The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ดร ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aram.du, 2021-09-25 05:11:11

กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ดร ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์

กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ดร ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์

ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร. ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ 1
คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

▪ กฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เป็นกฎหมายที่กาหนดกฎเกณฑ์ทั่วไปเก่ียวกับการปฏิบัติหน้าท่ีขององค์กร
เจ้าหนา้ ทีฝ่ า่ ยปกครอง โดยเฉพาะในเรอื่ งทเี่ กีย่ วกับขั้นตอนและวธิ ีปฏบิ ัติก่อนท่จี ะมีการออกคาสัง่ ทางปกครอง และหลังจาก
ที่ได้มีการออกคาสั่งทางปกครองไปแล้ว (เป็นที่น่าสังเกตว่าตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองนั้น วิธี
ปฏิบัตริ าชการทางปกครองใชส้ าหรับการออกคาสัง่ ทางปกครอง แต่ไมร่ วมถงึ การกระทาทางปกครองประเภทอนื่ ๆ)

▪ เนื้อหาสว่ นใหญ่ของกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองจะเป็นกฎหมาย “วิธีพิจารณา” ซ่ึงเป็นเรื่องวิธีสบัญญัติ แต่
อยา่ งไรก็ตามกฎหมายฉบับดังกล่าวก็มเี น้อื หาที่เป็นกฎหมายสารบัญญตั ดิ ว้ ยเช่นบทบัญญัตทิ วี่ ่าดว้ ยความหมายของคาส่ัง
ทางปกครอง และข้อกาหนดประกอบในคาส่งั ทางปกครอง เปน็ ต้น

▪ กฎหมายวิธีปฏิบตั ริ าชการทางปกครองเป็นกฎหมายที่ถูกตราขึ้นเพ่ือให้เกิดความมีประสิทธิภาพและเกิดระบบระเบียบใน
การพิจารณาเร่ืองทางปกครอง และถือเป็นกฎหมายที่ประกันสิทธิให้กับเอกชนในการท่ีจะมีนิติสัมพันธ์ตามกฎหมาย
ปกครองกบั บรรดาองค์กรของรฐั ฝา่ ยปกครองทั้งหลายด้วย

2

▪ พระราชบญั ญตั วิ ิธปี ฏิบัตริ าชการทางปกครองเป็น “กฎหมายกลาง” หรือ “กฎหมายทั่วไป” สาหรับการใช้อานาจหน้าที่ในการออก “คาสั่ง
ทางปกครอง”

▪ ความหมายของ “กฎหมายกลาง” หรอื “กฎหมายทั่วไป” หมายความว่า หากมกี ฎหมายเฉพาะกาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติราชการ
ทางปกครองในการออก “คาสงั่ ทางปกครอง” ไวอ้ ยา่ งไร เจา้ หนา้ ทกี่ ็ต้องปฏิบัติใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายเฉพาะนั้น

▪ เวน้ แตก่ รณที ่ไี มม่ ีกฎหมายเฉพาะกาหนดหลกั เกณฑ์และขั้นตอนในการออกคาสัง่ ทางปกครองเอาไว้ หรือมหี ลักเกณฑต์ ามกฎหมายเฉพาะ แต่
กฎหมายเฉพาะนั้นกาหนดมาตรฐานในการปฏิบตั ริ าชการไว้ตา่ กว่ามาตรฐานการปฏิบัติราชการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทาง
ปกครอง หรือกฎหมายเฉพาะน้นั มลี กั ษณะท่ปี ระกนั ความเป็นธรรมไว้ตา่ กวา่ ทก่ี าหนดไว้ในพระราชบัญญัตวิ ธิ ปี ฏิบตั ริ าชการทางปกครอง ใน
กรณีเชน่ ว่านัน้ ให้ปฏิบตั ใิ ห้เป็นไปตามพระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง

▪ อย่างไรก็ตามหากเป็นเรอื่ งข้ันตอนหรอื ระยะเวลาอุทธรณ์หรือโตแ้ ย้งคาส่งั ทางปกครอง ต้องใช้กฎเกณฑ์ที่กาหนดไว้ในกฎหมายเฉพาะเสมอ
โดยไมต่ ้องคานงึ ถึงเรื่องความเปน็ ธรรมและมาตรฐานการปฏิบตั ิราชการ

3

▪ พระราชบัญญัติวิธปี ฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มใิ ห้ใช้บงั คบั แก่
๑) รฐั สภาและคณะรฐั มนตรี
๒) องค์กรทใ่ี ชอ้ านาจตามรฐั ธรรมนญู โดยเฉพาะ
๓) การพิจารณาของนายกรัฐมนตรหี รือรฐั มนตรีในงานทางนโยบายโดยตรง
๔) การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลและการดาเนินงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาคดี การบังคับคดี
และการวางทรพั ย์
๕) การพิจารณาวินิจฉยั เรอ่ื งรอ้ งทกุ ข์และการสงั่ การตามกฎหมายวา่ ดว้ ยคณะกรรมการกฤษฎีกา
๖) การดาเนินงานเกี่ยวกบั นโยบายตา่ งประเทศ

4

๗) การดาเนินงานเก่ยี วกบั ราชการทหารหรอื เจา้ หนา้ ทซี่ ึง่ ปฏิบตั ิหน้าทท่ี างยุทธการร่วมกับทหารในการป้องกนั และ
รักษาความมนั่ คงของราชอาณาจักรจากภยั คุกคามท้งั ภายนอกและภายในประเทศ
๘) การดาเนนิ งานตามกระบวนการยตุ ธิ รรมทางอาญา
๙) การดาเนนิ กิจการขององคก์ ารทางศาสนา
การยกเวน้ ไม่นาบทบัญญัติแหง่ พระราชบญั ญัติน้ีมาใชบ้ ังคับแก่การดาเนินกิจการใดหรือกบั หน่วยงานใดนอกจากที่
กาหนดไวใ้ นวรรคหน่ึงให้ตราเปน็ พระราชกฤษฎกี าตามขอ้ เสนอของคณะกรรมการวิธปี ฏิบัติราชการทางปกครอง

5

▪ ผูม้ ีอานาจในการพิจารณาเร่อื งทางปกครอง คอื เจ้าหน้าทขี่ องรัฐท่ไี ดร้ ับการแต่งต้ังใหด้ ารงตาแหน่งทม่ี อี านาจใน
การพิจารณาเร่อื งทางปกครองหรอื เจา้ หน้าท่ขี องรัฐทีไ่ ด้รบั มอบอานาจใหพ้ ิจารณาเรอื่ งทางปกครอง

