The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิชาช่างเกษตรและเครื่องจักรกลเกษตรเบื้องต้น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Pramoth Hannarong, 2019-03-29 00:01:47

แผนการสอนวิชาช่างเกษตรและเครื่องจักรกลเกษตรเบื้องต้น

แผนการสอนวิชาช่างเกษตรและเครื่องจักรกลเกษตรเบื้องต้น

แผนการจัดการเรียนรู้
บูรณาการปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
และคา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ

รหัส 3500 - 0003 วชิ าช่างเกษตรและเครื่องจักรกลเกษตรเบ้อื งตน้
หลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชีพชัน้ สูง พุทธศักราช 2556
ประเภทวชิ าเกษตรกรรม

จัดทาโดย

นายปราโมท หาญณรงค์

แผนกวชิ าช่างกลเกษตร วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยรี ะนอง
สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา กระทรวงศึกษาธกิ าร

(ก)

คานา

แผนการจัดการเรียนรู้มุ่งเน้นสมรรถนะอาชีพ เล่มนี้ เป็นการจัดทาแผนการสอน ตามหลักสูตร
ประกาศนียบัตรวิชาชีพช้ันสูง (ปวส.) พุทธศักราช 2556 โดยมุ่งเน้นการฝึกทักษะในภาคปฏิบัติให้เกิดข้ึนกับ
นกั ศึกษาใหม้ ากที่สดุ มีการบรู ณาการ คุณธรรมจริยธรรมเข้าไปในแผนการสอน เพอ่ื ให้นกั ศกึ ษามีความสามารถตาม
จุดมงุ่ หมายทางการศึกษา 3 ดา้ นคือ ดา้ นพุทธพิ ิสัย จิตพิสัย และทกั ษะพสิ ัย

แผนการจัดการเรียนรู้ม่งุ เน้นสมรรถนะอาชพี รายวชิ าชา่ งเกษตรและเครอ่ื งจักรกลเกษตรเบอ้ื งตน้ เล่มน้ี มี
ท้ังหมด 10 หน่วยการเรียนรู้ ดังนี้ 1.งานช่างเกษตร 2.การเช่ือโลหะด้วยไฟฟ้า 3.การเชื่อโลหะด้วยแก๊ส 4.
การตดิ ต้งั ระบบท่อสง่ นา้ เพื่อการเกษตร 5.การวางผังก่อสร้างและงานคอนกรีตเสริมเหลก็ 6.การใช้และบารุงรักษา
เคร่ืองยนต์เล็ก 7.ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้าในอาคาร 8. ความสาคัญและชนิดของรถแทรกเตอร์ 9.โครงสร้าง
และหน้าท่ีการทางานของส่วนประกอบรถแทรกเตอร์ 10.โครงสร้างและหน้าท่ีการทางานของส่วนประกอบรถ
แทรกเตอร์ 11.การต่อพ่วงเคร่ืองทุ่นแรงเข้ากับรถแทรกเตอร์ 12.การปฏบิ ัติงานโดยใช้เครอื่ งทุ่นแรงการเกษตร ใช้
เวลาในการจัดการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จานวน 90 ชั่วโมงต่อภาคเรียน ในแต่ละหน่วยการเรียน จะทา
การวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน โดยจะทาการทดสอบความรู้ก่อนและหลังเรียน แบบฝึกหัดหลังหน่วยการเรียน
และแบบฝึกปฏิบัติงานแต่ละหน่วยการเรียน กิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และได้บูรณาการ
คณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ในสาระการเรียนรู้และน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว เป็นหลกั ในการจัดการเรยี นการสอน แนวทางความคิด มีขบวนการคิด
อย่างเป็นระบบ และให้ผเู้ รยี นสามารถเขียนผงั ความคดิ ท่ีบรู ณาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3 D ท่ีแสดง
ถึงภาระงานในการเรียนรู้ที่บูรณาการเข้าสู่ 3 ห่วง (พอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันท่ีดี) 2 เงื่อนไขความรู้
คุณธรรม ส่งผลกระทบใน 4 มิติ (ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนะธรรมและเศรษฐกิจ) คุณลักษณะ 3 D ทุกๆ
ขั้นตอน และค่านิยมของคนไทย 12 ประการ วิธีการจัดการเรียนการสอนมีหลายวิธีเช่น อธิบาย ถาม – ตอบ
การแกป้ ัญหาจากการวิเคราะห์ การฝึกเป็นต้น กิจกรรมท่ีมอบหมายให้ผู้เรียนทาเน้นการมีส่วนร่วม การทางานเป็น
ทีม ให้ผู้เรียนได้รับ การส่งเสริมประชาธิปไตย มีคุณธรรม จริยธรรมและความเป็นไทย มีภูมิคุ้มกันห่างไกลยา
เสพติดสอื่ การเรียนการสอนทใ่ี ชไ้ ด้แก่ ใบความรู้ แบบทดสอบก่อน/หลังเรียนและส่ือ CAI การวดั ผลและประเมนิ ผล
ครบท้งั 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ด้านความรู้ ด้านทกั ษะ และด้านเจคติ

ขอบคุณทุกทา่ นทเ่ี กยี่ วข้อง ท่ใี หก้ ารสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ในการจดั ทาแผนการจัดการเรยี นร้นู ีส้ าเร็จลลุ ่วงไป

ลงช่ือ...........................................
(นายปราโมท หาญณรงค)์

แผนกวิชาชา่ งกลเกษตร
วทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีระนอง

(ข) หนา้
สารบัญ
(ก)
เร่ือง (ข)
(ค)
คานา (ง)
สารบญั (จ)
แผนการจดั การเรยี นรู้ (ฉ)
การวิเคราะห์หนว่ ยการเรยี นรแู้ ละสมรรถนะรายวชิ า 1
ตารางวเิ คราะหห์ ลักสูตรรายวชิ า 7
ตารางวิเคราะหห์ น่วยการเรยี นรแู้ ละเวลาท่ีใชใ้ นการจัดการเรยี นรู้ 13
หน่วยที่ 1 งานชา่ งเกษตร 18
หน่วยท่ี 2 การเชอ่ื มโลหะดว้ ยไฟฟา้ 23
หน่วยที่ 3 การเช่อื มโลหะด้วยแกส๊ 28
หนว่ ยที่ 4 การตดิ ตงั้ ระบบท่อส่งน้าเพ่อื การเกษตร 34
หน่วยที่ 5 การวางผงั กอ่ สร้างและงานหล่อคอนกรตี เสรมิ เหลก็ 40
หนว่ ยท่ี 6 การใช้และบารงุ รกั ษาเคร่ืองยนตเ์ ล็ก 45
หน่วยที่ 7 ไฟฟา้ และการเดินสายไฟฟ้าในอาคาร 50
หน่วยท่ี 8 ความสาคญั และชนิดของรถแทรกเตอร์ 55
หนว่ ยท่ี 9 โครงสรา้ งและหน้าที่การทางานของส่วนประกอบรถแทรกเตอร์ 61
หน่วยที่ 10 การแบง่ ประเภทเคร่อื งท่นุ แรงทางการเกษตร
หนว่ ยท่ี 11 การตอ่ พ่วงเคร่ืองทนุ่ แรงเขา้ กับรถแทรกเตอร์
หนว่ ยที่ 12 การปฏบิ ัติงานโดยใชเ้ ครอื่ งทุ่นแรงการเกษตร

(ค)
แผนการจัดการเรยี นรู้

รหัสวชิ า 3500 – 0003 ชื่อวิชาช่างเกษตรและเครอ่ื งจักรกลเกษตรเบอื้ งตน้ จานวน 3 หน่วยกิต 5 ชั่วโมง/ สปั ดาห์
หลกั สตู ร ประกาศนยี บตั รวิชาชพี ช้นั สูงพทุ ธศกั ราช 2556
ประเภทวชิ าเกษตรกรรม สาขาเกษตรศาสตร์

จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
1. เข้าใจหลกั การและกระบวนการเกี่ยวกับงานช่างเกษตรและเครือ่ งจักรกลเกษตรเบ้ืองต้น
2. สามารถปฏิบัตงิ านพน้ื ฐานเก่ียวกบั งานชา่ งเกษตรและเคร่ืองจักรกลเกษตรตามหลักการและขั้นตอน
กระบวนการ โดยเลือกใชว้ ัสดุอปุ กรณ์และเคร่อื งมอื ในการปฏิบตั ิงานด้วยหลกั ความปลอดภัย และคานงึ ถึง
การอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม
3. มีเจตคติท่ีดีต่องานช่างเกษตรและเครื่องจักรกลเกษตร และมีกจิ นิสยั ในการทางานด้วยความรบั ผดิ ชอบ
รอบคอบ มคี ุณธรรม จริยธรรม วนิ ยั ขยัน อดทน ประหยัดและสามารถทางานร่วมกบั ผู้อ่ืน

สมรรถนะรายวิชา
1. แสดงความรู้เบื้องต้นเกย่ี วกับหลกั การและกระบวนการปฏบิ ัติงานเช่อื มช้ินงาน งานปนู และคอนกรีต งาน
ไฟฟา้ งานเคร่ืองยนต์เล็กและเครื่องจักรกลเกษตร
2. เลือก เตรยี ม ใชแ้ ละบารงุ รกั ษาเครื่องมือ วสั ดุและอปุ กรณ์ในงานช่างเกษตรและเครอ่ื งจกั รกลเกษตรตาม
หลกั การและกระบวนการ
3. ปฏบิ ตั ิงานพืน้ ฐานเกี่ยวกับงานช่างเกษตรและเคร่ืองจักรกลเกษตรตามหลักการและกระบวนการ

คาอธิบายรายวชิ า
ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกี่ยวกับความสาคัญของงานช่างเกษตร เครื่องมอื วัสดุอปุ กรณแ์ ละความปลอดภยั ใน

งานชา่ งเกษตร งานเชือ่ มช้ินงาน งานปูนและคอนกรีต งานเดนิ สายไฟฟา้ และต่อวงจรไฟฟา้ เบ้อื งต้น การใช้และ
บารงุ รกั ษาเครือ่ งยนตเ์ ลก็ และเคร่ืองจักรกลเกษตร

(ง)
การวิเคราะหห์ น่วยการเรียนรแู้ ละสมรรถนะรายวชิ า

3500 – 0003 ช่ือวชิ าชา่ งเกษตรและเคร่ืองจกั รกลเกษตรเบ้อื งต้น จานวน 3 หนว่ ยกิต 5 ชัว่ โมง/ สปั ดาห์

หนว่ ยท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ สมรรถนะรายวิชา
1 งานชา่ งเกษตร
2 การเชอ่ื มโลหะด้วยไฟฟา้ 1. แสดงความรู้เบ้ือต้นเก่ยี วกับหลกั การและ
3 การเชอื่ มโลหะดว้ ยแก๊ส กระบวนการปฏิบัตงิ านเช่ือมช้ินงาน งาน
4 การตดิ ตงั้ ระบบท่อส่งนา้ เพอื่ การเกษตร ปนู งานคอนกรีต งานไฟฟา้ และงาน
5 การวางผังก่อสรา้ งและงานหลอ่ คอนกรตี เครือ่ งยนต์เล็ก
เสริมเหล็ก
6 การใชแ้ ละบารุงรักษาเครือ่ งยนตเ์ ลก็ 2. เลอื ก เตรียม ใชแ้ ละบารุงรักษาเครื่องมือ
7 ไฟฟา้ และการเดนิ สายไฟฟ้าในอาคาร วัสดุและอปุ กรณใ์ นงานช่างเกษตรตาม
8 ความสาคัญและชนดิ ของรถแทรกเตอร์ หลักการและกระบวนการ
9
โครงสรา้ งและหน้าที่การทางานของส่วนประกอบรถ 3. ปฏบิ ัติงานเชอื่ มชน้ิ งานเบื้องต้นตาม
10 แทรกเตอร์ หลกั การและกระบวนการ
11 การแบง่ ประเภทเครอ่ื งทุ่นแรงทางการเกษตร
12 4. ปฏบิ ตั ิงานปนู และงานคอนกรีตเบื้องตน้
การต่อพ่วงเคร่ืองทุน่ แรงเขา้ กับรถแทรกเตอร์ ตามหลกั การและกระบวนการ
การปฏบิ ัตงิ านโดยใช้เครื่องทุ่นแรงการเกษตร
5. งานเดนิ สายไฟฟ้าและต่อวงจรไฟฟ้า
เบอ้ื งตน้ ตามหลักการและกระบวนการ

6. ใช้และบารุงรักษาเครื่องจักรกลทางการ
เกษตรตามหลักการและกระบวนการ

7. น้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงในการปฏิบตั ิงาน

8. นานโยบาย 3D ไปใช้ในการปฏิบตั งิ าน
9. แสดงกิจนิสัยท่ีดีในการทางานดว้ ยความ

เปน็ ระเบยี บเรียบร้อย สะอาด ประณตี
ปลอดภัย และรกั ษาสภาพแวดล้อม

(จ)
ตารางวเิ คราะห์หลักสตู รรายวิชา
3500 – 0003 ชอื่ วิชาชา่ งเกษตรและเครื่องจักรกลเกษตรเบอื้ งตน้ จานวน 3 หน่วยกิต 5 ชัว่ โมง/ สปั ดาห์

พทุ ธิพิสยั

พฤติกรรม

ช่อื หน่วย ความรู้
ความเข้าใจ
นาไปใ ้ช
ิวเคราะห์
สังเคราะห์
ประเมินผล
ทักษะพิ ัสย
จิตร ิพ ัสย

รวม
ลา ัดบความสาคัญ
จานวนคาบ

1. งานช่างเกษตร 322 187 5
3452 1 15 5 10
2. การเชื่อมโลหะด้วยไฟฟา้ 345 2 14 6 5
225 4 2 15 5 5
3. การเช่ือมโลหะด้วยแกส๊ 225 4 2 15 5 5

4. การตดิ ตั้งระบบท่อส่งนา้ เพือ่ การเกษตร 2253 4 2 18 2 10
225
5. การวางผงั ก่อสร้างและงานหลอ่ 2252 4 2 15 10
คอนกรีตเสริมเหลก็ 2 25 1
4 2 17 3 5
6. การใชแ้ ละบารุงรักษาเครอื่ งยนต์เลก็ 2252
4 2 16 4 5
7. ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟา้ ในอาคาร 3455
4 2 17 3 5
8.ความสาคญั และชนิดของรถแทรกเตอร์ 3455
4 2 23 1 10
9.โครงสรา้ งและหน้าทกี่ ารทางานของ
สว่ นประกอบรถแทรกเตอร์ 4 2 23 1 15

10.การแบง่ ประเภทเคร่ืองทุ่นแรงทาง
การเกษตร

11.การต่อพ่วงเครอ่ื งทนุ่ แรงเขา้ กบั รถ
แทรกเตอร์

12.การปฏบิ ตั ิงานโดยใช้เครอ่ื งทนุ่ แรง
การเกษตร

รวม 26 32 57 20 40 22 197
ลาดบั ความสาคญั 4316 25

(ฉ)
ตารางวเิ คราะห์หน่วยการเรียนร้แู ละเวลาทใ่ี ช้ในการจัดการเรยี นรู้
3500 – 0003 ชือ่ วิชาชา่ งเกษตรและเครื่องจักรกลเกษตรเบื้องตน้ จานวน 3 หนว่ ยกิต 5 ชั่วโมง/ สปั ดาห์

หน่วยที่ ช่ือหน่วย/รายการสอน สปั ดาห์ท่ี ชว่ั โมงท่ี
1. 1 1-5
ช่างเกษตร
1. ความสาคญั และสาขาของงานชา่ งเกษตร
2. การใช้เครอื่ งมือทนุ่ แรงและเครือ่ งจักรกลเกษตร
3. เคร่ืองมือทุ่นแรงและเครื่องจักรกลเกษตรทสี่ าคัญใน

งานเกษตร
4. การใชเ้ ครอื่ งมือทนุ่ แรงและเคร่อื งจักรกลเกษตรใน

ภาคใต้

2. การเชอื่ มโลหะด้วยไฟฟา้ 2-3 6-15

1. การเช่อื มโลหะดว้ ยไฟฟ้า

2. เครอ่ื งมอื และอุปกรณ์การเชอื่ มไฟฟ้า

3. การเร่ิมต้นการเชอ่ื มและองค์ประกอบในการเชื่อม

ไฟฟา้

4. ความปลอดภัยในการเชื่อมไฟฟา้

3. การเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส 4 16-20
1. หลกั การเชอ่ื มโลหะดว้ ยแก๊ส
2. คณุ ลักษณะของแกส๊ อเซทลิ นี ทใ่ี ช้ในการเชอ่ื ม
3. คณุ ลกั ษณะของแก๊สออกซเิ จน
4. เครอื่ งมอื และอุปกรณ์การเช่อื มแก๊ส
5. เปลวไฟในการเช่ือมแกส๊ และการใช้งาน
6. ความปลอดภัยในการเชอ่ื มโลหะด้วยแก๊ส

4. การตดิ ต้งั ระบบท่อส่งนา้ เพื่อการเกษตร 5 21-25

1. การส่งนา้ ชลประทานเพ่ือการเกษตรโดยระบบทอ่

2. การออกแบบท่อส่งน้าชลประทานเพื่อการเกษตร

3. ทอ่ และอุปกรณท์ ่ีใช้ในการติดตง้ั ระบบท่อส่งนา้

4. การตดิ ตัง้ ท่อส่งนา้ และอปุ กรณ์

5. การให้นา้ กับพืชและแปลงปลูกผักในระบบท่อใหน้ ้า

5. การวางผงั ก่อสร้างและงานหลอ่ คอนกรีตเสริมเหล็ก 6 26-30

1. การวางผงั การกอ่ สร้าง

2. งานคอนกรีตเสรมิ เหล็ก

6 การใช้และบารุงรักษาเครอ่ื งยนต์เล็ก 7-8 31-40
1. ความหมายของเคร่อื งยนต์เลก็
2. หลักการท่ัวไปของเครื่องยนต์และกลวตั รการทางาน 41-50
ของเครอื่ งยนตเ์ ลก็ 51-55
3. การจาแนกชนิดของเคร่ืองยนต์ 56-60
4. ส่วนประกอบของเครอ่ื งยนตเ์ ลก็ 61-65
5. การเปรียบเทยี บเครอ่ื งยนตเ์ ลก็ เพ่ือเลือกใช้งาน
6. การบารุงรักษาเคร่ืองยนต์เล็ก

