The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Noppawan Sri-banchuen, 2022-10-30 12:47:44

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1

Keywords: วิจัย

การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรยี น ดว้ ยกิจกรรมกลุ่มร่วมมอื TGT
เรื่อง เครอื่ งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ และเวลาโลก ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1

Development of the TGT Cooperative Learning Activities
for Matthayom students. Topic Geographical Instruments and World Time.

นพวรรณ ศรีบานช่นื
ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย

โรงเรยี นบา้ นปา่ แดง (ไชยอปุ ถัมภ์)
สำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาชลบุรเี ขต 1

สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน
ปีการศึกษา 2565

กิตตกิ รรมประกาศ

รายงานการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
และเวลาโลก ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 สำเรจ็ ลลุ ว่ งได้ ขอขอบพระคณุ ผู้เชี่ยวชาญทกุ ท่านท่ีกรณุ าให้ความรู้
และคำแนะนำในกระบวนการ พัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ขอบคุณนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการพัฒนาครั้งนี้ ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ที่
เกย่ี วขอ้ งกับการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนวชิ าสงั คมศึกศึกษาได้อกี ทางหนง่ึ

ขอขอบคุณ คุณคงั ดงโฮ ศลิ ปนิ วง NU’EST ทเ่ี ปน็ เสมอื นแรงบนั ดาลใจ เปน็ แรงใจให้แกผ่ ู้วิจัย ขอขอบคุณ
เสียงเพลงอันไพเราะ และมุมมองที่ดีที่สามารถทำให้ผู้วิจัยสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในการทำรายงาน
การวิจัยฉบับนี้มาได้คุณค่า และประโยชน์อันพึงมีจากการศึกษาวิจัยนี้ ผู้วิจัยขอขอบพระคุณบิดา มารดา
และบูรพาจารย์ทุกท่าน ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ที่อุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนวิชาความรู้ ให้ความ เมตตา
ให้กำลังกาย กำลังใจ และแรงบัลดาลใจในการทำวิจัยครั้งนี้ตลอดจนญาติพี่น้องที่คอยให้ความช่วยเหลือ และเป็น
กำลงั ใจสำคัญทที่ ำใหก้ ารศึกษาวจิ ัยฉบับน้สี ำเรจ็ ลลุ ่วงไปไดด้ ว้ ยดี

ช่อื เร่ือง การพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน ด้วยกจิ กรรมกล่มุ รว่ มมือ TGT
เร่อื ง เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรยี นชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 1
ผวู้ ิจัย นพวรรณ ศรบี านชน่ื
ปีการศึกษา 2565

บทคดั ยอ่
การพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนดว้ ยกจิ กรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครอ่ื งมอื ทางภูมศิ าสตร์ และเวลา
โลก ของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านป่าแดง (ไชยอุปถัมภ์) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิภาพ
ของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียนกับหลังเรียน เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก
โดยการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียน และหลังเรียน เพื่อศึกษา ความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ทมี่ ีต่อการจดั การเรยี นรู้ดว้ ยกิจกรรมกลุ่มรว่ มมือ TGT เร่ือง เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ และเวลาโลก ของนักเรยี นชั้น
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 โรงเรยี นบา้ นปา่ แดง (ไชยอปุ ถัมภ์) ปีการศึกษา 2565/1 จำนวน 31 คน โดยวิธีการแบบเจาะจง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก
ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) แบบทดสอบก่อน-หลังเรียน เรื่อง เครื่องมือ
ทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบทดสอบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ
3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
และเวลาโลก
ผลการวจิ ยั พบวา่
1. ประสิทธิภาพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ด้วย
กจิ กรรมกลุ่มรว่ มมอื TGT มีประสทิ ธภิ าพ E1/E2= 82.50/84.91
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อน และหลังเรียนของนักเรียนที่การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือ
ทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ดว้ ยกจิ กรรมกล่มุ ร่วมมอื TGT มีความแตกตา่ งอย่างมนี ัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดับ .05
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือทาง
ภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ดว้ ยกจิ กรรมกล่มุ รว่ มมอื TGT อยูใ่ นระดับมาก

Title Development of the TGT Cooperative Learning Activities
for Matthayom 1 students. Topic Geographical Instruments
Author and World Time.
Academic Year Noppawan Sribanchuen
2022

Abstract

Development of Learning Achievement through TGT Collaborative Group Activities on
Geographic Tools and World Time of Mathayom 1 Students at Ban Pa Daeng School to study the
effectiveness of the learning management plan. An 80/80 effective geography and world time tool to
compare academic achievement. Before and after school, Geographical Apparatus and World Time, by
comparing pre- and post-study scores to study the satisfaction of Mathayom 1 students with TGT
cooperative learning management activities on Geographical Tools and TGT. World time of Mathayom
1 students at Ban Pa Daeng School Academic Year 2022/1 of 31 students by a specific methodology
and research tools 1 ) Plans for learning activities on Geographical Tools and World Time by using TGT
cooperative group activities of Mathayom 2 ) students Pre-school test on Geographical Apparatus and
World Time, Mathayom 1 is a 4-choice, 20-item multiple choice test. 3) The satisfaction questionnaire
of students studying with the TGT cooperative group activity on Geographical Tools and Time. Word

The results of the research were as follows:

1. Efficiency of learning activities plan on geographic tools and world time with effective
TGT cooperative group activities E1/E2= 82.50/84.91

2. Early Achievement And post-study of students who organized learning activities on
geographic tools and world time with TGT cooperative group activities had a statistically
significant difference at the level of .05

3. Students were satisfied with the learning activities by organizing learning activities
on Geographical Tools and World Time with TGT cooperative group activities at a high level.

สารบญั หนา้
บทที่
1
1 บทนำ 1
ที่มาและความสำคญั 2
วตั ถปุ ระสงค์ 2
สมมตฐิ านการวจิ ยั 2
สมมตฐิ านทางสถติ ิ 3
ตวั แปร 3
ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ บั
4
2 วรรณกรรมท่ีเกย่ี วข้อง 4
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม 8
การจดั กจิ กรรมการเรียนรดู้ ว้ ยกลุ่มร่วมมอื แบบ TGT
(Teams Games Tournament) 11
แนวคิดและทฤษฎีเก่ียวกบั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี น 14
เอกสารเก่ยี วกับความพึงพอใจ 42
ความพึงพอใจตอ่ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 16
งานวจิ ยั ทีเ่ ก่ยี วข้อง
18
3 วธิ ดี ำเนินการวจิ ัย 18
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 19
แบบแผนการวิจยั 19
เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการวิจัย 22
ธกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมูลพอสังเขป 23
การวเิ คราะห์ขอ้ มูล 23
สถิติทีใ่ ช้วเิ คราะห์ขอ้ มูล
27
4 ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล 27
สญั ลักษณท์ ี่ใชใ้ นการนำเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู

บทท่ี หนา้
ลำดบั ขน้ั ในการวิเคราะห์ข้อมูล 27
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล 28

5 สรปุ ผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ 37
เครอ่ื งมอื ที่ใชใ้ นการศกึ ษา 37
สรุปผลการวิจยั 37
อภิปรายผล 38
ข้อเสนอแนะ 41

บรรณานุกรม 42
ภาคผนวก ก เอกสารทีใ่ ชใ้ นการวจิ ยั 43
ภาคผนวก ข ภาพการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 67
ประวัตผิ ูว้ จิ ยั 70

สารบญั ตาราง หน้า
ตาราง 18
28
1 แบบแผนวิจัย วธิ ีการแบบแผนกล่มุ เดียวทดสอบก่อนหลงั 31
(One Group Pretest-Posttest Design) 33

2 ผลการพิจารณาความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้ 33
เรือ่ ง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรบั นักเรยี น
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 34
51
3 ผลการตรวจสอบประสิทธภิ าพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วย 63
กจิ กรรกลุ่มรว่ มมอื TGT เรือ่ ง เครอ่ื งมือทางภูมิศาสตร์ และ
เวลาโลก สำหรับนกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1

4 ผลการเปรยี บเทยี บผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และ
หลงั เรยี นหลงั การจดั การเรยี นรู้ดว้ ยกจิ กรรกลุ่มรว่ มมือ TGT
เรอ่ื ง เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรบั นกั เรียน
ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1

5 ผลการเปรยี บเทียบผลสัมฤทธ์ิทางการเรยี นกอ่ นเรียน และ
หลังเรยี นหลงั การจัดการเรยี นรู้ดว้ ยกิจกรรมกลมุ่ ร่วมมอื TGT
เร่อื ง เครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนกั เรียน
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1

6 ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรยี นทีม่ ีต่อการจัดการ
เรียนรูด้ ว้ ยกจิ กรรกล่มุ ร่วมมือ TGT เร่ือง เคร่ืองมอื ทาง
ภูมศิ าสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1

7 แบบประเมินคณุ ภาพของแผนการจัดการเรยี นรู้ดว้ ยกิจกรรม
กล่มุ รว่ มมือ TGT เรื่อง เครอื่ งมือทางภูมิศาสตร์ และเวลา
โลก สำหรับช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1

8 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ การจัดการเรียนรดู้ ว้ ยกจิ กรรกลุ่ม
รว่ มมอื TGT เรื่อง เครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก ชน้ั
มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1

บทนำ

1. ทม่ี าและความสำคญั
การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคน สร้างสังคม และสร้างชาติ เป็นกลไกหลักในการพัฒนา

กำลังคนให้มีคุณภาพ สามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในสังคมได้อย่างเป็นสุข ในกระแสการเปลี่ยนแปลง
อย่างรวดเร็วของโลกศตวรรษที่ ๒๑ การศึกษาเพื่อพัฒนาทรพั ยากรมนุษย์ให้สามารถก้าวทันการเปลีย่ นแปลงของ
ระบบเศรษฐกิจและสังคมของโลก การพัฒนาศักยภาพ และขีดความสามารถของคนไทยให้มีทักษะ ความรู้
ความสามารถ (สำนกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา. 2560: 1)

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2560 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งในฐานะปัจเจกบุคคล และการอยู่ร่วมกันในสังคม
การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม เข้าใจถึงกาเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ตามเหตุปัจจัยต่าง ๆ เกิดความเข้าใจใน
ตนเอง และผู้อื่น ยอมรับในความแตกตา่ ง และมีคุณธรรม สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต เพื่อช่วย
ให้สามารถปรับตนเองกับบริบทสภาพแวดล้อม เป็นพลเมืองดี มีความรับผิดชอบมีความรู้ ทักษะ คุณธรรม และ
ค่านิยมท่ีเหมาะสม โดยไดก้ ำหนดสาระการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ

จากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในรายวิชาสังคมศึกษา ในปีการศึกษา 2564 ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี
1 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลกั สูตรในชั้นต่ำลง และจากการสังเหตทักษะการ
ใช้เครือ่ งมือทางภมู ิศาสตรข์ องนกั เรียน พบวา่ นักเรียนขาดทักษะในการใช้เครื่องมืองทางภมู ศิ าสตร์พ้ืนฐาน

จากสภาพปัญหา จึงมีความสนใจที่จะพัฒนาทักษะการใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ของนักเรี ยนชั้น
มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 โดยนวัตกรรมเกมเพอ่ื ให้นักเรียนสามารถเข้าถึง และเขา้ ใจเน้ือหาไดม้ ากขนึ้ เน่ืองจากเทคโนโลยี
ได้มีบทบาทสำคัญในการใช้ชวี ติ ในปจั จุบัน การเล่นเกมของนักเรียนในยุคน้ีจึงเป็นทักษะที่นักเรยี นส่วนใหญ่มีเปน็
ฐาน จึงได้มีการนำสิง่ ทน่ี ักเรียนสามารถเข้าถึงไดง้ ่ายมาช่วยแก้ปัญหา และสง่ เสรมิ การเรยี นรขู้ องนักเรียน เพื่อช่วย
ให้นักเรียนมีทักษะการใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และมีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา
กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรเป็นร ากฐานการเรียนใน
ชัน้ สงู ขน้ึ พร้อมทัง้ เปน็ ข้อมลู ให้แกผ่ ู้บริหารในการบรหิ ารงานวชิ าการอนั ก่อใหเ้ กิดประโยชนต์ ่อการพัฒนาศักยภาพ
ทางการเรยี น อนั นำไปส่กู ารเป็นมนษุ ยท์ สี่ มบรู ณข์ องนักเรยี น

จากสภาพปัญหาดังกล่าว ครูผู้สอนจึงสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน
เพื่อให้ผ้เู รียนได้เกดิ การเรียนรู้อย่างแท้จริง โดยการจัดการศึกษาต้องมุ่งพัฒนาผู้เรยี นได้อย่างเต็มตามศักยภาพที่มี
อย่ใู นทุกๆ ด้าน ตอ้ งจดั ใหเ้ กดิ การพัฒนาทส่ี มดุลทง้ั ด้านรา่ งกาย จติ ใจ สติปัญญา 4 ความรู้ คุณธรรม อารมณ์ และ
สังคม และการจัดการศึกษาดงั กล่าวสอดคล้องกบั การจดั กิจกรรมการเรยี นรูใ้ ห้มากขึน้ เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรยี นอยาก

2

ทจี่ ะเรียนรู้ และลงมือปฏบิ ตั ิสง่ เสริมให้ทำกิจกรรมตา่ งๆ ท่ีก่อใหเ้ กดิ การสรา้ งองค์ความรู้ดว้ ยตนเอง โดยใช้รูปแบบ
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ดึงดูดความสนใจในการเรียน ดังนั้นการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมนั้นสามารถที่จะ
พัฒนาให้ผู้เรียนไปสู่เป้าหมายที่ครูผู้สอนตั้งไว้ได้ การจัดการเรียนรู้ด้วยกลุ่มร่วมมือแบบ TGT (Teams Games
Tournaments) เป็นวิธีการที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้นักเรียนช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกในกลุ่มให้เกิดการเรียนรู้ เห็น
ความสำคัญของการเรียน และเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้ มีการเพิ่มการทดสอบด้วยการแข่งขันโดยสมาชกิ
กลุม่ เล่นเกมทางวิชาการ นกั เรียนทกุ คนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการทำคะแนน จงึ ทำใหม้ ีความภาคภูมิใจ มั่นใจใน
ความพยายาม และความสามารถของตนเองและเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนกระตือรือร้นในการค้นคว้าและ
ชว่ ยเหลือกนั (ทิวาพร อุณยเกียรติ. 2547 : 45)

2. วตั ถุประสงค์
1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ด้วยกิจกรรม

กลุ่มร่วมมอื TGT ของนักเรียนช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ 80/80
2. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และ

เวลาโลก ดว้ ยกิจกรรมกลมุ่ ร่วมมอื TGT ของนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนบา้ นปา่ แดง (ไชยอุปถมั ภ)์
3. เพื่อศึกษาเจตคติต่อการเรียนเรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ

TGT ของนกั เรยี นช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรยี นบ้านป่าแดง (ไชยอุปถัมภ)์

3. สมมติฐานการวิจยั
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

หลังการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เกม สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ และมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
โดยใช้บทเรยี นสำเรจ็ รูป

4. สมมติฐานทางสถติ ิ
H0 : µ1 = µ2
H1 : µ1 ˃ µ2
เมื่อ µ1 คือ ค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์หลังเรียนเรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก โดยใช้เกมของ

นักเรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 1
µ2 คือ ค่าเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก โดยใช้เกมของ

นกั เรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1

3

5. ตวั แปร
ตัวแปรต้น ไดแ้ ก่ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง เครือ่ งมอื ทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก โดยใชเ้ กม
ตวั แปรตาม ได้แก่
1. ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เรือ่ ง เคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 1

โรงเรียนบ้านป่าแดง (ไชยอุปถัมภ)์
2. ความพึงพอใจของนักเรยี นของนักเรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 โรงเรยี นบ้านปา่ แดง (ไชยอุปถัมภ์)

6. ประโยชน์ของโครงการวจิ ยั
1. ได้พฒั นาแผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรเู้ ร่ือง เครื่องมอื ทางภูมศิ าสตร์ และเวลาโลก โดยใชเ้ กม
2. นักเรียนเกิดทกั ษะการใชเ้ คร่อื งมอื ทางภูมิศาสตร์ และทักษะการคำนวณหาเวลาในประเทศต่าง ๆ
3. สามารถนำข้อมูลอันเป็นข้อค้นพบของการวิจัยมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการ

จดั การเรยี นการสอนในช้นั เรียน ทำใหก้ ารพฒั นางานของครูมมี าตรฐานสูงข้นึ
4. ผู้บริหารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ อันเป็นผลมาจากการวิจัยไปใช้ในการ

ปรับปรงุ พัฒนางานบริหารจัดการหรืองานดา้ นอนื่ ๆ ท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการศึกษา

4

บทท่ี 2
วรรณกรรมทเี่ กี่ยวข้อง

จากการศึกษาเอกสาร และงานวจิ ัยทเี่ กย่ี วขอ้ ง ในการพฒั นาผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี น ดว้ ยกจิ กรรกลุ่ม
รว่ มมอื TGT เรื่อง เคร่ืองมือทางภมู ศิ าสตร์ และเวลาโลก ของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรยี นบา้ นป่าแดง
(ไชยอุปถัมภ)์ ซึ่งผวู้ จิ ัยอาศยั หลักการ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจยั ที่เกยี่ วข้อง ดังน้ี

1. หลักสูตรการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
2. การจดั กิจกรรมการเรียนรดู้ ้วยกลุ่มรว่ มมือแบบ TGT (Teams Games Tournament)
3. แนวคดิ และทฤษฎีเกย่ี วกบั ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น
4. เอกสารเกีย่ วกบั ความพึงพอใจ
5. งานวจิ ยั ท่เี กี่ยวข้อง

1. หลกั สูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม

1.1 หลักการ
หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน มหี ลกั การที่สำคัญ ดังน้ี
1. เป็นหลักสตู รการศกึ ษาเพอ่ื ความเป็นเอกภาพของชาติมจี ุดหมายและมาตรฐานการเรยี นรู้
เป็นเป้าหมายสำหรับพฒั นาเดก็ และเยาวชนใหม้ ีความรู้ ทักษะ เจตคติและคณุ ธรรมบนพนื้ ฐาน ของความ
เป็นไทยควบคู่กบั ความเปน็ สากล
2. เป็นหลักสตู รการศึกษาเพื่อปวงชน ทีป่ ระชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค
3. เปน็ หลกั สูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอ านาจ ให้สังคมมสี ว่ นรว่ มในการจดั การศึกษาให้สอดคล้อง
กับสภาพและความต้องการของท้องถ่นิ
4. เป็นหลักสูตรการศึกษาท่ีมีโครงสร้างยืดหยุ่นท้ังด้านสาระการเรยี นรเู้ วลาและการจดั การเรยี นรู้
5. เป็นหลักสูตรการศึกษาทเ่ี นน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญ
6. เปน็ หลักสตู รการศกึ ษาสำหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลมุ ทุก
กล่มุ เปา้ หมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์

5

1.2 จดุ หมาย
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน มุง่ พัฒนาผเู้ รยี นให้เปน็ คนดี มีปญั ญา มีความสุขมศี ักยภาพใน
การศกึ ษาต่อ และประกอบอาชีพ จงึ ก าหนดเป็นจดุ หมายเพื่อใหเ้ กิดกบั ผ้เู รยี น เมอ่ื จบการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ดังน้ี
1. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มวี นิ ัยและปฏิบัตติ นตาม
หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนา หรอื ศาสนาท่ีตนนับถือ ยดึ หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
2. มคี วามรคู้ วามสามารถในการส่อื สาร การคดิ การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชวี ติ
3. มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตทด่ี ี มสี ขุ นิสยั และรักการออกก าลงั กาย
4. มคี วามรักชาติมจี ติ ส านึกในความเป็นพลเมอื งไทยและพลโลกยึดมั่นในวิถีชีวติ และ การปกครองตาม
ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ
5. มจี ติ สำนึกในการอนุรกั ษ์วัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทยการอนุรกั ษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิต
สาธารณะทีม่ ุ่งทำประโยชนแ์ ละสรา้ งส่ิงทดี่ ีงามในสังคม และอยรู่ ว่ มกันในสังคมอย่างมีความสขุ

1.3 สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ในการพฒั นาผู้เรยี นตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน มุง่ เนน้ พัฒนาผเู้ รียนให้มคี ุณภาพตาม
มาตรฐานทก่ี ำหนด ซึ่งจะชว่ ยให้ผู้เรียนเกดิ สมรรถนะสำคัญและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ดงั น้ี
สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน มุง่ ให้ผเู้ รียนเกิดสมรรถนะสำคัญ 5 ประการ ดังน้ี
(1) ความสามารถในการสอ่ื สาร เป็นความสามารถในการรบั และส่งสาร มีวฒั นธรรมในการใช้ภาษา
ถ่ายทอดความคดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจ ความรูส้ ึก และทศั นะของตนเองเพ่ือแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสาร และ
ประสบการณ์อนั จะเป็นประโยชนต์ ่อการพฒั นาตนเองและสังคม รวมท้ังการเจรจาต่อรองเพอื่ ขจัดและลดปญั หา
ความขัดแย้งตา่ ง ๆ การเลือกรบั หรอื ไมร่ บั ขอ้ มลู ข่าวสารด้วยหลกั เหตุผลและความถกู ต้อง ตลอดจนการเลือกใช้
วิธกี ารส่ือสารทม่ี ปี ระสิทธภิ าพโดยคำนึงถึงผลกระทบท่มี ีต่อตนเองและสังคม
(2) ความสามารถในการคดิ เป็นความสามารถในการคดิ วิเคราะหก์ ารคิดสงั เคราะห์ การคดิ อยา่ ง
สร้างสรรค์ การคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ และการคิดเปน็ ระบบ เพ่ือน าไปสกู่ ารสรา้ งองค์ความรหู้ รอื สารสนเทศเพ่อื
การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ตนเองและสงั คมไดอ้ ย่างเหมาะสม
(3) ความสามารถในการแก้ปัญหา เปน็ ความสามารถในการแก้ปญั หาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่าง
ถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ

6

เปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา
และมกี ารตดั สนิ ใจทม่ี ีประสิทธิภาพโดยคำนงึ ถงึ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขึ้นตอ่ ตนเอง สังคมและสง่ิ แวดล้อม

(4) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ เป็นความสามารถในการน ากระบวนการตา่ ง ๆ ไปใช้ในการดำเนนิ
ชีวติ ประจำวัน การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง การทำงาน และการอยู่ร่วมกนั ในสังคมด้วยการสร้าง
เสรมิ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทัน
กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบ
ตอ่ ตนเองและผู้อ่นื

(5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือก และใช้ เทคโนโลยีด้านต่าง ๆ
และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพ่ือการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน
และมีคุณธรรมซึ่งเป้าหมายของการใช้หลักสูตร เพื่อให้การศึกษาของชาติ มีทิศทางในการอบรมกุลบุตร กุลธิดา
และนำพาประเทศชาติไปสูค่ วามเจริญเฉกเช่นอารยประเทศอน่ื ๆ

1.4 คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของผ้เู รยี น
หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน มงุ่ พฒั นาผู้เรยี นใหม้ คี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพอื่ ให้สามารถ
อยู่รว่ มกับผู้อืน่ ในสงั คมได้อย่างมีความสขุ ในฐานะเปน็ พลเมอื งและพลโลก คุณลกั ษณะท่ีสำคญั 8 ประการ ดงั น้ี
1. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
2. ซือ่ สตั ย์สจุ รติ
3. มวี นิ ัย
4. ใฝ่เรียนรู้
5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
6. มงุ่ ม่นั ในการท างาน
7. รกั ความเป็นไทย
8. มจี ิตสาธารณะ

1.5 คุณภาพผเู้ รยี น
จบชัน้ มัธยมศึกษาปีที่3
มีความรู้เกี่ยวกับความเปน็ ไปของโลก โดยการศึกษาประเทศไทยเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคตา่ งๆ
ในโลก เพ่อื พฒั นาแนวคดิ เรอ่ื ง การอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสนั ตสิ ุข มที ักษะทจี่ ำเปน็ ต่อการเป็นนักคิดอย่างมีวิจารณญาณ

7

ได้รับการพัฒนาแนวคิด และ ขยายประสบการณ์เปรียบเทียบระหว่างประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ
ในโลก ได้แก่ เอเชีย ออสเตรเลีย โอเชียเนีย แอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ในด้านศาสนาคุณธรรม
จริยธรรม ค่านิยม ความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณีวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง ประวัติศาสตร์
และภมู ิศาสตร์ด้วยวธิ กี ารทางประวัติศาสตร์และสงั คมศาสตร์

1.6 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

สาระท่ี 1 ศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม

มาตรฐาน ส 1.1 รู้ และเข้าใจประวตั ิ ความสำคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ

ศาสนาทีต่ นนบั ถือและศาสนาอื่น มศี รทั ธาทถี่ กู ตอ้ ง ยึดม่นั และปฏิบตั ิตาม

หลักธรรม เพอ่ื อยู่รว่ มกนั อย่างสนั ติสุข

มาตรฐาน ส 1.2 เขา้ ใจ ตระหนักและปฏิบตั ติ นเปน็ ศาสนิกชนทีด่ แี ละธ ารงรักษา

พระพุทธศาสนาหรือศาสนาที่ตนนบั ถอื

สาระที่ 2 หนา้ ทีพ่ ลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนนิ ชีวติ ในสังคม

มาตรฐาน ส 2.1 เข้าใจและปฏิบัตติ นตามหน้าทขี่ องการเป็นพลเมืองดี มีค่านยิ มทด่ี ีงาม และ

ธำรงรักษาประเพณแี ละวฒั นธรรมไทย ดำรงชีวิตอยรู่ ว่ มกันในสังคมไทย และ

สังคมโลก

อย่างสันติสขุ

มาตรฐาน ส 2.2 เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จบุ นั ยึดมน่ั ศรทั ธา และธำรง

รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็

ประมุข

สาระท่ี 3 เศรษฐศาสตร์

มาตรฐาน ส 3.1 เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจดั การทรัพยากรในการผลติ และการบรโิ ภคการใช้

ทรัพยากรที่มีอยจู่ ำกัดได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและคุ้มคา่ รวมทั้งเขา้ ใจ

หลักการของเศรษฐกจิ พอเพยี ง เพอื่ การดำรงชวี ิตอย่างมดี ุลยภาพ

มาตรฐาน ส 3.2 เขา้ ใจระบบ และสถาบนั ทางเศรษฐกจิ ต่าง ๆ ความสัมพนั ธ์ทางเศรษฐกิจ

และความจำเปน็ ของการร่วมมือกนั ทางเศรษฐกิจในสังคมโลก

8

สาระที่ 4 ประวัตศิ าสตร์

มาตรฐาน ส 4.1 เข้าใจความหมาย ความสำคัญของเวลาและยุคสมยั ทางประวัตศิ าสตร์ สามารถ

ใช้วธิ กี ารทางประวัตศิ าสตร์มาวิเคราะหเ์ หตกุ ารณ์ต่างๆ อย่างเป็นระบบ

มาตรฐาน ส 4.2 เขา้ ใจพัฒนาการของมนษุ ยชาติจากอดีตจนถงึ ปจั จุบัน ในด้านความสมั พันธ์

และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนอ่ื ง ตระหนักถึงความสำคัญ

และสามารถ วเิ คราะห์ผลกระทบท่เี กดิ ขนึ้

มาตรฐาน ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาไทย มคี วามรกั ความ

ภูมใิ จและธำรงความเป็นไทย

สาระท่ี 5 ภูมศิ าสตร์

มาตรฐาน ส 5.1 เข้าใจลกั ษณะของโลกทางกายภาพ และความสัมพนั ธ์ของสรรพสิง่ ซ่งึ มผี ล ต่อ

กนั และกนั ในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนท่ีและเคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ ในการ

ค้นหาวเิ คราะห์ สรุป และใช้ข้อมูลภูมสิ ารสนเทศอย่างมีประสิทธภิ าพ

มาตรฐาน ส 5.2 เขา้ ใจปฏิสมั พันธ์ระหวา่ งมนุษยก์ บั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพท่ีกอ่ ให้เกดิ

การสร้างสรรคว์ ัฒนธรรม มีจติ ส านึก และมีสว่ นรว่ มในการอนรุ ักษ์ ทรัพยากร

และสงิ่ แวดลอ้ ม เพ่ือการพฒั นาทย่ี ั่งยนื

2. การจดั กจิ กรรมการเรยี นร้ดู ้วยกลุ่มร่วมมือแบบ TGT (Teams Games Tournament)

รูปแบบการสอนทส่ี ามารถนำมาใชไ้ ด้อย่างกวา้ งขวาง และสามารถพัฒนารูปแบบการเรียนแบบร่วมมอื
แตกต่างกันไปตามจดุ ประสงค์ไดแ้ ละจากการศึกษาเทคนคิ การเรียนแบบรว่ มมือรปู แบบต่าง ๆ ผู้ศึกษาดค้นควา้ มี
ความสนใจทีจ่ ะนำการเรียนแบบรว่ มมือตามรปู แบบการแบ่งกลุ่มแข่งขันด้วยเกม (TGT) มาพัฒนา เพอื่ ใช้ในการจดั
กจิ กรรมการเรียนการสอนในครงั้ นี้ โดยทำการศกึ ษาวธิ กี ารเรียน และนำมาสรา้ งขนั้ ตอนการเรยี นการสอนที่
เหมาะสมกับการเรียนการสอนสังคมศึกษาในระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ผศู้ ึกษาค้นควา้ ข้อเสนอหลกั การและ
ขน้ั ตอนการเรียนตามรปู แบบ TGT ดังนี้

ความหมายการเรยี นตามรปู แบบ TGT
สุวิทย์ มูลคำ และคณะ (2546 : 163) ได้ให้ความหมายไว้ว่า TGT เป็นการเรียนรู้แบบกลุ่มเพื่อทำงาน
รว่ มกัน กลมุ่ ละประมาณ 4-5 คน โดยก าหนดใหส้ มาชิกของกลุม่ ได้ แข่งขนั กันในเกมการเรียนทีผ่ สู้ อนจดั เตรียมไว้
แล้ว ทำการทดสอบความรู้โดยการใช้เกมการแข่งขัน คะแนนที่ได้จากของสมาชิกแต่ละคนในลักษณะการแข่งขัน
ตัวต่อตัวกับทีมอื่น นำเอามาบวกเป็นคะแนนรวมของทีม ผู้สอนจะต้องใช้เทคนิคการเสริมแรง ดังนั้น สมาชิกกลุ่ม
จะตอ้ งมีการก าหนดเปา้ หมายรว่ มกนั ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั เพ่อื ความสำเร็จของกลุ่ม

9

ชวลิต ชูกำแพง (2551 : 124) กล่าวว่า TGT เป็นรูปแบบการสอนที่เป็นการจูงใจในการเรียนเพิ่มขึ้น โดย
การใช้แข่งขันเกมทางวิชาการแทนการทดสอบย่อย การแข่งขันเกมทางวิชาการจะมีการจัดนักเรียนเป็นกลุ่มที่มี
ความสามารถเท่าๆ กันมาแข่งขนั ซึง่ มกี ารเคลือ่ นย้ายกลุ่มใหม่ ทุกสปั ดาห์หรือคาบ

อาภรณ์ ใจเทย่ี ง (2553 : 126) ให้ความหมายไวว้ ่า TGT เป็นกจิ กรรมที่สมาชกิ ในกลุ่มเรียนรูเ้ น้อื หาสาระ
จากผู้สอนดว้ ยกัน แลว้ แต่ละคนแยกยา้ ยไปแข่งทดสอบความรู้ คะแนนท่ไี ด้ของแต่ละคนจะนำมารวมกันเปน็
คะแนนของกลุ่ม กลุ่มทไ่ี ดค้ ะแนนสงู สดุ ไดร้ ับรางวัล

สรุปได้ว่าการเรยี นแบบทมี การแขง่ ขนั TGT หมายถึง เปน็ การเรียนเปน็ กลุ่มท่ีสง่ เสริมให้ผู้เรยี นท่มี ความ
สามารถท่แี ตกต่างกันไดเ้ รียนรู้รว่ มกันชว่ ยเหลอื สมาชกิ ภายกล่มุ เพ่ือแข่งขนั ดา้ นวิชาการที่เรยี นเกดิ ความสำเรจ็ ของ
กลุ่มในการเรยี นและยงั ช่วยผ้เู รยี นเกดิ ความสนุกสนานกบั การเรยี น

องค์ประกอบสำคญั ของการเรยี นตามรูปแบบ TGT
สุวทิ ย์ คำมลู และคณะ (2546 : 164-165) กลา่ ววา่ องค์ประกอบการจัดการเรยี นรโู้ ดยใช้เทคนิค TGT

1. การนำเสนอ เป็นการนำเสนอเนื้อหาหรือบทเรียนใหม่ รูปแบบการนำเสนออาจจะเป็นการ
บรรยาย อภิปราย กรณีศึกษาหรืออาจจะมีสื่อการเรียนอื่นๆ ประกอบด้วยก็ได้ เทคนิค TGT จะแตกต่าง
จากเทคนิคอื่นๆ ตรงท่ผี ู้สอนต้องเนน้ ให้ผูเ้ รียนทราบว่าผเู้ รยี นให้ความสนใจมากในเน้ือหาสาระ เพราะจะ
ชว่ ยใหท้ ีมประสบความสำเรจ็ ในการแขง่ ขนั วธิ ีนเ้ี หมาะสมกบั การเรยี นรู้ในวชิ าพ้นื ฐานทสี่ ามารถถามตอบ
ที่มีคำตอบแน่นอนตายตัว