▪ ดงั นน้ั เอกชนไมใ่ ช่เจา้ หน้าทข่ี องรัฐ โดยปกตจิ ึงไม่อาจมอี านาจพิจารณาเรื่องทางปกครองได้ แตอ่ ยา่ งไรก็ตาม รัฐ
อาจมอบหมายให้เอกชนมีอานาจในการพจิ ารณาเรอ่ื งทางปกครองแทนในบางเร่ือง และกรณีดังกล่าวนั้น เอกชน
ย่อมถอื ได้วา่ เปน็ “เจ้าหนา้ ที่” ตามความหมายของพระราชบัญญัติวธิ ีปฏบิ ตั ริ าชการทางปกครองดว้ ย และย่อมมี
อานาจในการออกคาสั่งทางปกครองได้

▪ (มาตรา ๑๒ “คาส่งั ทางปกครองจะต้องกระทาโดยเจ้าหนา้ ทีม่ มี ีอานาจหน้าทีใ่ นเรอ่ื งนน้ั ”)

6

ผู้มอี านาจในการพิจารณาเรือ่ งทางปกครองอาจเป็น
๑) องค์กรเด่ยี ว หมายถึง ตาแหน่งที่มีบุคคลเพียงคนเดียวมีอานาจในการวินิจฉัยส่ังการตามอานาจหน้าท่ีในเร่ือง
นน้ั
๒) องค์กรกลมุ่ หมายถงึ องคก์ รทีป่ ระกอบด้วยบุคคลเป็นองคป์ ระกอบมากกว่าหน่ึงคน และในการใช้อานาจหน้าท่ี
วินิจฉัยสั่งการหรือมีมติในเร่ืองใดน้ัน จะต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ในทางกฎหมายในเร่ือง องค์ประกอบ องค์
ประชุม และองคม์ ติดว้ ย

7

▪ เจ้าหนา้ ทท่ี ีพ่ จิ ารณาเรอ่ื งทางปกครองไม่ว่าจะเปน็ เจา้ หนา้ ทท่ี ่เี ปน็ องคก์ รเดยี่ วหรอื องค์กรกล่มุ กต็ าม จะต้องมีความเป็นกลางหรอื
จะตอ้ งไมเ่ ป็นผู้มสี ่วนไดเ้ สยี ในเรือ่ งทีพ่ จิ ารณา

▪ มาตรา ๑๓ พระราชบัญญัติวธิ ปี ฏบิ ตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ กาหนดว่า “เจา้ หนา้ ทีด่ งั ตอ่ ไปนจี้ ะทาการพจิ ารณาทางปกครอง
ไม่ได้

๑) เปน็ ค่กู รณเี อง

๒) เป็นคู่หมน้ั หรือคู่สมรสของคู่กรณี

๓) เป็นญาตขิ องคกู่ รณี คือ เปน็ บุพการหี รอื ผู้สบื สันดานไมว่ า่ ชัน้ ใดๆ หรือเป็นพนี่ ้องหรือลกู พ่ลี ูกนอ้ งนบั ได้ภายในสามชนั้ หรือเปน็ ญาติ
เกยี่ วพนั กันทางแตง่ งานนับไดเ้ พยี งสองช้นั

๔) เปน็ หรือเคยเป็นผแู้ ทนโดยชอบธรรมหรือผพู้ ทิ กั ษห์ รือผแู้ ทนหรอื ตัวแทนของคู่กรณี

๕) เป็นเจ้าหนีห้ รอื ลูกหน้ี หรือเป็นนายจา้ งของคูก่ รณี

๖) กรณีอ่ืนตามที่กาหนดในกฎกระทรวง

8

▪ มาตรา ๑๔ ”เมือ่ มีกรณีตามมาตรา ๑๓ หรอื คกู่ รณีคดั ค้านว่าเจา้ หน้าที่เป็นบุคคลตามมาตรา ๑๓
ใหเ้ จา้ หนา้ ทีผ่ นู้ ้นั หยดุ การพิจารณาเร่ืองไว้กอ่ น และแจง้ ให้ผู้บังคับบัญชาเหนือขึน้ ไปช้ันหน่ึงทราบ
เพื่อทผี่ บู้ ังคับบัญชาจะได้มีคาสง่ั ตอ่ ไป
การยื่นคาคัดคา้ น การพิจารณาคาคัดคา้ น และการสง่ั ให้เจา้ หนา้ ท่ีอนื่ เข้าปฏบิ ตั ิหน้าท่ีแทน

ผู้ถูกคดั คา้ นใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการท่กี าหนดในกฎกระทรวง”

9

มาตรา ๑๕ “เมื่อมกี รณีตามมาตรา ๑๓ หรือคู่กรณีคัดค้านว่ากรรมการท่ีมีอานาจพิจารณาทางปกครองคณะใดมีลักษณะดังกล่าว ให้
ประธานกรรมการเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเหตุคัดค้านนั้น ในการประชุมดังกล่าว กรรมการผู้ถูกคัดค้านเม่ือได้ช้ีแจง
ข้อเท็จจริงและตอบขอ้ ซักถามแลว้ ตอ้ งออกจากท่ปี ระชุม

ถา้ คณะกรรมการท่มี ีอานาจพิจารณาทางปกครองคณะใดมีผ้ถู กู คดั ค้าน ในระหว่างท่ีกรรมการผู้ถูกคัดค้านต้องออกจากท่ี
ประชุม ใหถ้ อื ว่าคณะกรรมการคณะน้นั ประกอบดว้ ยกรรมการทกุ คนที่ไมถ่ กู คัดค้าน

ถา้ ทปี่ ระชุมมมี ตใิ ห้กรรมการผู้ถูกคัดค้านปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของกรรมการท่ีไม่ถูก
คดั ค้าน กใ็ หก้ รรมการผู้นนั้ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทีต่ ่อไปได้ มติดังกล่าวใหก้ ระทาโดยวิธีลงคะแนนลบั และใหเ้ ปน็ ที่สุด

การย่นื คดั ค้านและการพจิ ารณาคาคดั คา้ นใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารทก่ี าหนดในกฎกระทรวง”