7 ไฟฟา้ และการเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร 9-10
1. หลกั การเบ้ืองต้นของไฟฟา้
2. ชนดิ ของกระแสไฟฟ้า
3. กฎของโอหม์ และความหมายกระแส แรงเคลอื่ น
ความต้านทานไฟฟา้
4. สตู รคณิตศาสตรจ์ ากกฎของโอห์ม
5. การเดนิ สายไฟฟ้าภายในอาคาร

8 ความสาคญั และชนดิ ของรถแทรกเตอร์ 11
1.ความสาคญั และชนิดของรถแทรกเตอรเ์ พือ่ การเกษตร 12
2.การใชร้ ถแทรกเตอรเ์ พือ่ การเกษตร
3.เคร่อื งมือทุ่นแรงและเครือ่ งจกั รกลเกษตรทสี่ าคัญในงาน
เกษตร
4.การใชเ้ คร่ืองมือทุ่นแรงและเคร่ืองจักรกลเกษตรใน
ภาคใต้

9 โครงสรา้ งและหนา้ ทกี่ ารทางานของส่วนประกอบรถ
แทรกเตอร์
1. สว่ นประกอบที่สาคญั ของรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร
2. หนา้ ที่ของสว่ นประกอบของรถแทรกเตอรเ์ พอื่
การเกษตร

10 การแบ่งประเภทเครื่องท่นุ แรงทางการเกษตร 13
1.หลักการแบ่งประเภทเครอื่ งทุน่ แรงทางการเกษตร
2.เครือ่ งท่นุ แรงในการเตรียมดิน
3.เครอ่ื งทุ่นแรงในการปลูก
4.เครื่องทนุ่ แรงในการบารุงรักษา
5.เครือ่ งทุ่นแรงในการเก็บเกี่ยว
6.เครื่องทนุ่ อ่ืนๆ(เบ็ดเตลด็ )
7.ความปลอดภัยในการใชเ้ ครอื่ งทุ่นแรงทางการเกษตร

11 การต่อพว่ งเครือ่ งทุ่นแรงเขา้ กับรถแทรกเตอร์ 14-15 66-75
1. ชนิดของเคร่ืองทุน่ แรง 16-18 76-90
2. ชนิดของคานลาก
3. การต่อพว่ งแบบ 3 จดุ 18 90
4. การต่อเพลาขับเคร่ืองมือทนุ่ แรงเขา้ กบั เพลาอานวย
กาลงั
5. การปลดเคร่ืองมือทุ่นแรง
6. การขบั รถแทรกเตอรต์ ดิ เทรลเลอรถ์ อยหลงั

12 การปฏบิ ัติงานโดยใชเ้ คร่ืองท่นุ แรงการเกษตร
1. ผลกระทบของการไถพรวนท่ีมีตอ่ คุณสมบตั ิของดนิ
ซงึ่ ลกั ษณะดนิ ที่มีอิทธิพลต่อการไถพรวน เกยี่ วกับ
ความชน้ื ในดินไม่เปยี กหรือแหง้ เกินไป
2. วิธีการแกไ้ ขการอดั ตวั ของดิน
3. เทคนิคการไถ

สอบปลายภาค

รวม

1

การออกแบบการจัดการเรียนรู้หน่วยท่ี 1

เรอ่ื งงานชา่ งเกษตร

มเี หตุผล พอประมาณ

มภี มู ิค้มุ กนั

1. เพอ่ื ให้มคี วามรเู้ ขา้ ใจเก่ียวกบั 4. เตรยี ม เลือกใช้ วัสดุ อปุ กรณไ์ ด้ 5. เข้าใจหลักการและความสาคัญ
ความสาคญั และสาขาช่างเกษตร เหมาะสมกบั การการเรียน ในงานช่างเกษตร

2. เพื่อให้มคี วามรเู้ ข้าใจการใชเ้ ครื่องมือ 6. แสดงกิจนิสยั ทีด่ ีในการทางาน
ทุน่ แรงและเครอ่ื งจักรกลเกษตร ด้วยความเปน็ ระเบียบ สะอาด
ประณตี ปลอดภัย และรกั ษา
3. ปฏิบัติการใช้เครื่องมอื ทนุ่ แรงและ สภาพแวดล้อม
เคร่อื งจกั รท่สี าคญั ในงานเกษตร

งานชา่ งเกษตร

ความรู้ + ทกั ษะ คณุ ธรรม

1. ความสาคัญและสาขาของงานชา่ งเกษตร 1. มีความรบั ผดิ ชอบ
2. การใชเ้ ครอื่ งมือทนุ่ แรงและเคร่อื งจกั รกลเกษตร 2. มรี ะเบยี บวินัย
3. เคร่อื งมอื ทนุ่ แรงและเคร่ืองจักรกลเกษตรที่ 3. มีความสนใจใฝ่รู้
4. มมี นษุ ยสัมพันธ์
สาคัญในงานเกษตร 5. มีความเชอื่ มนั่ ในตนเอง
4. การใชเ้ ครื่องมือทุน่ แรงและเคร่อื งจักรกลเกษตร

ในภาคใต้

สังคม เศรษฐกจิ วฒั นธรรม ส่ิงแวดลอ้ ม
1, 2, 3 1, 2, 3, 3 3,4,5

2

แผนการจัดการเรียนรู้รายหนว่ ย

รหัสวชิ า 3500 – 0003 ชือ่ วิชาชา่ งเกษตรและเคร่อื งจักรกลเกษตรเบ้อื งต้น 3 (5) ชม./ สัปดาห์สอนครง้ั ที่ 1

หน่วยที่ 1 ชอื่ หน่วย งานชา่ งเกษตร เวลา 5 ชม.

1. สาระสาคัญ
งานช่างเกษตร เป็นการศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับการเชื่อมชิ้นงานโลหะด้วยไฟฟ้าและแก๊ส การติดตั้งระบบ

ท่อส่งน้าเพื่อการเกษตร การวางผัง การหล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก การใช้และการบารุงรักษาเคร่ืองยนต์เล็กเพ่ือ
การเกษตร การเดินและต่อวงจรไฟฟา้ อยา่ งงา่ ย

2. สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความรเู้ ก่ยี วกบั ความสาคัญและสาขาของานช่างเกษตร
2. แสดงความรเู้ กี่ยวกบั การใช้เคร่ืองมือทนุ่ แรงและเครอ่ื งจักรกลเกษตร
3. คานึงถงึ ความปลอดภยั ในการใช้เครือ่ งมือและเครื่องจักรกลเกษตร
4. เขา้ ใจหลกั การงานชา่ งเกษตร
5. แสดงกิจนสิ ยั ที่ดีในการทางานด้วยความเป็นระเบียบ สะอาด ประณตี ปลอดภยั และรักษาสภาพแวดลอ้ ม

3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ ั่วไป
1. เพ่ือให้มคี วามรู้ความเข้าใจความสาคญั และสาขาของานชา่ งเกษตร
2. เพ่ือให้มีความรู้ความเขา้ ใจการใช้เครื่องมือทนุ่ แรงและเครื่องจกั รกลเกษตร
3. เพอ่ื ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจความปลอดภัยในการใช้เคร่ืองมือและเคร่ืองจักกลเกษตร
4. เพ่ือให้มกี จิ นสิ ยั ท่ีดีในการทางานดว้ ยความเป็นระเบียบ สะอาด ประณตี ปลอดภยั และรักษา
สภาพแวดล้อม

3.2 จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม

1. อธบิ ายความสาคัญและสาขาของานช่างเกษตรได้
2. อธบิ ายการใช้เคร่ืองมือทุ่นแรงและเคร่ืองจักรกลเกษตรได้
3. ปฏิบตั ิการใช้เครอ่ื งมือทุ่นแรงและเครื่องจักรกลเกษตรได้
4. แสดงและรับฟงั ความคิดเห็นของผู้อนื่ ให้ความรว่ มมือในการปฏบิ ัติงาน มคี วามกระตือรือรน้

ปฏบิ ัติตามขัน้ ตอน และมคี วามคิดหลากหลายในการแกป้ ญั หา
4. สาระการเรียนรู้

1. ความสาคัญและสาขาของานชา่ งเกษตร
2. การใช้เครือ่ งมือทนุ่ แรงและเครอ่ื งจกั รกลเกษตร
3. เคร่ืองมือทนุ่ แรงและเครื่องจักรกลเกษตรท่สี าคัญในงานเกษตร
4. การใชเ้ ครอ่ื งมือทุ่นแรงและเครื่องจกั รกลเกษตรในภาคใต้

5. กิจกรรมการเรียน (คร้ังท่ี 1)
1. ครูผู้สอนกล่าวต้อนรับนักเรียนและตรวจสอบรายชื่อ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขาน

รับการตรวจสอบ
2. เนอ่ื งจากหนว่ ยการเรยี นการสอนนี้เปน็ หน่วยการสอนที่ 1 จึงจาเป็นต้องชี้แจงและทาความเข้าใจ ใน

เร่ืองต่าง ๆ กบั นักศกึ ษาก่อนดงั น้ี

3

1. กิจกรรมช้ีแจงข้อตกลงของการเรยี น

1.1 นักศึกษาจะต้องมีเวลาเรียนไมน่ ้อยกว่า 80% ของเวลาเรยี นทัง้ หมด

1.2 การให้คะแนนในการเรียน จะแบง่ คะแนนออกเป็นคะแนนคณุ ธรรม จริยธรรมในการเรียน

20% คะแนนเกบ็ ระหวา่ งเรยี น 60% และคะแนนสอบปลายภาค 20%

1.3 การวัดผลและประเมินผลโดยใช้เกณฑ์คะแนนมาตรฐาน

ความหมาย คะแนนดิบ (Scores) ระดับคะแนน (Grades)

ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑ์ดเี ยี่ยม 80-100 4

ผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑ์ดีมาก 75-79 3.5

ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี 70-74 3

ผลการเรียนอยใู่ นเกณฑ์ดพี อใช้ 65-69 2.5

ผลการเรียนอยใู่ นเกณฑ์พอใช้ 60-64 2

ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑ์อ่อน 55-59 1.5

ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์อ่อนมาก 50-54 1

ผลการเรียนต่ากวา่ เกณฑ์ข้นั ต่า 0-49 0

3. ครูผสู้ อนและตัวแทนนกั เรียนร่วมกันแจกใบความรู้ แจกแบบประวัตสิ ว่ นตวั และแบบฟอรม์ การตกลงใน
การเรียนรว่ มกัน

4. ครูผู้สอนบรรยายตามใบความรู้ที่ 1 และใบงาน ในเร่ือง ความสาคัญและสาขาของานช่างเกษตร การใช้
เครื่องมือทนุ่ แรงและเครือ่ งจกั รกลเกษตร
5. ครผู ้สู อนถามตอบเนื้อหาท่ีบรรยายตามใบความรทู้ ี่ 1 ความสาคัญและสาขาของงานช่างเกษตร การใช้เครื่องมือทนุ่
แรงและเคร่ืองจักรกลเกษตร

6. นกั เรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาสาระสาคญั นักเรยี นจดบนั ทึกเพม่ิ เติม
7. ครผู สู้ อนให้นักเรยี นร่วมกนั ทาความสะอาดชน้ั เรียน และพนื้ ภายในโรงงานชา่ งยนต์
8. ครผู สู้ อน อบรมคุณธรรม จรยิ ธรรม เรื่องการตรงตอ่ เวลา

การบรู ณาการกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. ความพอประมาณ

- มีใบงานให้คานวณขนาดของวสั ดุท่ีทาให้ไมเ่ หลือเศษทิ้งขวา้ ง
- จัดเวรใหน้ กั เรยี นเบกิ เคร่ืองมือและอุปกรณ์ ให้พอดีเหมาะสมกบั ความจาเป็นทตี่ ้องใช้ในการปฏิบัตงิ านแต่ละครง้ั

2. ความมเี หตุผล

- ให้นักศึกษาร่วมกัน งานช่างเกษตร
3. การมีภมู คิ มุ้ กนั ในตวั ทด่ี ี

- ปลูกฝังให้นักเรยี นปฏิบตั ติ ามกฎระเบียบอย่างเครง่ ครัด
- กาหนดกฎระเบียบและขอ้ บังคับในการทางานเกี่ยวกบั การใชเ้ คร่อื งมือ และ การบารงุ รกั ษาก่อนและหลงั การ

ปฏบิ ตั งิ าน
- สาธิตการปฏิบตั ิงานการใช้เครอื่ งมือแบบผิดๆซึ่งจะก่อใหเ้ กิดการเสียหายของเครื่องมืออุปกรณ์ ก่อนปฏบิ ตั ิงาน

เหล่านน้ั
4. เงื่อนไขความรู้

4

- มีความรคู้ วามเขา้ ใจถูกต้องเกี่ยวกับงานช่างเกษตร
5. เงอื่ นไขคุณธรรม

- ผูเ้ รียนมคี วามรบั ผดิ ชอบ มีระเบยี บวนิ ยั มีความสนใจใฝ่รู้ มีมนษุ ยสมั พันธ์ และมคี วามเชือ่ มนั่ ในตนเอง

การบรู ณาการกับมาตรฐานสถานศกึ ษา 3 ดี

1. ดา้ นประชาธิปไตย
- ผู้เรยี นสามารถตัดสินใจเลือกกลมุ่ ตามความสมัครใจ และในการจัดกล่มุ ครั้งทีส่ องผเู้ รยี นมโี อกาสออกเสยี งทจี่ ะ
จดั ตามกล่มุ เดิมหรอื จดั กลุ่มใหม่ และเคารพในผลการออกเสยี ง
- ผเู้ รียนแสดงและรับฟังความคิดเห็นของผู้อน่ื

2. ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและความเป็นไทย
- ผ้เู รียนมคี วามรบั ผิดชอบ มรี ะเบยี บวินัย มีความสนใจใฝ่รู้ มีมนษุ ยสัมพันธ์ และมีความเชือ่ มั่นในตนเอง

3. ดา้ นภูมคิ ุ้มกันภัยจากยาเสพตดิ
- ผู้เรียนใช้เวลาว่างในการทารายงานผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมและตอบคาถามท้ายกิจกรรม
รวมทัง้ ทาแบบฝึกหดั ส่งในสปั ดาห์ถดั ไป

การบรู ณการค่านิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.

1. มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ซื่อสตั ย์ เสยี สละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิง่ ทด่ี งี ามเพ่ือสว่ นรวม
3. กตัญญูต่อพอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝห่ าความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรยี นท้ังทางตรง และทางอ้อม
5. รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม
6. มศี ีลธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวังดตี ่อผอู้ ืน่ เผ่อื แผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจเรยี นรกู้ ารเป็นประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั ริย์ทรงเป็นประมุขท่ีถูกต้อง
8. มีระเบยี บวนิ ยั เคารพกฎหมาย ผูน้ อ้ ยรู้จกั การเคารพผู้ใหญ่
9. มสี ติรู้ตัว รู้คิด รู้ทา รู้ปฏิบตั ติ ามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั
10. ร้จู กั ดารงตนอยูโ่ ดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งตามพระราชดารสั ของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว
ร้จู กั อดออมไวใ้ ชเ้ มื่อยามจาเป็น มีไว้พอกนิ พอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจา่ ยจาหนา่ ย และพร้อมทจ่ี ะขยายกจิ การเม่ือมีความ
พรอ้ ม เมอ่ื มภี มู ิคุ้มกนั ท่ดี ี
11. มีความเข้มแขง็ ท้งั รา่ งกาย และจติ ใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออานาจฝา่ ยตา่ หรือกิเลส มคี วามละอายเกรงกลัวต่อ
บาปตามหลักของศาสนา
12. คานงึ ถงึ ผลประโยชน์ของสว่ นรวม และของชาติมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง

6. ส่อื การเรยี นรู้
สื่อสง่ิ พิมพ์

1. เครื่องจักรกลการเษตร ของ จักร จกั กะพาก และยาซุมะ สะโคงะ.
2. เครอื่ งทุน่ แรงฟารม์ ของ ประชุม เนตรสบื สาย และพนั ทิพา อนั ทวิ โรทยั .
3. แทรกเตอร์ ของ ประณต กุลสตู ร
4. แบบทดสอบก่อนเรียนแบบเลือกตอบ จานวน 15 ข้อ

ส่ืออเิ ลก็ ทรอนิกส์
1. Power Point เรอ่ื งงานชา่ งเกษตร

ส่อื ของจริง
1. เครือ่ งทนุ แรงฟาร์มที่ใชใ้ นงานเกษตร

5

2. เครือ่ งมอื ที่อุปกรณ์ใช้ในงานช่างเกษตร

7. หลักฐานการเรียนรู้
7.1 หลกั ฐานความรู้
1. ผลการทดสอบ
2. ผลการทาแบบฝกึ หัด
3. ผลการตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรม
7.2 หลักฐานการปฏิบตั งิ าน
1. แบบรายงานผลการทากิจกรรม
2. แผนผังความคดิ เรื่องงานชา่ งเกษตร

8. การวดั ผลประเมินผล
การวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการแสดงและรบั ฟังความคิดเหน็ ของผู้อื่น การให้ความร่วมมือในการปฏิบตั ิงาน ความ

กระตือรือรน้ ปฏบิ ัติงานตามข้ันตอน การปฏิบตั ิงานอยา่ งระมดั ระวังและมคี วามสะอาด การมคี วามคิดหลากหลาย
ในการแกป้ ัญหา โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรม

