช่น คะ ค่ะ ขา ครับ จ๊ะ
ขอรับ ฯลฯ
จะไปไหนกันหรือคะ
ผมอยากได้เสื้อใหม่ ๆ สักตัวครับ
คุณป้าขา หิวข้าวหรือยังคะ
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
หน้าที่ของคำวิเศษณ์
1. ทำหน้าที่ขยายคำนาม เช่น
- คนอ้วนกินจุ ( "อ้วน" เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำนาม "คน")
- ตำรวจหลายคนจับโจรผู้ร้าย ("หลาย" เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำนาม "ตำรวจ")
2. ทำหน้าที่ขยายคำสรรพนาม เช่น
- เราทั้งหมดช่วยกันทำงานให้เรียบร้อย ("ทั้งหมด" เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำ
สรรพนาม "เรา")
- ฉันเองเป็นคนพูด ( "เอง" เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำสรรพนาม "ฉัน")
3. ทำหน้าที่ขยายคำกริยา เช่น
- คนแก่เดินช้า ( "ช้า" เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำกริยา "เดิน")
- นักกีฬาว่ายน้ำเก่ง ( "เก่ง" เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำกริยา "ว่ายน้ำ")
4. ทำหน้าที่ขยายคำวิเศษณ์ เช่น
- ลมพัดแรงมาก ("มาก" เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำวิเศษณ์ "แรง")
- สมชายร้องเพลงเพราะจริง ("จริง" เป็นคำวิเศษณ์ขยายคำวิเศษณ์ "เพราะ")
5. ทำหน้าที่เป็นตัวแสดงในภาคแสดง เช่น
- เธอสูงกว่าคนอื่น
- ขนมนี้อร่อยดี
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
แบบทดสอบ
เรื่อง คำวิเศษณ์
1. ข้อใด คือ คําวิเศษณ์บอกความชี้เฉพาะ
ก. อย่างไร อะไร กี่ ไหน ข. ใกล้ ไกล ทิศเหนือ ล่าง
ค. ขณะนี้ นั้น โน้น ทั้งนี้ ง. สาย บ่าย เย็น พรุ่งนี้
2. ข้อใด ไม่ใช่ คําวิเศษณ์บอกสถานที่
ก. รถโดยสารกำลังเลี้ยวขวา ข. เชียงรายอยู่ทางเหนือ ่
ค. ปากกาอยู่บนโต๊ะ ่ ง. รถอยู่ไกลค่ะ
3. คําว่า นะคะ และ นะครับ เป็นคําวิเศษณ์ชนิดใด
ก. ประติชญาวิเศษณ์ ข. ประพันธวิเศษณ์
ค. ปฤจฉาวิเศษณ์ ง. ปติเษธวิเศษณ์
4. ยุทธนามีเงินยี่สิบบาท คําว่า ยี่สิบ เป็นคําวิเศษณ์ชนิดใด
ก. กาลวิเศษณ์ ข. สถานวิเศษณ์
ค. ลักษณวิเศษณ์ ง. ประมาณวิเศษณ์
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
5. ข้อใดไม่มีคําวิเศษณ์ ข. คุณจะไปกับผมไหม
ก. ใครจะมาพรุ่งนี้ ง. เด็กคนนี้เป็นเด็กดี
ค. ขนมอะไรน่ากินจัง
6. คําวิเศษณ์หมายถึงข้อใด ข. คําที่ใช้ขยายคําอื่นให้ชัดเจน
ก. คําที่ใช้แสดงอาการ ง. คําที่ใช้เชื่อมคําอื่นให้ชัดเจน
ค. คําที่ใช้นําหน้าคํานาม
7. คําในข้อใดเป็นคําวิเศษณ์ทุกคํา
ก. หอม เผ็ด กิน ข. ขับ ใหญ่ เดิน
ค. เย็น ขาว เล็ก ง. เดิน ยืน เค็ม