10

มาตรา 16 ในกรณมี ีเหตอุ นื่ ใดนอกจากท่บี ัญญตั ไิ วใ้ นมาตรา 13 เก่ียวกบั เจา้ หน้าท่ีหรอื กรรมการในคณะ กรรมการท่ีมีอานาจพิจารณา
ทางปกครองซ่ึงมีสภาพรา้ ยแรงอันอาจทาใหก้ ารพิจารณาทางปกครองไม่เป็นกลาง เจ้าหน้าที่ หรือกรรมการผู้นั้นจะทาการพิจารณาทาง
ปกครองในเร่อื งนน้ั ไม่ได้

ในกรณตี ามวรรคหนง่ึ ให้ดาเนนิ การดังนี้
(1) ถ้าผนู้ ั้นเห็นเองว่าตนมีกรณดี ังกลา่ ว ให้ผู้นน้ั หยุดการพิจารณาเรอื่ งไว้กอ่ นและแจ้งให้ผู้บงั คับบัญชาเหนือตนข้ึนไปช้ันหนึ่ง
หรือประธานกรรมการทราบ แลว้ แต่กรณี
(2) ถ้ามีคู่กรณคี ดั ค้านว่าผนู้ ัน้ มีเหตดุ งั กล่าว หากผู้น้นั เหน็ ว่าตนไมม่ เี หตตุ ามทีค่ ัดค้านนัน้ ผูน้ ้นั จะทาการพิจารณาเรื่องตอ่ ไปก็
ไดแ้ ต่ตอ้ งแจง้ ให้ผู้บังคับบญั ชาเหนือตนขึ้นไปชัน้ หน่งึ หรือประธานกรรมการทราบ แล้วแต่กรณี
(3) ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาของผนู้ ้ันหรอื คณะกรรมการทมี่ ีอานาจพจิ ารณาทางปกครองซงึ่ ผ้นู ั้นเป็นกรรมการอยมู่ ีคาสั่ง หรือมีมติ
โดยไม่ชักช้า แลว้ แต่กรณี วา่ ผู้น้ันมีอานาจในการพจิ ารณาทางปกครองในเรือ่ งน้ันหรือไม่
ให้นาบทบญั ญัตมิ าตรา 14 วรรคสอง และมาตรา 15 วรรคสอง วรรคสาม และวรรคสี่มาใชบ้ งั คบั โดยอนโุ ลม

11

▪ คกู่ รณี หมายถึง เอกชนทเ่ี กีย่ วข้องในกระบวนพิจารณาออกคาสัง่ ทางปกครอง ซง่ึ ไดแ้ ก่ ผู้ยื่นคาขอ ผู้คัดค้านคา
ขอ ผ้ทู ่ีอยู่ในบงั คับหรือจะอยูใ่ นบงั คับของคาสัง่ ทางปกครอง หรอื ผทู้ สี่ ทิ ธขิ องตนถูกกระทบจากผลของคาสัง่ ทาง
ปกครอง

▪ คู่กรณี จะต้องเป็นผู้มีความสามารถทางกฎหมาย ซ่ึงหมายถึง ผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แม้ยังไม่
บรรลุนิติภาวะแต่มีบทกฎหมายเฉพาะกาหนดใหม้ คี วามสามารถกระทาการในเรื่องท่ีกาหนด นิติบุคคลหรือคณะ
บคุ คล และผู้ที่มีประกาศของนายกรัฐมนตรีมอบหมายในราชกจิ จานเุ บกษากาหนดให้มีความสามารถกระทาการ
ในเรอ่ื งนน้ั ได้”

▪ ในการพจิ ารณาเร่ืองทางปกครอง คูก่ รณยี อ่ มมสี ิทธนิ าทนายความหรือท่ปี รกึ ษาเข้ามาได้ หรอื อาจแต่งต้ังบุคคล
ท่บี รรลนุ ติ ิภาวะใหเ้ ปน็ ตวั แทนของตนในการพิจารณาเร่อื งทางปกครองได้”

12

▪ พระราชบญั ญตั ิวธิ ีปฏิบตั ิราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ไดใ้ ห้นิยามของคาสง่ั ทางปกครองเอาไว้ว่า
”คาส่ังทางปกครอง หมายความวา่
(๑) การใช้อานาจตามกฎหมายของเจ้าหนา้ ทท่ี ี่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ข้ึนระหว่างบุคคลในอันท่ีจะ

ก่อ เปล่ียนแปลง โอน สงวน ระงับหรือมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าท่ีของบุคคลไม่ว่าจะเป็นการ
ถาวรหรือช่ัวคราว เช่น การส่ังการ การอนุญาต การอนุมัติ การวินิจฉัยอุทธรณ์ การรับรอง และการรับจด
ทะเบยี น แตไ่ ม่หมายรวมถึงการออกกฎ

(๒) การอื่นท่กี าหนดในกฎกระทรวง”

13

๑) ความหมายโดยแทต้ ามทถ่ี ูกกาหนดไวใ้ นมาตรา ๕ พระราชบัญญตั วิ ธิ ปี ฏบิ ตั ิราชการทาง
ปกครอง
๒) ความหมายตามทถี่ ูกกาหนดในกฎกระทรวง

14

ในทางวิชาการ มีการให้องค์ประกอบของคาสั่งทางปกครอง โดยพิจารณาจากนิยามทางกฎหมายออกเป็น ๕
ประการ ดงั ต่อไปนี้
๑. มีลักษณะเป็นการกาหนดสิทธแิ ละหน้าที่ในเชงิ กฎเกณฑห์ รอื นิตสิ มั พันธ์
๒. เป็นการใชอ้ านาจทางปกครอง
๓. มีผลเฉพาะกรณี
๔. ออกโดยเจ้าหน้าที่ฝา่ ยปกครอง
๕. มีผลโดยตรงออกไปภายนอกฝ่ายปกครอง

15

- คาสงั่ ทางปกครองมีลกั ษณะเปน็ การกาหนดกฎเกณฑ์หรือนติ สิ ัมพนั ธ์
- คาส่งั ทางปกครองจึงเป็นเร่ืองของการแสดงเจตนาท่ีประสงค์ต่อผลทางกฎหมายอย่างใดอย่าง
หนงึ่
- ผลทางกฎหมายดงั กล่าวไดแ้ ก่ การก่อต้งั เปล่ียนแปลง หรอื ยกเลิกสทิ ธิหน้าท่ีระหว่างเอกชนกับ
ฝ่ายปกครอง
- ข้อสังเกต สัญญาทางปกครองก็มีลักษณะเป็นการแสดงเจตนาเพ่ือกาหนดกฎเกณฑ์หรือนิติ
สัมพันธ์ แต่ส่ิงท่ีแตกต่างกันคือ คาส่ังทางปกครองน้ันจะมีลักษณะเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียว
ของฝา่ ยปกครอง