2. การจัดทีม เป็นการจัดทีมผู้เรียนโดยให้คละกันทั้งเพศและความสามารถ ทีมมีหน้าที่ในการ
เตรียมตัว สมาชิกให้พร้อมเพื่อการเล่นเกม หลังจากจบชั่วโมงการเรียนรู้แต่ล่ะทีมจะนัดสมาซิกศึกษา
เนื้อหาโดยมีแบบฝกึ หัดช่วย โดยทั่วไปผู้เรยี นจะผลัดกันถามค าถามในแบบฝึกหัดจนกว่าจะเขา้ ใจเนื้อหา
ท้งั หมด จุดเนน้ ในทมี คอื ทำให้ดีที่สดุ เพ่อื ทมี จะช่วยเหลอื ใหก้ าลงั ใจเพอ่ื นรว่ มทมี ให้มากท่สี ุด

3. เกม เป็นเกมตอบค าถามง่ายๆ เกี่ยวกับเนื้อหาสาระที่ผู้เรียนได้ศึกษาเรียนรู้ในการเล่นเกม
ผเู้ รียนท่ีเปน็ ตวั แทนจากทมี แต่ละทีมจะมาเป็นผ้แู ขง่ ขัน

4. การแข่งขัน การจัดการแช่งขันอาจจัดขึ้นปลายสัปดาห์หรือท้ายบทเรยี นก็ได้ซึ่งจะเป็นคำถาม
เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนมาแล้วและผ่านการเตรียมความพร้อมจากกลุ่มมาแล้วการจัดโต๊ะการแข่งขันจะมี
หลายโต๊ะแต่ละโต๊ะ จะมีตัวแทนของทีมแต่ละทีมมาร่วมแข่งขันทุกโต๊ะ การแข่งขันควรเริ่มดำเนินการ
พร้อมกัน แข่งขนั เสรจ็ แล้วจัดลำดับผลการแข่งขันแตล่ ะโต๊ะนำไปเปรยี บเทียบหาคา่ คะแนนโบนสั

10

5. การยอมรับความสำเร็จของทีม มีการนำคะแนนโบนัสของสมาซิกแต่ละคนมารวมกันเป็น
คะแนนของทีม และหาค่าเฉล่ยี ท่มี ีคะแนนสงู สุดจะไดร้ ับการยอมรบั ให้เป็นทีมชนะเลิศกับรองลงมา ควรมี
การประกาศผล และเผยแพร่สูส่ าธารณะ รวมท้งั การมอบรางวลั ยกย่อง ซมเชย เปน็ ต้น
ลักษณะของการเรียนแบบ TGT
สมศักดิ์ ภู่วิภาดาวรรธน์ (2545: 10-24) ได้อธิบายกระบวนการเรียนรู้โดย กระบวนการกลุ่มการเรียนรู้
แบบ TGT ว่าเป็นกิจกรรมที่เหมาะกับการเรียนการสอนในจุดประสงค์ที่ต้องการให้กลุ่มผู้เรียนได้ศึกษาประเด็น
หรือปญั หาทม่ี ีคำตอบถกู เพยี งคำตอบข้อเดียวหรือมีค าตอบท่ีถกู ตอ้ งจดั เจน เช่น การคำนวณทางคณติ ศาสตร์ การ
ใช้ภาษาภูมิศาสตร์ และทักษะการใช้แผนท่ี และความคิดรวบยอดทางวิทยาศาสตรซ์ งึ่ มีลกั ษณะต่างๆ ดังนี้

1. เป็นการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนท่ีผเู้ รียนเป็นศูนย์กลาง
2. แบ่งผูเ้ รยี นในห้องออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละ 4 คนซงึ่ ประกอบดว้ ยสมาซกิ ท่ีมีความแตกต่าง
กันในระดบั ความสามารถ อายุ เพศ และเช้อื ชาติ
3. ผู้เรยี นทุกคนในกลุ่มตา่ งมีเป้าหมายร่วมกัน เชน่ ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นหรือ รางวัลท่ีกลุ่มจะ
ไดร้ บั เมื่อคะแนนกล่มุ ถงึ เกณฑต์ ามท่ีกำหนดไว้
4. ผู้เรียนในกลุ่มมีการแบ่งงานหรือหน้าที่รับผิดชอบ ความสำเร็จของสมาซิกทุกคนถือเป็น
ความสำเรจ็ ของกลุ่ม
5. สมาซิกในกลุ่มมีปฏิสมั พันธท์ ีด่ ีต่อกันและช่วยเหลือแลกเปลี่ยนและใหค้ วามร่วมมือแกก่ ันและ
กัน ผู้เรียนเก่งจะให้กำลังใจนักเรียนอ่อน และกระตุ้นให้เพื่อนพยายามมากขึ้น เพื่อจะได้ประสบ
ความสำเรจ็ ทางการเรยี นรว่ มกนั
6. ครเู ปล่ียนบทบาทจากการเปน็ แหลง่ ความรูห้ ลักมามบี ทบาทตา่ งๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี
(6.1) ผู้จัดการ โดยเป็นผู้กำหนดบทบาทให้ผู้เรียนทุกคนได้มีส่วนเข้าร่วมทำกิจกรรมเป็นผู้
มอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบแก่ผู้เรียนทุกคน จัดการให้ทุกคนได้ทำงานที่เหมาะสมกับ
ความสามารถ
(6.2) ผู้ช่วยเหลือและแหล่งวิทยาการ คอยให้คำตอบเมื่อผู้เรียนต้องการความช่วยเหลือทาง
วชิ าการ
(6.3) ผูส้ นบั สนุนและเสริมแรง ชว่ ยเหลอื สนบั สนนุ ดา้ นสือ่ อุปกรณห์ รือให้คำแนะนำท่ีช่วยกระตุ้น
ให้ผเู้ รยี นสนใจเขา้ รว่ มกิจกรรม
(6.4) ผู้ติดตามตรวจสอบ คอยตรวจสอบงานที่ผู้เรียนผลติ ขึ้นมาก่อนที่จะส่งต่อไปให้นักเรียนคน
อ่นื ๆ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ ด้านความถกู ต้อง

11

7. มีการจัดการแข่งขันภายในกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่สมาชิกมีความสามารถใกล้เคียงกันมาแข่งขัน
ด้วยกนั กลุ่มละ 4 คน

8. ระบบการให้รางวัลเน้นการให้รางวัลเป็นกลุ่มมากกว่ารายบุคคลกลุ่มที่ได้รับรางวัลจะต้องมี
คะแนนของกลุ่มท่ปี ระกอบสมาชิกท่ีมีความสามารถต่างกนั สงู ถึงเกณฑ์ที่กำหนดจากลกั ษณะของการเรียน
แบบร่วมมือดังกลา่ ว จะเห็นได้ว่าวิธีเรียนประเภทกลุ่มแข่งขันเป็นเทคนิควิธีท่ีส่งเสรมิ ด้านการเรียนรู้และ
ทักษะการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มได้เป็นอย่างดีช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ และตั้งใจเรียนอย่าง
ต่อเนื่องกระตุ้นให้ผู้เรยี นกระตือรือร้นในการค้นคว้าหาความรู้ และช่วยเหลือพึ่งพากันภายในกลุ่มของตน
เพ่อื ใหม้ ีความรพู้ ร้อมที่จะแข่งขันร่วมกับเพ่ือนกลุม่ อื่นที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน
สรุปได้ว่าการเรียนรู้ด้วยกลุ่มร่วมมือแบบ TGT การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่กำหนดให้นักเรียนได้เรียน
ร่วมกันเป็นกลุ่มยอ่ ย กลุ่มละ 4 คน ที่คละผู้เรียนตามระดับความสามารถ เก่ง ปานกลาง อ่อน โดยสมาชิกภายใน
กลุ่มช่วยเหลือกันในการเรียนรู้ และทำกิจกรรมร่วมกันในกลุ่มแลว้ จึงแยกกลุ่มตามความสามารถไปทำการแข่งขัน
ด้านความร้เู พ่ือสะสมคะแนนนำกลับมากลุ่มของตนเองน าคะแนนมารวมในทีมของแต่ละทมี แลว้ หาค่าเฉลี่ยทีมที่
ไดค้ ะแนนสูงสดุ ให้เป็นทีมชนะเลิศใน การแขง่ ขันและยังถือวา่ เป็นกลุ่มท่ปี ระสบผลสำเรจ็ ในแต่ละบทเรียน

3. แนวคิดและทฤษฎีเกย่ี วกบั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
3.1 ความหมายของผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน
สุรชัย ขวัญเมือง (2547: 232) ให้ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่าความรู้ที่ได้รับการสอนหรือ
ทักษะที่ได้พัฒนาขึ้นมาตามล าดับขั้นในวิชาต่าง ๆ ที่ได้เรียนมาแล้วสถานศึกษา และการที่ครูจะทราบว่าเด็กมี
ความร้แู ละทักษะในวชิ าต่าง ๆ เพิ่มขน้ึ เพยี งใด กจ็ าเป็นทีจ่ ะต้องอาศัยเคร่ืองมือในการวัดผลการศึกษาเข้ามาช่วย
สำหรับเครื่องมือที่สามารถใช้ได้ง่ายและสะดวกที่สุด ได้แก่การทดสอบ ซึ่งเราอาจทดสอบโดยการใช้แบบทดสอบ
หรอื ทดสอบทางดา้ นการปฏิบตั ิ เปน็ ตน้
ไพศาล หวังวานิช (2548: 89) ได้ให้ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่าหมายถึง คุณลักษณะและ
ความสามารถของบคุ คลอันเกดิ จาการเรียนการสอน เปน็ การเปล่ยี นแปลงพฤติกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้ที่
เกดิ จากการฝึกอบรมหรอื การสอน
พวงรัตน์ทวีรัตน์(2549: 29) ให้ความหมายของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนว่า หมายถึงคุณลักษณะรวมถึง
ความร้คู วามสามารถของบุคคลอนั เป็นผลมาจากการเรียนการสอนหรือมวลประสบการณ์ท้ังปวงท่ีบุคคลได้รับจาก
การเรยี นการสอน ทำให้บุคคลเกิดการเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมในดา้ นต่าง ๆ ของสมรรถภาพสมอง

12

สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง การพัฒนาด้านความรู้ความสามารถ และทักษะทางวิชาการ
ของบคุ คล รวมท้ังการเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมและสมรรถภาพทางสมอง ที่เกดิ ขน้ึ หลังจากผ่านกระบวนการเรียนรู้

3.2 จดุ มงุ่ หมายของการวัดผลสมั ฤทธ์ิ
พวงรัตน์ทวีรตั น(์ 2549 : 30) กลา่ ววา่ จดุ มุง่ หมายของการวัดผลสัมฤทธิเ์ พือ่ ตรวจสอบความสามารถของ
สมรรถภาพทางสมองของบุคคลว่าเรียนรูอ้ ะไรบ้าง และมีความสามารถด้านใด มากนอ้ ยเท่าใด เชน่ พฤติกรรมด้าน
ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใชก้ ารวเิ คราะห์สังเคราะห์และ การประเมินค่า มากนอ้ ยอยใู่ นระดับใด นั่นคือ
การวัดผลสัมฤทธ์ิเป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของนักเรียนในด้านพุทธิพิสัย ที่เป็นการวัด 2 องค์ประกอบตาม
จดุ ม่งุ หมายและลกั ษณะของวิชาท่ีเรยี นดังนี้
1. การวัดด้านการปฏิบัติ เป็นการตรวจสอบความรู้และความสามารถทางการปฏิบัติโดยให้นักเรียนได้ลง
มือปฏิบัติจริงให้เหน็ เปน็ ผลงานปรากฏออกมา สามารถท าการสังเกตและวัดไดเ้ ช่น วิชาศิลปศึกษา พลศกึ ษา การ
ช่าง เป็นต้น การวัดแบบนี้จึงต้องวัดโดยใช้ “ข้อสอบภาคปฏิบัติ” (Performance Test) ซึ่งเป็นการประเมินผล
พจิ ารณาที่วธิ ปี ฏบิ ตั ิ (Procedure) และผลงานท่ีปฏบิ ัติ
2. การวัดด้านเนือ้ หา เป็นการตรวจสอบความรู้และความสามารถเกี่ยวกับเนื้อหาวิชา (Content) รวมถึง
พฤติกรรมความสามารถดา้ นตา่ ง ๆ อนั เปน็ ผลมาจากการเรียนการสอนมีวิธกี ารสอบวดั 2 ลกั ษณะดงั น้ี
2.1 การสอบแบบให้เขยี นความ (Paper – Pencil Test or Written Test) เปน็ การสอบวดั ท่ใี ห้ผู้สอบ
เขียนเป็นตัวหนงั สือตอบท่มี ีการตอบอยู่ 2 แบบ คอื
2.1.1 แบบไม่จำกดั คำตอบ (Free Response Type) ไดแ้ ก่การสอบวัดท่ีใช้ข้อสอบแบบอัตนยั หรือ ความ
เรยี ง (Essay Test)
2.1.2 แบบจำกัดคำถาม (Fixed Response Type) เป็นการสอบที่ก าหนดขอบเขตของคำถามที่จะตอบ
หรอื กำหนดคำตอบมาใหเ้ ลือกซึ่งมีรปู แบบของคำถามคำตอบ 4 รูปแบบดงั น้ี
1) แบบเลือกทางใดทางหนึง่ (Alternative)
2) แบบจบั คู่ (Matching)
3) แบบเติมคำ (Completion)
4) แบบเลอื กตอบ (Multiple Choice)
3.3 ประเภทของการทดสอบวดั ผลสมั ฤทธ์ิ
การทดสอบวดั ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียนของผู้เรยี นโดยการเขียนตอบนนั้ ทำได้ 2 ลักษณะ คอื การทดสอบ
แบบองิ กลุ่มหรือการวัดแบบอิงกลุ่ม (Norm Referenced Measurement) กับการทดสอบแบบอิงเกณฑ์หรือการ
วัดผลแบบอิงเกณฑ์(Criterion Referenced Measurement)

13

การทดสอบทง้ั 2 แบบมีลกั ษณะดังน้ี
1. การทดสอบแบบองิ กลุ่มหรอื การวดั แบบองิ กลมุ่ (Norm Referenced Testing or Norm Referenced
Measurement) เป็นการทดสอบหรือการสอบวัดที่เกิดจากความเชื่อในเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลที่ว่า
ความสามารถของบุคคลใด ๆ ในเรื่องใดนั้นมีไม่เท่ากัน บางคนมีความสามารถเด่น บางคนมีความสามารถด้อย
และส่วนใหญ่จะมีความสามารถปานกลางกระจายความสามารถของบุคคล ถ้านำมาเขียนกราฟจะมีลักษณะคลา้ ย
ๆ โค้งรูประฆัง หรือ ที่เรียกว่าโค้งปกติ (Normal Curve) ดังนั้นการทดสอบแบบนี้จึงยึดคนส่วนใหญ่ เป็นหลักใน
การเปรียบเทียบโดยพิจารณาคะแนนผลการสอบของบุคคลเทยี บกับบุคคลอืน่ ๆ ในกลุ่มคะแนนจะมีความหมายก็
ต่อเมื่อนำไปเปรียบเทียบกบั คะแนนของบุคคลของบุคคลอื่นที่สอบด้วยข้อสอบเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อกระจาย
บุคคลทั้งกลุ่มไปตามความสามารถของแต่ละบุคคล ก็คือคนที่มีความ สามารถสูงจะได้คะแนนสูง คนที่มี
ความสามารถดอ้ ยกวา่ จะไดค้ ะแนนลดหล่ันลงมาจนถึงคะแนนต่ำสดุ
2. การทดสอบแบบอิงเกณฑ์หรอื การวดั ผลแบบอิงเกณฑ์ (Criterion Referenced Testing or Criterion
Referenced Measurement) ยึดความเชื่อในเรื่องการเรียนเพื่อรอบรู้คือ ยึดหลักการที่ว่าในการเรียนการสอน
จะต้องมุ่งส่งเสริมให้นักเรียนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดประสบความสำเร็จในการเรียน แม้นักเรียนจะแตกต่างกัน
แต่ทุกคนควรได้รับการส่งเสริมให้พัฒนาไปถึงขีดความสามารถสูงสุดของตน โดยอาจใช้เวลาแตกต่างกันในแต่ละ
บุคคลดงั นนั้ จึงมีการกำหนดเกณฑ์ข้ึนมาแลว้ นำผลการสอบวัดของแตล่ ะบุคคลเทียบกับเกณฑท์ ่ีตั้งไว้ไม่ได้มีการนำ
ผลไปเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น ๆ ในกลุ่มความสำคัญของการทดสอบแบบนี้จึงอยู่ที่การกำหนดเกณฑ์เป็นสำคัญ
เกณฑ์ หมายถึง กลมุ่ ของพฤตกิ รรมท่ีได้กำหนดไว้ในแต่ละรายวิชาตามจดุ มุ่งหมายของการสอนแต่ละบท หรือแต่
ละหน่วยการเรียนของรายวิชานั้น อาจเป็นจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมหรือกลุ่มของพฤติกรรมได้จุดมุ่งหมายของ
แบบทดสอบน้ี จึงเป็นการตรวจสอบ ดูว่าใครเรียนได้ถึงเกณฑ์และใครยังเรียนไม่ถึงเกณฑ์ควรได้รับการปรับปรุง
แกไ้ ขต่อไป เช่นการเรยี นซ่อมเสริมจากท่ีกลา่ วมาแล้ว พฤติกรรมดา้ นความรู้และความคดิ ที่เรียกว่าพฤติกรรมด้าน
พุทธิพิสัย เป็นพฤติกรรมที่เกี่ยวกับสมรรถภาพสมองหรือสติปญั ญาในการเรียนของนักเรยี นที่จำแนกพฤติกรรม 6
ดา้ น ไดแ้ ก่ความรู้ความจำ ความเขา้ ใจ การนำไปใช้การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การประเมนิ ค่า ข้อสอบทสี่ ามารถ
วดั พฤติกรรมด้านพุทธพิ ิสัยได้อย่างดคี ือ ขอ้ สอบปรนยั แบบเลอื กตอบ
3.4 การวดั ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี น
ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2541: 18) กล่าวว่า การวัดผลสัมฤทธิ์ (Achievement) เป็นการวัด
ความสามารถทางการเรียนของผู้เรียนหลังจากได้เรียนเนื้อหา (Content) ของวิชาใดวิชาหนึ่งแล้ว ผู้เรียน
มีความสามารถเรียนรู้มากน้อยเพียงใด นั่นคือ การวัดผลสัมฤทธิ์ยึดเนื้อหาวิชาเป็นหลัก เช่น คณิตศาสตร์ อาจมี
เนื้อหาการบวก การลบ การคูณ การหาร เศษส่วน ฯลฯ การสอบวัดความรู้หลังจากเรียนเนื้อหาที่กำหนดให้