8. ข้อใดไม่มีคําวิเศษณ์
ก. ดอกมะลิมีกลิ่นหอม ข. คนดี คือ ผู้มีเกียรติ
ค. ในโลกนี้มีทั้งคนดีและคนชั่ว ง. วรนุชแสดงละครเย็นนี้
9. เศรษฐีมีบ้าน.................... ควรเติมคําในข้อใด
ก. ริมน้ำ ข. มากมาย ค. ไม้สักทอง ง. หลังใหญ่
10. “ใครทําขวดกลมของแม่แตก” คําข้อใดเป็นคําวิเศษณ์
ก. ทํา ข. ใคร ค. กลม ง. ขวด
รบ หศ ฟฒซ ธจ งล อ ฑร ฟ
แบบฝึกหัด
เรื่อง ประเภทและหน้าที่
ของคำวิเศษณ์
ตอนที่ 1 จงนำคำวิเศษณ์ที่กำหนดให้ เติมลงในช่องว่างให้ประโยคมีใจความสมบูรณ์
และถูกต้อง
1. เต่ามักเดิน ส่วนกระต่ายมักวิ่ง
2. ประภาจะเดินทางไปน่าน ช้า จัว๊
อย่างไร
3. กระดาษสีขาว แต่ถ่านสีดำ
วันนี้ เร็ว
4. ทำ ฉันจึงจะวิ่งเร็วเหมือนเธอ พรุ่งนี้
ปี ๋ ทำไม
5. มานะจึงมาโรงเรียนสายใน
ตอนที่ 2 จงบอกหน้าที่ของคำกริยาที่ขีดเส้นใต้ในประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
ขยายคำนาม ขยายคำสรรพนาม ขยายคำกริยา ขยายคำวิเศษณ์ เป็นตัวแสดง
1.คนอ้วนที่เดินอยู่ข้างคนผอม คือพ่อของฉัน
2. เขากินข้าวผัดของผมเอง
3. ชุดประจำชาติของไทยสวยงามจริงๆ
4. ฉันเตี้ยกว่าเธอ
5. กระเป๋าใบนี้ใหม่มาก
6. เขาทั้งหลายสวดมนต์ข้ามปีที่วัด
7. แมวตัวใหญ่กินข้าวช้า
ชื่อ-นามสกุล..................................................................ชั้น ป.6/.......เลขที่.........
คำบุพบท
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
คำบุพบท
คำบุพบท คือ คำที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างคำ ข้อความหรือ
ประโยค เพื่อให้ความต่อเนื่องกัน และช่วยให้ข้อความนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น
ชนิดของคำบุพบท
คำบุพบท แบ่งได้เป็น 4 ชนิด คือ
1. บุพบทบอกสถานที่ เช่น ที่ ใน นอก ใน ใต้ บน ใกล้ ไกล
ตัวอย่างประโยค
เด็ก ๆ ในละแวกบ้านมารวมกันที่หาดทราย
2. บุพบทบอกความเป็นเจ้าของ เช่น ของ แห่ง ฯลฯ
ตัวอย่างประโยค
ภูเก็ตเป็นเมืองแห่งความฝัน
3. บุพบทบอกความประสงค์หรือเกี่ยวข้อง
เช่น กับ แก่ แต่ ต่อ เฉพาะ สำหรับ เพื่อ โดย ตาม ฯลฯ
ตัวอย่างประโยค
ฉันให้เงินเฉพาะคนขอทาน
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
4. บุพบทบอกเวลา เช่น เมื่อ ตั้งแต่ แต่ จนกระทั่ง ฯลฯ
ตัวอย่างประโยค
เพื่อน ๆ มาโรงเรียนตั้งแต่เช้าแล้ว
ชาวสวนรดผักจนกระทั่งเที่ยง
ข้อสังเกต
คำบุพบทที่มักใช้กันมาก ได้แก่ แด่ แก่ ตั้งแต่ กับ บน ล่าง เหนือ
ใต้ ข้าง ริม ไกล ใกล้ ถึง จาก สำหรับ เฉพาะ ของ ด้วย เพื่อ จน
ตั้งแต่ ต่อ ประมาณ
คำบุพบทบางคำเป็นได้ทั้งคำบุพบทและคำวิเศษณ์