2. สังเกตการนาเสนอผลงาน โดยใช้แบบประเมินกจิ กรรม
3. ตรวจแบบฝึกหัด โดยใช้ใบเฉลยแบบฝกึ หดั
4. ตรวจรายงานผลการทากิจกรรม
5. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยที่ 1 งานช่างเกษตรเบอ้ื งตน้ โดยใชใ้ บเฉลยแบบทดสอบ
การประเมนิ ผล
นกั เรียนท่ไี ด้คะแนนร้อยละ 60 ขึ้นไป ถือว่าผ่านการประเมิน
9. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถา้ มี)
- .ให้นักเรยี นไปคน้ คว้าหาความรูเ้ ร่อื งงานชา่ งเกษตรเบือ้ งตน้

10. เอกสารอา้ งอิง
1. จกั ร จักกะพาก และยาซุมะ สะโคงะ. เครื่องจักรกลการเษตร. พิมพ์ครง้ั ท่ี2. กรุงเทพ : โรงพิมพค์ รุ ุสภา
ลาดพรา้ ว, 2528
2. ประชมุ เนตรสืบสาย และพนั ทิพา อันทวิ โรทัย. เคร่อื งทุน่ แรงฟาร์ม. พิมพ์ครง้ั ท2ี่ . ศนู ยว์ ิศวกรรม
เกษตรบางพูน.ม.ป.ท.,ม.ป.ป.
3. ประณต กลุ สตู ร. แทรกเตอร์. พมิ พ์ครัง้ ท2่ี . กรงุ เทพ : ฟันนีพ่ บั ลชิ ชง่ิ
4. มงคล กวางวโรภาส. เครื่องทนุ แรงฟาร์ม. กรุงเทพ : ประชาชน (แผนกการพมิ พ)์ ,2530

11. บนั ทึกหลังสอน
11.1 ข้อสรุปหลงั การจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

6

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.2 ปัญหาอุปสรรคทพ่ี บ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางแก้ปัญหาหรือพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

7

การออกแบบการจัดการเรียนรูห้ น่วยท่ี 2

เรอ่ื งการเชอื่ มโลหะดว้ ยไฟฟ้า

มเี หตุผล พอประมาณ

มภี มู ิคมุ้ กัน

1. เพื่อให้มีความรเู้ ขา้ ใจเกีย่ วกับการเชื่อม 4. เตรียม เลือกใช้ วสั ดุ อุปกรณไ์ ด้ 5. เข้าใจหลักการและความสาคญั
โลหะด้วยไฟฟ้า เหมาะสมกับการการเรยี น ในการเช่อื มโลหะด้วยไฟฟ้า

2. เพื่อให้มีความรเู้ ข้าใจการใช้เครอ่ื งมือ 6. แสดงกิจนสิ ยั ที่ดีในการทางาน
และอุปกรณก์ ารเช่อื มไฟฟา้ ด้วยความเป็นระเบียบ สะอาด
ประณตี ปลอดภยั และรกั ษา
3. เพื่อให้มคี วามรเู้ ข้าใจความปลอดภัยใน สภาพแวดลอ้ ม
การเชือ่ มไฟฟา้

การเชือ่ มโลหะดว้ ยไฟฟา้

ความรู้ + ทกั ษะ คุณธรรม

1. การเช่อื มโลหะด้วยไฟฟ้า 1. มีความรบั ผิดชอบ
2. เครอ่ื งมือและอุปกรณ์การเชื่อมไฟฟา้ 2. มรี ะเบียบวินยั
3. การเรม่ิ ตน้ การเช่ือมและองค์ประกอบในการ 3. มีความสนใจใฝร่ ู้
4. มมี นษุ ยสมั พนั ธ์
เชอื่ มไฟฟ้า 5. มคี วามเชอื่ ม่ันในตนเอง
4. ความปลอดภัยในการเชื่อมไฟฟา้

สงั คม เศรษฐกจิ วัฒนธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม
1, 2, 3 1, 2, 3, 3 3,4,5

8

แผนการจัดการเรียนรู้รายหน่วย

รหัสวิชา 3500 – 0003 ชือ่ วิชาชา่ งเกษตรและเครอื่ งจักรกลเกษตรเบ้อื งตน้ 3 (5) ชม./ สปั ดาห์สอนครงั้ ที่ 2-3

หน่วยท่ี 2 ชอ่ื หน่วยการเช่ือมโลหะดว้ ยไฟฟ้า เวลา 10 ชม.

1. สาระสาคญั
หลักการเช่ือมโลหะด้วยไฟฟา้ เป็นกระบวนการที่ทาให้โลหะติดกันด้วยการหลอมละลาย โดนอาศัยความร้อน

จากการอารค์ ท่เี กิดขึน้ ระหว่าง ลวดเชื่อมกับโลหะงานทต่ี ้องการเชอื่ ม
อุณหภูมิในการอาร์ค โดยเฉลี่ยประมาณ 6,000 องศาฟาเรนไฮด์ หรือ 3,316 องศาเซลเซียส เนื้อท่ีบริเวณ

ของแผน่ โลหะ หรอื งานทถี่ ูเช่ือมหลอมละลาย ในขณะเดียวกัน ปลายของลวดเชื่อมก็จะหลอมละลายเช่นกัน และจะ
แผ่ขยายลงไปบนโลหะแผ่นานท่ีจะเช่ือมนั้น เมื่อเคลื่อนลวดเช่ือมไปตามรอยตอ่ โดยจ่อลวดเช่ือมให้อยู่ใกล้กับแผ่นงาน
เราก็สามารถบังคับให้ลวดเช่ือมท่ีหลอมละลายแล้วหยดไปบนแผ่นงานได้ ในการเชื่อมควรจะควบคุมความเร็วในการ
เคล่ือนที่ด้วย เพื่อที่แนวเช่ือมจะได้ฝังตัวลงในแผ่นโลหะได้ดี ลวดเช่ือมจะหลอมละลายเติมลงระหว่างแผ่นโลหะทั้ง
สองจนเป็นแนวเช่ือมได้

2. สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความรู้เก่ียวกับการเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้า
2. แสดงความรูเ้ ก่ียวกบั เคร่ืองมือและอุปกรณก์ ารเช่ือมไฟฟ้า
3. คานึงถึงความปลอดภัยในการใช้เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์การเชื่อมไฟฟา้
4. แสดงกิจนิสยั ทด่ี ใี นการทางานด้วยความเปน็ ระเบียบ สะอาด ประณตี ปลอดภยั และรักษาสภาพแวดลอ้ ม

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ ่ัวไป

1. เพอ่ื ให้มคี วามรู้ความเขา้ ใจการเช่ือมโลหะด้วยไฟฟา้
2. เพ่อื ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์การเชือ่ มไฟฟ้า
3. เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจความปลอดภัยในการใชเ้ คร่ืองมือและอุปกรณก์ ารเชื่อมไฟฟ้า
4. เพือ่ ใหม้ ีกิจนสิ ัยท่ีดใี นการทางานด้วยความเปน็ ระเบยี บ สะอาด ประณีต ปลอดภัย และรักษา

สภาพแวดล้อม

3.2 จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม

1. อธบิ ายความสาคัญการเชอ่ื มโลหะด้วยไฟฟา้ ได้
2. อธบิ ายการใชเ้ คร่ืองมือและอุปกรณก์ ารเชื่อมไฟฟา้ ได้
3. ปฏบิ ตั ิการใชเ้ ครอ่ื งมือและอปุ กรณก์ ารเชื่อมไฟฟา้ ได้
4. แสดงและรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อ่นื ให้ความร่วมมือในการปฏิบตั งิ าน มคี วามกระตือรือรน้

ปฏิบตั ติ ามขนั้ ตอน และมคี วามคดิ หลากหลายในการแก้ปญั หา
4. สาระการเรียนรู้

1. การเชอื่ มโลหะดว้ ยไฟฟา้
2. เคร่ืองมือและอุปกรณ์การเชอื่ มไฟฟา้
3. การเริ่มตน้ การเช่ือมและองค์ประกอบในการเชอื่ มไฟฟา้
4. ความปลอดภัยในการเช่ือมไฟฟ้า

9

5. กิจกรรมการเรยี น
5.1 กิจกรรมการเรียน (ครั้งที่ 2)
1. ครูผู้สอนกล่าวต้อนรับนักเรียนและตรวจสอบรายช่ือ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขาน

รับการตรวจสอบ
2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเคร่ืองแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่าว

ตกั เตือน และตดั คะแนนในแบบประเมินคุณธรรมจรยิ ธรรมในท้ายคาบเรียน
3. ครูผู้สอนบรรยายตามใบความรู้ท่ี 2 และใบงาน ในเรื่อง การเช่ือมโลหะด้วยไฟฟ้า เคร่ืองมือและอุปกรณ์

การเชอ่ื มไฟฟา้
4. ครูผู้สอนถามตอบเน้ือหาที่บรรยายตามใบความรู้ที่ 2 ในเร่ืองการเช่ือมโลหะด้วยไฟฟ้า เคร่ืองมือและ

อปุ กรณก์ ารเช่อื มไฟฟ้า
5. นกั เรยี นสาธติ การใช้เคร่อื งมือและอปุ กรณ์การเช่อื มไฟฟ้า
6. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เนอ้ื หาสาระสาคัญ นกั เรยี นจดบนั ทึกเพม่ิ เตมิ
7. ครูผูส้ อนให้นกั เรียนรว่ มกนั ทาความสะอาดช้ันเรยี น และพนื้ ภายในโรงงานชา่ งยนต์
8. ครผู ู้สอน อบรมคุณธรรม จรยิ ธรรม เรอื่ งการตรงตอ่ เวลา

5. 2 กจิ กรรมการเรียน (ครง้ั ท่ี 3)
1. ครูผู้สอนกล่าวทักทายพร้อมทั้งตรวจสอบรายช่ือ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขานรับ
การตรวจสอบ
2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเครื่องแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่าว
ตักเตอื น และตดั คะแนนในแบบประเมนิ คุณธรรมจริยธรรมในท้ายคาบเรียน
3. ครผู ู้สอนบรรยายต่อ ตามใบความรทู้ ี่ 3 ในเรอื่ ง การเริม่ ตน้ การเชอื่ มและองคป์ ระกอบในการเช่ือมไฟฟ้า
ความปลอดภยั ในการเชอื่ มไฟฟา้
4. ครูผู้สอนถามตอบเนื้อหาที่บรรยายตามใบความรู้ท่ี 3 ในเรอื่ งการเริ่มต้นการเช่ือมและองค์ประกอบในการ
เช่อื มไฟฟ้า ความปลอดภัยในการเชอ่ื มไฟฟา้
5. นกั เรยี นสาธติ การใช้เคร่อื งมือและอปุ กรณก์ ารเชอ่ื มไฟฟ้า
6. นกั เรียนและครรู ่วมกนั สรุปเนื้อหาสาระสาคญั นกั เรยี นจดบันทึกเพ่ิมเตมิ
7. ครูผู้สอนให้นักเรยี นรว่ มกันทาความสะอาดช้นั เรยี น
8. ครูผสู้ อน อบรมคณุ ธรรม จรยิ ธรรม เร่อื งความมวิ ินยั ต่อการเรยี น

การบรู ณาการกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. ความพอประมาณ
- มใี บงานให้คานวณขนาดของวัสดทุ ี่ทาใหไ้ มเ่ หลือเศษทิ้งขว้าง
- จัดเวรใหน้ กั เรยี นเบิกเคร่อื งมือและอุปกรณ์ ใหพ้ อดีเหมาะสมกับความจาเป็นท่ีต้องใชใ้ นการปฏิบัตงิ านแตล่ ะคร้งั

2. ความมเี หตุผล
- ให้นักศึกษารว่ มกันสรุป การเช่อื มโลหะดว้ ยไฟฟ้า

3. การมภี ูมิคุ้มกันในตวั ที่ดี
- ปลกู ฝงั ให้นักเรยี นปฏบิ ัติตามกฎระเบียบอย่างเครง่ ครัด

10

- กาหนดกฎระเบยี บและขอ้ บังคบั ในการทางานเกย่ี วกบั การใชเ้ ครือ่ งมือ และ การบารงุ รกั ษาก่อนและหลงั การ
ปฏบิ ัติงาน

- สาธติ การปฏิบตั ิงานการใช้เคร่อื งมือแบบผดิ ๆซึ่งจะก่อให้เกิดการเสียหายของเคร่ืองมืออุปกรณ์ ก่อนปฏิบตั งิ าน
เหล่าน้ัน
4. เง่ือนไขความรู้

- มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจถกู ต้องเก่ียวกับการเช่ือมโลหะดว้ ยไฟฟ้า
5. เงอ่ื นไขคุณธรรม

- ผู้เรยี นมีความรับผดิ ชอบ มีระเบยี บวินัย มคี วามสนใจใฝ่รู้ มีมนษุ ยสัมพนั ธ์ และมีความเช่ือมัน่ ในตนเอง

การบูรณาการกบั มาตรฐานสถานศึกษา 3 ดี

1. ดา้ นประชาธิปไตย
- ผู้เรยี นสามารถตดั สินใจเลือกกล่มุ ตามความสมัครใจ และในการจัดกล่มุ ครง้ั ท่ีสองผเู้ รียนมีโอกาสออกเสียงท่จี ะ
จัดตามกลุ่มเดิมหรือจดั กลมุ่ ใหม่ และเคารพในผลการออกเสียง
- ผเู้ รียนแสดงและรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อนื่

2. ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและความเปน็ ไทย
- ผู้เรยี นมีความรบั ผดิ ชอบ มรี ะเบียบวนิ ัย มคี วามสนใจใฝ่รู้ มีมนษุ ยสมั พนั ธ์ และมีความเชื่อมนั่ ในตนเอง

3. ดา้ นภมู คิ ุม้ กนั ภัยจากยาเสพตดิ
- ผเู้ รียนใชเ้ วลาว่างในการทารายงานผลการปฏิบัติกจิ กรรมและตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรม
รวมทั้งทาแบบฝึกหัดสง่ ในสปั ดาหถ์ ดั ไป

การบูรณการคา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.

1. มคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
2. ซ่ือสัตย์ เสยี สละ อดทน มีอุดมการณใ์ นสง่ิ ท่ีดงี ามเพ่ือส่วนรวม
3. กตญั ญูตอ่ พอ่ แม่ ผ้ปู กครอง ครบู าอาจารย์
4. ใฝห่ าความรู้ หม่ันศึกษาเล่าเรยี นทงั้ ทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
6. มีศีลธรรม รกั ษาความสตั ย์ หวังดีตอ่ ผู้อื่น เผอื่ แผ่และแบ่งปนั
7. เข้าใจเรยี นรู้การเปน็ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษตั ริยท์ รงเปน็ ประมขุ ท่ีถกู ต้อง
8. มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ผนู้ ้อยรู้จักการเคารพผใู้ หญ่
9. มีสติร้ตู วั รู้คดิ รู้ทา รู้ปฏบิ ตั ติ ามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ ัว
10. รูจ้ ักดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งตามพระราชดารสั ของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั
ร้จู กั อดออมไวใ้ ชเ้ ม่ือยามจาเป็น มไี วพ้ อกินพอใช้ ถ้าเหลอื ก็แจกจ่ายจาหนา่ ย และพร้อมทจี่ ะขยายกิจการเมอ่ื มีความ
พร้อม เมือ่ มีภมู ิคุ้มกันทด่ี ี
11. มคี วามเข้มแขง็ ท้งั ร่างกาย และจติ ใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออานาจฝ่ายต่าหรอื กิเลส มคี วามละอายเกรงกลวั ต่อ
บาปตามหลักของศาสนา
12. คานึงถึงผลประโยชน์ของสว่ นรวม และของชาติมากกวา่ ผลประโยชนข์ องตนเอง

11

6. ส่อื การเรยี นรู้
สื่อสง่ิ พิมพ์

1. คมู่ ือการเชือ่ มโลหะ1 ของ คะเณย์ วรรณโท และแสงชยั ตรงเจริญสขุ .
2. งานเชอ่ื มโลหะแผน่ ทั่วไป ของ นรศิ ศรเี มฆ และพิชยั โอภาสอนันต์
3. งานเชอ่ื มโลหะเบ้ืองต้น ของ วีระ รัตนไชย
4. แบบทดสอบก่อนเรยี นแบบเลือกตอบ จานวน 15 ขอ้

สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
1. Power Point เรื่องการเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้า

สอื่ ของจรงิ
1. เครื่องเช่ือมไฟฟ้า
2. เครอ่ื งมอื ท่ีอุปกรณใ์ ช้ในงานเชอ่ื มไฟฟ้า

7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
7.1 หลักฐานความรู้
1. ผลการทดสอบ
2. ผลการทาแบบฝกึ หดั
3. ผลการตอบคาถามท้ายกิจกรรม
7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั งิ าน
1. แบบรายงานผลการทากิจกรรม
2. แผนผงั ความคดิ เรื่องการเชอ่ื มโลหะด้วยไฟฟา้

8. การวัดผลประเมนิ ผล
การวดั ผล
1. สงั เกตพฤติกรรมการแสดงและรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น การให้ความรว่ มมือในการปฏบิ ตั ิงาน ความ

กระตือรอื รน้ ปฏิบัตงิ านตามขน้ั ตอน การปฏบิ ตั งิ านอยา่ งระมัดระวังและมคี วามสะอาด การมีความคิดหลากหลาย
ในการแก้ปัญหา โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรม

2. สงั เกตการนาเสนอผลงาน โดยใช้แบบประเมนิ กจิ กรรม
3. ตรวจแบบฝึกหัด โดยใช้ใบเฉลยแบบฝกึ หดั
4. ตรวจรายงานผลการทากิจกรรม
5. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หน่วยท่ี 2 การเชอื่ มโลหะดว้ ยไฟฟ้า โดยใช้ใบเฉลยแบบทดสอบ

การประเมนิ ผล
นกั เรียนท่ไี ด้คะแนนร้อยละ 60 ข้นึ ไป ถอื ว่าผา่ นการประเมนิ

9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่ีมอบหมาย (ถา้ มี)
- .ใหน้ ักเรียนไปค้นควา้ หาความรู้เรอื่ งการเชื่อมโลหะดว้ ยไฟฟา้

10. เอกสารอา้ งอิง

12

1. คะเณย์ วรรณโท และแสงชัย ตรงเจรญิ สุข.คู่มือการเช่ือมโลหะ1. สถาบนั พัฒนาอุตสาหกรรม
เครอื่ งจักรกลและโลหะการ กรมส่งเสรมิ อุตสาหกรรม, ม.ป.ป.