14

ในภาคเรยี น หรอื ในชั้นหน่ึง ๆ น้นั เปน็ การสอบวดั ผลสัมฤทธทิ์ างการเรยี นแบบทดสอบผลสมั ฤทธิ์ (Achievement
test) เป็นแบบทดสอบทใ่ี ช้วัดความรคู้ วามเขา้ ใจตามพุทธิพิสัย (Cognitive domain) แบง่ ออกได้ 2 ชนิด คอื

1. แบบทดสอบที่ครสู ร้างเอง (Teacher made test) เปน็ แบบทดสอบที่สรา้ งกันโดยท่วั ไป เม่อื ตอ้ งการ
ใช้ก็สร้างขึ้นใช้ ใช้แล้วก็เลกิ กัน ถ้าจะน าไปใช้อีกก็ต้องดัดแปลง ปรับปรุงแก้ไข เพราะเป็นแบบทดสอบที่สร้างขึน้
ใช้เฉพาะครง้ั อาจยังไม่มกี ารวิเคราะหห์ าคา่ คุณภาพ

2. แบบทดสอบมาตรฐาน (Standardized test) เป็นแบบทดสอบที่ได้มีการพัฒนาด้วยการวิเคราะห์ทาง
สถิตมิ าแล้วหลายครง้ั หลานหนจนมีคณุ ภาพสมบูรณ์ ทั้งด้านความตรง ความเท่ยี ง ความยากงา่ ย คา่ อำนาจจำแนก
ความเป็นปรนัย และมีเกณฑป์ กตใิ ช้เปรยี บเทยี บดว้ ย รวมความแลว้ ต้องมีมาตรฐานทัง้ ดา้ นการดำเนนิ การสอบและ
การแปลผลคะแนนท่ไี ด้ (บุญธรรม กิจปรีดาบรสิ ทุ ธ์ิ. 2542: 73)

3.5 ขั้นตอนการเขียนข้อสอบวัดผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน
บญุ ธรรม กจิ ปรีดาบรสิ ทุ ธ์ิ (2542:57) ได้กล่าวถึงขนั้ ตอนการสร้างแบบทดสอบวัดความร้คู วามเข้าใจ
1. กำหนดเนอ้ื หาและพฤตกิ รรมทต่ี ้องการ
2. เลือกชนิดและแบบของแบบทดสอบ
3. เขยี น (ร่าง) ข้อคำถาม
4. จดั เรียงและทำรูปเล่ม
5. ตรวจปรับปรงุ และแก้ไข
6. ตรวจสอบคุณภาพ
สรุปได้ว่า การสร้างแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ควรคำนึงถึงจุดมุ่งหมายทางการเรียน
ครอบคลุมพฤติกรรมในการเรียนรู้ตามจัดมุ่งหมาย มีการวิเคราะห์ข้อสอบเพื่อหาค่าความเที่ยงตรง ความยากง่าย
ค่าอำนาจจำแนก เพื่อปรบั ปรงุ แก้ไขตามผลการวเิ คราะห์ แล้วจึงจัดทำแบบทดสอบเพอ่ื นำไปใชจ้ ริง

4. เอกสารเก่ยี วกับความพงึ พอใจ
4.1 ความหมายของความพึงพอใจ
ความหมาย ความพึงพอใจ ไดม้ ผี ใู้ ห้ค าอธบิ ายความหมาย ของความพึงพอใจไวด้ งั น้ี
ราชบัณฑิตยสถาน (2546 : 588-600) พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายว่า พอใจ
หมายถงึ สมใจ ชอบใจ เหมาะ พงึ ใจ หมายถึง พอใจ ชอบใจ
สมศักด์ิคงเทีย่ ง และอญั ชลโี พธิท์ อง (2542 : 278-279) กลา่ วว่า
1) ความพึงพอใจเป็นผลรวมของความรู้สึกของบคุ คลเกี่ยวกับระดับความชอบหรือไม่ชอบตอ่ สภาพต่าง ๆ

15

2) ความพึงพอใจเปน็ ผลของทศั นคติทเี่ กยี่ วข้องกับองคป์ ระกอบต่าง ๆ
3) ความพึงพอใจในการท างานเป็นผลมาจากการปฏิบัตงิ านท่ีดแี ละสำเร็จจนเกดิ เปน็ ความภูมิใจ และได้
ผลตอบแทนในรปู แบบตา่ ง ๆ ตามที่หวังไว้
4.2 ทฤษฎที เ่ี กีย่ วกับความพึงพอใจ

สมพงษ์เกษมสิน (2518 : 298 อ้างถึงใน นริษา นราศรี2544 : 28) บุคคลจะเกิดความพึงพอใจได้นั้น
จะตอ้ งมกี ารจูงใจ ได้กล่าวถึงการจูงใจไว้ว่า “การจูงใจเป็นการชักจูงให้ผู้อ่ืนปฏิบัติตาม โดยมมี ลู เหตุความต้องการ
2 ประการ คอื ความต้องการทางรา่ งกาย และความต้องการทางจติ ใจ”

นฤมล มีชัย (2535 : 15 อ้างถึงใน นริษา นราศรี2544 : 28) กล่าวว่า ความพึงพอเป็นความรู้สึกหรือเจต
คติที่ดีต่อการการปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบนั้น ๆ ด้วยใจรัก มีความกระตือรือร้นในการ
ทำงานพยายามตั้งใจทำงานใหบ้ รรลุเป้าหมาย และมีประสิทธิภาพสงู สุด มีความสุขกับงานที่ทำ และมีความพอใจ
เม่อื งานนนั้ ไดผ้ ลประโยชนต์ อบแทน

4.3 ความสำคัญในการศกึ ษาความพึงพอใจ
ปรียาพร วงศ์อนุตรโรจน์(2536 : 130 อ้างถึงใน นริษา นราศรี2544 : 28) ได้กล่าวถึงความสำคัญใน
การศึกษาความพงึ พอใจในการท างาน ดังนี้
4.3.1 การรับรู้ปจั จัยต่างๆ ท่ีมีความสมั พนั ธ์กับความพึงพอใจในการท างาน ทำใหส้ ามารถนำไปใช้ในการ
สร้างปจั จยั เหลา่ นใ้ี ห้เกดิ ขึ้นเปน็ ประโยชนต์ อ่ การทำงาน
4.3.2 ความพึงพอใจในการทำงาน จะทำให้บุคคลมีความตั้งใจในการทำงาน ลดการขาดงาน การมา
ทำงานสาย และการขาดความรับผดิ ชอบทม่ี ีต่องาน
4.3.3 ความพึงพอใจในการทำงาน เป็นการเพิ่มผลผลิตของบุคคลทำให้องค์การมีประสิทธิภาพ และ
ประสทิ ธิผล ไดบ้ รรลเุ ป้าหมายขององค์กร
4.4 การวดั ความพึงพอใจ
หทัยรตั น์ประทุมสตู ร (2542 : 14) กลา่ ววา่ การวัดความพงึ พอใจเป็นเรื่องที่เปรยี บได้กับความเข้าใจท่ัว ๆ
ไป ซึ่งปกติจะวัดได้โดยการสอบถามจากบุคคลที่ต้องการจะถาม มีเครื่องมือที่ต้องการจะใช้ในการศึกษาค้นคว้า
หลาย ๆ อย่าง อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าจะมีการวัดอยูห่ ลายแนวทางแต่การศึกษาความพึงพอใจอาจแยกกล่าวแนวทาง
วัดไดส้ องแนวคิด ดงั น้ี
4.4.1 วัดจากสภาพทั้งหมดของแต่ละบุคคล เช่น ที่ท างาน ที่บ้านและทุก ๆ อย่างที่เก่ียวข้องกับชีวิต
การศึกษาตามแนวทางนีจ้ ะได้ข้อมูลทส่ี มบูรณ์แต่ท าให้เกดิ ความยุง่ ยากกับการทีจ่ ะวัดและเปรยี บเทียบ

16

4.4.2 วัดไดโ้ ดยแยกออกเป็นองค์ประกอบ เชน่ องค์ประกอบทีเ่ กีย่ วกบั งาน การนเิ ทศงานเก่ยี วกับนายจ้าง
จากความคิดเห็นของนักวิชาการ ได้กล่าวถึงสิ่งที่สร้างความพึงพอใจสรุปได้ว่าความพึงพอใจเป็นความรู้สึกใน
ทางบวกความร้สู ึกทม่ี ีความสุขเม่ือได้รับผลสำเร็จ และผลตอบแทนจากการปฏบิ ัติงาน ทำให้บุคคลเกิดความสบาย
ใจ หรอื สนองความตอ้ งการทำให้เกดิ ความสุขเป็นผลดตี ่อการปฏบิ ตั ิงาน

5. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
วชั ราภรณม์ าติยา (2559 : 88 - 93) ไดศ้ ึกษาการพฒั นากิจกรรมการเรยี นรแู้ บบร่วมมอื เทคนคิ TGT โดย
ใช้เครือข่ายทางสังคม รายวชิ าคอมพิวเตอรศ์ กึ ษา สำหรบั นักเรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 การวิจัยในครั้งน้ีมี
วัตถปุ ระสงค์เพ่อื พัฒนากจิ กรรมการเรียนรแู้ บบกลมุ่ รว่ มมือเทคนิค TGT รายวิชาคอมพวิ เตอรโ์ ดยใช้เครอื ข่ายทาง
สงั คม กลุ่มสาระการเรยี นรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยชี ้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ที่มีประสทิ ธภิ าพ E1/E2 กำหนด
เกณฑ์ 85/85 และศึกษาคา่ ดัชนีประสทิ ธผิ ลการเรยี นรู้ของนกั เรยี น รายวิชาคอมพวิ เตอร์โดยใช้เครือข่ายทางสังคม
ประกอบการเรียนแบบรว่ มมือเทคนิค TGT และเปรียบเทียบคะแนนรายวิชาคอมพิวเตอรโ์ ดยใชเ้ ครอื ขา่ ยทาง
สงั คมประกอบการเรยี นแบบร่วมมือเทคนิค TGT ก่อนเรยี นและหลงั เรยี นและศกึ ษาความพงึ พอใจของนักเรยี นต่อ
การเรียนรู้รายวิชาคอมพวิ เตอร์โดยใชเ้ ครอื ขา่ ยทางสงั คม ประกอบการเรียนแบบร่วมมือเทคนคิ TGT กลุม่ ตัวอยา่ ง
เปน็ นักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1/1 จำนวน 50 คน ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2558 โรงเรียนสตรศี กึ ษา จังหวัด
รอ้ ยเอด็ ไดม้ าโดยวิธกี ารสมุ่ แบบกลมุ่ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการวจิ ยั ไดแ้ ก่ แผนการจดั การเรียนการสอนโดยการเรยี น
แบบรว่ มมือเทคนิค TGT นกั เรยี นช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1/1 แบบทดสอบวดั ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียนจำนวน 40 ขอ้
และแบบสอบถามความพงึ พอใจของนักเรยี น จำนวน 20 ข้อ สถติ ิทใ่ี ช้ในการวิเคราะหผ์ ล ได้แก่ ร้อยละ คา่ เฉล่ีย
ส่วนเบนเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการวิจัยพบวา่ กิจกรรมการเรยี นรู้แบบร่วมมือเทคนคิ TGT โดยใช้เครือขา่ ย
ทางสังคมรายวิชาคอมพวิ เตอร์กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยีช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 มี
ประสทิ ธิภาพเท่ากับ 89.27/86.70 เปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่ต้ังไว้และคา่ ดัชนีประสทิ ธิผลการเรียนรขู้ องนักเรยี นทีเ่ รยี น
ด้วยกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค TGT โดยใช้เครือข่ายทางสังคมวชิ าคอมพวิ เตอรม์ ีค่าเทา่ กบั 0.6071
หรอื คิดเปน็ ร้อยละ 60.71และนักเรยี นทเ่ี รียนด้วยกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบรว่ มมือเทคนิค TGT โดยใชเ้ ครอื ข่ายทาง
สงั คม รายวิชาคอมพิวเตอร์มีผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นหลงั เรียนสูงกวา่ กอ่ นเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทร่ี ะดับ
.05 และนกั เรยี นมีความพงึ พอใจต่อการเรียนรู้แบบรว่ มมอื เทคนคิ TGT ทใ่ี ชเ้ ครือข่ายทางสังคม รายวิชา
คอมพิวเตอรโ์ ดยรวมอยู่ในระดบั มาก (X =4.52, S.D. = 0.24 )
Chen-Chung Liu (2005 ; อ้างถงึ ใน วัชราภรณ์ มาติยา.2559 : 73) ได้ศึกษาวิจยั เรอ่ื งกิจกรรม
สนบั สนุนการเรยี นดว้ ยทีมแข่งขนั (Team Game Tournament) บนเครอื ข่าย GMS โดยมีจดุ มงุ่ หมายเพ่ือพฒั นา

17

กจิ กรรมการเรยี นเพ่ือการเรียนรู้แบบร่วมมอื กนั โดยใช้เว็บเป็นฐาน โดยทีผ่ ้เู รียนมีการเก็บขอ้ มูลผลงานไวบ้ นเวบ็
เซฟเวอร์และเนอ่ื งจากนักเรียนในประเทศญ่ีปุ่นสว่ นใหญม่ ีการใชม้ ือถอื กันถึง 100 % ผู้ศกึ ษาค้นควา้ จึงใช้มือถือใน
การจดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยผา่ น SMS ผา่ นระบบเครอื ขา่ ย GMS โดย SMS จะมีการแจ้งเตือนแก่ผเู้ รยี นในกลมุ่
เมื่อนกั เรียนในกลุ่มเกิดข้อสงสยั โดยสมาชกิ กลมุ่ มีจ านวน 3-4 คน ทมี่ คี วามสามารถท่ีแตกตา่ งกัน การเรียนแต่ละ
กลุม่ จะต้องรว่ มมือกนั ท างานที่ไดร้ ับมอบหมายให้ส าเร็จโดยสมาชิกจะจัดสรรงานท่ีได้รบั มอบหมายเพื่อท่ีจะแบง่
กันทำตาความสามารถของแต่ละคน และเมอ่ื ผู้เรียนในกล่มุ สง่ งานที่รับมอบหมายเรยี บร้อยแล้วสมาชกิ กลมุ่ กจ็ ะ
สามารถดูงานทท่ี มี ของตัวเองส่งได้ในส่วนของกิจกรรมการแข่งขนั ผ้เู รยี นแต่ละกลุ่มจะต้องเข้าแข่งขันความรู้กบั
กลุ่มอน่ื ๆ กลุ่มตวั อยา่ งได้แก่ กลุ่มทดลองและกลุม่ ควบคุมทีเ่ รียนดว้ ยกจิ กรรมการเรยี นแบบปกตผิ ลการทดลอง
พบวา่ ผ้เู รียนทีเ่ รียนด้วยกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบทมี แขง่ ขันมีผลสัมฤทธ์ิสูงกวา่ ผู้เรยี นทีไ่ ม่ไดเ้ รียนด้วยกิจกรรมการ
เรียนเป็นทีมแข่งขนั