16

1.แตกต่างจากการกระทาในทางขอ้ เท็จจรงิ เช่น การให้ข้อแนะนาของฝ่ายปกครอง การกาจัดส่ิง
กดี ขวางทางจราจร การแจ้งเตือนหรอื ให้ขอ้ มูลแกป่ ระชาชน
2.การเตรียมการเพ่ือออกคาสั่งทางปกครอง เช่น การออกหนังสือเชิญเข้าร่วมสอบปากเปล่าใน
การสอบแขง่ ขัน
3.การดาเนินการบางอย่างของฝ่ายปกครองที่มุ่งผลทางกฎหมายแต่ไม่มีลักษณะเป็นการกาหนด
สิทธหิ นา้ ท่ีขึน้ มาใหม่ เชน่ การแจง้ หนี้ หรอื กาหนดเวลาชาระหน้ี

17

- การใช้อานาจกาหนดกฎเกณฑ์หรือนิติสัมพันธ์นั้นจะต้องเป็นการใช้อานาจเหนือหรืออานาจปกครอง เพราะเป็นการใช้อานาจตาม
กฎหมายในการบงั คับใหเ้ ป็นไปตามทกี่ ฎหมายกาหนด

- ข้อพิจารณาประการนี้ทาใหค้ าสง่ั ทางปกครองแตกต่างจากการดาเนินการในพรมแดนกฎหมายเอกชน

- ตัวอย่างการดาเนินการตามกฎหมายเอกชนทไ่ี มม่ ีลักษณะเป็นคาสง่ั ทางปกครอง เช่น การแสดงเจตนาเลกิ สญั ญาของฝ่ายปกครองเป็น
ตน้

- การดาเนินการของรัฐในพรมแดนกฎหมายมหาชน จะเป็นคาส่ังทางปกครองได้ เฉพาะกรณีที่เป็นการใช้อานาจทางปกครองเท่าน้ัน
ดังนนั้ การใช้อานาจตามกฎหมายรฐั ธรรมนญู ตามกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความ หรือตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ ไม่มลี ักษณะเป็นคาส่ัง
ทางปกครอง เช่น นายกรฐั มนตรใี ชอ้ านาจบริหารราชการแผ่นดินเป็นการใชอ้ านาจตามรฐั ธรรมนูญ แต่การแตง่ ต้งั หรอื ให้ขา้ ราชการออก
จากตาแหนง่ เป็นการใชอ้ านาจทางปกครอง

ประธานสภาผู้แทนเรยี กประชุมสภาเปน็ การใชอ้ านาจตามรฐั ธรรมนูญ แต่การลงโทษข้าราชการในสานักงานเลขาธิการรัฐสภา เป็นการใช้
อานาจปกครอง

18

- ลักษณะประการสาคัญของคาสั่งทางปกครอง คือ “ผลเฉพาะกรณี”
- ข้อพิจารณาประการน้ี ทาให้คาสั่งทางปกครอง มีลักษณะแตกต่างจากกฎเกณฑ์ท่ีมี
ผลใชบ้ ังคบั เปน็ การท่ัวไปไม่มงุ่ หมายให้ใชแ้ กบ่ คุ คลใดบุคคลหนงึ่ หรอื กรณใี ดกรณหี นึ่ง

19

๑. คาส่งั ทางปกครองนน้ั ใชก้ ับกรณเี ฉพาะเร่อื งเฉพาะราวตามท่ีกฎหมายกาหนด และใช้กับบุคคลใดบุคคลหน่ึงเป็น
การใชเ้ ฉพาะ (รูปธรรม-เฉพาะราย) เชน่ การอนุมตั ิใหเ้ ปิดสถานบริการ การอนุญาตกอ่ สร้างอาคาร
๒. ผลเฉพาะบคุ คล (เฉพาะราย) ของคาสั่งทางปกครอง ยังหมายความรวมถึง กรณีท่ีการใช้อานาจไม่ได้มีผลแก่
บคุ คลใดบคุ คลหน่งึ แตม่ ผี ลทางกฎหมายตอ่ “กลมุ่ บุคคล” เฉพาะกล่มุ ใดกล่มุ หนงึ่ ดว้ ย ตัวอย่างสาคัญเชน่ คาสง่ั ให้
บุคคลทีม่ าชมุ นุมรว่ มกันสลายการชมุ นมุ

20

๑. เปน็ ข้อพิจารณาเกยี่ วกบั องค์กรท่ใี ช้อานาจออกคาส่งั ทางปกครอง
๒. เจ้าหน้าท่ีตามความหมายของมาตรา 5 พรบ. วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง หมายความว่า “บุคคล คณะ
บุคคล หรอื นติ ิบคุ คล ซึ่งใช้อานาจหรือได้รับมอบหมายให้ใช้อานาจทางปกครองของรัฐในการดาเนินการอย่างใด
อยา่ งหนงึ่ ตามกฎหมาย ไม่วา่ จะเปน็ การจัดตั้งขึน้ ในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจหรอื กจิ การอืน่ ของรัฐหรือไม่กต็ าม
๓. ดงั นัน้ ความหมายของเจ้าหน้าท่ตี ามมาตราดังกล่าวจงึ พิจารณาจากการ “ใชอ้ านาจหน้าที่ในทางปกครอง” เป็น
สาคัญ ดังน้ัน เจ้าหน้าที่จึงมีความหมายอย่างกว้างรวมถึง บุคคลที่ไม่ใช่ฝ่ายปกครอง แต่ได้รับมอบหมายให้ใช้
อานาจทางปกครองดว้ ย

21

๑. คาสง่ั ทางปกครองตอ้ งมผี ลโดยตรงออกไปภายนอกฝา่ ยปกครอง กาหนดสิทธิหน้าท่ีใหก้ ับบคุ คล
๒. ข้อพจิ ารณาประการดงั กล่าว ทาให้เกิดความแตกต่างระหว่างการใช้อานาจออกไปภายนอกฝ่ายปกครอง และ
การใช้อานาจภายในฝ่ายปกครอง
๓. คาสง่ั ทางปกครองจะมีลักษณะเหมอื นกบั “กฎ” คอื มีผลในพรมแดนภายนอกฝ่ายปกครองเท่าน้ัน