2. จรญู พรมสทุ ธิ์ และอานาจ ทองแสน. กระบวนการเช่อื ม. กรุงเทพ : สานกั นกั พมิ พ์เอมพันธ,์ 2544
3. นรศิ ศรีเมฆ และพชิ ยั โอภาสอนันต์. งานเชือ่ มโลหะแผ่นทว่ั ไป. กรงุ เทพ : สานกั พมิ พ์เอมพันธ์,

2542
4. บรษิ ัท ไทย-โกเบล เวลดง้ิ จากัด.คูม่ ือวสั ดแุ ละอุปกรณ์งานเช่อื ม. ม.ป.ป.
5. วีระ รตั นไชย. งานเช่อื มโลหะเบ้ืองต้น. กรงุ เทพ : นาอกั ษรการพิมพ,์ 2538
6. สมบรู ณ์ เต็งหงสเ์ จริญ และคณะ. เชอ่ื มโลหะ1. พมิ พค์ รั้งที2่ . กรงุ เทพ : สถาบัเทคโนโลยีราชมงคล

วทิ ยาเขตเทคนิคกรุงเทพ, 2532

11. บนั ทึกหลงั สอน
11.1 ข้อสรุปหลังการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.2 ปญั หาอุปสรรคทพ่ี บ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางแก้ปัญหาหรือพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

13

การออกแบบการจดั การเรียนรูห้ น่วยที่ 3

เรือ่ งการเชอ่ื มโลหะดว้ ยแกส๊

มเี หตผุ ล พอประมาณ

มีภูมคิ มุ้ กัน

1. เพอ่ื ใหม้ คี วามรเู้ ขา้ ใจเกย่ี วกบั การเช่อื ม 4. เตรียม เลือกใช้ วสั ดุ อุปกรณไ์ ด้ 5. เขา้ ใจหลกั การและความสาคัญ
โลหะด้วยแกส๊ เหมาะสมกับการการเรยี น ในการเชือ่ มโลหะด้วยแกส๊

2. เพือ่ ให้มคี วามรเู้ ข้าใจการใช้เครอื่ งมอื 6. แสดงกจิ นสิ ยั ทด่ี ีในการทางาน
และอปุ กรณ์การเชอ่ื มแกส๊ ด้วยความเป็นระเบยี บ สะอาด
ประณตี ปลอดภยั และรักษา
3. เพื่อให้มีความรเู้ ขา้ ใจความปลอดภัยใน สภาพแวดล้อม
การเชอ่ื มแกส๊

การเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส

ความรู้ + ทกั ษะ คณุ ธรรม

1. หลักการเช่อื มโลหะด้วยแก๊ส 1. มคี วามรับผดิ ชอบ
2. คณุ ลกั ษณะของแกส๊ อเซทิลีนท่ีใช้ในการเชือ่ ม 2. มรี ะเบยี บวนิ ยั
3. คุณลกั ษณะของแก๊สออกซิเจน 3. มีความสนใจใฝร่ ู้
4. เครอื่ งมือและอุปกรณ์การเช่ือมแก๊ส 4. มีมนษุ ยสมั พันธ์
5. เปลวไฟในการเช่ือมแก๊สและการใช้งาน 5. มคี วามเชอื่ ม่นั ในตนเอง
6. ความปลอดภยั ในการเชือ่ มโลหะด้วยแก๊ส

สังคม เศรษฐกจิ วัฒนธรรม ส่ิงแวดลอ้ ม
1, 2, 3 1, 2, 3, 3 3,4,5

แผนการจดั การเรยี นรู้รายหนว่ ย

14

รหัสวชิ า 3500 – 0003 ชอื่ วิชาชา่ งเกษตรและเครอ่ื งจักรกลเกษตรเบอื้ งต้น 3 (5) ชม./สัปดาห์สอนครัง้ ท่ี 4

หน่วยท่ี 3 ชื่อหน่วยการเชอ่ื มโลหะดว้ ยแก๊ส เวลา 5 ชม.

1. สาระสาคัญ
การเช่ือมโลหะด้วยแก๊ส แก๊สท่ีใช้เป็นแก๊สเช้ือเพลิง ร่วมกับออกซิเจนและให้ความร้อนสูงซึ่งมีหลายชนิด

เชน่ อะเซทิลนี โพรเพน และโพรพีลีน แต่ทั้งหมดที่กล่าวมา อะเซทิลนี เม่ือรวมตัวกับออกซเิ จนและเผาไหม้ จะให้
ความร้อนสงู กวา่ แกส๊ ชนิดอนื่ ๆดงั น้ันในการเช่ือมโลหะด้วยแกส๊ จึงนิยมใช้แกส๊ อะเซทิลีน รว่ มกบั แกส๊ ออกซิเจนกันอยา่ ง
แพร่หลาย

2. สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความรู้เกี่ยวกบั การเชื่อมโลหะดว้ ยแกส๊
2. แสดงความรเู้ กีย่ วกบั เคร่ืองมือและอุปกรณ์การเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส
3. คานงึ ถงึ ความปลอดภยั ในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์การเชอ่ื มโลหะด้วยแกส๊
4. แสดงกิจนสิ ัยท่ีดใี นการทางานด้วยความเปน็ ระเบยี บ สะอาด ประณตี ปลอดภัย และรกั ษาสภาพแวดล้อม

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ท่ัวไป

1. เพือ่ ให้มีความรู้ความเข้าใจการเชอื่ มโลหะด้วยแกส๊
2. เพ่ือใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจการใช้เคร่อื งมือและอปุ กรณ์การเช่ือมโลหะดว้ ยแกส๊
3. เพื่อใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจความปลอดภยั ในการใชเ้ ครื่องมือและอุปกรณ์การเชื่อมโลหะด้วยแกส๊
4. เพื่อให้มกี จิ นิสยั ท่ีดใี นการทางานดว้ ยความเปน็ ระเบยี บ สะอาด ประณีต ปลอดภัย และรักษา

สภาพแวดล้อม

3.2 จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม

1. อธบิ ายความสาคัญการเช่ือมโลหะดว้ ยแก๊ส
2. อธบิ ายการใชเ้ ครื่องมือและอุปกรณ์การเช่ือมโลหะด้วยแก๊ส
3. ปฏบิ ัติการใชเ้ ครอื่ งมือและอุปกรณ์การเช่ือมโลหะดว้ ยแก๊ส
4. แสดงและรับฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อน่ื ใหค้ วามร่วมมือในการปฏบิ ตั ิงาน มีความกระตือรือร้น

ปฏบิ ัตติ ามขัน้ ตอน และมคี วามคดิ หลากหลายในการแกป้ ัญหา
4. สาระการเรยี นรู้

1. หลกั การเช่อื มโลหะดว้ ยแกส๊
2. คุณลกั ษณะของแก๊สอเซทลิ ีนท่ีใช้ในการเชอื่ ม
3. คุณลกั ษณะของแกส๊ ออกซเิ จน
4. เครื่องมือและอุปกรณ์การเชอ่ื มแกส๊
5. เปลวไฟในการเช่ือมแก๊สและการใช้งาน
6. ความปลอดภยั ในการเชอื่ มโลหะดว้ ยแก๊ส

5. กิจกรรมการเรยี น (ครัง้ ที่ 4)
1. ครูผู้สอนกล่าวต้อนรับนักเรียนและตรวจสอบรายช่ือ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขาน

รับการตรวจสอบ
2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเครื่องแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่าว

ตักเตอื น และตัดคะแนนในแบบประเมนิ คุณธรรมจริยธรรมในทา้ ยคาบเรียน

15

3. ครผู ู้สอนบรรยายตามใบความรู้ที่ 4 และใบงาน ในเรอ่ื ง หลกั การเชือ่ มโลหะด้วยแกส๊
4. ครผู ้สู อนถามตอบเนือ้ หาที่บรรยายตามใบความร้ทู ่ี 4 ในเร่อื ง หลักการเชอื่ มโลหะด้วยแก๊ส
5. นักเรยี นสาธติ การใช้เคร่ืองมอื และอปุ กรณ์การเชื่อมโลหะดว้ ยแกส๊
6. นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั สรปุ เนือ้ หาสาระสาคัญ นกั เรียนจดบันทกึ เพิ่มเตมิ
7. ครผู ้สู อนให้นกั เรยี นร่วมกันทาความสะอาดชัน้ เรียน และพน้ื ภายในโรงงานช่างยนต์
8. ครูผู้สอน อบรมคณุ ธรรม จรยิ ธรรม เรอื่ งการตรงตอ่ เวลา

การบรู ณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

1. ความพอประมาณ
- มีใบงานให้คานวณขนาดของวัสดทุ ท่ี าใหไ้ มเ่ หลือเศษท้ิงขว้าง
- จดั เวรใหน้ กั เรียนเบิกเครือ่ งมือและอปุ กรณ์ ให้พอดีเหมาะสมกับความจาเป็นท่ตี ้องใชใ้ นการปฏบิ ัตงิ านแต่ละคร้งั

2. ความมเี หตุผล
- ให้นักศึกษาร่วมกันสรปุ การเชอื่ มโลหะด้วยแก๊ส

3. การมภี ูมิคุม้ กนั ในตัวทด่ี ี
- ปลกู ฝงั ให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิตามกฎระเบยี บอย่างเครง่ ครดั
- กาหนดกฎระเบยี บและขอ้ บังคบั ในการทางานเกยี่ วกับการใชเ้ ครอ่ื งมือ และ การบารุงรักษาก่อนและหลังการ

ปฏบิ ัติงาน
- สาธิตการปฏิบัตงิ านการใชเ้ คร่อื งมือแบบผดิ ๆซ่ึงจะกอ่ ใหเ้ กิดการเสยี หายของเครื่องมืออุปกรณ์ ก่อนปฏิบัตงิ าน

เหลา่ นัน้
4. เงื่อนไขความรู้

- มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจถกู ต้องเกี่ยวกบั การเช่อื มโลหะด้วยแกส๊
5. เงือ่ นไขคุณธรรม

- ผูเ้ รียนมีความรับผดิ ชอบ มรี ะเบียบวนิ ัย มคี วามสนใจใฝ่รู้ มีมนุษยสมั พนั ธ์ และมคี วามเช่ือมั่นในตนเอง

การบรู ณาการกบั มาตรฐานสถานศึกษา 3 ดี

1. ด้านประชาธิปไตย
- ผ้เู รยี นสามารถตดั สนิ ใจเลอื กกลุ่มตามความสมคั รใจ และในการจดั กลุ่มครั้งทส่ี องผูเ้ รยี นมโี อกาสออกเสยี งทจ่ี ะ
จัดตามกลมุ่ เดิมหรือจัดกลมุ่ ใหม่ และเคารพในผลการออกเสียง
- ผเู้ รียนแสดงและรับฟงั ความคิดเห็นของผู้อืน่

2. ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและความเป็นไทย
- ผู้เรยี นมีความรับผิดชอบ มีระเบยี บวินยั มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มีมนษุ ยสัมพนั ธ์ และมีความเชื่อมัน่ ในตนเอง

3. ด้านภมู คิ มุ้ กนั ภัยจากยาเสพติด
- ผู้เรียนใชเ้ วลาวา่ งในการทารายงานผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมและตอบคาถามทา้ ยกิจกรรม
รวมทง้ั ทาแบบฝึกหดั สง่ ในสปั ดาหถ์ ัดไป

การบรู ณการค่านยิ มหลกั ของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.

1. มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์

16

2. ซอื่ สัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิง่ ทีด่ ีงามเพ่ือส่วนรวม
3. กตัญญตู ่อพ่อแม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝห่ าความรู้ หมน่ั ศึกษาเล่าเรียนทงั้ ทางตรง และทางอ้อม
5. รกั ษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม
6. มีศลี ธรรม รักษาความสัตย์ หวังดีต่อผ้อู น่ื เผือ่ แผ่และแบ่งปนั
7. เขา้ ใจเรยี นรู้การเปน็ ประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ท่ีถกู ต้อง
8. มีระเบียบวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผนู้ ้อยรู้จักการเคารพผใู้ หญ่
9. มีสติรตู้ วั ร้คู ดิ รทู้ า รูป้ ฏบิ ตั ติ ามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั
10. รจู้ กั ดารงตนอยู่โดยใชห้ ลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งตามพระราชดารสั ของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว
รู้จักอดออมไวใ้ ช้เมื่อยามจาเป็น มไี วพ้ อกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจา่ ยจาหนา่ ย และพร้อมท่ีจะขยายกิจการเมอ่ื มคี วาม
พรอ้ ม เมอื่ มีภูมคิ มุ้ กนั ทดี่ ี
11. มคี วามเขม้ แขง็ ทั้งรา่ งกาย และจติ ใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออานาจฝา่ ยตา่ หรือกิเลส มีความละอายเกรงกลัวต่อ
บาปตามหลกั ของศาสนา
12. คานงึ ถงึ ผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

6. สื่อการเรยี นรู้
สอ่ื สง่ิ พิมพ์

1. คู่มือการเช่อื มโลหะ1 ของ คะเณย์ วรรณโท และแสงชัย ตรงเจรญิ สุข.
2. งานเชื่อมโลหะแผน่ ทัว่ ไป ของ นริศ ศรเี มฆ และพชิ ยั โอภาสอนันต์
3. งานเชือ่ มโลหะเบ้ืองต้น ของ วรี ะ รตั นไชย
4. แบบทดสอบก่อนเรยี นแบบเลือกตอบ จานวน 15 ข้อ

สอ่ื อเิ ล็กทรอนิกส์
1. Power Point เร่ืองการเชือ่ มโลหะดว้ ยแก๊ส

สือ่ ของจริง
1. ชดุ เชื่อมแกส๊
2. เครอื่ งมือท่ีอุปกรณ์ใช้ในงานเชือ่ มโลหะดว้ ยแก๊ส

7. หลักฐานการเรียนรู้
7.1 หลักฐานความรู้
1. ผลการทดสอบ
2. ผลการทาแบบฝกึ หัด
3. ผลการตอบคาถามทา้ ยกิจกรรม
7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน
1. แบบรายงานผลการทากจิ กรรม
2. แผนผงั ความคดิ เรอ่ื งการเชอ่ื มโลหะดว้ ยแกส๊

8. การวัดผลประเมินผล
การวัดผล

17

1. สงั เกตพฤติกรรมการแสดงและรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อื่น การให้ความรว่ มมือในการปฏิบัติงาน ความ
กระตือรือร้น ปฏบิ ตั งิ านตามข้ันตอน การปฏบิ ัตงิ านอย่างระมัดระวงั และมีความสะอาด การมคี วามคิดหลากหลาย
ในการแกป้ ญั หา โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรม

2. สังเกตการนาเสนอผลงาน โดยใชแ้ บบประเมินกิจกรรม
3. ตรวจแบบฝกึ หดั โดยใชใ้ บเฉลยแบบฝึกหัด
4. ตรวจรายงานผลการทากิจกรรม
5. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยท่ี 3 การเชอ่ื มโลหะด้วยแกส๊ โดยใช้ใบเฉลยแบบทดสอบ
การประเมินผล
นกั เรยี นทไ่ี ด้คะแนนรอ้ ยละ 60 ข้ึนไป ถอื วา่ ผ่านการประเมนิ
9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานท่ีมอบหมาย (ถา้ มี)
- .ใหน้ กั เรียนไปคน้ คว้าหาความรูเ้ รื่องการเชือ่ มโลหะดว้ ยแก๊ส
10. เอกสารอา้ งอิง
1. คะเณย์ วรรณโท และแสงชยั ตรงเจรญิ สขุ .คมู่ อื การเช่ือมโลหะ1. สถาบนั พฒั นาอตุ สาหกรรม

เครอ่ื งจักรกลและโลหะการ กรมส่งเสรมิ อุตสาหกรรม, ม.ป.ป.
2. จรญู พรมสทุ ธิ์ และอานาจ ทองแสน. กระบวนการเชื่อม. กรุงเทพ : สานักนักพมิ พ์เอมพันธ์, 2544
3. นริศ ศรเี มฆ และพชิ ยั โอภาสอนันต์. งานเช่ือมโลหะแผ่นทั่วไป. กรงุ เทพ : สานักพิมพ์เอมพันธ,์

2542
4. บรษิ ัท ไทย-โกเบล เวลด้งิ จากดั .คูม่ ือวัสดุและอปุ กรณ์งานเชอ่ื ม. ม.ป.ป.
5. วีระ รตั นไชย. งานเช่ือมโลหะเบอ้ื งต้น. กรงุ เทพ : นาอกั ษรการพิมพ,์ 2538
6. สมบูรณ์ เตง็ หงสเ์ จรญิ และคณะ. เชอื่ มโลหะ1. พิมพค์ ร้ังที่2. กรุงเทพ : สถาบัเทคโนโลยีราชมงคล

วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ, 2532
11. บันทกึ หลังสอน

11.1 ข้อสรุปหลังการจดั การเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11.2 ปัญหาอุปสรรคท่ีพบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางแกป้ ัญหาหรือพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

19

การออกแบบการจัดการเรยี นรู้หนว่ ยที่ 4

เร่อื งการตดิ ตัง้ ระบบท่อสง่ นา้ เพื่อการเกษตร

มเี หตุผล พอประมาณ

มีภมู ิคุม้ กัน

1. เพอ่ื ใหม้ ีความรเู้ ขา้ ใจเก่ียวกับการส่งนา้ 4. เตรียม เลือกใช้ วสั ดุ อุปกรณไ์ ด้ 5. เข้าใจหลกั การติดตังระบบทอ่ สง่
ชลประทานเพ่อื การเกษตรโดยระบบ เหมาะสมกับการการเรยี น น้าเพอื่ การเกษตร
ท่อ
6. แสดงกิจนิสยั ทดี่ ีในการท้างาน
2. เพอ่ื ให้มคี วามรเู้ ขา้ ใจการออกแบบท่อ ด้วยความเป็นระเบยี บ สะอาด
ส่งน้าเพื่อการเกษตร ประณตี ปลอดภยั และรักษา
สภาพแวดล้อม
3. เพ่อื ให้มีความรเู้ ขา้ ใจการตดิ ตงั ท่อส่ง
นา้ และอุปกรณ์

การตดิ ต้งั ระบบท่อสง่ น้าเพือ่
การเกษตร

ความรู้ + ทกั ษะ คณุ ธรรม

1. การส่งนา้ ชลประทานเพ่ือการเกษตรโดยระบบท่อ 1. มคี วามรับผดิ ชอบ
2. การออกแบบท่อส่งน้าชลประทานเพื่อการเกษตร 2. มีระเบยี บวนิ ยั
3. ท่อและอปุ กรณท์ ี่ใช้ในการติดตังระบบท่อส่งน้า 3. มคี วามสนใจใฝ่รู้
4. การติดตังท่อส่งน้าและอปุ กรณ์ 4. มีมนุษยสมั พันธ์
5. การให้น้ากับพืชและแปลงปลูกผักในระบบท่อใหน้ า้ 5. มีความเชือ่ ม่นั ในตนเอง

สังคม เศรษฐกิจ วฒั นธรรม สงิ่ แวดล้อม
1, 2, 3 1, 2, 3, 3 3,4,5

แผนการจดั การเรยี นรู้รายหน่วย

20

รหัสวชิ า 3500 – 0003 ชอ่ื วชิ าช่างเกษตรและเครอื่ งจักรกลเกษตรเบ้ืองตน้ 3 (5) ชม./สปั ดาห์สอนครง้ั ท่ี 5

หน่วยท่ี 4 ชอ่ื หนว่ ยการเชอื่ มโลหะดว้ ยแก๊ส เวลา 5 ชม.