เราจะสังเกตเห็นจากการใช้คำต่างกัน คือ คำบุพบทต้องนำหน้าคำที่อยู่
ข้างหลัง จะใช้ตามลำพังไม่ได้ แต่คำวิเศษณ์ต้องใช้ประกอบคำที่อยู่ข้างหน้า
เช่น
เขายืนอยู่ข้างใน ส่วนคุณยืนอยู่ข้างนอก
(ใน นอก ทำหน้าที่เป็นคำวิเศษณ์)
บ้านเขาอยู่ริมคลอง
(ริม ทำหน้าที่เป็นบุพบท)
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
หน้าที่ของคำบุพบท
บุพบทใช้นำหน้าคำอื่นเพื่อเชื่อมและขยายคำข้างหน้า บุพบททำหน้าที่ต่าง ๆ ดังนี้
1. บุพบททำหน้าที่นำหน้าคำนาม
ตัวอย่างประโยค แด่ เป็นคำบุพบท
คุณย่าถวายสิ่งของแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์ เป็นคำนาม
คุณตาบริจาคสิ่งของแก่คนยากจน
บ้านคุณย่าตั้งอยู่ริมคลอง แก่ เป็นคำบุพบท
คน เป็นคำนาม
ริม เป็นคำบุพบท
คลอง เป็นคำนาม
2. บุพบททำหน้าที่นำหน้าคำสรรพนาม
ตัวอย่างประโยค ของ เป็นคำบุพบท
ปากกาของคุณอยู่บนโต๊ะ คุณ เป็นคำสรรพนาม
หนังสือเล่มนี้เป็นของฉันเอง
เธอเขียนจดหมายถึงเขา ของ เป็นคำบุพบท
ฉัน เป็นคำสรรพนาม
ถึง เป็นคำบุพบท
เขา เป็นคำสรรพนาม
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
หน้าที่ของคำบุพบท
3. บุพบททำหน้าที่นำหน้าคำกริยา นี้ เป็นคำบุพบท
เก็บ เป็นคำกริยา
ตัวอย่างประโยค กำลัง เป็นคำบุพบท
น้ำขวดนี้เก็บไว้สำหรับดื่ม โฆษณา เป็นคำกริยา
เขากำลังโฆษณาเพื่อหาเสียง
แต่ เป็นคำบุพบท
4. บุพบททำหน้าที่นำหน้าคำวิเศษณ์ เช้า เป็นคำวิเศษณ์
ตัวอย่างประโยค
เราควรตื่นนอนแต่เช้าทุกวัน
5. บุพบททำหน้าที่นำหน้าประโยคหรือข้อความ
ตัวอย่างประโยค ตั้งแต่ เป็นคำบุพบท
ฉันมาโรงเรียนตั้งแต่คนในบ้านยังไม่ตื่น
ครูให้รางวัลเฉพาะคนที่ตั้งใจเรียนเท่านั้น คนในบ้านยังไม่ตื่น เป็นประโยค
เฉพาะ เป็นคำบุพบท
คนที่ตั้งใจเรียนเท่านั้น เป็นประโยค
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
แบบทดสอบ
เรื่อง คำบุพบท
1. ข้อใดใช้คําบุพบทผิด
ก. ฉันเห็นกบเธอจึงไม่ทําลายเขา
ข. นักเรียนชั้นป.6 มอบช่อดอกไม้แด่ครูที่ปรึกษา
ค. นักเรียนชั้นป.6 มอบเอกสารรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่
ง. ฉันไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ
2. ข้อใดใช้คําบุพบทถูกต้อง
ก. คุณพ่อถวายภัตตาหารสู่พระสงฆ์
ข. วันนี้ฉันไปพบเธอในบ้าน
ค. นักเรียนจะต้องเรียนหนังสือโดยความขยันหมั่นเพียร
ง. พ่อแม่ย่อมรักลูกและทําเพื่อลูก
3. ข้อใดใช้คําบุพบทไม่ถูกต้อง
ก. ผู้อํานวยการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนเรียนดี
ข. นักเรียนจากกนด้วยความอาลัย