22

ดกู ฎกระทรวงฉบบั ท่ี 12 ออกตามความในพระราชบัญญัติวธิ ีปฏบิ ัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ที่กาหนดว่า “ให้การดาเนินการ
ของเจ้าหน้าท่ีดงั ต่อไปนี้เปน็ คาสงั่ ทางปกครอง
(1) การดาเนนิ การเกี่ยวกบั การจัดหาหรือการให้สทิ ธิประโยชน์ในกรณีของ

ก. สง่ั รับหรือไมร่ บั คาเสนอขาย รับจา้ ง แลกเปลี่ยน ให้เช่า ซอ้ื เชา่ หรือให้สทิ ธปิ ระโยชน์
ข. การอนุมตั ิส่ังซอื้ จา้ ง แลกเปลี่ยน เชา่ ขาย ให้เช่า หรอื ให้สิทธิประโยชน์
ค. การสัง่ ยกเลกิ กระบวนการพิจารณาคาเสนอหรือการดาเนินการอืน่ ใดในลักษณะเดยี วกนั กัน
ง. การสัง่ ให้เป็นผู้ท้งิ งาน
(2) การให้หรือไมใ่ หท้ ุนการศกึ ษา

23

▪ คาส่ังทางปกครองอาจกระทาเปน็ หนงั สอื หรือทาด้วยวาจาก็ได้ หรอื ทาในรปู แบบอน่ื ๆ ก็ได้
▪ แต่เฉพาะในกรณีท่กี ฎหมายกาหนดให้ทาเปน็ หนังสือหรือกาหนดแบบเอาไว้ ฝ่ายปกครองก็จะต้องออกคาส่ังทาง

ปกครองใหเ้ ปน็ ไปตามแบบทกี่ ฎหมายกาหนด
▪ ในกรณีท่ีฝ่ายปกครองทาคาสั่งทางปกครองด้วยวาจา ถ้าผู้รับคาส่ังร้องขอภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีคาส่ัง

ดงั กล่าวใหย้ นื ยันคาสงั่ เป็นหนงั สอื เจา้ หน้าที่ต้องออกหนังสือยืนยันคาสั่งทางปกครองดังกลา่ ว แต่อย่างไรก็ตาม
ต้องถือวา่ คาส่ังทางปกครองมีผลทางกฎหมายตั้งแต่เม่ือได้มีการออกคาสั่งทางปกครองด้วยวาจาในครั้งแรก
แล้ว

24

ก. เงอ่ื นไขเรือ่ งเจ้าหนา้ ท่ที ม่ี ีอานาจออกคาสง่ั ทางปกครอง

- คาสงั่ ทางปกครองตอ้ งออกโดยฝ่ายปกครองท่ีมีอานาจหน้าทใ่ี นเร่อื งนนั้
- ฝา่ ยปกครองนัน้ ๆ ต้องใชอ้ านาจหน้าทภี่ ายในพนื้ ท่ที ่ีตนมีอานาจเท่าน้ัน

25

ข. กระบวนการและขั้นตอนในการออกคาส่งั ทางปกครอง
- การกาหนดคู่กรณีในคาสัง่ ทางปกครอง (มาตรา ๒๑)
- การตรวจสอบความสามารถในการมสี ่วนรว่ มและความสามารถกระทาการในกระบวนพิจารณาทางปกครองของค่กู รณี (มาตรา ๒๒)
- การตรวจสอบเหตแุ ห่งการไมส่ ามารถทาคาสั่งทางปกครองได้ขององคก์ รเจา้ หนา้ ท่ีผทู้ รงอานาจ (มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๖)
- การแสวงหาและตรวจสอบพยานหลักฐานตามหลกั การคน้ หาความจรงิ โดยการไตส่ วน (มาตรา ๒๘ และมาตรา ๒๙)
- การรบั ฟังคกู่ รณีและการใหโ้ อกาสคกู่ รณีในการโต้แยง้ และแสดงพยานหลักฐาน (มาตรา ๓๐)
- การให้สทิ ธคิ กู่ รณใี นการตรวจดูเอกสาร (มาตรา ๓๑)

26

▪ คาสั่งทางปกครองต้องไม่ขัดหรอื แยง้ กับบทบัญญตั ขิ องรฐั ธรรมนูญและกฎหมายอ่นื ที่มผี ลใชบ้ ังคบั อยู่จรงิ ใน
บา้ นเมอื ง

▪ คาสง่ั ทางปกครองตอ้ งสอดคลอ้ งกับหลักไมม่ ีกฎหมายไม่มอี านาจ
▪ คาสง่ั ทางปกครองต้องออกโดยใชด้ ลุ พนิ ิจอย่างถกู ตอ้ ง
▪ คาสั่งทางปกครองต้องไม่กระทบสิทธิของผ้รู ับคาสัง่ จน “เกินสมควรแก่เหตุ”

27

▪ ขอ้ ความท่ัวไปเกี่ยวกับผลบงั คบั ใชข้ องคาส่งั ทางปกครอง
- เจ้าหน้าท่จี ะต้องแจ้งคาส่ังทางปกครองไปยังผู้รับคาสั่ง
- โดยคาส่งั ทางปกครองนัน้ เปน็ การปดิ กระบวนการพจิ ารณาเรือ่ งทางปกครองของฝา่ ยปกครอง และการแจ้งคาสั่งทางปกครองทาให้
คาส่งั ทางปกครองเริ่มมีผลบังคับทางกฎหมาย (ออกมาภายนอกฝ่ายปกครอง) ในทานองเดียวกับกฎหมายที่มีผลใช้บังคับเมื่อมีการ
ประกาศในราชกิจจานเุ บกษา คาส่ังทางปกครองกจ็ ะมีผลเม่อื ได้มีการแจง้ คาส่ังทางปกครองไปยงั ผ้รู บั คาสง่ั
- คาส่ังทางปกครองให้มีผลใช้ยันบุคคลตั้งแต่ขณะท่ีผู้นั้นได้รับแจ้งเป็นต้นไป (มาตรา 42 (พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.
2539)
- เม่อื มีกรณที ม่ี ีผ้ทู ี่เกีย่ วขอ้ งกับคาสง่ั ทางปกครองหลายคน เจา้ หน้าทต่ี ้องแจง้ คาส่งั ทางปกครองนั้นไปยังผทู้ ่เี ก่ยี วข้องทุกคน