1. สาระสา้ คัญ
การส่งน้า หมายถึงการน้าน้าจากแหล่งน้าเข้าระบบส่งน้าเพ่ือส่งเข้าพืนที่เพาะปลูกโดยตรงหรือแหล่งเก็บ

ส้ารองน้า เพื่อให้มีน้าเพียงพอกับความต้องการของพืช ขนาดพืนที่เพาะปลูก และเวลาท่ีพืชต้องการให้น้า ดังนัน
แหล่งน้าอาจเป็นแหล่งน้าขาดใหญ่ และขนาดกลางตามแต่ขนาดของโครงการซ่ึงโดยมาอาจเป็นโครงการที่รัฐจัดให้
เกษตรกรในแต่ละเขตพืนที่ของโครงการ ระยะทางในการจัดส่งน้าอาจมีระยะทางไกลและแผ่ครอบคลุมพืนที่ในเขต
โครงการทังหมด การจัดส่งน้าชลประทานสามารถแบ่งการจัดส่งออกเป็น 2 ลักษณะตามสภาพการส่งล้าเลียงน้า
ดงั นคี อื 1. การสง่ น้าชลประทานแบบอาศัยแรงดึงดดู โลก 2. การส่งนา้ ชลประทานโดยอาศัยการสบู นา้

2. สมรรถนะประจ้าหน่วย
1. แสดงความร้เู กี่ยวกับการส่งน้าชลประทานเพ่ือการเกษตรโดยระบบท่อ
2. แสดงความร้เู กย่ี วกับการออกแบบทอ่ ส่งน้าเพื่อการเกษตร
3. แสดงความรู้เกี่ยวกบั การติดตังทอ่ สง่ น้าและอปุ กรณ์
4. คา้ นงึ ถงึ ความปลอดภัยในการใช้เคร่อื งมือและอปุ กรณ์การการตดิ ตงั ท่อสง่ นา้ และอุปกรณ์
5. แสดงกจิ นสิ ัยทด่ี ีในการท้างานด้วยความเป็นระเบยี บ สะอาด ประณตี ปลอดภัย และรักษาสภาพแวดล้อม

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จุดประสงค์ทั่วไป
1. เพือ่ ให้มคี วามรู้ความเข้าใจการสง่ น้าชลประทานเพื่อการเกษตรโดยระบบท่อ
2. เพื่อใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจการออกแบบท่อสง่ นา้ เพ่ือการเกษตร
3. เพื่อใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจการตดิ ตงั ทอ่ ส่งน้าและอุปกรณ์
4. เพ่ือให้มกี จิ นสิ ยั ท่ีดใี นการทา้ งานด้วยความเป็นระเบยี บ สะอาด ประณีต ปลอดภยั และรักษา
สภาพแวดลอ้ ม

3.2 จุดประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม
1. อธบิ ายความสา้ คัญการส่งน้าชลประทานเพ่ือการเกษตรโดยระบบท่อ
2. อธิบายการใช้การออกแบบท่อสง่ น้าเพ่ือการเกษตร
3. ปฏบิ ตั ิการใช้การติดตังท่อส่งนา้ และอุปกรณ์
4. แสดงและรับฟังความคดิ เห็นของผู้อืน่ ให้ความร่วมมือในการปฏบิ ัติงาน มคี วามกระตือรือรน้
ปฏบิ ัติตามขันตอน และมีความคิดหลากหลายในการแก้ปญั หา

4. สาระการเรียนรู้
1. การส่งน้าชลประทานเพื่อการเกษตรโดยระบบทอ่
2. การออกแบบท่อส่งน้าชลประทานเพื่อการเกษตร
3. ท่อและอุปกรณ์ที่ใชใ้ นการตดิ ตงั ระบบท่อส่งน้า
4. การตดิ ตังท่อสง่ นา้ และอปุ กรณ์
5. การใหน้ ้ากับพืชและแปลงปลูกผกั ในระบบท่อให้นา้

5. กจิ กรรมการเรียน (ครงั้ ที่ 5)

21

1. ครูผู้สอนกล่าวต้อนรับนักเรียนและตรวจสอบรายช่ือ จ้านวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขาน
รบั การตรวจสอบ

2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเครื่องแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่าว
ตกั เตือน และตดั คะแนนในแบบประเมนิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมในทา้ ยคาบเรยี น

3. ครผู สู้ อนบรรยายตามใบความรูท้ ี่ 5 และใบงาน ในเรอ่ื ง การตดิ ตงั ระบบท่อส่งน้าเพื่อการเกษตร
4. ครผู ู้สอนถามตอบเนือหาที่บรรยายตามใบความรทู้ ี่ 5 ในเรอ่ื ง การตดิ ตงั ระบบทอ่ สง่ น้าเพ่อื การเกษตร
5. นกั เรยี นสาธติ การใช้เครื่องมอื และอปุ กรณ์การตดิ ตงั ระบบท่อสง่ นา้
6. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปเนอื หาสาระสา้ คัญ นกั เรียนจดบนั ทึกเพิ่มเติม
7. ครูผูส้ อนให้นกั เรียนร่วมกันท้าความสะอาดชันเรยี น และพนื ภายการเรยี นการสอน
8. ครผู สู้ อน อบรมคณุ ธรรม จริยธรรม เรือ่ งการตรงตอ่ เวลา

การบูรณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

1. ความพอประมาณ
- มีใบงานให้ค้านวณขนาดของวัสดทุ ี่ทา้ ใหไ้ ม่เหลือเศษทิงขว้าง
- จัดเวรให้นกั เรยี นเบกิ เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์ ใหพ้ อดีเหมาะสมกบั ความจา้ เป็นทต่ี ้องใช้ในการปฏบิ ัตงิ านแต่ละครงั

2. ความมีเหตุผล
- ใหน้ กั ศึกษารว่ มกันสรปุ การติดตังระบบท่อส่งน้าเพ่ือการเกษตร

3. การมภี ูมคิ มุ้ กันในตัวทดี่ ี
- ปลกู ฝังให้นกั เรียนปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บอย่างเครง่ ครดั
- กา้ หนดกฎระเบยี บและข้อบังคบั ในการท้างานเกยี่ วกบั การใช้เครือ่ งมือ และ การบา้ รงุ รกั ษาก่อนและหลงั การ

ปฏบิ ัติงาน
- สาธิตการปฏบิ ัติงานการใชเ้ ครอ่ื งมือแบบผดิ ๆซ่ึงจะก่อใหเ้ กิดการเสียหายของเคร่ืองมืออุปกรณ์ ก่อนปฏบิ ตั งิ าน

เหลา่ นัน

4. เงอ่ื นไขความรู้
- มคี วามรูค้ วามเข้าใจถกู ต้องเก่ียวกบั การ การตดิ ตงั ระบบทอ่ ส่งนา้ เพอ่ื การเกษตร

5. เง่อื นไขคุณธรรม
- ผเู้ รยี นมคี วามรับผิดชอบ มีระเบยี บวนิ ัย มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มีมนษุ ยสัมพันธ์ และมีความเชอื่ มน่ั ในตนเอง

การบรู ณาการกับมาตรฐานสถานศกึ ษา 3 ดี

1. ดา้ นประชาธิปไตย
- ผู้เรียนสามารถตดั สนิ ใจเลือกกลุ่มตามความสมคั รใจ และในการจดั กลมุ่ ครงั ทส่ี องผูเ้ รยี นมโี อกาสออกเสียงที่จะ
จัดตามกลมุ่ เดิมหรอื จัดกลุ่มใหม่ และเคารพในผลการออกเสยี ง
- ผูเ้ รียนแสดงและรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อืน่

2. ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและความเป็นไทย
- ผู้เรยี นมคี วามรับผดิ ชอบ มีระเบียบวินยั มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มีมนุษยสัมพันธ์ และมีความเช่อื มนั่ ในตนเอง

3. ด้านภมู ิคุม้ กันภัยจากยาเสพติด

22

- ผเู้ รยี นใช้เวลาว่างในการท้ารายงานผลการปฏิบัติกิจกรรมและตอบคา้ ถามทา้ ยกจิ กรรม
รวมทังท้าแบบฝึกหดั สง่ ในสัปดาห์ถัดไป

การบูรณการคา่ นิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.

1. มคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. ซ่ือสตั ย์ เสยี สละ อดทน มีอดุ มการณใ์ นสิ่งทดี่ ีงามเพ่ือสว่ นรวม
3. กตัญญตู ่อพอ่ แม่ ผู้ปกครอง ครบู าอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมนั่ ศกึ ษาเล่าเรียนทังทางตรง และทางอ้อม
5. รกั ษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม
6. มศี ีลธรรม รกั ษาความสัตย์ หวังดตี ่อผอู้ นื่ เผือ่ แผ่และแบ่งปนั
7. เขา้ ใจเรยี นรูก้ ารเปน็ ประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ ท่ีถูกต้อง
8. มรี ะเบียบวินยั เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรจู้ ักการเคารพผู้ใหญ่
9. มีสติรู้ตัว รคู้ ิด รู้ทา้ รปู้ ฏิบตั ิตามพระราชดา้ รสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัว
10. รู้จกั ดา้ รงตนอยู่โดยใช้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งตามพระราชดา้ รสั ของ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั
รจู้ กั อดออมไวใ้ ช้เมื่อยามจา้ เป็น มไี ว้พอกนิ พอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจา่ ยจา้ หน่าย และพร้อมที่จะขยายกิจการเม่ือมีความ
พร้อม เมอ่ื มภี มู คิ ้มุ กนั ทีด่ ี
11. มีความเข้มแข็งทังร่างกาย และจติ ใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออ้านาจฝ่ายตา่้ หรอื กิเลส มีความละอายเกรงกลวั ต่อ
บาปตามหลักของศาสนา
12. คา้ นงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องสว่ นรวม และของชาติมากกวา่ ผลประโยชน์ของตนเอง

6. ส่อื การเรียนรู้
สือ่ สง่ิ พมิ พ์

1. การจัดการดินและการให้น้า. ของ กิตพงษ์ วุฒจิ า้ นงค.์
2. ปั๊มและระบบสูบน้า ของ วิบูลย์ บญุ ยธโรกลุ
3. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นแบบเลือกตอบ จา้ นวน 15 ขอ้

สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์
1. Power Point เรอื่ งการตดิ ตังระบบท่อส่งน้าเพื่อการเกษตร

สอ่ื ของจริง
1. แผงสาธิตระบบส่งนา้ เพื่อการเกษตร
2. เครือ่ งมอื ท่ีอุปกรณใ์ ช้ในงานการตดิ ตงั ระบบทอ่ สง่ นา้ เพื่อการเกษตร

7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
7.1 หลักฐานความรู้
1. ผลการทดสอบ
2. ผลการทา้ แบบฝกึ หดั
3. ผลการตอบค้าถามทา้ ยกิจกรรม
7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน
1. แบบรายงานผลการท้ากจิ กรรม

23

2. แผนผงั ความคิดเรือ่ งการติดตังระบบท่อสง่ น้าเพ่ือการเกษตร
8. การวัดผลประเมนิ ผล

การวัดผล
1. สงั เกตพฤตกิ รรมการแสดงและรบั ฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่นื การให้ความรว่ มมือในการปฏบิ ัตงิ าน ความ
กระตือรือรน้ ปฏิบัติงานตามขันตอน การปฏิบัติงานอยา่ งระมัดระวงั และมคี วามสะอาด การมีความคิดหลากหลาย
ในการแกป้ ญั หา โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรม
2. สงั เกตการน้าเสนอผลงาน โดยใช้แบบประเมินกจิ กรรม
3. ตรวจแบบฝึกหัด โดยใชใ้ บเฉลยแบบฝกึ หัด
4. ตรวจรายงานผลการท้ากิจกรรม
5. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยที่ 4 การติดตังระบบท่อสง่ น้าเพ่ือการเกษตรโดยใชใ้ บเฉลย
แบบทดสอบ

การประเมนิ ผล
นกั เรยี นทไ่ี ด้คะแนนรอ้ ยละ 60 ขนึ ไป ถือว่าผา่ นการประเมนิ
9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถ้ามี)
- .ใหน้ ักเรียนไปค้นควา้ หาความรเู้ ร่อื งการตดิ ตงั ระบบท่อส่งนา้ เพื่อการเกษตร
10. เอกสารอ้างอิง
1. กติ พงษ์ วฒุ จิ า้ นงค.์ การจัดการดนิ และการให้นา้ . เอกสารอัดส้าเนาประกอบค้าสอน. เชียงใหม่ :

สถาบนั เทคโนโลยีการเกษตรแมโ่ จ,้ 2526
2. วบิ ลู ย์ บุญยธโรกุล. ปมั๊ และระบบสูบนา้ . ภาควชิ าวิศกรรมชลประทาน คณะวศิ กรรมศาสตร์

มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร,์ ม.ป.ท., 2529
11. บนั ทึกหลังสอน

11.1 ข้อสรุปหลงั การจดั การเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11.2 ปัญหาอปุ สรรคท่พี บ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางแก้ปัญหาหรือพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

25

การออกแบบการจัดการเรยี นรู้หนว่ ยท่ี 5

เรือ่ งการวางผังก่อสรา้ งและงานหล่อคอนกรีตเสรมิ เหล็ก

มีเหตุผล พอประมาณ

มภี มู ิคมุ้ กัน

1. เพื่อใหม้ ีความรเู้ ข้าใจเก่ียวกับการวาง 4. เตรยี ม เลือกใช้ วัสดุ อุปกรณไ์ ด้ 5. เข้าใจหลกั การการวางผัง
ผงั กอ่ สร้าง เหมาะสมกบั การการเรียน กอ่ สรา้ งและงานหล่อคอนกรตี
เสรมิ เหล็ก
2. เพือ่ ให้มีความรเู้ ขา้ ใจงานหลอ่ คอนกรีต
3. เพือ่ ให้มคี วามรเู้ ข้าใจความปลอดภยั ใน 6. แสดงกิจนิสยั ทด่ี ใี นการทางาน
ด้วยความเป็นระเบียบ
งานก่อสรา้ ง สะอาด ประณตี ปลอดภัย
และรกั ษาสภาพแวดล้อม

การวางผังก่อสร้างและงานหล่อ
คอนกรีตเสริมเหลก็

ความรู้ + ทกั ษะ คุณธรรม

1. การวางผังการก่อสร้าง 1. มีความรับผดิ ชอบ
2. งานคอนกรีตเสริมเหลก็ 2. มีระเบยี บวินัย
3. มีความสนใจใฝ่รู้
4. มมี นุษยสมั พันธ์
5. มคี วามเชือ่ มน่ั ในตนเอง

สงั คม เศรษฐกจิ วัฒนธรรม สิง่ แวดลอ้ ม
1, 2, 3 1, 2, 3, 3 3,4,5

แผนการจัดการเรยี นรู้รายหน่วย

26

รหัสวิชา 3500 – 0003 ชอ่ื วชิ าช่างเกษตรและเครอื่ งจักรกลเกษตรเบือ้ งต้น 3(5)ชม./สัปดาห์สอนครง้ั ท่ี 6

หน่วยท่ี 5 ช่ือหน่วยการวางผังกอ่ สรา้ งและงานหลอ่ คอนกรีตเสริมเหลก็ เวลา 5 ชม.