ค. เขายื่นเอกสารทําบัตรประชาชนต่อเจ้าหน้าที่
ง. ครูสอนนักเรียนโดยความรัก
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
4. ข้อใดเป็นบุพบทแสดงความเกี่ยวข้อง
ก. ต้นคุณนายตื่นสายบานในช่วงสาย
ข. แมวนอนอยูบนโต๊ะ
ค.วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ
ง. เขายื่นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่
5. คําว่า “แก่” ในข้อใดไม่ใช่คําบุพบท
ก. คนแก่กาลังเดินข้ามถนน
ข. พี่รหัสมอบรุ่นให้แก่น้องรหัส
ค. ครูมอบเกียรติบัตรแก่ผู้ชนะเลิศ
ง. ผู้อํานวยการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนยากจน
6. ประโยคใดควรเติมคําบุพบท ข. คุณพ่อให้เงินน้อง
ก. มีสุขอ่านหนังสือการ์ตูน ง. คุณแม่ทําอาหาร
ค. สุนัขกินกระดูก
7. คณะครูน้อมเกล้าฯ ถวายรถยนต์……….พระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอย่หัว
ก. แก่ ข. กับ ค. แด่ ง. เพื่อ
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
8. ข้อใดไม่มีคําบุพบท
ก. เขานังอยู่ร้านกาแฟอาร์ตโมซิส
ข. เด็กๆ เดินทางโดยเรือ
ค. แมวนอนอยูบนเตียงนอน
ง. คุณพ่อทานยาพาราเซตามอล
9. “พ่อแม่ทํางานเหน็ดเหนื่อย……..ลูก” จากข้อความควรเติมคํา
ว่าอะไร
ก. ให้
ข. เพื่อ
ค. แด่
ง. กับ
10. ข้อใดหมายถึงคําบุพบท
ก. ขยายคําชนิดอื่นให้ชัดเจน
ข. ใช้เชื่อมคําให้สัมพันธ์กัน
ค. ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่
ง. ใช้เชื่อมประโยคกบประโยค
รบ หศ ฟฒซ ธจ งล อ ฑร ฟ
แบบฝึกหัด
เรื่อง ชนิดของคำบุพบท
ตอนที่ 1 จงทำเครื่องหมายถูก ในช่องที่เป็นคำบุพบท
1. นรินวาดภาพด้วยดินสองสองบี
2. บ้านของมานีอยู่ในหมู่บ้านแสนสุข
3. เขาบริจาคเสื้อผ้าแก่เด็กยากไร้
4. เขากินหมูย่างตั้งแต่ เมื่อคืน
5. มูมู่สุนัขของดารินแสนรู้ มาก
ตอนที่ 2 จงเลือกคำบุพบทที่กำหนดเพียงคำเดียว ให้เหมาะสมกับประโยคและถูกต้อง
1. มนุษย์ต้องคบหาสมาคมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่ง / แด่ กันและกัน
2. คนดีย่อมมีความกตัญญู ต่อ / เฉพาะ พ่อแม่
3. ยาเสพติดให้โทษ ต่อ / จาก ร่างกาย
4. ที่ดินนี้เหมาะ แด่ / แก่ การเพาะปลูก
5. เชียงใหม่เป็นเมือง แห่ง / เหนือ การท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
6. หนังสือเล่มนี้มีความรู้ทั่วไปเกี่ยว สำหรับ / กับ จิตด้วย
7. เขาอ่านหนังสือ ตั้งแต่ /จนกระทั่ง เช้า จนตอนนี้ก็ยังไม่หยุด
8. เขาปลูกต้นไม้ไว้ ใต้ /ริม ระเบียง
ชื่อ-นามสกุล..................................................................ชั้น ป.6/.......เลขที่.........