Meriam (2000; อ้างถงึ ใน วัชราภรณ์ มาตยิ า .2559: 74) ได้ศึกษาผลกระทบของนักเรยี นทเี่ รียนด้วยการ
เรียนแบบรว่ มมือดว้ ยกลยุทธ์ TGT รายวชิ าคณติ ศาสตรโ์ ดยคัดเลอื กแบบเจาะจงและใช้แบบทดสอบก่อนเรียนและ
หลงั เรียนในการเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธผ์ิ ศู้ กึ ษาคน้ ควา้ ใช้เวลาในการศึกษาเปน็ เวลา 3สัปดาห์ผลการทดลองพบว่า
กล่มุ ทดลองมผี ลสัมฤทธก์ิ ารเรยี นตอ่ การเรยี นที่แตกต่างจากกลุ่มควบคุม

18

บทท่ี 3
วิธีดำเนินการวจิ ัย

การวจิ ยั ครงั้ น้ีมวี ตั ถปุ ระสงค์เพ่ือการพัฒนาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดว้ ยกลุ่มในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทาง
การเรยี น ดว้ ยกจิ กรรกลุ่มรว่ มมือ TGT เร่ือง เคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรยี นช้นั มัธยมศึกษา
ปที ี่ 1 โรงเรยี นบ้านป่าแดง (ไชยอุปถัมภ์)

1. ประชากรท่ีศึกษา
2. แบบแผนการวิจยั
3. เครือ่ งมอื ที่ใช้ในการวิจัย
4. การสรา้ งและหาประสิทธิภาพของเคร่ืองมือ
5. วธิ ีการเก็บรวบรวมข้อมลู พอสังเขป
6. การวิเคราะห์ข้อมูล
7. สถติ ิท่ีใช้วิเคราะห์ขอ้ มูล

1. ประชากรทีศ่ ึกษา

1. ประชากรที่ใชใ้ นการวิจยั นักเรียนโรงเรียนบา้ นป่าแดง (ไชยอุปถมั ภ์)
ปกี ารศกึ ษา 1/2565จำนวน 283 คน

2. ประชากรท่ีใช้ในการวิจัย นักเรยี นชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 โรงเรยี นบา้ นป่าแดง (ไชยอปุ ถัมภ์)
ปีการศกึ ษา 1/2565 จำนวน 31 คน โดยวิธีการเลอื กแบบเจาะจง (Purposive Sampling)

2. แบบแผนการวจิ ัย
ตารางท่ี 3.1 แบบแผนวจิ ยั วธิ กี ารแบบแผนกล่มุ เดยี วทดสอบก่อนหลัง (One Group Pretest-Posttest Design)

การสุม่ กลุ่ม ทดสอบก่อนเรียน ส่งิ ทดลอง ทดสอบหลังเรียน

-E O1 X O2

เมื่อ E แทน กลุ่มทดลอง (Experiment group)
X แทน มีการให้สงิ่ ทดลอง (Treat)
O1 แทน การทดสอบกอ่ นการทดลอง (Pretest)
O2 แทน การทดสอบหลังการทดลอง (Posttest)

19

3. เครอ่ื งมอื ทีใ่ ช้ในการวิจัย
3.1 แผนการจดั การเรียนรู้
3.2 แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน รายวิชาสงั คมศึกษา เรอ่ื ง เคร่ืองมือทางภมู ศิ าสตร์ และเวลาโลก ชัน้

มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 เปน็ แบบทดสอบปรนยั 4 ตวั เลือก จำนวน 20 ขอ้
3.3 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี นท่เี รยี นโดยเกม เพ่ือสง่ เสรมิ ทกั ษะการใชเ้ คร่ืองมือทาง

ภมู ิศาสตร์ และสามารถเปรียบเทยี บเวลาโลกได้

4. การสรา้ งและหาประสิทธิภาพของเคร่ืองมือ
4.1 การสรา้ งและพฒั นาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายวิชาสงั คมศึกษาด้วยกิจกรรกลุ่มรว่ มมือ

TGT เร่ือง เครือ่ งมอื ทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก จำนวน 6 แผน 6 คาบ มแี นวทางดงั น้ี

4.1.1 ศกึ ษาหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 คมู่ ือการจดั การเรยี นร้กู ลุ่ม
สาระการเรียนร้สู งั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เพือ่ ให้ทราบหลกั การ เปา้ หมายเจตนารมณ์ของหลักสูตร
จุดประสงค์ของหลักสูตร

4.1.2 ศกึ ษาหลักสตู รสถานศึกษาของโรงเรยี นบา้ นปา่ แดง (ไชยอุปถมั ภ)์
4.1.3 ศึกษาค้นควา้ เอกสาร ตำรา และงานวิจยั เกย่ี วกบั การเรยี นรแู้ บบร่วมมอื TGT เพื่อเป็นแนวทาง
ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรสู้ ำหรับใช้กบั นกั เรียนกลมุ่ ตัวอยา่ ง
4.1.4 ศกึ ษาเอกสาร และตำราทเ่ี กย่ี วข้องกบั เน้ือหา เร่ือง เคร่อื งมือทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก
4.1.5 สร้างแผนการจัดการเรียนรดู้ ้วยกลมุ่ รว่ มมอื แบบ TGT หน่วยการเรยี นรู้ เร่ือง เคร่ืองมือทาง
ภูมศิ าสตร์ และเวลาโลก ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน 6 แผน 6 ช่วั โมง
4.1.6 นำแผนการจดั การเรยี นร้ใู หผ้ ้เู ช่ยี วชาญ 3 ท่าน ซงึ่ เป็นผูเ้ ชยี่ วชาญดา้ นการสอนสงั คมศึกษา 1
ท่าน ผูเ้ ชี่ยวชาญดา้ นสังคมศึกษา 1 ทา่ น ผูเ้ ชี่ยวชาญด้านวจิ ยั 1 ทา่ น ตรวจดคู วามถูกต้องเหมาะสมเพ่ือปรบั ปรุง
4.1.7 ปรับปรงุ แก้ไขแผนการจดั การเรียนรูใ้ หส้ มบูรณเ์ พื่อนำไปใชก้ ับนักเรียนกลุ่มตวั อยา่ งตอ่ ไป
4.2.8 แบบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก
ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 เปน็ แบบทดสอบปรนัย ชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จำนวน 20 ข้อมีเกณฑก์ ารให้คะแนน คือ
ตอบถูกให้ 1 คะแนน ตอบผดิ ให้ 0 คะแนน ผวู้ จิ ัยไดด้ ำเนนิ การสร้างและหาคุณภาพตามข้นั ตอนต่อไปนี้
1) ศกึ ษาเนือ้ หาของรายวชิ าสงั คมศึกษาพนื้ ฐาน หน่วยการเรยี นรู้ เร่ือง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และ
เวลาโลก จากหลกั สตู รการศึกษาขน้ั พื้นฐาน และศึกษาแนวทางการประเมินผลจากคมู่ ือ การวดั ผลประเมนิ ผล

20

2) ศึกษาแนวทางและเทคนิคการสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นท่ีดจี ากหนังสือ แนว
ปฏบิ ัติการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสตู ร แกนกลางการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ของ
สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (2553: 155-179) รวมทง้ั ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกย่ี วขอ้ ง

3) วเิ คราะหเ์ น้ือหา และจดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรมของบทเรียนทใ่ี ชใ้ นการทดสอบเพอื่ สร้างตาราง
วิเคราะหแ์ บบทดสอบให้สอดคลอ้ งกับเน้อื หาและจุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม

4) สรา้ งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี นใหส้ อดคล้องกับวัตถุประสงคท์ ีต่ ั้งไว้ ซ่ึงมีลกั ษณะเปน็
แบบทดสอบแบบปรนัยชนิดเลอื กตอบ 4 ตัวเลอื ก จำนวน 40 ข้อ (สรา้ งข้อสอบเกนิ ตามจำนวนทร่ี ะบไุ ว้ คือ 20
ขอ้ เพื่อท่ีจะนำไปคัดเลือก โดยทดสอบคา่ IOC)

5) นำแบบทดสอบท่ีสร้างขึน้ เรียบร้อยแล้วใหผ้ ้เู ชีย่ วชาญทัง้ 5 ทา่ นตรวจสอบความเทย่ี งตรงเชิงเนอ้ื หา
(Content Validity) ความชัดเจน ความถกู ต้องเหมาะสมของภาษาที่ใช้ และความสอดคลอ้ งดว้ ยดชั นีความ
สอดคล้อง (Index of Consistency หรือ IOC) โดยก าหนดเกณฑ์การพจิ ารณา คือ

เหน็ ว่าสอดคลอ้ งเหมาะสม ใหค้ ะแนน +1
เหน็ วา่ ไมแ่ น่ใจ ให้คะแนน 0
เหน็ ว่าไม่สอดคล้องเหมาะสม ใหค้ ะแนน -1
การวเิ คราะห์ข้อมลู ความเหมาะสมและความสอดคล้องของแผนการจดั การเรยี นรู้โดยใช้ดัชนีความ
สอดคลอ้ ง IOC คำนวณคา่ ตามสตู รต่อไปน้ี

Σ
IOC =
เมอ่ื ΣR แทนผลรวมคะแนนความคิดเหน็ ของผูเ้ ช่ยี วชาญ
N แทนจำนวนผู้เช่ยี วชาญนำข้อมลู ท่ีไดร้ วบรวมจากความคิดเหน็ ของผเู้ ชีย่ วชาญมา
คำนวณเพ่ือหาค่า IOC โดยใชด้ ชั นีความสอดคล้องของผ้เู ชี่ยวชาญมาคำนวณ แลว้ เลือกค่าดัชนี
ความสอดคล้องตั้งแต0่ .50 ขึ้นไป ไดค้ ่าดัชนีความสอดคลอ้ งของแบบทดสอบท้งั ฉบบั เท่ากบั 0.74

6) นำแบบทดสอบทสี่ รา้ งไปวัดผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียน โดยทดลองกับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีที่ 1
จำนวน 31 คน ทเ่ี คยเรยี นวิชาวชิ าสงั คมศึกษาพ้นื ฐาน หน่วยการเรียนรู้ เรอื่ ง พึ่งตนพงึ่ ธรรม มาแลว้ ตรวจให้
คะแนนโดยข้อที่ตอบถกู ให้ 1 คะแนน ข้อที่ตอบผดิ ให้ 0 คะแนน

7) นำผลทไี่ ด้จากการทดสอบมาวิเคราะห์หาคา่ ความยากง่าย (p) และคา่ อำนาจจำแนกของ
แบบทดสอบ (B) ทำการคัดเลือกข้อสอบ ซึ่งได้คา่ ความยากง่ายระหว่าง 0.23 –0.74 และค่าอ านาจจ าแน
กระหวา่ ง 0.22 – 0.75 จำนวน 30 ข้อ โดยผวู้ ิจยั ได้ตดั แบบทดสอบในขอ้ ทม่ี ีคา่ ต่ำกวา่ เกณฑอ์ อก

21

8) นำแบบทดสอบที่ได้คดั เลือกแลว้ ไปหาคา่ ความเชอื่ ม่นั ของแบบทดสอบทั้งฉบับโดยใช้สตู ร KR-20
ของ คูเดอร์-ริชาร์ดสัน (Kuder-Richardson Methods)

9) นำข้อสอบท่ีผ่านเกณฑไ์ ปทดลองใชก้ ับนกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ท่ีเป็นกลมุ่ ตวั อยา่ ง เพอ่ื นำไป
เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น

3.4 แบบสอบถามความพงึ พอใจ
แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ทีเ่ รยี นดว้ ยแผนการจดั การเรียนรูจ้ ดั การ
เรียนรูด้ ้วยกลุ่มร่วมมอื แบบ TGT เรื่อง เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก การสรา้ งแบบสอบถามความพงึ
พอใจครงั้ น้ีมีลักษณะเป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั โดยสอบถามความ
พึงพอใจ มีวธิ ีการสร้างดังนี้
1) ศกึ ษาวิธกี ารสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ จากเอกสารและงานวจิ ยั ท่เี กีย่ วข้อง เพ่ือกำหนดเป็น
แนวทางการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนท่ีมีต่อการใช้บทเรยี นคอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน
2) สร้างแบบสอบถามความพึงพอใจของนกั เรียนชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ทีเ่ รียนดว้ ยแผนการจัดการ
เรยี นรูด้ ้วยกล่มุ ร่วมมือแบบ TGT เร่อื ง เคร่ืองมือทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลกมีลกั ษณะเปน็ แบบสอบถามแบบ
มาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) 5 ระดบั ตามวธิ ีของลเิ คริ ท์ (Likert อ้างถึงใน จรพี รรณ ปิยพสุนทรา
2545: 59) โดยกำหนดเกณฑ์การประเมิน ดังนี้

ระดับ 5 หมายถึง มีความพึงพอใจมากทส่ี ุด
ระดบั 4 หมายถึง มีความพงึ พอใจมาก
ระดบั 3 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจปานกลาง
ระดบั 2 หมายถึง มคี วามพงึ พอใจน้อย
ระดับ 1 หมายถึง มีความพงึ พอใจน้อยทีส่ ดุ
สำหรับการแปลความหมายของค่าทวี่ ัดได้ผ้วู ิจยั ได้กำหนดเกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการใหค้ วามหมาย โดยการใช้
ค่าเฉลี่ยเป็นรายช่วงและรายข้อ ดังนี้
4.51 – 5.00 หมายความว่า มคี วามพึงพอใจอยู่ในระดับ มากท่ีสดุ
3.51 – 4.50 หมายความว่า มคี วามพึงพอใจอย่ใู นระดับ มาก
2.51 – 3.50 หมายความวา่ มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ ปานกลาง
1.51 – 2.50 หมายความว่า มคี วามพึงพอใจอยู่ในระดบั น้อย
1.00 – 1.50 หมายความว่า มคี วามพึงพอใจอยใู่ นระดบั น้อยท่ีสุด

22

3) นำแบบสอบถามความพึงพอใจไปให้ผเู้ ชย่ี วชาญ จำนวน 3 ทา่ น ตรวจสอบความเหมาะสม เพื่อหา
คา่ ความเทย่ี งตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ตรวจสอบภาษาท่ีใช้และการประเมินท่ีถูกต้อง และนำมาหาค่า
ดัชนีความสอดคล้องของเครอื่ งมอื (IOC) โดยก าหนดเกณฑ์การพจิ ารณา คือ

+1 แนใ่ จวา่ สอดคล้อง
0 ไมแ่ นใ่ จวา่ สอดคล้อง
-1 แนใ่ จวา่ ไม่สอดคลอ้ ง
นำข้อมูลท่ีได้รวบรวมจากความคดิ เห็นของผเู้ ชย่ี วชาญมาคำนวณเพ่อื หาค่า IOC โดยใชด้ ชั นคี วาม
สอดคลอ้ งของผูเ้ ชีย่ วชาญมาคำนวณ แล้วเลือกค่าดัชนีความสอดคลอ้ งตงั้ แต่ 0.50 ขึ้นไป
4) นแบบสอบถามความพึงพอใจมาปรบั ปรุงตามขอ้ เสนอแนะของผเู้ ชย่ี วชาญเพื่อตรวจสอบความ
เหมาะสมในดา้ นการใช้ภาษา
5) นำแบบสอบถามความพึงพอใจท่ปี รบั ปรุงแล้วไปทดลองใช้
6) นำแบบสอบถามความพึงพอใจไปหาคา่ ความเช่ือมัน่ ทั้งฉบบั โดยหาค่าสัมประสทิ ธ์ิแอลฟาได้ค่าความ
เชอื่ มน่ั ของแบบทดสอบทงั้ ฉบับเท่ากบั 0.83
7) นำแบบสอบถามความพึงพอใจทีป่ รบั ปรงุ แลว้ ไปใชก้ บั กลุ่มตวั อย่าง
5. วิธกี ารเกบ็ รวบรวมข้อมูลพอสังเขป
การวิจยั ครั้งนผ้ี ู้วจิ ัยเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ด้วยตนเอง มีขนั้ ตอนดังน้ี
5.1 นำนักเรยี นกล่มุ ตัวอยา่ ง มา 1 ห้องเรยี น จำนวน 31 คน คอื นักเรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้าน
ปา่ แดง (ไชยอุปถัมภ์)ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2565
5.2 ดำเนินการปฐมนเิ ทศนักเรยี นกลมุ่ ตัวอยา่ ง เพือ่ ชีแ้ จงวัตถปุ ระสงคแ์ ละอธบิ ายขั้นตอน วธิ กี ารเรยี นด้วย
ดว้ ยกลุ่มรว่ มมอื แบบ TGT เร่ือง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ให้นกั เรยี นเขา้ ใจและปฏบิ ัตไิ ด้ถูกต้อง
5.3 การทดสอบก่อนเรยี น (Pre-test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นที่ผ้วู จิ ยั สร้างขน้ึ เป็น
แบบเลือกตอบ 4 ตวั เลอื ก จำนวน 20 ขอ้ หลังจากนั้นนำกระดาษคำตอบของนกั เรียนมาตรวจใหค้ ะแนน แล้ว
บนั ทึกคะแนนเกบ็ ไว้เพื่อดูคะแนนพัฒนาการการเรยี นรขู้ องนกั เรียน
5.4 ดำเนนิ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ตามขัน้ ตอนในแผนการจัดการเรียนรทู้ ผ่ี ู้วจิ ัยสรา้ งข้ึน จนครบทัง้ 6
แผน จำนวน 6 ชว่ั โมง
5.5 หลังจากการจดั กิจกรรมการเรียนร้ตู ามเนื้อหาครบทุกแผนแล้ว ทำการทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการ
เรียนหลังเรยี น (Post-test) หน่วยการเรียนรู้ เรือ่ ง พง่ึ ตนพ่ึงธรรม ดว้ ยแบบทดสอบชุดเดียวกนั กบั ทท่ี าการ
ทดสอบก่อนเรยี น ไปทดสอบความรจู้ ากการเรียนของนกั เรียนกลมุ่ ตัวอย่าง