1. สาระสาคัญ
การก่อสร้างอาคารทอ่ี ยอู่ าศัย ห้องแถว ตึกแถว อาคารพาณิชย์ อาคารโรงเรือนพิเศษ หรืออาคารโรงเรือน

ต่างๆๆทางด้านการเกษตร ซ่ึงจะเป็นอาคารท่ีมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็แล้วแต่จาเป็นต้องมีแบบแปลนก่อสร้าง และ
จะต้องมีการวางผังในข้ันตอนแรกๆของการก่อสร้างเสมอ เพื่อเป็นการกาหนดตาแหน่งรูปแบบของตัวอาคาร ในแนว
ระนาบของพ้ืนท่ี เพ่ือกาหนดตาแหนง่ ของเสาและฐานรากของอาคารหรือสง่ิ ปลูกสรา้ ง และใช้เพื่อการตรวจสอบความ
ถูกต้องของแนวทิศทาง ระยะต่างๆของอาคารให้ตรงตามที่ออกแบบไว้และให้ถูกต้องตามข้อบังคับ ข้อกฎหมายท่ี
เกี่ยวขอ้ งดว้ ย

2. สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความรเู้ กีย่ วกบั การวางผังกอ่ สร้าง
2. แสดงความรเู้ กย่ี วกบั งานหลอ่ คอนกรีต
3. คานงึ ถึงความปลอดภยั ในงานก่อสร้าง
4. แสดงกจิ นสิ ัยทด่ี ีในการทางานด้วยความเปน็ ระเบียบ สะอาด ประณีต ปลอดภยั และรกั ษาสภาพแวดล้อม

3. จุดประสงค์การเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงค์ทั่วไป
1. เพอื่ ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจการวางผงั กอ่ สรา้ ง
2. เพื่อใหม้ ีความรู้ความเข้าใจงานหลอ่ คอนกรีต
3. เพ่ือใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจความปลอดภัยในงานกอ่ สร้าง
4. เพ่ือให้มีกจิ นิสัยท่ีดใี นการทางานดว้ ยความเป็นระเบียบ สะอาด ประณีต ปลอดภัย และรักษา
สภาพแวดล้อม

3.2 จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม
1. อธบิ ายความสาคัญการวางผังกอ่ สรา้ ง
2. อธิบายการใช้งานหล่อคอนกรีต
3. ปฏบิ ัติการงานหล่อคอนกรตี
4. แสดงและรบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อน่ื ใหค้ วามร่วมมือในการปฏิบตั งิ าน มคี วามกระตือรือรน้
ปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอน และมคี วามคดิ หลากหลายในการแก้ปญั หา

4. สาระการเรียนรู้
1. การวางผังการก่อสร้าง
2. งานคอนกรีตเสริมเหล็ก

5. กิจกรรมการเรยี น (คร้ังท่ี 6)
1. ครูผู้สอนกล่าวต้อนรับนักเรียนและตรวจสอบรายชื่อ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขาน

รับการตรวจสอบ
2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเคร่ืองแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่าว

ตกั เตอื น และตัดคะแนนในแบบประเมินคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในท้ายคาบเรยี น

27

3. ครผู ้สู อนบรรยายตามใบความร้ทู ี่ 7 และใบงาน ในเรื่อง การวางผังก่อสรา้ งและงานหลอ่ คอนกรีตเสริม
เหลก็

4. ครูผสู้ อนถามตอบเนอื้ หาท่ีบรรยายตามใบความรทู้ ่ี 6 ในเรือ่ ง การวางผงั ก่อสร้างและงานหล่อคอนกรีต
เสริมเหล็ก

5. นกั เรยี นสาธิตการใช้เครอ่ื งมือและอปุ กรณก์ ารวางผังก่อสรา้ งและงานหลอ่ คอนกรตี เสรมิ เหล็ก
6. นักเรียนและครูรว่ มกันสรปุ เนอื้ หาสาระสาคัญ นกั เรยี นจดบนั ทกึ เพมิ่ เติม
7. ครผู สู้ อนใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ทาความสะอาดช้ันเรยี น และพืน้ ภายในโรงงานช่างยนต์
8. ครผู ู้สอน อบรมคณุ ธรรม จริยธรรม เรอื่ งการตรงต่อเวลา

การบูรณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. ความพอประมาณ
- มีใบงานให้คานวณขนาดของวสั ดุท่ีทาใหไ้ มเ่ หลือเศษท้ิงขวา้ ง
- จัดเวรใหน้ ักเรยี นเบกิ เครอ่ื งมือและอปุ กรณ์ ให้พอดีเหมาะสมกับความจาเป็นท่ีต้องใช้ในการปฏิบตั ิงานแต่ละครง้ั

2. ความมีเหตุผล
- ให้นักศึกษาร่วมกันสรปุ การวางผังกอ่ สร้างและงานหล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก

3. การมภี ูมิคมุ้ กันในตัวที่ดี
- ปลูกฝงั ให้นักเรยี นปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บอย่างเครง่ ครดั
- กาหนดกฎระเบยี บและขอ้ บังคบั ในการทางานเกี่ยวกบั การใชเ้ คร่ืองมือ และ การบารุงรักษาก่อนและหลงั การ

ปฏิบตั งิ าน
- สาธติ การปฏิบัตงิ านการใช้เครื่องมือแบบผดิ ๆซึ่งจะก่อให้เกิดการเสยี หายของเครื่องมืออุปกรณ์ ก่อนปฏิบตั ิงาน

เหลา่ นั้น
4. เง่ือนไขความรู้

- มคี วามรู้ความเข้าใจถูกต้องเก่ียวกบั การวางผังก่อสร้างและงานหล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก
5. เง่ือนไขคุณธรรม

- ผู้เรยี นมคี วามรบั ผิดชอบ มีระเบยี บวนิ ัย มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มีมนษุ ยสัมพนั ธ์ และมีความเช่ือมนั่ ในตนเอง

การบูรณาการกับมาตรฐานสถานศึกษา 3 ดี

1. ดา้ นประชาธปิ ไตย
- ผู้เรียนสามารถตัดสนิ ใจเลือกกล่มุ ตามความสมคั รใจ และในการจดั กลุ่มครัง้ ที่สองผเู้ รยี นมีโอกาสออกเสียงที่จะ
จดั ตามกลมุ่ เดิมหรือจัดกล่มุ ใหม่ และเคารพในผลการออกเสียง
- ผเู้ รียนแสดงและรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อน่ื

2. ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและความเปน็ ไทย
- ผู้เรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบ มีระเบยี บวินยั มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มีมนษุ ยสมั พันธ์ และมคี วามเชื่อมั่นในตนเอง

3. ด้านภูมคิ มุ้ กันภัยจากยาเสพติด
- ผเู้ รยี นใช้เวลาว่างในการทารายงานผลการปฏบิ ัติกิจกรรมและตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรม
รวมทง้ั ทาแบบฝึกหดั ส่งในสัปดาหถ์ ัดไป

28

การบูรณการค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.

1. มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
2. ซื่อสตั ย์ เสยี สละ อดทน มีอดุ มการณใ์ นสง่ิ ทีด่ ีงามเพื่อสว่ นรวม
3. กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หม่ันศึกษาเล่าเรยี นท้งั ทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม
6. มศี ีลธรรม รักษาความสตั ย์ หวงั ดตี อ่ ผูอ้ นื่ เผื่อแผ่และแบ่งปัน
7. เข้าใจเรยี นรกู้ ารเปน็ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ ท่ีถูกต้อง
8. มรี ะเบียบวนิ ยั เคารพกฎหมาย ผ้นู ้อยรู้จกั การเคารพผูใ้ หญ่
9. มสี ตริ ้ตู ัว รู้คิด รูท้ า รปู้ ฏิบตั ิตามพระราชดารัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั
10. รจู้ กั ดารงตนอยู่โดยใชห้ ลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งตามพระราชดารสั ของ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว
รจู้ ักอดออมไวใ้ ชเ้ ม่ือยามจาเป็น มไี ว้พอกนิ พอใช้ ถ้าเหลอื ก็แจกจ่ายจาหน่าย และพร้อมทจ่ี ะขยายกจิ การเมอ่ื มคี วาม
พร้อม เม่อื มภี มู ิคุ้มกันทีด่ ี
11. มีความเข้มแข็งท้ังรา่ งกาย และจิตใจ ไม่ยอมแพต้ ่ออานาจฝา่ ยตา่ หรือกเิ ลส มีความละอายเกรงกลวั ต่อ
บาปตามหลกั ของศาสนา
12. คานงึ ถึงผลประโยชนข์ องส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

6. สื่อการเรยี นรู้
สือ่ ส่งิ พิมพ์

1. เทคโนโลยไี ม้และคอนเกรตี ของ ถาวร สทุ ธพิ นั ธ์.
2. คอนกรีตเทคโนโลยี ของ บุญเลศิ นอ้ ยสระ และประเสริฐ ธงไชย
3. ชา่ งปูนก่อสรา้ ง ของ พิภพ สนุ ทรสมยั
4. แบบทดสอบกอ่ นเรียนแบบเลือกตอบ จานวน 15 ขอ้

สื่ออเิ ลก็ ทรอนิกส์
1. Power Point เร่อื งการวางผังก่อสร้างและงานหล่อคอนกรีตเสรมิ เหล็ก

ส่ือของจรงิ
1. อาคาร โรงเรือน ตา่ งๆ
2. เครอื่ งมอื ท่ีอุปกรณ์ใช้ในการวางผงั กอ่ สร้างและงานหล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก
7. หลักฐานการเรยี นรู้
7.1 หลกั ฐานความรู้

1. ผลการทดสอบ
2. ผลการทาแบบฝึกหัด
3. ผลการตอบคาถามท้ายกิจกรรม
7.2 หลกั ฐานการปฏบิ ตั ิงาน
1. แบบรายงานผลการทากจิ กรรม
2. แผนผังความคดิ เร่อื งการวางผังกอ่ สรา้ งและงานหล่อคอนกรตี เสริมเหล็ก
8. การวัดผลประเมินผล
การวัดผล

29

1. สงั เกตพฤตกิ รรมการแสดงและรบั ฟังความคดิ เห็นของผู้อ่ืน การให้ความร่วมมือในการปฏิบตั ิงาน ความ
กระตือรอื ร้น ปฏิบัตงิ านตามขั้นตอน การปฏิบัตงิ านอยา่ งระมัดระวังและมคี วามสะอาด การมคี วามคดิ หลากหลาย
ในการแกป้ ัญหา โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรม

2. สงั เกตการนาเสนอผลงาน โดยใช้แบบประเมนิ กจิ กรรม
3. ตรวจแบบฝึกหัด โดยใช้ใบเฉลยแบบฝึกหดั
4. ตรวจรายงานผลการทากิจกรรม
5. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยที่ 5 การวางผังก่อสรา้ งและงานหล่อคอนกรตี เสริมเหล็ก

การประเมินผล
นักเรยี นทไี่ ด้คะแนนร้อยละ 60 ขึ้นไป ถอื ว่าผา่ นการประเมนิ
9. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถา้ มี)
- .ใหน้ ักเรยี นไปค้นควา้ หาความรู้เรื่องการวางผงั ก่อสรา้ งและงานหล่อคอนกรีตเสริมเหล็ก

10. เอกสารอา้ งอิง
1. ถาวร สุทธพิ ันธ์. เทคโนโลยไี ม้และคอนเกรีต เอกสารอดั สาเนาประกอบคาสอน. เชยี งใหม่ : ภาควชิ า
เกษตรกลวธิ าน คณะผลติ กรรมการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีการเกษตร, 2520
2. บญุ เลิศ นอ้ ยสระ และประเสรฐิ ธงไชย. คอนกรตี เทคโนโลยี. กรุงเทพ : สานักเอมพันธ,์ 2544
3. พภิ พ สนุ ทรสมยั . ช่างปนู กอ่ สรา้ ง.กรุงเทพ : สที องกจิ พิศาล, 2523
4. อุทัย อนันต.์ ประมาณราคางานกอ่ สร้าง. กรุงเทพ : สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วทิ ยาเขตเทคนิค
กรุงเทพ, 2533

11. บันทกึ หลงั สอน
11.1 ขอ้ สรปุ หลังการจดั การเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.2 ปญั หาอปุ สรรคที่พบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางแกป้ ัญหาหรือพฒั นา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

31

การออกแบบการจดั การเรียนรหู้ นว่ ยที่ 6

เรือ่ งการใช้และบารงุ รกั ษาเครื่องยนต์เล็ก

มีเหตุผล พอประมาณ

มภี ูมคิ มุ้ กัน

1. เพื่อใหม้ คี วามรเู้ ขา้ ใจเก่ยี วกับการใช้ 4. เตรียม เลือกใช้ วสั ดุ อปุ กรณไ์ ด้ 5. เข้าใจหลกั การการใชง้ านและ
งานเคร่ืองยนต์เล็ก เหมาะสมกบั การการเรยี น บารงุ รกั ษาเครอื่ งยนตเ์ ล็ก

2. เพอ่ื ใหม้ คี วามรเู้ ข้าใจการบารุงรกั ษา 6. แสดงกิจนิสยั ท่ีดใี นการทางาน
เคร่ืองยนตเ์ ล็ก ดว้ ยความเปน็ ระเบียบ สะอาด
ประณตี ปลอดภยั และรกั ษา
3. เพ่อื ใหม้ คี วามรเู้ ข้าใจความปลอดภัยใน สภาพแวดล้อม
การใช้เคร่อื งยนต์เล็ก

การใชแ้ ละบารงุ รักษา
เคร่ืองยนตเ์ ล็ก

ความรู้ + ทักษะ คุณธรรม

1. ความหมายของเคร่ืองยนตเ์ ล็ก 1. มคี วามรับผดิ ชอบ
2. หลักการทั่วไปของเครื่องยนต์และกลวัตรการ 2. มีระเบียบวนิ ัย
3. มีความสนใจใฝร่ ู้
ทางานของเคร่ืองยนต์เล็ก 4. มมี นษุ ยสมั พันธ์
3. การจาแนกชนดิ ของเคร่ืองยนต์ 5. มีความเชื่อมน่ั ในตนเอง
4. ส่วนประกอบของเคร่อื งยนต์เลก็
5. การเปรยี บเทียบเคร่ืองยนต์เลก็ เพื่อเลอื กใชง้ าน
6. การบารุงรักษาเครื่องยนตเ์ ล็ก

สังคม เศรษฐกิจ วฒั นธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม
1, 2, 3 1, 2, 3, 3 3,4,5

32

แผนการจัดการเรยี นรู้รายหนว่ ย

รหสั วิชา 3500 – 0003ช่อื วิชาชา่ งเกษตรและเครอ่ื งจักรกลเกษตรเบ้อื งต้น 3(5)ชม./ สัปดาห์สอนครงั้ ท่ี7-8

หน่วยที่ 6 ชื่อหนว่ ยการใช้และบารุงรักษาเครอ่ื งยนตเ์ ลก็ เวลา 10 ชม.

1. สาระสาคัญ
เคร่ืองยนต์คือเครื่องจักรที่สามารถเปล่ียนพลังงานความร้อน ให้เป็นพลังงาน ให้เป็นพลังงานกลคือการหมุน

ของส่วนประกอบที่เรียกว่า เพลาข้อเหว่ียงและล้อช่วยแรงและล้อช่วยแรง แล้วต่อนาไปใช้งานต่างๆได้ เคร่ืองยนต์
เป็นหน่ึงในเคร่ืองต้นกาลังทีสาคัญซึ่งนิยมใช้กันอยา่ งแพร่หลายเกือบทุกวงการในปัจจบุ ัน เนื่องจากสามารถจัดส่งกาลัง
ให้กับส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องทุ่นแรงต่างๆเพื่อให้เกิดการขับเคล่ือนหรือทางานได้ จึงถือได้ว่าเคร่ืองยนต์เป็น
สิง่ หนึง่ ทส่ี ามารถทาประโยชน์ให้กับมนษุ ยไ์ ดอ้ ยา่ งมหาศาล

2. สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความร้เู กี่ยวกบั ความหมายของเคร่อื งยนตเ์ ลก็
2. แสดงความรู้เกยี่ วกบั หลกั การท่วั ไปของเครื่องยนต์และกลวัตรการทางานของเครื่องยนต์เลก็
3. แสดงความรเู้ กี่ยวกบั ส่วนประกอบของเครอ่ื งยนตเ์ ลก็
4. แสดงความรู้เกยี่ วกบั การบารุงรักษาเคร่อื งยนต์เลก็
5. คานงึ ถึงความปลอดภัยในการใชง้ านเครือ่ งยนตเ์ ล็ก
6. แสดงกิจนสิ ัยที่ดใี นการทางานดว้ ยความเป็นระเบยี บ สะอาด ประณตี ปลอดภัย และรักษาสภาพแวดล้อม

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ท่ัวไป
1. เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจความหมายของเคร่ืองยนต์เล็ก
2. เพอ่ื ให้มคี วามรู้ความเข้าใจหลักการทั่วไปของเคร่ืองยนต์และกลวัตรการทางานของเครื่องยนต์เล็กได้
3. เพือ่ ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจประกอบของเคร่ืองยนตเ์ ล็ก
4. เพอื่ ใหม้ ีความรู้ความเข้าใจการบารุงรักษาเครือ่ งยนตเ์ ล็ก
5. เพ่อื ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจความปลอดภัยในการใชง้ านเคร่ืองยนต์เลก็
6. เพื่อให้มกี ิจนสิ ยั ท่ีดใี นการทางานดว้ ยความเป็นระเบยี บ สะอาด ประณตี ปลอดภัย และรักษา
สภาพแวดล้อม

3.2 จดุ ประสงค์เชงิ พฤติกรรม
1. อธบิ ายความหมายของเคร่ืองยนตเ์ ล็กได้
2. อธิบายหลกั การทวั่ ไปของเครื่องยนต์และกลวัตรการทางานของเครือ่ งยนตเ์ ล็กได้
3. อธิบายส่วนประกอบของเคร่ืองยนตเ์ ลก็ ได้
4. อธิบายการบารงุ รักษาเครอื่ งยนตเ์ ล็กได้
5. อธิบายความปลอดภัยในการใช้งานเครอ่ื งยนตเ์ ล็กได้
6. แสดงและรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อืน่ ใหค้ วามรว่ มมือในการปฏบิ ัติงาน มีความกระตือรือร้น
ปฏิบัตติ ามขัน้ ตอน และมคี วามคิดหลากหลายในการแก้ปญั หา