คำสันธาน
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
คำสันธาน
คือ คำที่ใช้เชื่อมคำหรือข้อความให้ติดต่อเป็นเรื่องเดียวกัน ประโยคจะมีความกระชับ
และสละสลวยขึ้น เช่นคำว่า และ แล้ว จึง แต่ หรือ เพราะ เหตุเพราะ เป็นต้น เช่น
เขาอยากเรียนหนังสือเก่ง ๆ แต่เขาไม่ชอบอ่านหนังสือ
เขามาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนัก
ชนิดของคำสันธาน
คำสันธานแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ดังนี้
1. คำสันธานที่เชื่อมความคล้อยตามกัน ได้แก่คำว่า และ ทั้ง...และ ทั้ง...ก็ ครั้น...ก็
ครั้น...จึง ก็ดี เมื่อ...ก็ว่า พอ...แล้ว เช่น
- ทั้งพ่อและแม่ของผมเป็นคนใต้
- พอทำการบ้านเสร็จแล้วฉันก็นอน
- พอฝนหยุดตกกบเขียดก็ร้องส่งเสียงระงม
- น้องกับพี่ไปโรงเรียน
2. คำสันธานที่เชื่อมความขัดแย้งกัน เช่นคำว่า แต่ แต่ว่า กว่า...ก็ ถึง...ก็ เป็นต้น เช่น
- ผมต้องการพูดกับเขา แต่เขาไม่ยอมพูดกับผม
- กว่าเราจะเรียนจบเพื่อนๆ ก็ทำงานหมดแล้ว
- ถึงเขาจะยากจนแต่เขาก็มีความสุข
- เขาวิ่งเร็วมากแต่ว่าไม่เหนื่อยเลย
บ ห ศ ฒ ซ ธ ง อ บห
จ
ร ฟ ล ฑ รฟ
3. คำสันธานที่เชื่อมข้อความให้เลือก ได้แก่คำว่า หรือ หรือไม่ ไม่...ก็ หรือไม่ก็ ไม่เช่น
นั้น มิฉะนั้น...ก็ เป็นต้น เช่น
- นักเรียนชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์
- เธอคงไปซื้อของหรือไม่ก็ไปดูหนัง
- เธอจะไปกับผมหรือเธอจะไปกับเขา
4. คำสันธานที่เชื่อมความที่เป็นเหตุเป็นผล ได้แก่คำว่า เพราะ เพราะว่า ฉะนั้น...จึง
ดังนั้น เหตุเพราะ เหตุว่า เพราะฉะนั้น...จึง เป็นต้น เช่น
- นักเรียนมาโรงเรียนสายเพราะฝนตกหนัก
- เพราะวาสนาไม่ออกกำลังกายเธอจึงอ้วนมาก
หน้าที่ของคำสันธาน
1. เชื่อมคำกับคำ
- ผักกาดและหัวหอมเป็นพืชสวนครัว
- เธอชอบสีแดงหรือสีส้ม
2. เชื่อมข้อความกับข้อความ
- การส่งเสียงดังในห้องสมุดเป็นการกระทำที่ไม่ดีรบกวนผู้อื่นเพราะฉะนั้นจึงต้องมี
กฎห้ามส่งเสียงดังติดประกาศไว้
- คนเราต้องการอาหาร เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคด้วยเหตุ
นี้เราจึงจำเป็นต้องประกอบอาชีพเพื่อให้ได้เงินมาซื้อสิ่งจำเป็นเหล่านี้
3. เชื่อมประโยคกับประโยค
- พี่เป็นคนขยันแต่น้องเกียจคร้านมาก
- เราหวงแหนแผ่นดินไทยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเรา
4. เชื่อมความให้สละสลวย
- คนเราก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้างเป็นธรรมดา
- ฉันก็เป็นคนจริงคนหนึ่งเหมือนกัน