23

5.6 ตรวจใหค้ ะแนนผลการทดสอบ น าคะแนนท่ีได้มาวเิ คราะห์ข้อมูล
5.7 ใหน้ ักเรียนกลุ่มตวั อยา่ งตอบแบบสอบถามความพึงพอใจที่มตี ่อการเรยี นดว้ ยกล่มุ ร่วมมือแบบ TGT
หนว่ ยการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมอื ทางภูมศาสตร์ และเวลาโลก
5.8 ผูว้ ิจัยเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลทงั้ หมดไปวเิ คราะห์ทางสถิติ

6. การวิเคราะหข์ อ้ มลู
6.1 นำคะแนนที่ได้จากการทดสอบมาวเิ คราะหห์ าคา่ เฉล่ยี (Mean) และสว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน

(Standard Deviation)
6.2 วเิ คราะหค์ า่ เฉล่ยี และสว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐานของความพึงพอใจตอ่ การเรียนในรายวิชา

เศรษฐศาสตรโ์ ดยใชก้ ารทดสอบ (t-test for Dependent Group
7. สถติ ทิ ่ีใชว้ ิเคราะห์ข้อมูล
7.1 สถิติทใ่ี ช้ในการหาคณุ ภาพเคร่ืองมือ ได้แก่
7.1.1 การหาความเที่ยงตรงของเนอ้ื หา (Validity) ของแบบทดสอบ โดยใช้สูตรดัชนคี วามสอดคล้อง
IOC (Item-Objective Congruence Index) (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2545: 90-92) สูตร

IOC =  R

N

เม่ือ IOC แทน ดัชนคี วามสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์กบั เน้ือหาหรือ
ระหวา่ งข้อสอบกับจดุ ประสงค์

R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เช่ยี วชาญท้ังหมด
N แทน จำนวนผูเ้ ชย่ี วชาญท้งั หมด
7.1.2 การหาอำนาจจำแนก (Discrimination) ของแบบทดสอบความสามารถการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ โดย
ใชส้ ตู รของ Brennan ดงั น้ี (บุญชม ศรสี ะอาด. 2545: 90-91)

B = U−L
N1 N2

เม่ือ B แทน คา่ อำนาจจำแนกของข้อสอบ
N1 แทน จำนวนคนรอบรู้ (หรอื สอบผ่านเกณฑ์)
N2 แทน จำนวนคนไมร่ อบรู้ (หรอื สอบไมผ่ ่านเกณฑ์)
U แทน จำนวนคนรอบรู้ (หรือสอบผา่ นเกณฑ์) ตอบถกู
L แทน จำนวนคนไมร่ อบรู้ (หรือสอบไม่ผา่ นเกณฑ์)

24

7.1.3 การหาความเช่อื มน่ั (Reliability) ของแบบทดสอบ โดยใชว้ ธิ กี ารของโลเวท (Lovett Method) มี
สตู รดังน้ี (บุญชม ศรีสะอาด. 2545: 96-97)

r= 1 − k  i − xi 2
cc −1) (xi − c)2
(k

เมือ่ r แทน คา่ ความเช่ือม่นั ของแบบทดสอบท้งั ฉบับ
cc
K แทน จำนวนข้อสอบ

Xi แทน คะแนนของแตล่ ะคน

C แทน คะแนนเกณฑห์ รอื คะแนนจุดตดั ของแบบทดสอบ

7.2 สถติ ิทีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล
7.2.1 สถติ ิพ้ืนฐาน ได้แก่
(1) คา่ เฉลีย่ (Mean) ของคะแนน มสี ตู รดงั น้ี (บุญชม ศรสี ะอาด.2545: 105)

X =X

N

เมอ่ื X แทน คะแนนเฉลยี่
X แทน ผลรวมของคะแนนทงั้ หมด
N แทน จำนวนนกั เรียน

7.1.2 ร้อยละ (Percentage) โดยใชส้ ตู รดงั น้ี (บญุ ชม ศรสี ะอาด.2545: 104)

P = f 100
N

เมือ่ P แทน ร้อยละ
f แทน ความถี่ทีต่ ้องการแปลงร้อยละ
N แทน จำนวนความถี่ทัง้ หมด

25

7.1.3 สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ใช้สูตรดังนี้ (บญุ ชม ศรสี ะอาด. 2545: 106)

S.D. = N X 2 − ( X )2
N(N −1)

เมอ่ื S.D. แทน สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน
แทน คะแนนแต่ละตวั
X แทน ผลรวมแต่ละคนยกกำลงั สอง
แทน จำนวนคะแนนในกลมุ่
X2
N

7.2.2 สถติ ิทใี่ ช้หาประสิทธภิ าพของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้สูตรดังน้ี

 X 100
E1 = N
A

เมื่อ E1 แทน ประสทิ ธิภาพของกระบวนการ

X แทน คะแนนรวมของแบบประเมินพฤตกิ รรมการเรยี นและ

แบบฝึกทกั ษะ

A แทน คะแนนเตม็ ของแบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเรียนและ

แบบฝึกทักษะ

N แทน จำนวนผเู้ รยี นทง้ั หมด

 X 100
N
E2 = B

เม่ือ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์

Y แทน คะแนนรวมของแบบทดสอบ

B แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบ

A แทน จำนวนผู้เรียนทง้ั หมด

26

3. สถิติที่ใช้ในการเปรียบเทียบระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ใช้ค่า t-test (Dependent Samples)
(บญุ ชม ศรสี ะอาด.2545: 109)

D

t= N  D2 − ( D)2 ; df = n −1

(N −1)

เมือ่ t แทน ค่าสถติ ทิ ี่ใชเ้ ปรยี บเทียบคา่ วกิ ฤตเพ่ือหาความมนี ยั สำคัญ
ค่าผลตา่ งระหว่างคคู่ ะแนน
D แทน จำนวนกลุ่มเปา้ หมาย
ผลรวมของ D แตล่ ะตัวยกกำลงั สอง
N แทน ผลรวมของ D ทง้ั หมดยกกำลังสอง
ชั้นแหง่ ความเป็นอิสระ
 D แทน
 D2 แทน
df แทน

27

บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล

การวจิ ัยครงั้ น้ีมจี ุดประสงค์เพื่อการพฒั นาผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน ด้วยกิจกรรกลุ่มรว่ มมือ TGT เร่ือง
เครือ่ งมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนกั เรียนช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 โรงเรยี นบ้านป่าแดง (ไชยอุปถมั ภ์) ผู้วจิ ยั
นำขอ้ มลู ทีไ่ ด้มาวิเคราะห์ และเสนอผลการวเิ คราะห์เป็นลำดับ ดงั นี้

1. สญั ลักษณท์ ใี่ ช้ในการนำเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมูล
2. ลำดบั ขน้ั ในการวเิ คราะหข์ ้อมูล
3. ผลการวเิ คราะห์ข้อมูล

1. สญั ลกั ษณ์ทใ่ี ช้ในการนำเสนอผลการวเิ คราะห์ข้อมลู
N แทน จำนวนนักเรยี น
x̅ แทน คะแนนเฉล่ีย (Mean)
S.D. แทน ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
A แทน คะแนนเตม็ ของแบบฝึกหดั
B แทน คะแนนเตม็ ของแบบทดสอบหลังเรียน
E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการจัดการเรียนรู้
E2 แทน ประสทิ ธภิ าพของผลลพั ธ์
t แทน คา่ สถติ ทิ ดสอบที (t-test Dependent Samples)

2. ลำดบั ขนั้ ในการวิเคราะห์ข้อมลู
ผู้วิจัยไดด้ ำเนนิ การวิเคราะหข์ ้อมูลเปน็ ลำดับขน้ั ตอนดังนี้
ตอนที่ 1 หาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทาง

ภมู ศิ าสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 โรงเรียนบ้านป่าแดง (ไชยอุปถมั ภ)์ ท่มี ปี ระสิทธิภาพ
ตามเกณฑ์ 80/80

ตอนที่ 2 วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ ความพึงพอใจของนักเรยี นที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกิจกรร
กลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้าน
ปา่ แดง (ไชยอุปถมั ภ์)

28

3. ผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู
ตอนที่ 1 การสร้างและการหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT

เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านป่าแดง (ไชย
อปุ ถมั ภ)์ ที่มปี ระสิทธภิ าพตามเกณฑ์ 80/80

ผลการพิจารณาความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือ
ทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านป่าแดง (ไชยอุปถัมภ์) โดย
แผนการจัดการเรียนรู้ทีผ่ ูว้ ิจัยสร้างขึ้นนั้น เมอ่ื พจิ ารณาความเหมาะสมของบทเรียนสำเร็จรูปตามความคิดเห็นของ
ผู้เชยี่ วชาญ จำนวน 3 ท่าน ปรากฏผลดังน้ี
ตารางที่ 4.1 ผลการพจิ ารณาความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้ เร่ือง เครื่องมอื ทางภมู ศิ าสตร์ และเวลา
โลก สำหรบั นกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 1

รายการประเมิน ผลการประเมนิ ความเหมาะสม
̅ S.D ระดับความเหมาะสม
1. มกี ารระบุรหัสรายวิชา ชอื่ รายวชิ า กลุม่ สาระการเรยี นรู้
ระดบั ชนั้ จำนวนชวั่ โมง และชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ อยา่ ง 3.40 0.55 ปานกลาง
ครบถ้วน ชดั เจน และสอดคลอ้ งกบั โครงสร้างรายวชิ า
2. ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ นา่ สนใจ กะทัดรดั สอดคล้องกับ 4.40 0.89 มาก
สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอดของหน่วยการเรยี นรู้
3. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ช้วี ดั /ผลการเรยี นรู้ ทน่ี ำมาจดั 4.20 0.45 มาก
กลุ่มในหนว่ ยการ เรียนรมู้ ีความสอดคล้องกนั และสามารถ
นำมาจัดกจิ กรรมการเรยี นร้รู ่วมกนั ได้ 4.20 0.84 มาก
4. มาตรฐานการเรียนร้/ู ตวั ช้ีวดั /ผลการเรยี นรสู้ มรรถนะ
สำคัญของนกั เรยี น และคุณลักษณะอันพึงประสงค์มี 4.20 0.45 มาก
ความสมั พันธ์ เชื่อมโยงกนั 4.40 0.55 มาก
5. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอดและสาระการเรยี นรู้
มีความสอดคลอ้ ง กบั มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด/ผลการเรียนรู้
6. สาระสำคัญ /ความคิดรวบยอด มีความถกู ต้อง ชดั เจน
กะทัดรดั ครอบคลมุ ประเดน็ สำคัญของสาระการเรียนรู้

29

รายการประเมิน ผลการประเมนิ ความเหมาะสม
̅ S.D ระดบั ความเหมาะสม

7. สาระการเรยี นรู้ สอดคล้องกับสาระการเรยี นรู้แกนกลาง 4.80 0.45 มากท่สี ดุ

8. สาระการเรียนรู้ มกี ารระบุสาระเพม่ิ เตมิ อยา่ งเหมาะสม 4.20 0.45 มาก

9. สาระการเรียนรู้ มีการจัดโครงสรา้ ง ลำดบั ความยากงา่ ย 4.20 0.45 มาก

และความ ต่อเนอ่ื งของเน้ือหาสาระอยา่ งเหมาะสม และมี

การจัดเนือ้ หาสาระให้ สัมพันธก์ ันในลักษณะบรู ณาการ

10. สาระการเรยี นรู้ มีความถูกตอ้ ง ทนั สมัย เป็นสิ่งจำเป็น 4.20 0.45 มาก

และมีประโยชนต์ อ่ ผูเ้ รยี น เป็นพ้ืนฐานในการสรา้ งความรู้

ใหม่ หรอื สมรรถนะในการดำเนินชวี ติ ในครสิ ต์ศตวรรษท่ี21

11. ชิน้ งาน/ภาระงาน ระหว่างจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.00 1.00 มาก

สอดคล้องกบั ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนร้แู ต่ละตวั ในหนว่ ยการ

เรยี นรู้

12. ชน้ิ งาน/ภาระงาน ระหว่างจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 4.40 0.89 มาก

สามารถนำพาให้ ผ้เู รียนสร้างสรรค์ ชิ้นงาน/ภาระงาน รวบ

ยอดได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ

13. ช้ินงาน/ภาระงาน เม่ือส้ินสดุ กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.00 0.71 มาก

ครอบคลุมกบั มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวัด/ผลการเรียนรู้

ทุกตัวในหนว่ ยการเรยี นรู้

14. การวดั และประเมนิ ผล ที่กำหนดเป็นการประเมินตาม 4.20 0.45 มาก

สภาพจรงิ ใช้ วิธกี ารทห่ี ลากหลายและผเู้ รยี นมีส่วนร่วมใน

การประเมิน

15. การวัดและประเมินผล ที่กำหนดสอดคล้องกบั ช้นิ งาน/ 4.80 0.45 มาก

ภาระงานที่ กำหนดไวใ้ นหนว่ ยการเรยี นรู้

16. การวัดและประเมนิ ผล มีการระบุ เครื่องมือ และเกณฑ์ 4.80 0.45 มาก

การประเมนิ ที่ สอดคล้องกบั ชน้ิ งาน/ภาระงานท่ีกำหนดไว้

ในหนว่ ยการเรียนรู้

30

รายการประเมิน ผลการประเมินความเหมาะสม
̅ S.D ระดบั ความเหมาะสม

17. ประเดน็ และเกณฑ์การประเมิน หลกั ฐานการเรียนรู้ 4.00 0.71 มาก

(ชน้ิ งาน/ภาระงาน) สะท้อนคุณภาพผเู้ รยี นตามมาตรฐาน

การเรียนร/ู้ ตัวช้ีวดั /ผลการเรียนรู้

18. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใชร้ ปู แบบ/วิธีการ/เทคนิคท่ชี ่วย 4.00 0.71 มาก

พัฒนาผูเ้ รยี นให้ บรรลมุ าตรฐาน/ตวั ชี้วัด/ผลการเรยี นรู้

สมรรถนะในการดำเนนิ ชวี ติ ในประจำวนั

19. กจิ กรรมการเรียนรู้ สามารถนำพาใหผ้ ู้เรียนสรา้ งสรรค์ 4.80 0.45 มาก

ช้ินงาน หรอื ภาระงานตามทกี่ ำหนดไว้ในหนว่ ยการเรยี นรู้

20. กจิ กรรมการเรยี นรู้ มีความหลากหลายและเปิดโอกาส 3.40 0.55 ปานกลาง

ให้ผเู้ รยี นมสี ว่ น รว่ มในกิจกรรมอย่างท่ัวถงึ

21. กจิ กรรมการเรียนรู้ สง่ เสริมความคิดและการนำความรู้ 4.60 0.55 มาก

ไปประยุกต์ใชใ้ น ชีวติ ประจำวัน

22. กจิ กรรมการเรียนรู้ มีข้ันตอนของกระบวนการเรยี นรู้ท่ี 4.20 0.45 มาก

เหมาะสมกับ ธรรมชาตวิ ิชาและลีลาการเรยี นรู้ที่

หลากหลายของผูเ้ รยี น

23. กจิ กรรมการเรยี นรู้ เหมาะสมและสอดคล้องกับเวลาท่ี 4.00 0.71 มาก

กำหนดไวใ้ นหนว่ ยการเรยี นรู้

24. ส่อื และแหลง่ เรียนรู้ ที่กำหนด มีความหลากหลาย 4.20 0.84 มาก

เหมาะสมกับกิจกรรม การเรียนรู้ ผู้เรียน และเวลาที่กำหนด

ไว้ในหน่วยการเรยี นรู้

25. ส่ือและแหล่งเรยี นรู้ ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนร้ไู ด้ดี 4.60 0.55 มาก