28

1. การแจง้ คาส่งั ทางปกครองต้องกระทาโดยฝ่ายปกครองทมี่ อี านาจหนา้ ที่ในเรอ่ื งนน้ั และเป็นการแจง้ โดยเจ้าหน้าที่
ฝา่ ยปกครองในฐานะท่ีเป็นการปฏบิ ตั ิงานของฝา่ ยปกครอง
2. การแจ้งคาส่ังทางปกครอง ต้องแจ้งไปยังเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคาส่ังทางปกครองแต่ละคน (คาสั่งทาง
ปกครองเปน็ การแสดงเจตนาที่ตอ้ งการผ้รู ับการแสดงเจตนา)
3. กรณเี ป็นการแจ้งคาส่ังทางปกครองทางไปรษณีย์ ถือว่าผู้รับคาสั่งทางปกครองได้รับแจ้งคาส่ังทางปกครอง
เมื่อคาส่งั น้ันไปถึงผู้รับคาสง่ั ทางปกครอง เช่น ทอ่ี ยู่ ตจู้ ดหมาย โดยมพิ ักต้องพิจารณาว่า ผู้รับคาสั่งทางปกครอง
น้ันไดอ้ ่านหรอื ทราบคาสัง่ ทางปกครองนัน้ อย่างแทจ้ รงิ หรอื ไม่

29

▪ ในบางกรณี คาสง่ั ทางปกครองอาจไม่ได้แจ้งไปยงั เอกชนผู้รับคาส่ังรายใดรายหนง่ึ เป็นการเฉพาะ
แต่มีลักษณะเป็นการแจ้งไปยังบุคคลเป็นการทั่วไป เช่น การติดประกาศหรือการประกาศใน
หนงั สือพิมพ์เปน็ ตน้ การแจ้งคาส่งั ทางปกครองในลกั ษณะดงั กลา่ วมกั ใช้กบั “การแจ้งคาสง่ั ท่วั ไป
ทางปกครอง”

30

- คาส่ังทางปกครองท่เี จา้ หน้าท่ฝี ่ายปกครองออกมาเป็นจานวนมากในแต่ละวันน้ัน มีทั้งที่เป็นคาส่ังทางปกครองที่
ชอบดว้ ยกฎหมาย และคาสงั่ ทางปกครองทไ่ี ม่ชอบดว้ ยกฎหมาย
- การศกึ ษาเร่อื งคาสงั่ ทางปกครองท่ไี มช่ อบดว้ ยกฎหมายนั้น มแี งม่ ุมท่เี ปน็ สาระสาคญั อยดู่ ว้ ยด้วยกัน 2 ประการ

ก. กรณีที่ถือว่าคาสั่งทางปกครองน้ันๆ เป็นคาส่ังทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ชอบด้วย
กฎหมาย

ข. ผลทางกฎหมายของคาสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมอี ยา่ งไรบ้าง

31

1. ขอ้ พิจารณาประการสาคญั เกย่ี วกับความสมบูรณ์ของคาสั่งทางปกครอง
ก. คาส่ังทางปกครองทชี่ อบด้วยกฎหมายและไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย
ข. กาหนดเวลาท่ใี ช้ในการพจิ ารณาความชอบด้วยกฎหมายของคาสง่ั ทางปกครอง
ค. ความผดิ พลาดอยา่ งแจ้งชัดของคาสัง่ ทางปกครอง

2. ขอ้ พิจารณาเรอื่ งอานาจในการออกคาส่งั ทางปกครอง
3. ขอ้ พจิ ารณาเกย่ี วกับความชอบดว้ ยกฎหมายในเชิงรปู แบบของคาสงั่ ทางปกครอง
4. ขอ้ พจิ ารณาเก่ยี วกบั ความชอบด้วยกฎหมายในเชงิ เน้อื หาของคาสัง่ ทางปกครอง

32

ก. คาส่ังทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายและไมช่ อบด้วยกฎหมาย
ข. กาหนดเวลาทีใ่ ช้ในการพิจารณาความชอบดว้ ยกฎหมายของคาส่งั ทางปกครอง
ค. ความผดิ พลาดอยา่ งแจง้ ชดั ของคาสง่ั ทางปกครอง

33

- คาสงั่ ทางปกครองจะชอบด้วยกฎหมายกต็ ่อเม่อื เป็นไปตามข้อเรยี กรอ้ งของระบบกฎหมายทุกประการ
- และในความหมายนี้ คาสั่งทางปกครองจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย (หรือเป็นคาส่งั ทางปกครองท่ีบกพร่อง) ในกรณี
ทม่ี ีปญั หาความไม่สอดคลอ้ งกบั กฎหมายในเรือ่ งใดเรอ่ื งหน่ึง หรือแงม่ มุ ใดแง่มมุ หนึ่ง
- เป็นที่น่าสังเกตว่า ความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคาสั่งทางปกครองนั้นไม่ได้เกิดจากการใช้หรือการตีความ
กฎหมายท่ผี ดิ พลาดเท่านนั้ แตร่ วมถงึ กรณที ฝ่ี า่ ยปกครองสรุปข้อเทจ็ จริงหรือเขา้ ใจข้อเท็จจริงที่จะนามาปรับใช้กับ
กฎหมายผิดพลาดไปด้วย

34

1. ในกรณีเฉพาะเร่ืองเฉพาะราวนั้น เจ้าหน้าท่ีที่ออกคาสั่งทางปกครอง เป็นเจ้าหน้าท่ีท่ีมีอานาจ
หนา้ ทใี่ นเร่อื งน้นั
2. เป็นกรณีที่มีกฎหมายให้อานาจ และการใช้อานาจออกคาส่ังนั้นเป็นไปตามกระบวนการและ
รปู แบบทก่ี ฎหมายกาหนด
3. เมื่อคาส่ังทางปกครองน้ันมีเนื้อหาสอดคล้องหรือไม่ขัดแย้งกับกฎหมายต่างๆ ที่มีผลใช้บังคับ
อย่จู ริงในบา้ นเมอื ง