4. สาระการเรียนรู้
1. ความหมายของเครอ่ื งยนตเ์ ลก็

33

2. หลกั การทวั่ ไปของเคร่ืองยนต์และกลวัตรการทางานของเครอื่ งยนตเ์ ล็ก
3. การจาแนกชนดิ ของเครือ่ งยนต์
4. สว่ นประกอบของเครอื่ งยนตเ์ ลก็
5. การเปรยี บเทียบเคร่ืองยนต์เลก็ เพ่ือเลอื กใชง้ าน
6. การบารงุ รักษาเคร่ืองยนตเ์ ล็ก

5. กิจกรรมการเรยี น
5.1 กจิ กรรมการเรียน (คร้งั ที่ 7)
1. ครูผู้สอนกล่าวต้อนรับนักเรียนและตรวจสอบรายช่ือ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขาน

รับการตรวจสอบ
2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเครื่องแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่าว

ตกั เตือน และตัดคะแนนในแบบประเมินคุณธรรมจริยธรรมในท้ายคาบเรยี น
3. ครูผู้สอนบรรยายตามใบความรูท้ ่ี 8 และใบงาน ในเรื่อง การใช้และบารงุ รกั ษาเคร่ืองยนต์เลก็
4. ครูผสู้ อนถามตอบเนื้อหาท่ีบรรยายตามใบความรูท้ ่ี 7 ในเร่ือง การใชแ้ ละบารุงรักษาเคร่อื งยนตเ์ ล็ก
5. นักเรียนสาธิตการใช้เครอ่ื งมือและอุปกรณก์ ารเชอื่ มโลหะดว้ ยแกส๊
6. นักเรยี นและครูร่วมกนั สรุปเน้อื หาสาระสาคัญ นักเรยี นจดบนั ทึกเพิ่มเตมิ
7. ครผู สู้ อนใหน้ ักเรียนรว่ มกันทาความสะอาดช้ันเรียน และพน้ื ภายในโรงงานช่างยนต์
8. ครูผสู้ อน อบรมคุณธรรม จรยิ ธรรม เรอ่ื งการตรงตอ่ เวลา

5. 2 กจิ กรรมการเรียน (ครงั้ ท่ี 8)
1. ครูผู้สอนกล่าวทักทายพร้อมท้ังตรวจสอบรายช่ือ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขานรับ
การตรวจสอบ
2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเคร่ืองแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่าว
ตกั เตอื น และตัดคะแนนในแบบประเมนิ คุณธรรมจริยธรรมในท้ายคาบเรียน
3. ครผู ู้สอนบรรยายต่อ ตามใบความรู้ที่ 8 ในเรอื่ ง โครงสร้างและสว่ นประกอบเครื่องยนตเ์ ลก็
4. ครูผ้สู อนถามตอบเน้อื หาที่บรรยายตามใบความรทู้ ่ี 8 โครงสรา้ งและส่วนประกอบเครือ่ งยนต์เล็ก
5. นกั เรียนสาธิตการใช้เครือ่ งมือและอปุ กรณก์ ารเช่อื มโลหะดว้ ยแก๊ส
6. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรุปเน้อื หาสาระสาคัญ นกั เรียนจดบันทึกเพิม่ เติม
7. ครผู ้สู อนใหน้ กั เรยี นรว่ มกันทาความสะอาดชั้นเรียน
8. ครูผสู้ อน อบรมคุณธรรม จริยธรรม เรอ่ื งความมวิ นิ ยั ต่อการเรยี น

การบูรณาการกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

1. ความพอประมาณ

- มใี บงานให้คานวณขนาดของวัสดทุ ่ที าให้ไมเ่ หลอื เศษท้ิงขว้าง
- จัดเวรใหน้ กั เรยี นเบกิ เครื่องมือและอปุ กรณ์ ใหพ้ อดีเหมาะสมกบั ความจาเปน็ ทต่ี ้องใช้ในการปฏิบตั งิ านแต่ละคร้ัง

2. ความมีเหตุผล

- ให้นกั ศึกษาร่วมกันสรปุ การใช้และบารงุ รกั ษาเคร่ืองยนตเ์ ล็ก
3. การมภี มู ิค้มุ กันในตัวที่ดี

- ปลูกฝังให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบอย่างเครง่ ครดั
- กาหนดกฎระเบยี บและข้อบังคับในการทางานเก่ยี วกบั การใชเ้ ครอ่ื งมือ และ การบารุงรักษาก่อนและหลังการ

ปฏบิ ตั งิ าน

34

- สาธิตการปฏบิ ัติงานการใช้เครือ่ งมือแบบผดิ ๆซึ่งจะก่อให้เกิดการเสียหายของเครื่องมืออุปกรณ์ ก่อนปฏบิ ตั ิงาน
เหลา่ น้ัน
4. เงื่อนไขความรู้

- มคี วามร้คู วามเขา้ ใจถกู ต้องเกี่ยวกับการใช้และบารุงรกั ษาเครอ่ื งยนตเ์ ล็ก
5. เง่อื นไขคุณธรรม

- ผเู้ รยี นมคี วามรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย มีความสนใจใฝ่รู้ มีมนุษยสมั พันธ์ และมคี วามเชื่อมั่นในตนเอง

การบรู ณาการกับมาตรฐานสถานศึกษา 3 ดี

1. ดา้ นประชาธิปไตย
- ผู้เรียนสามารถตัดสินใจเลอื กกลมุ่ ตามความสมัครใจ และในการจดั กลุ่มคร้ังท่ีสองผเู้ รียนมีโอกาสออกเสยี งท่ีจะ
จัดตามกลมุ่ เดิมหรอื จัดกลมุ่ ใหม่ และเคารพในผลการออกเสยี ง
- ผู้เรียนแสดงและรับฟังความคิดเห็นของผู้อนื่

2. ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและความเป็นไทย
- ผูเ้ รียนมีความรับผดิ ชอบ มรี ะเบยี บวนิ ัย มคี วามสนใจใฝ่รู้ มีมนษุ ยสมั พันธ์ และมคี วามเช่อื มัน่ ในตนเอง

3. ด้านภูมคิ ุ้มกนั ภัยจากยาเสพตดิ
- ผเู้ รียนใช้เวลาวา่ งในการทารายงานผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมและตอบคาถามทา้ ยกิจกรรม
รวมท้งั ทาแบบฝึกหัดส่งในสปั ดาห์ถัดไป

การบรู ณการค่านิยมหลกั ของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.

1. มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
2. ซ่อื สัตย์ เสยี สละ อดทน มีอดุ มการณใ์ นส่ิงทด่ี งี ามเพ่ือส่วนรวม
3. กตัญญตู อ่ พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศกึ ษาเล่าเรียนทัง้ ทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอันงดงาม
6. มศี ลี ธรรม รกั ษาความสัตย์ หวังดตี อ่ ผู้อื่น เผอื่ แผ่และแบ่งปนั
7. เข้าใจเรยี นรู้การเปน็ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมขุ ที่ถกู ต้อง
8. มรี ะเบยี บวนิ ัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรจู้ ักการเคารพผู้ใหญ่
9. มสี ตริ ้ตู ัว รคู้ ิด ร้ทู า รปู้ ฏบิ ตั ิตามพระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั
10. รจู้ ักดารงตนอยู่โดยใช้หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงตามพระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ ัว
รู้จกั อดออมไวใ้ ช้เม่ือยามจาเป็น มไี ว้พอกินพอใช้ ถ้าเหลอื ก็แจกจา่ ยจาหน่าย และพร้อมทจ่ี ะขยายกจิ การเมื่อมีความ
พรอ้ ม เม่อื มภี มู ิคมุ้ กันท่ดี ี
11. มคี วามเข้มแข็งท้ังร่างกาย และจติ ใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออานาจฝ่ายต่าหรอื กิเลส มคี วามละอายเกรงกลวั ต่อ
บาปตามหลักของศาสนา
12. คานึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

6. สอ่ื การเรยี นรู้
สือ่ สิง่ พิมพ์

1. เทคโนโลยีไมแ้ ละคอนเกรตี ของ ถาวร สทุ ธิพนั ธ.์

35

2. คอนกรีตเทคโนโลยี ของ บุญเลิศ น้อยสระ และประเสรฐิ ธงไชย
3. ชา่ งปนู ก่อสร้าง ของ พภิ พ สุนทรสมยั
4. แบบทดสอบกอ่ นเรยี นแบบเลือกตอบ จานวน 15 ขอ้

สอื่ อเิ ล็กทรอนิกส์
1. Power Point เร่ืองการใช้และบารงุ รักษาเคร่ืองยนต์เล็ก

สือ่ ของจรงิ
1. เคร่ืองยนต์เล็กแบบผา่
2. เครือ่ งมอื ที่อุปกรณใ์ ช้ในการใชแ้ ละบารงุ รกั ษาเคร่ืองยนตเ์ ลก็

7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
7.1 หลักฐานความรู้
1. ผลการทดสอบ
2. ผลการทาแบบฝกึ หัด
3. ผลการตอบคาถามท้ายกจิ กรรม
7.2 หลกั ฐานการปฏบิ ัติงาน
1. แบบรายงานผลการทากิจกรรม
2. แผนผงั ความคิดเรอื่ งการใชแ้ ละบารุงรกั ษาเครื่องยนต์เล็ก

8. การวดั ผลประเมนิ ผล
การวดั ผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมการแสดงและรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อ่นื การให้ความรว่ มมือในการปฏบิ ัติงาน ความ

กระตือรือรน้ ปฏบิ ัติงานตามขน้ั ตอน การปฏิบตั ิงานอยา่ งระมดั ระวังและมคี วามสะอาด การมคี วามคิดหลากหลาย
ในการแกป้ ัญหา โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรม

2. สังเกตการนาเสนอผลงาน โดยใช้แบบประเมินกจิ กรรม
3. ตรวจแบบฝกึ หัด โดยใชใ้ บเฉลยแบบฝกึ หัด
4. ตรวจรายงานผลการทากิจกรรม
5. ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยที่ 6 การใชแ้ ละบารงุ รกั ษาเครอื่ งยนต์เล็ก โดยใช้ใบเฉลยแบบทดสอบ

การประเมนิ ผล
นกั เรียนที่ได้คะแนนร้อยละ 60 ขึน้ ไป ถอื วา่ ผา่ นการประเมนิ

9. กิจกรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถ้ามี)
- .ใหน้ ักเรยี นไปคน้ ควา้ หาความร้เู ร่อื งการใช้และบารุงรักษาเคร่ืองยนต์เลก็

10. เอกสารอ้างอิง
1. ถาวร สุทธพิ ันธ์. เทคโนโลยไี ม้และคอนเกรีต เอกสารอดั สาเนาประกอบคาสอน. เชียงใหม่ : ภาควิชา
เกษตรกลวิธาน คณะผลิตกรรมการเกษตร สถาบนั เทคโนโลยกี ารเกษตร, 2520
2. บุญเลิศ น้อยสระ และประเสรฐิ ธงไชย. คอนกรีตเทคโนโลยี. กรุงเทพ : สานกั เอมพันธ์, 2544
3. พภิ พ สุนทรสมัย. ช่างปูนก่อสรา้ ง.กรุงเทพ : สที องกจิ พิศาล, 2523

36

4. อุทัย อนันต.์ ประมาณราคางานกอ่ สร้าง. กรงุ เทพ : สถาบันเทคโนโลยรี าชมงคล วิทยาเขตเทคนคิ
กรุงเทพ, 2533

11. บนั ทึกหลังสอน
11.1 ข้อสรปุ หลังการจดั การเรยี นรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.2 ปัญหาอุปสรรคท่พี บ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางแก้ปัญหาหรือพัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

37

การออกแบบการจัดการเรยี นรู้หนว่ ยท่ี 7

เรื่องไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟา้ ในอาคาร

มีเหตุผล พอประมาณ มีภูมคิ ุ้มกัน

1. เพือ่ ให้มีความรเู้ ข้าใจเกย่ี วกับหลักการ 5. เตรียม เลือกใช้ วสั ดุ อุปกรณไ์ ด้ 6. เขา้ ใจหลกั การไฟฟา้ และการ
ไฟฟ้าเบือ้ งตน้ เหมาะสมกบั การการเรยี น
เดนิ สายไฟฟา้ ในอาคาร
2. เพอ่ื ให้มคี วามรเู้ ขา้ ใจชนดิ ของไฟฟ้า
3. เพอ่ื ใหม้ คี วามร้คู วามเขา้ ใจการเดนิ 7. แสดงกจิ นสิ ยั ท่ีดใี นการทางาน

สายไฟฟา้ ภายในอาคาร ด้วยความเป็นระเบียบ สะอาด
4. เพ่ือใหม้ คี วามรเู้ ข้าใจความปลอดภัย ประณตี ปลอดภัย และรกั ษา
สภาพแวดล้อม
เก่ียวกบั ไฟฟา้

ไฟฟา้ และการเดนิ สายไฟฟ้า
ในอาคาร

ความรู้ + ทักษะ คณุ ธรรม

1. หลักการเบ้ืองตน้ ของไฟฟา้ 1. มคี วามรบั ผิดชอบ
2. ชนิดของกระแสไฟฟ้า 2. มีระเบยี บวินยั
3. กฎของโอห์มและความหมายกระแส แรงเคลือ่ น 3. มีความสนใจใฝร่ ู้
4. มมี นษุ ยสมั พนั ธ์
ความตา้ นทานไฟฟ้า 5. มีความเชอ่ื มัน่ ในตนเอง
4. สตู รคณิตศาสตรจ์ ากกฎของโอหม์
5. การเดนิ สายไฟฟ้าภายในอาคาร

สงั คม เศรษฐกจิ วฒั นธรรม สิง่ แวดลอ้ ม
1, 2, 3 1, 2, 3, 5,6 3,4,5,6,7

38

แผนการจดั การเรยี นรู้รายหนว่ ย

รหสั วิชา 3500 – 0003 ชอื่ วชิ าชา่ งเกษตรและเคร่ืองจักรกลเกษตรเบื้องต้น 3(5)ชม./สัปดาห์สอนครั้งท่ี9-10

หนว่ ยท่ี 7 ชือ่ หนว่ ยไฟฟา้ และการเดินสายไฟฟ้าในอาคารเวลา 10 ชม.

1. สาระสาคัญ
ไฟฟ้ามีท้ังประโยชน์และโทษเกิดข้ึนได้ตลอดเวลา ผู้ใช้ไฟฟ้านบั ได้ว่าเป็นบุคคลสาคัญท่ีจะทาให้ไฟฟ้าท่ีใชง้ าน

อยู่เกิดประโยชน์หรือโทษ เพราะเม่ือใช้งานอย่างถูกต้องไฟฟ้าก็จะมีประโยชน์แต่เมื่อใช้งานไม่ถูกต้องไฟฟ้าก็จะเปน
โทษไปทันที เมื่อประมาณ คศ. 546-624 นักวิทยาศาสตร์ ช่ือ ทาลิส (Theles) ได้ค้นพบไฟฟ้าสถิต ต่อมา
ประมาณปี คศ. 1600 ดร.กิลเบิตร์ (Dr.Gilbert) ชาวอังกฤษ ได้เปน็ ผู้ให้คาว่า Electric (ไฟฟ้า) และในปี คศ.1829
ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) ได้ค้นพบวิธีทาให้เกิดกระแสไฟฟ้าโดยใช้ขดลวดเคล่ือนที่ตัดสนามแม่เหล้ก ซ่ึง
เปน็ หลกั การสาคัญของเครือ่ งกาเนดิ ไฟฟา้ ท่ีใชม้ าถึงปจั จบุ นั นี้

2. สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความรูเ้ กย่ี วกับหลกั การไฟฟ้าเบื้องต้น
2. แสดงความร้เู กย่ี วกบั ชนดิ ของกระแสไฟฟา้
3. แสดงความรูเ้ ก่ียวกับกฎของโอห์มและความหมายกระแส แรงเคล่ือน ความตา้ นทานไฟฟ้า
4. แสดงความรู้เกย่ี วกบั การเดินสายไฟฟ้าภายในอาคาร
5. แสดงกจิ นสิ ัยทด่ี ีในการทางานดว้ ยความเปน็ ระเบยี บ สะอาด ประณีต ปลอดภยั และรักษาสภาพแวดลอ้ ม

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1 จดุ ประสงค์ท่ัวไป
1. เพือ่ ใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจหลักการไฟฟ้าเบื้องต้น
2. เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ความเข้าใจชนดิ ของกระแสไฟฟา้
3. เพื่อใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจกฎของโอห์มและความหมายกระแส แรงเคล่อื น ความตา้ นทานไฟฟ้า
4. เพ่อื ให้มคี วามรู้ความเข้าใจการเดินสายไฟฟา้ ภายในอาคาร
5. เพ่อื ให้มีกิจนสิ ัยที่ดีในการทางานดว้ ยความเปน็ ระเบียบ สะอาด ประณตี ปลอดภัย และรักษา
สภาพแวดลอ้ ม

3.2 จุดประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
1. อธบิ ายหลกั การไฟฟา้ เบ้ืองตน้ ได้
2. อธบิ ายชนิดของกระแสไฟฟา้ ได้
3. อธิบายกฎของโอห์มและความหมายกระแส แรงเคลอ่ื น ความตา้ นทานไฟฟ้าได้
4. อธบิ ายการการเดินสายไฟฟ้าภายในอาคารได้
5. แสดงและรับฟังความคิดเห็นของผู้อนื่ ให้ความรว่ มมือในการปฏิบตั ิงาน มคี วามกระตือรือร้น
ปฏิบัตติ ามข้นั ตอน และมีความคดิ หลากหลายในการแก้ปัญหา