และรวดเร็วข้นึ ชว่ ยให้เกดิ การพัฒนาศักยภาพของผเู้ รียนสู่

ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 21

คา่ เฉล่ียรวม 4.27 0.06 มาก

31

จากตาราง 4.1 พบว่า ผลการพิจารณาความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือทาง

ภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 ของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 ท่าน โดยมีความเมหาะ

สมอยู่ในระดับมาก มคี า่ เฉล่ยี นเทา่ กับ 4.27 คา่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.06

ซึ่งแสดงว่าแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้น

มัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีความเหมาะสมสำหรับใช้ประกอบการเรียนการสอน ตามเกณฑ์ ค่าเฉลี่ย

มากกว่า 3.50 และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐานไมเ่ กนิ 1.00

ตารางที่ 4.2 ผลการตรวจสอบประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง

เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านป่าแดง (ไชยอุปถัมภ์)

ตามเกณฑ์ 80/80 จำนวน 31 คน

คนท่ี ผลคะแนนระหว่างใช้จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ รวมคะแนน ผลสมั ฤทธ์ทิ างการ

ระหว่างเรียน เรียนหลังเรียน

ชัว่ โมงท่ี ชวั่ โมงท่ี ชว่ั โมง ช่วั โมงที่ ชั่วโมงที่ (20 คะแนน)
1 2 ท่ี 3 4 5 (50 คะแนน)

(10) (10) (10) (10) (10)

1 10 8 6 6 8 38 12

2 9 10 10 8 8 45 14

3 8 9 10 8 7 42 12

4 7 10 7 9 8 41 17

5 9 8 10 8 9 44 16

6 9 998 7 42 18

7 10 9 10 9 9 47 12

8 8 10 9 10 8 45 18

9 10 8 10 9 9 46 17

10 7 8 8 9 9 41 18

11 9 8 7 9 9 42 15

12 7 7 9 9 10 42 16

13 9 7 7 8 8 39 12

14 9 10 8 8 8 43 17

15 8 9 9 6 7 39 15
16 10 9 9 10 10 48 16

32

คนที่ ผลคะแนนระหว่างใช้จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ รวมคะแนน ผลสัมฤทธิท์ างการ

ระหว่างเรียน เรียนหลังเรยี น

ชั่วโมงที่ ชัว่ โมงที่ ชั่วโมง ชั่วโมงที่ ชวั่ โมงท่ี (20 คะแนน)
1 2 ที่ 3 4 5 (50 คะแนน)

(10) (10) (10) (10) (10)

17 10 10 9 8 10 47 18

18 7 7 8 10 10 42 12

19 7 7 8 7 8 37 13

20 8 9 9 6 5 37 13

21 10 9 7 8 10 44 12

22 8 9 8 8 9 42 15

23 9 10 10 7 8 44 15

24 7 9 10 8 10 44 14

25 7 6 7 10 7 37 17

26 8 9 7 7 7 38 18

27 8 9 9 9 7 42 15

28 7 7 10 9 10 43 17

29 7 8 6 7 9 37 18

30 7 8 10 9 10 44 16

31 9 9 7 9 10 44 18

รวม 1503 917

เฉลี่ย 40.93 25.47

คา่ เฉลีย่ นร้อยละ (E1) = 82.50 (E2) = 84.91

จากตารางที่ 4.3 พบว่า การจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์
และเวลาโลก สำหรบั นกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 มีคะแนนเฉลยี่ ระหวา่ งใชบ่ ทเรียนสำเร็จรูป (E1) คดิ เปน็ ร้อยละ
82.50 และ E2 คดิ เป็นรอ้ ยละ 84.91 ซึ่งเปน็ ไปตามเกณฑ์ 80/80 ทกี่ ำหนดไว้

3. การทดลองการจัดการเรยี นรู้ดว้ ยกจิ กรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก
สำหรบั นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 เพอ่ื เปรียบเทยี บผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนระหวา่ งก่อนเรียน และหลงั เรยี นของ
นกั เรียนชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 และเพอ่ื เปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นกบั เกณฑ์ร้อยละ 80

33

จากการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยได้นำไปทดลองกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านป่าแดง (ไชย
อุปถมั ภ)์ ที่ศกึ ษาอยใู่ นปีการศกึ ษา 2565 จำนวน 31 คน ไดผ้ ลวิเคราะห์ ดงั นี้

ตารางที่ 4.3 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน และหลังเรียนหลังการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจ
กรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยได้
นำไปทดลองกบั นักเรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1

การทดลอง ̅ S.D ̅ t S.D Sig

กอ่ นการทดลอง 11.97 2.09 13.50 37.77* 2.14 0.0000

หลงั การทดลอง 25.47 2.09

*มนี ยั สำคญั ทางสถิติท่รี ะดับ .05

จากตารางที่ 4.4 พบวา่ คา่ เฉลีย่ ของคะแนนวัดผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1

ก่อนและหลังใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก

สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 11.97 และ 25.47 ตามลำดับ มีค่าเฉลี่ยของคะแนนความ

แตกตา่ งระหว่างคะแนนสอบก่อน และหลังทดลอง เทา่ กับ 13.50 คะแนน เม่อื ทำการเปรียบเทยี บค่าเฉลี่ยโดยใช้

สถติ ทิ ดสอบ ( t-test Dependent) พบวา่ ค่าเฉลีย่ ของคะแนนวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนท่ีเรียนด้วย

วิธกี ารจัดการเรียนรู้ดว้ ยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรอื่ ง เครื่องมือทางภูมศิ าสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้น

มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 มีคา่ สูงกวา่ ก่อนการใช้บทเรียนสำเรจ็ รปู อยา่ งมนี ัยสำคัญทางสถิตทิ รี่ ะดับ .05

ตารางที่ 4.4 ผลการเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นก่อนเรียน และหลังเรียนหลังการจดั การเรยี นรู้ด้วย

กิจกรรมกลมุ่ ร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 กบั

เกณฑ์ ร้อยละ 80

การทดลอง n คะแนน เกณฑ์ ̅ S.D คา่ เฉลย่ี t Sig

เต็ม ร้อยละ รอ้ ยละ

หลงั การ 36 30 80 25.47 2.09 84.91 0.49* 0.0000

ทดลอง

*มนี ยั สำคญั ทางสถติ ิท่รี ะดบั .05

จากตารางท่ี 4.5 พบวา่ ค่าเฉลี่ยของคะแนนวดั ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1 ท่ี
เรียนดว้ ยการจัดการเรยี นรู้ด้วยกิจกรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรอ่ื ง เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก มผี ลสมั ฤทธ์ิ
ก่อนและหลัง มีคา่ เท่ากับ 25.47 คดิ เป็นร้อยละ 84.91 เมื่อทำการเปรียบเทยี บคา่ เฉลย่ี ของคะแนนผลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรยี นของนักเรยี นที่เป็นกลุ่มทดลองกบั เกณฑ์ อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .05

34

ตอนที่ 2 วิเคราะห์ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรการเรียนรู้โดยใช้
บทเรยี นสำเรจ็ รูป เรอ่ื ง ชาดก สำหรับนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 โรงเรียนกาฬสนิ ธ์ุพทิ ยาสรรพ์ ในการประเมิน
ความพงึ พอใจของนักเรยี นมีต่อการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้บทเรียนสำเร็จรูป เรือ่ ง ชาดก สำหรับนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4 ผู้วิจัยได้กำหนดกรอบในการประเมินไว้ 4 ด้าน คือ ด้านเนื้อหา ด้านการใช้ภาษา ด้านการ
ออกแบบและจัดรูปแบบของบทเรียนสำเร็จรูป และดา้ นเจตคติ ปรากฏผล ดังนี้
ตารางที่ 4.5 ผลการประเมินความพึงพอใจของนกั เรยี นท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยกจิ กรรกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง
เคร่อื งมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรบั นกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 1

รายการประเมนิ ̅ S.D ระดบั ความพึงพอใจ

1. อาจารย์ผสู้ อน

1) มีความร้คู วามสามารถและความเช่ียวชาญในเน้อื หาวชิ า และ 4.00 1.00 มาก

สามารถถ่ายทอด/จดั การเรียนการสอนเปน็ ข้นั ตอน เหมาะสม/ มาก

เขา้ ใจงา่ ย สอนตรงตามวตั ถุประสงคแ์ ละครอบคลุม มาก

2) เปิดโอกาส/ส่งเสริมให้นกั ศกึ ษาได้ศกึ ษา/เรยี นรจู้ าก 4.40 0.89 มาก
มาก
กรณศี ึกษา/จากการทำงานจรงิ /ฝกึ ปฏิบัติ /ค้นควา้ วจิ ยั / มาก
มาก
โครงงาน/ สมั มนา /คน้ คว้าทาง Internet มาก
มาก
3) อาจารยม์ สี งิ่ สนับสนนุ การสอนในช้ันเรยี น มสี ่ือ/เทคโนโลยี 4.00 0.71 มาก

สารสนเทศในการสอน น่าสนใจ/ทันสมยั /เหมาะสมกับ

เนือ้ หาวิชา และช่วยเสรมิ การเรียนรูแ้ ละความเขา้ ใจในเน้ือหา

4) การวัดและประเมนิ ผลตรงตามวัตถปุ ระสงค์และครอบคลมุ 4.20 0.45

5) คณุ ธรรม จริยธรรมของอาจารยผ์ ู้สอน และไดส้ อดแทรก 4.80 0.45

คุณธรรม/จริยธรรม/จรรยาบรรณวิชาชีพ/ค่านยิ มที่ดี

ค่าเฉลี่ยดา้ นอาจารยผ์ ้สู อน 4.28 0.54

2. การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน

1) รายวชิ าสอดคล้องกบั หลกั สตู ร 4.40 0.89

2) การเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นรว่ มในการจดั การเรยี น 4.00 0.71

3) กระบวนการเรียนการสอนกระตนุ้ ใหเ้ กิดการแสวงหาความรู้ 4.00 0.71

เพิม่ เตมิ

4) การจัดกจิ กรรมเสรมิ ทสี่ อดคลอ้ งกบั สาขาทเ่ี รียนเช่นไดฝ้ ึก 4.00 0.71

ปฏิบัติจริงในชุมชน/หรือเชญิ ผู้ทรงคณุ วฒุ มิ าบรรยาย

35

รายการประเมิน ̅ S.D ระดบั ความพงึ พอใจ

คา่ เฉลย่ี ด้านการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอน 4.20 0.45 มาก

3. ส่อื / เอกสารและอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอน

1) ความเพียงพอของสือ่ อปุ กรณ์การเรยี นการสอน 4.80 0.45 มาก

2) ประสทิ ธภิ าพของสื่อ อปุ กรณก์ ารเรยี นการสอน 4.00 0.71 มาก

3) การใช้ส่อื อปุ กรณ์การเรียนการสอนอยา่ งคุ้มคา่ 4.00 0.71 มาก

4) บทเรียนมีความนา่ สนใจ 4.80 0.45 มาก

5) ส่อื /เอกสารประกอบการสอนมคี วามชดั เจนและเขา้ ใจงา่ ย 4.00 0.71 มาก

คา่ เฉลย่ี ดา้ นสือ่ อุปกรณ์ประกอบการเรยี นการสอน 4.26 0.52 มาก

ด้านเจตคติ

1) ขา้ พเจา้ ดีใจท่ีได้เรยี นด้วยสอ่ื ทแี่ ปลกใหม่ 4.00 0.71 มาก

2) ข้าพเจา้ ชอบเรียนร้ดู ้วยการจัดการเรยี นรู้ดว้ ยกิจกรรกลุ่ม 4.40 0.89 มาก

ร่วมมือ TGT

3) การเรยี นดว้ ยการจัดการเรยี นรดู้ ้วยกจิ กรรกลมุ่ รว่ มมอื TGT 4.40 0.89 มาก

เร่อื ง เคร่อื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ และเวลาโลก ทำใหข้ ้าพเจา้ ใสใ่ จ

บทเรยี นไดน้ านข้ึนและมคี วามกระตอื รอื รน้

4) เมื่อเรยี นดว้ ยการจัดการเรียนรดู้ ว้ ยกิจกรรกล่มุ ร่วมมือ TGT 4.00 0.71 มาก

เร่ือง เครอ่ื งมอื ทางภมู ศิ าสตร์ และเวลาโลก ทำใหข้ ้าพเจา้ เขา้ ใจ

ง่ายข้ึน

คา่ เฉล่ยี ดา้ นเจตคติ 4.20 0.45 มาก

ค่าเฉล่ียรวม 4.24 0.49 มาก

จากตารางที่ 4.5 พบวา่ ผลการประเมินการจัดการเรยี นรู้ดว้ ยกจิ กรรกลุ่มรว่ มมือ TGT เร่ือง เคร่อื งมือทาง

ภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยภาพรวมมีความพึงพอใจในระดับมาก ( ̅=

4.24, S.D. = 0.49) เม่อื พิจารณาเป็นรายดา้ น พบว่า

ดา้ นอาจารยผ์ ู้สอนมคี วามเหมาะสมอยู่ในระดบั มาก ( ̅= 4.28, S.D. = 0.54) ขอ้ ทม่ี คี วามเหมาะสมอยู่ใน
ระดับมาก คือ เนื้อหามีความชัดเจน ถูกต้อง น่าเชื่อถือ ข้อมูลมีความทันสมัย น่าสนใจ การจัดลำดับเนื้อหาเป็น
ขั้นตอนและต่อเนื่อง อ่านแล้วเข้าใจง่าย การจัดหมวดหมู่ของข้อมูล สะดวกต่อการค้นหาและจัดรูปแบบ ได้แก่
รูปภาพ ตวั อกั ษรและสี มคี วามเหมาะสม

36

ด้านสื่อ/ เอกสารและอุปกรณ์ประกอบการเรียนการสอนมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( ̅= 4.20,
S.D. = 0.45) ข้อที่มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก คือ ใช้ภาษาถูกต้อง เหมาะสมกับวัยผู้ของเรียน และส่ือ
ความหมายได้ชัดเจนเหมาะสมกบั บริบทของเนื้อหา

ด้านเจตคติมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมา ( ̅= 4.26, S.D. = 0.52) ข้อที่มีความเหมาะสมอยู่ในระดับ
มาก คือ รูปแบบตัวอักษรอ่านได้ง่ายและสวยงาม รูปภาพที่ใช้มีความสอดคล้องกัน สีที่ใช้สวยงามและสบายตา
บทเรียนมคี วามน่าสนใจ และดา้ นเจตคติมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( ̅= 4.20, S.D. = 0.45)

37

บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ

การพฒั นาผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น ด้วยกิจกรรมกลมุ่ รว่ มมือ TGT เรื่อง เคร่ืองมอื ทางภูมศิ าสตร์ และเวลา
โลก ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรยี นบา้ นป่าแดง (ไชยอุปถมั ภ)์ มีวัตถุประสงค์ และผลการวิจัย โดยสรุป
ดงั น้ี

1. ความมุ่งหมายของการศึกษา
2. เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศึกษา
3. สรุปผลการวจิ ัย
4. อภิปรายผล
5. ข้อเสนอแนะ

1. ความมุ่งหมายของการศกึ ษา
1. เพื่อพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก โดยใช้เกมของ

นักเรียนชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 ใหม้ ปี ระสิทธิภาพ 80/80
2. เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และ

เวลาโลก โดยใชเ้ กม ของนกั เรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 1 โรงเรยี นบ้านปา่ แดง (ไชยอปุ ถัมภ์)
3. เพื่อศึกษาเจตคติต่อการเรียนเรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก โดยใช้เกม ของนักเรียนช้ัน

มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 โรงเรียนบ้านปา่ แดง (ไชยอปุ ถัมภ)์

2. เครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมลู
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัยการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยกิจกรรมกลุ่ม

ร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านป่าแดง
(ไชยอุปถัมภ์) มี 3 ชนิด ไดแ้ ก่

1. แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาสงั คมศึกษา สาระภูมิศาสตร์ เร่ือง เครือ่ งมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ช้ัน
มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 จำนวน 6 แผน ทำการสอนแผนละ 1 ชั่วโมง รวมทำการสอน 6 ช่ัวโมง

2. แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธร์ิ ายวชิ าสังคมศึกษา สาระภมู ิศาสตร์ เรอื่ ง เครอ่ื งมอื ทางภูมศิ าสตร์ และเวลา
โลก ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน 20 ข้อ เป็นข้อสอบรปู แบบปรนยั ชนิดเลอื กตอบ 4 ตวั เลือก