35

- ช่วงเวลาทีใ่ ช้พิจารณาตรวจสอบความชอบดว้ ยกฎหมายของคาส่ังทางปกครอง คือช่วงเวลาคือ
ช่วงเวลาท่ีได้มีการออกคาสั่งทางปกครอง ดังนั้นโดยหลักแล้ว เม่ือมีข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมาย
เปล่ียนแปลงไปภายหลังจากการออกคาสั่งทางปกครอง ก็จะไม่มีผลต่อความชอบด้วยกฎหมาย
ของคาสงั่ ทางปกครอง

36

- ปัญหาความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคาส่งั ทางปกครองนน้ั แตกตา่ งจากปัญหาเรอ่ื งความผิดพลาดอย่างชัดแจ้ง
ของคาสงั่ ทางปกครอง
- คาสงั่ ทางปกครองท่ีไม่ชอบด้วยกฎหมาย หมายถึง คาส่งั ทมี่ ีเนือ้ หาขดั กับกฎหมาย หรอื ข้นั ตอนตามกฎหมาย (มี
ผลทางกฎหมายแต่อาจถูกยกเลิกเพกิ ถอนภายหลังได)้
- คาสัง่ ทางปกครองท่ีมีความผิดพลาดหรอื ผดิ หลงอยา่ งชดั แจ้ง หมายถงึ คาสั่งทางปกครองท่ีมีเนื้อหาไม่ตรงกับ
เจตนาของฝ่ายปกครองผู้ออกคาสั่งอย่างชัดแจ้ง ตัวอย่างเช่น การพิมพ์ผิดพลาด การคานวณตัวเลขในคาส่ัง
ผดิ พลาด เปน็ ตน้
- ซึง่ คาสง่ั ทางปกครองทีม่ ลี ักษณะดงั กล่าวฝา่ ยปกครองสามารถเปลีย่ นแปลงแก้ไขให้ถกู ต้องได้ตลอดเวลา โดยไม่
ตอ้ งคานึงถึงการคุ้มครองความเชือ่ ถอื และไวว้ างใจของผรู้ บั คาสัง่

37

- การใช้อานาจในการออกคาสั่งทางปกครองของฝ่ายปกครองน้ันจะกระทาได้ก็ต่อเม่ือ เป็นกรณีท่ีมีกฎหมาย
กาหนดไว้เป็นการเฉพาะให้ฝ่ายปกครองใช้อานาจออกคาส่ังทางปกครองในเร่ืองน้ันได้ เมื่อมีข้อเท็จจริงอย่างใด
อย่างหนึ่งตามที่กฎหมายกาหนดเกิดขึ้น ดังน้ัน การออกคาส่ังทางปกครอง จึงเป็นการบังคับการให้เป็นไปตาม
กฎหมายรูปแบบหน่งึ น่นั เอง

38

ขอ้ พิจารณาประการน้ีเป็นขอ้ พิจารณาเกยี่ วกับการเกดิ ขึน้ ของคาสั่งทางปกครอง ซ่งึ เรยี กรอ้ งว่า ในแง่รูปแบบการ
เกดิ ขึน้ ของคาสง่ั ทางปกครองน้นั คาสง่ั ทางปกครองจะตอ้ ง

ก. ฝา่ ยปกครองทม่ี อี านาจหนา้ ทใี่ นเร่อื งนน้ั
ข. เปน็ คาสัง่ ทางปกครองทอี่ อกโดยถูกตอ้ งตามกระบวนการท่ีกฎหมายกาหนด
ค. เป็นไปตามแบบที่กฎหมายกาหนด
ง. รวมถงึ ในบางกรณี ฝ่ายปกครองตอ้ งให้เหตผุ ลในการออกคาสัง่ ทางปกครองน้ันๆ

39

1. คาสง่ั ทางปกครองต้องมเี น้ือหาสอดคล้องกบั กฎหมายทีใ่ ห้อานาจ (คาสั่งทางปกครองทาหน้าที่
บังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น) และต้องไม่ขัดต่อกฎหมายอื่นๆ ที่มีผลใช้บังคับอยู่ใน
บา้ นเมอื ง เชน่ พระราชบญั ญตั ฉิ บับอ่ืนๆ หรือรฐั ธรรมนญู
2. การออกคาสง่ั ทางปกครองจะต้องมกี ฎหมายใหอ้ านาจอยา่ งชดั แจ้ง
3. คาสง่ั ทางปกครองไมไ่ ด้เกิดจากการใช้ดุลพนิ ิจทผ่ี ิดพลาดของฝ่ายปกครอง
4. คาสงั่ ทางปกครองไม่ขัดกับหลักความพอสมควรแกเ่ หตุหรอื หลกั ความได้สดั ส่วน

40

ก. มโนภาพเบื้องต้นเกยี่ วกับความมผี ลทางกฎหมายของคาส่ังทางปกครอง
ข. ผลทางกฎหมายของคาส่ังทางปกครอง
ค. ผลทางกฎหมายของคาส่งั ทางปกครองทไี่ ม่ชอบด้วยกฎหมาย

41

ในเรื่องผลทางกฎหมายของคาสั่งทางปกครองน้ัน จะต้องพจิ ารณาถอ้ ยคาเหล่านี้แยกออกจากกนั
เสมอ

คาสงั่ ทางปกครองท่ชี อบด้วยกฎหมาย – คาสัง่ ทางปกครองท่ไี มช่ อบด้วยกฎหมาย
---------------------------

คาส่งั ทางปกครองท่ีมีผลทางกฎหมาย - คาสัง่ ทางปกครองท่ีไม่มผี ลทางกฎหมาย

42

ปัญหาความชอบด้วยกฎหมายของคาสง่ั ทางปกครอง คอื การพจิ ารณาวา่ คาสงั่ ทางปกครองนั้นมี
เนื้อหาสอดคล้องกับส่งิ ทร่ี ะบบกฎหมายเรียกรอ้ งหรอื ไม่ เมื่อใดก็ตามมีคาสั่งทางปกครองมีปัญหา
เรอื่ งความไมส่ อดคล้องกับกฎหมาย คาสง่ั ทางปกครองนั้นย่อมไมช่ อบดว้ ยกฎหมาย