4. สาระการเรียนรู้
1. หลกั การเบ้อื งตน้ ของไฟฟา้
2. ชนดิ ของกระแสไฟฟ้า
3. กฎของโอห์มและความหมายกระแส แรงเคลือ่ น ความต้านทานไฟฟา้
4. สตู รคณิตศาสตร์จากกฎของโอหม์
5. การเดนิ สายไฟฟ้าภายในอาคาร

39

5. กิจกรรมการเรียน
5.1 กจิ กรรมการเรยี น (คร้งั ท่ี 9)
1. ครูผู้สอนกล่าวต้อนรับนักเรียนและตรวจสอบรายช่ือ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขาน

รบั การตรวจสอบ
2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเครื่องแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่ าว

ตักเตอื น และตดั คะแนนในแบบประเมนิ คุณธรรมจรยิ ธรรมในท้ายคาบเรียน
3. ครูผ้สู อนบรรยายตามใบความรู้ท่ี 9 และใบงาน ในเร่ือง ไฟฟ้าเบื้องตน้
4. ครูผูส้ อนถามตอบเนอ้ื หาท่ีบรรยายตามใบความรทู้ ี่ 9 ในเรือ่ ง ไฟฟา้ เบื้องต้น
5. นกั เรยี นสาธิตการใช้เครื่องมอื และอุปกรณก์ ารไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟา้ ในอาคาร
6. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรปุ เน้อื หาสาระสาคัญ นักเรียนจดบนั ทกึ เพิม่ เติม
7. ครูผสู้ อนใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ทาความสะอาดชัน้ เรยี น และพน้ื ภายในโรงงานชา่ งยนต์
8. ครผู สู้ อน อบรมคุณธรรม จริยธรรม เรอ่ื งการตรงต่อเวลา

5.2 กจิ กรรมการเรยี น (ครัง้ ท่ี 10)
1. ครูผู้สอนกล่าวทักทายพร้อมทั้งตรวจสอบรายชื่อ จานวนนักเรียน ผู้เรียนรับฟังการตรวจสอบและขานรับ
การตรวจสอบ
2. ครูผู้สอนตรวจสอบอุปกรณ์การเรียน และตรวจสอบเคร่ืองแต่งกาย หากพบว่าไม่เรียบร้อย ครูว่ากล่ าว
ตกั เตอื น และตดั คะแนนในแบบประเมินคุณธรรมจรยิ ธรรมในทา้ ยคาบเรียน
3. ครูผู้สอนบรรยายตอ่ ตามใบความรู้ท่ี 10 ในเรอ่ื ง ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้าในอาคาร
4. ครผู ู้สอนถามตอบเนื้อหาท่ีบรรยายตามใบความรทู้ ี่ 10 ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้าในอาคาร
5. นกั เรียนสาธิตการใช้เครือ่ งมือและอุปกรณ์การไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟา้ ในอาคาร
6. นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปเน้ือหาสาระสาคัญ นกั เรียนจดบันทึกเพิ่มเตมิ
7. ครูผูส้ อนใหน้ กั เรียนรว่ มกันทาความสะอาดชั้นเรยี น
8. ครผู ูส้ อน อบรมคณุ ธรรม จริยธรรม เร่ืองความมวิ นิ ัยต่อการเรียน

การบรู ณาการกับหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง

1. ความพอประมาณ

- มีใบงานให้คานวณขนาดของวสั ดทุ ี่ทาใหไ้ ม่เหลอื เศษท้ิงขว้าง
- จดั เวรให้นักเรยี นเบิกเครื่องมือและอุปกรณ์ ให้พอดีเหมาะสมกับความจาเปน็ ทตี่ ้องใช้ในการปฏบิ ัติงานแตล่ ะครั้ง

2. ความมเี หตุผล

- ใหน้ กั ศึกษารว่ มกันสรปุ ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟา้ ในอาคาร
3. การมีภมู คิ ุ้มกันในตวั ท่ดี ี

- ปลกู ฝังให้นกั เรียนปฏบิ ตั ติ ามกฎระเบยี บอย่างเคร่งครัด
- กาหนดกฎระเบยี บและขอ้ บังคับในการทางานเกยี่ วกับการใช้เครอื่ งมือ และ การบารุงรกั ษาก่อนและหลังการ

ปฏิบัติงาน
- สาธติ การปฏบิ ัตงิ านการใชเ้ ครอื่ งมือแบบผิดๆซ่ึงจะก่อใหเ้ กิดการเสียหายของเคร่ืองมืออุปกรณ์ ก่อนปฏิบัติงาน

เหลา่ นั้น
4. เงอ่ื นไขความรู้

- มคี วามรูค้ วามเข้าใจถกู ต้องเก่ียวกับไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้าในอาคาร
5. เงอ่ื นไขคุณธรรม

40

- ผูเ้ รยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบ มีระเบียบวินัย มคี วามสนใจใฝร่ ู้ มีมนษุ ยสัมพันธ์ และมีความเชื่อม่ันในตนเอง

การบรู ณาการกบั มาตรฐานสถานศึกษา 3 ดี

1. ด้านประชาธิปไตย
- ผู้เรียนสามารถตัดสนิ ใจเลอื กกลุ่มตามความสมัครใจ และในการจัดกล่มุ ครั้งทีส่ องผู้เรียนมโี อกาสออกเสยี งทจ่ี ะ
จดั ตามกลมุ่ เดิมหรอื จดั กลุ่มใหม่ และเคารพในผลการออกเสยี ง
- ผเู้ รียนแสดงและรับฟงั ความคิดเหน็ ของผู้อ่นื

2. ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและความเปน็ ไทย
- ผู้เรียนมคี วามรับผิดชอบ มีระเบียบวนิ ยั มีความสนใจใฝ่รู้ มีมนุษยสัมพันธ์ และมคี วามเช่อื มนั่ ในตนเอง

3. ด้านภูมคิ ุ้มกนั ภยั จากยาเสพตดิ
- ผเู้ รยี นใช้เวลาวา่ งในการทารายงานผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมและตอบคาถามทา้ ยกจิ กรรม
รวมทั้งทาแบบฝึกหดั ส่งในสปั ดาหถ์ ดั ไป

การบรู ณการคา่ นยิ มหลักของคนไทย 12 ประการ ตามนโยบายของ คสช.

1. มคี วามรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
2. ซ่ือสตั ย์ เสยี สละ อดทน มีอุดมการณใ์ นสิ่งทดี่ ีงามเพ่ือสว่ นรวม
3. กตญั ญูต่อพ่อแม่ ผูป้ กครอง ครูบาอาจารย์
4. ใฝ่หาความรู้ หมั่นศกึ ษาเล่าเรยี นท้งั ทางตรง และทางอ้อม
5. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม
6. มีศลี ธรรม รักษาความสตั ย์ หวังดีตอ่ ผู้อ่นื เผอื่ แผ่และแบ่งปนั
7. เขา้ ใจเรยี นรกู้ ารเปน็ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุขท่ีถกู ต้อง
8. มีระเบยี บวินยั เคารพกฎหมาย ผูน้ ้อยรู้จกั การเคารพผใู้ หญ่
9. มสี ติรูต้ วั รู้คดิ รทู้ า รปู้ ฏิบตั ิตามพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั
10. ร้จู กั ดารงตนอยโู่ ดยใชห้ ลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี งตามพระราชดารัสของ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัว
รู้จกั อดออมไว้ใชเ้ ม่ือยามจาเป็น มีไวพ้ อกินพอใช้ ถ้าเหลือก็แจกจ่ายจาหนา่ ย และพร้อมทีจ่ ะขยายกจิ การเมื่อมีความ
พร้อม เมอื่ มภี ูมิคมุ้ กันทีด่ ี
11. มคี วามเข้มแขง็ ทง้ั รา่ งกาย และจิตใจ ไมย่ อมแพ้ต่ออานาจฝ่ายต่าหรอื กิเลส มีความละอายเกรงกลวั ต่อ
บาปตามหลักของศาสนา
12. คานงึ ถงึ ผลประโยชน์ของส่วนรวม และของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง

6. สอื่ การเรยี นรู้
ส่อื สง่ิ พมิ พ์

1. วงจรไฟฟ้า 1 ของ ประพนั ธ์ ศริ ธิ รรม และ สวา่ ง จนั ทร์ขาว
2. ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกสเ์ บือ้ งตน้ ของ มงคล พรหมเทศ และ ณรงค์ชยั กลอ่ มสนุ ทร
3. ไฟฟ้าเบื้องต้น ของ ไวพจน์ ศรีธัญ
4. แบบทดสอบก่อนเรียนแบบเลือกตอบ จานวน 15 ข้อ

สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนิกส์
1. Power Point เร่อื งไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้าในอาคาร

สอ่ื ของจริง

41

1. ชดุ สาธิตแผงไฟฟา้
2. เครอื่ งมือท่ีอุปกรณใ์ ชใ้ นไฟฟา้ และการเดนิ สายไฟฟา้ ในอาคาร

7. หลกั ฐานการเรยี นรู้
7.1 หลกั ฐานความรู้
1. ผลการทดสอบ
2. ผลการทาแบบฝึกหดั
3. ผลการตอบคาถามท้ายกจิ กรรม
7.2 หลกั ฐานการปฏบิ ตั ิงาน
1. แบบรายงานผลการทากจิ กรรม
2. แผนผังความคดิ เร่อื งไฟฟา้ และการเดนิ สายไฟฟ้าในอาคาร

8. การวัดผลประเมนิ ผล
การวัดผล
1. สังเกตพฤตกิ รรมการแสดงและรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่นื การให้ความรว่ มมือในการปฏิบตั ิงาน ความ

กระตือรือร้น ปฏิบัตงิ านตามขัน้ ตอน การปฏิบัติงานอยา่ งระมดั ระวงั และมคี วามสะอาด การมีความคดิ หลากหลาย
ในการแกป้ ัญหา โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรม

2. สงั เกตการนาเสนอผลงาน โดยใช้แบบประเมนิ กจิ กรรม
3. ตรวจแบบฝกึ หดั โดยใช้ใบเฉลยแบบฝึกหดั
4. ตรวจรายงานผลการทากิจกรรม
5. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรียน หนว่ ยที่ 7 ไฟฟ้าและการเดินสายไฟฟ้าในอาคาร โดยใช้ใบเฉลย
แบบทดสอบ

การประเมินผล
นกั เรียนทไ่ี ด้คะแนนร้อยละ 60 ขน้ึ ไป ถอื ว่าผา่ นการประเมิน

9. กจิ กรรมเสนอแนะ/งานที่มอบหมาย (ถ้ามี)
- .ใหน้ กั เรยี นไปคน้ ควา้ หาความรู้เรื่องไฟฟ้าและการเดนิ สายไฟฟ้าในอาคาร

10. เอกสารอา้ งอิง
1. ประพนั ธ์ ศริ ธิ รรม และ สวา่ ง จันทรข์ าว. วงจรไฟฟา้ 1. กรุงเทพ : สานักพิมพ์เอมพันธ์, 2545
2. มงคล พรหมเทศ และ ณรงคช์ ยั กลอ่ มสนุ ทร. ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เบื้องตน้ . กรงุ เทพ : สานกั พิมพ์
เอมพันธ,์ 2545
3. ไวพจน์ ศรีธัญ. ไฟฟา้ เบอื้ งต้น. กรงุ เทพ : สานักพิมพ์วังอักษร, 2547

11. บันทึกหลังสอน
11.1 ขอ้ สรุปหลงั การจัดการเรยี นรู้

42

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.2 ปญั หาอปุ สรรคท่ีพบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

11.3 แนวทางแก้ปัญหาหรือพัฒนา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

43

การออกแบบการจดั การเรียนรหู้ นว่ ยที่ 8
เรื่องความสาคัญและชนดิ ของรถแทรกเตอร์ท่ีใชใ้ นการเกษตร

มเี หตผุ ล พอประมาณ

1. แสดงความรู้เกี่ยวกับความสาคญั และ 5. เตรียม เลือกใช้ วัสดุ อปุ กรณไ์ ด้ มีภมู ิคุ้มกนั
เหมาะสมกบั การการเรยี น
ชนิดของรถแทรกเตอรเ์ พื่อการเกษตร 6. เข้าใจหลักการและชนดิ ของรถ
แทรกเตอรเ์ พ่ือการเกษตร
2. แสดงความรเู้ กยี่ วกับการใชเ้ ครอื่ งมือ
7. แสดงกิจนสิ ยั ท่ีดีในการทางาน
ทุ่นแรงและเครอ่ื งจกั รกลเกษตร ด้วยความเป็นระเบียบ สะอาด
ประณตี ปลอดภยั และรักษา
3. คานึงถงึ ความปลอดภยั ในการใช้ สภาพแวดลอ้ ม

เคร่อื งมอื และเครื่องจักรกลเกษตร

4. แสดงกจิ นสิ ยั ท่ีดใี นการทางานดว้ ย

ความเปน็ ระเบยี บ สะอาด ประณตี
ปลอดภัย และรกั ษาสภาพแวดลอ้ ม

ความสาคญั และชนดิ ของรถ
แทรกเตอร์ทใ่ี ชใ้ นการเกษตร

ความรู้ + ทักษะ คุณธรรม

1. ความสาคญั และชนดิ ของรถแทรกเตอรเ์ พื่อการเกษตร 1. มคี วามรับผดิ ชอบ
2. การใชร้ ถแทรกเตอรเ์ พ่อื การเกษตร 2. มรี ะเบยี บวินยั
3. เครือ่ งมอื ทุน่ แรงและเครอ่ื งจักรกลเกษตรทส่ี าคญั ใน 3. มคี วามสนใจใฝร่ ู้
4. มมี นษุ ยสมั พนั ธ์
งานเกษตร 5. มีความเช่อื ม่นั ในตนเอง
4. การใช้เคร่ืองมือทุ่นแรงและเครือ่ งจักรกลเกษตรใน

ภาคใต้

สังคม เศรษฐกจิ วัฒนธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม
1, 2, 3 1, 2, 3, 3 3,4,5

แผนการจดั การเรยี นรู้รายหนว่ ย

44

รหสั วิชา 3500 – 0003 ชือ่ วิชาชา่ งเกษตรและเครือ่ งจักรกลเกษตรเบอ้ื งต้น 3(5)ชม./สปั ดาห์สอนคร้ังท่ี11

หนว่ ยที่ 8 ช่ือหน่วย ความสาคัญและชนดิ ของรถแทรกเตอร์ เวลา 5 ชม.

1. สาระสาคญั
ให้นักศึกษาได้เรียนรู้และเข้าใจประวัติความเป็นมาของรถแทรกเตอร์เพ่ือการเกษตร ความสาคัญของรถ

แทรกเตอรต์ ่อการเกษตรและชนดิ ของรถแทรกเตอรท์ ใี่ ช้ในอาชพี การเกษตร

2. สมรรถนะประจาหน่วย
1. แสดงความร้เู ก่ียวกับความสาคัญและชนดิ ของรถแทรกเตอรเ์ พ่ือการเกษตร
2. แสดงความรู้เกี่ยวกบั การใช้เครอ่ื งมือทุ่นแรงและเครอ่ื งจักรกลเกษตร
3. คานึงถึงความปลอดภัยในการใช้เครอื่ งมือและเคร่ืองจกั รกลเกษตร
4. แสดงกิจนิสัยทีด่ ใี นการทางานด้วยความเปน็ ระเบียบ สะอาด ประณตี ปลอดภัย และรักษาสภาพแวดลอ้ ม

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1 จดุ ประสงคท์ ่ัวไป
1. เพือ่ ให้มคี วามรู้ความเขา้ ใจประวัติความเปน็ มาของรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร
2. เพ่ือให้มีความรู้ความเขา้ ใจความสาคัญของรถแทรกเตอร์ในงานเกษตร
3. เพ่อื ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจการแบง่ ชนดิ ของรถแทรกเตอร์ในงานเกษตร
4. เพอ่ื ให้มกี จิ นสิ ัยท่ีดีในการทางานดว้ ยความเป็นระเบียบ สะอาด ประณตี ปลอดภัย และรักษา
สภาพแวดล้อม

3.2 จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม
1. อธบิ ายประวัตคิ วามเปน็ มาของรถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตรได้
2. อธบิ ายการความสาคัญของรถแทรกเตอรใ์ นงานเกษตรได้
3. ปฏิบตั กิ ารใชเ้ คร่อื งมือทนุ่ แรงและเครื่องจักรกลเกษตรได้
4. แสดงและรับฟังความคดิ เหน็ ของผู้อ่นื ให้ความร่วมมือในการปฏิบัตงิ าน มคี วามกระตือรือร้น
ปฏบิ ตั ติ ามข้ันตอน และมีความคดิ หลากหลายในการแกป้ ญั หา

4. สาระการเรยี นรู้
1. ววิ ฒั นาการการใช้รถแทรกเตอรเ์ พื่อการเกษตรจากอดตี ถงึ ปัจจุบนั
2. ความสาคญั ของการใชแ้ ทรกเตอรเ์ พอื่ การเกษตร ในลกั ษณะงานตา่ งๆ
3. การแบ่งชนดิ ของรถแทรกเตอร์ประเภทต่างๆตามลกั ษณะเคร่ืองยนต์และลกั ษณะการใช้งาน

5. กิจกรรมการเรยี น (ครง้ั ท่ี 11)

1. ให้นกั ศกึ ษาไปพบผู้ช่วยสอนทอี่ าคารเครื่องทุ่นแรงเพ่ือปฏิบัตติ ามใบงานท่ี 11
- ในวิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยีระนองมีรถแทรกเตอร์อะไรบา้ ง ?
- และแบ่งเป็นประเภทต่างๆตามหลกั การและกระบวนการ

2. นาสง่ ใบงานเม่ือสนิ้ สุดการปฏบิ ัติ
3. สรุปการแบ่งประเภทของรถแทรกเตอร์ ส่งิ ท่นี ักศกึ ษาควรจดจาอกี ครัง้

การบูรณาการกบั หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง


Click to View FlipBook Version