38

3. แบบวัดประเมินความพึงพอใจของนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้กิจกรรมกลมุ่
ร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แบบมาตราส่วน
ประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดบั จำนวน 17 ข้อ ตามวิธีของลิเคอร์ท (Likert)

3. สรุปผลการวิจยั
1. การสร้างและหาประสิทธภิ าพของแผนการจัดการเรียนรู้ดว้ ยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรือ่ ง เคร่ืองมือ

ทางภูมศิ าสตร์ และเวลาโลก สำหรับชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ผลปรากฏ ดังน้ี
1.1 พจิ ารณาความเหมาะสมของแผนการจัดการเรยี นรู้ด้วยกิจกรรมกลุ่มรว่ มมือ TGT เรอ่ื ง เครื่องมือทาง

ภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน พบว่า บทเรียนสําเร็จรูปมี
ความ (เหมาะสมอยใู่ นระดับมาก โดยมีค่าเฉลยี่ เท่ากบั 4.27 และสว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐานมคี า่ เทา่ กบั 0.46

1.2 แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก
สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อทดลองใช้กับนักเรียน 31 คน พบว่า บทเรียนสําเร็จรูป มีประสิทธิภาพ 82.50
/84.91

2. การทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และ
เวลาโลก สำหรบั ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ผลปรากฏ ดงั นี้

2.1 ค่าเฉลี่ยของคะแนนการทดสอบหลังเรียนด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT
เรื่อง เครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 สูงกว่าคะแนนทดสอบก่อนเรียน อย่างมี
นยั สาํ คัญ ทางสถติ ทิ ี่ระดบั .05

2.2 ค่าเฉลี่ยของคะแนนการทดสอบหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้ แผนการจัดการเรียนรู้
ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สูงกว่า
เกณฑร์ ้อยละ 80 อย่างมีนัยสําคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05

3. การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT
เรื่อง เครือ่ งมอื ทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรบั ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 1 นกั เรยี นมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมกลุ่ม
ร่วมมือ TGT เร่อื ง เครอ่ื งมอื ทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สำหรบั ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 มคี วามพึงพอใจอยู่ในระดับ
มาก (X = 4.24, S.D. = 0.49) เมื่อพิจารณา เป็นรายดา้ น พบวา่ ทกุ ด้านมีความพึงพอใจอย่ใู นระดับมาก

4. อภิปรายผล
จากผลการวิจยั เพื่อการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ดว้ ยกจิ กรรมกลุ่มรว่ มมือ TGT เรื่อง เคร่ืองมือทาง

ภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนกั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 1 สามารถอภปิ รายผลได้ดงั นี้

39

1. การสรา้ งและหาประสิทธภิ าพของแผนการจัดการเรียนร้ดู ้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรอื่ ง เครื่องมือ
ทางภูมศิ าสตร์ และเวลาโลก ของนักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี 1 ผเู้ ช่ียวชาญด้านเน้ือหา และระเบียบวธิ กี ารสอนวชิ า
สังคมศึกษา รวมทั้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและประเมินผลการศึกษา จำนวน 5 ท่าน ได้ตรวจสอบและให้
ความเห็นว่า บทเรียนสําเร็จรูปที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก บทเรียน
สําเร็จรูป ได้ผ่านกระบวนการสร้างอย่างเป็นระบบ และได้รับคแนะนําจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็น บุคลากรทางการ
ศึกษาทั้งในระดับโรงเรียนและระดับเขตพื้นที่การศึกษา และอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้า นการ
จัดการเรียนการสอน เนื้อหาเละหลักสูตร กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังได้ศึกษาจากหนังสือ
หลักสตู ร ค่มู อื การสอน เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ กี่ยวข้อง

2. การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง
เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนการทดสอบ
หลัง เรียนด้วยด้วยกิจกรรมกลุ่มรว่ มมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก สูงกว่าคะแนน ทดสอบ
ก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการวิจัย และยังสอดคล้องกับผล
การศึกษาและงานวิจัยของนักการศึกษาอีกหลายท่านที่ได้ทำการสร้างและพัฒนา บทเรียนสําเร็จรูปในสาขาวิชา
ต่างๆ ดังเช่น สุดารัตน์ โต้ชาลี (2555, หน้า 72-77) ได้ศึกษา เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนชีววิทยา เรื่อง
ระบบไหลเวียนเลือดของมนุษย์ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียน
สําเร็จรูปมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หลังเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนในชั้นเรียนปกติอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่
ระดบั .01 นอกจากนย้ี งั สอดคล้องกับผลการศึกษาของ ยาใจ เจริญพงษ์ (2555, หน้า 117-118 ไดพ้ ฒั นาบทเรียน
สําเร็จรูป เรื่อง วันสำคัญทางศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผลการศึกษาพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชา
สงั คมศกึ ษา วนั สำคญั ทางศาสนา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 หลังเรียนโดยใชบ้ ทเรียนสําเร็จรูป สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี
นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ กฤษณา ชำนินอก (2549) ได้ศึกษาการพัฒนาบทเรียนสําเร็จรูป เรื่อง การ
รักษาสมดุลยภาพใน ร่างกายวิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ผลการศึกษาพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรยี น เรื่อง การรกั ษาดลุ ยภาพในร่างกาย รายวิชา ว 40243 ชีววิทยาเพ่ิมเตมิ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 หลัง เรียนด้วย
บทเรียนสําเรจ็ รูปสูงกว่าก่อนเรียนอยา่ งมีนยั สําคัญทางสถิตทิ ี่ระดับ .01 ทั้งนี้อาจ เนื่องจากบทเรียนสําเร็จรูปโดย
ใช้วัฏจกั รการเรยี นร้แู บบ 7 ขนั้ เพื่อส่งเสรมิ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรอ่ื ง พันธะ
เคมี สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้รับการพัฒนา โดยมีแนวคิดในด้านต่างๆ เป็นพื้นฐาน เช่น ความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล การใช้สื่อประสมใน หลากหลายมาช่วยครู และกิจกรรมภายในบทเรียนสําเร็จรูปเป็นการกระตุ้น
สร้างความสนใจให้กับ เด็ก ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์กันระหว่างครูกับนักเรียน ดังที่ ชัยยงค์ พรหมวงศ์ (2543, หน้า
119-120) และ เพ็ญศรี สร้อยเพชร (2542, หน้า 37-39) ได้เสนอแนวคิดไว้ ทําให้บทเรียนสําเร็จรูปที่สร้างขึ้น
สามารถพัฒนาผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตรใ์ หส้ งู ขนึ้ ตามสมมติฐานท่ตี ัง้ ไว้

40

การเปรียบเทียบผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนทีไ่ ด้รับการสอนโดยใช้ เรียน ด้วยกิจกรรม
กลมุ่ รว่ มมือ TGT เร่อื ง เครื่องมอื ทางภมู ศิ าสตร์ และเวลาโลก ของนกั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 พบวา่ คา่ เฉลี่ยของ
คะแนน การทดสอบหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้เรียน ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง
เครื่องมอื ทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 สูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสําคัญ
ทางสถิติที่ระดับ .05 อาจเนื่องมาจาก วิธีการสอนโดยใช้เรียน ด้วยกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทาง
ภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้อาศัยหลักจิตวิทยาและทฤษฎีการเรียนรู้ หลาย
ประการ อาทิ ความสนใจในสิ่งที่แปลกใหม่ การเรียนรู้จากสิ่งทีง่ ่ายไปหายาก การตอบสนองต่อสิ่งเร้า และทฤษฎี
การ เสริมแรง ซึ่งบทเรียนสําเร็จรูป ได้ใช้สี และภาพ เป็นสิ่งเร้า นักเรียนมีความสนใจในการเรียน อยากรู้อยาก
เรียน และการเชื่อมโยงของเนื้อหาให้เรียนได้เรียนจากสิ่งที่ง่ายไปหายาก และเป็นการ เรียนการสอนที่แปลกใหม่
กว่าการเรียนการสอนปกติทีค่ รูสอน จึงทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นหลัง เรียนของนักเรียนทีเ่ รียนด้วยเรียน ด้วย
กิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 สูงกว่า
เกณฑ์ร้อยละ 80 ที่กำหนดไว้ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยของ ปิยนุช โอสาร (2555) ได้ทำการศึกษาเรื่อง การ
พัฒนาบทเรียนสําเร็จรูป เรื่อง บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผลการวิจัยพบว่า บทเรียน
สำเรจ็ รปู ทำให้ผลสมั ฤทธิท์ างการเรียน หลังเรยี นสงู กวา่ เกณฑ์ร้อยละ 80 อยา่ งมีนัยสําคญั ทางสถิติทรี่ ะดับ .05

3. การประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มตี ่อเรยี น ด้วยกิจกรรมกลุ่มรว่ มมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทาง
ภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่านักเรียนมีความพึงพอใจต่อเรียน ด้วยกิจกรรม
กลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทั้งด้านปัจจัย
นําเข้า กระบวนการและผลผลิต มีความ เหมาะสมอยู่ในระดับมาก สอดคล้องกับผลการวิจัยของ วันวิสา ภูมิ
ประเสริฐ (2555) ได้ทำการศึกษาเรอื่ งเปรียบเทยี บการวเิ คราะห์และผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน วชิ าสงั คมศกึ ษา เร่ือง
พุทธสาวก พุทธสาวิกา นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างการจัดการเรียนรู้กับการใช้บทเรียนสําเร็จรูป ผล
การศกึ ษา พบว่า นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 ทีเ่ รียนโดยใชบ้ ทเรียนสาํ เร็จรปู มีความพึงพอใจอยู่ในระดับ มาก ที่
ปรากฏผลเช่นนี้ เน่อื งมาจาก บทเรียนสาํ เรจ็ รูปมีเน้ือหาทมี่ ีความยากง่ายเหมาะสมกับ ผเู้ รยี น สามารถเชื่อมโยงกับ
ชีวิตจริงของผู้เรียน สื่อและกิจกรรมการเรียนการสอนมีความ หลากหลายน่าสนใจ นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม
ทุกขัน้ ตอน สนุกกับการเรยี นและสามารถนํา ความรจู้ ากการเรยี นไปประยุกตใ์ ช้ในชีวติ อกี ทง้ั บทเรียนสําเร็จรูป ที่
ผ้วู จิ ัยสรา้ งขึ้น ไดด้ ำเนนิ การ สรา้ งบทเรยี นสําเรจ็ รปู ตามขั้นตอนการสรา้ ง พอสรปุ ไดว้ ่า แผนการจัดการเรียนรู้ด้วย
กิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่ผู้วิจัย
สร้างขึ้น เป็นบทเรียนสําเร็จรปู ท่ีผ่านข้ันตอนการสร้างอยา่ งเป็นระบบ ส่งเสรมิ ให้เกิดการเรยี นรู้อย่างครบสมบูรณ์
เต็มตามศักยภาพของผู้เรียน โดยการเร้าความสนใจ ของนักเรียนให้มีการกระตือรือร้นในการเรียน จากสื่อต่างๆ
และกิจกรรมที่หลากหลาย สามารถ พัฒนาผู้เรียนจนเกิดความเข้าใจตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังของบทเรียน
สําเร็จรูปที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ยังปลูกฝังให้นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ อันจะเป็น

41

พื้นฐานใน การเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ สามารถนําความรู้ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิตและการ
เรียนในระดับสงู ต่อไป เป็นผลทำให้บทเรียนสำเร็จรปู เร่ือง ชาดก ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 มปี ระสทิ ธิภาพตามเกณฑ์
ท่กี ำหนด สามารถนาํ ไปใชใ้ นการพฒั นานักเรยี นได้ต่อไป

5. ข้อเสนอแนะ
ขอ้ เสนอแนะทวั่ ไป
1. ครูผู้สอนที่จะนําแผนการจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษาโดยการกิจกรรมกลุ่มร่วมมือ TGT เรื่อง

เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ และเวลาโลก ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 นี้ไปใช้ควรเตรียมตัวให้พร้อม โดยศึกษา
คู่มือการใช้ และตรวจสอบ สื่อการสอนให้พร้อม ก่อนทำกิจกรรมการเรียนการสอนทุกครั้ง เพื่อให้การปฏิบัติ
กิจกรรมการเรยี นการสอนเปน็ ไปตามลำดับข้นั ตอนและบรรลวุ ัตถุประสงคต์ ามทก่ี ำหนดไว้

2. ครูผูส้ อนควรบนั ทึกสภาพปัญหาท่ีเกดิ ข้ึน และขอ้ สงสยั ของนกั เรียนอย่างละเอียดทุกคร้งั จึงควรติดตาม
ผลการใช้ เพ่อื จะนําข้อมูลไปปรบั ปรุงให้เกดิ ผลดี มปี ระสิทธิภาพยิ่งขึ้นใน การนําไปใช้ครงั้ ตอ่ ไป

3. กิจกรรมบางกิจกรรมจำเป็นต้องใช้เวลาในการเรียนและการปฏิบัติควรปรับเวลาให้ ยืดหยุ่นเหมาะสม
ตามศกั ยภาพของนกั เรยี น

4. ในขณะที่นักเรียนปฏิบัติกิจกรรม นักเรียนบางคนยังไม่เขา้ ใจเกีย่ วกับการจัดกิจกรรม ในช่วงแรกๆ ครู
ควรอธบิ ายข้นั ตอนการเรยี นใหน้ ักเรยี นเข้าใจกอ่ นดำเนินกิจกรรม

ขอ้ เสนอแนะในการทำวิจัยครง้ั ตอ่ ไป
1. ในการศกึ ษาครงั้ ต่อไปควรพฒั นาเกมทน่ี ำมาใช้ในการจดั การเรยี นการสอนอ่นื ๆ
2. ควรมีการศกึ ษาเปรยี บเทียบวิธีการสอนโดยใชบ้ ทเรียนสําเร็จรูปกบั วธิ กี ารสอนอน่ื ๆ ที่ส่งผลตอ่ การ
พัฒนาทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์และผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นวิทยาศาสตร์

42

บรรณานุกรม
กรมวิชาการ. (2544). หลกั สูตรการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน. พมิ พครง้ั ที่ 2. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพ์องค์การรบั สง่

สนิ คา้ และพัสดภุ ัณฑ์.
จารุมน หนูคง และ พลั ลภ พริ ิยะสรุ วงศ.์ (2557). การเรยี นรดู้ ้วยการนำตนเองโดยใชป้ ัญหาเป็นหลกั เพ่ือพฒั นา

ทกั ษะการแก้ปัญหา. วารสารวิชาการครศุ าสตรอ์ ุตสาหกรรม พระจอมเกลา้ พระนครเหนอื ,
5(2),185189.
จิราภรณ์ ศริ ทิ วี. (2539). คู่มือการพัฒนาโรงเรียน เข้าสู่มาตรฐานการศึกษา. กรงุ เทพฯ: กระทรวงศึกษาธกิ าร,
กรมวิชาการ.
พิมพันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2559). สอนเด็กทำโครงงาน สอนอาจารย์ ทำวิจยั ปฏิบัตกิ าร
ในชน้ั เรียน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพแ์ หง่ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
ภพ เลาหไพบูลย์. (2540). แนวการสอนวิทยาศาสตร์. พิมพ์คร้งั ท่ี 2. กรงุ เทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
มณั ฑรา ธรรมบศุ ย์. (2545). การพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้โดยใช้ PBL (Problem-Based Learning).
วารสารวิชาการ, 5(2), 11-17.
เยาวดี วบิ ูลยศ์ ร.ี (2540). การวดั ผลและการสรา้ งแบบสอบผลสัมฤทธ์.ิ พมิ พ์ครัง้ ท่ี 2. กรุงเทพ ฯ: จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั .
รงั สรรค์ ทองสกุ นอก. (2547). ชุดการเรียนการสอนทใี่ ช้ปัญหาเปน็ ฐานในการเรยี นรู้ (Problem Based
Learning) เร่ืองทฤษฎจี ำนวนเบื้องตน้ ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4. วิทยานิพนธ์ ปรญิ ญาการศึกษา
มหาบณั ฑติ , มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ.
เอกรินทร์ สีม่ หาศาล และ สุปรารถนา ยุกตะนนั ทน์. (2546). การออกแบบเคร่ืองมือวัดและประเมนิ
ตามสภาพจรงิ . กรุงเทพฯ: ไทยร่มเกล้า.
Akcay, B. (2009). Problem - Based Learning in Science Education. Journal of Turkish Science
Education, 6(1), 26-30.
Akinoglu, O., & Tandogan, R. O. (2007). The Effects of Problem - Based Active Learning in Science
Education on Students’ Academic Achievement, Attitude and Concept Learning. Eurasia
Journal of Mathematics, Science & Technology Education, 3(1), 71-81.
Barrows H. & Tamblyn, R. M. (1980). Problem-based learning: An approach to medical
education. New York: Springer.


Click to View FlipBook Version