43

- เมื่อระบบกฎหมายเรียกรอ้ งให้ดาเนินการของรฐั จะตอ้ งเป็นไปตามที่กฎหมายกาหนด การดาเนินการเช่น
ว่านน้ั ยอ่ ม “ไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย” เมื่อไม่ได้ปฏิบัติใหเ้ ป็นไปตามทีก่ ฎหมายเรยี กร้อง
- ดังนน้ั เมอื่ การออกคาส่ังทางปกครองไม่ได้เป็นไปตามท่ีระบบกฎหมายเรียกร้อง โดยหลักแล้วย่อมต้อง
ถอื ว่า คาสง่ั ทางปกครองนนั้ ไม่มีผลทางกฎหมายหรือเป็นโมฆะ
- อย่างไรก็ตามฝ่ายนิติบัญญัติสามารถกาหนดผลทางกฎหมายของคาส่ังทางปกครองท่ีไม่ชอบด้วย
กฎหมายเป็นอย่างอ่ืนได้ โดยเฉพาะการกาหนดให้คาสั่งทางปกครองมีผลใช้บังคับ แม้มีปัญหาความชอบ
ดว้ ยกฎหมาย โดยให้มีผลทางกฎหมายไปจนกวา่ องค์กรทม่ี ีอานาจ (ฝ่ายปกครองหรือศาลปกครอง) จะได้
ยกเลกิ เพกิ ถอนคาสง่ั ทางปกครองท่ีไมช่ อบดว้ ยกฎหมายนั้น

44

- ในกรณีของการยกเลิกเพิกถอนคาสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายน้ัน กฎหมายต้อง
กาหนดต่อไปดว้ ยวา่ การยกเลิกเพิกถอนนั้นมีเงือ่ นไขอยา่ งไร ต้องทาในช่วงเวลาใด และโดยองค์กร
ของรัฐองคก์ รใด

45

ก. การเรม่ิ มผี ลทางกฎหมายของคาสัง่ ทางปกครอง
- คาส่งั ทางปกครองนน้ั โดยหลักแล้วจะมีผลทางกฎหมายทนั ทที ่ีแจ้งไปยงั ผรู้ บั คาสง่ั เว้นแต่
จะเปน็ กรณีท่ีเห็นได้ชัดแจง้ วา่ เปน็ คาส่ังที่เป็นโมฆะเพราะขัดกับกฎหมายอย่างชดั แจง้
- เง่อื นไขของ “ความมผี ลทางกฎหมาย” ของคาส่ังทางปกครองนั้น ไม่ใช่ “ความชอบด้วยกฎหมาย” หากแต่เงื่อนไขของความมีผลทาง
กฎหมายของคาสั่งทางปกครองไดแ้ ก่ “การแจง้ คาสั่งทางปกครอง” และ “ความไมช่ อบด้วยกฎหมายอยา่ งชดั แจ้ง” เทา่ น้ัน
- การกาหนดเร่อื งผลทางกฎหมายของคาสงั่ ทางปกครอง เปน็ ไปตามหลกั การประกันความมั่นคงแหง่ นิตฐิ านะ
- ดังนน้ั ประชาชนและฝา่ ยปกครองมหี นา้ ทีป่ ฏิบัติตามคาส่ังทางปกครอง แม้จะมีความสงสัยเก่ียวกับความชอบด้วยกฎหมายของคาส่ัง
ทางปกครองกต็ าม

46

ข. ความส้ินสุดผลทางกฎหมายของคาสัง่ ทางปกครอง
1. คาสั่งทางปกครองสนิ้ ผลโดยการออกคาสั่งทางปกครองใหมย่ กเลกิ คาสั่งทางปกครองเดมิ
2. คาสง่ั ทางปกครองถกู ยกเลิกเพิกถอนโดยองค์กรท่ีมีอานาจวนิ ิจฉัยความชอบด้วยกฎหมายของ
คาสั่งทางปกครอง (ฝา่ ยปกครอง, ศาลปกครอง)

47

ค. การหนว่ งผลของคาสง่ั ทางปกครอง
คาสั่งทางปกครองซ่ึงโดยปกติจะมีผลทางกฎหมายทันที และก่อให้เกิดสิทธิแก่ฝ่ายปกครองท่ีจะ
บงั คบั ให้เป็นไปตามคาสั่งนัน้ แต่อยา่ งไรกต็ ามคาสั่งทางปกครองอาจถกู หน่วงผลทางกฎหมายไวไ้ ด้
ในกรณีท่ีมีกฎหมายกาหนดเอาไว้ เช่นกรณีการทุเลาการบังคับตามคาส่ังทางปกครองโดยฝ่าย
ปกครอง หรือการใช้วิธีการคุ้มครองช่ัวคราวระงับการบังคับตามคาสั่งทางปกครองโดยศาล
ปกครอง (ดูมาตรา 39 วรรค 2 (1) และ (2) พรบ. วธิ ปี ฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง)

48

ง. เงื่อนไขหรือเงอ่ื นเวลาในคาสง่ั ทางปกครอง
คาสั่งทางปกครองอาจไมไ่ ดม้ ผี ลทางกฎหมายทนั ที แตอ่ าจมผี ลทางกฎหมายตอ่ เม่อื เปน็ ไปตาม
เงอ่ื นไขหรอื เง่อื นเวลาทีก่ าหนดในคาสง่ั ทางปกครองกไ็ ด้

49

1. คาส่ังทางปกครองท่ีไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดแจ้ง มผี ลเป็น โมฆะ คอื ไมม่ ีผลทางกฎหมายมาต้งั แต่
2. คาสง่ั ทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเปน็ คาสง่ั ทางปกครองท่อี าจถูกโตแ้ ยง้ คัดคา้ นและถกู เพกิ ถอนได้
3. คาสั่งทางปกครองทไี่ มช่ อบดว้ ยกฎหมายในแง่กระบวนการออกคาสงั่ อาจถกู แก้ไขใหถ้ กู ตอ้ งในภายหลังได้ หรือ
ในกรณที ี่เหน็ ไดช้ ดั ว่าความไม่ชอบดว้ ยกฎหมายน้ันไม่มีผลสาคัญต่อการตัดสินในของฝ่ายปกครอง ก็ถือว่าคาส่ัง
ดังกลา่ วชอบด้วยกฎหมายหรือไมม่ คี วามบกพร่อง
4. คาส่ังทางปกครองที่ไม่ได้จดแจ้งสิทธิในการอุทธรณ์โต้แย้งไว้ในคาสั่งทางปกครองไม่ส่งผลต่อความมีผลทาง
กฎหมายของคาสง่ั แต่ส่งผลต่อกาหนดระยะเวลาอทุ ธรณ์โตแ้ ยง้ คาสงั่ ของผูร้ บั คาส่ัง

50


Click to View FlipBook Version